![]() |
หลวงพ่อเทศน์สอนพระที่วัดท่าขนุนว่า "การที่ทุกท่านพยายามตั้งมั่นอยู่ในความดี ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อตัวเองอย่างเดียว แต่เป็นการทำเพื่อรักษาเกียรติคุณของครูบาอาจารย์ อันมีหลวงปู่สายเป็นต้น และเป็นการทำเพื่อวัด เพราะเมื่อคนเห็นว่าพระเราดี วัดเราดี เขาก็แห่กันมาทำบุญอย่างที่เห็น
วัดอื่นมีเยอะแยะทำไมเขาไม่ไป ถามตัวคุณเองสิว่า วัดอื่นมีเยอะแยะทำไมไม่ไปบวช ทำไมมาเลือกวัดท่าขนุนนี้ และท้ายสุดการรักษาความดีเป็นการช่วยพระพุทธศาสนาด้วย เมื่อคนหันมาพึ่งพระพึ่งวัดแล้วดีมีความสุข เขาก็จะพากันมามากขึ้น ๆ เข้าถึงความดีกันมากขึ้น ๆ ทั้งพระพุทธศาสนาและประเทศชาติก็จะเจริญขึ้น" |
http://www.khonkaenlink.info/share/t...=3C1C_4A16C8F5
เถรีชอบภาพนี้เป็นพิเศษค่ะ ในรูปพระที่นั่งคือครูบาเหนือชัย โฆษิโต สำนักถ้ำป่าอาชาทอง จ.เชียงราย (พระที่บิณฑบาตด้วยการขี่ม้าข้ามเขา) ถ้าจำไม่ผิดในรูปคือ พระอาจารย์ท่านได้ถวายมีดหมอให้แก่ครูบา พระอาจารย์เคยพูดถึงครูบาเหนือชัยว่า ครูบาเหนือชัยท่านบวชมาเพื่อปฏิบัติ แต่ทำไปทำมาไม่ก้าวหน้า ท่านเลยตัดสินใจว่า นั่งสมาธิให้มันตายไปเลยดีกว่า..! คนตัดอาลัยในร่างกายได้ มักจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้น พอถึงวันที่ ๗ หลวงพ่อฤๅษีก็มาชี้แนะหนทางการปฏิบัติให้ ต่อมาหลวงพ่อสดวัดปากน้ำก็มาสอนในสมาธิอีก" เพราะฉะนั้นพระระดับนี้เรื่องการทรงความดีไม่ต้องพูดถึง ครูบาเหนือชัยเคยขอให้พระอาจารย์ " จับ " ประคำประจำตัวให้ เนื่องจากประคำเส้นนี้ทำจากแก่นมะขาม เคยมีผู้ไม่เกรงใจขอไปหลายครั้ง แต่ต้องเอามาคืนทุกครั้ง..! ส่วนจะด้วยเหตุผลใดที่เขาต้องเอามาคืนก็ต้องไปถามพระอาจารย์เอาเองค่ะ อิอิอิ |
หลวงพ่อบอกว่า "..ถ้าเราพึ่งตัวเองได้เมื่อไร จึงจะมีที่พึ่งที่แท้จริง.."
|
หลวงพ่อบอกว่า การอ่านธรรมะมันแค่ศึกษาทฤษฎีเท่านั้น เป็นแค่การ "จำได้" เรียกอีกอย่างว่า"สัญญา"
ต้องเอามาปรับใช้งานได้กับทุกสถานการณ์ ถึงจะเรียกว่า "ทำได้" ถ้าอย่างนั้นถึงจะเป็น "ปัญญา" |
ครั้งก่อนท่านอาจารย์เมตตาแย้มให้ฟังถึงอานิสงส์จากการบำเพ็ญเพื่อพุทธภูมิ ช่วงหนึ่งครั้งท่านยังอยู่วัดท่าซุง
คนมาหาจนล้นหลาม ท่านอาจารย์เห็นท่าไม่ดี ขอฝากไปกับพระโพธิสัตว์ใหญ่ท่านหนึ่ง ปรากฏหายเรียบเลย ส่วนที่ยังเกาะอยู่แถวนี้ กราบเรียนถามว่าหวงเอาไว้หรือเปล่า ท่านตอบว่า "มันหน้าด้าน ไล่เท่าไรไม่ยอมไป !!" |
แต่บางรายก็แห่กันมาแต่เช้า ทั้ง ๆ ที่บ้านอนุสาวรีย์เปิดตอนแปดโมงเช้า ด้วยคิดว่าการได้กวนพระก่อนเวลานี่เป็นความสุขของเขา พอเขากลับกันไปท่านก็หันมาเปรย ๆ ว่า "ข้าจะตายเร็วก็เพราะอย่างนี้แหละ..!"
