View Full Version : เทศน์ช่วงทำกรรมฐานเช้า วันเสาร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
เทศน์ช่วงทำกรรมฐานเช้า
วันเสาร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
WwGDEVQ2eNk
เชิญรับฟังได้ที่ https://youtu.be/WwGDEVQ2eNk
นึกถึงลมหายใจเข้าออกของเรา ตั้งกายให้ตรง เอาความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก
หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป
หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา
ใช้คำภาวนาที่เราถนัด อย่าเปลี่ยนคำภาวนาบ่อย จิตของเรามีสภาพจำ ถ้าเปลี่ยนคำภาวนาบ่อย จิตจะจำของเก่า เมื่อเราจะบังคับให้จำของใหม่ ก็จะมีการยื้อแย่งกัน บางทีก็เกิดความหงุดหงิดรำคาญ เสียการปฏิบัติไปเลย
หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดพร้อมกับคำภาวนา ไหลตามลมหายใจเข้าไป
หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดพร้อมกับคำภาวนา ไหลตามลมหายใจออกมา
ถ้าไม่เคยภาวนามาก่อน ก็ใช้คำว่า "พุท-โธ" เป็นหลัก เพราะว่าเป็นคำภาวนาที่สั้น กำหนดได้ง่าย ลงตัวกับลมหายใจได้ง่าย และโดยเฉพาะเป็นอนุสติใหญ่ ก็คือระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป
หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา
อย่าบังคับลมหายใจ ร่างกายต้องการเท่าไร ปล่อยให้เป็นไปตามปกติอย่างนั้น เราแค่เอาความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา ตามดูลมเข้าไปจนสุด ตามดูลมออกมาจนสุด
เมื่อรู้สึกว่าลมหายใจเริ่มมั่นคงทรงตัวดีแล้ว ให้กำหนดภาพพระที่เรารักเราชอบ
หายใจเข้า..ให้ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง
หายใจออก..ให้ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ พร้อมกับภาวนาไปด้วย
หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้องพร้อมกับคำภาวนา
หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ พร้อมกับคำภาวนา
การกำหนดภาพพระอย่าใช้สายตา เป็นการนึกถึง เหมือนเรานึกถึงบ้าน นึกถึงคนรู้จัก จะเห็นบ้าน เห็นคนรู้จักชัดเจนมาก แต่ไม่ได้เห็นด้วยตา การกำหนดภาพพระก็กำหนดลักษณะอย่างนั้น ก็คือเห็นในความรู้สึก
หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง
หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ
อย่าไปเอารายละเอียดของภาพพระ อย่าไปเอาความชัดเจน รายละเอียดและความชัดเจน จะมีก็ต่อเมื่อสมาธิเราสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ตอนนี้แค่เรารู้ว่ามีภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมาก็พอแล้ว
จะกำหนดให้ภาพพระเล็กลง เล็กลง ไปอยู่ในท้อง ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นไปบนศีรษะก็ได้ หรือ..
จะหายใจเข้า ให้ภาพพระใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นจนครอบเราไว้ทั้งตัว
หายใจออก ให้ภาพพระเล็กลง เล็กลง ไปอยู่บนศีรษะก็ได้..
ถนัดแบบไหนให้ทำแบบนั้น
ใหม่ ๆ กำหนดภาพพระแค่องค์เดียวก่อน มีความชำนาญแล้วค่อยเพิ่มจำนวนองค์พระขึ้น อย่าโลภมาก เพราะการกำหนดภาพพระที่ดีนั้น ทุกองค์ต้องชัดเจนแจ่มใสสว่างเท่ากัน ถ้าหากว่ายังไม่มีความคล่องตัว แต่ละองค์ก็จะชัดเจนไม่เท่ากัน
หายใจเข้า..ภาพพระไหลเข้าไปอยู่ในท้อง
หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ
หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง
แค่รู้สึกว่ามีภาพพระก็พอแล้ว อย่าไปเพ่งเพื่อเน้นเอาความชัดเจน ถ้าใครเพ่งภาพพระแบบไม่รู้ตัว เมื่อเลิกจากการปฏิบัติแล้วจะปวดหัว แบ่งความรู้สึกเบา ๆ สบาย ๆ ว่ามีภาพพระอยู่บนศีรษะของเรา
หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง
หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ
หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง
หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ
เมื่อรู้สึกว่าลมหายใจและภาพพระมีความมั่นคงแล้ว ก็กำหนดให้ภาพพระนิ่งอยู่บนศีรษะของเรา
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
ความสว่างมากน้อยไม่ใช่ประมาณ แค่ทำความรู้สึกว่าภาพพระสว่างขึ้นก็พอ เนื่องจากว่าระดับสมาธิของเรานั้น ชัดเจนที่สุดก็แค่เหมือนกับมองพระพุทธรูปในที่มืดเวลากลางคืน แค่รู้สึกว่ามีภาพพระก็ใช้ได้แล้ว แค่รู้สึกว่าภาพพระสว่างขึ้นก็ใช้ได้แล้ว
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
กำหนดใจให้ความสว่างค่อย ๆ ครอบคลุมตัวเราลงมา..
