![]() |
ขณะนั่งอยู่หน้าพระประธานวิหาร ๑๐๐ เมตร ท่านมองที่ช่างตัดกระจกชิ้นเล็ก ๆ ที่กำลังนั่งทำกันอยู่ และมองที่กระจกบานใหญ่ ที่ทำพระประธาน หลวงพ่อพูดกับอาตมาว่า
"แป๊ะ นี่มองไปนั่น ! นั่นเป็นสมาธินะ เขาทำอย่างนี้ได้ต้องเป็นสมาธิ จิตกังวลถึงแต่งาน หลับตาก็นึกว่าจะทำพระพุทธรูป เขาต้องใช้สมาธิทำ ตัดกระจกไปจิตต้องเป็นสมาธิ พลาดจากสมาธินิดหนึ่งไม่ได้ งานเสีย จริงอยู่ทำ ๆ ไปเขาอาจคิดถึงแฟนแว่บหนึ่งได้ แต่จิตกังวลกลับมาหาพระอีก นี่เป็นสมาธิ" |
ฉันเช้าแล้ว รับหลวงพ่อไปทำฟัน หลวงพ่อถามว่า
"แป๊ะ เมื่อคืนทำกรรมฐานเห็นอะไรบ้าง" ท่านหัวเราะแล้วสอนว่า "นั่งกรรมฐาน ต้องเห็นขันธ์ ๕ อย่างเดียว ให้เห็นความเสื่อมไป ความไม่เที่ยง ความทุกข์ แล้วก็เสื่อมสลายไป ยามใดมีเวทนาก็เป็นเรื่องธรรมดา มันจะค่อย ๆ เบื่อร่างกายทีละน้อย ๆ ในที่สุดก็ละได้เลย" (๑๒ กรกฎาคม ๒๕๓๒) |
ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ที่เกือบจะคล้าย ๆ กับหัวข้อข้างบนนะครับ เมื่อหลายปีก่อนเคยมีเพื่อนถามผมแบบนี้เหมือนกันครับ
เพื่อน: "มึงนั่งสมาธิ แล้วมึงเห็นอะไรบ้างไหม" กระผม: "เห็นเพียบเลย แสง สี เสียงนี่ชัดเจนจริง ๆ " เพื่อน: "มึงนี่เจ๋งโคตร ๆ นั่งไปไกลนะนี่" กระผม: "ไปไกลมากเลยเพราะแสง สีที่ว่า กูฟุ้งเรื่องที่ไปเที่ยวมาเมื่อคืน" เริ่มต้นดีแต่จบแบบขายหน้าจริง ๆ:l43841274qn5: |
ครั้งหนึ่งหลวงพ่อชวนอาตมาทำบุญ (จำไม่ได้ว่าทำบุญอะไร) กราบเรียนท่านว่า "ผมไม่มีเงินครับ" ท่านว่า
"แกโกหก แกจะไม่มีแม้แต่บาทเดียวเชียวหรือ แกตอบไม่เป็น ควรตอบว่า มีไม่พอครับ ต้องตอบตรงไปตรงมา" |
หลวงพ่อพูดว่า "ช่างทำประตูใส่กลอนไม่ได้ ข้าดึงไม่ถึง หากทำงานอย่างนี้นะเรียกว่า ช่างเถอะ (นายช่าง) พวกทำงานหยาบอย่างนี้เอาดีไม่ได้ จำไว้เลย พวกทำงานหยาบเอาดีไม่ได้เลย"
(๑๔ กรกฎาคม ๒๕๓๒) |
เรื่องอาบัติ เศษเนื้อติดฟัน
ตอนไปรับหลวงพ่อก่อนลงรับแขกบ่ายโมง หลวงพ่อกำลังแคะฟัน ท่านถามว่า
"แป๊ะ เศษอาหารติดฟันกลืนลงไป เป็นอาบัติไหม ?" บอกว่า "ไม่เป็นครับ" หลวงพ่อถามว่า "เพราะอะไร?" หลวงพ่อก็เฉลยเองว่า "ถ้าตั้งใจกลืนเป็นอาหาร เป็นอาบัติ ถ้ามันลงไปเองโดยไม่ตั้งใจไม่เป็นอาบัติ" (๑๖ กันยายน ๒๕๓๒) |
หลวงพ่อไปตรวจงานที่ศาลา ๒ ไร่ เตรียมสะเดาะเคราะห์ ๑๓ เมษายน ๒๕๓๒ หลวงพ่อพูดว่า
"หลวงพ่อป่วยเพราะเรื่องกรรมควาย พอบวชเณรให้แล้ว ๑๑๑ รูป ๒ วันหลังจากนั้น ยาที่ใช้ก็มาเลย แต่ก่อนหน้านั้นไม่เจอ หาไม่ได้ พระ(พระพุทธเจ้า)มาบอก" "กรรมควาย ก็แปลว่า ควายนะซิ" ท่านพูดสั้น ๆ แค่นั้น "ควาย แปลว่า "โง่" มีกรรมของควาย ก็ทำให้โง่ คิดไม่ออกอยู่นั่นแหละ พอพ้นกรรมควายก็หายโง่เลย" ช่วงนั้นหลวงพ่อบอก จู่ ๆ เห็นภาพพระภิกษุ ๒ รูป แต่งตัวเรียบร้อย แต่จิตคิดว่านั่นไม่ใช่พระดีแน่ กลิ่นสาบควายค่อย ๆ เหม็นมา ท่านบอกว่ากลิ่นควายอย่างไรอย่างนั้น เหม็นสาบฟุ้งไปเลย สักประเดี๋ยว พระ ๒ รูปกลายเป็นควาย มาบอกว่า "ผมเป็นตัวแทนของควาย มาเพื่อบอกว่าบุญที่ทำให้..ได้รับแล้ว จึงมาในรูปพระให้ดูว่าได้ผล" และเห็นภาพควายที่ใช้เลี้ยงกองทัพ(สมัยอดีต) ยาวเหยียดกว่าสนามหลวงเป็นสิบ ๆ เท่า (๑๒ เมษายน ๒๕๓๒) |
หลวงพ่อให้อาตมาติดตามไปงานวันเกิดสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา
สักครู่หนึ่ง สมเด็จพระสังฆราช เสด็จเข้าไปในพระอุโบสถ ตรงเข้าไปที่ตั่งที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นั่งอยู่ สมเด็จพระสังฆราชคุกเข่ากราบสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ที่ตั่ง และถวายเครื่องสักการะ หลวงพ่อพูดว่า "สมเด็จพระสังฆราช ท่านเป็นพระแท้ ไม่ได้ถือยศ ท่านเป็นพระที่ไม่มีมานะ" (๒๐ มีนาคม ๒๕๓๓) |
มีพระ ๓ รูป เข้าไปลาสึกกับหลวงพ่อ ขอสึกวันตักบาตรเทโว หลวงพ่อถามว่า
"ใครเป็นคนให้ฤกษ์สึกแก่พระบวชใหม่?" หลวงพ่อพูดว่า "ความจริงควรจะมาปรึกษาผมก่อน อยู่ ๆ เข้ามาลาสึกเลย" "ถึงแม้วันนั้น (ตักบาตรเทโว) จะเป็นฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ก็ไม่ควรสึกอย่างยิ่ง ถ้าสึกวันนั้นก็ซวยไปตลอด เพราะเป็นวันพระเจ้าเปิดโลก" หลวงพี่บัญชาพูดว่าพระศรีสำราญ เคยสึกวันนั้น สึกออกไปก็ตายโหง (๑ ตุลาคม ๒๕๓๓) |
หลวงพ่อตรวจงาน ไปดูพระสามารถปั้นรูปปั้นพระเจ้าตาก ๒ องค์ ตอนเป็นนักรบ และตอนบวช
ตอนเป็นนักรบ ไว้ผมทรงลานบิน จากหูขึ้นไปหน่อย มีผมตัดสั้นขึ้นไป นักรบสมัยก่อน ผู้นำกองทัพ หน้าตาหล่อ หน้าตาดี ยิ้มอยู่เสมอ ไม่ใช่ทำท่าดุร้าย ท่านหน้ายิ้ม แต่ถ้าชักดาบออกมาคอขาดไม่รู้ตัว ไวมาก คนดูท่านหน้าตาอ่อน ๆ แต่ภายในเฉียบขาด อย่าไปเรียกท่านพระเจ้าตากเฉย ๆ นะ ท่านเป็นพระอรหันต์ (๑๙ ตุลาคม ๒๕๓๓) |
กรรมที่ส่งผล
เขาฟังธรรม แกล้งส่งเสียงกลบ.....หูหนวก เขาทำบุญ แกล้งไม่เห็น............ตาบอด |
นายแพทย์จรูญถามว่า "ถ้าจะถ่ายวีดีโอหลวงพ่อ แล้วให้เพื่อนหลวงพ่อเข้ามาอยู่ในวีดีโอได้ไหม?" หลวงพ่อบอกว่า
"ไม่ได้ ถ่ายไปทำไม เอาเป็นว่าเราฝึกให้ได้ นึกอยากไปชมนรก ก็ปรากฏพรึ่บทั้งกลุ่ม นึกอยากไปไหนไปปรากฏทั้งกลุ่ม ฝึกให้ได้อย่างนั้น มีประโยชน์กว่า" หลวงพ่อเล่าว่า ท่านถามเพื่อนที่ชื่อโพธิวัตร ว่า "อยู่ในป่ามีลูกศิษย์มากไหม?" ท่านบอกว่า "มากเหมือนกัน" โดยมากเป็นพระธุดงค์เข้าป่า ไม่มีครูบาอาจารย์ ติดขัดก็ไปสอนให้ ท่านสอนพระในป่าว่า "การปฏิบัติอย่างนี้ยาวไป (หลวงพ่อทำมือ ๒ ข้าง ยกนิ้วชี้ ๒ ข้างขยายกว้างออกไปเรื่อย ๆ ) การปฏิบัติเพื่อมรรคผลต้องทำให้แคบเข้า (แล้วทำนิ้ว ๒ ข้าง เอามือเขยิบเข้ามาชิดกัน) ไม่ใช่ขยายออกไป กว้างออกไป ยิ่งแคบเข้ายิ่งเจอจุดเร็ว" (๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๔) |
ถ้าเป็นโสดาบัน......ก็ยังคิดว่าตนเลวอยู่ รู้สึกว่าตนยังไปนิพพานไม่ได้
พระสกิทาคามี........ก็ยังรู้สึกว่าเลวอยู่ พอเป็นอนาคามี.......ก็ยังรู้สึกว่าเรายังเลวอยู่ พอเป็นพระอรหันต์....ยังรู้สึกตัวว่าไม่ดี เพราะยังปวดขี้ปวดท้องเยี่ยว |
http://www.khonkaenlink.info/share/t...=CF7F_4AAFAE0F http://www.khonkaenlink.info/share/t...=E9C3_4AAFAE0F วัตถุมงคลเป็นเนื้อดินเผา ที่พระอาจารย์วิรัช โอภาโส สร้างบรรจุไว้ในองค์พระประธาน ๑๕ ศอก วัดธรรมยาน หลวงพ่อสอนให้เกาะซากศพเน่า เมื่อตกน้ำกลัวจะจม เมื่อเป็นศพก็จำเป็นต้องคว้าไว้ก่อน เจอสวะก็ผลักไปจับสวะ เจอขอนไม้ไปจับขอน เจอแพ เจอเรือ... แต่ถึงฝั่งแล้วอะไรก็ไม่เอา การที่หลวงพ่อสอนให้ทำทานก่อน ก็เพื่อเกาะสวรรค์ เหมือนคนตกน้ำจะจม แม้ซากศพก็ต้องคว้าไว้ก่อน จากหนังสือ ปฐมธรรมยาน หน้า ๑๔๙ |
http://www.khonkaenlink.info/share/t...=918B_4BB0CC43 การปฏิบัติ ถ้ายังไม่ถือศีล นึกว่าเราดี.....พอเริ่มรักษาีศีล ก็เริ่มรู้ว่าเราเลว เออ! ศีลเรายังไม่บริสุทธิ์ พอเริ่มรักษาศีล ๕ บริสุทธิ์ มาดูกรรมบถ ๑๐ อีก โอ้! ยังแย่อยู่อีก มันจะเพิ่มจุดเลวของเรา เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งพยายามทำตัวให้ดี จะเห็นจุดเลวขึ้นเรื่อย ๆ จากหนังสือ ปฐมธรรมยาน หน้า ๑๒๐ |
2 Attachment(s)
อ้างอิง:
|
..เรื่องตะกรุด..
๑๓ กรกฎาคม ๒๕๓๓ ตอนที่อาตมาและหลวงพี่บัญชาไปรับหลวงพ่อก่อนไปรับแขกนั้น อาตมาได้เอาตะกรุด ๑ กล่องเล็ก (มีตะกรุดอยู่ ๓๐ กว่าดอก) เข้าไปถามหลวงพ่อว่า "หลวงพ่อครับ ตะกรุดนี้เป็นตะกรุดอะไรครับ?" ท่านถามว่า "แกเอามาจากไหน?" ตอบว่า "เอามาจากห้องนอนหลวงพ่อที่ตึกริมน้ำครับ เอาตอนขนของออกมา" หลวงพ่อหยิบออกมาดูจากกล่องแล้วพูดว่า "ของดี" จึงถามท่านว่า "เป็นยังไงครับ?" ท่านพูดว่า "ของดี" จึงกราบเรียนว่า "ผมขอนำไปให้พระในวัดเช่านะครับ" ท่านพูดว่า "เออ" "ตั้งราคาเท่าไหร่ดีครับ" ท่านว่าให้ไปตั้งราคาเอาเอง จึงถามอีกว่า "ตั้งเท่าไรดีครับ" ท่านพูดว่า "ให้เท่าไรก็ได้ แล้วเอาเข้าสงฆ์ไปเลย" ก็ตั้งราคาดอกละ ๕๐ บาท พอหลวงพ่อนั่งรับแขกอยู่ อาตมากับหลวงพี่ประทีป ก็ไปห้องนอนหลวงพ่อที่ตึกริมน้ำ ไปเอาตะกรุดเป็นพวง มีอยู่ ๔ พวงให้หลวงพ่อดู บอกว่า "เมื่อกี้ผมไปห้องหลวงพ่อที่ตึกริมน้ำไปเช็คดู ยังมีตะกรุดนี้อีก ๔ พวง พวกผม(ก็ชี้ไปที่อาตมา ,หลวงพี่ประทีป,หลวงพี่บัญชา) พวกผมจะขอเช่าได้ไหมครับ" จะตั้งราคาดอกละ ๕๐ บาท รวมแล้วพวงละ ๘๕๐ บาท ครับ หลวงพ่อฟังแล้วก็ชี้มาที่ตะกรุด แล้วพูดว่า "นี่ของดีมาก รุ่นพระสุปฏิปันโน" แล้วท่านก็พูดว่า "ไอ้แป๊ะนี่มันช่างไปค้นจริง ๆ" แล้วท่านก็ยิ้ม ๆ แบบเออ ยกให้ แล้วท่านก็พูดอีกว่า "ดอกละ ๑๐๐ บาทก็ไม่แพง" แล้วอาตมากับหลวงพี่อีก ๒ องค์ ก็เดินตามหลวงพ่อนั่งรถเบ๊นซ์ โดยหลวงพี่ประทีปขับไปส่งที่วิหาร ๑๐๐ เมตร ขณะนั่งรถไปด้วยกันรวมหลวงพ่อเป็น ๔ องค์ หลวงพ่อพูดกับหลวงพี่ประทีปว่า "หมื่นก็ไม่แพง" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:31 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.