View Full Version : เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖
5rXptfqhcH0
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแรงมาก โดยเฉพาะเริ่มเข้าหน้าหนาว ใครมีญาติพี่น้องที่เจ็บไข้ได้ป่วย หรือว่าเป็นผู้ชรา ตักเตือนให้คนดูแลระมัดระวังไว้ด้วย เวลาอากาศเปลี่ยน คนป่วยหรือว่าคนแก่ที่ร่างกายไม่แข็งแรง ถ้าทนไม่ไหวก็มักจะตายไปเลย..!
คนโบราณเขารู้เรื่องพวกนี้ดี แต่ว่าคนรุ่นใหม่ ๆ ไม่ค่อยจะระมัดระวังกัน ถ้าหากว่าพวกเรารู้จักสังเกต จะเห็นว่าช่วงรอยต่อของอากาศ อย่างเช่นช่วงฤดูฝนต่อฤดูหนาว ช่วงฤดูหนาวต่อฤดูร้อน หรือว่าช่วงฤดูร้อนต่อฤดูฝน คนมักจะตายกันในช่วงนั้น
สำหรับวันนี้ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดวังก์วิเวการาม เพื่อร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันมรณภาพปีที่ ๑๗ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่ออุตตะมะ (พระราชอุดมมงคล วิ.)
เรื่องของหลวงพ่ออุตตะมะ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่เป็นบุญของคนไทยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่ได้บารมีของท่านแล้ว ชายแดนไทยพม่าจะวุ่นวายกว่านี้อีกมาก แต่เนื่องจากว่าท่านเป็นที่เคารพของประชาชน ทั้งไทย พม่า มอญ กะเหรี่ยง ช่วงฤดูแล้ง อย่างเช่นว่าฤดูหนาว ฤดูร้อน ทางรัฐบาลพม่ามักจะปราบปรามชนกลุ่มน้อย ไม่ว่าจะเป็นมอญหรือว่าเป็นกะเหรี่ยงก็ตาม
เมื่อถึงเวลาบรรดาฝ่ายที่พ่ายแพ้ก็หนีเข้าวัด ส่วนใหญ่พอหนีเข้าวัด อีกฝ่ายหนึ่งก็หุงข้าวกินอยู่นอกวัด..! ตราบใดที่ยังไม่ออกมาจากวัดก็ไม่มีปัญหา ออกมาเมื่อไรแล้วค่อยรบกันใหม่..!
หรือแม้กระทั่งการจัดสรรปันส่วนที่ดิน เนื่องจากว่าพื้นที่เก่าโดนน้ำท่วมไป ถ้าไม่ได้หลวงพ่ออุตตะมะเป็นผู้ชี้ขาด ก็คงจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง ลงไม้ลงมือจนวุ่นวายกันไปหมด
การที่ท่านเป็นที่เคารพนับถือของทุกฝ่าย เป็นผลจากการประพฤติปฏิบัติของท่านเอง ตั้งแต่บวชเป็นสามเณรน้อย ๆ ท่านก็จริงจังกับการงานหน้าที่ทุกอย่าง สิ่งที่ท่านขอเอาไว้เลย ก็คือการกวาดลานโบสถ์ลานเจดีย์ เนื่องเพราะว่าถ้าใครศึกษาในหนังสือมิลินทปัญหา จะเห็นว่าในอดีตชาติของพระยามิลินท์
พระท่านกวาดลานโบสถ์ลานเจดีย์ แล้วใช้สามเณรเอาไปทิ้ง แต่สามเณรมัวแต่เล่นอยู่ พระท่านก็เลยตีเอา สามเณรเสียใจ ร้องไห้ เอาขยะไปทิ้งน้ำ เห็นระลอกคลื่นไหลต่อเนื่องตามกันไม่มีที่สิ้นสุด จึงได้อธิษฐานว่า อานิสงส์ที่เอาขยะมาทิ้ง เกิดใหม่ชาติใดขอให้มีปัญญามาก เหมือนกับคลื่นในแม่น้ำนี้ สามารถที่จะตั้งคำถามได้ไม่มีที่สิ้นสุด
พระรูปนั้น ซึ่งในชาติต่อมาก็คือพระนาคเสน กำลังจะไปสรงน้ำ ได้ยินสามเณรอธิษฐานก็ตกใจ ถ้าหากว่าเป็นอย่างที่สามเณรอธิษฐานเข้า คาดว่าผู้คนคงจะเดือดร้อนกันไปหมด แล้วท่านระลึกได้ว่า สามเณรแค่เอาขยะมาทิ้ง ยังอธิษฐานขอเสียขนาดนั้น ท่านเองเป็นผู้กวาดขยะ ก็ควรที่จะอธิษฐานได้มากกว่าสามเณร ท่านจึงตั้งใจว่า ถ้าหากว่าสามเณรเกิด ท่านจะไปเกิดด้วย สามเณรตั้งปัญหาอะไรมา ขอให้ท่านตอบได้ทั้งหมด แล้วคู่เวรคู่กรรม ฝ่ายหนึ่งก็มาเกิดเป็นพระนาคเสน อีกฝ่ายหนึ่งเกิดเป็นพระยามิลินท์
ถ้าท่านทั้งหลายไปอ่านมิลินทปัญหา จะเห็นว่าพระยามิลินท์ท่านถามแบบชวนตี ชวนทะเลาะ อย่างเช่นถามว่า "ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ กระผมเห็นว่าในอดีตชาติของพระคุณเจ้าคงขาดทานบารมีอย่างแรง เกิดมาชาตินี้จึงมีอาหารรับประทานไม่ครบ ๓ มื้อ พระคุณเจ้ามีความเห็นในเรื่องนี้ว่าอย่างไร ?" เป็นพวกเราก็วได้างมวยกันแน่..! ลองไปอ่านดูก็แล้วกัน
หรือไม่ก็ "ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ กระผมมีความเห็นว่า พระคุณเจ้าทั้งหลายในอดีตคงเป็นโจรผู้ร้ายมาก่อน ทำโจรกรรม ปรทาริกกรรม ถึงเวลาปล้นชิงคนอื่น จับเจ้าทรัพย์มัดติดกับต้นไม้ไว้ เมื่อถึงเวลามาเกิดชาตินี้ พระคุณเจ้าทั้งหลายจึงได้อธิษฐานปฏิบัติธรรมด้วยการนั่งโดยไม่นอน" น่าเหวี่ยงสักทีไหม..!?
แต่พระนาคเสนไม่หลงกลที่มายั่วให้โกรธ เพราะถ้าโกรธเดี๋ยวปัญญามาไม่ทัน จึงสามารถตอบได้ทุกเรื่อง จนกระทั่งท้ายสุด พระยามิลินปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ ส่วนเรื่องที่มากกว่านั้นไปเดาเอาเอง หลวงพ่ออุตตะมะท่านประทับใจเรื่องนี้มาก ท่านจึงอาสากวาดลานโบสถ์ลานเจดีย์ ด้วยความหวังว่า ถ้าเกิดใหม่ จะได้เป็นแบบพระนาคเสน ปรากฏว่าท่านไม่ได้เกิดใหม่อีกแล้ว..!
สมัยก่อนการเดินทางไปหาหลวงพ่ออุตตะมะนั้นยากมาก ช่วงที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านสร้างโบสถ์ ประมาณปี ๒๕๑๗ - ๒๕๑๘ - ๒๕๑๙ แล้วไปตัดลูกนิมิตปี ๒๕๒๐ ในช่วงนั้นมีการสร้างวัตถุมงคล แล้วพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านกำหนดว่าให้นิมนต์ครูบาอาจารย์รูปใดไปบ้าง
ปรากฏว่าครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งก็คือหลวงพ่ออุตตะมะ ซึ่งเมื่อได้รับคำสั่ง ลูกศิษย์ก็ต้องถามว่า "ถ้าหากว่าไปแล้ว ทำอย่างไรที่หลวงพ่ออุตตะมะท่านถึงจะมา ?" หลวงพ่อฤๅษีฯ บอกว่า "ให้บอกว่ามหาวีระนิมนต์ แล้วท่านจะมา" ปรากฏว่าถึงเวลาก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ พวกเราเพิ่งจะมารู้ทีหลังว่าหลวงพ่ออุตตะมะท่านเคยไปศึกษาอยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ๒ พรรษา ช่วงนั้นหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงก็อยู่ที่นั่นพอดี กลายเป็นว่าครูบาอาจารย์ท่านรู้จักกันหมด เพียงแต่พวกเราไม่รู้ว่าท่านรู้จักกัน
แล้วครั้งแรกที่เจอหน้าท่าน หลวงพ่ออุตตะมะออกปากกับกระผม/อาตมภาพว่า "เจ้าผู้เป็นเชื้อสายของสักกเทวราช เราจะสงเคราะห์เจ้าเป็นคนสุดท้าย..!" กระผม/อาตมภาพลากเกมยาวมาประมาณ ๒๐ ปี เพราะเกรงว่าถ้าหากว่าท่านสงเคราะห์แล้วท่านจะไปเลย
จนกระทั่งท้ายสุด เห็นกายสังขารท่านไม่ไหว ๙๐ กว่าใกล้จะ ๑๐๐ พรรษาแล้ว ช่วงที่เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดทองผาภูมิ กระผม/อาตมภาพจึงขอให้ท่านช่วยปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นหนึ่ง ก็คือมีดหมอถอนโบสถ์ของวัดทองผาภูมิ หลังจากนั้นไม่นานท่านก็มรณภาพ แต่กระผม/อาตมภาพคิดว่า ตัวเองจะโดนกรรมสนองหรือเปล่า ? ไปลากครูบาอาจารย์อยู่จนนานขนาดนั้น..!
ในเรื่องของคนแก่ กายสังขารไม่เหมือนคนหนุ่ม อยู่วันหนึ่งก็ทรมานไปวันหนึ่ง แล้วโดยเฉพาะพระอย่างหลวงพ่ออุตตะมะ ท่านไม่ต้องการการเกิดแล้ว ท่านไม่เห็นความดีในร่างกายนี้ ไม่เห็นความดีในโลกนี้ ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อ แต่กระผม/อาตมภาพไม่ยอมให้ท่านสงเคราะห์ เนื่องเพราะว่าเรื่องพวกนี้เป็นการผูกกรรมมาตั้งแต่ชาติก่อน ๆ ในเมื่อเจ้าหนี้ไม่ยอมให้ใช้หนี้ ลูกหนี้ก็ไม่ได้ใช้เสียที ก็เลยลากท่านอยู่มาจนนานขนาดนั้น
สำหรับคนทั่วไปที่ทำไม่ได้ก็เห็นว่าเป็นการเพ้อเจ้อ แต่ว่าคนที่ทำได้ก็เห็นเป็นเรื่องปกติ แม้กระทั่งวันนี้ลูกศิษย์สำคัญของหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านหนึ่ง คือผู้ช่วยศาสตราจารย์ร้อยตรีมังกุร ชัยพันธุ์ นั่นก็อายุ ๙๐ กว่าปีแล้ว ท่านได้เดินทางไปร่วมงานด้วย บอกกับกระผม/อาตมภาพว่า "หลวงพ่อไปตาม" คำว่าหลวงพ่อก็คือหลวงพ่ออุตตะมะ
แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่อัศจรรย์มาก เพราะว่าบรรดาลูกศิษย์ทั้งพระและฆราวาสไปกันมากเป็นพิเศษ แม้แต่ท่านปัณฑิตะ เจ้าอาวาสวัดเสาร้อยต้น ทางฝั่งพระเจดีย์สามองค์ของพม่า ก็พาทั้งพระทั้งแม่ชีไป ไม่ถึงร้อยก็ใกล้เคียง..! ก็แปลว่างานนี้หลวงพ่ออุตตะมะท่านต้องการรวมกำลังใจศิษย์ของท่าน ก็คือใครที่ไม่ได้นึกถึงก็ต้องนึกถึง เมื่อนึกถึงก็ต้องไปหา
เหตุเพราะว่าสถานการณ์โลกปัจจุบันนี้ร้อนมาก สงครามใหญ่อาจจะเกิดขึ้นในวินาทีไหนก็ได้ ถ้าหากว่ากำลังใจของญาติโยมยึดเกาะอยู่กับพระรัตนตรัย อย่างแย่ที่สุดถ้าหากว่าเสียชีวิต ก็ยังได้ไปสุคติ
ซึ่งตรงนี้ต้องยกเอาคำพูดของพระเดชพระคุณพระราชธรรมาภรณ์ (หลวงพ่อเงิน) วัดดอนยายหอมมา ที่ท่านบอกว่า
"การใช้วัตถุมงคล ถ้ากำลังใจสูงสุด ยิงไม่ออก
ถ้ากำลังใจลดลงมา ยิงออกไม่ถูก
กำลังใจลดลงมาอีกหน่อย ยิงถูกไม่เข้า"
นี่แปลว่า ไอ้ที่โดนปืนแล้วไม่เป็นอะไรนั้น กำลังใจห่วยแตกมากแล้ว..!
"ถ้ากำลังใจลดลงมาอีก ยิงเข้าไม่ตาย
ถ้ากำลังใจแย่จริง ๆ ระลึกถึงวัตถุมงคล ถึงโดนยิงตายก็ไปสวรรค์"
หลวงพ่ออุตตะมะท่านเห็นวาระว่า โลกเราอย่างไรก็เลี่ยงสงครามไม่พ้น ก็คงตั้งใจรวบรวมกำลังใจของลูกศิษย์ให้ระลึกถึงท่าน หรือว่าระลึกถึงพระพุทธเจ้าได้ ดังนั้น..เมื่อพวกเราเห็นเข้า ก็มีอย่างเดียวก็คือเร่งรัดการปฏิบัติภาวนาของตนเองให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้ว ถึงเวลาญาติโยมเขาไปสวรรค์แล้วเราเองไปไม่ได้ ก็เป็นอันว่าเสียชาติเกิด..!
สำหรับวันนี้ก็เรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.