จากศีรษะ หน้าผาก ดวงตา จมูก ปาก คาง คอ..
หัวไหล่ หน้าอก บั้นเอว..
สะโพก ต้นขา หัวเข่า ปลายขา ฝ่าเท้า นิ้วเท้า
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
เมื่อรู้สึกว่าตัวเราสว่างไสวกลมกลืนกับภาพพระแล้ว..
ให้กำหนดใจว่า..ความสว่างนั้นคือพระเมตตาคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่แผ่ปกไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกหมู่ ทุกเหล่า
หายใจเข้า..ให้ความสว่างแผ่กว้างออกไปรอบตัวเรา
หายใจออก..ให้ความสว่างแผ่กว้างออกไปรอบตัวเรา
จะรู้สึกเหมือนเป็นลูกบอลกลม ๆ ขยายกว้างออกไป..กว้างออกไป..ก็ได้
เหมือนกับเป็นวงแสง ในลักษณะเหมือนกับห่วงที่ขยายกว้างออกไป..กว้างออกไป..ก็ได้
หรือเป็นรัศมีกายที่แผ่กว้างออกไปรอบด้านก็ได้
หายใจเข้า..ความสว่างไสวแผ่กว้างออกไปทั้งศาลา
หายใจเข้า..ความสว่างไสวแผ่กว้างออกไปทั้งศาลา กว้างออกไปทั้งหมู่บ้าน กว้างออกไปทั้งตำบล
ให้กำหนดใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้ตกล่วงไปแล้วในวันหนึ่งคืนหนึ่ง ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงได้ไปเสวยสุขในสุคติภพโดยถ้วนหน้ากันเถิด
หายใจเข้า..ความสว่างไสวแผ่กว้างออกไป กว้างออกไป กว้างไปทั้งจังหวัด กว้างออกไปทั้งภาค กว้างออกไปทั้งประเทศ
ให้กำหนดใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ตกอยู่ในความทุกข์ยากเศร้าหมอง เดือดร้อนลำเค็ญ ทุกข์กายทุกข์ใจ เจ็บไข้ได้ป่วย พิกลพิการใด ๆ ก็ดี ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงได้ล่วงพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายนั้นเถิด
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างไสวแผ่กว้างออกไป..กว้างออกไป..
ครอบคลุมไปทั้งประเทศ ไปทั้งทวีป ไปทั้งโลก..
เหมือนกับตัวเราใหญ่โตเต็มจักรวาล โลกนี้เป็นวัตถุเล็ก ๆ นิดเดียวอยู่ภายใต้ร่างกายของเรา สามารถกำหนดใจให้ครอบคลุมทั่วถึงได้ภายในพริบตาเดียว
ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น มีความสุขความเจริญดีอยู่แล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเถิด
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างไสวแผ่กว้างออกไป..กว้างออกไป..
เบื้องบนจรดพรหมชั้นที่ ๑๖ เบื้องล่างถึงอเวจีมหานรก
เบื้องขวางรอบกายของเราคือโลกธาตุที่ประกอบไปด้วยคนและสัตว์มากมายนับไม่ถ้วน
ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น พึงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กันและกัน เสียสละให้ปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้อื่นที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากยิ่งกว่าตนให้พ้นทุกข์ เพื่อยังโลกทั้งหลายไปสู่สันติสุขอันสมบูรณ์ด้วยเถิด
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
ตัวเราที่ใหญ่โตเต็มแผ่นดินแผ่นฟ้า มีภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ใหญ่กว่าหลายเท่าครอบทับอยู่
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
น้อมจิตน้อมใจกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สว่างไสวไม่มีประมาณ นั่นคือ..รูปแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่าน คืออยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน คือเราอยู่บนพระนิพพาน
ให้ตั้งใจว่า..วันนี้ถ้าหากหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอมาอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานนี้แห่งเดียวเท่านั้น
แล้วพิจารณาลมหายใจเข้าออกของเรา พร้อมกับคำภาวนา..
ถ้ายังมีลมหายใจ กำหนดดูลมหายใจพร้อมกับคำภาวนาไปด้วย
ถ้าลมหายใจเบาลง กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง
ถ้าลมหายใจหายไป คำภาวนาหายไป ให้กำหนดรู้ว่าตอนนี้ลมหายใจหายไป ตอนนี้คำภาวนาหายไป
อย่าดิ้นรนให้เป็นเช่นนั้น และอย่าอยากให้พ้นจากสภาพเช่นนั้น เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้ไปเรื่อย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
(สัญญาณบอกว่าหมดเวลา)
พุทโธ พุทโธ พุทโธ..
ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ..
ค่อย ๆ คลายสมาธิออกช้า ๆ..
กำหนดความรู้สึกของเราแน่วนิ่งอยู่ในจุดใดจุดหนึ่ง จะภายในหรือภายนอกร่างกายก็ได้ แล้วค่อยขยับเขยื้อนเคลื่อนกายให้หายเมื่อยหายขบ จะได้ทำวัตรเช้าของเรากันต่อไป
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐานเช้า
วันเสาร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.