![]() |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443683042 บินขึ้นมาแล้วจึงเห็นว่าที่จอดอยู่นั้นแทบจะสายการบินเดียว โอ้โฮเว้ย..อาตมาเองก็เพิ่งเคยพบ "เจ้าแม่หลักเมือง" เป็นครั้งแรกเช่นกัน ปกติแล้วผู้หญิงที่หลุดเข้าไปในชั้นจตุมหาราชิกาได้ ต้องเป็นสุดยอดฝีมือจริง ๆ แล้วนี่แม่นางยังเป็นอินทกะ มีสิทธิ์ขึ้นเป็นท้าวจตุมหาราชได้อีกด้วย แสดงว่าเป็นที่สุดของที่สุดทีเดียวเชียว... อาตมาบอกกับเทวีคนสวยว่า สิ่งแรกที่ขอรบกวนก็คือ อยากเห็นยอดเขาเอเวอเรสต์จากบนเครื่องบิน นภิสราเทวียิ้มหวาน "ได้เจ้าค่ะ ดิฉันจะจัดให้" เออ..เทวดานางฟ้าแถวนี้พูดไทยชัดดีเว้ย ถ้า "หลงโถวแหย" แนะนำว่า "นะพิกซารา" จนกลายเป็น เพราะอาตมาอาจจะฟังเป็น "น้ำพริกสละ" ไปก็ได้ เมื่อขอบคุณทุกท่านแล้วภาพนิมิตก็เลือนหายไปตามเคย... กัปตันซารูดินนำเครื่องเคลื่อนออกจากงวงตรงเวลา แต่ต้องมา "รอหลีก" เครื่องอื่น ๆ ที่ทั้งขึ้นและลงอยู่นาน จนเที่ยงสิบห้านาทีถึงได้ฤกษ์ทะยานขึ้นฟ้า "หลงโถวแหย" และบริวารน้อมคารวะตามหลังมา ส่วนนภิสราเทวีหายไปไม่ได้เห็นหน้า ขืนให้เห็นนาน ๆ อาตมาอาจจะยึดปฏิปทาของท่านพระนันทเถระ ที่ปฏิบัติธรรมเพื่อแลกกับนางฟ้าก็เป็นได้..! |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443734197 ขายเท่านั้น..อย่าหวังเลยว่าจะได้กินฟรี..! อาตมาบอกกับน้องเก๋ว่า กัปตันน่าจะเป็นคนในพื้นที่ เพราะเนปาลอยู่ในหุบเขาก้นกระทะ ถ้าไม่คุ้นเคยกับแรงลมและภูมิประเทศแล้ว มีสิทธิ์บินชนภูเขาตายกันยกลำเหมือนกับที่การบินไทยของเราเคยเจอมาแล้ว เช่นเดียวกับการไปลาดักของอินเดีย ถ้าไม่ใช่กัปตันสุริยาแล้ว ไม่มีใครกล้าเอาเครื่องลงสนามบินลาดัก เพราะทั้งลมทั้งหมอกทั้งหุบเขา สนามบินก็สั้นมาก ๆ สิ้นกัปตันสุริยาแล้ว คงต้องไปลาดักด้วยการนั่งรถจนตูดระบม ยายน้องตัวแสบยิ้มแบบไม่น่าไว้ใจ พร้อมกับถามว่า “แปลว่าเราต้องรีบไปลาดักกันใช่ไหมคะ ?” เมื่อสัญญาณรัดเข็มขัดดับลง พนักงานก็เข็นรถขายอาหารออกมาบริการ ฮ่า..ที่คิดจะกินฟรีนั้นฝันไปเถอะ สายการบินต้นทุนต่ำแบบนี้ เขาต้องหาทางโกยกำไรให้มากที่สุด ลดรายจ่ายให้น้อยที่สุด เมื่อพนักงานถามว่า “Do you want some food or drink ?” อาตมาจึงปฏิเสธไป น้องเก๋ถามว่า “เอาน้ำดื่มสักขวดไหมคะ ? หนูจะถวาย” อาตมาเห็นว่ากว่าจะไปถึงเนปาลอีกตั้งสามชั่วโมงเศษ จึงตอบว่า “ได้สักขวดก็ดี”... น้องเก๋สั่งน้ำมาให้ ขวดขนาด ๖๐๐ มิลลิลิตร ถ้าจ่ายเป็นเงินริงกิตตก ๓๓.๓๓ บาท แต่จ่ายเป็นเงินไทยจึงถูกปัดเศษเป็น ๓๕ บาท เมื่อส่งน้ำให้กับอาตมาแล้ว ก็หันไปไปสั่งข้าวพะแนงไก่มาลองชิมรสชาติ เจอเข้าไปกล่องละ ๒๐๐ บาทถ้วน คงอิ่มเพราะจุกไปอีกนาน..! |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443777459 ดูลักษณะพื้นที่แล้วน่าจะผ่านพม่าบางส่วน อินเดีย แล้วเข้าเนปาล ดื่มน้ำแล้วอาตมาย่องไปเข้าห้องน้ำทางท้ายเครื่อง จึงได้เห็นแม่ป๋อมกินข้าวกล่องละ ๒๐๐ บาทเหมือนกัน ส่วนป้ามอย น้องเล็กกับลูกปุ๊ก กินบะหมี่ถ้วยรสต้มยำกุ้ง ราคาถ้วยละ ๑๗ หยวน ก็ตกเก้าสิบบาท ของลูกปุ๊กเป็นรสผัก