View Full Version : เทศน์ช่วงทำกรรมฐานเช้า วันอาทิตย์ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
เทศน์ช่วงทำกรรมฐานเช้า
วันอาทิตย์ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
tpQjAoxQvB8
เชิญรับฟังได้ที่ https://youtu.be/tpQjAoxQvB8
วิ่งเข้าหาลมหายใจเข้าออกก่อน เรื่องอื่นว่ากันทีหลัง การปฏิบัติธรรม..ลมหายใจเข้าออกสำคัญที่สุด แบบที่บอกไปวันก่อนว่า ต้องเห็นเหมือนกับ 'เชือกช่วยชีวิต'
การจับลมหายใจเข้าออก ไม่ใช่บังคับลม ปล่อยให้ลมเป็นไปตามปกติ เราแค่เอาความรู้สึกตามดูตามรู้เข้าไป
หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป
หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา
คำภาวนาจะใช้อะไรก็ได้ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาตั้งแต่ต้น จะเป็น พุท-โธ, นะมะ-พะธะ, สัมมา-อะระหัง, พองหนอ-ยุบหนอ, อิติ-สุคะโต หรือตัวบทพระคาถาใด ๆ ยาวสั้นแค่ไหนก็ได้
ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราแนบชิดติดกับลมหายใจเข้าไป แนบชิดติดกับลมหายใจออกมา อย่าบังคับลมหายใจ ร่างกายต้องการแค่ไหน จะแรง จะเบา จะยาว จะสั้น เราแค่ตามรู้ไปแค่นั้น
การกระทบของฐานลมอยู่ที่เราถนัด จะกระทบฐานเดียว ๓ ฐาน ๗ ฐาน หรือรู้ตลอดกองลมก็ได้
หายใจเข้า..ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามเข้าไป พร้อมกับคำภาวนา
หายใจออก..ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามออกมา พร้อมกับคำภาวนา
ตามดูอย่างเดียว..
ยกเว้นบางคนที่ชินกับลมหายใจแล้ว เมื่อเริ่มภาวนา..สมาธิจะทรงตัวในระดับที่ตนเองชำนาญ ลมหายใจจะเปลี่ยนเป็นเบาลงหรือว่าหายไปก็ตาม นั่นไม่ใช่บังคับ แต่เป็นไปตามระดับสมาธิที่เราทรงได้ เราก็แค่กำหนดรู้ว่าตอนนี้ลมหายใจเบาแค่นี้ ตอนนี้ลมหายใจหายไปแล้ว
เมื่อลมหายใจเข้าออกแนบชิดกับคำภาวนาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รู้สึกว่ามั่นคงทรงตัวดีแล้ว..
ก็กำหนดภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบมากที่สุด จะเป็นสมเด็จองค์ปฐมก็ได้ พระวิสุทธิเทพก็ได้ พระแก้วมรกต พระพุทธชินราช หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดไร่ขิง องค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบที่สุดก็เลือกเอาองค์นั้น หรือจะเป็นวัตถุมงคลที่เป็นรูปพระพุทธรูปที่เรารักเราชอบ เราติดตัวอยู่ก็ได้
ตั้งใจนึกถึงภาพพระในขนาดที่พอดี กำลังกำหนดได้สบาย ๆ อยู่บนศีรษะของเรา
หายใจเข้า..ภาพพระเลื่อนลงไปในอก เลื่อนลงไปในท้อง
หายใจออก..ภาพพระออกจากท้อง เลื่อนมาบนอก เลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ
หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง
หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ
อย่าไปเอาความชัดเจน อย่าไปเอาความสว่าง ไม่ต้องสนใจสีสันวรรณะลักษณะของพระ กำลังใจของเรา..แค่รู้สึกว่ามีภาพพระอยู่ก็พอแล้ว
หายใจเข้า..ภาพพระไหลตามลมหายใจ ลงไปในท้อง
หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ
หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง
หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ
ระยะแรก..อย่าเอาความชัดเจนของภาพพระเป็นประมาณ แค่กำหนดรู้ว่ามีภาพพระอยู่ก็ใช้ได้ จะสว่างหรือไม่สว่างก็ไม่เป็นไร รูปร่างเป็นอย่างไรก็ไม่ต้องใส่ใจ แค่รู้ว่าภาพพระไหลตามลมหายใจลงไปในท้อง ไหลตามลมหายใจขึ้นไปบนศีรษะ ภาพพระจะเล็กจะใหญ่อยู่ที่เรากำหนด ถ้ารู้สึกว่าพอดี กำหนดได้สบาย จะเอาองค์ใหญ่องค์เล็กแค่ไหนก็แล้วแต่เรา
หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง
หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ
จะหายใจเข้า..ภาพพระเล็กลง ๆ ไปอยู่ในท้อง
หายใจออก..ภาพพระใหญ่ขึ้น ๆ ไปอยู่บนศีรษะก็ได้ หรือ..