|
เดี๋ยว...ยังมีอีก พวกที่ชอบมาตอนจวนจะสามทุ่มเรียกว่าไม่มืด..ออกจากบ้านไม่เป็น (พระอาจารย์ท่านว่า..พวกชอบออกพร้อมผี.. !) แล้วพยายามลากจะให้ท่านอยู่เลยสามทุ่มให้ได้ บางทีท่านไล่แล้วไล่อีกก็ทำเป็นไม่เข้าใจ ไม่ยอมกลับ พวกนี้ยังไม่รู้หรือรู้แต่แกล้งโง่ว่า ..
คนที่นั่งมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้านั้น ตอนใกล้สามทุ่มพร้อมจะพับลงไปได้ตลอดเวลา ท่านว่าบางทีแรงจะนั่งยังไม่มี มันยังเซ้าซี้ถามนั่นถามนี่อยู่ได้ พออ้าปากตอบมัน ตัวก็จะพับลงไป..! หากตัวเองเจอแบบนี้วันไหนจะรู้สึก..! สังเกตว่า เวลาพระอาจารย์ไปกราบพระผู้ใหญ่ ท่านจะรีบเข้ารีบออก จนบางทีเหมือนกับเสียมารยาทท่านบอกว่า กลัวกรรมตามสนอง..! |
พระอาจารย์ท่านเตือนพระว่า "อย่าคิดว่าเป็นพระแล้วมารจะแทรกไม่ได้ ขนาดพรหมยังโดนมารแทรกได้เลย
..ดูอย่างตอนที่พระพุทธเจ้าเทศน์ให้ท้าวผกาพรหมฟังนั่นปะไร ท้าวผกาพรหมท่านมีบุญมาก ตายจากพรหมก็เกิดเป็นพรหมต่อหลายครั้งเข้าจนท่านคิดว่าท่านเป็นอมตะ พอพระพุทธเจ้าเทศน์ให้ฟังว่าการเป็นพรหมนั้นไม่เที่ยง ยังมีการแตกดับ ก็ยังอุตส่าห์มีพรหมองค์หนึ่งลุกขึ้นมาเถียงพระพุทธเจ้าว่าไม่จริง ผกาพรหมนั่นแหละเลิศสุดแล้ว ท่านยังยกตัวอย่างพระองค์หนึ่งในวัดท่าขนุน ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นที่รักของคนทั่วไป ถึงคราวกรรมเข้า วันนั้นอาจจะเพราะศีลพร่องไปหน่อยด้วย มารเข้าสิงใจ ท่านน้อยใจที่โดนเพื่อนในวัดต่อว่า เลยไปผูกคอตาย ฉะนั้น ขอให้ทุกท่านพยายามระมัดระวังสติให้ดี รักษาศีลให้ครบถ้วน เพื่อจะช่วยป้องกันไม่ให้พวกมารเข้าแทรกใจ" |
พระอาจารย์ท่านสารพัดจะสรรหากีฬาสมาธิมาให้ลูกศิษย์เปลี่ยนบรรยากาศอยู่เสมอ ถ้าใครมาฝึกกรรมฐานที่บ้านอนุสาวรีย์คงจะทราบดี ที่เด็ดกว่านั้น..ขนาดเครื่องปั่นจักรยานท่านยังใช้ฝึกสมาธิได้เลยค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า มีลูกศิษย์ถวายเครื่องปั่นจักรยานมาให้ท่านออกกำลัง เนื่องจากหมู่นี้ท่านเรียนหนักจนไม่มีเวลาเดินธุดงค์ ท่านเมตตาเล่าให้นางมารร้ายกับพริกขี้หนูฟังว่า ท่านปั่นยังไงหัวใจก็เต้นช้า เพราะสภาวะที่ทรงฌานอยู่เป็นปกติ อ้าว! แล้วร่างกายจะแข็งแรงหรือคะ? นางมารร้ายสงสัย ก็ต้องแข็งแรงสิ คนแข็งแรงหัวใจจะเต้นช้า ถ้าเราถอยเข้าออกฌานได้คล่อง ผลของชีพจรจะเป็นตัวยืนยันค่ะ เช่นจาก ๑๐๐ ลดลงเหลือ ๕๐ ทั้งที่ยังถีบอยู่ และจาก ๕๐ เพิ่มเป็น ๘๐ ทั้งที่หยุดถีบไปแล้ว เป็นต้น ไม่กี่วันหลังจากนั้น ท่านอาจารย์ก็ทำเอาเครื่องปั่นร้องปี๊ดไปเลยค่ะ พอเราไปมุงดูกันก็ตกใจ ทั้ง ๆ ที่เท้ายังปั่นอยู่แต่ชีพจรวัดได้ศูนย์ค่ะท่านผู้ชม น่าสงสารเครื่องปั่นจริง ๆ เลยนะคะ นางมารร้ายเลยรู้แล้วว่า คราวหน้าคราวหลัง ใครมาโม้ว่าได้ฌานสี่ จะขอวัดชีพจรก่อนเลยค่ะว่าหยุดเหลือศูนย์ได้หรือเปล่า..อิอิ หวังว่าข้อมูลนี้คงช่วยขจัดปัญหาที่ถกเถียงกันได้หลายกรณีนะคะ |
พระอาจารย์ท่านว่า "ยกช้างเสี่ยงทายที่พระพุทธบาท จ.สระบุรี ยังไม่มีเรื่องอะไรที่ถามแล้วไม่สำเร็จ "
|
ในงานพิธีพุทธาภิเษกเหรียญทำน้ำมนต์ ก่อนการบวงสรวง พระอาจารย์มีการปรารภถึงพระคาถา บทหนึ่งซึ่งเป็นของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ใช้สำหรับทำน้ำมนต์เพื่อประพรมหรือภาวนา ให้เป็นมงคล แก่การเดินทางปลอดภัย
พระคาถาว่าดังนี้ อิติ สุกขติ สุกขโต อิติ สุคติ สุคโต |
บางคราวเราจะเห็นโศกนาฏกรรมที่มีคนตายพร้อมกันหลาย ๆ คน เช่น เครื่องบินตก พระอาจารย์ท่านบอกว่าเป็นเพราะเขาทำกรรมร่วมกันมา
แต่หลาย ๆ ครั้งเราจะพบว่ามีคนที่รอดตายราวปาฏิหาริย์ ซึ่งพระอาจารย์บอกว่าไอ้เจ้านี่มันไม่ได้ทำกรรมร่วมกับพวกเขาไว้ เลยรอดมาได้ ฉะนั้น ท่านที่กังวลว่ากรรมตัวเองจะพลอยเผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้างด้วยนี่...เลิกคิดได้เลยค่ะ กรรมใครกรรมมัน ส่วนที่เขาได้รับก็เป็นของเขาเองซึ่งอาจจะเคยร่วมทำบาปพร้อมกันกับเรามา ส่วนใหญ่คนเกิดมาครอบครัวเดียวกันนี่ก็มักจะทำกรรมมา คล้าย ๆ กันแหละค่ะ ไม่เช่นนั้นจะมาเจอกันได้อย่างไร |
หลวงพ่อเคยบอกว่าพอเลยเวลาบ่ายสองไปแล้ว นักปฏิบัติควรงดพวกอาหารที่หวาน ๆ เพราะว่าอาหารหวานนั้นจะมีผลไปทำให้ร่างกายเกิดอาการง่วงเหงาหาวนอน และจิตเกิดความฟุ้งซ่านได้ง่าย
|
หลวงตาวัชรชัยบอกว่า ให้เราหัดคิดเข้าสูตรไว้
เพราะถ้าไม่เข้าสูตรไว้ จะไม่ทันกิเลส เวลากิเลสมา เราจะคิดไม่ทันมัน |
อ้างอิง:
ว่ามาให้ครบ มาให้อยากแล้วจากไป เดี๋ยว... ไม่สวย |
สูตร "ของใครของมัน" จ้ะ หลวงตากล่าวขึ้นเรื่องคิดเข้าสูตรนี้ตอนตอบคำถามที่มีน้องถามเรื่องความโกรธ
