กระดานสนทนาวัดท่าขนุน - เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครู - เป่ายันต์เกราะเพชร วันเสาร์ที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๘

ขณะเดียวกันในยุคนี้สมัยนี้ไสยศาสตร์ก็เฟื่องฟู โดยเฉพาะดังไปถึงประเทศจีน ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ นิยมกันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสายเสน่ห์ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงไม่เคยสอนอาตมา ท่านบอกว่า ถ้าอยากมีเสน่ห์ ต้องปฏิบัติธรรมะของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนว่า ต้องรู้จักให้ทาน คือ แบ่งปันกับคนอื่นเขา รู้จักเอ่ยปิยวาจา คือพูดดี พูดเพราะกับคนอื่น รู้จักอัตถจริยา คือทำประโยชน์กับคนอื่น มีสมานัตตตา คือเอาใจเขามาใส่ใจเรา เขาไม่ชอบอะไรเราก็อย่าทำสิ่งนั้นกับเขา เขาชอบอะไรเราก็ทำสิ่งนั้นแก่เขาให้มาก ๆ ไว้ คนทั้งหลายจะรักเราเองโดยอัตโนมัติ

เพราะฉะนั้น..อาตมาเรียนวิชาทำเสน่ห์จากหลวงพ่อวัดท่าซุงวิชาเดียว คือ วิชาสังคหวัตถุ ๔ ไม่สามารถที่จะทำเสน่ห์ด้วยวิธีอื่นได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นสายเสน่ห์ที่ดังไปทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่ ถ้าหากว่าโยมมียันต์เกราะเพชรอยู่ แค่เดินผ่านเจ้าพวกนั้นก็สลายไปแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องหนักใจ

ไสยศาสตร์ซึ่งน่ากลัวที่สุดเท่าที่อาตมาเจอมาคือไสยศาสตร์ของกะเหรี่ยง ไสยศาสตร์อิสลามไม่น่ากลัว เดินผ่านก็สลายตัวแล้ว ไสยศาสตร์เขมรอุบาทว์หน่อยเพราะส่วนใหญ่ทำให้เรากิน ไสยศาสตร์กะเหรี่ยงน่ากลัวที่สุดเพราะคนโดนตายทุกราย ในเมื่อตายก็ไม่มีโอกาสที่จะมาเอ่ยปากบอกใครว่าโดนไสยศาสตร์มา

แต่ว่าหมอผีกะเหรี่ยงเขาก็มีกติกาว่า ถ้าไม่ใช่โดนเขาข่มเหงบีบคั้นจนน้ำตาร่วงถึง ๓ ครั้งก็ห้ามทำไสยศาสตร์ใส่คนอื่น แปลว่าไอ้คนที่โดนสมควรที่จะตาย..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้นถ้าหากว่าญาติโยมภาวนาและรักษายันต์เกราะเพชรได้เป็นปกติ ขึ้นชื่อว่าอันตรายจากไสยศาสตร์ทั้งหลายเหล่านี้ย่อมไม่มี ขณะเดียวกัน..ท่านใดที่พกวัตถุอาถรรพ์ ซึ่งใช้วิชาการทางไสยศาสตร์เสกสร้างขึ้นมา ถ้าเสียดายให้เอาออกจากตัวไปเลย เพราะอีก ๒ นาทีเริ่มพิธี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเสื่อมหมด

เมื่อเริ่มพิธีแล้วถ้ามีใครกรีดร้องโวยวายเสียงดัง หรือดิ้นตึงตังโครมครามขึ้นมา ญาติโยมที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่ต้องไปใส่ใจ หลับตาภาวนาจับภาพพระของเราไป ที่เหลือเป็นหน้าที่ของท้าวมหาราชและบริวาร ที่ท่านจะเมตตาช่วยเหลือขับไล่ไสยศาสตร์เหล่านั้นให้