เข้าระบบ

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒


เถรี
02-06-2019, 19:51
ถาม : ผมเก็บผ้ายันต์ต่าง ๆ เอาไว้ เช่น ผ้ายันต์เกราะเพชร ผ้ายันต์พิชัยสงคราม นาน ๆ จะเปิดดูสักครั้ง ปรากฏว่าผ้ายันต์มีรอยสัตว์กัดแทะ ไม่ทราบว่าผ้ายันต์ที่มีรอยนั้นจะมีอานุภาพเหมือนเดิมไหม เพราะบางผืนแหว่งหายไปเกือบครึ่งผืนเลยครับ ?
ตอบ : น่าจะแหว่งไปตามรอยกัดกระมัง..? พุทธานุภาพเหมือนเดิมทุกประการ โดยเฉพาะธงมหาพิชัยสงคราม สมัยยังไม่ได้บวช หลวงตาวัชรชัยแค่เอาเชือกผูกธงไปล้อเล่นหน่อยเดียว ปลิวติดข้างฝาเลย..! ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรเข้า ? เพราะฉะนั้น..ขอให้มีเหลือก็เป็นอันว่าใช้ได้

เถรี
02-06-2019, 19:53
ถาม : แหวนจักรพรรดิตัวเรือนเงินแท้ กับแหวนจักรพรรดิโลหะชุบทอง อย่างไหนมีอานุภาพมากกว่ากันครับ ?
ตอบ : เหมือนกัน เพราะว่าแหวนจักรพรรดิที่สำคัญก็คือหัวแหวน ในเมื่อหัวแหวนเป็นวัสดุอย่างเดียวกันก็ย่อมต้องมีอานุภาพเหมือนกัน ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเรือน

เถรี
02-06-2019, 19:58
ถาม : คนที่บ้านเป็นโรคนอนไม่หลับหลายคน เป็นกรรมเก่าที่ทำร่วมกันมาใช่ไหมครับ ?
ตอบ : จะเรียกว่าเป็นกรรมเก่าก็ใช่ วิธีแก้ง่ายที่สุดแต่ไม่แก้กัน อันดับแรก...มื้อเย็นหาแกงขี้เหล็กมากินก็ได้ ถ้าหาแกงขี้เหล็กไม่ได้ก็มะเขือ จะเป็นผัด เป็นต้ม เป็นแกงอย่างไรก็ได้ กินไปเยอะ ๆ อาหารพวกนี้มีสารช่วยให้หลับ แสดงว่าไม่เคยลองกันเลย

ถ้าหากว่าหมดท่าจริง ๆ ก็ไมยราบ แต่เป็นไมยราบที่เรียกอีกอย่างว่า "กระทืบยอบ" ต้นสีม่วงแดงมีหนาม ถอนมาสัก ๓-๔ ต้น ทั้งต้นทั้งราก ทั้งใบทั้งดอก ล้างให้สะอาดใส่ลงไปแล้วก็ต้มน้ำหม้อใหญ่ ๆ กินแทนน้ำ คราวนี้ถ้าหลับไม่ค่อยจะตื่นก็ห้ามบ่นนะ

เถรี
02-06-2019, 20:30
ถาม : ผมอ่านเรื่องในสมัยพุทธกาลที่มีนายพรานถือหอกอยู่เดินสวนกับพระ นายพรานกะจะโยนหอกทิ้งเพื่อไม่ให้พระท่านกลัว แต่ดันไปโดนพระและพระท่านมรณภาพ เขาบอกว่าเป็นเพราะในอดีตชาติ พระกับนายพรานเคยมีเวรมีกรรมกันมาก่อน อยากทราบว่า ถ้าจะป้องกันไม่ให้เวรกรรมแบบนี้เกิดต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องเกิด รีบไปพระนิพพาน ถ้าเกิดเมื่อไรก็โดนเมื่อนั้นแหละ พระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ด้วย ต่างคนต่างเดินป่ามา มองเห็นกันตรงทางโค้ง สมัยก่อนเขาเชื่อว่านักบวชหัวโล้นคือตัวกาลกิณี พระท่านก็เกรงใจว่า ถ้านายพรานเจอตัวกาลกิณีจะหากินไม่ได้ ถ้ามากล่าวโทษท่านเขาก็จะเป็นบาป ท่านก็เลยหลบไปซ่อนในพุ่มไม้ ส่วนนายพรานเดินไปแถว ๆ นั้นก็คิดว่า เมื่อครู่นี้เราเห็นสมณะ ถ้าถืออาวุธไปท่านก็อาจจะรู้สึกไม่ดี เพราะว่าท่านเป็นผู้มีบาปอันลอยแล้ว ก็เลยเอาหอกพุ่งเข้าไปในพุ่มไม้เพื่อที่จะซ่อนเอาไว้ รอให้พระเดินผ่านไป แล้วค่อยเก็บขึ้นมาใหม่ ปรากฏว่าพระท่านหลบอยู่ในพุ่มไม้นั่นพอดี เรียกว่าเวรกรรมจัดสรร..! โดนอนันตริยกรรมไปตามระเบียบ

เถรี
02-06-2019, 21:34
ถาม : ถ้าเราอโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร โดยที่เจ้ากรรมนายเวรไม่ได้มาขอร้อง อยากทราบว่าจะมีผลอะไรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่มีผลอะไรเลย เพราะว่าการอโหสิกรรมก็คือ การโจทย์และจำเลยทั้งสองฝ่ายต้องมาอยู่ต่อหน้ากัน เอ่ยปากอโหสิกรรมต่อกัน ต่างฝ่ายต่างยกโทษให้กันจึงจะมีผล คุณไปเอ่ยอยู่ฝ่ายเดียว ก็เหมือนกับฝ่ายเราตัดโซ่ตรวนออก แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเลิก ก็ตามจองเวรไปเรื่อยนั่นแหละ

เถรี
02-06-2019, 22:02
ถาม : อุปฆาตกรรมเป็นกรรมตัดรอนและเป็นกรรมที่ร้ายแรงมาก ในสมัยพุทธกาลก็มีเด็กที่โดนอุปฆาตกรรมจะมาตัดชีวิต และจะตายในอีกไม่กี่วัน แต่พระพุทธเจ้าและพระสาวกท่านมาสวดมนต์ ๗ วันแล้วเด็กก็รอด และบวชเป็นพระอรหันต์จนอายุ ๑๒๐ ปี ผมอยากทราบว่าที่พระท่านสวด อุปฆาตกรรมนั้นได้หมดไป หรือว่าแค่เลื่อนวาระครับ ?
ตอบ : อุปฆาตกรรม...ถ้าถึงวาระก็จะสนอง ถ้าพ้นวาระไปแล้วก็พ้นไป คราวนี้ตอนช่วงนั้นพระท่านอยู่ ก็เลยทำให้วาระกรรมช่วงนั้นไม่สามารถที่จะสนองท่านได้ เมื่อเวลาเลยไปแล้วก็จบกัน

เถรี
02-06-2019, 22:23
ถาม : การคิดดีหรือคิดชั่ว จัดเป็นมโนกรรมทั้งหมด อยากทราบว่า ถ้าเราแค่คิดแต่ไม่ได้ทำ ไม่ได้พูด จะได้รับผลกรรมของการคิดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ได้ทันที เพราะว่าจิตเศร้าหมอง ถ้าตายตอนนั้นมีสิทธิ์ไปอบายภูมิ

ถาม : แล้วถ้าผมคิดว่าจะสร้างพระพุทธรูปทำด้วยเพชรใหญ่เท่าภูเขา และจะสร้างวัด สร้างโรงเรียน อยากทราบว่าผมจะได้รับอานิสงส์ของการคิดในด้านดีหรือเปล่าครับ หรือได้แค่จิตใจเป็นกุศล ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจคิดจะเอากุศลถือว่าคิดชั่ว..! เพราะว่าเป็นโลภเจตนา อยากได้กุศลแล้วก็คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยโดยไม่ได้ทำ สิ่งที่คิดเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คุณต้องเข้าใจด้วยว่าสิ่งที่คิดต้องเป็นไปได้ด้วย จึงจะเป็นกุศล

กำลังฟุ้งอยู่ตอนนั้น อาจจะได้ยินเสียงถามว่า “เจ้าเป็นอะไรตาย ?” แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นยังมีโอกาสรอดอบายภูมิสูงมาก เพราะว่าพระยายมท่านสอบถามละเอียดจริง ๆ อย่างน้อยเราน่าจะคิดออกว่าทำความดีอะไรมาบ้าง

เถรี
05-06-2019, 08:42
ถาม : อาสันนกรรม คือกรรมที่จะให้ผลในช่วงที่ใกล้จะตาย อยากทราบว่า การกระทำแบบไหนถึงเป็นอาสันนกรรมครับ ?
ตอบ : ทุกประเภทของกรรมที่วาระนั้นมาถึงพอดี จัดเป็นอาสันนกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะกรรมดีหรือกรรมชั่ว วิธีที่จะพ้นจากอาสันนกรรมได้ก็คือต้องทรงจิตชนิดที่มีความคล่องตัวสูงมาก พูดง่าย ๆ ก็คือสามารถทรงสมาธิได้ทุกเวลาที่ต้องการ โอกาสที่จะพ้นถึงจะมีได้ แต่บางคนทรงสมาธิจิตอยู่ กำลังต่ำไปนิดเดียวก็ยังโดนกรรมแกล้งจนหลุด แล้วก็โดนอาสันนกรรมครอบงำได้ เพราะฉะนั้น..โปรดระวังให้ดี ใครที่คิดว่าตนเองดีแล้ว โอกาสรอดยังน้อยมาก

เถรี
05-06-2019, 08:49
ถาม : ถ้าเราทำกรรมไม่ว่าจะด้านดีหรือชั่ว วาระกรรมจะส่งผลเร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับเจตนาว่าตั้งใจมากน้อยเพียงใด ผมเข้าใจถูกไหมครับ ?
ตอบ : เป็นแค่ส่วนเดียว สำคัญว่ากรรมที่คุณทำเป็นกรรมหนักหรือกรรมเบา ถ้าเป็นกรรมหนักที่เขาเรียกว่า ครุกรรม ก็ให้ผลเร็ว ถ้าเป็นกรรมเบาที่เรียก พหุลกรรม ก็ให้ผลช้า เพราะว่ากรรมมีอยู่ทั้งหมด ๔ หมวด ๑๒ ประเภท ถ้าต้องการจะศึกษาไปดูในกรรมทีปนีของหลวงพ่อวิลาศ ญาณวโร วัดยานนาวาก็ได้ รู้สึกสมณศักดิ์สุดท้ายของท่านคือพระพรหมโมลี

เถรี
05-06-2019, 08:58
ถาม : ผมอ่านหนังสือและดูสารคดีต่างประเทศชื่อว่า Top secret เขาบอกว่า ถ้าอยากได้อะไรสักอย่าง ให้มโนภาพไว้ เช่น ถ้าอยากรวย ก็มโนภาพว่าเรามีเงินมีทอง แล้วก็มีตัวอย่างว่ามีหลายคนทำแบบนี้และรวยตามที่สารคดีบอก แต่ผมยังไม่เชื่อเพราะอาจเป็นหน้าม้าก็ได้ ในสารคดีอธิบายว่า มีพลังงานจักรวาลสามารถตอบรับพลังด้านบวกของความคิดได้ ผมลองเอาไปเปรียบเทียบกับพระพุทธศาสนาที่บอกว่า ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ ถ้าใจผ่องใสแล้ว จะพูดก็ตาม จะทำก็ตาม ความสุขย่อมติดตามไป เหมือนเงาตามตัว ฉะนั้น ทฤษฎีของฝรั่งนี้เป็นไปได้ใช่ไหมครับ หรือว่ามีเรื่องของบุญเก่ามาเกี่ยวด้วยครับ ?
ตอบ : มีเรื่องของบุญเก่ามาเกี่ยวด้วย ถ้าคุณคิดอยู่อย่างเดียว โดยไม่มีส่วนประกอบของปุพเพกตปุญญตา คือบุญเดิมที่เคยสร้างไว้ คิดให้ตายก็ไม่สำเร็จ ตามที่คุณบอกมาว่า มีบางคนที่คิดแล้วประสบความสำเร็จ ถ้าทฤษฎีนี้เป็นจริง “ต้องทุกคนคิดแล้วประสบความสำเร็จ” ก็แปลว่าทุกคนที่คิดแล้วประสบความสำเร็จ เพราะว่ามีทานบารมีเก่ารองรับอยู่ ถึงวาระแล้วทานนั้นให้ผล เพราะว่ากำลังใจของเรามุ่งมั่น แต่ถ้าไม่มีส่วนของทานบารมีอยู่ ก็จะไปให้ผลในด้านอื่นแทน

เถรี
05-06-2019, 20:27
ถาม : ผมฝึกดูลมหายใจเข้าออก ตอนจิตอยู่อุปจารสมาธิก็ได้ยินเสียงที่ไม่ใช่ภาษาคน แต่ผมไม่เห็นเจ้าของเสียง แค่ได้ยินเฉย ๆ แปลว่าผมไม่มีทิพจักขุญาณหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็นทิพโสตญาณแทน

เถรี
05-06-2019, 20:41
ถาม : การเข้าถึงอุปจารสมาธิของแต่ละกรรมฐาน สามารถเห็นผีเห็นเทวดา ได้ทั้งหมดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ได้เฉพาะในส่วนของกสิณบางกอง เช่น เตโชกสิณ คือ กสิณไฟ โอทาตกสิณ คือ กสิณสีขาว อาโลกกสิณ คือ กสิณแสงสว่าง หรือถ้าบุคคลนั้นเคยมีพื้นฐานทิพจักขุญาณมาจากด้านอื่น ๆ ถ้าอารมณ์ใจทรงตัว ก็จะสามารถรู้เห็นได้

เถรี
05-06-2019, 20:45
ถาม : บางครั้งผมมีความรู้สึกว่าอารมณ์ชั่ว และอารมณ์ที่ทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน กำลังเข้ามาหาเรา ถ้าสติผมรู้เท่าทัน ก็สามารถต่อต้านไม่ให้เก็บมาคิด เพราะรู้ว่าจะทำให้ฟุ้งซ่าน พอฟุ้งซ่านแล้วจิตใจไม่สงบ พอไม่สงบก็จะคิดไปไม่มีจุดจบ บางครั้งผมรู้ตัวช้า ก็หยุดคิดแล้วทำอานาปานสติควบกับมรณานุสติ อยากทราบว่าอาการที่ผมเล่ามา มีวิธีแก้ถาวรแบบไม่ต้องเจออารมณ์พวกนี้อีกไหมครับ ?
ตอบ : พยายามปฏิบัติให้ถึงสังขารุเปกขาญาณ ถ้าปฏิบัติถึงตรงจุดนั้น สติ สมาธิ ปัญญาที่ทรงตัว โดยเฉพาะตัวปัญญา รู้ว่าสิ่งใดคิดแล้วจะเกิดโทษ สิ่งใดคิดแล้วจะเกิดประโยชน์ ก็จะเลือกรับแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ วางในส่วนที่เป็นโทษ หรือถ้าอยากอยู่ในสุขวิหาร ก็ปล่อยวางทั้งในสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่เป็นโทษเลย โดยไม่ปรุงแต่งใด ๆ ก็แปลว่าต้องเป็นพระอริยเจ้าระดับสูงทีเดียว

เถรี
05-06-2019, 21:11
ถาม : พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า ไฟคือราคะ โทสะ และโมหะ ตอนนั้นผมคิดว่าพระองค์ท่านอุปมาเปรียบเทียบเฉย ๆ แต่หลังจากทำสมาธิและได้ทรงฌาน ๑ ครั้งแรกมันสุขมาก จิตใจเบามาก ตอนนั้นเลยเข้าใจว่า พระพุทธองค์ไม่ได้เปรียบเทียบแต่พูดจริง ๆ คำถามคือ พระอรหันต์ท่านตัดกิเลส ดับไฟกิเลสหมดแล้ว เวลาท่านไม่เข้าฌานสมาบัติ ท่านรู้สึกสุขมากกว่าการเข้าฌานหรือเปล่า หรือว่าท่านเข้าฌานเป็นปกติครับ ?
ตอบ : พระอรหันต์ต่อให้ไม่เข้าฌาน สภาพจิตก็เว้นจากการปรุงแต่งแล้ว ไฟรัก โลภ โกรธ หลง ดับหมดแล้ว แต่ด้วยความที่ท่านทรงความไม่ประมาทเป็นปกติ ก็ยังคงใช้อานาปานสติคือประกอบด้วยฌานเป็นปกติ พูดง่าย ๆ ก็คือ กำลังของฌานสามารถกดกิเลสเบื้องต้นได้อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านก็เลยไม่ยอมเว้นจากฌาน เพราะว่าไม่ประมาท ถ้าถามว่าพระอรหันต์สุกขวิปัสสโกทรงฌานได้หรือ ? ขอยืนยันว่าพระอริยเจ้าทุกระดับทุกรูปแบบต้องทรงฌานได้ ไม่อย่างนั้นแล้วกำลังจะไม่พอในการตัดกิเลส แต่เป็นการทรงฌานที่บางทีท่านก็ไม่รู้ตัว

เถรี
05-06-2019, 21:17
ถาม : พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณท่านชอบเข้านิโรธสมาบัติเป็นปกติ เพื่อเสวยสุข เพื่อสงเคราะห์ญาติโยม อยากทราบว่า นิโรธสมาบัติกับฌานในสมาบัติ ๘ ในแง่ของความสุข อันไหนสุขกว่ากันครับ ?
ตอบ : นิโรธสมาบัติหยุดจากการปรุงแต่งทั้งปวง เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สัญญาเวยิตนิโรธ ก็แปลว่าปล่อยวางโดยสิ้นเชิง ส่วนในเรื่องของอรูปฌาน แม้จะเป็นในสัญญาเนวสัญญายตนฌานก็ตาม ต้องใช้กำลังของฌานกดกิเลสเอาไว้ จึงจะเข้าถึงความสุข จัดเป็นวิกขัมภนวิมุติ คือการหลุดพ้นโดยใช้กำลังฌานข่มเอาไว้ ดังนั้น...ในส่วนนี้ต่างกันมหาศาล คนหนึ่งต้องนั่งทับเอาไว้ อีกคนไม่ต้องทำอะไรแล้ว สบายกว่ากันเยอะเลย

เถรี
05-06-2019, 21:42
ถาม : ๑ ในสัปปายะ ๗ คือ การได้กินอาหารที่เหมาะสม อยากทราบว่า พอจะมีอาหารอะไรที่กินแล้วช่วยส่งผลให้การปฏิบัติก้าวหน้าไหมครับ ?
ตอบ : พระกระโดดกำแพง..! อาหารทุกอย่างต้องดูว่าเหมาะกับธาตุขันธ์ของตนเองหรือไม่ อาตมาอยู่ภาคอีสานไม่ได้ เพราะว่าแพ้ข้าวเหนียว ฉันเข้าไปแล้วร้อนในปากพองเลย ฉะนั้น...อาหารแต่ละอย่างขึ้นอยู่กับธาตุขันธ์ของตน ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนไป ในส่วนที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ โภชเนมัตตัญญุตาจึงสำคัญที่สุด ต้องรู้ประมาณในการกิน กินล้นกินเกินเมื่อไร ต่อให้อาหารเหมาะกับธาตุขันธ์เพียงใดก็เกิดโทษได้

เถรี
06-06-2019, 20:28
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดที่จองบูชาบาตรน้ำมนต์ฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมา ถ้าไปวัดก็ไปรับที่วัดได้ เพราะว่าจะเสกครั้งสุดท้ายวันที่ ๑๖ มิถุนายนนี้ ช่วงงานสืบชะตาหลวง”

เถรี
06-06-2019, 20:42
ถาม : ถ้ามีนักบวชทำอาบัติร้ายแรงอย่างปาราชิก หรือสังฆาทิเสส แต่ไม่มีใครสามารถพิสูจน์หรือมีหลักฐานว่านักบวชองค์นั้นผิด อยากทราบว่า ในด้านการปกครองสงฆ์ ท่านทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไป แต่ในเรื่องของทางธรรม ทันทีที่ทำโทษก็เกิดแล้ว

ในส่วนนี้ต้องชื่นชมพระสมัยโบราณ โดยเฉพาะในสมัยพุทธกาล เราก็รู้ว่าแขกแต่ละคนกะล่อนขนาดไหน ถึงขนาดมีภาษิตว่า ถ้าเจองูกับแขก ให้ตีแขกก่อน แต่เมื่อท่านทั้งหลายเหล่านี้เป็นนักบวชแล้ว มีความตรงไปตรงมามาก ถึงเวลาทำผิด พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "ดูก่อน..โมฆบุรุษ เธอทำอย่างนั้นจริงหรือ ?" "จริงพระเจ้าข้า" ยอมรับตรง ๆ

แต่สมัยนี้ต่อให้ทำผิดก็ไปรอศาลพิสูจน์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับศาลเลย เรื่องการทำผิดตัดสินกันด้วยพระธรรมวินัย ไม่ใช่ตัดสินด้วยศาลทางโลก ก็แปลว่าการผิดพระวินัย โทษเกิดขึ้นในทันทีที่ทำแล้ว ถ้าขาดความเป็นพระก็ขาดไปแล้ว คุณจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ ศาลจะพิสูจน์หรือไม่พิสูจน์ โทษนั้นก็เกิดขึ้นแล้ว

ฉะนั้น...หากยังหน้าด้านหน้าทนอยู่ในผ้าเหลืองต่อไป ก็จะเกิดวิปฏิสารคือความเดือดเนื้อร้อนใจ เนื่องจากตัวเองรู้อยู่เสมอว่าศีลไม่เท่ากับเพื่อนพระ ไปกินไปนอนร่วมกันก็เกิดโทษมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะว่าไปทำให้ผู้อื่นต้องอาบัติและสังฆกรรมเสียหาย ก็แปลว่าหาโทษหนักใส่ตัวเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ โอกาสที่จะรอดอเวจีกลายเป็นศูนย์ไปเลย

เถรี
06-06-2019, 20:45
ถาม : ผมอ่านไตรภูมิไปเจอว่า ถ้าคนตกนรก โทษที่คนทำผิดมาตั้งแต่ชาติก่อน ๆ จะโดนคิดบัญชีหมด และพอสิ้นจากนรกต้องไปเกิดเป็นอสุรกาย เปรต สัตว์เดรัจฉาน จนได้เกิดเป็นมนุษย์ สมมติว่ามีคนหนึ่งเกิดมาเป็นร้อย ๆ ชาติ ทำบุญทำบาปปะปนกันไป แต่ว่าหนีนรกได้ตลอด ครั้งนี้เขาพลาดและลงนรก แปลว่าจะต้องโดนลงโทษทั้งหมดที่เขาทำผิดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็นไปตามนั้น

เถรี
06-06-2019, 20:58
ถาม : ผมเคยฝึกมโนมยิทธิตอนอยู่เมืองไทย และได้ถวายเครื่องบูชาธูปเทียน ปัจจุบันผมอยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก ผมต้องถวายเครื่องบูชาทุกครั้งก่อนฝึกหรือเปล่าครับ ? เพราะเคยอ่านเจอว่าเวลาฝึกทุกครั้ง ควรจะถวาย ไม่อย่างนั้นเหมือนไม่เคารพและพระท่านจะไม่ช่วย
ตอบ : ถ้าจะทำตามกติกาก็ต้องถวายทุกครั้ง

เถรี
06-06-2019, 21:05
ถาม : พระยายมท่านเป็นพระพรหม มีหน้าที่คือกันคนลงนรก และในจักรวาลนี้แต่ละวันมีคนตายมากเป็นล้าน ๆ คน เลยเข้าใจว่าการเป็นพระยายมเป็นงานหนัก อยากทราบว่า การจะเป็นพระยายมต้องสมัครใจเป็นเอง เพราะสงสารไม่อยากให้คนลงนรก หรือว่าเป็นตำแหน่งที่ใครมีคุณสมบัติผ่านก็ต้องมาเป็นครับ ?
ตอบ : ถึงเวลาก็จะมีการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม บางท่านคุณสมบัติเหมาะสม แต่ไม่มีใจให้ ก็ไม่สามารถที่จะเป็นได้ บางคนมีใจให้ แต่คุณสมบัติไม่พอก็เป็นไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะฉะนั้น..ตำแหน่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นกันได้ง่าย ๆ ขอบอกว่าคุณสมบัติที่เหมาะสมนั้นหาได้ยากเย็นมาก

เถรี
06-06-2019, 22:22
ถาม : เทวดาท่านต้องทำงานตามคำสั่งของหัวหน้าเทวดาอีกที อยากทราบว่า เทวดาที่ต้องทำงาน ท่านได้อะไรเป็นการตอบแทนหรือครับ ?
ตอบ : ได้หน้าที่เป็นการตอบแทน ถ้าทำในขอบเขตกองบุญการกุศลก็ถือว่าได้ผลบุญนั้นไปด้วย อย่างเช่นว่ารักษาสถานที่ที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา รักษาพระที่เป็นพระอริยเจ้า เป็นต้น แต่ถ้าในส่วนอื่น ๆ แล้ว ถือว่าทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ในเมื่อคุณมาอยู่ตรงนี้ คุณก็ต้องทำหน้าที่นี้ เหมือนกับทหารตำรวจหรือครูบาอาจารย์ บรรจุเข้าไปก็ต้องทำหน้าที่ ส่วนที่ได้ตอบแทนก็คือคุณได้เสวยสุขในสถานภาพนั้น ๆ อยู่แล้ว เหมือนกับฆราวาสรับเงินเดือน ถ้าต้องการโบนัสพิเศษ ก็พยายามไปหาที่ทำให้ได้กุศลเพิ่มขึ้น แล้วไปทำแถวนั้นก็แล้วกัน

เถรี
06-06-2019, 22:31
ถาม : นอกจากอนันตริยกรรมแล้ว มีกรรมใดที่ห้ามสวรรค์ ห้ามมรรคผลอีก ?
ตอบ : อย่างเช่นปาราชิกของพระ เพียงแต่ว่าปาราชิกของพระ ถ้าสามารถฟื้นฌานสมาบัติคืนมาได้ ก็ห้ามแค่มรรคผล เราสามารถใช้กำลังฌานสมาบัตินั้น ไปสู่สุคติเบื้องต้นได้ แต่ถ้าฟื้นฌานสมาบัติไม่ได้ นอกจากห้ามมรรคผลห้ามผลแล้ว ก็ห้ามสุคติไปด้วย ส่วนใหญ่คนที่ทำผิดพลาดขนาดนั้น กำลังใจที่จะมาทรงฌานนั้นหายาก

ถาม : อนันตริยกรรมมีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ ?
ตอบ : รับโทษเสียให้ครบ ก็เป็นอันว่าจบกัน

เถรี
06-06-2019, 22:38
ถาม : ความเครียดและความอายเป็นกิเลสชนิดใด ?
ตอบ : ความเครียดส่วนใหญ่เกิดจากความไม่พอใจ ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นส่วนของโทสะ ส่วนความอายเกิดจากการกังวลในตัวตนของตัวเอง จัดเป็นกิเลสใหญ่คือสักกายทิฐิ การยึดมั่นในตัวกูของกู

เถรี
06-06-2019, 22:39
มีโยมนั่งขวางทางเดิน "โยมลองสังเกตตำแหน่งที่ตัวเองนั่งสิว่า ถ้าคนจะเดินมาหาอาตมา จะขวางทางเกะกะเขาไหม ? ต้องบอกว่าแค่เรื่องนั่งเรายังขาดการสังเกตเลย หากว่าปฏิบัติธรรมแล้วก้าวหน้าได้ ก็ถือเป็นเรื่องประหลาดแล้ว"

เถรี
06-06-2019, 22:40
พระอาจารย์กล่าวว่า “เห็นคนอื่นเจ็บป่วย ก็ต้องคิดว่าเราเองก็จะเป็นเช่นนั้น เห็นคนอื่นตาย เราไปงานศพเขา ก็ต้องคิดว่าเราเองก็จะเป็นเช่นนั้น

การเกิดมามีความแก่ ความเจ็บ ความตายเป็นธรรมดา สำคัญตรงที่ว่า เราปล่อยได้วางได้แค่ไหน ? ปล่อยวางได้มากความหวั่นไหวก็มีน้อย ปล่อยวางได้น้อยความหวั่นไหวก็มีมาก ขึ้นอยู่กับระดับจิตของแต่ละคนที่ได้รับการฝึกฝนมา”

เถรี
07-06-2019, 08:33
ถาม : การทำบาปหรือละเมิดศีลในขณะบวชปฏิบัติธรรมหรืออยู่ในบริเวณวัด บาปจะมากกว่าการทำบาปหรือผิดศีลในชีวิตสังคมข้างนอกทั่วไปหรือไม่ ?
ตอบ : อยู่ในสถานที่ที่บริสุทธิ์เท่าไร ถ้าหากกระทำบาปโทษก็มากขึ้นไปตามตัวเท่านั้น เพราะว่าต้องใช้กำลังใจในการทำที่มากกว่า

เถรี
07-06-2019, 08:37
ถาม : การได้ยินเสียงบอกเรื่องต่าง ๆ หรือเห็นในสมาธิ แล้วคิดเชื่อว่าเป็นเทวดามาบอก จึงนำมาพูดบอกคนอื่นต่อ แต่ปรากฏว่าเป็นเรื่องไม่จริง ถ้าทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนจะเป็นบาปกรรมไหม ?
ตอบ : เป็น...ขณะเดียวกันก็ทำให้หมดความมั่นใจไปด้วย อาตมาจึงเตือนนักเตือนหนาว่า บรรดาท่านที่รู้เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้เห็น เราต้องรู้ด้วยว่าบอกกล่าวได้เท่าไร ไม่เช่นนั้นแล้วจะเกิดโทษมาก บางอย่างเขาบอกมาเป็นร้อย แต่สามารถพูดต่อได้แค่สองหรือสาม ตอนอาตมาฝึกใหม่ ๆ จะอกแตกตายเหมือนกัน ฉะนั้น...ส่วนนี้เราไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงคนอื่น แต่พูดตามที่ตนเองรู้มา โทษก็น้อยลง แต่ถ้าตั้งใจหลอกลวงคนอื่นโทษก็มากขึ้น

เถรี
07-06-2019, 08:55
ถาม : ความแตกต่างระหว่างอาการทางจิต เช่น จิตเภท หูแว่ว กับมารหลอกและเทวดาลองใจ มีวิธีสังเกตความแตกต่างอย่างไร ?
ตอบ : ไม่ต้องสังเกต เพราะว่ามารสามารถใช้ทุกอย่างรอบตัวมาเล่นงานเราได้ทั้งนั้น ในส่วนของครูบาอาจารย์ทดสอบ ถ้าเราก้าวข้ามไม่ได้ก็จัดว่าเป็นเทวปุตตมารอย่างหนึ่งเหมือนกัน

ดังนั้น....สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องบอกว่า ระวังให้มากเข้าไว้ อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่าย ๆ เรื่องที่หนึ่งรู้มาถูกต้อง เรื่องที่สองก็อย่าเพิ่งเชื่อว่าจะถูกต้องตามนั้น เรื่องที่หนึ่งเรื่องที่สองรู้มาถูกต้อง ก็อย่าเพิ่งเชื่อว่าเรื่องที่สามจะถูก ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจเสมอว่า สัพเพ สังขารา อนิจจา พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง ถ้ามีตัวแปรเล็กน้อย เรื่องทั้งหลายเหล่านั้นอาจจะเปลี่ยนแปลงได้

ฉะนั้น..ทำใจไว้ล่วงหน้าเลยว่า เรื่องทั้งหลายเหล่านี้โอกาสผิดมีร้อยเปอร์เซ็นต์

เถรี
08-06-2019, 07:55
ถาม : ถ้ามีคนตั้งใจจะไปทำบุญและปฏิบัติธรรมวัดหนึ่งแบบศรัทธามาก แต่มีคนมาพูดโน้มน้าวไม่ให้เขาไปวัด เช่น ให้เอาเวลาไปดูแลพ่อแม่ ปฏิบัติธรรมที่บ้านหรือวัดอื่นที่สะดวกดีกว่า การขัดเจตนาแบบนี้เป็นบาปหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าเขามีโอกาสเข้ามรรคผล น่าจะมีโทษลงอเวจีไปเลย หรือไม่ก็หากตัวเองจะทำอะไร ถ้าวาระนั้นมาถึงก็อาจจะเกิดอุปสรรคต่าง ๆ ขึ้นในชีวิตมากจนคาดไม่ถึง

การขัดขวางคนทำความดีเป็นโทษมาก ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะนักปฏิบัติของเรา บางทีอาจจะต้องออกข้างทางเพราะถ้าบอกตรง ๆ คนอื่นตำหนิ ไม่ชอบใจ ขัดขวางจะเกิดโทษแก่เขา อย่างเช่นว่าเรารักษาศีลแปด ถ้าไปบอกตรง ๆ คนอื่นก็มองหัวจรดเท้า อาจจะบอกเขาว่า อ้วนแล้วก็เลยงดอาหารเย็น เป็นต้น

ดังนั้น...การทำความดีต้องใช้ปัญญามาก พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสสัมมาทิฐิ ซึ่งเป็นปัญญาขึ้นก่อน

เถรี
08-06-2019, 07:58
ถาม : สุนัขแก่ถูกนำมาปล่อยทิ้ง เรานำมาเลี้ยง แต่มันอ่อนแอสู้ตัวอื่นไม่ได้ ถูกตัวอื่นกัดบาดเจ็บประจำ ถ้าจะสวมคล้องวัตถุมงคลให้เพื่อช่วยป้องกันแคล้วคลาดบ้าง จะเป็นการปรามาสวัตถุมงคลหรือไม่ ?
ตอบ : เขาทำกันเป็นปกติ เคยได้ยินตะกรุดคอหมา ตะกรุดคอแมวบ้างไหม ? ท้ายสุดหมาแมวก็สูญตะกรุดไป คนไปแย่งเอามา ถ้าเอาตะกรุดหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูงไปแขวน อาตมาจะรับเลี้ยงให้ตลอดชีวิตเลย....!

เถรี
08-06-2019, 08:11
ถาม : อสุรกายคือผู้ถูกปิดล้อมด้วยความทุกข์ มีโอกาสจะทำบาปกรรมเพิ่มเติม จนทำให้ต้องวนเวียนในอบายภูมินานกว่าเปรตหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ต้องดูด้วยว่าสามารถระลึกถึงบุญกุศลเก่าได้ไหม ถ้าสามารถระลึกถึงบุญกุศลเก่าได้ก็อาจจะไปก่อน แต่ถ้าระลึกถึงไม่ได้ โอกาสนั้นมีน้อยกว่า เพราะว่าโทษของเปรตหนักกว่า

ถาม : ส่วนเปรตนั้นเป็นลักษณะทุกข์ทรมานชดใช้หนี้กรรม เมื่อครบก็จะพ้นโทษใช่ไหม ?
ตอบ : ครบแล้วก็มาเป็นอสุรกายต่อตามเศษกรรมที่เหลืออยู่ อสุรกายพ้นแล้วก็มาเป็นสัตว์เดรัจฉานตามจำนวนที่ฆ่า เฮ้อ...! น่ากลัว

ถาม : อสุรกายสามารถโมทนาและรับบุญที่ผู้อื่นอุทิศให้ได้ไหม ?
ตอบ : ได้...แต่สำคัญว่าจะมีโอกาสไหม คำว่าอสุรกาย แปลว่า ผู้มีกายอันไม่กล้า มักจะหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ผู้อื่น โอกาสที่จะได้ยินได้ฟังเรื่องกุศลแล้วโมทนามีน้อยมาก

เถรี
08-06-2019, 08:27
ถาม : ในพระไตรปิฎกมีหลายครั้งที่กล่าวถึงการบูชายัญต่าง ๆ เช่น การอดอาหาร ทรมานตนเอง ไปจนถึงสังเวยชีวิตคนและสัตว์ ผมสงสัยว่า การบูชายัญเพื่อสักการบูชาเทวดา มีผลอะไรในด้านดีหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นการบูชาที่ไม่ผิดศีลผิดธรรม เทวดาท่านพอใจ ก็อาจจะบันดาลสิ่งที่ไม่เกินบุญเกินวาสนาของตนให้ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ผิดศีลผิดธรรม ท่านไม่ยินดีไม่โมทนาอยู่แล้ว เราทำไปก็กลายเป็นเดือดร้อนเอง

ถามว่าสิ่งที่บูชายัญมีในส่วนที่ไม่ผิดศีลผิดธรรมด้วยหรือ ? ขอยืนยันว่ามี อย่างเช่น มุทรา...การร่ายรำบวงสรวง มันตรา...การสวดมนต์ถวาย เป็นต้น

เถรี
08-06-2019, 08:34
ถาม : คนที่ทำคุณไสยสามารถเข้าถึงฌาน ๔ ได้หรือเปล่าครับ หรือแค่ปฐมฌานหยาบ ๆ ? เพราะว่าจิตใจที่จะทำร้ายคนอื่นทำให้เข้าถึงฌานสูง ๆ ไม่ได้
ตอบ : สามารถเข้าถึงได้ ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นคิดร้ายกับคนอื่นหรือเปล่า ถ้าคิดร้ายกับคนอื่น กำลังใจไม่ทรงตัว สมาธิก็ลดลง

พวกได้อภิญญา ๕ เล่นไสยศาสตร์เยอะแยะไป โปรดระวังอย่าไปเจอประเภทนี้ ถ้าเจอประเภทนี้เข้า วัตถุมงคลอานุภาพน้อย ๆ กันไม่ได้หรอก

เถรี
08-06-2019, 08:36
ถาม : ผมอ่านที่หลวงพ่อไปต่างประเทศทั้งในเอเชีย และยุโรป หลวงพ่อได้คุยกับผีต่างชาติที่เคยเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ อยากถามว่าหลวงพ่อสื่อสารด้วยภาษาอะไรหรือครับ ?
ตอบ : ไม่รู้....คุยทีไรได้ยินเป็นภาษาไทยทุกที

เถรี
08-06-2019, 08:42
ถาม : ผีบ้านผีเรือนกับเทวดาที่เราตั้งศาลพระภูมิให้ คือองค์เดียวกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คนละส่วนกัน ศาลพระภูมิส่วนใหญ่เขาหมายเอาภุมมเทวดา คือ เทวดาที่รักษาเขตนั้น ส่วนผีบ้านผีเรือนนั้นมีสองความหมาย ความหมายแรกก็คือบรรดาท่านทั้งหลายที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น หรือบุคคลที่ตายซับตายซ้อนอยู่บริเวณนั้นแล้วยังไม่ไปเกิด ส่วนอีกความหมายหนึ่งก็คือ เขาตั้งศาลสี่เสาหกเสาอย่างดีเลย แล้วบอกว่าเป็นศาลผีบ้านผีเรือน อันนั้นเข้าใจผิด ศาลสี่เสาหกเสาหรือแปดเสา เขาตั้งให้อากาศเทวดา

พวกเรานี่อะไรก๊อกแก๊กหน่อยหนึ่ง ตั้งแต่เปรตอสุรกายไปยันพระบนนิพพาน ก็เรียกเป็นผีไปหมด

เถรี
09-06-2019, 08:11
ถาม : วิชาไสยศาสตร์มีวิชาหนึ่ง คือการจับวิญญาณมาเป็นทาสรับใช้ ทำไมผีพวกนั้นไม่ขัดขืนและไม่ไปเกิดครับ ในเมื่อจิตมีสภาพเป็นอิสระ ?
ตอบ : ลองคิดดูว่า ถ้าผู้ใหญ่จับเด็ก เด็กจะขัดขืนอีท่าไหน โดยเฉพาะถ้าเป็นเด็กสามขวบห้าขวบด้วย

เถรี
09-06-2019, 08:12
ถาม : ผมดูหนังซูเปอร์ฮีโร่คนหนึ่งซึ่งมีพลังจิตสูงมาก สามารถยกรถถังและของหนัก ๆ ได้ด้วยการนึกเท่านั้น อยากทราบว่าหากจะทำอย่างนั้นต้องฝึกกสิณกองใดครับ ?
ตอบ : ถ้าจะยกของหนัก ต้องฝึกวาโยกสิณ

เถรี
09-06-2019, 08:15
ถาม : ผมอ่านประวัติหลวงพ่อปาน ท่านจะให้พระส่วนใหญ่ที่ได้อภิญญาอยู่ในป่า ผมสงสัยว่า สมัยนี้พระที่ได้อภิญญาส่วนใหญ่ยังอยู่ในป่าอีกไหมครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่อยู่ที่เชียงตุงของพม่า และมีบางส่วนอยู่ที่กาญจนบุรี เพราะว่ายังมีป่ามากอยู่

ถาม : ที่อำเภอทองผาภูมิมีไหมครับ ?
ตอบ : ที่ทองผาภูมิมีอยู่หลายรูป แต่หาตัวยากสักหน่อย บางรูปท่านอยู่ลึกขนาดนั้นคนก็ยังดั้นด้นไปหา ต้องบอกว่าน่าสงสารมาก เมื่อถึงวาระที่ท่านทำเอาไว้ บริวารก็ตะกายไปหาเอง

เถรี
09-06-2019, 08:26
ถาม : สมัยนี้คนส่วนใหญ่เร่งรีบ มีการแข่งขันสูง และมีแรงกดดันทางสังคมและครอบครัว ทำให้หลายคนเป็นโรคเครียด บางคนก็นอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่สนิท บางคนเครียดมากจนทนไม่ไหว ฆ่าตัวตายก็มี ผมเห็นหลวงพ่อมีงานเยอะมาก แต่หลวงพ่อดูไม่เครียด จึงอยากขอธรรมะที่ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวครับ ?
ตอบ : ทำไมต้องเอาธรรมะ สมัยนี้เห็นน้ำมันกัญชาก็แก้ได้แล้ว...! แค่เห็นทุกอย่างเป็นธรรมดา เราทำตามหน้าที่ เรามีเวลาแค่ตอนนี้เดี๋ยวนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องแบก ก็จบแล้ว

เถรี
09-06-2019, 08:42
ถาม : ระยะนี้ลูกมีอาการหยุดชะงัก เมื่อมีการกระทบจากคู่สนทนา ลูกเห็นว่า สมองมีการประมวลผลความคิดอย่างรวดเร็ว แล้วดิ่งลงเป็นขั้น ๆ จนทุกอย่างหายหมด ไม่มีแม้แต่ตัว ไม่มีความคิด ทุกอย่างไม่มีอะไร เอาอะไรไม่ได้ ไม่มีอะไรเป็นอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ เป็นมากเข้าเขาว่าบ้าแล้วเจ้าค่ะ มันแยกออกจากกายไป จนคู่สนทนาจับตัว จึงรู้สึกตัว แม้อยู่คนเดียวก็เป็นเจ้าค่ะ เหมือนการทรงร่างกายไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร ใจคิดแบบนี้ก่อนแล้วพุ่งออกมา ควรจะแก้ไขอย่างไรดีเจ้าคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องแก้ เพียงแต่เข้าออกให้เร็วขึ้น ประมวลผลให้เร็วขึ้น ก็คือต้องซักซ้อมบ่อย ๆ จนกระทั่งคนเขาจับไม่ทันว่าเรามีจังหวะในการหยุด แต่จริง ๆ แล้วเราหยุด

สภาพจิตของเราเร็วมาก ในส่วนที่คนอื่นไม่เห็นนั้น จริง ๆ แล้วเกิด ๆ ดับ ๆ นับครั้งไม่ถ้วน จังหวะหยุดที่คนอื่นมองไม่ทัน ความจริงแล้วช้ามากในสายตาของบุคคลที่สติสมาธิทรงตัว ฉะนั้น..ต้องซักซ้อมบ่อย ๆ ถึงเวลาคนเขาก็จับไม่ได้ไปเอง แต่ในเรื่องของทางโลกนั้น อย่าไปถือเป็นสาระแก่นสารอะไรมากนัก วาจาก็เป็นเพียงลมปากผ่านหูไป ทำไปก็เกิดโทษแก่เขา หากเกรงว่าจะเกิดโทษแก่เขาก็ปฏิสัมพันธ์ให้น้อยลงหน่อย

เถรี
09-06-2019, 08:48
พระอาจารย์กล่าวว่า "สำหรับบ้านเติมบุญ เราสูญเสียคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา กรรมการบริหารบ้านตัวหลักไปแล้ว แต่อาตมาก็ทึ่ง ทึ่งตรงที่ว่าท่านอาจารย์มหาสันติกับคุณชยาคมน์ตายคนละทิศคนละทาง แต่ไปดีทั้งคู่ แล้วก็ขยันมาจริง ๆ คุณชยาคมน์ได้ตรงที่กำลังใจเป็นบุญอยู่ตลอดเวลา คิดถึงแต่เรื่องบุญ กลายเป็นอนุสติในฝ่ายกุศลไป เกาะบุญได้ก็เลยไปดี

ส่วนท่านอาจารย์มหาสันตินั้น ช่วงสุดท้ายหวุดหวิดไป หวุดหวิดตรงที่ว่าอาสันนกรรมมาแทรก พอแทรกเข้ามา ทางด้านน้องชายตัดสินใจโทรหาอาตมา อาตมากำลังเดินขึ้นยอดเขาพระพุทธบาทถึงช่วงที่ ๒๓ เพื่อขึ้นไปวางผางประทีป รู้ไหมว่าบันไดมีกี่ช่วง ? ช่วงที่ ๒๓ นี่เกือบจะถึงยอดเขาแล้วนะ ก็รับโทรศัพท์ เจ้าฝ็องน้องชายท่านบอกว่า “อาจารย์ครับ ผมรู้ว่าวันวิสาขบูชาอาจารย์ยุ่งมากเลยแต่ว่าหลวงพี่มหาสันติกำลังจะไปแล้ว ทำอย่างไรดีครับ ?” ถามว่า “มีพระอยู่ใกล้ ๆ ไหม ? “มี” “เอ็งรีบนิมนต์ท่านมาให้สวดมนต์ด่วนเลย”

อาจารย์เชิดพงษ์บอกว่า พอได้ยินเสียงสวดมนต์ปุ๊บ จากการที่ท่านกระวนกระวายด้วยความเจ็บปวด กลายเป็นสงบลงทันทีเลย สงบลงทันทีแล้วก็นิ่งยาวไปเลย...จนกระทั่งหมดลม เพราะฉะนั้นต้องบอกว่าบุญเก่าท่านทำไว้ดี ท่านอาจารย์มหาสันติท่านจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคก็จริง แต่ท่านเน้นการปฏิบัติ ข้ามไปฝั่งพม่าปฏิบัติธรรมเป็นเดือน ๆ บางพรรษาก็จำพรรษาที่นั่นเลย แต่ยังมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของอาตมาด้วย ตอนหลังก็มาเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งลูกศิษย์ ความที่ท่านเคยชินในการปฏิบัติ พอได้ยินเสียงพระสวดมนต์ กำลังใจก็เกาะความดีได้...จบเลย"

เถรี
09-06-2019, 08:50
"อาตมาไปถึงเห็นนั่งเก้าอี้อยู่ เหลืองอร่ามเป็นทองคำเลย บอกได้เลยว่าแบบนี้เป็นพรหมแน่ ๆ แสดงว่าสมาธิจิตทรงตัวตอนมรณภาพ แล้วมรณภาพในวันวิสาขบูชา ประมาณบ่าย ๓ โมง เข้าใจเลือกวันไปด้วย

ที่แน่ ๆ ท่านเขียนพินัยกรรมระบุไว้ว่า “มอบให้พระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เป็นผู้จัดงานศพของข้าพเจ้า ไม่มีความประสงค์ที่จะขอไฟพระราชทาน” ดีมาก..ในเมื่อยกให้ตูจัด ก็เลยขอเสียเลย เขาเรียกว่าอะไรนะ ? ตามใจผู้จัด ขัดใจผู้ตาย..ใช่ไหม ?

เป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยคเท่ากับว่าสมณศักดิ์สูงระดับว่าที่เจ้าคุณ เขาให้สิทธิ์ขอไฟพระราชทานได้ตั้งแต่พระครูปลัดชั้นธรรมขึ้นไป มาระยะหลังมีเพิ่มเติมว่า ถ้าเป็นพระครูปลัดชั้นราชขึ้นไปก็ให้แล้ว นี่ว่าที่เจ้าคุณ จะไม่ขอได้อย่างไร ?"

เถรี
09-06-2019, 08:51
"สรุปว่างานศพคุณชยาคมน์เผาวันที่ ๑๙ ท่านอาจารย์มหาสันติมรณภาพวันที่ ๑๘ อาตมาเองตามประทีปแล้ว ก็แบกผางประทีปลงมาอีก ๑ กระสอบ เพราะว่าจำนวนเกิน เจ้าจ๊อดก็พยายามที่จะโซซัดโซเซแบกตามลงมาอีกกระสอบหนึ่ง ตามสบายนะจ๊อด ไม่รู้ป่านนี้หายระบมหรือยัง ?

ถ้าคนไม่ชินนี่ ขึ้นเขาระดับบันไดเป็นพันขั้น ก็จะตายอยู่แล้ว แล้วนี่ยังแบกผางประทีปกลับลงมาอีกกระสอบ เพราะว่าตอนแบกขึ้นไปเกิน พอถึงเวลาพระท่านก็ถามกันว่า "ใครแข็งแรงพอ..เอาลงไปกระสอบหนึ่ง ?" ถามไปถามมาไม่มีใครขยับ เจ้าอาวาสต้องเอาไปเองกระสอบหนึ่ง พอลงมาก็มานำทำวัตรเย็น นำเวียนเทียน เสร็จสรรพเรียบร้อย ๒ ทุ่มครึ่งก็วิ่งลงมาวัดท่ามะขาม มาที่งานศพเขา ไปถึงสี่ทุ่มกว่า อาจจะเป็นเพราะว่าไปกลางคืนนั่นแหละ ถึงได้เห็นผีชัดหน่อย"

เถรี
09-06-2019, 09:04
"เรื่องของบุญเรื่องของกุศล บุญคือความดีที่ทำแล้วมีความสุข มีความสบายใจ กุศลแปลว่าความฉลาด เมื่อทำบุญทำกุศลแล้วก็หัดวาง ๆ บ้าง อะไรที่ผิดพลาดมาแล้วก็แล้วไป ที่เหลือก็ทำให้ดีเอาไว้ เพราะว่าถึงเวลาถ้าเคยชิน กำลังใจเกาะด้านดีอยู่ อย่างไรตอนตายก็ไปดีอยู่แล้ว

ก็ยังดีใจว่า ๒ ศพติด ๆ กันที่อาตมาจัดการเรื่องงานศพให้นี่ ท่านไปดีทั้งคู่ โดยปกติแล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่ให้อาตมาบอกว่าคนตายแล้วไปไหน เพราะว่าท่านให้ไปศึกษาในมหากัมมวิภังคสูตร ก็เลยลองไปอ่านดู ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ชัดเจนมากว่า

“โยคีบุคคลผู้ตั้งใจปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนานับแสนคน จะทรงฌานได้สักคนก็แสนยาก
ฌานลาภีบุคคล ผู้ทรงฌานเป็นแสนคน จะทรงฌาน ๔ สักคนก็แสนยาก
ฌานลาภีบุคคล ผู้ทรงฌาน ๔ นับแสนคน จะทรงทิพจักขุญาณสักคนก็แสนยาก
ผู้ที่ทรงทิพจักขุญาณอันบริสุทธิ์ สามารถเห็นนรกเห็นสวรรค์แล้วกล่าวว่า บุคคลผู้ทำกรรมดีย่อมไปสวรรค์ ผู้ทำกรรมชั่วย่อมไปนรกโดยส่วนเดียว ตถาคตกล่าวว่าไม่ใช่”

พูดง่าย ๆ ว่าทำดีไปสวรรค์ทำชั่วไปนรกนั้น ไม่ใช่หรอก"

เถรี
11-06-2019, 19:56
"พระองค์ท่านตรัสว่า
บุคคลผู้ทำความดีในอดีต ทำความดีในปัจจุบัน ไปดีแน่นอน
บุคคลผู้ทำความชั่วในอดีต ทำความดีในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปดี
บุคคลที่ทำความชั่วในอดีต ทำความชั่วในปัจจุบัน ไปทุคติแน่นอน
บุคคลที่ทำความดีในอดีต ทำความชั่วในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปทุคติ

พูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้ชั่ว แต่อดีตเคยทำดี ไม่แน่ว่าจะไปที่ไม่ดี

เพราะฉะนั้น..ในเมื่อมาตรองถึงตรงนี้แล้ว ถ้าหากว่าคนตายแล้วไปไหน เราเที่ยวไปบอกเขา เกิดเขาทำความดีมาทั้งชีวิตในชาตินี้ แต่ชาติก่อนเคยทำความชั่วมา ตอนตายกรรมชั่วตามมาถึง ไปทุคติคือที่ไม่ดี อย่างเช่นว่า ตกนรกบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง เป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง ญาติพี่น้องตลอดจนกระทั่งเพื่อนฝูงเห็นว่าคนทำดีทั้งชีวิตไปนรก จะมีใครอยากทำความดีบ้างไหม ?

ส่วนบางคนทำความชั่วให้เห็นทั้งชีวิต แต่ในอดีตเคยทำดีไว้ ถึงเวลาตายมาถามอาตมา บอกว่าไปสวรรค์ คนก็ได้ทำชั่วกันครึกครื้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็เลยห้ามอาตมาไม่ให้บอกว่าคนตายแล้วไปไหน อาตมาก็ถือตามนั้นมาตลอด แต่คราวนี้ที่บอกเพราะว่าไม่ได้บอกเอง แต่ผีเป็นคนบอก บอกว่าอยู่ที่ไหน อาตมาก็แค่พูดต่อเท่านั้น"

เถรี
11-06-2019, 20:05
ถาม : พระอาจารย์กล่าวว่า "ตัดผมไฟแล้วเสียของ เด็กถ้าหากว่าไม่ตัดผมไฟ ถึงเวลายังเป็นวัตถุอาถรรพ์ได้อยู่อย่างหนึ่ง คือผมสาวพรหมจารีที่ไม่ได้โกนผมไฟ เขาเอาไว้ทำบ่วงตัดเหล็กไหล เพราะฉะนั้น..โกนแล้วเสียของหมด” จากข้อความข้างต้น หมายความว่า เราไม่ควรตัดผมไฟเด็กใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่...ควรตัดตามปกติ แต่มีเด็กบางคนที่พ่อแม่ไม่ได้ถือสาเรื่องนี้ เพราะว่าการโกนผมไฟเขาถือว่าเป็นการเกิดใหม่ครั้งหนึ่ง เกิดใหม่บางทีไม่ใช่คนเดิม บางทีผีก็โง่พอเหมือนกัน อาตมาหลอกผีมาแล้ว

มีผีอยู่ตัวหนึ่งตามเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เขาบอกว่าถึงวาระที่เขาต้องเอาชีวิตไปแล้ว แต่บังเอิญว่าอาตมาอยู่ในบริเวณนั้น เขาก็เลยไม่สามารถเอาไปได้ จึงถามว่าเอาชีวิตไปได้ตอนไหน เขาบอกว่า ๑๘ อาตมาก็บอกว่ายังไม่ถึง เขายืนยันว่าถึงแล้ว อาตมาก็เลยเขียนให้ดูว่านี่ตัวเลขอะไร นี่เลข ๑๐ นี่เลขอะไร เลข ๘ ลองเขียนดูซิ ๑๐๘ นี่เขามาแค่เดี๋ยวเดียว นี่เลขหนึ่งแปด เพราะฉะนั้น..เอ็งไปก่อน จะว่าเขาโง่ก็เป็นการปรักปรำเขาเกินไป ว่าเขาตรงไปตรงมาดีกว่า

ถาม : อยากให้ผมของลูกเป็นประโยชน์มากขึ้น ต้องทำอย่างไรคะ?
ตอบ : ถ้าอยากให้ได้ประโยชน์ ให้ไว้ยาว ๆ แล้วโกนให้พวกที่โดนฉายรังสีเขาทำเป็นวิกผม ได้ประโยชน์มากกว่าเอาไปตัดเหล็กไหลอีก

เถรี
11-06-2019, 20:18
ถาม : หากศาลพระภูมิของบ้านเช่าตั้งผิดทิศ ผู้เช่าจะได้รับผลความเดือดร้อนด้วย หรือเฉพาะเจ้าของที่เดือดร้อนเท่านั้นครับ ?
ตอบ : เจ้าของเดือดร้อน ถ้าผู้เช่ามีความเคารพก็กราบไหว้บูชา ก็บอกกับท่านว่าเล่นให้ถูกคนนะ..!

