ถาม : ระยะนี้ลูกมีอาการหยุดชะงัก เมื่อมีการกระทบจากคู่สนทนา ลูกเห็นว่า สมองมีการประมวลผลความคิดอย่างรวดเร็ว แล้วดิ่งลงเป็นขั้น ๆ จนทุกอย่างหายหมด ไม่มีแม้แต่ตัว ไม่มีความคิด ทุกอย่างไม่มีอะไร เอาอะไรไม่ได้ ไม่มีอะไรเป็นอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ เป็นมากเข้าเขาว่าบ้าแล้วเจ้าค่ะ มันแยกออกจากกายไป จนคู่สนทนาจับตัว จึงรู้สึกตัว แม้อยู่คนเดียวก็เป็นเจ้าค่ะ เหมือนการทรงร่างกายไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร ใจคิดแบบนี้ก่อนแล้วพุ่งออกมา ควรจะแก้ไขอย่างไรดีเจ้าคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องแก้ เพียงแต่เข้าออกให้เร็วขึ้น ประมวลผลให้เร็วขึ้น ก็คือต้องซักซ้อมบ่อย ๆ จนกระทั่งคนเขาจับไม่ทันว่าเรามีจังหวะในการหยุด แต่จริง ๆ แล้วเราหยุด สภาพจิตของเราเร็วมาก ในส่วนที่คนอื่นไม่เห็นนั้น จริง ๆ แล้วเกิด ๆ ดับ ๆ นับครั้งไม่ถ้วน จังหวะหยุดที่คนอื่นมองไม่ทัน ความจริงแล้วช้ามากในสายตาของบุคคลที่สติสมาธิทรงตัว ฉะนั้น..ต้องซักซ้อมบ่อย ๆ ถึงเวลาคนเขาก็จับไม่ได้ไปเอง แต่ในเรื่องของทางโลกนั้น อย่าไปถือเป็นสาระแก่นสารอะไรมากนัก วาจาก็เป็นเพียงลมปากผ่านหูไป ทำไปก็เกิดโทษแก่เขา หากเกรงว่าจะเกิดโทษแก่เขาก็ปฏิสัมพันธ์ให้น้อยลงหน่อย |
พระอาจารย์กล่าวว่า "สำหรับบ้านเติมบุญ เราสูญเสียคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา กรรมการบริหารบ้านตัวหลักไปแล้ว แต่อาตมาก็ทึ่ง ทึ่งตรงที่ว่าท่านอาจารย์มหาสันติกับคุณชยาคมน์ตายคนละทิศคนละทาง แต่ไปดีทั้งคู่ แล้วก็ขยันมาจริง ๆ คุณชยาคมน์ได้ตรงที่กำลังใจเป็นบุญอยู่ตลอดเวลา คิดถึงแต่เรื่องบุญ กลายเป็นอนุสติในฝ่ายกุศลไป เกาะบุญได้ก็เลยไปดี
ส่วนท่านอาจารย์มหาสันตินั้น ช่วงสุดท้ายหวุดหวิดไป หวุดหวิดตรงที่ว่าอาสันนกรรมมาแทรก พอแทรกเข้ามา ทางด้านน้องชายตัดสินใจโทรหาอาตมา อาตมากำลังเดินขึ้นยอดเขาพระพุทธบาทถึงช่วงที่ ๒๓ เพื่อขึ้นไปวางผางประทีป รู้ไหมว่าบันไดมีกี่ช่วง ? ช่วงที่ ๒๓ นี่เกือบจะถึงยอดเขาแล้วนะ ก็รับโทรศัพท์ เจ้าฝ็องน้องชายท่านบอกว่า “อาจารย์ครับ ผมรู้ว่าวันวิสาขบูชาอาจารย์ยุ่งมากเลยแต่ว่าหลวงพี่มหาสันติกำลังจะไปแล้ว ทำอย่างไรดีครับ ?” ถามว่า “มีพระอยู่ใกล้ ๆ ไหม ? “มี” “เอ็งรีบนิมนต์ท่านมาให้สวดมนต์ด่วนเลย” อาจารย์เชิดพงษ์บอกว่า พอได้ยินเสียงสวดมนต์ปุ๊บ จากการที่ท่านกระวนกระวายด้วยความเจ็บปวด กลายเป็นสงบลงทันทีเลย สงบลงทันทีแล้วก็นิ่งยาวไปเลย...จนกระทั่งหมดลม เพราะฉะนั้นต้องบอกว่าบุญเก่าท่านทำไว้ดี ท่านอาจารย์มหาสันติท่านจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคก็จริง แต่ท่านเน้นการปฏิบัติ ข้ามไปฝั่งพม่าปฏิบัติธรรมเป็นเดือน ๆ บางพรรษาก็จำพรรษาที่นั่นเลย แต่ยังมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของอาตมาด้วย ตอนหลังก็มาเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งลูกศิษย์ ความที่ท่านเคยชินในการปฏิบัติ พอได้ยินเสียงพระสวดมนต์ กำลังใจก็เกาะความดีได้...จบเลย" |
"อาตมาไปถึงเห็นนั่งเก้าอี้อยู่ เหลืองอร่ามเป็นทองคำเลย บอกได้เลยว่าแบบนี้เป็นพรหมแน่ ๆ แสดงว่าสมาธิจิตทรงตัวตอนมรณภาพ แล้วมรณภาพในวันวิสาขบูชา ประมาณบ่าย ๓ โมง เข้าใจเลือกวันไปด้วย
ที่แน่ ๆ ท่านเขียนพินัยกรรมระบุไว้ว่า “มอบให้พระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เป็นผู้จัดงานศพของข้าพเจ้า ไม่มีความประสงค์ที่จะขอไฟพระราชทาน” ดีมาก..ในเมื่อยกให้ตูจัด ก็เลยขอเสียเลย เขาเรียกว่าอะไรนะ ? ตามใจผู้จัด ขัดใจผู้ตาย..ใช่ไหม ? เป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยคเท่ากับว่าสมณศักดิ์สูงระดับว่าที่เจ้าคุณ เขาให้สิทธิ์ขอไฟพระราชทานได้ตั้งแต่พระครูปลัดชั้นธรรมขึ้นไป มาระยะหลังมีเพิ่มเติมว่า ถ้าเป็นพระครูปลัดชั้นราชขึ้นไปก็ให้แล้ว นี่ว่าที่เจ้าคุณ จะไม่ขอได้อย่างไร ?" |
"สรุปว่างานศพคุณชยาคมน์เผาวันที่ ๑๙ ท่านอาจารย์มหาสันติมรณภาพวันที่ ๑๘ อาตมาเองตามประทีปแล้ว ก็แบกผางประทีปลงมาอีก ๑ กระสอบ เพราะว่าจำนวนเกิน เจ้าจ๊อดก็พยายามที่จะโซซัดโซเซแบกตามลงมาอีกกระสอบหนึ่ง ตามสบายนะจ๊อด ไม่รู้ป่านนี้หายระบมหรือยัง ?
