![]() |
ถาม : ถ้าเราบวชพระ แล้วมีพระอุปัชฌาย์ หรือพระคู่สวด หรือพระอันดับ ต้องอาบัติปาราชิกหรือสังฆาทิเสส เราจะเป็นพระสมบูรณ์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องถึงขนาดพระอุปัชฌาย์หรือพระคู่สวดหรอก บุคคลที่เป็นพระอันดับอยู่แม้แต่รูปเดียว ถ้าโดนอาบัติหนักตั้งแต่สังฆาทิเสสขึ้นไป บวชแล้วก็ไม่เป็นพระ เพราะสังฆกรรมไม่สมบูรณ์ วิธีแก้ก็คือสึก แล้วหาที่สมบูรณ์บวชใหม่ ถาม : แล้วอย่างนี้มีผลต่อการปฏิบัติไหมครับ ? ตอบ : มีโทษหนักขึ้นไปเรื่อย เพราะว่าตัวเองไม่ใช่พระ แต่ไปกินไปนอนร่วมอยู่กับพระด้วยกัน ทำให้สังฆกรรมเขาเสีย ทำให้เขาต้องอาบัติอยู่ตลอดเวลา |
ถาม : ศีล ๕ และศีล ๘ เราอธิษฐานเอาเองได้ใช่ไหมครับ โดยไม่ต้องสมาทานกับพระ ส่วนศีล ๑๐ คือศีลของสามเณร เราอธิษฐานเอาเองได้ไหมครับ ?
ตอบ : ศีล ๒๒๗ ก็อธิษฐานได้ คำว่าสมาทาน แปลว่า ศึกษา การอาราธนาศีลคือขอศีลกับพระ พระท่านก็จะบอกให้ว่าศีลมีอะไรบ้าง ในเมื่อเราศึกษาแล้วว่าศีลมีอะไรบ้าง ก็ตั้งหน้าตั้งตาละเว้นตามนั้นถึงจะเกิดผล แต่ถ้าเรารู้ว่าศีลมีอะไร ตั้งหน้าตั้งตาละเว้นไปเลยก็ใช้ได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าในเพศของสามเณรหรือพระนั้น ต้องมีพิธีกรรมในการบวชต่างหากออกไป สรุปว่า ถ้ารู้ว่าศีลมีอะไรก็ปฏิบัติไปได้เลย |
ถาม : ฉัตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า มีความแตกต่างจากฉัตรของพระพุทธเจ้าอย่างไร ?
ตอบ : ต่างกันตรงปัจจัยของคนสร้าง มีเงินเยอะก็ทำใหญ่หน่อย ถาม : อย่างเช่น รายละเอียดชั้นเดียวหรือกี่ชั้น ? ตอบ : เท่าที่เห็นมา ทำแบบไหนถวายก็ไม่เห็นท่านบ่นสักคำ..! |
ถาม : มีพระรูปหนึ่งเทศนาว่า คนที่ทำความชั่วลบล้างความดีที่ทำมา อยากจะกราบเรียนขอให้ขยายความ
ตอบ : ขยายไม่ถูก รู้แต่ว่าดีส่วนดี ชั่วส่วนชั่ว ลบล้างกันไม่ได้ ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำความดีให้มากไว้ เมื่อความดีมีกำลังสูงกว่า จะได้หนีห่างความชั่วออกไปได้ ถาม : เวลาเราทำความชั่วก็ไม่ได้ไปลบล้างความดีใช่ไหมครับ ? ตอบ : ดีส่วนดี ชั่วส่วนชั่ว อย่างไหนส่งผลก็รับไป |
ถาม : ทำบุญอย่างไรทำให้ชีวิตเราเจริญรุ่งเรืองในชาตินี้ เห็นผลในชาตินี้ ?
