กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6823)

เถรี 02-12-2019 22:20

"ของบางอย่าง ถ้าไม่มีประสบการณ์เราก็ไม่รู้ว่าจำเป็น ใครจะไปนึกว่าหนาวจนปากแตกร้าวหมด เจ็บจนกระทั่งเลือดซิบ ๆ บางคนอาจจะคิดว่าร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือ ? ขอยืนยันว่าร้ายแรงขนาดนั้นจริง ๆ เผลอสั่งน้ำมูกแรง ๆ เลือดก็ออก เพราะว่าในจมูกก็แตก เพราะฉะนั้น..ถ้าใครได้ไปก็เตรียมตัวเอาไว้ว่าจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้"

เถรี 02-12-2019 22:30

"ถ้าตามที่บันทึกเอาไว้ วันที่ ๒๐ วันอาทิตย์ อากาศลบ ๕ องศาเซลเซียส...น่าชื่นใจนะ ถ้าอาตมาอยู่เมืองไทยคงหนาวตาย อยู่ที่โน่นอาศัยบารมีเจ้าที่...ยืดได้ ไม่เป็นไร

คราวนี้พอเราวิ่งย้อนทางเก่า ก็จะไปพักถ่ายรูปบริเวณที่เดิม ๆ ของเรา ก็มีภูเขากระต่าย ภูเขาลูกนี้ที่ชื่อภูเขากระต่าย เพราะว่ามีหิน ๒ ก้อนที่ยื่นขึ้นไปในอากาศ เหมือนอย่างกับหูกระต่าย เมื่อคืนหิมะตกหนัก ตอนนี้ที่ภูเขากระต่ายก็กำลังสวยเลย พวกเราจึงลงไปถ่ายรูป ทั้ง ๆ ที่สายมากแล้ว กว่าจะไปถึงประมาณ ๘ - ๙ โมง แดดกำลังจัด แต่ปรากฏว่าภูเขากระต่ายยังอากาศ ๑ องศาเซลเซียสอยู่เลย จากลบ ๕ องศาเซลเซียส เจอแดดมาก ๆ เข้าก็โผล่ขึ้นมาที่ ๑ องศาเซลเซียส"

เถรี 02-12-2019 22:35

"มีอยู่อย่างหนึ่งที่หัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้ ก็คือพวกเราเจอหิมะก็วิ่งไปเล่นกัน ขณะที่เจ้าของที่เจอหิมะเขาเดินหนีเพราะว่าหนาว ส่วนพวกเราเวลาเจอแดดก็จะหลบอยู่ในร่มหรือไม่ก็กางร่ม ส่วนเขาเจอแดดก็เดินอาบแดดกัน

ประเทศของเขา ถ้าช่วงหิมะตก บางทีเป็นอาทิตย์ ๆ ที่ไม่ได้เจอแดดเลย จึงกลายเป็นว่าพวกเราก็ไปเล่นหิมะ ไปถ่ายรูป ไปวัดรอยเท้าตัวเอง เวลาหิมะตกหนาหลาย ๆ นิ้ว เหยียบลงไปจะได้เห็นว่ารอยเท้าตัวเองใหญ่เท่าไร หน้าตาเป็นอย่างไร แต่อาตมาเหยียบเสร็จแล้วถ่ายรูปขึ้นมายังแปลกใจ ว่าทำไมรอยเท้าไม่ยุบ กลายเป็นรอยนูน ๆ ไปก็ไม่รู้ ? สงสัยว่าตอนชักเท้าหิมะวิ่งตามรองเท้าขึ้นมา"

เถรี 02-12-2019 22:38

"คราวนี้ความเป็นพระของเราทำให้ต่างจากชาวบ้าน คุณจะลงไปที่ไหนก็ตาม กล้องของพวกนักท่องเที่ยวจะหันมาหาพระเสมอ แอบถ่ายบ้าง ถ่ายตรง ๆ บ้าง เข้ามาขอถ่ายรูปด้วยบ้าง ถ้าเป็นพวกฝรั่งก็มักจะแอบถ่าย เพราะกลัวว่าเราจะไปขอเงิน ก็คือเขาโดนจนเข็ดว่าถ่ายรูปชนพื้นเมืองแล้วมักจะมาขอค่ารูป โดนไปคนละ ๓ ดอลลาร์ ๕ ดอลลาร์ เขาก็เบื่อ บางแห่งไปเจอพระ ขอถ่ายรูปด้วยบางทีก็โดนเก็บเงิน

อย่างอาตมาไม่ค่อยปฏิเสธหรอก ถึงเวลาขอถ่ายรูปก็เอา บ้าตามกัน..! โยมบางคนก็ไม่รู้จักพระ มาถึงก็กอดคอเลย คงจะเห็นว่าแต่งตัวแปลกดี"

เถรี 02-12-2019 22:41

"หิมะตกใหม่ ๆ อาตมาเองแรก ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร ตอนหลังรู้สึกเจ็บตา ก็ยังคิดว่าเป็นปกติ เพราะว่าตาเคยเป็นต้อมา ไม่รู้ว่าแสงอาทิตย์ที่สะท้อนหิมะทำร้ายสายตาได้ขนาดนี้ อาตมานั่งน้ำตาไหลไป ๒ วัน วันที่ ๓ ต้องเอาแว่นกันแดดมาใส่ อาการจึงค่อยเบาลงไปหน่อยหนึ่ง

ในบางจุดที่เราไปเที่ยว ถ้ามีแว่นกันแดดไว้แล้วจะปลอดภัย อาตมาเองไม่ถนัดที่จะใส่แว่นกันแดด เพราะว่าบรรยากาศไม่เหมือนกัน ใส่แล้วเดินไม่ถนัด อีกทั้งแว่นกันแดดอย่างเดียวก็ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ ต้องกันลมได้ด้วย ก็คือต้องเป็นแว่นที่ปิดด้านข้างด้วย

สรุปว่าต้นทางก็แวะถ่ายรูปเป็นระยะ ๆ เจอหมาก็เลี้ยงหมา เจอวัวก็เลี้ยงวัว ไปที่ไหนผูกมิตรกับเจ้าถิ่นเขาไปหมด จะนกจะหนูอะไรมาก็เลี้ยงหมด"

เถรี 02-12-2019 22:48

"คราวนี้เราย้อนกลับมาถึงตรงจุดซึ่งมีร้านขายของที่ระลึกที่เป็นหลักเป็นฐานเป็นงานเป็นการ ตรงนั้นชื่อไห่ชี่ซาน มีทะเลสาบใหญ่อยู่ด้วย แต่อาตมาเดินไปไม่ถึง มีโยมหลายคนเดินไปถึง ที่เดินไปไม่ถึง เพราะ ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือมัวแต่เลี้ยงหมาทิเบต

หมาทิเบตันมาสตีฟ เป็นหมาพื้นเมืองทิเบตเขา ตัวใหญ่ ๆ ขนยาว ๆ ตัวนี้อาตมาเรียกว่า "ไอ้มึน" เหตุที่เรียกไอ้มึนเพราะว่าเขาตีหน้าบื้ออยู่อย่างเดียว มีอะไรให้ก็กิน ถ้าไม่มีก็เฉย ของที่เลี้ยงก็คือเนื้อจามรี ตั้งใจจะซื้อมาเป็นเสบียง ส่งไปเท่าไรก็หายวับ ท้ายสุดเจ้าของเนื้อต้องประท้วง บอกว่าถ้าขืนเลี้ยงหมาหมด เขาก็จะอดแล้วนะ

ส่วนเรื่องที่น่าสงสารคือวัวทิเบตกินแอปเปิ้ลไม่เป็น ส่งให้ก็ไปอมขลุก ๆ อยู่ทั้งลูก ท้ายสุดก็คายออกมาทั้งลูก ถ้าเป็นวัวควายบ้านเรานี่ ลูกใหญ่กว่านั้นก็เคี้ยวกระจายหมดแล้ว"

เถรี 02-12-2019 23:01

"พวกเราผ่านไห่ชี่ซานไป ถ่ายรูปกับทะเลหมอก ส่วนตลอดทางเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะว่าทางเขาคดเคี้ยว เลาะไปตามภูเขา ส่วนใหญ่ก็เลียบแม่น้ำ ฉะนั้น...ถ้าหากว่าก่อสร้างไม่ดี หน้าน้ำก็มักจะโดนเซาะถล่มไปด้านหนึ่ง

ผ่านเมืองซางตุยที่ขามาไม่ได้แวะ แต่ขากลับเขาแวะให้เราไปดูเขตพื้นที่ชุ่มน้ำของเขา ข้อมูลของเขาบอกว่ามีอยู่ทั้งหมด ๓,๐๐๐ กว่าตารางกิโลเมตร แสดงว่าใหญ่มาก แต่จุดที่เขาแวะให้เราลงไปดูนั้นเป็นทุ่งหญ้าสีแดง เขาบอกว่าช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ก็เลยสีซีดลงมาหน่อย ถ้าเป็นหน้าฝนหรือหน้าร้อนจะแดงจัดกว่านี้ แต่ปรากฏว่าอยู่แถวนั้น จะไปตั้งหน้าตั้งตาถ่ายรูปไม่ได้ เพราะว่าเป็นสะพานที่เขาให้เดินชมธรรมชาติ แล้วไม่มีราวกั้น

คนจีนเวลาเดินเขาไม่เกรงใจใคร ถ้าเขาเดิน ๒ คน เขาจะเดินเคียงกันไปเต็มถนนเลย แต่ถ้าเราเดินแบบนั้นเขาจะกระแทกเลย ฉะนั้น..เวลาอยู่ที่นั่นต้องหัดความโหดเอาไว้บ้าง ถึงเวลาก็กระแทกโครม ไม่อย่างนั้นเราจะโดนอยู่ฝ่ายเดียว ในคณะของเราโดนคนจีนผลักบ้าง กระแทกบ้าง หลาย ๆ ครั้งเข้าก็ชักโมโห ต้องเอาคืนบ้าง"

เถรี 02-12-2019 23:09

"ไปถึงทุ่งหญ้าแดงก็ประมาณ ๑๑ โมงแล้ว นอกจากแวะถ่ายรูป แวะเข้าส้วมแล้ว พยายามไปเดินดูพวกข้าวของ โดยเฉพาะหาตุ๊กตาจามรี ที่นั่นมีเหมือนกัน แต่เป็นตัวเล็ก แล้วก็ฝีมือก็ไม่ละเอียด จึงไม่ได้ซื้อไม่ได้หา ได้แต่ดูเฉย ๆ

จากตรงจุดนั้น รถวิ่งต่อไปอีก ๒๐ นาทีก็ถึงเมืองหลักเมืองหนึ่งของเขา คือ เมืองเต้าเฉิง คุณตั้วพาไปเข้าภัตตาคาร บอกว่าวันนี้เลี้ยงหม้อไฟ เป็นภัตตาคารหม้อไฟโดยเฉพาะ ทุกโต๊ะจะมีเตาอยู่ตรงกลาง แล้วจุดด้วยระบบดิจิตอล
กดปุ่มอย่างเดียว เข้าไปถึงเขาก็พาไปดูเครื่องปรุง นี่คือน้ำตาล นี่คือพริก นี่คือพริกไทย นี่คือผงชูรสล้วน ๆ เขาก็ว่าของเขาไป

ส่วนสารพัดผักของเขามีให้เป็นเข่งใหญ่ ๆ จะกินอะไรคุณตักกันไปเอง พวกเราก็ล้อมเป็น ๒ โต๊ะเหมือนเดิม ส่วนใหญ่ก็เลข ๖ กับเลข ๙ เขาเรียกโต๊ะสายแข็งกับโต๊ะสายอ่อน ปราฏว่าหม้อไฟที่เขายกมาให้เป็นกระดูกหมู พวกเราก็รู้สึกว่า ๖ คน กับกระดูกหมู ๕ - ๖ ชิ้นนี่ไปกันไม่ค่อยได้ จึงต้องมีการลงทุน "หม่าม้า" ไปสั่งเนื้อจามรีมาต่างหากอีก ๑ จานใหญ่ ๆ

พวกเราก็จัดแจงต้มเต้าหู้ มะเขือเทศ กับผักอีกสารพัด จนกระทั่งตักกินไปชามสองชามแล้ว อาตมาหันไปถามคนข้าง ๆ ว่า "ตกลงว่าเขาไล่ต้อนจามรีได้หรือยัง ?" ท้ายสุดคนสั่งต้องเดินไปถามพ่อครัว พ่อครัวเขาบอกว่ากำลังหั่นอยู่ แสดงว่าเขาจับจามรีได้แล้ว..! หายไปเป็นชั่วโมง คิดว่าไปไล่ต้อนอยู่กลางทุ่งโน่น

ปรากฏว่าเนื้อจามรีที่เขาส่งมาให้ มีทั้งเนื้อสดแล้วก็เนื้อแช่แข็ง รสชาติต่างกันเหมือนฟ้ากับเหวเลย เนื้อสดนี่จุ่มลงไป ๓ วินาทีขึ้นมา เนื้อนุ่มจนแทบจะละลายคาปาก ส่วนเนื้อแช่แข็งมานี่เหนียวเด้งดึ๋ง ๆ เลย ใครที่กินจิ้มจุ่มบ่อย ๆ คงจะนึกออกว่าที่อาตมาพูดนั้นเป็นอย่างไร"

เถรี 02-12-2019 23:43

"มีอยู่อย่างหนึ่งที่พวกเราควานหากัน ก็คือเห็ดมัตสึตาเกะ เห็ดนี้มีชื่อเสียงที่ญี่ปุ่น ก็เลยจำชื่อญี่ปุ่นกัน ต้องบอกว่าเป็นเห็ดชูรส ใส่ลงไปในอะไรก็อร่อยไปหมด แต่คราวนี้หม้อไฟเดือดพล่าน แล้วในมือของเราก็มีแค่ตะเกียบ ก็เลยต้องเป็นคนมือไว พอเห็นปุ๊บคีบปั๊บ ไม่อย่างนั้นกว่าจะโผล่มาก็ ๖ ล้านปีข้างหน้า..! นี่พูดถึงสัตว์นรกที่ตกหม้อทองแดงนะ จมลงไปจนกระทั่งโผล่ขึ้นมานี่ผ่านไป ๖ ล้านปีแล้ว

ทางด้าน Eric มัคคุเทศก์ของเราก็ยุว่า กินเยอะ ๆ วันนี้ต้องใช้แรงมาก เขาก็ไม่บอกว่าใช้แรงมากเพื่อทำอะไร ปรากฏว่าหลังอาหาร เขาพาไปไหว้พระสถูปประจำเมืองเต้าเฉิง เขาเรียกว่าพระสถูปสีขาว บริเวณนั้นเป็นแหล่งเที่ยว เป็นแหล่งออกกำลังกาย

แต่ว่าตรงจุดพระสถูปที่อยู่บนเนินนั่นเป็นที่ไหว้พระ แล้วก็เดินจงกรมกัน คนทิเบตเขาไปเดินกัน ๑๐๘ รอบ อาตมาเองก็ตั้งใจจะเดินสัก ๙ รอบ เดินเร็ว ๆ ด้วย เพื่อที่จะวัดออกซิเจนว่า เมื่อออกกำลังกายแล้วมีเหลือเท่าไร จะได้รู้กำลังของตัวเอง ปรากฏว่าท้ายสุดต้องเดินไป ๑๐ รอบ เพราะว่าโยมดันไปร่วมเดินตอนรอบที่ ๒ ก็เลยต้องรอโยมเขาเดินให้ได้ ๙ รอบ ของอาตมาจึงกลายเป็น ๑๐ รอบ หน้าไหม้หมดเลย เพราะว่าโดนแดดส่องหน้าอยู่ตลอดเวลา แล้วแดดหน้าหนาวของที่นี่ก็จัดมาก"

เถรี 02-12-2019 23:50

"รอบแรกก็ไม่เท่าไรหรอก พอรอบสองนี่กล้องถ่ายรูปเริ่มมา พอรอบสามกล้องถ่ายรูปก็เยอะขึ้นเรื่อย ๆ รอบที่สี่รอบที่ห้านี่เขาเดินรอมุมกันเลย เอากล้องไปจ่อไว้รอให้อาตมาเดินผ่านตรงนี้ ซึ่งเขาเห็นว่าเป็นจังหวะที่ดีที่สุดแล้วก็ถ่าย อาตมาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปลงเฟซบุ๊ก ไปลงอินสตราแกรมของใครไปเท่าไร รู้อยู่อย่างเดียวว่าอยู่ด้านไหนก็มีแต่กล้องรอบตัวไปหมด

สรุปว่าเดินเร็ว ๆ รอบพระสถูปใหญ่ ก็น่าจะกว้างกว่าบ้านเติมบุญนี้ไป ๑๐ รอบ มาวัดออกซิเจนแล้วยังเหลือตั้ง ๘๕ เออ...ออกแรงขนาดนี้ ออกซิเจนในเลือดยังมากพอที่จะสู้กับความสูงได้ เสร็จแล้วเขาก็ต้อนขึ้นรถ รถของเราไปจอดอยู่ในปั๊มน้ำมัน เป็นครั้งแรกเลยที่จอดในปั๊มน้ำมันอย่างเป็นทางการ เพราะว่าปกติพอเขาส่งเราแล้ว ก็จะไปเติมน้ำมันเติมอะไรของเขาที่ไหนเขาก็ไม่ได้บอกเรา แต่งวดนี้ปั๊มน้ำมันอยู่ข้างพระสถูปขาว พวกเราจึงได้อยู่ในปั๊มน้ำมันอย่างเป็นทางการ"

เถรี 02-12-2019 23:57

"เขาพาวิ่งไปประมาณ ๓ นาทีก็จอด บอกว่าพามาดูใบไม้เปลี่ยนสี เดินเข้าไปถึงแล้วเซ็งมาก เหลือแต่ก้านกับใบไม้แห้ง ๆ ทางด้าน Eric บอกว่า "This year winter early comes." เขาบอกว่าปีนี้ฤดูหนาวมาเร็วมาก ก็เลยทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีเร็ว ทั้ง ๆ ที่เป็นต้นฤดู แต่ใบไม้ร่วงหมดแล้ว เขาถามว่าจะไปเดินดูรอบพื้นที่ไหม ? ไม่มีอะไรเหลือแล้วจะเดินทำไมวะ ? ตกลงถ่ายรูปหมู่กันรูปเดียว แล้วก็กลับขึ้นรถเดินทางต่อ

ทำเอาหัวหน้าทัวร์สีหน้าไม่ค่อยดีเหมือนกัน เพราะว่าเขาตั้งใจพาพวกเรามาถ่ายรูป แต่ธรรมชาติไม่ได้อย่างใจ"

เถรี 03-12-2019 00:00

"พอเราวิ่งย้อนไป มีวัดใหญ่อยู่วัดหนึ่ง คือ วัดรื่ออู่ เป็นวัดโบราณด้วย แต่ว่าพวกเราได้แต่จอดถ่ายรูปอยู่ข้างถนน เพราะว่าถัดจากข้างถนนไปก็เป็นแม่น้ำ ต้องข้ามแม่น้ำไปถึงจะเป็นวัดอยู่ฝั่งโน้น อากาศหนาวขนาดนั้นไม่มีใครอยากจะลุยน้ำ ก็เลยได้แต่ถ่ายรูปอยู่ทางฝั่งนี้

อย่าลืมว่าแต่ละจุดที่เราผ่าน ความสูงเกิน ๔,๐๐๐ เมตรทั้งนั้น ส่วนใหญ่ก็อยู่ระหว่างที่ ๔,๕๐๐ - ๔,๖๐๐ - ๔,๗๐๐ เมตร มีเต็มที่ตรงเสี้ยวจินนั่น ๖,๒๕๐ เมตร ถ้าใครปอดไม่ดี กรุณาเตรียมออกซิเจนกระป๋องไปด้วย"

เถรี 04-12-2019 18:50

"แถว ๆ นั้นมีสถานที่สวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะ วิ่งไปประมาณ ๒๐ - ๓๐ นาทีก็จอดทีหนึ่ง ๒๐ - ๓๐ นาทีก็จอดทีหนึ่ง คราวนี้คนขับรถของเรา ไม่รู้จักพระ หรือว่ารู้จักแต่พระทิเบตก็ไม่รู้ ไปจอดตรงช่องเขาโปหวา สูง ๔,๐๐๐ กว่าเมตรเหมือนกัน เขาก็ลงไป พวกเราก็ถ่ายรูปบ้าง ซื้อของบ้าง สักพักคนขับรถกลับมาพร้อมกับส้มเต็มมือ จัดแจงแกะถวายพระ อาตมาปฏิเสธ แต่เขาไม่เข้าใจ ในเมื่อไม่เข้าใจ เอ้า..ก็ได้วะ..! ยังไม่ถึงบ่ายสองโมงก็กินให้เขาสักครึ่งซีก จะได้ไม่เสียกำลังใจ

แถวบริเวณที่เป็นจุดพักหรือจุดถ่ายรูป ทางการจีนเขาจะเอาหินก้อนใหญ่ ๆ ลักษณะดี ๆ ไปตั้ง แล้วก็สลักชื่อสถานที่และความสูงเอาไว้ เพื่อให้คนไปถ่ายรูป ถ้าทิวทัศน์ไม่เป็นใจ อย่างเช่นว่าหมอกลง หิมะตก ฝนตก อย่างน้อยก็มีป้ายก้อนหินให้ถ่ายด้วยได้"

เถรี 04-12-2019 18:52

"ไปขออนุญาตเขาเข้าห้องน้ำกลางทาง มีคนบอกว่าให้ตักน้ำในอ่างล้างหน้าราดให้ด้วย อาตมาเข้าไปก็เห็นเขาเปิดน้ำใส่อ่างล้างหน้าอยู่ มองลงไปข้างล่าง มีถังใหญ่ใส่น้ำอยู่เกือบเต็ม ก็เลยงง ๆ ว่าทำไมกูต้องตักในอ่างล่างหน้าวะ ? แต่ก็ทำตามคำแนะนำของเขา เขาบอกว่าให้ตักในอ่างล้างหน้าก็ตัก ลำบากชีวิตดีเหมือนกัน

ไม่เข้าใจว่าถังใหญ่เบ้อเร่ออยู่ข้างล่าง ตักไม่ได้หรืออย่างไร ? ก็ไม่มีป้ายอะไรห้าม บ้าก็บ้าวะ...! ไปไหนถ้าบ้าตามกันจะไปกันได้นาน เชื่อว่าพวกเราหลายคนคงไม่พาซื่อเหมือนกับอาตมา เขาบอกให้ตักในอ่างก็ตัก เราต้องเข้าใจว่าห้องน้ำของจีน ห้องน้ำของอินเดีย ห้องน้ำของพม่า จะมีทัศน
ภาพอุจาด ก็อย่างที่คุณบีเขาบอกว่า ถ้าอ่อนแอเกินไปก็ไปไม่ได้"

เถรี 04-12-2019 18:56

"คราวนี้จากจุดสุดท้ายที่เราตั้งเป้าในวันนี้ก็คือ เมืองรื่อหวา รื่อหวาที่ภาษาอังกฤษเขียน Riwa ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะอ่านว่าริวา ยังสงสัยว่าอาตมาไปที่เดียวกับเขาหรือเปล่า ? ส่วนใหญ่อาตมาไปไหน จะถามเจ้าถิ่นเขาว่าที่นี่เรียกว่าอะไร ? แล้วให้เขาออกเสียงให้เราฟัง ไม่อย่างนั้นแล้วภาษาอังกฤษเขียนอย่างหนึ่ง อ่านอีกอย่างหนึ่ง เจอแบบนี้เข้าก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน

เข้าไปถึงเมืองรื่อหวา เขาพาไปจอดหน้าห้างสรรพสินค้า ห้างสรรพสินค้าชื่อ เต้าหยา หัวหน้าทัวร์เขาบอกว่า ให้หาซื้อเสบียงสำหรับมื้อกลางวัน ๒ วัน เพราะว่าเราจะต้องไปกินกลางทาง เนื่องจากว่า ๒ วันจากนี้มีแต่เดินกับเดิน ตอนเช้ากินที่โรงแรม ตอนเย็นถ้าใครกินก็กลับมากินที่โรงแรม แต่กลางวันต้องแบกไปกันเอง

ก็ปรากฏว่าสูตรใครสูตรมัน บางคนก็บอกว่าซื้อขนมปังไปทำแซนวิช บางคนก็ซื้อปีกไก่ น่องไก่ สารพัดเนื้อที่เขาทำสุกแล้ว ใส่ถุงสุญญากาศ อาตมาไปเจอข้าวกล่อง ไม่รู้จะเรียกว่าข้าวกล่องดีไหม ? บ้านเราใครเป็นลูกค้าข้าวกล่องซีพีบ้าง ? กล่องดำกล่องแดงอะไรพวกนั้น อาตมาเป็นลูกค้าประจำ ขนาดบางกล่องอาตมายังรู้สึกว่ามาก กินไม่ค่อยจะหมด

แต่ขอโทษ...ข้าวกล่องเมืองจีน กล่องหนึ่งหนักครึ่งกิโลกรัม..! พวกเราประมาณ ๓ หรือ ๔ คน ถึงจะกินหมด คราวนี้อาตมาทำอย่างไร ? เขาบอกว่า ๒ มื้อ ก็เลือกไป ๒ กล่อง เพราะว่าทางทัวร์เขาเป็นคนจ่าย ญาติโยมคนอื่น ๆ ก็อย่างว่า...สูตรใครสูตรมัน หาซื้อกันเอาเอง"

เถรี 04-12-2019 18:59

"อาตมาไปเดินดูทางซีกที่ขายของที่ระลึก โอ้แม่เจ้า...กงล้อมนต์อันเล็ก ๆ สำหรับแขวนคอ อันละ ๒๓๘ หยวน ซื้อไหวไหม ? ท้ายสุดก็เลยออกไปเดินข้างนอก เพราะว่าพวกเราซื้อของกันไม่เสร็จสักที

จำไว้เลยว่าเวลาไปกับผู้หญิง ต้องให้เวลาเขาซื้อของเยอะ ๆ ของอย่างเดียวกัน พลิกแล้วพลิกอีก คุยกันไม่เลิก ถามกันไม่เลิก ซื้อกันไม่ได้สักที

อาตมาเลยไปเดินดูของข้างนอก ไปเจอร้านขายของที่ระลึก ปรากฏว่าของอย่างเดียวกับที่ข้างในขาย ๓๐๐ กว่าหยวน ๑๐๐ กว่าหยวน ข้างนอกขาย ๓๘ หยวน ๕๘ หยวน ตกลงว่าจะซื้อของใครดี ?"

เถรี 04-12-2019 19:05

"พอย้อนกลับมา มีรถจะเลี้ยวเข้าซอย แต่เลี้ยวไม่ได้ เพราะว่ามีนักเลงดีจอดส่งของหน้าร้านซูเปอร์มาร์เก็ต จอดปิดถนนเลย รถของเราที่ไปกลับรถมา ก็จ่อท้ายเขาต่อ แล้วก็มีคันอื่นจ่อท้ายรถเราอยู่อีก รถที่จะเข้ามาก็ทิ่มหัวเข้ามา ก็เป็นอันว่าติดกันอีรุงตุงนัง ไม่ต้องไปบีบแตรไล่ คนส่งของประเทศจีนอุเบกขาดีมาก อยากบีบก็บีบไป กูส่งไม่เสร็จ..กูไม่ไป

จนกระทั่งท้ายสุดเขาส่งของเสร็จ ก็ครึ่งค่อนชั่วโมงผ่านไป เขาดันไปโบกมือไล่รถที่ทิ่มหัวเข้าซอยมา ประมาณว่าตัวเองจะออก ส่วนรถที่ทิ่มหัวเข้าซอยมา ท้ายเป็นถนนใหญ่ ก็มีแต่รถวิ่งไปวิ่งมาเยอะแยะ แต่เอ็งถอยออกไปก่อน ข้าจะได้ออกได้...เข้าท่าดีเหมือนกัน

ถ้าเป็นบ้านเรา สงสัยว่าจะถือขวานลงมาไล่ทุบกัน..! ท้ายสุดรถที่เลี้ยวเข้ามาต้องยอมเสียสละ ถอยออกไปเสี่ยงดวงข้างนอกเอา พอถอยพ้นไป รถในซอยก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหมดซอย คันนั้นถึงมีโอกาสกลับเข้าบ้าน น่าสงสารมาก"

เถรี 04-12-2019 19:09

"พวกเราวิ่งออกไปนอกเมืองไปที่พัก ที่พักคืนนี้ชื่อแปลเป็นภาษาไทยว่า แดนหิมะ บอกให้รู้เลยว่าหนาวแน่ ระหว่างที่รอกุญแจอยู่ Eric ที่เป็นมัคคุเทศก์ก็ไปยกแผนที่มา ชี้ให้ดูว่าพรุ่งนี้คุณจะต้องนั่งรถเท่านี้กิโลเมตร ลงไปเดินเท่านี้ แล้วมาขึ้นรถ แล้วนั่งอีกเท่านี้กิโลเมตร พวกเราก็ "Yes" "Yes, Ok" กันไปเรื่อยเปื่อย นึกสภาพไม่ออกว่าสถานที่หน้าตาเป็นอย่างไร

Eric เป็นมัคคุเทศก์ที่ต้องบอกว่าเก่งภาษาอังกฤษมาก ๆ แต่บางคำที่เขาพูดต้องบอกว่าฟังยาก ไอ้ fifteen สิบห้า ของเขา เราจะฟังเป็น fifty ห้าสิบ ยันเตเลย พอ ๆ กับนีม่าซึ่งเป็นมัคคุเทศก์ที่ทิเบต นีม่าจะออกเสียง Sometimes บางเวลา เป็น Sametime ตลอด

แล้วอย่างหนึ่งของ Eric ที่พวกเราได้ยินแล้วฮากันทุกที ก็คือเวลาถามอะไรเขาจะบอกว่า I’m not sure. ทำไมพวกมัคคุเทศก์ถอดแบบกันมาหมดเลยวะ ? โดยเฉพาะคาชาน ฟารุก ที่ปากีสถาน ขึ้นต้นด้วยคำว่า I’m not sure. ตลอด แล้วตกลงว่ากูจะได้ข้อมูลที่แน่นอนอะไรจากมึงบ้างไหม ?"

เถรี 04-12-2019 19:12

"ปรากฏว่าคืนนี้ที่เมืองรื่อหวา ความสูง ๓,๘๐๐ เมตร อาตมานอนไม่หลับ เพราะว่าหนาวไม่พอ อากาศแค่ ๑๗ องศาเซลเซียส โห...เป็นอะไรที่อนาถชีวิตมากเลย ๑๗ องศาเซลเซียส ร้อนจนนอนไม่หลับ เพราะว่าวันอื่นติดลบตลอด อาตมาเปิดประตู เปิดหน้าต่าง เปิดอะไรทุกอย่างแล้ว ก็ไม่หนาวพอที่จะนอน ท้ายสุดต้องถอดเสื้อกันหนาวออก ๑ ตัว เอาผ้าห่มกันหนาวออกอีก ๑ ชั้น เออ...ค่อยนอนได้ ไม่อย่างนั้น เตรียมการเต็มที่เหมือนทุกคืน ก็คือผ้าห่ม ๒ ชั้น เสื้อกันหนาว ๒ ตัวถึงจะนอนได้ ปรากฏว่าเจออากาศ ๑๗ องศาเซลเซียสเข้า ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือ แทบจะแก้ผ้านอน..!

เล่าให้ญาติโยมฟัง ญาติโยมก็สงสัยว่า จะจำอะไรนักหนา ก็แค่นึกย้อนหลังไปว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง ถ้าภาษาพระเรียกว่า อตีตังสญาณ ถ้าคนที่มีสติสมาธิมั่นคง จะนึกย้อนไปได้เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี เป็นชาติ หรือเป็นหลาย ๆ ชาติก็ได้"

เถรี 04-12-2019 19:17

"จะว่าไปแล้ว เรื่องพวกนี้จริง ๆ แล้วเป็นธรรมชาติ ถ้าสติสมาธิดีก็จะระลึกได้มาก ถ้าสติสมาธิไม่ดีก็จะระลึกได้น้อย หรือลืมง่าย กลายเป็นคนขี้ลืม

ในส่วนนี้ถ้าใครไม่อยากเป็นอัลไซเมอร์ คือเป็นโรคสมองเสื่อม ก็ให้ทำสมาธิเข้าไว้ จะช่วยได้มาก ถึงเวลาก็นึกย้อนหลังไป ไล่ไปแบบการปฏิบัติธรรมที่อาตมาแนะนำ จนกระทั่งย้อนไปอยู่ในท้องแม่ แล้วก็ดูว่าค่อย ๆ โตขึ้นมา ค่อย ๆ คลอดออกมา แต่ละวันมีความสุขบ้างไหม ? มีแต่ความทุกข์อยู่ตลอด นั่นของเราแค่ชาตินี้ ถ้าระลึกย้อนหลังไปอีก ก่อนเข้าท้องแม่เรามาจากไหน ก็จะไปได้เรื่อย ๆ

ในพระไตรปิฎก มีผู้ที่สามารถระลึกชาติได้โดยไม่จำกัด คือพระพุทธเจ้า พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระมหากัสสปะ นางภัททากัจจานาหรือนางยโสธราพิมพา ส่วนอื่น ๆ ท่านระลึกได้ก็จำกัด อย่างเช่นว่าบางคนก็ได้แสนชาติ บางคนก็ได้ ๑ กัป ๒ กัป ๕ กัป ๑๐ กัป ๑๐๐ กัป เหล่านี้เป็นต้น ท่านได้ไม่เท่ากัน มีที่ได้ไม่จำกัดอยู่แค่ไม่กี่ท่าน เขาเรียกว่าอภิญญาใหญ่ บาลีเขาใช้คำว่า มหาอภิญญา"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:38


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว