กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6678)

เถรี 04-07-2019 21:45

"ในส่วนนี้เราจะเห็นว่า แม้กระทั่งสายการปฏิบัติเดียวกัน พอมีความต่างในแนวทางคำสอนก็แยกสายออกไปได้อีก เหมือนกับกิ่งไม้ มาถึงก็แตกง่าม เพราะฉะนั้น..ตรงนี้ภาษานักวิชาการเขาเรียก อาจาริยวาท ก็คือถือคำสอนของอาจารย์เป็นใหญ่

แม้กระทั่งสายวัดป่าในปัจจุบัน ถ้าเราสังเกตก็จะมีสายหลวงตาบัว ก่อนหน้านี้มีหลวงปู่มั่นสายเดียว ตอนนี้จะมีสายหลวงตามหาบัว มีสายหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ปัจจุบันนี้ยังมีสายท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพงอีก ไปกันใหญ่ แตกหลายกิ่งหลายก้าน ไม่ต้องแปลกใจว่าพระพุทธศาสนาของเราพอมาถึงยุคประมาณ พ.ศ. ๓๐๐ เศษขึ้นมา แตกออกเป็นถึง ๑๗-๑๘ นิกาย

นิกายที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดก็คือมูลสรวาสติวาท ซึ่งยังถือพระธรรมวินัย ๒๒๗ ข้ออยู่ แต่มีส่วนเสริมเข้ามา อย่างปัจจุบันนี้พุทธมามกะในประเทศอินเดียเขาไม่ได้ถือศีล ๕ เขาถือศีล ๒๒ มากกว่าเราเข้าไปอีก ๑๗ ข้อ เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นส่วนใหญ่แล้วพื้นเดิมเป็นฮินดู ก็จะต้องมีศีลที่ห้ามกลับไปยุ่งเกี่ยวกับฮินดูด้วย แต่เขาก็ยอมรับกันได้ เพราะว่าศาสนาพุทธของเราไม่มีการถือชั้นวรรณะ เห็นว่าทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายเหมือนกันหมด

เพราะฉะนั้น..ทางด้านอินเดีย ศรีลังกา ถ้าประกาศตนเป็นพุทธมามกะแล้วนี่ก็คือทั้งชีวิตเลย ไม่มีการชักเข้าชักออก เพราะว่าถ้าคุณย้อนกลับไป ฮินดูเขาก็ไม่รับแล้ว เพียงแต่ว่าอินเดียหรือศรีลังกาของเขาถ้าปฏิบัติก็คือทุ่มเทจริง ๆ พระไทยเคยไปแล้วไปสูบบุหรี่ให้เห็น คนอินเดียเขากระชากบุหรี่โยนทิ้งเลย “คุณเป็นนักบวช กิเลสแค่นี้ยังละไม่ได้แล้วจะไปสอนใคร” เขาเล่นแรงขนาดนั้น สูบบุหรี่บ้านเราที่ไม่มีความผิดตามพระวินัย แม้ว่าปัจจุบันนี้
ถ้าหากว่าสูบผิดที่จะผิดกฎหมาย บ้านเขานี่เห็นความผิดพอ ๆ กับอาบัติปาราชิกเลย ปาราชิกบ้านเรานี่ขาดความเป็นพระไปเลย"

เถรี 04-07-2019 21:46

พระอาจารย์กล่าวว่า "พอบวชพระฉลองอายุ ๖๐ ปีเสร็จ อาตมากลายเป็นพระอุปัชฌาย์เป็ด คือ ไข่แล้วทิ้ง ไม่มีเวลาอยู่ดูแลท่านเลย แต่ละวันมีแต่งานข้างนอก วิ่งกันทีหนึ่ง ๒ งาน ๓ งานทุกวัน จนป่านนี้ ๑๐๘ รูปเหลืออยู่เท่าไรอาตมายังไม่รู้เลย ต้องรอกลับวัดไปก่อน"

เถรี 05-07-2019 19:29

"มีพระรูปหนึ่งจะต้องอยู่..ไม่ได้สึก เพราะดันไปบนว่า ถ้าหงส์แดงชนะจะบวช นัดแรกโดนเขาหวดไป ๓-๐ ไม่มีโอกาสชนะอยู่แล้ว จำไว้ว่าอย่าบนส่งเดช บนส่งเดชก็เป็นความเฮงของคุณเอง สรุปแล้วลิเวอร์พูลพลิกกลับมาชนะ ๔-๓ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่นัดเดียวลิเวอร์พูลจะยิงได้ ๔ ประตู แล้วอีกฝ่ายทำประตูไม่ได้เลย แต่ก็เป็นไปแล้ว สรุปแล้ว ๒ นัดเหย้าเยือนลิเวอร์พูลชนะ ๔-๓

อย่าไปบนพล่อย ๆ จะเดือดร้อนตัวเองด้วยประการฉะนี้ เขาจะไม่บวชก็กลัว ก็เลยต้องบวช อย่างน้อยก็บวชเพราะทีมฟุตบอล ดีกว่าอาตมาที่บวชเพราะหมาหน่อยหนึ่ง ตอนบวชหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบนเอาไว้ เพราะว่าช่วงนั้นหมาในวัดตายเยอะมาก ก็ขอพระท่านสงเคราะห์ ถ้าหากว่าหมาหยุดตายจะบวชพระให้ ๓ รูป"

เถรี 05-07-2019 20:58

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนนี้ค่าเทอมออกก็ต้องจ่ายประมาณ ๑ ล้านบาท ที่ส่งเรียนไม่ใช่ของพระวัดท่าขนุนก็ ๑๘ รูปเข้าไปแล้ว บวกของพระวัดท่าขนุนเข้าไปอีกเป็นกี่รูป ? ตอนนี้วัดท่าขนุนรับภาระพระภิกษุสามเณรของอำเภอทองผาภูมิ ถ้าใครไปเรียน มจร. วัดใต้ ถวายค่ารถรูปละ ๓,๐๐๐ บาทต่อเดือน นี่แค่ค่ารถเท่านั้น แล้วเราลองคิดดูว่า ถ้าบวกค่าเทอมเข้าไปด้วยจะแค่ไหน ?

เรื่องพวกนี้จะไม่ช่วยท่านก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านมีกำลังใจที่จะเรียน แต่ว่ารายได้ไม่แน่นอน ถ้าไม่มีกิจนิมนต์ ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนไปเรียน แค่ค่าเดินทางก็แย่แล้ว เมื่อวานนี้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด็อกเตอร์พิเชฐ ทั่งโต ท่านไปบรรยายพิเศษในงานปฐมนิเทศและไหว้ครูประจำปี บอกว่าการสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีช่วยให้พวกท่านไม่ต้องเดินทางไกล สมัยหลวงพ่อเล็กท่านต้องไปเรียนถึงวัดไร่ขิง เดินทางครั้งหนึ่งเกือบ ๓๐๐ กิโลเมตร คราวนี้ ๓๐๐ กิโลเมตรอาตมาสู้ได้ เพราะกำลังใจที่จะเรียนก็มี ค่ารถก็มี แต่คนอื่นเขาไม่ได้อย่างนั้น

แบบเดียวกับที่ส่งท่านกอล์ฟไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัท ๓ ปีมีกิจนิมนต์ครั้งหนึ่ง ได้มา ๑๐๐ บาท ๓ ปีมีรายได้ตั้ง ๑๐๐ บาท..! เพราะฉะนั้น..ถ้าอาตมาไม่ตั้งเงินเดือนให้ท่านก็อยู่ไม่ได้ ก็อาจจะเป็นอานิสงส์ตรงส่งเขาเรียนนี่แหละ ก็เลยโดนถีบให้ไปเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ จะได้จ่ายให้ถนัดหน่อย เพราะว่าอยู่ในความรับผิดชอบแล้ว

ตอนนี้การเรียนระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ก็แพง แล้วก็ยังมีหลักสูตรเสริมอีกเยอะ อย่างเช่นว่า ปริญญาโทต้องเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ MCU 003 และ
MCU 004 ถ้าของปริญญาเอกก็ต้องต่อ MCU 005 และ MCU 006 อีก"

เถรี 05-07-2019 21:10

"ในเรื่องการศึกษา เหมือนกับวิทยาลัยสงฆ์ของเราตอนนี้กำลังหลงทาง คำว่าหลงทางก็คือ การตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง ไม่ว่าจะเป็นมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือมหามกุฎราชวิทยาลัย เป้าหมายแรกก็คือ ช่วยให้พระภิกษุสามเณรได้เรียนในระดับสูง แต่ปัจจุบันนี้แค่เรื่องค่าเทอมอย่างเดียว กลายเป็นเตะสกัดไม่ให้ภิกษุสามเณรเรียนกัน เพราะว่าราคาระดับไล่หลังมหาวิทยาลัยของรัฐบาลหรือเอกชนเลย

รุ่นอาตมาเรียนปริญญาตรีหน่วยกิตละ ๒๕ บาท แต่สมัยนี้ไปยันไหนแล้วก็ไม่รู้ ? รู้แต่ว่าเรียนปริญญาตรีนี่ถ้าเทอมไหนค่าเทอมเกิน ๒,๐๐๐ บาท พวกอาตมาโวยแล้ว แต่เดี๋ยวนี้เขามากกว่า ๓-๔ เท่า ปริญญาโทเทอมไหนถ้าเกิน ๑๘,๐๐๐ บาท พวกอาตมาก็โวยกันแล้ว แต่สมัยนี้ราคานี้ไม่ได้ครึ่งเทอม

อาตมาเรียนปริญญาเอกค่าเทอม ๓๕๐,๐๐๐ บาท ตอนนี้ได้ยินว่าจะเป็น ๔๕๐,๐๐๐ บาท ต่อไปจะเหลือสักกี่คนที่จบปริญญาเอกได้ เพราะว่าที่เรียนไม่ไหวออกกลางคันไปก็เยอะ รุ่นพี่ของอาตมาจนป่านนี้เรียนไม่จบก็เยอะ ถ้าดูอย่างหลวงพ่อโก๊ะ วัดดอนขมิ้น ต้องบอกว่าท่านมีความมานะสาหัสเลย เพราะว่าท่านเรียนก่อนอาตมา ๒ ปี แล้วจบทีหลัง ๓ ปี รวมเวลาแล้วท่านใช้ไป ๘ ปี ถามว่าหลวงพ่อโก๊ะจ่ายค่ารักษาสถานภาพไปเท่าไร ? ท่านบอกว่า “ผมเป็นพระครับ เขาเกรงใจเลยไม่คิดค่ารักษาสถานภาพ แต่บอกว่าให้รีบ ๆ จบหน่อย” ขนาดรีบจบใช้เวลา ๘ ปีเรียนปริญญาเอก แปลว่าท่านใช้เวลาทำวิทยานิพนธ์ประมาณ ๗ ปี..!"

เถรี 05-07-2019 21:13

"ส่วนอาตมาใช้เวลา ๒ เดือนกว่า ๆ เพราะท่านอาจารย์บอกว่าไม่ครบ ๓ ปีไม่ต้องมายื่นขอสอบ อาตมาก็สบายใจ วิทยานิพนธ์คาอยู่แค่บทที่ ๓ ก็ไม่ทำต่อแล้ว...นอนรอ เหลือเวลาอีกตั้งเป็นปี ๆ ปรากฏว่าไป ๆ มา ๆ ท่านอาจารย์มาบอก “อาจารย์เล็ก..เร่งวิทยานิพนธ์หน่อยครับ ถ้าหากว่าเสร็จทันจะให้สอบเลย” ถามว่าทำไม ? “เข็นรุ่นพี่ไม่ไหว..เข็นไม่ไป”

คำว่าเข็นไม่ไป ก็อาจจะเป็นเพราะว่าคนที่มาเรียนในระดับนี้ส่วนใหญ่ก็อายุมาก อายุมากมีข้อเสียอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือยึดติด อันนี้เป็นข้อเสียมหาศาลเลย การศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาเอก เป็นการศึกษาอิสระ ยึดติดไม่ได้ ต้องเปิดรับของใหม่ ๆ โดยเฉพาะทฤษฎีและแนวความรู้ใหม่ ๆ

ประการที่ ๒ คือ พออายุมากแล้วสมองไปไม่ไหว อาตมาเองไปยืนเข้าคิวกับท่านรออาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ที่ปรึกษาอธิบายครั้งที่หนึ่งก็แล้ว สองก็แล้ว สามก็แล้ว สี่ก็แล้ว ห้าก็แล้ว ท่านไม่เข้าใจ ส่วนคนยืนฟังอย่างอาตมาเข้าใจทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว ไม่ต้องให้อาจารย์อธิบายก็ได้ ต้องบอกว่าเพดานบินท่านไม่ถึง ในเมื่อเพดานบินไม่ถึงแต่พยายามบิน ก็จะเกิดสภาพอย่างนั้น

อาตมาก็เลยใช้เวลาที่เหลืออยู่ประมาณ ๒ เดือนเร่งวิทยานิพนธ์ให้เสร็จ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันแล้ว บางที ๑๐ กว่าวันไม่ได้นอนเลย ถามว่าทำไมไม่ได้นอน ? ก็ตอนนอนลงไปดันคิดได้ว่าจะเขียนอย่างไร ก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่"

เถรี 05-07-2019 21:16

"สรุปว่ารุ่นของอาตมาที่ช่วยเหลือกัน รักกันจริง เป็นรุ่นเดียวที่จบได้ทั้งรุ่น แม้ว่าจะมีล่าช้าบ้าง แต่จนป่านนี้รุ่นที่ ๑ ยันรุ่นที่ ๘ ยังคากันอยู่เยอะแยะเลย ท่านยี้ต้องบอกว่าน่าเสียดายมาก เพราะว่าตอนนั้นท่านเป็นเลขานุการเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน แล้วพื้นฐานภาษาอังกฤษของท่านดีมาก ปรากฏว่าพอเรียนวิชาการจบก็ทิ้งเลย ไม่เรียนต่อ ไม่ทำวิทยานิพนธ์ บอกว่าสู้ไม่ไหว อาตมาก็เสียดาย เพราะว่าเหลือแค่วิทยานิพนธ์อย่างเดียว

ท่านหนึ่งจบด็อกเตอร์แล้ว ตอนที่ขอเรียนจะบอกกับท่านว่ายากก็ไม่ได้ เพราะว่าคนอื่นเห็นพระอาจารย์เรียนพักเดียวก็จบแล้ว จึงปล่อยท่านไปผจญภัยเอาเอง ผ่านไป ๑ เทอม น้ำหนักลดไป ๒๐ กว่ากิโลกรัม ท่านมาบอกว่า “หลวงพ่อครับ ผมรู้แล้วครับว่าปริญญาเอกยากโคตรขนาดไหน..!”

เถรี 05-07-2019 21:18

"ตอนนี้กาญจนบุรีมีพระภิกษุและแม่ชีจบปริญญาเอก ๑๒ รูป เป็นของวัดท่าขนุนไป ๔ รูป แล้วก็พระที่เคยเป็นเด็กวัดท่าขนุนอีก ๑ รูป รวมแล้วว่าไปเกือบครึ่งจังหวัด ตอนนี้ที่รออยู่ก็คือแม่ชีแก่ ๆ ไปเรียนปริญญาเอกที่ศรีลังกา ป่านนี้ ๖ ปีแล้วยังไม่จบเลย ถ้าเรียนเมืองไทยก็จบไปนานแล้ว

ที่ไม่จบเพราะว่า อันดับแรกต้องไปทดสอบภาษาอังกฤษว่าได้ระดับที่เรียนปริญญาเอกหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ระดับก็ต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม และวิทยานิพนธ์ที่ทำเกี่ยวกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ส่วนใหญ่ก็ต้องค้นคว้าจากตำราที่เขาเขียนเป็นภาษาบาลี-โรมัน ก็คือใช้ตัวภาษาอังกฤษ แต่เวลาเขียนแล้วมีการออกเสียงต่างออกไป ถ้าคนไม่เคยชินกับบาลี-โรมัน จะอ่านไม่ได้เลย

อย่าง SACCA เขาอ่านว่าสัจจะ เพราะตัว C ในบาลี-โรมัน คือ จ.จาน ถ้าหากว่าเป็นเราก็ออกเสียงว่าสัคคะ แม่ชีก็ต้องไปเรียนบาลี-โรมัน สรุปแล้วที่ ๖ ปียังไม่จบนี่ไม่ใช่อะไรหรอก มัวแต่ไปเรียนเพิ่มอยู่ ก็เท่ากับว่าต้องไปเรียนเพื่ออ่านพระไตรปิฎกภาษาบาลี-โรมันให้ได้ เสร็จแล้วก็รวบรวมเนื้อหามาเพื่อเขียนวิทยานิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษ ท้ายสุดแม่ชีใช้วิธีง่าย “หลวงพ่อช่วยเขียนเป็นภาษาไทยให้หน่อย เดี๋ยวหนูไปแปลภาษาอังกฤษเอง” “เออดี...ทำไมไม่ให้หลวงพ่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษไปเลยล่ะ..!”

เถรี 05-07-2019 21:21

"เมื่อวานนี้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด็อกเตอร์พิเชฐ ทั่งโต บอกว่าเรียนแล้วได้อะไร ? อันดับแรกได้ความรู้ พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ท่านพูดจนติดปากเลยว่า “นกไม่มีขน คนไม่มีความรู้ ขึ้นสู่ที่สูงไม่ได้” เพราะว่าบ้านเราไม่ได้เชื่อความสามารถของคน ยังเชื่อในกระดาษแผ่นเดียว

ในเมื่อเชื่อกระดาษแผ่นเดียว เราก็ต้องหากระดาษไปยืนยันความสามารถตัวเอง คราวนี้ถ้าความรู้ของเราเพิ่มมากขึ้น จะขยายโลกทัศน์ ขณะเดียวกันวิสัยทัศน์ของเราก็กว้างไกลขึ้น โลกทัศน์นี่ก็คือมุมมองที่มีต่อโลกจะกว้างขึ้น วิสัยทัศน์ก็คือแนวความคิดของตัวเอง จะชัดเจนและกว้างไกลขึ้น เพราะฉะนั้น..ความรู้อันนี้จำเป็นมาก ถ้าเราไม่เข้าไปเรียน เราก็ไม่รู้

ข้อที่ ๒ ได้ปริญญา แน่นอนอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณพยายามตะเกียกตะกายจนจบ ก็ต้องได้ปริญญา ก็อย่างที่ว่า เอาไปเพื่อรับรองว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถ ตรงจุดนี้ต้องบอกว่ายังเป็นจุดบอดของประเทศไทย คนมีความสามารถแต่ไม่มีปริญญาบัตร ไม่มีประกาศนียบัตรรับรองความรู้ ยังไม่ได้รับการยอมรับ ก็ต้องหางานทำเอง มีกิจการของตัวเอง ไม่อย่างนั้นแล้วจะไปเข้าบริษัทที่อื่นหรือหน่วยงานองค์กรอะไร ก็ต้องการปริญญาบัตรหรือประกาศนียบัตรรับรองทั้งนั้น"

เถรี 05-07-2019 21:25

"ข้อที่ ๓ เรียนแล้วได้เครือข่าย พรรคพวกเพื่อนฝูงที่รู้จักกันในระหว่างที่เรียน ในแต่ละระดับชั้น ในแต่ละรุ่น อย่างอาตมาเองปัจจุบันนี้ถ้าเดินอยู่ในเขตภาค ๑๔ ร้อยละ ๙๙ ที่ผ่านมาจะยกมือไหว้ เพราะว่าถ้าไม่ใช่เพื่อนร่วมรุ่นก็จะเป็นลูกศิษย์ เนื่องจากว่าสอนมหาวิทยาลัยสงฆ์มา ๑๐ กว่าปีแล้ว