จะหายใจเข้า..ภาพพระใหญ่ขึ้น ๆ จนครอบตัวเราเอาไว้
หายใจออก..ภาพพระเล็กลง ๆ ไปอยู่บนศีรษะ
ก็แล้วแต่พวกเราจะถนัด ที่สำคัญคืออย่าใช้สายตาเพ่งภาพพระ การเห็นเป็นการเห็นด้วยใจ เป็นการเห็นในห้วงนึก เรานึกว่ามีองค์พระอยู่บนศีรษะ ไหลตามลมเข้าไป ไหลตามลมออกมา
เมื่อรู้สึกว่าภาพพระและลมหายใจเข้าออกแนบชิดติดกันดี มีความกลมกลืนไปด้วยกันได้ถนัดแล้ว..
ก็กำหนดภาพพระให้นิ่งอยู่บนศีรษะของเรา
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
จะสว่างมากน้อยก็ไม่เป็นไร แค่เรารู้สึกว่าสว่างขึ้นก็ใช้ได้
อย่าใช้สายตา เอาความรู้สึกกำหนดว่า มีภาพพระสว่างขึ้นตามลมหายใจเข้า สว่างขึ้นตามลมหายใจออก
ท่านที่ทำเกินไปแล้ว ก็ทำไปตามความถนัดของตัวเอง ส่วนท่านที่ไม่ถนัดก็ค่อย ๆ เดินตามกันไป
แต่ว่า..อย่าทำตามจังหวะที่พูด คนที่จะทำตามจังหวะเดียวกันได้ สมาธิต้องเท่ากัน
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
ตอนนี้ให้กำหนดภาพพระนิ่งไว้บนศีรษะก่อน ถ้าเราไม่ถนัด แล้วยังปล่อยให้ภาพพระเคลื่อนขึ้นลง ความชัดเจนจะมีน้อย
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
หลังจากนั้นก็กำหนดให้ความสว่างจากองค์พระค่อย ๆ ครอบคลุมตัวเราลงมา..
จากศีรษะลงมาที่หน้าผาก ลงมาที่ดวงตา ลงมาถึงจมูก ถึงปาก ถึงคาง ถึงคอ..
ถึงไหล่ ถึงหน้าอก ถึงเอว..
ถึงสะโพก ถึงต้นขา ถึงหัวเข่า ถึงหน้าแข้ง ถึงข้อเท้า ถึงฝ่าเท้า ถึงนิ้วเท้า..
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
อย่าไปใส่ใจความสว่างมากน้อย ให้แค่รู้สึกว่าพระและตัวเราสว่างขึ้นตามลมหายใจเข้าออกก็พอ
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
เมื่อรู้สึกว่าภาพพระและตัวเราสว่างไสวกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียว เหมือนกับเป็นสิ่งเดียวกัน หรือรู้สึกว่าตัวเราเป็นแค่ผิวบาง ๆ ชั้นหนึ่ง มีแต่ความสว่างไสวขององค์พระที่กลมกลืนเหมือนกับเป็นตัวเราไปด้วย ก็คือ..ตัวเราคือองค์พระ องค์พระคือตัวเรา เมื่อถึงตอนนี้แล้ว..ก็กำหนดให้ความสว่างขององค์พระนั้น แทนพระเมตตาคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่แผ่ปกไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกหมู่ ทุกเหล่า
หายใจเข้า..ให้ความสว่างนั้นแผ่กว้างออกไปรอบด้าน
หายใจออก..ให้ความสว่างนั้นแผ่กว้างออกไปรอบด้าน
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างไสว แผ่กว้างออกไป..กว้างออกไป..
หายใจออก..ภาพพระสว่างไสว แผ่กว้างออกไป..กว้างออกไป..
จะนึกเหมือนกับลูกแก้วกลม ๆ ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้นก็ได้..
หรือจะนึกเหมือนกับเราโยนก้อนหินลงไปในน้ำ แล้วกระเพื่อมเป็นวง วง วง ออกไปรอบด้านก็ได้
หายใจเข้า..ความสว่างไสวแผ่กว้างออกไป..กว้างออกไป..
ตั้งใจว่า..เราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลก ให้ความสว่างไสวกว้างเต็มทั้งศาลาแห่งนี้ กว้างไปทั่ววัดแห่งนี้ ภาพพระเหมือนกับขยายใหญ่ขึ้นเต็มทั้งวัด
ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้ตกล่วงไปแล้วในวันหนึ่งคืนหนึ่ง ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงไปเสวยสุขในสุคติภพโดยถ้วนหน้ากันเถิด
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างไสวกว้างออกไป..กว้างออกไป..
หายใจออก..ภาพพระสว่างไสวกว้างออกไป..กว้างออกไป..กว้างไปทั้งวัด กว้างออกไปทั้งหมู่บ้าน กว้างออกไปทั้งตำบล กว้างออกไปทั้งอำเภอ กว้างออกไปทั้งจังหวัด
ให้กำหนดใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ตกอยู่ในความทุกข์ยากเศร้าหมอง เดือดร้อนลำเค็ญ ทุกข์กายทุกข์ใจ เจ็บไข้ได้ป่วย พิกลพิการใด ๆ ก็ดี ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงได้ล่วงพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายนั้นเถิด
หายใจเข้า..ภาพพระใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น กว้างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น กว้างขึ้น..ให้แผ่กว้างออกไปทั้งจังหวัด ทั้งภาค ทั้งประเทศ ทั้งทวีป ทั้งโลก
มีความรู้สึกเหมือนองค์พระและตัวเราโตเต็มจักรวาล โลกนี้เป็นแค่วัตถุเล็ก ๆ นิดเดียว ที่เรากำหนดใจครอบคลุมได้ทั่วภายในพริบตาเดียว
ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น มีความสุขความเจริญดีอยู่แล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเถิด
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างไสวกว้างออกไป..กว้างออกไป..ไปถึงทุกภพทุกภูมิ ทุกหมู่ทุกเหล่า..
เบื้องบนถึงพรหมชั้นที่ ๑๖ เบื้องล่างถึงอเวจีมหานรก..
เบื้องขวางรอบด้าน คือ โลกธาตุ ที่ประกอบไปด้วยหมู่สัตว์มากมายนับไม่ถ้วน
ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น พึงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กันและกัน เสียสละให้ปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้อื่นที่ทุกข์ยากยิ่งกว่าตนให้พ้นทุกข์ เพื่อยังโลกทั้งหลายไปสู่สันติสุขอันสมบูรณ์ด้วยเถิด
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างไสวไม่มีประมาณ
หายใจออก..ภาพพระสว่างไสวไม่มีประมาณ
ไม่ต้องสนใจความสว่างมากน้อย ไม่ต้องสนใจว่าภาพพระองค์ใหญ่แค่ไหน ไม่ต้องสนใจว่าเรารู้สึกลอยตัวอยู่ในห้วงอวกาศ
สนใจแค่ภาพพระที่สว่างไสวอยู่กับเราเท่านั้น..
หลังจากนั้นก็กำหนดให้ภาพพระเล็กลง ๆ มาสว่างไสวบนศีรษะของเรา
หายใจเข้า..ภาพพระใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระเล็กลง สว่างบนศีรษะของเรา
หายใจออก..ภาพพระใหญ่ขึ้น ๆ สว่างขึ้น
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ใหญ่ขึ้น
หายใจออก..ภาพพระกลับมาสว่างไสวบนศีรษะของเรา
จนกระทั่ง..รู้สึกว่าภาพพระสว่างไสวมั่นคงดีแล้ว ให้น้อมจิตน้อมใจกราบลงที่องค์พระ นั่นคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เมตตาเสด็จมาโปรดเรา ในวันนี้..ไม่ว่าเราจะประกอบกิจการงานในหน้าที่ใด ๆ ก็ตาม ถ้าหากว่าหมดสิ้นอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายจนถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขออยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ที่นี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ใดเลย นอกจากพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่าน คือ..อยู่ใกล้พระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้พระองค์ท่าน คือ..เราอยู่บนพระนิพพาน
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น
ถ้ายังมีลมหายใจ ยังมีคำภาวนา กำหนดดูลมหายใจ กำหนดดูคำภาวนาไปด้วย
ถ้าลมหายใจเบาลง กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง
ถ้าคำภาวนาหายไป กำหนดรู้ว่าคำภาวนาหายไป
อย่าอยากให้เป็นเช่นนั้น และอย่ากลัวจนดิ้นรนออกจากสภาพนั้น กำหนดภาพพระสว่างไสวนิ่งอยู่แค่นั้น
ถ้าเราตาย เราก็อยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าที่พระนิพพาน
ประคับประคองรักษาภาพพระที่สว่างไสวกลมกลืนกับตัวเราเอาไว้
พยายามกำหนดเอาไว้ให้ได้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
(สัญญาณบอกว่าหมดเวลา)
พุทโธ พุทโธ พุทโธ..
ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ..
กำหนดใจให้นิ่งอยู่ส่วนหนึ่งส่วนใดของเราก่อน แล้วค่อยขยับเขยื้อนเคลื่อนกาย ให้หายเหน็บหายปวด แล้วจะได้กราบพระทำวัตรเช้ากันต่อไป
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐานเช้า
วันอาทิตย์ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.