สวนกุหลาบ
15-11-2022, 18:37
อานิสงส์ของบุญในเขตพระบวรพุทธศาสนานั้นให้ผลมหาศาลจนสุดจะประมาณ เอาแค่เพียงในด้านทานบารมี ในพระไตรปิฏกรวมถึงคำสอนจากครูอาจารย์สืบกันมาล้วนกล่าวตรงกันถึงอานิสงส์แห่งทานบารมีในเขตพระพุทธศาสนาว่าถ้าได้ทำแล้วจะยังให้เกิดผลอย่างมหาศาล ถ้าได้ถวายสังฆทาน กฐินทานก็ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี ถ้าได้ถวายผ้าก็จะมีเครื่องแต่งกายงาม ได้ถวายวิหารทานก็จะมีที่อยู่อาศัยใหญ่โต ฯลฯ เป็นต้น ทานในเขตอื่นให้ผลได้ไม่มากเท่า
แต่โลกในปัจจุบันคนที่ร่ำรวยมหาศาล คนที่บริบูรณ์พร้อมในมนุษย์สมบัติกลับเป็นคนนอกศาสนาทั้งสิ้น ! คนในเขตพระพุทธศาสนาถึงจะรวยก็รวยสู้เขาไม่ได้ ถึงจะมีบ้านช่องใหญ่โตสวยงามก็ยังน้อยกว่าเขา ถึงจะมีชื่อเสียงโด่งดังก็ดังสู้ศิลปินนักร้องในเขตศาสนาอื่นไม่ได้ ความรู้ความสามารถในการคิดค้นประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ก็สู้คนในแถบยุโรปไม่ได้ คุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศที่อยู่ในเขตศาสนาอื่นก็ดีกว่าเรามากทั้งในด้านระบบบ้านเมือง การศึกษา สวัสดิการจากภาครัฐ ฯลฯ ความสมบูรณ์บริบูรณ์ในด้านมนุษย์สมบัติ ความมั่งคั่งร่ำรวย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การแพทย์ ความเจริญในด้านต่าง ๆ กลับไปอยู่ในประเทศแถบยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง ทั้งสิ้น
จึงเกิดความสงสัยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ทั้งที่คนพุทธตั้งแต่อดีตล้วนแต่หนักในทานบารมี อย่างคนในสมัยอยุธยาสร้างวัดกันเป็นว่าเล่น จนวัดแต่ละวัดแทบจะสร้างติดกันอยู่แล้ว คนเหล่านี้เมื่อตายไปทานบารมีไม่ส่งผลให้เกิดมาบริบูรณ์ในมนุษย์สมบัติบ้างเลยหรือ
คนที่เคยสร้างบุญในเขตพระพุทธศาสนาเมื่อมาเกิดใหม่ก็น่าจะอยู่ในเขตของศาสนาพุทธเช่นเดิมแต่ทำไมคนที่ร่ำรวย มั่งคั่งอย่างน่าอัศจรรย์ คนที่มีชีวิตที่ดี กลับไปเกิดในเขตศาสนาอื่นเสียหมด ส่วนคนในประเทศที่เป็นพุทธศาสนาส่วนใหญ่กลับยากจน คุณภาพชีวิตไม่ดีเท่าเขา
จริงอยู่ที่ศาสนาอื่นก็มีการให้ทานเช่นกัน ทานของเขาบางครั้งก็ให้เป็นสาธารณประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ถ้าเขาจะเกิดมาร่ำรวย บริบูรณ์ในโภคทรัพย์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทานบารมีไม่ว่าจะเป็นของศาสนาไหน เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นทานแล้วย่อมเป็นเหตุแห่งความบริบูรณ์ในทรัพย์สมบัติทั้งสิ้น
แต่การให้ทานเหล่านั้นก็ยังเทียบไม่ได้กับสังฆทานของเรามิใช่หรือ ? ผู้รับทานของเขาก็ไม่มีความบริสุทธิ์เท่ากับพระอริยสงฆ์ในพระพุทธศาสนามิใช่หรือ ? แต่เหตุใดคนในเขตศาสนาเหล่านั้นกลับมีชีวิตที่ดีกว่าเรามาก ทั้ง ๆ ที่เนื้อนาบุญในการรับทานของพวกเรานั้นบริสุทธิ์กว่ามาก ผู้ทำทานบารมีในเขตพระพุทธศาสนาก็ควรจะได้รับผลมากกว่า สมบูรณ์บริบูรณ์ในมนุษย์สมบัติมากกว่ามิใช่หรือ ?
ผลแห่งทานบารมีที่ครูบาอาจารย์บอกกล่าวย่อมเป็นเรื่องจริงแน่ แต่เหตุใดสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันถึงต่างออกไป ?
ข้อสงสัยนี้อยู่ในใจศิษย์มานาน กราบขอความเมตตาพระอาจารย์ชี้ความกระจ่างให้ด้วยเทอญ
แต่โลกในปัจจุบันคนที่ร่ำรวยมหาศาล คนที่บริบูรณ์พร้อมในมนุษย์สมบัติกลับเป็นคนนอกศาสนาทั้งสิ้น ! คนในเขตพระพุทธศาสนาถึงจะรวยก็รวยสู้เขาไม่ได้ ถึงจะมีบ้านช่องใหญ่โตสวยงามก็ยังน้อยกว่าเขา ถึงจะมีชื่อเสียงโด่งดังก็ดังสู้ศิลปินนักร้องในเขตศาสนาอื่นไม่ได้ ความรู้ความสามารถในการคิดค้นประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ก็สู้คนในแถบยุโรปไม่ได้ คุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศที่อยู่ในเขตศาสนาอื่นก็ดีกว่าเรามากทั้งในด้านระบบบ้านเมือง การศึกษา สวัสดิการจากภาครัฐ ฯลฯ ความสมบูรณ์บริบูรณ์ในด้านมนุษย์สมบัติ ความมั่งคั่งร่ำรวย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การแพทย์ ความเจริญในด้านต่าง ๆ กลับไปอยู่ในประเทศแถบยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง ทั้งสิ้น
จึงเกิดความสงสัยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ทั้งที่คนพุทธตั้งแต่อดีตล้วนแต่หนักในทานบารมี อย่างคนในสมัยอยุธยาสร้างวัดกันเป็นว่าเล่น จนวัดแต่ละวัดแทบจะสร้างติดกันอยู่แล้ว คนเหล่านี้เมื่อตายไปทานบารมีไม่ส่งผลให้เกิดมาบริบูรณ์ในมนุษย์สมบัติบ้างเลยหรือ
คนที่เคยสร้างบุญในเขตพระพุทธศาสนาเมื่อมาเกิดใหม่ก็น่าจะอยู่ในเขตของศาสนาพุทธเช่นเดิมแต่ทำไมคนที่ร่ำรวย มั่งคั่งอย่างน่าอัศจรรย์ คนที่มีชีวิตที่ดี กลับไปเกิดในเขตศาสนาอื่นเสียหมด ส่วนคนในประเทศที่เป็นพุทธศาสนาส่วนใหญ่กลับยากจน คุณภาพชีวิตไม่ดีเท่าเขา
จริงอยู่ที่ศาสนาอื่นก็มีการให้ทานเช่นกัน ทานของเขาบางครั้งก็ให้เป็นสาธารณประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ถ้าเขาจะเกิดมาร่ำรวย บริบูรณ์ในโภคทรัพย์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทานบารมีไม่ว่าจะเป็นของศาสนาไหน เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นทานแล้วย่อมเป็นเหตุแห่งความบริบูรณ์ในทรัพย์สมบัติทั้งสิ้น
แต่การให้ทานเหล่านั้นก็ยังเทียบไม่ได้กับสังฆทานของเรามิใช่หรือ ? ผู้รับทานของเขาก็ไม่มีความบริสุทธิ์เท่ากับพระอริยสงฆ์ในพระพุทธศาสนามิใช่หรือ ? แต่เหตุใดคนในเขตศาสนาเหล่านั้นกลับมีชีวิตที่ดีกว่าเรามาก ทั้ง ๆ ที่เนื้อนาบุญในการรับทานของพวกเรานั้นบริสุทธิ์กว่ามาก ผู้ทำทานบารมีในเขตพระพุทธศาสนาก็ควรจะได้รับผลมากกว่า สมบูรณ์บริบูรณ์ในมนุษย์สมบัติมากกว่ามิใช่หรือ ?
ผลแห่งทานบารมีที่ครูบาอาจารย์บอกกล่าวย่อมเป็นเรื่องจริงแน่ แต่เหตุใดสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันถึงต่างออกไป ?
ข้อสงสัยนี้อยู่ในใจศิษย์มานาน กราบขอความเมตตาพระอาจารย์ชี้ความกระจ่างให้ด้วยเทอญ