View Full Version : เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๖
RnERaJ4v0fE
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ พรุ่งนี้ก็เริ่มสอบนักธรรมชั้นตรีสนามหลวงกันแล้ว สนามสอบอำเภอทองผาภูมินั้น พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี กับท่านเจ้าคุณอ๋อ (พระวชิรปัญญาภรณ์, ดร.) เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๔ จะเป็นผู้มาตรวจเยี่ยมสนาม แต่คราวนี้ในระหว่างกลาง กระผม/อาตมภาพมีงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลแทรกอยู่ ถ้าหากว่าท่านมาในวันที่ไม่อยู่พอดี ก็เป็นภาระของท่านอื่นรับไปก็แล้วกัน
สำหรับวันนี้ เมื่อกระผม/อาตมภาพเดินทางกลับมาถึงวัด ก็ได้เข้าระบบซูมมีตติ้งออนไลน์ ไปร่วมการบรรยายเรื่อง "พุทธนวัตกรรมการสื่อสารกับโลกในภาวะวิกฤต" โดยท่านเจ้าคุณอาจารย์พระราชวัชรสารบัณฑิต,รศ.ดร. (ประสาร จนฺทสาโร) แต่คราวนี้ในสิ่งที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์กล่าวมา ก็ต้องบอกว่า เป็นการให้กำลังใจกับผู้ที่ทำงานมากกว่า แล้วบางส่วนกระผม/อาตมภาพก็เห็นค้านกับท่าน สิ่งที่ท่านพูดมานั้นใช่ทั้งหมด แต่ไปเน้นในเรื่องทางโลกจนเกินไป
อันดับแรก ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจคำว่านวัตกรรมก่อน นวัตกรรมก็คือการเอาของเดิมมาทำให้ดีขึ้น มีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม แต่ว่าดีขึ้น หลากหลายมากขึ้น อย่างเช่นว่าก่อนหน้านี้ เรามีแค่จักรยานยนต์ แล้วก็มีคนคิดใช้งานให้มากขึ้นด้วยการต่อพ่วงข้างขึ้นมา กลายเป็นจักรยานยนต์พ่วงข้าง จาก ๒ ล้อ กลายเป็น ๓ ล้อ ที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าซาเล้ง นั่นคือนวัตกรรมที่มาจากจักรยานยนต์ หรือว่าจากจักรยานยนต์ที่กินน้ำมัน จากสองจังหวะ พัฒนามาเป็นเครื่องยนต์สี่จังหวะ นั่นคือนวัตกรรม แต่ถ้าหากว่าเราสร้างใหม่ขึ้นมาเลย เขาเรียกประดิษฐกรรม
ดังนั้น..ถ้าหากว่าเราเข้าใจตรงนี้แล้ว ท่านทั้งหลายก็จะเห็นว่า สิ่งที่เราใช้คำว่านวัตกรรมการสื่อสารในพระพุทธศาสนานั้น ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างในระยะแรก ถ้าหากว่าเป็นการสอนหนังสือ เราก็ใช้วิธีเขียนกระดานดำบ้าง กระดานขาวบ้าง แล้วต่อมาก็มีการเขียนลงแผ่นใส ฉายขึ้นจอ หลังจากที่ปิ้งแผ่นใสอยู่หลายปี ก็มีการใช้พาวเวอร์พ้อยท์ ปัจจุบันนี้ก็สารพัดแอพพลิเคชั่น ที่กำลังนิยมอย่าง Canva เป็นต้น
กระผม/อาตมภาพไม่เห็นว่าเป็นนวัตกรรมที่ก้าวหน้าเลย เพราะอะไร ? สมัยพุทธกาลท่านมีทิพจักขุญาณ มีทิพโสตญาณ สมัยนี้มีอะไร ? มีโทรศัพท์มือถือ มีโทรทัศน์ หรือว่าใช้โทรศัพท์เป็นโทรทัศน์ หรือในเรื่องของปฏิสัมภิทาญาณ อยากรู้เรื่องอะไร รู้เดี๋ยวนั้นเลย สมัยนี้ยังต้องเสียเวลาไปถามกูเกิ้ล ถามไป ดีไม่ดีกูเกิ้ลก็บอก "ขอโทษ..ฟังไม่เข้าใจ" กูจะบ้า..!
ดังนั้น..เราจะเห็นว่านวัตกรรมในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ไปทางวิชามัยฤทธิ์ ก็คือสิ่งที่เสริมสร้างขึ้นมาจากวิชาความรู้เทคนิคสารพัด แต่ในส่วนของวิกุพพนาฤทธิ์ ตลอดจนกระทั่งอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ แทบจะสาบสูญไปแล้ว ถ้าหากว่าใครไปหัดอยู่ ไปฝึกอยู่ ก็กลายเป็นว่าล้าหลัง ทั้ง ๆ ที่ถ้าท่านทำได้ ท่านนั่นแหละที่จะก้าวหน้ากว่าคนอื่นเขา..!
กระผม/อาตมภาพไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบินสายหนึ่ง เงยขึ้นไปเห็นเขาเขียนไว้ว่า Everybody can fly กูจะบ้า..! สมัยก่อนกูฝึกแทบตาย สมัยนี้ใคร ๆ ก็เหาะได้ เพราะว่าไปกับเครื่องบิน..!
แล้วในส่วนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือการศึกษาที่มากเกินไป จะทำให้พระภิกษุสามเณรของเราหลงทาง โดยเฉพาะการศึกษาที่เราไปวิ่งตามทางโลกมากจนเกินไป เนื่องเพราะว่าปัจจุบันของเรา การเรียนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกในวงการสงฆ์นี่ถือว่าฟู่ฟ่ามาก
สมัยที่กระผม/อาตมภาพจบปริญญาเอก เป็นรูปที่สามของจังหวัดกาญจนบุรี รูปแรกก็คือ พระครูศุภชัย (พระครูสิริกาญจนาภิรักษ์, ดร. ) เจ้าคณะอำเภอบ่อพลอย รูปที่สองก็คือ ท่านเจ้าคุณศิริ (พระเมธีปริยัติวิบูล, ป.ธ.๙ ดร.) เจ้าคณะอำเภอเมือง รูปที่สามเป็นกระผม/อาตมภาพเอง แต่สมัยนี้พระที่จบปริญญาเอกของจังหวัดกาญจนบุรี มีประมาณ ๒๐ รูปเป็นอย่างต่ำ..!
ถ้าหากว่าเราไปวิ่งตามโลก กระผม/อาตมภาพนึกถึงหลวงปู่มหาอำพัน - ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ ป.ธ. ๖ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) วัดเทพศิรินทราวาส ท่านเขียนกลอนของแม่เฒ่าปักษ์ใต้ แปะติดหัวเตียงไว้เลย วิชาโลกเรียนเท่าไรไม่รู้จบ พื้นพิภพกลมกว้างใหญ่ลึกไพศาล วิชาธรรมเรียนและทำจนชำนาญ ย่อมพบพานจุดจบสบสุขเอย
แล้วก็นึกไปถึงพระสำคัญของวัดเทพศิรินทราวาสอีกรูปหนึ่ง ก็คือหลวงพ่อมหาธนิต ปญฺญาปสุตฺโต ป.ธ.๙ ถ้าหากว่าท่านไม่ธุดงค์ออกป่า แสวงหาธรรม มั่นใจได้เลยว่าท่านจะต้องเป็นอย่างน้อยก็ต้องรองสมเด็จพระราชาคณะ หรือไม่ก็เป็นสมเด็จพระราชาคณะไปนานแล้ว..!
แต่ท่านเรียนจบแล้ว ท่านเห็นว่าตัวเองไม่ได้อะไรเลย นอกจากแปลบาลีได้ ในเมื่อการแปลบาลี คือการแปลพระไตรปิฎก ท่านก็เอาความรู้ที่แปลได้นั่นแหละ มาใช้งานให้สมกับที่เรียนมา ก็คือวิ่งเข้าหาหลักการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา ทิ้งลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทั้งหมดที่ควรจะมี ควรจะได้ ธุดงค์ออกป่าไปเลย แล้วก็มรณภาพในป่าแบบนักปฏิบัติแท้..!
คราวนี้การที่บรรดาพระภิกษุสามเณรศึกษา ไม่ว่าจะเป็นปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก กระผม/อาตมภาพอยากจะให้ศึกษาในลักษณะช่วยให้เราเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ดีขึ้น ไม่ใช่ศึกษาแล้วเอาไปอวดว่าเราเรียนรู้มากกว่าคนอื่นเขา มีใบปริญญาบัตรเป็นเครื่องรับประกันความรู้ความสามารถ แต่ว่าไม่รู้จักแม้กระทั่งหิริโปตัปปะ..! ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันว่า เรียนไปแบบที่ภาษาบาลีเรียกว่า อลคัททูปมปริยัติ เรียนแบบจับงูข้างหาง มีแต่จะโดนงูกัด บาดเจ็บล้มตายเสียเปล่า ๆ..!
ถ้าหากว่าเราศึกษาเอาไว้ เพื่อที่จะได้บอกกล่าวสั่งสอนคนอื่นต่อไป ก็ยังจัดอยู่ในประเภทภัณฑาคาริกปริยัติ เรียนแบบคลังเก็บความรู้ ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรมากมาย ต้องเป็นนิสสรณัตถปริยัติ ก็คือเรียนแล้วนำไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดความหลุดพ้น
ดังนั้น..ในเรื่องของพุทธนวัตกรรมการสื่อสารนั้น ถ้าหากว่าเราเน้นในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ทำจนเกิดผลแล้วค่อยไปบอกกล่าวคนอื่น จะเป็นเรื่องที่บอกแล้วคนเชื่อ บอกแล้วขลัง แต่ถ้าเราทำไม่ได้ ไปบอกไปกล่าวคนอื่นเขา ก็จะเข้าไม่ถึงความเป็นอรรถเป็นธรรมที่แท้จริง
แบบเดียวกับพระเดชพระคุณพระโสภณกาญจนาภรณ์ (หลวงพ่อเจ้าคุณทอมสันต์) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก่อนหน้านี้ท่านสอนวิชาวิสุทธิมรรคศึกษาอยู่ แล้วท้ายสุดท่านก็บอกว่า "อาจารย์เล็ก..ช่วยสอนแทนผมหน่อยเถอะ ผมเองอ่านยังไม่เข้าใจเลย แล้วผมจะไปสอนให้ลูกศิษย์เข้าใจได้อย่างไร ?"
เพราะว่าท่านเป็นพระนักวิชาการ จบปริญญาโทจากอินเดียมา ต้องบอกว่าหลวงพ่อเจ้าคุณทอมสันต์ท่านเป็นบุคคลที่รู้ตัวเอง แล้วก็ยอมรับในข้อด้อยของตัวเอง ในเมื่อไม่ถนัด ไม่ชำนาญ ก็ไม่อยากทำให้ลูกศิษย์หลงทางหรือว่าไม่เข้าใจเหมือนกับตนเอง กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องไปสอนวิสุทธิมรรคศึกษาแทนท่านอยู่หลายปีเหมือนกัน
ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าเราเน้นในเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา หลักการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าก็มีอยู่แล้วว่า สันทัสสนา ต้องบอกเล่าให้แจ่มแจ้ง ถ้าทำไม่ถึง จะไปแจ่มแจ้งไม่ได้หรอก สมาทปนา ต้องจูงใจให้อยากปฏิบัติตาม สมุตเตชนา ต้องอาจหาญแกล้วกล้า พร้อมที่จะมอบกายถวายชีวิตได้ และสัมปหังสนา ต้องมีความรื่นเริงด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่ให้แห้งแล้งห่อเหี่ยวจนเกินไป
ส่วนวิธีการก็มีสารพัดวิธี ตั้งแต่อุปนิสินนกถา ประมาณว่าจับเข่าคุยกัน คำว่าอุปนิสินนะ แปลว่า เข้าไปนั่งใกล้ หรือธรรมีกถา บรรยายธรรม หรือปาฐกถา กล่าวในเรื่องต่าง ๆ ที่เขากำหนดให้ในที่สาธารณะ ไล่ไปจนกระทั่งถึงอนุสาสนีกถา จ้ำจี้จ้ำไช ปากเปียกปากแฉะอยู่ทุกวันอย่างที่กระผม/อาตมภาพทำอยู่นี่..!
วิธีการเหล่านี้มีมากมายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถ้าเป็นนวัตกรรมก็แค่ใช้เครื่องมือและวิธีการต่าง ๆ ของยุคสมัยนี้มาผสมผสานเข้าไป เพื่อให้สามารถเผยแผ่ได้ดีขึ้นเท่านั้น ดังนั้น..ในเรื่องพุทธนวัตกรรมการสื่อสาร กระผม/อาตมภาพอยากจะฟันธงว่า ไม่มีความก้าวหน้า มีแต่ถอยหลัง เนื่องเพราะว่าเราพึ่งพาอาศัยเครื่องมือมากจนเกินไป โดยที่ไม่ได้ฝึกฝนตนเองให้ก้าวหน้าขึ้นเลย..!
สำหรับวันนี้ก็เรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.