หลวงตาท่านจึงยกมรณานุสติมาเทศน์ รายละเอียดต้องรอแบบแสบ ๆ จาก"ตัวแสบ" ที่ตอนนี้ "จำเป็น" ต้องมาเล่าเพราะมีเสียงหลวงตา ไม่อย่างนั้นอาจโดนรุม... อ้อนวอน:af48944b: ช่วยน้องหยกหน่อย เพราะน้องขออนุญาตนำเสียงหลวงตาไปเผยแพร่ หลวงตาท่านเมตตาให้ถอดใจความ เพราะหากฟังแต่เสียง ไม่เห็นท่าทางที่หลวงตาทำประกอบแล้ว อาจตำหนิหลวงตาได้:cebollita_onion-08:... "บรื๋อ" โมทนาน้องเขาก่อนเข้าเรื่อง "คิดเข้าสูตร" อยากจะชวนท่านทั้งหลาย มาแบ่งปัน การคิดเข้าสูตร คือ คล้ายว่าเราโดนอะไรกระทบ ต้องคิดอย่างไรจึงไม่รับกระทบนั้นให้เป็นกิเลส เข้าเป็นสูตรของเราไว้จนคล่อง (คิดทันกิเลส) น่าจะคล้ายการท่องสูตรคูณแล้วคิดเลขเร็ว (ขอออกตัวก่อนว่า คนชวนนี้ไม่เคยท่องสูตรคูณ... จึงชวน จะได้ฝึกคิดเข้าสูตร) มาลองผูกสูตรสักเรื่อง ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันก่อน เช่น คนขับรถปาดหน้า... โกรธ ?...คิด... คนเจอกันทุกวันยังไม่สนใจทักทาย "ไอ้นี่มาจากไหน:332f960b: ไม่รู้จักกัน เจอกันเดี๋ยวเดียว จะมาทำให้เราโกรธได้" ยังจะ...โกรธ...ก็มัน...ปาด...:215ad82f: "เขาจะรีบไปตาย ก็ปล่อยเขา" หรือ "เขาคงนัดยมบาลไว้ เดี๋ยวไม่ทัน"... อาจจะฟังดูแรงไปสักนิด แต่ตอนผูกสูตรก็คิดเป็นพื้นฐานเสียก่อนว่า ปล่อยเขาไปเขาก็ตายอยู่ดี โกรธเขาก็ชั่วที่เรา (รอท่านตัวแสบนะเรื่องนี้) เอาเป็นว่าผูกประโยคหรือสูตรของเราไปพลาง พอให้เรานึกได้แต่ไม่ใช่ว่าด้วยความโกรธ นั่งฟังธรรมกับพระ...ฟุ้ง ?...คิด... "เป็นบุญจริงหนอ":d16c4689: ได้เกิดมาเป็นคน เป็นพุทธศาสนิกชน ยังได้นั่งฟังพระเทศน์อยู่อย่างนี้ (ติดใจวิธีนี้ ที่ได้มาจากหลวงพ่อสมเด็จ เพราะเวลาฟุ้งมาก ๆ กดด้วย พุทโธกับลมหายใจ ไม่อยู่) หากยังฟุ้งต่อ...ต้องนี่เลย..."ไอ้ควาย":onion_sadd: มีบุญส่งมาจนได้มานั่งฟังธรรมอยู่อย่างนี้ ยังจะโง่ต่ออีก (ศัพท์นี้ไม่ใช่คำหยาบสำหรับตัวเอง เพราะจำติดมาจากเรื่องเล่าของหลวงตา จึงถือเป็นศัพท์สูงใช้เตือนตัวเอง) โลภมากอยากได้เงินทองแบบ "รวยเละ"...คิด... "จะเก็บไปใช้ถึงชาติหน้าหรืออย่างไร":onion_no: ที่จริงจะบอกว่า ไปท่องคำเด็ดครูบาอาจารย์ที่ "โดนใจ" ตรงกับกิเลสเราเอาไปคิดเป็นสูตรของเราดีที่สุด เช่น "มารดลใจ...ก็เพราะเราโง่มาก ถ้าเราชั่วน้อย เขาก็ดลใจได้น้อย":6f428754: |
เจี๊ยก!!! อ่านแล้วร้องจ๊ากเลย.. ไม่รับปากค่ะพี่
ต้องรีบมาบอก เดี๋ยวนิ่งเงียบแล้ว ท่านจะถือว่า รับปากโดยดุษณี ส่วนเรื่องเข้าสูตร.. เข้าใจว่าแต่ละคน ก็มีสูตรของ ตัวเองอยู่แล้ว จากประสบการณ์ของหยกโดยส่วนตัวนั้น พบว่า การแก้อารมณ์ใจไม่ใช่เรื่องยาก(แต่ไม่ได้หมายความว่าง่ายนะ) เท่ากับการที่เรา มักจะไม่มีสติคอยรับรู้ว่า นี่นะ.. กิเลส มันเกิดขึ้นแก่ใจเราแล้วนะ กว่าจะรู้ตัวอีกที มันก็เจริญ งอกงามในใจเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อทิสสมานกายเรา กลายเป็นสัตว์นรกเรียบร้อยแล้ว :onion_no: |
หลวงพ่อสมปองท่านบอกว่า พวกที่มีอาชีพแต่งตัวโป๊ ๆ สวย ๆ อวดชาวบ้าน อย่างเช่นพวกดารา พวกนี้ตายไปแล้วจะตกนรก เพราะว่าทำให้คนเห็นเกิดกามราคะ เกิดกำหนัด ไปตัดความดีของเขา
|
หลวงพ่อสมปองได้เทศน์สอนในเรื่องอารมณ์การปฏิบัติเอาไว้ว่า
" อารมณ์ต้น อารมณ์กลาง อารมณ์ปลาย อารมณ์ต้นมันต้องเกาะเพื่อการระวัง พออารมณ์กลางเราจะรู้สึกเริ่มชินเป็นฌาน พอเข้าสู่อารมณ์ฌานก็จะเป็นอารมณ์ปล่อย เราก็ต้องทำตั้งแต่ต้นไปก่อน ไม่ใช่ไปจับอารมณ์ปลายเลย 'ฉันไม่เกาะ ฉันปล่อยเลย' มันไม่ได้ เดี๋ยวมันเผลอ เพราะพื้นฐานมันไม่แน่น ไม่เหมือนคนที่เริ่มตั้งแต่ต้นมา เขามีการสั่งสมความเข้าใจทีละน้อย ๆ จนแน่น เมื่อมันแน่นแล้วมันล้มยาก แต่ถ้าเราไปจับอารมณ์ปลายเลยมันไม่รอด อย่างเก่งก็หลงไป คนจึงหลงความดีง่ายก็เพราะอย่างนี้ การปฏิบัติต้องไล่จากเบื้องต้น ไปเบื้องกลาง ไปเบื้องปลาย เป็นลำดับของมันแบบนี้ เราไม่ใช่คนที่ไปเกิดในสมัยที่คนมีกำลังบุญสูง สมัยนี้คนมีกำลังบุญต่ำ ทำได้ช้า บาปมันมีกำลังใหญ่ ความจำเราก็เสื่อม ปัญญาก็พลอยเสื่อม ฉะนั้น จะให้เราทำปุ๊บเป็นอรหันต์ปั๊บมันไม่ง่ายเหมือนสมัยพุทธกาล สมัยนี้ต้องถือข้อวัตรปฏิบัติเป็นลำดับ ตั้งแต่หยาบ กลาง ละเอียดไปก่อน อย่าไปข้ามตอนมัน ถึงเราจะรู้สึกเข้าใจในคำสอนได้มั่นคงดี แต่อาจจะฉาบฉวยไป การที่เราเอาข้อวัตรปฏิบัติมาพูดว่า 'สบาย ช่างมัน ปล่อยวางไปเลย' แบบนั้นไม่ได้ นั่นเป็นอารมณ์ปลายของเขา มันทรงได้ไม่นานเดี๋ยวก็เสื่อมเพราะไม่มีพื้นฐานความเข้าใจมาก่อน เพราะฉะนั้นความเข้าใจต้องเริ่มต้นจากนี้ แนบแน่น ๆ ไป" |
หลวงพ่อเล็กบอกว่า "บุคคลที่ยิ่งปฏิบัติได้สูงเท่าไร กำลังใจยิ่งละเอียดเท่านั้น ในเมื่อกำลังใจท่านละเอียดขนาดนั้น ท่านก็เลยทำอะไรเรียบร้อยไปด้วย"
|
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:53 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.