View Full Version : เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓
ถาม : ขณะนั่งสมาธิภาวนาพระคาถาเงินล้าน พระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้าน รุ่น ๑ เนื้อเงินที่ใส่อยู่ ขยับเองได้ มีความรู้สึกเหมือนพระจะพลิกกลับด้าน สัญญาณที่เกิดขึ้นแบบนี้หมายความว่าอย่างไรครับ ในขณะที่พระขยับ มีสิ่งไม่ดีมากระทบเราหรือเปล่า หรือท่านต้องการเตือนอะไร นั่งสมาธิ ๑ ชั่วโมง ท่านขยับเกิน ๑๐ ครั้ง ?
ตอบ : อะไรที่ผิดปกติก็ให้เร่งระมัดระวัง ด้วยความไม่ประมาทในชีวิต ถึงเป็นการรวยระดับแผ่นดินไหว ก็ต้องระมัดระวังจัดการให้ดี..!
ถาม : นิพพิทาญาณของพุทธภูมิกับสาวกภูมิต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : ของพุทธภูมิความเบื่ออยู่ยาวอยู่นานกว่าหลายเท่า จัดการไม่เป็นบางคนถึงขนาดฆ่าตัวตายไปเลยก็มี..!
ถาม : ประคำที่เข้าพิธีบูชาจากทางวัด ถ้าจะเพิ่มความยาวโดยนำเม็ดประคำทั้งหมดมาร้อยใหม่พร้อมทั้งเพิ่มประคำธรรมดาเข้าไป จะยังคงมีอานุภาพเหมือนเดิมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เหมือนเดิม แค่ยาวขึ้นถูกกิเลสตัวเองเท่านั้น ?
ถาม : ถ้านำประคำผ่านพิธีสองเส้น มาร้อยใหม่รวมเป็นเส้นเดียวเฉพาะเม็ดประคำดั้งเดิม เส้นใหม่เส้นเดียวนั้นจะมีอานุภาพเท่ากับพกประคำสองเส้นหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เหมือน..แต่จ่ายมากขึ้น ๑ เท่า..!
ถาม : ถ้าภาวนาพระคาถาเงินล้านแบบช้า ๆ รวมถึงยานเพิ่มขึ้น จะทำให้ฟุ้งซ่านน้อยลง แต่คำสั้น ๆ บางคำในพระคาถา เช่น ติ จะออกยาวขึ้น แบบนี้จะนับเป็นการภาวนาที่ถูกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าใจจดจ่ออยู่กับคำภาวนา ไม่ฟุ้งซ่านไปอารมณ์อื่น ก็นับว่าถูกทั้งนั้น
ถาม : ถ้าจิตสุดท้ายก่อนตายเห็นภาพเป็นช้างเอราวัณ ช้างประกายแก้ว หรือพญาช้างปู่ก่ำงาเขียว ไม่ทราบว่าจิตจะไปสุคติภูมิหรืออบายภูมิครับ ?
ตอบ : ถ้าจิตเกาะว่าท่านเป็นช้าง เป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็ไปอบายภูมิ ถ้าคิดว่าท่านเป็นเทพอยู่สวรรค์ชั้นใด ก็ไปสุคติตามนั้น ถ้าคิดว่าท่านเป็นวิสุทธิเทพ ปฏิปทาเพื่อความเป็นวิสุทธิเทพมีอะไร เราทำตามนั้น เราก็มีสิทธิ์ที่จะหลุดพ้นได้
ถาม : มีอักขระขอมตัวใดที่สามารถใช้เป็นสื่อถึงสมเด็จองค์ปฐมพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะบ้างหรือไม่ครับ หากไม่มี อักขระขอมตัวใดที่สามารถใช้เป็นสื่อถึงพระพุทธเจ้าได้บ้าง ชอบการใช้ตัวอักษร อักขระ เป็นภาพในการกำหนดนิมิตครับ ?
ตอบ : ปฐโม ปฐมา ปฐมํ ก็ได้ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ก็ได้ พุทฺโธ ก็ได้ สำคัญตรงที่นึกถึงพระองค์ท่านไปด้วย
ถาม : ไมยราบกระทืบยอบ ใช่ที่มีกลีบดอกสีเหลืองหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ ต้องต้นที่ก้านสีม่วงแดง มีหนาม ใบสีเขียว ดอกสีชมพู
ถาม : น้ำต้มไมยราบที่เย็นแล้วหากดื่มไม่หมด นำเก็บไว้ในตู้เย็นจะเกิดพิษ หรือสรรพคุณเรื่องช่วยให้นอนหลับลดลงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ทำกินครั้งต่อครั้งเป็นดีที่สุด เก็บไว้อาจมีการปนเปื้อนจนเกิดโทษได้
ถาม : นำไมยราบมาหั่นตากแห้งชงเป็นชา จะเหมือนนำต้นสดมาต้มหรือไม่ครับ ?
ตอบ : สรรพคุณลดน้อยกว่าต้นสด
ถาม : ในขณะที่เรากำลังภาวนา ถ้าภาพนิมิตสัตว์กำหนดขึ้นมา แล้วเราวางกำลังใจเอาไว้ว่า เราจะเมตตาต่อทุกรูปทุกนามไม่มีประมาณ โดยทรงอารมณ์เมตตาเอาไว้ ถ้าทำแบบนี้บ่อย ๆ เวลาภาพนิมิตสัตว์ต่าง ๆ ขึ้นมา จิตเราจะทรงเมตตาโดยอัตโนมัติหรือไม่ครับ แล้วถ้าเป็นในลักษณะนี้ ในตอนที่จะตายเกิดภาพนิมิตสัตว์ขึ้นมาแต่จิตใจเรามีเมตตา ไม่ทราบว่าภพที่จะไปเกิดนั้นจะเป็นสุคติภูมิหรืออบายภูมิครับ ?
ตอบ : ไม่ว่าจะเห็นคน สัตว์ วัตถุธาตุ สิ่งของ ต้องทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ตลอดเวลา สิ่งนี้ สภาพนี้ต้องเมตตา สิ่งนี้ สภาพนี้ต้องกรุณา สิ่งนี้ สภาพนี้ต้องมุทิตา สิ่งนี้ สภาพนี้ต้องอุเบกขา ไม่เช่นนั้นถือว่ายังทรงพรหมวิหารไม่ได้อย่างแท้จริง เห็นภาพสัตว์ก่อนตาย ถ้ามีจิตเมตตาที่แท้จริง ก็ไปสุคติตามกำลังของตนที่ทำได้
ถาม : ลูกทำงานแล้วโอนเงินให้คุณพ่อกับคุณแม่ทุกเดือน คุณพ่อคุณแม่เป็นข้าราชการ มีเงินบำนาญใช้ ไม่ลำบาก มีอยู่เดือนหนึ่งลูกโอนเงินให้คุณพ่อคุณแม่ช้าไป ๑ วันเนื่องจากป่วยและงานยุ่ง คุณพ่อเลยทวงเงิน ลูกก็รีบโอนไปให้ ลูกอยากจะถามว่าควรคิดอย่างไร ควรวางกำลังใจอย่างไรกับคุณพ่อคุณแม่ดีเจ้าคะ ?
ตอบ : พ่อแม่คือพรหมของลูก เปรียบเหมือนพระอรหันต์ในบ้าน เราต้องทำหน้าที่ของเราที่มีต่อท่านให้ดีที่สุด โดยไม่เก็บเอา กาย วาจา ใจ ที่ท่านกระทำต่อเรามาคิด
ถาม : การฝึกสมาธิโดยการดูภาพตัวหนังสือ เช่น คาถาต่าง ๆ อย่าง พุทโธหรือคาถาเงินล้าน เราจะต้องนึกถึงตัวหนังสือให้เห็นคาถาทั้งหมดในครั้งเดียว หรือเห็นทีละคำครับ ?
ตอบ : เริ่มจากทีละคำก่อน เมื่อชำนาญแล้วค่อยเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเห็นชัดเจนทีเดียวทั้งบท
ถาม : เหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านเปิดโลกพลิกชีวิตเนื้อนวโลหะ นวโลหะมีอานุภาพพิเศษมากกว่าโลหะชนิดอื่นอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ถาม "พี่กู" ได้เลย
ถาม : เหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านเปิดโลกพลิกชีวิต มีพุทธคุณอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : พุทโธ อัปปมาโณ
ถาม : การบอกบุญโดยที่ไม่ได้บอกผู้ร่วมบุญว่าจะเอาเงินที่ได้ไปทำอะไร โดยจะเฉลยหลังจากได้ทำบุญไปแล้ว ถ้าเทียบกับการบอกบุญโดยประกาศเฉพาะเจาะจงไปเลยว่า จะเอาเงินนั้นไปทำอะไร ไม่ทราบว่าอานิสงส์ของการบอกบุญทั้งสองแบบนั้น จะได้ผลเหมือนกันหรือแตกต่างกันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ต่างกันมาก การไม่บอกอาจจะมีเจตนาทุจริตแอบแฝง ทำให้คนร่วมบุญหวาดระแวง อานิสงส์ที่ควรได้ลดลงไปมาก การบอกให้ชัดเจน กำลังของผู้ร่วมบุญที่ยังวางอุเบกขาไม่ได้ จะมีที่เกาะในจาคานุสติและทานบารมีที่แน่นอนกว่า
ถาม : มีผู้ป่วยติดสุราหรือยาเสพติดนอน ร.พ. บำบัดหลายครั้งไม่ยอมเลิกยาเสพติด ไม่ยอมรับประทานยา ไม่มาตรวจตามนัด จนอาการกำเริบ ต้องเข้าออก ร.พ. บ่อย ๆ ในฐานะแพทย์รักษาไปตามหน้าที่ แต่ควรวางกำลังใจที่มีต่อผู้ป่วยอย่างไรคะ ?
ตอบ : อุเบกขาในเมตตา
ถาม : ญาติผู้ป่วยจิตเวชก้าวร้าว เอาแต่ใจ ไม่ค่อยดูแลผู้ป่วย อาการผู้ป่วยไม่มาก ไม่จำเป็นต้องนอน ร.พ. แต่มาบังคับให้แพทย์รับนอนใน ร.พ. ถ้าไม่รับนอนจะฟ้องร้อง ร้องเรียน จนต้องรับผู้ป่วยไว้นอน ร.พ. เพราะไม่อยากมีปัญหา
ในฐานะแพทย์ควรวางกำลังใจหรือพิจารณาอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : อุเบกขาในอุเบกขา
ถาม : พระสมเด็จพิมพ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในยุคหลังจากที่หลวงพ่อโตท่านมรณภาพไปแล้ว ไม่ทราบว่าหลวงพ่อโตท่านให้พรไว้สำหรับพระสมเด็จทุก ๆ พิมพ์หรือไม่ครับ หรือให้พรเฉพาะพระสมเด็จที่สร้างพิมพ์เดียวกันกับที่ท่านได้เคยสร้างเอาไว้ ?
ตอบ : ใช้หัวแม่ตีนข้างขวาตรองดูก็ได้รับคำตอบแล้ว..!
ถาม : เหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านเปิดโลกพลิกชีวิตหน้าเงิน เนื้อนวโลหะ เนื้อทองทิพย์ เนื้อทองแดงผิวไฟ เนื้อทองแดงผิวรุ้ง เนื้อทองฝาบาตรผิวสายฟ้า (หน้าเงิน) มหาสะท้อนเหมือนเนื้อเงินด้วยไหมครับ ?
ตอบ : ใช้หัวแม่ตีนข้างขวาตรองดูก็ได้รับคำตอบแล้ว..!
ถาม : เหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านเปิดโลกพลิกชีวิตเนื้อทองคำมหาสะท้อนไหมครับ ?
ตอบ : ใช้หัวแม่ตีนข้างซ้ายตรองดูก็ได้รับคำตอบแล้ว..!
ถาม : ไม่ทราบว่ายันต์ที่อยู่ด้านหลังของเหรียญ ๑๐๐ ปี หลวงปู่สายคือยันต์อะไรหรือครับ ? แล้วยันต์นี้มีอานุภาพด้านใดครับ ?
ตอบ : ถ้าโง่นักก็จงไม่ทราบต่อไป..!
พระอาจารย์กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาที่คุยนักคุยหนาว่าเป็นต้นแบบประชาธิปไตย การเลือกตั้งผ่านไปหลายวัน ก็ยังประกาศผลไม่ได้
สหรัฐฯ ตอนนี้คล้าย ๆ กับรัฐบาลของเราในตอนนี้ คืออะไรที่ว่าคนอื่นเอาไว้...กูทำได้หมด เป็นการสร้างความถดถอยให้กับตัวเอง ไม่ต้องให้ใครไปลดทอนอิทธิพลของสหรัฐฯ ที่มีต่อโลก เพราะว่าสหรัฐฯ ทำตัวเองให้เสื่อมถอยเอง
ส่วนหนึ่งที่อยากจะเตือนญาติโยมที่อยู่ทางยุโรปหรืออเมริกาก็คือว่า ถ้ามีลูกมีหลาน มีญาติมีโยมอยู่แถวนั้น ให้หาทางขยับขยาย กลับบ้านเราได้แล้ว ส่วนจะมีอะไรเกิดขึ้นในระยะเวลาต่อไป ก็ปล่อยให้เป็นปริศนา ถือว่าเราเตือนคุณแล้ว เรื่องเหล่านี้บางทีรู้ไป เราก็พูดทั้งหมดไม่ได้ ขณะเดียวกันถ้าพูดทั้งหมด ญาติโยมก็อาจจะตกอกตกใจ
ระยะนี้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ทำให้การเดินทางลำบาก ต้องมีการกักตัวก่อนและอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางด้วย ให้ทุกคนค่อย ๆ หาทางขยับขยาย กลับบ้านเรา มาทำไร่ทำนา ปลูกผักปลูกหญ้าก็ยังดี แม้ว่าจะไม่มีเงินทองมากมาย แต่ถ้าพออยู่พอกิน ไม่ต้องตกเป็นเป้าก่อการร้าย ไม่ต้องตกอยู่ในสงครามระหว่างเชื้อชาติ ระหว่างศาสนา ก็ถือว่าเอาตัวรอดไว้ก่อนดีกว่า ถึงจะลำบาก แต่ไม่เสียชีวิต ปลอดภัยไว้ก่อน
คราวนี้ถือว่าเป็นการบอกกล่าวเรื่องนี้ที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่อาตมาเคยพูดมาแล้ว
พระอาจารย์กล่าวกับโยมทั้งหลายที่มาบูชาวัตถุมงคล “อย่างไรก็อย่าถึงขนาดเหมาหมดนะ เหลือไว้ให้คนอื่นเขาบ้าง อาตมากลัวใจแต่ละคนจริง ๆ เลย
ไม่เคยมีครั้งไหน ที่อาตมาขนวัตถุมงคลเข้าพิธีเยอะขนาดนี้ แม้กระทั่งเศษเล็กเศษน้อยของชนวนก็เอาเข้าด้วย เพราะฉะนั้น..วัดท่าขนุนจะมีชนวนเอาไว้ใช้ได้อีกนาน
วัตถุมงคลทั้งหมดที่บ้านเติมบุญนี้ ใช้เวลาขนไปถึง ๓ เที่ยว ตอนขนกลับเพิ่งขนมาได้เที่ยวเดียว ทั้งเก่าทั้งใหม่ของวัดอาตมาให้เอาไปเข้าพิธีทั้งหมดเลย
งานนี้อาตมาดีใจมาก ที่พระท่านสงเคราะห์ในเรื่องของมหาสะท้อน คือโดยปกติแล้ว อาตมาเป็นคนติดรูปพระพุทธเจ้าตั้งแต่เด็ก ๆ ที่ฝึกกรรมฐานมาก็อาศัยภาพพระเป็นหลัก แต่ตะกรุดมหาสะท้อนไม่มีภาพพระ พอพระท่านบอกว่า ท่านทำทุกอย่างที่เป็นเนื้อทองคำ เนื้อนาก เนื้อเงิน ให้กลายเป็นมหาสะท้อน โอ๊ย..ดีใจ ต่อไปเราก็พกพระได้แล้ว แต่ขอโทษ..เหลืออยู่แค่อย่างละไม่มากนะ
คราวนี้ก็ไปรอลุ้นกันในเว็บวัดท่าขนุน ว่าจะมีของใหม่อะไรไปลงบ้าง ถ้าเป็นของเก่ามาบูชาตรงนี้ได้ เหลือเท่าไรแล้วคุณโอรสก็จะเอาไปลงในเว็บวัดท่าขนุนต่อ ในกระทู้บูชาวัตถุมงคลและสั่งซื้อหนังสือธรรมะ ตอนนี้ต้องรีบปิดที่ให้บูชาในเว็บวัดท่าขนุนชั่วคราว เพราะว่าการจองในเว็บไปเร็วมาก ถ้าไม่ปิดกระทู้ไว้ก่อน เดี๋ยวจะมีของไม่พอให้เขา”
ถาม : ไม่ทราบว่าตะกรุดแม่พระธรณีได้เข้าพิธีกรรมฐานสามวันหรือไม่คะ ?
ตอบ : บอกแล้วว่าครกกะบากสากกระเบือก็เข้าหมด ยังจะถามอีก..! เรื่องของพระ เรื่องของเทวดา พูดครั้งเดียวก็รู้เรื่อง แต่นี่ย้ำแล้วย้ำอีก ก็ยังไม่รู้เรื่อง..!
มีโยมบูชามีดหมอหลวงพ่อรุ่งในตู้วัตถุมงคลไป พระอาจารย์กล่าวว่า “ทำไมดวงเฮงขนาดนี้ ? มาถึงก็คว้าเอาไปเลย”
ถาม : พี่เขามีกำลังเงิน ?
ตอบ : ไม่ใช่กำลังดีอย่างเดียวหรอก ต้องเรียกว่ามาจังหวะที่ดีมาก เป็นตอนที่พระท่านสงเคราะห์แล้วด้วย แต่ถ้าหากว่าใครศรัทธา เชื่อมั่นครูบาอาจารย์ ก็ไม่มีปัญหาหรอก เพราะว่าลำพังของหลวงพ่อรุ่งท่านเองก็อานุภาพเหลือเฟืออยู่แล้ว
พระอาจารย์กล่าวว่า "ไม่รู้ว่าอีกกี่ชาติถึงจะได้รับการสงเคราะห์จากพระท่านแบบนี้อีก อาตมาก็เลยขนวัตถุมงคลทุกอย่างที่มีเข้าพิธีใหม่หมดเลย เพราะฉะนั้น...จะใหม่จะเก่าก็มี อานุภาพเท่ากัน ยกเว้นเนื้อพิเศษอย่างทองคำ นาก หรือว่าเงิน ที่พระท่านทำให้เป็นมหาสะท้อนด้วย หมายถึงว่าวัสดุเต็มชิ้น ไม่ใช่ประเภทแค่ส่วนเดียว ถ้าอย่างเหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านฯ หน้ากากเงินอย่างนี้ หน้ากากเงินมีอยู่แค่นิดเดียว จะให้เป็นมหาสะท้อน ก็ย่อมจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว"
พระอาจารย์กล่าวว่า “ก่อนนี้เขาบอกว่าเศรษฐกิจดีหรือไม่ดีให้ดูที่ปฏิทินปีใหม่ ถ้าปฏิทินมีเยอะแปลว่าเศรษฐกิจดี นี่เดือนพฤศจิกายนเข้ามาแล้ว อาตมาเพิ่งจะได้ปฏิทินอันแรก แปลว่าปีนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดี
มีวิธีอะไรที่จะทำให้การงานหน้าที่ ลาภผลเงินทอง มีความคล่องตัว ก็ทำไป โดยเฉพาะการภาวนาพระคาถาเงินล้าน พระคาถามหาจักรพรรดิ หรือคาถามหาลาภ อะไรที่เราถนัดและชำนาญ ก็ว่าไปได้เลย สมัยนี้อาศัยกำลังของตัวเองไม่ไหวแล้ว ต้องอาศัยคุณพระรัตนตรัย กำลังของพรหม ของเทวดาท่านช่วย”
พระอาจารย์กล่าวว่า “ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมมักจะไม่เข้าใจว่า สิ่งที่พระพูดคืออะไร ? แล้วก็ตั้งข้อสงสัยแบบโง่ ๆ ไว้เสมอ อย่างเช่นอาตมาบอกว่า นำวัตถุมงคลทั้งเก่าทั้งใหม่เข้าพิธีทั้งหมด ก็ยังมีคนมาถามอีก ว่ารุ่นนั้นเข้าพิธีหรือเปล่า ? แบบนี้เข้าพิธีหรือเปล่า ? ซึ่งต้องบอกว่าสมควรโดนด่า..!
คำว่า ทั้งหมด แปลว่าไม่มีอะไรหลุดรอดไปได้ ก็ยังจะถามกันอีก เพราะว่าแม้แต่วัตถุมงคลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ญาติโยมถวายไป อาตมาก็กวาดไปเข้าพิธีทั้งหมด โดยเฉพาะส่วนชุดสุดท้ายที่ทิดกวางถวายไปหนึ่งลัง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของเฉพาะตน หรือว่ารวบรวมจากบรรดานาคทั้งหมด นั่นคือสิ่งที่ได้รับล่าสุดและอาตมาก็นำไปเข้าพิธีไปด้วย
การหอบของไปเข้าพิธีใช้เวลาตั้งหลายวัน ในเมื่อใช้คำว่า ทั้งหมด แล้วโยมยังสงสัยอยู่ อาตมาก็สงสัยเหมือนกันว่าญาติโยมสมองชำรุดแค่ไหน..? ถึงไม่เข้าใจว่า คำว่า ทั้งหมด แปลว่าอะไร ?”
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้วัตถุมงคลเนื้อเงิน เนื้อนาก เนื้อทองคำ ทุกชนิด จำหน่ายเป็นเทน้ำเทท่ามาตั้งแต่เช้า ขายวันนี้วันเดียวเท่ากับขายทั้งปี..!
วันนี้ทุกคนที่มามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน มีคนหนึ่งมาขอเหมาแผ่นยันต์เกราะเพชรเนื้อเงินแผ่นใหญ่ คนเดียวหนึ่งล้านห้าแสนบาท..! แต่โดนตัดตอนจนเหลือแค่ล้านเดียว อีกห้าแสนต้องคืนเขาไป เพราะไม่อย่างนั้นแล้วคนอื่นจะไม่ได้ เขาน่าจะเอาไปจำหน่ายต่อเพื่อเอากำไรแน่นอน จะบูชาเยอะเพื่อไปทำกำไรก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่นี่เยอะเกินไป จนไม่เหลือสำหรับคนอื่นเขา ก็เลยต้องตัดออกไปบ้าง
กติกาของเราบอกชัดแล้วว่า มาก่อนได้ก่อน ไม่ได้จำกัดจำนวน คนมีบุญที่จะได้...เขาก็จะกระตือรือร้นมาเอง คนไม่มีบุญ...เขาก็จะมาช้า จนกระทั่งพลาดโอกาสไป เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องปกติ พวกเราก็แค่ทำไปตามปกติเท่านั้น
สรุปว่าช่วงเช้าแห่กันมาบูชาวัตถุมงคลแทบจะเหยียบกันตาย แล้วช่วงบ่ายคนก็หายไปเลย เหลือมาทำบุญแค่รอบละไม่กี่คน”
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันนี้ถ้ามีโอกาสตรวจสอบ อาตมาจะเอาเหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านฯ รุ่นพิเศษที่มีหน้ากากมาให้บูชา มีอยู่อย่างละแค่ประมาณ ๕ เหรียญ ๑๐ เหรียญเท่านั้น เต็มที่ก็ ๘ เหรียญ เพราะว่าโดนวัดสี่แยกเจริญพรชักออกไป ๒ เหรียญ ท่านตรงไปตรงมาตามสัญญาจริง ๆ อาตมาบอกว่าจะให้เขา ๒๐ เปอร์เซ็นต์ เขาก็เอาตามนั้นเลย ไม่ว่าจะเหรียญทอง เหรียญเงิน ท่านก็ชักไป ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ญาติโยมหลายท่านวิ่งมาจะเอาเหรียญทองคำแล้วอาตมาไม่มีให้ เพราะว่าโดนสอยไป ๒๐ เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่แรกแล้ว
แต่ว่าบางทีโยมก็รวยเกิน เหรียญทองคำแลกด้วยทองคำแท่ง ๕ บาท พอโยมได้ไปก็ให้คนอื่นแลกต่อด้วยทองคำแท่ง ๑๐ บาท ก็ยังอุตส่าห์มีคนเอา..!”
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันนี้บางทีโบราณเขาเรียกว่ากระทิงวัน เพราะว่าเป็นวันศุกร์ (ลำดับที่ ๖ ของสัปดาห์) และตรงกับวันที่ ๖ ด้วย”
ถาม : ตอนที่นอนป่วยอยู่ เห็นรัศมีสีแดง หมายความว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : ต่างคนต่างมีนิมิตเฉพาะตน ถ้าเป็นของหลวงพ่อวัดท่าซุง สีแดงก็แปลว่าป่วยปางตายเลย..!
พระอาจารย์กล่าวว่า “พระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคําที่หล่อไปเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา เป็นสูตรพิเศษ คล้ายกับคราวที่หล่อหลวงพ่อนาก เนื่องจากว่าอาตมารับทองคำจากญาติโยมไป ไม่ว่าจะเป็นรูปพรรณก็ดี จะเป็นทองแท่ง ทองแผ่นก็ตาม ตลอดจนกระทั่งทองที่หลายคนคิดว่าเป็นของจริง แต่ความจริงเป็นพลาสติกเคลือบทองก็มี รับมาแล้วก็ไม่อยากให้ญาติโยมเสียกำลังใจ อยากจะเอาใส่ลงไปทั้งหมด แต่ก็กลัวว่าอัตราส่วนที่ผิดพลาด และความไม่บริสุทธิ์ของทองมีมาก จะทำให้เนื้อหลวงพ่อทองคำองค์นี้เป็นลาย..ดูไม่ได้
ปรากฏว่าพระท่านเมตตาสงเคราะห์เหมือนกับคราวที่แล้ว ก็คือกำหนดให้ว่าต้องใส่แต่ละอย่างจำนวนเท่าไร แล้วจะออกมาพอดี ดังนั้นทองคำที่ใส่ลงไป ไม่ใช่ ๓๕ กิโลกรัมตามที่ช่างแจ้งมา ใส่เกินไปกว่านั้นไปมาก เพียงแต่ว่าออกมาพอเหมาะพอดี เทแล้วเหลือเศษแค่นิดเดียว แล้วองค์พระก็ออกมางดงามสมบูรณ์มาก ตอนนี้ช่างกำลังขัดแต่งอยู่”
“ส่วนพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น สมกับที่เป็นพระรวย เพราะว่าเหลือเงินที่ช่างเขาเทเป็นแท่งไว้ให้ประมาณ ๑๒๐ กิโลกรัม อาตมากราบขออนุญาตหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมและพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ที่สงเคราะห์ในวันนั้น ขอทำเป็นเหรียญสมเด็จองค์ปฐมมหาสะท้อน ซึ่งขณะนี้กำลังออกแบบอยู่ พระท่านบอกว่าทำเสร็จแล้วใช้ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลามาเสกใหม่อีก
ตอนแรกขอแบบไปทางวัดไตรมิตรฯ เพราะเห็นว่าเหรียญวัดไตรมิตรฯ ออกแบบได้สวยมาก ปรากฏว่าทางด้านเจ้าของแบบติดงาน ก็เลยทำให้การประสานงานล่าช้า ซึ่งจะทำให้งานอาตมาช้าไปด้วย ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นออกแบบเอง
ถ้าหากว่าทำสมเด็จองค์ปฐมมหาสะท้อน จะมีแค่สองเนื้อคือ ทองคำและเงินเท่านั้น ทองคำจะเป็นชนวนเก่าทั้งหมด ตั้งแต่การสร้างพระ หล่อพระ รุ่นแรกมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน หลายสิบรุ่นรวมกัน และเมื่อรวมชนวนมหาสะท้อนชุดนี้ลงไป ต้องถือว่าเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างมาก แต่ก็ต้องบอกว่าคุ้มค่า แต่ก็คงจะทำได้แค่ไม่กี่องค์ เนื่องจากว่าชนวนทองคำแต่ละครั้ง ไม่ได้เหลือมาก
ส่วนเนื้อเงินกำลังคำนวณอยู่ ถ้าหากว่าตกองค์ละ ๒ - ๓ บาท ก็น่าจะได้อยู่ที่ประมาณ ๒,๕๐๐ องค์ ก็คงได้ตีกันตายไปข้างหนึ่ง..!
อาตมามีนิสัยทำอะไรก็จะทำให้ดีไปเลย เพราะฉะนั้น..จึงไม่ผสมอย่างอื่นลงไป เนื้อชนวนก็เป็นชนวนล้วน ๆ ไปเลย ถ้าหากว่าสั่งให้ใครไปทำ แล้วไปผสมโน่นผสมนี่เพิ่มเติม..อาตมารู้เข้าก็เลิกคบ..!”
ถาม : ถ้าเปลี่ยนที่นั่งในที่ทำงาน ย้ายที่นั่งวันศุกร์หรือวันจันทร์ดีคะ ?
ตอบ : เปลี่ยนที่นั่งไม่ได้เกี่ยวกับฤกษ์ ถ้าเป็นตำราจีนการเปลี่ยนที่นั่งเกี่ยวข้องกับฮวงจุ้ย ไปปรึกษาหมอฮวงจุ้ยเอาก็แล้วกัน
พระอาจารย์เล่าว่า “ช่วงนี้มีดราม่าในวงการสงฆ์สองเรื่อง เรื่องแรกคือ พระขี่สเก็ตบอร์ดไฟฟ้าไปบิณฑบาต อันนี้ต้องบอกว่า สงสัยสมองโดนสุนัขรับประทานไปหมดแล้ว ถึงไม่รู้ว่าด้วยเพศภาวะของตนเองนั้น สิ่งนี้ทำแล้วสมควรหรือไม่สมควร แต่จะไปปรับโทษใหญ่อะไรก็ไม่ได้ นอกจาก "ไม่เอื้อเฟื้อในพระวินัย" และ "ทำอาการประหนึ่งฆราวาส" ในเมื่อเป็นโทษเล็กน้อย ถึงลงโทษไปก็คงไม่เข็ดหลาบ ถ้าหากว่าสันดานเป็นแบบนั้น ก็อยู่ที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์ ว่าจะอบรมอย่างไรให้เขามีจิตสำนึก รู้ว่าอะไรควรไม่ควรแก่สมณสารูป หรือว่าเพศภาวะของตน
ประการที่สองก็คือ เรื่องที่มีผู้บวชจัดงานใหญ่เว่อร์วังอลังการ จนสำนักงานพระพุทธฯ เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งเรื่องนั้นจะว่าไปแล้วก็ไม่ควรที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเขาหรอก เพราะว่าเงินทองก็เป็นของเขา อยากจะจัดงานใหญ่โตเท่าไร เขาก็สิ้นเปลืองของเขาเอง เพียงแต่ว่าในสื่อโซเชียลของเรานั้น ส่วนใหญ่แล้วถ้าเห็นอะไรไม่ถูกหูถูกตาตัวเอง ก็ “ทัวร์ลง” กระหน่ำกันไว้ก่อน ก็เลยทำให้เรื่องไม่เป็นเรื่องนั้น เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้
แต่ถ้าเราศึกษาในพระไตรปิฎกจะเห็นว่า การเสด็จออกบวชขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบางพระองค์ ไปพร้อมกับปราสาทแก้วมณี ปราสาทที่สร้างมาจากโคตรเพชรทั้งหลัง น่าจะยิ่งใหญ่อลังการกว่างานบวชของเขาคนนี้มาก..! เพราะฉะนั้น...เรื่องที่เขาทำ จะอวดร่ำอวดรวยอย่างไร ก็แล้วแต่กิเลสของเขา แต่ว่าเวลาบวชเข้าไปแล้ว กฎเกณฑ์กติกาความเป็นพระภิกษุมีอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น
เรื่องไม่เป็นเรื่องที่กลายเป็นเรื่องขึ้นมา เพราะเราไปคิดว่า อย่างนี้ควร อย่างนี้ไม่ควร ซึ่งเป็นการตัดสินผิดถูกชั่วดีโดยที่ไม่ได้ดูหลักเกณฑ์หรือความเป็นจริง ได้แต่บ่น ๆ เอาไว้ให้โยมฟังว่า สมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะตัดสินคนอื่นจากสิ่งที่เห็น ซึ่งโอกาสที่จะผิดพลาดก็มีสูงมาก”
พระอาจารย์เตือนว่า “สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังก็คือ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ยังไม่มีอะไรที่จะรับมือได้โดยตรง นอกจากการระวังตัวเอง ถ้าหากว่าเราประมาท อยู่ในที่คนมาก ๆ ไม่ช้าก็เร็วต้องพลาดเป็นแน่แท้ เพราะเชื้อโรคไม่ได้ติดอยู่แค่มือ หรือเข้าได้แค่ปากแค่จมูก แม้กระทั่งขยี้ตาหน่อยเดียวก็ติดเชื้อได้แล้ว
ยามนี้เห็นคนจำนวนมากไปไหนมาไหน ส่วนมากไม่ได้สวมหน้ากาก เมื่อวานอาตมาไปงานศพ แขกในงานเกิน ๗๐ เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ใส่หน้ากาก ถ้ามีใครติดเชื้อสักคนเดียว ที่เหลือก็เสร็จหมด..! ส่วนใหญ่แล้วพวกเราพอทิ้งไประยะหนึ่งก็จะประมาท
สำหรับอาตมา สองเดือนแรกทำตัวตามสบาย เพราะว่าการแพร่ระบาดของโรคในบ้านเรายังไปไม่ถึงทองผาภูมิ และผู้คนระวังตัวกันมาก แต่พอเดือนที่สามผู้คนเริ่มประมาท อาตมาสั่งพระทุกรูปว่า “เวลาบิณฑบาตให้สวมหน้ากากด้วย” พระท่านก็ถามว่า “มาระวังอะไรกันตอนนี้ ?” ก็บอกกับท่านว่า “ผมเป็นทหาร ยุทธวิธีทหารจะเข้าตีตอนที่เราคาดไม่ถึงและเผลอตัว ซึ่งก็คือหลักเดียวกับการประมาทนั่นเอง”
“ประมาทคือเผลอตัว ถ้าหากว่าใครประมาท ถึงเวลาเสียใจก็ไม่ทันแล้ว เพราะว่าโรคภัยนี้ถ้าหากเป็นไปแล้วรักษายาก ถึงรักษาได้ โอกาสที่จะสมบูรณ์เหมือนเดิมก็ไม่มี เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังกันเอง ไม่สามารถที่จะบอกกล่าวอะไรกันได้มากกว่านี้
อาตมาเป็นคนไม่มีภูมิคุ้มกัน เพราะว่ารับการรักษาโรคมาลาเรียด้วยการทดลองยาตัวใหม่ จนกระทั่งภูมิคุ้มกันโดนยากดไม่มีเหลือ ดังนั้น..ช่วงเวลาเกือบ ๓๐ ปีที่ผ่านมา ใครเป็นโรคติดเชื้อผ่านมา อาตมาจะติดด้วยหมด ก็เลยต้องระวังมากกว่าโยมหลายเท่า”
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตำราเขาบอกว่า คนแก่ให้อยู่กับเด็กมาก ๆ เพราะว่าเด็กมีพลังชีวิตเหลือเฟือ คนแก่จะได้กระตือรือร้นไปด้วย”
ถาม : อยากให้ช่วยแนะนำหลักธรรม ที่ช่วยให้ไม่คิดอาฆาต ไม่คิดพยาบาท กับลูกหนี้หรือคนที่เอาเปรียบเราค่ะ ?
