นักเดินทางสังสารวัฏ
28-09-2022, 00:30
๑.ผมอ่านเรื่องที่หลวงพ่อเล่าเกี่ยวกับบิณฑบาตกับเทวดาด้วยการแผ่เมตตาให้เทวดา ผมสงสัยครับว่า การที่จะแผ่เมตตาให้เทวดาได้รับต้องใช้สมาธิระดับไหนครับ
๒.ต่อจากข้อก่อนหน้านี้ ถ้าการแผ่เมตตาทั่วไป ขณิกสมาธิเพียงพอหรือไม่ครับ
๒.๑ ตอนผมพยายามทรงอารมณ์เมตตา มันเหมือนกับว่าเราหลอกตัวเอง เหมือนรู้สึกว่าตัวเองดัดจริต เหมือนรู้สึกว่าเรากำลังแกล้งทำเป็นคนเมตตาเป็นคนดี ซึ่งจริง ๆ แล้วเราก็มีความโกรธ มีความชั่วอยู่ อยากทราบว่าแก้อย่างไรครับ
๒.๒ เมตตาอันดับสูงสุดคืออัปปมัญญา คือเมตตาไม่มีขอบเขต อยากทราบว่าถ้าจะเข้าถึงกำลังใจระดับนี้ ต้องพิจารณาวิปัสสนาและยอมรับด้วยไหมครับ เช่นเรายอมรับว่าจริง ๆ ว่าไม่มีใครชั่วไม่มีใครดี ดวงจิตทุกดวงจิต มีค่าเท่ากันหมด เพราะว่าดวงจิตเหล่านี้เป็นไปตามกำลังใจตัวเองในช่วงสร้างบารมีเพื่อเข้าแดนพระนิพพาน เหมือนที่พระพุทธเจ้าบอกประมาณว่า จริง ๆ แล้วจิตเรานั้นบริสุทธิ์ แต่เป็นเพราะกิเลสที่เข้ามาในจิต เลยทำให้เราเข้าใจผิดเห็นการทำชั่วเป็นของดี
๒.๓ ต่อจากข้อเมตตาอัปปมัญญา ในชีวิตจริงตัวผมก็ยังอยู่กับโลกต้องเสพข่าวสารบ้านเมืองอยู่ จะทำอย่างไรให้กำลังใจเมตตาอัปปมัญญาทรงตัวครับ เช่นไปอ่านข่าวสงครามระหว่างรัซเซียกับยูเครนที่ทำให้ชาวบ้านธรรมดาตาย ต้องย้ายหนีไปต่างประเทศ พออ่านข่าวเสร็จก็อยากจะด่าผู้นำรัสเซียเป็นต้น
๓.สมมุติมีพระสอนธรรม แต่บางครั้งใส่ความคิดเห็นตัวเองเข้าไปในธรรม ซึ่งเป็นอาจริยวาท เช่นกินเหล้าไม่ผิด หรือบอกว่าสวรรค์ นรกไม่มี เป็นสิ่งที่นิยามขึ้นมาเพื่อให้คนฟังไม่ทำชั่ว และทำความดี และบางครั้งพระองค์นั้นก็สอนตรงตามพระพุทธเจ้า อยากถามว่าการสอนผิด ๆ ถูก ๆ แบบนี้โทษจะร้ายแรงแค่ไหน และต้องแก้อย่างไรดีถ้ารู้ว่าดันสอนผิดไปแล้ว
๔.ผมอยากทราบประโยคนี้ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ถ้าภิกษุเจริญสัมมาสมาธิแม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือ ภิกษุนี้เรากล่าวว่า อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน" แปลว่าถ้าเราทำสัมมาสมาธิ คือทำสมาธิเพื่อจะหลุดพ้นแค่นิดเดียว อาจจะไม่ถึง ๕ วินาที แปลว่าเราไม่ห่างจากฌานสมาบัติ หรืออย่างไรครับ ขอให้หลวงพ่อช่วยอธิบายให้ผมหายสงสัยทีครับ
๕. ในเรื่องการวิปัสสนาคือยอมรับความจริง และการละรูปธรรม เช่นร่างกาย ทรัพย์สินสามารถละได้เพราะเข้าใจชัดเจน แต่บางคนมีฌานโลกีย์ บางวันฌานก็เสื่อม บางวันก็ทรงฌานได้เลยสามารถยอมรับได้ว่าฌานไม่ใช่ของเราจริง ๆ แต่ลึก ๆ ผมก็สงสัยว่าฌานสมาบัติที่เราเคยเข้าถึงได้จริง ๆ แล้วเป็นของเราหรือเปล่า และผมสงสัยว่าพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ท่านสามารถทรงฌานเข้าออกได้ตามใจนึก อยากทราบว่าท่านยึดว่าฌานสมาบัติต่าง ๆ เป็นของท่านหรือเปล่าครับ
