![]() |
๒๑. พวกเจ้ายังมีอารมณ์ขี้เก็บ ชอบเก็บทุกข์เอาไว้ไม่ยอมวาง จิตคนช่างจดจำอยู่แต่ความชั่ว คำด่า คำนินทา ต่างกับคำสอนของตถาคตเจ้า พวกเจ้าฟังแล้วไม่ใคร่จักทำ |
๒๒. จงหมั่นเรียนรู้ประโยชน์ของอานาปานุสติให้มาก และจงหมั่นทำหาความชำนาญ เพราะจักทำให้จิตมีกำลัง เมื่อถอนออกจากฌานแล้ว ใช้กำลังมาทำวิปัสสนาญาณ จักมีปัญญาคมกล้ามาก |
๒๓. ติดรูปให้แก้ที่รูป ติดนามให้แก้ที่นาม ติดกามสัญญา ให้แก้ที่กามสัญญา นี่เป็นอริยสัจ |
๒๔. พระธรรมไม่เกิด ไม่ตาย (ไม่มีเก่า ไม่มีใหม่ เพราะเป็นสัทธรรม) ส่วนสังขารหรือร่างกาย มันมีเกิดมีดับ หรือสังขารตาย (ดับ) ได้ แต่พระธรรมไม่ตาย หรือธรรมะไม่ตาย ในเมื่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นธรรมะ ดังนั้น พระรัตนตรัยทั้ง ๓ จึงไม่ตาย พระพุทธเจ้าจึงพ้นจากความเป็นผี เพราะท่านไม่เกิดไม่ตายอีก พระธรรมและพระอรหันต์ทั้งหลาย จึงพ้นจากความเป็นผีเช่นกัน (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน |
๒๕. คนตาย ใครร้องไห้... คนนั้นโง่ เพราะสังขารมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา คนโง่ร้องไห้ แต่คนฉลาดไม่ร้องไห้ ตัวเราคือธรรมะ เป็นอมตะไม่ตาย หรือจิตเราไม่เคยตาย ผู้ตายคือสังขารหรือร่างกาย ซึ่งมีเกิดมีตายเป็นปกติธรรมดา (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) |
๒๖. เข้าป่าให้เอาปัญญาไปด้วยเป็นธุดงค์ หากเข้าป่าไม่มีปัญญาไปด้วย ไปแบบโง่ ๆ ก็เป็นถูดง เข้าป่าต้องไม่กลัวตาย กลัวเจ็บป่วย กลัวผี กลัวทุกข์ ต้องไปแบบพระพุทธเจ้า ใครให้กินก็กิน ไม่ให้ก็ไม่กิน (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) |
๒๗. ให้เอาใจ และกายอยู่กับธรรมะ ซึ่งไม่เกิดไม่ตาย แล้วใจก็สบาย มนุษยธรรมก็เป็นธรรม เทวธรรม พรหมธรรม โลกุตรธรรม ล้วนเป็นธรรม จึงต้องอยู่กับธรรมะตลอดเวลา จึงจะไม่เกิดไม่ตาย ธรรมะนี้ คนเรียนเป็นวันเดียวจบ คนเรียนไม่เป็น... ๘๐,๐๐๐ ปีก็เรียนไม่จบ (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) |
๒๘. พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ ๆ อุทาน (๔ ครั้งตามลำดับ หลังออกจากสุขวิหาร) ว่า ๑. สุขเพราะความสงัด ๒. สุขเพราะไม่เบียดเบียน ๓. สุขเพราะปราศจากราคะ (ก้าวล่วงกามเสียได้) ๔. สุขอย่างยอดคือการหมดความถือตัว เท่ากับหมดมานะแล้ว เท่ากับกายวิเวก จิตวิเวก อุปธิวิเวก (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน |
๒๙. "ท่านไม่เหนื่อย เพราะธรรมะเหนื่อยไม่เป็น (เพราะธรรมะเป็นนามธรรม เป็นคุณธรรม ไม่ต้องขี้ เยี่ยว และหิวเหมือนกาย แสดงว่าตัวท่านคือธรรมะ ไม่ใช่กายเนื้อ ซึ่งต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา) ท่านใช้ธรรมะเป็นอาหาร จึงไม่เหนื่อย" (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน |
๓๐. "การพูด-สนทนากันนี้ เป็นกิเลสก็ได้ เป็นธรรมะก็ได้ อยู่ที่เจตนา เจตนาเป็นเหตุเป็นผล.. สุดแต่จะใช้ ใช้ให้โง่ก็ได้ ให้ฉลาดก็ได้ เป็นบุญได้ เป็นบาปได้ (ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา หรือจะว่าบุญ บาป สุข ทุกข์ อยู่ที่ความคิด หรือเจตนาของใจ)" (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน |
๓๑. "คนโง่ไปถูดง คนฉลาดไปธุดงค์ ซึ่งมีทั้งภายนอก ภายใน อยู่วัด อยู่บ้าน อยู่ป่าก็ทำได้ ในกายก็ทำได้ นอกกายก็ทำได้ คนฉลาดเขาทำได้ ธุดงค์ในกาย เวทนา จิต ธรรมก็ทำได้" (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) |
๓๒. "ผู้ถามอยากตามหลวงปู่ไว ๆ ...ตอบว่า อยากตามไว ๆ ก็ตามปัจจุบันสิ คนโง่ชอบตามอดีต อนาคต ก็โค้งไปโค้งมา" (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) |
๓๓. ฆ่าเปรต อสุรกาย สัตว์นรกนี่เป็นอาบัติทุกกฎ ฆ่าสัตว์เดรัจฉาน.. ยุงตัวเดียว เป็นอาบัติปาจิตตีย์ คนจะบวชจึงต้องตัดขาดในศีล ๕ ให้ได้ก่อน จึงจะเข้ามนุษยธรรม เทวธรรม พรหมธรรม โลกุตรธรรมได้ มีสุขก็เพราะศีล มีโภคทรัพย์ก็เพราะศีล ถึงนิพพานสมบัติก็เพราะศีล หากไม่เชื่อศีลแล้วจะเชื่อใคร (เพราะศีลเป็นแม่ของพระธรรม) พอเข้าถึงธรรมะ เกาะธรรม (พระธรรม) มันก็ไม่เกิด ไม่ตาย เพราะทั้งหมดสำเร็จเพราะศีล เป็นสุข มีโภคทรัพย์ ถึงนิพพานสมบัติ ล้วนจากศีลทั้งสิ้น มีศีลเป็นหลัก พระปาติโมกข์ทั้ง ๓ (พระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม) ล้วนเอาศีลเป็นหลักทั้งสิ้น เอาศีลขึ้นต้นทั้งสิ้น ธรรมะไม่เกิด ไม่ดับ (ถ้าศีลไม่ตาย สมาธิและปัญญาก็ไม่ตาย) สำเร็จเพราะศีล (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน |
๓๔. วิธีปฏิบัติให้เห็นตัวไม่ตาย คือให้มีสติรู้ปัจจุบันที่กายกับจิต หรือรู้ปัจจุบันที่รูปกับนาม ใช้โทรศัพท์เบอร์เดียวกัน ระหว่างกายกับจิต หากอันหนึ่งตายก็พูดกันไม่รู้เรื่อง (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) |
๓๕. บวชพระต้องตอนก่อน (ตอนจิตให้ไม่เป็นหญิงเป็นชาย) เหมือนช้างม้าตัวผู้ เขาตอนกาย มิฉะนั้น มันหนีไปหาตัวเมียหมด ส่วนพระ.. ใช้ตอนจิต มิฉะนั้น มันก็วิ่งไปหาสาว ๆ หมด (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน |
๓๖. ทุกอย่างอยู่ที่ปัจจุบัน เวลาปัจจุบัน อดีต อนาคต มันไม่ใช่ปัจจุบัน เท่ากับยังไม่ถึงเวลา ทุกอย่างจึงสู้วันนี้ไม่ได้ การเทศน์ ก็เทศน์ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จิตนิโรธคู่กับสักกายะนิโรธ จิตสมุทัยคู่กับสักกายะสมุทัย หรือกายสมุทัย จิตก็สมุทัย (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) |
๓๗. "กิน อยู่ หลับนอน ทุกอิริยาบถให้อยู่กับธรรม เท่ากับธรรมปฏิบัติได้ตลอดเวลา ถ้าเข้าใจหรือถ้ามีปัญญา" (ผู้ใดที่ใคร่ครวญธรรมะอยู่เสมอ ผู้นั้นไม่เสื่อมจากสัทธรรม) (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน |
๓๘. "ตัณหา อวิชชา ดับได้ที่ต้นเหตุ คือแก้หลงตัวเดียว เช่น ขี้ออกไปแล้วยังว่า ขี้ของกูอีก กายไม่ได้กินขี้ กินเยี่ยว แต่ผู้ยังกินอยู่คือ จิตที่มันหลง" (โดยเฉพาะขี้ที่ห่วงมากคือ ขี้ ๓ กอง.. ขี้โกรธ ขี้โลภ(รัก) ขี้หลง) (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน |
๓๙. "เชื่อธรรม อย่าเชื่อคน เพราะคนแปลว่ายุ่ง ส่วนพระธรรมนั้น แม้พระพุทธเจ้ายังเคารพในพระธรรม พระธรรมไม่เกิด ไม่ตาย คนยังเกิด-ตายอยู่ พระธรรมเป็นสุดยอดของความดีในโลก" (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) |
๔๐. "เข้าหากาย หาจิต แล้วไม่ยุ่ง เท่ากับอย่าส่งจิตออกนอกกาย และรู้อารมณ์จิตของตนเองตลอด อย่าให้มันคิดชั่ว เท่ากับอยู่แต่ในห้องที่มีแต่วันนี้ เท่ากับอยู่กับมหาสติปัฏฐาน เท่ากับอยู่ในสังขาร ๓ เท่ากับเอาสติคุมจิตไว้ อย่าให้มันคิดชั่ว" (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:28 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.