View Full Version : เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๖
lOGTy2lPmRQ
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ตั้งแต่เช้ากระผม/อาตมภาพก็ได้ทำการบวงสรวง ขออนุญาตเทปูนหล่อสมเด็จองค์ปฐมชำระหนี้สงฆ์ ให้กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ส่วนในช่วงบ่ายก็เป็นการนั่งปรกอธิษฐานจิต ในการหล่อพระเกตุมาลาสมเด็จองค์ปฐม และรูปเหมือนพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ตรึก ธมฺมวิตกฺโก)
ตั้งแต่ช่วงที่ทำบวงสรวงตอนเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้แจ้งให้กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. ว่าจะมีฝนตก ก็คือให้เตรียมการให้พร้อม แต่เนื่องจากว่าฟ้าเปิด ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตก พอมาถึงช่วงใกล้พิธีประมาณเที่ยง ฝนก็กระหน่ำลงมาจนสะใจ ทั้ง ๆ ที่ฟ้าใส ๆ นั่นเอง เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเชื่อในเรื่องของพระ ของพรหมเทวดา หรือว่าของครูบาอาจารย์ที่ท่านบอกมา เนื่องจากว่าโลกอื่น ไม่ว่าจะเป็นทุคติหรือว่าสุคติก็ตาม ไม่มีการโกหกกัน ยกเว้นแต่โลกมนุษย์ของเรานี้เท่านั้น ฟังดูแล้วค่อนข้างจะเลวร้ายมาก..!
แต่ก็เพราะเหตุนี้เอง ถ้าหากว่าผู้หนึ่งผู้ใดสามารถรักษากรรมบถ ๑๐ เอาไว้ได้ โดยเฉพาะในส่วนของวาจา ๔ ประการ คือ ไม่พูดโกหก ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียดให้บุคคลแตกร้าวกัน และไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อไร้ประโยชน์ ก็จะเป็นกำลังใจที่สูงถึงในระดับของพระสกทาคามีทีเดียว
ส่วนในเว็บไซต์วัดท่าขนุนนั้น วันนี้กระผม/อาตมภาพได้มอบพระผงยาชุดหนึ่งให้กับไอ้ตัวเล็กนำไปลง พระผงยาชุดนี้ ผู้สร้างก็คือท่านเชย บุนนาค หรือถ้าหากว่าเป็นพระราชทินนามคือ พระราชวิสูตรวิสุทธิรักษ์ ซึ่งท่านเป็นบุตรของเจ้าพระยาสุรพันธิ์พิสุทธ์ (เทศ บุนนาค) ข้าหลวงมณฑลเพชรบุรีในสมัยโน้น
สมัยนั้นบุคคลผู้ที่จะเป็นเจ้าภาพรับสร้างพระหรือวัตถุมงคลต่าง ๆ เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว อันดับแรกเลย มีศรัทธาแต่ไม่มีวัสดุอุปกรณ์ ประการที่สอง มีศรัทธา มีวัสดุอุปกรณ์ แต่ขาดบารมี ท่านเชย บุนนาคนั้น ท่านเป็นถึงเจ้าคุณ แล้วก็ทำหน้าที่ในพระคลังข้างที่ ต้องบอกว่าประกอบไปด้วยบารมีและความศรัทธา แล้วท่านยังได้ครูบาอาจารย์ที่สุดยอดอย่างหลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร ซึ่งหลายต่อหลายคนเขียนเป็น "หลวงพ่อร้าย"
ความจริงหลวงพ่อไล้ท่านเป็นลูกจีน ซึ่งสมัยก่อนเขาเรียกกันว่า "ลูกเจ๊ก" ท่านมีชื่อว่า "ไล้" ซึ่งแปลว่า มา อย่างเช่นว่า ถ้า "ฮกไล้" ก็คือ "โชควาสนามาถึง" หรือถ้าหากว่าเป็นภาษาจีนกลางก็คือ "ฝูไหล" เหล่านี้เป็นต้น หลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สารนั้น ท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือมากในการที่สร้างพระหรือว่าลูกอมเนื้อผงว่านยา โดยเฉพาะใช้ในการป้องกันเขี้ยวงา อสรพิษ หรือว่าสัตว์ร้ายต่าง ๆ
สมัยนั้นทางด้านเขายี่สาร งูเห่าชุกชุมมาก มีผู้ที่โดนงูเห่ากัด พากันแบกหามไปให้หลวงพ่อไล้ท่านรักษาอยู่เนือง ๆ จนกระทั่งหลวงพ่อไล้ท่านทนไม่ไหว จึงต้องสร้างวัตถุมงคลชุดนี้ขึ้นมา แล้วผลที่ได้เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือ นอกจากงูเห่ากัดไม่เข้าแล้ว หมาสมัยก่อน ซึ่งแต่ละบ้านล้วนแล้วแต่ดุ ขนาดกล้าพอที่จะสู้กับเสือ ก็พลอยกัดไม่เข้าไปด้วย ถ้าหากว่าเป็นอย่างที่กระผม/อาตมภาพมีประสบการณ์มาก็คือ หมาวิ่งมาถึงแล้วก็เอาปากชนน่องสองครั้ง..สามครั้ง เพราะว่าไม่สามารถที่จะอ้าปากกัดได้..!
ในเมื่อท่านมีครูบาอาจารย์ที่สุดยอดในระดับนั้น มีบารมีพร้อม ท่านจึงได้สร้างวัตถุมงคลชุดนี้ขึ้นมา ซึ่งมีสองเนื้อ ก็คือเนื้อผงว่านยา กับ เนื้อผงใบลาน ซึ่งสมัยก่อนนั้นการใช้ว่านยามาทำเนื้อพระ จะสร้างได้ง่ายกว่า เพราะว่าผงใบลานนั้นก็คือการที่นำเอาใบลาน (คัมภีร์เทศน์) เก่า ซึ่งบางทีก็โดนปลวกแทะบ้าง ผุพังหมดสภาพบ้าง มาเผาแล้วก็ทำเป็นส่วนผสมในการสร้างพระ ซึ่งในส่วนนี้กระผม/อาตมภาพเองก็ยังรู้สึกหวั่น ๆ ใจ เนื่องเพราะกลัวว่าจะเป็นการทำลายพระธรรมหรือเปล่า ?
ดังนั้น..ถ้าใครมีใบลานเก่า ไม่ว่าจะผุพังหรือเก่าหมดสภาพ หรือว่าโดนปลวกแทะก็ตาม วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ ให้บรรจุไว้ในพระองค์ใหญ่ เพื่อที่จะได้กราบไหว้บูชากันต่อไป อย่าได้นำไปเผาเพื่อที่จะทำเป็นผงในการสร้างวัตถุมงคลเลย เพราะว่าอาจจะมีโทษในการทำลายพระธรรม ถึงขนาดตกอเวจีมหานรกก็เป็นได้..!
หลวงพ่อไล้ท่านสร้างวัตถุมงคลชุดนี้ ปลุกเสกให้แล้ว ท่านเชยยังนำไปให้หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง จังหวัดเพชรบุรีปลุกเสกซ้ำอีก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เนื่องเพราะว่าหลวงพ่อไล้นั้น ท่านทำไปในด้านทางกันเขี้ยวงา ช่วยรักษาโรค แต่หลวงพ่อทองศุขนั้น ท่านเก่งทุกด้าน โดยเฉพาะด้านคงกระพัน มหาอุด
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า บิดาของท่านเชยเป็นข้าหลวงมณฑลเพชรบุรี หรือว่าเป็นผู้ว่าการมณฑลเพชรบุรีนั่นเอง ซึ่งสมัยก่อน มณฑลหนึ่งนั้นกินเนื้อที่หลายจังหวัด อาจจะถึง ๓ - ๔ จังหวัดเป็นอย่างน้อย ในเมื่อบิดาของท่านเชย หรือว่าท่านเจ้าคุณเชย เป็นผู้ว่าการมณฑลเพชรบุรี ก็สามารถที่จะนำไปกราบขอร้องให้หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ท่านช่วยเสกให้
ถ้าท่านทั้งหลายสงสัยว่า หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวงมีความสามารถอย่างไร ? ก็แค่นึกถึงวลีใน "๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน" ซึ่งมีอยู่ประโยคหนึ่งที่ว่า "ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง" ก็คือวัตถุมงคลของหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ส่วนใหญ่ท่านทำแล้วจะพอกครั่ง ครั่งที่นำมาพอกก็ต้องเป็นครั่งที่เกิดกับกิ่งพุทรา ที่ชี้ไปทางทิศตะวันออกเท่านั้น
เหตุที่ใช้คำว่า "ครั่ง" ก็เพราะว่าไปคล้องจองกับคำว่า "คลั่งไคล้ใหลหลง" ก็แปลว่าวัตถุมงคลของท่าน นอกจากเป็นคงกระพันมหาอุดแล้ว ยังเป็นมหาเสน่ห์อยู่ในตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นตะกรุดใบลานพอกครั่ง ตะกรุดเงิน - ตะกรุดทองแดงพอกครั่ง หรือแม้กระทั่งเบี้ยแก้พอกครั่ง ตะกรุดหนังหน้าผากเสือพอกครั่ง เหล่านี้เป็นต้น โดยเฉพาะเหรียญรุ่น ๒ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง หลังพอกครั่ง คนเพชรบุรีเขากล้าสู้ราคาถึงสองแสน - สามแสนบาท แม้กระทั่งในท้องตลาดทั่วไปก็อยู่ในระดับเป็นแสนบาทเช่นกัน
ดังนั้น..วัตถุมงคลชุดนี้ที่กระผม/อาตมภาพได้มา ก็เพราะว่าท่านอาจารย์วิสุทธิ์ วรรณวงษ์ศิริ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่กระผม/อาตมภาพขอความรู้ด้านเครื่องรางของขลังอยู่เสมอ ท่านเล่นวัตถุมงคลในด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง หรือว่าเครื่องราง ซึ่งบางอย่างนั้นอาจจะโดนขุดมาจากกรุ อาจจะโดนขโมยมาจากวัด แล้วนำมาจำหน่ายให้โดยที่ท่านเองไม่ทราบ ท่านจึงใช้วิธีถวายวัตถุมงคลให้กระผม/อาตมภาพมาเป็นระยะ เพื่อใช้ในการที่จะชำระหนี้สงฆ์ไปในตัว
เมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงนำออกมาให้ทุกท่านบูชา เพื่อชำระหนี้สงฆ์ตามเจตจำนงของท่านอาจารย์วิสุทธิ์ วรรณวงษ์ศิริที่ให้มา แต่ว่าจำหน่ายในราคาถูก ก็คือองค์ละ ๒,๐๐๐ บาท เพราะว่าถ้าหากว่าไปบูชาลูกอม หรือว่าพระผงยาของหลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร ก็จะราคาแพงกว่านั้น ถ้าหากว่าเป็นวัตถุมงคลของหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ก็ยิ่งราคาแพงสาหัสเข้าไปอีก..!
ดังนั้น..ในส่วนนี้ก็ถือว่าเป็นของดีราคาเยาวชน ที่มีให้ท่านทั้งหลายซึ่งต้องการวัตถุมงคลรุ่นเก่า ๆ จากครูบาอาจารย์ที่เราท่านทั้งหลายมีความเคารพเชื่อถือ โดยที่ไม่ต้องไปเสียเงินเสียทองมากมายนัก เนื่องจากว่ากระผม/อาตมภาพเอง ก็ไม่ได้ไปจับ ไปซื้อหามาจากท้องตลาด แล้วขณะเดียวกัน เจ้าของก็ตั้งใจเอาไว้ว่าถวายเพื่อชำระหนี้สงฆ์ กระผม/อาตมภาพจึงตั้งราคาเยาวชนเอาไว้ที่องค์ละ ๒,๐๐๐ บาท
ใครที่ต้องการวัตถุมงคล ซึ่งสามารถทำน้ำมนต์ รักษาโรค ป้องกันเขี้ยวงา หรือว่าด้านคงกระพันมหาอุด จากสองครูบาอาจารย์ก็คือหลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร และหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ก็เข้าไปเช่าหาบูชากันได้ในเว็บไซต์วัดท่าขนุน ซึ่ง "ไอ้ตัวเล็ก" น่าจะนำลงภายในคืนนี้ แต่ว่ามีอยู่แค่ ๖๐ องค์เท่านั้น ถือว่าใครเร็วใครได้ ถ้าหากว่าช้าก็โปรดรอต่อไป เพราะว่าถ้ารอจนวัตถุมงคลของหลวงปู่ ๒ รูปนี้มาถึง ก็น่าจะราคาแพงกว่านั้นอีกหลายเท่า
สรุปท้ายเสียงธรรมในวันนี้ ขอยกคำพังเพยสุภาษิตให้กับท่านทั้งหลายได้ฟัง คนไทยเรามีคำพังเพยว่า "ตาอยู่" ก็คือตาอินกับตานาแย่งปลากัน แล้วตาอยู่มาตัดสินความ ฝ่ายตาอินได้หัว ตานาได้หาง ตาอยู่คว้ากลางตัวที่มีพุงปลาไปกิน ส่วนทางด้านของประเทศจีนนั้น มีสุภาษิตคำพังเพยที่ว่า "ตั๊กแตนจับจักจั่น มีนกขมิ้นคอยจ้องจิกตั๊กแตนอยู่ข้างหลัง"
คำพังเพยทั้งสองอย่างนี้ ขอฝากไว้ให้กับท่านทั้งหลายที่กำลังสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศชาติของเรา ว่าโปรดระวังเอาไว้ สิ่งที่ท่านทำนั้น มีบุคคลรอ "ชุบมือเปิบ" อยู่ข้างหลัง ถึงเวลาท่านจะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว เพราะว่าตัวเราเองเสียรู้ กลายเป็นเหยื่อ "ให้คนอื่นเขาจูงจมูก" เหมือนอย่างกับเป็นควาย ไถนาให้กับคนอื่นเขาด้วยความเหนื่อยยาก "เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง ซ้ำยังต้องเอากระดูกมาแขวนคอ"
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.