ตอบ : ไปแอบทำบุญกับพระที่เข้านิโรธสมาบัติคนเดียว หรือไม่ก็ฝึกสมาบัติ ๘ ให้ได้แล้วไปภาวนาคาถาเงินล้าน |
ถาม : วัตถุมงคลที่ผ่านการปลุกเสก ถ้าคนแขวนไปในที่อโคจร วัตถุมงคลจะเสื่อมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : วัตถุมงคลไม่เสื่อม แต่ศีลธรรมของคนแขวนจะเสื่อม..! |
ถาม : เพื่อนจะเปิดร้านกาแฟวันออกพรรษา ซึ่งตรงกับวันมหาสิทธิโชค อยากถามว่าจะเป็นฤกษ์ที่เปิดกิจการได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ตรงกับวันศุกร์ก็เปิดไปเถอะ การเปิดกิจการใหม่เขาห้ามวันศุกร์อย่างเดียว |
ถาม : มีวันหนึ่งตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์โล่ง ๆ โปร่ง ๆ ไปจนตลอดเวลาทำงาน ไม่ได้เบื่อหน่าย ไม่ได้ดิ้นรน กราบขอความเมตตาชี้แนะ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจะได้อารมณ์แบบนี้อีก ?
ตอบ : นึกย้อนหลังไปว่าก่อนหน้านั้นเราคิดอะไร เราพูดอะไร เราทำอะไร อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบไหน แล้วอารมณ์เป็นอย่างนั้น เราก็กลับไปคิดอย่างนั้น พูดอย่างนั้น ทำอย่างนั้นใหม่ ถาม : ถ้าพอถึงอารมณ์แบบนี้ควรจะพิจารณาอย่างไรครับ ? ตอบ : ถ้าเป็นอารมณ์ที่อยู่ในด้านดี ไม่ชวนไปทางรัก โลภ โกรธ หลง ก็ให้ประคองสติรักษาเอาไว้ |
ถาม : ลูกอยากทราบว่ามักกะลีผลกับช้างน้ำเกิดมาเพื่ออะไร ?
ตอบ : ก็เพื่อเป็นมักกะลีผลกับเป็นช้างน้ำ..! ถาม : ทำไมคนธรรมดาจึงไม่สามารถเห็นได้ ? ตอบ : ก็เพราะว่าไปไม่ถึง ถ้าไปถึงเมื่อไรก็เห็นได้ ถาม : มีประโยชน์อย่างไร ? ตอบ : มีประโยชน์คือ ทำให้คนไม่เห็นสงสัยต่อไป..! |
ถาม : การทำบุญสร้างอะไรบ้างที่มีวิมานของตัวเอง ?
ตอบ : ทำในส่วนของวิหารทานทุกประเภท แม้กระทั่งห้องน้ำห้องส้วม ถาม : เราจะขึ้นไปดูวิมานของตนเองต้องมีฌาน ๔ ใช่หรือไม่ ? ตอบ : ไม่ใช่..ถ้ามีฌาน ๔ แต่ไม่ได้อภิญญาหรือไม่ได้ทิพจักขุญาณ ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นวิมานของตัวเอง ถาม : รูปแบบลักษณะวิมานขึ้นอยู่กับอะไร ? ตอบ : ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและขึ้นอยู่กับบุญที่ตัวเองทำมา ถ้าบุญนั้นสมบูรณ์บริบูรณ์แล้ว วิมานนั้นก็จะขึ้นกับความรักชอบส่วนตัวของตน ไม่เช่นนั้นก็จะขึ้นอยู่กับผลบุญที่ตัวเองทำ ถาม : วิมานหายได้เนื่องจากทำบาปอะไร ? ตอบ : ไม่ต้องทำบาปหรอก แค่กำลังใจลดลงวิมานก็หายไปได้ |
ถาม : หลวงพ่อได้มอบพระให้ลูกมาบูชา ขณะที่ห้อยพระแล้วต้องใส่ชุดนอนที่สวมทางศีรษะ พระจะเสื่อมหรือไม่ ? รวมถึงลอดใต้นั่งร้านก่อสร้างจะเสื่อมหรือไม่ ?
ตอบ : ขอยืนยันว่าพระไม่เสื่อม แต่ถ้ากำลังใจของเราเป็นกังวลนั่นแหละ แปลว่าเราเองทำตัวให้เสื่อมจากพระ |
ถาม : กรรมจากการตกงานหรือเปลี่ยนงานบ่อยเกิดจากอะไร ?