เครือข่ายตรงนี้มีคุณค่ามหาศาล ของบางอย่างที่เราทำเองแล้วจะยาก แต่ถ้ามีเพื่อนก็จะง่าย ถึงเวลาต้องการรู้เรื่องอะไร หรือว่าบางสิ่งบางอย่างที่กำลังหาอยู่ รู้ว่าอยู่ใกล้ทางด้านจังหวัดโน้น จังหวัดนี้ ก็เรามีเพื่อนร่วมรุ่น มีเพื่อนรุ่นน้อง มีครูบาอาจารย์ สมัยนี้ก็ LINE บอก รบกวนหน่อย เดี๋ยวท่านก็ช่วยจัดการให้

ข้อสุดท้ายได้ช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือสังคมนี้ไม่ต้องเอาอะไรมากหรอก แค่เราเดินทางไปเรียน ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ตกแก่ชาวบ้านทั้งนั้น ท่านพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์ (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) ปัจจุบันก็คือรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีป้ายแดง เพราะว่าเพิ่งได้รับการแต่งตั้งไล่ ๆ กัน วันก่อนเจอหน้ากันก็ “เฮ้ย...ยินดีด้วยอาจารย์เล็ก” บอก “เออ...ผมก็ยินดีกับคุณด้วย” ต่างคนต่างได้ตั้ง

เพียงแต่ว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันท่านไปไกลกว่า ตำแหน่งท่านจะใหญ่กว่าเสมอ อาตมาขึ้นรองเจ้าคณะอำเภอ ท่านก็ไปเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดแล้ว แค่ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภออาตมายังกวดท่านไม่ทันเลย"

เถรี 05-07-2019 21:28

"ท่านพระครูวิบูลย์เจติยานุรักษ์ เรียนด้วยกันที่วัดไร่ขิงตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท พอจบโทท่านบอกว่า “อาจารย์เล็ก ผมไม่เอาแล้วนะ ผมไปหาเรียนที่ใกล้ ๆ วัดผมดีกว่า ผมเรียนมาจนจบปริญญาโทมานี่ เฉพาะค่ารถอย่างเดียวนี่เป็นล้านแล้ว” ลองคิดดูว่าต้องเติมน้ำมันเติมแก๊สไปล้านกว่าบาท แล้วเงินนี้ตกอยู่กับใคร ? ก็ตกอยู่กับชาวบ้านเขา

เพราะฉะนั้น..ตัวนี้ที่บอกว่าได้พัฒนาสังคมและท้องถิ่นก็ใช่ แต่ขณะเดียวกันถ้าได้ความรู้ความสามารถมาแล้วไปทำงาน อย่างอาตมาเองไม่ว่าจะเป็นหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ไม่ว่าจะเป็นชุมชนคุณธรรม ไม่ว่าจะเป็นสภาวัฒนธรรม ก็สามารถใช้ความรู้ในการพัฒนาท้องถิ่นของเราได้

ดังนั้น..เมื่อวานนี้ที่ท่านอาจารย์ด็อกเตอร์พิเชฐบอกว่า "ถ้าเป็นไปได้แล้วให้เรียน โดยเฉพาะถ้ามีเครือข่าย สมมติว่าคุณ
มาจากจังหวัดอื่นผ่านไปทางวัดท่าขนุน ไม่มีที่กิน ไม่มีที่นอน โผล่ไปหาหลวงพ่อเล็ก บอกว่าเป็นศิษย์ มจร. อยู่ที่นั่นที่นี่ ท่านก็คงจะไม่ไล่คุณออกจากวัดมาหรอก อย่างน้อยก็ต้องมีที่กินที่นอนให้ นี่คือเครือข่าย ท่านบอกสามารถช่วยเหลือเราได้ยามลำบาก ยามเดือดร้อน อะไรที่หนักเกินกำลังก็อาศัยเครือข่ายได้" ตรงนี้เป็นเรื่องจริง

อย่างอาตมาปัจจุบันเป็นประธาน
องค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ก็แปลว่า ๒๓ จังหวัดใน ๖ ภาค ไปไหนก็ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงได้หมด เป็นประธานศูนย์ประสานงานสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรี ทุกสำนักก็ไปพึ่งพาเขาได้หมด เป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ก็แปลว่าสภาตำบลอีก ๗ ตำบลก็อาศัยเขาได้หมด เครือข่ายพวกนี้มีแต่จะกว้างออกไป ๆ

มีบางคนส่งลูกเรียน หาโรงเรียนที่มีชื่อเสียง พยายามยัดเยียดลูกเข้าไปให้ได้ เขาบอกว่าไม่ได้ต้องการให้ลูกมีความรู้ แต่ต้องการให้ลูกได้รุ่น เราจะเห็นว่าถึงเวลาแล้วนายกรัฐมนตรี บรรดารัฐมนตรี เรียนรุ่นนั้นรุ่นนี้มาด้วยกัน เครือข่ายพวกนี้ทรงพลังกว่าที่เราคิด บางทีลูกหลานหรือคนรู้จักจะทำงานก็ฝากกันได้"

เถรี 05-07-2019 21:30

"ปัจจุบันนี้มีกองงานพิธีการเกี่ยวกับศพที่ได้รับพระราชทาน อันนี้ต้องบอกว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ โดยตรง ข้าราชการหรือว่าผู้ที่มีความสัมพันธ์กับข้าราชการ ที่สร้างคุณความดีให้แก่แผ่นดิน ถ้าอยู่ห่างไกลพระเนตรพระกรรณก็ลำบาก ปัจจุบันนี้พระองค์ท่านให้ตั้งกลุ่มงานพิธีการนี้ เกาะอยู่กับสำนักงานวัฒนธรรมทุกจังหวัด ปัจจุบันนี้บรรจุคนเข้าทำงานไป ๖,๐๐๐ กว่าตำแหน่งแล้ว และยังมีที่กำลังเพิ่มเติมมาเรื่อย ๆ

ส่วนนี้ที่กล่าวถึงเพราะว่ากลุ่มงานพิธีการของสำนักวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี มีเด็กที่เป็นอดีตมหาเปรียญสึกหาลาเพศไปสมัครงานอยู่ ๔ คน เขาก็มากราบ "หลวงพ่อเล็ก..ช่วยพวกผมด้วยนะครับ" เพราะเห็นว่าอาตมากับวัฒนธรรมจังหวัดสนิทสนมคุ้นเคยกันมาทุกรุ่น ทำงานร่วมกันมา ก็แค่แจ้งกับหัวหน้ากลุ่มงานเขาไปว่า ๔ คนนี้เป็นเด็กวัดเก่า รู้งานเกี่ยวกับทางด้านนี้ดี ถ้าหากว่ามีการบรรจุใหม่อะไรใหม่ ถ้าหากว่าสอบได้ก็ขอให้รับเด็กพวกนี้ก่อน

งานยากของเขาก็กลายเป็นงานง่ายเพราะว่ามีเครือข่าย โดยเฉพาะที่เป็นครูบาอาจารย์คอยสนับสนุน ถ้าหัวหน้ากลุ่มงานมีเด็กของตัวเองอยากจะเอาเข้าไป ของเราเองก็ยังขยับขึ้นไปได้ เพราะว่าผู้อำนวยการหรือท่านวัฒนธรรมจังหวัดก็ยังสามารถที่จะชี้แนะช่องทางให้ได้"

เถรี 07-07-2019 18:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงต้นเดือนมาจนถึงวันนี้ งานใหญ่ ๒ งานที่สำเร็จลงแล้ว ทำให้คลายความหนักใจไปมาก ก็คืองานศพของพระมหาสันติ โชติกโร เปรียญธรรม ๙ ประโยค อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา อดีตเจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม ซึ่งพระผู้ใหญ่โดยเฉพาะพระเดชพระคุณพระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคม แม่กองบาลีสนามหลวง รักษาการเจ้าคณะภาค ๕ ท่านชื่นชมว่าจัดได้สมเกียรติของผู้ตาย

แต่ตรงนี้ไม่กล้ารับเป็นความดีของตนเอง เพราะว่าได้รับการอนุเคราะห์สงเคราะห์จากหลวงพ่อพระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ เจ้าคณะตำบลโกรกกราก เจ้าอาวาสวัดโกรกกราก จังหวัดสมุทรสาคร ที่บางคนคุ้นเคยเขาเรียก หลวงพ่อมหาสัมฤทธิ์ ท่านมอบเมรุลอยของวัดมาให้ ไม่คิดค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว แล้วรู้ด้วยนะว่าอาตมาอย่างไรก็ต้องแอบยัดให้ลูกศิษย์ท่าน ตามไปกำชับถึงวัดท่ามะขาม บอก “อาจารย์อย่าให้แม้แต่บาทเดียวนะ ถ้าพวกมันกล้ารับไป ผมรู้เมื่อไรจะให้มันนั่งรถเพื่อคืนให้อาจารย์ที่นี่”

ท่านบอกว่าท่านตั้งใจช่วยงาน ถ้ารับแม้แต่บาทเดียวก็ไม่ใช่ช่วยงานแล้ว กลายเป็นทำเพราะผลประโยชน์ ก็ต้องบอกว่าเบาค่าใช้จ่ายไปมาก เพราะว่าปกติเมรุลอยลักษณะอย่างนั้นต่ำ ๆ ก็ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ไปประกอบเป็นเจดีย์ ๕ ยอดอะไรประมาณนั้น แล้วท่านส่งลูกศิษย์ท่านมาทำให้ทั้งหมดเลย ตั้งแต่ติดตั้ง ประกอบ ถอดเก็บ ฯลฯ แม้กระทั่งไฟฟ้าท่านก็ส่งรถของท่านมา เติมน้ำมันเอง ปั่นไฟเอง ไม่ให้ทางวัดเดือดร้อนเลย

เพราะฉะนั้น...งานนี้ที่สำเร็จลงได้ ที่เรียกว่าสมเกียรติยศผู้ตายก็ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อมหาสัมฤทธิ์ วัดโกรกกราก ท่านชวนไปดูอุโบสถร้อยล้านของท่านอยู่ ยังไม่มีเวลาไปเลย"

เถรี 07-07-2019 18:40

"และอีกส่วนหนึ่งที่ผ่านไปได้ด้วยดีก็คือ การเป็นตัวแทนรับตรวจงานหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ของจังหวัดกาญจนบุรี เขามาตรวจ ๒ แห่ง คือไทรโยคกับทองผาภูมิ

ทองผาภูมิ วัดท่าขนุน หมู่บ้านท่าขนุน เป็นตัวแทนรับการตรวจ ตรงนี้งานออกมาต้องบอกว่า ที่คณะสงฆ์เขาบอกว่าจัดได้ยิ่งใหญ่มาก ความจริงแล้วเกิดจากท่านนายอำเภอสืบสาย ศักดิ์โสภิษฐ์ ท่านทำหนังสือถึงส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สั่งเลยว่าทุกคนต้องไปร่วมงาน ถ้าไม่ได้ท่านนี่ทางราชการก็ไม่มาพร้อมเพรียงกันขนาดนั้น แต่ทางชาวบ้านของเราหาได้

คราวนี้การตรวจประเมินเขาไม่มีรายละเอียดให้เราว่าตรวจแบบไหน คุณเดาใจกรรมการก็แล้วกันว่าจะตรวจอะไรบ้างแล้วก็จัดไป หัวข้อนั้นคณะกรรมการท่านถือไว้ ถึงเวลาก็ให้คะแนนกัน ได้ยินว่าเต็ม ๕๐ คะแนน ถ้าตรวจประเมินผ่านก็เป็นชุมชนต้นแบบ แล้วก็ให้คนอื่นเขามาดูงาน"

เถรี 07-07-2019 18:43

"คราวนี้มีงานเป็นงานที่แทรกเข้ามา คือวันที่ ๑๓ มีคณะของวัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรีมาขอดูงาน ว่าชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนจัดงานแบบไหน ? ทำงานแบบไหน ? ถึงเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบ แล้วก็โดดขึ้นมาเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบที่มีความโดดเด่นภายในปีเดียว

วันที่ ๑๔ ของเราโกนหัวนาคบวชเณร วันที่ ๑๕ บวชพระ ๑๐๘ รูป วันที่ ๑๖ สืบชะตา วันที่ ๑๗ งานฉลองหลวงพ่อสามกษัตริย์ เขามาตรวจหมู่บ้านศีล ๕ วันที่ ๑๘ เจ้าคณะอำเภอท่านมั่นใจ แต่ทางภาคไม่มั่นใจ ท่านเจ้าคุณปัญญา เลขาฯ ภาค ท่านมาถึงตอนบ่ายทำหน้าไม่ค่อยดี “อาจารย์...จะทันไหมนี่ ? ไม่มีอะไรเลย”

เรียนท่านไปว่า "เจ้าคุณไปนอนสบาย ๆ เดี๋ยวตอนเย็นมาดูใหม่ ขอเวลา ๒ ชั่วโมง ศาลาหลังนี้เป็นศาลาปาฏิหาริย์ ๓ วันมานี่เปลี่ยนโฉมทุกวันเลย" ตั้งแต่บวชพระ ๑๐๘ รูป มาทำพิธีสืบชะตา แล้วก็มาเจริญพุทธมนต์ฉลองหลวงพ่อสามกษัตริย์ พอตอนเย็นเจ้าคณะจังหวัดมายกนิ้วให้ทุกนิ้วที่มีเลยว่าอย่างนั้น บอกว่าทำไมเสร็จเร็วแท้"

เถรี 07-07-2019 18:46

"พอพร้อมตรวจทุกฝ่ายก็สบายใจ แต่อาตมาไม่สบาย พอเช้าวันที่ ๑๘ พระครูศรีธรรมวราภรณ์ เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี มาบอกว่า “หลวงพ่อครับ ผมไม่ได้สรุปกล่าวรายงานย่อมาให้ หลวงพ่อต้องว่าปากเปล่านะครับ” เฮ่อ...ก็เห็นใจว่างานท่านเยอะ แต่ถ้าท่านไม่บอกผมก็จะสรุปเอง แต่คราวนี้ท่านบอกว่าท่านจะทำให้ ผมก็ไว้วางใจ เลยใช้เวลา ๑๐ กว่า ๒๐ นาทีว่าปากเปล่าเพื่อสรุปงานตลอดทั้งปีให้คณะกรรมการท่านฟัง

อาตมาไม่รู้หรอกว่าตัวเองพูดอะไรไปบ้าง ไม่รู้ว่ามีใครบันทึกเสียงไว้หรือเปล่า แต่บรรดาส่วนราชการที่มา ตลอดจนทางคณะสงฆ์ท่านบอกว่า อาจารย์เล็กแจกความดีความชอบให้ครบทุกหน่วยงานเลย ก็คือแต่ละงานที่ทำออกไป ใครให้ความร่วมมือ ใครให้งบประมาณ ใครช่วยเหลือด้านไหนบ้าง อาตมาก็ว่าไปตามนั้น อย่าไปเก็บความดีไว้คนเดียว ถ้าเก็บความดีไว้คนเดียวแล้วคุณดันทะลึ่งผ่านไปเป็นหมู่บ้านต้นแบบ ถึงเวลาเขามาดูงาน คนอื่นเขาจะไม่มาช่วย ตอนนี้แหละหนักเลย

ในเมื่อเขารู้ว่าแต่ละส่วนงานที่มานี่อาตมากล่าวถึงทั้งหมด ใครที่ช่วยเหลืองานทางด้านไหนก็บอกหมด ต่อไปถึงเวลาเขาก็มา เพราะเขารู้ว่ามาแล้ว
เขาได้ผลงานด้วย"

เถรี 07-07-2019 19:07

"ที่น่าสงสารที่สุดคือหน้าห้องของท่านนายอำเภอ นายอำเภอมาถึง ๖ โมงเช้า บอกว่า “หลวงพ่อ...ขอโทษนะครับ เลขาฯ ผมนิ่งนอนใจ เห็นว่าเป็นงานวัด ไม่รู้ว่าผู้ว่าฯ จะมาเป็นประธาน ผมให้ทำหนังสือแจ้งส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด เขาเพิ่งทำเมื่อวานเย็นนี้ครับ ผมเซ็นแล้วให้เขาวิ่งส่งเลย เอาให้เข็ด”

ปรากฏว่าพอตรวจประเมินเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ถวายของที่ระลึก อาตมารู้ว่าถ้ามอบให้เองนี่คณะกรรมการไม่รับแน่ เพราะว่าเหมือนกับรับสินบน ก็เลยให้ท่านผู้ว่าฯ นายอำเภอ กับหัวหน้าส่วนราชการช่วยกันมอบให้ เป็นกระเช้าเงาะทองผาภูมิ แล้วกระเช้านี้ก็เป็นเครื่องจักสานที่เป็นฝีมือของชุมชน ปรากฏว่าทางด้านคณะกรรมการฉันเงาะทองผาภูมิแล้วติดใจ ท่านบอกว่าเงาะทองผาภูมิชื่อเสียงสู้ทุเรียนไม่ได้ มีทุเรียนบ้างไหม ? ก็เรียนท่านไปว่า “ท่านมาผิดเวลาครับ ทุเรียนนั่นอยู่ในท้องของพวกผมหมดแล้ว ถ้าจะมาฉันทุเรียนต้องมาเร็วกว่านี้หนึ่งเดือนครับ”

เถรี 07-07-2019 19:49

"เสร็จงานก็จะตามลงไปช่วยหลวงพี่ต๋อง คือพระครูสุทธิสารโสภิต เจ้าคณะตำบลท่าเสาเขต ๑ เจ้าอาวาสวัดพุตะเคียน เพราะว่าท่านเป็นตัวแทนรับตรวจอีกแห่งหนึ่ง ก็คือเขามาตรวจของจังหวัดกาญจนบุรีแค่ ๒ แห่ง ปรากฏว่าพอน้องเล็กสตาร์ทรถ รถเต้นเป็นเจ้าเข้าเลย ลักษณะเหมือนกับวิ่งแค่ ๒ สูบ ทำอย่างไรก็ไปไม่ได้ เปิดเครื่องดูปรากฏว่ามีรอยหนูแทะ ขยะกองเป็นก้อนเลย "มึงเล่นสายไฟกูแล้วแน่นอนเลย" โทรไปหาศูนย์บริการโตโยต้า ทางศูนย์แม่นมาก บอกว่าหนูแทะสายไฟไม่ใช่ความผิดปกติของเครื่อง จัดเป็นอุบัติเหตุ ให้รีบติดต่อประกัน

บอกว่า "ยายบ้า... ! กูจะใช้รถ กูไม่ได้เคลมประกัน" ยายนั่นไม่ฟังเสียง เรียกประกันอย่างเดียว ถามประกันจะมาเมื่อไร ? อีก ๒ ชั่วโมงถึง เออ..เรื่องของมึงเถอะ อาตมาก็เรียกช่างในพื้นที่มาช่วยกันดู ช่างเขาจัดการต่อสายไฟให้เสร็จสรรพ ถามว่าค่าบริการเท่าไร ? "ไม่คิดครับหลวงพ่อ สายไฟเส้นเดียว" ก็เลยให้ไปพันหนึ่ง บอกว่าไปแบ่งกัน อาตมาเองก็วิ่งลงไปไทรโยคเพื่อไปช่วยงานหลวงพี่ต๋อง

ไปถึงกลางทางประกันโทรมาถามว่าวัดท่าขนุนเข้าทางไหน ? บอกว่า "เอ็งกลับไปได้แล้ว ข้าจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ต้องการเคลมประกันโว้ย..! ต้องการใช้รถ" พอตัดสายไปอีกสักพักหนึ่งโทรมาใหม่ ตกลงว่าที่แจ้งไปนี่ไม่รับเคลมใช่ไหม ? ก็บอกไปว่ากี่หมื่นก็ไม่เอา กูบอกแล้วว่าแค่จะใช้รถ"

เถรี 07-07-2019 19:54

"ท้ายสุดก็เลยไปเกือบไม่ทันงานของหลวงพี่ต๋อง เพราะว่าคณะกรรมการกำลังจะเดินทางเข้าไปตรวจในหมู่บ้านแล้ว ถามว่าทำไมของท่าขนุนไม่มีตรวจในหมู่บ้าน ? เพราะว่าท่าขนุนฝนตกมา ๓ วัน ๓ คืนแล้ว วันตรวจนั้นฝนก็ตก งานทุกอย่างอาตมาเอาเข้าไปอยู่ในศาลาเดียวเลย

อาตมาก็โดดขึ้นรถตู้ของวัฒนธรรมจังหวัดตามเข้าไปตรวจในหมู่บ้าน ปรากฏว่าฝ่ายพระเถระทุกรูปที่เจอหน้าถาม “อ้าว...ยังไม่นอนอีกหรือ ?” เพราะเขารู้ว่างานต่อเนื่องมา ๔ วัน นี่วันที่ ๕ แล้ว เรียนท่านไปว่า "นี่ยังไม่ใช่งานสุดท้ายของวันนี้ครับ" เพราะว่าหลังจากตรวจประเมินร่วมกับของทางไทรโยคเสร็จ อาตมายังต้องวิ่งกลับไปงานศพของพระมหาสันติที่วัดท่ามะขาม เป็นงานส่งท้ายของคืน

ขอแจ้งให้กับทางญาติโยมทราบว่า ถ้าระยะนี้อาตมาวันไหนมีงานเดียว วันนั้นโคตรโชคดีเลย ตอนนี้อีก ๓ ศพที่รอคิวให้อาตมาจัดงานศพให้อยู่ กำลังรอว่าใครจะไปก่อน ก็มีตุ๊ป้อสิงห์ ๘๒ ปี หลวงพ่อมณฑล ๗๓ ปี หลวงพ่อสมคิด ๗๓ ปี กำลังดูว่าใครจะเลิกหายใจก่อน...ฝากกันดีนัก...!"

เถรี 07-07-2019 20:02

"งานของท่านอาจารย์มหาสันติที่ฝากไว้ ตอนแรกกะว่าจะทำง่าย ๆ ๗ วันเลิก ปรากฏเจ้าตัวสั่งไว้ว่าให้ ๑๖ วัน เพราะว่าคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีมี ๑๓ อำเภอ ผลัดกันเป็นเจ้าภาพอำเภอละวัน แล้วก็ให้ญาติตัวเอง ๓ วัน ถ้าตามนั้นวันเวลาก็จะลงโป๊ะ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทธิดาฯ พระบรมราชินี ขืนไปจัดงานวันนั้นก็หัวขาด

เรียนถามหลวงพ่อจังหวัด ท่านบอกว่า "ขยับเป็นอาทิตย์ถัดไป" "อาทิตย์ถัดไปผมไม่ว่างครับ" จำไม่ได้ว่าติดงานอะไร แล้วอีกอาทิตย์หนึ่งก็งานวันเกิด ก็ต้องเลื่อนมาอาทิตย์สุดท้าย เลยถามหลวงพ่อจังหวัดท่านว่าว่างไหม ? ท่านบอกว่าถ้ายาวขนาดนี้ท่านพอขยับได้ ก็เลยเลื่อนมาเผาวันที่ ๒๓ มิถุนายน

อาตมาก็ได้แต่ถอนใจ รวมงาน ๓๖ วัน ค่าใช้จ่ายวันละเฉลี่ยประมาณ ๑๐,๐๐๐ บาท เพราะว่ามีพระสวดอภิธรรม มีพระเทศน์ พรรคพวกก็ง่ายเหลือเกิน เขียนระบุในพินัยกรรมให้พระครูวิลาศกาญจนธรรมเป็นผู้จัดการศพ เรื่องเสียเงินนี่อย่าได้ทำบ่อยนักนะ เพราะว่าตอนนั้นเพิ่งจะจัดการศพให้คุณชยาคมน์ยังไม่ทันจะเสร็จดี

คุณชยาคมน์เผาวันที่ ๑๙ อาจารย์มหาสันติมรณภาพวันที่ ๑๘ วันวิสาขบูชา กลายเป็น ๒ ศพต่อเนื่องกัน จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดงานศพไปแล้ว แต่ว่างานนี้ตรงจุดที่ได้กำไรก็คือ เอาพระวัดท่าขนุนไปฝึกงาน ๕ รูป ต่อไปถ้าในเขตอำเภอทองผาภูมิหรือจังหวัดกาญจนบุรีมีงานพระราชทานเพลิงศพ มีงานสวดอภิธรรม มีงานเทศน์หน้าศพ ๕ รูปนี้ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพราะว่าผ่านการอบรมจริงมา ๓๖ วัน ไม่มีหลักสูตรไหนยาวขนาดนี้หรอก"

เถรี 07-07-2019 20:04

พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดที่บูชา Flash Drive ธรรมะ ๖๐ ปีของอาตมาไป ขอแนะนำว่าให้ถ่ายข้อมูลเก็บเอาไว้ในฮาร์ดดิสก์หรือว่าในเครื่อง เพราะว่า Flash Drive ถ้าพกไปพกมาเกิดผ่านอะไรที่เป็นแม่เหล็ก วูบเดียวข้อมูลจะหายเกลี้ยงเลย Copy ทิ้งไว้สัก ๒-๓ ที่ก็ได้ เสร็จแล้วแผ่นข้อมูลนั่นเราก็เอามาเลี่ยมแขวนคอ..! เพราะว่าเป็นวัตถุมงคลที่เป็นรูปพระอาจารย์เล็กชิ้นแรกและชิ้นเดียวเท่านั้น

อาตมาตั้งใจแล้วว่าถ้าจะทำวัตถุมงคลรูปตัวเองก็ขอสักอายุ ๘๐ ปีไปแล้ว ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เขาออกแบบมาสวยก็เลยใจอ่อน ยอมให้เขาทำ ไปนึกถึงหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน หลวงปู่หมุนท่านบอกว่าถ้าท่านอายุไม่ถึง ๑๐๐ ปี ไม่ต้องมาขอให้ท่านทำวัตถุมงคล หลวงปู่หมุนก็อยู่เสีย ๑๐๐ กว่าปี"

เถรี 07-07-2019 20:08

พ่อแม่พาลูกมาถวายสังฆทาน "จับเขาสวดมนต์ภาวนาแต่เด็ก ๆ นะ ไม่อย่างนั้นรายนี้โตขึ้น ถ้าเอาไม่อยู่นี่รับประกันได้...โลกแตกแน่"

ถาม : ดื้อค่ะ
ตอบ : สมัยนี้เขาไม่เรียกว่าดื้อ เขาเรียกว่ายึดมั่นต่อความคิดของตัวเอง ไอ้เจ้าหนูนี่เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น..ต้องพยายามลากเข้าวัดแต่เนิ่น ๆ นะ ต้องรีบ ๆ ฝึกไว้ ให้เขามายึดมั่นแนวคิดในการทำความดีไว้ก่อน คราวนี้จะดื้อทำเท่าไรก็ทำไปเถอะ

เถรี 07-07-2019 20:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครจะร่วมบุญธรรมทานใหญ่ คือสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ไปบูชาเหรียญสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลที่ตู้วัตถุมงคล แพงหน่อยแต่ว่าตั้งใจเอาไปทำบุญใหญ่จริง ๆ

วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๒ อาตมาจะหนีงานเอาเงินตรงนี้เป็นกองผ้าป่าร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์ เพราะว่าวันที่ ๖ ตุลาคมนี้ จะเป็นวันวางศิลาฤกษ์วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี อยู่ตรงพนมทวน ข้าง ๆ โรงเรียนวัดห้วยสะพาน ตอนนี้กำลังทำทางเข้าออกอยู่ ตัวอาคารก็ตีผังแล้ว กว่าจะถึงเดือนตุลาคมก็น่าจะเห็นหน้าเห็นหลังกันมาก

ตั้งแต่รับสังฆทานมานาน ๆ จะมีหนีงานทีหนึ่ง จำได้ว่าเคยหนีไปครั้งหนึ่งไม่ทราบว่างานอะไร เคยหนีไปครึ่งค่อนวันเหมือนกัน งวดนี้ก็น่าจะใกล้เคียงกัน เพราะว่าทอดผ้าป่าฉันเพลเสร็จเรียบร้อย วิ่งมานี่หนึ่งชั่วโมง ก็ราว ๆ บ่ายโมงมารับสังฆทานต่อที่นี่ เพราะฉะนั้น..ใครจะจัดผ้าป่าร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์ก็เตรียมไว้นะ ถ้าหากว่าไม่มีก็ช่วยกันบูชาวัตถุมงคล อาตมาจะรวมเงินไปเอง

อาคารหลังนี้ต้องบอกว่าแพงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าตอนแรกปี ๒๕๕๙ ราคาอยู่ที่ ๓๘ ล้านบาท ไม่ได้ลงมือทำ มาลงมือตอนนี้ปี ๒๕๖๒ เขาประมาณการไว้ที่ ๕๐ ล้านบาท ถ้าขืนช้าราคาคงจะไปอีกไกล"


เถรี 07-07-2019 20:25

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครจะร่วมไถ่ชีวิตสัตว์กับเว็บพลังจิตบ้าง ? อาตมาปล่อยชีวิตสัตว์มาตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๒๙ จนถึงตอนนี้ขึ้นปีที่ ๓๔ แล้วกระมัง ? ไม่รู้เหมือนกันว่าหมดไปกี่สิบล้านบาทแล้ว

อันนี้คุณวีระชัย แก่นภักดี เจ้าของเว็บพลังจิต บอกว่าอยากจะทำถวายตอนหลวงพ่ออายุ ๖๐ ปี ก็เลยเอามาถวายตอนเลย ๖๐ ปีมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวนี้เดือนหนึ่งอาตมาปล่อยที ๔๐,๐๐๐-๕๐,๐๐๐ บาท

อันนี้ก็น่าจะอยู่ได้หลายเดือน ยอดของทางเว็บพลังจิตมา ๓๖๕,๐๐๐ บาท บวกกับของเราอีกหน่อยหนึ่งตรงนี้ โมทนากัน ถ้าหากว่าปล่อยสัตว์แล้วอายุยืน ตูจะได้ไม่เฮงอยู่คนเดียว ไม่อย่างนั้นประเภทยืนอยู่คนเดียวไม่มีใครช่วยนี่จะยุ่งมากเลย"

เถรี 07-07-2019 20:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทำบุญ อาตมาใช้เป็น ไม่เคยเหลือหรอก มีแต่ใช้เกิน วันก่อนพระครูเกษมกาญจนสิทธิ์ วัดท่าเสด็จ เจ้าคณะอำเภอด่านมะขามเตี้ย ไปอบรมด้วยกัน จับแขนดึงไปหน้าส้วม “อาจารย์เล็กขอเคล็ดลับหน่อย สั้น ๆ ประโยคเดียวนะ อย่ายาว ความจำผมไม่ดี ทำอย่างไรผมจะทำแล้วประสบความสำเร็จอย่างอาจารย์เล็กบ้าง ?”