ตอบ : พรหมวิหาร ๔
ถาม : มีง่ายกว่านั้นไหมคะ หนูคิดว่าหนูทำได้แค่บางข้อ ?
ตอบ: พยายามทำให้ได้ทั้งหมดนั่นแหละ
ใครก็ตามที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการปล่อยกู้ กู้หนี้ยืมสิน ต้องหน้าด้านใจดำเท่านั้นถึงจะทำได้ ถ้าไม่ได้มีสันดานอย่างนั้นอย่าไปทำ..ไม่มีทางรุ่ง
นิสัยของผู้ปฏิบัติธรรมจะเสียเปรียบเขาตลอด เพราะเรากลัวว่าความชั่วจะเกิด ในขณะที่คนอื่นเขากลัวว่าความดีจะเกิด และนิสัยอย่างพวกเรา ถ้าเป็นหนี้เขา..ก็จะไม่มีความสุข เพราะว่าต้องรีบตะเกียกตะกายหาไปคืนเขา ให้เขาเป็นหนี้..ก็ไม่มีความสุข เพราะว่าไม่กล้าทวง หน้าด้านไม่พอ เพราะฉะนั้น..ถ้าหน้าไม่ด้าน ใจไม่ดำ ก็อย่าไปทำเรื่องแบบนี้
เสียเพื่อนเสียพวกมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรแล้ว ขนาดพี่น้องยังจะฆ่ากันตายด้วยเรื่องหนี้สิน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนแล้วว่า อิณา ทานัง ทุกขัง โลเก การเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก
ถาม : แล้วถ้าเขาเป็นหนี้ เพราะเขาใช้ให้เราไปทำอะไร แล้วเขาไม่ยอมจ่าย ?
ตอบ : ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
รู้ไหมว่าอาตมามีลูกหนี้บานเบิกมาตั้งแต่ก่อนบวช ถ้าทุกคนเอาเงินมาคืนพร้อมกัน ยังไม่รู้ว่าจะใช้อย่างไรหมด สมัยนั้นอาตมาไม่เล่นแชร์ชม้อยหรือแชร์น้ำมัน แต่คนอื่นเขาเล่น แล้วเขามายืมเงิน ตอนนี้อาตมาถือสัญญาเก่าอยู่เป็นปึก
ส่วนหนึ่งที่รู้สึกเสียใจก็คือ เพราะว่าอาตมาอยู่ในวัด บรรดาลูกหนี้เขาก็เลยไม่ไปวัด ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นพวกเขาไปวัดกันเป็นประจำ แต่อาตมาทำใจตั้งแต่พรรษาที่สองแล้วว่า “ถ้าถึงตอนนี้แล้วเขาไม่คืน ก็แปลว่าทำเงินตกน้ำ ถ้าได้คืนถือว่ากำไร ถ้าไม่ได้คืนถือว่าเป็นเรื่องปกติ” จะเลียนแบบวิธีการนี้ไปใช้บ้างก็ได้ เพราะว่าคนที่หนักใจไม่ใช่อาตมา คนที่เบี้ยวหนี้สิหนักใจ เพราะว่านึกถึงอาตมาเมื่อไร เขาก็รู้ว่าเขาติดหนี้พระ..สมน้ำหน้า..!
การนึกถึงพระสำหรับพวกเขา ก็กลายเป็นเรื่องยาก เพราะว่านึกถึงเมื่อไร ก็นึกถึงหนี้ด้วย..! แล้วอาตมาก็เป็นคนไม่ทวงอีกด้วย ดูว่าใครจะหน้าด้านกว่ากัน..!
คนเราต้องมีจิตสำนึก มีความรับผิดชอบ เป็นหนี้เป็นสินก็ต้องขวนขวายไปใช้คืนเขา ไม่ใช่รอให้เขามาทวง แล้วผัดผ่อนไปเรื่อย เพราะฉะนั้น..ใครเป็นหนี้เท่าไร อาตมาไม่ทวง
หนี้สินทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงฆราวาสไม่มีปัญหา ที่มีปัญหาอยู่มีก้อนเดียวที่โยมเขาไปยืมตอนอาตมาเป็นพระแล้ว อาตมาเองตอนนั้นไม่มีเงินอยู่ในมือ ก็เลยไปยืมเงินสงฆ์จากหลวงพี่ชัยศรี ซึ่งดูแลศาลานวราชบพิตรที่วัดท่าซุง ยืมมาให้เขาไป เพราะเขารับปากแน่นหนาว่าจะคืนให้วันนั้นวันนี้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ๓๕ ปีผ่านไป หนี้ก้อนนี้อาตมาคืนสงฆ์ไปตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนที่เขาค้าง ก็เท่ากับค้างอาตมาอยู่ แล้วเขาก็ทำตัวสาบสูญไปเลย อาตมาก็ทำตัวไม่รู้ไม่ชี้ มีเบอร์กูก็ไม่โทร มีที่อยู่กูก็ไม่ไป
บอกแล้วว่า ถ้าให้คนอื่นหยิบยืมอะไร ก็ให้ทำใจว่า เราทำของตกน้ำ ได้คืนถือว่ากำไร ไม่ได้คืนก็เท่าทุน ถ้าทำใจไม่ได้อย่างนี้ อย่าริไปเป็นเจ้าหนี้ใคร และก็ไม่ต้องมาบ่นกับอาตมา ไม่ช่วยด่าให้หรอก เพราะว่าด่ามาพอแล้ว..!
พระอาจารย์กล่าวว่า “งานหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำนั้น ญาติโยมจะเห็นว่าพายุกำลังเข้า ฝนตกทั้งวันทั้งคืน แม้แต่เช้าวันหล่อพระ วันที่ ๑ พฤศจิกายน ฝนก็ยังตกอยู่ แต่พอเจ็ดโมงเช้าจะบวงสรวง ฝนก็หาย พอบวงสรวงแล้ว แดดมาอีกต่างหาก แล้วก็เปิดยาวไปให้จนกระทั่งหล่อพระเสร็จ นั่นคือเรื่องของบารมีพระ บารมีพรหมเทวดา และครูบาอาจารย์ที่ท่านช่วยสงเคราะห์
ตอนนี้คนทองผาภูมิเขาเลิกกลัวกันแล้ว เขามั่นใจว่าถ้าเป็นงานของวัดท่าขนุน อย่างไรเสียเมื่อถึงเวลาแล้วต้องทำได้ แต่นั่นเขามั่นใจนะ อาตมาเองยังไม่มั่นใจเลย เพียงแต่ว่าเอาตัวรอดตัวไปได้ทีละงาน..!
ตอนนี้ตั้งหน้าตั้งตารอว่า ช่างจะขัดพระเสร็จเมื่อไร ด้วยความที่งานหล่อพระของวัดท่าขนุนทุกครั้ง องค์พระติดเต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ทุกครั้ง ก็เหลืออยู่อย่างเดียวคือ การขัดแต่งเท่านั้น ไม่ต้องอุด ไม่ต้องปะ ไม่ต้องซ่อม ไม่ต้องเสียเวลา”
“ช่างคณะนี้ทำงานให้กับวัดท่าขนุนแล้วสบายใจที่สุด เพราะว่างานอื่นบางงาน ช่างทำแล้วขาดทุนเป็นเท่าตัวเลย อย่างเช่นว่าเฉพาะค่าหล่อพระนอกสถานที่ ๑๒๐,๐๐๐ บาท แต่พอทำงานไปแล้ว ขาดทุนเกินสองแสนบาท เพราะว่าทำไปแล้วมีโบ๋ มีแหว่ง เกินกว่าที่จะปะได้ซ่อมได้ เขาก็ต้องหล่อใหม่ พอต้องลงทุนหลาย ๆ ครั้งเข้า ต้นทุนก็กินไปหมด
มีวัดแห่งหนึ่งสร้างสมเด็จองค์ปฐมปางประทับยืนใหญ่มาก ความสูงน่าจะเป็นสิบเมตร ใช้ฤกษ์เดียวกัน วันเดียวกัน ช่างคณะเดียวกันกับทางวัดท่าขนุน ช่างมาหล่อพระของท่าขนุนเสร็จ ก็วิ่งไปหล่อให้เขาต่อเลย เขาอยู่กาญจนบุรีเหมือนกัน ปรากฏว่าของวัดท่าขนุนเสร็จสมบูรณ์บริบูรณ์ ขัดแต่งอย่างเดียว แต่ของเขาพังแล้วพังอีก จนอาตมาอยากจะถามเหมือนกันว่า “ท่านรู้จักสมเด็จองค์ปฐมดีแค่ไหน ? หรือเพราะว่าแค่ได้ยินชื่อ รู้ว่ามีคนเลื่อมใสมาก เลยอยากจะสร้างเพื่อดึงคนเข้าวัด เพื่อที่จะหาเงิน ? ถ้าเจตนาเป็นแบบนั้น คุณทำไม่สำเร็จหรอก” แต่ไม่ได้เจอหน้า จึงยังไม่ได้ถามท่าน”
เรื่องของการสร้างพระ เจตนายิ่งบริสุทธิ์เท่าไร ทั้งพระ ทั้งพรหม ทั้งเทวดา ท่านก็อนุโมทนามากเท่านั้น ถ้าเราขอให้ท่านช่วยอำนวยความสะดวกให้ ก็จะได้รับความสะดวกคล่องตัวทุกประการ
โดยเฉพาะตั้งแต่แรกเริ่ม อาตมาต้องทำบวงสรวงขออนุญาต ถึงเวลาก็ทำบวงสรวงเพื่อปั้นแบบ ทำบวงสรวงขออนุญาตหล่อพระ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็นำบายศรีอัญเชิญเข้าที่ตั้ง ส่วนใหญ่แล้วสมัยนี้เขาทำกันแบบมักง่าย เห็นพระพุทธเจ้าเป็นเพื่อน..! นึกอยากจะสร้างก็สร้าง นึกอยากจะทำก็ทำ พอถึงเวลาท่านไม่สงเคราะห์ ก็ไม่รู้ว่าจะไปโทษใครดี ?
พระอาจารย์มหาเอกราบรายงานความคืบหน้าของพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ
ถาม : ช่างบอกว่าองค์พระไม่มีตามดตาแมวอะไรเลย ตอนนี้เหลือขั้นสุดท้าย แค่ลงแว็กซ์เท่านั้นครับ
ตอบ : เราต้องยอมรับเรื่องของบารมีพระท่านจริง ๆ เพราะว่าตั้งแต่ท่านอาจารย์สุชาติปั้นแบบมาก็ได้ดั่งใจเลย
ถาม : เขาสงสัยว่าทำไมง่ายขึ้นเรื่อย ๆ ?
ตอบ : ไปบอกเขาว่าช่างเก่งขึ้นเรื่อย ๆ..!
ถาม : ตอนแรกช่างบอกว่าฝนตก อย่างไรต้องมีรู มีตามด ได้ปะได้ซ่อมกันแน่ แต่นี่อะไร...?
ตอบ : ไม่มีทาง..! ขอให้เชื่อเถอะ บอกช่างด้วยว่า ถ้าเสร็จทันวันอาทิตย์ช่วงเย็น ให้ยกมาที่นี่ได้เลย
ถาม : จริงหรือครับ ? เดี๋ยวลองดูก่อนครับ ช่างบอกว่าฝนทำท่าจะตก เลยแห้งช้า เขาจะไม่เร่ง
ตอบ : ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวเอาแดดไปเลย..!
ถาม : ผมจะรายงานความคืบหน้านะครับ ถ้าทันจริง ๆ จะยกมาเลย
ตอบ : ต้องยอมรับว่าสมบูรณ์จริง ๆ
ถาม : งานนี้ใช้คำว่าพันเปอร์เซ็นต์ได้เลยครับ ไม่มีรู ไม่มีตามดเลยแม้แต่น้อย ตอนแรกช่างบอกว่าจะพยายามไม่แต่งอะไรมาก เพราะว่ากลัวเสียเนื้อทอง กลายเป็นว่าไม่ได้แต่งจริง ๆ ไม่มีอะไรให้แต่ง แค่ตัดเส้นชนวนออกอย่างเดียว
(ในที่สุดพระพุทธลีลาปางประทานพรก็สำเร็จสมบูรณ์ และอัญเชิญมาส่งที่บ้านเติมบุญวันเสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เวลา ๑๕.๒๙ น.)
ถาม : ส่วนพระปัจเจกพุทธเจ้าน่าจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณสองอาทิตย์ จะไม่เร่งช่าง
ตอบ : ไม่ต้องเร่ง บอกช่างว่าทำให้เต็มที่เลย ผมยึดธรรมาสน์ที่วัดท่าขนุนมาเรียบร้อยแล้ว ธรรมาสน์ที่ใช้กันอยู่ตลอดทุกงานนั่นแหละ ขอมาตั้งพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วให้ไปซ่อมธรรมาสน์เก่าเอามาใช้งานใหม่ มองไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าลงตรงนั้นจะพอดีที่สุด
ถาม : ช่างพวกนี้ทำงานเร็วมาก ถ้าฝนไม่ตก ไม่ติดขัดเรื่องสภาพอากาศ
ตอบ : ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งที่พวกเราคล่องตัวมาก เพราะว่าพวกเราบอกกล่าวพระท่านทุกครั้ง ตรงจุดนี้ที่อื่นเขามักจะประมาท เห็นพระเป็นเพื่อน นึกจะทำก็ทำ
พระอาจารย์ประกาศว่า “ตอนนี้หลวงพ่อทองคำเสร็จสมบูรณ์บริบูรณ์แล้ว ไม่มีอะไรบกพร่องแม้แต่นิดเดียว ช่างบอกว่าเกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น เพราะว่าปกติถ้าฝนตกแล้วหล่อพระ เนื้อองค์พระต้องติดไม่เต็มอย่างแน่นอน แต่นี่ไม่มีแม้แต่รอยตามดสักรอยเดียว ตอนนี้รอช่างลงขี้ผึ้งเพื่อขัดเงา (แว็กซ์) องค์พระ แล้วอัญเชิญมาส่งให้กับทางวัด เราหล่อวันที่ ๑ วันนี้วันที่ ๖ ทำงานแค่ ๕ วันก็เสร็จแล้ว
และที่แน่ ๆ คือ องค์พระไม่ลายด้วย ด้วยความที่อาตมาสงสารโยม ที่ถวายทองคำบ้าง ทองรูปพรรณบ้าง ทองแท่งบ้าง จริงบ้าง ปลอมบ้าง มาเยอะแยะ ว่าเขาควรที่จะได้อานิสงส์ อาตมาก็เลยเอาลงให้เขาหมดเลย โดยขอสูตรจากพระท่านเหมือนเดิม
การขอสูตรจากพระนี่ ต้องเชื่อท่านอย่างเดียวเลยว่าใส่อะไรบ้าง ถ้าใส่อย่างนี้เท่านี้ ต้องใส่ทองแผ่นเท่านี้ ต้องใส่ทองแท่งเท่านี้ แบบเดียวกับตอนที่หล่อหลวงพ่อนาก ช่างเขาบอกว่า “ถ้าผิดสูตรจะขัดไม่ได้นะครับ เนื้อจะอ่อนเกินไป” เขาเห็นอาตมาเทโครม ๆ ลงไปเลย อันนี้ทองคำ อันนี้เงิน อันนี้ทองแดง แต่ถ้าเขารู้จักสังเกต จะเห็นว่าหลวงพ่อเทเป็นระยะ คือพระท่านบอกว่าพอแค่ไหนอาตมาก็หยุดแค่นั้น แล้วที่อัศจรรย์สำหรับเขาก็คือ ดูเหมือนเทไปส่งเดช แต่เนื้อโลหะของทั้งสองเบ้าเท่ากันเป๊ะเลย..!”
“สำหรับเขาแล้วอัศจรรย์ แต่สำหรับพวกเราแล้วไม่อัศจรรย์ ก็แค่เทตามคำสั่งของพระท่าน ว่าลงอะไรเท่าไร ? มีคนบอกว่า “หลวงพ่อนากวัดท่าขนุนผิวสวยมาก ขอสูตรหน่อย” อาตมาตอบไปว่า “ไม่มีสูตร ผมก็ไม่รู้ว่าสูตรอะไร ? เพราะว่าผมเทลงไปตามที่พระท่านบอก”
เพราะฉะนั้น..ที่ช่างเขาคำนวณไว้ว่าหลวงพ่อทองคำองค์นี้ใช้ทอง ๓๕ กิโลกรัม น่าจะมีผิดพลาด เพราะว่ารวมแล้วอาตมาใส่ลงไปเกินนั้น เนื่องจากว่าพอพระท่านบอก อาตมาก็ต้องเอาทองรูปพรรณทั้งหมดที่เตรียมไว้ ๓.๕ กิโลกรัมลงไปก่อน หลังจากนั้นก็เป็นทองแผ่น ทองแท่ง ทองก้อนอะไรพวกนั้น ปรากฏว่าเทแล้วเหลือชนวนด้านบนแค่หน่อยเดียว ก็แปลว่าถ้าไม่ใส่ลงไปเกิน ก็อาจจะมีขาด ส่วนฐานไม่เต็มเป็นแน่..!