ตอบ : เกิดจากขาดความอดทน..! ถาม : มีวิธีแก้ไขอย่างไร ? ตอบ : ก็ทนให้มากขึ้น..! |
ถาม : การถวายพระประธานองค์ใหญ่ให้กับวัด กับการถวายสังฆทานที่มีพระพุทธรูปแบบที่ถวายกับหลวงพ่อต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : ต่างกันที่ว่า การสร้างพระประธานถือว่าเป็นพุทธบูชาโดยตรง อีกอย่างหนึ่งเป็นบุญสังฆทานเท่านั้น |
ถาม : องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เกิดขึ้นมาจนไม่สามารถนับได้ เกิดในโลกนี้ทุกพระองค์หรือไม่ ?
ตอบ : ขอยืนยันว่าเกิดในโลกนี้ทั้งหมด ถาม : สัตว์โลกยุคดึกดำบรรพ์มีศาสนาเกิดขึ้นแล้วหรือยัง ? ตอบ : มีแต่สัตว์ดึกดำบรรพ์ แล้วจะเอาศาสนาที่ไหนมาเล่า ? |
ถาม : บ้านของลูกเลี้ยงกระต่าย ออกลูกทุกเดือนเยอะมาก ทำให้ต้องหาคนมารับเลี้ยง อยากทราบว่าบาปหรือไม่คะ ?
ตอบ : หาคนมาเลี้ยงไม่บาป ถาม : กรณีนำไปขายบาปหรือไม่ ? ตอบ : ถ้าขายให้เขานำไปเลี้ยงก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าขายให้เขาไปฆ่าก็บาปแน่ ๆ |
ถาม : พระอริยสงฆ์กับพระเกจิอาจารย์ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : ต่างกันตรงที่ว่าพระอริยสงฆ์แทบทุกรูป ชาวบ้านมักจะเห็นเป็นพระเกจิอาจารย์ แต่พระเกจิอาจารย์ทุกรูปไม่ใช่พระอริยสงฆ์เสมอไป |
ถาม : ทางพระศาสนาเลือกบ้านอย่างไรครับ ?
ตอบ : เลือกตามเวรตามกรรม ตอบตรงไปตรงมา ถาม : ทางฮวงจุ้ยล่ะครับ ? ตอบ : ถ้ากล่าวถึงเรื่องทางพระศาสนาก็คือ คนทำบุญไว้ดีก็ได้ฮวงจุ้ยดี ถ้าคลั่งเรื่องนี้ก็ไปหาหมอดูเรื่องฮวงจุ้ยโดยตรงให้หมดเรื่องหมดราวไป อาตมาเองไม่เคยเลือกสักทีหนึ่ง โดยเฉพาะพระเขาให้อยู่ในป่าช้า อยู่โคนไม้ จะไปเลือกฮวงจุ้ยอีท่าไหน เลือกได้แค่ว่าจะเอาที่ผีดุหรือไม่ดุแค่นั้น..! |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครแวะไปชมนิทรรศการงานสมเด็จพระสังฆราชแล้วหรือยัง ? เมื่อเช้าดูข่าว เห็นว่ามีผู้ตามไปถวายสักการะกันที่โรงพยาบาล โอ้โห..มีความสุขเหลือเกินที่ได้ไปกวนคนที่นอนอยู่กับเตียง อาตมาระวังตัวเองสุดชีวิตเลยเรื่องนี้ ถ้าเกิดอายุถึง ๑๐๐ ปีแล้วยังมีคนมาออเต็มไปหมด จะพยายามรวบรวมกำลังลุกขึ้นมาเตะมันให้ได้..! คนไปก็ไม่ได้คิด...
อาตมาไปกราบหลวงปู่ดำ วัดท่าทอง จังหวัดอุตรดิตถ์ ตอนนั้นท่านอายุ ๑๐๐ ปีพอดี กราบเสร็จเอาไทยธรรมใส่พานถวายไว้ปลายเท้าท่าน แล้วก็กราบลารีบเผ่น พระในวัดท่านวิ่งตาม “เดี๋ยวครับ ๆ ท่านอาจารย์ ผมจะปลุกหลวงปู่ให้” “ไม่ต้องเมตตาเลย ถ้าตูอายุถึงร้อยแล้วนอนพัก อยู่ ๆ มีคนปลุกขึ้นมาให้กราบละก็..ตูจะฆ่ามัน..!” พวกคนไม่เคยแก่ ไม่รู้หรอกว่าคนแก่นั้นลำบากแค่ไหน" |
ถาม : ก่อนหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศจะมรณภาพ ท่านไปเยี่ยมบ้างไหมครับ ?
ตอบ : ตั้งแต่ท่านเข้าโรงพยาบาล อาตมาไม่ได้ไปเป็นปีเลย ทั้ง ๆ ที่ท่านบอกให้ไปอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพราะว่าเวลาจะเข้าจะออก ท่านก็ต้องเสียเวลามาต้อนรับ แล้วท่านเองก็กำลังไม่มี ต้องนั่งรถเข็น พยุงปีกกัน อาตมาไม่ไปรบกวนเด็ดขาดเลย ไปอยู่แค่ ๒ ครั้งตอนวันเกิดท่าน ก็คือ วันเกิดปี ๒๕๕๕ กับวันเกิดปีนี้ จะไปเฉพาะงานที่ท่านเลี่ยงไม่ได้ ประเภทอย่างไรท่านก็ต้องออกมาเพื่อส่วนรวม แต่ใช้วิธีถวายเครื่องสักการะเสร็จแล้วก็เผ่นเลย ทางด้านท่านเจ้าคุณพระพรหมสิทธิบอกว่า ให้มากราบท่านบ้าง ท่านได้เห็นพระที่ท่านรู้จัก และรู้ว่าทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา ท่านจะได้ชื่นใจ อาตมาก็บอกไปว่า “ผมไม่เอาหรอก ผมยอมให้ท่านนั่งเฉย ๆ ดีกว่า พระระดับนั้นแล้ว ไปกวนท่านมีหวังขาดทุนยับเยิน” ไปทีไรท่านก็กล่าวยกย่องให้เป็นตัวอย่างของพระวัดสระเกศอยู่เรื่อย อยู่ไปนาน ๆ คนอื่นเขาจะหมั่นไส้เอา..จึงไม่ไปดีกว่า ส่วนใหญ่ไปก็จะไปในช่วงที่ไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของท่าน คือไปตอนวันปาฏิโมกข์ ไปลงโบสถ์พร้อมกัน หรือไปตอนช่วงทำวัตรค่ำ พอถึงเวลาทำวัตรเสร็จก็กราบลาท่านกลับ ไปให้ดูว่า "ผมมาตามคำสั่งแล้วครับ" แค่นั้นแหละ |
ถาม : ตอนที่ท่านรับครูบาเหนือชัยออกนิโรธกรรม เหมือนตอนงานครูบาวิฑูรย์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ เพียงแต่งานครูบาวิฑูรย์นี่โดนมา ๒ ปีแล้ว พวกประเภทชอบทดสอบคนเก่ง สักวันหนึ่งเถอะ...หมั่นไส้เมื่อไรจะสวนคืนให้บ้าง..! งานออกนิโรธกรรมจะเจอพวกนี้เยอะ พระที่ท่านเข้านิโรธกรรมก็เลยต้องหาคนที่มั่นใจว่าป้องกันท่านได้ ไปรับท่านออกมา เพราะว่าตอนช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่ร่างกายท่านอ่อนแอที่สุด ในเมื่อร่างกายท่านอ่อนแอที่สุด ถ้าเผลอสติก็อาจจะโดนได้ ก็เลยต้องหาบุคคลที่ท่านมั่นใจไปรับท่านออกมา อย่างงานครูบาวิฑูรย์นี่ปีแรกโดนหนักเลย เขาคงลองดูว่าแน่แค่ไหนที่จะมารับออกจากนิโรธกรรม ปีนี้โดนอีกแล้ว อาตมาก็ต้องตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จนทุกวันนี้พวกหมอผีกะเหรี่ยงยังงงว่า ตกลงพระรูปนี้เก่ง หรือว่าโชคดีก็ไม่รู้ ทำอะไรก็ไม่เห็นเป็นอะไร ตีหน้าตายอยู่ตลอด |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:01 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.