เถรี
22-08-2009, 18:00
ถ้ากำลังใจของเราอยู่กับภาพพระ อยู่กับลมหายใจเข้า หายใจออก ถ้าสนใจอยู่แค่นี้ เสียงภายนอกก็ทำอะไรไม่ได้ แต่คราวนี้เราไปสนใจกับข้างนอกมากกว่า เสร็จแล้วก็ยังไปปรุงไปแต่ง ด้วยการที่เอาตัวกูของกูเป็นที่ตั้ง คือมานะถือตัวถือตนว่า กูปฏิบัติดี ไอ้พวกนั้นมันระยำ..!
ถ้าเราคิดอย่างนี้ก็ใช้ไม่ได้ คนเราทุกคน สรรพสัตว์ทั้งหมด ไม่มีใครดี ไม่มีใครเลว มีแต่คนกำลังเป็นไปตามกรรมเท่านั้น การสมมติคำว่าดี คำว่าเลวขึ้นมา เพื่อที่เราจะแยกแยะได้สะดวกเท่านั้น ไม่ใช่สมมติขึ้นมาแล้ว ให้เราไปแบกเอาไว้
บุคคลที่ทำดีตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การกระทำของเขาทำให้เขาตกอยู่ในกระแสสีขาว ก็จะไหลทวนกระแสโลกขึ้นไปสู่ข้างบนอยู่เสมอ ไปสู่ภพภูมิที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป
บุคคลที่กระทำสิ่งที่คัดค้านคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาตกอยู่ในกระแสสีดำ พาไหลลงอยู่ตลอดเวลา ลงไปสู่ความเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มีแต่ความทุกข์อยู่ตลอดเวลา
สิ่งที่เขาทั้งหลายเหล่านั้นทำ เขาคิดว่าดี เขาจึงทำ ในเมื่อเขาคิดว่าดี เราเองเห็นว่าไม่ดี ก็แสดงว่าเราต้องคุ้นเคยกับความไม่ดีนั้นมาก่อน เราต้องเคยกระทำความไม่ดีนั้นมาก่อน
เมื่อเราทำมาแล้ว เราก้าวพ้นมาแล้ว เราเห็นทุกข์เห็นโทษแล้ว บุคคลอื่นมากระทำสิ่งนั้น มารับช่วงสิ่งนั้นจากเรา ก็แปลว่าเขาคือทายาท คือผู้รับมรดก เท่ากับเป็นลูกเราหลานของเรานั่นเอง
ในเมื่อลูกหลานของเราตกอยู่ในความทุกข์ความลำบาก เราจะไปโกรธลูก โกรธหลาน ไม่พอใจในลูก ในหลาน หรือว่าควรจะเมตตาสงสารเขา เราควรจะแผ่เมตตาต่อเขาดี ?
ตั้งใจว่าเมื่อใดก็ตาม ที่เขารู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดชั่วอย่างชัดเจน ถ้าเขาต้องการความช่วยเหลือ เราจะยื่นมือไปช่วยเขา แต่ถ้าขณะจิตที่เขายังมืดยังบอดอยู่ เราไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเขาได้ ไม่สามารถที่จะแนะนำเขาได้ เราก็ควรจะเกิดความเวทนาสงสารเขา ปรารถนาจะให้เขาพ้นจากความทุกข์
สิ่งที่เขาทำ เขาเห็นว่าดี เขาจึงทำ เมื่อเขาเห็นว่าดี เขาจึงทำ โดยที่ไม่รู้ว่าความดีที่แท้จริงเป็นอย่างไร เขาน่าสงสารเพียงไหน ถ้าเรารู้จักคิด รู้จักพิจารณา รู้จักนำเอาพรหมวิหาร ๔ มาประกอบ รู้จักการให้อภัย เราก็ไม่ต้องเก็บเอาอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง มาไว้ในใจของเรา
คัดลอกจากหนังสือกรรมฐาน ๔๐
เรื่องสังฆานุสติ
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ถ้าเราคิดอย่างนี้ก็ใช้ไม่ได้ คนเราทุกคน สรรพสัตว์ทั้งหมด ไม่มีใครดี ไม่มีใครเลว มีแต่คนกำลังเป็นไปตามกรรมเท่านั้น การสมมติคำว่าดี คำว่าเลวขึ้นมา เพื่อที่เราจะแยกแยะได้สะดวกเท่านั้น ไม่ใช่สมมติขึ้นมาแล้ว ให้เราไปแบกเอาไว้
บุคคลที่ทำดีตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การกระทำของเขาทำให้เขาตกอยู่ในกระแสสีขาว ก็จะไหลทวนกระแสโลกขึ้นไปสู่ข้างบนอยู่เสมอ ไปสู่ภพภูมิที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป
บุคคลที่กระทำสิ่งที่คัดค้านคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาตกอยู่ในกระแสสีดำ พาไหลลงอยู่ตลอดเวลา ลงไปสู่ความเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มีแต่ความทุกข์อยู่ตลอดเวลา
สิ่งที่เขาทั้งหลายเหล่านั้นทำ เขาคิดว่าดี เขาจึงทำ ในเมื่อเขาคิดว่าดี เราเองเห็นว่าไม่ดี ก็แสดงว่าเราต้องคุ้นเคยกับความไม่ดีนั้นมาก่อน เราต้องเคยกระทำความไม่ดีนั้นมาก่อน
เมื่อเราทำมาแล้ว เราก้าวพ้นมาแล้ว เราเห็นทุกข์เห็นโทษแล้ว บุคคลอื่นมากระทำสิ่งนั้น มารับช่วงสิ่งนั้นจากเรา ก็แปลว่าเขาคือทายาท คือผู้รับมรดก เท่ากับเป็นลูกเราหลานของเรานั่นเอง
ในเมื่อลูกหลานของเราตกอยู่ในความทุกข์ความลำบาก เราจะไปโกรธลูก โกรธหลาน ไม่พอใจในลูก ในหลาน หรือว่าควรจะเมตตาสงสารเขา เราควรจะแผ่เมตตาต่อเขาดี ?
ตั้งใจว่าเมื่อใดก็ตาม ที่เขารู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดชั่วอย่างชัดเจน ถ้าเขาต้องการความช่วยเหลือ เราจะยื่นมือไปช่วยเขา แต่ถ้าขณะจิตที่เขายังมืดยังบอดอยู่ เราไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเขาได้ ไม่สามารถที่จะแนะนำเขาได้ เราก็ควรจะเกิดความเวทนาสงสารเขา ปรารถนาจะให้เขาพ้นจากความทุกข์
สิ่งที่เขาทำ เขาเห็นว่าดี เขาจึงทำ เมื่อเขาเห็นว่าดี เขาจึงทำ โดยที่ไม่รู้ว่าความดีที่แท้จริงเป็นอย่างไร เขาน่าสงสารเพียงไหน ถ้าเรารู้จักคิด รู้จักพิจารณา รู้จักนำเอาพรหมวิหาร ๔ มาประกอบ รู้จักการให้อภัย เราก็ไม่ต้องเก็บเอาอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง มาไว้ในใจของเรา
คัดลอกจากหนังสือกรรมฐาน ๔๐
เรื่องสังฆานุสติ
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