โดยเฉพาะพวกกรอบพระ พวกอะไรที่เป็นทองเปอร์เซ็นต์น้อย ถ้าใส่ลงไปแล้วเนื้อทองคำจะเป็นลาย แต่ถ้าใส่ไปตามสูตรของพระท่านแล้วจะไม่เป็น หลวงพ่อวัดท่าซุงเรียกพระท่านว่า “ดร. สรรพศาสตร์” ท่านรู้ทุกเรื่องจริง ๆ
เพราะฉะนั้น...ถึงเวลาอาตมาก็ต้องกราบทูลถามพระองค์ท่าน “เอาอย่างไรดีครับ ผมอยากได้แบบนี้ สงสารโยมที่อุตส่าห์ทำบุญมา” ดังนั้น..การหล่อพระคราวนี้ จะชิ้นเล็กชิ้นน้อยแค่ไหน เราก็ใส่ลงไปจนหมด”
พระอาจารย์กล่าวว่า การเข้ากรรมฐานเพื่อปลุกเสกวัตถุมงคลตลอดสามวัน ขนาดอาตมาเองยังโดนบังคับให้ภาวนา อันดับแรกเลยให้ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ก็คือบทสรรเสริญพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ต่อด้วยพระคาถาชินบัญชร เพื่อป้องกันสรรพอันตรายทุกอย่าง แล้วก็พระคาถาเงินล้าน วันละ ๔ รอบ รอบละ ๑๐๘ จบ แล้วหลังจากนั้นก็แล้วแต่ท่าน ว่าจะสั่งให้ภาวนาอะไร
อาตมาใช้เวลาภาวนาแต่ละรอบประมาณเกือบ ๒ ชั่วโมง หรือว่า ๒ ชั่วโมงกว่า แล้วแต่สมาธิว่าเข้าลึกหรือตื้น ถ้าสมาธิเข้าลึกไม่รู้ตัวก็นานหน่อย คำว่าเข้าลึกไม่รู้ตัวก็คือ ไม่รู้สึกว่าเข้าสมาธิลึก..รู้สึกแต่ว่ากำลังภาวนาคาถาอยู่ เมื่อสมาธิลึก ความรู้สึกของตัวเองไม่สะดุด แต่เวลาข้างนอกผ่านไปนานมาก
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือสถานการณ์โลกไม่ดีมาก ๆ ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งสงครามการค้า ทั้งการก่อการร้าย ท่านทำภาพให้ดูว่า นอกจากเทวดาที่ดูแลเรื่องโรคระบาดชุดแดง ซึ่งตอนนี้แทบจะเต็มโลกแล้ว ยังมีชุดเขียวโผล่ขึ้นมาอีก ชุดเขียวนี่ดูแลเรื่องโรคระบาดสัตว์ ก็แปลว่าตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป จะมีโรคระบาดของสัตว์เพิ่มขึ้นมาด้วย แม้ว่าจะไม่มากมายเท่ากับโรคระบาดคน แต่ก็น่าคิดว่าชีวิตสัตว์จะต้องโดนทำลาย เพื่อสกัดกั้นโรคไม่ให้ระบาดอีกไม่รู้เท่าไร ต้องมีการสร้างเวรสร้างกรรมกันอีกมาก
ส่วนในเรื่องของการรบราฆ่าฟัน ท่านบอกว่ายักษ์หินนอกพุทธศาสนาที่จะลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากัน จนล้มตายไปฝ่ายละครึ่งตามพุทธทํานายนั้น เขาเริ่มลงมือกันแล้ว เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ดังนั้น..ถ้าหากว่าเป็นไปได้ในแต่ละวัน ให้พวกเราตั้งใจอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ภาวนานึกถึงภาพพระ หรือว่าวัตถุมงคลที่เราเคารพบูชา สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้องให้ได้อย่างน้อย ๓ จบ ขอให้คุ้มครองตัวเราและคนที่เรารักให้ปลอดภัยด้วย
เรื่องบางอย่างถ้าอาตมาพูดมากเกินไป ก็จะตื่นตระหนกตกใจกัน เอาเป็นว่าสถานการณ์ทั้งในประเทศนอกประเทศไม่ดีเลย เช่นว่าน้ำท่วมเกือบตาย แต่ก็จะแล้งตามตูดมาทันทีทันใด ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้
ดู ๆ แล้วโลกเรากำลังวิปริตผิดเพี้ยนไปมาก เกิดจากการที่คนเราห่างศีลห่างธรรม เมื่อละเมิดศีลละเมิดธรรม กำลังฝ่ายต่ำมีมาก แม้แต่ดินฟ้าอากาศก็แปรปรวนไปหมด
ถาม : ระหว่างการจับลมหายใจอย่างเดียว กับการเคลื่อนจิตไปรู้เห็น มีผลเหมือนกันไหมครับ ?
ตอบ : ทำวิธีไหนก็ได้ ถ้า รัก โลภ โกรธ หลง ไม่เกิด ก็ถือว่ามีผลทั้งนั้น
ถาม : เวลาเกิดโทสะ โมหะ แล้วเราเพ่งกดลงไป ?
ตอบ : วิธีที่ถูกต้องที่สุดก็คือ พิจารณาว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีแต่โทษ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ สร้างความเศร้าหมองให้แก่เรา เสร็จแล้วก็ตัด ก็ละ ก็วางลงไป ไม่อย่างนั้นเราก็ได้แต่ข่มไว้เป็นพัก ๆ เมื่อถึงเวลาสมาธิคลายออกมา กิเลสก็ตีกลับอีก
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของมีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญที่สร้าง จันทร์เพ็ญในที่นี้ ก็คือจันทร์เต็มดวงสองครั้งภายในเดือนเดียวกัน เพราะว่าเดือนตุลาคมปีนี้มีวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ กับขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ อยู่ในเดือนเดียวกัน ที่ฝรั่งเรียกว่า Blue Moon
ปกติโบราณเขาถือว่า วันเพ็ญเดือนสิบสองเป็นวันที่พลังของดวงจันทร์สมบูรณ์บริบูรณ์ที่สุด ในเมื่อปีนี้มีพลังดวงจันทร์เดือนเดียวสองรอบด้วยกัน วันเพ็ญเดือนสิบสองเป็นจันทร์ที่สอง พลังของดวงจันทร์เป็นสองเท่า อาตมาเลยสร้างมีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญขึ้นมา เพื่อเข้าพิธีนี้โดยเฉพาะ
มีดที่สร้างนั้น ความตั้งใจก็คือจะขอพระท่านว่า มีดหมอทั่ว ๆ ไปนั้นใช้งานลำบาก อยากได้มีดใช้งานทั่ว ๆ ไป ประเภทใช้งานหั่นผัก ผ่าฟืน ฟันโน่น ฟันนี่ได้ แล้วขณะเดียวกันก็เป็นมีดหมอได้ด้วย”
“ก็เลยไปพบกับทางด้านคุณไก่ บ้านฆ้อง (คุณปริญญา นัทธี) ซึ่งรู้จักกับช่างหมูที่เป็นช่างตีมีด มืออันดับต้น ๆ ของประเทศ อยู่ที่ห้วยกระบอก กาญจนบุรีนี่แหละ ขอให้ไปติดต่อให้ช่างหมูช่วยตีมีดให้
เวลาช่างหมูตีมีด ถ้าเป็นเหล็กลาย ช่างหมูจะตีด้วยเหล็กถึง ๓๑๕ ชั้น แม้ว่าจะยากและแพงหน่อย แต่ว่าทำมือทุกเล่ม ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะทำขนาด ๑๑ นิ้ว กับ ๙ นิ้ว ตามตำราของหลวงพ่อเดิม แต่พอเขาทำตัวอย่างมาให้ดู ๑๑ นิ้ว ใหญ่เกินไปสำหรับคนทั่วไป น้ำหนักมาก พกพาลำบาก ๙ นิ้วก็รู้สึกว่าจะยาวเกินไป พกพาลำบากเช่นกัน จึงมาลงตัวที่ขนาด ๗ นิ้ว
ด้วยความที่มีผู้ถวายไม้พะยูงเอาไว้ตั้งแต่สมัยที่สร้างพระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราช จึงเอาไม้พะยูงตรงนี้มาใช้งาน ทำเป็นด้ามและฝัก แต่คราวนี้ด้วยความที่ว่าเป็นมีดตีด้วยเหล็กลาย ๓๑๕ ชั้น และทำมือทุกเล่ม ก็เลยไม่ยาว ๗ นิ้วเป๊ะ ๆ เท่ากันทุกเล่ม แต่จะมี ๗ นิ้วเกินนิดหน่อย บางเล่มก็เกินเป็นเซนติเมตรเลย
คราวนี้เมื่อประกอบเข้าไปแล้วปรากฏว่า มีดที่ส่งมามีสมบูรณ์จริง ๆ แค่เล่มตัวอย่าง ๑๑ นิ้ว ๑ เล่ม ตัวอย่าง ๙ นิ้ว ๑ เล่ม ตัวอย่าง ๕ นิ้ว ๕ เล่ม แล้วก็เล่มสมบูรณ์ที่ทำเพิ่มมาอีก ๔๑ เล่ม นอกนั้นส่งมาเข้าพิธีแค่ใบมีดเท่านั้น คือขอให้ได้เข้าพิธีไว้ก่อน”
“ใครที่ได้มีดลูกพราหมณ์รุ่นนี้ไป เวลาจะใช้งาน ยกมือไหว้พระ ขอขมาท่านก่อน แล้วก็ใช้งานไปตามปกติได้เลย แต่ว่าต้องขยันหมั่นทำความสะอาด เพราะว่าเหล็กลายตีจากเหล็กปกติ เพียงแต่ซ้อนกันหลายชั้น เผลอเมื่อไร สนิมจะกินได้ ดังนั้น..มีดชุดนี้จะเป็นมีดที่ใช้งานได้เต็มที่ เพราะว่าตั้งใจทำมาเพื่อให้ใช้งาน
สำหรับมีดหมอโบราณ คนทั่วไปก็ใช้งานกันเป็นปกติอยู่แล้ว เท่าที่อาตมาเจอ ไม่ว่าจะเป็นมีดหมอหลวงพ่อรุ่ง มีดหมอหลวงพ่อเดิม มีดหมอหลวงพ่อกวย มีดหมอหลวงปู่ทองเฒ่า มีดหมอหลวงปู่ยิ้ม ทุกเล่มคมกริบทั้งนั้น แสดงว่าของโบราณเขาทำมีดหมอมาเพื่อให้ใช้งานจริง ๆ
แต่ด้วยความที่สายเราเคารพพระเป็นปกติ พอถึงเวลาเห็นมีพระ มีอักขระเลขยันต์อยู่ ก็จะไม่กล้าที่จะเอาไปใช้งานทั่วไป มีแต่อาตมาที่บ้า ๆ บอ ๆ จึงกล้าใช้งาน ไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา คราวนี้ก็เลยขอทำแบบที่ไม่มีรูปพระ มีแต่โค้ดตอกให้รู้เท่านั้น”
ถาม : อยากจะขอบูชามีดลูกพราหมณ์ครับ ?
ตอบ : ต้องรอ..ไม่รอก็ไม่ได้..หมด คงต้องไปตบตีกันในเว็บแล้ว ตอนนี้เขากำลังทำให้ ประกอบได้ประมาณอาทิตย์ละ ๒๐ เล่มเท่านั้น ช้าตรงที่ต้องถักหวายรัดปลอก ค่าถักหวายเล่มละ ๒๕๐ บาท..!
ถาม : แค่ห้าเส้นนั่นหรือครับ ?
ตอบ : เออ..! แล้วห้าเส้นนั้นคุณทำได้ไหม ?
ถาม : ไม่ได้ครับ ?
ตอบ : ถักอย่างไรต้องให้พอดีเป๊ะ ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย
รู้จริงสิ่งเดียวอาจ................มีมั่ง
เลี้ยงชีพช้าอยู่ร้อย..............ชั่วลื้อเหลนหลาน
คนหนึ่งตีใบมีด คนหนึ่งทำด้ามมีด คนหนึ่งทำฝักมีด คนหนึ่งทำหวายรัดฝักมีด อีกคนหนึ่งทำปุ่มล็อคด้ามและกั่น เป็นงานทำมือทั้งนั้น ปุ่มล็อคกับปลายกั่นต้องค่อย ๆ เทหยอดทีละอัน
ถาม : ผมจะไปจีน ?
ตอบ : ไปจีนตอนนี้นะ..มั่นใจมากเลยนะว่าจะรอด..! ไปเมืองไหน ?
ถาม : ไปอู่ฮั่นครับ ?
ตอบ : เอาเลย...อาราธนาพระอย่างเต็มที่ มีกี่องค์ขนไปให้หมดเลย สุดยอดมาก..ไปอู่ฮั่น..!
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่รอมีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญอยู่ ก็ต้องรออีกสักระยะหนึ่ง เพราะว่าทุกอย่างทำด้วยมือ อย่างเช่นว่าฝัก ด้าม ปลอกมีด หวายรัดปลอก แม้กระทั่งใบมีด ในเมื่อตีด้วยมือทุกอัน จากที่กำหนดไว้ว่ายาว ๗ นิ้ว ก็จะเกินนิดเกินหน่อย แต่บางอันก็ไม่หน่อยละ บางอันเกินไปเป็นเซนติเมตรเลย คือคนทำเสียดายเหล็ก ไหน ๆ ก็ตีออกมาแล้วแล้ว ขึ้นรูปเป็นมีดแล้วก็เลยไม่ทิ้ง
อีกอย่างหนึ่ง จันทร์เพ็ญเดือนหนึ่งมี ๒ เพ็ญ..หายาก ที่หายากมากเพราะว่าเป็นวันเพ็ญเดือน ๑๒ ที่โบราณเขาถือว่าสมบูรณ์บริบูรณ์ที่สุด อาตมาตั้งใจทำมาเข้าพิธีด้วยจุดประสงค์นี้อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือตั้งใจให้ไว้เป็นมีดใช้งานติดตัว จะไปงัดแงะไปตัดไปฟันอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ถ้าแรงดีอย่างอาตมา ใช้เล่ม ๑๑ นิ้ว อย่างที่อาตมาใช้อยู่นี่ ต้นไผ่โดนพายุพัดล้มทับทาง ลงไปจ้วงไม่กี่ทีก็หมดกอเลย ลำหนึ่งฟันอย่างเก่งก็ ๒ ที อาตมาข้อแข็งไปหน่อย ไม้ไผ่ลำเท่าแขน ฟัน ๒ ที แต่เสียดายว่า ๑๑ นิ้ว เล่มใหญ่แล้วสันหนามาก น้ำหนักมาก พกยาก อาตมาก็เลยทำเล่มตัวอย่างขึ้นมาเล่มเดียว ส่วน ๙ นิ้ว เขาตีมา ๑๑ เล่ม เล่มตัวอย่างตอกโค้ด ๑๖ แห่ง ถวายให้ครูบาวิฑูรย์ไปในวันออกนิโรธกรรม
ส่วนที่เหลือกำลังรอเข้าด้ามอยู่ ปัจจุบันนี้ก็คือรอประกอบชิ้นส่วน เพราะว่าการถักหวายนั้น วันหนึ่งก็ได้แค่ประมาณ ๒๐ อันเท่านั้น ปลอกมีดหนึ่งอัน ถักหวาย ๕ เส้น ค่าถัก ๒๕๐ บาท ทำด้วยมือทุกอย่าง ประณีตทุกอย่าง ราคาแพง เฉพาะต้นทุนอย่างเดียว ประมาณ ๕,๐๐๐ กว่าบาท เพราะว่าด้ามและฝักเป็นไม้พะยูงที่ราคาแพง
บ้านเราก็แปลก ไม้หวงห้าม..ถ้าเป็นไม้แผ่นไม้ท่อนผิดกฎหมาย แต่ถ้าทำมาเป็นของใช้แล้วไม่ผิด กฎหมายอะไรวะ ? ก็เลยปล่อยให้เขาไปเสี่ยงดวงหาไม้กันเอง วันไหนกำนันโดนจับ อาตมาจะไม่แปลกใจเลย กำนันเจ้าของถิ่นเขาเป็นคนจัดการให้"
ถาม : หลานสาวอยู่ออสเตรเลีย ปลอดภัยไหมคะ ?
ตอบ : อยู่ที่ไหนในโลกก็ไม่มีใครรับรองความปลอดภัยให้หรอก มีทางเดียวก็คืออยู่กับพระไว้ก่อน
ถาม : แผ่นยันต์เลเซอร์กันกัมมันตรังสีได้ไหมคะ ?
ตอบ : ต้องลองเอาไปใช้ดู
ถาม : ควรจะไปเลี่ยมแล้วแขวนคอหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : กลืนลงท้องไปเลยก็ได้ จะได้ไม่หล่นหาย..! ตัดสินใจเอาเองสิว่าจะทำอย่างไร..!
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมเด็จองค์ปฐมที่เป็นลอยองค์ด้านหลังท้าวเวสสุวรรณ ต้องบอกว่ากึ่งลอยองค์ อาตมาอนุญาตให้ทางคณะกรรมการจัดหาทุนสร้างพิพิธภัณฑ์พัดยศแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และสร้างหลวงพ่อทองคำวัดไตรมิตรฯ องค์จำลอง สร้างในนามของวัดท่าขนุน อาตมาไปเสกให้ ๓ รอบ คราวนี้เมื่อปิดโครงการ ท่านก็นำส่วนที่เหลือเล็กน้อยมามอบให้กับทางวัดท่าขนุน โดยระบุมาว่าร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี
ฉะนั้น..ญาติโยมที่ทำบุญรายการนี้ให้รู้ว่า เรามีอานิสงส์ของวิหารทาน คือสร้างวิทยาลัยสงฆ์ อานิสงส์ของธรรมทาน คือวิทยาลัยสงฆ์ย่อมเป็นที่สอนหนังสือแก่พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งฆราวาสที่เรียนร่วมด้วย มีอานิสงส์ในเรื่องของธรรมทาน คือสร้างพิพิธภัณฑ์พัดยศแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีอานิสงส์พุทธบูชาและสร้างพระพุทธรูป ก็คือสร้างพระพุทธรูปทองคำประจำพิพิธภัณฑ์ ขอให้ท่านทั้งหลายได้รับบุญส่วนนี้โดยทั่วหน้ากัน”
ถาม : ยังมีให้บูชาที่วัดไตรมิตรฯ ?