๒.ต่อจากข้อก่อนหน้านี้ ถ้าการแผ่เมตตาทั่วไป ขณิกสมาธิเพียงพอหรือไม่ครับ
๒.๑ ตอนผมพยายามทรงอารมณ์เมตตา มันเหมือนกับว่าเราหลอกตัวเอง เหมือนรู้สึกว่าตัวเองดัดจริต เหมือนรู้สึกว่าเรากำลังแกล้งทำเป็นคนเมตตาเป็นคนดี ซึ่งจริง ๆ แล้วเราก็มีความโกรธ มีความชั่วอยู่ อยากทราบว่าแก้อย่างไรครับ
๒.๒ เมตตาอันดับสูงสุดคืออัปปมัญญา คือเมตตาไม่มีขอบเขต อยากทราบว่าถ้าจะเข้าถึงกำลังใจระดับนี้ ต้องพิจารณาวิปัสสนาและยอมรับด้วยไหมครับ เช่นเรายอมรับว่าจริง ๆ ว่าไม่มีใครชั่วไม่มีใครดี ดวงจิตทุกดวงจิต มีค่าเท่ากันหมด เพราะว่าดวงจิตเหล่านี้เป็นไปตามกำลังใจตัวเองในช่วงสร้างบารมีเพื่อเข้าแดนพระนิพพาน เหมือนที่พระพุทธเจ้าบอกประมาณว่า จริง ๆ แล้วจิตเรานั้นบริสุทธิ์ แต่เป็นเพราะกิเลสที่เข้ามาในจิต เลยทำให้เราเข้าใจผิดเห็นการทำชั่วเป็นของดี
๒.๓ ต่อจากข้อเมตตาอัปปมัญญา ในชีวิตจริงตัวผมก็ยังอยู่กับโลกต้องเสพข่าวสารบ้านเมืองอยู่ จะทำอย่างไรให้กำลังใจเมตตาอัปปมัญญาทรงตัวครับ เช่นไปอ่านข่าวสงครามระหว่างรัซเซียกับยูเครนที่ทำให้ชาวบ้านธรรมดาตาย ต้องย้ายหนีไปต่างประเทศ พออ่านข่าวเสร็จก็อยากจะด่าผู้นำรัสเซียเป็นต้น
๓.สมมุติมีพระสอนธรรม แต่บางครั้งใส่ความคิดเห็นตัวเองเข้าไปในธรรม ซึ่งเป็นอาจริยวาท เช่นกินเหล้าไม่ผิด หรือบอกว่าสวรรค์ นรกไม่มี เป็นสิ่งที่นิยามขึ้นมาเพื่อให้คนฟังไม่ทำชั่ว และทำความดี และบางครั้งพระองค์นั้นก็สอนตรงตามพระพุทธเจ้า อยากถามว่าการสอนผิด ๆ ถูก ๆ แบบนี้โทษจะร้ายแรงแค่ไหน และต้องแก้อย่างไรดีถ้ารู้ว่าดันสอนผิดไปแล้ว
๔.ผมอยากทราบประโยคนี้ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ถ้าภิกษุเจริญสัมมาสมาธิแม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือ ภิกษุนี้เรากล่าวว่า อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน" แปลว่าถ้าเราทำสัมมาสมาธิ คือทำสมาธิเพื่อจะหลุดพ้นแค่นิดเดียว อาจจะไม่ถึง ๕ วินาที แปลว่าเราไม่ห่างจากฌานสมาบัติ หรืออย่างไรครับ ขอให้หลวงพ่อช่วยอธิบายให้ผมหายสงสัยทีครับ
๕. ในเรื่องการวิปัสสนาคือยอมรับความจริง และการละรูปธรรม เช่นร่างกาย ทรัพย์สินสามารถละได้เพราะเข้าใจชัดเจน แต่บางคนมีฌานโลกีย์ บางวันฌานก็เสื่อม บางวันก็ทรงฌานได้เลยสามารถยอมรับได้ว่าฌานไม่ใช่ของเราจริง ๆ แต่ลึก ๆ ผมก็สงสัยว่าฌานสมาบัติที่เราเคยเข้าถึงได้จริง ๆ แล้วเป็นของเราหรือเปล่า และผมสงสัยว่าพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ท่านสามารถทรงฌานเข้าออกได้ตามใจนึก อยากทราบว่าท่านยึดว่าฌานสมาบัติต่าง ๆ เป็นของท่านหรือเปล่าครับ