เถรี
21-09-2020, 18:25
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ วันนี้อาตมาหนีงานช่วงบ่าย ไปเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อมฺพรมหาเถร) ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่อกราบขอบพระคุณที่พระองค์ประทานข้าวสารช่วยโรงทานต้านภัยโควิดของวัดท่าขนุนไป ๒ วาระ ครั้งละ ๕๐๐ กิโลกรัม และขณะเดียวกันก็เข้าร่วมพิธีการอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล เนื่องในวาระการสถาปนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามครบ ๑๕๐ ปี
ญาติโยมพุทธบริษัทหลายท่านอาจจะเห็นว่า ในเรื่องของวัตถุมงคลนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องมีไว้เพื่อเป็นเครื่องยึดโยงกำลังใจของเรา แต่ขณะเดียวกัน..นักวิชาการหลายท่าน ที่ต้องบอกว่าเสียแรงเป็นนักวิชาการ แต่ว่าเบาปัญญาไปนิดหนึ่ง ไม่ได้เห็นสิ่งที่โบราณาจารย์ท่านซ่อนเอาไว้ในวัตถุมงคล ว่าเป็นการสอนให้เราปฏิบัติกรรมฐานกองสำคัญอย่างง่ายดายที่สุด โดยที่ไม่ต้องเคี่ยวเข็ญกันมาก
เพราะว่าวัตถุมงคลนั้น อย่างของวันนี้ก็มีทั้งรูปพระพุทธเจ้า ก็คือพระอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม มีพระนิรันตรายซึ่งเป็นพระสำคัญที่ในหลวงรัชกาลที่ ๔ ทรงให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็มีรูปพระสงฆ์ ตลอดจนกระทั่งพระฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้น
ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากเรานำเอารูปพระพุทธรูปไปสักการบูชา คือการที่เราปฏิบัติในพุทธานุสติ เป็นการยึดโยงจิตของเราให้ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด เพราะว่ามีรูปนิมิตก็คือพระพุทธรูป ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเราอย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันถ้าหากเป็นพระสงฆ์ ก็จะได้สังฆานุสติ คือการระลึกถึงคุณความดีของพระสงฆ์ ตลอดจนถ้าเราระลึกถึงว่าพระสงฆ์นั้นคือหลวงปู่หลวงพ่อของเรา เมตตาสั่งสอนเรามาอย่างไร นั่นจัดเป็นธัมมานุสติกรรมฐาน ถ้ายิ่งเราปฏิบัติตามคำสั่งสอนนั้นอย่างได้ผล ก็ยิ่งจัดเป็นธัมมานุสติกรรมฐานอย่างเต็มระดับ
ญาติโยมพุทธบริษัทหลายท่านอาจจะเห็นว่า ในเรื่องของวัตถุมงคลนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องมีไว้เพื่อเป็นเครื่องยึดโยงกำลังใจของเรา แต่ขณะเดียวกัน..นักวิชาการหลายท่าน ที่ต้องบอกว่าเสียแรงเป็นนักวิชาการ แต่ว่าเบาปัญญาไปนิดหนึ่ง ไม่ได้เห็นสิ่งที่โบราณาจารย์ท่านซ่อนเอาไว้ในวัตถุมงคล ว่าเป็นการสอนให้เราปฏิบัติกรรมฐานกองสำคัญอย่างง่ายดายที่สุด โดยที่ไม่ต้องเคี่ยวเข็ญกันมาก
เพราะว่าวัตถุมงคลนั้น อย่างของวันนี้ก็มีทั้งรูปพระพุทธเจ้า ก็คือพระอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม มีพระนิรันตรายซึ่งเป็นพระสำคัญที่ในหลวงรัชกาลที่ ๔ ทรงให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็มีรูปพระสงฆ์ ตลอดจนกระทั่งพระฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้น
ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากเรานำเอารูปพระพุทธรูปไปสักการบูชา คือการที่เราปฏิบัติในพุทธานุสติ เป็นการยึดโยงจิตของเราให้ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด เพราะว่ามีรูปนิมิตก็คือพระพุทธรูป ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเราอย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันถ้าหากเป็นพระสงฆ์ ก็จะได้สังฆานุสติ คือการระลึกถึงคุณความดีของพระสงฆ์ ตลอดจนถ้าเราระลึกถึงว่าพระสงฆ์นั้นคือหลวงปู่หลวงพ่อของเรา เมตตาสั่งสอนเรามาอย่างไร นั่นจัดเป็นธัมมานุสติกรรมฐาน ถ้ายิ่งเราปฏิบัติตามคำสั่งสอนนั้นอย่างได้ผล ก็ยิ่งจัดเป็นธัมมานุสติกรรมฐานอย่างเต็มระดับ