“สำหรับเขาแล้วอัศจรรย์ แต่สำหรับพวกเราแล้วไม่อัศจรรย์ ก็แค่เทตามคำสั่งของพระท่าน ว่าลงอะไรเท่าไร ? มีคนบอกว่า “หลวงพ่อนากวัดท่าขนุนผิวสวยมาก ขอสูตรหน่อย” อาตมาตอบไปว่า “ไม่มีสูตร ผมก็ไม่รู้ว่าสูตรอะไร ? เพราะว่าผมเทลงไปตามที่พระท่านบอก”
เพราะฉะนั้น..ที่ช่างเขาคำนวณไว้ว่าหลวงพ่อทองคำองค์นี้ใช้ทอง ๓๕ กิโลกรัม น่าจะมีผิดพลาด เพราะว่ารวมแล้วอาตมาใส่ลงไปเกินนั้น เนื่องจากว่าพอพระท่านบอก อาตมาก็ต้องเอาทองรูปพรรณทั้งหมดที่เตรียมไว้ ๓.๕ กิโลกรัมลงไปก่อน หลังจากนั้นก็เป็นทองแผ่น ทองแท่ง ทองก้อนอะไรพวกนั้น ปรากฏว่าเทแล้วเหลือชนวนด้านบนแค่หน่อยเดียว ก็แปลว่าถ้าไม่ใส่ลงไปเกิน ก็อาจจะมีขาด ส่วนฐานไม่เต็มเป็นแน่..! โดยเฉพาะพวกกรอบพระ พวกอะไรที่เป็นทองเปอร์เซ็นต์น้อย ถ้าใส่ลงไปแล้วเนื้อทองคำจะเป็นลาย แต่ถ้าใส่ไปตามสูตรของพระท่านแล้วจะไม่เป็น หลวงพ่อวัดท่าซุงเรียกพระท่านว่า “ดร. สรรพศาสตร์” ท่านรู้ทุกเรื่องจริง ๆ เพราะฉะนั้น...ถึงเวลาอาตมาก็ต้องกราบทูลถามพระองค์ท่าน “เอาอย่างไรดีครับ ผมอยากได้แบบนี้ สงสารโยมที่อุตส่าห์ทำบุญมา” ดังนั้น..การหล่อพระคราวนี้ จะชิ้นเล็กชิ้นน้อยแค่ไหน เราก็ใส่ลงไปจนหมด” |
พระอาจารย์กล่าวว่า การเข้ากรรมฐานเพื่อปลุกเสกวัตถุมงคลตลอดสามวัน ขนาดอาตมาเองยังโดนบังคับให้ภาวนา อันดับแรกเลยให้ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ก็คือบทสรรเสริญพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ต่อด้วยพระคาถาชินบัญชร เพื่อป้องกันสรรพอันตรายทุกอย่าง แล้วก็พระคาถาเงินล้าน วันละ ๔ รอบ รอบละ ๑๐๘ จบ แล้วหลังจากนั้นก็แล้วแต่ท่าน ว่าจะสั่งให้ภาวนาอะไร
อาตมาใช้เวลาภาวนาแต่ละรอบประมาณเกือบ ๒ ชั่วโมง หรือว่า ๒ ชั่วโมงกว่า แล้วแต่สมาธิว่าเข้าลึกหรือตื้น ถ้าสมาธิเข้าลึกไม่รู้ตัวก็นานหน่อย คำว่าเข้าลึกไม่รู้ตัวก็คือ ไม่รู้สึกว่าเข้าสมาธิลึก..รู้สึกแต่ว่ากำลังภาวนาคาถาอยู่ เมื่อสมาธิลึก ความรู้สึกของตัวเองไม่สะดุด แต่เวลาข้างนอกผ่านไปนานมาก |
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือสถานการณ์โลกไม่ดีมาก ๆ ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งสงครามการค้า ทั้งการก่อการร้าย ท่านทำภาพให้ดูว่า นอกจากเทวดาที่ดูแลเรื่องโรคระบาดชุดแดง ซึ่งตอนนี้แทบจะเต็มโลกแล้ว ยังมีชุดเขียวโผล่ขึ้นมาอีก ชุดเขียวนี่ดูแลเรื่องโรคระบาดสัตว์ ก็แปลว่าตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป จะมีโรคระบาดของสัตว์เพิ่มขึ้นมาด้วย แม้ว่าจะไม่มากมายเท่ากับโรคระบาดคน แต่ก็น่าคิดว่าชีวิตสัตว์จะต้องโดนทำลาย เพื่อสกัดกั้นโรคไม่ให้ระบาดอีกไม่รู้เท่าไร ต้องมีการสร้างเวรสร้างกรรมกันอีกมาก
ส่วนในเรื่องของการรบราฆ่าฟัน ท่านบอกว่ายักษ์หินนอกพุทธศาสนาที่จะลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากัน จนล้มตายไปฝ่ายละครึ่งตามพุทธทํานายนั้น เขาเริ่มลงมือกันแล้ว เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ดังนั้น..ถ้าหากว่าเป็นไปได้ในแต่ละวัน ให้พวกเราตั้งใจอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ภาวนานึกถึงภาพพระ หรือว่าวัตถุมงคลที่เราเคารพบูชา สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้องให้ได้อย่างน้อย ๓ จบ ขอให้คุ้มครองตัวเราและคนที่เรารักให้ปลอดภัยด้วย เรื่องบางอย่างถ้าอาตมาพูดมากเกินไป ก็จะตื่นตระหนกตกใจกัน เอาเป็นว่าสถานการณ์ทั้งในประเทศนอกประเทศไม่ดีเลย เช่นว่าน้ำท่วมเกือบตาย แต่ก็จะแล้งตามตูดมาทันทีทันใด ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ดู ๆ แล้วโลกเรากำลังวิปริตผิดเพี้ยนไปมาก เกิดจากการที่คนเราห่างศีลห่างธรรม เมื่อละเมิดศีลละเมิดธรรม กำลังฝ่ายต่ำมีมาก แม้แต่ดินฟ้าอากาศก็แปรปรวนไปหมด |
ถาม : ระหว่างการจับลมหายใจอย่างเดียว กับการเคลื่อนจิตไปรู้เห็น มีผลเหมือนกันไหมครับ ?
ตอบ : ทำวิธีไหนก็ได้ ถ้า รัก โลภ โกรธ หลง ไม่เกิด ก็ถือว่ามีผลทั้งนั้น ถาม : เวลาเกิดโทสะ โมหะ แล้วเราเพ่งกดลงไป ? ตอบ : วิธีที่ถูกต้องที่สุดก็คือ พิจารณาว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีแต่โทษ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ สร้างความเศร้าหมองให้แก่เรา เสร็จแล้วก็ตัด ก็ละ ก็วางลงไป ไม่อย่างนั้นเราก็ได้แต่ข่มไว้เป็นพัก ๆ เมื่อถึงเวลาสมาธิคลายออกมา กิเลสก็ตีกลับอีก |
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของมีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญที่สร้าง จันทร์เพ็ญในที่นี้ ก็คือจันทร์เต็มดวงสองครั้งภายในเดือนเดียวกัน เพราะว่าเดือนตุลาคมปีนี้มีวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ กับขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ อยู่ในเดือนเดียวกัน ที่ฝรั่งเรียกว่า Blue Moon
ปกติโบราณเขาถือว่า วันเพ็ญเดือนสิบสองเป็นวันที่พลังของดวงจันทร์สมบูรณ์บริบูรณ์ที่สุด ในเมื่อปีนี้มีพลังดวงจันทร์เดือนเดียวสองรอบด้วยกัน วันเพ็ญเดือนสิบสองเป็นจันทร์ที่สอง พลังของดวงจันทร์เป็นสองเท่า อาตมาเลยสร้างมีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญขึ้นมา เพื่อเข้าพิธีนี้โดยเฉพาะ มีดที่สร้างนั้น ความตั้งใจก็คือจะขอพระท่านว่า มีดหมอทั่ว ๆ ไปนั้นใช้งานลำบาก อยากได้มีดใช้งานทั่ว ๆ ไป ประเภทใช้งานหั่นผัก ผ่าฟืน ฟันโน่น ฟันนี่ได้ แล้วขณะเดียวกันก็เป็นมีดหมอได้ด้วย” |
“ก็เลยไปพบกับทางด้านคุณไก่ บ้านฆ้อง (คุณปริญญา นัทธี) ซึ่งรู้จักกับช่างหมูที่เป็นช่างตีมีด มืออันดับต้น ๆ ของประเทศ อยู่ที่ห้วยกระบอก กาญจนบุรีนี่แหละ ขอให้ไปติดต่อให้ช่างหมูช่วยตีมีดให้
เวลาช่างหมูตีมีด ถ้าเป็นเหล็กลาย ช่างหมูจะตีด้วยเหล็กถึง ๓๑๕ ชั้น แม้ว่าจะยากและแพงหน่อย แต่ว่าทำมือทุกเล่ม ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะทำขนาด ๑๑ นิ้ว กับ ๙ นิ้ว ตามตำราของหลวงพ่อเดิม แต่พอเขาทำตัวอย่างมาให้ดู ๑๑ นิ้ว ใหญ่เกินไปสำหรับคนทั่วไป น้ำหนักมาก พกพาลำบาก ๙ นิ้วก็รู้สึกว่าจะยาวเกินไป พกพาลำบากเช่นกัน จึงมาลงตัวที่ขนาด ๗ นิ้ว ด้วยความที่มีผู้ถวายไม้พะยูงเอาไว้ตั้งแต่สมัยที่สร้างพระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราช จึงเอาไม้พะยูงตรงนี้มาใช้งาน ทำเป็นด้ามและฝัก แต่คราวนี้ด้วยความที่ว่าเป็นมีดตีด้วยเหล็กลาย ๓๑๕ ชั้น และทำมือทุกเล่ม ก็เลยไม่ยาว ๗ นิ้วเป๊ะ ๆ เท่ากันทุกเล่ม แต่จะมี ๗ นิ้วเกินนิดหน่อย บางเล่มก็เกินเป็นเซนติเมตรเลย คราวนี้เมื่อประกอบเข้าไปแล้วปรากฏว่า มีดที่ส่งมามีสมบูรณ์จริง ๆ แค่เล่มตัวอย่าง ๑๑ นิ้ว ๑ เล่ม ตัวอย่าง ๙ นิ้ว ๑ เล่ม ตัวอย่าง ๕ นิ้ว ๕ เล่ม แล้วก็เล่มสมบูรณ์ที่ทำเพิ่มมาอีก ๔๑ เล่ม นอกนั้นส่งมาเข้าพิธีแค่ใบมีดเท่านั้น คือขอให้ได้เข้าพิธีไว้ก่อน” |
“ใครที่ได้มีดลูกพราหมณ์รุ่นนี้ไป เวลาจะใช้งาน ยกมือไหว้พระ ขอขมาท่านก่อน แล้วก็ใช้งานไปตามปกติได้เลย แต่ว่าต้องขยันหมั่นทำความสะอาด เพราะว่าเหล็กลายตีจากเหล็กปกติ เพียงแต่ซ้อนกันหลายชั้น เผลอเมื่อไร สนิมจะกินได้ ดังนั้น..มีดชุดนี้จะเป็นมีดที่ใช้งานได้เต็มที่ เพราะว่าตั้งใจทำมาเพื่อให้ใช้งาน
สำหรับมีดหมอโบราณ คนทั่วไปก็ใช้งานกันเป็นปกติอยู่แล้ว เท่าที่อาตมาเจอ ไม่ว่าจะเป็นมีดหมอหลวงพ่อรุ่ง มีดหมอหลวงพ่อเดิม มีดหมอหลวงพ่อกวย มีดหมอหลวงปู่ทองเฒ่า มีดหมอหลวงปู่ยิ้ม ทุกเล่มคมกริบทั้งนั้น แสดงว่าของโบราณเขาทำมีดหมอมาเพื่อให้ใช้งานจริง ๆ แต่ด้วยความที่สายเราเคารพพระเป็นปกติ พอถึงเวลาเห็นมีพระ มีอักขระเลขยันต์อยู่ ก็จะไม่กล้าที่จะเอาไปใช้งานทั่วไป มีแต่อาตมาที่บ้า ๆ บอ ๆ จึงกล้าใช้งาน ไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา คราวนี้ก็เลยขอทำแบบที่ไม่มีรูปพระ มีแต่โค้ดตอกให้รู้เท่านั้น” |
ถาม : อยากจะขอบูชามีดลูกพราหมณ์ครับ ?
