PDA

View Full Version : เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๖


ตัวเล็ก
05-04-2023, 19:42
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๖

E3lhpVuraCQ

เถรี
06-04-2023, 00:25
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ความจริงวันนี้กระผม/อาตมภาพมีเรื่องหลายอย่างที่อยากจะพูด ก็ต้องแล้วแต่เวลาว่าจะได้สักกี่เรื่อง เรื่องแรกเลยก็คือ วันนี้ไอ้ตัวเล็กโพสต์รูปประคำมือลงในกลุ่มไลน์ ถามว่า "พอใช้ได้หรือยัง ?" ซึ่งกระผม/อาตมภาพตอบไปว่า "พอใช้ได้" เนื่องเพราะว่าลูกประคำนั้นต้องบอกว่า "ช่างฟ้อง" ถ้าเจ้าของไม่ขยันใช้ ก็จะซีด มัว ไม่เงามัน แล้วใช้วิธีขัดก็ไม่ได้อีกด้วย นอกจากนับด้วยมือเท่านั้น

สมัยที่อยู่วัดท่าซุง กระผม/อาตมภาพภาวนาพระคาถาเงินล้านวันละ ๓๐๐ จบ เป็นเวลา ๓ ปี นับจนประคำลูกหวาย ซึ่งโดยปกติก็จะมีผิวเป็นลอน ๆ ลื่นเป็นแก้วไปเลย ใครเห็นก็บอกว่าสวย มีคนอยากจะได้ลักษณะเดียวกัน ไปใช้กระดาษทรายขัดแล้วลงน้ำมัน ก็ไม่เหมือน เพราะว่ามือเราไม่ได้หยาบเหมือนกับกระดาษทราย

ถ้าหากว่านับด้วยมือ นอกจากเป็นการขัดลูกประคำไปในตัวแล้ว พลังหรือที่เรียกว่ากันว่าปราณจากเรา ก็จะเข้าไปอยู่ในวัตถุต่าง ๆ นั้นด้วย

ก็คือไม่ว่าเราจะใช้สิ่งของใด ๆ ก็ตาม พลังชีวิตหรือว่าปราณ จะเข้าไปอยู่ในสิ่งของนั้น ถ้าหากว่าเป็นกระแสที่ดี ใครมาใช้ต่อ ก็จะได้รับแต่สิ่งที่ดีงามไป ถ้าเป็นกระแสที่ไม่ดี ใครมาใช้ต่อก็อาจจะเดือดร้อนวุ่นวายกว่าที่คิด..! โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน มีหลายท่านใช้เครื่องนับอัตโนมัติแทนลูกประคำ กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า "อย่างไรก็ไม่เหมือนกัน" แต่ว่าก็แล้วแต่ผู้ใช้จะสบายใจก็แล้วกัน

สมัยก่อนการทำลูกประคำนั้นพิถีพิถันมาก อย่างลูกประคำยาวาสนาจินดามณีร้อยไหมเจ็ดสี ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ต้องจารตะกรุดเป็นแกน เมื่อพอกยาวาสนาจินดามณีแล้ว ค่อยร้อยด้วยไหมเจ็ดสี ซึ่งถือเคล็ดกัน อย่างเช่นว่า "ม่วงช่วงโชติ ครามงามล้ำ น้ำเงินเพลินสุข เขียวเหนี่ยวทรัพย์ เหลืองเรืองรุ่ง ส้มสมบูรณ์ แดงแรงฤทธิ์" เหล่านี้เป็นต้น

เถรี
06-04-2023, 00:37
ในเว็บไซต์วัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพได้ให้เอาประคำไปลงกระทู้จำหน่ายหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เกิดจากฝีมือท่านอั๋น (พระอัศนีย์ โฆสทินฺโน) เป็นคนกลึงให้แทบทั้งนั้น

แต่ว่าช่วงระยะนี้มีประคำโบราณของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองวัดมะขามเฒ่า เป็นต้น ประคำของท่านจะทำจากกะลาตาเดียว สลับกับงาช้างกำจัด ร้อยไหมเจ็ดสี ซึ่งหาพวงที่สมบูรณ์แบบได้ยากมาก คราวที่แล้วลงไปพวงหนึ่ง แคล้วคลาด "รอดปากเหยี่ยวปากกา" มาได้ กระผม/อาตมภาพดีใจเกือบตาย เพราะว่าประคำผงวิเศษพวงนั้น ท่านปั้นได้ประณีตมาก โดยปั้นเป็นรูปทรงมะยม ก็คือเม็ดประคำจะมีลอน ๆ สม่ำเสมอกัน แสดงออกซึ่งกำลังใจของผู้สร้างว่าตั้งใจทำจริง ๆ แล้วส่วนใหญ่พวกเราก็เอาไปใช้ในการป้องกันตัว มากกว่าใช้ในการภาวนา

สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็ก ๆ อยู่ ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นหลายต่อหลายรูป แนะนำให้ว่า การใช้ประคำนั้น อันดับแรกเลย ให้ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อย "พุทโธ..พุทโธ" ไปเรื่อย ๑๐๘ จบ "ธัมโม..ธัมโม" ไปเรื่อย ๑๐๘ จบ "สังโฆ..สังโฆ" ไปเรื่อย ๑๐๘ จบ ถ้ากำลังใจยังไม่เต็ม คิดว่ายังภาวนาต่อได้ ก็เริ่มต้นวน "พุทโธ..พุทโธ" ใหม่ เป็นต้น ซึ่งวิธีการทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็คือการฝึกในอนุสติ ระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั่นเอง

เพียงแต่ว่าการนับลูกประคำนั้น เป็นอิริยาบถและสัมปชัญญะในมหาสติปัฏฐานสูตร คือดูการเคลื่อนไหวไปด้วย ขณะเดียวกันก็เป็นการซักซ้อมแยกจิตแยกกายทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ก็คือต้องภาวนาด้วย จดจำด้วยว่านับไปกี่จบกี่รอบแล้ว เรื่องพวกนี้ก็อยู่ที่พวกเราจะไปพลิกแพลงทำกันเอง

อีกเรื่องหนึ่งก็คือวันนี้มีงานแทรกเข้ามามาก ทั้ง ๆ ที่โดยปกติแล้วเป็นวันที่กระผม/อาตมภาพไม่มีตารางงานเลย แต่ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ตั้งแต่เข้ามาก็ต้องเปิดโครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม "คังด้งสร้างสมาธิ" ของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา แล้วก็ยังมีบรรดาผู้สูงอายุจากสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อลำใยอุปถัมภ์) มาฟังการบรรยายธรรม แล้วก็ยังต้องไปเป็นประธานในการรดน้ำศพ จสต.เฉลิมพล รูปคมสัน เป็นต้น

เถรี
06-04-2023, 00:46
คราวนี้โครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม "คังด้งสร้างสมาธิ" นั้น เมื่อผ่านการอบรมเรียบร้อยแล้ว มีการมอบวุฒิบัตร แล้วกระผม/อาตมภาพก็เห็นว่า เด็กสมัยนี้ไม่ได้ฝึกมารยาทในการเข้าสังคมอะไรไว้เลย..! ก็คือรับวุฒิบัตรก็จับมือเดียว สักแต่ว่าหยิบ ๆ ไป ขนาดดุแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรับสองมือด้วย ?! ในเมื่อกระดาษแผ่นหนึ่ง มือเดียวก็หยิบได้แล้ว

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะว่าเด็กสมัยนี้ขาดการอบรม ต้องบอกว่าทั่วประเทศไทยเลย ในกรุงเทพฯ กระผม/อาตมภาพเวลาเดินต้องระวังมาก เด็กสมัยนี้ไม่หลีกพระ ถ้าเผลอจะโดนเดินชนหงายท้องไปเลย..!

ถ้าเป็นสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ ถ้าพระเดินมา ไม่ว่าจะเด็กจะผู้ใหญ่ จะหลีกลงข้างทางให้พระไปก่อน ตัวเองก็ยกมือน้อมไหว้ ถ้าเดินผ่านผู้ใหญ่ก็ต้องก้มหลัง แสดงออกซึ่งความเคารพและขอลุกะโทษ รับของจากผู้ใหญ่ ก็ต้องรับสองมือ ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้คนรุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้รับการอบรมเอาไว้ แม้กระทั่งเด็กสมัยนี้ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย เวลาพูดกับผู้ใหญ่หรือกับครูบาอาจารย์ ไม่มีหางเสียง ไม่มีครับ ไม่มีคะ ไม่มีขาใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าเป็นสมัยก่อน เขาบอกว่า "พวกมะนาวไม่มีน้ำ" ปัจจุบันนี้เป็นกันทุกแห่งทุกโรงเรียน

วันนี้กระผม/อาตมภาพเข้าไปค้นดูในกูเกิ้ล ปรากฏว่าไม่มี "หลักสมบัติผู้ดี" เอาไว้ให้ดูเลย ซึ่งรุ่นของกระผม/อาตมภาพนั้นโดนบังคับให้ท่องจำ สมบัติผู้ดีซึ่งแบ่งออกเป็น ๑๐ ภาคด้วยกัน แต่ละภาค แต่ละหัวข้อจะบอกว่าต้องประพฤติทางกายอย่างไร ทางวาจาอย่างไร แล้วก็ทางใจอย่างไร โดยมีการสรุปเป็นกลอนเอาไว้ว่า

เถรี
06-04-2023, 00:48
"สมบัติผู้ดีมีข้อ.................กล่าวย่อพอยกหยิบอ้าง

ภาคหนึ่งระวังท่าทาง....................รู้วางไว้ตัวชั่วดี

ภาคสองสำรวมนิสสัย.................มิให้เสื่อมเสียราศี

ภาคสามน้อมกายวจี...................ท่วงทีคารวะผู้ควร

ภาคสี่มีกริยา...........................วาจาน่ารักเสสรวล

ภาคห้ากว้างขวางทางชวน..........ชักมวลหมู่เพื่อนนิยม

ภาคหกปฏิบัติงานดี...................เรียบมีหลักมั่นคงสม

ภาคเจ็ดจิตเอื้ออุดม............เกลียวกลมช่วยเหลือหมู่ชน

ภาคแปดไม่เห็นแก่ตัว..................เมามัวตั้งหน้าหาผล

ภาคเก้าสุจริตในกมล..................ไม่ค้นของใครใฝ่ปอง

ภาคสิบไม่ประพฤติชั่ว............เกลือกกลั้วพาตัวมัวหมอง

ทั้งสิบภาคนี้ใครครอง..................ผลต้องเกิดล้วนดีเอย"

เถรี
06-04-2023, 00:52
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้ากระผม/อาตมภาพไม่พูดเอาไว้ตรงนี้ ก็ไม่สามารถที่จะไปค้นหาที่ไหนได้อีก เนื่องเพราะว่าแม้แต่ในกูเกิ้ลที่เชื่อว่ามีข้อมูลทุกอย่างก็ไม่มี แล้วส่วนที่มีก็คือส่วนที่กระผม/อาตมภาพเคยพูดเอาไว้เล็กน้อยเท่านั้น ก็แปลว่าสิ่งดี ๆ ที่เป็นภูมิปัญญาโบราณ ตกผลึกมาจนกระทั่งเป็นสมบัติของชาติ สูญไปอย่างน่าเสียดาย

ถ้าท่านทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่าทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยทำไมถึงโด่งดังไปทั่วโลก ? ก็เพราะว่าทุกคนอ่อนน้อมถ่อมตน ไปลามาไหว้ ยิ้มแย้มแจ่มใส ทำไมน้องลิซ่า (ลลิษา มโนบาล) จึงเป็นที่ชื่นชมของบรรดาแฟนทั่วโลก ก็เพราะว่าเป็นคนยิ้มง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน เข้าถึงได้ง่าย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นส่วนของสมบัติผู้ดีทั้งนั้น ใครทำเอาไว้ก็ถือว่าเป็นคุณสมบัติส่วนตัว ผู้ใหญ่เห็นก็เอ็นดู ให้ความรักความเมตตา

จึงเป็นเรื่องที่ครูบาอาจารย์ควรที่จะค้นคว้ามา ช่วยสั่งช่วยสอนลูกศิษย์ จะเป็นการศึกษานอกเวลา นอกห้องเรียนอะไรก็ได้ แต่ไม่ควรทิ้งให้สิ่งที่มีคุณค่าขนาดนี้สาบสูญไปเฉย ๆ ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเราก็จะมีแต่จิตใจที่หยาบกระด้าง การแสดงออกทางกายก็หยาบกระด้างไปด้วย ในเมื่อกาย วาจา ใจ หาความละเอียดไม่ได้ โอกาสที่จะเข้าถึงธรรมก็ยิ่งลดน้อยถอยลง จนกระทั่งแทบจะไม่มีโอกาสเลย..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)