 |
|
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1351634038
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กฝึกหัด
การมาเยี่ยมเยียนของแพทย์
ที่หมู่บ้านนี้ มีคนสองคนเท่านั้นที่พูดภาษาไทยได้เพราะเป็นคนมาใหม่ เคยอยู่กับชาวเขาเผ่าที่ทันสมัยหน่อยมาก่อนที่อื่น ไม่มีโรงเรียนประจำหมู่บ้านแม้ว่าจะมีเด็กในวัยเรียนไม่ต่ำกว่า ๕๐ คน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีหมอมาเยี่ยมเยียนหมู่บ้าน พวกชาวบ้านปฏิเสธไม่ยอมปลูกฝี แต่เราก็สามารถปลูกฝีให้เด็ก ๆ ได้ โดยให้ลูกกวาดสีแดง
คนละ ๓ อันเป็นรางวัล ชาวบ้านเป็นโรคหลายอย่าง แต่ที่ร้ายที่สุดคือโรคคอพอก โดยเฉพาะคนสูงอายุ ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นการที่ต่อมไทยรอยด์ขยายใหญ่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนเลย ผู้หญิงคนหนึ่งดูเหมือนมีลูกเทนนิสอยู่ในลำคอถึง ๓ ลูก คุณหมอบอกว่าแม้แต่เด็ก ๆ ก็เริ่มที่จะเป็นโรคนี้ คุณหมอและนางพยาบาลทำงานลำบากมากเพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง มีคนพูดภาษาไทยได้เพียงสองคน คนหนึ่งต้องตามข้าพเจ้าไปเยี่ยมหมู่บ้านและอีกคนหนึ่งจึงต้องอยู่ช่วยแพทย์และพยาบาล
แพทย์ผู้นี้มีประสบการณ์แปลก ๆ ที่หมู่บ้านนี้ โดยอาชีพเขาเป็นหัวหน้าห้องพยาบาลฉุกเฉินอยู่ที่
โรงพยาบาลตำรวจ และคุ้นเคยกับเรื่องแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นกับคนไข้ แต่คราวนี้ถึงกับตะลึงงัน และกล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เหนือประวัติการณ์ที่เกิดขึ้นในอาชีพของเขาที่โรงพยาบาลตำรวจ คนไข้คนหนึ่งถูกหมีกัดและ
|
|
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1351718388
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กฝึกหัด
ถ้าแพทย์ของเราไม่ได้อยู่ที่นั้น ชายที่น่าสงสารผู้นั้นคงไม่รอดชีวิต ดังนั้นท่านควรจะเชื่อข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้ากล่าวถึงทางของหมีหรือทางช้างเดิน
บางสิ่งที่เราพบที่บ้านแม่สานนั้นผิดธรรมดา ต้นไม้ที่นั่นใหญ่โตมาก ลูกมะพร้าวใหญ่เท่าลูกฟุตบอลและลูกหนึ่งมีน้ำมะพร้าวราวหกแก้ว มีกบขนาดใหญ่ด้วยเรียกว่ากบฑูตและอาศัยอยู่ตามลำธารที่มีน้ำไหลรินรอบ ๆ หมู่บ้าน ขนาดตัวมันใหญ่มากคือยาวราว ๑๘ นิ้ว เวลากระโดดลงน้ำทีใด น้ำจะแตกกระจายเป็นวงกว้าง
บ้านแม่สานเป็นที่ ๆ สวยงาม และควรจะประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อถึงเวลาที่เรากลับออกมาจากถิ่นที่น่าอัศจรรย์แห่งนี้ สตรีที่มีลูกเทนนิสในลำคอสามลูก ได้เข้ามาถามข้าพเจ้าว่า จะเดินทางไปกับเราได้ไหม เพื่อเอาลูกเทนนิสออก เราจึงนำเธอกลับมาด้วยทันทีและส่งไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลพิษณุโลก ป่านนี้คงกลับบ้านไปโดยไม่มีลูกเทนนิสแล้ว
|
|
2 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1351806219