ตอบ : ต้องรอ..ไม่รอก็ไม่ได้..หมด คงต้องไปตบตีกันในเว็บแล้ว ตอนนี้เขากำลังทำให้ ประกอบได้ประมาณอาทิตย์ละ ๒๐ เล่มเท่านั้น ช้าตรงที่ต้องถักหวายรัดปลอก ค่าถักหวายเล่มละ ๒๕๐ บาท..! ถาม : แค่ห้าเส้นนั่นหรือครับ ? ตอบ : เออ..! แล้วห้าเส้นนั้นคุณทำได้ไหม ? ถาม : ไม่ได้ครับ ? ตอบ : ถักอย่างไรต้องให้พอดีเป๊ะ ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย รู้จริงสิ่งเดียวอาจ................มีมั่ง เลี้ยงชีพช้าอยู่ร้อย..............ชั่วลื้อเหลนหลาน คนหนึ่งตีใบมีด คนหนึ่งทำด้ามมีด คนหนึ่งทำฝักมีด คนหนึ่งทำหวายรัดฝักมีด อีกคนหนึ่งทำปุ่มล็อคด้ามและกั่น เป็นงานทำมือทั้งนั้น ปุ่มล็อคกับปลายกั่นต้องค่อย ๆ เทหยอดทีละอัน |
ถาม : ผมจะไปจีน ?
ตอบ : ไปจีนตอนนี้นะ..มั่นใจมากเลยนะว่าจะรอด..! ไปเมืองไหน ? ถาม : ไปอู่ฮั่นครับ ? ตอบ : เอาเลย...อาราธนาพระอย่างเต็มที่ มีกี่องค์ขนไปให้หมดเลย สุดยอดมาก..ไปอู่ฮั่น..! |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่รอมีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญอยู่ ก็ต้องรออีกสักระยะหนึ่ง เพราะว่าทุกอย่างทำด้วยมือ อย่างเช่นว่าฝัก ด้าม ปลอกมีด หวายรัดปลอก แม้กระทั่งใบมีด ในเมื่อตีด้วยมือทุกอัน จากที่กำหนดไว้ว่ายาว ๗ นิ้ว ก็จะเกินนิดเกินหน่อย แต่บางอันก็ไม่หน่อยละ บางอันเกินไปเป็นเซนติเมตรเลย คือคนทำเสียดายเหล็ก ไหน ๆ ก็ตีออกมาแล้วแล้ว ขึ้นรูปเป็นมีดแล้วก็เลยไม่ทิ้ง
อีกอย่างหนึ่ง จันทร์เพ็ญเดือนหนึ่งมี ๒ เพ็ญ..หายาก ที่หายากมากเพราะว่าเป็นวันเพ็ญเดือน ๑๒ ที่โบราณเขาถือว่าสมบูรณ์บริบูรณ์ที่สุด อาตมาตั้งใจทำมาเข้าพิธีด้วยจุดประสงค์นี้อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือตั้งใจให้ไว้เป็นมีดใช้งานติดตัว จะไปงัดแงะไปตัดไปฟันอะไรก็ได้ทั้งนั้น ถ้าแรงดีอย่างอาตมา ใช้เล่ม ๑๑ นิ้ว อย่างที่อาตมาใช้อยู่นี่ ต้นไผ่โดนพายุพัดล้มทับทาง ลงไปจ้วงไม่กี่ทีก็หมดกอเลย ลำหนึ่งฟันอย่างเก่งก็ ๒ ที อาตมาข้อแข็งไปหน่อย ไม้ไผ่ลำเท่าแขน ฟัน ๒ ที แต่เสียดายว่า ๑๑ นิ้ว เล่มใหญ่แล้วสันหนามาก น้ำหนักมาก พกยาก อาตมาก็เลยทำเล่มตัวอย่างขึ้นมาเล่มเดียว ส่วน ๙ นิ้ว เขาตีมา ๑๑ เล่ม เล่มตัวอย่างตอกโค้ด ๑๖ แห่ง ถวายให้ครูบาวิฑูรย์ไปในวันออกนิโรธกรรม ส่วนที่เหลือกำลังรอเข้าด้ามอยู่ ปัจจุบันนี้ก็คือรอประกอบชิ้นส่วน เพราะว่าการถักหวายนั้น วันหนึ่งก็ได้แค่ประมาณ ๒๐ อันเท่านั้น ปลอกมีดหนึ่งอัน ถักหวาย ๕ เส้น ค่าถัก ๒๕๐ บาท ทำด้วยมือทุกอย่าง ประณีตทุกอย่าง ราคาแพง เฉพาะต้นทุนอย่างเดียว ประมาณ ๕,๐๐๐ กว่าบาท เพราะว่าด้ามและฝักเป็นไม้พะยูงที่ราคาแพง บ้านเราก็แปลก ไม้หวงห้าม..ถ้าเป็นไม้แผ่นไม้ท่อนผิดกฎหมาย แต่ถ้าทำมาเป็นของใช้แล้วไม่ผิด กฎหมายอะไรวะ ? ก็เลยปล่อยให้เขาไปเสี่ยงดวงหาไม้กันเอง วันไหนกำนันโดนจับ อาตมาจะไม่แปลกใจเลย กำนันเจ้าของถิ่นเขาเป็นคนจัดการให้" |
ถาม : หลานสาวอยู่ออสเตรเลีย ปลอดภัยไหมคะ ?