ราคาถ้วยละ ๑๓ หยวน ประมาณเจ็ดสิบบาท อาตมาได้ยินแล้วต้องรีบเข้าห้องน้ำโดยด่วน เพราะตกใจของแพงจนเกือบจะฉี่ราด..! กลับมานั่งอ่าน “อาปา” ยังที่นั่งของตัวเอง โชคดีที่ไม่มีใครนั่งด้วย ส่วนน้องเก๋มีหนุ่มนั่งอยู่ข้าง ๆ แต่ไม่สนใจ “สาวสวย” จากเมืองไทยเลย เอาแต่คุยกับเพื่อนตัวเอง อ่านหนังสือไปได้สักพัก น้องเก๋ก็ถามว่า “เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหนคะ ?” อาตมาดูแดดบ่ายที่ส่องเฉียงเข้ามาทางขวามือแล้วตอบด้วยความมั่นใจว่า... “ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ น่าจะผ่านพม่าบางส่วน อินเดีย แล้วเข้าเนปาล” อีกฝ่ายไม่หายสงสัย “ทำไมเขาไม่บินขึ้นเหนือตรง ๆ เลยละคะ ?” เอ..? นี่เห็นตูเป็นกัปตันไปซะแล้ว ก็เพราะเขาต้องหาทางไปที่สั้นที่สุด สะดวกและปลอดภัยที่สุดนะซีเว้ย..! |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443815634 กำลังผ่านเขตอากาศแปรปรวน..โปรดรัดเข็มขัดนิรภัยด้วยครับ อ่านหนังสือไปได้อีกพัก เสียงน้องเก๋ก็ดังข้ามแถวมาอีกว่า ดูจากแผนที่เส้นทางการบินในหนังสือแล้ว เป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือจริง ๆ ค่ะ ผ่านช่องแคบมะละกาด้วย เออ..ตูผิดเองที่ลืมบอกไปว่า ตอนเรียนวิชาทหาร ตูสอบวิชาแผนที่และเข็มทิศได้คะแนนเต็มร้อยอยู่คนเดียว..! อ่านหนังสือต่อจนรู้สึกว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเงียบไป พอมองไปถึงได้เห็นว่า เมื่อหมดความสงสัยแล้วคุณน้องเธอก็หลับ ไม่สนใจหนุ่มข้าง ๆ เหมือนกัน เข้าตำรา เงียบเป็นหลับ จริง ๆ อาตมาจึงอ่าน อาปา ต่อด้วยความเพลิดเพลิน ลุ้นว่าอนาคตของไอ้หนุ่มซินตึ๊งอย่าง ก๊กเจี่ยง เม้งจู และ ตี๋เล็ก จะเป็นอย่างไร แต่ เจ๊ซกลั้ง เธอเขียนภาษาจีนกลาง แต้จิ๋ว จีนแคะ ปนกันมั่วไปหมด ดันเอาชื่อ เม้งจู ของผู้หญิงมาตั้งให้ผู้ชายอีกด้วย ถ้าไม่รู้ภาษาจีนเลยคงจะสนุกกว่านี้อีกมาก... บ่ายโมงกว่าของไทย ถ้าเป็นเวลาเนปาลก็คงเที่ยงพอดี กัปตันขอให้ผู้โดยสารทุกคนรัดเข็มขัด เพราะผ่านพื้นที่อากาศแปรปรวน อาตมาจึงปิดหนังสือ ขยัก ไว้อ่านวันอื่น เพิ่งจะรัดเข็มขัดเสร็จเครื่องก็สั่นสะเทือนอย่างแรงเป็นระยะ แต่อย่าหวังเลยว่าน้องเก๋จะตื่น ฮ่า... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443868322 แผ่นดินแห้งแล้งกรอบเกรียมไปหมด มองดูทิวทัศน์ข้างนอกหน้าต่าง เห็นแม่น้ำสายน้อยสายใหญ่ไหลลงทะเลเป็นตับ น่าจะเป็นปากน้ำอิระวดี (Ayawadee) ของพม่า แต่กระนั้นผืนดินก็ยังดูแห้งแล้งไม่มีสีเขียวเลย คงยังเป็นหน้าแล้งอยู่ จึงไม่มีการไถหว่านอะไร... เมื่อไม่มีอะไรน่าดู อาตมาก็จับลมหายใจภาวนาแทน จนได้ยินเสียงน้องเก๋ถามว่า ถึงเป็นเทวดามิจฉาทิฏฐิ แต่ก็ยังมีหิริโอตตัปปะใช่ไหมคะ ? ตื่นขึ้นมาก็สงสัยเชียว ถูกต้องแล้วครับ คำว่ามิจฉาทิฏฐิหมายถึงเห็นผิดไปจากทำนองคลองธรรม ไม่ได้แปลว่า ชั่ว นะจ๊ะ... ดูนาฬิกาเห็นเป็นเวลาบ่ายสามโมงของเมืองไทย ตกบ่ายโมงสี่สิบห้านาทีของเนปาล นอกหน้าต่างเป็นแผ่นดินแห้งแล้งกรอบเกรียมที่กว้างใหญ่ไพศาล มีแม่น้ำขนาดใหญ่ที่เป็นสันดอนทรายเกือบตลอดสาย เหลือให้น้ำไหลผ่านได้แค่ช่วงที่ลึกเท่านั้น นี่คงเป็นแม่น้ำคงคา (Ganga) ของอินเดียแล้ว แผ่นดินช่างร้อนแล้งน่าหดหู่เหลือเกิน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443902396 เห็นแต่แนวเมฆ แล้ว "ยอดเขาไกรลาส" อยู่ที่ไหนหนอ ? ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเข้ม นาน ๆ จะมีเมฆขาวสักก้อน คล้ายกับวลาหกเทพบุตรไม่คิดจะเยี่ยมกรายมาสู่แผ่นดินนี้เลย ชมพูทวีปอันยิ่งใหญ่ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน เหตุใดจึงเหมือนกับแผ่นดินต้องสาป ที่สั่งสมความทุกข์ยากนานัปการจนปานฉะนี้หนอ ? ครึ่งชั่วโมงต่อมาแนวเมฆก็เริ่มมากขึ้น จับเป็นทางยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา อาตมาหยิบกล้องมาถ่ายรูปเอาไว้ ครู่ต่อมาเสียงฮือฮาของผู้โดยสารก็ดังขึ้น ทุกคนหันไปมองนอกหน้าต่างเป็นตาเดียว ผู้โดยสารที่มีเพื่อนนั่งทางด้านซ้าย ก็พลอยเฮละโลมาดูด้วย... เอเวอเรสต์หรือคะ ? น้องเก๋ที่เห็นปฏิกิริยาของผู้โดยสารก็เดาออก ถามมาเบา ๆ อาตมาเพ่งจนตาเหล่ก็เห็นแต่แนวเมฆยาวเหยียด ไม่รู้ว่ายอดเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงไหน เจ้าที่รักษาแผ่นดินเนปาลเป็นผู้หญิง ชื่อนภิสราเทวี รับปากว่าจะให้ดูยอดเขาเอเวอเรสต์ รอเธอหน่อยก็แล้วกัน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443952689 ข้างนอกแห้งแล้งกรอบเกรียม ข้างในเขียวขจีเหมือนหนังคนละม้วน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรโผล่มาให้เห็น ยัยนภิสรา มัวแต่ไปทำอะไรอยู่วะ ? คนสวยนี่หลอกยิ่งกว่าผีซะแล้ว แนวเขาแห้งแล้งกรอบเกรียมเริ่มปรากฏต่อสายตา สงสัยว่าจะอยู่ในเขต เงาฝน (Rain Shadow) จึงไม่ได้รับน้ำเลย แต่ไม่ใช่ สักการะมาตา ที่ชาวเนปาลีเรียกยอดเขาเอเวอเรสต์แน่นอน เพราะไม่มีหิมะสักนิดเดียว... ทิวเขาแห้งแล้งแน่นขนัด มีร่องรอยของทางน้ำไหลแทรกอยู่ทั่วไปในร่องเขา แต่หาน้ำไม่ได้เลยสักหยดเดียว ผ่านไปอีก ๕ ๖ นาทีจึงเริ่มมีต้นไม้เขียว ๆ ขึ้นมาบ้าง มีทางลูกรังลัดเลาะไปตามไหล่เขา แสดงว่าเริ่มเป็นเขตที่มีผู้คนอาศัยอยู่แล้ว... สองนาทีต่อมาขุนเขาเขียวขจีเหมือนกับหนังคนละม้วนก็ปรากฏต่อสายตา แสดงว่าเป็นภายในหุบเขากาฏมาณฑุแล้ว บริเวณในหุบเขาที่ไม่ได้เป็นที่ราบเรียบนัก มีบ้านเรือนตั้งอยู่เป็นระยะ หมู่ใหญ่บ้าง หมู่เล็กบ้างตามแต่พื้นที่จะอำนวย บางหลังก็โดดเดี่ยวเดียวดายอยู่บนยอดเขา เหมือนกับไม่ได้คิดถึงตอนขึ้นลงเอาเสียเลย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443982107 ถนนสี่เลนสายเดียวของเนปาล สัญญาณรัดเข็มขัดดังขึ้นพร้อมกับเครื่องบินลดระดับลงไปเรื่อย ๆ ผ่านบ้านเรือนและไร่นามากมาย ช่วงไหนเป็นเนินเขาก็มีต้นไม้ขึ้นอยู่เขียวครึ้ม บางช่วงมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้วย ใครตั้งบ้านอยู่ใกล้สระน้ำก็นับว่าเป็นโชคดีของคนนั้นไป... ตึกรามบ้านช่องเริ่มดูสวยงามทันสมัยขึ้น แต่ก็สูงมากที่สุดเพียง ๕ – ๖ ชั้นเท่านั้น ถนนส่วนใหญ่เป็นถนนดินบดอัด มีแค่บางสายที่ลาดยาง มองจากที่สูงแบบนี้จึงเห็นชัดว่า กรุงกาฐมาณฑุมีภูเขาล้อมรอบเป็นแอ่งกระทะ มีแม่น้ำสายไม่ใหญ่นักไหลลัดเลาะไปตามชุมชน ยิ่งเข้าใกล้ใจกลางหุบเขา ตึกรามบ้านช่องก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ... เครื่องบินต่ำจนเห็นถนนสี่เลนสายเดียวของเนปาล แล้วกัปตันซารูดินก็พาเครื่องลงสัมผัสพื้นสนามบินตรีภูวัน (Tribhuvan International Airport) อย่างนุ่มนวลน่าปรบมือให้ ตอนเวลาบ่ายสามโมงสามสิบห้านาทีของเมืองไทย ตรงกับบ่ายสองโมงยี่สิบนาทีของเนปาล เกินเวลาไปยี่สิบนาที... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444037780 ลงทางท้ายเครื่องแล้วไปขึ้นรถ เครื่องจอดอยู่กลางสนามบิน พวกเราปลดเข็มขัดนิรภัย ดึงกระเป๋าออกจากช่องเก็บ ท่ามกลางเสียงของกัปตันซึ่งขอบคุณพวกเราที่ใช้บริการ อาตมาคิดว่างานนี้กว่าจะเดินถึงหัวเครื่อง ก็คงจะอ่วมเหมือนกัน ดีที่เขาเปิดท้ายเครื่องให้อีกประตู จึงเฮโลตามกันมาลงทางท้ายเครื่องแทน... ทางสนามบินจัดรถมารับอยู่สองคัน สำหรับผู้โดยสารที่ลงทางประตูหน้า ๑ คัน และที่ลงทางประตูหลัง ๑ คัน อาตมาเดินขึ้นไปรถก็แน่นแล้ว แต่น้องเล็กเอากระเป๋าเดินทางวางกันที่ข้างประตูไว้ให้ จึงได้ที่นั่งแม้จะขึ้นทีหลังคนอื่นเขา... รถเต็มก่อนที่คนจะหมดลำ พลขับพารถวนกลับมุ่งตรงไปยังอาคารสนามบิน ไม่ถึงครึ่งนาทีก็จอดให้ลงเดิน ฮ่วย..อุตส่าห์เอารถมารับ ตูก็นึกว่าไปไกล ที่แท้พามาส่งแค่นี้เอง พวกเราลากกระเป๋าไปตามทางเดินที่ขนานกับอาคารสนามบิน เนื่องจากคนแน่นมาก จึงต้องตามกันไปช้า ๆ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444076841 ห้องน้ำอยู่ด้านหลังทางขวามือของรูปนี้ เดินไปอาตมาก็มองหาป้ายห้องน้ำไปด้วย เมื่อโผล่มาตรงรูปวาดขนาดใหญ่ที่เป็นภาพประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานในพุทธประวัติ ก็เห็นป้ายห้องน้ำชี้ไปทางด้านหลังขวามือของรูปภาพ อาตมาเดินตามป้ายไปเจอหญิงเนปาลีสามคน ซึ่งน่าจะเป็นพนักงานทำความสะอาด นั่งพักกันอยู่บริเวณทางเข้าห้องน้ำ จึงต้องเล็งจนแน่ใจว่าเป็นห้องของผู้ชายก่อนที่จะเดินเข้าไป... ห้องน้ำมีสภาพไม่นับว่าเลวร้าย ถึงแม้จะเก่าและกลิ่นฉุนไปหน่อย ปัสสาวะแล้วเดินออกมา เห็นน้องเล็กคว้าเอาใบผ่านแดนของเนปาลมาเป็นปึก กำลังแจกให้พวกเราอยู่ ปกติเขาแจกกันบนเครื่องบิน อาศัยเวลานั่งเครื่องนาน ๆ เขียนกันจนเสร็จ นี่เล่นให้มาหยิบเอาข้างในสนามบิน ต้องเสียเวลากรอกข้อมูลกันอีก แทนที่จะไปประทับตราหนังสือเดินทางได้เลย... ใช้ม้านั่งเป็นโต๊ะรองเขียนหนังสือไปตาม ๆ กัน เสร็จแล้วอาตมาเดินไปยังช่องของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ถึงแม้จะมีหลายช่องแต่ก็แถวยาวทีเดียว ล้วงเอาหลักฐานสารพัดที่ใส่ซองเตรียมมาพร้อมกับเงิน ๒๐ ดอลลาร์ เพื่อจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ตามระเบียบ เสียง “ท่านพ่อ” บอกว่า “เก็บไว้ตามเดิม กลับบ้านตัวเองไม่ต้องใช้..!” |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444125679 