ทองหยด
07-03-2022, 11:18
กราบนมัสการหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
เคยมีโอกาสได้ฟังเสียงเทศน์สอนของหลวงปู่ฤๅษี วัดท่าซุง ที่วัดท่าขนุนเปิด ซึ่งไม่ได้ฟังแบบแท้จริงทุกครั้งที่วัดเปิด เป็นเพราะความไม่รู้กับความโง่ บางครั้งพยายามตั้งใจฟัง แต่พอผู้คนคุยทักทายสนทนาจนได้ยินไม่ชัด บวกกับความขี้เกียจ เลยไม่พยายามที่จะฟัง
มาคิดได้ตอนนี้ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน เพราะเป็นคำสอนของหลวงปู่ฤๅษี ที่หลวงพ่อได้อุตสาหะคัดเลือกนำมาเปิดให้ลูกศิษย์ได้ฟัง แล้วหลวงพ่อเป็นพระอุปัฏฐากใกล้ชิดหลวงปู่รูปหนึ่ง ย่อมได้รับรู้ถ่ายทอดจากหลวงปู่ที่มีกำลังปฏิสัมภิทา ๔ แท้จริง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการพบกัน
มาพิจารณาแล้วได้เกิดเป็นคำถามดังนี้
๑. เสียงคำสอนของหลวงปู่ที่เปิดช่วงตอนเย็นภายหลังเวลากวาดลานวัด มักจะเป็นเรื่องศีลวินัยของพระ หลวงปู่สามารถอธิบายด้วยถ้อยคำที่เข้าใจง่าย แต่รายละเอียดครบถ้วนและมีความรู้ที่วิจิตรลงลึกเกินธรรมดา ความสามารถแบบนี้ จะต้องเป็นปฏิสัมภิทาญาณ "อย่างน้อย" เท่าใด แบบใด จึงจะสามารถทำได้เช่นนี้
๒. ปกติสายปฏิสัมภิทาญาณ ถ้าแตกฉานเด่นด้านใด ปฏิสัมภิทาที่เหลืออีก ๓ จะมีด้วย แต่จะเป็นรอง ๆ ลด ๆ ตามลำดับ แต่หลวงปู่ฤๅษี วัดท่าซุง กลับแตกฉานเด่นครบทั้ง ๔ และสามารถสอนสั่ง โดยเฉพาะลูกศิษย์มาสายพระโพธิสัตว์และเป็นปฏิสัมภิทาญาณด้วยได้ ซึ่งไม่ใช่จะสอนสั่งได้ง่าย เนื่องจากหลวงปู่ท่านเคยเป็นวิริยาธิกโพธิสัตว์ สร้างบุญบารมีมากและครบถ้วนหรือไม่
๓. พระโพธิสัตว์ที่บุญบารมีมาก จะพึงรู้ มีสติปัญญามาก จึงจะเร่งขวนขวายสร้างบุญบารมีให้มากที่สุดอย่างรวดเร็ว ไม่มีเที่ยวลัดเลาะชมนกชมไม้กับเสียเวลากับเรื่องทางโลกที่ไม่เกี่ยวข้องจำเป็นนัก ตอนนี้สังเกตจากชาดกพระเจ้าสิบชาติ คือ พระเวสสันดร อันเป็นพระชาติสุดท้ายก่อนจะทรงตรัสรู้ อีกทั้งได้รับการยกย่องว่าเป็น "มหาชาติ" ด้วย ทันทีที่คลอดออกจากครรภ์พระมารดา ทรงสร้างทานบารมีทันที ความเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่
๔. สายปฏิสัมภิทาญาณ โดยจริตจะช่างสงสัยมากเกินสายอื่น แต่ถ้าบุญบารมีมากพอที่จะสำเร็จในชาติปัจจุบันแล้ว จะไม่ค่อยตั้งคำถามหรือสอบถาม เพราะท่านมีความรู้แบบอัตโนมัติ ได้ยินเรื่องธรรมใด รับทราบเรื่องใด จะพิจารณารู้โดยอัตโนมัติว่าใช่ไม่ใช่ จริงหรือไม่จริง มีวิริยะทุ่มเทเร่งปฏิบัติธรรมเพราะรู้แท้จริงแล้ว
เรื่องนี้มาจากการอ่านประวัติคำสอนพระเถระต่าง ๆ ที่ได้สุ่มเดาว่าท่านมีความน่าเป็นปฏิสัมภิทาญาณ สังเกตว่าท่านไม่ค่อยถามหรือขยันถามเลย ( แต่หลายครั้งโยมอ่านกลับเสียดายและอยากจะถามแทน ) โดยท่านตั้งคำถามกับพระสงฆ์ผู้เป็นครูบาอาจารย์น้อยมาก ๆ แต่ละรูปตลอดชีวิตตามที่เห็นอักษรมา มีคำถามไม่เกินสี่ จะถามชนิดว่าไม่รู้จริง ๆ ติดขัดจริง ๆ และเป็นคำถามที่พบเจอมาจากการปฏิบัติ ตามข้อนี้ เป็นความเข้าใจถูกต้องหรือไม่