“เอาประโยคเดียวใช่ไหม ?” “ใช่” “มีเงินเท่าไรใช้ให้หมด” ถ้าใช้เป็นก็ประสบความสำเร็จเอง เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนพระเอาไว้ว่า “เงินอย่าใช้ข้ามปี ก่อนสิ้นปีใช้เงินให้หมด เป็นหนี้ได้ยิ่งดี” ท่านอธิบายว่าถ้าเราเป็นหนี้ เงินมาจะไม่คิดว่าเป็นของเราเอง ไม่ก็ถือคติแบบพระครูเทพ วัดสี่แยกเจริญพร ‘ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย หน้าบึ้งใส่ให้ครึ่งเดียว พอทวงเมื่อไรหายกัน’

ในส่วนนี้ทำให้พระมหาเถระมีปัญหาเรื่องการใช้เงิน ที่เขาใช้คำว่าเงินทอน ความจริงไม่ใช่ แต่เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาส่งเดชไปเรื่อย ข้อกล่าวหาที่แท้จริงก็คือเอาเงินสงฆ์ไปให้โยม แต่ความจริงโยมที่ว่านั่นคือเจ้าหนี้ เพียงแต่ว่าเจ้าหนี้นั่นเป็นผู้หญิง พอถึงเวลาเงินเข้าบัญชีก็โอนต่อไปให้โยมเพื่อใช้หนี้ เพราะค้างเขามานาน แต่คราวนี้คนจะหาเรื่องก็ไม่ฟังเหตุผล เอาท่านเข้าคุกไปเลย

บ้านเราเมืองเราเรื่องของศาสนาลักลั่นมาก เราบอกว่าเรานับถือศาสนาพุทธมากที่สุดในประเทศ แต่งบประมาณที่สนับสนุนนี่แทบจะไม่มีเลย งบบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี่อาตมาเลิกขอไปเลย เพราะว่าเคยขอให้วัดพุทธบริษัท ขอ ๒๐๐,๐๐๐ บาท หลักฐานทุกอย่างทำไปคือ ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่เขาจ่ายมาแค่ ๒๐,๐๐๐ บาท อาตมาเลิกขอไปเลย เพราะว่าเท่ากับเราขอเงินให้คนอื่นใช้ ขอไปแล้วก็ต้องเว้นอย่างน้อย ๒ ปีถึงจะขอได้ใหม่"


เถรี 07-07-2019 20:41

"คราวนี้ศาสนาอื่นเขาไม่ใช่อย่างนั้น ศาสนาอื่นเขาออกเป็นกฎหมายเลยว่าต้องสนับสนุนเขา ส่วนศาสนาพุทธเราที่คิดว่าเป็นศาสนาประจำชาติ ต้องบอกว่าหากันเอาตามมีตามเกิด แล้วแต่ศรัทธาญาติโยม

ดังนั้น...ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่น่าสงสารสุด ๆ พอคนอื่นจะหาเรื่องขึ้นมาก็ อ้าว...พระจับเงินจับทองไม่ได้ เงินสงฆ์ทั้งหมดจะต้องโอนเป็นของกลาง สนับสนุนวัดแม้แต่บาทเดียวยังไม่สนับสนุน แต่ทีเงินวัดนี่จะเอา แล้วพระท่านจะไปบูรณปฏิสังขรณ์วัดอีท่าไหน ? จะทำให้กิจการของศาสนาเป็นไปอีท่าไหน ? เพราะว่าทุกอย่างต้องใช้เงินหมด

ถึงได้ปรารภกับพระวัดท่าขนุนว่า พวกคุณอาจจะโชคดี ได้เป็นพระรุ่นสุดท้ายของศาสนาพุทธในประเทศไทย เพราะว่าเดี๋ยวนี้แม้แต่กฎเกณฑ์กติกาการบวชทุกอย่างก็กลายเป็นทำให้ยากที่สุด เมื่อวันที่ ๒๕ ที่ผ่านมา ไปอบรมสัมมนาพระวินยาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ และผู้เกี่ยวข้อง

อาตมามาถึงได้กล่าวในที่ประชุมว่า พระวินยาธิการหรือตำรวจพระ เกิดขึ้นมาจากความล้มเหลวของเจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์ ที่ไม่สามารถอบรมพระเณรของตัวเองให้ดีได้ ถ้าลำพังเจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์เข้มแข็ง อบรมพระเณรของตัวเองให้ดีได้ พระวินยาธิการไม่จำเป็นต้องมี เพราะว่าพวกที่ทำชั่วแสดงว่าเป็นตัวปลอม...ไม่ใช่พระ ชาวบ้านสามารถแจ้งตำรวจจับได้เลย

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าว่าแรงไปหรือเปล่า ? เจ้าคณะภาคท่านก็อยู่ เจ้าคณะจังหวัดก็อยู่ ก็ในเมื่อเขาถามว่าใครมีปัญหาอะไรก็ว่ามา ก็เลยบอกว่าก่อนที่จะกล่าวถึงปัญหา ขอพูดความในใจก่อน ใส่ไปเต็ม ๆ เลย"

เถรี 07-07-2019 20:43

"ปัญหาของอาตมาก็คือ อันดับแรก ขอบเขตการทำงานของพระวินยาธิการ ถ้าไปเจอพวกดื้อด้าน ไม่ยอมฟัง ต่อให้คุณเป็นตำรวจพระพวกนั้นก็ไม่สนใจ เพราะหน้าด้านเป็นปกติอยู่แล้ว เราจะจัดการอย่างไร ?

ประการที่สอง คุณเอาความปลอดภัยเข้าว่า ก็คือพอได้ข่าวว่าเขาทำอะไรไม่ถูกต้องตรงโน้นตรงนี้ แล้วก็ต้องประสานหน่วยงานนั้นหน่วยงานนี้จนครบถ้วน...แล้วค่อยไป ซึ่งจากการปฏิบัติจริงไม่เคยทันรับประทาน เพราะกว่าจะประสานงานเสร็จก็คงเป็นชั่วโมง ขณะที่ความเป็นจริงช้าไปแค่ ๕ นาทีเขาก็เปิดแน่บหนีไปแล้ว"

เถรี 07-07-2019 20:50

"เสร็จแล้วก็จะมีการตั้งหน่วยงานเพิ่มขึ้นมา อย่างเช่นว่า อาจจะรวมศูนย์ให้ดูแลกันเป็นภาค ๆ บอกว่านี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่เลวร้ายที่สุดในหน่วยงานราชการไทย แล้วเราก็จะเอามาเลียนแบบ เพราะว่าแก้ปัญหาแล้วจะกลายเป็นเพิ่มปัญหา เพิ่มงบประมาณโดยที่งานไม่ได้อะไรเลย เพราะชุดใหม่ก็จะไปตรวจสอบชุดเก่า ชุดใหม่กว่าจะมาตรวจสอบชุดปานกลาง ชุดใหม่ล่าสุดก็จะมาตรวจสอบชุดใหม่ แล้วจะทำอะไรได้ ? งบประมาณก็เปลืองไปเปล่า ๆ

เขาถามว่าแก้วิธีไหน ? ก็แค่อบรมพระเณรของเราให้ละอายชั่วกลัวบาป รักศีลตัวเองก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปมีคณะกรรมการอะไรมากมาย แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วก็ว่ากันไปตามหน้าเสื่อ เพราะอาตมาไปว่าคนอื่นเขาว่าอบรมพระเณรได้ไม่ดี ตัวเองงานนี้ก็ลักษณะเดียวกัน บวชพระไป ๑๐๘ รูปนี่แทบไม่ได้อยู่ให้พระท่านเห็นหน้าเลย ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเหลือกี่รูป เพราะว่ามีงานต่อเนื่องอยู่ทุกวัน วันไหนมีงานเดียววันนั้นถือว่าดวงดีสุด ๆ

บางทีมอบหมายให้พระท่านไปทำนั่นทำนี่ แล้วท่านก็บอกว่าสู้ไม่ไหว บางรายก็บอกว่าถ้าให้ทำอย่างนั้นแล้วจะสึก เลขาฯ ท่านก็ส่งข้อความมา อาตมาตอบกลับไปว่า “ถ้าจะสึกให้แม่..สึกเดี๋ยวนี้แหละ ถ้ากำลังใจจะเสียสละเพื่อพระศาสนาก็ยังไม่มี มึงอยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์..!” อาตมาเป็นเจ้าอาวาสหรือเป็นพระอุปัชฌาย์ที่ไม่ง้อพระ เพราะว่าปัจจุบันนี้ก็อยู่กันมากเกินไปแล้ว

เราบวชเข้ามา นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ เอตัง กาสาวัง คเหตวา ก็คือเราขอรับผ้ากาสาวพัสตร์นี้มาเพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน การที่จะทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้ต้องแลกกันด้วยชีวิต งานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มอบหมายให้บอกว่าไม่ไหว ถ้าให้ไปจะสึก "อย่างนั้นมึงสึกไปเลย..!

บางทีของบางอย่างเห็นแล้วก็สะท้อนใจ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเราไม่ได้อยู่ให้ศาสนาหรือวัดได้พึ่ง แต่กลายเป็นบวชเพื่อไปพึ่งวัดหรือพึ่งพระศาสนา ผิดวัตถุประสงค์ในการบวชตั้งแต่แรก"

เถรี 13-07-2019 18:51

ถาม : สงสัยค่ะว่าญาติตัวเองโดนไสยศาสตร์หรือเปล่า ควรทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ถ้าจะแก้ไสยศาสตร์ให้พาไปเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร

ถาม : ยากมากเลยค่ะ ?
ตอบ : ถ้ายากมากก็เรื่องของเขา อย่าไปยุ่งกับเขา

ถาม : เขาไม่ค่อยเข้าวัดค่ะ ?
ตอบ : ก็ให้เขารับเวรรับกรรมของเขาต่อไป จะไปยุ่งกับเขาทำไม ?

ถาม : สงสารพ่อแม่เขาค่ะ ?
ตอบ : เขาเองยังไม่สงสารเลย

เถรี 13-07-2019 18:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคล วัดป่าเลไลยก์ บุคคลที่คุ้นเคยเรียกว่า หลวงพ่อเจ้าคุณสะอิ้ง แต่ว่าคนสุพรรณบุรีหรือพระสุพรรณบุรีมักจะเรียกว่า หลวงพ่อเล็ก เพราะว่าก่อนหน้านั้นท่านเป็นรองเจ้าคณะจังหวัด แล้วหลวงพ่อฉลอง (พระธรรมเสนานุวัตร) ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด เขาเรียกหลวงพ่อฉลองว่าหลวงพ่อใหญ่ ก็เลยเรียกหลวงพ่อสะอิ้งว่าหลวงพ่อเล็ก

ท่านเกษียณจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ก็ไปสร้างผลงานก็คือแกะสลักพระพุทธรูปที่หน้าผามังกรบิน ท่านบอกว่าท่านศึกษาพระไตรปิฎกมาแล้ว การจะอยู่ถึง ๑๒๐ ปีไม่ยาก ถ้าหากว่าใจยังมีงานให้ทำอยู่ก็ต้องอยู่ได้ ท่านหมายถึงมโนสัญเจตนาหาร ท่านบอกว่าเดี๋ยวพระองค์นี้เสร็จท่านก็จะทำอีก สร้างไปเรื่อย ๆ ท่านจะอยู่ถึง ๑๒๐ ปีให้เป็นตัวอย่างคนอื่นเขา

ปรากฏว่าหลังงานวันที่ ๑๗ มิถุนายน บรรดาพระผู้ใหญ่กลับกันหมดแล้ว ท่านติดภาระอยู่ก็มาทีหลัง เดินเข้ามาในศาลา คราวนี้ศาลา ๑๐๐ ปีวัดท่าขนุนกว้าง ท่านมาถึงก็นั่งหอบ อาตมาถามว่า “เป็นอย่างไรครับหลวงพ่อ สัก ๑๐๘ ปีนี่ไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ ?” ท่านตอบว่า “ดูท่าจะมีนิดหน่อยว่ะ”

เถรี 13-07-2019 19:00

"หลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคลท่านบอกว่า ท่านเลื่อมใสหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมาก มีโอกาสเจอหลวงพ่อแค่ไม่กี่ครั้ง ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด ไม่รู้ว่าหลวงพ่อเก่งเท่าไร แต่พวกแก (ท่านชี้นิ้วมา) ลูกศิษย์หลวงพ่อมีฤทธิ์ทุกคน ถ้าหลวงพ่อเอ็งไม่มีฤทธิ์ สอนลูกศิษย์อย่างนี้ไม่ได้หรอก

กราบเรียนถามว่ามีฤทธิ์ที่ไหนครับ? ท่านบอกว่าพวกเอ็งไม่ว่าไปอยู่ที่ไหน ก็สร้างวัดเหมือนกับเนรมิตได้ อย่างนี้เขาเรียกว่ามีฤทธิ์ แล้วท่านก็งอนิ้วไล่ให้ทีละคนเลย เพิ่งจะรู้ว่าลูกศิษย์หลวงพ่อไปอยู่ที่ไหนท่านรู้จักหมดเลย เสร็จแล้วท่านก็สรุปว่า ในส่วนของลูกศิษย์ แสดงถึงความสามารถของครูบาอาจารย์ ถ้าหากว่าลูกศิษย์ถอดแบบครูบาอาจารย์มาเต็มที่ อย่างไรไม่เคยได้ถึง ๑๐๐% ลูกศิษย์เต็มที่ก็มักจะได้แค่ ๘๐-๙๐% เพราะฉะนั้น..ลูกศิษย์ยังได้ขนาดนี้ ครูบาอาจารย์ไม่รู้ว่าจะขนาดไหน แล้วถ้าพวกเอ็งเป็นเปอร์เซ็นต์ท้าย ๆ เกิน ๒๐-๓๐% นี่พวกข้าตาย ไม่ต้องไปเทียบกับหลวงพ่อท่านหรอก

ก็เลยกราบเรียนท่านว่า "หลวงพ่อบอกว่าพวกผมมีฤทธิ์ แต่ผมสร้างพระใหญ่อย่างหลวงพ่อไม่ได้นะครับ" ท่านบอกว่า "แกทำได้ พระใหญ่ของข้าแค่ ๘๐ ล้านบาท หลวงพ่อทองคำของแกตั้ง ๑๐๐ กว่าล้านบาท" อาตมานึกถึงแต่ขนาดของพระ ลืมนึกถึงราคาไป"

เถรี 13-07-2019 19:24

ถาม : ที่บ้านที่ผ่านมาหลายปีนี้ ทรัพย์สินเงินทองสูญไปนับสิบล้านบาท ตอนนี้ก็สูญไปเรื่อย ๆ ?
ตอบ : ต้องถามหมอดูนะ ไม่ใช่ถามอาตมา อาตมาตอบแต่ปัญหาธรรม ถ้าไปถามหมอดูก็เจอวิธีแก้ไขแพง ๆ ทั้งนั้นแหละ

ทรัพย์สินสิ่งของอะไรที่เป็นของเรา ให้วิเคราะห์ดูว่าจุดรั่วไหลอยู่ตรงไหน จะเกิดจากคนกันเอง จากการไม่มีเวลาบริหาร จากการไว้วางใจผู้อื่น หรืออะไร ค่อย ๆ เจาะไปทีละประเด็นแล้วก็ปิดช่องไปก็หมดแล้ว ของแค่นี้ไม่เห็นต้องไปถามใคร

เถรี 14-07-2019 14:53

ถาม : เวลาเจอเรื่องไม่พอใจ บางทีก็ถึงกับเบื่อมาก แต่ก็เบื่อแบบไม่พอใจ ไม่ใช่เห็นทุกข์ เราควรจะนำเหตุที่เบื่อนี้ไปพิจารณาให้เห็นทุกข์หรือไม่ หรือจะกลายเป็นเอาเรื่องในอดีตมาฟุ้งไป ?
ตอบ : ความจริงถ้าพลิกนิดเดียวก็ได้ประโยชน์มหาศาลเลย เพราะว่าความเบื่อ
ทุกอย่างจัดเป็นนิพพิทาญาณ เพียงแต่ว่าเบื่อแบบไหน ? เบื่อลักษณะไหน ? คราวนี้เบื่อของเราไม่ใช่เบื่อเพราะว่าไม่อยากอยู่ หรือเบื่อเพราะว่าเห็นโทษ แต่เบื่อเพราะว่ากระทบสิ่งที่ไม่ชอบ

เราก็เพิ่มไปว่า ถ้าหากว่าเราเกิดมาอีกเมื่อไรก็พบแต่สิ่งที่ไม่ชอบใจอย่างนี้ ความเบื่อทั้งหมดก็จะลงล็อกพอดี แสดงว่าตอนนั้นปัญญายังไม่พอ ไม่สามารถที่จะเพิ่มเนื้อหาเข้าไปได้

ถาม : เคยเอามาคิดเหมือนกัน แต่ใจก็เถียง ส่วนใหญ่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็เกิดจากเราไม่รู้จักอดกลั้น เป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ค่ะ บางทีก็ตึงตังไปว่าเราถูก ความจริงเรานิ่งก็ไม่เสียอะไรแล้ว ?
ตอบ : ไอ้นั่นมาทีหลัง เหมือนกับหวยออกแล้วเราค่อยรู้ว่าจะต้องเล่นตัวไหน แต่ตอนนั้นสติ สมาธิ ปัญญา ของเราไม่พอ โดยเฉพาะตัวกำลังในการยับยั้งตัวเอง ก็แปลว่าตอนนั้นกิเลสมีแรงมากกว่า สมาธิเอาไม่อยู่ เพราะฉะนั้น..เราก็มาพิจารณาหาประโยชน์ตรงที่ว่า เกิดมาเมื่อไรก็เจออย่างนี้ เกิดมาเมื่อไรก็เป็นอย่างนี้ ควรจะพอกันทีหรือยัง ?

เถรี 14-07-2019 15:06

พระอาจารย์เล่าว่า "พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ อาตมารู้จักคุ้นเคยกับท่านตั้งแต่ยังเป็นเจ้าคุณพระราชปริยัติโมลี ท่านไปหาหลวงพ่อวัดท่าซุง ขอเงินไปทำหนังสือมูลกัจจายน์ ซึ่งเป็นตำราบาลีรุ่นเก่า หลวงพ่อเห็นความตั้งใจจริง ก็ไม่ได้คิดว่าท่านจะเป็นพระใหม่พระหนุ่ม หลวงพ่อให้เงินไปหนึ่งล้านบาทเลย ให้ไปทำอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

เวลาไปวัดท่านก็ไปตามเวลา อย่างเช่นว่าถ้าหลวงพ่อออกมารับแขกตอน ๑๐ โมง ๔๕ นาที ท่านก็จะนั่งรอจนกว่าจะพบหลวงพ่อ ก็นั่งคุยกัน คุยกันไปคุยกันมา ท่านก็บอกว่า "ไอ้อย่างคุณ อย่างผมนี่ โบราณเขาเรียกว่าพวกเหลือเดนห่า รุ่นของผมบวช ๓๐ รูป เหลือผมคนเดียว รุ่นของคุณบวช ๓๖ รูป เหลือคุณคนเดียว"

ท่านบอกว่าสมัยโบราณ เวลาห่าหรืออหิวาต์ลง มักจะตายยกหมู่บ้าน คนไหนรอดได้ เรียกว่าเหลือเดนห่า ฉะนั้น...อย่างท่านหรืออย่างอาตมา เรียกว่าเหลือเดนห่า นั่งคุยกันอยู่แทบทุกเดือน"


เถรี 14-07-2019 15:11

"ตอนนั้นหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดพิชัยญาติฯ ท่านชวนอาตมาเรียนหนังสือ ช่วงนั้นต้นปี ๒๕๓๓ มีข่าวว่าอาตมาสอบนักธรรมเอกได้ที่ ๑ ของจังหวัด หลวงพ่อท่านไปชวนให้มาเรียนที่กรุงเทพฯ กราบเรียนท่านว่า การเรียนเขาเรียนกันอย่างไร ? ท่านบอกว่าท่านเปิดเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นบาลีพุทธศาสตร์ ต้องลงทะเบียนเรียนตามเวลาเหมือนมหาวิทยาลัยอื่น

อาตมาบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ถวายท่านเจ้าคุณไปหาทางด้านอื่นเถอะ ผมไม่มีเวลาขนาดนั้น ท่านก็บอกว่าน่าเสียดายนะ เรียนเก่งขนาดนี้ น่าที่จะไปเรียนต่อ ก็ลืม ๆ กันไป จนกระทั่งหลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพ อาตมาจัดงานศพถวายท่านครบ ๑๐๐ วัน ส่งท่านขึ้นมณฑปที่วิหาร ๑๐๐ เมตรแล้วก็ไปธุดงค์ เปะปะไปอยู่ทางทองผาภูมิ จนกระทั่งกลายเป็นเจ้าอาวาส กลายเป็นเจ้าคณะตำบล พอเป็นเจ้าคณะตำบล ทางคณะสงฆ์ส่งให้ไปเรียนต่อ บอกว่าจะได้มีความรู้มาบริหารงานคณะสงฆ์

หลักสูตรแรกที่เรียนเลย คือประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ก็ปรากฏว่าตอนนั้น หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดพิชัยญาติฯ ท่านเลื่อนจากพระราชปริยัติโมลีขึ้นมาเป็นถึงพระธรรมโมลีแล้ว พอเห็นหน้าท่านก็หัวเราะ ท่านบอกว่า "เป็นอย่างไรล่ะ ? ท้ายสุดก็ต้องมาเป็นลูกศิษย์ผมจนได้" อาตมาก็เลยเรียนไปเรื่อยจนจบปริญญาเอก ช่วงระหว่างกลางก็แวะไปกราบท่านเป็นระยะ ไปทีหนึ่งก็ต้องพกพระเครื่องไปถวายท่าน เพราะว่าท่านชอบ"

เถรี 14-07-2019 15:13

"มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ท่านดีใจสุด ๆ ก็คือถวายพระผงสุพรรณเนื้อสีดำไป ๑ องค์ กราบเรียนท่านว่า องค์นี้สวยเกินเหตุครับ ก็คือมีหัวหูหน้าตาครบถ้วน ที่ภาษาเซียนเขาบอกว่างามหูตากระพริบ ผมไม่มั่นใจ ถวายพระเดชพระคุณพิจารณาก็แล้วกัน พออาทิตย์ต่อมาเจอหน้ากัน ท่านบอกว่า "เฮ้ย..ใช่ว่ะ" คือพระผงสุพรรณเนื้อสีดำก็หายากอยู่แล้ว แล้วนี่ยังมีหน้ามีตาครบถ้วน ส่งประกวดเมื่อไรได้ที่หนึ่งเมื่อนั้น ก็ได้ถวายท่านไป

บางทีถ้าไปตามงาน เจอท่านนั่งเป็นประธานอยู่ เห็นไม่สะดวกที่จะสนทนาก็ย่องไปข้างหลัง ไปสะกิดท่าน ส่งซองเล็ก ๆ ให้ พอท่านคว้าหมับอาตมาก็ถอยออกมา ท่านก็รู้ ก็ซุกเอาไว้ในอกตรงใต้สังฆาฏิ กลับวัดไป มีเวลาท่านก็ไปนั่งส่อง ท่านชอบของท่านแบบนั้น ท่านได้มาจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม หลวงพ่อสมเด็จ ฯ วัดชนะสงครามก็ชอบพวกนี้ ท่านดูของเก่าเก่งมาก"

เถรี 14-07-2019 15:16

"อาตมาเคยเอาพระนาคปรกกรุนาดูนสนิมเขียวหน้าตัก ๕ นิ้วไปถวายหลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม กราบเรียนท่านว่า "พระเดชพระคุณครับ กระผมดูไม่ขาด"

คำว่าดูไม่ขาด ก็คือไม่แน่ใจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ท่านบอกว่า "มา..มานี่ เดี๋ยวผมจะสอนให้ว่าดูอย่างไร" แล้วก็ว่าไปเป็นชั่วโมงเลย หลังจากนั้นเวลาไปกราบหลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ น้องเล็กเขาสังเกต เห็นว่าตั้งพระนาคปรกองค์นั้นไว้ข้างองค์เลย ท่านรักมาก ของเก่าขนาดนั้น หายากสุด ๆ เพราะว่าส่วนใหญ่กรุพระบรมธาตุนาดูนเป็นแต่เนื้อดินเผา องค์นี้เป็นเนื้อโลหะ น่าจะเป็นสำริดสนิมเขียว หน้าตัก ๕ นิ้ว ตั้งเอาไว้โชว์ น้องเล็กก็ไปแอบถ่ายรูปมา ภูมิใจแทนประมาณนั้น"

เถรี 14-07-2019 15:25

"คราวนี้หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดพิชัยญาติฯ ท่านเป็นผลผลิตรุ่นแรก ๆ ที่หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดชนะสงครามท่านภูมิใจ ฉะนั้น...แม้กระทั่งความชอบก็ชอบคล้าย ๆ กัน ชอบวัตถุมงคลรุ่นเก่า ๆ ท่านมีความสามารถที่จะดูด้วยองค์ท่านเอง

ตอนนี้ที่น่าเสียดายก็คือท่านทำงานจนกระทั่งมรณภาพ สิ่งที่ท่านต้องการยังไม่ปรากฏผล ท่านสามารถเปิดหลักสูตรวิปัสสนาภาวนา ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกได้อย่างที่ต้องการแล้ว ปริญญาเอกเปิดปีนี้ รับรุ่นแรก ๒๕ รูป นี่เขาสมัครเป็นร้อยเลย แต่ว่าสิ่งที่ท่านต้องการไม่ใช่แค่นี้ ท่านต้องการเปิดเป็นกองวิปัสสนาธุระ ก็คือบ้านเรามีแม่กองธรรมควบคุมเกี่ยวกับการเรียนนักธรรมและธรรมศึกษา

แม่กองบาลีควบคุมการเรียนบาลีของคณะสงฆ์ทั้งประเทศ ท่านบอกว่า ท่านอยากได้กองวิปัสสนาธุระที่ควบคุมเกี่ยวกับการปฏิบัติสมถวิปัสสนาทั่วประเทศ ยังทำไม่สำเร็จ อาตมาเป็นผลผลิตของท่าน เป็นพระธรรมทูตสายวิปัสสนารุ่น ๑ จบตอนที่ท่านยังเป็นพระธรรมโมลี"

เถรี 14-07-2019 15:29

"ต้องบอกว่าทุกวันนี้ ในเรื่องของกรรมฐาน ในเรื่องของสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดที่มีอยู่ทั่วประเทศ และวัดท่าขนุนเป็นรุ่นแรก ๆ ที่ได้รับรางวัลสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่นประจำจังหวัด ก็เป็นการผลักดันของพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ตั้งแต่สมัยยังเป็นพระธรรมโมลี พระพรหมโมลี จนกระทั่งขึ้นมาเป็นสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ท่านผลักดันเรื่องนี้มาตลอด

ก่อนมรณภาพ ท่านเพิ่งจะไปเปิดการปฏิบัติธรรมของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมและตัวแทนเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ๒๓ จังหวัดที่พุทธมณฑล ที่อาตมาบอกว่าติดภารกิจแล้วไม่ได้ไป ก็เลยไปล่วงหน้าคืนนั้น ท่านเองไปเปิดเสร็จสรรพเรียบร้อย ไปตรวจเยี่ยมวิทยาลัยสงฆ์บาฬีพุทธโฆส แล้วเข้าโรงพยาบาล ฟอกไต แล้วก็มรณภาพ ท่านทำงานจนวินาทีสุดท้ายจริง ๆ"

เถรี 14-07-2019 15:32

"พระเดชพระคุณพระธรรมโพธิมงคล รักษาการแทนเจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านย้ำกับบรรดาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมและตัวแทนที่ปฏิบัติธรรมอยู่ว่า "อย่าทำให้สมเด็จฯ ผิดหวัง" ก็คือท่านตั้งความหวังกับพวกเราจริง ๆ ว่าจะทำให้พุทธศาสนาด้านปฏิบัติเจริญขึ้นมา เพราะว่าศาสนาพุทธของเราโดนแยกปริยัติกับปฏิบัติออกจากกัน ตั้งแต่สมัยสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ปริยัติและปฏิบัติอยู่คู่กันมา

เราจะเห็นว่าพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มักจะมีตำแหน่งหน้าที่เป็นเจ้าคณะปกครอง อย่างหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ท่านเป็นเจ้าคณะมณฑล หรือสมัยนี้คือเจ้าคณะภาค ปัจจุบันนี้ภาคหนึ่งก็ดูแล ๓ - ๔ จังหวัด แล้วแต่จังหวัดใหญ่เล็ก อย่างหลวงปู่เปลี่ยนท่านเป็นพระวิสุทธิรังษีสังฆปาโมกข์ สังฆปาโมกข์นี่ตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ฉะนั้น...สมัยโน้นพระปริยัติกับปฏิบัติเขาเรียนคู่กัน แล้วส่วนใหญ่จะสนับสนุนพระปฏิบัติให้ขึ้นมาเป็นเจ้าคณะปกครอง

แต่พอมาสมัยของสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส วัดบวรนิเวศวิหาร ท่านทำหลักสูตรนักธรรมขึ้นมา แล้วก็แยกการเรียนออกจากวิปัสสนา กลายเป็นปริยัติส่วนปริยัติ ปฏิบัติส่วนปฏิบัติ แล้วก็สนับสนุนแต่ปริยัติ จนปฏิบัติเสื่อมโทรม"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:55


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว