กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6678)

เถรี 25-07-2019 21:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องจ่านิวโดนทำร้าย บางทีเป็นเรื่องของบริวารที่โง่แล้วขยัน กลัวเจ้านายจะมีงานน้อย เห็นว่าเจ้านี่ประท้วงรัฐบาลบ่อยก็เลยไปช่วยกันตี หารู้ไม่ว่ากำลังจะจุดไฟเผารัฐบาลชัด ๆ ถ้าหากว่าเป็นทางด้านการทหาร เขาบอกว่าไอ้พวกโง่แล้วขยัน ให้ฆ่าทิ้งให้หมด..!"

เถรี 25-07-2019 21:46

ถาม : พระโสดาบันที่เป็นภรรยาของนายพราน เขาคิดอย่างไรจึงไม่ยุ่งกับสามี ?
ตอบ : พระโสดาบันใครเขาห้ามยุ่งกับสามี ?

ถาม : ไม่ใช่ค่ะ ไม่ยุ่งกับหน้าที่ของสามีค่ะ
ตอบ : เขาคิดแค่ว่าผัวสั่ง ตัวเองเป็นเมีย แค่ทำตามที่ผัวสั่ง ผัวสั่งให้ส่งบ่วงเชือกก็ส่ง ให้ส่งแหลนก็ส่ง ให้ส่งหน้าไม้ก็ส่ง แต่ผัวเอาไปทำอะไรไม่รับรู้ เพราะว่าตัวเองไม่ทำความชั่ว

เรื่องของกรรมนี่เราต้องเข้าใจนะว่า ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างได้ นั่นสามีทำ ตัวเองเป็นภรรยาไม่ได้ทำ ต้องแยกให้ออก เราแยกไม่ออก เพราะไปยึดติดตรงที่ว่าในเมื่ออยู่ด้วยกัน ก็ต้องโดนด้วยกันสิ

เถรี 25-07-2019 21:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "ชุมชนคุณธรรมคริสตจักรมาถึงทองผาภูมิแล้วนะ ชุมชนคริสตจักรแบ็บติสต์ทองผาภูมิจัดกิจกรรมโครงการคุณธรรมเริ่มต้นที่บ้าน อาตมาก็ไม่นึกว่าคริสต์จะบุกแรงขนาดนี้ เร็วมากเลย วันก่อนยังอยู่ในเมืองอยู่เลย ขึ้นไปถึงทองผาภูมิแล้ว

พวกคริสต์เขา
มีทุนเยอะ เพราะเขาเก็บ ๑๐ เปอร์เซ็นต์จากรายได้ศาสนิก ในเมื่อมี ๑๐ เปอร์เซ็นต์ สมมติว่าเงินเดือนของเรา ๑๕,๐๐๐ บาท ก็ต้องให้เขา ๑,๕๐๐ บาท ในเมื่อบังคับบริจาคในลักษณะอย่างนั้น เขาก็เลยมีทุนรอนที่แน่นอน มีศาสนิกกี่คน เขาจะรู้เลยว่ามีรายได้เดือนละเท่าไร ในเมื่อต้นทุนแน่นอน เขาก็สามารถทำโครงการได้ ส่วนของเรานี่แล้วแต่ญาติโยมศรัทธา"

เถรี 26-07-2019 07:14

ถาม : มีอยู่วันหนึ่งนอนพิจารณา แล้วก็เห็นกิเลสของตัวเองกระเด็นออกมา เหมือนเป็นเห็บที่ติดอยู่กับหมา แล้วหมากินยาขึ้นมาทำให้เลือดเป็นพิษ เห็บอยู่ไม่ได้ก็กระเด็น กระโดดออกมา หนูก็โวยวายใหญ่เลยที่มันออกมา หนูก็ตกใจว่าคืออะไร ?
ตอบ : ก็แค่ให้เห็นเท่านั้น เรายังฆ่าเขาไม่ได้

ถาม : หนูก็กำหนดจิตดูว่าคืออะไร เห็บก็คือตัวที่เกาะอยู่กับตัวหนู แล้วก็บงการให้เป็นไปตามทุกอย่างที่อยากให้เป็น หนูยังไม่ค่อยวางใจเท่าไร ก็ค่อย ๆ ดูไปเรื่อย ๆ หนูก็ใช้วิธีว่าเราก็ดู ถ้าเราเห็น ก็แสดงว่าเขาไม่ได้อยู่กับเรา
ตอบ : ต้องทำอย่างนั้นแหละ คือตอนนี้เรายังฆ่าเขาไม่ได้ ก็ระวังอยู่อย่างเดียวก็คืออย่าให้เขากลับเข้ามาหาเราใหม่

ถาม : วันรุ่งขึ้น หนูตื่นมาก็มาหาว่าเขาอยู่ไหน เราก็เห็นตัวอย่างแล้วรู้สึกว่ากิเลสเต็มกบาล หนูรู้สึกว่าโมหจริตความหลงครอบเราไปหมดทั้งตัว เหมือนเราอยู่ใต้น้ำ เราขึ้นไปไม่ได้ แต่เราต้องขึ้นไป พอสมาธิขึ้นไปถึงสุดแล้ว เรามีสติเยอะพอแล้ว เราจะต้องพยายามฮึดสู้ขึ้นมาควบคุมเขาบ้าง แต่เราก็ทำไม่ได้ทุกวัน เราต้องแหวกว่ายอยู่ใต้กิเลสอยู่ตลอด
ตอบ : ก็เรื่องปกติ ให้เรายื่นหัวเข้าไปหายใจได้ก็ใช้ได้แล้ว อย่างน้อย ๆ ก็มีกำลังสู้เขาได้บ้าง คราวนี้ก็มีอยู่อย่างเดียวคือพยายามพิจารณาให้เห็นชัดว่าถ้าหากว่ายังเป็นเช่นนี้ จะก่อทุกข์ก่อโทษให้เราเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน ควรจะพอกันทีหรือยัง ถ้าใจบอกว่าพอ ก็จะไม่ไปแตะไม่ไปยุ่งอีก

ถาม : กิเลสคุมเราอย่างนี้ตลอดไปไหมคะ ?
ตอบ : ตลอด..ไม่ใช่แค่ชาติเดียว มาทุกชาติและจะต่อไปอีก น่ากลัวไหม ? อันนี้เราเรียกภยตูปัฏฐานญาณ ปรีชาคำนึงเห็นว่าสังขารเป็นของน่ากลัว

เถรี 26-07-2019 07:19

ถาม : ที่เรารู้สึกว่าความหลงครอบเรา เป็นเพราะเราอยู่ในร่างกายนี้หรือเปล่าคะ เราจึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของเขา ?
ตอบ : ถูก...แต่คราวนี้เราจะตกอยู่ใต้อำนาจเขาก็เพราะร่างกาย เราจะพ้นจากเขาได้ก็เพราะร่างกาย อยู่แค่มุมมองที่เราใช้มองร่างกายเท่านั้น ถ้าเราเห็นว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เขาอยู่กับร่างกาย ก็แปลว่าเขากับเราไม่ได้เกี่ยวกันเลย แต่ถ้าเราไม่สามารถเห็นถึงตรงนี้ได้ เขาก็ครอบงำเราต่อไป เพราะเรายึดมันเมื่อไร เขาก็ครอบงำเราเมื่อนั้น

ถาม : แปลว่าตอนที่หนูสมาธิขึ้นถึงจุดสูงสุด แล้วเราไม่ถูกครอบ แสดงว่าตอนนั้นรวมการพิจารณาไปด้วย ?
ตอบ : อันนั้นเขาเรียกว่าวิกขัมภนวิมุตติ พ้นได้ด้วยการข่มกิเลสไว้ด้วยอำนาจของสมาธิ ก็ยังมีโอกาสหายใจได้หน่อยหนึ่ง

ถาม : พระอรหันต์ท่านอยู่กับร่างกาย ท่านทำอย่างไร จึงไม่โดนครอบ ?
ตอบ : ก็ท่านเห็นชัดแล้วว่าร่างกายไม่ใช่ท่าน สักแต่ว่าอาศัยอยู่เท่านั้น เอ็งอยากจะมีก็มีไป ข้าไม่ไปยุ่งกับเอ็ง ฟังดูเหมือนง่ายนะ

ถาม : หนูหาตัวอยากเจอ แต่ก็ยังมีตัวอื่นที่ยังครอบอยู่ ฟังแล้วท้ออย่างไรก็ไม่รู้ ?
ตอบ : เรื่องปกติ ค่อย ๆ ดูไปเรื่อย ๆ ยิ่งไปจะยิ่งละเอียดไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ ส่วนที่เราเห็นแค่ส่วนหยาบเท่านั้น

สู้ต่อไป อย่างน้อย ๆ เราก็ยังพอหายใจได้บ้าง ไม่โดนครอบจนอึดอัดตาย

เถรี 26-07-2019 07:26

สนทนากับพระ "ไปนึกถึงหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดพิชัยญาติฯ ท่านตายคางาน พวกเราก็คงไม่แคล้วแบบนั้น ท่านไปคนหนึ่ง บางที่ก็ขาดที่พึ่งไป ของพวกนี้สำคัญตรงที่ว่าเรายืนหยัดด้วยตัวเองได้ไหม ? ถ้ายืนหยัดด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งผู้อื่น ผลกระทบก็น้อย ถ้ายืนไม่ได้ ไม่มีท่าน โลกก็มืดไปเลย"

เถรี 26-07-2019 07:33

ถาม : อย่างที่พิจารณาว่าร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา รวมถึงรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อะไรอย่างนี้ ?
ตอบ : ทุกอย่าง

ถาม : แล้วบางทีเราคิดขึ้นมา ?
ตอบ : เราคิด เพราะฉะนั้น..จงหยุดคิด..!

วิธีหยุดคิดที่ดีที่สุดก็คืออยู่กับปัจจุบัน คราวนี้การอยู่กับปัจจุบันได้ดีที่สุด ก็คืออยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าหากว่าสติสมาธิทั้งหมดอยู่กับลมหายใจเข้าออกตรงหน้า การปรุงแต่งอื่นไม่มี ก็คิดไม่ได้แล้ว หยุดไปโดยปริยาย แต่คราวนี้ถ้ายังไม่เห็นโทษ เดี๋ยวเผลอเมื่อไรก็ปรุงใหม่อีก ก็ต้องทำไปจนกระทั่งเห็นว่าโทษของการปรุงแต่งการคิด ว่าก่อรัก โลภ โกรธ หลงขนาดไหน ดึงเราให้เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบขนาดไหน เกิดความกลัวขึ้นมา เกิดความเข็ดขึ้นมา ก็จะถอยห่างออกมาเอง

ถ้าหากว่ากำลังสมาธิเพียงพอ ปัญญาเพียงพอ ก็จะไม่คิดอีก เลือกเฉพาะในส่วนที่เป็นประโยชน์มาคิด ส่วนที่เป็นโทษก็ไม่ไปคิดไปปรุง ค่อย ๆ ขยับไปทีละขั้น จนกระทั่งสติสมบูรณ์พร้อม มองไปก็รู้ว่ากิเลสจะเกิดมุมไหน ไม่ไปแตะมุมนั้นก็จบแล้ว

เถรี 26-07-2019 07:42

สนทนาเรื่องลูกศิษย์ฆราวาสของหลวงพ่อรุ่นเก่า ๆ "รุ่นเก่า ๆ ส่วนใหญ่พอเขามีหลัก เขาก็ไม่ค่อยจะไปวัดแล้ว เกิดจากสาเหตุหลายอย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือมีหลวงพ่อหนึ่งเดียวในดวงใจ อย่างที่สองก็คือสิ่งที่ตัวเองทำได้ เพียงพอที่จะเป็นหลักยึดแล้ว"

เถรี 26-07-2019 08:23

ถาม : จะสอบ ต้องบนกับท่านใดจึงจะรู้คำตอบได้ ?
ตอบ : ใช้คาถาท่านปู่พระอินทร์ดีกว่า ไม่ต้องบนด้วย

ถาม : เคยใช้แล้ว แต่วางกำลังใจไม่เป็นค่ะ ?
ตอบ : ต้องยึดมั่นเหมือนอย่างกับที่พึ่งสุดท้ายของชีวิต กำลังใจต้องทุ่มขนาดนั้นเลย ตัวอย่างชัดที่สุดก็น้องพลอย ไปเรียนต่างประเทศแล้วไม่เข้าใจวิชาสถิติและการวิจัย ก่อนสอบวันหนึ่งโทรมาหาหลวงพ่อ จะทำอย่างไรดี ? ตายละวา....เอ็งโทรมาตอนนี้ ข้าจะไปอธิบายอะไรทัน ก็เลยบอกให้ใช้คาถาท่านปู่พระอินทร์ เขาบอกว่าพอเขาใช้ เนื้อหาตรงที่เป็นคำถาม เขาอ่านผ่านไปรอบเดียวแต่โผล่มาตรงหน้าชัด ๆ เลย ก็เลยเท่ากับลอกตำรา สรุปก็คือ เรียนไม่รู้เรื่องแต่สอบได้

เถรี 26-07-2019 08:26

พูดถึงวัดท่ามะขาม "หลวงพี่มหาเอรับเป็นนายทุนให้ เจ้าอาวาสก็เบาใจไปหน่อย ไม่อย่างนั้นท่านเองไม่ไหว ตอนแรกจะให้หลวงพี่มหาเอเป็นเจ้าอาวาสเอง ท่านก็บอกว่าสุขภาพแบบนี้ ไปเป็นก็ได้ตายคาวัด ก็เลยบอกว่าพระครูบ่าวไม่ไหว จะไม่เป็น ท่านบอกให้บอกพระครูบ่าวว่าเป็นแล้วเดี๋ยวท่านจะช่วย

ตอนนี้ที่วัดท่ามะขาม ถึงเวลาไปพี่น้องเพื่อนฝูงมีที่พักครึ่งทาง เวลาไปเรียนที่วัดใต้ ถ้าหากไม่มีที่พัก วัดท่ามะขามมีเยอะแยะไป ต้องบอกว่าบุญของพระครูบ่าว อยู่ป่ามานานแล้ว มาอยู่ในเมืองบ้าง แล้วท่านเป็นพระที่แปลกมาก สร้างบุญไว้ดี ไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก จังหวัดก็บอกเอาท่าน รองจังหวัดก็บอกเอาท่าน อำเภอก็จะเอาท่าน รองอำเภอก็จะเอาท่าน เออ...อย่างนั้นก็ง่ายหน่อย ไม่มีใครเหลือ ก็เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือตำบล ปรากฏว่าตำบลเป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกันกับอาตมา...ก็สบาย บอกช่วยเซ็นให้หน่อย ท่านเซ็นให้..ก็จบ"

สร้อยทอง 28-07-2019 09:58

สร้อยทอง
 
อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สุธรรม (โพสต์ 241885)
:4672615: คำเรียกอย่างเป็นทางการคือ "สมเด็จพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏ" ครับ ไม่เป็นทางการเรียกว่า "รองสมเด็จ" หรือบางทีก็เรียกว่า "พระราชาคณะชั้นพรหม" ครับ

ขอเพิ่มเติมด้วยความเคารพ หลวงปู่ปวง ท่านทรงสมณศักดิ์ที่ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ หรือ รองสมเด็จพระราชาคณะ ส่วน สมเด็จพระราชาคณะ ชั้นหิรัญบัฏ หาข้อมูลไม่เจอครับ เจอแต่ สมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ หากผิดพลาดประการใด กราบขออภัยครับ

เถรี 01-08-2019 20:35

พระอาจารย์กล่าวว่า "โต๊ะกราบนี้ ทางกาญจนบุรีทั้งหมดเลิกใช้ตามพระอาจารย์เล็กแล้ว เพราะว่าบ้านเรากราบเบญจางคประดิษฐ์ ถ้าใช้โต๊ะกราบ ๑ ศีรษะ ๒ ศอก ๒ เข่า จะไม่ถึงพื้น แปลว่าโต๊ะกราบทำให้เรากราบไม่ถูกแบบ อาตมาก็แสดงวิสัยทัศน์เรื่องนี้อยู่หลายปี ตอนนี้เขาตามกันหมดแล้ว แรก ๆ ผู้ใหญ่มาก็งง ๆ ว่าทำไมไม่มีโต๊ะกราบ ?"

เถรี 01-08-2019 20:36

ถาม : เมื่อก่อนนั่งสมาธิแล้วมีแต่ความนิ่ง พอตอนหลังนั่งสมาธิแล้ว คิดปัญหา แก้ปัญหาได้ออก ไม่ทราบว่าแบบนี้ดีขึ้นหรือแย่ลงครับ ?
ตอบ : ปัญหาอะไร ?

ถาม : ปัญหาชีวิต พอนั่งสมาธิแล้วคิดออก แก้ได้ สมาธิแบบนี้ใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : แบบนี้เป็นแค่เบื้องต้น พอใจของเราสงบ ปัญญาจะเกิด ใช้ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม แต่คราวนี้ของเราใช้ได้แค่ทางโลก ก็แปลว่าใช้ได้ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ของประโยชน์ที่แท้จริง ทางธรรมอีก ๙๐ เปอรเซ็นต์เราไม่ได้เลย

เถรี 01-08-2019 20:38

ถาม : เวลาถวายสังฆทาน นำพระพุทธรูปมาตั้ง ควรหันหน้าเข้าหรือออกจะดีครับ ?
ตอบ : เอาที่สบายใจ ด้านไหนก็ได้ ส่งให้ถึงมือพระก็แล้วกัน ส่วนใหญ่พวกเราจะไปคิดว่าต้องหันหน้าเข้าจึงจะถูก ต้องหันหน้าออกจึงจะถูก ซึ่งเป็นแค่ส่วนเสี้ยวเดียว หลัก ๆ ที่แท้จริงก็คือส่งให้ถึงมือพระให้ได้ เพราะว่าถ้ายังไม่ถึงมือพระ อย่างไรก็ยังไม่เป็นทานที่เราถวาย

เถรี 01-08-2019 21:04

พระอาจารย์กล่าวว่า "เงินที่ญาติโยมบริจาคเพื่อจัดงานวันเกิด อาตมาใช้ไม่หมด ก็เลยถวายจัดงานวันเกิดตุ๊พ่อสิงห์ต่อไป ๕๐๐,๐๐๐ บาท สรุปว่าได้สืบชะตาสองรายติดกัน ต้องบอกว่าพยายามล้างผลาญแล้วแต่จ่ายไม่หมด ก็เลยต้องช่วยตุ๊พ่อสิงห์ท่าน เพราะว่าค่าใช้จ่ายท่านมาก ทั้งโบสถ์ ทั้งพระประธาน ทั้งพระจุฬามณี ท่านกำลังเครียดว่าจะสร้างไม่เสร็จ กลัวว่าจะมรณภาพเสียก่อน ก็เลยถวายท่าน ๕๐๐,๐๐๐ บาท

ที่ประหยัดไปมากเพราะว่าวันเกิดของอาตมาเป็นวันพระใหญ่ พระเถระระดับเจ้าคณะภาคท่านมาไม่ได้ ท่านต้องอยู่เป็นแบบอย่างให้กับทางคณะสงฆ์ พระก็ต้องลงปาฏิโมกข์ ส่วนอาตมาอยู่กับวัด ลงปาฏิโมกข์ได้อยู่แล้ว ในเมื่อระดับเจ้าคณะภาคหลายรูปท่านไม่มา อาตมาก็เลยประหยัดไปได้มาก"

เถรี 01-08-2019 21:07

"อยู่ในลักษณะมีเงินใช้ไม่รู้จักหมด ก็เลยต้องหาเรื่องทำบุญต่อ ต้องอนุโมทนากับญาติโยมจริง ๆ ที่ตั้งใจทำบุญกัน แต่อาตมาก็หาเหรียญพุทธบารมียันต์ทรงกลดเนื้อนากให้คนละเหรียญ ตอนนี้เหรียญเนื้อชินไม่รู้ รู้แต่เหรียญเนื้อนากว่าเขาเอาไปปล่อยในเว็บเหรียญละหกหมื่นบาท น่าตายมาก...! ให้ฟรี ๆ ดันเอาไปปล่อยตั้งหกหมื่นบาท ถ้าคิดมูลค่าว่าเป็นนากก็ได้อยู่ แต่ถ้าคิดว่าเรามอบให้เป็นสินน้ำใจเฉย ๆ ไปเล่นคนอื่นหกหมื่นบาทก็แพงไป"

เถรี 01-08-2019 21:44

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไม่กี่วันที่ผ่านมา พระมหาเถระที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนามรณภาพไป ๒ รูป ในส่วนนี้ต้องบอกว่าสถานการณ์ประเทศชาติของเราค่อนข้างจะแย่ถึงแย่มาก ก็เลยต้องมีพระเถระที่เป็นหลักมรณภาพ ตัดเคราะห์ตัดกรรมให้กับประเทศชาติของเรา

อาตมาพูดไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้วว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี กลัวว่าจะมีการนองเลือด อย่างไรก็ขอให้งานเป่ายันต์ฯ ผ่านไปก่อน เพราะว่าการเป่ายันต์เกราะเพชรสงเคราะห์คนหมู่มาก เป็นการตัดกรรมประเทศชาติไปส่วนหนึ่ง ซึ่งเรื่องพวกนี้เหมือนอย่างกับว่า อาตมาพยายามโยงเรื่องให้มีความสำคัญกับตัวเอง..แต่ไม่ใช่ ที่พูดนี่คือข้อเท็จจริงเลย

เพราะว่าบ้านเราปัจจุบันนี้จะบอกว่ามีประชาธิปไตยก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบเหมือนกับสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีสองรัชกาลและรัฐบุรุษก็ไม่ใช่ เป็นการเลือกตั้งพอเป็นพิธี เพื่อสร้างความชอบธรรมในการขึ้นเป็นรัฐบาลเท่านั้น ความไม่พอใจของคนเรามีขีดจำกัด ถ้าไปถึงจุดหนึ่งระเบิดออกมาก็น่ากลัวมาก"


เถรี 01-08-2019 21:53

"ช่วงที่ผ่านมาฮ่องกงซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนก็ประท้วง คนออกมาเป็นแสนประท้วงกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่ข้ามแดน เพราะว่าฮ่องกงก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของจีน อังกฤษเช่าไป ๙๙ ปี ส่งคืนให้กับจีนแล้ว แต่ด้วยความที่ใช้กฎหมายและการปกครองของตัวเองมาตลอด ทำให้เขามีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่จีน

เมื่อรัฐบาลจีนยื่นมือเข้ามา โดยให้ผู้ปกครองของฮ่องกงออกกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามไปพิจารณาโทษที่ประเทศจีน ซึ่งก็เพียงผู้ร้ายบางประเภทเท่านั้น แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งเกรงว่าจะมาถึงตัว ก็เลยต้องปลุกระดมออกมาประท้วง"

เถรี 01-08-2019 21:54

"ส่วนบ้านเราปัจจุบันนี้ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้เป็นรัฐบาล แม้ว่าจะต้องใช้ความยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน สามมาตรฐาน เขาก็ทำกัน ซึ่งตรงจุดนี้จะเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ความไม่พอใจของคนปะทุขึ้นมาได้ แล้วยังมีการโหมฟืนใส่ไฟในแต่ละวัน

ถ้าเรื่องเกิดขึ้นแล้วพูดให้น้อยลง ก็จะไม่ร้ายแรง แต่ปัจจุบันนี้พวกโซเชียลมีเดียเข้าถึงได้โดยง่าย ทุกคนก็พยายามออกข่าวตามแง่มุมที่ตนเองคิดว่าใช่ โดยที่ทางฝ่ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ยังไม่ได้สรุปคดี แล้วคราวนี้การทำงานของตำรวจก็ช้ามาก ไม่ทันใจประชาชน พอกระแสในโซเชียลไปแรงมาก บวกกับพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ขอกันยาก เหมือนอย่างกับตั้งใจเตะถ่วง ก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่รักความยุติธรรมมากขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้จะทำให้เป็นการผลักผู้ที่เคยสนับสนุนตนไปยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ เพราะทำให้เขาเห็นว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม หรือไม่ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน

ดังนั้น พวกเราต้องใช้สติสัมปชัญญะให้มาก ๆ กับสถานการณ์ประเทศชาติตอนนี้ อย่าไปยินดียินร้ายด้วย รอดูผู้มีหน้าที่เขาจัดการ ถ้าใช้ภาษารุ่นของอาตมาคือ รอให้ฝุ่นจาง ตอนที่กำลังมั่วกันก็ฝุ่นตลบ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ใครมีหน้าที่การงานทำหน้าที่ของตนเองให้ดี รักษางานของตัวเองให้ดี เพราะว่าในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ก็ต้องประคับประคองกันให้ผ่านไปได้"

เถรี 01-08-2019 22:37

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของสังฆทานเวียน ก็คือผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันนำมาถวาย มีบางคนบอกว่าได้บุญเฉพาะคนแรกเท่านั้น นั่นเป็นการเข้าใจผิด เพราะว่าเราใช้ภาษาพระที่ว่า ผาติกรรม ก็คือแลกเปลี่ยนแล้ว ทีนี้การแลกเปลี่ยนเท่ากับชุดสังฆทานนั้นเป็นสมบัติของเรา ในเมื่อเป็นของเราแล้ว เราจะถวายเมื่อไร บุญก็เป็นของเราเมื่อนั้น

คราวนี้ในการที่เราจะจัดหามาเองก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่บางทีก็เสียเวลาเดินทางไปซื้อหา เจอของแพงหรือคนขายกิริยาไม่ดี เราก็จะไปโกรธเขาอีก กว่าจะหอบหิ้ว กว่าจะขนมาถึงสถานที่ ก็ต้องลำบาก ต้องเหนื่อย อารมณ์เสีย ซึ่งจะทำให้กำลังบุญของเราลดน้อยถอยลง

ดังนั้น ในส่วนของสังฆทานเวียนที่เขาเตรียมเอาไว้ จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดว่าเราไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องลำบากในการหอบหิ้วขนย้าย ที่สำคัญก็คือไม่แพงเหมือนกับไปซื้อเอง อย่างเช่นว่าโยมจะหาพระพุทธรูปแบบนี้ ทรงเครื่องปิดทองประดับเพชร ก็องค์ละ ๔๕,๐๐๐ บาท กว่าจะหาเงินขนาดนี้มาได้ก็คงไม่ได้ถวายกันหรอก แต่พอใช้การผาติกรรมแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะที่นี่ไม่คิดมูลค่า จะมากจะน้อยแล้วแต่ท่านพอใจ เราก็สามารถเป็นเจ้าของพระองค์ใหญ่ ๆ ได้ ทำให้การสร้างบุญกุศลของเราสะดวกและได้บุญมาก

ฉะนั้น..ของบางอย่างที่เป็นอัตโนมติ คือความเห็นเฉพาะตัวของบุคคลบางคน ฟังดูเหมือนใช่ แต่คราวนี้ใช่ของเขา เราเองต้องใช้ปัญญาพินิจพิจารณา ดูว่าบริบทการกระทำนั้นมุ่งอะไร ก็จะสามารถได้คำตอบที่แท้จริง ถ้าหากสติปัญญาไปไม่ถึงจริง ๆ ก็ถาม แต่ถ้าถามผิดที่ก็เจอเข้าป่าเข้าดงไปเยอะ"



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:28


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว