View Full Version : เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน  วันเสาร์ที่  ๔  มกราคม  ๒๕๖๓
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก   หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป   หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้  ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ สำหรับวันนี้อยากจะบอกกับทุกคนว่า  ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น เราต้องเข้าใจว่า เป้าหมายสูงสุดของเราก็คือการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน
ในเมื่อเป้าหมายสูงสุดของเราเป็นเช่นนี้  เรื่องรกรุงรังอื่น ๆ บางทีก็จำเป็นต้องวางลงบ้าง ถ้าเป้าหมายไม่ชัดเจน  เราก็จะโดนดึงให้เขวได้ง่าย  อย่างเช่นในสมัยพุทธกาล  นางวิสาขามหาอุบาสิกา สอบถามอุบาสิกาทั้งหลายที่มารักษาอุโบสถศีล ว่ารักษาไปเพื่อมุ่งหวังอะไร ? 
บรรดาสาวน้อยก็บอกว่ามุ่งหวังให้แต่งงานกับบุรุษที่มีตระกูลเสมอกัน บรรดาสาวที่แต่งงานแล้วก็มุ่งหวังให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง บรรดาที่มีลูกมีหลานก็ต้องการมุ่งหวังให้ลูกหลานของตนเองมีฐานะร่ำรวย  ได้แต่งงานไปในครอบครัวที่ดี เป็นต้น เราจะเห็นว่าจุดมุ่งหมายของแต่ละคนนั้น เบี่ยงเบนไปจากเป้าหมายการรักษาศีล ๘ ที่แท้จริงหมดแล้ว
เพราะว่าการรักษาศีล ๘ ที่แท้จริงนั้น ก็คือเพื่อประพฤติพรหมจรรย์ได้ละเอียดประณีต ช่วยให้เข้าถึงธรรมได้ง่ายขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเราถ้าไม่กำหนดเป้าหมายเอาไว้ให้ชัดเจน เราก็อาจจะเลี้ยวผิด หลงทางหรือว่าเนิ่นช้า ดังนั้น..ในการปฏิบัติของเราเมื่อตั้งเป้าไว้แล้ว จุดมุ่งหมายแรกที่ต้องยึดหัวหาดให้ได้ คือความเป็นพระโสดาบัน
คราวนี้ความเป็นพระโสดาบันที่เราจะเข้าถึงได้นั้น หลักการใหญ่ ๆ ก็คือเคารพพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง รักษาศีลสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์   ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล และข้อสุดท้าย  มีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ถ้าตายลงไปแล้วเราขอไปพระนิพพานอย่างเดียว นี่คือหลักใหญ่ ๆ เลย
แต่สิ่งที่จะปฏิบัติให้หลักทั้งหลายเหล่านี้มั่นคงนั้น  ก็คือการที่เราระมัดระวังศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ก่อนนอนทบทวนอยู่เสมอว่า เราได้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม โกหกหลอกลวง หรือเสพสุรายาเสพติดบ้างหรือไม่ ถ้าหากว่าข้อไหนบกพร่อง   ให้ตั้งใจว่าเราจะรักษาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป  หลังจากนั้นก็นอนลงภาวนา  ให้หลับไปกับการภาวนาของเรา
เมื่อตื่นนอนขึ้นมามีสติระลึกถึงพระ ระลึกถึงครูบาอาจารย์  แล้วก็มาทบทวนศีลของเรา ว่าวันนี้เราจะระมัดระวังไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหกหลอกลวง ไม่ดื่มสุราเมรัย เมื่อตั้งใจมั่นคงดีแล้ว เราค่อยไปทำกิจวัตรประจำวันของเรา
ถ้าเรามีการทบทวนอย่างนี้อยู่เสมอ ๆ เมื่อถึงเวลากำลังใจของเราจะค่อย ๆ ทรงตัว เพราะความระมัดระวังในสีลานุสติช่วยสร้างสมาธิให้เกิด เนื่องจากว่าถ้าสมาธิไม่เกิด การระวังของเราก็จะไม่รอบคอบ จะมีการเผลอละเมิดศีลจนได้ แต่เราก็อย่าปล่อยให้สมาธิเกิดเพราะการระมัดระวังรักษาศีลอย่างเดียว  ให้เราภาวนาอาศัยอานาปานสติหรือลมหายใจเข้าออก สร้างสมาธิของเราให้มั่นคงไปด้วย
ถ้าหากว่าสมาธิของท่านสามารถมั่นคงทรงตัวถึงระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไป ความเป็นพระโสดาบันจึงจะเข้าถึงท่านได้ เพราะว่ามีกำลังในการตัดกิเลสเบื้องต้น ก็คือทำให้เราสามารถหักห้ามใจตนเองไม่ให้ละเมิดศีล มีสติรู้ระมัดระวัง  ไม่ล่วงเกินในคุณพระรัตนตรัย มีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ตายแล้วเราขอไปพระนิพพาน
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ เราสามารถยึดหัวหาดเอาไว้ได้ ชีวิตของเราก็จะไม่มีวันตกต่ำอีก มีแต่เจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป เพราะว่าเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าระดับต้น คำว่า อริยะ แปลว่า ผู้เจริญ คือเจริญขึ้นโดยส่วนเดียว  ไม่มีวันตกต่ำ ไม่ว่าจะทำความชั่วในอดีตมาขนาดไหน ถ้าไม่ใช่อนันตริยกรรม อำนาจความเป็นพระอริยเจ้าจะปิดอบายภูมิ เราไม่ต้องเกิดในนรก ไม่ต้องเกิดเป็นเปรต ไม่ต้องเกิดเป็นอสุรกาย ไม่ต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดเป็นมนุษย์ก็ได้อยู่ในขอบเขตของพุทธศาสนา ได้สร้าง ทาน ศีล ภาวนา เพื่อสนับสนุนตนเองให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราต้องตระหนักให้ดี  กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำของเราเอาไว้ทุกวัน ให้สภาพจิตเคยชินกับความดี เมื่อสภาพจิตเคยชินกับความดี มีความดีเพิ่มมากขึ้นก็จะดึงดูดแต่สิ่งที่ดี ๆ เข้ามาหาเรา ชีวิตของเราก็จะมีความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมไปโดยอัตโนมัติ
 ดังนั้น อาศัยช่วงปีใหม่ ๒๕๖๓  พวกเราทั้งหลายพึงประพฤติปฏิบัติกาย วาจา ใจ ของตนให้อยู่ในกรอบของทาน ของศีล ของภาวนา โดยมีความเป็นพระโสดาบันและพระนิพพานเป็นที่ไปของเรา 
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
 
พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๔  มกราคม ๒๕๖๒
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.