ตอบ : ไม่มี...เพราะว่าเมื่อวานนี้ทางวัดไตรมิตรฯ ส่งข้อความมาบอกว่า “หลวงพ่อครับ ขอเนื้อเงินคืน ๑ องค์ จะนำไปถวายท่านเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ที่ไปเยี่ยมวัด” ...(หัวเราะ)... เขาโกยมาให้เราจนหมดแล้วจริง ๆ
พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมท่านหนึ่งว่า “สามารถภาวนาในท่ามกลางความวุ่นวายได้ โดยที่กำลังใจไม่ส่งส่ายตามภายนอก รู้ลมหายใจเข้าออกตลอดเวลา หูได้ยินเสียงเป็นปกติ เขาเรียกว่า ปฐมฌาน
ถ้าหูได้ยินเสียงเบาลง ลมหายใจเบาลง เขาเรียกว่า ทุติยฌาน หรือฌานที่สอง
ถ้าฌานที่สามนี่จะไม่เอาข้างนอกแล้ว กำลังใจรวบเข้ามารวมกัน บางทีรู้สึกตัวแข็งทื่อ หรือว่ารู้สึกเหมือนกับโดนมัดจนตึงเลย หรือไม่ก็รู้สึกเหมือนโดนใครสาปเป็นหิน แบบนี้เป็นอาการของฌานที่สาม
ถ้าหากว่าตัดเหลือแต่ข้างหน้าบริเวณใดบริเวณหนึ่ง สว่างเหมือนอย่างกับพระอาทิตย์ยามเที่ยง ไม่รับรู้อาการภายนอก ไม่ได้ยินไม่ได้เห็นทั้งสิ้น คืออาการของฌานสี่ แต่เป็นฌานสี่ในการฝึก ถ้าเป็นฌานสี่ใช้งานสามารถรับรู้ข้างนอกทุกอย่าง แต่สภาพจิตดิ่งลึกมาก ภาวนาคาถาเงินล้านหนึ่งจบอาจจะใช้เวลา ๒-๓ ชั่วโมง โดยที่สภาพจิตต่อเนื่องไม่ขาดเลย
เรื่องพวกนี้ถามอาตมาได้ เพราะว่าฝึกซ้อมอยู่หลายปี”
พระอาจารย์กล่าวว่า “ระมัดระวังด้วย..โควิดกำลังระบาดแรง อย่าลืมว่าตอนนี้ของเราเป็นการแพร่ระบาดภายในแล้ว รายคนอินเดียที่จังหวัดกระบี่นั้นติดเชื้อในบ้านเราเอง ประมาทไม่ได้แล้วนะ ต้องระมัดระวังเอาไว้ เพราะว่าถ้าหากว่าติดเชื้อ ไม่ใช่แต่เราเท่านั้น คนรอบตัวเราจะซวยไปด้วย..!”
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จะมีการภาวนาพระคาถาเงินล้าน แต่คราวนี้ด้วยความที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ กำลังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทางคณะกรรมการผู้จัดจึงมาขออนุญาตว่า จะไม่จัดที่หอประชุมใหญ่ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย แต่จะขออนุญาตจัดภาวนาออนไลน์แทน
อาตมากำลังตัดสินใจว่า จะเป็นที่บ้านเติมบุญแห่งนี้ หรือว่าจะเป็นที่วัดท่าขนุนดี แต่ใจอาตมาคิดว่าวัดท่าขนุนน่าจะสะดวกกว่า เพราะว่าถ้าโยมไปร่วม อย่างน้อยศาลาก็รับได้เป็นพัน ถ้าหากว่าโยมไม่ได้ไปร่วมก็ภาวนาออนไลน์ พระที่ไปร่วมพิธีก็ได้นั่งกันสะดวก กำลังรอการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ตอนระยะเวลาใกล้เคียงจะแจ้งให้ทราบ”
ถาม : (ทิดที่บวชหมู่รีบสึกออกมา) ทำใจไม่ได้ หลวงพ่อไม่อยู่วัด เหงา...ต้องมาหาหลวงพ่อ ?
ตอบ : ถ้ายังมัวแต่เกาะหลวงพ่ออยู่ ก็เอาตัวไม่รอด พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เราต้องมีตัวเองเป็นเกาะ เราต้องมีตัวเองเป็นฝั่ง เราถึงจะสามารถที่จะข้ามกระแสเข้าสู่พระนิพพานได้ มัวแต่เกาะหลวงพ่ออยู่ก็ไปไม่รอดสิวะ..!
ถาม : อยากจะละเรื่องความพอใจในเรื่อง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ควรจะปฏิบัติอย่างไรคะ ?
ตอบ : หนึ่ง..อสุภกรรมฐาน สอง..กายคตานุสติกรรมฐาน เลือกเอาว่าถนัดแบบไหน อสุภกรรมฐานก็พิจารณาซากศพ จะได้เห็นชัด ๆ กายคตานุสติกรรมฐานก็ดูที่ตัวเรา ภายในภายนอกมีอะไรสะอาด ? มีอะไรดีจริงบ้าง ? ถ้าเห็นชัดเจน กำลังใจเบื่อ..ก็ละได้ไปเอง
ถาม : เคยปฏิบัติตามที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านแนะนำเรื่องกายคตานุสติกรรมฐาน แต่ว่าจิตยังไม่ค่อยมั่นคง ยังหลุดไปบ่อย ๆ ก็เลยยังมีความยินดียินร้าย ?
ตอบ : ทำให้มากขึ้น รักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่องขึ้น วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง เราทำได้กี่นาที ?
ถาม : ตอนนี้อยู่บ้าน ไม่ได้ทำงาน ก็พยายามทำต่อเนื่องค่ะ แล้วถือศีล ๘ ด้วยค่ะ ?
ตอบ : ทำไปเรื่อย ๆ เมื่อความชัดเจนมีมากขึ้น กำลังใจจะค่อย ๆ ปลดออกมาเอง
ถาม : เราเลือกแค่หมวดใดหมวดหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นอสุภกรรมฐานก็ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ถ้าหากว่าทำเป็น ก็ใช้ได้ทั้งหมด แต่เพียงแต่ว่าพวกเรามีข้อบกพร่องใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง ก็คือทำไม่ต่อเนื่อง พอถึงเวลา เราก็ทิ้งเลย ไม่เคยรักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่องไว้ทั้งวัน กิเลสก็ตีกลับ
ถาม : ก็คือให้พิจารณากายคตานุสติกรรมฐานทั้งวันเลยใช่ไหมคะ ? เช้ามีพุทโธอยู่ในใจแล้ว พิจารณาอาการ ๓๒ ทั้งวันใช่ไหมคะ ?
ตอบ : อันดับแรกเลย รักษาความรู้สึกอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกให้ได้ก่อน ถ้าความรู้สึกอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้นานเท่าไร กำลังใจก็ห่าง รัก โลภ โกรธ หลง มากเท่านั้น แล้วหลังจากนั้น พอกำลังใจห่าง รัก โลภ โกรธ หลง ความผ่องใสเกิดขึ้น เราก็ค่อยไปพิจารณา
ถาม : ปกติก็ทำอย่างนั้นอยู่ค่ะ นั่งสมาธิก่อน แล้วก็ภาวนาพุทโธไป พอจิตถอยลงมาก็พยายามคิดถึงกายคตาฯ แต่ว่าอย่างที่หลวงพ่อบอก ยังไม่ค่อยต่อเนื่องค่ะ ?
ตอบ : สำคัญที่สุดก็คือทุกเวลาที่เห็น จะต้องดึงเข้ามาหาตรงนี้ให้ได้ ไม่ใช่ว่าเห็นเฉพาะตอนเรานั่งกรรมฐาน ที่เราไปเห็นตอนนั่งกรรมฐาน เห็นตอนนึก ถือว่าของปลอม ของจริงก็คือไอ้ที่ทิ่มตาเราอยู่นี่ ถ้ามองไป ยังเห็นเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นหญิง เป็นชายอยู่ กิเลสก็ตีตายแล้ว
ถาม : จะขอไปปฏิบัติกรรมฐานที่วัดได้ไหมคะ ?
ตอบ : ที่โน่นอนุญาตให้อยู่แค่ ๗ วันเท่านั้น สถานที่ไม่ได้สำคัญ สำคัญตรงที่เราทำจริงหรือเปล่า ? ทำจริงแล้วทำต่อเนื่องหรือเปล่า ? ทำต่อเนื่องแล้วรักษาอารมณ์ได้หรือเปล่า ? ไม่ใช่ว่าลุกขึ้นแล้วก็หายหมด
ถาม : ถ้ารับวัตถุมงคลไป แล้วนำไปขายบวกราคา ทำได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้ามีคนเขาซื้อก็ทำไปเถอะ จะบวกสักกี่ล้านทางวัดก็ไม่ได้ห้ามไม่ได้หวง พอซื้อไปก็เป็นของเรา แล้วแต่เราจะจัดการ
เมื่อวานเขาเพิ่งจะเหมาแผ่นยันต์เกราะเพชรเนื้อเงินไปหนึ่งล้านบาท ความจริงเขาจะเอาล้านห้าแสนบาท แต่มีให้เขาแค่นั้น อาตมาบอกแล้วว่ายันต์เกราะเพชรโลหะนั้น ตั้งใจทำเอาไว้ให้นำไปหล่อพระ
พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลทั้งหมดเอาไปเข้าพิธีกรรมฐาน ๓ วันมาแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาถาม อาตมาอุตส่าห์โกยไปเข้าทั้งหมดนั่นแหละ
ถ้าใครบูชาไป หาซองใส่ เขียนให้ดี ไม่อย่างนั้น ลูกหลานจะแยกไม่ออก เพราะว่าบางส่วนก็บูชาไปแล้วโดยที่ไม่ได้เข้าพิธีกรรมฐาน ๓ วัน เพราะว่าของบางอย่างออกมาตั้งหลายปีแล้ว"
ถาม : ถ้าจะย้ายตี่จู้เอี๊ย ต้องทำอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ก็ทำแบบจีน จุดธูปเทียนบอก ถวายน้ำชา ถวายเหล้า ถวายโหงวก้วย (ผลไม้ ๕ อย่าง) ซาแซ (เนื้อสัตว์ ๓ อย่าง) ธรรมเนียมใคร ธรรมเนียมมัน ย้ายแบบจีนนั้นย้ายง่าย แค่หาวันเท่านั้น ไปดูวันจีนก็แล้วกัน
เชื่อเถอะ..ประเทศไทย ๙๐ เปอร์เซนต์มีทั้งนั้นแหละ เป็นเชื้อสายลูกหลานจีนมาแทบทั้งนั้น
ถาม : พระคาถาที่รักษาโรค ผมฟังจากไฟล์เสียงของหลวงพ่อฤๅษีฯ ที่หลวงพ่อท่านเทศน์ไว้ "ทุกขา ทุกขัง สุปติฏฐิตัง สัมปฏิจฉามิ" ?
ตอบ : เรื่องของคาถาจะผิดจะถูก อยู่ที่เรามั่นใจ
ถาม : ต้องมีคำว่า "สุ" ไหมครับ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าจะผิดจะถูกอยู่ที่เรามั่นใจ ต่อให้ถูก ถ้าหากว่าเราไม่มั่นใจ ก็ไม่ได้ผล คาถาเป็นบาทของอภิญญา คนทำต้องมั่นใจชนิดมอบกายถวายชีวิต ไม่มีลังเลสงสัยอะไรทั้งสิ้น อาตมาเองท่องคาถาบางบทผิด ๆ มาทั้งชีวิต แต่ก็ได้ผลดี
พระอาจารย์กล่าวว่า "บางทีอะไรที่ต้องรอให้เราตัดสินใจคนเดียวก็ลำบาก"
ถาม : ทำไมครับ ?
ตอบ : เรื่องที่ควรจะตัดสินใจกันเองได้ แต่ก็ไม่มีใครตัดสินใจ
ถาม : เพราะไม่มีใครอยากผิดไหมครับ ?
ตอบ : น่าจะประมาณนั้น เพราะฉะนั้น..อาตมาไม่แปลกใจเลย สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง หลวงพ่อท่านถึงได้เรียกใช้อยู่คนเดียว เพราะว่าอะไรถ้าเห็นว่าเป็นไปได้ แล้วไม่มีอะไรเสียหาย มีประโยชน์ต่อส่วนรวม อาตมาตัดสินใจทำเองเลย โดยไม่ต้องรอให้ท่านสั่ง
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์อาตมาจะไปตระเวนดูงานเกี่ยวกับสินค้าชุมชนทางด้านภาคอีสานและภาคเหนือ มีหลายแห่งเขาทำได้ดีมาก ต้องเอามาให้พวกเราปรับปรุงกัน ที่ว่าทำได้ดีมากก็คือ ระบบการผลิตและจัดจำหน่ายของเขาครบวงจรเลย"
พระอาจารย์กล่าวสอนโยมท่านหนึ่ง "อย่าขี้โมโหแล้วทุกอย่างจะดีเอง บอกให้แค่นี้แหละ"
ถาม : ที่บ้านจะตัดไม้ใหญ่ ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นไม้มีแก่นก็ตั้งศาลให้เขา
ถาม : ถ้าหากว่าตัดแค่กิ่งอย่างเดียว..ไม่โค่น ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้น แค่จุดธูปบอกกล่าว ขออนุญาตเขาก็พอ
พระอาจารย์กล่าวกับโยม "ใจเย็น ๆ อายุยังน้อยอยู่ ยังมีเวลาทุกข์อีกเยอะ อย่าเพิ่งรีบกลุ้มรีบทุกข์ เห็นไหมว่าเด็กคลอดออกมาก็ร้องไห้แล้ว รู้ว่าเจอทุกข์หนักแน่ แต่ว่าส่วนใหญ่ พวกเราไม่ค่อยจะรู้กัน
คนเราอยู่ได้ ถ้ายังมีอายุ มีไออุ่นก็คือปราณ มีวิญญาณก็คือประสาทความรู้สึก ฉะนั้น...จะเห็นว่าคนแก่ ประสาท ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เสื่อมหมด ถึงเวลาถ้าหากว่าหมดอายุ...ตาย หมดปราณคือพลังชีวิต...ตาย หมดวิญญาณ ที่เขาเรียกวิญญาณาหาร อาหารทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ตายเหมือนกัน"
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันศุกร์ ส่วนที่เขาขอบูชาไปมากที่สุดก็คือ แผ่นยันต์เกราะเพชรเนื้อเงินแผ่นใหญ่ เพราะว่านอกจากมีอานุภาพยันต์เกราะเพชรแล้ว ท่านยังเพิ่มมหาสะท้อนให้ด้วย เท่ากับ "ทูอินวัน" ก็ต้องบอกว่าเขาคงตั้งใจจะกักตุนเลย ขอบูชาไปคนเดียว ๑,๕๐๐ แผ่น เขามีเงินก็ปล่อยเขาทำไปเถอะ เราเองก็บูชา ๕ แผ่นแข่งกับเขา คุณมีเท่าไร ไม่เป็นไร..เรามีเหมือนกัน
แผ่นละ ๑,๐๐๐ บาท ลองเอา ๑,๕๐๐ คูณ เป็นเงินเท่าไร ? คนเดียวแบกเงินสดมาหนึ่งล้านห้าแสนบาท..!
แต่ว่าระยะหลัง บรรดาเซียนพระ ถึงวัดเราไม่หากินกับเขา เขาก็หากินกับวัดเรา ส่วนใหญ่แล้วเซียนพระจะไปขอสร้างวัตถุมงคลของวัดนั้น ๆ แล้วแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กับทางวัด อย่างเช่นว่าหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน ปีนี้ปีเดียวออกวัตถุมงคลประมาณ ๓๐๐ รุ่น..! ก็คือที่โน่นขอสร้าง ที่นี่ขอสร้าง ท่านเมตตาก็อนุญาตไปเรื่อย แต่คราวนี้ทางวัดท่าขนุน ถ้าพระท่านไม่อนุญาต เราจะไม่สร้าง ต่างกันตรงนี้ ก็เลยทำให้เซียนพระหากินไม่ได้"
พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงพ่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำอยู่บนหิ้งพระ ถ้าคิดว่าแบกไหวก็ลองดู ไม่กี่สิบกิโลกรัม ...(หัวเราะ)... เพราะว่าไม่สามารถที่จะหล่อกลวงได้ก็ต้องตันทั้งองค์ไปเลย
ใครไม่มีธุระอะไรก็นั่งสวดมนต์ถวายหลวงพ่อทองคำไป โดยเฉพาะสวดพระคาถาเงินล้าน หรือว่าอยากจะถ่ายรูปกับหลวงพ่อทองคำใกล้ ๆ ก็เอาเลย เดี๋ยวถ้าอัญเชิญไปวัด ประดิษฐานอยู่บนมณฑปก็ถ่ายยากอีก”
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่สวดพระคาถาเงินล้านถวายพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ “ดูสิว่าจะได้กี่จบ ? ท่องเผื่อคนอื่นด้วย เรายิ่งตัดโลภได้เท่าไรก็ยิ่งรวยมากเท่านั้น
อย่างตอนเจริญกรรมฐาน ๓ วัน พระท่านสั่งให้อาตมาภาวนาพระคาถาเงินล้านวันละ ๔ รอบ รอบละ ๑๐๘ จบ จึงภาวนาเผื่อคนทั้งโลก ใครโมทนาก็มีส่วนไปด้วย ของอาตมาเองไม่เอาคนเดียว เพราะว่ากำลังใจยิ่งเปิดกว้างเท่าไร อานุภาพวัตถุมงคลก็ยิ่งสูงเท่านั้น ต้องเป็นกำลังใจที่ประกอบไปด้วยพรหมวิหารสี่อย่างเต็มเปี่ยม ปราศจากความเห็นแก่ตัว มองเห็นสรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เราอยากดี อยากมีความสุข อยากร่ำรวยอย่างไร คนอื่นเขาก็อยากแบบนั้น แล้วตั้งใจแผ่เมตตา ภาวนาพระคาถาไป
บางคนเขาว่า หลวงพ่อทำอย่างไรถึงได้เงินทองไหลมาเทมา ? อ๋อ...ทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อคนอื่นเป็นการส่งออก กระแสจะไม่ตกค้าง จึงหมุนเวียนรวดเร็วมาก ในเมื่อหมุนเวียนรวดเร็วมาก เข้าเร็วออกเร็ว ของใหม่ก็ไหลตามมา ก็เลยกลายเป็นเงินทองไหลมาเทมา
เคล็ดลับพวกนี้เราต้องเข้าถึงจริง ๆ ไม่ใช่อาตมาบอกแล้ว พวกเราไปทำตามแล้วจะได้เลย กำลังใจต้องได้ด้วย ไม่ใช่รู้ว่า อ้อ..ต้องทำอย่างนี้ ถ้ารู้แค่ว่าทำอย่างนี้แล้วไม่มีประโยชน์ เพราะว่ากำลังใจยังไม่ได้”
พระอาจารย์กล่าวว่า “ไม่ต้องถามหาวัตถุมงคลที่เจ้าอาวาสนะ หลายต่อหลายคนบอกว่า ที่อื่นหมดแต่เจ้าอาวาสต้องมี เพราะว่าวัดอื่นอย่างน้อยเจ้าอาวาสต้องเก็บไว้เป็นลัง ขออภัย..วัดท่าขนุนไม่เก็บ ...(หัวเราะ)...”
พระอาจารย์พูดถึงเหรียญสมเด็จองค์ปฐมลอยองค์หลังท้าวเวสสุวรรณ “ที่อาตมากล้าตัดราคาของทางวัดไตรมิตรฯ ลงมา เพราะว่าของที่วัดเขาไม่มีแล้ว ถ้าเขายังมีอยู่ เราไปทำอย่างนั้นเขาก็ตายเลย ในเมื่อเขาขนของที่เหลือมาให้ที่นี่ เพื่อที่จะออกรุ่นใหม่ คือพระกริ่งมหาชัยยศ กับเหรียญพัดยศหลวงพ่อสมเด็จฯ หลังท้าวเวสสุวรรณ เพื่อไม่ให้บัญชีสับสน ส่วนที่เหลือนี้เขาก็เลยถวายวัดท่าขนุนมา ก็ถือว่าเป็นการดี เพราะว่าเราไม่ต้องไปสร้างวัตถุมงคลเอง ได้เท่าไรเราก็กำไรเท่านั้น”
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่ง “ทำไมใจเดียวกับอาตมา..เลือกท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ ? ก็คืออาตมาเป็นประเภทเอาปลอดภัยไว้ก่อน พระพุทธเจ้าเหมือนกับในหลวง ท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณเหมือน ผบ.ทบ. เราเทิดในหลวงไว้เหนือเศียรเหนือเกล้า มี ผบ.ทบ.ติดตัว ไปไหนก็ปลอดภัย ...(หัวเราะ)... เพราะฉะนั้น..อาตมาก็เลยพกเหรียญท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณเป็นปกติ
ก็คือเหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท้าวเวสสุวรรณเนื้อเงินนั่นแหละ ตอนแรกรองฯ สมเกียรติ นาคศรีโภชน์ รองประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ขับรถชนสองครั้งติดกัน รถพังไปสองคัน อาตมาเห็นว่าดวงตกมาก ก็เลยสละเหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณเนื้อเงินที่ติดตัว ให้กับรองฯ สมเกียรติไป ตั้งแต่นั้นมาทุกอย่างก็สะดวกราบรื่นปราศจากอันตราย ตัวเองก็เลยต้องหาบูชาเหรียญใหม่มาพกต่อ ...(หัวเราะ)...”
ถาม : ตอนงานหล่อพระท่านดูผ่องมากเลยครับ ?
ตอบ : เพิ่งเข้ากรรมฐานมา ๓ วัน กลายเป็นเด็กไปเลยใช่ไหม ? บางคนเห็นก็นึกว่าเณร ...(หัวเราะ)...
พระอาจารย์ให้พรโยม “ขอให้แข็งแรง ๆ อยู่ยั้งยืนยง แต่ที่อยู่ยั้งยืนยงจริง ๆ มีที่เดียวคือพระนิพพาน ที่อื่นไม่มีหรอก ...(หัวเราะ)...”
พระอาจารย์กล่าวกับพระนักเรียนบาลี “ลองดู..ทุ่มให้เต็มที่ ถ้าสองปีได้มหานี่สุดยอดเลย ...(หัวเราะ)...
เรื่องของบาลีไม่มีอะไรหรอก สำคัญที่ตรงความขยัน พระครูบ่าวเรียนสู้เด็กไม่ได้เลย แต่ปรากฏว่าสามเณรสอบตก พระครูบ่าวสอบได้ เพราะว่าพระครูบ่าวอายุมากแล้ว ตัวเองมีความขยันเข้าสู้ เป็นนักเรียนตัวอย่าง ถึงเวลาทางวัดสามพระยาก็จะบอกว่า มหาชุมพรเป็นตัวอย่างอย่างโน้นอย่างนี้ อายุมาก พรรษามาก ไม่ได้หมายความว่าจะสู้เด็กไม่ได้”
พระอาจารย์กล่าวว่า “ท่านใดสละทองคำ สละเม็ดเงิน หรือว่าเครื่องประดับมาเพื่อหล่อพระ พอเห็นพระเสร็จออกมางาม ๆ ก็ปลื้มใจ ยึดภาพพระท่านเป็นภาพในใจไปเลยนะ ถึงเวลาเราจะภาวนาอะไรก็ตาม ต้องกำหนดภาพพระเอาไว้ด้วย
สิ่งที่เราสร้างสวยสดงดงาม ใจเราจะยึดเกาะได้ง่าย หลายท่านก็ว่า ถ้ายังยึดเกาะก็ไม่สามารถไปไหนได้..นั่นก็ใช่ แต่ว่าให้เกาะดีไว้ก่อน เพราะว่าถ้าเกาะดี ถึงจะพลาดจากการหลุดพ้น เราก็ยังไปสุคติ ถ้าหากว่าทำดีถึงที่สุดก็จะเลิกเกาะดีไปเอง”
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้ไปถ่ายรูปหลวงพ่อทองคำใกล้ ๆ ได้ เดี๋ยวกลับวัดท่าขนุนแล้ว ท่านไปอยู่บนมณฑปจะถ่ายไม่ถึง โดยเฉพาะมณฑปวัดท่าขนุนนี่แตะไม่ได้ด้วย ถ้าแตะเมื่อไรนี่สัญญาณภัยดังสนั่นเลย
ตอนนี้ที่วัดท่าขนุน เวลาพระเณรเผลอไปทำสัญญาณภัยดังนี่ถูกปรับคนละ ๑๐๐ บาท..! ปรับจริง ๆ ด้วยนะ อันดับแรก...พาคนอื่นเขาแตกตื่นกันหมด ตำรวจด้วย อันดับที่สอง...คิดค่าไฟเพราะว่าทำสัญญาณดัง สัญญาณภัยมีทั้งหมด ๑๒ จุด ดังทีก็ดังหมดเลย ...(หัวเราะ)...”
พระอาจารย์กล่าวว่า “เดี๋ยวช่วงปลายปีทางวัดท่าขนุนเริ่มมีการปฏิบัติธรรมกันแล้วนะ ที่หยุดไปเพราะว่า "โควิด" อาละวาด ความจริงช่วงนั้นก็ยังระบาดหนักนะ แต่มั่นใจว่าถ้าพวกเราระมัดระวัง การ์ดไม่ตก ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะว่าเรารับแค่ไม่เกิน ๓๐๐ คน”
พระอาจารย์กล่าวว่า “ได้วัตถุมงคลไปคุ้มครองรักษาตัวเองได้ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องหมั่นภาวนา ถ้าไม่หมั่นภาวนา มีวัตถุมงคลอยู่ก็เหมือนอย่างกับมีสากกะเบือนั่นแหละ..!”
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้ที่วัดยังมีพระพุทธรูปอยู่เกือบ ๑๐๐ องค์ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง อาตมาเอาเข้ากรรมฐาน ๓ วันไว้ เดี๋ยวมีโอกาสจะให้ "ตัวเล็ก" เอาออกกระทู้ ตอนนี้ยังไม่มีเวลาไปจัดการ เพราะว่าออกกรรมฐานมาก็บวชพระ หล่อพระ เสร็จแล้วยังต้องวิ่งไปพุทธาภิเษกที่วัดธรรมศาลา
แล้วก็เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก ความจริงอาตมารับของวัดธรรมศาลาไว้ตั้งแต่ช่วงวันที่ ๓๐ แต่ไม่มีเวลาไป เพราะว่าได้รับคำสั่งให้เข้ากรรมฐาน ๓ วัน ก็เลยถามเขาว่า “ถ้าวันที่ ๑ ผมหล่อพระเสร็จแล้วค่อยไปถึงประมาณ ๔ โมงเย็น จะมีปัญหาไหม ?” ทางเจ้าอาวาสบอกว่า “ผมรอหลวงพ่อได้ครับ” ก็เลยไปให้เขา ปรากฏว่าพอนั่งลง พระที่ท่านสวดมนต์อยู่ขึ้น ‘นะโม เม สัพพะพุทธานัง อุปปันนานัง มะเหสินัง ฯลฯ’ สรรเสริญพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์พอดี ไม่ได้นัดกันไว้ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่พระท่านสงเคราะห์จริง ๆ”
พระอาจารย์กล่าวว่า “เป็นห่วงญาติโยมอยู่ตรงที่ว่า ในเรื่องการปฏิบัติไม่ค่อยจะเอาจริงเอาจังกัน พวกเราถนัดแต่ในเรื่องของทาน เรื่องของศีล ทานกับศีลเป็นเบื้องต้นกับเบื้องกลางเท่านั้น เบื้องปลายหรือจุดสูงสุดต้องภาวนา ก็คือจากศีล จากสมาธิ ต้องไปปัญญา ปัญญาไม่ถึงก็ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ เพราะว่ากิเลสมีมายามาก
ถึงเวลาเราตั้งท่าตัดกิเลส กิเลสทำท่าจะตาย ด้วยความที่กิเลสอาศัยร่างกายนี้อยู่ก็บอกว่า เรานี่แหละจะตาย ก็ทำให้ญาติโยมที่กลัวตายต้องหยุด ความจริงทุ่มต่ออีกนิดเดียวก็ชนะแล้ว..!”
พระอาจารย์กล่าวว่า “การที่จะให้ลมหายใจยาว โดยเฉพาะตอนให้พรบทมงคลจักรวาลน้อยโดยหายใจครั้งเดียวนั้น ขึ้นอยู่กับสองประเภท แบบแรกคือพยายามฝึกหัด แบบที่สองก็คือการที่เราเข้าสมาธิให้ลึกเข้าไว้ อาตมาเองไปแช่บ่อน้ำร้อนที่หินดาดเพื่อบำบัดอาการปวดหัวไหล่ จึงลองดำน้ำดู ภาวนาพระคาถาเงินล้านครั้งละ ๕ จบ แล้วค่อยโผล่ขึ้นมา ปรากฏว่าโยมที่ทำตามบอกว่า..จบเดียวยังไม่รอดเลย ...(หัวเราะ)...
คือถ้าเราเข้าสมาธิสูง ๆ จะใช้อากาศน้อย อาตมาลองดูได้ประมาณ ๗-๘ จบ แต่ว่าเพื่อความปลอดภัยก็เอาแค่ ๕ จบ เนื่องจากว่าอยู่ในบ่อน้ำร้อน ถ้าขาดอากาศนาน ๆ บางทีอาจจะน็อกจมน้ำไปเลย ก็เลยอยู่ที่ ๕-๗ จบเป็นประมาณ มากกว่านั้นแล้วไม่เอา
สมัยที่ฝึกในเรื่องของการภาวนาคาถา บางอย่างอย่างเช่น นะมะพะทะ ท่านให้ภาวนา ๑๐๘ จบภายในอึดใจเดียว โอ้พระเจ้า...แทบตาย คือต้องรัวอย่างชนิดที่กิเลสไม่มีโอกาสเกิดเลย เพราะว่าจิตต้องจดจ่ออยู่ตรงหน้า เขาเรียกว่า ๑ คาบลมหายใจ หรือว่า ๑ คาบพระคาถาจะต้องได้กี่จบ ส่วนใหญ่มาตรฐานก็อยู่ที่ ๙ จบ แต่ว่าการฝึกของอาตมาค่อนข้างจะโหดหน่อย ครูบาอาจารย์ท่านเล่นเสีย ๑๐๘ จบ เท่ากับบังคับว่าจะต้องเข้ากรรมฐาน คือเข้าสมาธิให้ได้ ถ้าเข้าไม่ได้ก็ไม่สามารถที่จะเร่งให้จบได้ภายในรอบลมหายใจเดียว”
พระอาจารย์กล่าวว่า “ได้วัตถุมงคลไปต้องหมั่นภาวนา หมั่นอาราธนาด้วยนะ จับภาพวัตถุมงคลเป็นกรรมฐานได้ก็ยิ่งดี แต่ถ้าเหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านเปิดโลกพลิกชีวิตอย่าไปจับภาพเต่า ให้จับภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปิดโลกที่บนหลังเต่า ถ้าจับผิดเดี๋ยวก็ได้ไปเกิดเป็นเต่าเท่านั้นแหละ..! ...(หัวเราะ)...”
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่ง “ทางด้านอำเภอท่าม่วง วัดวังขนาย เขามีการแช่น้ำร้อนบำบัดโรค ถ้าหากว่ามีเวลาให้ลองไปดู เพราะว่าเห็นดีขึ้นกันเยอะเลย ไปบอกหลวงพ่อเจ้าอาวาสว่าเป็นลูกศิษย์วัดท่าขนุนก็ได้ เพราะว่าคุ้นเคยกันดี หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านใจดี ท่านรับคนไข้อยู่ประจำเป็นร้อยเลย”
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่ง “เวลาถ่ายรูปหมู่ต้องพยายามหามุมที่เห็นคนทั้งหมดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ใช่ถ่ายข้างหลังบังข้างหน้า เห็นยืนอยู่ในมุมที่เหมาะสมแล้ว ทำไมถึงหลบไปถ่ายอีกมุมหนึ่งก็ไม่รู้ ?
เวลาถ่ายรูปงานไม่ใช่ถ่ายรูปเน้นเอาหลวงพ่อคนเดียว ต้องเน้นทั้งคณะ คืออย่างน้อย ๆ ต้องบอกได้ว่าในรูปมีใครบ้าง ไม่ใช่หันหลังให้อย่างเดียว ต่อให้ไม่สามารถรู้ได้ทั้งหมด อย่างน้อยก็ต้องรู้ส่วนมากในรูปให้ได้”
พระอาจารย์กล่าวถึงแผ่นยันต์เกราะเพชร “เรื่องของแผ่นยันต์เกราะเพชร ที่ทำเอาไว้นั้นตั้งใจไว้ว่า คนมักจะให้มาจารแผ่นโน้น แผ่นนี้ แผ่นนั้น ถึงเวลาจะได้เอาแผ่นยันต์นี้ไปหล่อพระแทนได้เลย”
พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงพ่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำหรือว่าเนื้อเงินก็ตาม บูชาด้วยพระคาถาเงินล้านเป็นดีที่สุด เพราะว่าท่านเป็นหลวงพ่อรวยของอาตมา โดยปกติถ้าท่านจะมาสงเคราะห์ก็มาในลักษณะอย่างนี้
แต่ถ้าช่วงไหนมีเรื่องของลาภผลเงินทองเข้ามามาก ท่านจะมาในลักษณะเหมือนอย่างกับหลวงพ่อเงินที่วัดท่าขนุน ก็คือของเรามีหลวงพ่อทองคำ หลวงพ่อนาก หลวงพ่อเงิน ท่านจะมาเป็นหลวงพ่อเงิน แต่สีกายเป็นทองคำสว่างไสวมาก ถ้าลักษณะอย่างนั้นท่านบอกว่าจะมีลาภเป็นพิเศษ ซึ่งท่านก็มาอยู่ภายในวันสองวันนี้ ก็แปลว่าช่วงที่อาตมามารับสังฆทานนี้จะรวยมาก...(หัวเราะ)...”
พระอาจารย์กล่าวว่า “เนื้ออัลปาก้าชาวบ้านเขาเรียกง่าย ๆ ว่าเนื้อช้อนส้อม คนจีนเขาเรียกว่าแปะตั๊ง ก็หมายถึงทองเหลืองหรือทองแดงสีขาวนั่นแหละ”
พระอาจารย์กล่าวกับโยมแม่ลูกอ่อนว่า “คุณแม่ไปตุ๋นไก่ดำใส่ขิงเยอะ ๆ ใส่ตังกุยด้วย กินลงไปหน่อย เพราะว่าร่างกายเสียเลือดมากจะเพลียและขี้หนาว คนรุ่นใหม่พ่อแม่ไม่ได้สอนเรื่องนี้ ดังนั้น..กว่าจะฟื้นตัวได้ก็นาน รีบ ๆ ไปทำเสีย หลังจากกินไปแล้วก็เว้นไป ๒-๓ วัน ก็โน่นเลย...แกงเลียงใส่พริกไทยเยอะ ๆ ลูกจะได้มีนมกิน
อาตมาอยู่กับหลานมา ๓๐ กว่าคน ไม่เป็นเรื่องเหล่านี้ก็ต้องเป็น เพราะว่าเห็นอยู่ทุกวัน ...(หัวเราะ)...”
มีคนลืมทิ้งถุงขยะในบ้านเติมบุญ “ดีเหมือนกันนะ เขาเอาขยะมาทิ้งให้เรา ถือว่าในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ต้องการแล้วยังเอามาให้เราได้นี่ ทุกอย่างเราต้องได้หมดอยู่แล้ว..ใช่ไหม ? ก็คือสิ่งที่คนเขาไม่ต้องการเรายังได้เลย เพราะฉะนั้น..สิ่งที่คนเขาต้องการ เราก็ย่อมต้องได้ด้วย”
ถาม : มีปัญหาเรื่องการเรียนกับอาจารย์ เสนอเท่าไรก็ไม่ผ่านค่ะ ?
ตอบ : มีอยู่ ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือ แนวความคิดของเรายังไม่กว้างพอ สิ่งที่เราเสนอไปกลายเป็นระดับต่ำกว่าที่เรียน อย่างเช่นว่าถ้าเราเรียนปริญญาเอก แต่สิ่งที่เราเสนอไปเป็นแค่แนวคิดระดับปริญญาโท แบบนี้อย่างไรก็ไม่ผ่าน
อีกอย่างหนึ่งก็คือ เราเรียนสาขาอะไร เรื่องที่เราเสนอต้องเกี่ยวข้องกับสาขานั้น อย่างเช่นว่าอาตมาเรียนสาขาการจัดการ เรื่องที่เสนอไปก็คือรูปแบบการจัดการ ถ้าอย่างนี้ได้ แต่ถ้าเสนอไปอย่างเช่นว่า ต้องการที่จะศึกษาสัมฤทธิ์ผลของนักศึกษาที่ออกไปฝึกสอน แบบนี้จะเป็นคนละเรื่องกันเลย
เพราะฉะนั้น..ให้ไปพิจารณาดูว่าเรื่องที่เราเสนออาจารย์ไปนั้น ถึงระดับความรู้ที่เราเรียนอยู่หรือเปล่า ? แล้วขณะเดียวกันเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่เราเรียนหรือเปล่า ? บางอย่างเหมือนกับใช่แต่ไม่ใช่ อย่างเช่น คณะพุทธศาสตร์ แต่คนไปเสนอหลักธรรมาภิบาล เพราะคิดว่าเป็นธรรมะ แต่ไม่ใช่ ธรรมาภิบาลคือ Good Governance ของฝรั่งเขา อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้น..ไปพิจารณาดูว่าของเราพลาดตรงไหน
ถาม : อาจารย์เขาอยากให้ทำแบบนี้ ๆ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าอาจารย์บอกอย่างไรให้ตามนั้น อย่าไปดื้อ เพราะว่าท่านเป็นที่ปรึกษาของเรา ในเมื่อท่านให้คำปรึกษาแล้วเราก็ควรทำตาม อย่าไปดื้อยืนยันแนวคิดตัวเอง เราเก่งแค่ไหนก็ตาม รอให้เรียนจบก่อน ถ้ายังเรียนไม่จบต้องตามท่านไปอย่างเดียวเลย
ที่เขาบอกว่าการศึกษาระดับมหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต เป็นการศึกษาอิสระนั้นไม่จริงหรอก อย่างน้อย ๆ อาจารย์เขาก็ต้องกำหนดกรอบแนวคิดให้กับเรา ในเมื่อเขาเป็นคนวางกรอบ ก็แปลว่าไม่อิสระ เอาเถอะ...รู้มากก็ยากนาน เอาแค่นั้นแหละ “ได้ครับ/ได้เจ้าค่ะ” เท่านั้นก็จบแล้ว ทำตามไปก็แล้วกัน
พระอาจารย์พูดถึงชื่อโยม “ภิยะพรรณี แปลว่า วรรณะ คือตระกูลอันรุ่งเรือง เป็นชื่อเก่า ๆ โบราณ ๆ ไพเราะมาก โยมเขาคงไม่นึกหรอกว่า บอกชื่ออาตมาเมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อนแล้วยังจำได้..!
“ภิยะ” มาเป็นภาษาไทยชัด ๆ ว่า ภิญโญ คือความรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป “พรรณี” มาจากพรรณ มาจากวรรณ ก็คือวรรณะ วรรณะตัวนี้ไม่ใช่ผิวพรรณ วรรณะตัวนี้คือชาติตระกูล ที่เขาบอกว่า อายุ วรรณะ สุขะ พละ ให้เป็นผู้มีอายุยืนนาน ให้เป็นผู้อยู่ในตระกูลสูง ไม่ใช่เป็นผู้มีผิวพรรณงาม เพราะว่าทางด้านอินเดียเขาถือชั้นวรรณะมาก
ดังนั้น..นักเรียนบาลีนี่แปลเข้าป่าเข้าดงมาเยอะแล้ว เพราะว่าไม่ได้ดูบริบทสังคมของเขา วรรโณหรือวรรณะตัวนี้หมายถึงชาติตระกูล อย่างเช่นว่า วรรณะพราหมณ์ วรรณะกษัตริย์ วรรณะแพศย์ วรรณะศูทร อย่างนี้”
พระอาจารย์บูชาแผ่นยันต์เกราะเพชร “อาตมาไม่ได้อมเฉย ๆ นะ เจ้าอาวาสบูชายังต้องจ่ายเองเลย ...(หัวเราะ)... ราคาตลาดด้วย..! จะได้รู้ว่าวัดท่าขนุนนี่แน่นอนมาก เรื่องบัญชีไม่มีพลาด วัตถุมงคลในวัดแท้ ๆ เจ้าอาวาสต้องการยังต้องซื้อเองเลย
วัตถุมงคลสร้างขึ้นด้วยเงินวัด เพราะฉะนั้น..อาตมาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยึดมาเฉย ๆ อยากได้ก็ต้องจ่ายเอง..!”
ถาม : เดือนที่แล้วเป็นลมหน้ากุฏิ แล้วตัวล้มเฉียงไปชนกับชั้นวางของ คือถ้าเกิดลงทางด้านซ้ายก็หล่นบันไดไปแล้ว ถ้าล้มหน้าก็ลงพื้นเลย ? (สนทนากับพระ)
ตอบ : นั่นแหละ..อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีพระ มีพรหม มีเทวดา ท่านช่วยป้องกันให้ ก็จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นหาย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้บอกว่า เรื่องของวัตถุมงคลนี่ ตัวเราเผลอได้ ขาดสติได้ วาระกรรมเข้ามาถึงก็จะเป็น สังเกตว่าตอนนั้นความรู้สึกของเราจะหายไปวูบหนึ่ง นั่นแหละ..นั่นคือวาระกรรมเข้ามาแทรก แต่คราวนี้วาระแบบนี้ ถ้าเราอาราธนาวัตถุมงคลไว้ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ ท่านก็จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา
ถาม : อาราธนาเป็นประจำ เหมือนกับเป็นความมั่นใจอยู่ลึก ๆ ในตัวเองตลอดเวลา ?
ตอบ : ผมเองเจอพวกนี้มาจนเคยชิน คือเป็นไปไม่ได้เพราะว่าภาวนาอยู่ตลอด แล้วทำไมอยู่ ๆ สติถึงหายไปวูบหนึ่ง ? ตรงนั้นเหมือนอย่างกับอะไรทุกอย่างโดนลบเกลี้ยงไปเลยนะ แค่พริบตาเดียวเท่านั้นเอง ประมาณ ๒-๓ วินาทีเท่านั้น แต่เรื่องก็เกิดแล้ว โชคดีที่ว่าทุกครั้งที่เกิดขึ้น ยังไม่เคยเป็นอะไรมาก
ถาม : ลูกขอห้อยตะกรุดเมฯ เจ้าค่ะ ?
ตอบ : ตีลูกไม่ได้แล้ว แต่บอกลูกให้ระวังเรื่องข้อห้ามเอาไว้ด้วย
ถาม : หนูก็ถามลูกว่า เพื่อนแกล้งไหม ? ครูตีหรือเปล่า ? เขาบอกว่าครูไม่ตีแล้ว เพื่อนก็ไม่ได้แกล้งมาก แต่ว่าหนูก็กลัวว่าจะเผลอตีเขาเล่น ๆ จะได้ไหมเจ้าคะ ?
ตอบ: ก็เล่น ๆ นั่นแหละ คนตีแขนหักมาแล้ว ...(หัวเราะ)...
ถาม : แล้วหนูสมควรจะให้เขาไหมเจ้าคะ ?
ตอบ : สมควร..เราจะได้มีสติรู้ระมัดระวัง แล้วขณะเดียวกันลูกก็จะต้องรู้ด้วยว่าต้องระวัง ต่อให้ไม่มีตะกรุด วัตถุมงคลชุดนี้ถ้าเป็นเนื้อทอง เนื้อนาก เนื้อเงิน ใช้ได้หมดเลย ก็แปลว่าสาหัสพอกับตะกรุดนั่นแหละ..!
พระอาจารย์กล่าวว่า “เขาบอกว่า โจ ไบเดน ยืนยันจะคืนดีกับจีน เพราะว่าเป็นญาติกับโจโฉ แซ่โจเหมือนกัน ...(หัวเราะ)... แซ่โจนี้ภาษาจีนกลางคือแซ่เฉา คนเขียนก็เขียนไปเรื่อยเปื่อย”
ถาม : ผมบูชาพระสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหล แล้วผมโอนผิดบัญชี โดนแบนไป ๓ เดือน พอปลดแบนแล้วก็จองอะไรไม่ได้เลย เจ้าหน้าที่บอกว่าโดนแบนตลอดชีวิต ?
ตอบ : ก็ว่าไปตามกฎเกณฑ์กติกาของเขา
ถาม : ผมขอแสดงความคิดเห็นว่า ถ้าลูกศิษย์เก่า ๆ โดนแบนแล้วกลายเป็นจองไม่ได้ อีกหน่อยจะเหลือแต่ ...(ไม่ชัด)... เพราะว่าเขาก็จะเปลี่ยนคนหรือหาชื่อมาใหม่ ?
ตอบ : เรื่องของเว็บไซต์เขามีคณะกรรมการบริหารอยู่ อาตมาไม่มีหน้าที่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย
ถาม : เขาให้มาแจ้งหลวงพ่อครับ ?
ตอบ : แจ้งหลวงพ่อ หลวงพ่อก็บอกชัด ๆ แบบนี้แหละ ก็คืออาตมาไม่ไปล้วงลูก ให้อำนาจเขาเต็มที่ ในเมื่อให้อำนาจเขาแล้ว ถ้าเราไปล้วงลูกก็ผิดมารยาท
กฎเกณฑ์กติกาการใช้เว็บไซต์เขากล่าวเอาไว้ชัดเจน บอกเอาไว้ชัดเจน เมื่อถึงเวลาของเราผิดพลาด ก็ต้องทำตัวให้สมกับนักปฏิบัติธรรม ก็คือยอมรับกฎของกรรมไป
พระอาจารย์กล่าวว่า “บ้านเราเมืองเราช่วงนี้ก็ลำบากเรื่องตรงที่มีม็อบ คำว่า ม็อบ คือพลังมวลชน มีทั้งช่วยกันในสิ่งที่ดี แล้วก็ช่วยกันในสิ่งที่ไม่ดี ถ้าหากว่าพลังมวลชนนี้ช่วยเหลือเจือจานกันในสิ่งที่ดี ก็ทำให้ส่วนรวมเจริญรุ่งเรือง ถ้าหากว่าช่วยกันในสิ่งที่ไม่ดี ก็อาจจะมีแต่สร้างความลำบากความเดือดร้อนให้กับคนอื่นเขา
แต่คราวนี้ในเรื่องของพลังมวลชนนั้น ถ้าหากว่ามาก รัฐบาลเขาไม่ปะทะด้วย เขารอตอนที่เหลือไม่กี่คน แล้วก็จะไปกวาดพวกหัวมาหมด เพราะฉะนั้น..ใครก็ตามถ้าหากว่าออกไปม็อบนี่ต้องทำใจเลยว่า ถ้าถึงเวลาคดีจะมาถึงตัวอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นโดยตรงไปตรงมาเพราะเราละเมิดกฎหมายจริง ๆ หรือว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันโดยใช้กฎหมายก็ตาม ไม่ช้าก็เร็วต้องโดนแน่..!
เพราะฉะนั้น..การที่เราจะไปม็อบจะไปอะไรก็ต้องดูด้วย อย่างปัจจุบันนี้ก็จะมีพลังมวลชนในการหนุนสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วก็มีพลังมวลชนในการที่เรียกร้องให้รัฐบาลลาออก เรียกร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่คราวนี้พลังมวลชนฝ่ายหลังคือการเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ยังขาดความชัดเจนอยู่มาก
คำว่า ขาดความชัดเจน เท่าที่ดูคลิปที่ญาติโยมส่งมาให้ เหมือนกับว่าขึ้นไปด่าเอามัน รัฐธรรมนูญมีเป็นร้อย ๆ มาตรา คุณจะแก้มาตราไหน ? แก้เพราะว่าไม่ดีตรงไหน ? แก้แล้วจะดีอย่างไร ? เราต้องตอกย้ำประเด็นให้ชัดเจน ต้องการให้รัฐบาลลาออกเพราะบริหารงานผิดพลาดตรงจุดไหน ? ไม่ใช่ขึ้นไปแล้วก็ด่า ๆ ๆ หยาบคายจนฟังไม่ได้
รุ่นของอาตมานี่อย่างน้อย ๆ พ่อแม่อบรมมา จะด่าใครก็ตามเราต้องคิดก่อน เพราะว่าอย่างน้อย ๆ เรื่องของการหมิ่นประมาทซึ่งหน้า ทางข้อกฎหมายเขาก็มีอยู่ ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าขาดความชัดเจน คนที่เขาจะเห็นด้วยแล้วก็ไปร่วมเป็นพลังมวลชนก็จะน้อย ถ้าหากว่าม็อบสามารถแก้ไขตรงจุดนี้ได้ สิ่งที่เขาเรียกร้องจะมีพลังมากกว่านี้ แล้วก็จะได้รับการสนับสนุนมากกว่านี้ โดยเฉพาะให้ลดความหยาบคายลงหน่อย บ้านเราเมืองเราอย่างน้อย ๆ ยังมีคำว่า สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล คนรุ่นของอาตมายังรู้สึกว่าระคายหูมาก ...(หัวเราะ)...”
ถาม : การปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบัน มีจุดพิจารณาสำคัญอยู่ตรงไหนครับ ?
ตอบ : อยู่ตรงที่ว่ากำลังใจเราจะเกาะพระนิพพานแน่นแฟ้น พูดง่าย ๆ คือรักพระนิพพานอย่างชนิดที่ยอมตายได้เพื่อพระนิพพาน ถ้าเข้าถึงจะเป็นเองโดยอัตโนมัติ
ถาม : (การสร้างตะกรุดมหาสะท้อน) ?
ตอบ : เขียนแล้วเสกด้วยคาถา เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา ๑๐๘ จบ ไม่ต้องไปขอคนอื่น ขอพระตรง ๆ ได้เลย เรื่องนี้ท่านให้ไว้นานแล้ว เพียงแต่วัสดุที่สร้างตะกรุดต้องเป็นทองคำ นาก หรือเงินเท่านั้น ไปดำเนินการได้ รู้วิธีแล้วก็ลุยเลย
ถาม : สอบถามเรื่องพระวินัยครับ เรื่องของมหาปเทส ๔ เกี่ยวกับกาลิกที่ว่าเรื่องอาหาร ?
ตอบ : กาลิกไม่ต้องใช้มหาปเทสเพราะว่าชัดเจนอยู่แล้ว
ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : ใช่...ก็คืออะไรเป็นยามกาลิก อะไรเป็นยาวกาลิก อะไรเป็นสัตตาหกาลิก อะไรเป็นยาวชีวิก พวกนี้ระบุแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ต้องอาศัยมหาปเทส มีแต่โลณเภสัชคือเกลือ ที่เขามีการตีความกันในช่วงการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๒ ที่ภิกษุวัชชีบุตรเอาเกลือไปทำอาหาร แล้วยังนับอายุเป็นยาวชีวิกอยู่ ซึ่งปกติแล้วไม่ได้ เพราะว่าต้องนับอายุที่สั้นที่สุดก็คือเป็นอาหาร ก็ได้แค่หลังเพล ถ้าคุณต้องการก็ต้องให้เขาประเคนใหม่ ตรงนี้เขาตีความกันตอนสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๒
ถาม : สงสัยว่า ถ้าสละแล้วเขาคืนให้มา ก็ไม่ต้องประเคนใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่..โดยปกติแล้วท่านให้ตัดใจสละทิ้งไปเลย แต่โดยมารยาทแล้ว ถึงเราสละให้คนอื่น คนอื่นเขาก็จะคืนให้เรามา เราก็ให้โยมประเคนใหม่อีกครั้งหนึ่ง ไม่ได้ลำบากอะไรมากหรอก ทำให้ถูกไว้ดีกว่า
ถาม : ไม่ต้องอาศัยการตีความด้วยมหาปเทส ?
ตอบ : คือมหาปเทส ๔ ท่านให้ไว้สำหรับเรื่องที่ตีความยากจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ถาม : หนูป่วย แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งที่หายใจไม่ค่อยสะดวก คราวนี้เราเกิดความรู้สึกว่า ถ้าถึงเวลาเราหายใจไม่ออกจริง ๆ เราควรจะทำกรรมฐานอย่างไร ?
ตอบ : ก็แค่กำหนดรู้อย่างเดียว รู้ว่าตอนนี้หายใจไม่ออก รู้ว่าตอนนี้หายใจไม่สะดวก รู้ว่าตอนนี้จะตาย แล้วก็แบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งเกาะพระหรือเกาะพระนิพพานไว้
ถาม : ตามรู้คือคิดหรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่คิด ตอนนี้เป็นอย่างไร รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างนั้น จะตายอยู่แล้วยังต้องคิดไปอะไรอีก..!
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ญาติโยมทำอะไรช้า ก็เลยไม่เคยชินกับความเร็วของวัดท่าขนุน อาตมาออกจากกรรมฐานมา นั่งรับศรัทธาญาติโยมที่ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย พอหมดคนก็ไปพัก หกโมงครึ่งลงมาบวชสามเณร เจ็ดโมงครึ่งทำบวงสรวง เสร็จแล้วก็เข้าโบสถ์บวชพระ ๓๙ รูป สิบโมงห้าสิบเจ็ดนาที ออกมาเททองหล่อพระตอน สิบเอ็ดโมง ประมาณ ๑๐ นาทีก็เสร็จเรียบร้อย แล้วก็ไปฉันเพลกัน ญาติโยมเป็นหมื่นยังสงสัยว่า "นี่งานเสร็จแล้วหรือ ?"