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กฝึกหัด
เป็นความรู้สึกที่สุขใจยิ่งนัก ที่ได้รับความไว้วางใจและความรักจากเขาเหล่านี้ การที่เรามาเยี่ยมเยียนได้กลายเป็นกิจวัตรประจำปี ปัจจุบันที่บ้านแม่สานมีโรงเรียนถาวรที่มีห้องเรียนสี่ห้องและครูสี่คน
โดยมีครูคล้อมของข้าพเจ้าเป็นครูใหญ่ ไม่มีโรคคอพอกเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเกลือพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เรานำมาแจก ชาวบ้านทำงานหนัก ผู้หญิงทอผ้าฝ้ายเป็นลายสวยงาม โดยผูกหูกทอผ้าไว้กับต้นไม้ใกล้กระท่อมของเขา ข้าพเจ้าจัดส่งเส้นด้ายทอผ้าให้ชาวบ้านย้อมตามที่ข้าพเจ้าสั่ง ดังนั้นข้าพเจ้าจึงหวังว่าผ้านั้นสีคงไม่ตก
|
|
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1351891945
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กฝึกหัด
๒ ครั้งในวันนั้น เรือบินจากกรุงเทพฯ มาถึงแม่ฮ่องสอนก็ไม่มีคณะของข้าพเจ้า จากเชียงใหม่ก็ไม่มี คุณพงเดชนึกไม่ถึงว่าข้าพเจ้าจะใช้รถบุกไปจากแม่สะเรียง เพราะตอนนั้นถนนไปแม่ฮ่องสอนยังแย่มาก รถที่แล่นไปมามีแต่รถบรรทุกกับรถบูลโดเซ่อร์สำหรับทำถนนเท่านั้น เมื่อคณะเราไปถึงตัวจังหวัดนั้นเกือบค่ำแล้ว เพราะเราบุกกันทั้งวัน ฝุ่นเต็มตัว แต่ละคนมอมเกือบเท่าพวกแม้วที่ตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน หน่วยของเราไม่ได้ทำงานเพราะที่นั้นมีโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ซึ่งใหญ่โตหรูหราไม่แพ้โรงพยาบาลดีๆ กรุงเทพฯ และมีหมอประจำอยู่แล้ว พวกชาวเขาที่นั่นก็มีมูลนิธิชีวิตใหม่ให้ความช่วยเหลือ เราจึงเป็นแขกทัศนาจรของจังหวัดซึ่งรับรองให้เราค้างคืนที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ แล้วรุ่งขึ้นก็พาขึ้นนมัสการพระธาตุดอยกองมู และพระธาตุจอมกลางอย่างนักทัศนาจรทั้งหลายแล้วเราก็ลากลับเชียงใหม่ การเดินทางของเราครั้งนั้นใช้เวลา ๑๑ วันข้าพเจ้าก็ได้เล่าถึงตอนสนุกที่สุดให้ฟังจบสิ้นแล้ว ถ้าจะเล่าถึงตอนอื่น ๆ อีกก็จะจืดไม่มีรสมีชาติไป อีกประการหนึ่งข้าพเจ้าตั้งใจจะเล่าเรื่องสนุก ๆ สู่กันฟังไม่ได้จะเขียนจดหมายเหตุการเดินทางประจำวันของคณะเรา
ก่อนจบเรื่อง ข้าพเจ้าขออวดนิดหน่อยว่าพอมาถึงกรุงเทพ ฯ ไม่นาน ข้าพเจ้าก็ได้รับจดหมายจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งข้าพเจ้าลอกมาลงบางตอนต่อไปนี้ “ตามที่ฝ่าพระบาทได้เสด็จไปบำเพ็ญกรณียกิจเยี่ยมเยียนและแจกของพระราชทานสงเคราะห์ราษฎรชาวเขาจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้น จังหวัดฯขอขอบพระคุณที่
|
|
1 Attachment(s)
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กฝึกหัด
ฝ่าพระบาทยังห่วงใยพสกนิกรที่มีฐานะยากจนและห่างไกลการคมนาคม ซึ่งยังความปลื้มปิติแก่ชาวเขาเป็นอย่างมาก” ซึ่งข้าพเจ้าก็ปิติเหมือนกันที่ท่านปลัดจังหวัดผู้รักษาการแทนผู้ว่าราชการเห็นความตั้งใจดีหน่วยพระราชทาน