ตอบ : อยู่ที่ไหนในโลกก็ไม่มีใครรับรองความปลอดภัยให้หรอก มีทางเดียวก็คืออยู่กับพระไว้ก่อน |
ถาม : แผ่นยันต์เลเซอร์กันกัมมันตรังสีได้ไหมคะ ?
ตอบ : ต้องลองเอาไปใช้ดู ถาม : ควรจะไปเลี่ยมแล้วแขวนคอหรือเปล่าคะ ? ตอบ : กลืนลงท้องไปเลยก็ได้ จะได้ไม่หล่นหาย..! ตัดสินใจเอาเองสิว่าจะทำอย่างไร..! |
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมเด็จองค์ปฐมที่เป็นลอยองค์ด้านหลังท้าวเวสสุวรรณ ต้องบอกว่ากึ่งลอยองค์ อาตมาอนุญาตให้ทางคณะกรรมการจัดหาทุนสร้างพิพิธภัณฑ์พัดยศแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และสร้างหลวงพ่อทองคำวัดไตรมิตรฯ องค์จำลอง สร้างในนามของวัดท่าขนุน อาตมาไปเสกให้ ๓ รอบ คราวนี้เมื่อปิดโครงการ ท่านก็นำส่วนที่เหลือเล็กน้อยมามอบให้กับทางวัดท่าขนุน โดยระบุมาว่าร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี
ฉะนั้น..ญาติโยมที่ทำบุญรายการนี้ให้รู้ว่า เรามีอานิสงส์ของวิหารทาน คือสร้างวิทยาลัยสงฆ์ อานิสงส์ของธรรมทาน คือวิทยาลัยสงฆ์ย่อมเป็นที่สอนหนังสือแก่พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งฆราวาสที่เรียนร่วมด้วย มีอานิสงส์ในเรื่องของธรรมทาน คือสร้างพิพิธภัณฑ์พัดยศแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีอานิสงส์พุทธบูชาและสร้างพระพุทธรูป ก็คือสร้างพระพุทธรูปทองคำประจำพิพิธภัณฑ์ ขอให้ท่านทั้งหลายได้รับบุญส่วนนี้โดยทั่วหน้ากัน” |
ถาม : ยังมีให้บูชาที่วัดไตรมิตรฯ ?
ตอบ : ไม่มี...เพราะว่าเมื่อวานนี้ทางวัดไตรมิตรฯ ส่งข้อความมาบอกว่า “หลวงพ่อครับ ขอเนื้อเงินคืน ๑ องค์ จะนำไปถวายท่านเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ที่ไปเยี่ยมวัด” ...(หัวเราะ)... เขาโกยมาให้เราจนหมดแล้วจริง ๆ |
พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมท่านหนึ่งว่า “สามารถภาวนาในท่ามกลางความวุ่นวายได้ โดยที่กำลังใจไม่ส่งส่ายตามภายนอก รู้ลมหายใจเข้าออกตลอดเวลา หูได้ยินเสียงเป็นปกติ เขาเรียกว่า ปฐมฌาน
ถ้าหูได้ยินเสียงเบาลง ลมหายใจเบาลง เขาเรียกว่า ทุติยฌาน หรือฌานที่สอง ถ้าฌานที่สามนี่จะไม่เอาข้างนอกแล้ว กำลังใจรวบเข้ามารวมกัน บางทีรู้สึกตัวแข็งทื่อ หรือว่ารู้สึกเหมือนกับโดนมัดจนตึงเลย หรือไม่ก็รู้สึกเหมือนโดนใครสาปเป็นหิน แบบนี้เป็นอาการของฌานที่สาม ถ้าหากว่าตัดเหลือแต่ข้างหน้าบริเวณใดบริเวณหนึ่ง สว่างเหมือนอย่างกับพระอาทิตย์ยามเที่ยง ไม่รับรู้อาการภายนอก ไม่ได้ยินไม่ได้เห็นทั้งสิ้น คืออาการของฌานสี่ แต่เป็นฌานสี่ในการฝึก ถ้าเป็นฌานสี่ใช้งานสามารถรับรู้ข้างนอกทุกอย่าง แต่สภาพจิตดิ่งลึกมาก ภาวนาคาถาเงินล้านหนึ่งจบอาจจะใช้เวลา ๒-๓ ชั่วโมง โดยที่สภาพจิตต่อเนื่องไม่ขาดเลย เรื่องพวกนี้ถามอาตมาได้ เพราะว่าฝึกซ้อมอยู่หลายปี” |
พระอาจารย์กล่าวว่า “ระมัดระวังด้วย..โควิดกำลังระบาดแรง อย่าลืมว่าตอนนี้ของเราเป็นการแพร่ระบาดภายในแล้ว รายคนอินเดียที่จังหวัดกระบี่นั้นติดเชื้อในบ้านเราเอง ประมาทไม่ได้แล้วนะ ต้องระมัดระวังเอาไว้ เพราะว่าถ้าหากว่าติดเชื้อ ไม่ใช่แต่เราเท่านั้น คนรอบตัวเราจะซวยไปด้วย..!”
|
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จะมีการภาวนาพระคาถาเงินล้าน แต่คราวนี้ด้วยความที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ กำลังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทางคณะกรรมการผู้จัดจึงมาขออนุญาตว่า จะไม่จัดที่หอประชุมใหญ่ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย แต่จะขออนุญาตจัดภาวนาออนไลน์แทน
อาตมากำลังตัดสินใจว่า จะเป็นที่บ้านเติมบุญแห่งนี้ หรือว่าจะเป็นที่วัดท่าขนุนดี แต่ใจอาตมาคิดว่าวัดท่าขนุนน่าจะสะดวกกว่า เพราะว่าถ้าโยมไปร่วม อย่างน้อยศาลาก็รับได้เป็นพัน ถ้าหากว่าโยมไม่ได้ไปร่วมก็ภาวนาออนไลน์ พระที่ไปร่วมพิธีก็ได้นั่งกันสะดวก กำลังรอการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ตอนระยะเวลาใกล้เคียงจะแจ้งให้ทราบ” |
ถาม : (ทิดที่บวชหมู่รีบสึกออกมา) ทำใจไม่ได้ หลวงพ่อไม่อยู่วัด เหงา...ต้องมาหาหลวงพ่อ ?
ตอบ : ถ้ายังมัวแต่เกาะหลวงพ่ออยู่ ก็เอาตัวไม่รอด พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เราต้องมีตัวเองเป็นเกาะ เราต้องมีตัวเองเป็นฝั่ง เราถึงจะสามารถที่จะข้ามกระแสเข้าสู่พระนิพพานได้ มัวแต่เกาะหลวงพ่ออยู่ก็ไปไม่รอดสิวะ..! |
ถาม : อยากจะละเรื่องความพอใจในเรื่อง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ควรจะปฏิบัติอย่างไรคะ ?
ตอบ : หนึ่ง..อสุภกรรมฐาน สอง..กายคตานุสติกรรมฐาน เลือกเอาว่าถนัดแบบไหน อสุภกรรมฐานก็พิจารณาซากศพ จะได้เห็นชัด ๆ กายคตานุสติกรรมฐานก็ดูที่ตัวเรา ภายในภายนอกมีอะไรสะอาด ? มีอะไรดีจริงบ้าง ? ถ้าเห็นชัดเจน กำลังใจเบื่อ..ก็ละได้ไปเอง ถาม : เคยปฏิบัติตามที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านแนะนำเรื่องกายคตานุสติกรรมฐาน แต่ว่าจิตยังไม่ค่อยมั่นคง ยังหลุดไปบ่อย ๆ ก็เลยยังมีความยินดียินร้าย ? ตอบ : ทำให้มากขึ้น รักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่องขึ้น วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง เราทำได้กี่นาที ? ถาม : ตอนนี้อยู่บ้าน ไม่ได้ทำงาน ก็พยายามทำต่อเนื่องค่ะ แล้วถือศีล ๘ ด้วยค่ะ ? ตอบ : ทำไปเรื่อย ๆ เมื่อความชัดเจนมีมากขึ้น กำลังใจจะค่อย ๆ ปลดออกมาเอง ถาม : เราเลือกแค่หมวดใดหมวดหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นอสุภกรรมฐานก็ได้ใช่ไหมคะ ? ตอบ : ไม่จำเป็น ถ้าหากว่าทำเป็น ก็ใช้ได้ทั้งหมด แต่เพียงแต่ว่าพวกเรามีข้อบกพร่องใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง ก็คือทำไม่ต่อเนื่อง พอถึงเวลา เราก็ทิ้งเลย ไม่เคยรักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่องไว้ทั้งวัน กิเลสก็ตีกลับ ถาม : ก็คือให้พิจารณากายคตานุสติกรรมฐานทั้งวันเลยใช่ไหมคะ ? เช้ามีพุทโธอยู่ในใจแล้ว พิจารณาอาการ ๓๒ ทั้งวันใช่ไหมคะ ? ตอบ : อันดับแรกเลย รักษาความรู้สึกอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกให้ได้ก่อน ถ้าความรู้สึกอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้นานเท่าไร กำลังใจก็ห่าง รัก โลภ โกรธ หลง มากเท่านั้น แล้วหลังจากนั้น พอกำลังใจห่าง รัก โลภ โกรธ หลง ความผ่องใสเกิดขึ้น เราก็ค่อยไปพิจารณา ถาม : ปกติก็ทำอย่างนั้นอยู่ค่ะ นั่งสมาธิก่อน แล้วก็ภาวนาพุทโธไป พอจิตถอยลงมาก็พยายามคิดถึงกายคตาฯ แต่ว่าอย่างที่หลวงพ่อบอก ยังไม่ค่อยต่อเนื่องค่ะ ? ตอบ : สำคัญที่สุดก็คือทุกเวลาที่เห็น จะต้องดึงเข้ามาหาตรงนี้ให้ได้ ไม่ใช่ว่าเห็นเฉพาะตอนเรานั่งกรรมฐาน ที่เราไปเห็นตอนนั่งกรรมฐาน เห็นตอนนึก ถือว่าของปลอม ของจริงก็คือไอ้ที่ทิ่มตาเราอยู่นี่ ถ้ามองไป ยังเห็นเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นหญิง เป็นชายอยู่ กิเลสก็ตีตายแล้ว ถาม : จะขอไปปฏิบัติกรรมฐานที่วัดได้ไหมคะ ? ตอบ : ที่โน่นอนุญาตให้อยู่แค่ ๗ วันเท่านั้น สถานที่ไม่ได้สำคัญ สำคัญตรงที่เราทำจริงหรือเปล่า ? ทำจริงแล้วทำต่อเนื่องหรือเปล่า ? ทำต่อเนื่องแล้วรักษาอารมณ์ได้หรือเปล่า ? ไม่ใช่ว่าลุกขึ้นแล้วก็หายหมด |
ถาม : ถ้ารับวัตถุมงคลไป แล้วนำไปขายบวกราคา ทำได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้ามีคนเขาซื้อก็ทำไปเถอะ จะบวกสักกี่ล้านทางวัดก็ไม่ได้ห้ามไม่ได้หวง พอซื้อไปก็เป็นของเรา แล้วแต่เราจะจัดการ เมื่อวานเขาเพิ่งจะเหมาแผ่นยันต์เกราะเพชรเนื้อเงินไปหนึ่งล้านบาท ความจริงเขาจะเอาล้านห้าแสนบาท แต่มีให้เขาแค่นั้น อาตมาบอกแล้วว่ายันต์เกราะเพชรโลหะนั้น ตั้งใจทำเอาไว้ให้นำไปหล่อพระ |
พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลทั้งหมดเอาไปเข้าพิธีกรรมฐาน ๓ วันมาแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาถาม อาตมาอุตส่าห์โกยไปเข้าทั้งหมดนั่นแหละ
ถ้าใครบูชาไป หาซองใส่ เขียนให้ดี ไม่อย่างนั้น ลูกหลานจะแยกไม่ออก เพราะว่าบางส่วนก็บูชาไปแล้วโดยที่ไม่ได้เข้าพิธีกรรมฐาน ๓ วัน เพราะว่าของบางอย่างออกมาตั้งหลายปีแล้ว" |
ถาม : ถ้าจะย้ายตี่จู้เอี๊ย ต้องทำอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ก็ทำแบบจีน จุดธูปเทียนบอก ถวายน้ำชา ถวายเหล้า ถวายโหงวก้วย (ผลไม้ ๕ อย่าง) ซาแซ (เนื้อสัตว์ ๓ อย่าง) ธรรมเนียมใคร ธรรมเนียมมัน ย้ายแบบจีนนั้นย้ายง่าย แค่หาวันเท่านั้น ไปดูวันจีนก็แล้วกัน เชื่อเถอะ..ประเทศไทย ๙๐ เปอร์เซนต์มีทั้งนั้นแหละ เป็นเชื้อสายลูกหลานจีนมาแทบทั้งนั้น |
ถาม : พระคาถาที่รักษาโรค ผมฟังจากไฟล์เสียงของหลวงพ่อฤๅษีฯ ที่หลวงพ่อท่านเทศน์ไว้ "ทุกขา ทุกขัง สุปติฏฐิตัง สัมปฏิจฉามิ" ?
ตอบ : เรื่องของคาถาจะผิดจะถูก อยู่ที่เรามั่นใจ ถาม : ต้องมีคำว่า "สุ" ไหมครับ ? ตอบ : ก็บอกแล้วว่าจะผิดจะถูกอยู่ที่เรามั่นใจ ต่อให้ถูก ถ้าหากว่าเราไม่มั่นใจ ก็ไม่ได้ผล คาถาเป็นบาทของอภิญญา คนทำต้องมั่นใจชนิดมอบกายถวายชีวิต ไม่มีลังเลสงสัยอะไรทั้งสิ้น อาตมาเองท่องคาถาบางบทผิด ๆ มาทั้งชีวิต แต่ก็ได้ผลดี |
พระอาจารย์กล่าวว่า "บางทีอะไรที่ต้องรอให้เราตัดสินใจคนเดียวก็ลำบาก"
ถาม : ทำไมครับ ? ตอบ : เรื่องที่ควรจะตัดสินใจกันเองได้ แต่ก็ไม่มีใครตัดสินใจ ถาม : เพราะไม่มีใครอยากผิดไหมครับ ? ตอบ : น่าจะประมาณนั้น เพราะฉะนั้น..อาตมาไม่แปลกใจเลย สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง หลวงพ่อท่านถึงได้เรียกใช้อยู่คนเดียว เพราะว่าอะไรถ้าเห็นว่าเป็นไปได้ แล้วไม่มีอะไรเสียหาย มีประโยชน์ต่อส่วนรวม อาตมาตัดสินใจทำเองเลย โดยไม่ต้องรอให้ท่านสั่ง |
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์อาตมาจะไปตระเวนดูงานเกี่ยวกับสินค้าชุมชนทางด้านภาคอีสานและภาคเหนือ มีหลายแห่งเขาทำได้ดีมาก ต้องเอามาให้พวกเราปรับปรุงกัน ที่ว่าทำได้ดีมากก็คือ ระบบการผลิตและจัดจำหน่ายของเขาครบวงจรเลย"
|
พระอาจารย์กล่าวสอนโยมท่านหนึ่ง "อย่าขี้โมโหแล้วทุกอย่างจะดีเอง บอกให้แค่นี้แหละ"
|
ถาม : ที่บ้านจะตัดไม้ใหญ่ ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นไม้มีแก่นก็ตั้งศาลให้เขา ถาม : ถ้าหากว่าตัดแค่กิ่งอย่างเดียว..ไม่โค่น ? ตอบ : ถ้าอย่างนั้น แค่จุดธูปบอกกล่าว ขออนุญาตเขาก็พอ |
พระอาจารย์กล่าวกับโยม "ใจเย็น ๆ อายุยังน้อยอยู่ ยังมีเวลาทุกข์อีกเยอะ อย่าเพิ่งรีบกลุ้มรีบทุกข์ เห็นไหมว่าเด็กคลอดออกมาก็ร้องไห้แล้ว รู้ว่าเจอทุกข์หนักแน่ แต่ว่าส่วนใหญ่ พวกเราไม่ค่อยจะรู้กัน
คนเราอยู่ได้ ถ้ายังมีอายุ มีไออุ่นก็คือปราณ มีวิญญาณก็คือประสาทความรู้สึก ฉะนั้น...จะเห็นว่าคนแก่ ประสาท ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เสื่อมหมด ถึงเวลาถ้าหากว่าหมดอายุ...ตาย หมดปราณคือพลังชีวิต...ตาย หมดวิญญาณ ที่เขาเรียกวิญญาณาหาร อาหารทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ตายเหมือนกัน" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันศุกร์ ส่วนที่เขาขอบูชาไปมากที่สุดก็คือ แผ่นยันต์เกราะเพชรเนื้อเงินแผ่นใหญ่ เพราะว่านอกจากมีอานุภาพยันต์เกราะเพชรแล้ว ท่านยังเพิ่มมหาสะท้อนให้ด้วย เท่ากับ "ทูอินวัน" ก็ต้องบอกว่าเขาคงตั้งใจจะกักตุนเลย ขอบูชาไปคนเดียว ๑,๕๐๐ แผ่น เขามีเงินก็ปล่อยเขาทำไปเถอะ เราเองก็บูชา ๕ แผ่นแข่งกับเขา คุณมีเท่าไร ไม่เป็นไร..เรามีเหมือนกัน
แผ่นละ ๑,๐๐๐ บาท ลองเอา ๑,๕๐๐ คูณ เป็นเงินเท่าไร ? คนเดียวแบกเงินสดมาหนึ่งล้านห้าแสนบาท..! แต่ว่าระยะหลัง บรรดาเซียนพระ ถึงวัดเราไม่หากินกับเขา เขาก็หากินกับวัดเรา ส่วนใหญ่แล้วเซียนพระจะไปขอสร้างวัตถุมงคลของวัดนั้น ๆ แล้วแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กับทางวัด อย่างเช่นว่าหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน ปีนี้ปีเดียวออกวัตถุมงคลประมาณ ๓๐๐ รุ่น..! ก็คือที่โน่นขอสร้าง ที่นี่ขอสร้าง ท่านเมตตาก็อนุญาตไปเรื่อย แต่คราวนี้ทางวัดท่าขนุน ถ้าพระท่านไม่อนุญาต เราจะไม่สร้าง ต่างกันตรงนี้ ก็เลยทำให้เซียนพระหากินไม่ได้" |
พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงพ่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำอยู่บนหิ้งพระ ถ้าคิดว่าแบกไหวก็ลองดู ไม่กี่สิบกิโลกรัม ...(หัวเราะ)... เพราะว่าไม่สามารถที่จะหล่อกลวงได้ก็ต้องตันทั้งองค์ไปเลย
ใครไม่มีธุระอะไรก็นั่งสวดมนต์ถวายหลวงพ่อทองคำไป โดยเฉพาะสวดพระคาถาเงินล้าน หรือว่าอยากจะถ่ายรูปกับหลวงพ่อทองคำใกล้ ๆ ก็เอาเลย เดี๋ยวถ้าอัญเชิญไปวัด ประดิษฐานอยู่บนมณฑปก็ถ่ายยากอีก” |
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่สวดพระคาถาเงินล้านถวายพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ “ดูสิว่าจะได้กี่จบ ? ท่องเผื่อคนอื่นด้วย เรายิ่งตัดโลภได้เท่าไรก็ยิ่งรวยมากเท่านั้น
อย่างตอนเจริญกรรมฐาน ๓ วัน พระท่านสั่งให้อาตมาภาวนาพระคาถาเงินล้านวันละ ๔ รอบ รอบละ ๑๐๘ จบ จึงภาวนาเผื่อคนทั้งโลก ใครโมทนาก็มีส่วนไปด้วย ของอาตมาเองไม่เอาคนเดียว เพราะว่ากำลังใจยิ่งเปิดกว้างเท่าไร อานุภาพวัตถุมงคลก็ยิ่งสูงเท่านั้น ต้องเป็นกำลังใจที่ประกอบไปด้วยพรหมวิหารสี่อย่างเต็มเปี่ยม ปราศจากความเห็นแก่ตัว มองเห็นสรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เราอยากดี อยากมีความสุข อยากร่ำรวยอย่างไร คนอื่นเขาก็อยากแบบนั้น แล้วตั้งใจแผ่เมตตา ภาวนาพระคาถาไป บางคนเขาว่า หลวงพ่อทำอย่างไรถึงได้เงินทองไหลมาเทมา ? อ๋อ...ทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อคนอื่นเป็นการส่งออก กระแสจะไม่ตกค้าง จึงหมุนเวียนรวดเร็วมาก ในเมื่อหมุนเวียนรวดเร็วมาก เข้าเร็วออกเร็ว ของใหม่ก็ไหลตามมา ก็เลยกลายเป็นเงินทองไหลมาเทมา เคล็ดลับพวกนี้เราต้องเข้าถึงจริง ๆ ไม่ใช่อาตมาบอกแล้ว พวกเราไปทำตามแล้วจะได้เลย กำลังใจต้องได้ด้วย ไม่ใช่รู้ว่า อ้อ..ต้องทำอย่างนี้ ถ้ารู้แค่ว่าทำอย่างนี้แล้วไม่มีประโยชน์ เพราะว่ากำลังใจยังไม่ได้” |
พระอาจารย์กล่าวว่า “ไม่ต้องถามหาวัตถุมงคลที่เจ้าอาวาสนะ หลายต่อหลายคนบอกว่า ที่อื่นหมดแต่เจ้าอาวาสต้องมี เพราะว่าวัดอื่นอย่างน้อยเจ้าอาวาสต้องเก็บไว้เป็นลัง ขออภัย..วัดท่าขนุนไม่เก็บ ...(หัวเราะ)...”
|
พระอาจารย์พูดถึงเหรียญสมเด็จองค์ปฐมลอยองค์หลังท้าวเวสสุวรรณ “ที่อาตมากล้าตัดราคาของทางวัดไตรมิตรฯ ลงมา เพราะว่าของที่วัดเขาไม่มีแล้ว ถ้าเขายังมีอยู่ เราไปทำอย่างนั้นเขาก็ตายเลย ในเมื่อเขาขนของที่เหลือมาให้ที่นี่ เพื่อที่จะออกรุ่นใหม่ คือพระกริ่งมหาชัยยศ กับเหรียญพัดยศหลวงพ่อสมเด็จฯ หลังท้าวเวสสุวรรณ เพื่อไม่ให้บัญชีสับสน ส่วนที่เหลือนี้เขาก็เลยถวายวัดท่าขนุนมา ก็ถือว่าเป็นการดี เพราะว่าเราไม่ต้องไปสร้างวัตถุมงคลเอง ได้เท่าไรเราก็กำไรเท่านั้น”
|
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่ง “ทำไมใจเดียวกับอาตมา..เลือกท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ ? ก็คืออาตมาเป็นประเภทเอาปลอดภัยไว้ก่อน พระพุทธเจ้าเหมือนกับในหลวง ท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณเหมือน ผบ.ทบ. เราเทิดในหลวงไว้เหนือเศียรเหนือเกล้า มี ผบ.ทบ.ติดตัว ไปไหนก็ปลอดภัย ...(หัวเราะ)... เพราะฉะนั้น..อาตมาก็เลยพกเหรียญท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณเป็นปกติ
ก็คือเหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท้าวเวสสุวรรณเนื้อเงินนั่นแหละ ตอนแรกรองฯ สมเกียรติ นาคศรีโภชน์ รองประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ขับรถชนสองครั้งติดกัน รถพังไปสองคัน อาตมาเห็นว่าดวงตกมาก ก็เลยสละเหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณเนื้อเงินที่ติดตัว ให้กับรองฯ สมเกียรติไป ตั้งแต่นั้นมาทุกอย่างก็สะดวกราบรื่นปราศจากอันตราย ตัวเองก็เลยต้องหาบูชาเหรียญใหม่มาพกต่อ ...(หัวเราะ)...” |
ถาม : ตอนงานหล่อพระท่านดูผ่องมากเลยครับ ?
ตอบ : เพิ่งเข้ากรรมฐานมา ๓ วัน กลายเป็นเด็กไปเลยใช่ไหม ? บางคนเห็นก็นึกว่าเณร ...(หัวเราะ)... |
พระอาจารย์ให้พรโยม “ขอให้แข็งแรง ๆ อยู่ยั้งยืนยง แต่ที่อยู่ยั้งยืนยงจริง ๆ มีที่เดียวคือพระนิพพาน ที่อื่นไม่มีหรอก ...(หัวเราะ)...”
|
พระอาจารย์กล่าวกับพระนักเรียนบาลี “ลองดู..ทุ่มให้เต็มที่ ถ้าสองปีได้มหานี่สุดยอดเลย ...(หัวเราะ)...
เรื่องของบาลีไม่มีอะไรหรอก สำคัญที่ตรงความขยัน พระครูบ่าวเรียนสู้เด็กไม่ได้เลย แต่ปรากฏว่าสามเณรสอบตก พระครูบ่าวสอบได้ เพราะว่าพระครูบ่าวอายุมากแล้ว ตัวเองมีความขยันเข้าสู้ เป็นนักเรียนตัวอย่าง ถึงเวลาทางวัดสามพระยาก็จะบอกว่า มหาชุมพรเป็นตัวอย่างอย่างโน้นอย่างนี้ อายุมาก พรรษามาก ไม่ได้หมายความว่าจะสู้เด็กไม่ได้” |
พระอาจารย์กล่าวว่า “ท่านใดสละทองคำ สละเม็ดเงิน หรือว่าเครื่องประดับมาเพื่อหล่อพระ พอเห็นพระเสร็จออกมางาม ๆ ก็ปลื้มใจ ยึดภาพพระท่านเป็นภาพในใจไปเลยนะ ถึงเวลาเราจะภาวนาอะไรก็ตาม ต้องกำหนดภาพพระเอาไว้ด้วย
สิ่งที่เราสร้างสวยสดงดงาม ใจเราจะยึดเกาะได้ง่าย หลายท่านก็ว่า ถ้ายังยึดเกาะก็ไม่สามารถไปไหนได้..นั่นก็ใช่ แต่ว่าให้เกาะดีไว้ก่อน เพราะว่าถ้าเกาะดี ถึงจะพลาดจากการหลุดพ้น เราก็ยังไปสุคติ ถ้าหากว่าทำดีถึงที่สุดก็จะเลิกเกาะดีไปเอง” |
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้ไปถ่ายรูปหลวงพ่อทองคำใกล้ ๆ ได้ เดี๋ยวกลับวัดท่าขนุนแล้ว ท่านไปอยู่บนมณฑปจะถ่ายไม่ถึง โดยเฉพาะมณฑปวัดท่าขนุนนี่แตะไม่ได้ด้วย ถ้าแตะเมื่อไรนี่สัญญาณภัยดังสนั่นเลย
ตอนนี้ที่วัดท่าขนุน เวลาพระเณรเผลอไปทำสัญญาณภัยดังนี่ถูกปรับคนละ ๑๐๐ บาท..! ปรับจริง ๆ ด้วยนะ อันดับแรก...พาคนอื่นเขาแตกตื่นกันหมด ตำรวจด้วย อันดับที่สอง...คิดค่าไฟเพราะว่าทำสัญญาณดัง สัญญาณภัยมีทั้งหมด ๑๒ จุด ดังทีก็ดังหมดเลย ...(หัวเราะ)...” |
พระอาจารย์กล่าวว่า “เดี๋ยวช่วงปลายปีทางวัดท่าขนุนเริ่มมีการปฏิบัติธรรมกันแล้วนะ ที่หยุดไปเพราะว่า "โควิด" อาละวาด ความจริงช่วงนั้นก็ยังระบาดหนักนะ แต่มั่นใจว่าถ้าพวกเราระมัดระวัง การ์ดไม่ตก ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะว่าเรารับแค่ไม่เกิน ๓๐๐ คน”
|
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:35 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.