พระทิเบตผ่านช่องทางทั่วไป ส่วนพระไทยเส้นใหญ่ผ่านช่องทางพิเศษ Official ช่องโน้นค่ะหลวงพ่อ แม่ป๋อมชี้บอก อาตมาบินเดี่ยวเข้าไปเพราะช่องนี้ไม่มีใครเลยสักคน ส่งหนังสือเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ Official, Sir เจ้าหน้าที่รับไปเปิดดู แล้วลอกสติ๊กเกอร์ Arrival ที่มีหมายเลขการเข้าเมืองแปะลงไป เขียนวันเดือนปีแล้วลงลายเซ็น จากนั้นประทับตราแล้วส่งคืนให้โดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว..! Thank you, Sir ภาษิตกะเหรี่ยงว่า ยกมือวันทาหมายังไม่กัด การยกย่องคนด้วยคำพูดจัดเป็นบุญในอปจายนมัยอีกด้วย อาตมาเดินออกไปรอคณะที่ด้านนอก เห็นพระทิเบตสองรูปที่ตามมา ต้องไปลงประทับตราที่ช่องทั่วไป สักครู่ก็เดินตามกันออกมา... น้องเก๋กับน้องเล็กออกมาก่อน เราสามคนจึงเดินไปทางที่พระทิเบตท่านไป จึงเห็นว่าเป็นบันไดเลื่อนเดินลงไปชั้นล่าง อ้าว..ที่แท้เราอยู่ชั้นบนหรอกหรือ ? เพิ่งเข็นกระเป๋าผ่านสายพานกั้นช่องทางเดินออกไปที่ประตูแคบ ๆ ยายจี๋ ป้ามอย แม่ป๋อม และลูกปุ๊กก็ลงบันไดเลื่อนตามมา... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444160959 ตรงทางออกมีพระพุทธรูปแบบเนปาลที่งดงามมาก พวกเราเดินไปรอรับกระเป๋าที่สายพานหมายเลข ๓ ตามประกาศ อาตมาเข้าไปรอเป็นเพื่อนด้วยทั้งที่ไม่มีกระเป๋าให้รับ เจ้าหน้าที่มาต้อนให้ไปยังสายพานหมายเลข ๕ ลูกปุ๊กบอกว่าต้องหมายเลข ๓ แต่เมื่อเห็นทุกคนเฮโลไปทางหมายเลข ๕ ก็ต้องแบกเป้ตามไปแต่โดยดี เล่นบอกว่าต้องย้ายสายพานด้วยวิธีนี้ก็ดีเหมือนกัน... รับกระเป๋ามาแล้วก็เดินไปตามทางออกช่วงสั้น ๆ ที่นี่จะออกจากสนามบินก็ต้องเอากระเป๋าเข้าเครื่อง X-Ray ด้วย อาตมาส่งกระเป๋าเข้าเครื่องแล้วเดินไปรอทางด้านท้าย ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่คอยดูเครื่องสักคน แล้วตรวจไปทำไมวะ ? เมื่อน้องเล็กตามมาชี้ให้ดู อาตมาจึงเห็นว่าเจ้าหน้าที่ซุกตัวอยู่หลังเครื่อง กำลังเพ่งจออย่างขะมักเขม้น... รับกระเป๋าแล้วเข็นตามผู้โดยสารอื่น ๆ ออกไปทางขวามือที่เป็นประตูกระจก เห็นมีคนมารอรับญาติกันแน่นขนัด ทางซ้ายมือมีซุ้มประชาสัมพันธ์ ที่มีพระพุทธรูปงาม ๆ แบบเนปาล ขนาดหน้าตักประมาณ ๒๐ นิ้ว มีป้ายติดไว้ว่า Birthplace of Lord Buddha, Nepal... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444206406 ร้านแลกเงินที่รับรองโดยรัฐบาลเนปาล ซุ้มถัดไปที่อยู่ใกล้กัน เป็นร้านรับแลกเงินชื่อ “Yeti Money Exchange” มีตัวหนังสือเล็ก ๆ ในวงเล็บว่า “Authorised by Government of Nepal” แสดงว่ามีรัฐบาลเนปาลเป็นประกัน อาตมาหยุดรอทุกคน แล้วปรึกษากันว่าควรที่จะแลกเงินรูปีไว้สักเท่าไรดี ? น้องเก๋บอกว่าค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ คิดเป็นเงินไทยประมาณคนละ ๓๕๐ บาท ให้แลกกันแค่นี้ก็พอ แต่ทุกคนตั้งใจแลกกันคนละ ๕๐๐ บาท มีอาตมากับยายจี๋ที่ใจป้ำ ขอแลกคนละ ๑,๐๐๐ บาทไปเลย ทุกคนรวบรวมเงินส่งมาให้อาตมาเป็นคนเข้าไปแลก... น้องเก๋เดินออกไปดูว่ารถที่ทาง NAVO Tour ติดต่อไว้มาหรือยัง ? อาตมาเดินตามสาวแหม่มและหนุ่มสาวชาวจีนเข้าไปแลกเงิน เห็นที่ป้ายเขียนว่าเงินไทย ๑ บาท แลกได้ ๒.