ถ้าคนไม่ชินนี่ ขึ้นเขาระดับบันไดเป็นพันขั้น ก็จะตายอยู่แล้ว แล้วนี่ยังแบกผางประทีปกลับลงมาอีกกระสอบ เพราะว่าตอนแบกขึ้นไปเกิน พอถึงเวลาพระท่านก็ถามกันว่า "ใครแข็งแรงพอ..เอาลงไปกระสอบหนึ่ง ?" ถามไปถามมาไม่มีใครขยับ เจ้าอาวาสต้องเอาไปเองกระสอบหนึ่ง พอลงมาก็มานำทำวัตรเย็น นำเวียนเทียน เสร็จสรรพเรียบร้อย ๒ ทุ่มครึ่งก็วิ่งลงมาวัดท่ามะขาม มาที่งานศพเขา ไปถึงสี่ทุ่มกว่า อาจจะเป็นเพราะว่าไปกลางคืนนั่นแหละ ถึงได้เห็นผีชัดหน่อย" |
"เรื่องของบุญเรื่องของกุศล บุญคือความดีที่ทำแล้วมีความสุข มีความสบายใจ กุศลแปลว่าความฉลาด เมื่อทำบุญทำกุศลแล้วก็หัดวาง ๆ บ้าง อะไรที่ผิดพลาดมาแล้วก็แล้วไป ที่เหลือก็ทำให้ดีเอาไว้ เพราะว่าถึงเวลาถ้าเคยชิน กำลังใจเกาะด้านดีอยู่ อย่างไรตอนตายก็ไปดีอยู่แล้ว
ก็ยังดีใจว่า ๒ ศพติด ๆ กันที่อาตมาจัดการเรื่องงานศพให้นี่ ท่านไปดีทั้งคู่ โดยปกติแล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่ให้อาตมาบอกว่าคนตายแล้วไปไหน เพราะว่าท่านให้ไปศึกษาในมหากัมมวิภังคสูตร ก็เลยลองไปอ่านดู ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ชัดเจนมากว่า “โยคีบุคคลผู้ตั้งใจปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนานับแสนคน จะทรงฌานได้สักคนก็แสนยาก ฌานลาภีบุคคล ผู้ทรงฌานเป็นแสนคน จะทรงฌาน ๔ สักคนก็แสนยาก ฌานลาภีบุคคล ผู้ทรงฌาน ๔ นับแสนคน จะทรงทิพจักขุญาณสักคนก็แสนยาก ผู้ที่ทรงทิพจักขุญาณอันบริสุทธิ์ สามารถเห็นนรกเห็นสวรรค์แล้วกล่าวว่า บุคคลผู้ทำกรรมดีย่อมไปสวรรค์ ผู้ทำกรรมชั่วย่อมไปนรกโดยส่วนเดียว ตถาคตกล่าวว่าไม่ใช่” พูดง่าย ๆ ว่าทำดีไปสวรรค์ทำชั่วไปนรกนั้น ไม่ใช่หรอก" |
"พระองค์ท่านตรัสว่า
บุคคลผู้ทำความดีในอดีต ทำความดีในปัจจุบัน ไปดีแน่นอน บุคคลผู้ทำความชั่วในอดีต ทำความดีในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปดี บุคคลที่ทำความชั่วในอดีต ทำความชั่วในปัจจุบัน ไปทุคติแน่นอน บุคคลที่ทำความดีในอดีต ทำความชั่วในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปทุคติ พูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้ชั่ว แต่อดีตเคยทำดี ไม่แน่ว่าจะไปที่ไม่ดี เพราะฉะนั้น..ในเมื่อมาตรองถึงตรงนี้แล้ว ถ้าหากว่าคนตายแล้วไปไหน เราเที่ยวไปบอกเขา เกิดเขาทำความดีมาทั้งชีวิตในชาตินี้ แต่ชาติก่อนเคยทำความชั่วมา ตอนตายกรรมชั่วตามมาถึง ไปทุคติคือที่ไม่ดี อย่างเช่นว่า ตกนรกบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง เป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง ญาติพี่น้องตลอดจนกระทั่งเพื่อนฝูงเห็นว่าคนทำดีทั้งชีวิตไปนรก จะมีใครอยากทำความดีบ้างไหม ? ส่วนบางคนทำความชั่วให้เห็นทั้งชีวิต แต่ในอดีตเคยทำดีไว้ ถึงเวลาตายมาถามอาตมา บอกว่าไปสวรรค์ คนก็ได้ทำชั่วกันครึกครื้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็เลยห้ามอาตมาไม่ให้บอกว่าคนตายแล้วไปไหน อาตมาก็ถือตามนั้นมาตลอด แต่คราวนี้ที่บอกเพราะว่าไม่ได้บอกเอง แต่ผีเป็นคนบอก บอกว่าอยู่ที่ไหน อาตมาก็แค่พูดต่อเท่านั้น" |
ถาม : พระอาจารย์กล่าวว่า "ตัดผมไฟแล้วเสียของ เด็กถ้าหากว่าไม่ตัดผมไฟ ถึงเวลายังเป็นวัตถุอาถรรพ์ได้อยู่อย่างหนึ่ง คือผมสาวพรหมจารีที่ไม่ได้โกนผมไฟ เขาเอาไว้ทำบ่วงตัดเหล็กไหล เพราะฉะนั้น..โกนแล้วเสียของหมด” จากข้อความข้างต้น หมายความว่า เราไม่ควรตัดผมไฟเด็กใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่...ควรตัดตามปกติ แต่มีเด็กบางคนที่พ่อแม่ไม่ได้ถือสาเรื่องนี้ เพราะว่าการโกนผมไฟเขาถือว่าเป็นการเกิดใหม่ครั้งหนึ่ง เกิดใหม่บางทีไม่ใช่คนเดิม บางทีผีก็โง่พอเหมือนกัน อาตมาหลอกผีมาแล้ว มีผีอยู่ตัวหนึ่งตามเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เขาบอกว่าถึงวาระที่เขาต้องเอาชีวิตไปแล้ว แต่บังเอิญว่าอาตมาอยู่ในบริเวณนั้น เขาก็เลยไม่สามารถเอาไปได้ จึงถามว่าเอาชีวิตไปได้ตอนไหน เขาบอกว่า ๑๘ อาตมาก็บอกว่ายังไม่ถึง เขายืนยันว่าถึงแล้ว อาตมาก็เลยเขียนให้ดูว่านี่ตัวเลขอะไร นี่เลข ๑๐ นี่เลขอะไร เลข ๘ ลองเขียนดูซิ ๑๐๘ นี่เขามาแค่เดี๋ยวเดียว นี่เลขหนึ่งแปด เพราะฉะนั้น..เอ็งไปก่อน จะว่าเขาโง่ก็เป็นการปรักปรำเขาเกินไป ว่าเขาตรงไปตรงมาดีกว่า ถาม : อยากให้ผมของลูกเป็นประโยชน์มากขึ้น ต้องทำอย่างไรคะ? ตอบ : ถ้าอยากให้ได้ประโยชน์ ให้ไว้ยาว ๆ แล้วโกนให้พวกที่โดนฉายรังสีเขาทำเป็นวิกผม ได้ประโยชน์มากกว่าเอาไปตัดเหล็กไหลอีก |
ถาม : หากศาลพระภูมิของบ้านเช่าตั้งผิดทิศ ผู้เช่าจะได้รับผลความเดือดร้อนด้วย หรือเฉพาะเจ้าของที่เดือดร้อนเท่านั้นครับ ?
ตอบ : เจ้าของเดือดร้อน ถ้าผู้เช่ามีความเคารพก็กราบไหว้บูชา ก็บอกกับท่านว่าเล่นให้ถูกคนนะ..! |
ถาม : การถอนศาลพระภูมิในบ้านที่ตั้งผิดทิศและทิศที่ถูกไม่สามารถตั้งได้ นอกจากการจุดธูปบอกกล่าว ทำน้ำมนต์ถอนโบสถ์แล้ว จะต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : รีบตั้งศาลใหม่ให้ถูกทิศ ถ้าถอนเฉย ๆ ไม่ทำอะไรต่อ เดี๋ยวจะเดือดร้อนกว่าที่คิด..! |
ถาม : อุ้ยท้อผ่อสักหรือพระสกันทโพธิสัตว์ ใช่องค์เดียวกับองคุลีมาลหรือไม่ครับ เพราะเคยอ่านที่หลวงพ่อเทศน์ว่า อุ้ยท้อเป็นคำที่คนจีนได้ยินเสียงเพี้ยนมาจากคำว่าองคุลีมาล ?
ตอบ : เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างหนึ่ง ไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน พอไปถึงเมืองจีนแล้วจะมีชื่อของตัวเอง เคยได้ยินคำว่า "โถโรโปตี" ไหม ? หรือไม่ก็ "เสียมลอฮกก๊ก" หรือไม่ก็ "ตั้งหมาหลิ่ง" โถโรโปตี คือ ทวารวดี ลอฮก คือ ละโว้ เสียม คือ สยาม ตั้งหมาหลิ่ง คือ ตามพรลิงค์หรืออาณาจักรศรีวิชัย เพราะฉะนั้น..อุ้ยท้อจะเป็นองคุลีมาลก็ไม่แปลก ท่านก็เคยสร้างบารมีมาในลักษณะของพระโพธิสัตว์ คนที่เขารู้เห็นก็เรียกเป็นพระโพธิสัตว์ ตอนที่ท่านเป็นพระอรหันต์แล้วเขาไม่ได้ตามไปดู หรือว่าไม่รู้ ก็เลยกำหนดเป็นพระโพธิสัตว์อยู่เหมือนเดิม |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดต้องการหนังสือ บันทึกการเดินทางตอนหลากรสในพม่า ต้องไปร่วมงานวันเกิด ๖๐ ปี จึงจะมีให้ แจกวันที่ ๑๖ มิถุนายน ถ้าเหลือถึงวันที่ ๑๗ ก็แจกต่อ ถ้าไม่เหลือก็ตัวใครตัวมัน"
|
ถาม : ถ้าหากนำปลอกห่วงของตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๓ ไปหล่อพระ แล้วนำตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๓ ที่ไม่มีปลอกห่วงมาบูชา ตะกรุดจะยังมีอานุภาพของมหาสะท้อนอยู่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าน้ำหนักไม่ถึงก็ไม่มี |
ถาม : เนื่องด้วยคราวก่อนลูกกราบเรียนหลวงพ่อ ถึงการพบความพอใจ ไม่พอใจ คราวนี้ลูกพบว่า เห็นกระบวนการความคิด เมื่อมีเสียงมากระทบ จิตมันดิ่งลึกลงไป เห็นว่าเสียงมากระทบ รูปสั่นสะเทือนแล้วจิตที่มีอารมณ์สะสมความพอใจ ไม่พอใจเอาไว้ มันจะดึงเอาตรงนั้นมา คล้าย ๆ การทำปฏิกิริยา จิตให้ค่าสะสมตรงไหนมาก ก็จะเกิดเป็นอารมณ์ใหม่ขึ้นมา แล้วจิตก็วิ่งไปจับเป็นของเราปั๊บ (ความหายนะก็พลันบังเกิด) แต่เมื่อเราเห็น แล้วจดจ้องดู เหมือนจับได้ว่า นี่ไม่ใช่เรานะ เป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เราแน่ ๆ มันมีอาการตก คือ ไม่คิดเพิ่ม หยุด หายไปเลยเจ้าค่ะ ก็เป็นอยู่แบบนี้ พอรู้ทัน ก็ตกหายไป ไม่มีอารมณ์เพิ่ม แปลกดีเจ้าค่ะ รู้สึกเหมือนกำลังเป็นเจ้ายุทธจักร ถูกท้าประลองฝีมือตลอดเวลา คนนี้ไป คนนั้นมา คือ ลูกต้องทัน ถ้าไม่ทันมันจะเข้าสู่กระบวนการคิดอีก และช่วงนี้ มีอาการตัวหายในอิริยาบถบ่อย มันดิ่งลงเป็นขั้น ๆ ทำงานก็ตัวหาย บางครั้งตกใจว่าไม่มีมือ จะยกอะไรมาทำงาน ขี่รถก็ไม่มีตัว เหมือนลอยไป ไม่มีความรู้สึกอะไร ก็งงตรงที่ร่างกายทำงานไปเอง รู้สึกอยู่ข้างในอกเท่านั้น มีความรู้ตัว ข้างนอกดับหมด แต่ไม่มีความกลัวตายนะเจ้าคะ สบายดี ห่วงนิดเดียวตรงที่ถ้าตายไปจะเป็นพรหมลูกฟักหรือไม่เจ้าคะ ?