ส่วนคณะของข้าพเจ้า แต่ละคนที่ไปช่วยกัน “ยังความปลื้มปิติแก่ชาวเขาเป็นอย่างมาก” ครั้งนั้น พอกลับมาถึงกรุงเทพ ลูกน้องฝ่ายหญิงคนที่หนึ่งของข้าพเจ้าก็ใส่เฝือกเดินกะโผลกกะเผลกถือไม้เท้าไปหลายวัน ได้ความจากหมอว่าเอ็นที่ข้อเท้าฉีกไปเอ็นหนึ่ง มีเลือดคั่งอยู่ข้างใน ส่วนคุณหมอสวัสดิ์ก็หัวเข่าบวม นิ้วเท้าบวมเป็นแผลไป ๒ นิ้ว ต้องสวมรองเท้าคีบ คุณดุสิตนั้นฝ่าเท้ากับส้นเท้าหนังหนาราวกับ “ตีนแร่ด” ตามที่คุณหมอสวัสดิ์ว่า เพราะเดิน ๆ ไปรองเท้าเกิดทรยศ เลยต้องสวมแต่ถุงเท้าเดิน ผู้ชายอีก ๒ คนในคณะก็เป็นหวัดงอมแงมไปคนหนึ่ง ส่วนนิ้วเท้าของทั้งคู่ก็มีตาปลาขนาดยักษ์เกิดขึ้นมาเต็มคนละ ๑๐ แห่ง มีแต่ลูกน้องฝ่ายหญิงคน ที่ ๒ นายประเทืองกับข้าพเจ้าเท่านั้น นอกจากน่องแข็งโป้งมีกล้ามขึ้นอยู่ไม่กี่วันก็หายเป็นปรกติ ทั้ง ๆ ที่ต่างคนต่างสะบักสะบอมเนื่องด้วยการขึ้นเขาของหน่วยพระราชทานครั้งนั้น ซึ่งนักมานุษยวิทยาหลายชาติก็เคยไปมาเช่นเดียวกัน แต่เขาใช้ช้างและใช้เวลาเดินทางกันเป็นอาทิตย์ ๆ พวกเราใช้เวลาเพียง ๓ - ๔ วันเท่านั้น แล้วใช้ขาตลอด ถึงกับมีคนหนึ่งในคณะร้องว่า โอ๊ย เข็ดจนตาย อีกคนหนึ่งร้องว่าเห็นจะต้องนอนพักนิ่ง ๆ สัก ๒ เดือนเป็นอย่างน้อย แต่พอข้าพเจ้าแกล้งเอ่ยถึงการเดินทางคราวต่อไปของข้าพเจ้าในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ทุก ๆ คนก็รีบสมัครอีกทันที
|
จบ..
|
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1352236589
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กฝึกหัด
เมื่อข้าพเจ้ายังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้าน ช่วงหยุดเทอมหน้าหนาวในเดือนธันวาคม ๒๕๑๘ ซึ่งตรงกับกำหนดการที่แม่ต้องนำหน่วยพระราชทานไปสุโขทัยเป็นปีที่ ๔ ข้าพเจ้าจึงได้มีโอกาสติดตามไปด้วย เราออกเดินทางหลังวันเกิดพ่อ (ซึ่งตรงกับวันคริสมาส) ๑ วัน โดยรถตู้โฟล์กสวาเกนคันซื่อสัตย์ของแม่ จำไม่ได้ว่าทั้งคณะไปกันกี่คน แม่นั่งหน้าสุดข้างคนขับ ซึ่งเป็นที่นั่งประจำทุกครั้งที่แม่เดินทางโดยรถโฟร์กตู้ ก่อนถึงศรีสัชนาลัยอันเป็นจุดหมายปลายทางของเราวันนั้น เราได้หยุดรับประทานก๋วยเตี๋ยวเป็ดที่กงไกรลาศ ซึ่งแม่บอกว่าพลาดไม่ได้เลยเพราะอร่อยที่สุด เมื่อถึงศรีสัชนาลัย เราได้ค้างคืนกันที่บ้านพักของกรมศิลปากร ในบริเวณกรุงเก่า บ้านพักหลังนี้เป็นบ้านไม้เล็ก ๆ สองชั้น ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมใกล้โบราณสถาน แม่ชอบบ้านนี้มากและจะต้องขอยืมกรมศิลป์ฯ อยู่ทุกครั้งที่ขึ้นไปสุโขทัย เย็นวันนั้นข้าพเจ้าได้ไปเดินเล่น ดูพระอาทิตย์ตกกับแม่ ภาพพระอาทิตย์ตกในทุ่งราบศรีสัชนาลัย ซึ่งมีโบราณสถานกระจัดกระจายเป็นภาพที่งดงามติดตามาจนทุกวันนี้