๗๐ รูปี เมื่อเห็นหน้าผู้รับแลกเงินที่ไม่ยักใช่มนุษย์หิมะ (Yeti) ก็ส่งเงิน ๔,๕๐๐ บาทให้ รับเอา ๑๒,๑๕๐ รูปีกลับมา แล้วเดินออกไปทางประตูกระจกสู่ด้านนอกของสนามบิน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444250213 รถตู้ที่ใหม่เอี่ยมน่าประทับใจ “ไกด์ของเราอยู่ทางนี้ค่ะ” น้องเก๋ตะโกนบอกมา พลางชี้ไปที่หนุ่มเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีดำที่มีพุงพองาม ซึ่งยกป้าย “KAMALA SUWANTHAMA” ต้อนรับอยู่ พร้อมกับเดินมารับกระเป๋าเดินทางจากอาตมา “What’s your name ?” อีกฝ่ายตอบว่า “Saman (สามัญ)” แล้วยกกระเป๋าไปไว้ท้ายรถตู้ Toyota Commuter ใหม่เอี่ยมน่าประทับใจ ส่วนพวกเรามีคนช่วยยกกระเป๋าตามมาอีกสองคน... แต่ตอนขึ้นรถแล้วนี่สิ นายสามานย์บอกว่า ให้จ่ายทิปแก่คนยกกระเป๋าด้วย เฮ้ย..แค่ไม่ถึง ๒๐ เมตรนี่ต้องจ่ายด้วยหรือวะ ? อาตมาก็คิดว่าเป็นเด็กรถของคุณ ว่าแล้วก็ล้วงกระเป๋าแบบไม่ยินยอมพร้อมใจ เงินที่แลกมาก็มีเศษแค่ ๑๕๐ รูปี นอกนั้นเป็นใบละพันล้วน ๆ... สุดท้ายจ่ายค่าโง่ด้วยการทิปคนแรกไป ๑๐๐ รูปี คนหลังรับเงินไทยไป ๕๐ บาท แม่ป๋อมประท้วงว่ามากกว่า ๑๐๐ รูปีตั้งเยอะ ช่างมันเถอะ..ไม่มีใบเล็กกว่านี้ นึกว่าซื้อความรู้ก็แล้วกัน ซ้ำนายสามานย์ยังเปิดเครื่องปรับอากาศที่มีแต่ลมร้อนฉ่าให้อีก เล่นเอาทุกคนเครียดไปตาม ๆ กัน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444287103 ที่เดินพูดโทรศัพท์เหมือนคนปวดหูนั่นแหละ..มัคคุเทศก์ราเมศวร์ เมื่อรถจะออกตัว หนุ่มแน่นสามพันตึงที่ใส่เสื้อเชิร์ตลายน้ำเงินฟ้า นุ่งกางเกงยีนส์ที่ขึ้นมานั่งคู่กับคนขับ ก็แนะนำตัวว่าเป็นมัคคุเทศก์ อ้าว..อาตมานึกว่านายสามานย์เป็นมัคคุเทศก์เสียอีก คุณกมลาเองก็มึนไปเหมือนกัน จึงต้องถามชื่อเสียงเรียงนามกันใหม่... “Ramesh” อ้อ..ลูกหลานของพระรามนี่เอง นายราเมศวร์พูดภาษาอังกฤษสำเนียงแขกเร็วปรื๋อว่า เนื่องจากเครื่องบินเสียเวลาไปมาก วันนี้คงไม่สามารถที่จะพาคณะของพวกเราไปพระสถูปโพธานารถ (Boudhanath) และพระสถูปสวยัมภูวนารถ (Swayambhunath) ได้ครบทั้งสองที่ ให้ไปทำวีซ่าเข้าทิเบตที่สำนักงานท่องเที่ยวของเขาก่อน แล้วค่อยไปที่พระสถูปโพธานารถแห่งเดียว จะได้ไม่เดินทางเข้าที่พักซึ่งอยู่ถึงเมืองปาทาน (Patan) ค่ำเกินไปนัก... อยู่กับแป๊ะก็ต้องเชื่อแป๊ะ เมื่ออยู่กับแขกก็ต้องเชื่อแขก พวกเราจึงต้อง “OK” เท่านั้น อาตมาเป็นห่วงเรื่องน้ำกินของที่นี่ ซึ่งค่อนข้างจะหาน้ำสะอาดยาก น้องเก๋จึงถามว่า จะหาซื้อน้ำดื่มกับผลไม้ได้ที่ไหน ? ยังไม่ทันพูดจบรถก็วิ่งผ่านร้านขายผลไม้พอดี... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444332386 กลางถนนแท้ ๆ ยังสร้างเทวาลัยไว้ให้สักการะ นายราเมศวร์บอกว่าผลไม้มีขายทั่วไป ส่วนน้ำดื่มถ้าซื้อยกโหลจากซูเปอร์มาร์เก็ตจะราคาถูกหน่อย พวกเราจึงตกลงใจว่าไปซื้อน้ำดื่มกันก่อน นายสามานย์พารถฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นเพราะถนนแคบ วิ่งผ่านตึกรามบ้านช่องที่มีแต่เตี้ย ๆ ชั้นเดียวบ้าง สองชั้นบ้าง ขึ้นเนินลงเนินไปตามภูมิประเทศ แสดงว่าเนปาลอยู่บนพื้นที่ภูเขาจริง ๆ... บางแห่งมีเทวาลัยตั้งอยู่กลางถนนเลย รถยนต์วิ่งผ่านไปผ่านมาแน่นขนัด ยังอุตส่าห์มีคนไปถวายเครื่องสักการะกันอีก เห็นป้ายชื่อธนาคารพระพุทธ (Buddaha Bank) ร้านสิทธารถะรับแลกเงิน (Sittharatha Exchange) แล้ว ทำให้อาตมามั่นใจว่า ถึงเนปาลจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ประกาศให้ศาสนาฮินดูเป็นศาสนาประจำชาติ แต่อย่างไรเสียพระพุทธศาสนาต้องอยู่ในหัวใจชาวเนปาลส่วนหนึ่งซึ่งค่อนข้างมากแน่ ๆ... คนเนปาลขับรถชิดซ้ายเหมือนกับบ้านเรา จึงไม่ต้องคอยเตือนสติตัวเองเหมือนกับไปประเทศที่เขาขับรถชิดขวา อากาศในรถเริ่มเย็นลงจนเบาใจว่า ที่ร้อนในตอนแรกเป็นเพราะจอดรถตากแดดรอพวกเรานานไปหน่อย เมื่อถามว่าช่วงนี้อากาศยังหนาวไหม ? นายราเมศวร์บอกว่าเป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ (Spring) แล้ว อากาศเริ่มร้อนขึ้น คงจะใกล้เคียงกับภูเก็ตของไทย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444379440 เหลือง ๆ กลม ๆ ทางขวาสุดนั่นแหละครับ..ลาดู ถามว่าเคยไปภูเก็ตด้วยหรือ ? นายราเมศวร์บอกว่าไปมาหลายครั้ง ตอนนี้การเมืองของไทยเป็นอย่างไรบ้าง ? เล่นเอาทั้งอาตมาและน้องเก๋ถึงกับใบ้รับประทาน ..อึ้งครับอึ้ง.. ไม่คิดว่าจะมาเจอคำถามแบบนี้ ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ บอกว่า พวกเราเที่ยวอย่างเดียว ไม่สนใจการเมืองหรอก..! นายสามานย์ช่วยชีวิตเอาไว้พอดี เพราะเลี้ยวซ้ายเข้าไปในลานจอดรถค่อนข้างกว้าง บอกว่ามาถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว พวกเราลงจากรถเดินไปที่ ห้องแถว ซึ่งมีป้ายบอกทางเข้าออกเป็นภาษาอังกฤษ ทางเข้าเป็นคำว่า Entrance สีเขียว ส่วนทางออกเป็นคำว่า No Entry สีแดง เพิ่งเดินเข้าไปก็เห็นน้ำดื่มขนาดลิตรครึ่ง ตั้งอยู่เป็นตับทางขวามือ... พวกเราขอเดินเข้าไปดูข้างในก่อนว่ามีอะไรขายบ้าง อาตมาเดินตามเข้าไปด้วย เห็นแต่ของกินของใช้เต็มไปหมด เพียงแต่หน้าตาแปลกกว่าบ้านเราอยู่บ้าง น้องเก๋สนใจขนมแห้งต่าง ๆ ถามนายราเมศวร์ด้วยความสนใจว่า ขนมข้าวปั้นสีเหลือง ๆ กลม ๆ ในกล่องสวย ๆ นั่นคืออะไร ? อาตมาตอบแทนว่า ลาดู นายราเมศวร์ก็ตอบว่า Ladoo เช่นกัน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444419469 บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าตึกแถว ที่อาตมาตอบได้จนนายราเมศวร์แปลกใจนั้นไม่ใช่อะไรหรอก ก็เพราะตอนเรียนวิชาฟังและพูดภาษาอังกฤษ ท่านอาจารย์ ดร.นิรุธ อำนวยศิลป์ เปิดแต่หนังแขกพากษ์ภาษาอังกฤษให้ดูและฟังเกือบทั้งเทอม จึงพอที่จะรู้จักวัฒนธรรมการกินการอยู่ของชาวอินเดียมาไม่น้อย เมื่อมาเห็นข้าวของบ้านพี่เมืองน้องอย่างเนปาล ก็ต้องตอบได้อยู่แล้ว... เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรน่าสนใจ อาตมาจึงย้อนไปคว้าน้ำดื่มมาทีเดียวสองแพ็ก (๑๒ ขวด) ป้ามอยรีบมาช่วยหิ้วให้ ๑ แพ็ก ตรงไปยังที่จ่ายเงิน พนักงานเอาเครื่องอ่านบาร์โค้ดยิงแล้ว ตัวเลขขึ้นมาที่ ๕๕๒ รูปี ตกขวดละ ๑๗ บาท ซึ่งไม่นับว่าแพง อาตมาส่งใบละ ๑,๐๐๐ รูปีไปให้ รับเงินทอน ๔๔๘ รูปีมาแล้ว จัดการหิ้วน้ำออกมาที่ลานจอดรถ... ทั้งลานมีแต่รถเก๋งและรถกระบะ หารถตู้ของเราไม่เจอ สงสัยว่ารถคันใหญ่เกินไป จนนายสามานย์ต้องเอาไปจอดด้านนอก นายราเมศวร์โทรศัพท์หาก็ไม่รับสายซะอีก ถ้าโดนเชิดกระเป๋าไปละก็เวรแน่ เพราะนอกจากผ้าผ่อนท่อนสไบแล้ว อาตมายังใส่เงินหยวนทั้งหมดเอาไว้ในกระเป๋าเดินทางเสียด้วย อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้..! |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444483492 นอกจากไม่ช่วยเดินหารถแล้ว ยังมาซื้อไอศกรีมอีกต่างหาก..! หลวงพ่อคะ..ขอเงินรูปีหน่อยได้ไหมคะ ? มีคนอยากกินไอศกรีมเนปาล แต่เงินอยู่กับหลวงพ่อหมด แม่ป๋อมตามมาถาม เออ..ขนาดนี้ยังมีอารมณ์อีกแน่ะ อาตมาควักส่งไปให้ทีเดียวทั้งหมด เหลือเศษเหรียญไว้แค่ ๓ รูปีเท่านั้น แล้วมาเดินงมหารถตู้ต่อ คงต้องออกไปดูข้างถนนใหญ่ด้านนอกเสียแล้ว... อยู่ทางโน้นค่ะ เจ้าแม่หลักเมืองโผล่หน้ามาชี้ให้แวบหนึ่ง แล้วรีบเผ่นไปอย่างด่วนจี๋ เพราะอาตมายังไม่ได้คิดบัญชีที่เธอ แหกตา เรื่องจะให้ดูยอดเขาเอเวอเรสต์ เมื่อมองตามไปจึงเห็นว่า ด้านในอีกช่วงหนึ่งซึ่งมีรั้วตาข่ายกั้นไว้ ไม่น่าจะเป็นพื้นที่ของซูเปอร์มาร์เก็ต นายสามานย์ดันเอารถตู้ไปจอดไว้ที่นั่น จึงหิ้วน้ำตรงไปที่รถ... นายราเมศวร์เดินแทรกรถเก๋งที่จอดกันแน่นตามมา ดันตัวใหญ่ไปหน่อย จึงเบียดเอากระจกรถเก๋งพับกลับหลังไปเลย สาวเจ้าของรถยืนมองตาเขียวปั๊ด มัคคุเทศก์ของเรารีบดันกระจกกลับเข้าที่ให้ ขอโทษขอโพยในความผิดของตนเอง จนสาวเจ้ายิ้มให้อาตมาถึงได้โล่งใจ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444507102 เห็นแบบนี้เข้าก็ตาลุกวาวไปตาม ๆ กัน ฟังนายราเมศวร์ต่อว่านายสามานย์เป็นภาษาพื้นเมืองเร็วปรื๋อ อาตมาเดาว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ อีกฝ่ายก็เถียงว่ามองเห็นหน้ากันอยู่แค่นี้ จะรับให้เปลือง "ตังค์" ไปทำไม ? พอดีพวกเราเดินมาขึ้นรถกันครบ อาตมาจึงเห็นว่า ผู้ที่เรียกร้องกินไอศกรีมเนปาลคือลูกปุ๊ก ซึ่งเป็นคนที่ท้องเสียง่ายที่สุด เห็นแล้วจะบ้าตาย..! นายสามานย์นำรถออก วิ่งฝ่าการจราจรที่หนาแน่นยิ่งขึ้น ลงเนินไปยังที่ราบซึ่งเป็นร้านรวงแน่นขนัด แถวนี้มีร้านขายข้าวของต่าง ๆ เต็มไปหมด ทุกคนเห็นเข้าก็ตาลุกวาว วิญญาณนักช็อปปิ้งเริ่มเข้าสิงร่าง จนอาตมาต้องปรามด้วยคาถาว่า “ถ้าซื้อตั้งแต่วันแรกก็แบกตายห่..เลยนะ..!” จึงค่อยสงบลงไปได้หน่อยหนึ่ง... เมื่อถามถึงภาษาที่ “ลุย” กับนายสามานย์ มัคคุเทศก์ของเรายิ้มแบบถูกใจ พลางอธิบายด้วยความภูมิใจว่าเป็นภาษา “เนวารี” จัดอยู่ในกลุ่มภาษาพม่า-ทิเบต เนปาลมีประชาชนถึง ๑๒๕ ชนเผ่า มีเนปาลี โภชปุริ ตามัง เนวารี เป็นต้น ในกรุงกาฐมาณฑุพูดภาษาเนวารีกันมากที่สุด... |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:45 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.