ตอบ : จะไปไหนไม่ได้ก็ตรงที่ห่วงนี่แหละ ถาม : พอเห็นหลวงพ่อก็หายคลายทุกข์เหมือนฟ้าสว่าง พอเดินออกจากหลวงพ่อ ก็เหี่ยวคอตก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรเจ้าคะ ? ตอบ : สภาพจิตมีกำลังต่ำไปหน่อย ต้องพยายามทำกำลังใจให้มากกว่านี้ ต้องบอกว่า อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน เกิดคนเดียว ตายคนเดียว ไม่มีใครตายพร้อมกับเราหรอก ต่อให้เกิดอุบัติเหตุตายอยู่ด้วยกัน ก็ยังขาดใจตายก่อนหลังต่างกัน |
ถาม : ถ้าเราต้องการมีไหวพริบปฏิภาณที่คล่องแคล่วมาก หรือมี "ปฏิภาณปฏิสัมภิทา" ต้องฝึกอย่างไร และต้องทำบุญอย่างไรครับ ?
ตอบ : สะสมของเก่ามามากพอ และชาตินี้ฝึกให้ทรงสมาบัติ ๘ ได้ ถ้าสามารถทรงสมาบัติ ๘ ได้ เข้าถึงความเป็นพระอนาคามีขึ้นไปเมื่อไร ปฏิสัมภิทาญาณจะปรากฏ |
ถาม : พระนักธรรม ที่พระอาจารย์ได้เคยแนะนำว่าจะช่วยในเรื่องเรียนนั้น มีวิธีอาราธนาอย่างไรหรือครับ ?
ตอบ : ไปค้นดู พิมพ์คำว่า หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน วิธีการบอกไว้เยอะแยะ พวกประเภทไม่ยอมค้นเลยแล้วมาถาม อาตมาถือว่ามักง่าย สันดานแบบนี้โอกาสเข้าถึงมรรคถึงผลน้อยมาก ถ้าเข้าถึงก็คงประมาณสุกขวิปัสสโก เพราะว่าไม่ได้คิดที่จะค้นคว้าอะไรเลย |
ถาม : เป็นสะเก็ดเงินมียาอะไรทาหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ต้องโน่นเลย...น้ำมันกัญชา เดี๋ยวนี้กำลังฮิต ถาม : หายจริงหรือเปล่าคะ ? ตอบ : ก็ลองสิวะ ใครจะไปรับประกันได้ ถาม : หาซื้อยาก ? ตอบ : หาซื้อยาก ? เห็นพระอาจารย์เล็กมีตั้ง ๒-๓ ขวด เขาบอกว่าต้นทุนขวดละ ๓,๐๐๐ บาท หลอดเล็กนิดเดียว แล้วก็โปรดระวังด้วย เพราะว่าอันนี้เขาสกัดด้วยดอกล้วน ๆ ดอกล้วน ๆ นี่เจอเข้าไป ๒ หยดก็ได้รากเขียวรากเหลือง เมาบ้านหมุนไปแล้ว |
เขาให้ทานะ ทาวันละครั้งเดียว ดันทะลึ่งไปหยด คุณพัฒนาหยดไป ๒ หยด บอกเมารากเขียวรากเหลืองไป ๑ วัน นอนอีก ๒ วัน
น้ำมันกัญชาบ้านเราไม่เหมือนของต่างประเทศ ที่ต่างประเทศเขาปล่อยเสรีได้เพราะสาร Cannabinoid ของเขามีประมาณ ๐.๔-๐.๕% เท่านั้น แต่หางกระรอกของประเทศไทยมีอยู่ ๗-๘% คิดดูว่าต่างกัน ๗-๘ เท่า เพราะฉะนั้น..ของฝรั่งต่อให้ประเภทเมากัญชาหยำเปขนาดไหน ก็แค่นิดหน่อย แต่ของบ้านเราโดนเข้าไปหน่อยหนึ่งก็ประสาทหลอนแล้ว ต่างประเทศถึงได้อยากซื้อกัญชาไทยเป็นหนักเป็นหนา ถ้าเป็นอาตมานี่จะปล่อยให้ปลูกเสรีแล้วรัฐบาลเป็นคนส่งขาย เพราะว่าต่างประเทศต้องการกันมาก โดยเฉพาะเอาไปทำยารักษาโรค ส่วนบ้านเรานี่ถ้าหากว่าปลูกเสรี ถ้าเสพเมื่อไรติดคุกหรือว่าปรับให้หน้ามืดตาลายไปเลย ไม่อย่างนั้นบ้านเราอะไรที่อนุญาตให้นี่ทำเกินทั้งนั้นแหละ ไม่อนุญาตยังทำเลย |
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีแต่คนฝากศพให้เผา เป็นเรื่องอัศจรรย์เหมือนกัน ไม่รู้ว่าทำบุญด้วยอะไร ตอนนี้ที่ยังเหลืออยู่ก็มีตุ๊ป้อสิงห์ หลวงพ่อมณฑล หลวงพ่อสมคิด แล้วไม่รู้ว่า ๓ รูปนี้ใครจะไปก่อน"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานเจอหลวงปู่ตั้ง วัดถ้ำมะเดื่อ ท่านอายุ ๙๓ ปีแล้วยังแข็งแรงอยู่ กราบเรียนถามว่า หลวงปู่มียาดีอะไรหรือเปล่า ? ท่านบอกว่า “กินผักน้ำพริกเป็นหลัก” แต่ว่าพวกผักต้องไปหาเอาตามหัวไร่ชายนาที่ขึ้นตามธรรมชาติ อย่าไปเอาที่เขาปลูก ที่เขาปลูกส่วนใหญ่ใส่ยาทั้งนั้นแหละ แหม...หลวงปู่ว่าเสียเลย