ในระยะเวลาที่เท่ากัน ถ้าหากว่ากำลังใจของคนที่รวบรัดตัดตรงจะไม่ยุ่งยาก ทำอะไรมุ่งเอาประโยชน์ที่มากที่สุดและตรงที่สุดเท่านั้น โดยเฉพาะมุ่งเอาเฉพาะงานตรงหน้าเท่านั้น ก็จะทำงานได้มากกว่าคนอื่นเขา"
พระอาจารย์กล่าวว่า "พรุ่งนี้มีม็อบ ได้ยินว่านักเรียนก็จะไปม็อบ รู้สึกว่านักเรียนสมัยนี้ฉลาดกว่าครูบาอาจารย์
ไปนึกถึงเคออส ความชุลมุนวุ่นวายที่เกิดจากปิศาจ ๗ ตนช่วยกันสร้างขึ้นมา แล้วบรรดานักคิดก็เอามาสร้างเป็นทฤษฏี ความจริงความสับสนวุ่นวายไม่มีอะไรหรอก ก็เกิดจาก รัก โลภ โกรธ หลง ในใจของเรานี่แหละ เป้าหมายใหญ่ก็เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของตน
ดังนั้น...เหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ตาม ถ้าอยากจะรู้ว่าเป็นฝีมือใคร ให้คิดเจาะลงไปเลยว่า เรื่องนี้ถ้าเป็นอย่างนี้ใครได้ประโยชน์ ถ้าเป็นอย่างนั้นใครได้ประโยชน์ ตีวงพักเดียวก็ได้ตัวการแล้ว แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ตัณหาคือความทะยานอยาก ถ้ารู้จักควบคุมไปให้ถูกทาง จะสร้างความเจริญให้กับโลกเป็นอย่างมาก แต่ถ้าไปผิดทาง ก็จะสร้างความฉิบหายวุ่นวายให้กับโลกเป็นอย่างมากเช่นกัน
โลกเราในปัจจุบันไม่มีเวลาที่จะมาวุ่นวายแบบนี้ สิ่งที่ควรจะสนใจก็คือ ทำอย่างไรที่จะผลิตอาหารให้เพียงพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เอาแค่แต่ละประเทศก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยไปเลี้ยงโลก ถ้าเป็นบ้านเราก็คือ ทำตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙"
"ถ้าใครอ่านหนังสือ The Visionary ที่เขาแปลเป็นไทยว่า ผู้มองเห็นอนาคต ที่กล่าวถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงงานทุกอย่างเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน อีกไม่นาน ถ้าหากว่าภาวะสงครามตลอดจนกระทั่งความวุ่นวายปะทุถึงขีดสุด ทุกคนจะเห็นว่าสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงงานมาตลอดพระชนม์ชีพ มีประโยชน์มหาศาลขนาดไหน เพราะไม่ว่าเขาจะวุ่นวายขนาดไหนก็ตาม เราจะสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น
แต่คราวนี้ด้วยความประมาทอย่างหนึ่ง ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ฟังดูแล้วไม่ช่วยให้รวยอีกอย่างหนึ่ง ก็เลยทำให้คนสนใจที่จะปฏิบัติน้อย ยกเว้นคนที่มีปัญญาเห็นความมั่นคงในครอบครัว ว่าจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความมั่นคงในอาหาร มีความมั่นคงในสุขภาพ มีความมั่นคงในเรื่องที่อยู่อาศัย ถ้าหากว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีสมบูรณ์พร้อม เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครก็อยู่ได้
อย่างสมัยโบราณ เรื่องของอาหาร หัวไร่ชายนามีมากมาย เพราะว่าผู้คนยังไม่มาก สมัยอาตมายังเด็กอยู่ ยังได้ยินเพลงชาติเก่า ที่เนื้อร้องมีระบุจำนวนประชากรไทยว่ามี ๑๘ ล้านคน สมัยนี้ ๖๘ ล้านคน ต่างกัน ๕๐ ล้านคน ก็แปลว่าต่างกันประมาณ ๕ เท่า ทรัพยากรย่อมไม่เพียงพอ
สมัยก่อนเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ใช้สมุนไพรใบยาตามหัวไร่ชายนา ตามป่าตามเขา ชาวบ้านทำงานหนัก กินอาหารแต่ผักแต่ปลา ไม่ค่อยได้กินเนื้อ แต่สุขภาพแข็งแรงมาก ขนาดบาทหลวงลา ลูแบร์ รายงานถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ว่า คนไทยตัวเล็ก ผิวคล้ำ ล่ำสัน แต่แข็งแรงมาก ๆ เพราะว่าอยู่กับธรรมชาติ เราแค่หวนคืนไปสู่สิ่งที่บรรพบุรุษของเราทำกันมาก็จบแล้ว"
"แต่ปัจจุบันนี้ ทุกอย่างของพวกเราเลียนแบบต่างประเทศ เพราะเห็นว่าโก้เก๋ แม้กระทั่งเรือนชานบ้านช่องก็สร้างตามแบบของยุโรปอเมริกา กลายเป็นว่าถ้าไม่มีเครื่องปรับอากาศแล้วอยู่ไม่ได้ หลายคนสร้างบ้านเรือนทรงสเปน ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ บ้านทรงนั้นต้องการเก็บความอบอุ่นไว้ในบ้านมากที่สุด หลังคามีส่วนลาดให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้หิมะเกาะทับถมจนกระทั่งพัง พอมาอยู่บ้านเราก็กลายเป็นเตาอบดี ๆ นี่เอง
ในเรื่องของภูมิปัญญาคนโบราณ ภูมิปัญญาท้องถิ่น จะเหมาะสมอยู่ในทุกโอกาส คนไทยสมัยก่อนสร้างบ้านใต้ถุนสูง ถึงเวลาหน้าหนาวอยู่บนเรือน ก่อไฟใต้ถุนบ้าน ถึงเวลาหน้าร้อนอยู่ใต้ถุน มีหลังคา มีพื้นบ้านกันสองชั้นไม่ร้อน ลมเข้าทุกทิศทุกทาง หน้าน้ำหลากมีเรือขึ้นคานอยู่ใต้ถุน พอถึงเวลาเดือน ๙ เดือน ๑๐ ก็เริ่มตอกหมันยาเรือ ทาน้ำมันกันแล้ว เอาลงจากคานเตรียมไว้ เดือน ๑๑ น้ำไหลนอง เดือน ๑๒ น้ำทรง ลงเรือกันเป็นปกติ สมัยนี้เอารถเบนซ์ผูกไว้ น้ำท่วมทีรถเบนซ์ก็สำลักน้ำ...!
อาตมาให้แนวคิดไว้นานแล้วนะ ว่าหมู่บ้านจัดสรรให้ทำเป็นเรือนแพ ติดลูกทุ่นให้มั่นคง มีเสาหลัก ๔ มุม เอาไว้คล้องห่วง ถึงเวลาน้ำขึ้นเท่าไร ก็ลอยตามน้ำสูงเท่านั้น ไม่เดือดร้อนกับใคร ถ้าไม่มั่นใจก็เสาหลักสูงสัก ๑๐ เมตรไปเลย เผื่อน้ำท่วมเยอะ น่าจะขายดีนะ"
"The Visionary กษัตริย์ผู้เห็นอนาคต ฝรั่งยกย่องขนาดนั้น แต่คนไทยเราไม่สนใจเลย
ตอนนี้บ้านเรามีขบวนการ CIA คอยเกาะติดม็อบอยู่ตลอด พอถึงเวลาก็จะวิ่งนำไปรอ ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิ้นปิ้ง ส้มตำ กาแฟ สารพัด
ส่วนหนึ่งที่คณะสงฆ์หนักใจก็คือเรื่องของพระหนุ่มเณรน้อยที่ขาดการอบรม ไม่ฟังมติ ระเบียบหรือคำสั่งมหาเถรสมาคม ที่เป็นกฎหมายคณะสงฆ์ ไปร่วมขบวนประท้วงหรือว่าร่วมปราศรัย สิ่งนี้ถ้าจะว่าไปแล้ว เกิดจากความบกพร่องของเจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์
ถ้าหากว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์เข้มงวด อบรมสั่งสอนดี เรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเจ้าอาวาสเข้มงวด อบรมสั่งสอนดี เรื่องเหล่านี้ก็จะไม่เกิด เพราะฉะนั้น ๒ ด่านที่สำคัญก็คือด่านเจ้าอาวาสและด่านพระอุปัชฌาย์ แต่ว่าเจ้าอาวาสบางท่านก็เป็นพระอุปัชฌาย์เสียเอง อย่างอาตมาเป็นต้น"
"เมื่อเป็นเช่นนั้น เราต้องชี้แจงว่าอะไรเหมาะ อะไรควร อะไรไม่เหมาะไม่ควรต่อสมณสารูป อย่างที่ปัพพชิตอภิณหปัจจเวกขณะ เขาพิจารณากันทุกวัน ๆ ว่าเรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำอาการกิริยานั้น ๆ ตัวเราติตัวเราเองโดยศีลได้หรือไม่ ? ผู้รู้ใคร่ครวญแล้วติตัวเราโดยศีลได้หรือไม่ ? กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่อีก เราต้องทำกายวาจาใจเหล่านั้นให้ได้ เป็นต้น
ก็แปลว่าท่านทั้งหลายที่ไป เพราะว่าขาดการอบรม เนื่องจากว่าสมัยนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นพระอุปัชฌาย์เป็ด คือไข่แล้วทิ้ง ไม่ใช่พระอุปัชฌาย์ไก่ที่ไข่แล้วฟูมฟัก แต่ว่าคนเปรียบเทียบอย่างนี้ แสดงว่าไม่เคยเห็นเป็ดเทศ เป็ดเทศฟักไข่นี่ ห่วงไข่กว่าแม่ไก่อีก ถึงขนาดตีกับพ่อไก่อย่างชนิดที่หมดสภาพ แผ่หราไปด้วยกันทั้งคู่ อาตมาก็เคยเห็นมาแล้ว เพราะว่าพ่อไก่จะไปแย่งรังให้แม่ไก่วางไข่ ตรงไหนที่นกหรือว่าเป็ดไก่แย่งกัน แปลว่าปลอดภัย ปลอดภัยจากอะไร ? อยู่สูงจากพื้นเพียงพอที่จะพ้นจากบรรดางูเงี้ยวเขี้ยวขอหรือว่าสัตว์กินเนื้อ ด้านบนมีสิ่งบดบังอันตรายที่มาจากทางด้านบนได้ เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าหากว่าเจอพระอุปัชฌาย์เป็ด ก็ทำให้ลูกศิษย์เละเทะอย่างที่เห็น สร้างความเสื่อมเสียให้กับองค์กรก็คือคณะสงฆ์ไทย จึงควรไปเคี่ยวเข็ญกันที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์แทน"
ถาม : ปฏิบัติมาเป็นปีแล้ว ในกรณีที่หน้าเบี้ยว เสียงเปลี่ยน มีอะไรแก้ไหมคะ ไม่ได้รับองค์ค่ะ ยิ่งปฏิบัติยิ่งเป็นค่ะ ?
ตอบ : ปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องไปใส่ใจ ถ้าหากว่ามีสิ่งที่ไม่ดีอยู่ เหมือนกับเป็นของมืด สิ่งที่เราปฏิบัติก็คือคุณพระรัตนตรัยที่เหมือนกับแสงสว่าง ถ้ายึดมั่นในแสงสว่างจริง ๆ จะขับไล่ความมืดไปได้เอง เพราะฉะนั้น..เราต้องฝืนสู้ พอชนะแล้วจะชนะเลย ไม่กลับมาเป็นอีก
ถาม : ถ้ากลัว เพราะมีการดิ้นตึงตัง ?
ตอบ : ไม่ได้เป็นอะไรหรอก อาการแบบนี้สำหรับนักปฏิบัติส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็น บางทีก็ดิ้นตึงตังโครมครามเหมือนอย่างกับผีเจ้าเข้าสิง แต่ความจริงแล้วเป็นอาการปกติธรรมดา ถ้าอาตมาขี้กลัวก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรมหรอก เพราะว่าดิ้นตึงตังมาตั้งแต่เด็ก
พระอาจารย์กล่าวว่า "เหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านเปิดโลกพลิกชีวิตเนื้อพิเศษ (มีหน้ากาก) ประกอบไปด้วยหน้ากากทองคำ หน้ากากเงิน หน้ากากทองฝาบาตร อาตมาไม่ได้สั่งทำ พระครูเทพ เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพร ให้ช่างทำตัวอย่างมาให้ อย่างละ ๑๐ เหรียญ สวยมาก แต่อาตมาเอาแค่ตัวอย่าง จ่ายไปสองแสนกว่าบาท เพราะว่ามีหน้ากากทองคำด้วย ก็เลยมีแค่อย่างละ ๑๐ เหรียญเท่านั้น
ตามที่ตกลงกัน คืออาตมาสร้างแล้วจะมอบให้ทางพระครูเทพเขา ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ก็แปลว่าให้เขาไป ๒ เหรียญ ที่เหลือ ๘ เหรียญก็ฆ่ากันตายไปตั้งแต่เช้าแล้ว บางท่านถามว่าทำไมแพงนัก ? ทองคำไม่แพง แล้วอะไรจะแพงวะ ?
ส่วนเหรียญที่ใส่ซองเอาไว้ไม่ต้องแกะซองนะ จำหน่ายทั้งซอง จริง ๆ แล้วพระครูเทพท่านทำไว้แจกให้ญาติโยมจับสลากเสี่ยงดวง แต่ท่านถวายพระเถระที่ปลุกเสกมา เพราะฉะนั้น..โยมก็เสี่ยงดวงเอาก็แล้วกันว่าจะได้ซองไหน แล้วไม่ต้องมาคลำว่าซองใหญ่ซองเล็ก เดี๋ยวตีมือเลย..! เขาเรียกว่ารู้มากแล้วยากนาน พวกรู้น้อยก็พลอยรำคาญ"
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าตรัสถึงสุขของคฤหัสถ์ ๔ อย่าง
๑. สุขของการมีทรัพย์
๒. สุขของการจ่ายทรัพย์
๓. สุขของการไม่เป็นหนี้
๔. สุขของการทำงานที่ไม่มีโทษ
เพราะฉะนั้น..การช็อปปิ้งคือสุขของการจ่ายทรัพย์ ถ้าบ้านไหนไปช็อปปิ้งแล้วโดนด่า ให้บอกเลยว่าทำตามที่พระพุทธเจ้าสอน..! โบ้ยไปยันโน่น ท่านเพียงแต่บอกให้รู้ว่าความสุขของคฤหัสถ์มีอะไรบ้าง โดยเฉพาะการทำงานที่ไม่มีโทษ ต้องเป็นสัมมาอาชีวะ ไม่ผิดทั้งกฎหมายบ้านเมืองและศีลธรรม
อาชีพที่ผิดศีลผิดธรรม ท่านเรียกว่า มิจฉาวณิชชา การค้าขายในทางที่ผิด มีขายสุรา ขายยาพิษ ขายอาวุธ ขายมนุษย์ ขายสัตว์ที่ยังมีชีวิต ส่วนที่เหลือเป็นสัมมาอาชีวะ คราวนี้ในส่วนของการขายสุรา รวมยาเสพติดทั้งหมดด้วย เพียงแต่ว่าไม่ได้ระบุชัดเจนไว้เท่านั้น ถ้าภาษาบาลีเขาใช้คำว่า สงเคราะห์เข้าด้วยกัน"
ถาม : มีวันหนึ่งนานมาแล้ว หนูอ่านหนังสือของคุณหมอสมศักดิ์ ในนั้นเขาบอกว่าให้จับลมหายใจตลอดเวลา หนูก็จับตลอดเวลา อาบน้ำก็จับ ก่อนนอนหลับก็จับจนหลับไป แต่ว่าตื่นขึ้นมา เหมือนจับลมหายใจเอง หนูก็เลยกลัว ไม่ทำอีกแล้ว ?
ตอบ : กำลังจะเริ่มดีแล้ว ดันเลิกเสียได้..!
ถาม : จะต้องทำอย่างไรต่อไปคะ ?
ตอบ : ทำอย่างนั้นแหละ คือให้เรารู้ลมหายใจอัตโนมัติโดยไม่ต้องบังคับ แล้วก็เอาสติประคองเอาไว้แค่นั้น รัก โลภ โกรธ หลง ก็เข้าไม่ได้แล้ว พอ รัก โลภ โกรธ หลง เข้าไม่ได้ กำลังใจของเราจะผ่องใสขึ้นเรื่อย ๆ ปัญญาจะเกิดแล้วเห็นช่องทางเองว่าเราต้องทำอะไรต่อไป
ถาม : รู้สึกว่าหนักค่ะ ?
ตอบ : ยังหนักอยู่ เพราะว่าเราเพิ่งหัด ถ้าทำไป ๆ จะเบาไปเรื่อย ๆ จะรู้ลมโดยอัตโนมัติเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปบังคับ เราก็แค่เอาสติประคับประคองไว้เท่านั้น อย่าให้หลุดหายไป
ถาม : เนื้อนวะโลหะ เป็นเนื้อที่ทำจากโลหะหรือครับ ?
ตอบ : เขาผสมขึ้นมาจากโลหะ ๙ ชนิด อย่างเช่นว่า มีชิน มีเงิน มีทอง อะไรพวกนั้น น้ำหนักทองจะมากที่สุดก็คือ ๙ บาท เงิน ๘ บาท เขาไล่ลงไปเรื่อย
พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราถือว่าโชคดีมาก เพราะว่าหลวงพ่อทองคำมาถึงพอดี ไม่มีโอกาสกราบได้ใกล้ชิดอย่างนี้อีกแล้ว เพราะว่าเดี๋ยวก็อัญเชิญกลับวัด แล้วก็ไปอยู่ในมณฑปสูง ๆ
ต้องบอกว่าชุดของเรานี่ดวงเฮงสุด ๆ เพราะว่าเพิ่งอัญเชิญเพิ่งมาถึง
(โยมถ่ายรูปหลวงพ่อพระพุทธลีลาประทานพร) เขาเรียกว่านาทีทอง รีบถ่ายไว้ เพราะว่าเดี๋ยววันจันทร์ก็จะอัญเชิญกลับไปวัดแล้ว"
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล คะน้า เถรี เผือกน้อย และนายกระรอก
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.