กราบขอขมาและกราบขอบพระคุณค่ะ
เคยมีโอกาสได้ฟังเสียงเทศน์สอนของหลวงปู่ฤๅษี วัดท่าซุง ที่วัดท่าขนุนเปิด ซึ่งไม่ได้ฟังแบบแท้จริงทุกครั้งที่วัดเปิด เป็นเพราะความไม่รู้กับความโง่ บางครั้งพยายามตั้งใจฟัง แต่พอผู้คนคุยทักทายสนทนาจนได้ยินไม่ชัด บวกกับความขี้เกียจ เลยไม่พยายามที่จะฟัง
มาคิดได้ตอนนี้ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน เพราะเป็นคำสอนของหลวงปู่ฤๅษี ที่หลวงพ่อได้อุตสาหะคัดเลือกนำมาเปิดให้ลูกศิษย์ได้ฟัง แล้วหลวงพ่อเป็นพระอุปัฏฐากใกล้ชิดหลวงปู่รูปหนึ่ง ย่อมได้รับรู้ถ่ายทอดจากหลวงปู่ที่มีกำลังปฏิสัมภิทา ๔ แท้จริง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการพบกัน
มาพิจารณาแล้วได้เกิดเป็นคำถามดังนี้
๑. เสียงคำสอนของหลวงปู่ที่เปิดช่วงตอนเย็นภายหลังเวลากวาดลานวัด มักจะเป็นเรื่องศีลวินัยของพระ หลวงปู่สามารถอธิบายด้วยถ้อยคำที่เข้าใจง่าย แต่รายละเอียดครบถ้วนและมีความรู้ที่วิจิตรลงลึกเกินธรรมดา ความสามารถแบบนี้ จะต้องเป็นปฏิสัมภิทาญาณ "อย่างน้อย" เท่าใด แบบใด จึงจะสามารถทำได้เช่นนี้
๒. ปกติสายปฏิสัมภิทาญาณ ถ้าแตกฉานเด่นด้านใด ปฏิสัมภิทาที่เหลืออีก ๓ จะมีด้วย แต่จะเป็นรอง ๆ ลด ๆ ตามลำดับ แต่หลวงปู่ฤๅษี วัดท่าซุง กลับแตกฉานเด่นครบทั้ง ๔ และสามารถสอนสั่ง โดยเฉพาะลูกศิษย์มาสายพระโพธิสัตว์และเป็นปฏิสัมภิทาญาณด้วยได้ ซึ่งไม่ใช่จะสอนสั่งได้ง่าย เนื่องจากหลวงปู่ท่านเคยเป็นวิริยาธิกโพธิสัตว์ สร้างบุญบารมีมากและครบถ้วนหรือไม่
๓. พระโพธิสัตว์ที่บุญบารมีมาก จะพึงรู้ มีสติปัญญามาก จึงจะเร่งขวนขวายสร้างบุญบารมีให้มากที่สุดอย่างรวดเร็ว ไม่มีเที่ยวลัดเลาะชมนกชมไม้กับเสียเวลากับเรื่องทางโลกที่ไม่เกี่ยวข้องจำเป็นนัก ตอนนี้สังเกตจากชาดกพระเจ้าสิบชาติ คือ พระเวสสันดร อันเป็นพระชาติสุดท้ายก่อนจะทรงตรัสรู้ อีกทั้งได้รับการยกย่องว่าเป็น "มหาชาติ" ด้วย ทันทีที่คลอดออกจากครรภ์พระมารดา ทรงสร้างทานบารมีทันที ความเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่
๔. สายปฏิสัมภิทาญาณ โดยจริตจะช่างสงสัยมากเกินสายอื่น แต่ถ้าบุญบารมีมากพอที่จะสำเร็จในชาติปัจจุบันแล้ว จะไม่ค่อยตั้งคำถามหรือสอบถาม เพราะท่านมีความรู้แบบอัตโนมัติ ได้ยินเรื่องธรรมใด รับทราบเรื่องใด จะพิจารณารู้โดยอัตโนมัติว่าใช่ไม่ใช่ จริงหรือไม่จริง มีวิริยะทุ่มเทเร่งปฏิบัติธรรมเพราะรู้แท้จริงแล้ว
เรื่องนี้มาจากการอ่านประวัติคำสอนพระเถระต่าง ๆ ที่ได้สุ่มเดาว่าท่านมีความน่าเป็นปฏิสัมภิทาญาณ สังเกตว่าท่านไม่ค่อยถามหรือขยันถามเลย ( แต่หลายครั้งโยมอ่านกลับเสียดายและอยากจะถามแทน ) โดยท่านตั้งคำถามกับพระสงฆ์ผู้เป็นครูบาอาจารย์น้อยมาก ๆ แต่ละรูปตลอดชีวิตตามที่เห็นอักษรมา มีคำถามไม่เกินสี่ จะถามชนิดว่าไม่รู้จริง ๆ ติดขัดจริง ๆ และเป็นคำถามที่พบเจอมาจากการปฏิบัติ ตามข้อนี้ เป็นความเข้าใจถูกต้องหรือไม่
กราบขอขมาและกราบขอบพระคุณค่ะ