พอได้ยินตรงนี้อาตมามานึกถึงการปลูกกัญชาที่บ้านเรา ก็คือบ้านเราถ้าปลูกกัญชา เดี๋ยวก็เจอยาฆ่าหญ้า เดี๋ยวก็เจอสารเคมีสารพัด สรุปว่าจะเอามาเพิ่มโรคหรือจะเอามารักษาโรคกันแน่ ?" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เนื่องในวาระพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรี ๒ รัชกาล และรัฐบุรุษถึงแก่อสัญกรรม ก็มีข้อคิดว่า สมัยป๋าเป็นนายกฯ บ้านเราเป็นประเทศเกษตรกรรม พอมายุคน้าชาติเป็นนายกฯ เราก็เป็นยุคอุตสาหกรรม พอยุคทักษิณเป็นนายกฯ ก็มาสู่ยุคนวัตกรรม ปัจจุบันนี้เป็นยุค...เวรกรรม..!"
|
"เขาออกข่าวว่า ‘กลาโหมวิงวอนอย่าเชื่อข่าวปฏิวัติ’ ก็ครั้งก่อนเราก็เชื่อว่าจะไม่ปฏิวัติไม่ใช่หรือ ? ก็แค่เชิญคณะรัฐบาลไปประชุมในค่ายทหารเท่านั้นเอง แล้วก็บอกว่าคุณควรจะเลิกบริหารประเทศได้แล้ว เขาไม่เรียกว่าปฏิวัติสินะ ?"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตำรายาโบราณเป็นปริศนา บอกว่าตัวยาประกอบด้วย หนึ่ง..ยกขึ้นมากาบินหนี สอง..แหวกแม่พระธรณี สาม..หนีสงสาร สี่...ไปนิพพานไม่รู้กลับ ถ้าใครคิดได้ก็เป็นยาอายุวัฒนะ ถ้าใครคิดไม่ได้ก็อาจจะเป็นยาลดอายุ..!
สมัยก่อนถึงเวลาเขายิงอีกา ถ้าใช้หนังสติ๊กทั่วไปจะยิงไม่อยู่ เพราะว่าอีกาตัวใหญ่ แข็งแรง เขาต้องใช้คันกระสุน คราวนี้พืชสมุนไพรที่มีคำว่ากระสุนก็คือโคกกระสุน เลยผูกปริศนาเป็นยกขึ้นมากาบินหนี แหวกแม่พระธรณี อะไรแหวกแม่พระธรณี ? ก็ต้องขุด ๆ ไถ ๆ ดัน ๆ ใช่ไหม ? แล้วที่ขุด ๆ ไถ ๆ ดัน ๆ ดินเป็นประจำก็มีแต่หมู ก็เลยต้องตีความว่าเป็นหญ้าแห้วหมู หนีสงสารก็คือหนีวัฏสงสาร สมัยก่อนที่หนีวัฏสงสารเขาทำอย่างไร ? เขาก็ต้องบวช คราวนี้ถ้าจะบวชจะทำอะไร ? ไม่ใช่กล้วยบวชชี มีอยู่อย่างเดียวก็คือว่าบวชพระ ในเมื่อบวชพระก็ต้องห่มจีวร จีวรก็ต้องย้อมด้วยขมิ้น เพราะฉะนั้น..สมุนไพรตัวนี้ก็สมควรที่จะเป็นขมิ้น ไปนิพพานไม่รู้กลับ ลักษณะอย่างนี้ไปนิพพานภาษาชาวบ้านคือตาย อะไรที่เกี่ยวกับความตาย ? ...หาไม่ได้ แล้วอะไรที่หมายถึงความตาย ? ...ก็ผี สรุปว่าก็น่าจะเป็นผักเสี้ยนผี" |
"ตำรายาโบราณเขาบอกว่า น้ำตาลิง น้ำพิงกะได กินกะได ทากะได ตำรายาโบราณเขาเขียนจนเราประสาทจะกิน คือของโบราณเวลาเขาเขียนตัวหนังสือนี่แยกพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ชัดเจนมาก สระอิลอยอยู่ เสร็จแล้วตัวอังอยู่ข้างบนเกือบติดอีกบรรทัดหนึ่ง เพราะฉะนั้นเขียนน้ำตำลึง คนดูไม่ทันก็กลายเป็นน้ำตาลิง ถึงได้มีน้ำตาลิง น้ำพิงกะได กินกะได ทากะได
คำว่า 'ก็' ไม้ไต่คู้อยู่ติดแถวบนโน่น 'ก็ได้' ไม้โทอยู่ติดแถวบนโน่น คนรุ่นใหม่ดูดูแต่แถวล่าง กลายเป็น กินกได ทากได" |
ถาม : ถ้าสมมติจะรื้อศาลพระภูมิโดยที่ไม่ได้ตั้งใหม่ให้ จะได้ไหมครับ พอดีมีคนเขาซื้อบ้านต่อจากเราครับ ?
ตอบ : ให้เขาจัดการเอง อย่าเสือกไปยุ่งกับเขา ถาม : ปัญหาคือเขาบอกให้เราจัดการไปด้วย ? ตอบ : ถ้าหากว่ารื้อแล้วไม่สร้างให้เขาใหม่ ก็เตรียมตัวซวยได้ |
ถาม : ถ้าเราไม่จุดธูปเทียนในห้องพระ เราไปจุดข้างนอกบ้านได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้ จุดที่ไหนก็ได้ ตั้งใจบูชาท่านก็แล้วกัน |
ถาม : บ้านน้องสาวที่ลำปาง ฟ้าผ่าลงมาค่ะ ?
ตอบ : โบราณเขาจะทำพลีกรรม ทำบุญล้างซวย ถาม : พลีกรรมอย่างไรครับ ? ตอบ : ส่วนใหญ่ก็ตั้งบายศรีขอขมาเทวดา แล้วก็ทำบุญบ้านล้างซวยไป ถาม : บอกวิธีแล้วเขาจะทำหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? ตอบ : เราก็ทำแทนเขา ถ้าเขามีวิธีก็ทำตามเขา ถ้าเขาไม่มีก็เอาแค่ที่เราบอก ถาม : ที่บ้านมีชนวนหรืออย่างไรคะ ฟ้าถึงลงที่บ้าน ? ตอบ : ตรงนั้นสูงกว่าที่อื่น ถาม : แถวบ้านเขาบอกว่ามีแก้ว วันขึ้น ๘ ค่ำวันพระ จะมีแก้วลอย ? ตอบ : ก็ลองขุดดู ถ้าหากว่ามีก็อัญเชิญออกมา หาที่บรรจุให้เหมาะสม ถาม : ตอนเล็ก ๆ หนูก็เคยเห็นแก้วลอยออกไป เขาเรียกอะไรคะ ? จะถามผู้เฒ่าผู้แก่ก็ตายไปหมดแล้ว ตอบ : เขาเรียกพระธาตุเสด็จ อาจจะมีอยู่ข้างใต้ ทีนี้มีคนดันไปอาศัยอยู่ตรงนั้น ก็ต้องมีโดนบ้าง |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านอาจารย์สันติ โชติกโร ป.ธ. ๙ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม มรณภาพตอนอายุ ๔๕ ปี บางคนก็บอกว่าเป็นอาถรรพ์ของเบญจเพสที่ ๓
เรื่องเกี่ยวกับเบญจเพส อาตมาเจออาถรรพ์มาตลอดชีวิต อายุ ๒๕ ก็เก็บเงินทะลุหลักแสนได้ อายุ ๓๕ สร้างวัดเสร็จ อายุ ๔๕ ตราตั้งมา ๖-๗ ตำแหน่งพร้อม ๆ กัน พออายุ ๕๕ ก็เรียนจบสารพัด เพราะฉะนั้น..อาถรรพ์พวกนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นได้สารพัด เป็นกระทั่งนักการเมือง..! เป็นเรื่องที่ดีของคนอื่น แต่สำหรับอาตมาแล้วไม่รู้สึกอยากได้ ในเมื่อได้มาแล้วมีแต่ภาระก็เลยเป็นอาถรรพ์ ก็เห็นเขาบอกว่าไม่ดี ตอนนี้อายุ ๖๐ ปี เป็นรองเจ้าคณะอำเภอ รับรางวัลหลายรางวัลติด ๆ กัน ยิ่งอาถรรพ์หนักเข้าไปใหญ่ เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง" |
ถาม : คนที่สร้างรูปหล่อ ตั้งกำลังใจว่าตายจะไปอยู่ในนั้นเลย แสดงว่า...?
ตอบ : เป็นอธิษฐานบารมี ถาม : ผลกรรมที่ทำไว้ไม่ได้เป็นไปตามภพภูมิหรือครับ หรือเป็นตามอธิษฐานครับ ? ตอบ : สมาธิสูงกว่า ความมุ่งมั่นสูงกว่า ก็จะเป็นชนกกรรม กรรมที่พาไปกำเนิด ลักษณะอย่างนั้นจริง ๆ ไม่น่าจะเรียกว่าไปเกิด คือยังไม่ได้ไปเกิด ถาม : ชนกกรรมนี้ พอไปอยู่ที่รูปหล่อ จะต้องมีอายุขัยของตัวเองใช่ไหมครับ ? ตอบ : ต้องมี ก็คือต้องหมดความมุ่งมั่นด้วย เพราะว่าต้องมีสิ่งอื่นรับช่วงถึงจะไปต่อได้ |
ถาม : จะขายคอนโดที่พัทยาครับ ?