วันรุ่งขึ้นเราออกเดินทางเป็นขบวนใหญ่แต่เช้าตรู่ โดยรถจิ๊บแลนด์โรเวอร์ และรถบรรทุกของตำรวจตระเวนชายแดน ข้าพเจ้าเลือกที่จะนั่งท้ายรถบรรทุกซึ่งใช้เวลา ๒ - ๓ ชั่วโมงเดินทางไปตามถนนที่เป็นโคลนและเต็มไปด้วยหลุมบ่อ กว่าจะถึงที่หมายก็เพลียเสียแล้ว ที่หมายคือต้นลำธารตรงจุดที่เราจะต้องบุกน้ำไปตาม “ทางเดินหมี” ของแม่ประมาณ ๒ - ๓ กิโล จนกว่าจะถึงหมู่บ้านแม่สาน เราหยุดพักสั้น ๆ เพื่อรับประทานอาหารกลางวันก่อนที่จะเริ่มบุกลำธาร เส้นทางเดินของหมีนั้นลำบากจริง ๆ ตามที่แม่ได้อธิบายไว้แล้ว ทั้งขรุขระ ทั้งลื่น ทั้งหนาว เพราะต้องเปียกน้ำเกือบถึงเอว แถมยังต้องคอยระวังว่ามีปลิงมาแอบเกาะหรือไม่ เวลานั้นข้าพเจ้าอายุยี่สิบกว่า มีสุขภาพดี แต่การเดินลุยลำธาร ขึ้นเขา ลงเขา เป็นระยะทางหลายกิโลนั้นเหนื่อยไม่ใช่เล่น ข้าพเจ้าต้อง
|
|
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1352324612
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กฝึกหัด
หยุดพักบ่อย ๆ จึงตกอยู่ที่ทัพหลัง ส่วนแม่เดินไปได้เรื่อย ๆ นาน ๆ ทีจึงหยุดพักที แม่จึงเดินนำทัพหน้าไปตลอดทาง เมื่อถึงภูเขาลูกสุดท้ายและมองลงไปเห็นหมู่บ้านแม่สานในหุบเขาข้างล่างนั้น มีความรู้สึกดีใจอย่างล้นเหลือจริง ๆ ตามที่แม่ได้เล่าไว้ แต่ทางลงเขาชันมาก ๆ แทบจะดิ่งตรงจึงต้องเบรคหนักไปตลอดทาง กว่าจะถึงตีนเขา ก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อน่องขากลายเป็นก้อน ๆ ไปแล้ว
เราเดินไปถึงบ้านแม่สานเวลาบ่ายแก่ ๆ ชาวบ้านกะเหรี่ยงแดงออกมาต้อนรับกันทั้งหมู่บ้าน ที่พักและศูนย์อำนวยการของเราคือโรงเรียนบ้านแม่สาน โต๊ะ เก้าอี้นักเรียนถูกเก็บไปไว้ไหนไม่ทราบ เรามีห้องพักโล่ง ๆ แบ่งเป็นฝ่ายหญิง ฝ่ายชาย พอถึงได้สักครู่มีคนชวนไปดูถ้ำหินย้อย แม่เห็นว่ายังไม่มืดก็ชวนข้าพเจ้าไป แต่ข้าพเจ้าเดินอีกก้าวเดียวก็ไม่ไหวแล้วจึงนอนแผ่อยู่ที่โรงเรียน ปล่อยให้แม่เดินไปสำรวจถ้ำกับผู้ติดตามที่ยังคงมีแรงอยู่ นึก ๆ แล้วข้าพเจ้ายังเสียดายที่ไม่ได้ไปดูถ้ำด้วย
|
|
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1352413069
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กฝึกหัด
คืนนั้น เรารับประทานอาหารเย็นบนโต๊ะและม้านั่งทำด้วยไม้ไผ่ ใช้แสงสว่างจากเชิงเทียนไม้ไผ่ ซึ่งชาวบ้านทำขึ้นเพราะเขารู้ว่าแม่ชอบ เวลานอน ทุกคนต้องนอนกับพื้นในถุงนอนซึ่งอุ่นพอใช้ ตามปกติแม่เป็นคนนอนหลับยาก ต้องมืดและเงียบสนิทจึงจะนอนหลับได้ เวลาเดินทางไปที่ทุรกันดารแม่จึงต้องเตรียมหน้ากากปิดตา (ชนิดที่แจกบนเครื่องบิน) และขี้ผึ้งอุดหู (ซื้อที่อังกฤษ) ไปด้วยทุกครั้งเพื่อกันแสงและเสียง ถ้าคืนไหนนอนไม่หลับ รุ่งเช้าแม่ก็จะทำงานได้ตามปกติโดยไม่บ่นว่าง่วงเลย นอกจากนั้นก่อนนอนแม่จะต้องอัญเชิญพระสัมฤทธิ์ดำสมัยอู่ทองสูงประมาณ ๓ นิ้ว มาตั้งที่หัวนอนทุกหนทุกแห่งที่แม่ไป ไม่ว่าจะเป็นบ้านนอกหรือเมืองนอก พระองค์นี้แม่บอกว่าเคยเป็นของเสด็จตา เป็นที่น่าพิศวงที่พระองค์นี้อันตรธานหายไปตั้งแต่วันที่แม่ถูกยิงบนเฮลิคอปเตอร์ :pg_27:
วันรุ่งขึ้น คณะของแม่เริ่มทำงานทั้งวัน คุณหมอและผู้ช่วยตรวจคนไข้ ฉีดยาปลูกฝี ฯลฯ แม่แจกสิ่งของพระราชทานแก่ชาวบ้าน ข้าพเจ้าก็ได้ช่วงส่งของให้แม่หรือแจกขนมให้เด็ก ๆ พอเมื่อยทีก็ไปดูผ้ากะเหรี่ยง ชาวกะเหรี่ยงแดงนั้นรู้จักทำมาค้าขายแล้วและหอบผ้าผ่อนมาขายเราเป็นพับ ๆ ข้าพเจ้าต้องยอมรับว่าตกใจมากครั้งแรกที่เห็นคนเป็นโรคคอพอก เพราะมีก้อนใหญ่กลม ๆ โป่งออกมาที่ลำคอ เวลานั้นชาวบ้านหลายคนยังเป็นโรคนี้อยู่ ข้าพเจ้ารู้สึกทั้งกลัว ทั้งสงสารและโล่งใจมากที่สุดเมื่อรู้ว่าไม่ใช่โรคติดต่อ
|
|
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1352495479
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กฝึกหัด
ครั้งนั้นหน่วยพระราชทานปฏิบัติงานที่บ้านแม่สาน ๒ วัน เสร็จแล้วได้เดินทางต่อไปเยี่ยมหมู่บ้านอื่น ๆ รวมทั้งบ้านป่าคาด้วย เรากลับถึงศรีสัชนาลัยเมื่อเย็นวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๘ คืนนั้น แม่ได้จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่บ้านพักเพื่อฉลองปีใหม่ มีอาหารอร่อยมากและแชมเปญด้วย เมื่อเที่ยงคืนแม่ได้ขอให้นายตำรวจตระเวนชายแดน ส่งสัญญาณวิทยุถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระตำหนักจิตรลดา ฯ โดยใช้รหัส “บุษราคัม” อันเป็นรหัสลับที่พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแม่เพื่อเป็นนามสื่อสาร มีใจความว่า “MISSION สำเร็จ กลับมาถึงศรีสัชนาลัยเรียบร้อยแล้ว บุษราคัมและคณะขอถวายพระพรปีใหม่แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ทรงพระเจริญไชโย! ไชโย! ไชโย!”
ใครเล่าจะนึกว่านั้นเป็นปีใหม่สุดท้ายและครั้งสุดท้ายที่ข้าพเจ้าได้ไปเที่ยวในประเทศไทยกับแม่
ปรียนันทนา รังสิต
|
จบเรื่อง "ไปสุโขทัยกับแม่" โดย "ปรียนันทนา รังสิต"
แต่มีเรื่องบันทึกเกี่ยวเนื่องที่ต้องผ่าน "เส้นทางหมี"
ซึ่งไปสัมผัสและรับรู้มาด้วยตนเองอีก..:54bd3bbb:
|
2 Attachment(s)
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ มุนินโท
(โพสต์ 101823)
จบเรื่อง "ไปสุโขทัยกับแม่" โดย "ปรียนันทนา รังสิต"
แต่มีเรื่องบันทึกเกี่ยวเนื่องที่ต้องผ่าน "เส้นทางหมี"
ซึ่งไปสัมผัสและรับรู้มาด้วยตนเองอีก..:54bd3bbb:
|
|
1 Attachment(s)
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เถรี
(โพสต์ 102259)
พระอาจารย์กล่าวว่า "ชีวิตที่ท่อง ไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเป็นกำไรชีวิตมาก เพียงแต่ว่าเราจะรู้จักฉวยเอามาใช้งานได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง ประสบการณ์พวกนี้อยู่ในทำนองเดียวกับที่คนจีนเขาบอกว่า “เดินทางหมื่นลี้ ดีกว่าอ่านหนังสือหมื่นเล่ม” เพราะเป็นของจริงล้วน ๆ ไม่ใช่ไปจินตนาการเอาว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้"
|
|
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:25 |
|
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.