นายกระรอก
18-08-2020, 00:01
ถาม : บุคคลที่เป็นพุทธภูมิจะรู้ได้อย่างไรว่าได้รับพุทธพยากรณ์หรือยัง ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วในยุคสมัยของท่าน ถ้าหากว่าเป็นนิยตโพธิสัตว์ ก็มักจะเป็นผู้ได้อภิญญาสมาบัติทั้งนั้น ถ้าถามว่ารู้ได้อย่างไรนี่ไม่ต้องเสียเวลาหรอก รู้แหง ๆ อยู่แล้ว ทำไปเถอะ อีกนาน..!
ถาม : ก่อนได้รับพุทธพยากรณ์ต้องบำเพ็ญบารมีนานไหมครับ ?
ตอบ : ต่ำสุดก็ ๑๖ อสงไขย เพราะว่าของปัญญาธิกะคิดว่าจะเป็น ๗ อสงไขย พูดว่าจะเป็นอีก ๙ อสงไขย ตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อให้ได้เป็น ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป เพราะฉะนั้น..ก็ล่อไป ๑๖ อสงไขยแล้ว ก็คือคิดว่าจะเป็น ๗ อสงไขย พูดว่าจะเป็น ๙ อสงไขย รวมแล้ว ๑๖ อสงไขย เสร็จแล้วก็ทำเพื่อให้ได้เป็นอีก ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป เพราะฉะนั้น..ต่ำสุดก็ ๒๐ อสงไขยกับแสนมหากัป นอกนั้นก็เพิ่มเท่าตัวจาก ๒๐ ก็เป็น ๔๐ เป็น ๘๐ ไม่เห็นต้นไม่เห็นปลายเลยใช่ไหม ? เปลี่ยนใจได้นะ ...(หัวเราะ)...
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วในยุคสมัยของท่าน ถ้าหากว่าเป็นนิยตโพธิสัตว์ ก็มักจะเป็นผู้ได้อภิญญาสมาบัติทั้งนั้น ถ้าถามว่ารู้ได้อย่างไรนี่ไม่ต้องเสียเวลาหรอก รู้แหง ๆ อยู่แล้ว ทำไปเถอะ อีกนาน..!
ถาม : ก่อนได้รับพุทธพยากรณ์ต้องบำเพ็ญบารมีนานไหมครับ ?
ตอบ : ต่ำสุดก็ ๑๖ อสงไขย เพราะว่าของปัญญาธิกะคิดว่าจะเป็น ๗ อสงไขย พูดว่าจะเป็นอีก ๙ อสงไขย ตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อให้ได้เป็น ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป เพราะฉะนั้น..ก็ล่อไป ๑๖ อสงไขยแล้ว ก็คือคิดว่าจะเป็น ๗ อสงไขย พูดว่าจะเป็น ๙ อสงไขย รวมแล้ว ๑๖ อสงไขย เสร็จแล้วก็ทำเพื่อให้ได้เป็นอีก ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป เพราะฉะนั้น..ต่ำสุดก็ ๒๐ อสงไขยกับแสนมหากัป นอกนั้นก็เพิ่มเท่าตัวจาก ๒๐ ก็เป็น ๔๐ เป็น ๘๐ ไม่เห็นต้นไม่เห็นปลายเลยใช่ไหม ? เปลี่ยนใจได้นะ ...(หัวเราะ)...