ตอบ : เอาเป็นว่าลองไปบนหลวงพ่อสุ่นที่วัดแหลมสิงห์แล้วกัน ไปบนท่าน ขายได้ก็บวชเณรให้ท่านสักรูปหนึ่ง เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ ว่าสุดยอดปรมาจารย์ขนาดไหน วัตถุมงคลของหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ สร้างไม่ใช่น้อย ๆ นะ แต่ลูกศิษย์ลูกหาไม่มีปล่อยให้หลุดไปที่อื่นเลย ตกทอดกันตามตระกูลอย่างเดียว ถามว่าฝีมือท่านขนาดไหน ? ก็ประเภทเหยียบเรือรบเอียง..! จริง ๆ แล้วถ้ามีพระไทยเยอะ ๆ แบบหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ ต่างชาติหรือต่างศาสนาไม่มีใครกล้ารังแกเราหรอก ถึงเวลาฝรั่งรังแกคนไทย หลวงพ่อสุ่นก็ขัดเขมรชกฝรั่งร่วงคาหมัดเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเล็กกว่ากันเป็นครึ่ง ๆ เอาเรือรบมาขู่ หลวงพ่อสุ่นเหยียบตีนเดียวเรือเอียงไปทั้งลำ จนฝรั่งต้องถอยกลับไป หลวงพ่อสุ่นเป็นรุ่นอาจารย์ของหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบเลยนะ แต่คนไม่ค่อยจะรู้จักท่านหรอก พวกที่มีวัตถุมงคลของท่านถึงเวลาก็สั่งลูกสั่งหลานให้สืบต่อกัน ไม่ค่อยมีหลุดออกมา หายากเย็นมาก อาตมามีแหนบอยู่ ๒ อันก็เป็นรุ่นลูกศิษย์สร้าง หลวงพ่ออี๋เสก จริง ๆ แล้วหลวงพ่ออี๋เป็นสุดยอดที่เขานิยมกันหมด แต่ว่าคนก็ยังคงศรัทธาอาจารย์ จะขายคอนโดแถวนั้นลองไปบนหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ มาแบบพระโพธิสัตว์อย่างนั้นอย่างไรท่านก็ต้องช่วยอยู่แล้ว |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้มีโยมคนหนึ่งเพิ่งจะมาใหม่ เขามาก็ถามว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ? ปรากฏว่าเจอคุณอภิณห์พรกับคุณกุสุมาหัวเราะแข่งกันอย่างกับคนเมากัญชา จนเขาต้องเดินหนีไปเลย สรุปก็คือลูกศิษย์แสดงออกว่าอาจารย์เป็นอย่างไร ในเมื่อลูกศิษย์ดูเหมือนไม่เต็มบาท อาจารย์ก็คงจะไม่เต็มด้วย เขาก็เลยไปดีกว่า คือเขาถามแทนที่จะบอกเขา กลับไปนั่งหัวเราะแข่งกัน"
|
ถาม : ตอนนี้หนูยกมือ ๑๔ จังหวะตามของหลวงพ่อเทียน เพราะยังเคยชินอยู่ แต่ก็เพิ่มรู้ลมไปด้วย ภาวนาพุทโธไปด้วย จับภาพพระไปด้วย ได้ไหมคะ เยอะเกินไปไหมคะ ?
ตอบ : ได้...ถ้าสติขาดก็จะพลาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เท่ากับว่าเราทำกิจกรรมหลายอย่างพร้อม ๆ กัน ซึ่งต้องใช้สติมากขึ้น ระมัดระวังมากขึ้น ถ้าหากว่าตัวไหนบกพร่องเราก็เริ่มต้นใหม่ ถาม : ยังติดกับการเคลื่อนไหว ส่วนหนึ่งทำให้ยึดติดกับกายมากไปจะมีโทษไหมคะ ? ตอบ : ไม่เป็นไร เพราะว่าถ้าสมาธิทรงตัวเป็นอัปปนาสมาธิ การเคลื่อนไหวจะโดนตัดขาดไปโดยอัตโนมัติ ถาม : อย่างเวลานั่งสมาธิหลับตาแล้วจับภาพพระ หลวงพ่อเคยบอกว่าทุ่มกำลังสมาธิอยู่กับภาพพระ ๗-๘ ส่วน แล้วอยู่ที่ลม ๒-๓ ส่วน แต่คราวนี้ถ้าเราเคลื่อนไหวประจำวัน คือหนูทำให้สมดุลไม่ได้ ? ตอบ : แบ่งคนละครึ่งก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็ ๗-๘ แปดส่วนมาอยู่กับการทำงาน อีก ๒-๓ ส่วนก็อยู่ที่พระ ถ้าอย่างนั้นจะสะดวกกว่า ถาม : แล้วไม่ต้องยุ่งกับลมเลยหรือคะ ? ตอบ : ถ้าหากว่ารู้ลมอัตโนมัติแล้ว ก็กำหนดให้สติรู้ประคองไป ถ้าหากว่าไม่รู้อัตโนมัติก็เอาแค่ภาพพระอย่างเดียว |
ถาม : ตอนนี้หนูยังใช้ภาพพระวิสุทธิเทพเป็นหลัก แต่บางทีบางวันหนูจับภาพพระวิสุทธิเทพไม่ได้ หนูเปลี่ยนเป็นภาพพระอย่างอื่นได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้...เอาให้เป็นพุทธานุสติ จะเป็นภาพพระปางไหน ลักษณะไหน สีสันไหน ก็ได้ทั้งหมด |
ถาม : หนูเป็นคนฟุ้งซ่านมาก หนูจะเห็นความคิดอยู่ทั้งวัน การที่หนูเคยถูกสอนมาว่าความคิดคืออาการของจิต ถูกไหมคะ?
ตอบ : ถูก...เพียงแต่ว่าถ้าหากว่าเรามัวแต่ไปตามดูอาการของจิตก็จะเครียด กลับมาดูลมหายใจแทนดีกว่า ถาม : จิตเราก็คืออาทิสมานกายถูกไหมคะ? ตอบ : ถูก ถาม : แล้วทีนี้คือรู้สึกว่าบางครั้งจิตเราก็ฟุ้งซ่าน เราบังคับไม่ได้ แล้วรู้สึกว่าถ้าจิตเป็นเรา ทำไมเราบังคับไม่ได้ ? ตอบ : แล้วใครเป็นคนบอกว่าจิตเป็นเรา ? สัพเพ ธัมมา อนัตตา ท้ายสุดไม่มีอะไรเหลือเป็นเรา เป็นของเราหรอก จิตก็ทำงานของจิตไป เพราะฉะนั้น..เราเองมีหน้าที่อย่างเดียวคือตามดูตามรู้ ดีก็รู้ว่าดี ไม่ดีก็รู้ว่าไม่ดี เสร็จแล้วก็อย่าไปเสวยอารมณ์ คือเข้าไปยุ่ง ถ้าเราไม่เข้าไปยุ่ง จะดีหรือไม่ดีเราก็เป็นเพียงคนดูเฉย ๆ ในเมื่อเราเป็นคนดู รัก โลภ โกรธ หลง ก็ไม่เกิดขึ้น ทุกอย่างก็เป็นแค่อาการ เป็นแค่กิริยาเท่านั้น ไม่เป็นกรรม ถาม : ปัญญายังไม่ถึงค่ะ ? ตอบ : ทำไป ถ้าหากยุ่งมาก ๆ ไปไม่ไหวจริง ๆ ก็กลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกให้มากขึ้น อย่างอื่นตัดทิ้งไปก่อน มาดูลมหายใจเข้าออกเพื่อที่จะใช้กำลังสมาธิในการกดตัวอื่นก่อน |
ของโยมเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ สมัยเด็ก ๆ อาตมาฝึกกำลังภายในแบบของจีน ซึ่งใช้การรู้ แต่เป็นการรู้ภายใน เคลื่อนไหวลมปราณไปในกาย ว่าตอนนี้ไปถึงไหน ๆ
พอกลับมาฝึกลมหายใจเข้าออก รู้สึกว่าวิสุทธิมรรคลำบากมาก เพราะว่าหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องคอยบังคับอยู่นานกว่าที่จะยอมนิ่ง ก็แปลว่าแรก ๆ จะต้องยื้อกัน อย่างของโยมจะไปที่เคลื่อนไหว พอเรารู้ตัวเราก็ดึงกลับมาที่ลมหายใจ พอไปที่เคลื่อนไหวอีก เรารู้ตัวเราก็ดึงกลับมาที่ลมหายใจใหม่อีก พอกำลังสมาธิสูงขึ้น เราก็จะบังคับได้ว่าให้อยู่กับลมหายใจ อย่าไปที่อื่น แรก ๆ จะลำบากหน่อย...สู้ต่อไป |
ถาม : ในการพิจารณาแบบวิปัสสนา หนูฟังหลวงพ่อฤๅษีฯ ยังไม่ค่อยเข้าใจ ทำแล้วเหมือนใจเราดื้อ ไม่น้อมตามไป ถ้าเบื้องต้นเกาะแค่ไตรลักษณ์ได้ไหมคะ?
ตอบ : เอาแค่นั้นก็เหลือเฟือแล้ว ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ให้เห็นจริง ๆ เท่านั้น แต่ว่าเห็นแล้วใจของเรายอมรับไหม ? ถ้ายังไม่ยอมรับก็ยังเป็นแค่สัญญา คือเราจำได้ว่าความจริงเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าหากว่าเป็นปัญญา เราก็ยอมรับว่า อ๋อ...ความจริงเป็นอย่างนั้น เราก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย ถาม : แสดงว่าสติกับเราก็คนละตัวกัน ? ตอบ : ใช่...สติเป็นตัวรู้ รับรู้การกระทำของจิต |
ถาม : หนูรู้สึกว่าถ้าบางช่วงที่ไปทุ่มกับการนั่งสมาธิ พอไปสักพักหนึ่งเหมือนเวลานั่งก็เหมือนจะมีสมาธิ พอออกจากสมาธิเหมือนสติกลับไม่เหลือ เหมือนกับป้ำ ๆ เป๋อ ๆ หนูต้องกลับมาเหมือนดึงให้สติกลับมา ไม่อย่างนั้นจะจมไปกับสมาธิ ไปไหนก็จะไม่รู้ตัว ?
ตอบ : อันนั้นเขาเรียกว่าพวกสุดโต่ง ตรงกลางไม่มี ถาม : หนูทำให้สมดุลอยู่ตรงกลางไม่ได้ ถ้าไม่จมไปกับลม ก็จะหายไปเลย ? ตอบ : ค่อย ๆ หาไป ถ้ายากคนเขาคงทำไม่ได้กันเยอะแยะ จะเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ |
ถาม : เรานั่งสมาธิเพื่อให้มีสมาธิกับสติขึ้นมา ทำให้เกิดปัญญา แล้วการปฏิบัติกับมโนมยิทธิ คือเราจะมาควบกันตรงไหน?
ตอบ : เอาทีละอย่างก่อน พอได้แล้วต่อไปจะง่าย ถ้ายังไม่ได้นี่ เป็นเด็กหัดใหม่แล้วไปจับปลาหลาย ๆ ตัว ก็ไม่เหลือสักตัวหรอก ตอนนี้เล็งตัวเดียวไปก่อน ถาม : ก็คือให้อยู่กับกายก็ได้ แต่พอวันหนึ่งที่แน่นขึ้น....? ตอบ : อะไรที่ทำให้ใจเราสงบ ให้ทำอย่างนั้น สู้ ๆ..คำนี้ให้สู้จริง ๆ นะ ไม่ได้ให้กำลังใจเฉย ๆ สู้ชนิดตายกันไปข้างหนึ่งเลย..! |
ถาม : สักแต่ว่า เป็นเวทนาในเวทนาหรือว่าธรรมในธรรมครับ ?
ตอบ : เป็นอุเบกขา ก็แปลว่าต้องเป็นธรรมในธรรม |
ถาม : การที่จะเคลื่อนไหวก็ถือว่าเป็นกายคตาสติใช่ไหมคะ ?
ตอบ : เป็นส่วนหนึ่งของอิริยาบถและสัมปชัญญะในกายคตาสติ ถาม : พอแล้วค่ะ ไม่ถามแล้ว ไปทำดีกว่า ? ตอบ : ถามมาก ๆ ระวังจะฟุ้งซ่าน เอาแค่พอกิน พอถึงเวลารู้ว่าอันนี้กินได้ก็ตั้งหน้าตั้งตากินไป ไม่อย่างนั้นจะฟุ้งซ่านมาก |
พระอาจารย์กล่าวว่า "การจะยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นวัดหลวง หนึ่ง...วัดต้องเป็นศูนย์กลางชุมชน สอง...หน่วยราชการและประชาชนต้องไปใช้งานเป็นปกติ ข้อที่สาม...มีอายุได้ ๕๐ ปีขึ้นไป ข้อที่สี่...มีความเกี่ยวเนื่องกับราชวงศ์ทางใดทางหนึ่ง ซึ่งวัดท่าขนุนของเราได้หมด
คราวนี้ที่อาตมาไม่ขอเพราะกลัวว่าเป็นเจ้าคุณแล้วต้องเข้าวัง พอถึงเวลาเป็นเจ้าคุณขึ้นมาต้องผลัดกันเข้าวัง นั่งรับสังฆทานอยู่ตรงนี้แล้วต้องวิ่งไปเข้าวัง น่าเบื่อตรงนี้แหละ" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:50 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.