เข้าระบบ

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒


เถรี
07-09-2019, 21:18
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อวานทิดเฟิร์สถวายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพระกริ่งจินดามณีมนต์พระกาฬมาหนึ่งล้านบาท บอกว่า "ถวายแล้วแต่หลวงพ่อจะเอาไปทำอะไรก็ได้" อาตมาก็เลยเอาลงสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี

มาวันนี้ ครอบครัวของเด็กชายพุธ แสงอุทัย ถวายมาไว้มาอีกห้าแสนบาท บอกว่า "แล้วแต่จะทำอะไรก็ได้"เหมือนกัน ก็เลยเอาลงสร้างวิทยาลัยสงฆ์อีก ตอนแรกอาตมาก็สงสัยว่า รับปากเขาว่าจะหาให้สิบล้านบาทจะมีให้ไหม ? แต่ตอนนี้มั่นใจแล้วว่ามี คือ ปกติอาตมาจะทำอะไรไม่ได้หนักใจ เพราะว่าไม่ใช่งานของเรา เป็นงานของพระศาสนา

แต่คราวนี้ส่วนที่รอดูก็คือเงินจะมาช่องไหน อยู่ ๆ ก็มีคนมาขอบูชาฟันของหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ไป ๓๐,๐๐๐ บาท เพื่อร่วมสร้างมหาวิทยาลัยสงฆ์ สองวันได้มาร่วม ๑,๕๓๐,๐๐๐ บาทแล้ว

ส่วนของพระสมเด็จแหวกม่านเงินล้านนั้น เป็นการลงทุนลงแรงของทิดเฟิร์ส ผงพุทธคุณของครูบาอาจารย์เก่า ๆ มีเท่าไรเทลงไปหมด เขาเรียกว่า "ทำเผื่อตาย" ก็คือกะว่าทำครั้งเดียว เพราะว่าเดี๋ยวตายแล้วจะไม่ได้ทำ..!

แต่ว่าพระท่านก็สงเคราะห์จริง ๆ เริ่มตั้งแต่ตอนบวงสรวง พอถ่ายรูปออกมาคนเห็นก็ตื่นเต้นกันใหญ่ อาตมาเองไม่ค่อยอยากให้กล้องจับอะไรได้หรอก จับได้เดี๋ยวตัวเองจะเดือดร้อน เดี๋ยวนี้ไปไหนเป็นดาราหน้ากล้อง มีแต่คนขอถ่ายรูปด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันเขาเห็นอาตมาเป็นวอลเปเปอร์หรืออย่างไร ?"

เถรี
10-09-2019, 19:46
พระอาจารย์กล่าวว่า “เวลาป่วยเรามีหน้าที่รักษาก็รักษาไปตามหน้าที่ ส่วนรักษาแล้วจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน ขอบอกว่าที่อาตมาเป็นถือว่าป่วยน้อยมากแล้วนะ สมัยเป็นเด็กวัยรุ่นป่วยได้อาทิตย์ละ ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง จนกระทั่งหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่า ให้ไปปล่อยปลาที่เขาจะฆ่าสักเดือนละตัวสองตัว ทำให้สม่ำเสมอ

บาลีท่านบอกว่า สงฺขารํ โรคนิทฺธํ สังขารนี้เป็นรังของโรค แปลว่าเขามีหน้าที่ป่วย ในเมื่อเขามีหน้าที่ป่วย เรามีหน้าที่รักษา ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่กันไป ถ้าวันไหนรักษาไม่ไหว ร่างกายนี้พังไป ก็ตัวใครตัวมัน เพราะว่าเราก็ไม่ได้อยากได้ใคร่ดีอะไรกับร่างกายนี้อยู่แล้ว

ทำอย่างไรที่เราจะเห็นว่าสังขารร่างกายนี้เป็นทุกข์เป็นโทษ เราอาศัยอยู่เพื่อสร้างคุณความดีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้าตายแล้วก็จบกัน สามารถทำกำลังใจได้แค่นี้ก็พอแล้ว ร่างกายจะเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างไรเราก็ไม่ต้องไปกังวล

บอกแล้วต่างคนต่างทำหน้าที่ ร่างกายเป็นรังของโรค มีหน้าที่ป่วยก็ป่วยไป ส่วนพวกเราเป็นผู้อาศัย ที่มีหน้าที่รักษาก็ค้ำจุนเอาไว้ เหมือนกับดูแลรักษาบ้าน ถ้าบ้านพังเราก็ไม่มีที่อยู่ ก็ดูแลรักษาช่วยค้ำจุนไป แต่มีความรู้สึกอยู่เสมอว่า บ้านหลังนี้ไม่ใช่ของเรา เราบังคับบัญชาเขาไม่ได้ อยากจะป่วยก็ป่วย อยากจะตายก็ตาย เราทำหน้าที่ของเราดีที่สุดแล้ว ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไป เป้าหมายเบื้องหน้าของเราคือการหลุดพ้นจากกองทุกข์ ในเมื่อพ้นจากร่างกายนี้ได้ก็ถือว่าพ้นทุกข์"

เถรี
10-09-2019, 19:52
พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงนี้ทางทองผาภูมิมีเรื่องของทางเจ้าสำนักสงฆ์ไปฟ้องร้องกำนัน ว่าปิดทางเข้าออกบ้านของชาวบ้าน แล้วคราวนี้การฟ้องก็ฟ้องได้น่าเกลียดมาก ฟ้องทางจังหวัด ฟ้องศูนย์ดำรงธรรม ฟ้องกระทั่งถวายฎีกาในหลวง แต่ไม่แจ้งอะไรกับคณะสงฆ์เลย

เมื่อสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติให้ทางสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีไปตรวจสอบ ก็ตรวจสอบมาทางเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ เมื่อตรวจสอบมาปรากฏว่าทางเราไม่รู้เรื่องเลย จึงให้พระครูสุวิมลกาญจนวัฒน์ เจ้าคณะตำบลชะแลเขต ๑ เจ้าของพื้นที่เข้าไปดู

พระครูสุวิมลฯ หายไปหนึ่งวัน กลับมาบอกว่า "ถ้าพวกเราเข้าไปส่งเดชอาจจะตายได้..!" ถามว่าทำไม ? "เพราะว่าพอผมเข้าไปถึง ท่านถามว่าเป็นใคร ? มาจากไหน ?" คือไม่รู้จักเจ้าคณะตำบล..!? พระครูสุวิมลฯ ท่านก็บอกว่า "ลูกหลานบวชอยู่แถวนี้แหละหลวงพ่อ เห็นหลวงพ่อสร้างวัดสวยก็เลยเข้ามาดูหน่อย" หลวงพ่อท่านก็บอก "แล้วมีอะไรดูล่ะ ?" "ก็ได้ยินว่ามีเรื่องฟ้องร้องกับชาวบ้านเขา ก็เลยเข้ามาดู เผื่อว่าหลวงพ่อมีอะไรจะให้ลูกหลานช่วยบ้าง"

ท่านก็บอกว่า “ไม่ต้องกังวลหรอก ที่วัดนี้มีอาวุธเยอะ มีดาบอยู่ตั้ง ๗-๘ เล่ม ใครแน่จริงก็ให้เข้ามา..!" พระครูสุวิมลฯ ท่านก็บอกว่า "หลวงพ่อ..คนเรามีแค่สองมือ ดาบตั้ง ๗-๘ เล่มถือไม่หมดหรอก ไปถือพร้อมกัน ดีไม่ดีหล่นใส่ตีนอีก..!" ท่านก็กวนใช้ได้เหมือนกันนะ"

เถรี
10-09-2019, 19:56
"พอถึงวันนัดแนะ ทางอำเภอ ทางจังหวัด ทางศูนย์ดำรงธรรม ทางสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดและทางคณะสงฆ์ เข้าไปสอบสวนแล้ว ปรากฏว่าคนผิดก็คือตัวเจ้าสำนักนั่นแหละ คือสำนักสงฆ์แต่ดั้งเดิมเป็นของหลวงพ่อสำลี ซึ่งท่านอยู่ที่นครปฐม สมณศักดิ์ของท่านก็คือ พระครูปฐมเจติยานุรักษ์ ท่านไปซื้อที่สร้างสำนักสงฆ์เอาไว้แล้วไม่มีเวลาดูแล ก็มอบให้หลวงพ่อเฉลียวท่านไปดูแล หลวงพ่อท่านนั้นไปถึงก็สร้างรั้วปิดเลย ปรากฏว่ารั้วที่สร้างปิดนั้น ไปปิดทางเข้าออกของชาวบ้าน ชาวบ้านเขาก็เลยต้องไปเข้าออกทางที่ดินของกำนันแทน เพราะว่าไม่มีใครคุยกับหลวงพ่อรู้เรื่อง ก็แกมีดาบ ๗-๘ เล่ม แล้วใครจะไปคุยรู้เรื่องล่ะ...!

ส่วนทางกำนันก็ปล่อยให้ชาวบ้านเข้าออกอยู่ตั้งนาน คราวนี้ทางกำนันจะขายที่ ก็ต้องชี้พื้นที่ให้ชัดเจน คนซื้อเขาก็บอกว่า พื้นที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่สาธารณะ ถ้ายังปล่อยให้ชาวบ้านเข้าออกอย่างนี้เขาก็จะไม่ซื้อ กำนันก็เลยต้องปิดทางเข้าออก ซึ่งไม่ใช่ความผิดของกำนัน แต่หลวงพ่อเฉลียวเห็นว่าพอคนเข้าออกทางปกติที่เคยไม่ได้ ก็มาเข้าออกทางสำนักสงฆ์ ท่านก็ไปฟ้องกำนันเลย กลายเป็นว่าทำให้กำนันเขาเสียหาย

สอบถามไปทางกำนันก็บอกว่า สำนักสงฆ์แห่งนี้มีอยู่ก็ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับชาวบ้านเลย ไม่มีปฏิสันถารอะไรกับชาวบ้านเลย ตัวเจ้าสำนักไม่บิณฑบาต ไม่มีกิจกรรมงานวัดอะไรที่จะต้องปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้าน ถึงเวลาก็ปลูกผักขาย ไปซื้อผัก ซื้อผลไม้ ซื้อมะพร้าว ขนใส่รถไปขายที่ตลาดไท ขับเองด้วย พอเขาไปเตือนหลวงพ่อท่านก็บอกว่า "อ้าว..ก็ผมไม่ได้บิณฑบาตนี่ ถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วผมจะกินอะไร ?" แบบนี้ก็คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว

กลายเป็นว่า ตำบลชะแลมีวัดพุทธมณฑล วัดอู่ล่อง วัดเกริงกระเวีย วัดพุเย แล้วยังมีวัดข้างในอีกตั้งหลายวัด สำนักสงฆ์นี้เท่ากับเป็นส่วนเกิน ในเมื่อเป็นส่วนเกิน แล้วยังมาหาเรื่องกับชาวบ้านอีก กำนันก็ไม่ยอม ถ้าฟ้องร้องก็จะให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด"

เถรี
10-09-2019, 20:02
"ทางด้านผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ถามหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิว่าจะเอาอย่างไร ? หลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิท่านก็บอกว่า ตั้งแต่ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอมาก็ดี ตั้งแต่ท่านยังเป็นเลขานุการเจ้าคณะอำเภอมา ๒ รูปก็ดี รวมแล้ว ๓ ยุคสมัย ตั้งกี่ปี ? ไม่เคยเห็นหลวงพ่อท่านนี้เข้าร่วมประชุมเลย เพราะฉะนั้น..ถ้าทำในลักษณะนี้ก็เท่ากับว่าไม่ได้ขึ้นตรงต่อคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ทางคณะสงฆ์ก็ไม่ยอมรับว่ามีสำนักสงฆ์แห่งนี้อยู่ สรุปก็คือให้ดำเนินคดีไปตามความเป็นจริง ทางคณะสงฆ์จะไม่ไปแทรกแซงอะไรทั้งนั้น

โดยเฉพาะว่าหลวงพ่อท่านนี้คิดอย่างไรไม่รู้ ท่านมีลูกศิษย์ที่เข้านอกออกในวังได้ ถึงขนาดไปทูลเกล้าถวายฎีกา เลยบอกว่า คุณรู้ไหมว่ารัชกาลที่ ๑๐ ทรงเด็ดขาดแค่ไหน ? โดยเฉพาะการจัดการกับบรรดานักบวชที่ไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ท่านกล้าถึงขนาดถวายฎีกาในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ อาศัยที่ว่ามีลูกศิษย์เข้านอกออกในได้

คราวนี้ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ถ้าถึงเวลาอยู่ ๆ มีข่าวขึ้นมาว่าทางการบุกรื้อสำนักสงฆ์ที่ทองผาภูมิก็ไม่ต้องตกใจ เรื่องจะเป็นไปแบบนี้ค่อนข้างแน่นอน แล้วพื้นที่ก็เป็นพื้นที่ของ สปก. ซึ่งที่ของ สปก. ถ้าจำไม่ผิดเขาให้ครอบครองได้ไม่เกินคนละ ๑๕ ไร่ แต่หลวงพ่อท่านไปทำรั้วไว้ ๕๐ กว่าไร่ กลายเป็นหลวงพ่อไปบุกรุกที่ ไม่ใช่กำนันไปบุกรุกที่ แต่กำนันโดนฟ้องเสียหายไปแล้ว ทางจังหวัด ทางอำเภอ ตอนแรกก็มาด้วยความหงุดหงิดมาก ว่าเป็นกำนันแทนที่จะดูแลลูกบ้าน ทำไมถึงปิดทางไม่ให้ลูกบ้านเข้าออก ?"

เถรี
10-09-2019, 20:10
ถาม : ถ้าเราทำให้สำนักสงฆ์ไม่เป็นข่าว ไม่ดีกว่าหรือคะ ?
ตอบ : ถูก..แต่ท่านทำให้เรื่องดังเอง เพราะว่าท่านไม่มาปฏิสันถารอะไรกับทางคณะสงฆ์เลย ปกติทางคณะสงฆ์เราจะจัดการเรื่องด้วยความนุ่มนวล ไม่ให้มีเรื่องดัง คราวนี้ท่านเล่นไปฟ้องร้องทางบ้านเมือง ฟ้องศูนย์ดำรงธรรม ฟ้องจังหวัด แล้วท้ายที่สุดก็ทูลเกล้าถวายฎีกา

ที่แน่ ๆ ก็คือสิ่งที่ท่านทำหลายอย่างซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พระทั่วไปทำ อย่างประเภทไปซื้อผักผลไม้แล้วเอาไปขายส่งที่ตลาดไท แบบเป็นพ่อค้าคนกลางไปเลย

ต้องบอกว่าทองผาภูมิของเราข่าวพระยิงพระเพิ่งจะซาไป ข่าวสำนักสงฆ์ปิดทางชาวบ้านก็ดังขึ้นมาอีก แต่ไม่ได้ดังว่าสำนักสงฆ์ไปปิดทางชาวบ้าน ดังว่ากำนันไปปิดทางชาวบ้าน เล่นเอากำนันหัวเสียมาก บอกว่าทำผมเสียหายแบบนี้จะฟ้องร้องจนถึงที่สุด จะไม่มีการยอมความกัน แล้วในหนังสือที่ฟ้องร้องรวมทั้งฎีกาที่ทูลเกล้าถวาย หลวงพ่อท่านก็เขียนแบบฆ่าตัวตาย คือเขียนว่า ข้าพเจ้า พระ.... ผู้ดูแลสำนักสงฆ์แห่งนี้แทนหลวงพ่อสำลี (พระครูปฐมเจติยานุรักษ์) บรรลัยเลย ถ้าหลวงพ่อบอกว่าเป็นเจ้าสำนักสงฆ์ หลวงพ่อก็ยังมีอำนาจตามกฎหมายว่า เราสามารถทำได้ในส่วนที่ต้องบริหารจัดการ แต่นี้หลวงพ่อบอกว่าเป็นผู้ดูแลแทน หมดเลย...กลายเป็นถอดเกราะออกหมด ไม่มีเครื่องป้องกันไปสู้กับใครเลย

ความจริงหลวงพ่อสำลีท่านทำสำนักสงฆ์เอกายโนดังทีเดียว เพราะว่าท่านเคยสร้างยาจินดามณีเอกายโน สร้างแล้วท่านแจกฟรี ไม่ได้จำหน่าย ทั้ง ๆ ที่แพงขนาดนั้น ท่านลงทุนไป ๗๐๐,๐๐๐ บาทแล้วแจกฟรี ก็เลยดัง เพราะว่าส่วนผสมยาจินดามณีที่เต็มสูตรนั้น แค่นอแรดกับอำพันทองก็แพงหูดับตับไหม้แล้ว

เถรี
10-09-2019, 20:18
ถาม : ความจริงสมัยก่อนนอแรดก็ไม่ถึงขนาดหาไม่ได้ ?
ตอบ : หาได้..แต่แพงมาก รุ่นอาตมาเป็นเด็กก็ยังมียาประสระนอแรด แต่พอมาตอนหลังแรดน้อยลง อาตมาเด็ก ๆ ยังได้ยินข่าวพรานล่าแรด เขาล่าแล้วเอากระบอกไม้ไผ่รองเลือดไว้ แล้วค่อย ๆ อังไฟจนเลือดแห้ง เสร็จแล้วก็ผ่ากระบอกเอามาทั้งแท่ง ชั่งขายเหมือนกับชั่งทองคำเลย คือน้ำหนักเลือดแรดกี่กรัมเอามาเทียบขายเหมือนกับราคาทองคำเลย เพราะว่าแพงขนาดนั้นจะทำให้เขาล่าแรดหมด ทางการเลยต้องสั่งห้าม ในตลาดมืดราคาก็เลยแพงมาก ก่อนหน้านั้นตำรายาไทยที่เข้าเลือดแรดนอแรดมีเยอะแยะไป

วันก่อนท่านอาจารย์เต้บอกว่า ท่านอาจารย์สายชลที่เป็นมะเร็ง รีบไปรักษาแบบสมัยใหม่เสียก่อน ท่านมียาหม้อกินแล้วยังไม่มีใครตาย บางคนหมอบอกอยู่ได้แค่ ๓ เดือน ๖ เดือน กินยาหม้อของท่านแล้วรอดทุกราย ก็เลยบอกว่า "ถ้าผมเป็นช่วยหายาให้ด้วย หรือถ้ามีตำราก็ขอตำรามา เดี๋ยวผมไปหาเองได้" ท่านบอกว่า "ยาหลายตัวต้องข้ามไปเอาฝั่งพม่า ในบ้านเราไม่มีแล้ว" ก็เลยสบายใจว่า ถ้าตัวเองเป็นมะเร็งก็มียาดีรออยู่ อย่างไรอาจารย์เต้ท่านอายุน้อยกว่าเยอะ คงไม่ตายก่อนอาตมาหรอก

เถรี
10-09-2019, 20:27
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องดราม่าหลวงพ่ออุลตร้าแมน อาตมาไม่ได้กังวลหรอก เพราะว่าเรื่องแบบนี้ใครทำใครได้ แต่เป็นห่วงอีหนูคนวาดรูปว่าจะโดนค่าลิขสิทธิ์หรือเปล่า ? เพราะว่า ๓ รูปนั้นเขาขายไป ๒ รูปแล้ว ถ้าคุณทำขายนี่ปัญหาลิขสิทธิ์ตามมาเมื่อไร ดีไม่ดีโดนปรับหูตูบ แล้วคนซื้อก็ช่างกล้าซื้อนะ ถ้าเขาเล่นนี่โดนทั้งคนขายคนซื้อเลย แล้วเดี๋ยวนี้กฎหมายลิขสิทธิ์ไปทั่วโลกแล้ว แสดงว่าทำอะไรไม่รอบคอบ”

เถรี
10-09-2019, 20:29
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหล ช่างที่ทำไม่รู้จักสมเด็จองค์ปฐม ทำโดยไม่ให้ความเคารพ แม่พิมพ์เลยพังไป ๕ ตัว ท่านอาจารย์เทพด่ากระจายเลย นี่ถ้าช่างยังไม่ตายก็คงจะโดนด่าอีกหลายยก”

เถรี
10-09-2019, 22:02
พระอาจารย์กล่าวว่า “จำไว้ว่าอย่าวางพระกับพื้น วันก่อนขนาดไม่ใช่พระแต่เป็นเบี้ยแก้ อาตมายังโดนถีบปลิวติดข้างฝา อาตมาเลิกสงสัยแล้วว่าทำไมคนอื่นทำแล้วไม่โดน แต่ตัวเองทำแล้วโดน เพราะกติกาของพระมีข้อหนึ่งว่ารู้แล้วขืนทำ ถือว่าตั้งใจทำผิด คนอื่นทำไปเพราะไม่รู้ยังพอให้อภัยได้”

เถรี
10-09-2019, 22:04
โยมถวายสังฆทานเสร็จ อยู่ ๆ พระอาจารย์ก็พูดว่า “อาตมาล้างบาปให้ใครไม่ได้นะ บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป เพียงแต่ว่าถ้าสร้างบุญให้มากเข้าไว้ บาปกำลังก็จะลดน้อยถอยลง ท้ายสุดกำลังบุญสูงกว่า บาปก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ใช่มาทำบุญกับพระอาจารย์เล็กแล้วล้างบาปได้ ถ้าอย่างนั้นอาตมาจะรีบทำกับตัวเองก่อนเลย..!

หมั่นตั้งใจทำในทาน ศีล ภาวนา โดยเฉพาะการรักษาศีลและเจริญภาวนา มีแต่จะพาให้เราเจริญขึ้นโดยส่วนเดียว เพียงแต่ว่าบางทีเราสร้างกรรมมาหลายชาติ กระแสของอกุศลกรรมที่หนักก็คอยถ่วง คอยขัด คอยขวาง ทำให้เกิดอุปสรรคต่าง ๆ ขึ้น แต่ถ้าเรามีความมั่นคงในพระรัตนตรัย มั่นคงในทาน ศีล ภาวนาของเรา ท้ายสุดก็จะผ่านไปได้

ตัวอย่างเช่นอนาถปิณฑิกเศรษฐี จากที่ทำบุญถวายภัตตาหารพระสงฆ์ ๕๐๐ รูปด้วยข้าวมธุปายาส เมื่อฐานะตกต่ำลงเหลือเพียงข้าวต้มกับน้ำผักดอง แต่ก็ยังศรัทธาถวายพระไม่เปลี่ยน ท้ายสุดท่านก็ก้าวข้ามอกุศลกรรมไปได้ กลับมาร่ำรวยเหมือนเดิม ฉะนั้น...ต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่าความดีส่วนความดี ความชั่วส่วนความชั่ว กัลยาณัง วา ปาปะการัง วา จะทำความดีหรือความชั่วก็ตาม ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ เราต้องรับผลของการกระทำนั้น ๆ"

เถรี
10-09-2019, 22:20
หลังเทศน์จบ คุณเต้ยมาถวายกัณฑ์เทศน์ พระอาจารย์กล่าวว่า “เทศน์ถูกใจเลยมาถวายกัณฑ์เทศน์ใช่ไหม ? แสดงว่าชั่วตามที่อาตมาเทศน์เอาไว้แน่เลย..!"

ถาม : แน่นอนครับ ถ้าดีไม่มาอยู่ตรงนี้หรอก
ตอบ : ไม่ดีก็พยายามแก้ไขให้ดีหน่อย ที่เราลำบากอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะว่าแก้ไขสันดานในอดีตไม่ได้ ถ้าพยายามปรับแก้ได้ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ไม่ใช่ว่าวางทิ้งเลย เพราะว่าสืบเนื่องมานาน แก้ไขยาก แต่ใช้สติระมัดระวังให้มากขึ้น ถ้ากาย วาจา ใจ ดีขึ้น ทุกอย่างก็จะดีขึ้นไปเอง

ถาม : แล้วผมจะ....?
ตอบ : ไปได้แล้ว..อย่าถาม ตัวมึงเองต้องรู้ ไอ้ห่..เรื่องของตัวเองจะมาถามคนอื่นว่าต้องทำอย่างไร เดี๋ยวก็เจอถีบ...!

เถรี
10-09-2019, 22:36
อัตตนา โจทยัตตานัง ให้กล่าวโทษโจทย์ตัวเองอยู่เสมอ แล้วการกล่าวโทษนี่ต้องหาที่ผิดของเราให้ได้ ห้ามเข้าข้างตัวเอง

อาตมาเคยโดยหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านดุ พยายามมองเท่าไรก็ว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่หว่า ทำไมโดนได้วะ ? ท้ายสุดก็สรุปว่า “เออ...มึงผิดตั้งแต่เกิดแล้ว ถ้าไม่เกิดมาก็ไม่โดนอย่างนี้หรอก” พอคิดลงตรงนี้ได้ไม่ถึง ๒ นาที หลวงพ่อท่านเจ้าคุณอนันต์ ตอนนั้นยังเป็นพระอนันต์ พทฺธญาโณ โทรมาเลย “เล็ก..หลวงพ่อบอกว่า ไอ้ที่ด่าไปนั้นท่านย่าสั่งให้ด่า ท่านบอกว่าไอ้นี่รู้ตัวเร็ว หากว่าด่าแล้วมันจะระมัดระวัง ต่อไปคนจะทำอะไรมันก็ยาก”

รู้อยู่ว่าตัวเองไม่ผิดแต่ก็หาจนได้ว่าเราผิด ผิดตั้งแต่เกิดมาแล้ว ถ้าคิดไม่ตกหลวงพ่อท่านไม่เฉลยหรอก ปล่อยให้ไปหาเอาเอง ขนาดอาตมายังโดนมาด้วยวิธีนี้ เวลาสอนคนอื่นด้วยวิธีนี้ เห็นทำท่าจะตายกันทุกคน ประเภทตั้งโจทย์พร้อมกับบอกวิธีทำและคำเฉลยนั่นเด็ก ป.๑ หวังจะไปพระนิพพานอย่างพวกเราระดับปริญญา ต้องโดนหนัก ๆ หน่อย...! ถ้าคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรไม่ถูกไม่ควร ก็ปล่อยโง่ต่อไป

เป็นตัวเรานั้นดีที่สุด แต่ว่าให้รู้จักกาลเทศะ รู้จักมารยาทในสังคม ให้รู้ว่าเวลาไหนควรแสดงออกอย่างไร แค่นั้นก็จบแล้ว ไม่ใช่อยากจะสื่อว่าพระพุทธเจ้าคุ้มครองโลก กูก็วาดพระพุทธเจ้าเป็นอุลตร้าแมน ไอ้นั่นบ้า...!

ของเต้ยเกิดจากการเกิดในตระกูลสูงมากไป ก็เลยไม่ค่อยจะเห็นหัวชาวบ้านเขา กลายเป็นสันดานเฉพาะตัวมา ช่วยแก้ไขหน่อย ต้องรู้ว่าชาติโน้น ไม่ใช่ชาตินี้ ชาตินี้เราต่ำเตี้ยติดดิน ไม่ได้นั่งยวดยานคานหาม

เถรี
10-09-2019, 22:41
พระอาจารย์กล่าวว่า "นึกถึงสมัยท่านอาจารย์ด็อกเตอร์เสรี วงษ์มณฑา หรือไม่ก็ป้าม้า...อรนภา กฤษฎี เป็นสมัยที่คนยังไม่ยอมรับเรื่องการข้ามเพศ สามารถยืนหยัดฟันฝ่ามาจนเป็นที่ยอมรับของสังคมได้ ต้องผ่านแรงกดดันมหาศาลขนาดไหน ?

ฉะนั้น...เด็กรุ่นใหม่ ๆ ที่มาปิด ๆ บัง ๆ แล้วเครียดไปเอง ต้องเรียกว่าทำแบบโง่ไปหน่อย สังคมสมัยนี้เขายอมรับกันเยอะแล้ว บอกพ่อแม่ก็อาจจะช็อกนิดหน่อย แล้วก็ "ตามใจลูก อยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป"

เถรี
10-09-2019, 22:48
พระอาจารย์ถามเจ้าหน้าที่ “มีประคำมาลงตู้ใช่ไหม ? อาตมาก็สงสัยว่าอุตส่าห์ปลุกเสกประคำไปตั้งนาน ไม่เห็นเอามาลงตู้สักที ประคำชุดนี้จะมีประคำไม้มะยมตายพรายมาด้วย

เข้าพิธีพระอาทิตย์ทรงกลดกลางพายุฝน คือสถานการณ์ย่ำแย่จะขนาดไหนเราก็ต้องไปได้ เขาห้ามโฆษณาเกินจริง..ใช่ไหม ? แต่บอกได้ว่าเป็นพิธีที่ทำแล้วสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยทำมา อันนี้ถือว่าโฆษณาเกินจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? ถ้าจับสึกอาตมาก็สบาย แบบนั้นจะเลิกนั่งรถนั่งเรือแล้ว ไปไหนก็จะแวบไป ไม่มีข้อห้ามแล้วนี่ ก็เดินสิครับ ...(หัวเราะ)... เพียงแต่เดินเร็วคนมองไม่ทัน เขาก็นึกว่าหายตัวได้"

เถรี
10-09-2019, 22:57
"อีกส่วนหนึ่งเป็นไม้พะยูง ไม้พะยูงทางประเทศจีนขายแพงมาก เขาถือว่าเป็นไม้มงคล ก็เลยทำให้บ้านเราลักตัดไม้พะยูง ส่งข้ามโขงเข้าลาวไปเวียดนามแล้วส่งไปขายที่จีน ที่ไห่หนานวางขายกับพื้นเลย ชิ้นเล็กชิ้นใหญ่หยิบขึ้นมาเถอะ แต่ละชิ้นเป็นพันเป็นหมื่นหยวนทั้งนั้น

อาตมายังคิดเลยว่า ประคำไม้พะยูงของเราทำกันทีเต็มกระเป๋า หิ้วไปขายตรงนั้นคงได้เงินกลับมาเยอะเลย คนจีนเรียกไม้พะยูงว่า ไม้จันทน์ม่วง เป็นไม้มงคลสูงสุดในพุทธศาสนาของเขา แต่ถ้าเป็นแก่นไม้ท้อต้องสำหรับลัทธิเต๋า เขาเอาไว้ปราบปิศาจ

ปกติอาตมาจะชอบไม้จันทน์หอมหรือว่าไม้จันทน์ขาว ไม้จันทน์แดงมากกว่า แต่คนจีนเขาชอบไม้จันทน์ม่วง เขาเชื่อว่าเสริมอายุวัฒนะด้วย สมัยก่อนเวลาไปพม่าอาตมาก็จะซื้อพระแกะจากไม้จันทน์บ้าง ไม้สารคามบ้าง เวลาไปถวายมุทิตาสักการะพระผู้ใหญ่ก็นำไปถวายท่าน หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศท่านชอบมากเลย ส่งให้พระทั้งโบสถ์ผลัดกันดม บอกว่าหอมได้ขนาดนี้ เป็นไม้จันทน์หอมแท้นะ

ส่วนใหญ่ที่พวกเราเจอจะเป็นไม้จันทน์ขาวซึ่งหอมฉุน ไม้จันทน์หอมจะมีกลิ่นหอมนวลมาก เขาถึงได้เอาไม้จันทน์หอมไปทำกุฏิถวายพระพุทธเจ้า เรียกว่าคันธกุฎี เพราะกลิ่นหอมนวลชื่นใจมาก น่าจะนอนหลับฝันดีเลย แต่ไม้จันทน์ขาวนี่มีกลิ่นหอมฉุนมาก"

เถรี
10-09-2019, 23:00
"รอบแรกให้บูชาแค่คนละเส้นก่อนก็แล้วกัน คือถ้าคิดถึงว่าพระท่านต้องไปกลึงไปปั่น ไม่คุ้มกับเงินแค่นี้หรอก แต่อาตมาต้องการให้ท่านได้สมาธิ ก็เลยยอมลงทุนให้ท่านไปนั่งปั่น เก็บเอาเศษไม้มาก็มาช่วยกันทำ พระท่านก็กลึงก็เจาะก็ปั่นไป

ตอนนี้อีกส่วนหนึ่งที่จะให้ทำก็คือประคำกลึงจากไม้จันทน์ เป็นไม้จันทน์หอมที่ลูกศิษย์ส่งมาจากประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเผาศพพระอธิการอาณัติ ฐานยุตฺโต อดีตเจ้าอาวาสวัดวังปะโท่ แต่มีคนทักท้วงว่า การเผาศพด้วยไม้จันทน์หอม มีแต่เจ้าพระยามหากษัตริย์หรือเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงเท่านั้น อย่าไปทำอะไรที่เป็นการตีเสมอ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นพระก็ไม่ควรทำ เขาก็เลยเก็บไม้เอาไว้

เมื่อลูกศิษย์ของอาตมาก็คือ ดร.พระครูปลัดปรีชาไปเป็นเจ้าอาวาส ถามอาตมาว่าจะเอาไปใช้งานอะไรหรือเปล่า ? เลยบอกว่าเอามาทำประคำก็แล้วกัน ท่านเลยส่งมาให้"

เถรี
10-09-2019, 23:05
"ส่วนพวกไม้ที่ตายพราย เขาถือเคล็ดว่า “ตายแล้วยังไม่ยอมล้ม” ใครที่เอาไปใช้ท่านก็ต้องบอกว่า เป็นพวกที่ไม่ล้มอะไรกับเขาหรอก ไปส่องดูนะ มีโค้ดนะโมตาบอด ตอกไว้ให้ตรงลูกกลางทั้งสองข้าง

ได้ประคำไปแล้วต้องขยันภาวนาด้วย เพราะว่าประคำขี้ฟ้อง ใครขยันภาวนาก็จะเงาสวย เพราะว่าเขารับพลังของเราไปด้วย แต่ไม่ขยันภาวนา ได้ไปก็ยังมืด ๆ ดำ ๆ เหมือนเดิม ของอาตมามีแต่คนเล็งจะปล้นต่อ เพราะว่าสวยมาก"

เถรี
10-09-2019, 23:09
"อาตมาเองขึ้นรถเมื่อไรก็ภาวนาไปเรื่อย อันดับแรกเลยก็คือ กรณียเมตตสูตร บางท่านเรียกว่าพระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้า อยู่ที่ไหนก็จะปลอดภัย ถึงเวลาขึ้นรถก็ภาวนาไว้ก่อนจะได้ปลอดภัย หลังจากนั้นก็ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ ห้อง ๓ จบ แปลว่า ๙ ห้องพอดี

เหตุที่ใช้เพราะว่าตอนพุทธาภิเษก สมเด็จองค์ปฐมท่านบอกว่าให้ภาวนาวันละ ๓ จบ ถ้าพกวัตถุมงคลของท่าน ไม่ต้องทำอะไรหรอก ถ้าใครคิดร้ายก็จะแพ้ภัยตนเอง อาตมาก็พกหลวงพ่อองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลอยู่เหมือนกัน จึงต้องภาวนาทุกวัน

ต่อจากนั้นก็ภาวนาพระคาถาเงินล้านบ้าง คาถาอื่นที่เป็นการปลุกวัตถุมงคลที่ใช้งานอยู่บ้าง เรื่องของเวทย์มนต์คาถาต้องมีความขยันถึงจะขลัง พระพุทธเจ้าตรัสว่า “มนต์ไม่ท่องบ่นย่อมเป็นมลทิน” คือเศร้าหมอง เพราะว่าขาดความคล่องตัว ต้องการจะใช้ก็สนิมขึ้น จึงต้องภาวนาไว้ทุกวัน

อาตมาเองก็เท่ากับว่าตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี มาจนถึง ๖๐ ปี กี่ปีแล้วหว่า ? ๔๔ ปี อยู่กับการภาวนามาตลอดทั้งกลางวันทั้งกลางคืน จะหลับจะตื่นรู้ตัวเมื่อไรก็ภาวนาเมื่อนั้น คนอื่นจะคิดฟุ้งซ่านอย่างไรตูไม่สนใจ ภาวนาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้น รัก โลภ โกรธ หลง อาจจะกินเราได้ จึงต้องขยัน"

เถรี
10-09-2019, 23:09
"หลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิรูปปัจจุบันท่านบอกว่า “อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน” ใครอยากเก่งต้องขยันซักซ้อมบ่อย ๆ

สมัยที่ฝึกวิชากับหลวงพ่อวัดท่าซุงใหม่ ๆ เป็นช่วงที่สนุกที่สุด เพราะว่าต้องตั้งหน้าตั้งตาทำให้เกิดผล แล้วก็ไปกราบรายงาน ท่านก็จะบอกวิธีใหม่ ๆ มาเรื่อย"

เถรี
10-09-2019, 23:10
พระอาจารย์ลงไปเยี่ยมโยมที่ป่วย ขึ้นมาชั้นบนไม่ไหว "ต้องบอกว่าถึงแม้ว่าโยมป่วยก็ยังโชคดี เพราะว่าอยู่ในครอบครัวที่เป็นสัมมาทิฐิ รู้จักพาบุพการีเข้าวัดเข้าวาทำบุญ เพื่อเป็นเสบียงติดตัวไปในภายหน้า"

เถรี
11-09-2019, 23:10
ถาม : ขอข้อธรรมะด้วยครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก ทุกอย่างก็รู้ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ทำให้จริงเท่านั้นเอง สำคัญตรงทำจริงแล้วจะประสบความสำเร็จ พวกเราส่วนใหญ่ดีชั่วรู้หมดแต่มักจะอดไม่ได้ ต้องฝืน ๆ ใจหน่อย อย่าไปเชื่อกิเลสมากนัก

เถรี
11-09-2019, 23:15
พระอาจารย์กล่าวว่า "ต้องเอาจริง แล้วก็ต้องทุ่มเท อยากเป็นคนเหนือคนก็ต้องทนลำบากมากกว่าคนอื่นเขา ลำบากก่อนแล้วเดี๋ยวก็สบายทีหลัง

อยากเก่ง อยากชนะ ต้องขยันหมั่นฝึกซ้อมเอาไว้ แพ้แล้วอย่ายุบ ของแบบนี้แพ้กันได้ แต่ถ้าชนะก็เป็นกำลังใจของเรา ถึงเวลาแพ้ก็เริ่มต้นใหม่ ไม่มีใครหรอกที่ชนะตลอดโดยไม่แพ้ใครเลย มีแต่แพ้แล้วแพ้อีก เพียงแต่ว่าแพ้แล้วเอามาปรับปรุงตัวเอง"

เถรี
12-09-2019, 00:02
มีโยมเอาวัตถุมงคลมาถวาย พระอาจารย์ถามลูกศิษย์ว่า “คุณได้สังเกตทันหรือเปล่าว่าของเมื่อครู่มี ๒ แบบ ? แล้วต่างกันตรงไหน ?

เล่นวัตถุมงคลต้องตาถึงนะ มองปุ๊บต้องเห็นความต่าง เพราะว่าวัตถุภายนอกเป็นของหยาบ ถ้าเราเก็บรายละเอียดได้มาก ก็แสดงออกซึ่งความละเอียดในใจของเรา เมื่อความละเอียดในใจมีมาก ก็สามารถที่จะติดตามเรื่องของอวิชชาซึ่งเป็นต้นตอของกิเลสต่าง ๆ ได้ พอถึงเวลาอวิชชาจะแสดงฤทธิ์ เรารู้เท่าทันก็ตัดสาเหตุเลย อวิชชาก็ทำอะไรไม่ได้

สำคัญที่สุดก็คือสติ สมาธิ ปัญญา จะต้องรวดเร็ว ถามว่าเร็วขนาดไหน ? เร็วขนาดกันตัวเองไม่ให้คิดได้ อาตมาอธิบายไม่ถูกว่าเร็วขนาดไหน เร็วขนาดที่รู้ว่าคิดแบบนี้จะเป็นราคะ คิดแบบนี้เป็นโทสะ คิดแบบนี้โมหะ คิดแบบนี้ทำให้ทาน ศีล ภาวนาเจริญขึ้น คิดแบบนี้ทำให้ทาน ศีล ภาวนาเสื่อมทรามลง ก็จะตัดในส่วนไม่ดีออกไป คิดในส่วนที่ดี หรือไม่ก็อยู่นิ่งกับความสงบ หยุดความคิดทั้งหมด ไม่ปรุงแต่งอะไร ถ้าสภาวะนั้นเขาเรียกว่า สัญญาเวทยิตนิโรธ ค่อย ๆ ทำไป มีสิทธิ์ทำได้ทุกคน”

เถรี
12-09-2019, 00:05
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ทางวัดท่าขนุนข้าวของหมดคลังเพราะว่าเอาไปช่วยน้ำท่วมพม่าเสีย ๘ คันรถ แต่มีคนกลัวว่าตัวเองจะอด บิณฑบาตอยู่ทุกวันยังจะกลัวอด ถ้าอดก็แปลว่าไม่ได้บิณฑบาต ก็สมควรที่จะอดแล้ว...!

บางทีคนจะดังก็ช่วยไม่ได้ อยู่ ๆ คุณเปลวสีเงินก็เอาเรื่องที่พระครูวิลาศกาญจนธรรมพูดเกี่ยวกับพระช่วยน้ำท่วมไปลงไทยโพสต์ ก็เลยแชร์กันเสียทั่วประเทศไทยเลย บางทีเขียนบทความอย่างคุณเปลวสีเงินก็ดีนะ จั่วหัวไป ๗-๘ บรรทัดแล้วก็บอกว่าขอใช้ข้อมูลของท่านพระครูวิลาศกาญจนธรรม แล้วก็ล่อไปทั้งแท่งเลย หลังจากนั้นก็ปิดท้ายเสีย ๓ บรรทัดจบ

ลูกศิษย์บอกว่าหลวงพ่อคิดค่าลิขสิทธิ์เลย ก็เลยคิดว่าไอ้คิดค่าลิขสิทธิ์ไม่รู้ว่าเราจะได้หรือเปล่า ? แต่ถ้าเขาคิดค่าโฆษณาเรานี่เราจะจุก...!"

บทความ "โรงครัวพระทำ" https://www.thaipost.net/main/detail/45036

เถรี
12-09-2019, 00:08
โยมเอาวัตถุมงคลมาถวาย "นี่ขนมาหมดบ้านเลยหรือ ? ถ้าไม่มีความห่วงใยกังวลกับของแล้วก็เอามาทำประโยชน์ให้พระศาสนา ของนี่ประเภทของติดตัวทั้งนั้นเลย สละมาทำบุญเสียแล้ว

หลวงปู่ทวดเป็นพระนิรันตราย ก็คือด้วยความที่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์กำลังบารมีสูง ก็เลยช่วยคนได้มาก ผู้ที่เคารพนับถือท่านส่วนใหญ่ก็อยู่รอดปลอดภัย คนจึงยกให้เป็นพระนิรันตราย

จริง ๆ แล้วอาตมาเองมีหลวงปู่ทวดอยู่หลายองค์ แต่ขายกินหมด วันก่อนก็เลยไปอธิษฐานขอกับท่านว่า “หลวงปู่ ผมไม่มีหลวงปู่แล้วรู้สึกโหวงเหวงอย่างไรก็ไม่รู้ ขอคืนสักองค์หนึ่งเถิดครับ” อีก ๒ วันให้หลังได้คืนมาองค์หนึ่ง อาตมาเองขอพรหลวงปู่ไว้นานแล้ว"

เถรี
12-09-2019, 00:09
พระอาจารย์กล่าววา "ท่านที่จองขันน้ำมนต์ไว้ เกือบเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ แต่ต้องรอเวลาเสก จะไปเสกตอนเข้ากรรมฐาน ๓ วันช่วงเดือนตุลาคมก่อนออกพรรษา

ท่านที่จองเอาไว้แล้วส่วนใหญ่ไม่ได้ย้อนกลับไปดู เพราะเห็นว่าตัวเองไม่ได้ก็จบ แต่ความจริงมีพวกที่โอนเงินไม่ทันแล้วโดนตัดสิทธิ์อยู่ ๔ ใบ ก็เลื่อนชื่อคนที่ไม่ได้ขึ้นมา ปรากฏว่ามีอยู่ ๒ ท่านไม่ได้เข้ามาดูเลย จึงอดไปตามระเบียบ คราวนี้อีก ๒ ท่านสุดท้ายไม่รู้ว่าจะมาดูทันตามที่เขากำหนดไว้ไหม ? คือถ้าปล่อยให้บูชาก็หมดทันทีแน่ แต่อยากจะให้สิทธิ์คนที่เขาตั้งใจจองก่อน"

เถรี
12-09-2019, 00:11
"จองบูชาวัตถุมงคลวัดทางเว็บวัดท่าขนุนมักจะมีประเภทตายกันเกลื่อนเว็บ คือพวกทำผิดกติกา คราวนี้บางกติกาโยมก็ลืมไปแล้ว อย่างเช่นว่าทิ้งจองงานโน้นมาจองงานนี้ เขาไม่ให้จอง โยมก็จองมา แล้วก็ไม่ได้

มีอยู่รายหนึ่งไปอาละวาดกับอาตมา บอกว่าคนจองก่อนได้ คนจองหลังได้ แต่ตัวเองจองยังไม่ทันจะ ๔๐๐ เลยทำไมไม่ได้ ? ก็เลยบอกว่าไม่ต้องเสียเวลาอาละวาด สรุปก็คือตัวเองพิมพ์เป็นเลขอารบิก...ก็อดสิครับ คราวนี้มาขอโทษ บอกไม่ต้องขอโทษ ต่อไปอย่าหัวร้อนง่าย ถ้ามาด้วยโทสะอาตมาไม่คุยด้วยหรอก ส่วนใหญ่จะตบร่วงเลย...!"

เถรี
12-09-2019, 00:15
"ตอนนี้จะมีกลุ่ม VIP ที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษอยู่ ก็คือกลุ่มที่เคยทิ้งจองแล้วทำให้คนอื่นเขาเสียโอกาส กลุ่มทั้งหลายเหล่านี้ไม่ว่าจะเปลี่ยน Username กี่ครั้งก็จะโดนตัดสิทธิ์เหมือนเดิม

ส่วนที่เหลือตอนนี้ที่จะจัดการก็คือพวกที่ตั้ง Username ไว้ ๔-๕ ชื่อ จองเพื่อเอาไปจำหน่าย ลักษณะเอาเปรียบชาวบ้านเขา ต่อไปถ้ามาลักษณะอย่างนี้อีกก็จะโดนตัดสิทธิ์เหมือนกัน ส่งไปอยู่ในกลุ่มผู้ที่ได้รับการดูแลประคบประหงมเป็นพิเศษ

อีกรายหนึ่งก็คือเด็กบางบัวทอง (ธันยวัต รัตนวราหะ) วัตถุมงคลลงเมื่อไรกูจอง ๆ ๆ เอาไว้ก่อน แล้วก็กลับมายกเลิก ๆ ๆ เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ไม่แน่ใจแล้วจองไปทำอะไรวะ ? คนที่เขามีความศรัทธาเลื่อมใสต้องการจริง ๆ พอเห็นคุณไปจองเอาไว้เขาก็คิดว่าหมดสิทธิ์แล้ว เขาก็ไม่ได้กลับมาดูใหม่ เท่ากับไปตัดโอกาสคนอื่นเขา พออีกชั่วโมงมายกเลิกแล้ว ขอให้ทำลักษณะนี้ไปอีกสักพักหนึ่ง แล้วท่านก็จะได้รับการดูแลพิเศษเหมือนกัน...!

แล้วก็ไม่ต้องห่วง เจ้าหน้าที่เว็บวัดท่าขนุนโหดสุด ๆ ประมาณว่าทำผิดกติกาแล้วรีบโอนเงินมานี่อย่าหวังว่าจะได้ของ เขายึดเงินเลย ตอนแรกอาตมาก็ไม่นึกว่าจะโหดได้ขนาดนั้น ปรากฏว่าโหดได้ใจมาก โอนเงินมาก่อนนอกจากไม่ได้ของแล้ว ยังยึดเอาไว้ใช้งานอีกด้วย"

เถรี
12-09-2019, 21:55
พระอาจารย์เล่าว่า "ช่างที่ทำสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลเสียชีวิตแล้ว ทำงานให้วัดท่าขนุนเสร็จก็ตาย สูตรเขียวเหล็กไหลสาบสูญไปจากโลกเลย

ไปนึกถึงพระพุทธมารดา คลอดบุคคลที่จะมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าแล้วต้องตายภายใน ๗ วัน อรรถกถาจารย์อธิบายว่า เพราะว่าไม่มีสัตว์ใดคู่ควรที่จะร่วมอุทรกับพระมหาสัตว์นั้น พูดง่าย ๆ ก็คือคนอื่นบารมีไม่ถึงที่จะมาเกิดร่วมท้องเดียวกัน ก็เลยให้แม่ต้องตายเสียตั้งแต่สาว ๆ

แต่คราวนี้จะว่าสาวก็ไม่ได้ อาตมาเคยสงสัยอยู่ว่า พระน้านางคือพระนางปชาบดีโคตมี ไปกราบทูลลาพระพุทธเจ้าขอลานิพพานตอนพระพุทธเจ้าพระชนมายุ ๗๙ พรรษา พระน้านางนิพพานตอน ๑๒๐ ปี ทำไมต่างกันขนาดนั้น ? แล้วถ้าอย่างนั้นแม่จะเท่าไร ? อย่างน้อยก็ต้องมากกว่าน้าอีก ๑ ปี ก็แปลว่าแม่ต้องอายุอย่างน้อย ๔๒ ปี ตอนมีพระพุทธเจ้า"

เถรี
12-09-2019, 21:57
"คราวนี้ก็ต้องค้นตำรากันแหลกลาญ สรุปได้ว่าไปเจอในมธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาพุทธวงศ์ ท่านบอกไว้ว่า เป็นธรรมเนียมผู้ที่จะเป็นพุทธมารดาจะทรงครรภ์มหาสัตว์นั้น ระหว่างอายุ ๔๐-๗๐ ปี แต่ ๗๐ ปีแล้วค่อยท้องนี่เท่มากเลยนะ เพราะว่าพอถึงเวลาแล้วก็ต้องเสียชีวิตภายใน ๗ วัน ก็เลยให้อยู่นาน ๆ หน่อย แต่คราวนี้ท่านนี้ไม่มีปัญหา อายุเท่าไรท่านก็ยังสาวพริ้งอยู่เหมือนเดิม เพราะว่างามยิ่งกว่าเบญจกัลยาณี"

เถรี
12-09-2019, 22:14
"พอไปเจอช่างทำสมเด็จองค์ปฐม ตอนแรกช่างเขาก็ปวดหลัง แล้วก็ไปโวยวายกับท่านอาจารย์เทพว่า "ทำงานให้อาจารย์เล็กแล้วป่วยหนัก" ท่านอาจารย์เทพบอกว่า "ไม่น่าจะเกี่ยวกระมัง ? เอ็งน่าจะป่วยเป็นปกตินั่นแหละ แต่พอดีจังหวะตรงกัน" ปรากฏว่าอีกไม่กี่วันแกเดินลงบันไดขาหัก เดินลงมาเฉย ๆ ขาหักได้เพราะว่ารับน้ำหนักตัวไม่ได้ ไปหาหมอหมอเอ็กซเรย์ดู บอกว่าเป็นมะเร็งกระดูก กินไปทั้งตัวแล้ว กระดูกเหลือบางนิดเดียว ต้องทนทรมานอยู่ประมาณเดือนกว่า ๒ เดือนถึงจะตาย

สรุปว่าทำงานให้วัดท่าขนุนเกือบจะชิ้นสุดท้าย เพราะว่าชิ้นก่อนหน้านั้นก็คือ ทำเหรียญพระสังกัจจายน์ + หลวงปู่หลิว ขี่เต่ามังกรหยก แล้วไม่ได้ทำให้ใครด้วยนะ ท่านอาจารย์เทพสั่งสร้างถวายวัดท่าขนุนโดยเฉพาะ บอกว่า "ผมอยากทำถวายพระอาจารย์ เอาไปหาทุนทำอะไรก็ได้" แล้วท่านออกแบบสร้างได้ประณีต สวยงามมากมาก เพราะว่าตัวเหรียญเต่าเนื้อเขียวเหล็กไหลแล้ว หัวเต่า ขา ๔ ข้าง แล้วก็หาง เป็นโลหะคนละชิ้นหมดเลย คือเขาจะทำตัวเขียวเหล็กไหล แล้วก็หัวทอง หางทอง ขาทอง แบกพระสังกัจจายน์กับหลวงปู่หลิวที่เป็นหน้ากากทองหรือหน้ากากเงินไว้ด้วย

เพราะฉะนั้น..เหรียญของเขาชิ้นหนึ่งต้องทำประกอบประมาณ ๘ ครั้ง บรรดาลูกศิษย์บ่นกันอุบเลยว่า "พระอาจารย์ทำดีขนาดนี้ ทำสวยขนาดนี้ ทำไมไม่ขายกันเอง พวกผมอยากได้ เอาไปถวายพระอาจารย์เล็ก ลูกศิษย์ท่านบูชาพรึ่บเดียวหมด พวกผมอดรับประทานกันพอดี"

อาตมาจึงเก็บมาเรื่อย ๆ เข้าพิธีมาเรื่อย ๆ ให้ลูกศิษย์สายโน้นเขาน้ำลายหกเล่น ความจริงไม่ใช่หรอก ถ้าเราเอาออกมาคนที่เขาอยากได้เหรียญเต่า เขาก็จะมาแย่งบูชากันที่นี่ เท่ากับไปตัดรายรับของพระครูเทพ เราเองไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินก็เก็บเอาไว้ก่อน เสกไปเรื่อย ๆ"

เถรี
12-09-2019, 22:21
"เมื่อวันเสกเหรียญพระพุทธชินราช-หลังสมเด็จพระนเรศวรของทางด้านมูลนิธิสามสมเด็จ ก็เอาไปเข้าพิธี พร้อมกับเหรียญสมเด็จองค์ปฐมของเราทั้งหมด แม้กระทั่งเศษเหรียญก็เก็บกลับมาเข้าพิธี คำว่าเศษเหรียญก็คือที่เขาปั๊มเสียแล้วทิ้งก็มี ที่บ่มแล้วไม่ยอมเขียวก็มี เขาบอกว่าบ่ม ๗-๘ เที่ยวก็ไม่ยอมเขียว เออ..นั่นแหละ...ของขลังแท้ มั่นคงแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้น..เอ็งเอามาเลย

เดี๋ยวว่าจะเอาไว้ออกในกระทู้กฐินปีนี้แหละ เพียงแต่ว่าราคาสูงหน่อย เพราะว่าราคามาสูง งานทำยากมาก อาตมาเองฝากท่านอาจารย์เทพไปเลี่ยมทองมาองค์หนึ่ง หมดไป ๒๐,๐๐๐ กว่าบาท มีคนถามว่า "ทำไมงานสวย ท่านไม่เก็บเอาไว้ใช้เองก่อนล่ะ ? เดี๋ยวก็หมดก่อนเท่านั้น" คราวนี้จะเก็บเอาไว้ ถ้าเก็บไว้ธรรมดาเดี๋ยวเขาขอก็ให้เขาหมด เอาไปเลี่ยมทองให้แพง ๆ จะได้รู้สึกเสียดายบ้าง...!"

เถรี
12-09-2019, 23:22
พระอาจารย์กล่าวสอนศิษย์ "ของคุณเขาเรียกว่าทำงานไม่เป็น ที่ทำงานไม่เป็นก็คือออกวัตถุมงคลมาหลากหลายมากเกินไป คราวนี้พอออกมามาก คนที่เขาอยากได้แต่มีกำลังบูชาได้แค่ ๑ ชิ้นหรือ ๒ ชิ้น ไปออกมาหลายอย่างเขาก็เลือกไม่ถูก สรุปว่าแทนที่จะขายได้ กลายเป็นจะขายไม่ได้เอา ทำวัตถุมงคลอย่าทำมาก อย่าทำหลายอย่าง และอย่าทำบ่อยนัก"

เถรี
12-09-2019, 23:24
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้พระต้องระวังกันมาก ไม่ว่าจะพิธีพุทธาภิเษก หรือว่ามังคลาภิเษก หรือปลุกเสกอะไรก็ตาม โอกาสโดนจับสึกมีสูง..! ข้อหาก็คือโฆษณาจนเกินจริง สรุปว่าพูดอะไรไม่ได้ ปลุกเสกเสร็จแล้วต้องนั่งเงียบ ๆ เอาไว้"

เถรี
12-09-2019, 23:28
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนอาตมาโดนนักเลงดีถีบเอา เพราะว่าค้นเบี้ยแก้สารพัดครูบาอาจารย์ เตรียมไว้ให้เขาถ่ายรูปทำทะเบียน เพื่อเอาเข้าพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ด้วยความที่ต้องเดินไปเดินมาค้นทั้งในห้อง ค้นทั้งนอกห้อง เพื่อที่จะเอาส่วนที่หลงอยู่ตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้างมารวมกัน วางกล่องใส่เบี้ยแก้ไว้กับพื้นก็ยังไม่เท่าไร ไปพลาดตรงที่เดินใกล้ไปหน่อยเดียว ไม่ได้เดินข้ามนะ...แค่เดินเฉียด พอเดินเฉียดเท่านั้นแหละ ปลิวเข้าหาข้างฝาเหมือนกับโดนใครถีบเลย...!

คราวนี้ปลิวเข้าหาข้างฝาจะทำอย่างไร ? เอาหัวไปก่อนก็ซวยตายชัก..! อาตมาต้องรีบหมุนตัวกะว่าจะเอาหลังหรือไหล่เข้าหาข้างฝา ปรากฏว่าเหมือนอย่างกับโดนใครจับดึงไว้ ก็เลยติดอยู่กลางอากาศ คราวนี้ตอนปลิวนั้นไปเต็มที่ แล้วอยู่ ๆ มาหยุดกะทันหัน รู้สึกว่าในตัวเจ็บแปล๊บ เหมือนมีอะไรบางอย่างฉีกหรือขาด..! แสดงว่าตอนโดนนั้นโดนแรงมาก แล้วตอนหยุดก็หยุดกะทันหันมากเกินไป"

เถรี
12-09-2019, 23:29
"ต้องไปนอนปลงอายุสังขารว่าจะตายไหม ? เพราะมีหลายคนที่ตายลักษณะอย่างนี้ ก็คือขับรถมาแล้วเบรกกะทันหัน ปรากฏว่าแรงกระชากทำให้อวัยวะข้างในขาดหลุดออกจากที่ตั้ง

พอผ่านพ้นไปได้วันหนึ่งอาการค่อยดีขึ้น อาตมาก็ว่าทำไมเบี้ยแก้ดุได้ขนาดนี้ ? พูดง่าย ๆ ว่าเบี้ยแก้ของประเทศไทยที่คนเขารู้จักกันระดับทั้งประเทศนี่ อาตมามีครบทุกครูบาอาจารย์ เพียงแค่เดินเฉียดไปใกล้หน่อยเดียว เพราะว่าวางท่านอยู่ต่ำ จึงโดนเสียเต็ม ๆ เลย"

เถรี
12-09-2019, 23:33
"ที่แน่ ๆ ก็คือเบี้ยแก้ของหลวงปู่รอด วัดนายโรง เบี้ยแก้อันดับ ๑ ที่คนนิยมมากที่สุด ราคาแพงที่สุด ดูท่าจะเหลืออยู่ลูกเดียว เผลอออกในกระทู้คนมีเงินมากไปหน่อย เบี้ยแก้ของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง มีเหลือ ๒ ลูก คนไม่ค่อยรู้จัก มัวแต่ไปหาหมากทุยของท่านกันอยู่

เบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วเหลืออยู่ ๓ ลูก หลวงพ่อทัต วัดคฤหบดีเหลือ ๓ ลูก หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์น่าจะเหลือสัก ๔ ลูก ของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ กับหลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง นี่เหลือเยอะหน่อย อย่างละ ๔-๕ ลูก เบี้ยแก้พอกครั่ง หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ก็เหลืออยู่แค่ ๒ ลูก

หลวงพ่อกา วัดแคเหลือ ๒ ลูก หลวงพ่อไพล วัดบางแคกลางเหลือ ๒ ลูก ที่เหลือเยอะที่สุดน่าจะเป็นของหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว เหลือประมาณ ๕ ลูก เพราะว่าหลวงปู่เพิ่มนี้อาตมาทันท่าน ของหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว เผลอจำหน่ายเกือบหมด เหลืออยู่แค่ ๒ ลูกเท่านั้น"

เถรี
13-09-2019, 22:30
"เบี้ยแก้พอกครั่ง หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวงเหลือ ๒ ลูก ตอนออกกระทู้คนมีเงินฯ เพลินไปหน่อย ไม่ได้ตรวจสอบ ไปคิดว่ายังมีอยู่ตรงโน้น ยังมีอยู่ตรงนี้ ไปดูเข้าจริง ๆ ไม่มีแล้ว

เบี้ยแก้บางลูกก็ก้ำกึ่งกัน ต้องดูรายละเอียดมาก มีเบี้ยแก้หลวงปู่บุญอยู่ลูกหนึ่ง ถักเหมือนของหลวงพ่อทัต วัดคฤหบดี ฝีมือเดียวกันเลย เพราะว่ารุ่นท่านทันกันอยู่ ไปชี้ขาดตรงที่ว่าหลวงพ่อทัต วัดคฤหบดีนั้น เบี้ยแก้ของท่านไม่ได้หุ้มตะกั่ว ไม่ได้จาร ของหลวงปู่บุญท่านจะหุ้มตะกั่วแล้วจาร คราวนี้ลายถักถักเหมือนกับของหลวงพ่อทัต คือถักเปิดหลังแล้วก็มีห่วงเดียว แต่หุ้มตะกั่วแล้วมีจาร ก็ต้องฟันธงว่าเป็นเบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ

หลวงพ่อทัต มรณภาพแล้วลูกศิษย์สืบทอดวิชาย้ายกลับไปอยู่เมืองนครฯ ตำราก็เลยหายเงียบไปเฉย ๆ สายวัดคฤหบดีจริง ๆ เป็นเบี้ยที่มีชื่อมากในยุคนั้น เพราะว่าใครรับมานี่โดนลองทุกคน ลองว่าเหนียวจริงหรือเปล่า !?? แบบเดียวกับหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ คนอื่นไม่ลองหลวงพ่อภักตร์ลองเอง ลูกศิษย์รับเบี้ยแก้หันหลังให้ ท่านก็ขว้างขวานตามไปเลย..!"

เถรี
13-09-2019, 22:34
"เบี้ยแก้ของหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน กับ หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำถ้าดูภายนอกก็เหมือนกันเปี๊ยบเลย ยิ่งถ้าเลี่ยมโดยฝีมือเจ๊กหมง หรือเจ๊กสุข ก็ยิ่งเหมือนกันเข้าไปใหญ่ แต่เสียงปรอทไม่เหมือนกัน ต้องฟังเสียงเอาถึงจะรู้ว่าเป็นของท่านใด ส่วนเบี้ยแก้หลวงพ่อภักตร์ ถ้าฝีมือเลี่ยม ฝีมือถักเดียวกัน เบี้ยของท่านจะตัวใหญ่กว่าหน่อยหนึ่ง

หลวงพ่อทัต วัดคฤหบดี เป็นสายตรงของหลวงปู่รอด วัดนายโรง แบบเดียวกับหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว เป็นสายตรงของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แต่ทั้งหลวงปู่รอด หลวงปู่บุญนี่สืบสายมาจากหลวงปู่แขก วัดบางบำหรุเหมือนกัน เขาว่าหลวงปู่แขกนี่ประวัติท่านไปไกลมาก จนกระทั่งเขาควานกันไปไม่ถึง รู้แต่ว่าท่านเป็นคนลุ่มน้ำนครชัยศรี แล้วธุดงค์เข้ามาบางกอก ซึ่งสมัยนั้นทางด้านฝั่งธนฯ ก็ป่าดี ๆ นี่เอง แล้วก็มาถ่ายทอดวิชาให้หลวงปู่รอด วัดนายโรง แต่คิดว่าน่าจะเป็นรุ่นเดียวกับหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา ถึงได้ว่าทำไมเบี้ยแก้ของ ๒ สายนี้เหมือนกันเปี๊ยบเลย ต่างกันแค่ฝีมือถักเท่านั้น ไม่เหมือนได้อย่างไร ? ก็มาจากทางเดียวกัน

สมัยโน้นป่าดุกว่าสมัยนี้ไม่รู้ว่ากี่ล้านเท่า วิชาไม่แก่กล้าจริงเข้าป่าไปก็ตายฟรี อย่างดงพญาไฟ คนรุ่นเก่าเขาบอกให้พกหม้อใหม่ไปด้วย เวลาตายจะได้ไม่ลำบากคนอื่น มีหม้อใส่กระดูกกลับเอง ว่ากันอย่างนั้น"

เถรี
13-09-2019, 22:44
ถาม : เท่ากับสายใต้ไม่มีใครทำเบี้ยแก้แล้วสิครับ ?
ตอบ : ก็มีแหกคอกออกมา ไม่รู้ว่าศึกษามาจากทางไหน ทางด้านพัทลุงก็มีพ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง พ่อท่านใช้ วัดปากพล

ถาม : แต่เขาอ้อไม่มีเลย ?
ตอบ : เขาอ้อมีพ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง แต่ไม่รู้ว่าศึกษามาจากใคร เพราะว่าเขาอ้อไม่ใช่ตำราของมหาเถรคันฉ่อง หรือว่าหลวงพ่อสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ทางเขาอ้อมาจากอินเดียเลย ของเขาอ้อมาจากคัมภีร์อาถรรพ์เวทย์ของศาสนาฮินดู

ถาม : แต่ตัวที่บันทึกจริง ๆ ของเขาอ้อ เป็นภาษาไทยนะครับ ?
ตอบ : เขาเขียนกันมา เขียนลอกต่อ ๆ มา ใครถนัดภาษาไหนก็เขียนเป็นภาษานั้น

ถาม : ตัวที่ใช้ก็ใช้สระเสกนะครับ อะ อา อิ อี ?
ตอบ : เยอะแยะไป ทางด้านสายเหนือก็เหมือนกัน กะ ขะ คะ ฆะ งะ ก็คือลักษณะของการแกะเอาคำภาวนาโยงจิตให้เป็นสมาธิ อะไรก็ได้...บอกไปเถอะ ลูกศิษย์ฟังไม่รู้เรื่องก็คิดว่าขลัง ก็เลยเสกไปเรื่อย เออ..ก็ขลังนี่หว่า..!

ถาม : ของหลวงพ่ออุตตมะจะมียันต์ที่ใช้ครอบจักรวาล ซึ่งพอแกะออกมาแล้ว ตะ ถะ ทะ ธะ นะ เอามาใส่วงกลมด้วยเสกด้วยมหาปัฏฐาน
ตอบ : ส่วนใหญ่ทางด้านมอญ - พม่าโน้นเขาจะเอา ๒๔ ปัฏฐานมาใช้กันเยอะ

เถรี
13-09-2019, 23:04
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้เป็นปีแห่งการรับรางวัลจริง ๆ ลานธรรม ลานวิถีไทยตัวอย่างของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม วัดท่าขนุนอยู่ชื่อที่ ๒ ของประเทศไทย ชื่อแรกดันเป็นมัสยิดบ้านร่าหมาด ตำบลเกาะกลาง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ นี่อาตมารับจนไม่รู้ว่าตัวเองรับรางวัลอะไรมาบ้าง"

เถรี
13-09-2019, 23:28
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเสกวัตถุมงคลแล้วคนเขานิยมกัน อย่างหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าตัวเองเป็นพระเครื่อง พระเครื่องในความหมายของหลวงพ่อวัดท่าซุงก็คือ พร้อมที่จะติดเครื่องถล่มชาวบ้านอยู่ตลอดเวลา..!"

เถรี
13-09-2019, 23:30
ถาม : กฐินที่วัดท่าขนุนปีนี้ วันที่เท่าไรคะ ?
ตอบ : ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ ที่วัดจะทอดกฐินในวันตักบาตรเทโวฯ ของทุกปี ตอนช่วงเช้าตักบาตรเทโวฯ ช่วงบ่ายทอดกฐิน เจ้าอาวาสก็ถือโอกาสอู้ ไม่ทำงาน ๓ วัน ไปเข้ากรรมฐาน ไม่ต้องทำงาน ถนอมพลังงานตัวเอง ไม่ต้องกินไป ๓ วัน ออกมาก็มาบิณฑบาตในวันตักบาตรเทโวฯ ช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายก็รับกฐิน

อาตมาเข้ากรรมฐานตั้งแต่วันที่ ๑๑ วันที่ ๑๓ ก็ออก ช่วงเข้ากรรมฐานก็เสกขันน้ำมนต์ให้กับเจ้าภาพกฐินด้วย คือบาตรน้ำมนต์รุ่นเก่าราคาแพงมาก เนื่องจากว่าทำจากเนื้อชนวนหลวงพ่อนาก ก็เลยหารุ่นใหม่ที่ราคาอยู่ในระดับจับต้องได้ให้ญาติโยมได้ทำบุญกัน

พอดีไปเจอคนทำราคาไม่แพง ทำแล้วน่าจะได้กำไรเยอะ...ก็เลยทำ ที่ลงยันต์ไว้ที่ขันน้ำมนต์ก็มียันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า อันนี้ป้องกันอันตรายทุกอย่าง ยันต์สุกิตติมา บางคนเขาเรียกคาถาวัวกินนมเสือ เมตตาขนาดไหนก็ไม่รู้ ? รู้แต่ว่าวัวสามารถกินนมเสือได้ แล้วก็ปิดท้ายด้วยยันต์มหาโสฬส ซึ่งจะมีตรีนิสิงเหแทรกอยู่ข้างในด้วย

เถรี
13-09-2019, 23:31
พระอาจารย์กล่าวว่า "วัดท่าขนุนเป็นวัดอันดับต้น ๆ ของทองผาภูมิที่ติดอันดับเรื่องความสะอาด เกิดจากพระเณรท่านขยันช่วยกันดูแล แรก ๆ อาตมาก็กวาดเองเก็บเอง ไป ๆ มา ๆ กวาดเมื่อไรโดนท่านแย่งไม้กวาดทุกที ก็เลยเอาไปเถอะ ไปทำกันเองก็แล้วกัน สรุปว่าอาตมาแก่แล้ว ไม่ต้องออกแรงเยอะ"

เถรี
13-09-2019, 23:33
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้พระอานนท์เทศน์ ถ้าพระอานนท์เทศน์ก็แปลว่าจะต้องมีคนฟังเยอะ คือที่วัดท่าขนุนในช่วงพรรษาจะมีเทศน์วันพระทั้งเช้าทั้งค่ำ พระจะหมุนเวียนเปลี่ยนกันเทศน์ คราวนี้พระใหม่ท่านชื่ออานนท์ พอบวชแล้วท่านก็เลยกลายเป็นพระอานนท์ เลขานุการส่วนตัวของพระพุทธเจ้า..! นี่เขาเพิ่งจะทำบุญวันพระเสร็จ ส่งรูปมาให้ดู มีอะไรไม่ดีหลวงพ่อจะได้ด่าเสียแต่เนิ่น ๆ..!

วัดท่าขนุนดีอยู่อย่างว่า พระที่บวชเข้าไปท่านตั้งใจจะเอาดีกันจริง ๆ ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาเหมือนกับที่อื่น ที่อื่นบวชเข้าไปบางทีก็ท้าตีท้าต่อยกัน บางคนก็ถึงขนาดท้าเจ้าอาวาสชก..! ไม่ไปท้าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนบ้าง ? ท้าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนชกจะได้รู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไร...!

อย่างท่านอานนท์ก็แบบเดียวกับอาตมา บวชตอนอายุมากแล้ว ได้เปรียบชาวบ้านเขา อาตมาบวชตอนอายุ ๒๗ ปี ต้องบอกว่าความยับยั้งชั่งใจมีมากขึ้น ถ้าบวชตอน ๒๐ ปี ก็คงจะตีกันวัดแตกไปตั้งแต่แรกแล้ว ท่านอานนท์นี่หัวหงอกแล้วค่อยมาบวช"

เถรี
14-09-2019, 08:30
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีโยมเอาหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมปางกายมนุษย์หน้าตัก ๑๐ นิ้วไปลงจำหน่ายในเว็บ ๑ ล้านบาท มึงช่างกล้า...! กูทำแจกฟรี ได้ของฟรีไปเอาไปลงล้านหนึ่ง ตอนนั้นมีทุนไม่มาก เพราะว่าพระครูแสงเป็นคนทำ ได้มา ๑๒๒ องค์ หน้าตัก ๑๐ นิ้วนะ ที่ทำปลอมกันอยู่ที่ท่าพระจันทร์นั่นหน้าตักไม่ถึง เพราะฉะนั้น...วัดดูง่าย ๆ ก็รู้เลย ฝีมือก็ไม่ถึงด้วย

ขอให้รู้ไว้ว่าหลวงพ่อวัดไหน ถ้าท่าพระจันทร์ยอมลงทุนปลอมวัตถุมงคล แสดงว่าท่านดังแล้ว ของวัดท่าขนุนที่โดนปลอมมีพระองค์ที่ ๑๑ ทั้งใหญ่ทั้งเล็ก และพระกริ่งพิชัยสงคราม เสียดายอย่างเดียวว่าตะกรุดปลอมไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าตะกรุดปลอมได้คงปลอมไปแล้ว แต่ก็มีนะ ประเภทเอามาขายแล้วมาบอกว่าเป็นตะกรุดมหาสะท้อน โยมก็ซื้อไปดอกละ ๒๐,๐๐๐ - ๓๐,๐๐๐ บาท แกะออกมาเป็นของที่ไหนก็ไม่รู้ ลายมือก็ไม่ใช่ ยันต์ก็ไม่ใช่"

เถรี
14-09-2019, 08:32
"อาตมาเองกำลังให้เขาทำทำเนียบวัตถุมงคล เผื่อถึงเวลาคนจะได้มีตัวอย่างไว้ดู ไม่ต้องไปโดนเขาหลอก ไม่อย่างนั้นก็ไปโดนเขาหลอกเอาง่าย ๆ

วัตถุมงคลวัดท่าขนุนเน้นประณีต พวกฝีมือลวก ๆ นี่ไม่ใช่แน่ โดยเฉพาะเหรียญพระสังกัจจายน์กับหลวงปู่หลิวขี่เต่า ท่านอาจารย์เทพปล่อยสุดฝีมือเลย ทำถวายวัดท่าขนุน เฉพาะตัวเหรียญอย่างเดียวประกอบ ๘ ครั้ง เพราะว่าชิ้นส่วนพระสังกัจจายน์กับหลวงปู่หลิว หัว ขา แล้วก็หางเต่า เป็นคนละชิ้นหมดเลย

ลูกศิษย์ทางด้านวัดสี่แยกฯ บ่นว่าของสวยขนาดนี้ทำไมไม่เอาไว้กับวัดของตัวเอง ของพระอาจารย์เล็กลูกศิษย์ท่านบูชาทีเดียวหมด พวกผมก็อดรับประทาน

เมื่อวันที่ ๔ แวะไปวัดไร่แตงทอง ต้นตำหรับหลวงปู่หลิวมา เอาเหรียญเต่ามังกรหยกให้หลวงพ่อสายชลท่านดู เป็นเพื่อนกัน ท่านก็บอกว่า “ของผมดูไม่ได้ ไม่สวยเหมือนของอาจารย์” บอกท่านว่า “ของคุณดูไม่ได้แต่พุทธคุณดี คนเขาก็แย่งกันบูชา” วัดอยู่ลึกขนาดนั้นแต่รถติดเหมือนกับกรุงเทพฯ เลย"

เถรี
14-09-2019, 08:35
"เดี๋ยวนี้คนขับรถของอาตมามีข่มขู่ “จะให้เข้าหรือไม่ให้เข้า ? ถ้าไม่ให้เข้าจะพาหลวงพ่อกลับ” เขาก็เลยต้องรีบหาทางให้เข้า

ทางเข้าวัดไร่แตงทองไม่ได้แคบนะ แต่เนื่องจากว่ารถแต่ละคันนี่มัวแต่ยึกยักกันอยู่ ไม่รู้ว่าจะจอดตรงไหนดี ก็พาคันอื่นเขาติดไปด้วย โอ้โฮ...แล้วติดที ๒ - ๓ กิโลเมตร ไปเจอคนใจร้อนประเภทวิ่งแซงขวาขึ้นมา เจอรถสวน อ้าว..ติดกันอีก คนโน้นก็ไม่รู้ว่าจะถอยอย่างไร คันนี้ก็มีรถจ่อท้ายอยู่

แต่น่าเสียดายว่าหลวงพ่อสายชลท่านเป็นมะเร็ง เป็นทีหนึ่ง ๓ ก้อน "โลภมากไปหรือเปล่า ? แบ่งให้ผมสักครึ่งก็ได้" ท่านบอกว่า "๓ ก้อนแบ่งแล้วไม่ลงตัว..อย่าเอาเลย ถ้ามีสัก ๒ หรือ ๔ ยังแบ่งครึ่งกันได้..!" ตอนนี้ท่านให้คีโมอยู่ ฉันอะไรไม่ได้เลย อาเจียนหมด ท่านบอกว่า "ผมคงไม่ได้ตายเพราะมะเร็งหรอก ผมตายเพราะกินไม่ได้..!"

ท่านบ่นว่าจะสร้างพระศรีอริยเมตไตรยทันไหม ? ตอนนี้ได้แค่จมูก ถามว่าพระศรีอริยเมตไตรยองค์นี้ใหญ่แค่ไหน ? ลืมถามว่าหน้าตักเท่าไร รู้อยู่อย่างเดียวว่าใช้ทองเหลือง ๑๗๐ ตัน ตันหนึ่งก็ ๑,๐๐๐ กิโลกรัม คูณ ๑๗๐ ไปดู กี่หมื่นกี่แสนกิโลกรัม ?"

เถรี
14-09-2019, 08:38
"หลวงพ่อสายชลปรารภว่า สร้างองค์พระสัก ๘๐ ล้านบาท ทำอาคารสัก ๘๐ ล้านบาท ไม่รู้ว่าจะได้อยู่ทำจนเสร็จไหม ? อาตมาเลยบอกว่า "แล้วคุณไปเครียดอะไร ? นั่นเป็นปัญหาของคนอยู่ ไม่ใช่ปัญหาของคนตาย" ท่านบอกว่า "หาให้เขา ๗๐ - ๘๐ % แล้ว ขาดอยู่นิดหน่อย คนมาสร้างต่อไม่ได้ก็เป็นเรื่องของเขา"

ท่านเพิ่งซื้อที่ข้างวัดไป ๑๐ ไร่ เพื่อที่จะให้เขาจอดรถ ที่จอดรถเก่าไม่พอ ถามว่าเจอไปไร่ละเท่าไร ? "๕ ล้านบาท" เรื่องของญาติโยมที่ขูดเลือดขูดเนื้อพระนี่เป็นทุกที่ พวกที่ข้างวัดท่าขนุนนี่เขตเทศบาล ราคาประเมินชัด ๆ ไร่ละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท เขาบอกขายอาตมาไร่ละล้าน..! หลวงพ่อสายชลก็เหมือนกัน เขาเองราคาเดิมไร่ละ ๗๐,๐๐๐ - ๘๐,๐๐๐ บาท แต่เอาไร่ละ ๕ ล้าน ก็ต้องให้เขา เพราะว่าเราต้องใช้ ไร่อ้อยอยู่ลึกจากถนนใหญ่เข้าไป ๑๒ กิโลเมตร ใครจะไปบ้าซื้อไร่ละ ๕ ล้านบาท..! หลวงพ่อสายชลท่านบ้าพอ ซื้อไร่ละ ๕ ล้านบาท อยากได้กูก็ให้ เพราะว่ากูจะเอา...!"

เถรี
14-09-2019, 22:55
ถาม : รู้สึกเสียดาย เป็นตัวโลภหรือตัวรักคะ หรือทั้งสองตัว ?
ตอบ : ตัวหลง..หลงว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นดีจึงเสียดาย

เถรี
14-09-2019, 23:06
ถาม : หนูภาวนาคาถาเงินล้านจนเหมือนเป็นอัตโนมัติ ประคองไปได้ ๓ อาทิตย์แล้วก็ล้ม กำลังจะเริ่มใหม่ บางวันก็ได้ บางวันก็ไม่ค่อยดีอยู่ บางวันนั่งสมาธิแล้วไม่เป็นสมาธิ ก็คิดว่าจะนั่งทำไม หนูก็เลยมาพิจารณาร่างกายแทน พิจารณาไปจนน้ำตาร่วง คิดว่าชีวิตนี้ไร้สาระ ที่ผ่านมาโดนหลอกมาขนาดนี้เลยหรือ เราไปทำใครเขาไว้ ก็ขอโทษเจ้ากรรมนายเวร หนูคิดไปเองหรือเปล่า ควรจะทำแบบนี้ต่อไปอีกหรือไม่คะ ?
ตอบ : แบ่งเป็น ๒ ประเด็น ประเด็นแรกคือเรื่องของสมาธิ เราอยากได้คืนมากเกินไป คราวนี้ตัวอยากได้มากเกินไปทำให้ฟุ้งซ่าน ก็เลยไม่ทรงตัว เพราะว่าภาวนาเมื่อไรเราก็อยากให้สงบเหมือนเดิม กลายเป็นว่าตัวอยากให้สงบเป็นตัวฟุ้งซ่าน ต้องทำใจว่าเรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนผลจะเป็นอย่างไรช่างมัน ถ้าอย่างนั้นจะได้คืนเร็ว

ประการที่ ๒ คือ ควรจะมีการพิจารณาประกอบไปด้วยทุกครั้ง เอาให้เห็นชัด ๆ เลยว่าอัตภาพร่างกายนี้ไร้สาระ เกิดมาชาติแล้วชาติเล่าก็ยังต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาแบบนี้จะไม่มีสำหรับเราอีกแล้ว พยายามสรุปจบลงตรงนี้ให้ได้ทุกครั้ง ถ้าสภาพจิตยอมรับจริง ๆ ก็อย่างที่ว่า คือซึ้งจนน้ำตาร่วงเอง

พอเห็นอย่างนั้นชัดเจนจริง ๆ แล้ว ว่าร่างกายเราไม่มีอะไรดีเลย ในเมื่อตัวเราไม่มีอะไรดี ตัวคนอื่นก็เหมือนกัน เรายังไม่อยากได้ใคร่ดีในตัวเอง จะไปอยากได้ใคร่ดีในตัวคนอื่นได้อย่างไร ? ท้ายสุดคนอื่นก็ไม่ดี โลกนี้ก็ไม่ดี ในเมื่อเราไม่ต้องการอีก ความปรารถนาในการเกิดไม่มี ก็ตัดกิเลสของตัวเองได้ไปตามลำดับขั้น ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ของเรามีเท่าไร ก็จะได้ไปตามที่เราสั่งสมมา ถ้าสามารถพ้นไปได้เลยก็ถือว่าจบจึงต้อง พิจารณาไว้ทุกครั้ง อย่ารอให้ภาวนาไม่ได้แล้วค่อยมาพิจารณา

เถรี
14-09-2019, 23:07
ถาม : เราจะรู้เมื่อไรว่าควรจะเริ่มพิจารณาแบบวิปัสสนาแล้ว ?
ตอบ : ภาวนาจนใจไม่เอาแล้ว พอไม่เอาแล้วเราก็มาพิจารณา ส่วนใหญ่แล้วพวกเราภาวนาอย่างเดียว ภาวนาแล้วก็ปล่อยทิ้งไปเฉย ๆ ไม่ได้เอามาใช้งานในการพิจารณา ก็เลยทำให้เสียของเปล่า แต่ไม่เป็นไรหรอก...ต้องลองผิดลองถูกอย่างนี้กันทั้งนั้นแหละ

เถรี
14-09-2019, 23:11
ถาม : เกือบทุกอาทิตย์จะพาแม่ไปถวายภัตตาหารพระสงฆ์ มีพระอาจารย์รูปหนึ่งท่านเป็นพระครู ท่านสอนอานาปานสติ หนูก็พาแม่ไป พอหนูมีปัญหา หนูก็ไปถามท่าน พอท่านรู้ว่าหนูเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านก็หาว่ามโนมยิทธิเป็นการเอาจิตส่งออก หนูไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ?
ตอบ : อย่าไปเถียงกับท่าน เพราะว่าท่านไม่เคยปฏิบัติแบบนี้ ท่านจึงไม่เข้าใจ การที่จิตเราส่งออกแล้วเกิดทุกข์ เพราะว่าเป็นการส่งออกโดยไม่มีการควบคุม แต่มโนมยิทธิอย่างน้อยเราก็ต้องทรงอุปจารสมาธิขึ้นไป ก็แปลว่าเราไปโดยมีการควบคุม ในเมื่อไปโดยมีการควบคุม ถึงเวลาจะไปฟุ้งซ่านให้เป็นทุกข์ได้อย่างไร ? อย่าไปเสียเวลาอธิบาย..เพราะว่าเราไม่เก่งจริง

ถาม : ท่านก็พยายามดึงเราออกจากทาง ทำให้อึดอัดค่ะ ?
ตอบ : บอกกับท่านว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนทุกอย่างเป็นความดีทั้งหมด เรายินดีที่จะทำตรงนี้ ถ้าหากท่านเห็นว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไม่ดี ก็แปลว่าท่านเองก็ยังไม่ดีพอ

เถรี
14-09-2019, 23:29
ถาม : พระที่รู้จักคุยกันว่า พระที่ศีลยังไม่บริสุทธิ์ จะไปได้ฤทธิ์ได้อภิญญาได้อย่างไร ?
ตอบ : บอกกับท่านสิว่า ผมเห็นฆราวาสได้ฤทธิ์ได้อภิญญากันเยอะแยะ ไม่เห็นต้องศีล ๒๒๗ ข้อ ศีล ๕ ยังไม่ครบเลย เพียงแต่ตอนปฏิบัติครบอยู่พักเดียวเท่านั้น แสดงว่ากำลังใจท่านสู้ฆราวาสห่วย ๆ ยังไม่ได้เลย..!

ถาม : ท่านถือว่าท่านเก่งจริง ๆ ?
ตอบ : เขาเรียกว่า สีลัพพตุปาทาน ยึดมั่นในหลักปฏิบัติของตนว่าเหนือกว่าผู้อื่น กลายเป็นยึดมันถือมั่นไป ถึงได้กลายเป็นอุปาทาน

กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลพัตตุปาทาน อัตตวาทุปาทาน สีลพัตตุปาทาน นี่ก็คือยึดมั่นในศีลพรต คือหลักปฏิบัติของตน อัตตวาทุปาทาน ยึดมั่นในวาทะ คือต้องกูเท่านั้นคนอื่นไม่ใช่ ออกไปแนวสัจจกนิครนถ์ คือ กูเก่งคนเดียว

เถรี
14-09-2019, 23:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "ชราธัมโมมหิ ชะรัง อะนะตีโต เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่อาจจะล่วงพ้นความแก่ไปได้ พะยาธิธัมโมมหิ พะยาธิง อะนะตีโต เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่สามารถจะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้ มะระณะธัมโมมหิ มะระณัง อะนะตีโต เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่อาจล่วงพ้นความตายไปได้

นี่มองข้ามขั้นไปนิด ตอนนี้แก่แล้ว เจ็บแล้ว จึงต้องมองไปถึงตาย ก็เหลือแค่ว่าเป้าหมายหลังจากตายแล้วจะไปไหน ? ลงต่ำ อยู่ที่เดิม ขึ้นสูง หรือพ้นไป ? จริง ๆ แล้วมีคนเขาบอกว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ เลือกอยู่ไม่ได้ เลือกงานไม่ได้ เลือกตายไม่ได้ จริง ๆ แล้วเลือกได้นะ เลือกเกิดนี่ส่วนใหญ่เลือกกันมาแล้ว เพราะว่าทำแบบนั้นถึงได้แบบนั้น นี่ถามว่าเลือกตายไม่ได้ ? ได้..ตายก็ตามที่คุณเลือกไว้นั่นแหละ ทำอย่างไรก็ไปตามนั้น เราเลือกเอง ลิขิตชีวิตตัวเอง แต่ไปบอกว่าเลือกไม่ได้"

เถรี
14-09-2019, 23:44
ถาม : หนูร่วมทำบุญถอดเทปคำสอนครูบาอาจารย์ค่ะ ?
ตอบ : การถอดเทปคำสอนครูบาอาจารย์ บางคนรัก เกรงใจ แล้วก็กลัวจนเกินไป ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงทั้ง ๆ ที่บางอย่างท่านพูดก็ผิด แทนที่จะช่วยแก้ให้ถูกก็ไม่แก้ เรื่องนี้อาตมาเจอมาตั้งแต่สมัยยังอยู่ที่วัดท่าซุง ถอดเทปหนังสือหลวงพ่อวัดท่าซุงใหม่ ๆ คนถอดเคารพจัด กระทั่งเสียงกระแอม เสียงไอยังใส่ลงไป จะเอามาทำอะไรวะ ? คำพูดที่จะแก้ไขจากภาษาพูดเป็นภาษาเขียนก็ไม่กล้าอีก นั่นเขาเรียกว่าอ่อนไหวจนเกินไป ถ้าไม่กล้าทำงานก็อย่าโผล่หน้ามา ถ้าโผล่หน้ามาต้องพร้อมที่จะลงนรก..!

ถอดเทปมา ถอดเสียงมา ต้องแก้ไขให้สมบูรณ์ คนอ่านจะได้ลื่นไหลไม่สะดุด แทนที่จะมีโทษกลับมีประโยชน์มากกว่า แต่นี่กลัวโทษกันอย่างเดียว ไม่กล้าแก้ ไม่กล้าทำกันเลย

เถรี
15-09-2019, 00:34
ถาม : ปกติผมจะอุทิศส่วนกุศลให้กับเทวดาประจำตัวทุกวัน แต่ต่อมาผมก็คิดว่า เราอยากจะอุทิศส่วนกุศลล่วงหน้าไปเลย บอกว่า ต่อไปนี้ทั้งชีวิตของข้าพเจ้าทำบุญอะไรมา ท่านโมทนาได้เลย ข้าพเจ้าไม่อยากมาอุทิศส่วนกุศลให้ทุกวันแล้ว แบบนี้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : เทวดานั้นได้ เพราะว่าท่านมีสภาพจำแล้วก็โมทนา แต่เราจะขาดทุน เพราะว่าปัตติทานมัยของเราจะขาดไป เพราะเราไม่ได้ทำทุกวันเหมือนเดิม คือผลบุญที่ได้จากจิตของเราสละความดีของตนให้กับผู้อื่นจะหายไป เพราะฉะนั้น...จะขี้เกียจก็ได้ แต่ก็ต้องขาดทุนหน่อย

เถรี
15-09-2019, 22:44
ถาม : ตอนผมเป็นเณร ผมสึกมาแล้ว ผมเอาปัจจัยที่ได้จากตอนเป็นเณรกลับบ้านมาด้วย แต่ต่อมาผมก็คิดว่าไม่สมควรที่จะเอากลับบ้าน ก็เลยนำปัจจัยนั้นไปทำบุญที่วัดเดิม ทำบุญค่าน้ำค่าไฟทั้งหมด อย่างนี้ผมจะเป็นหนี้สงฆ์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าทิ้งระยะนานแค่ไหน ?

ถาม : ในวันนั้นเลยครับ ?
ตอบ : ถ้าวันนั้นเลยก็ไม่เป็นไร แต่เสี่ยงนรกมาก ถ้าพลาดแล้วตายก่อนก็ซวยไป

ถ้าทิ้งระยะเราต้องดูด้วยว่าปัจจัยที่เราให้ไป ได้กับช่วงนี้ไหม ? เพราะว่าบางทีเวลาผ่านไปค่าของเงินลดลง เราเคยเอาเงินมาซื้อก๋วยเตี๋ยวได้หนึ่งชาม สมมติว่าตอนนั้น ๕ บาท แต่ตอนนี้ ๒๐ บาท เราก็ต้องใช้คืนเป็นจำนวน ๒๐ บาท

ถาม : ตอนนั้นจำได้ว่าออกจากวัดมาก็ ๒ - ๓ ชั่วโมง วัดใกล้บ้านก็เอาไปคืนเลย ?
ตอบ : นี่ถ้าเป็นพระก็ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระไปแล้ว ยังดีที่เณรไม่มีอาบัติปาราชิก

ถาม : ผมสึกมาแล้วนี่นะครับ ?
ตอบ : ถ้ามีเถยยจิตที่จะเอา จะคิดเอาตอนไหน ก็ต้องคิดเอาตอนก่อนที่คุณจะสึก..ใช่ไหม ?

เถรี
15-09-2019, 22:46
ถาม : ผมท่องพระคาถาเงินล้าน ต่อมาก็เปลี่ยนมาท่องพระคาถาอื่นอย่างพระคาถาอื่น ผมต้องตั้ง นะโมฯ ๓ จบใหม่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าต่อเนื่องกันไปก็ไม่ต้อง

ถาม : แล้วถ้าเว้นสัก ๓ ชั่วโมง ต้องท่อง นะโมฯ ใหม่ ?
ตอบ : เอาเป็นว่าตอนช่วงเช้าตั้งไว้ก็แล้วกัน ภายในวันนั้นจะว่าคาถาอะไรก็ว่าไป

เถรี
15-09-2019, 23:03
พระอาจารย์กล่าวในช่วงบ่ายว่า "ตอนนี้อาตมาจัดวัตถุมงคลชุดเบี้ยแก้ครบถ้วนแล้ว ปรากฏว่าเบี้ยแก้ที่หายากที่สุดของอาตมากลายเป็นเบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือเผลอจำหน่ายไป ลงกระทู้คนมีเงินฯ ไปหมด สาเหตุที่สองก็คือ เบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือระยะหลังนั้น ขนาดวางขายหน้ากุฏิยังปลอม..! อาตมาก็เลยเก็บไว้เฉพาะที่ท่านทำให้เป็นพิเศษ กลายเป็นว่าของอาตมานั้น เบี้ยแก้หลวงปู่เจือหายากที่สุด มีแค่ ๒ ลูก ส่วนของหลวงปู่บุญที่เขาหากันหูดับตับไหม้ยังมีตั้ง ๓ ลูก

หลวงปู่เจือท่านเคยทำ "เบี้ยแก้ตัวครู" ให้ ใหญ่ประมาณกำปั้นนี่เลย ตัวครูนี่จริง ๆ ก็คืออนุญาตให้ทำต่อจากท่านได้ ส่วนเบี้ยแก้ขนาดปกติตัวที่ท่านทำให้ อาตมาตั้งใจเอาไว้ให้ใช้จริง ๆ ชุบรักสุดยอดที่จะบรรจง เงาวาววับเลย ใครเห็นก็งงทุกราย คิดว่าเป็นเบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญไปโน่น"

เถรี
15-09-2019, 23:07
ถาม : มาครั้งแรกครับ ไม่รู้..เตรียมเหรียญมาหยอดตู้ครับ ?
ตอบ : ที่นี่ไม่มีตู้ให้หยอด..ต้องขออภัย ให้ถวายลงในขันตรงหน้านี่เลย ที่ไม่มีตู้ให้หยอดเพราะว่าบ้านมีขนาดเล็ก ถ้าตั้งตู้ไปแล้วเกะกะมาก นี่เป็นข้อแก้ตัว เอ๊ย..นี่เป็นคำอธิบายที่บอกถึงข้อเท็จจริง

เถรี
15-09-2019, 23:12
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้มีเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ๒ อย่าง ที่เขาใช้คำว่า "ดราม่า" อย่างแรกก็คือ เพลงนะโม ฟังกันหรือยัง ? ได้ยินว่าคุณนุ้ย เชิญยิ้ม เป็นคนร้อง เนื้อหาประมาณว่าพระเราฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ตอนบ่ายพักผ่อน ตอนค่ำจำวัด ดึกซัดมาม่า..!

อีกอย่างหนึ่งก็คือจิตรกรที่วาดรูปพระพุทธเจ้าเป็นอุลตร้าแมน มีคนถามว่าเป็นการเหยียดหยามศาสนาหรือไม่ ? การเหยียดหยามศาสนานั้นเป็นการกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ด้วยกายหรือวาจา ต่อสิ่งอันเป็นที่เคารพของศาสนานั้น ๆ อย่างเช่นว่าศาสนาพุทธของเราก็ทำกับพระพุทธรูป เป็นต้น

ถ้าจะเอาเรื่องข้อหาเหยียดหยามศาสนา ศาลอาจจะปรานี ลงโทษในสถานเบาและให้รอลงอาญา เพราะมักจะอ้างว่าทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

คราวนี้ถ้ามาดูในแง่ของชาวพุทธ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามที่กระทำไปแล้ว ทำให้ผู้นับถือศาสนาพุทธด้วยกันไม่สบายใจ โดยสามัญสำนึกก็น่าจะรู้ว่าสิ่งนั้นไม่สมควร แต่เขาคิดว่า ถ้าทำไปแล้วเกิดกระแสขึ้นมา ก็จะทำให้โด่งดังและขายผลงานได้ นี่เป็นการคิดแบบการตลาด แต่ว่าทำให้โทษใหญ่นั้นเกิดขึ้น"

เถรี
15-09-2019, 23:14
"โทษใหญ่ที่เกิดขึ้นก็คือ คุณได้กระทำการอันเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย แสดงออกซึ่งความไม่เคารพในพระรัตนตรัย ก็แปลว่า ชีวิตนี้คุณไม่มีทางที่จะเข้าถึงมรรคเข้าถึงผลได้ เพราะว่ากฎเกณฑ์กติกาของการที่จะเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า กฎเกณฑ์ของการเข้าถึงมรรรคเข้าถึงผลนั้น กติกาข้อหนึ่งก็คือ จะต้องเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วยความจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ก็แปลว่าคุณปิดทางของตัวเอง

ถ้าภาษิตจีนเขาบอกว่า "สวรรค์มีทาง..เจ้าไม่ไป นรกไร้ประตู..ดันตะกายมา" ขอแสดงความยินดีกับท่านทั้งหลายด้วย อาจจะได้เจอกันข้างล่าง ถึงเวลาแล้วทักทายกันบ้างนะ..!

เรื่องของพระรัตนตรัยมีคุณอนันต์ก็มีโทษมหันต์ สุปติฎฐิตเทพบุตรทำความชั่วมาตลอดชีวิต ก่อนตายนึกถึงพระพุทธเจ้านิดเดียว ได้ไปสวรรค์ก่อน ๗ วัน ขณะเดียวกันบุคคลที่ปรามาสพระรัตนตรัย ก็โทษมหันต์พอกัน"

เถรี
15-09-2019, 23:15
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีวัตถุมงคลอยู่ชิ้นหนึ่ง ราคา ๓๐,๐๐๐ บาท มีใครกล้าบูชาไหม ? เป็นฟันของหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อาตมาได้ฟันท่านมา ๒ ซี่ เป็นคนขายกระทั่งฟันของครูบาอาจารย์..! ตอนนี้จะสร้างอาคารวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี หลังแรกราคา ๕๐ กว่าล้านบาท เพราะฉะนั้น..มีอะไรก็ขายหมด

หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค มรณภาพมา ๓๐ - ๔๐ ปีแล้ว สภาพผิวท่านยังดีกว่าผิวของอาตมาอีก นอนรอลูกหลานอยู่ ใครจะไปไหว้ไปกราบก็ไป ไม่ทันท่านแบบอาตมาก็ไปได้ ไม่เป็นไรหรอก ท่านยังรอพวกเราอยู่"

หมายเหตุ : มีคนบูชาที่บ้านเติมบุญไปแล้ว

เถรี
15-09-2019, 23:23
พระอาจารย์กล่าวว่า "ขอนินทาลูกศิษย์คนหนึ่ง ก็คือแม่ชีกุ๋ย (อุบาสิกาอุษณี วงษ์ไตรรัตน์) ไปเปิดสถานปฏิบัติธรรมแล้วก็มีปัญหา แม่ชีกุ๋ยก็ส่งอีเมลล์มาหา บอกว่าตนเองไม่เข้าใจว่าที่มีปัญหากระทบกระทั่งกัน เกิดจากการบริหารไม่เป็น หรือว่าเกิดจากกำลังใจคนที่ต่างกัน ?

อาตมาใช้คำตอบแรง ๆ ไปว่า เกิดจากการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่เห็นหัวคนอื่น ก็เลยทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะว่าคนเรากำลังใจต่างกัน สรุปว่าแม่ชีไม่เข้าใจว่าตัวเองไปผิดพลาดตรงไหน

คนที่กำลังใจต่างกัน เราต้องคอยประคับประคอง โดยเฉพาะถ้าเขาเป็นเจ้าของบ้าน เราต้องให้เกียรติเขา ยกย่องเขา ทำอะไรต้องให้เขาออกหน้าเสมอ เพราะว่ากำลังใจต่างกัน เราอาจจะไม่ต้องการจุดนั้น แต่คนอื่นเขายังต้องการอยู่ ต้องมีให้เขา

ในเมื่อของเราเองทำทุกอย่างโดยใช้กำลังใจของตัวเองเป็นหลัก ก็เลยกลายเป็นไม่เห็นหัวคนอื่น บอกได้อย่างชัดเจนว่า ประการแรกก็คือ บริหารจัดการไม่เป็น ประการที่สองก็คือ ปัญญาไม่พอ มองปัญหาไม่ออก ประการที่สามก็คือ อยากได้ใคร่ดี โตเร็วมากจนเกินไป"

เถรี
15-09-2019, 23:24
"การที่อยากได้ใคร่ดี อยากโตเร็ว อยากมีชื่อเสียงเกียรติยศ อยากเป็นที่ยอมรับของคนอื่น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ต้องอาศัยเวลาบ่มเพาะ ต้องมีระยะเวลาในการสร้างตัวเองให้มั่นคง ถ้ามีเวลาสร้างตัวเองให้มั่นคงก่อน ถึงเวลากระทบกระทั่งอะไร เราก็จะไม่ไหลตามกระแสไป จะมีสติยั้งคิด มองเห็นต้นตอของปัญหา แล้วก็แก้ไขได้

ตรงจุดนี้ก็เลยขอนินทาให้โยมจำนวนมากฟังว่า ความผิดพลาดทั้งหมดเกิดจากการที่ใช้กำลังใจของตัวเองเป็นหลัก ขณะที่กำลังใจคนอื่นไม่เท่ากัน ไม่สามารถที่จะลดลงมาให้ได้ระดับเดียวกับเขา หรือว่าปรับขึ้นไปให้ได้ระดับเดียวกับเขา ซึ่งการที่เราจะทำลักษณะอย่างนี้นั้น จะเหนื่อยมาก

บางวันอาตมาเจอคนกำลังใจต่ำ ๆ มาก ๆ นี่เหนื่อย เพราะว่าต้องลดลงมา พอลดลงมา อาตมาก็ต้องแบกกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง เท่ากับเขา ถึงจะเข้าใจว่ากำลังใจเขาเป็นอย่างไร เหนื่อยอย่าบอกใครเลย..! ฉะนั้น...ถ้าไม่อยากเหนื่อย อย่าทำหน้าที่อย่างนี้ ถ้าอยากทำหน้าที่อย่างนี้ ก็ต้องยอมเหนื่อย"

เถรี
15-09-2019, 23:28
"การที่ลดกำลังใจลงมา ก็จะเหนื่อยมาก ๆ บางคนท้อ ต้องเลิกทำหน้าที่ไปเลย แต่ถ้ากำลังใจของเรามั่นคง ปรับขึ้นปรับลงได้ ถึงเวลาเจอกับสถานการณ์ต่าง ๆ แล้วไม่มีอะไรค้างคาในใจ จะทำได้เต็มที่มากกว่า

เพราะฉะนั้น...แม่ชีขาดการบ่มเพาะตัวเองในระยะเวลาที่เพียงพอ ก็เลยทำให้อ่านปัญหาไม่ขาด บริหารจัดการไม่ถูกต้อง ก็มีการกระทบกระทั่งกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ความจริงถ้าออกไปทำอะไรของตัวเองได้ก็ดี อาละวาดได้เต็มที่หน่อย ถ้าอยู่ร่วมกับคนอื่นเขา ก็อยู่ในลักษณะที่ว่าต้องเกรงใจเขาแบบนี้

แต่การที่เราออกไปทำอะไรด้วยตัวเอง จะลำบากตรงที่ว่าถ้าเราเป็นใหญ่ในสถานที่นั้น ภาพที่สะท้อนจากคนอื่นจะบิดเบี้ยว ไม่ใช่ตัวเราที่แท้จริง ที่บิดเบี้ยวก็คือเขาไม่กล้าพูด ไม่กล้าบอกเราอย่างเต็มที่เหมือนกับเมื่อก่อนนี้ เพราะว่าเรามีอำนาจสิทธิ์ขาดตรงนั้น เขาก็เกรงใจ

ฉะนั้น...เวลาคนเราพอก้าวขึ้นสู่ที่สูงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ อัตตนา โจทยัตตานัง ต้องกล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ ถ้าไม่มีการกล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ คนอื่นเขาไม่สามารถเป็นกระจกให้กับเราได้ เพราะว่าเกิดความเกรงใจ หรือไม่ก็กลัวว่าจะเกิดการกระทบกระทั่งกินใจกัน คบหากันต่อไปไม่ได้ เขาก็หุบปากไม่พูด เราก็แย่

ตรงนี้ก็ถือว่านินทาไว้เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนส่วนรวม ถ้าหากว่ามีใครที่คิดจะทำอย่างนี้บ้าง ต้องบ่มเพาะตัวเองให้มั่นคงได้ระยะหนึ่งก่อน ระยะเวลามากน้อยตามสภาพของตนเอง"

เถรี
15-09-2019, 23:30
"อาตมาเองสมัยบวชใหม่ ๆ เวลามีปัญหาอะไรขึ้นมาในวัดหรือในที่ประชุม ส่วนหนึ่งที่รู้สึกอึดอัดใจตอนนั้นก็คือ อายุกาลพรรษาน้อย รู้มาก..แต่พรรษาน้อย พูดอะไรไม่ค่อยมีใครฟัง แม้กระทั่งตอนหลังเมื่อเขาสอบถามทั่วประเทศแล้ว ก็ตรงกับที่อาตมาบอก แต่เขาไม่ฟังอาตมาหรอก เพราะว่าอายุกาลพรรษาของอาตมาน้อยเกินกว่าที่เขาจะให้ความสำคัญ

ก็เลยคิดว่า ถ้าผ่านการบ่มเพาะไประยะหนึ่ง อายุกาลพรรษามากขึ้น คำพูดของเราก็จะมีน้ำหนักขึ้น การกระทำของเราจะรอบคอบมากขึ้น กำลังใจของเราจะเข้มแข็งขึ้น สิ่งที่เราทำก็จะดีกว่านี้ นั่นคือประสบการณ์ที่อาตมาเจอมาด้วยตัวเอง"

เถรี
15-09-2019, 23:33
"ฉะนั้น..ไม่ว่าจะเป็นพระก็ดี เป็นแม่ชี หรือว่าฆราวาสก็ตาม ส่วนหนึ่งก็คืออย่าอยากดังเร็ว ดังเร็วก็เหนื่อยเร็ว ขอยืนยัน..! อาตมาเองช่วงระยะ ๓ - ๔ ปีนี้ ต่างจาก ๑๐ ปีก่อนชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย เพราะว่าตอนนี้ไม่ว่าจะไปไหนก็ตาม จะมีคนรู้จัก ก็อย่างที่บอกว่าไปวัดม่วงชุม จังหวัดสิงห์บุรี พระเณรที่อยู่ในงานศพเกินครึ่งท่านมากราบ บอกว่าติดตามผลงานจากเฟซบุ๊ก ติดตามผลงานจากเว็บไซต์ อาตมาเองไม่รู้จักท่านสักรูป แต่ท่านรู้จักอาตมาหมดแล้ว ทำให้อยู่ยากขึ้นไปเรื่อย ๆ

เดินทางแวะเข้าห้องน้ำที่สถานีบริการน้ำมัน ช่วงนี้หลีกคนไม่พ้น จะต้องมีคนวิ่งมาสวัสดี วิ่งมากราบ อื้อหือ...จะให้ความเป็นส่วนตัวหน่อยได้ไหม ? กูปวดฉี่จะราดอยู่แล้ว มึงยังขอกราบก่อนอีก..!"

เถรี
15-09-2019, 23:34
"ต้องนึกถึงหลวงปู่พระพุทธพจนวราภรณ์ (หลวงปู่จันทร์ กุสโล) วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ สมัยท่านยังเป็นเจ้าคุณพระเทพกวี อยู่ที่วัดป่าดาราภิรมย์ ท่านบอกกับอาตมาว่า ถ้าอยากดัง อย่าไปหวังความสงบ เป็นประสบการณ์ชีวิตของหลวงปู่จริง ๆ ท่านเจอมาเต็มที่แล้ว ถึงได้เตือนลูกเตือนหลานไว้

อาตมาเองขนาดพยายามที่จะบีบตัวเองให้อยู่ในกรอบที่เล็กที่สุด ก็ยังเล็กไม่ได้ เพราะว่าระยะหลังคนเขาแชร์กันในโลกโซเชียลมากขึ้นเรื่อย ๆ ไปไหนตอนนี้ไม่สามารถที่จะหลอกชาวบ้านเขาได้แล้ว ถึงเวลาไปกับพระรูปอื่น เขาถามหา "พระอาจารย์เล็กใช่ไหมครับ ?" ชี้ไปบอกว่า "รูปโน้น" เขาบอกว่าเขาดูหน้าจากในเฟซบุ๊กมาแล้ว ตอนนี้หลอกเขาไม่ได้แล้ว

ฉะนั้น...เรื่องพวกนี้คือ ดังเมื่อไรก็เหนื่อย ดังเมื่อไรความสงบก็จะหายไป ดังเมื่อไรถ้ากำลังใจไม่มั่นคง เราก็จะรับงานไม่ไหว"

เถรี
15-09-2019, 23:46
พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า สะเดาะเคราะห์ พวกเรามักจะเข้าใจผิด สะเดาะ คือทำให้หลุด เคราะห์คือกรรมเก่าที่เราสร้างไว้แล้วตามมาส่งผลไม่ดี กรรมเก่านั้นอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ เพราะว่าเราได้ทำไปแล้ว

เพียงแต่ว่ากรรมเก่าที่เราทำเหมือนอย่างกับน้ำทะเล น้ำทะเลเค็มไปแล้วจะแก้ไขอย่างไร ? ก็เอาน้ำจืดเติมลงไปเรื่อย ๆ เติมลงไปเรื่อย ๆ ถ้าเติมได้มากพอ น้ำทะเลไม่ได้หายไปไหน แต่แสดงรสเค็มออกมาไม่ได้

เพราะฉะนั้น...จริง ๆ แล้วเรื่องของเคราะห์กรรมต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะสะเดาะ ไม่สามารถที่จะลบล้างกันได้ แต่ว่าเราสามารถสร้างความดีเพื่อหนีกรรมหรือหนีเคราะห์นั้นได้ ถ้าเราทำความดีได้มากพอ เคราะห์กรรมนั้นก็จะส่งผลได้น้อย หรือไม่สามารถที่จะส่งผลได้เลย เพราะว่าโดนความดีท่วมทับไป เหมือนกับที่เราเติมน้ำจืดลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเกลือไม่สามารถจะแสดงความเค็มออกมาได้"

เถรี
15-09-2019, 23:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันไหว้พระจันทร์เป็นเทศกาลของคนจีน ในประเทศจีนตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ของจีน ซึ่งช่วงนั้นประเทศจีนเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เพราะว่า ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ของจีน ตรงประมาณ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ของเรา เป็นเวลาหลังเก็บเกี่ยว เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วได้ผลขึ้นมาก็มีการไหว้ขอบคุณเทวดาฟ้าดิน โดยเฉพาะเทพธิดาฉางเอ๋อ ที่เขาเชื่อว่าเป็นผู้โปรยน้ำอมฤตลงมาที่โลกมนุษย์ ทำให้พืชผลเจริญงอกงาม คราวนี้ฉางเอ๋ออยู่บนดวงจันทร์ ก็เลยไหว้พระจันทร์ไปด้วย

ลักษณะอย่างนี้ถามว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือเปล่า ? ถ้าไหว้อยู่ในลักษณะของการร้องขอบนบานศาลกล่าวอย่างเดียว ก็ถือว่าทำไม่ถูก แต่ว่าขนบธรรมเนียมประเพณีทั้งหลายเหล่านี้ ทำให้คนเรารู้จักเคารพ เกรงกลัวต่อธรรมชาติ ก็เลยไม่เบียดเบียนธรรมชาติ รักษาสภาพของธรรมชาติเอาไว้ได้ ทำให้ดินฟ้าอากาศคงตัว ฤดูกาลต่าง ๆ หมุนเวียนไปตามรอบปกติ"

เถรี
15-09-2019, 23:50
"อย่างในปัจจจุบันของเรา คนขาดความเกรงกลัวในธรรมชาติ ทำลายธรรมชาติแบบไม่บันยะบันยัง ทำให้สมดุลธรรมชาติเสีย ฤดูกาลต่าง ๆ ก็ไม่เป็นไปตามปกติ เราก็จะเห็นได้ว่าโบราณเก่งกว่า คือให้เราเคารพธรรมชาติ ถึงเวลารู้สำนึกในบุญคุณ ก็มีการตอบแทนด้วยการกราบไหว้บูชา เราจะบอกว่าเหลวไหลก็ไม่ใช่ เพราะว่าอย่างน้อยในเรื่องของเทพธิดาฉางเอ๋อก็ยังเป็นเทวตานุสติ การระลึกถึงเทวดา

เพียงแต่ว่าการระลึกถึงเทวดาของเขา เป็นการระลึกถึงในลักษณะของผู้น้อยที่มีต่อผู้ใหญ่ เป็นการระลึกถึงในลักษณะของการพึ่งพา ซึ่งความจริงเทวตานุสติของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ท่านสอนให้เราปฏิบัติตนให้เป็นเทวดา ก็คือศักยภาพของมนุษย์ทุกคนสามารถเป็นเทวดาได้ เป็นพรหมได้ เป็นพระวิสุทธิเทพได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็เลยสอนหลักธรรมที่ให้เราปฏิบัติแล้วเป็นพรหม เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า หรือว่าเป็นพระวิสุทธิเทพก็คือพระอรหันต์เข้าสู่พระนิพพาน

ในเมื่อเรามีศักยภาพที่จะบรรลุธรรมเอง มีศักยภาพในการที่จะเป็นเทวดาเป็นพรหมเอง เราก็ปฏิบัติตัวของเราให้เป็น จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปพึ่งพาใคร เพราะว่าเราเป็นเองไปแล้ว"

เถรี
15-09-2019, 23:52
โยมกราบเรียนขอทำบังสุกุล พระอาจารย์ดุว่า "เขาเรียกว่าสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง โตมาจนป่านนี้แล้ว จะทำบังสุกุลก็ทำบังสุกุล ต้องอ้อมโลกไปซะไกล จะทำอะไรก็บอกมาตรง ๆ พูดมาตรง ๆ นี่อ้อมโลกตั้ง ๓ รอบ แล้วจะมีประโยชน์อะไร ?

จะทำบังสุกุลดันทะลึ่งบอกว่าฝันถึงอาตมา เขาเรียกว่าอยู่ในโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความเสแสร้ง จนกระทั่งเคยชินกลายเป็นนิสัย ทำอะไรก็เลยต้องอ้อมโลกไปเรื่อย ไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างก็แล้วไป"

เถรี
22-09-2019, 19:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยที่อาตมายังเด็ก ๆ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผู้ใหญ่จะพูดอยู่เสมอก็คือ ท้าย ๆ พระศาสนาคนจะต้องสอยมะเขือกิน คราวนี้ถ้าไม่ใช่เด็กบ้านนอก ก็จะไม่รู้ว่าต้นไม้ที่เราจะต้องใช้ตะขอไปสอยนั้น ต้องต้นใหญ่มาก เกินกว่าความสูงที่เราจะเก็บได้ การที่ต้นมะเขือซึ่งสูงอย่างเก่งก็ประมาณหัวเข่าของเรา แล้วเราต้องไปสอยกินนั้น แสดงว่าตัวเราต้องเล็กแค่ไหน ?

ในสุบินนิมิต ๑๖ ประการของพระเจ้าปเสนทิโกศล ที่ฝันว่าต้นไม้ขึ้นมาต้นเล็ก ๆ ก็มีดอกมีผลแล้ว พระพุทธเจ้าพยากรณ์ว่า ต่อไปในกาลข้างหน้า กุมารากุมารี ก็คือเด็กผู้หญิงเด็กผู้ชาย จะมีคู่กันตั้งแต่อายุน้อย ๆ แล้วในอัคคัญญสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงพัฒนาการของโลกนี้ก็คือ นานไปข้างหน้าอายุคนจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเหลืออายุขัยประมาณ ๑๐ ปี

เราลองนึกดูว่าตอนนี้หมาแมวมีอายุ ๒๐ - ๓๐ ปี ประมาณปีกว่า ๆ ก็มีลูกได้แล้ว ถ้าคนเราอายุแค่ ๑๐ ปีซึ่งน้อยกว่าหมาแมวในปัจจุบันนี้ ควรจะมีลูกกันตอนอายุเท่าไร ? แล้วการที่มีลูกเร็วขนาดนั้น เด็กก็น่าจะตัวเล็กลงไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็จะตัวเล็กอยู่ในระดับที่ต้องสอยมะเขือกิน แต่อาตมาคิดว่าถ้าคนตัวเล็กลง มะเขือก็น่าจะต้นเล็กลงไปด้วย"

เถรี
22-09-2019, 19:51
"ปัจจุบันนี้บรรดานักวิทยาศาสตร์เห็นว่า โลกเราพื้นที่ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ประชากรเพิ่มขึ้นมากทุกปี ก็ต้องหาวิธีว่าทำอย่างไรจะให้ได้ผลิตผลมากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม จึงมีการตัดต่อพันธุกรรมที่เราเรียกกันว่า จีเอ็มโอ ซึ่งบ้านเราก็มีเยอะแล้ว โดยที่ยังไม่ได้ศึกษาให้ชัดเจนว่า การตัดต่อพันธุกรรมนั้น จะสร้างโทษให้กับบุคคลผู้ที่อาศัยพืชอาศัยสัตว์เหล่านั้นกินเข้าไปเท่าไร

บางคนก็พยายามประดิษฐ์วาทกรรมให้ดูน่ากลัว อย่างเช่น เรียกว่ามะละกอผีดิบ ซึ่งเกิดจากการตัดต่อจีเอ็มโอให้ทนต่อโรค ทนต่อแมลง มีผลผลิตมาก ตกลูกเร็ว อาตมาว่าไม่ต้องกลัวหรอก กินมะละกอนั่นเข้าไป กว่าที่จะรู้ว่ามีผลร้ายต่อเราเท่าไรก็น่าจะหลายชั่วอายุคน แต่ประเภทมะละกอส้มตำครกหนึ่งใส่ชูรสเป็นกิโลกรัมนั่นก็เกินไป ถ้ากินลักษณะนั้นก็น่าจะตายก่อนที่จะรู้ว่าจีเอ็มโอส่งผลร้ายอย่างไรกับเรา"

เถรี
22-09-2019, 19:58
"ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นผลิตผงชูรสให้เรา แต่ญี่ปุ่นไม่เคยใช้ผงชูรสเอง อาตมาอยู่ชายแดน สิ่งที่ทหารเขาสอนกันเลยก็คือ ถ้าเกิดบาดแผลใหญ่โตขึ้นมา ห้ามเลือดไม่อยู่ ให้เอาผงชูรสเทลงไป จะห้ามเลือดได้ดีมาก อาจจะเป็นเพราะว่าผงชูรสกัดเนื้อเยื่อบริเวณนั้นตายหมด เลือดไปเลี้ยงไม่ได้ เลือดก็เลยไม่ออก แต่ต้องส่งถึงมือหมอให้เร็วที่สุด เพราะว่าถ้าทำแผลไม่ทัน เนื้อตรงนั้นจะเน่า ถ้าเนื้อเน่า..เลือดเป็นพิษ..ก็ตาย..!"

เถรี
22-09-2019, 20:20
ถาม : พระแถวบ้านจะเอาข้าวแกงถุงมาให้แถวบ้านประจำ บางทีก็เอามาให้ที่บ้านผม คนที่บ้านจะต้องรับกรรมอะไรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าพระมีการอปโลกน์ ก็คือบอกกล่าวในท่ามกลางสงฆ์แล้วว่า ถ้าเหลือจากการฉันของพระ ให้ญาติโยมเอาไปกิน เอาไปใช้ได้ ถ้าลักษณะอย่างนั้นจะไม่ผิด แต่ถ้าไม่ได้บอกก็ติดหนี้สงฆ์ไป

ถาม : ผมก็โดนด้วยหรือครับ ?
ตอบ : โดนทุกคน

ที่จริงแล้วพระท่านทำถูก เพราะว่าของที่มีมาก กินไม่ไหวใช้ไม่หมด เอาไปแบ่งปันให้กับญาติโยมก็ได้อยู่ แต่คราวนี้ก็ต้องทำตามระเบียบ ก็คือมีการอปโลกน์สังฆทาน บอกกล่าวในท่ามกลางสงฆ์ก่อน ถ้าหากว่าสงฆ์ให้สาธุการเห็นด้วย ก็สามารถที่จะแจกจ่ายได้

เถรี
22-09-2019, 20:26
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้ก่อนลงมา ดูคลิปที่เพื่อนส่งมาให้ดู มีการสอบเพื่อขอบัตรขอทานที่ทางภาคอีสาน ถ้าสอบไม่ได้ ไม่มีบัตรก็ห้ามขอทาน อาตมาก็เลยคิดว่า เออ..รัฐบาลของเราก้าวหน้า ในช่วงแรก ๔ ปีกว่า ๕ ปี เรามีบัตรคนจน ในช่วงสอง แค่ไม่กี่เดือนเริ่มมีบัตรขอทานแล้ว คงจะประสบความสำเร็จยิ่ง ๆ ขึ้นไป...!

ขอทานหรือวณิพกนั้น ส่วนใหญ่แล้วแสดงความสามารถแลกกับข้าวของเงินทอง ลักษณะที่เหมือนกับฝรั่งเปิดหมวกร้องเพลง ก็จะมีการทั้งร้อง ทั้งรำ ตีกรับ ตีฉิ่ง สมัยนี้ไม่ค่อยมี ยุคอาตมาเด็ก ๆ มีเยอะ จะมีเพลงขอทานโดยเฉพาะ "..เปิดหม้อไม่มีข้าวสุก เปิดสมุกไม่มีข้าวสาร พ่อแม่เอ๋ยได้โปรดทำทาน..ฯลฯ" เพลงยอดฮิตทั้งนั้นเลย เด็กรุ่นนี้ไม่รู้แล้วว่าสมุกหน้าตาเป็นอย่างไร

การขอทานสมัยก่อนที่เขามีการร้องเพลงแสดงตอบแทน เรียกว่าวณิพก ในส่วนนี้ต้องบอกว่าเป็นเทคนิคของเขา ถ้าบ้านไหนมีฐานะหน่อย เขาจะไม่ถอยง่าย ๆ ร่ำร้องโอดครวญอยู่นั่นแหละ ประเภทต้องให้แล้วให้อีกจนกว่าเขาจะพอใจจึงจะไป ก็เลยไปนึกถึงหมอทำขวัญนาค หมอทำขวัญนาคนี่แม่ตั้งท้องตั้ง ๙ เดือน เจ็บท้องร้องโอดโอยอยู่นั่นแหละ ไม่คลอดสักที จนต้องจ้างให้คลอด ถ้าเงินค่าเหล้าไม่พอ หมอทำขวัญนาคก็ร้องโอดโอยต่อไป นาคก็ไม่ต้องคลอดสักที"

เถรี
22-09-2019, 20:36
"ระยะหลังมีการเทศน์ของพระที่เทศน์ลักษณะเดียวกัน คือถ้าโยมไม่ติดกัณฑ์เทศน์เพิ่ม ก็ว่าไปเรื่อย ไม่เข้าเนื้อหาสักที สรุปแล้วเทศน์พวกนี้ ส่วนใหญ่ไปเทศน์ที่ไหนไม่เคยจบ เพราะว่าหมดเวลาก่อน

ก็เลยมีสังฆาณัติ คือคำสั่งคณะสงฆ์ ตั้งแต่ยุคพระราชบัญญัติปกครองสงฆ์ ฉบับปีพุทธศักราช ๒๔๘๔ สมัยรัชกาลที่ ๘ สังฆาณัติออกกฎห้ามไว้ ห้ามเทศน์ตลกคะนอง ห้ามเทศน์หยาบโลน สารพัดห้าม ยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพราะว่ายังไม่ได้ยกเลิก ก็แบบเดียวกับที่เมื่อเดือนก่อนที่มีการจับพระสึก เพราะว่าไปปลุกเสกบรรดาลูกเทพกุมารอะไรพวกนั้น ก็ใช้คำสั่งเก่านี้แหละให้ท่านสึก

ก็ต้องแล้วแต่ว่าใครจะเป็นที่หมั่นไส้และความซวยมาถึง ถ้าทั่ว ๆ ไปก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ ถ้าเป็นที่หมั่นไส้เมื่อไรก็โดน อาตมาเองก็คงจะไม่แคล้ว เพราะว่าบรรดาญาติโยมบางคนเอาไปลงจนเว่อร์วังอลังการ ขนาดอาตมาไม่พูดยังบอกว่าพูด บอกว่า บูชาสมเด็จองค์ปฐม ท่านให้พรเอาไว้ว่า ถ้าตั้งใจสวด อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ จบ ทุกวันเพื่อบูชาท่าน ใครคิดร้ายจะแพ้ภัยไปเอง ก็ไปขยายความว่า คำว่าใครในที่นี้ หมายถึงเทวดา มาร พรหมด้วย โคตรเก่งเลย...! ไอ้พวกทำมาหารับประทานกับวัดท่าขนุน เดี๋ยวจะจัดการสักวัน ไม่รู้จะทำอะไรก็ให้ตกหลุม ตกร่อง แข้งขาบวมก็ยังดี...!

เป็นพระทำอะไรมากไม่ได้ เราต้องมีเมตตา เอาแค่ไม่ถึงตาย ขึ้นอยู่กับอารมณ์ว่าจะหมั่นไส้เมื่อไร..!"

เถรี
22-09-2019, 20:40
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง อาตมาก็รบราฆ่าฟันกับพวกเรือหาปลา ถึงเวลาก็ยืม เอ็ม. ๑๖ ของทหารมายิงจริง ๆ พวกทหารเขาก็ตกใจ "หลวงพี่ยิงไปอย่างนั้นไม่กลัวเขาตายหรือ ?" "ข้าตั้งใจยิงเรือโว้ย..!" เพราะว่าช่วงนั้นฝึกวิชากระสุนคด ที่ฝึกอยู่ก็มีหลวงตาวัชรชัยกับอาตมา

กระสุนคดยิงไปทางไหนก็ต้องโดนเป้าได้ เป้าอยู่ข้างหลังยิงไปข้างหน้าก็ต้องโดนได้ แรก ๆ ที่ฝึกนี่หมดเงินกันเยอะ จ้างเด็กปั้นลูกกระสุนถังละร้อย ถังละ ๒๐ ลิตร เสร็จแล้วก็ยิงภาวนา กำหนดเป้าแล้วยิงกันไป ยิงแล้วก็หาย พอตอนหลังฉลาดขึ้น หลวงตาวัชรชัยชวนกันเอากระสอบ ๔ ใบมาเย็บติด กางไว้ข้างหลังเป้า ยิงเสร็จแล้วกระสุนไปติดอยู่ที่กระสอบ พอเก็บคืนได้บ้าง"

เถรี
22-09-2019, 20:45
"วิชานี้ถ้าฝึกสำเร็จเราตั้งใจให้โดนตรงไหน จะโดนตรงนั้น ฉะนั้น..อาตมากราดด้วย เอ็ม.๑๖ ทั้งแม็ก ไม่ได้กลัวว่าจะโดนคนเลย เพราะว่ามั่นใจ หลวงน้าสุนทรตอนนั้นยังแข็งแรงอยู่ ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ใกล้จะมรณภาพแล้ว ไปขอดูเรือที่โดนยิง กลับมาบอกว่า "โฮ่...หลวงพี่ รูขนาดนี้เลย" บอกท่านว่า "กระสุนเล็กนิดเดียวนะหลวงน้า" "ก็หลวงพี่เล่นไปผสมวิชาเข้าไปด้วยก็เลยหนัก" ก็คือพอใช้อำนาจจิตใช้อะไรเข้าไปด้วย กลายเป็นว่ากระสุนเล็กนิดเดียวแทนที่จะเจาะไม้เป็นรูเล็ก ๆ กลายเป็นรูโตเท่ากำปั้น เรือจมไปเลย

ของพวกนี้สมัยหนุ่ม ๆ ยังเฮี้ยนอยู่ก็เลยฝึกไปเรื่อย สมัยนี้แก่แล้วไม่ค่อยได้ใช้งาน หมั่นไส้ใครแล้วค่อยยิง อยู่วัดถึงเวลาถือหนังสติ๊กออกมา พระเขาก็ลุ้นว่าหมาอยู่ไกลขนาดนั้นจะยิงถูกไหม ? รับรองว่าถูก ว่าแล้วก็ใส่ซะร้องเอ๋งไปเลย บางทีกัดกันไม่เลิก ก็ต้องมีกรรมการคอยห้าม"

เถรี
22-09-2019, 20:50
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “นามสกุลนี้บรรพบุรุษมาจากเวียงจันทน์ แล้วเป็นเชื้อเจ้าด้วย “โพธิสารชัย” คราวนี้พอเขียนไปเขียนมา ร.เรือ หาย เหลือแต่ “โพธิสา” บรรพบุรุษเป็นกษัตริย์ครองกรุงล้านช้าง ชื่อพระเจ้าโพธิสาร ยุคสมัยนั้นประเทศชาติสงบร่มเย็น พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก

ประเทศไทยกับลาวก่อนหน้านี้ไม่ได้แยกประเทศ ก็คือเป็นชาติเดียวกัน คราวนี้พอมีการขีดเส้นแบ่งประเทศกันขึ้นมา ถึงได้ยุ่งกันตายชักถึงทุกวันนี้ แบ่งเส้นกั้นประเทศไทยกับลาวคือแม่น้ำโขง ฝั่งซ้ายเป็นลาว ฝั่งขวาเป็นไทย ถามว่านับอย่างไรเป็นฝั่งซ้ายกับฝั่งขวา ? โดยมาตรฐานโลกเลย เขาให้หันหน้าลงทะเล คือน้ำส่วนใหญ่ในโลกนี้จะไหลลงทะเล หันหน้าตามกระแสน้ำไหล ซ้ายมือจะเป็นประเทศลาว ขวามือก็เป็นประเทศไทย

คราวนี้พอมีการแบ่งประเทศชาติกันขึ้นมา ก็เกิดความยึดมั่นในตัวกูของกู เขาบอกว่า “ลาวไทยใช่อื่นไกล..พี่น้องกัน” ก็จะมีพวกรีบถามขึ้นมาเชียว “ใครเป็นพี่..ใครเป็นน้อง ?” เราจะเห็นว่าความยึดมั่นถือมั่นมีมากเป็นพิเศษ หลังจากนั้นพอถึงเวลาบ้านเราข้ามไปฝั่งโน้น เขาจะเรียกว่าพวกไทย บ้านเขาข้ามมาเราก็เรียกว่าพวกลาว ที่น่าสงสารที่สุดกลายเป็นคนอีสาน ถ้าคนอีสานมากรุงเทพฯ เขาเรียกว่าพวกลาว คนอีสานข้ามแม่น้ำโขงไป เขาเรียกว่าพวกไทย ตกลงว่าเป็นอะไรกันแน่ ? นั่นก็คือการแบ่งแยกที่เกิดขึ้นทีหลัง บวกกับสักกายทิฏฐิ ตัวกูของกูเข้าไป กลายเป็นยึดมั่นถือมั่น จะฆ่ากันตายอยู่ทุกวัน”

เถรี
22-09-2019, 20:52
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้ทางเด็กนักเรียนที่วาดพระพุทธเจ้าปางอุลตร้าแมน ไปขอขมาหลวงพ่อพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมาแล้ว บอกว่าที่วาดแบบนั้นเพราะต้องการจะสื่อว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ปกป้องโลก พระพุทธศาสนาสามารถช่วยโลกได้ แบบเดียวกับยอดมนุษย์

ก็ต้องบอกว่าคิดได้ แต่ว่าบางอย่างเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และกระทบกระทั่งกำลังใจของคนส่วนใหญ่ จะทำอะไรก็ต้องรอบคอบระมัดระวัง แต่ด้วยความที่เธอเป็นเด็ก จึงทำอะไรไม่รอบคอบ แต่ว่ายังดีที่ขอขมา ซึ่งการขอขมานั้น ขอขมาต่อพระสงฆ์ไม่มีประโยชน์ ควรที่จะขอขมาตรงต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเราใช้พระพุทธรูปเป็นตัวแทน

คราวนี้อีกส่วนหนึ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ บรรดาคนที่เข้าไปแสดงความคิดเห็น หลายคนแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่ว่า “ไม่ได้ฆ่าใครตาย..ทำไปเถอะ” หลายคนก็แสดงความคิดเห็นในลักษณะที่ว่า “เพราะมีแต่พวกหัวเก่า ยึดมั่นถือมั่นนี่แหละ บ้านเราถึงได้ไม่เจริญ” แสดงให้เห็นชัดว่า กำลังใจของคนในปัจจุบันนี้ เรื่องการรักและปกป้องพระพุทธศาสนาแทบจะไม่มีเลย ทุกคนรู้สึกเป็นกันเองและไม่เห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนา จะทำอย่างไรกับพระพุทธศาสนาก็ได้ เพราะว่าไม่ได้ฆ่าใครตาย..!

อาตมารู้สึกเป็นห่วงมาก เพราะว่าคนรุ่นใหม่ ๆ เล่นสื่อโซเชียลกันเยอะ ซึ่งตรงนี้จะกลายเป็นการสืบทอดแนวคิดอุบาทว์ออกไป และทำให้คนส่วนใหญ่มีความคิดไปในแนวเดียวกัน ซึ่งเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาอย่างมาก"

เถรี
22-09-2019, 20:54
"แล้วก็เป็นเรื่องแปลก อย่างที่เขาเคยกล่าวกันว่า “ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีต้องเสียเงิน” ก็คือเรื่องดี ๆ ในพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้น เราไม่ค่อยจะแชร์กัน แต่ถ้าเรื่องไหนทำให้พระพุทธศาสนาเสียหาย ทำให้ภาพพจน์ของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เสียหายนี่..แชร์กันแหลกลาญ แสดงความคิดเห็นซ้ำเติมกันอย่างชนิดที่เรียกว่ารุมกระทืบ..!

ดังนั้น..ถ้าพระพุทธศาสนาบ้านเรามีอันจะต้องสูญไป แล้วศาสนาอื่นขึ้นมาแทนนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะว่าพวกเราส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาแต่ทะเบียนบ้านบ้าง นับถือพระพุทธศาสนาแต่ปากบ้าง เกิดมาปู่ย่าตาทวดลงว่านับถือพระพุทธศาสนาบ้าง อันตรายใหญ่ก็จะเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาได้ง่าย

จริง ๆ แล้วต้องขอบคุณน้องผู้หญิงที่วาดรูปลักษณะนี้ออกมา ทำให้เราเห็นชัดเจนว่า สังคมของเราเลวร้ายมาก การกระทำสิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นการปรามาส เป็นการล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ความผิด ขอขมาแล้วก็จบกัน"

เถรี
22-09-2019, 20:58
"เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง และอยากจะฝากให้ญาติโยมทุกคนช่วยกันคิดช่วยกันดู ว่าสิ่งที่อาตมาพูดไปนั้น พระพุทธศาสนาปัจจุบันของเราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ? และโดยเฉพาะในส่วนของบรรดานักบวชของเรา มีทั้งนักบวชจริง มีทั้งนักบวชปลอม ส่วนใหญ่ทำความดีแทบตาย..คนไม่เห็น ส่วนน้อยทำความชั่วนิดเดียว..ส่วนใหญ่โดนเหมารวมผิดไปทั้งหมด จะทำให้บุคคลที่ตั้งใจทำความดีเกิดการท้อถอยบ้างหรือไม่ อาตมาก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าสำหรับตัวของอาตมาเองแล้ว เคยทำอย่างไรก็ยังคงทำอย่างนั้นต่อไป เพราะว่าเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เห็นความดีของพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง

หลายต่อหลายท่านก็แสดงความเห็นว่า “แต่เดิมไม่มีรูปเคารพของพระพุทธเจ้า เราสร้างขึ้นมาแล้วไปยึดมั่นถือมั่นเอง” โดยไม่มีความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ว่าสิ่งที่เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า ก่อให้เกิดอนุสติ คือการตามระลึกถึงในสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธ พระธรรม หรือว่าพระสงฆ์ก็ตาม ก็เลยทำให้มองเห็นว่า การศึกษาในปัจจุบันนี้ คนเราเรียนมากขึ้น มีการศึกษาสูงขึ้น แต่การเรียนรู้และนำเอาความรู้ในพระพุทธศาสนาไปใช้ประโยชน์ได้จริงมีน้อยลง และส่วนใหญ่ไม่เข้าใจหรือเข้าใจเพียงผิวเผินเท่านั้น ต้องบอกว่าเสียชาติเกิดจริง ๆ..!”

เถรี
22-09-2019, 21:00
พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงนี้เป็นช่วงระดมทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ว่าจะจ่ายงวดแรกให้เขาวันที่ ๖ ตุลาคม ตอนนี้อาคารสำนักงานกับห้องน้ำจวนจะเสร็จแล้ว ตัวอาคารหลักก็ลงตอม่อเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้น..ช่วงนี้อาตมามีอะไรก็ขนออกมาขายหมด เพื่อหาเงินให้ได้ตามเป้าที่วางเอาไว้ ..(หัวเราะ)..”

วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีที่สร้างอยู่ วางแผนไว้หลายแผน แผนแรกก็คือ ถ้านักศึกษาน้อยลงก็ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด แผนต่อไปก็คือ พวกบาลีศึกษาหรือปริยัติสามัญอาจจะโยกไปรวมกันที่นั่น ให้ครูบาอาจารย์กับนักเรียนมีที่พักอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย”

เถรี
22-09-2019, 21:01
พระอาจารย์กล่าวว่า “จ่าบี (นิวัฒน์ จำรัส) อยู่ทางเหนือ เคยเจอผ้ายันต์หรือตะกรุดม้าเสพนางของครูบาวัง วัดบ้านเด่นบ้างไหม ? (เคยเจอที่บ้านท่านอาจารย์วิลักษณ์ครับ) ของท่านอาจารย์วิลักษณ์มีแน่นอน เพราะว่าท่านเองเล่นเรื่องนี้มานาน แต่สำหรับคนทั่ว ๆ ไปเขาหวงกันสุด ๆ ..(หัวเราะ).. ในความรู้สึกของอาตมา ตอนจัดกลุ่มตะกรุดให้เขาลงทะเบียน จะมีตะกรุดหลวงพ่อกุน วัดพระนอน ที่หายากเพราะว่าญาติโยมเขาหวงกัน ของครูบาวัง วัดบ้านเด่นนี่ใกล้เคียงกันเลย ประเภทตกทอดกันตามตระกูลอย่างเดียว ไม่มีหลุดไปถึงคนอื่นเลย

ไม่เป็นไร..เดี๋ยวพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนจะมีให้ดู ให้คนน้ำลายหกเล่น ..(หัวเราะ).. แล้วมีอีกอย่างหนึ่งที่เขาเรียกว่า พญาเขาคำ อาตมามีอยู่ ๒ องค์ แต่ตะกรุดครูบาวังมีแค่ดอกเดียว"

เถรี
22-09-2019, 21:02
"ส่วนใหญ่พวกนี้มาสายเสน่ห์ คนเห็นคนรัก คนเห็นคนชม ผู้ใหญ่เกลียดขี้หน้าขนาดไหน พกเข้าไปนี่มืออ่อนตีนอ่อน ทำอะไรไม่ถูกเลย ..(หัวเราะ).. ไม่นึกว่าท่านจะทำได้ขนาดนั้นนะ แต่ถ้าดูจากรูปนี่ติดเรตอาร์เลยนะ ..(หัวเราะ).. (ตอนเด็ก ๆ ผมเห็นแล้วอายมาก..ไม่กล้าดู แต่เดี๋ยวนี้หาไม่ได้เลยครับ)

อาจารย์วิลักษณ์ท่านสะสมของเก่า แล้วก็เลือกเอาพวกนี้มาไว้เยอะ ไปที่บ้านของท่านนะ เจ้าประคุณเอ๋ย..เฉพาะสร้อยพันเอวที่ทำด้วยฟันม้า มีเป็นร้อย ๆ เส้นเลย ถามว่า “ท่านอาจารย์เอามาจากไหนเยอะแยะขนาดนี้ ?” “ข้ามไปฝั่งพม่า ไปขอซื้อเขาทีละเส้นสองเส้น ใครยอมขายก็ซื้อไว้” คือเป็นเครื่องประดับของพวกชนเผ่าเขา ใช้ฟันม้าร้อยเป็นสายสร้อยคาดเอว”

เถรี
22-09-2019, 21:03
ถาม : ท่านอาจารย์วิลักษณ์ไปเที่ยวเมืองจีน ล่าสุดเห็นมีกะโหลกท่านลามะมาด้วยครับ ?
ตอบ : พวกนั้นเขาเรียกว่า “กะปาละ” ส่วนใหญ่เอาไว้ให้หมอยา หมอยาเขาจะใช้ฝนยา ก็คือยิ่งถ้าเป็นผู้ที่ทรงความดี อย่างเป็นพระเจ้าพระสงฆ์ เขาว่าพลังของท่านมีมากอยู่แล้ว จะช่วยให้การรักษาดีขึ้น

“กะปาละ” มาจากภาษาบาลี ที่คนไทยเรียกว่า “กบาล” ก็คือกะโหลกของเรานี่แหละ ถึงเวลาเขาจะใช้เขี้ยวหรืองา ที่เป็นของสัตว์มีอำนาจ นำไปฝนแล้วก็เสก ทำเป็นยาคุณพระ ใช้รักษาโรคที่รักษาไม่ได้

ต้องบอกว่าทางด้านล้านนาของเรานั้น ภูมิความรู้พื้นบ้านหายากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่รู้จริงอย่างท่านอาจารย์วิลักษณ์ ท่านอาจารย์มาลา คำจันทร์ ก็แก่ลงไปทุกวัน อาจารย์มาลาจริง ๆ ชื่อ เจริญ มาลาโรจน์ แต่คนไปรู้จักนามปากกามากกว่า เคยได้คุยกันหลายทีอยู่เหมือนกัน

เถรี
22-09-2019, 21:04
พระอาจารย์กล่าวว่า “ใครเคยดูการ์ตูนสุดขั้วยุทธภพบ้าง ? ในเรื่องเขามีอยู่คนหนึ่งอ้วนมาก ฝึกวิชาลูกยางพยัคฆ์ฟ้า คนอ้วนแต่ต้องไวเพราะว่าฝึกวิชาของเสือ อาตมานึกถึงหงจินเป่า นั่นเขาอ้วนจนกลมเลย แต่ไวจนดูไม่ทันเหมือนกัน ..(หัวเราะ)..

เพราะฉะนั้น..อย่ารังเกียจความอ้วนนะ ขอให้แข็งแรงเท่านั้นแหละ อ้วนไปเถอะ อาตมาวิ่งหาความอ้วนมา ๖๐ ปีแล้ว ยังไม่สำเร็จเลย..!”

เถรี
22-09-2019, 21:06
พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงนี้อาตมาหัวหมุนอยู่กับคนป่วยและคนตาย เดี๋ยวพ่อคนโน้นป่วย แม่คนนี้ตาย ให้ยุ่งไปหมด พยายามไปแค่ที่ไปได้ เมื่อเช้าลูกน้ำบอกว่า “นิมนต์หลวงพ่อไปฉันเพลที่บ้าน” บอกลูกไปว่า “ไม่ไปหรอก กว่าจะได้กินมื้อหนึ่งวิ่ง ๓๐๐-๔๐๐ กิโลเมตร เหนื่อยตายห่.. ซื้อข้าวกล่องร้านสะดวกซื้อกินง่ายกว่า..!”

ขนาดอาตมาไม่รับนิมนต์ส่วนตัว ยังไม่มีเวลาจะหายใจเลย ขืนไปรับเข้า ใคร ๆ ก็อยากให้ไป ก็ไม่ต้องไปไหนกันพอดี เมื่อ ๑-๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางด้านคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ขอให้ท่านนายกฯ จิรชัย ที่อยู่ในพื้นที่ท่าขนุนวิ่งมานิมนต์ บอกว่า “โยมแก่แล้ว ไปบ้านเติมบุญไม่ไหว ช่วยไปหาโยมที่บ้านสักครั้งหนึ่งเถิด”

คุณหญิงฝากคนมาทำบุญทุกเดือน แต่ว่าตัวเองมาไม่ไหว เป็นภรรยาของพลตำรวจเอกพจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่ ท่านไปวัดท่าซุงประจำ พอไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ไปวัดท่าซุงไม่ไหว อยู่ตรงนี้ใกล้บ้านหน่อยก็ฝากเขามา บอกว่า “ช่วยไปให้เป็นมิ่งขวัญและกำลังใจของโยมสักทีหนึ่งเถิด” ก็บอกท่านไปว่า “บ้านโยมรถติดตายชัก อาตมาไม่ไปหรอก” ท่านบอกว่า “ขอให้บอกว่าจะไปวันไหน เดี๋ยวให้เขาส่งรถนำมารับ” ดีเหมือนกันนะ ไปแล้วต้องใช้บัตรเบ่ง กลัวรถติด ต้องเอารถฉลามบกนำหน้า ..(หัวเราะ)..”

เถรี
22-09-2019, 21:07
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “ถ้าไม่อยากเป็นหวัดอีก อย่าเปิดพัดลมใส่ตัวตรง ๆ ต้องบอกว่าป่วยเพราะความประพฤติตัวเอง คนเราเวลาหลับ เลือดลมจะเดินน้อย พอโดนเย็นเข้าไปแล้วสู้ความเย็นไม่ได้ ก็กลายเป็นหวัด

บางทีโยมเขาก็สงสัยว่าทำอะไรอยู่ที่บ้าน หลวงพ่อก็พูดไปเรื่อย..! เพราะว่าถ้าไม่บอกเดี๋ยวก็เป็นอีก แล้วไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเพราะอะไร”

เถรี
22-09-2019, 21:08
พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมาต้องบอกว่าเป็นคนรุ่นเก่า ทั้ง ๆ ที่กลางเก่ากลางใหม่นี่แหละ ฝึกกรรมฐานตามแบบโบราณ คือหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านสอนไว้ว่า “อุชุง กายัง” ตั้งกายให้ตรง ก็เลยเคยชิน ถึงเวลาก็นั่งท่ากรรมฐานอย่างนี้แหละ จะอยู่ท่าไหนก็เป็นท่ากรรมฐานไปในตัว บางคนก็บอกว่า อายุ ๖๐ ปีแล้วทำไมหลังยังตรงอยู่ ? ก็นั่งจนชิน หลวงปู่พูล วัดไผ่ล้อม อายุ ๙๐ กว่า นั่งหลังตรงเป๊ะ ก็คือฝึกมาแบบโบราณเหมือนกัน”

เถรี
22-09-2019, 21:13
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้กำลังฮิตการใช้กัญชารักษาโรค แต่ปรากฏว่าไปไกลเกิน คือวิธีการต่าง ๆ ที่ทำมาเพื่อให้ได้ยารักษาโรคจากกัญชา ทำให้แพงขึ้นโดยใช่เหตุ อาตมายืนยันว่ากัญชาสดดีที่สุด แต่ก็ยังผิดกฎหมายอยู่ ถ้าเขาอนุญาตให้ปลูกบ้านละ ๖ ต้นเมื่อไรค่อยว่ากัน ไม่ต้องเสียเวลาสกัด ไม่ต้องเสียเวลาไปทำน้ำมัน กินสด ๆ ไปเลย

แล้วกัญชาไม่ใช่ยาวิเศษ ของทุกอย่างถ้าพอดีจึงจะเกิดประโยชน์ มากเกินไปหรือน้อยเกินไปนอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้ว ก็อาจจะเกิดโทษขึ้นมาอีก แล้วคนไทยเราส่วนใหญ่ไม่รู้จักบันยะบันยัง ไม่กลัวยา เพื่อนพระรุ่นพี่ของอาตมาคือท่านโมเช่ เป็นกะเหรี่ยง นิสัยกลัวยามาก แล้วก็รอบคอบมาก ยาทุกอย่างที่เอาไปฝาก ท่านจะถามแล้วถามอีกว่ารักษาโรคอะไร ? กินแบบไหน ? กินเท่าไร ? จดรายละเอียดไว้หมดเลย แต่คนไทยเราไม่กลัวยา"

เถรี
22-09-2019, 21:15
"อาตมาไปอยู่ทองผาภูมิใหม่ ๆ สงสารชาวบ้านที่ต้องเดินทางเข้าออก กว่าจะไปหาหมอหายาได้...ลำบากมาก จึงซื้อยาไปทิ้งไว้ที่สำนักงานป่าไม้ ถึงเวลาใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะได้มากินกันเอง ปรากฏว่าซื้อพาราเซตามอลกระปุกใหญ่ ๑,๐๐๐ เม็ด ไป ๓ วันหมด..! ถามว่ากินแทนข้าวเลยหรืออย่างไรวะ ? เจ้าหน้าที่ป่าไม้บอกว่าพวกนี้นะ กินแล้วไปทำงาน คือก่อนทำงานกิน ๒ เม็ด ตอนทำงานไม่รู้สึกปวดไม่รู้สึกเมื่อยเพราะว่ายาออกฤทธิ์ ตอนเย็นเลิกงานกินอีก ๒ เม็ด น่าตายไหม ?

พวกที่ตับพัง ไตพัง ไตวาย ไปฟอกไตกันอยู่ทุกวัน จริง ๆ แล้วเป็นเพราะว่าเราทำร้ายตัวเอง โดยเฉพาะกินพวกสารสกัดต่าง ๆ เข้าไปมาก ยาเคมีทุกอย่างที่สกัดจนหาความเป็นธรรมชาติไม่ได้แล้ว...อันตรายมาก ลงไปแล้วร่างกายเราต้องใช้พลังงานในการแก้ไข ทำลาย หรือไม่ก็ขับออกจากร่างกายมาก ในเมื่อใช้งานมาก ร่างกายก็ชำรุดทรุดโทรมเร็ว เท่ากับว่าเรากินยาพิษเข้าไปทุกวัน

เพราะฉะนั้น..กัญชาไม่ใช่ยาวิเศษ ไม่ต้องเอามาถวายพระบ่อยหรอก ทุกครั้งที่มีอะไรก็ตามฮือฮาขึ้นมา พระจะกลายเป็นหนูลองยาทุกครั้ง ไม่ต้องเมตตาอาตมามาก อาตมาไม่ค่อยกินยาหรอก"

เถรี
22-09-2019, 21:16
"ยาที่กินมากที่สุดในชีวิตก็พวกยาหม้อ คือยาที่คนเขาไม่ค่อยจะกินกัน ยาหม้อกินเข้าไปเถอะ กินเป็นปีก็ไม่เคยรู้สึกรู้สาอะไร เพราะว่าส่วนเกินร่างกายขับออกมาได้หมด เห็นบางคนกินวิตามิน โดยเฉพาะเพื่อนพระที่อายุเริ่มมาก กินทุกวัน วันหนึ่ง ๔-๕ เม็ด บางคนก็เป็นกำเลย

ถ้าอย่างนั้นไม่ได้กินแล้วดีขึ้น กินแล้วจะตายเอา เพราะว่าวิตามินที่เหลือแล้วขับออกจากร่างกายได้ มีอย่างเดียวคือวิตามินซี เพราะว่าวิตามินซีละลายในน้ำ ส่วนวิตามินอื่น ๆ ส่วนใหญ่ละลายในไขมัน กินเกินมีโทษ..ไม่ใช่มีประโยชน์ ถึงเวลาบำรุงมากไป การเจริญเติบโตของร่างกายและเนื้อเยื่อก็ผิดปกติ มะเร็งจะรับประทานเอา..!"

เถรี
22-09-2019, 21:18
"เห็นดาราสมัยนี้ชอบกันมาก กินวิตามินบอกว่าทำให้ผิวพรรณดี มีเรี่ยวแรง รับงานได้ เหมือนกับพลังงานที่เข้าไปกระตุ้นพลังงานสำรองของเราออกมาหมด พอถึงเวลาก็หมดแล้วหมดเลย หามเข้าโรงพยาบาลไปให้น้ำเกลือกัน ขนาดนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเพราะอะไร เห็นลงข่าวว่าโหมงานหนัก แต่จริง ๆ แล้วก่อนที่จะงานหนักก็คือ กินพวกสารกระตุ้นนี้ไปเยอะ เพื่อให้รับงานได้ คราวนี้พอไปกระตุ้นพลังงานสำรองในร่างกายจนหมดก็เป็นเรื่อง

ดังนั้น..สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนคือมัชฌิมาปฏิปทาสำคัญที่สุด พอเหมาะพอดีจะเกิดประโยชน์ มากเกินไปก็เป็นโทษ อาตมาเห็นเพื่อนพระบางรูปฉันซุปไก่สกัด เช้า กลางวัน เย็น ที่ฉัน เช้า กลางวัน เย็น เพราะว่าเขาถวายไว้เยอะ โดยเฉพาะมาถึงบั้นปลายอย่างพวกอาตมา อายุ ๖๐ ขึ้น ฉันแล้วมีประโยชน์อะไร ? ร่างกายสร้างเซลล์ต่าง ๆ น้อยลง ได้แต่นึกในใจว่าท่านกำลังเลี้ยงมะเร็ง เพราะว่าร่างกายสร้างน้อย ฉันเข้าไปพยายามกระตุ้นให้สร้าง เมื่อสร้างขึ้นมาก็ผิดที่ผิดทาง กลายเป็นมะเร็ง

โยมบางคนนี่รู้จักรักษาสุขภาพมาก ขับรถไม่กินกาแฟ ไม่กินเครื่องดื่มชูกำลัง แต่ไปกินซุปไก่สกัดแทน บอกว่าให้พลังงานดีพอ ๆ กับเครื่องดื่มชูกำลัง ก็น่าจะใช่นะ แต่อะไรที่เกินนี่ลำบากร่างกาย ซุปไก่สกัดเข้มข้นก็คือโปรตีนเข้มข้น ร่างกายเราต้องการวันละนิดเดียว ถ้าหากว่าหนุ่ม ๆ สาว ๆ คิดเป็นปริมาณเนื้อก็ประมาณราว ๆ สเต็กชิ้นเล็ก ๆ ต่อทั้งวัน ไม่ใช่มื้อละ... แล้วคุณตะบี้ตะบันซดซุปไก่เข้าไปทุกครั้งที่ขับรถ ในเมื่อเกินร่างกายก็ต้องขับออก ไตทำงานหนัก ท้ายสุดหน่วยไตพัง ก็ต้องไปฟอกไต"

เถรี
22-09-2019, 21:20
"ก็แปลว่าพวกเราบอกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธไทย อยู่ในประเทศไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาเป็นประชากรส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้ใช้หลักธรรมของพระพุทธเจ้าในการดำเนินชีวิตเลย ทำอะไรถ้าไม่เกินก็ขาด ที่ทุกข์ยากลำบากเดือดร้อนอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะขาด ๆ เกิน ๆ นี่แหละ ถ้าพอดีก็หมดเรื่องไปนานแล้ว

จึงขอเตือนสติญาติโยมให้ทราบว่า อะไรที่พอดีจึงจะเกิดประโยชน์ ถ้ามากไปก็เป็นโทษ ท่านอาจารย์เตชะ พระธรรมทูตพม่าที่มาอาศัยจำพรรษาอยู่วัดท่าขนุน ไปต่างประเทศกลับมาทุกครั้ง จะซื้อพวกยาบำรุงพวกวิตามินมาถวายอาตมา ขวดใหญ่ ๕๐๐ เม็ด อาตมาก็ส่งต่อหลวงตาอายุ ๗๘ ปีฉันเข้าไป คนแก่จะได้ประโยชน์ อาตมา ๖๐ ยังแก่ไม่พอ ดีมากเลยยาของเขา ฉันไปแล้วหลวงตาอยู่นิ่งไม่ได้ เดินพล่านทั้งวัน...! เดินตรวจวัด เดินจับผิดพระลูกพระหลาน ฟ้องฉิบหายวายป่วงไปหมด...ดี...! อาตมาไม่ต้องทำหน้าที่ไปสอดส่องดูแล มีคนทำแทนแล้ว..!

ท่านอาจารย์เตชะกับอาตมาเกิดปีเดียวกัน อายุต่างกันประมาณ ๑ เดือน ท่านเองใช้ยาอยู่ตลอดเวลา สภาพร่างกายทรุดโทรมกว่ามาก อาตมาเองทั้ง ๆ ที่โรคภัยไข้เจ็บกินมาตลอด ยังดูโทรมน้อยกว่าท่าน ก็เพราะว่าท่านไปใช้เกิน พวกวิตามินรวมต่าง ๆ หรือมัลติวิตามินนี่ตัวอันตรายเลย ถ้ากินสักเดือนละครั้งก็พอเกิดประโยชน์ นี่เขาเล่นบอกให้ทุกวัน วันละ ๑ หรือ ๒ เม็ด สมควรตาย...! เอ้า...บ่นมากก็ไม่ดี เดี๋ยวหลวงตาท่านรู้ตัวเข้า คราวหน้ายกให้จะไม่กินอีก..!"

เถรี
25-09-2019, 23:39
พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราคงเคยได้ยินชื่อวัดชุมพลนิกายาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดไชยชุมพลชนะสงคราม จังหวัดกาญจนบุรี แล้วเคยได้ยินชื่อวัดเทพชุมพลไหม ? วัดเทพชุมพลปัจจุบันนี้ไม่มี เพราะว่ากลายเป็นมัสยิด สมัยอยุธยามีบรรดาแขกอิสลามเข้ามาช่วยเหลือราชการในกรุงศรีอยุธยากันมาก อย่างเช่นท่านเฉกอะหมัด ต้นตระกูลบุนนาค เป็นต้น

หลวงพ่อวัดเทพชุมพลท่านออกบิณฑบาต ขากลับมีแขกคนหนึ่งขออาศัยเรือข้ามฟากด้วย หลวงพ่อท่านบอกว่า "เรือเล็กจะล่มเอา เดี๋ยวให้ลูกศิษย์ไปส่งอาตมาที่ท่าน้ำวัดก่อน แล้วจะให้ย้อนกลับมารับ" ปรากฏว่าไปถึงท่าน้ำวัด แขกคนนั้นยืนรออยู่ก่อนแล้ว หลวงพ่อวัดเทพชุมพลท่านรู้ว่าเจอยอดฝีมือเข้าแล้ว ก็เลยอยากจะลองด้วย บอกว่า "พรุ่งนี้มาคุยกันหน่อย" แล้วก็แอบกระซิบบอกลูกศิษย์ บอกว่าพรุ่งนี้ให้รีบไปร้านขายหมู ขอหัวหมูเขามาหน่อย เอาไปแขวนไว้บนต้นไม้หน้ากุฎิ

พอถึงเวลาแขกอิสลามเข้ามา หลวงพ่อท่านก็เชิญเข้าในกุฎิ เขาก็เดินขึ้นมา หลวงพ่อวัดเทพชุมพลก็บอกว่า "อ้าว...ไหนว่าอิสลามรังเกียจหมู แล้วเดินลอดหัวหมูมาได้อย่างไร ?" แขกอิสลามก็ตอบว่า "หัวหมูที่ไหน นั่นหัวแพะ" หลวงพ่อท่านมองไป หัวหมูเมื่อเช้ากลายเป็นหัวแพะไปตอนไหนก็ไม่รู้ มารู้ว่าเจอคอเดียวกันก็อยากลองของ เพราะฉะนั้น..เรามาประลองวิชากัน คราวนี้ลองไปลองมา ถ้าลองอย่างเดียวก็ไม่สนุก เหมือนอย่างกับที่อาตมาโดนมานั่นแหละ ท่านก็เลยบอกว่า "ถ้าใครแพ้..ต้องเปลี่ยนไปนับถือศาสนาของอีกฝ่ายหนึ่ง"

หลวงพ่อวัดเทพชุมพลขอแสดงฝีมือก่อน หายตัววับไปเลย ปรากฏว่าโยคีอิสลามเดินไปที่ท่าน้ำ เรียกว่า “ขึ้นมาเถอะ..ไปนอนอยู่ในฟองน้ำไม่สนุกหรอก” หลวงพ่อวัดเทพชุมพลก็เลยต้องขึ้นมา พอถึงคราวโยคีอิสลาม แกหายวับไป หลวงพ่อวัดเทพชุมพลท่านหาไม่เจอ"

เถรี
25-09-2019, 23:42
"ท้ายสุดก็ต้องยอมแพ้ โยคีท่านก็โผล่ออกมา บอกว่า "ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ เป็นไรเกาะอยู่ที่ขนตาหลวงพ่อ" มองไกลไปหน่อยจึงหาไม่เจอ

หลวงพ่อวัดเทพชุมพลให้ลูกศิษย์เอาไข่มาตะกร้าหนึ่ง จับวางซ้อน ๆ เรียงไว้เป็นเสาเลย โยคีก็หัวเราะ หยิบใบสุดท้ายดึงออกมา เสาไข่ทั้งอันยังลอยอยู่ได้ หลวงพ่อวัดเทพชุมพลก็เลยต้องยอมแพ้ เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม วัดเทพชุมพลจึงกลายเป็นมัสยิดไป

โยคีอิสลามนั่นเข้ารับราชการกรุงศรีอยุธยา ได้รับบรรดาศักดิ์ด้วย แต่จำไม่ได้ ถ้าเรียกกันแบบที่เขาเรียกกันแบบชาวบ้าน ๆ ก็คือเจ้าคุณตะเกี่ย ถ้าเจ้าคุณนี่อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นพระยา ลองไปหาประวัติดู..เผื่อว่าจะมี"

เถรี
25-09-2019, 23:43
"จะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วไม่ว่าศาสนาไหนก็ตาม ถ้ามีวิสัยที่ทำมา ตั้งใจขยันหมั่นฝึกฝน เรื่องของฤทธิ์เรื่องของอภิญญาเป็นเรื่องปกติ เป็นของแถมจากการปฏิบัติ

ตั้งไข่ซ้อนขึ้นไปนั่นใช้ปฐวีกสิณก็ได้ แต่ประเภทดึงใบล่างออกแล้วที่เหลือลอยได้นี่ต้องเป็นวาโยกสิณ หายตัวนี่ก็คือนีลกสิณ แต่คราวนี้ท่านไม่ได้หายตัวแบบกำบัง แต่ว่าท่านหายไปทั้งตัว เปลี่ยนสภาพตัวเองใหม่ หลวงพ่อวัดเทพชุมพลท่านก็แปลงสภาพเป็นฟองน้ำลอยตุ๊บป่องอยู่ในแม่น้ำ เจ้าคุณตะเกี่ยก็กลายเป็นผงเป็นไรเกาะอยู่ที่ขนตา

สมัยโน้นอิสลามมีอำนาจมาก เพราะว่าสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ ในช่วงปลายอยุธยาต่อต้นรัตนโกสินทร์ มีอำนาจมาก คุมกำลังต้องเรียกว่าแทบจะทั้งประเทศเลย"

เถรี
25-09-2019, 23:46
"พระมีข้อจำกัดมาก อย่างเช่นว่าพระพุทธเจ้าสั่งห้ามพระสาวกแสดงฤทธิ์ อันนี้จริง ๆ แล้วท่านหวังไม่ให้คนยึดติดตัวบุคคล เพราะว่าการยึดติดตัวบุคคลจะเข้าถึงมรรคถึงผลไม่ได้ การจะเข้าถึงมรรคถึงผลต้องเข้าถึงคุณพระรัตนตรัยจริง ๆ แล้วคุณพระรัตนตรัยตรงนี้เป็นนามธรรม ไม่ใช่รูปธรรม ก็คือไม่ใช่พระพุทธรูป ไม่ใช่คัมภีร์พระธรรม ไม่ใช่พระภิกษุสงฆ์ แต่เป็นคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จริง ๆ

ถ้าไปแสดงฤทธิ์แล้วคนเห็น ก็จะไปยึดติดเฉพาะตัวบุคคลนั้น ๆ ทำให้เข้าไม่ถึงมรรคผลที่ตนเองต้องการ แต่ศาสนาอื่นของเขาไม่มีข้อจำกัดตรงจุดนี้ แต่ว่าผู้ที่ได้อภิญญาสมาบัติ ส่วนใหญ่ก็จะรู้ว่าตัวเองแสดงได้แค่ไหน อย่างที่ฝรั่งไปเที่ยวอินเดียแล้วก็ถ่ายวิดีโอ อยู่ ๆ โยคีที่อยู่ห่างออกไปไกลลิบ ๆ เหาะวูบหายไปเลย โยคีเขาก็ไม่คิดหรอกว่าจะมีฝรั่งทะลึ่งถ่ายวิดีโออยู่ เขาก็ถ่ายประเภทวัดวาอารามทิวทัศน์ของเขา ไปติดโยคีตอนกำลังเหาะพอดี

ในเมื่อรู้ว่าแสดงแค่ไหนถึงจะพอเหมาะพอดี ก็เลยไม่ค่อยมีใครที่ทำให้คนเขาเห็นกันมากมาย ส่วนใหญ่ปัจจุบันนี้ก็ทำมาในลักษณะที่บอกว่าเล่นกล เป็นมายากล เป็น Magician อ้างออกไปในแนวนั้นก็สบาย พอบอกว่าเล่นกล คนก็คิดว่าเล่นกลก็จบแล้ว คราวนี้พระก็ดันเล่นกลไม่ได้อีก วิชาเล่นกลสมัยพุทธกาลเขาก็มีอยู่"

เถรี
26-09-2019, 00:00
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้โลกกำลังปรับสมดุลตัวเองอยู่ ถ้าสมดุลคืนมา สิ่งที่เราบอกว่าเป็นภัยธรรมชาติก็จะลดน้อยลง โลกเราเสียสมดุลเพราะว่ามนุษย์มีเยอะเกินไป ล้างผลาญทรัพยากรมาก จนกลายเป็นเสียสมดุลโลกไปเลย

เราลองนึกดูว่าห้องนี้ ถ้าคุณนั่งกันเต็ม ๆ หายใจกันคนละทีอากาศก็จะหมด โลกของเราประชากร ๕-๖ พันล้าน แค่อากาศที่หายใจในแต่ละวันก็ลำบากแล้ว แต่คราวนี้การปรับสมดุลของโลกก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เหมือนกับกินยารักษาโรค ผ่าตัดรักษาโรค ช่วงนี้ ดิน น้ำ ลม ไฟ จึงปรับกันยกใหญ่ ที่ลำบากก็คนอย่างพวกเรานี่แหละ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้สั่งสมมานาน ถึงเวลาอาการออกก็เหมือนกับคนไข้หนัก"

เถรี
26-09-2019, 00:14
พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลบางอย่างที่ลงไว้ในกระทู้ให้ร่วมบุญ พอสิ้นเดือนแล้วอาตมาจะเอากลับ ก็จะมีคนมาจ้องบูชาวันสุดท้ายที่จะเอากลับ ตอนนี้กำลังรอดูว่าผู้โชคดีจะเป็นใคร ก็คือเหรียญหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ปี ๒๕๐๖ เป็นเหรียญเงินใหญ่ ที่เขาเรียกเหรียญจิ๊กโก๋ มีลายมือหลวงพ่อเงินท่านจารให้ด้วย

อาตมาเป็นเด็กนครปฐม แม่พาไปกราบหลวงพ่อเงินตั้งแต่เด็ก ๆ แต่คราวนี้คนที่ไม่ใช่คนนครปฐม ถ้าไม่ได้ศึกษาประวัติจะไม่รู้ว่า คำว่า ‘เทพเจ้าแห่งดอนยายหอม’ ของหลวงพ่อเงินนั้น ท่านยิ่งใหญ่ขนาดไหน

ในสมัยที่หลวงปู่หลวงพ่อเป็นพระครูก็มีชื่อเสียงโด่งดังคับบ้านคับเมืองแล้ว หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ท่านเป็นเจ้าคุณชั้นราชด้วย ก็คือนอกจากทางด้านปฏิบัติของท่านที่ใคร ๆ ก็ยอมรับว่าเยี่ยมวรยุทธ์จริง ๆ แล้ว ในเรื่องของสายการปกครองของท่านก็ไม่แพ้ใคร ขึ้นไปถึงระดับเจ้าคุณชั้นราช

เราต้องนึกว่าหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ซึ่งถือเป็นอมตเถราจารย์ของนครปฐม หลวงปู่เพิ่มนี่ยุคเดียวกับหลวงพ่อเงิน ท่านเป็นแค่เจ้าคุณชั้นสามัญที่พระพุทธวิถีนายก แต่หลวงพ่อเงินเป็นสูงกว่านั้นอีกชั้นหนึ่ง เป็นเจ้าคุณพระราชธรรมาภรณ์ ก็คือจะให้ท่านสอนเกี่ยวกับการปฏิบัติก็ได้ จะให้บรรยายธรรมก็ได้ จะให้ปาฐกถาก็ได้ จะเอาวิชาการหรือปฏิบัติท่านได้ทั้งนั้น เป็นพระที่ครบเครื่องจริง ๆ

แล้วลูกศิษย์ของท่านคนหนึ่งก็คือหลวงพ่อเวก วัดศาลาหมูสี ที่เพชรบุรี อันนั้นเรียนวิชาจากหลวงพ่อเงินไปแค่มุมเดียวเท่านั้น สรุปว่าไปเป็นครูบาอาจารย์ที่โด่งดังคนนับถือกันทั้งบ้านทั้งเมือง ถ้าบอกว่าพระผงสิบทัศน์ หรือพระผงตั้งตัว หลวงพ่อเวก วัดศาลาหมูสี ใคร ๆ ก็อยากได้ ราคาแพงมาก ต่อให้ลำบากยากจนเวรกรรมซ้ำเติมขนาดไหน ถ้าได้พระหลวงพ่อเวกไป จะตั้งหลักได้ ตั้งตัวได้ มีกิจการมั่นคง มีครอบครัวมั่นคง ท่านเรียนจากหลวงพ่อเงินแค่มุมเดียวเท่านั้น"

เถรี
26-09-2019, 00:20
พระอาจารย์กล่าวกับลูกศิษย์ว่า "ของแห้งอะไรที่เก็บได้ให้เก็บกลับวัดทั้งหมดเลยนะ ช่วงนี้ต้องเตรียมพร้อมรับน้ำท่วม ของวัดเองไม่มีปัญหา อย่างไรก็อยู่ได้ แต่ถ้าชาวบ้านเดือดร้อนเราต้องไปช่วย ตอนนี้คลังวัดว่างเปล่าไม่มีอะไรเหลือ แม่ชีกวาดไปช่วยเขาเรียบ แมลงสาบยังไม่มีกินเลย...! ปกติแมลงสาบต้องหาอาหารกินได้

คราวที่แล้วไปช่วย ญาติโยมที่ไปบอกว่าจะเน้นข้าวสาร อาตมาบอกว่าไม่ต้องเลย น้ำท่วมไม่มีที่จะอยู่ แล้วจะหุงข้าวอย่างไร บอกให้เอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไป ต่อให้ไม่มีไฟไม่มีฟืนก็ยังกินดิบ ๆ ได้ เคี้ยว ๆ แล้วกรอกน้ำตามลงไปก็อิ่มไปเองแหละ แต่ข้าวสารทำอย่างนั้นไม่ได้

คุณูปการของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่ได้ช่วยให้บริษัทสหพัฒน์ฯ รวยขึ้นมาเท่านั้น แต่ทำให้ชีวิตคนง่ายขึ้นอีกเยอะ เล่นหวยจนหมดอย่างน้อยก็ยังพอมีสตางค์ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ เดี๋ยวนี้เขามีซองเล็กซองใหญ่ มีของเด็ก ของเด็กนี่ซองนิดเดียว ไม่ใช่เด็กกินหรอก เขาให้คนเงินน้อยกินกัน"

เถรี
26-09-2019, 22:13
ถาม : ผมเคยได้ยินว่า ดร.อาจอง เขานั่งสมาธิแล้วแนะนำนาซ่าถึงวิธีจอดยานบนดวงจันทร์ ผมสงสัยว่าอย่างนี้เราใช้สมาธิหารักษาโรคมะเร็งไม่ได้หรือครับ ?
ตอบ : ใคร ๆ ก็ทำได้ เพียงแต่ว่าโรคนั้นเกิดจากกรรม ต่อให้คุณรักษาอย่างนี้ได้ ก็จะไปเป็นโรคอีกอย่างหนึ่ง คือ ถ้าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตาย อย่างนั้นก็ต้องตายจนได้สักวิธีหนึ่ง

เถรี
26-09-2019, 22:19
ถาม : ตอนนี้กำลังใจตกมาหน่อย คาถาเงินล้านก็อยากสวด มโนมยิทธิก็อยากฝึก นั่งสมาธิก็อยากทำ ตอนนี้เลยไม่ดีสักอย่าง ?
ตอบ : ก็ทำพร้อมกันได้ แสดงว่าทำไม่เป็น ยกกำลังใจขึ้นไปสวดพระคาถาเงินล้านถวายพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ทั้งหมดที่เราบอกก็เท่ากับว่าทำไปครบแล้ว

ถาม : ต้อง ๑๐๘ จบไหมคะ ?
ตอบ : จะกี่ร้อยจบก็ว่าไปเถอะ อยากหลายอย่างแต่ดันทำไม่เป็น สมควรโดนประหารชีวิต...!

เถรี
26-09-2019, 22:21
ถาม : ตอนน้ำท่วมย้ายศาลเจ้าที่ตี่จู้เอี๊ย ทีนี้พอย้ายบ้านใหม่ ต้องหาฤกษ์ย้ายกลับมาที่ใหม่ไหมคะ ?
ตอบ : จุดธูปบอกกล่าวท่านก็พอ บอกว่าย้ายที่ให้อยู่ตรงนี้ อย่างไรก็ขอให้ช่วยดูแลรักษาต่อไปด้วย

เถรี
26-09-2019, 22:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณอรสา ณ ระนอง ตัดข้อความในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ใส่กรอบมาให้ ทำให้เห็นชัดว่า หลวงปู่หลวงพ่อบางท่านไม่ได้มีความยินดียินร้ายกับเรื่องยศเรื่องตำแหน่งอะไร แต่ลูกศิษย์ยังยินดีอย่างเต็มที่ อาตมาเองก็เฉย ๆ กับเรื่องแบบนี้ แต่เขาเห็นว่าสำคัญ ถึงขนาดตัดเอาข้อความใส่กรอบมาถวาย จึงเห็นว่าหลวงปู่หลวงพ่อหลายรูปท่านเองไม่ได้ยินดียินร้ายกับตำแหน่งแห่งหนสมณศักดิ์ใด ๆ แต่พอท่านได้ขึ้นมา ลูกศิษย์ก็ตื่นเต้นฉลองกัน ๗ วัน ๗ คืน

บางทีลูกศิษย์ก็ทำอาจารย์เสีย เพราะว่ายังอยากได้ใคร่ดีอยู่ บางทีก็ไปวิ่งไปเต้นให้ท่านได้ยศได้ตำแหน่งกัน แล้วท้ายที่สุด ถ้ากำลังใจของท่านยังไม่มั่นคง ก็จะไหลตามกระแสไป จนกู่ไม่กลับ ทำเอาพระดี ๆ เสียหายไปเลย เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ต้องบอกว่าเป็นดาบสองคม ถ้ามั่นคงแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ากำลังใจยังหวั่นไหวอยู่ แล้วโดนลูกศิษย์ช่วยกันแห่ ก็จะพังในเวลาอันรวดเร็ว"

เถรี
26-09-2019, 22:35
"ปีนี้คาดว่าหลังกฐินแล้วก็น่าจะมีกำหนดการในการถวายสมณศักดิ์ ซึ่งอาตมาไปมาหลายงานหลายครั้ง เห็นแล้วบางทีกลัวใจลูกศิษย์ ก็คือลูกศิษย์บางคนจัดรถแห่ครูบาอาจารย์ตัวเองอย่างเต็มที่ หลายท่านก็เอารถตั้งโต๊ะหมู่บูชาสูงหลายเมตร ให้หลวงพ่อตัวเองนั่งถือพัดยศอยู่ข้างบนนั้น แห่จากวัดที่รับพัดยศกลับไปยังวัดของท่านเอง

อาตมาเห็นแล้วกลัวใจ ถ้าหลวงพ่อท่านเวียนหัวแล้วร่วงลงมาจะเกิดอะไรขึ้น ? บางท่านมีลูกศิษย์ตามไป ๔๐ - ๕๐ คันรถบัส วัดที่จัดให้มีการรับสมณศักดิ์บางทีก็รองรับกำลังขนาดนั้นไม่ไหว ก็ทำให้เกิดรถติดแน่นไปหมด อาตมาเองไปคนเดียว บางทีก็มีโยมตามไปคนหนึ่ง กลายเป็นสัตว์ประหลาดในความรู้สึกของคนอื่นเขา ก็คือทำไมไม่มีใครมาด้วยเลย ?"

เถรี
26-09-2019, 22:38
โยมถวายผ้าไตรสีเหลืองส้ม "คราวหน้าญาติโยมจะซื้อจีวร ช่วยมองหน้าอาตมาสักนิดหนึ่ง อาตมาใส่ชุดสีนี้ ที่ซื้อมาใช้ไม่ได้สักอย่างเลย ไม่อยากจะบอกให้กำลังใจตก แต่ให้หัดสังเกตดู ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เราทำมาก็จะไม่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

ที่อื่นเขาไม่กล้าบอกกันหรอก เขากลัวโยมจะเสียกำลังใจ ให้มาอาตมาก็ไปให้วัดอื่นต่อได้ เพียงแต่บอกโยมให้รู้ว่า ถ้าช่างสังเกตหน่อยก็จะได้ประโยชน์มากกว่านี้ ที่อื่นเขาไม่กล้าบอก เขาปล่อยให้โยมโง่ไปเรื่อย ๆ เพราะว่าเขาเกรงใจ แต่อาตมาเองไม่เกรงใจใครหรอก

พระพุทธศาสนาของเรา คำสอนของพระพุทธเจ้าขึ้นต้นด้วยปัญญา ก็คือสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ เพราะฉะนั้น..เราต้องใช้ปัญญาในทุกการกระทำและทุกความคิดของเรา ถ้าแค่นี้ยังไม่มีปัญญา สังเกตไม่เป็น พิจารณาไม่เป็น ก็ยังอีกนาน

บางทีพระเราทั้ง ๆ ที่มีหน้าที่สั่งสอนญาติโยมบอกกล่าวในสิ่งที่ถูกที่ควร ดันมัวแต่เกรงใจ ว่าไปแล้วเดี๋ยวโยมโกรธ ไม่มาทำบุญ ไม่กล้าบอก ไม่กล้ากล่าว ปล่อยให้โยมทำผิดไปเรื่อย ๆ อาตมาตั้งใจจะติดป้ายไว้ที่หน้าบ้านเติมบุญว่า "ถ้ากลัวโดนด่าอย่ามาที่นี่...!" ส่วนที่วัดนั่นไม่ต้องติดหรอก เขารู้กันหมดแล้ว..!"

เถรี
26-09-2019, 22:39
"บางคนมาวัด ใส่เสื้อกล้าม นุ่งกางเกงขาสั้นมา ไม่ได้ดูความเหมาะสมเลย จะเอาความสบายก็ไม่เป็นไร แต่ให้อยู่ที่บ้านเรา ไม่ใช่สถานที่อันควรเคารพอย่างในวัดวาอาราม เราก็ไปทำตัวตามสบาย ถ้าอย่างนั้นจิตก็หยาบเกินไป"

เถรี
26-09-2019, 22:45
พระอาจารย์เล่าว่า "มีข่าวเล็ก ๆ อยู่ข่าวหนึ่ง แต่อาจจะเป็นข่าวใหญ่สำหรับบางคนก็คือ น้องตั๊ก บงกช เบญจรงคกุล คุณเธอใช้เวลา ๓ ปี ออกกำลังกายลดน้ำหนัก จาก ๘๗ กิโลกรัมลงมาเหลือ ๕๕ กิโลกรัม อยากจะบอกกับญาติโยมทั้งหลายว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง อยากลดน้ำหนักต้องออกกำลัง ไม่ใช่ไปกินยา ไม่ใช่ไปผ่าตัดกระเพาะให้เล็กลง ไม่ใช่ไปอดอาหาร โดยเฉพาะการอดอาหารเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่ผิด เมื่อถึงเวลาหิวขึ้นมาก็เบรกแตก กินหนักกว่าเดิมอีก

ในส่วนนี้เราจะเห็นว่าน้องตั๊กใช้เวลา ๓ ปี ค่อย ๆ ออกกำลังกายลดน้ำหนักจนประสบความสำเร็จ นี่คือการปฏิบัติตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง มีฉันทะ คือความพอใจที่จะทำ แล้วก็วิริยะ พากเพียรทำไป จิตตะ กำลังใจปักมั่นอยู่กับเป้าหมายที่ตัวเองทำ ไม่ท้อถอย วิมังสา ไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอ ๆ ว่าถึงที่ที่ตนเองปรารถนาหรือยัง ? ถึงเป้าหมายหรือยัง ? ในส่วนนี้ทำให้เราเห็นว่า อิทธิบาทธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ว่าจะทางโลกหรือทางธรรม ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติตามก็จะประสบความสำเร็จ"

เถรี
26-09-2019, 22:47
"แต่มีบางคนแย้งว่าน้องตั๊กรวยเป็นหมื่นล้าน แกเลยมีเวลาออกกำลัง ส่วนพวกเราทำมาหากินอยู่ จะเอาเวลาที่ไหนไปออกกำลัง ? ก็เวลาทำมาหากินนั่นแหละ ถ้าตั้งใจทำงานจริง ๆ แล้วอย่ากินเยอะ ก็ประสบความสำเร็จแล้ว ไม่ใช่ทำมาหากิน..กินกระจายอย่างเดียว

มีคนรวยเยอะแยะไป ที่ฉันทะคือความพอใจไม่เพียงพอ จึงใช้วิธีทางลัด ก็คือไปผ่าตัดลดน้ำหนักบ้าง ไปดูดไขมันจนตายคาเครื่องบ้าง ก็เพราะว่าขาดอิทธิบาท ๔

ฉะนั้น..อิทธิบาทคือคุณเครื่องนำไปสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม ถ้าเราใช้ได้ถูกต้องอย่างแท้จริง ก็จะประสบความสำเร็จเช่นกัน

อย่างพระของเราก็แค่เดินบิณฑบาต แต่ละวันก็แทบจะมากกว่าโยมออกกำลังอยู่แล้ว อาตมาเดินบิณฑบาตวันละ ๕ กิโลเมตร เพื่อนพระหลายรูปที่น้ำหนักเหยียบ ๑๐๐ กิโลกรัมแล้ว มาสอบถามว่า "อาจารย์เล็ก ทำอย่างไรถึงรักษาหุ่นเอาไว้ได้ ?" อาตมาบอกว่า "ทำให้มากกว่าที่กิน" ฟังดูง่ายมากเลย ทำให้มากกว่าที่กิน ในเมื่อทำมากกว่า ก็ไม่มีเหลือเก็บ"

เถรี
26-09-2019, 22:52
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมบางคนเห็นว่าอาตมาใช้คำพูดแรง หยาบคาย แต่สำหรับคนบางคนแล้ว ถ้าไม่แรงก็ไม่รู้ตัว ถ้าอยากได้แกงจืดหรือขนมหวานให้ไปที่วัดอื่น ถ้าจะเอากะเพราเผ็ดกระโดดก็มาที่นี่

นักปกครองสมัยโบราณบริหารด้วยพระเดชและพระคุณ คนจะทั้งรักทั้งกลัว ฉะนั้น...เวลาเราพูดถึงผู้ใหญ่ ที่เราใช้คำนำหน้าว่า พระเดชพระคุณ เกิดจากตรงนี้ พระเดชก็คืออำนาจที่ท่านมีอยู่ ซึ่งอำนาจนั้นจะมีขึ้น ก็เกิดจากตำแหน่งหน้าที่ของท่าน ที่ให้คุณให้โทษแก่ผู้อื่นได้ ถ้าไม่มีตำแหน่งแห่งที่ทางราชการ หรือตำแหน่งที่ให้คุณให้โทษแก่ผู้อื่นได้ ก็คือการเป็นปู่ย่าตายาย หรือเป็นพ่อเป็นแม่

ส่วนคำว่า พระคุณ คือคุณงามความดีที่ท่านได้กระทำไว้ สงเคราะห์ผู้คนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ปราศจากอคติ ทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน บาลีเขาใช้คำว่า บุรพการี คือผู้กระทำก่อน ส่วนผู้รับการกระทำแล้วก็กตัญญู คือรู้คุณ กตเวทิตาคือตอบแทนท่าน เพราะฉะนั้น..บางทีเราได้ยินว่าพระเดชพระคุณอย่างนั้น พระเดชพระคุณอย่างนี้ ให้รู้ด้วยว่าที่มานั้นมาอย่างไร ทำไมถึงใช้คำว่าพระเดชพระคุณ ไม่ใช่ฟังดูเหมือนเข้าใจ แต่ให้อธิบายกลับบอกไม่ถูก จบด็อกเตอร์มาแล้วยังโง่อยู่เลย..!"

เถรี
26-09-2019, 22:56
พระอาจารย์เล่าว่า "ปลายเดือนที่ผ่านมา พระหลายรูปในวัดเรียนหมอดูจบแล้ว ขอไปเรียนอักขระเลขยันต์ต่อ อาตมาก็เลยเอาวันเดือนปีเกิดตัวเองไปให้ บอกว่าถอดดวงมา ของคุณเลข ๗ ตัว ของคุณมหาทักษา ของคุณถอดดวงอีแปะมา ปรากฏว่าพระท่านก็ทำนายดวงให้อาตมา ก็ต้องบอกว่าตามตำราบ้าง มั่วเอาบ้าง ประมาณการเอาจากที่สายตาเห็นบ้าง อาตมาก็เลยปล่อยให้ไปเรียนตามที่ตัวท่านต้องการ แต่ขณะเดียวกัน ก็คิดว่าแล้วจะได้อะไรวะ ?

เหตุที่สงสัยว่าจะได้อะไร ก็เพราะว่าศึกษามาแล้วไม่มีการค้นคว้าหาความชำนาญก่อน อาตมาเองแค่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ไปทดลองดูหมอตามตำราพรหมชาติดู ท่านบอกว่าของเขาน่ะของจริง อาตมาก็ไปเปิดตำราศึกษาเอาเอง จนกระทั่งจดจำได้ว่าแต่ละตัวเลขหมายถึงอะไร แล้วก็ซักซ้อมหาความชำนาญ ขอวันเดือนปีเกิดของพระของโยมมาดูเป็นร้อย ๆ คน จนกระทั่งแม่นยำเป็นที่ยอมรับ คนมากวนหัวไม่วางหางไม่เว้น ถึงได้ทิ้งเลิกไป

ลักษณะของการปฏิบัติธรรมกรรมฐานก็เหมือนกัน ถ้าทำกรรมฐานกองใดกองหนึ่งได้แล้ว ต้องซักซ้อมหาความชำนาญ ชนิดที่ต้องการเมื่อไรต้องกำหนดได้เมื่อนั้น เรื่องของเวทมนตร์คาถาก็เหมือนกัน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้คาถาบทไหนมา อาตมาจะทำจนขึ้นใจ ทำจนเกิดผล ซักซ้อมจนมั่นใจว่าต้องการเมื่อไรต้องได้อย่างนั้น แล้วก็ไปกราบเรียนรายงานให้ท่านทราบ ท่านก็จะให้คาถาบทต่อไปมา

พอถึงเวลาไปศึกษาอักขระเลขยันต์ โดยเฉพาะการเขียนผงลบผง เจ้าประคุณเอ๋ย...ต้องเขียนเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง แค่อักขระตัวเดียว ใช้คำว่าตัวเดียวก็ไม่ได้ หัวเดียว อย่างเช่นเราจะลบผงปถมัง ขึ้นหัว "นะ" ตัวเดียว หัวกลม ๆ ปถมัง พินธุกัง ชาตัง ลบไปเหอะ ลบจนกว่าผงจะลอดกระดานได้..!"

เถรี
26-09-2019, 22:57
"แต่พระท่านบอกว่าเรียนหมอดูจบแล้ว ก็คือจบตามตำรา ไม่ได้หาความชำนาญอะไรเลย แล้วไปขอเรียนอักขระเลขยันต์ต่อ อาตมาถึงได้คิดว่าแล้วจะได้อะไร ? เรียนแบบนี้ โบราณเรียกว่าเรียนแบบเป็ด รู้หลายเรื่องแต่ไม่เก่งจริงสักเรื่อง เขาบอกว่า

จะให้ขัน........ขันได้ไม่เหมือนไก่
บินก็ได้..........แต่ไม่ทันพันธุ์ปักษา
ว่ายน้ำได้........ก็ไม่ทันเหล่าพันธุ์ปลา
เหมือนวิชา.......เรียนหลายสิ่งไม่จริงจัง

เรียนแบบเป็ด แต่สมัยนี้เขาต้องการเป็ดกันนะ ก็คือรู้ทุกเรื่อง รู้นิดรู้หน่อยให้รู้เข้าไว้ จะเอาตัวรอดได้ เขาว่าอย่างนั้น แต่ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม เรื่องของเวทมนตร์คาถา เรื่องของอภิญญาสมาบัติ ไม่ใช่รู้ทุกเรื่อง แต่เขาให้รู้จริงเรื่องเดียว เพราะว่าถ้าทำได้จริง ๆ อย่างเดียว อย่างอื่นต่อไปก็จะง่าย เพราะว่าใช้กำลังใจเท่ากัน ในเมื่อพระท่านคัน อยากจะเรียนอาตมาก็ปล่อยให้ไปเรียน อยากจะรู้เหมือนกันว่า ถ้าเรียนไปเรื่อยเปื่อยแล้วไม่ยอมซักซ้อมอะไร แล้วใครจะประสบความสำเร็จบ้าง"

เถรี
26-09-2019, 23:00
"อาตมาเรียนมโนมยิทธิ ซ้อมกันจนกระทั่งครูไล่ออกจากห้อง ซ้อมกันเป็นปี ๆ ที่ครูเขาต้องไล่ออกจากห้อง เพราะว่าไปพาเขาเสียหมด ที่พาเขาเสียหมดก็เพราะว่าครูแค่เอ่ยปากคำแรก อาตมาจะรู้ว่าทั้งประโยคคืออะไร ก็ชิงตอบก่อน ขณะที่คนอื่นเขายังไม่รู้ ก็พาเขาเสียหมด จึงโดนไล่ออกจากห้องมา

ครูเขาโวยวายว่า "เก่งขนาดนี้แล้วยังจะมาซ้อมอะไรกันอีก จะมาลองดีใช่ไหม ?" เดินหน้าเหี่ยวออกมา หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "คล่องขนาดนั้นก็ไปเป็นครูสอนเขาได้แล้วลูก" ขนาดนั้นยังไม่มั่นใจตัวเอง ยังไปแอบซ้อมอีก ก็คือซ้อมข้าง ๆ ท่านนั่นแหละ นั่งถวายการรับใช้อยู่ข้าง ๆ ญาติโยมมาทำบุญ หลวงพ่อท่านจะแจกวัตถุมงคลตามราคาที่โยมทำบุญ

อย่างเช่นว่า ๑๐๐ บาท หรือไม่เกิน ๑๐๐ บาท แจกแหนบให้อันหนึ่ง ถ้าหากว่า ๒๐๐ บาท แจกอะไร ๓๐๐ บาทแจกอะไร ๕๐๐ บาทแจกอะไร อาตมาไม่เสียเวลาดู โยมวางซองปั๊บหยิบวัตถุมงคลส่งให้ปุ๊บ ขอยืนยันว่าไม่พลาด ต้องซ้อมให้ได้ขนาดนั้น ก็คือเงินในซองเขามีเท่าไรเราต้องรู้

มีอยู่รายหนึ่งมาวางซองปุ๊บ อาตมาหยิบฉีกไป ๒ ท่อน โยนลงถังขยะแล้วก็หยิบแหนบส่งไปให้อันหนึ่ง ลุงเอี๊ยงสะดุ้งเฮือก ตะปบขยะขึ้นมาดู ไอ้นั่นอยากได้วัตถุมงคลหลวงพ่อวัดท่าซุง แต่ไม่มีเงินทำบุญ ฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์ พับใส่ซองมา ลุงเอี๊ยงเขาถึงได้เชื่ออาตมาจนหมดหัวใจ บอกอะไรเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ เพราะว่าซ้อมให้เห็นอยู่ทุกวัน

บางทีอาตมานั่งอยู่ตรงนี้ก็เซ็ง ๆ คนอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้คิดจะทำอะไรเลย นอกจากคิดติชาวบ้าน...! ฉะนั้น..ถึงเวลาทำอะไรต้องทำให้จริง ถ้ารู้จริงอย่างหนึ่ง อย่างอื่นก็จะรู้เหมือนกัน เพราะว่าใช้กำลังเท่ากัน (บอกกับโยมที่มาทำบุญ) จำไว้นะลูก จบหมอมาแล้วต้องเป็นทุกเรื่อง"

เถรี
26-09-2019, 23:00
"เรียนเก่งไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องปรับตัวเก่ง สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการสูญพันธุ์ได้ จะต้องปรับตัวเก่ง"

เถรี
27-09-2019, 19:30
ถาม : ผมยังทำสมาธิยังไม่ค่อยได้เท่าไร ผมไปฝึกมโนมยิทธิได้ไหมครับ หรือควรทำสมาธิให้ได้ก่อน ?
ตอบ : ถ้าต้องการมโนมยิทธิ อย่าทำสมาธิมาก บ้าไหม ? มโนมยิทธิเหมือนห้อง ๒ ห้อง ข้างบนหนึ่งห้อง ข้างล่างหนึ่งห้อง ห้องล่างคืออุปจารสมาธิ ห้องบนคือฌาน ๔ จากที่เรานั่งคุยกันแบบนี้ อุปจารสมาธิเป็นอารมณ์ที่สูงกว่าตอนนี้นิดเดียวเท่านั้น ถ้าทำสมาธิมากเกินนั้น แต่ไม่ถึงฌาน ๔ คล่องตัว ก็เหมือนกับเราอยู่ระหว่างบันไดของห้อง สองห้องนั้นมีอะไรเหมือนกันหมดทุกอย่าง แต่เราอยู่ตรงบันได เราจะเห็นอะไรไหม ? ก็ไม่เห็น

ฉะนั้น...ถ้าจะฝึกมโนมยิทธิ อย่าทำสมาธิมาก เพราะว่าเกินต้องการ ในเมื่อเกิน ยืดคอเลยช่อง ก็มองอะไรไม่เห็น ต้องลดลงมาให้พอดี หรือไม่ก็โน่น...ขึ้นข้างบนไปเลย แต่ถ้าแค่อุปจารสมาธิ เผลอเมื่อไรโดนกิเลสตีตาย ไปเลือกเอาก็แล้วกันว่าจะทำแบบไหน

เถรี
27-09-2019, 19:33
พระอาจารย์คุยกับลูกศิษย์ "ตะกรุดดอกเมื่อเช้าเป็นตะกรุดแม่ทัพมนต์พระกาฬ ปกติถ้าตะกรุดมนต์พระกาฬจะดอกเล็กกว่านี้ ตะกรุดแม่ทัพจะใหญ่กว่า ดอกเมื่อเช้านั่นครบเครื่องเลย ท่านใส่ลูกสะกดมาให้ด้วย ใครเป็นคนเอาไป ? (ผู้หญิงครับ) เป็นผู้หญิงเอาไปทำอะไรวะ ?

ตะกรุดแม่ทัพเขาป้องกันได้ทั้งกองทัพ พวกเราเอาไปใช้ก็ป้องกันได้หมดทั้งบ้าน ป้องกันได้หมดทั้งคันรถ หรือถ้าพาคนไปเท่าไร ก็ป้องกันได้หมดทั้งคณะ เขาถึงได้เรียกว่าตะกรุดแม่ทัพ เพราะว่าผู้นำมีติดตัวอยู่ สามารถรักษาลูกน้องได้ด้วย"

เถรี
30-09-2019, 20:47
พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนที่วัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรีไปดูงาน ท่านถามอาตมาว่า บริหารอย่างไรชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนจึงประสบความสำเร็จ เป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบ จนได้เป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ? บอกไปว่า คำพูดนี้ไม่น่าฟัง แต่เป็นเคล็ดลับของความสำเร็จจริง ๆ ก็คือขอให้มีเงินจ่าย..!

มีคำถามต่อเนื่องไปว่าหลายแห่งเขาก็มีเงิน แต่ทำไมบริหารแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ? ก็บอกไปว่าเป็นเพราะว่าเขาทั้งหลายเหล่านั้นไม่รู้ตัวเอง ไม่รู้คนอื่น ตามหลักพิชัยสงคราม ไม่รู้ว่าจุดอ่อนตัวเองคืออะไร จุดแข็งตัวเองคืออะไร ไม่มีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจน เมื่อไม่รู้จุดอ่อน ไม่รู้จุดแข็ง กำหนดเป้าหมายไม่ได้ เปะปะไปเรื่อย ประสบความสำเร็จได้ก็บังเอิญตายชักแล้ว

เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่รู้ ๆ กันตามหลักวิชาการ แต่คนที่เอาหลักวิชาการไปปฏิบัติจนประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่ว่ารู้แล้วจะทำได้ทุกคน เพราะว่าวิชาการเป็นศาสตร์คือความรู้ การลงมือทำเป็นศิลป์ ตัวนี้คือ tactic เป็น skill ด้วย ภาษาไทยบางทีก็ไม่ชัด คือต้องมีทั้งแม่ไม้ มีทั้งลูกไม้ ถ้าหากว่าสามารถปฏิบัติตามได้ ก็เป็นอันว่าคุณจะประสบความสำเร็จ ไม่อย่างนั้นก็จะยังอยู่ในตำรา เป็นตัวหนังสืออยู่อย่างเดียว ฉะนั้น...มีศาสตร์คือความรู้ แล้วต้องมีศิลป์ที่จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์จริง ๆ ด้วย"

เถรี
30-09-2019, 21:10
พระอาจารย์กล่าวกับโยม "พ่อกับลูกพกของหนักทั้งคู่ (วัตถุมงคลที่คอ) หลวงพ่อฤๅษีรุ่นสุดท้าย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกแล้วว่า วัตถุมงคลของท่านให้หารุ่นสุดท้ายเข้าไว้ ถามว่าทำไมครับ ? ท่านบอกว่า เวลาพระหรือเทวดาท่านสงเคราะห์ เคยให้เท่าไรครั้งต่อไปก็ไม่ต่ำกว่านั้น ยกเว้นว่ามีอะไรพิเศษ ท่านก็จะบอกเพิ่ม"

เถรี
30-09-2019, 21:13
พระอาจารย์ให้บูชาวัตถุมงคล "เหลือรูปหลวงพ่อพรหม ด้านหลังเป็นตะกรุด ๓ กษัตริย์กับฟันท่านอยู่ คิดราคาเท่ากัน ใครอยากจะสร้างวิทยาลัยสงฆ์ มีเงินสัก ๓๐,๐๐๐ ให้รีบมา..เดี๋ยวหมด พวกรุ่นที่เขาเกิดกันไม่ทัน เขาจะหงุดหงิดมากเลยว่า หลวงพ่อเล็กไปเอาอะไรมาได้เยอะแยะขนาดนี้

ในรุ่นที่อาตมาไปเกาะแข้งเกาะขาท่านนี่ มีอะไรไถได้ก็ไถหมด ขนาดหลวงปู่สมเด็จฯ วัดสามพระยา ใครว่าดุนักดุหนา ท่านฉันหมากแล้วท่านก็กำหางหมากไว้ ไม่ยอมปล่อย อาตมานี่แคะจากมือเลย "หลวงปู่..ขอเถอะครับ" ท่านก็หัวเราะแล้วคลายมือให้ จะเอาก็เว้ากันซื่อ ๆ ไม่ต้องคิดมาก

(ท่านโรจน์ขอบูชา) พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. ร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์ ๓๐,๐๐๐ บาท เดี๋ยววันงานโปรดไปยื่นหน้าด้วยนะครับ อาตมาไม่ค่อยอยากรับความดีความชอบคนเดียว"

เถรี
30-09-2019, 22:20
ถาม : เมื่อครู่ท่านเรียกดิฉันว่ายายหรือคะ ?
ตอบ : เรียกให้รู้ตัว พระพุทธเจ้าก่อนที่จะตรัสอะไร ก็ "ภิกขเว...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย" ท่านเรียกดึงสติ จะได้หันมาสนใจสิ่งที่ท่านพูด ส่วนที่เรียกยายเพื่อเตือนให้รู้ว่าชราแล้ว ทำอะไรต้องระมัดระวังหน่อย ไม่เหมือนสาว ๆ เขาแล้ว

เถรี
30-09-2019, 22:25
ถาม : ที่บ้านมีฉัตรแป้นที่วางพระพุทธรูป ก็เปลี่ยนฉัตรอันใหม่ ฉัตรอันเก่าฐานยังดีอยู่ ถ้าเปลี่ยนด้านบนก็ยังใช้ได้ หรือเราควรทิ้งไปเลย ?
ตอบ : เอาไปให้ช่างซ่อมใหม่ก็ได้ จะได้ของใหม่มาอีก แต่ราคาไม่แพงเท่าของใหม่จริง ๆ

ถาม : ของพวกนี้เอาไปซ่อมได้หรือคะ ?
ตอบ : ได้..ช่างเขาทำได้ใหม่ทั้งอัน

ถาม : ช่างเขาไม่ค่อยจะรับทำ ?
ตอบ : เขาอยากขายของใหม่มากกว่า

ถาม : แต่ว่าเสียดาย แผ่นไม้ดูดีมากเลย ถ้าเราทำเอง เราจะบาปไหม เทวดาจะยินดีไหมคะ ?
ตอบ : ทำไปเถอะ ทำแล้วดีกว่าเดิม ท่านยินดีทั้งนั้นแหละ

เถรี
30-09-2019, 22:33
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๖ ตุลาคม อาตมาไปทอดผ้าป่าสร้างวิทยาลัยสงฆ์ที่พนมทวน วิ่งรถจากนี่ไปประมาณชั่วโมงหนึ่ง (จากบ้านเติมบุญ) อาตมาจะหนีงานวันอาทิตย์ครึ่งวัน เพราะว่านอกจากจะไปทอดผ้าป่าแล้ว อาจจะต้องวางศิลาฤกษ์เองด้วย เพราะว่าหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดท่านบอกว่า ท่านทำไม่เป็น

แต่คราวนี้เขานิมนต์หลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดยานนาวาไป ก็น่าจะให้หลวงพ่อสมเด็จ ฯ วัดยานนาวาท่านวางศิลาฤกษ์ หลวงพ่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวัน ท่านบอกว่า ถ้าสุขภาพแข็งแรงพอก็จะไป ทุกคนแตกตื่นกันมาก เพราะว่าท่านไม่ได้ออกงานมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ได้แต่หวังว่าท่านจะแข็งแรงพอ"

เถรี
30-09-2019, 22:36
ถาม : วิทยาลัยสงฆ์ต่างจากมหาจุฬาฯ อย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็คือมหาจุฬาฯ นั่นแหละ เป็นวิทยาลัยสงฆ์ในสังกัดของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ถาม : เป็นวิทยาเขต ?
ตอบ : วิทยาลัยสงฆ์ไม่ใช่วิทยาเขต วิทยาเขตส่วนวิทยาเขต วิทยาลัยสงฆ์ส่วนวิทยาลัยสงฆ์ แล้วถ้ามีเล็กกว่านั้น ก็เป็นหน่วยวิทยบริการของคณะโน้นคณะนี้ แล้วก็มีการขยายห้องเรียนของคณะโน้นคณะนี้ แล้วแต่สถานที่ใหญ่เล็ก

ถ้าหากว่ากติกาครบ อย่างเช่นว่ามีตัวอาคารเพียงพอ มีห้องน้ำเพียงพอ มีห้องสมุด มีห้องคอมพิวเตอร์ มีนิสิตเพียงพอ ก็ยกสภาพขึ้นเป็นวิทยาลัยสงฆ์ได้ ถ้าเป็นวิทยาลัยสงฆ์ผลิตบัณฑิตออกมาก็จะได้งบประมาณแผ่นดิน ไม่ต้องจ่ายเองเยอะ แต่ถ้าหากว่ายังไม่ได้งบ ก็จ่ายเองล้วน ๆ แต่คราวนี้ก็จะมีคนปวดหัว เพราะว่าถ้าใช้งบประมาณแผ่นดิน ก็ต้องไปชี้แจงงบประมาณ เขาจะตัด เราก็ต้องพยายามไม่ให้เขาตัดและต้องเอาเพิ่มให้ได้ ซึ่งการเอาเพิ่มนั้นยาก อย่าให้เขาตัดเราได้ก็บุญโขแล้ว

เถรี
30-09-2019, 22:37
ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่าญาติโยมเสียโอกาส เพราะว่าการศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาเอกนั้นแพงมาก พระมีโอกาสมากกว่า เหตุที่พระมีโอกาสมากกว่าก็ด้วยเหตุ ๒ ประการ

ประการแรก พระเณรจำนวนมากบวชมาเพราะว่าต้องการโอกาสในการเรียนหนังสือ ถ้าอยู่กับครอบครัวจน ๆ ของตัวเองก็ไม่มีโอกาสที่จะเรียนหนังสือ ถ้าบวชมาอยู่กับครูบาอาจารย์ อยู่กับหลวงปู่หลวงพ่อที่เห็นความสำคัญในด้านการศึกษา ท่านก็จะส่งเรียน อย่างของอาตมานี่ส่งเรียนทั้งอำเภอ ถ้าพระเณรไปเรียน มจร.วัดใต้ อาตมาถวายค่ารถรูปละ ๓,๐๐๐ บาทต่อเดือน

เถรี
30-09-2019, 22:40
ถาม : หลวงปู่ชาท่านสอนชาวต่างชาติ ท่านสอนอย่างไรคะ ?
ตอบ : ท่านสอนแบบธรรมชาติ อย่างเช่นบอกว่าน้ำมันร้อน ภาษาลาวเขาว่าฮ้อน ภาษาอังกฤษว่า Hot พูดให้ตายฝรั่งก็ไม่รู้ ท่านจับมือเขาจุ่มลงไปเลย นี่ร้อนคือแบบนี้..รู้หรือยังว่าร้อนเป็นอย่างไร ? ซาบซึ้่งทุกคนแหละ เพราะว่าโดนน้ำร้อนไปเต็ม ๆ

สอนแบบธรรมชาติ สอนแบบนักปราชญ์ แบบครูบาอาจารย์ของแท้ รู้จริงทุกเรื่อง เสียดายมาก...ระยะสุดท้ายของท่านวาระกรรมมาถึง กลายเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตอยู่ระยะหนึ่ง ท่านไม่ได้มีความทุกข์หรอก เพราะท่านไม่เห็นความดีของร่างกายอยู่แล้ว แต่ลูกศิษย์ทุกข์ใจกันเยอะมาก

เถรี
30-09-2019, 22:43
ถาม : พระที่จะนิพพาน วาระสุดท้ายต้องเป็นโรคอะไรไหมคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ขึ้นอยู่กับกรรมเก่าที่ตนเองทำมา ถ้าสร้างกรรมดีไว้มาก อย่างพระพากุลเถระ ท่านก็เข้าสมาธิไปเฉย ๆ ไม่เห็นท่านต้องไปทุกข์ทรมานอะไรกับใคร ถ้าสร้างเวรสร้างกรรมไว้เยอะ ส่วนใหญ่ท่านก็จะยอมใช้เศษกรรมก่อน

หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ก็ทรมานกับโรคภัยไข้เจ็บอยู่หลายปี หลวงพ่อวัดท่าซุงนี่หลายสิบปีนะ ไม่ใช่หลายปี เพราะว่าแต่ละชาติเคยเป็นทหาร เข่นฆ่าเขาเอาไว้มาก ถึงเวลาการชดใช้เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น เงินต้นไม่ได้ใช้เขาหรอก ขนาดดอกเบี้ยยังล่อซะอ่วมขนาดนี้ อาตมาเจอดอกเบี้ยมาลาเรียมาจะ ๔๐ ปีแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๒๔ จนป่านนี้

เถรี
30-09-2019, 22:44
ถาม : แต่ถ้ายังไม่อยากไปพระนิพพาน ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่อยากจะไป จะทุกข์นานกว่านี้ เหมือนกับว่าเราไม่อยากจะใช้ ไม่อยากจะจ่ายหนี้ก้อนใหญ่ แต่ด้วยความที่ต้องผ่อน ก็จะใช้ระยะเวลายาวนานมาก อาตมาซื้อรถเงินสด จ่ายแล้วจบเลย แต่โยมไปผ่อนก็เจอไป ๗๒ เดือน อย่างนี้เป็นต้น

เถรี
02-10-2019, 07:21
พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่เราเห็นคนจีนเชิดสิงโต ความจริงไม่ใช่สิงโตนะ คือหมาทิเบตนั่นแหละ ทิเบตันมาสทิฟฟ์ ทางด้านโน้นเขายกย่องให้เป็นราชาหมา ไปอยู่ที่ไหน มักจะเป็นจ่าฝูงตลอด ไม่เคยต้องตามใคร

แต่ที่อาตมาไปถ่ายรูปด้วยที่ทิเบต แต่ละตัวทำหน้าเซ็งมากเลย เพราะต้องนั่งให้เขาถ่ายรูปทั้งวัน น่าเบื่อ จะไปก็ไม่ได้ ต้องนั่งให้เขาถ่ายรูป ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก เหมือนอย่างกับว่าชีวิตมีสาระมากกว่านี้ แล้วทำไมไม่ให้ทำ ให้แค่มานั่งเฉย ๆ ให้คนถ่ายรูปแค่นี้นะหรือ ? ถ้าอ่านความคิดหมาออกก็จะรู้ คนก็ไม่รู้ว่าหมาเบื่อขนาดนั้น ก็ยังคงเฮฮาถ่ายรูปกันอยู่"

เถรี
02-10-2019, 07:25
ถาม : ของอาถรรพ์ไสยศาสตร์ที่เราเอากลับบ้านไปเยอะแยะ ควรทำอย่างไรกับของพวกนี้ดีคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ชอบก็ลอยน้ำไป หรือไม่ก็เผาทิ้งไปเลย

ถาม : เราต้องทำบุญให้เขาไหมคะ ?
ตอบ : เราทำเป็นปกติอยู่แล้ว ก็อุทิศให้เขาไปเลย ไม่ใช่ว่าต้องทำใหม่เสียทุกครั้ง คนเราสะสมบุญมานับชาติไม่ถ้วน ตั้งใจว่าผลบุญทั้งหมดที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ อุทิศให้เขาไป ถ้าไม่มั่นใจก็ถวายสังฆทานใหม่

ถาม : มีของพวกนี้เต็มบ้านค่ะ ?
ตอบ : เรื่องปกติ เขาเรียกว่าอยากรวย แต่ใช้วิธีที่ไม่ค่อยจะถูก พวกไสยศาสตร์ให้ผลฉาบฉวยระยะสั้น ๆ ไม่ยั่งยืน แต่อย่าไปคุยกับหลวงพ่อกวยนะ เรื่องไสยศาสตร์ให้ผลระยะสั้นไม่ยั่งยืน "ก็กูถนัดของกูอย่างนี้ กูทำแล้วช่วยลูกศิษย์กูได้"...จบ คนที่รักลูกศิษย์แบบหลวงพ่อกวยหายากจริง ๆ จะยากดีมีจนดีชั่วอย่างไร ท่านไม่สนใจ ถ้าเป็นลูกศิษย์ให้ความเคารพท่าน ท่านช่วยเขาหมด

เถรี
02-10-2019, 07:33
ถาม : เพื่อนเช่าพระของหลวงพ่อกวยมาหลายปีแล้ว เช่าเป็นพระสีวลี เราอาราธนาถึงท่าน คราวนี้คาถามีปลอมหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : กลัวปลอมไปได้ ใช้คาถานั่นแหละอาราธนา แล้วนึกถึงพระสีวลี นึกถึงหลวงพ่อกวยก็ใช้ได้ ไปค้นหาในกูเกิ้ล พิมพ์เข้าไปเลย คาถาอาราธนาพระสีวลีหลวงพ่อกวย เดี๋ยวเขาส่งมาให้เป็นหน้ากระดาษเลย ว่าไปตามนั้นแหละ

วัตถุมงคลที่ติดตัวไว้นั้นด้วยสองสถาน อย่างแรกคือเป็นอนุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้าหรือระลึกถึงหลวงปู่หลวงพ่อ สถานที่สองก็คือผลพิเศษที่มีอยู่นั้น สามารถช่วยเราได้

เถรี
02-10-2019, 07:40
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมาปลดอาวุธไปเยอะเลย เพราะว่าของที่ใช้ติดตัวอยู่ ส่งไปให้เขาถ่ายรูปทำทะเบียนประวัติ โยมเขาเป็นพวกมืออาชีพในการทำทะเบียนประวัติพวกวัตถุโบราณ เขามาช่วยทำให้ ก็เลยรู้สึกว่าตัวเบา ๆ ไปหน่อย

วันก่อนจัดชุดเบี้ยแก้เสร็จแล้ว จัดชุดลูกอมเสร็จแล้ว ปรากฏว่าด้วยความที่เผลอเอาลูกอมหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือไปออกกระทู้คนมีเงินฯ จนเกือบหมด อนาถชีวิตจริง ๆ ถึงเวลาจะเอาเข้าพิพิธภัณฑ์ เกือบจะหาไม่ได้ ลูกอมของหลวงพ่อสงวนนั่นทำจากผงมหาราช พระที่อดทนนั่งลบผงสร้างวัตถุมงคลให้ลูกศิษย์นี่ไม่ค่อยจะมีหรอกนะ หลวงพ่อกวยอีกรูปหนึ่ง ถึงเวลาก็นั่งลบผงทั้งวัน

วัตถุมงคลของหลวงพ่อสงวนท่านมาทางเมตตามหานิยมสุดยอด ตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านบอกว่า "ลูกศิษย์กูขนาดกะหรี่แก่ ๆ ยังหาผัวรวย ๆ ได้" ท่านมั่นใจขนาดนั้น อะไรครูบาอาจารย์จะเจ๋งขนาดนั้น อาตมาเองก่อนหน้านั้นมีลูกอม มีปลัดขิก มีพระของท่าน ไป ๆ มา ๆ เจอพระ ไม่รู้ว่าท่านตั้งใจทำหรือว่าลูกศิษย์ทำขึ้นมาเอง ก็คือพระขุนแผนที่ทำด้วยผง ก็เลยพกพระแทน ถ้าหากว่าพกปลัดขิกดูท่าจะไม่ค่อยดี"

เถรี
02-10-2019, 07:45
"วันก่อนหลงทางไปทางวัดไผ่พันมือพอดี จะบอกว่าหลงทางไม่ได้หรอก พี่กู (เกิ้ล) พาไป วันที่ ๔ ปกติแล้วจะอยู่วัดไร่แตงทองทั้งเช้าทั้งบ่าย เพราะว่าตอนเช้ามีงาน สวดพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารพระ ๑,๐๐๐ รูป อุทิศส่วนกุศลให้หลวงปู่หลิว อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง แล้วตอนบ่ายก็เป็นงานหล่อพระ ซึ่งหลวงพ่อสายชลท่านตั้งใจหล่อพระอสีติมหาสาวก ๘๐ รูป ปีละ ๑ องค์ ก็คงตั้งใจจะหล่อไป ๘๐ ปีกระมัง ? เพราะตอนนี้ได้ ๕ องค์แล้ว

ปรากฏว่าคุณสุวิช วิจารณ์ปรีชา โยมพ่อของพระมหาจินตวัฒน์ จารุวฑฺฒโน เจ้าอาวาสวัดม่วงชุมที่สิงห์บุรีตาย รดน้ำศพ ๔ โมงเย็น บรรลัยแล้วกู..บ่ายโมงสามสิบเก้านาทีหล่อพระวัดไร่แตงทอง สี่โมงเย็นต้องไปให้ถึงสิงห์บุรี จะทันไหมวะ ? ปรากฏว่ากูเกิ้ลแมพทำได้ พาไปแต่ละเส้นนี่อาตมาไม่รู้จักเลย คือต่อให้เจ้าถิ่นก็ไม่รู้จัก เจ้าถิ่นเขาจะรู้แค่ในพื้นที่ตัวเอง แต่กูเกิ้ลแมพมองจากดาวเทียมลงมา เส้นเล็กเส้นน้อยรู้หมด แล้วหาทางที่ลัดที่สุดให้

ประเภทนั่งไปก็มองไป มึงจะหลอกกูมาฆ่าหรือเปล่า..?! ปรากฏว่าไปทัน เขาทำได้ โห...ลัดจนไม่รู้เลยว่าไปอย่างไร ลัดจนอาตมาที่ว่าจำเก่ง ๆ นี่หลงทิศเลย"

เถรี
02-10-2019, 07:53
ถาม : บางทีก็พาไปซอยตัน ?
ตอบ : แบบนั้นอาตมายังไม่เคยเจอ เคยแต่พาไปตรงเป๊ะ ๆ ทุกที่จนต้องยอมรับ สมัยก่อนที่จะใช้กูเกิ้ลแมพก็ใช้ผี หลงเข้าไปทางด้านหลังนครปฐม ออกไม่ได้ นึกขึ้นมาได้ เจ้าคุณอาจารย์พระราชปริยัติโมลี (เจ้าคุณโสภา) ตายแล้ว "ช่วยพาออกหน่อยครับ" ขอใช้ผีหน่อย ท่านบอก "กูไม่ใช่ผีเว้ย..!" "จะใช่หรือไม่ใช่ก็เถอะ ช่วยพาผมออกไปที" ท่านก็พาไป ก็บอกคนขับเลี้ยวโน่นเลี้ยวนี่เลี้ยวนั่น "เคยมาหรือ ?" "ไม่เคยหรอก คนอยู่ข้างหลังเคย" พาออกมาพักเดียว หลุดออกมาได้ ตัวเองวนอยู่ครึ่งค่อนชั่วโมง ไปไม่ถูก

สมัยนี้ผีเดือดร้อนน้อยหน่อยเพราะว่ามีกูเกิ้ลแมพ แต่ไปต่างประเทศก็ยังใช้ผีอยู่เหมือนเดิม เพราะว่าบางที่อาตมาไม่รู้จักเลย

เถรี
02-10-2019, 07:57
มีโยมมาถวายสังฆทาน "คนนี้แท็กซี่พ่อลูกอ่อน ใครจะใช้บริการแท็กซี่ขอเบอร์ไปได้ ไอ้ทิดนี่บวชอยู่วัดท่าขนุนมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ไปไหนเอาลูกนั่งรถไปด้วย ขอร้องผู้โดยสารเขา ผู้โดยสารเขาพอจะเข้าใจ ถ้าเด็กไม่ดื้อไม่ซนก็ไปกันได้ ถ้าขืนซนก็อดทั้ง ๓ คนนั่นแหละ นี่เป็นซิงเกิ้ลแด๊ด คนอื่นเขามีซิงเกิ้ลมัม"

เถรี
02-10-2019, 07:59
พูดถึงกระทู้ประมูลวัตถุมงคล "กระทู้ประมูลปิดไปได้เลย ตอนนี้คนประมูลฉลาดแล้ว ไม่ไปสาดใส่กันตั้งแต่ต้น ก็เลยได้ของราคาต่ำ อะไรที่อยากประมูลอยากได้ราคาเท่าไร ตั้งราคาลงเว็บไปเลย แล้วปิดกระทู้ประมูลไป

หลังจากจ่ายหนักไปหลายรอบก็เริ่มฉลาด เขาไม่ไปแข่งกันตั้งแต่วันแรก ๆ หรอก เขาไปจ้องเอานาทีสุดท้าย ไปปาดกันคนละร้อยสองร้อย แต่ว่าลักษณะอย่างนั้น คนไม่ได้ก็เจ็บใจตัวเอง"

เถรี
02-10-2019, 08:05
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนเด็กก็อยากโต ผู้ใหญ่ถามอายุเท่าไร ก็บอกให้มาก ๆ ไว้ พอตอนแก่นี่อยากเด็ก ใครถามอายุก็บอกน้อย ๆ ไว้หน่อย "อายุเท่าไร ?" "๒๐ กว่า" กว่าไป ๒๐ ปี..!

ต้องบอกว่าธรรมชาติของกิเลสคน แสวงหาสิ่งที่ตัวเองไม่มี อยากมี อยากได้ อยากเป็น เป็นกามตัณหา มีแล้ว ได้แล้ว เป็นแล้ว อยากให้ทรงอยู่ เรียกว่า ภวตัณหา เวลามีแล้ว ได้แล้ว เป็นแล้ว ไม่อยากเปลี่ยนแปลง เรียกวิภวตัณหา

ใช้คำว่า "ไม่อยาก" แต่จริง ๆ คือ "อยาก" ไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากตาย ก็คือ อยากไม่แก่ อยากไม่เจ็บ อยากไม่ตาย ฉะนั้น..จึงเป็นตัณหา ความอยากเหมือนกัน

บางทีเราก็แยกไม่ออกว่าทำไมตัณหามีหลายอย่าง จะมีกี่อย่างก็ช่างมัน ระวังใจไว้อย่างเดียว ปิดประตูใจไว้ กิเลสเข้าไม่ได้ก็จบแล้ว ส่วนใหญ่แล้วเราเปิดประตูไปแส่หาเรื่องเอง ถึงเวลากินของเผ็ดของร้อนเข้าไป ปวดท้องปวดไส้แล้วจะมาบ่นทำไม ? ก็ไปกินเอง ใช่ไหมโยม ? เขาเรียกว่าไปแส่หาเรื่อง เดือดร้อนเอง รำคาญเอง"

เถรี
02-10-2019, 08:15
พระอาจารย์กล่าวว่า "สถานการณ์ประเทศของเราต้องบอกว่าค่อนข้างจะย่ำแย่ เหตุเพราะว่าคนเรามักจะหลงประเด็น สิ่งสำคัญเห็นว่าไม่สำคัญ ไปให้ความสำคัญกับสิ่งที่ไม่สำคัญ พูดแล้วก็งงเอง

อย่างเช่นการถวายสัตย์ปฏิญาณอย่างนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้นำทุกประเทศ แล้วคุณต้องประกาศอย่างชัดเจนว่า จะทำหน้าที่โดยบริสุทธิ์ยุติธรรม ซื่อตรงอย่างไรก็ว่าไป คราวนี้ประเภทว่าไม่ครบ ว่าไม่หมด แล้วจะไปตำหนิคนอื่น บอกว่ามาเที่ยวจับผิดในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่ใช่

เรื่องที่คนทั้งโลกให้ความสำคัญ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่ขณะเดียวกัน อีกฝ่ายหนึ่งบางเรื่องที่รอได้ เพราะเรื่องสำคัญกว่านั้นมี แต่ไม่รอ อย่างเช่นจะอภิปรายไม่ไว้วางใจตอนที่ชาวบ้านสำลักน้ำท่วมจะตาย คิดอะไรอยู่ ? ช่วยชาวบ้านก่อนดีไหม ? ก็เลยทำให้บ้านเราสับสนวุ่นวายอย่างนี้ เพราะว่าสิ่งสำคัญเห็นว่าไม่สำคัญ สิ่งที่ไม่สำคัญไปเห็นว่าความสำคัญ

พวกเราอย่าไปหลงประเด็นตามเขาก็พอ ให้รู้ว่านักการเมืองเป็นอย่างนั้นแหละ ตอนจะเลือกตั้งรับปากทุกอย่าง พอเลือกไปแล้วกูก็ยุบพรรคซะ ปล่อยมันไปตามสบายเถอะ"

เถรี
02-10-2019, 08:18
ถาม : เหตุการณ์ปัจจุบันย้อนแย้งกับคำทำนาย ที่บอกชาววิไล แต่ตอนนี้เป็นบรรลัยมากกว่าค่ะ ?
ตอบ : วิไล ไม่เห็นหรือว่าขนาดเพื่อนให้ยืมนาฬิกาตั้ง ๒๐ - ๓๐ เรือน นาฬิกาแต่ละเรือนเป็นล้าน ๆ เพื่อนให้ยืมได้ จะไม่วิไลได้อย่างไร ?

อย่างของโยมต้องบอกว่าดูหนังไม่จบม้วนแล้วก็ไปวิตกวิจารณ์ก่อน ดูให้หมดรัชกาลที่ ๑๐ ก่อนสิ ก็ต้องรอดูว่าจะวิไลเมื่อไร

เถรี
02-10-2019, 08:19
มีใครดูคลิปที่รัฐมนตรีภูฏานกล่าวกลางที่ประชุมบ้าง ? การประชุมนานาชาติเกี่ยวกับเรื่องปัญหาโลกร้อน เราจะเห็นว่าประเทศเล็ก ๆ มีประชากรไม่ถึง ๕๐๐,๐๐๐ คน แต่เขามีนายกรัฐมนตรีที่สุดยอดมาก ใช้ภาษาอังกฤษลักษณะเป็นนายภาษาไปเลย แล้วก็มีลูกเล่นลูกชน อารมณ์ขันเหลือเฟือ พวกฝรั่งปรบมือให้เป็นระยะ ๆ บอกว่า สุนทรพจน์สามารถตรึงความรู้สึกของคนทั้งหมดให้สนใจอยู่กับเรื่องที่พูดได้ และพูดปากเปล่าด้วย ไม่มีสคริปต์เลย ถ้ามีโอกาสให้ไปหามาดู

เถรี
02-10-2019, 08:22
แล้วทำไมบ้านเราไม่เอาอย่างนั้น ? เราต้องวางพื้นฐานไปก่อน คราวนี้ของเราพื้นฐานไม่แน่น เพราะว่าคนของเราไม่เห็นความสำคัญของการศึกษา ประเภทเรียนไปก็ปวดหัว มีผัวดีกว่า แล้วจะไปเอาความเจริญมาจากไหน ?

นอกจากปัญหาที่เราไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษาแล้ว ปัญหาคอรัปชั่นยังเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก บ้านเรากระทรวงศึกษาธิการได้งบประมาณสูงสุด มากกว่าทุกกระทรวง แต่ว่าตกเรี่ยเสียราดกลางทางหมด โอกาสที่จะไปถึงมือครูอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่มี เพราะฉะนั้น..ครูไทยก็เลยอนาถมาก กู้ทุกอย่างที่มีสิทธิ์กู้ ขายทุกอย่างที่ทำเงินได้ เราจะเห็นว่ามีครูขายประกัน มีครูขายสินค้าขายตรงสารพัด แล้วขณะเดียวกันก็กู้เงินสารพัดกู้ กู้ให้เยอะเข้าไว้ เขาจะได้ไม่กล้าไล่ออก เพราะว่าเงินเดือนครูต่ำ

ต่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา เงินเดือนครูเขาจะให้สูงมาก แสนกว่าสองแสน บ้านเราถึงอยากได้เรียนวิศวะฯ อยากเรียนหมอ เพราะว่าเงินเดือนสูง ถึงเวลาทำงานนอกเวลาได้ คนเก่งจึงไปเรียนหมอเรียนวิศวะฯ กันหมด คนไม่มีที่จะเรียนก็เข้าวิทยาลัยครู เข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏ กลายเป็นเอาคนเหลือเลือก เป็นสินค้าเกรดซีมาผลิตสินค้ารุ่นต่อไป แล้วคนของเราจะเก่งขึ้นมาได้อย่างไร ?

เถรี
02-10-2019, 08:31
"แล้วค่านิยมในการเรียนของเราก็ผิด เพราะบ้านเราขอแค่เรียนให้จบ ไม่ได้เรียนให้รู้ ต้องเริ่มต้นตั้งแต่พื้นฐานใหม่ เปลี่ยนค่านิยม เปลี่ยนจิตสำนึกตั้งแต่เด็ก ๆ ให้เห็นความสำคัญของการศึกษา เรียนแล้วต้องรู้ รู้แล้วต้องบอกต่อได้ เสร็จแล้วก็ผลิตครูรุ่นใหม่

สมมติว่าครูรุ่นนี้ ถ้าหากว่าใครเกรด ๓.๕ ขึ้นไปสมัครเรียนครูหรือว่าสอบเข้าเรียนวิทยาลัยครู มหาวิทยาลัยราชภัฏ ถ้าจบมาจะเป็นเงินเดือนระดับนี้ ตั้งไปเลย จะ ๗๐,๐๐๐ - ๘๐,๐๐๐ บาท อะไรก็ว่าไป เดี๋ยวเขาก็ตะเกียกตะกายมาเรียนกันเอง ถ้าเราไม่เริ่มต้นก็จะคาราคาซังอย่างนี้ไปเรื่อย"

เถรี
02-10-2019, 08:33
"ครูหลายท่านมีจิตวิญญาณความเป็นครูสูงมาก แม้ว่าตัวเองจะมาในระดับเหลือเลือก เป็นวัสดุเกรดซี แต่ก็พยายามที่จะชุบตัวเองขึ้นมาจนเป็นเกรดเอได้ แต่ว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็ตะเกียกตะกายขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่รัฐบาลสนับสนุน ถ้าเรื่องพวกนี้ต้องผ่าตัดนี่ ก็คงต้องเริ่มต้นกันใหม่หมด

โดยเฉพาะบรรดารัฐมนตรี บรรดานักการเมืองต่าง ๆ ไม่ควรจะมี เพราะว่ามีมาแต่ละคนก็ชี้นิ้วให้ข้าราชการประจำทำอย่างที่ตัวเองต้องการ มาทีหนึ่งก็เปลี่ยนทีหนึ่ง มาทีหนึ่งก็เปลี่ยนทีหนึ่ง บางทีเด็กเรียน ป.๑ - ป.๔ ยังไม่ทันจะจบ ป. ๔ เลย หลักสูตรเปลี่ยนไป ๓ ครั้งแล้ว ประสาทกินกันพอดี..!"

เถรี
02-10-2019, 08:35
"อาตมาเองเป็นคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนในเขตอำเภอทองผาภูมิ คณะกรรมการทางด้านกรุงเทพฯ ก็ไปตรวจประเมิน เด็กของคุณภาษาอังกฤษอ่อนมาก เฉลี่ยแล้วยังได้ไม่ถึง ๖ เต็ม ๑๐ ต้องแก้ไขอย่างนั้น ต้องแก้ไขอย่างนี้ ต้องเพิ่มอย่างนั้น ต้องเพิ่มอย่างนี้

อาตมายกมือบอกคณะกรรมการว่าขอพูดหน่อย เกณฑ์ประเมินที่โยมเอามาประเมินเด็กของโรงเรียนต่างจังหวัดติดชายแดนอย่างของอาตมา เกณฑ์เดียวกับกรุงเทพฯ ใช่ไหม ? แล้วโยมยอมรับไหมว่าเกณฑ์ประเมินนี่ก็ลอกต่างประเทศเขามา ? ไม่ได้ดูบริบทเลยว่าแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร

โยมบอกว่าเด็กของอาตมาภาษาอังกฤษอ่อนมาก เอาไอ้สุดยอดภาษาอังกฤษของโยมมาคุยภาษามอญกับเด็กของอาตมาไหวไหม ? ดูบ้างสิว่าเด็กที่นี่เด็กมอญ เด็กพม่า แล้วลองเอาสองคนโยนเข้าไปในป่า ดูสิว่าใครจะรอดออกมา ? เขาเรียกว่าประเมินโดยไม่ได้ดูบริบท คือความเป็นจริงว่าสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร

เราเองก็เลยไม่สามารถที่จะกำหนดหลักสูตรได้ จริง ๆ แล้วต้องให้แต่ละเขตพื้นที่การศึกษากำหนดหลักสูตรของตัวเอง เพราะเขาจะรู้ที่สุดว่าในพื้นที่ของตัวเองต้องการอะไร เป็นอย่างไร"

เถรี
02-10-2019, 08:42
พระอาจารย์กล่าวเตือนโยม "อะไรบางอย่างถ้าเว้นแล้วปัญหาน้อยลงได้ก็เว้นซะ ไม่อย่างนั้นแล้วชีวิตยุ่งฉิบหายเลย"

เถรี
02-10-2019, 08:52
ถาม : ภาวนาไป จับลมหายใจไป และอ่านหนังสือไปด้วย ตลอดเวลามีความรู้สึกว่าทำได้สบายดี แต่พอมานั่งลงกำหนดจิตหลับตา แรก ๆ ก็ง่วงมาก ใจสบายก็ยังสู้ได้ หลัง ๆ ชักจะหงุดหงิดค่ะ ?
ตอบ : ทำอย่างไรก็ได้ที่เราถนัด ไม่ได้สำคัญว่าจะทำแบบไหน แต่สำคัญตรงที่ว่าทำแล้วใจเราสงบไหม ? วิธีไหนที่ทำแล้วใจของเราสงบ รักษากำลังใจของเราได้ ให้ใช้วิธีนั้น

บางทีเข้ากับชาวบ้านเขาไม่ได้ เขาถึงได้ว่าครูบาอาจารย์จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้ให้ครบ ไม่อย่างนั้นแล้วพาลูกศิษย์ดี ๆ เสียไปเยอะเลย ถึงเวลาต้องหลับตาอย่างเดียว ลืมตาทำไม่ได้ ต้องนั่งภาวนาอย่างเป็นงานเป็นการ คุณจะไปทำงานไป อ่านหนังสือไป ภาวนาไปไม่ได้ อย่างนี้ก็บรรลัย อาตมาทุกวันนี้ยังหากินด้วยการอ่านหนังสือไป สวดมนต์ไปเลย

ถาม : ทำต่อไปเลยใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ทำต่อไป อะไรที่ใจเราสงบ ทำอย่างนั้น

ถาม : ที่หนูทำปกติทุกวันนี้ดีแล้วใช่ไหมคะ ?
ตอบ : อะไรที่ทำให้ รัก โลภ โกรธ หลง น้อยลง ดีทั้งนั้น

ถาม : มีที่ทำแล้วดีกว่านี้ไหมคะ ?
ตอบ : อย่าอยาก..หมดอยากเมื่อไรจะได้ดีเอง

เถรี
02-10-2019, 19:05
ถาม : เวลาหนูอธิษฐานทำความดี หนูชอบเรียกสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกพระอรหันต์มา เรียกเสมือนท่านเป็นพ่อแม่ในอดีต ถือว่าเป็นการปรามาสไหมคะ ?
ตอบ : ไม่หรอก เรียกไปเถอะ เรียกแล้วสบายใจ

เถรี
02-10-2019, 19:09
ถาม : หนูท่องพะทะมะนะ คาถาสะเดาะกุญแจ ท่องไปแล้วหัวใจเต้นแรงมากเลยค่ะ ?
ตอบ : คาถาเป็นพื้นฐานของอภิญญา อภิญญาต้องใช้กำลังมาก การจะใช้กำลังมากต้องเร่งระบบร่างกายตัวเอง เพราะฉะนั้น..ห้ามกลัวตาย ถ้าจะตายก็ช่างมัน เราจะทำให้ได้

บางทีจะได้มากกว่าสะเดาะกลอนอีก อาจจะประเภทหลุดออกไปทั้งตัวเลยก็ได้

เถรี
02-10-2019, 19:10
ถาม : แล้วหนูจะแบ่งเวลาภาวนาพระคาถาเงินล้านอย่างไร ?
ตอบ : ก็แบ่งเวลาสิ เช้า ๆ เย็น ๆ ก็สักชั่วโมง-สองชั่วโมง ถึงเวลาหมดแล้วก็ทำใหม่ จัดเป็นชุด ๆ เป็นระบบของเรา จัดระบบให้กับตัวเอง อย่าให้ใจว่าง ว่างเมื่อไรกิเลสจะกิน

เถรี
02-10-2019, 19:17
ถาม : ฟังเรื่องรัฐบาลแล้วเครียดค่ะ ?
ตอบ : เครียดเพราะเราไปแบก กอง ๆ ลงไว้ ประเทศไทยไม่ใช่ของกูคนเดียว

เถรี
02-10-2019, 19:21
ถาม : เร็ว ๆ นี้กรณีที่พระตีระฆัง แล้วคนในคอนโดเขาบอกว่าหนวกหู อยากรู้ว่าคนที่หนวกหูจะไปเกิดเป็นอะไร ?
ตอบ : ไปถามเขา หรือไม่ก็รอไปเกิดกับเขา

ถาม : พระอยู่มาก่อน เขามาทีหลัง ?
ตอบ : ไม่เห็นหรือ เมื่อวานนี้พระพุทธรูปปางอุลตร้าแมน ความเคารพในพระรัตนตรัยมีน้อยลงไปเรื่อย ๆ เอาการค้าเป็นใหญ่ สร้างจุดสนใจ เมื่อคนสนใจ ขายผลงานได้ เขาคิดแค่นั้น เขาไม่ได้คิดถึงโทษหลังจากชาตินี้แล้ว ฉะนั้น...เมื่อเขาคิดสั้น สายตาสั้น เราก็ได้แต่นั่งเวทนา

เถรี
02-10-2019, 19:27
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นคนที่ "ถึงตายก็ขอปฏิบัติวัตรให้ครบถ้วน" ตั้งใจว่าถ้าจะตาย ขอทำวัตรค่ำให้เสร็จก่อน แต่คราวนี้เขาบอกว่า ถ้าตายตอนค่ำจะไม่เหลืออะไรให้ลูกหลาน คนจีนเขาถือว่ากินเช้า กินกลางวัน กินเย็นใช่ไหม ? เดี๋ยวก็ทำวัตรเช้าเสร็จ...(หัวเราะ)... ก็เลยอยู่ไปเรื่อย ๆ

เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ คุณตาของอาตมาตายตอน ๕ โมงเย็น ซึ่งปกติก็คือใกล้เวลากินข้าว ปรากฏว่าเพื่อนบ้านมาเยี่ยม ท่านบอกว่า "เฮ้ย..มึงหาข้าวให้กูกินชามหนึ่ง" เพื่อนก็วิ่งกลับบ้านไปตักข้าวมาให้ ตากินข้าวเสร็จ นอนตายคาเก้าอี้โยก ตายแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หมดลมไปดื้อ ๆ ซึ่งลักษณะการตายแบบนี้ เขาบอกว่าไม่เหลืออะไรไว้ให้ลูกหลาน เพราะว่ากินหมดทั้ง ๓ มื้อแล้ว

แต่ปรากฏว่าลูกหลานกลับเจริญรุ่งเรือง ส่วนข้างบ้านนั้นเป็นโรงตีเหล็กใหญ่ ๆ โต ๆ เจ๊งไปเลย ทุกคนเขาบอกว่า ก็เพราะไปให้เขากินแทน อาตมาก็ไม่รู้ว่าเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องบอกว่าเป็นเวรเป็นกรรมก็ใช่ แต่ก็ดันไปตรงกับความเชื่อของทางจีนเขา ฉะนั้น...ใครจะตายตอนเย็นก็พยายามหายใจไว้ไปตายตอนเช้า อย่างน้อย ๆ จะได้เหลือให้ลูกให้หลานบ้าง"

เถรี
03-10-2019, 18:40
ถาม : ผมไปกราบหลวงปู่องค์หนึ่งที่วัดทางอีสาน ซึ่งท่านได้ป่วยมาเป็นปีแล้ว เวลาท่านไม่สบายอะไร ท่านก็จะเล่าให้ลูกศิษย์และผู้ที่ไปเยี่ยมได้ฟัง ซึ่งในวันที่ผมไปนั้น ได้มีโยมท่านหนึ่งเสนอขึ้นมาว่า เขาจะเอาจอมปลวกที่ขึ้นข้าง ๆ กุฏิของหลวงปู่ออก โดยเขาบอกว่า เขาไปหาหมอธรรมมา แล้วหมอธรรมบอกว่า การที่มีจอมปลวกมาขึ้นข้างกุฏิ เป็นสาเหตุที่ทำให้หลวงปู่ท่านป่วย โยมท่านนั้นเขาก็เลยจะเอาจอมปลวกออก อยากทราบว่าการที่มีจอมปลวกมาขึ้นข้างบ้านหรือข้างกุฏินั้น จะเป็นสาเหตุทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยเจ็บไข้ได้ป่วยจริงไหมครับ ?
ตอบ : อาตมาเคยเจอแต่ว่าจอมปลวกขึ้นแล้วรวย จอมปลวกจะมีผี หรือบางทีก็เป็นเทวดาชั้นต่ำอาศัยอยู่ เป็นสิทธิของเขา เรียกว่าผีปลวก คราวนี้ถ้าหากว่าเรารู้จักเซ่นผีปลวก ขออะไรก็ได้เหมือนกัน เขาไม่ได้ต้องการอะไรหรอก เอาข้าวสุกสักถ้วยหนึ่ง ซอยพริกลงไปเยอะ ๆ ประเภทเผ็ดกระโดดเลย แล้วถ้ามีหมูสามชั้นต้มติดมันก็หั่น ๆ ลงไปสัก ๗-๘ ชิ้น เอาไปวางแถว ๆ จอมปลวก แล้วจุดธูปบอกกล่าว มีอะไรขอให้เขาช่วยได้ ถ้าอยู่ใกล้ ๆ บ้านนั่นแหละดี ได้ยามชั้นดีเลย ไม่ต้องจ้างพนักงานบริษัท รปภ.

เถรี
03-10-2019, 18:42
ถาม : กระผมมีอาการของจิตคล้ายจะประณีตจนเกินไป จนบางครั้งเวลาทำสมาธิหรืออาราธนาพระเครื่อง จะมีเสมือนจิตหนึ่งบอกว่ายังไม่ดีพอ เอาใหม่ เริ่มใหม่ จนบางครั้งแม้แต่จะสวดอิทธิ ฤทธิฯ ให้จบบทยังรู้สึกหนักเลยขอรับ บางครั้งวนอยู่แค่คำว่าอิท ยังไม่ถึงคำว่าธิ คำเดียวนี้อยู่หลายครั้งมากครับ กระผมอยากทราบอาการของจิตและวิธีแก้ไข ?
ตอบ : แสดงว่าเกิดเป็นพรหมมากเกินไป สภาพจิตเคยชินกับการทรงฌาน เข้าแล้วไม่ค่อยอยากจะออก เพราะว่าขาดความคล่องตัว ให้ไปซักซ้อมการออกจากสมาธิ ไม่ใช่เข้าสมาธินะ ซักซ้อมการออกจากสมาธิมาสู่อารมณ์ปกติแบบมนุษย์ทั่ว ๆ ไปให้คล่องตัวกว่านี้ แล้วจะแก้ปัญหานี้ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วจะเข้าเป็นอย่างเดียว แล้วไม่ค่อยอยากจะออกแบบนี้แหละ

เถรี
03-10-2019, 19:02
ถาม : หน่วยงานของกระผมได้รับมอบหมายให้ไปทำหน้าที่รับบาตร ในงานตักบาตรประจำวันสำคัญทางศาสนาที่ทางจังหวัดจัดขึ้น เมื่อรวบรวมข้าวสารอาหารแห้งขึ้นรถหกล้อแล้ว จะนำข้าวสารอาหารแห้งไปไว้ตามวัดที่ได้รับมอบหมาย แต่เกิดเหตุการณ์ระหว่างยกข้าวสารอาหารแห้งขึ้นรถหกล้อ ดังนี้

๑) ฆราวาสเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่บางคน สั่งพวกน้อง ๆ ในทีมว่า ให้ยกเอาข้าวสารอาหารแห้งให้หน่วยงานอื่นนี้ไปสัก ๑๐ ถุง เพราะเขามาช่วยจัดงาน จัดสถานที่
๒) ฆราวาสบางหน่วยงานก็เริ่มเดินเข้ามาขอ โดยบอกว่าได้รับอนุญาตจากฆราวาสผู้ใหญ่แล้ว ให้มาเอาได้ ๑ ถุง เพราะว่ามาช่วยงานด้านจราจร
๓) คนเร่ร่อนที่อยู่แถวนั้น ก็ฉวยโอกาสเดินเข้ามาหยิบช่วงเผลอและเข้ามาขอกันหลายถุง แต่ก็ไม่ได้ให้ไป
๔) เมื่อรถหกล้อออกเดินทางเพื่อเอาข้าวสารอาหารแห้งไปไว้ ณ โรงครัววัดต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมาย แต่ละวัดก็เอาข้าวสารอาหารแห้งให้น้อง ๆ ในทีม เอากลับมากินมาใช้ที่หน่วยงานจำนวนหลายถุง โดยไม่แน่ใจว่าพระหรือโยมเป็นคนอนุญาตให้เอากลับมากินมาใช้ที่หน่วยงาน

อยากจะสอบถาม ?

ตอบ : ไม่ต้องถาม ติดหนี้สงฆ์ทั้งพระทั้งโยม จะกี่คนก็ติดหนี้สงฆ์หมด เจตนาเขาตั้งใจทำบุญถวายวัด เขาระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าใส่บาตรเพื่อถวายวัด ถ้าวัดนั้นรับไปแล้วไม่ได้ทำการอปโลกน์ คือสมมติท่ามกลางสงฆ์ว่าให้แบ่งปันได้ แล้วพระทั้งหมดเห็นด้วย แปลว่าแม้แต่พระก็ติดหนี้สงฆ์ไปด้วย ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ...!

ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมมักจะไม่รู้ว่าการเป็นหนี้สงฆ์น่ากลัวขนาดไหน ก็มักจะเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า ญาติของพระเจ้าพิมพิสารนั้นขนาดกินของเหลือจากพระแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ได้กินอย่างเดียว ขนกลับบ้านด้วย เลยโดนหนัก เป็นเปรตอยู่ ๙๑ กัป แล้วลองคิดดูว่าท่านทั้งหลายที่ใช้ของที่เขาตั้งใจถวายพระ โดยที่ไม่ได้เป็นของเหลือ จะโดนหนักขนาดไหน ?

เถรี
03-10-2019, 19:03
ถาม : หน่วยงานราชการมีระเบียบให้เจ้าหน้าที่ที่แต่งชุดปกติขาวสวมใส่รองเท้าคัทชูเข้าไปปฏิบัติพิธีและร่วมพิธีในโบสถ์ กระผมจำใจต้องทำตามระเบียบที่สั่งออกมาจากส่วนกลาง ทั้งที่กระผมไม่อยากจะใส่รองเท้าคัทชูเข้าไปในโบสถ์เลย กรณีนี้กระผมบาปหรือไม่และต้องรับผลกรรมอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องถาม มีโทษทุกคน จะยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็เหมือนกัน เพราะว่าเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย ยิ่งใหญ่ขนาดพระเจ้าพิมพิสารยังไม่รอดเลย

เถรี
03-10-2019, 19:05
ถาม : จากที่ได้อ่านข่าวมา เห็นมีหลายข่าวที่มีการแจกเสื้อเกราะกันกระสุนให้กับเจ้าหน้าที่ที่ไปปฏิบัติภารกิจเสี่ยงภัย ให้ได้ใช้ป้องกันตัว อยากทราบว่าการแจกเสื้อเกราะกันกระสุนนั้นจะมีอานิสงส์เป็นอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ถ้าแจกตามงบประมาณของหน่วยงานไม่มีอานิสงส์อะไร แต่ถ้าเราซื้อไปให้ผลบุญก็อาจจะช่วยป้องกันอันตรายอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นแก่เราได้ เพียงแต่ว่าเรื่องอานิสงส์ต้องรอ รอจนกว่าผลบุญนั้นจะส่งผล ไม่ใช่ว่าไปแจกเขาแล้วจะได้เดี๋ยวนั้นเลย

เถรี
03-10-2019, 19:06
ถาม : จากที่พระอาจารย์ได้เคยบอกไว้ว่า การใช้คาถานั้น ถ้าเข้าถึงเคล็ดลับของคาถาได้จริง ๆ จะทำให้คาถานั้นมีผลมากขึ้น เช่น เคล็ดลับในการใช้พระคาถาเงินล้าน คือ ให้คิดว่า "ที่เราภาวนาคาถานั้นเพราะว่าเป็นของดีที่สุด ครูบาอาจารย์ให้ไว้ หน้าที่ของเราก็คือรักษาสมบัติครูบาอาจารย์ด้วยการท่องบ่นภาวนาเป็นปกติ" อยากทราบว่า พระคาถามหาสะท้อน มีเคล็ดลับในการใช้พระคาถาอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : เคล็ดลับมหาสะท้อนคือห้ามคิดร้ายคนอื่น ไม่อย่างนั้นจะซวยเอง..!

เถรี
03-10-2019, 19:13
ถาม : การเผาตัวตายเพื่อเป็นพุทธบูชาแบบนายนกและนายเรือง ที่วัดอรุณราชวราราม เป็นการหลงผิดหรือไม่ครับ เพราะเป็นการฆ่าตัวตาย ?
ตอบ : เขาตั้งใจทำถวายเป็นพุทธบูชา อย่าเอากำลังใจห่วย ๆ ของเราไปเทียบกับกำลังใจของพระโพธิสัตว์..! พระโพธิสัตว์ท่านตัดแขน ตัดขา ควักหัวใจเป็นพุทธบูชาเป็นปกติ เผาตัวเองก็เป็นพุทธบูชาอย่างหนึ่ง ไม่รู้ถึงกำลังใจพระโพธิสัตว์อย่าไปคิดว่า คาดว่า จะพาให้เกิดโทษโดยไม่รู้ตัว ยังดีว่าญาติโยมสมัยนั้นที่เข้าใจมีอยู่มาก เมื่อเห็นเขาเผาตัวก็ช่วยกัน บางคนก็ถอดเสื้อผ้าโยนลงกองไฟไปเลย เพิ่มเชื้อไฟให้เขาเผาให้สมใจไป ถ้าเป็นอาตมาคงจะไปซื้อน้ำมันให้สัก ๗-๘ ลิตร..!

เถรี
03-10-2019, 19:17
ถาม : ถ้าฆราวาสบางคนไม่สามารถถือศีลครบทุกข้อได้ตลอดเวลา จะลดหรือเลิกถือศีลช่วงระยะเวลาหนึ่งด้วยความจำเป็น ไม่ใช่เพราะความอยาก เช่น จำเป็นต้องพูดโกหกเพราะตอนนั้นสติปัญญามีไม่พอที่จะคิดหาทางอื่นที่ไม่โกหกได้ จึงทำผิดศีลข้อมุสาในตอนนั้น ภายหลังต่อจากนั้นจะไม่โกหกอีกและตั้งเจตนาถือศีลห้าครบ การทำแบบนี้จะได้อานิสงส์ผลบุญจากการถือศีลมากกว่าผู้ที่เพิกเฉย ปล่อยไปไม่ตั้งเจตนารมณ์ต่อเลยหรือไม่ ?
ตอบ : ผู้ที่รักษาศีลแล้วศีลขาด ดีกว่าผู้ที่ไม่มีศีลเลย

เถรี
03-10-2019, 19:28
ถาม : เศรษฐีโกสิยะไม่รู้สึกอะไรเลยเมื่อเห็นพระโมคคัลลานะเหาะลอยกลางอากาศและแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ในตอนแรก เป็นเพราะความงกกับความหิวบังตาในขณะนั้นหรือไม่ ?
ตอบ : ความขี้เหนียวมีอานุภาพมากกว่า เราจะเห็นว่าบุคคลแสดงอภิญญาต่อหน้าต่อตาเขายังไม่ใส่ใจเลย ตั้งใจอย่างเดียวว่าจะต้องปกป้องทรัพย์สมบัติของตัวเองด้วยชีวิต ซึ่งกำลังใจลักษณะอย่างนี้ ถ้าพลิกมุมนิดเดียวเท่านั้นก็จะเข้าถึงธรรมได้ง่ายมาก เพราะว่าเป็นกำลังใจที่เข้มแข็งมาก

ถาม : เหตุที่เศรษฐีโกสิยะมีนิสัยงก ตระหนี่ ใช้ชีวิตกินอยู่พอ ๆ กับยาจก อดอยากลำบากมาก ทั้งที่ร่ำรวยมหาศาล จะใช้ชีวิตแบบสบายก็ได้ เป็นเพราะทำกรรมใดมา ?
ตอบ : เคยได้ถวายสังฆทานโดยไม่เจตนา ในเมื่อไม่เจตนา ทั้ง ๆ ที่กำลังใจตนเองไม่คิดจะถวาย ความตระหนี่ถี่เหนียวก็ยังมีเหมือนเดิม เพราะว่าบารมีไม่ถึงที่จะสละออก แต่ทีนี้ผลบุญเดิมที่ตนเองได้เคยถวายสังฆทานแม้โดยไม่เจตนาก็ทำให้รวย แต่ก็ยังขี้เหนียวเหมือนเดิม

เถรี
03-10-2019, 19:36
ถาม : การทำกรรมทางอินเทอร์เน็ต กระแสผลกรรมจะแรงและมากกว่าปกติหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าไปถึงคนยิ่งมากเท่าไร ผลกรรมก็แรงมากเท่านั้น ถ้าอยู่ในวงแคบ ผลกรรมก็น้อยลง เพราะว่าก่อผลกระทบมากเท่าไร ส่วนที่ได้รับคืนมาก็มากเท่านั้น เป็นเรื่องปกติ

เถรี
04-10-2019, 00:21
ถาม : ไม่โกรธ ในฐานะที่ควรจะโกรธ ไม่ขัดเคือง ในฐานะที่ควรจะขัดเคือง โกรธกับขัดเคืองมีข้อสังเกตและความแตกต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : อย่างหนึ่งเป็นแค่สะเก็ดไฟที่เริ่มติด ส่วนอีกอย่างหนึ่งลุกเป็นเปลวแล้ว ขัดเคืองก็แค่หงุดหงิด ไม่พอตา ไม่พอใจ แต่โกรธนี่ออกอาการแล้ว

ถาม : ถ้าโกรธหรือขัดเคืองเกิน ๕ นาที บางครั้งหนึ่งหรือสองวันจึงจะแก้หายได้ ควรจะทำอย่างไรดี ?
ตอบ : สองวันแก้หายนี่โคตรเร็วเลย อาตมาสมัยฝึกใหม่ ๆ นี่โกรธเป็นปี..!

วิธีแก้อันดับแรกก็คือพยายามทรงสมาธิให้ได้ ถ้าสมาธิทรงตัวเราจะสามารถกดความโกรธนั้นได้ชั่วคราว แต่ถ้าเผลอเมื่อไรก็โดนงัดหงายท้องไปเหมือนเดิม

วิธีที่สองคือตั้งใจแผ่เมตตา เห็นเขาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เราจะโกรธหรือไม่โกรธเราก็ทุกข์ เราจะโกรธหรือไม่โกรธเราก็ตาย

วิธีสุดท้ายคือทำตัวเองให้หมดกิเลส ถ้าไม่มีกิเลสแล้วก็ไม่โกรธใคร

เถรี
04-10-2019, 00:42
ถาม : เวลาเทวดามาสัมผัสถูกตัวเราหรือเราไปสัมผัสถูกเทวดา ผิวพวกเขาจะคล้ายกับผิวเนื้อมนุษย์เรามากหรือไม่ ?
ตอบ : เท่าที่อาตมาโดนมาก็คล้าย ๆ กัน แต่สำคัญตรงที่ว่าถ้าตั้งใจจะมองไม่เห็น แต่ถ้าไม่ตั้งใจจะเห็นชัด ๆ เลย

ถาม : กรณีแบบนี้เกิดจากเขาปรับจูนคลื่นมาให้เรารับรู้ใช่ไหม ?
ตอบ : ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนั้น ถ้าเราเป็นฝ่ายปรับไปมักจะไม่ชัดเจน

เถรี
04-10-2019, 21:40
ถาม : ผมอยากถามหลวงพ่อเรื่องของโหงวเฮ้งกับหลักการของศาสนาพุทธ ผมขอยกตัวอย่างเจ้าชายสิทธัตถะที่ถูกทำนายจากโกณฑัญญพราหมณ์ด้วยการดูมหาบุรุษลักษณะ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือดูโหงวเฮ้งของเจ้าชายสิทธัตถะ และท่านก็ได้ทำนายว่าเจ้าชายสิทธัตถะจะได้เป็นศาสดาเอกของโลก ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง

แต่ในขณะเดียวกันที่เจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้ เป็นเพราะพระท่านได้บำเพ็ญบารมีมาเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้า คำถามคือ ผมสงสัยว่าโหงวเฮ้งสามารถกำหนดชะตาชีวิตของคนได้เลยหรือครับ ?

ตอบ : โหงวเฮ้งส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของเราเอง จะทำดีจะทำชั่วก็ตาม ถึงเวลาจะแสดงออก ในเมื่อแสดงออกมาชัดเจน ถึงวาระเหล่านั้นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ย่อมส่งผล คราวนี้บุคคลที่มีสภาพจิตละเอียด ศึกษามาดีไม่ว่าจะทางโลกหรือทางธรรม ทางโลกคือตำรา ทางธรรมคือศึกษาภายใน ก็สามารถที่จะเข้าถึงได้มากกว่าพวกเรา กำหนดรู้ในส่วนของยถากัมมุตตาญาณได้ชัดเจน ก็สามารถจะบอกได้ว่าแต่ละวาระจะเกิดอะไรขึ้น

เถรี
04-10-2019, 21:47
ถาม : คนสูงอายุที่จำเป็นต้องศัลยกรรมเนื่องจากเกิดความลำบากในการดำรงชีวิต เช่น หนังตาตก ขนตายาวเข้าไปในตา ทำให้เกิดระคายเคืองตาเป็นประจำ จึงไปยกหนังตาขึ้น ทำให้โหงวเฮ้งบางส่วนเปลี่ยนไป จะมีทางป้องกันการเกิดผลไม่ดีจากเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ถ้าบริเวณตา อายุเกิน ๔๐ ก็ไม่เป็นไร อยากจะทำอะไรก็ทำไป

เถรี
04-10-2019, 21:49
ถาม : แมวดำได้มาอาศัยอยู่หลังบ้าน ผมไล่ต้อนเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตู แมววิ่งไปมาเข้าไปในซอกหลืบสิ่งของ หาอย่างไรก็ไม่เจอ ปรากฏว่าผมไปเจอข้างนอกประตู แบบนี้เรียกว่า กัมมวิปากชาฤทธิ์ หรือไม่ครับ ?
ตอบ : อาจจะโดนผีหลอกโดยไม่รู้ตัวก็ได้ หรือไม่อาจจะมีซอกหลืบที่เราคิดว่าเขาออกไม่ได้ พวกสัตว์ต่าง ๆ ถ้าหัวออกได้ ตัวใหญ่แค่ไหนก็ออกได้ เพราะว่าเขาสามารถที่จะขยับกระดูกส่วนอื่นที่เล็กกว่าหัว บีบตัวให้ออกจากช่องเหล่านั้นได้

เถรี
04-10-2019, 22:24
ถาม : ผมติดเกณฑ์ทหารที่ เพชรบุรี - ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งไกลมากกับอุดรธานี ผมควรทำบุญอะไรให้เจ้าที่ที่นั้นพอใจปกปักรักษาครับ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็ไม่ยาก ก็ตั้งใจถวายสังฆทานอุทิศให้กับท่าน แล้วก็หมั่นใช้ปิยวาจากับครูฝึก โดยเฉพาะว่าสั่งอะไรจงรีบทำ อย่ามีข้อแม้

เถรี
04-10-2019, 22:28
ถาม : ตำนานของหมู่บ้าน เขาบอกว่าคำชะโนด คือ ที่ตั้งของพรหมประกายโลก เป็นตามตำนานหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ต้องไปถามเขา ตำนาน...บางทีตำมากไปก็ละเอียดไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

เถรี
04-10-2019, 22:30
ถาม : บุคคลผู้ใช้อาโปกสิณ เสกน้ำดื่มถวายเป็นสังฆทาน กับบุคคลที่ถวายสังฆทานด้วยน้ำดื่มที่ไม่ได้ใช้กสิณเสกขึ้นนั้น อานิสงส์ของบุคคลทั้ง ๒ จะแตกต่างกันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อานิสงส์เหมือนกัน เพียงแต่ว่าคนที่ถวายน้ำดื่มปกติ จะลำบากกว่าในการไปหามา

เถรี
04-10-2019, 22:37
ถาม : ผมได้พยายามเจริญอากาสกสิณ เพราะชอบในความเบาสบายของอารมณ์นั้น จนกระทั่งผมได้อ่านการเจริญเมตตาเจโตวิมุตติ ขณะที่อ่านไปนั้น ใจก็เผลอทำตามไปอย่างนั้น คือได้แผ่เมตตาออกจากจิตไปในทุกทิศทางโดยไม่มีประมาณ ความเบาสบายนั้นคล้ายกับการทำอากาสกสิณแต่เบาสบายกว่ามาก จากนั้นดึงจิตกลับมาที่ลมหายใจเข้าออก ความเบาสบายคงอยู่ จิตตั้งมั่นเป็นกลาง แต่พบว่าเมื่อดึงจิตกลับมาที่ลมหายใจ มีก้อนอะไรเล็ก ๆ ค้างอยู่กลางอก เหมือนยังมีอะไรค้างคาอยู่ ผมไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อไปครับ ?
ตอบ : จะดึงกลับมาทำอะไร ความจริงเขาให้ปล่อยจนกว่าจะคลายอารมณ์ออกมาเอง คราวนี้เราดึงกลับมาแปลว่าต้องรักษากำลังใจอยู่ในระดับใดระดับหนึ่ง ซึ่งระดับนั้นบางทีหยาบกว่ากำลังใจที่เราส่งออก ทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ แต่ความจริงก็คือระดับของสมาธินั้น ๆ ถ้ามีความชำนาญเราจะกำหนดได้ว่าอยู่ในฌานระดับไหน

เถรี
04-10-2019, 22:43
ถาม : การที่เราจะสอนเด็ก เช่น น้องเรา ญาติ หรือเด็กนักเรียน เราจะสอนพวกเขาอย่างไรครับ เพื่อที่เขาจะได้รู้จักดีชั่ว เข้มแข็ง และมีสติเมื่อต้องเจอกับความจริงที่ว่าโลกภายนอกนั้นโหดร้ายกว่าที่คิด ?
ตอบ : พยายามให้เขาทำสมาธิเอาไว้ ขณะเดียวกันก็พยายามชี้แจงให้เห็นสภาพความจริงที่เต็มไปด้วยความเป็นทุกข์ เป็นของน่ากลัวของโลกนี้ แต่คิดว่าเด็กสมัยนี้คงมีไม่กี่คนที่ฟังหรอก

เถรี
04-10-2019, 22:45
ถาม : ในชีวิตประจำวันคนเราอาจจะเคยได้สมาธิถึงอุปจารสมาธิอยู่บ่อย ๆ แต่อาจจะไม่รู้ตัว อยากทราบว่าในกิจวัตรประจำวันของคนทั่วไป ตอนไหนที่จิตมักจะเป็นอุปจารสมาธิบ่อยที่สุดครับ ?
ตอบ : ตอนถ่ายขี้..! ตั้งใจแต่ไม่มาก ถ้าตั้งใจมากเกินไปจะไม่เป็น ตอนกิน ตอนนอน ตอนช่วงเผลอ ตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งใจโทรศัพท์หาเพื่อน จังหวะนั้นนิดเดียวจะเป็นอุปจารสมาธิ

เถรี
04-10-2019, 22:59
ถาม : การตั้งอารมณ์ที่ว่า ดับวิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จัดเข้ากรรมฐานกองใดกองหนึ่งหรือไม่ครับ ?
ตอบ : คำว่า วิญญาณ ในที่นี้คือความรู้สึก ความรู้สึกไม่สามารถจะดับได้ เพียงแต่ว่าเราสามารถใช้อำนาจจิตของเราควบคุมไม่ให้ปรุงแต่งไปตาม รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่เกิดขึ้น ฉะนั้น..การที่บอกว่าดับวิญญาณเป็นศัพท์เฉพาะของเขา ต้องถามเขาด้วยว่าหมายถึงอะไร

เถรี
04-10-2019, 23:00
ถาม : สัญญาวิราคะภาวนา มีวิธีภาวนาต่างรูปฌานปกติอย่างไร และอารมณ์ต่างจากอรูปฌานอย่างไรครับ ?
ตอบ : เป็นเรื่องของพระอริยเจ้า ยังไม่ต้องเสือกไปทะลึ่งกับท่าน..!

เถรี
04-10-2019, 23:02
ถาม : การเลือกกรรมฐานกองกรรมฐานให้เหมาะสำหรับบุคคล มีหลักในการเลือกอย่างไรครับ ?
ตอบ : ชอบกองไหนมากที่สุด ทำกองนั้น

เถรี
04-10-2019, 23:05
ถาม : มีคนฝากทำบุญมา ๑๐๐ บาท โดยเขาบอกว่าขอร่วมสร้างพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ ที่วัดท่าขนุน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและชำระหนี้สงฆ์ แบบนี้จะมีอานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์ด้วยไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าความสูงไม่ถึง ความกว้างไม่ถึง ถวายให้ตายก็ไม่มีอานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์ ถ้าถามว่าความสูงของพระยืนนั้นเท่าไร ? ก็ประมาณสองเท่าครึ่งของพระนั่ง อย่างเช่นจะสร้างพระชำระหนี้สงฆ์หน้าตัก ๔ ศอก ก็ต้องสร้างพระยืนอย่างน้อย ๑๐ ศอก ใช้ทองขนาดนั้น อาตมาไม่มีปัญญาหรอก

เถรี
04-10-2019, 23:08
ถาม : ผมเป็นพ่อครัวขนมหวานครับ สูตรขนมหลายชนิดมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม ด้วยจรรยาบรรณผมต้องชิมรสแล้วค่อยไปบ้วนทิ้ง ตั้งใจด้วยว่า "เราประกอบสัมมาอาชีพด้วยความเคารพในพระรัตนตรัย" ส่วนขนมปังมีเหล้าผสมเช่นกันแต่ผ่านการอบด้วยความร้อนสูง คิดว่าแอลกอฮอล์คงจะระเหยไปผมจึงกินเพราะงานหนักจนไม่มีเวลาไปกินข้าว อยากทราบว่าผมยังรักษายันต์เกราะเพชรไว้ได้ด้วยความเคร่งครัดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าถามถึงเคร่งครัดก็หาความเคร่งครัดไม่ได้ ถ้าเป็นพระก็ประมาทจนเกินไป เรียกว่ารู้แล้วขืนทำ ถ้าสักแต่ชิมแล้วบ้วนทิ้งก็ไม่มีอะไร แต่ถ้ากินลงไป มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่แม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียวก็ถือว่าซวย

เถรี
04-10-2019, 23:11
ถาม : โยมนับถือศาสนาพุทธ ภรรยานับถือศาสนาคริสต์ ต่างพยายามสอนลูกชาย ให้นับถือศาสนาที่ตนศรัทธา จนเป็นเหตุให้ขัดใจกัน โยมควรทำอย่างไรให้ลูกชายโน้มเอียงไปทางพระพุทธศาสนาได้สำเร็จ โดยไม่มีปัญหาครอบครัวครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าโง่ ศาสนาพุทธกับคริสต์ไม่มีอะไรขัดกันแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่ศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่อยู่แค่ทาน ศีลเท่านั้น ภาวนาก็มีแค่ขั้นต้น เราก็ปล่อยให้ลูกนับถือศาสนาคริสต์ไปให้เต็มที่ แต่ก็สอนภาวนาพุทโธไปด้วยก็จบแล้ว

เถรี
04-10-2019, 23:13
ถาม : พระเลียนแบบ (พระไม่แท้) สามารถนำไปบรรจุกรุตามวัดได้หรือไม่ จะเป็นคุณหรือโทษประการใดครับ ?
ตอบ : ถ้าหากตั้งใจบรรจุเป็นพุทธบูชาเพื่อต่อพระพุทธศาสนา จะแท้หรือไม่แท้ ก็ใช้ได้เหมือนกันหมด

เถรี
04-10-2019, 23:19
ถาม : ถ้าหากว่ามีคนฝากเงินเราไปบุญอะไรก็ได้โดยไม่ได้เจาะจงว่าเป็นบุญอะไร แล้วเราเอาเงินของเขานั้นร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมโดยที่เขาไม่รู้ว่าเราเอาเงินของเขานั้นไปสร้างสมเด็จองค์ปฐม ไม่ทราบว่าเขาจะได้อานิสงส์การสร้างสมเด็จองค์ปฐมทำให้ไม่ตกนรกชาตินี้ได้หรือไม่ ?
ตอบ : ถ้ามีส่วนของเขา อานิสงส์นั้นก็ได้ แต่คำว่าไม่ตกนรกในชาตินี้ก็ต้องดูด้วย ถ้ากำลังใจของเราประคับประคองไม่เป็น เผลอไปเกาะในส่วนของอกุศลกรรมหนักตอนใกล้ตาย ก็มีหวังซวยเหมือนกัน

ฉะนั้น...การที่จะประคับประคองกำลังใจของเรานั้น จะต้องตั้งใจปฏิบัติให้ตัวเองเกิดความเคยชินในการเกาะความดี อย่าไปหวังว่าสิ่งภายนอกจะช่วยประคับประคองให้เรารอดจากนรก เพราะว่าถ้าใจเราไม่เกาะความดีจริง ๆ ยังมีสิทธิ์ลงได้เหมือนกัน

เถรี
04-10-2019, 23:20
ถาม : การที่เราเอาเงินบริจาคที่โรงพยาบาลสงฆ์ ถือว่าเป็นการทำสังฆทานไปในตัวด้วยหรือไม่ เพราะเป็นการสงเคราะห์พระสงฆ์หมู่มากแบบไม่เจาะจงด้วยเช่นเดียวกัน ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจบริจาคเป็นส่วนรวมก็ถือว่าเป็นสังฆทานอยู่แล้ว

เถรี
04-10-2019, 23:22
ถาม : การที่เราตั้งใจรักษาศีล ๘ แต่ทำได้ไม่บริสุทธิ์เช่น รักษาศีล ๕ ตามด้วยกินข้าวมื้อเดียวไม่เกินเที่ยง ไม่นอนบนที่สูงยัดด้วยนุ่น ไม่แต่งหน้า แต่ยังดูหนังฟังเพลงตามปกติ กับการตั้งใจรักษาศีล ๕ อย่างเดียวให้บริสุทธิ์ไปเลยอย่างไหนจะดีกว่ากัน ?
ตอบ : ศีล ๘ ดีกว่า เพราะว่าศีล ๘ มากกว่า ๕ สมมติว่าคนทั่วไปมีเงิน ๕ ล้าน เรามีเงิน ๘ ล้าน ถ้าเงินลดเหลือ ๗ ล้าน ยังมากกว่า ๕ ล้านหรือเปล่า ?

เถรี
04-10-2019, 23:24
ถาม : อยากทราบอุปเท่ห์ของการสร้างพระมเหศวรครับ ทำไมถึงทำพระกลับด้านกัน มีที่มาที่ไปอย่างไรครับ ?
ตอบ : มเหศวรก็คือมหาสะท้อน หมายความว่าใครทำดีก็ดีตอบ ใครทำชั่วชั่วตอบชอบสนอง เป็นกำลังใจที่ก้ำกึ่งระหว่างดีกับชั่วเหมือนกัน

เถรี
04-10-2019, 23:26
ถาม : รู้ลมสงบแต่ไม่สบาย เกิดจากอะไรครับ ?
ตอบ : เกิดจากสมาธิไม่ลึกพอ ขณะเดียวกันสภาพจิตของตัวเองยังอยากสงบมากเกินไป ทำให้ยังฟุ้งซ่านอยู่ เรามีหน้าที่ภาวนา จะสงบหรือไม่สงบปล่อยตามวาระของเขา ถ้าเราพยายามที่จะไปเอาให้สงบให้ได้ กดจิตของตัวเองมาก ๆ เข้าจะยิ่งฟุ้งซ่านขึ้น

เถรี
04-10-2019, 23:27
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนกันยายน ๒๕๖๒ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี เผือกน้อย นายกระรอก และรัตนาวุธ