![]() |
ถาม : มีคนส่งภาพพระพุทธรูปหรือพระสงฆ์ มีพิมพ์ตัวหนังสือทับองค์พระ จะถือเป็นการไม่เหมาะสมหรือปรามาสพระรัตนตรัยหรือไม่คะ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับระดับจิตของเขา ถ้าจิตหยาบก็ไม่รู้สึก ถ้าจิตละเอียดก็รู้สึกว่าไม่สมควร บุคคลที่จิตละเอียดมาก ๆ แม้แต่ตัวหนังสือก็จะไม่ให้อยู่สูงกว่าพระ |
ถาม : การตั้งรูปโปรไฟล์ตัวเองเป็นรูปพระจะเหมาะสมหรือว่าเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยคะ ?
ตอบ : ไม่เพียงแต่โปรไฟล์ แม้แต่ยูสเซอร์เนมเดี๋ยวนี้ก็มีมาก แต่ละคนตั้งได้วิลิศมาหรา ไม่เกรงใจใครเลย แม้แต่อาตมาเห็นแล้วยังรู้สึกอายแทน ลูกพระพุทธเจ้าบ้าง ลูกหลวงพ่อฤๅษีบ้าง ไม่คิดว่าถ้าทำชั่วแล้ว คนจะดูถูกไปถึงพ่อตัวเองบ้างเลยหรือ ? |
ถาม : ผมปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐานมาประมาณ ๑๒ ปีครับ ผมอยากทราบว่า สติเรามีการพัฒนาเป็นสติสัมโพชฌงค์และสัมมาสติใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าพัฒนาถูกก็บรรลุไปนานแล้ว ในมหาสติปัฏฐานสูตรพระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างแย่ที่สุดก็ ๗ ปี |
ถาม : มีวันหนึ่งผมเห็นนิวรณ์ดับลง แล้วบังเอิญผมไปอ่านเจออวิชชาสูตร พออ่านถึงส่วนที่ว่า อวิชชามีนิวรณ์ ๕ เป็นอาหาร จิตก็บอกว่า “ก็อย่าไปให้อาหารมันสิ” เท่านั้นปีติก็บังเกิด ความซาบซึ้งในคุณพระรัตนตรัยก็บังเกิดขึ้น และเชื่อมั่นว่ามีความไม่เกิด ต้องทำได้แน่ ๆ ผมมาถูกทางแล้วใช่ไหมครับ เพราะเคยได้ยินหลวงพ่อพูดว่า สุกขวิปัสสโกเหมือนตาบอดคลำทางครับ ?
ตอบ : ถูกทางสำหรับอนุบาล ๑ อย่าลืมว่านิวรณ์ ๕ จะระงับไปตั้งแต่อุปจารสมาธิ ในเมื่อยังไม่สามารถที่จะทรงฌานได้ ก็ถือว่าอยู่แค่ระดับอนุบาลเท่านั้น |
ถาม : วิชชากับอวิชชาคือตัวเดียวกันใช่ไหมครับ ?
ตอบ : จะบอกว่าตัวเดียวกันก็ได้ คนละตัวกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับระดับปัญญาของเรา ถ้าปัญญามากก็จะเห็นว่าอวิชชาหรือว่ากิเลสนั้นหน้าตาเหมือนกับเราทุกประการ เพียงแต่สำคัญตรงก้าวสุดท้ายว่า เขาจะพาเราขึ้นสูงหรือลงต่ำเท่านั้น ท้ายที่สุดเราก็ต้องไม่เกาะทั้งสองส่วน จึงจะสามารถหลุดพ้นจากเขาไปได้ |
ถาม : ก่อนหน้าสมัยหลวงพ่อฤๅษี มีการสร้างสมเด็จองค์ปฐมมาก่อนไหมครับ เช่น สมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ?
ตอบ : เคยได้ยินไหมล่ะ ? ถ้าเคยก็มี..ถ้าไม่เคยก็ไม่มี |
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลกมีมาเนิ่นนาน ก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ บุคคลที่ได้ทิพจักขุญาณ ถ้ามีบุญมีกรรมเนื่องกันมา ก็ย่อมสามารถรู้เห็นการคงอยู่ของพระองค์ท่านได้ แต่มาเปิดเผยเอาจริง ๆ ในสมัยของหลวงพ่อวัดท่าซุง เนื่องจากวาระก่อนหน้านั้นยังไม่สมควร ขนาดเปิดเผยออกไปแล้ว หลายคนก็ยังเข้าใจว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นกัป คือ พระพุทธเจ้ามีพระนามว่า พระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ ก็ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่ส่งทองเหลือง เขียนชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ไปที่วัดอยู่บ่อย ๆ อาตมาก็สงสัยเหมือนกันว่าทองเหลืองสามารถเปลี่ยนเป็นทองคำได้ไหม ?
ก่อนหน้านี้ยังมีการหล่อสมเด็จองค์ปฐมที่นั่นที่นี่ พอรู้ข่าวอาตมาก็ส่งไปให้เขาหล่อแทน แต่ระยะหลังนี้ไม่มีที่ไหนเขาหล่อพระพุทธลีลาประทานพร อาตมาก็เลยต้องส่งคืนไปทุกครั้ง สรุปว่าใครส่งของมา อาตมาต้องเสียเงินค่ากล่องพัสดุ เสียเงินค่าส่ง ส่งคืนกลับไป เพราะว่าใช้งานไม่ได้ ด้วยความที่ว่าเขาอาจจะเห็นที่อื่นหล่อพระซึ่งมีทองคำนิดหน่อย แล้วที่เหลือคือทองเหลืองหรือทองแดง แต่คราวนี้ของวัดท่าขนุนเราใช้ทองคำล้วน ๆ เขาคงจะคิดว่าเหมือนกับที่อื่น ก็เลยพยายามที่จะส่งไป" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาไปกับคุณมงคล เดินเข้าไปที่เวชศาสตร์เขตร้อน พยาบาลเวรถามคุณมงคลว่าป่วยเป็นอะไร ? คุณมงคลก็ชี้มาบอกว่า "คนป่วยคือหลวงพี่ครับ" ด้วยความที่พยาบาลกำลังดูละครหลังข่าวอยู่ ก็เลยส่งปรอทมาให้อม แล้วก็นั่งดูละครต่อไป สักพักใหญ่นึกขึ้นมาได้ว่ามีพระนั่งอยู่ ก็เลยขอปรอทไปดูแล้วก็ตาโต ๔๓ องศาเซลเซียส...! "ท่านเดินมาได้อย่างไร ?" "ก็เดินมาอย่างที่โยมเห็นนั่นแหละ"
เรื่องของใจ ถ้าได้รับการฝึกไว้ดีแล้ว แม้ร่างกายจะไม่ไหว ถ้าใจบอกว่าไหวก็ไปได้ เพียงแต่เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยดีตรงที่ว่า บางทีก็ทำให้หมอหาอาการไข้ไม่เจอ อาตมาไปมาลาเรียกำเริบที่หาดใหญ่ ญาติโยมพาไปโรงพยาบาล มอ. ย่อมาจาก มหิดลอดุลยเดช ปรากฏว่าหมอตรวจดูแล้วปกติทุกอย่าง หมอจึงถามว่า "ท่านเป็นโรคอุปาทานหรือเปล่า ?" ในเมื่อหมอสงสัยก็เลยต้องทำให้หมอดู อาตมาก็แค่คลายกำลังใจออก พอดีพยาบาลกำลังวัดความดันอยู่ กรี๊ดเสียอาตมาขี้หูลั่นเลย เพราะว่าความดันลดฮวบลงไปเหลือแค่ ๖๐ กว่า ปกติคนไข้ความดันแค่นี้ก็คงจะกำลังช็อก แพทย์เวร ๔ นายวิ่งมาดูหมดเลย" |
"ก็เลยบอกกับหมอว่า คนไข้บางประเภทกำลังใจเขาคุมร่างกายได้ ถ้าเขาบอกว่าป่วยเป็นอะไร หมอก็จ่ายยาไปตามที่เขาบอกเถอะ หมอก็บอกว่า "โดยจรรยาแพทย์แล้ว ถ้าตรวจอาการไม่ออก ไม่สามารถจ่ายยาได้ครับ" อาตมาก็เลยบอกกับหมอว่า "ถ้าอย่างนั้นอาตมาขอกลับ" หมอถามว่า "ท่านกำลังช็อกอย่างนี้กลับได้อย่างไร ?" อาตมาถามหมอว่า "หมอเคยเห็นคนไข้ช็อกแล้วคุยกับหมอได้แบบนี้บ้างไหม ?" ขอเวลา ๕ นาที รวบรวมกำลังใจใหม่ แล้ว เดินขึ้นรถกลับ จนป่านนี้หมอยังคงจำอาตมาได้อยู่ จ่ายยาให้ไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าจะนอนไปทำอะไร
โดยปกติก็ไม่อยากจะทำแบบนั้นให้หมอเห็น แต่ทีนี้หมอดันถามว่าท่านเป็นโรคอุปาทานหรือเปล่า ? ในเมื่อหมอคิดว่าเป็นอุปาทานก็เลยทำให้หมอดูชัด ๆ ว่าของจริงเป็นแบบนี้" |
"ส่วนคนที่จะช็อกตามอาตมาคือโยมที่ไปส่ง เขาบอกว่า "หน้าท่านขาวซีดเหมือนกับคนตายเลย..!"
สมัยก่อนหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ครูบาอาจารย์รูปหนึ่งก็แบบนี้แหละ ก็คือไปหาหมอ หมอตรวจอาการไม่เจอ ก็จ่ายแค่ยาแก้ปวดลดไข้มาให้ ท้ายสุดท่านก็เลยเลิกไปหาหมอ ใช้กำลังใจข่มกลั้นไว้ ภาษาบาลีเรียกว่า อธิวาสนขันติ เป็นกำลังประเภทตัดร่างกาย พูดง่าย ๆ ก็คือ หายก็หาย ไม่หายจะตายก็ช่าง แต่คราวนี้บุคคลที่ทรงสมาธิเป็นปกติ สภาพจิตกับประสาทเป็นคนละส่วนกัน ไม่ค่อยรับรู้อาการเวทนาของทางร่างกาย อย่างอาตมาก็จะมีพระบางรูป ถึงเวลาก็ถามว่า "สุขภาพหลวงพ่อตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ ?" ก็บอกว่า "ถ้าเอ็งไม่ถามก็ไม่เป็นไร พอเอ็งถามนี่จะร้องโอ๊ย..!" พอเขาถามเขาก็ต้องนึกถึงร่างกาย ก็เท่ากับนึกถึงอาการเจ็บป่วยทั้งหมดนั่นแหละ" |
พูดถึงวัตถุมงคลที่ตู้ "ตะกรุดหนังหน้าผากเสือหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย หน้าผากเสือของท่านหายากกว่าเขี้ยวเสือเสียอีก
ส่วนของครูบาวัง วัดบ้านเด่น นั้น ปกติมักเจอแต่ผ้ายันต์ ท่านทำผ้ายันต์ม้าเสพนางได้แรงสุด ๆ ของพวกนี้ถ้าเรากำลังสมาธิไม่ดีอย่าไปเล่น เพราะว่าแทนที่เราจะคุมของ ก็กลายเป็นของมาคุมเรา" |
"เบี้ยแก้ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หายากพอ ๆ กับของหลวงปู่รอด วัดนายโรงนั่นแหละ เจอมาส่วนใหญ่มีแต่ปลอม สมัยนี้ปลอมเอาไปชุบสี พอชุบสีเสร็จก็เอาไปแขวนไว้ที่ท่อไอเสียรถ แขวนอยู่เป็นปี ๆ เพื่อให้ดูเก่าเป็นธรรมชาติ แต่อย่างไรก็เก่าไม่ได้ เพราะว่ารักที่เขาชุบ ยิ่งเก่าจะยิ่งเงา ก็เลยกลายเป็นของที่ประเภทคนพยายามทำปลอมกันจัง แต่ว่าคนดูเป็นแค่มองก็รู้ว่าปลอม
อีกพวกหนึ่งทำเสร็จก็เอาไปฝังดิน เสร็จแล้วก็ขุดขึ้นมาล้าง ปล่อยให้มีคราบดินเก่า ๆ ติดโน่นติดนี่ ให้เหมือนกับของเก่าเก็บมานาน ๕๐-๖๐ ปี แต่ปรากฏว่าติดทั่วถึงจนเกินไป เป็นพิรุธให้จับได้อีก" |
ถาม : ตะกรุดคู่ชีวิตของหลวงพ่อทบ ?
ตอบ : ของหลวงพ่อทบ วัดชนแดน เป็นของที่ทำหลายปี แล้วก็สมัยนั้นเทคนิคการย้อมไม่ดีเหมือนกับสมัยนี้ เพียงไม่นานสีธงชาติจะจืดมาก ถึงซีดเลย ถ้าไปเห็นธงชาติสีสันสดใสก็วางไว้ที่เดิม..ของปลอม |
ถาม : ตะกรุดของหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ดอกนี้ใช่หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ตะกรุดสี่มหาอำนาจของหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช จะชุบบรอนซ์ ถาม : นี่ก็อีกดอก ? ตอบ : ของหลวงพ่อเทียมต้องดูความเก่าด้วย ถ้าไม่เก่าก็วางไว้ห่าง ๆ เพราะว่าน้อยคนที่จะเก็บแล้วไม่ใช้ |
เอาวัตถุมงคลที่เลี่ยมใส่ในหลอดมาให้พิจารณาดู "อันไหนถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจให้เราดู อาตมาจะไม่แตะเลย เพราะว่าถ้าไม่สามารถที่จะดูใกล้ชิดได้ หรือว่าส่องได้ ส่วนใหญ่ก็คือเขาเจตนากันไม่ให้เราเห็น"
|
ถาม : อย่างลูกอมผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม รุ่นหลัง ๆ ลูกศิษย์ท่านก็ทำ หลวงพ่อสาครก็ทำ เจ้าอาวาสวัดละหารไร่องค์ปัจจุบันก็ทำ ทีนี้ถ้าจะแยกดูว่าลูกไหนทันหลวงปู่ทิม ?
ตอบ : ดูความเก่าของบรอนซ์ ถ้ารุ่นของหลวงปู่ทิม ส่วนใหญ่เนื้อบรอนซ์จะเป็นฝุ่น ๆ พอเก่าแล้วจะยุ่ยเป็นผง ๆ |
ถาม : เขาบอกว่าตะกรุดดอกนี้ของหลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ ?
ตอบ : ถ้ามีจารถึงข้างนอก ตีเป็นของหลวงปู่ภูได้ แต่อันนี้ไม่มี ของหลวงปู่ภูจะมีจารทะลุออกมาข้างนอก แต่ตะกรุดดอกนี้ความเก่าได้ เนื้อโลหะเก่าจะดูง่าย เนื้อโลหะเก่าจะหมดประกาย ทองเหลืองทองแดงใหม่ ๆ ประกายจะแวววับ ดูอย่างแผ่นที่เอามาให้จาร พอนานไป ๆ เริ่มเก่า ประกายจะหมด แล้วก็จะมีส่วนที่เป็นออกไซด์ที่เกิดจากออกซิเจนไปทำปฏิกิริยากับเนื้อโลหะเป็นสนิม เป็นสนิมเขียวบ้าง ถ้าจับติดเนื้อก็จะออกดำ ๆ ต้องหัดไปทีละอย่าง อย่าไปหัดหลายอย่าง หัดหลายอย่างไม่เก่งหรอก สับสนชีวิตอีกต่างหาก |
ถาม : หนูว่าตะกรุดดูยากที่สุดแล้ว ?
ตอบ : ตะกรุดนอกจากหลายสำนักแล้ว แต่ละสำนักเขายังมีเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่บางอย่างพอเอกลักษณ์ไม่ชัดเจน เขาก็จะตีมั่วเพื่อที่จะขาย ส่วนใหญ่แล้วเขาจะตีเป็นสำนักที่แพงกว่า |
ถาม : ตะกรุดดอกนี้ละคะ ?
ตอบ : ดอกนี้น่าจะเป็นของทางเหนือ เพราะมีตัวอักขระฝักขาม ถาม : แต่ดอกนี้เขาเขียนว่า หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ? ตอบ : ของหลวงพ่อพรหม มักจะตอกโค้ดระฆัง ถ้าไม่มีก็วางเลย |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:08 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.