เถรี
11-06-2019, 20:23
ถาม : การถอนศาลพระภูมิในบ้านที่ตั้งผิดทิศและทิศที่ถูกไม่สามารถตั้งได้ นอกจากการจุดธูปบอกกล่าว ทำน้ำมนต์ถอนโบสถ์แล้ว จะต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : รีบตั้งศาลใหม่ให้ถูกทิศ ถ้าถอนเฉย ๆ ไม่ทำอะไรต่อ เดี๋ยวจะเดือดร้อนกว่าที่คิด..!

เถรี
11-06-2019, 20:43
ถาม : อุ้ยท้อผ่อสักหรือพระสกันทโพธิสัตว์ ใช่องค์เดียวกับองคุลีมาลหรือไม่ครับ เพราะเคยอ่านที่หลวงพ่อเทศน์ว่า อุ้ยท้อเป็นคำที่คนจีนได้ยินเสียงเพี้ยนมาจากคำว่าองคุลีมาล ?
ตอบ : เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างหนึ่ง ไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน พอไปถึงเมืองจีนแล้วจะมีชื่อของตัวเอง เคยได้ยินคำว่า "โถโรโปตี" ไหม ? หรือไม่ก็ "เสียมลอฮกก๊ก" หรือไม่ก็ "ตั้งหมาหลิ่ง"

โถโรโปตี คือ ทวารวดี ลอฮก คือ ละโว้ เสียม คือ สยาม ตั้งหมาหลิ่ง คือ ตามพรลิงค์หรืออาณาจักรศรีวิชัย เพราะฉะนั้น..อุ้ยท้อจะเป็นองคุลีมาลก็ไม่แปลก ท่านก็เคยสร้างบารมีมาในลักษณะของพระโพธิสัตว์ คนที่เขารู้เห็นก็เรียกเป็นพระโพธิสัตว์ ตอนที่ท่านเป็นพระอรหันต์แล้วเขาไม่ได้ตามไปดู หรือว่าไม่รู้ ก็เลยกำหนดเป็นพระโพธิสัตว์อยู่เหมือนเดิม

เถรี
11-06-2019, 22:18
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดต้องการหนังสือ บันทึกการเดินทางตอนหลากรสในพม่า ต้องไปร่วมงานวันเกิด ๖๐ ปี จึงจะมีให้ แจกวันที่ ๑๖ มิถุนายน ถ้าเหลือถึงวันที่ ๑๗ ก็แจกต่อ ถ้าไม่เหลือก็ตัวใครตัวมัน"

เถรี
11-06-2019, 22:23
ถาม : ถ้าหากนำปลอกห่วงของตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๓ ไปหล่อพระ แล้วนำตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๓ ที่ไม่มีปลอกห่วงมาบูชา ตะกรุดจะยังมีอานุภาพของมหาสะท้อนอยู่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าน้ำหนักไม่ถึงก็ไม่มี

เถรี
11-06-2019, 22:31
ถาม : เนื่องด้วยคราวก่อนลูกกราบเรียนหลวงพ่อ ถึงการพบความพอใจ ไม่พอใจ คราวนี้ลูกพบว่า เห็นกระบวนการความคิด เมื่อมีเสียงมากระทบ จิตมันดิ่งลึกลงไป เห็นว่าเสียงมากระทบ รูปสั่นสะเทือนแล้วจิตที่มีอารมณ์สะสมความพอใจ ไม่พอใจเอาไว้ มันจะดึงเอาตรงนั้นมา คล้าย ๆ การทำปฏิกิริยา จิตให้ค่าสะสมตรงไหนมาก ก็จะเกิดเป็นอารมณ์ใหม่ขึ้นมา แล้วจิตก็วิ่งไปจับเป็นของเราปั๊บ (ความหายนะก็พลันบังเกิด) แต่เมื่อเราเห็น แล้วจดจ้องดู เหมือนจับได้ว่า นี่ไม่ใช่เรานะ เป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เราแน่ ๆ มันมีอาการตก คือ ไม่คิดเพิ่ม หยุด หายไปเลยเจ้าค่ะ ก็เป็นอยู่แบบนี้ พอรู้ทัน ก็ตกหายไป ไม่มีอารมณ์เพิ่ม แปลกดีเจ้าค่ะ รู้สึกเหมือนกำลังเป็นเจ้ายุทธจักร ถูกท้าประลองฝีมือตลอดเวลา คนนี้ไป คนนั้นมา คือ ลูกต้องทัน ถ้าไม่ทันมันจะเข้าสู่กระบวนการคิดอีก และช่วงนี้ มีอาการตัวหายในอิริยาบถบ่อย มันดิ่งลงเป็นขั้น ๆ ทำงานก็ตัวหาย บางครั้งตกใจว่าไม่มีมือ จะยกอะไรมาทำงาน ขี่รถก็ไม่มีตัว เหมือนลอยไป ไม่มีความรู้สึกอะไร ก็งงตรงที่ร่างกายทำงานไปเอง รู้สึกอยู่ข้างในอกเท่านั้น มีความรู้ตัว ข้างนอกดับหมด แต่ไม่มีความกลัวตายนะเจ้าคะ สบายดี ห่วงนิดเดียวตรงที่ถ้าตายไปจะเป็นพรหมลูกฟักหรือไม่เจ้าคะ ?
ตอบ : จะไปไหนไม่ได้ก็ตรงที่ห่วงนี่แหละ

ถาม : พอเห็นหลวงพ่อก็หายคลายทุกข์เหมือนฟ้าสว่าง พอเดินออกจากหลวงพ่อ ก็เหี่ยวคอตก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรเจ้าคะ ?
ตอบ : สภาพจิตมีกำลังต่ำไปหน่อย ต้องพยายามทำกำลังใจให้มากกว่านี้ ต้องบอกว่า อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน เกิดคนเดียว ตายคนเดียว ไม่มีใครตายพร้อมกับเราหรอก ต่อให้เกิดอุบัติเหตุตายอยู่ด้วยกัน ก็ยังขาดใจตายก่อนหลังต่างกัน

เถรี
11-06-2019, 22:34
ถาม : ถ้าเราต้องการมีไหวพริบปฏิภาณที่คล่องแคล่วมาก หรือมี "ปฏิภาณปฏิสัมภิทา" ต้องฝึกอย่างไร และต้องทำบุญอย่างไรครับ ?
ตอบ : สะสมของเก่ามามากพอ และชาตินี้ฝึกให้ทรงสมาบัติ ๘ ได้ ถ้าสามารถทรงสมาบัติ ๘ ได้ เข้าถึงความเป็นพระอนาคามีขึ้นไปเมื่อไร ปฏิสัมภิทาญาณจะปรากฏ

เถรี
11-06-2019, 22:37
ถาม : พระนักธรรม ที่พระอาจารย์ได้เคยแนะนำว่าจะช่วยในเรื่องเรียนนั้น มีวิธีอาราธนาอย่างไรหรือครับ ?
ตอบ : ไปค้นดู พิมพ์คำว่า หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน วิธีการบอกไว้เยอะแยะ พวกประเภทไม่ยอมค้นเลยแล้วมาถาม อาตมาถือว่ามักง่าย สันดานแบบนี้โอกาสเข้าถึงมรรคถึงผลน้อยมาก ถ้าเข้าถึงก็คงประมาณสุกขวิปัสสโก เพราะว่าไม่ได้คิดที่จะค้นคว้าอะไรเลย

เถรี
13-06-2019, 08:12
ถาม : เป็นสะเก็ดเงินมียาอะไรทาหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ต้องโน่นเลย...น้ำมันกัญชา เดี๋ยวนี้กำลังฮิต

ถาม : หายจริงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ก็ลองสิวะ ใครจะไปรับประกันได้

ถาม : หาซื้อยาก ?
ตอบ : หาซื้อยาก ? เห็นพระอาจารย์เล็กมีตั้ง ๒-๓ ขวด เขาบอกว่าต้นทุนขวดละ ๓,๐๐๐ บาท หลอดเล็กนิดเดียว แล้วก็โปรดระวังด้วย เพราะว่าอันนี้เขาสกัดด้วยดอกล้วน ๆ ดอกล้วน ๆ นี่เจอเข้าไป ๒ หยดก็ได้รากเขียวรากเหลือง เมาบ้านหมุนไปแล้ว

เถรี
13-06-2019, 08:15
เขาให้ทานะ ทาวันละครั้งเดียว ดันทะลึ่งไปหยด คุณพัฒนาหยดไป ๒ หยด บอกเมารากเขียวรากเหลืองไป ๑ วัน นอนอีก ๒ วัน

น้ำมันกัญชาบ้านเราไม่เหมือนของต่างประเทศ ที่ต่างประเทศเขาปล่อยเสรีได้เพราะสาร Cannabinoid ของเขามีประมาณ ๐.๔-๐.๕% เท่านั้น แต่หางกระรอกของประเทศไทยมีอยู่ ๗-๘% คิดดูว่าต่างกัน ๗-๘ เท่า เพราะฉะนั้น..ของฝรั่งต่อให้ประเภทเมากัญชาหยำเปขนาดไหน ก็แค่นิดหน่อย แต่ของบ้านเราโดนเข้าไปหน่อยหนึ่งก็ประสาทหลอนแล้ว ต่างประเทศถึงได้อยากซื้อกัญชาไทยเป็นหนักเป็นหนา ถ้าเป็นอาตมานี่จะปล่อยให้ปลูกเสรีแล้วรัฐบาลเป็นคนส่งขาย เพราะว่าต่างประเทศต้องการกันมาก โดยเฉพาะเอาไปทำยารักษาโรค

ส่วนบ้านเรานี่ถ้าหากว่าปลูกเสรี ถ้าเสพเมื่อไรติดคุกหรือว่าปรับให้หน้ามืดตาลายไปเลย ไม่อย่างนั้นบ้านเราอะไรที่อนุญาตให้นี่ทำเกินทั้งนั้นแหละ ไม่อนุญาตยังทำเลย

เถรี
13-06-2019, 08:16
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีแต่คนฝากศพให้เผา เป็นเรื่องอัศจรรย์เหมือนกัน ไม่รู้ว่าทำบุญด้วยอะไร ตอนนี้ที่ยังเหลืออยู่ก็มีตุ๊ป้อสิงห์ หลวงพ่อมณฑล หลวงพ่อสมคิด แล้วไม่รู้ว่า ๓ รูปนี้ใครจะไปก่อน"

เถรี
13-06-2019, 08:25
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานเจอหลวงปู่ตั้ง วัดถ้ำมะเดื่อ ท่านอายุ ๙๓ ปีแล้วยังแข็งแรงอยู่ กราบเรียนถามว่า หลวงปู่มียาดีอะไรหรือเปล่า ? ท่านบอกว่า “กินผักน้ำพริกเป็นหลัก” แต่ว่าพวกผักต้องไปหาเอาตามหัวไร่ชายนาที่ขึ้นตามธรรมชาติ อย่าไปเอาที่เขาปลูก ที่เขาปลูกส่วนใหญ่ใส่ยาทั้งนั้นแหละ แหม...หลวงปู่ว่าเสียเลย

พอได้ยินตรงนี้อาตมามานึกถึงการปลูกกัญชาที่บ้านเรา ก็คือบ้านเราถ้าปลูกกัญชา เดี๋ยวก็เจอยาฆ่าหญ้า เดี๋ยวก็เจอสารเคมีสารพัด สรุปว่าจะเอามาเพิ่มโรคหรือจะเอามารักษาโรคกันแน่ ?"

เถรี
13-06-2019, 08:27
พระอาจารย์กล่าวว่า "เนื่องในวาระพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรี ๒ รัชกาล และรัฐบุรุษถึงแก่อสัญกรรม ก็มีข้อคิดว่า สมัยป๋าเป็นนายกฯ บ้านเราเป็นประเทศเกษตรกรรม พอมายุคน้าชาติเป็นนายกฯ เราก็เป็นยุคอุตสาหกรรม พอยุคทักษิณเป็นนายกฯ ก็มาสู่ยุคนวัตกรรม ปัจจุบันนี้เป็นยุค...เวรกรรม..!"

เถรี
13-06-2019, 08:28
"เขาออกข่าวว่า ‘กลาโหมวิงวอนอย่าเชื่อข่าวปฏิวัติ’ ก็ครั้งก่อนเราก็เชื่อว่าจะไม่ปฏิวัติไม่ใช่หรือ ? ก็แค่เชิญคณะรัฐบาลไปประชุมในค่ายทหารเท่านั้นเอง แล้วก็บอกว่าคุณควรจะเลิกบริหารประเทศได้แล้ว เขาไม่เรียกว่าปฏิวัติสินะ ?"

เถรี
13-06-2019, 08:32
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตำรายาโบราณเป็นปริศนา บอกว่าตัวยาประกอบด้วย หนึ่ง..ยกขึ้นมากาบินหนี สอง..แหวกแม่พระธรณี สาม..หนีสงสาร สี่...ไปนิพพานไม่รู้กลับ ถ้าใครคิดได้ก็เป็นยาอายุวัฒนะ ถ้าใครคิดไม่ได้ก็อาจจะเป็นยาลดอายุ..!

สมัยก่อนถึงเวลาเขายิงอีกา ถ้าใช้หนังสติ๊กทั่วไปจะยิงไม่อยู่ เพราะว่าอีกาตัวใหญ่ แข็งแรง เขาต้องใช้คันกระสุน คราวนี้พืชสมุนไพรที่มีคำว่ากระสุนก็คือโคกกระสุน เลยผูกปริศนาเป็นยกขึ้นมากาบินหนี

แหวกแม่พระธรณี อะไรแหวกแม่พระธรณี ? ก็ต้องขุด ๆ ไถ ๆ ดัน ๆ ใช่ไหม ? แล้วที่ขุด ๆ ไถ ๆ ดัน ๆ ดินเป็นประจำก็มีแต่หมู ก็เลยต้องตีความว่าเป็นหญ้าแห้วหมู

หนีสงสารก็คือหนีวัฏสงสาร สมัยก่อนที่หนีวัฏสงสารเขาทำอย่างไร ? เขาก็ต้องบวช คราวนี้ถ้าจะบวชจะทำอะไร ? ไม่ใช่กล้วยบวชชี มีอยู่อย่างเดียวก็คือว่าบวชพระ ในเมื่อบวชพระก็ต้องห่มจีวร จีวรก็ต้องย้อมด้วยขมิ้น เพราะฉะนั้น..สมุนไพรตัวนี้ก็สมควรที่จะเป็นขมิ้น

ไปนิพพานไม่รู้กลับ ลักษณะอย่างนี้ไปนิพพานภาษาชาวบ้านคือตาย อะไรที่เกี่ยวกับความตาย ? ...หาไม่ได้ แล้วอะไรที่หมายถึงความตาย ? ...ก็ผี สรุปว่าก็น่าจะเป็นผักเสี้ยนผี"

เถรี
13-06-2019, 08:35
"ตำรายาโบราณเขาบอกว่า น้ำตาลิง น้ำพิงกะได กินกะได ทากะได ตำรายาโบราณเขาเขียนจนเราประสาทจะกิน คือของโบราณเวลาเขาเขียนตัวหนังสือนี่แยกพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ชัดเจนมาก สระอิลอยอยู่ เสร็จแล้วตัวอังอยู่ข้างบนเกือบติดอีกบรรทัดหนึ่ง เพราะฉะนั้นเขียนน้ำตำลึง คนดูไม่ทันก็กลายเป็นน้ำตาลิง ถึงได้มีน้ำตาลิง น้ำพิงกะได กินกะได ทากะได

คำว่า 'ก็' ไม้ไต่คู้อยู่ติดแถวบนโน่น 'ก็ได้' ไม้โทอยู่ติดแถวบนโน่น คนรุ่นใหม่ดูดูแต่แถวล่าง กลายเป็น กินกได ทากได"

เถรี
13-06-2019, 08:47
ถาม : ถ้าสมมติจะรื้อศาลพระภูมิโดยที่ไม่ได้ตั้งใหม่ให้ จะได้ไหมครับ พอดีมีคนเขาซื้อบ้านต่อจากเราครับ ?
ตอบ : ให้เขาจัดการเอง อย่าเสือกไปยุ่งกับเขา

ถาม : ปัญหาคือเขาบอกให้เราจัดการไปด้วย ?
ตอบ : ถ้าหากว่ารื้อแล้วไม่สร้างให้เขาใหม่ ก็เตรียมตัวซวยได้

เถรี
13-06-2019, 08:48
ถาม : ถ้าเราไม่จุดธูปเทียนในห้องพระ เราไปจุดข้างนอกบ้านได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้ จุดที่ไหนก็ได้ ตั้งใจบูชาท่านก็แล้วกัน

เถรี
13-06-2019, 08:53
ถาม : บ้านน้องสาวที่ลำปาง ฟ้าผ่าลงมาค่ะ ?
ตอบ : โบราณเขาจะทำพลีกรรม ทำบุญล้างซวย

ถาม : พลีกรรมอย่างไรครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็ตั้งบายศรีขอขมาเทวดา แล้วก็ทำบุญบ้านล้างซวยไป

ถาม : บอกวิธีแล้วเขาจะทำหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?
ตอบ : เราก็ทำแทนเขา ถ้าเขามีวิธีก็ทำตามเขา ถ้าเขาไม่มีก็เอาแค่ที่เราบอก

ถาม : ที่บ้านมีชนวนหรืออย่างไรคะ ฟ้าถึงลงที่บ้าน ?
ตอบ : ตรงนั้นสูงกว่าที่อื่น

ถาม : แถวบ้านเขาบอกว่ามีแก้ว วันขึ้น ๘ ค่ำวันพระ จะมีแก้วลอย ?
ตอบ : ก็ลองขุดดู ถ้าหากว่ามีก็อัญเชิญออกมา หาที่บรรจุให้เหมาะสม

ถาม : ตอนเล็ก ๆ หนูก็เคยเห็นแก้วลอยออกไป เขาเรียกอะไรคะ ? จะถามผู้เฒ่าผู้แก่ก็ตายไปหมดแล้ว
ตอบ : เขาเรียกพระธาตุเสด็จ อาจจะมีอยู่ข้างใต้ ทีนี้มีคนดันไปอาศัยอยู่ตรงนั้น ก็ต้องมีโดนบ้าง

เถรี
13-06-2019, 21:29
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านอาจารย์สันติ โชติกโร ป.ธ. ๙ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม มรณภาพตอนอายุ ๔๕ ปี บางคนก็บอกว่าเป็นอาถรรพ์ของเบญจเพสที่ ๓

เรื่องเกี่ยวกับเบญจเพส อาตมาเจออาถรรพ์มาตลอดชีวิต อายุ ๒๕ ก็เก็บเงินทะลุหลักแสนได้ อายุ ๓๕ สร้างวัดเสร็จ อายุ ๔๕ ตราตั้งมา ๖-๗ ตำแหน่งพร้อม ๆ กัน พออายุ ๕๕ ก็เรียนจบสารพัด เพราะฉะนั้น..อาถรรพ์พวกนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นได้สารพัด เป็นกระทั่งนักการเมือง..!

เป็นเรื่องที่ดีของคนอื่น แต่สำหรับอาตมาแล้วไม่รู้สึกอยากได้ ในเมื่อได้มาแล้วมีแต่ภาระก็เลยเป็นอาถรรพ์ ก็เห็นเขาบอกว่าไม่ดี ตอนนี้อายุ ๖๐ ปี เป็นรองเจ้าคณะอำเภอ รับรางวัลหลายรางวัลติด ๆ กัน ยิ่งอาถรรพ์หนักเข้าไปใหญ่ เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง"

เถรี
13-06-2019, 21:35
ถาม : คนที่สร้างรูปหล่อ ตั้งกำลังใจว่าตายจะไปอยู่ในนั้นเลย แสดงว่า...?
ตอบ : เป็นอธิษฐานบารมี

ถาม : ผลกรรมที่ทำไว้ไม่ได้เป็นไปตามภพภูมิหรือครับ หรือเป็นตามอธิษฐานครับ ?
ตอบ : สมาธิสูงกว่า ความมุ่งมั่นสูงกว่า ก็จะเป็นชนกกรรม กรรมที่พาไปกำเนิด ลักษณะอย่างนั้นจริง ๆ ไม่น่าจะเรียกว่าไปเกิด คือยังไม่ได้ไปเกิด

ถาม : ชนกกรรมนี้ พอไปอยู่ที่รูปหล่อ จะต้องมีอายุขัยของตัวเองใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ต้องมี ก็คือต้องหมดความมุ่งมั่นด้วย เพราะว่าต้องมีสิ่งอื่นรับช่วงถึงจะไปต่อได้

เถรี
13-06-2019, 21:46
ถาม : จะขายคอนโดที่พัทยาครับ ?
ตอบ : เอาเป็นว่าลองไปบนหลวงพ่อสุ่นที่วัดแหลมสิงห์แล้วกัน ไปบนท่าน ขายได้ก็บวชเณรให้ท่านสักรูปหนึ่ง

เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ ว่าสุดยอดปรมาจารย์ขนาดไหน วัตถุมงคลของหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ สร้างไม่ใช่น้อย ๆ นะ แต่ลูกศิษย์ลูกหาไม่มีปล่อยให้หลุดไปที่อื่นเลย ตกทอดกันตามตระกูลอย่างเดียว ถามว่าฝีมือท่านขนาดไหน ? ก็ประเภทเหยียบเรือรบเอียง..!

จริง ๆ แล้วถ้ามีพระไทยเยอะ ๆ แบบหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ ต่างชาติหรือต่างศาสนาไม่มีใครกล้ารังแกเราหรอก ถึงเวลาฝรั่งรังแกคนไทย หลวงพ่อสุ่นก็ขัดเขมรชกฝรั่งร่วงคาหมัดเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเล็กกว่ากันเป็นครึ่ง ๆ เอาเรือรบมาขู่ หลวงพ่อสุ่นเหยียบตีนเดียวเรือเอียงไปทั้งลำ จนฝรั่งต้องถอยกลับไป

หลวงพ่อสุ่นเป็นรุ่นอาจารย์ของหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบเลยนะ แต่คนไม่ค่อยจะรู้จักท่านหรอก พวกที่มีวัตถุมงคลของท่านถึงเวลาก็สั่งลูกสั่งหลานให้สืบต่อกัน ไม่ค่อยมีหลุดออกมา หายากเย็นมาก อาตมามีแหนบอยู่ ๒ อันก็เป็นรุ่นลูกศิษย์สร้าง หลวงพ่ออี๋เสก จริง ๆ แล้วหลวงพ่ออี๋เป็นสุดยอดที่เขานิยมกันหมด แต่ว่าคนก็ยังคงศรัทธาอาจารย์

จะขายคอนโดแถวนั้นลองไปบนหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ มาแบบพระโพธิสัตว์อย่างนั้นอย่างไรท่านก็ต้องช่วยอยู่แล้ว

เถรี
13-06-2019, 21:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้มีโยมคนหนึ่งเพิ่งจะมาใหม่ เขามาก็ถามว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ? ปรากฏว่าเจอคุณอภิณห์พรกับคุณกุสุมาหัวเราะแข่งกันอย่างกับคนเมากัญชา จนเขาต้องเดินหนีไปเลย สรุปก็คือลูกศิษย์แสดงออกว่าอาจารย์เป็นอย่างไร ในเมื่อลูกศิษย์ดูเหมือนไม่เต็มบาท อาจารย์ก็คงจะไม่เต็มด้วย เขาก็เลยไปดีกว่า คือเขาถามแทนที่จะบอกเขา กลับไปนั่งหัวเราะแข่งกัน"

เถรี
13-06-2019, 22:25
ถาม : ตอนนี้หนูยกมือ ๑๔ จังหวะตามของหลวงพ่อเทียน เพราะยังเคยชินอยู่ แต่ก็เพิ่มรู้ลมไปด้วย ภาวนาพุทโธไปด้วย จับภาพพระไปด้วย ได้ไหมคะ เยอะเกินไปไหมคะ ?
ตอบ : ได้...ถ้าสติขาดก็จะพลาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เท่ากับว่าเราทำกิจกรรมหลายอย่างพร้อม ๆ กัน ซึ่งต้องใช้สติมากขึ้น ระมัดระวังมากขึ้น ถ้าหากว่าตัวไหนบกพร่องเราก็เริ่มต้นใหม่

ถาม : ยังติดกับการเคลื่อนไหว ส่วนหนึ่งทำให้ยึดติดกับกายมากไปจะมีโทษไหมคะ ?
ตอบ : ไม่เป็นไร เพราะว่าถ้าสมาธิทรงตัวเป็นอัปปนาสมาธิ การเคลื่อนไหวจะโดนตัดขาดไปโดยอัตโนมัติ

ถาม : อย่างเวลานั่งสมาธิหลับตาแล้วจับภาพพระ หลวงพ่อเคยบอกว่าทุ่มกำลังสมาธิอยู่กับภาพพระ ๗-๘ ส่วน แล้วอยู่ที่ลม ๒-๓ ส่วน แต่คราวนี้ถ้าเราเคลื่อนไหวประจำวัน คือหนูทำให้สมดุลไม่ได้ ?
ตอบ : แบ่งคนละครึ่งก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็ ๗-๘ แปดส่วนมาอยู่กับการทำงาน อีก ๒-๓ ส่วนก็อยู่ที่พระ ถ้าอย่างนั้นจะสะดวกกว่า

ถาม : แล้วไม่ต้องยุ่งกับลมเลยหรือคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่ารู้ลมอัตโนมัติแล้ว ก็กำหนดให้สติรู้ประคองไป ถ้าหากว่าไม่รู้อัตโนมัติก็เอาแค่ภาพพระอย่างเดียว

เถรี
13-06-2019, 22:26
ถาม : ตอนนี้หนูยังใช้ภาพพระวิสุทธิเทพเป็นหลัก แต่บางทีบางวันหนูจับภาพพระวิสุทธิเทพไม่ได้ หนูเปลี่ยนเป็นภาพพระอย่างอื่นได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้...เอาให้เป็นพุทธานุสติ จะเป็นภาพพระปางไหน ลักษณะไหน สีสันไหน ก็ได้ทั้งหมด

เถรี
13-06-2019, 22:30
ถาม : หนูเป็นคนฟุ้งซ่านมาก หนูจะเห็นความคิดอยู่ทั้งวัน การที่หนูเคยถูกสอนมาว่าความคิดคืออาการของจิต ถูกไหมคะ?
ตอบ : ถูก...เพียงแต่ว่าถ้าหากว่าเรามัวแต่ไปตามดูอาการของจิตก็จะเครียด กลับมาดูลมหายใจแทนดีกว่า

ถาม : จิตเราก็คืออาทิสมานกายถูกไหมคะ?
ตอบ : ถูก

ถาม : แล้วทีนี้คือรู้สึกว่าบางครั้งจิตเราก็ฟุ้งซ่าน เราบังคับไม่ได้ แล้วรู้สึกว่าถ้าจิตเป็นเรา ทำไมเราบังคับไม่ได้ ?
ตอบ : แล้วใครเป็นคนบอกว่าจิตเป็นเรา ? สัพเพ ธัมมา อนัตตา ท้ายสุดไม่มีอะไรเหลือเป็นเรา เป็นของเราหรอก จิตก็ทำงานของจิตไป เพราะฉะนั้น..เราเองมีหน้าที่อย่างเดียวคือตามดูตามรู้ ดีก็รู้ว่าดี ไม่ดีก็รู้ว่าไม่ดี เสร็จแล้วก็อย่าไปเสวยอารมณ์ คือเข้าไปยุ่ง ถ้าเราไม่เข้าไปยุ่ง จะดีหรือไม่ดีเราก็เป็นเพียงคนดูเฉย ๆ ในเมื่อเราเป็นคนดู รัก โลภ โกรธ หลง ก็ไม่เกิดขึ้น ทุกอย่างก็เป็นแค่อาการ เป็นแค่กิริยาเท่านั้น ไม่เป็นกรรม

ถาม : ปัญญายังไม่ถึงค่ะ ?
ตอบ : ทำไป ถ้าหากยุ่งมาก ๆ ไปไม่ไหวจริง ๆ ก็กลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกให้มากขึ้น อย่างอื่นตัดทิ้งไปก่อน มาดูลมหายใจเข้าออกเพื่อที่จะใช้กำลังสมาธิในการกดตัวอื่นก่อน

เถรี
13-06-2019, 22:33
ของโยมเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ สมัยเด็ก ๆ อาตมาฝึกกำลังภายในแบบของจีน ซึ่งใช้การรู้ แต่เป็นการรู้ภายใน เคลื่อนไหวลมปราณไปในกาย ว่าตอนนี้ไปถึงไหน ๆ

พอกลับมาฝึกลมหายใจเข้าออก รู้สึกว่าวิสุทธิมรรคลำบากมาก เพราะว่าหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องคอยบังคับอยู่นานกว่าที่จะยอมนิ่ง ก็แปลว่าแรก ๆ จะต้องยื้อกัน อย่างของโยมจะไปที่เคลื่อนไหว พอเรารู้ตัวเราก็ดึงกลับมาที่ลมหายใจ พอไปที่เคลื่อนไหวอีก เรารู้ตัวเราก็ดึงกลับมาที่ลมหายใจใหม่อีก พอกำลังสมาธิสูงขึ้น เราก็จะบังคับได้ว่าให้อยู่กับลมหายใจ อย่าไปที่อื่น แรก ๆ จะลำบากหน่อย...สู้ต่อไป

เถรี
14-06-2019, 08:58
ถาม : ในการพิจารณาแบบวิปัสสนา หนูฟังหลวงพ่อฤๅษีฯ ยังไม่ค่อยเข้าใจ ทำแล้วเหมือนใจเราดื้อ ไม่น้อมตามไป ถ้าเบื้องต้นเกาะแค่ไตรลักษณ์ได้ไหมคะ?
ตอบ : เอาแค่นั้นก็เหลือเฟือแล้ว ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ให้เห็นจริง ๆ เท่านั้น แต่ว่าเห็นแล้วใจของเรายอมรับไหม ? ถ้ายังไม่ยอมรับก็ยังเป็นแค่สัญญา คือเราจำได้ว่าความจริงเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าหากว่าเป็นปัญญา เราก็ยอมรับว่า อ๋อ...ความจริงเป็นอย่างนั้น เราก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย

ถาม : แสดงว่าสติกับเราก็คนละตัวกัน ?
ตอบ : ใช่...สติเป็นตัวรู้ รับรู้การกระทำของจิต

เถรี
14-06-2019, 09:00
ถาม : หนูรู้สึกว่าถ้าบางช่วงที่ไปทุ่มกับการนั่งสมาธิ พอไปสักพักหนึ่งเหมือนเวลานั่งก็เหมือนจะมีสมาธิ พอออกจากสมาธิเหมือนสติกลับไม่เหลือ เหมือนกับป้ำ ๆ เป๋อ ๆ หนูต้องกลับมาเหมือนดึงให้สติกลับมา ไม่อย่างนั้นจะจมไปกับสมาธิ ไปไหนก็จะไม่รู้ตัว ?
ตอบ : อันนั้นเขาเรียกว่าพวกสุดโต่ง ตรงกลางไม่มี

ถาม : หนูทำให้สมดุลอยู่ตรงกลางไม่ได้ ถ้าไม่จมไปกับลม ก็จะหายไปเลย ?
ตอบ : ค่อย ๆ หาไป ถ้ายากคนเขาคงทำไม่ได้กันเยอะแยะ จะเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ

เถรี
14-06-2019, 09:02
ถาม : เรานั่งสมาธิเพื่อให้มีสมาธิกับสติขึ้นมา ทำให้เกิดปัญญา แล้วการปฏิบัติกับมโนมยิทธิ คือเราจะมาควบกันตรงไหน?
ตอบ : เอาทีละอย่างก่อน พอได้แล้วต่อไปจะง่าย ถ้ายังไม่ได้นี่ เป็นเด็กหัดใหม่แล้วไปจับปลาหลาย ๆ ตัว ก็ไม่เหลือสักตัวหรอก ตอนนี้เล็งตัวเดียวไปก่อน

ถาม : ก็คือให้อยู่กับกายก็ได้ แต่พอวันหนึ่งที่แน่นขึ้น....?
ตอบ : อะไรที่ทำให้ใจเราสงบ ให้ทำอย่างนั้น สู้ ๆ..คำนี้ให้สู้จริง ๆ นะ ไม่ได้ให้กำลังใจเฉย ๆ สู้ชนิดตายกันไปข้างหนึ่งเลย..!

เถรี
14-06-2019, 21:38
ถาม : สักแต่ว่า เป็นเวทนาในเวทนาหรือว่าธรรมในธรรมครับ ?
ตอบ : เป็นอุเบกขา ก็แปลว่าต้องเป็นธรรมในธรรม

เถรี
14-06-2019, 21:39
ถาม : การที่จะเคลื่อนไหวก็ถือว่าเป็นกายคตาสติใช่ไหมคะ ?
ตอบ : เป็นส่วนหนึ่งของอิริยาบถและสัมปชัญญะในกายคตาสติ

ถาม : พอแล้วค่ะ ไม่ถามแล้ว ไปทำดีกว่า ?
ตอบ : ถามมาก ๆ ระวังจะฟุ้งซ่าน เอาแค่พอกิน พอถึงเวลารู้ว่าอันนี้กินได้ก็ตั้งหน้าตั้งตากินไป ไม่อย่างนั้นจะฟุ้งซ่านมาก

เถรี
19-06-2019, 06:43
พระอาจารย์กล่าวว่า "การจะยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นวัดหลวง หนึ่ง...วัดต้องเป็นศูนย์กลางชุมชน สอง...หน่วยราชการและประชาชนต้องไปใช้งานเป็นปกติ ข้อที่สาม...มีอายุได้ ๕๐ ปีขึ้นไป ข้อที่สี่...มีความเกี่ยวเนื่องกับราชวงศ์ทางใดทางหนึ่ง ซึ่งวัดท่าขนุนของเราได้หมด

คราวนี้ที่อาตมาไม่ขอเพราะกลัวว่าเป็นเจ้าคุณแล้วต้องเข้าวัง พอถึงเวลาเป็นเจ้าคุณขึ้นมาต้องผลัดกันเข้าวัง นั่งรับสังฆทานอยู่ตรงนี้แล้วต้องวิ่งไปเข้าวัง น่าเบื่อตรงนี้แหละ"

เถรี
19-06-2019, 06:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "กอบชัย ตัวนี้ ถ้าเป็นชื่อโบราณเขาใช้สะกดว่า กอปร นะ เขามาแผลงเป็นประกอบทีหลัง แบบเดียวกับ ตรวจ แผลงเป็น ตำรวจ

สมัยนี้ไม่ใช่แผลง สมัยนี้เพี้ยน คำแผลงสมัยก่อนพูดจากยาวเป็นสั้น จากสั้นเป็นยาว เขาเลยเรียกคำแผลง กอปรนี่ถ้าเด็กสมัยใหม่อ่านไม่ถูกจะอ่านเป็น กอ-ปอน ต้องบอกว่าเก่งภาษา สามารถอ่านไปได้...!"

เถรี
19-06-2019, 06:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมารับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภองวดนี้ไม่เปลืองสตางค์ เพราะว่าฉลองพร้อมกับงานอายุ ๖๐ ปี พรรคพวกค้อนกันขวับ จะกินอีกสักยกหนึ่งก็ไม่ได้ เจ้านายเมตตาตั้งให้ก่อนอายุ ๖๐ ปีแค่ไม่กี่วัน

หลวงพ่อเจ้าคุณปัญญาแจ้งให้ทราบคืนวันที่ ๒๘ ตอนมางานศพของท่านอาจารย์มหาสันติ บอกว่า “อาจารย์...หลวงพ่อเจ้าคณะภาคโอเคแล้วนะ เดี๋ยวตราตั้งจะมาวันที่ ๓๐ นี้เลย ในงานประชุมพระสังฆาธิการที่วัดตะคร้ำเอน อาจารย์ต้องเตรียมไทยธรรมถวายท่าน แล้วก็เตรียมกรอบสำหรับตราตั้งไปด้วย” ปรากฏว่าไปถึงคณะกองงานเลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๔ เตรียมมาเรียบร้อยหมดเลย อาตมาเตรียมกรอบไปเสียสตางค์เปล่า กรอบละตั้ง ๕๐๐ บาท..!"

เถรี
19-06-2019, 06:52
ถาม : ความแตกต่างของยันต์เกราะเพชร กับยันต์หมอกมุงเมือง ต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : อันดับแรกเลยที่มาก็ต่างกันแล้ว ยันต์หมอกมุงเมืองมาสายล้านนา ยันต์เกราะเพชรมาสายภาคกลาง แต่ก็เน้นไปทางป้องกันเหมือนกัน ก็คือครูบาอาจารย์แต่ละท่านมีวิชาการ ก็จะมีสายวิชาของแต่ละท่านอยู่ หมอกมุงเมืองของทางล้านนาน่าจะเหมือนพวกวิรุญจำบังของภาคกลางมากกว่า ก็คืออยู่ในลักษณะที่เรียกว่าปิดกันเลย ป้องกันไม่ให้อันตรายต่าง ๆ เข้าไปในบริเวณนั้น แต่ว่ายันต์เกราะเพชรนี่เอาไว้สะท้อนกลับ

ถ้าจะเทียบความต่างก็ต่างกันตั้งแต่สายวิชาการแล้ว ในลักษณะการใช้งานก็คือ อันหนึ่งปิด ลักษณะเหมือนกับครอบไว้ ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามา แต่อีกอันหนึ่งนี่เข้ามาได้ แต่จะย้อนกลับ เพราะฉะนั้น..หมอกมุงเมืองนี่ดูเหมือนวิรุญจำบังของภาคกลางมากกว่า

เถรี
19-06-2019, 07:09
โยมเอามีดหมอมาให้พระอาจารย์ดู "จำไว้ว่าเรื่องของงาช้างสีจะไม่เสมอกัน ถ้าสีเสมอกันแปลว่าถ้าไม่โดนทอดน้ำมันก็รมควันมา อันนี้รมควันมา สีเท่า ๆ กันทั้งอัน ปกติสีงาช้างมีอ่อนมีแก่ตามการใช้งาน

ใบมีดเก่าสนิมขุมจะกินลึกเข้าไปในเนื้อ ถ้าหากว่ากินในลักษณะนี้แสดงว่าเขาไปแช่น้ำกรดให้เป็นสนิม สนิมขุมเวลากินจะกินเสมอกัน ใหญ่บ้างเล็กบ้างนี่ประเภทตั้งใจทำมา"

เถรี
19-06-2019, 07:13
"มีดหมอปากกาสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเดิมนั้นหายากสุด ๆ โดยเฉพาะสภาพสมบูรณ์ชนิดไม่มีหลุดไม่มีแหว่ง รับประกันซ่อมฟรีว่าถ้าใครได้ไป ก็เหมือนกับถูกรางวัลที่หนึ่งชัด ๆ คือสภาพอย่างนั้นเขาเรียกว่าสภาพผิวหิ้ง คนได้ไปนี่ประเภทขึ้นหิ้งเก็บอย่างเดียวเลย"

เถรี
19-06-2019, 07:15
"อย่าเสียกำลังใจ ถือว่าซื้อความรู้ ถ้าเป็นภาษาในวงการพระเขาเรียกว่าค่าหน่วยกิต จ่ายค่าหน่วยกิตเรียนไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จบเอง แหม...หลายคนนี่โดนค่าหน่วยกิตเยอะเหลือเกิน..!

เริ่มแรกอย่าไปเล่นของแพง สำคัญที่สุดคือต้องได้เห็นของจริงก่อน แล้วที่หนักกว่านั้นคือต้องเป็นคนช่างสังเกตและขี้สงสัยทุกอย่าง อย่าไปฟังนิทานที่เขาเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไป แต่ให้ดูว่าของนั้นใช่หรือเปล่า ถ้าไปฟังนิทานนี่เดี๋ยวเผลออยากได้ก็เสร็จเขา"

เถรี
19-06-2019, 07:20
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้การเห่อกัญชาของบ้านเราต้องบอกว่ามากเกินไป ตำรายาแพทย์แผนไทยของเราใช้กัญชาเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้บอกให้ชัด ๆ แล้วกัญชาไม่ใช่ยาสารพัดประโยชน์ที่ตอบโจทย์ทุกข้อได้

ไปนึกถึงตำราเวชศาสตร์วรรณาโบราณ สมัยก่อนหลวงปู่ธรรมชัยท่านศึกษา แล้วท่านก็บอกว่า โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็หาย โรคบางอย่างต้องรักษาถึงจะหาย ถ้าไม่รักษาจะตาย โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็ตาย

พระอาจารย์มหาสันติ โชติกโร ป.ธ. ๙ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนารามหรือวัดท่ามะขาม เป็นมะเร็งตับอยู่ ๒ ปี รักษาด้วยกัญชาไม่ได้ผล ส่วนหนึ่งอาตมาคาดว่า เพราะว่าท่านรักษาแบบแผนปัจจุบันด้วยการผ่าตัดแล้วก็ฉายรังสี การผ่าตัดฉายรังสีเท่ากับว่าตั้งใจฆ่ามะเร็ง คราวนี้มะเร็งเป็นสิ่งแปลกปลอม ที่เกิดจากพัฒนาการเพื่อเอาชีวิตรอดในสถานที่ยากลำบาก เมื่อเป็นเช่นนั้นพอโดนรังสีเข้าไป เขาก็ต้องพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะเอาตัวรอด ก็มีการปรับปรุงสารพันธุกรรมของตัวเอง คราวนี้มะเร็งปรับเร็วจนยาตามไม่ทัน

สมมุติว่าเราเอารังสีเข้าไปเพื่อฆ่านายเอ แต่ไอ้นี่กลายเป็นนายบีไปแล้ว หรือจะฆ่านาย ก. แต่กลายเป็นนาย ข. ไป แล้วจะไปฆ่าอีท่าไหน ? พอจะฆ่านาย ข. กลายเป็นนาย ค. ไปอีกแล้ว เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครไปรักษามะเร็งด้วยการผ่าตัดฉายรังสี โอกาสรอดมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ท่านอาจารย์มหาสันติ แม้ว่าเป็นในช่วงที่เขาเห่อเรื่องน้ำมันกัญชารักษาโรค อาตมาเองก็ยังถามว่าจะลองรักษาวิธีนี้ไหม ? ท่านถ่ายรูปมาให้ดู ถือน้ำมันกัญชากำอยู่ในมือ ๒ ขวด สรุปว่า...ตาย..!"

เถรี
19-06-2019, 07:22
"โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็ตาย เพราะว่าวาระมาถึง เราจะไปคิดว่าท่านเป็นพระหนุ่ม เพิ่งจะอายุ ๔๕ ปี จบเปรียญธรรม ๙ ประโยคมา ป้องกันกรรมได้ที่ไหนเล่า ?

ไปดูหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ สิ นั่นพระอรหันต์แท้ ๆ เลย ท่านก็เป็นมะเร็ง ท่านบอกว่าท่านจะเป็นมะเร็งที่ตับ รักษายาก ท่านก็เลยขอให้ออกมาเป็นข้างนอก ก็เลยมาเป็นที่คอ ช่วงที่หมอทำการรักษาอยู่ ตอนทำความสะอาดล้างแผล หมอบอกว่าบางทีเห็นเนื้อหลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ เป็นก้อน ๆ ขนาดหัวไม้ขีดเลย

หลวงปู่ท่านก่อนนอนให้เขาทำแผลไปเรื่อย พอถึงเวลาทำแผลเสร็จเรียบร้อยก็ลุกขึ้นมา...ยถาฯ สัพพีฯ อวยชัยให้พรกับหมอเหมือนคนปกติ ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร ถ้าเป็นคนอื่นลองดูสิ...จะร้องไป ๓ บ้าน ๘ บ้านไหม ?

นั่นคือลักษณะของบุคคลที่ปล่อยวางเป็นสังขารุเปกขาญาณ เข้าถึงความปล่อยวางในสังขาร โดยเฉพาะจิตสังขารคือการปรุงแต่ง ในเมื่อจิตไม่ไปปรุง ไม่ไปยึดว่าร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา เจ้าอยากจะเป็นอะไรก็เรื่องของเจ้าเถิด ก็จะมีสภาพแบบนั้น แต่ถ้าคนที่ทำไม่ถึงตรงจุดนี้ก็จะเจ็บปวดทรมานมาก

เพราะฉะนั้น..บ้านเราต่อให้กฎหมายอนุญาต เชื่อเถอะว่า..จะมีไอ้พวกเสียผู้เสียคนเพราะกัญชาอีกเยอะ เพราะว่าบ้านเราขาดหลักธรรมในมัชฌิมาปฏิปทา ไม่รู้จักความพอเหมาะพอดี"

เถรี
19-06-2019, 07:27
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีเรื่องอยู่อย่างหนึ่งที่ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ บางคนคุณจะทำตัวเล็กขนาดไหนก็เล็กไม่ได้ โดยปกติการตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอหรือตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ เขาจะประกาศแล้วส่งไปทางอำเภอ ทางอำเภอก็จัดพิธีรับ ส่วนมากก็จะนิมนต์เจ้าคณะตำบลทั้งหมดมา ถ้าหากว่าวัดไหนมีกำลังมาก ก็อาจจะนิมนต์เจ้าอาวาสทั้งหมดมา ก็แปลว่ารับรู้กันเฉพาะในเขตของตัวเอง

แต่ปรากฏว่าอาตมานี่รับ ๕๔๗ วัด ทั้งจังหวัดรู้กันหมดยังไม่พอ ยังกระโดดข้ามจังหวัดไปอีก มีแต่พวกมาแสดงความยินดี ทำไมรู้เร็วกว่าเราวะ ? นี่อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็อย่างหลวงพ่อพระครูวิศาลกาญจนกิจ (หลวงพ่อพระครูโท) ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดตะคร้ำเอน หลวงพ่อพระครูโทนี่มาแบบเดียวกันเลย ก็คือตอนตั้งท่านเป็นรองเจ้าคณะอำเภอเมื่อปีที่แล้ว ก็ตั้งในที่ประชุมคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เพราะฉะนั้น..เขารู้ทั้งภาคเลย

ของอาตมานี่ยังถือว่าเบา บารมียังสู้หลวงพ่อโทไม่ได้ แค่รู้กันทั้งจังหวัด ขณะที่อำเภออื่น ๆ รองอำเภออื่น ๆ เขาตั้งกันมา เขารู้กันแค่ในอำเภอของตัวเอง ยกเว้นว่าพรรคพวกสนิทใกล้ชิด เขาก็จะบอกกล่าวกัน หรือไม่ก็ไปรู้กันอีกทีตอนที่เขานิมนต์ไปงานฉลอง แต่ประเภทรู้กันตอนตั้ง รู้พร้อม ๆ กันทั้งจังหวัด...น้อยมาก อาตมาก็ว่า กูพยายามทำตัวเล็ก ๆ ลีบ ๆ แล้วนะ เล็กไม่ได้อย่างชื่อสักที"

เถรี
19-06-2019, 07:34
ถาม : ทำบุญอย่างไรจึงจะไม่ให้คนที่เสียชีวิตไปแล้วโดนหมอผีมารังแก ?
ตอบ : ถวายสังฆทานให้ไป ถ้ารับสังฆทานไปแล้วเขาจะมีกำลังเท่ากับเทวดา หมอผีที่ไหนก็เล่นเทวดาไม่ได้หรอก มีแต่จะโดน "ตื้บ" มีอยู่จำพวกหนึ่งประเภทถึงเวลาก็จะเรียกไปใช้งาน พวกนั้นต้องสั่งสอนให้เข็ด รีบ ๆ ถวายสังฆทานให้คนตายไปเยอะ ๆ เลย

เถรี
19-06-2019, 07:38
ถาม : นำเงินสังฆทาน หย่อนช่องธรรมทานกับวิหารทานได้ไหม ?
ตอบ : ได้...เงินสังฆทานทำสังฆทานได้ ทำสิ่งที่มีอานิสงส์มากกว่าสังฆทานได้ ถ้าน้อยกว่าทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น..วิหารทานกับธรรมทานอานิสงส์มากกว่าสังฆทาน สามารถที่จะทำได้

เถรี
19-06-2019, 07:43
ถาม : เคยไปอยู่วัดหนึ่ง มีป้าคนหนึ่งเอากฐินที่เก็บได้จากวัดนั้น แต่เป็นของวัดอื่นที่ทอดไปแล้ว จึงนำเงินใส่ซองแล้วเขียนว่าคืนเงินกฐิน เขาเอาไปคืนตรงที่เขาเจอ แล้วก็นึกถึงพระ อธิษฐานย้ายคืนได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ทันตายก็แก้ไขได้ ก็คือเรารู้ว่าเป็นของวัดไหนก็เอาไปถวายคืนให้วัดนั้น แต่มีข้อแม้ ข้อแม้นี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลา ถ้านานเกินไป มูลค่าก็เปลี่ยน สมมติว่าสมัยโน้นเขาทำบุญ ๒๐ บาทกับวัดที่หนึ่ง แต่พอผ่านไปหลายสิบปี มูลค่า ๒๐ บาทสมัยก่อนอาจจะได้ก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่ง สมัยนี้อาจจะเหลือครึ่งชาม เราก็ต้องเพิ่มให้ได้กับมูลค่าปัจจุบันไป

ถาม : แต่อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นของวัดอะไร ?
ตอบ : ถ้าไม่รู้ว่าวัดอะไรก็เฮงซวยหน่อย เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะแก้ไขได้ถูกต้องไหม

ถาม : แต่เอาไว้วัดที่เขาเจอได้ไหมครับ ?
ตอบ : แปลว่าได้ทำ คราวนี้ถ้าทำไม่ตรงก็ลำบาก เพราะเจตนาเขาระบุชัดเจนว่าเขาจะทำกับวัดไหน คราวหน้าอย่าไปยุ่งก็แล้วกัน

เถรี
19-06-2019, 07:46
ถาม : แล้วถ้าหากว่าแยกเงินทำบุญไว้หลายอย่าง ใส่กล่องไว้ แล้วแม่บ้านเขาเอามารวมกันหมดเลย แล้วทิ้งกล่องไป ไม่รู้จะเอาเงินอันนั้นไปทำอะไร?
ตอบ : ก็ต้องบอกว่าเป็นความเฮงของแม่บ้านไป ให้พยายามทำในส่วนของสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทานเอาไว้ก่อน ส่วนอื่นก็เหลือโทษน้อยแล้ว

ถาม : ส่วนที่ทำไว้จะแก้อย่างไร เรื่องที่เราไม่รู้ว่าเป็นวัดอะไรแล้วเอาไปคืนที่วัดไม่ได้ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าไปเสี่ยงดวงเอาเอง หรือไม่ก็พยายามที่จะทำกฐินในลักษณะที่ตั้งใจว่าทำทดแทนตรงส่วนนั้น ก็คือตอนนี้ในเมื่อเราตั้งใจทำทดแทน แม้ว่าจะไม่ได้ตรง แต่อย่างน้อยก็ผ่อนหนักเป็นเบาได้

อย่าไปใส่ใจมากนัก ถึงเวลาไม่มาเกิด กรรมที่ไหนก็ตามไม่ได้หรอก ใส่ใจมากเดี๋ยวก็เครียดเสียเปล่า ๆ

เถรี
19-06-2019, 07:59
พระอาจารย์กล่าวว่า "พูดถึงโยมแม่ของท่านเจ้าคุณอนันต์ (พระราชภาวนาโกศล, วิ.) ต้องบอกว่าคนแก่ส่งศพลูกนี่อนาถมากนะ ต้องดูโยมทองร่วม กลีบทอง แม่ของพระมหาสันติเป็นตัวอย่าง มีลูกชาย ๖ คน เผาลูกไป ๓ คน นี่เป็นคนที่ ๔ แล้ว..! ก็แปลว่าลูกชายตาย ๔ คน พอเช้าวันที่ ๑๙ อาตมายังอยู่ที่วัดท่ามะขามเพราะว่าไปค้างคืน เจอหน้าก็บอกกับโยมว่า “ไม่ต้องห่วงนะ มหาสันติไปดี แล้ว เขาเลือกไปวันพระใหญ่คือวันวิสาขบูชาด้วย โบราณเขาถือว่าไปอยู่กับพระพุทธเจ้า”

โยมแม่เขาบอก “อ้าว...ไปเมื่อวานหรือ ? นึกว่าไปเมื่อคืนเสียอีก พวกนี้ไม่มีใครบอกแม่เลย” ก็บอกว่าเขาคงกลัวแม่จะเสียใจ “โอ๊ย...แม่ทำใจมานานแล้ว” สรุปว่าห่วงเสียเปล่า ๆ คนแก่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เพราะเห็นว่าป่วยหนักมา ๒ ปีแล้ว ทำใจไว้แล้ว เผาลูกไป ๓ ศพแล้ว ศพที่แล้วก็คือหมอฉลอง ไปเผาที่วัดท่าขนุน อาตมาเอาศพไปทางด้านโน้น ทั้ง ๆ ที่เขาจะเผาที่วัดท่ามะขาม โยมก็บอกว่าถ้าไม่ใช่อาจารย์เล็กนะ ไม่ให้มาหรอก ต้องบอกว่า..ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวให้โยมแม่ตามไปดูก็แล้วกัน ว่าทำไมต้องเอาหมอฉลองไปเผาที่ทองผาภูมิ

ปรากฏว่าวันงานศพหมอฉลอง อาตมาเตรียมเก้าอี้เก่า ๔๐๐ ตัว เก้าอี้ใหม่อีก ๓๐๐ ตัว รวมแล้ว ๗๐๐ ตัวยังไม่พอให้แขกนั่ง เขามากันเกือบทั้งอำเภอ โยมแม่ทองร่วมถึงได้บอกว่า เข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์ถึงต้องเอาศพหมอฉลองมาเผาที่ทองผาภูมิ คือหมอฉลองเป็นคนที่ช่วยเหลือคนอื่นโดยที่ไม่เคยคิด พูดง่าย ๆ ก็คือว่าใครมีอะไรให้ช่วย จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่หมอช่วยเขาหมด ก็เลยกลายเป็นที่รักของคนทั้งอำเภอ

ทางทองผาภูมิก็บอกว่า อาจารย์..เมืองกาญจน์ฯ ไกลมาก โยมหลายคนก็แก่แล้ว ให้เดินทางที ๑๔๐ กว่ากิโลเมตรลงไปเผาหมอฉลองก็ไม่ไหวหรอก อาจารย์เอาศพขึ้นมาเผาบนนี้เถอะ ทางด้านโน้นก็บอกว่าทองผาภูมิไกล ญาติโยมก็อยู่กันแต่ทางนี้ สรุปว่าถ้าไม่ใช่เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนไปเอานี่ ญาติทางโน้นเขาไม่ให้ศพมาหรอก"

เถรี
19-06-2019, 08:02
"คราวนี้พอจัดพิธีให้เขาเห็น เขาก็..เออ...สมเกียรติ สมฐานะ แล้วก็คนมางานศพเยอะแยะมากมายขนาดนั้น ญาติโยมเขาก็รับได้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะได้บ่นกัน เพราะว่าคนแก่อย่างลุงอ่อน อย่างแม่ทองร่วม อย่างแม่ทองเหมาะ แต่ละคนอายุเกิน ๘๐ ปีทั้งนั้น ต้องเดินทางไกลมาเผาหลานตัวเอง

สิ่งที่โยมแม่ทองร่วม กลีบทอง เขาทำ ต้องบอกว่าเป็นลักษณะของคนที่เริ่มเห็นธรรมดาในชีวิตแล้ว แต่ถ้าจะเอาระดับนางมัลลิกาภรรยาของพันธุลเสนาบดี อันนั้นต้องบอกว่าเข้าถึงธรรมจริง ๆ จัดงานบุญทำบุญเลี้ยงพระ คนใช้มาสะกิดกระซิบบอกข่าวว่า สามีกับลูกชายออกไปปราบโจรที่ชายแดน โดนฆ่าตายหมดทั้งบ้านเลย

นางมัลลิกาก็ทำบุญใส่บาตร ฟังพระสวดตามปกติ ประเคนภัตตาหารรอพระฉันเสร็จ กรวดน้ำรับพรเรียบร้อย พระท่านก็สงสัย เมื่อครู่นี้คนใช้เข้ามากลางคัน น่าจะมีเรื่องสำคัญ อุบาสิกาพอจะบอกพระได้ไหม ? เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ เพราะว่าตอนนี้สามีกับลูก ๆ ก็ไม่มีใครอยู่ ท่านก็บอก อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ เขามาบอกว่าสามีกับลูกที่ไปปราบโจรที่ชายแดน โดนโจรฆ่าตายหมดแล้ว

สรุปว่าพระตกใจ กลัวโยมจะเสียใจ แต่โยมเห็นธรรมดาในชีวิต ไม่รู้สึกรู้สา ในความรู้สึกก็คือต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ถึงเวลาก็ต่างคนต่างตาย ไม่ได้ตายด้วยกัน จีนเขามีภาษิตอยู่บทหนึ่งว่า สามีภรรยาเหมือนนกร่วมพนา ก็คือผัวเมียเหมือนนกป่าเดียวกัน พอเภทภัยกรายมาแยกย้ายบินจาก พอมีภัยมาก็ดี เจ็บไข้ได้ป่วยก็ดี ถึงเวลาก็ต่างคนต่างจากไป"

เถรี
19-06-2019, 08:06
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปี ๒๕๒๓ อาตมาเป็นนักเรียนนายสิบ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด เริ่มผลิตบะหมี่แห้ง Instant Noodle ตัวทดสอบคือทหารอย่างพวกอาตมา เขาส่งไปให้ลองกินดูก่อน ดูว่าใช้ได้ไหม ขอบอกว่าบะหมี่แห้งที่ผลิตมาใหม่ ๆ มีแต่บะหมี่อย่างเดียว ถึงเวลาเอาไปลวกน้ำแล้วก็เค็ม ๆ หน่อย

หลังจากนั้นก็มีการผลิตในลักษณะที่เรียกว่า เอาน้ำซุปไก่มาชุบ แล้วก็อบแห้งเพิ่มรสชาติ ท้ายสุดไม่ได้เรื่องสักอย่างหนึ่ง ก็เลยมีนักเลงดีคิดใส่เครื่องปรุง เออ...คราวนี้ใช้ได้ สมัยนั้นอาตมาเรียกว่าบะหมี่แก้ผ้า เพราะว่าไม่มีซองอะไร มาเป็นก้อน ๆ อย่างนั้นแหละ ถึงเวลาก็บรรจุถุงใหญ่มา ถุงละ ๕๐ ก้อน เอามาลองเลี้ยงทหาร

คราวนี้พอได้รับข้อติชมไปจนถึงระดับที่อยู่ตัว ก็คือรสชาติใช้ได้แล้ว ประเภทที่เรียกว่าจากที่ “แหลกไม่ได้” ก็กลายเป็น “ไม่ค่อยจะเหลือให้แหลก” เขาก็เริ่มใส่ยี่ห้อ ก็มีการผลิตซอง มียี่ห้อมีสีสันขึ้นมาบรรจุ ก็เลยเปลี่ยนจากบะหมี่แก้ผ้ามาเป็นบะหมี่ซอง นั่นก็คือบะหมี่แห้งยี่ห้อแรกของประเทศไทยที่ปรากฏขึ้นในโลก ชื่อ.... ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไม่ว่าคุณจะมายี่ห้อไหน คนก็เรียกชื่อเหมือนกันหมด

ขอให้รู้ว่าบะหมี่สำเร็จรูปนี้มาจากค่ายทหาร มีพวกอาตมาเป็นหนูลองยา ปลากระป๋องแก้ผ้าก็กินมาไม่รู้ว่ากี่ยี่ห้อ แล้วพวกนี้พอผลิตเสร็จเอาไปส่งให้ทหารทดสอบดู ถ้าผ่านก็แปลว่าขายได้ ที่ดีที่สุดที่เคยกินมาก็คือปลาซาร์ดีนทอดรสเผ็ด อันนั้นต้องบอกว่าคนทำเก่งจริง ๆ แต่ของทหารไม่มีหรอกนะพวกฝาห่วง เขามีแต่ฝาปิดธรรมดาให้ไปเปิดกันเอง ฝาห่วงราคาแพง พอบอกว่ารสชาติผ่านก็ทำขาย ทหารทุกวันนี้น่าสงสารมาก ที่เหลืออยู่ก็คือรอดตายจากการทดลองอาหารมาทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้น...ถ้าจะไม่เต็มเต็งบ้าง ขี้โมโหบ้าง อยากเป็นนายกรัฐมนตรีบ้าง ก็ต้องบอกว่าเป็นผลข้างเคียงของพวกอาหารทดลอง...!"

เถรี
19-06-2019, 08:08
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครปฏิบัติธรรมงวดถัดจากฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมา วุฒิบัตรใหม่โปรดสังเกตว่าตัวหนังสือเปลี่ยน จากเจ้าคณะตำบลเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ เดี๋ยวมาคราวนี้วุฒิบัตรทำไมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยหรือ ? มี...ตราเปลี่ยน..!"

เถรี
19-06-2019, 08:12
พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า โม้ จริง ๆ แล้วเป็นภาษาอีสานนะ ความหมายเพี้ยนตอนไหนไม่รู้ อีสานไม่ได้ออกเสียงโม้ตรง ๆ แต่ออกเสียงเหมือนกับเป็นโม่ แปลว่าใหญ่ เพราะฉะนั้น..คุณหญิงโมนั่นไม่ใช่นะ เอ้า...สาวอีสานออกเสียงให้หน่อยสิ คำว่าใหญ่ออกเสียงว่าอย่างไร ? ออกเสียงโม้ตรง ๆ ก็ไม่ได้ คุณหญิงโมนั่นไม่ใช่ ต้องคุณหญิงโม่

"เขียดโม้เขียดขาคำ คือหมอลำพากันม่วน" เขียดโม้คือเขียดตัวใหญ่ "เมฆดำลอยปั่นป่วน ฝนตกมาสู่อีสาน" คนร้องไม่รู้จักภาษาอีสาน ก็เลยร้องว่า "หอมดอกผักขะแยง ยามฟ้าแดงค่ำลงมา" จริง ๆ แล้วต้องฟ้าแลง แลงก็คือเวลาค่ำ งายคือเวลาเช้า"

เถรี
19-06-2019, 08:16
พระอาจารย์เล่าว่า "บางทีคนเขาเห็นอาตมาลงไปเก็บศพ ไปกอบกระดูก ฝุ่นกระจายว่อนเลย “อาจารย์ไม่กลัวติดโรคหรือ ?” จะไปเหลืออะไร เผาจนเป็นฝุ่นไปแล้ว ยกเว้นว่าเชื้อโรคมาจากต่างดาว ประเภททนความร้อนได้หลายพันองศาเซลเซียส ถ้าอย่างนั้นก็ยอมเป็นเถอะ..หายากนะ..โรคแบบนั้น

คราวก่อนเก็บศพของหลวงพ่อพระเทพเมธากร เก็บกระดูกชิ้นใหญ่เสร็จคนอื่นก็ไม่กล้าแตะ อาตมาลงไปกอบจนกระทั่งฝุ่นสักนิดก็ไม่เหลือ ขึ้นมากระมอมกระแมม ดำ ๆ ด่าง ๆ ไปทั้งตัว ญาติพี่น้องของหลวงพ่อเขาร้องว่า “โอ้โฮ...อาจารย์ลงทุนขนาดนั้นเลย” ก็ตอนเป็นรักกัน ตอนตายดันจะไปรังเกียจกันทำไม ? ของอาตมานี่ราคาเท่ากัน จะคนเป็นคนตาย ก็ปฏิบัติเหมือน ๆ กัน"

เถรี
19-06-2019, 08:25
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนแรกอาตมาไม่รู้ว่าการฝึกทหารนั้นมีประโยชน์มากมายมหาศาลขนาดไหน เมื่อวานนี้รับตราตั้งรองเจ้าคณะอำเภอ รูปที่เขาถ่ายออกมาทั้งหมด เห็นว่าตัวเองหลังตรงมาก ติดมาตั้งแต่สมัยนั้น ฝึกจนกลายเป็นเลือดเป็นเนื้อของตัวเอง แก้ไม่ได้แล้ว พอถึงเวลานั่งก็ต้องหลังตรง

ยิ่งมาปฏิบัติกรรมฐาน บาลีในมหาสติปัฏฐานสูตรบอกไว้ชัด ๆ อุชุง กายัง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้เฉพาะหน้า ก็เลยยิ่งกลายเป็นความเคยชินหนักเข้าไปใหญ่ มาดาบสุดท้ายที่โดนบี้เสียเกือบตายเลยก็คือหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม พอถึงเวลาท่านจะใช้งาน ท่านซ้อนลงมาตัวตรงเป๊ะ กระดิกไม่ออกเลย เพิ่งจะรู้ว่าทุกอย่างพอรวม ๆ กันแล้ว ผลออกมาก็คือรูปที่เห็น ไม่นึกว่าตัวเองจะกลายเป็นคนหลังแข็ง ก้มไม่เป็น"

เถรี
19-06-2019, 08:28
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ใครทำงานอยู่ก็รักษาหน้าที่การงานของตนให้ดี ทำให้เต็มที่ไป เพราะว่าเรายังไม่มีรัฐบาลบริหารประเทศอย่างแท้จริง ต่อให้ตั้งรัฐบาลได้ก็จะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ประมาณว่าต้องมีงูเห่าเพ่นพ่านไปหมด รู้จักงูเห่าไหม ? อยู่พรรคนี้ไปช่วยพรรคโน้น เพราะว่าเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน อะไรประมาณนั้น

ท้ายสุดการปฏิวัติที่ทำให้ประเทศชาติถดถอยไล่ใครไม่ทันก็เสียของ ย้อนกลับไปที่เดิม เริ่มจาก คสช. ก็คือบรรดาคนดีทั้งหลายที่เข้ามายึดอำนาจไป เพราะเห็นว่านักการเมืองมีแต่คนชั่ว พูดง่าย ๆ ก็คือเข้ามาเป็นกรรมการ ป้องกันไม่ให้แบ่งฝักแบ่งฝ่ายทะเลาะเบาะแว้งกัน ทั้ง ๆ เลือกฝ่ายอยู่เห็น ๆ แล้วก็มา กกต. คณะกรรมการการเลือกตั้ง ในสายตาของคนที่ไม่ได้กินหญ้าก็เห็นอยู่แล้วว่าไม่มีความยุติธรรมเลย เพราะว่ากรรมการโดดเข้าไปเล่นเอง กฎเกณฑ์กติกาทุกอย่างก็เขียนมาเพื่อฝ่ายเดียว แต่ก็ยังเอาชนะเขาอย่างเด็ดขาดไม่ได้ น่าไปผูกคอตายจริง ๆ เลย ไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่อุทานว่า “โถ...อีช่อ..!”

เถรี
19-06-2019, 08:30
"อาตมาก็นึกถึงอริสโตเติล นักปราชญ์กรีก ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว กล่าวอมตวาจาเอาไว้ว่า “ความดีของคนหมดสิ้นไปทันทีที่เล่นการเมือง” ก็ไม่นึกว่าจะยังใช้ได้มาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่คราวนี้สังคมเปลี่ยนไป คนรุ่นเก่าเล่นการเมืองเพื่อประเทศชาติ คนรุ่นใหม่เล่นการเมืองเพื่อพวกพ้องและตัวกู ความรู้จักพอไม่มี มิตรแท้และศัตรูถาวรไม่มี สภาพเลยออกมาเละเทะดูไม่ได้อย่างที่เห็น

เราจะไปหานักการเมืองน้ำดีแบบสมัยก่อนหายากมาก เพราะว่าทุกคนต่างก็ทำเพื่อประโยชน์ของพวกพ้องและตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ ทั้ง ๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งปัจจุบันก็คือสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ ทรงประพฤติปฏิบัติพระจริยวัตรต่าง ๆ เป็นแบบอย่างให้เห็นว่า การทำเพื่อประเทศชาติจริง ๆ นั้นเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่ได้ซึมซับเข้าไปเลย เหมือนตักน้ำรดหัวตอ

จะเอานักการเมืองน้ำดีอย่างป๋าเปรม ท่านประธานองคมนตรี ๒ รัชกาลและรัฐบุรุษ ก็ถึงแก่อสัญกรรมไปแล้ว เอาอดีตนายกฯ ชวนลงไปก็เหมือนอย่างกับน้ำจืดหยดเดียว จะไปเปลี่ยนน้ำทะเลให้หายเค็มก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น..บ้านเราจะวุ่นวายไปอีกนานมาก ได้แต่หวังว่าบารมีของในหลวง สมเด็จพระบรมราชินี ตลอดจนกระทั่งพระสยามเทวาธิราช ว่าจะช่วยให้ไม่ถึงขนาดต้องนองเลือดกัน"

เถรี
19-06-2019, 08:32
"ตอนแรกที่อาตมาเห็นชุดทหารกองเกียรติยศในการเสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารคเน้นสีดำเป็นหลัก ก็คิดว่าบุคคลผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินจะต้องมีการเสียชีวิต แต่ไม่ได้คิดถึงป๋าเปรมเลย

ตอนอาตมาเป็นทหาร ป๋าเปรมเป็นผู้บัญชาการทหารบก ออกศึกแล้วได้รับเกียรติบัตรชมเชยถึงความที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ผู้ที่ลงนามกลายเป็นพลเอกประยุทธ์ จารุมณี ซึ่งถ้าหากว่าในสายตาทหารทั่วไปแล้ว เปรียบกับป๋าเปรมก็ต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว เพราะว่าป๋าเปรมเป็นทหารม้า มาจากเหล่ารบ แสดงผลงานในการปราบปรามคอมมิวนิสต์ สร้างความสงบให้กับประเทศชาติอย่างชนิดที่เรียกว่าเป็นคุณูปการที่ใหญ่หลวงมาก

แต่พลเอกประยุทธ์ จารุมณี ต้องบอกว่าเป็นเรื่องประหลาดที่สุด เพราะไม่ได้มาจากเหล่ารบ ปกติจะขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบกเป็นได้ยากสุด ๆ เขาต้องการเหล่าทหารราบ ทหารม้า หรือทหารปืนใหญ่ นี่เป็นทหารสื่อสาร แหกคอกมาจากไหนก็ไม่รู้ เป็นผู้ลงนามในเกียรติบัตรของอาตมาเอง ก็เลยเป็นเกียรติบัตรที่ไม่อยากเอาไปอวดใคร เหมือนกับหวังจะได้ลายเซ็นพระเอก แล้วไปได้ลายเซ็นตัวประกอบมาแทน"

เถรี
19-06-2019, 08:35
"ปัจจุบันนี้ได้ผู้ที่ได้รับฉายาว่า "ขงเบ้งแห่งกองทัพไทย" ก็ชราภาพเต็มทีแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปวันไปพรุ่ง สมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงยังอยู่ ตอนนั้นบรรดาทหารไปวัดกันเป็นปกติ ตอนนั้นพลโทพิจิตร กุลละวณิชย์ เป็นผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ ๑ หลวงพ่อท่านเมตตาเตือนว่า “ไอ้เสือ...เอ็งซื่อเกินไป ระวังจะโดนเพื่อนหลอก” ปรากฏว่าบิ๊กเสือของเราโดนเพื่อนหลอกจริง ๆ ก็คือพอจะขึ้นพลโท เพื่อนคือบิ๊กจิ๋ว ขอร้องไว้ว่า “เสือ..ทัพภาค ๑ สำคัญมากนะ เป็นกำลังหลักในการพิทักษ์ราชบัลลังก์เลย ขอให้เสือเป็นแม่ทัพภาค ๑ ไปก่อน” ก็ตกลงเป็นต่อไป

บิ๊กจิ๋วผันตัวเองโดดขึ้นไปเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. อาวุโสไม่ทันกันแล้วนี่ พอถึงเวลามาเป็นคู่ชิง อาวุโสของตัวเองไม่ได้เพราะว่าติดพลโททีหลัง บิ๊กจิ๋วก็ปาดหน้า จากทหารสื่อสารกลายเป็นจอมวางแผน เป็น ผบ.ทบ. ไปอีกคน

อาตมาก็ว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านรู้จริง แต่ว่าเตือนขนาดนั้นแล้วก็อย่างว่า โดยจริตนิสัยแล้วจะให้ท่านพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ ไปวางแผนแย่งชิงตำแหน่งกับใครก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านเป็นคนซื่อ ๆ ตรง ๆ มีอะไรก็ว่ากันตรงไปตรงมาแบบทหาร"

เถรี
19-06-2019, 08:38
"แต่ความน่าชื่นใจปรากฏ ก็คือหลังจากเกษียณอายุแล้ว ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็นองคมนตรี ต้องถือว่าเป็นเกียรติประวัติในชีวิต ล่าสุดน่าจะปี ๒๕๕๗ หรือ ๒๕๕๙ อาตมายังรับรางวัลธรรมาภิบาลสิงห์ทองจากมือของท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นประธานในงานไปถวายรางวัล มีผู้เข้ารับหลายสิบคน แต่ว่ามีพระอยู่ ๔-๕ รูป อาตมาเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น เรียกว่ารางวัลธรรมาภิบาลสิงห์ทอง มอบให้แก่ผู้ที่สร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติในด้านต่าง ๆ ของอาตมานี่เป็นด้านศาสนา ก็เรียกว่ากลับไปเจอคนคุ้นเคยกัน

แต่เนื่องจากว่าท่านเองอายุ ๘๐ กว่าปีแล้ว สุขภาพไม่ค่อยดี เดินก็ต้องถือไม้เท้า มาดทหารขึงขังเดินตบเท้าตึง ๆ แบบสมัยก่อนไม่มีแล้ว เป็นคนแก่เต็มรูปแบบเลย"

เถรี
19-06-2019, 08:44
"เพราะฉะนั้นในปัจจุบันนี้ที่เตือนญาติโยมก็คือ ใครมีงานทำถือว่าโชคดีมากแล้ว รักษาหน้าที่การงานของตัวเองไว้ให้ดี ในขณะที่โลกกำลังปั่นป่วนด้วยสงครามการค้า เราเองไม่ต้องไปแย่งชิงกับใคร แค่ตามเกมเขาให้ทันก็ยากแล้ว ของเรามัวแต่แย่งผลประโยชน์กันอยู่ ถ้าเราดูมิสเตอร์ทรัมป์ ประธานาธิบดีของอเมริกา ที่หลายต่อหลายคนบอกว่าสองสลึง ก็คือไม่ค่อยจะเต็มบาท บ้า ๆ บวม ๆ

ก่อนหน้านี้เขาว่าประธานาธิบดีคิมจองอึลของประเทศเกาหลีเหนือเป็นนักเลงโตป่วนโลก ปัจจุบันนี้นักเลงโตเป็นได้แค่ประเภทเด็กวัดเกเรเท่านั้น ประเภทนักเลงตีหัวหมาด่าแม่เจ๊กตัวจริงปรากฏขึ้นแล้ว ก็คือประธานาธิบดีทรัมป์

แต่คราวนี้แม้ว่าจริตนิสัยของท่านค่อนข้างจะโผงผางโฉ่งฉ่าง แต่สิ่งที่ทำคือเพื่อประโยชน์ของคนอเมริกัน อย่าลืมนะประเทศคืออเมริกา คนคืออเมริกัน ขอประกาศนโยบายอเมริกาเฟิร์ส ทุกอย่างอเมริกาต้องมาก่อน กล้าแม้กระทั่งเปิดศึกสงครามการค้ากับประเทศจีน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางชนะแต่ก็ต้องทำ เพื่อที่จะสร้างเหตุปัจจัยของสงคราม แล้วทำให้อเมริกาขายอาวุธได้

เราจะเห็นว่าในตะวันออกกลางอย่างอิหร่านก็ดี ซีเรียก็ดี อิสราเอลก็ดี เหมือนกับอเมริกาเป็นตัวป่วนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สถานการณ์สุกงอมอยู่เสมอ ให้คนไม่มีความสุข แล้วก็ต้องซื้ออาวุธป้องกันตัวเอง เจรจากับเกาหลีเหนือพอเห็นว่าคิมจองอึลจริงจังคิดที่จะเลิกเป็นเด็กเกเร ตัวเองก็ล้มโต๊ะเอาดื้อ ๆ เพื่อที่จะให้โลกป่วนต่อไป อเมริกาจะได้ขายอาวุธได้"

เถรี
19-06-2019, 08:45
"สิ่งทั้งหลายเหล่านี้คนมีปัญญาเขาเห็นกันทั้งนั้น แต่ถ้าเราพิจารณาแล้วจะเห็นว่าเขาทำเพื่อประเทศชาติตัวเอง แล้วบ้านเราหลังจากในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปแล้ว มีใครทำเพื่อประเทศชาติตัวเองอย่างชัดเจนบ้าง ? ยังไม่มี

ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ กำลังพยายามรวบรวมกำลังใจของคนซึ่งขาดที่พึ่งเมื่อสิ้นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน...ก็เป็นไปได้ยาก เนื่องเพราะว่าสิ่งที่นักการเมืองต่าง ๆ พากันทำอยู่นั้น เหมือนกับว่ากลายเป็นยุแยงให้คนแตกกันมากขึ้น เลือกข้างกันมากขึ้น

ดังนั้น..ในปัจจุบันนี้ใครมีกิจการของตัวเอง รักษากิจการที่มีให้ดี ใครมีหน้าที่การงานก็ทำให้เต็มที่ ทำแบบในหลวงรัชกาลที่ ๙ อันดับแรกคือเพื่อตัวเอง อันดับสองคือเพื่อครอบครัว ไม่อย่างนั้นแล้วสถานการณ์ประเทศชาติแบบนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะอดเหมือนเกาหลีเหนือเมื่อไร อย่าไปหวังพึ่งกัญชา เป็นไปไม่ได้ กัญชามีไว้สำหรับนายทุนและนักการเมือง ไม่ใช่สำหรับประชาชนทั่วไป"

เถรี
19-06-2019, 18:47
พระอาจารย์กล่าวว่า "พลังแห่งการกำเนิด พ่อเขาเรียก ชนก อ่านว่า ชะนะกะ แปลว่าผู้พาไปเกิด แม่เรียกว่า ชนนี แปลว่าผู้รองรับการเกิด สรุปก็คือพ่อพามา แม่รับไว้ก็แล้วกัน

เพราะฉะนั้น..เราก็มีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เป็นสมเด็จพระบรมชนกนาถ"

เถรี
19-06-2019, 20:22
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันที่ ๒๗ ที่ผ่านมา ไปปลุกเสกเหรียญพระพุทธชินราช - พระนเรศวรมหาราช วาระ ๔๒๙ ปีครองราชย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไปแล้วก็ถอนใจเฮือกใหญ่ ว่าดูท่ากูจะแก่จริง ๆ แล้วแหละ เพราะนอกจากหลวงพ่อพระธรรมเสนานุวัตร ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ที่อายุกาลผ่านวัยจนเกษียณ เกจิอาจารย์ที่นิมนต์ไปก็ดูท่าจะมีแต่หลวงพ่อไพรินทร์รูปเดียวที่อาวุโสกว่า เออหนอเรา...แก่จนได้ขนาดนี้เลยนะ สรุปแล้วหลวงพ่อพระธรรมเสนานุวัตรท่านจุดเทียนชัย ส่วนอาตมามีหน้าที่ดับเทียนชัย

แล้วก็มีการนิมนต์ปลุกเสกอีก ๒ งาน วันที่ ๒๙ เดือนนี้ กับ ๒๘ เดือนหน้า ต้องบอกว่ารับได้งานเดียว เพราะว่า ๒๙ เดือนนี้รับสังฆทานอยู่ที่บ้านเติมบุญ แถมกลางเดือนยังมีงาน ๖๐ ปีอีก เอาให้เหนื่อยตายไปเลย

วันที่ ๒๓ มิถุนายนก็พระราชทานเพลิงศพพระมหาสันติ โชติกโร เสียดายเปรียญธรรม ๙ ประโยค หายาก แล้วก็มรณภาพเอาง่าย ๆ ถามว่าเปรียญธรรม ๙ ประโยคหายากขนาดไหน ? ต้องบอกว่า ถ้าใครเรียนจบประโยค ๙ สามารถจบปริญญาเอกได้ ๓ ใบเลย ยากขนาดนั้น"

เถรี
19-06-2019, 22:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณหญิงกอแก้ว บุณยจินดาท่านมาทำบุญทุกเดือน มาบ้านนี้แล้วลำบากใจหน่อย ส่วนใหญ่ก็นั่งแบกับดินหมด แต่ส่วนใหญ่แล้วนักปฏิบัติธรรมจริง ๆ ก็ถือเป็นโอกาสในการลดทิฐิมานะ แต่บางคนก็จะกลายเป็นพอกพูนทิฐิมานะ ว่าเราเป็นใหญ่เป็นโตขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ต้อนรับให้ดีกว่านี้หน่อย ฯลฯ สารพัดที่จะคิด

อาตมาถึงได้บอกว่า คนเราในปัจจุบันทุกข์เพราะความคิดของตัวเอง ถามว่าจะเลิกคิดได้ไหม ? ได้...ถ้าทำถึงเมื่อไรก็เลิก แต่คนเรากว่าจะเลิกคิดได้ ก็ต้องเห็นโทษว่าการคิดนั้นเป็นทุกข์อย่างไร พอเห็นโทษมาก ๆ ก็กลัว...ถึงเลิกคิดได้

สมัยก่อนพลตำรวจเอกพจน์ บุณยจินดา ทำหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สมัยนั้นเป็น ผบ.ตำรวจแล้วหรือยังเป็น อตร.อยู่ก็จำไม่ได้แล้ว จำได้ว่าปีนั้นท่านไปวัดท่าซุงเพื่อเคารพศพหลวงพ่อวัดท่าซุงที่มรณภาพ แสดงว่าเป็นปี ๒๕๓๕ ยังคุยกับพี่อรรณพ (พันตำรวจเอกอรรณพ กอวัฒนา) อยู่ว่า ท่านมามีตำรวจติดตามมาแค่ ๒ คน จริง ๆ แล้วระดับนั้นเขาแห่กันมาเป็นกองทัพ

พลตำรวจตรีนพเก้า ธัญญศิริ น่าจะใช่...ถ้าผิดพลาดก็ขออภัย ตอนนั้นเป็นผู้การเขตอยู่ ไปกราบหลวงพ่อที่วัดท่าซุง ตำรวจติดตามไปเกือบทั้งจังหวัด คือท่านก็ไม่ได้เรียกร้องหรอก แต่ว่าคราวนี้การแต่งตั้งในเขตนั้นอยู่ในอำนาจของท่าน คนก็ต้องไปเพื่อให้เจ้านายมองเห็น"

เถรี
19-06-2019, 22:21
พระอาจารย์กล่าวว่า "เทคโนโลยีสมัยนี้ต้องบอกว่าก้าวหน้ามาก แต่ยังไม่สามารถที่จะติดต่อผีติดต่อเทวดาได้ แสดงว่ายังไม่เก่งจริง จะมีก็พวกกล้องถ่ายรูป พวกกล้องทีวี บางทีก็ติดภาพที่อธิบายไม่ได้มา อาตมาดูแล้วมีทั้งเปรต มีทั้งอสุรกาย อุตส่าห์ถ่ายติดมา แต่เขาก็คงงง ๆ ว่าสัตว์ใหญ่โตมโหฬารขนาดนั้นทำไมคนอื่นไม่เห็น ? จะบอกว่าอยู่คนละมิติกันก็ได้

ถ้าอย่างในพระสูตรที่มีคนไปพบเด็ก ๒ คนนั่งร้องไห้อยู่ที่ประตูเมือง ถามว่าทำไม ? บอกว่าแม่เข้าเมืองไปหาของกินจนป่านนี้ก็ไม่กลับมา หนูเลยคิดถึงแม่ ก็เลยนั่งร้องไห้ ถามว่าแม่เป็นใคร ? มาจากไหน ? เด็กบอกว่าเป็นเปรต ช่วยไปตามแม่ให้หน่อยได้ไหม ? ก็ถามว่าแล้วจะตามอย่างไร ? เพราะว่าเป็นเปรต

เขาก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นเอารากไม้นี้ไป ถือไปแล้วจะเห็นได้ทั้งหมด ชายคนนั้นก็กำรากไม้เดินเข้าเมืองไป จะเป็นลมตาย...เปรตเดินกันเกลื่อนกลาดไปทั้งบ้านทั้งเมือง หาพวกของบูดของเน่า เศษอาหารที่เจ้าของเขาทิ้งแล้วกินกัน คราวนี้เขามีเวลาจำกัด ถ้าถึงเวลานั้นต้องรีบออก อยู่ต่อไม่ได้

คราวนี้นางเปรตมีลูก ๒ คน ต้องหาอาหารเผื่อลูกด้วย ตัวเองก็ไม่พอจะกินอยู่แล้ว ก็เลยอยู่นานไปหน่อย พอเขาเห็นเขาก็ตะโกนถามว่าใครเป็นแม่ของเด็ก ๒ คนที่อยู่ตรงปากประตูเมือง ? นางเปรตก็ตกใจ ถามว่าแกเห็นข้าได้อย่างไร ? เขาบอกว่าลูก ๒ คนคิดถึงแม่มาก แต่ว่าอำนาจมีน้อย เข้าเมืองมาไม่ได้ ก็เลยขอให้มาช่วยตามแม่ไปด้วย เขามอบรากไม้นี้ให้มาจึงสามารถมองเห็นพวกเจ้าได้

นางเปรตเห็นอย่างนั้นก็ฉวยรากไม้ได้ก็วิ่งออกนอกประตูเมืองไป พอรากไม้พ้นมือชายคนนั้นก็ไม่เห็นอะไรอีกเลยนอกจากบ้านเมืองตามปกติ เพราะฉะนั้น..ถ้าเห็นได้นี่บางคนคงจะเป็นลมจริง ๆ "

เถรี
19-06-2019, 22:23
"ถ้ามีเยอะแล้วสวย ๆ ก็ไม่มีใครเขารังเกียจหรอก นี่แต่ละตนรูปร่างพิกลพิการ ดูไปแล้วฝันร้ายเปล่า ๆ ใหม่ ๆ อาตมาก็กลัวมาก กลัวไปกลัวมา พอรู้จักผีมากเข้า ๆ อ๋อ...เพราะความที่เขาบุญน้อย ยิ่งบุญน้อยเท่าไรหน้าตาก็ยิ่งสวยงามน้อยเท่านั้น ที่เขาปรากฏให้เราเห็นนั้นสวยที่สุดของเขาแล้ว สวยมากกว่านั้นไม่ได้แล้ว จะดึงหน้า ฉีดโบทอกซ์ ผ่าตัดอีท่าไหนก็ไม่สวยไปกว่านั้นแล้ว ส่วนใหญ่เขามาเพราะว่าต้องการความช่วยเหลือ แต่พวกเราพอเห็นก็วิ่งตับแลบ

ก่อนหน้านี้อาตมากลัวผีมาก สมัยก่อนบ้านอยู่บ้านนอก เป็นส้วมหลุม ส้วมหลุมอยู่ใกล้บ้านไม่ได้เพราะว่าส่งกลิ่นเหม็น ก็ต้องไปขุดไว้ไกล ๆ บ้าน คราวนี้กลางคืนใครจะกล้าไป ? ไม่ได้มีไฟตลอดทางเหมือนอย่างสมัยนี้ อย่างดีก็ถือไต้ ถือคบ ถือตะเกียงไปสักดวงหนึ่ง ลมพัดแรงหน่อยก็ดับอีก

เพราะฉะนั้น..ถ้าปวดปัสสาวะตื่นขึ้นมากลางดึก ก็ฝันไปเถอะว่าจะออกจากบ้าน นอนกัดฟันทนยันสว่างนั่นแหละ กระเพาะแทบแตก สว่างเมื่อไรวิ่งออกนอกบ้านได้ คราวนี้ก็ไปยืนแอ่นให้สบายใจ

พอรู้ความจริงว่าผีเป็นอย่างไร ไม่รู้เหมือนกันว่าความกลัวหายไปตอนไหน อาจจะเป็นเพราะว่าเจอมากเข้า ๆ แล้วรู้ว่าจริง ๆ แล้วผีน่าสงสารมากกว่าน่ากลัว ในเมื่อรู้สึกอย่างนั้นก็เลยเลิกกลัวไปเอง

ช่วงอาทิตย์หนึ่งที่ผ่านมานี่อาตมาพักที่วัดท่ามะขาม ในกุฏิเจ้าอาวาส กุฏิหลังนั้นนี่ตาย ๔ ศพติดกันแล้ว พระอาจารย์เล็กนอนสบายมาก ผีอยู่ส่วนผี คนอยู่ส่วนคน มึงอย่ามาเกะกะกู ส่วนใหญ่ที่ตายไปก็รู้จัก ทักทายกันเสร็จก็ต่างคนต่างอยู่ เราก็ทำงานของเราไป ถึงเวลาก็นอน อย่ามากวนกัน"

เถรี
19-06-2019, 23:50
พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาขอให้พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม วัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่พวกเรารู้จักในนามหลวงพี่มหาเอ บอกว่าไปช่วยพระครูบ่าวทำวัดท่ามะขามหน่อย เพราะว่าลำพังพระครูบ่าวกำลังไม่ถึง

ด้วยความที่พระครูบ่าวเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี ไปไหนก็มีแต่คนรัก เคยอยู่วัดท่ามะขามเรียนบาลีมาก่อน พระอาจารย์มหาสันติไว้ใจ พอตัวเองเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ขอตัวพระครูบ่าวจากอาตมาว่าให้ไปช่วยดูแลวัด ขอไปขอมาก็ขอไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ถามท่านแล้วท่านก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือครูบาอาจารย์ ก็เลยต้องให้ลาออกจากทางทองผาภูมิ

ท่านเป็นเจ้าอาวาสที่ทองผาภูมินะ ลาออกไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสที่ท่ามะขาม ไปทำหน้าที่ พอท่านอาจารย์พระมหาสันติภาพมรณภาพลง จะแต่งตั้งรักษาการแทนเจ้าอาวาส เจ้าคณะจังหวัดก็บอกเอาพระครูบ่าว รองเจ้าคณะจังหวัดก็บอกเอาพระครูบ่าว เจ้าคณะอำเภอก็เอาพระครูบ่าว รองเจ้าคณะอำเภอก็เอาพระครูบ่าว ท้ายสุดก็ถามท่านไหวไหม ? “ไม่ไหวครับ..วัดใหญ่..ผมไม่มีงบประมาณดูแลแบบหลวงพ่อ” ก็เลยบอกว่า คุณอยู่ไปแล้วกัน เดี๋ยวผมช่วย “ไม่ไหวจริง ๆ ครับ..ขออภัยด้วย”

โทรมาหาอาจารย์มหาเอ “มหาเอ..วัดปากน้ำด้วยกันกับท่านอาจารย์มหาสันติ ไปช่วยเขาทำวัดหน่อยสิ เป็นเจ้าอาวาสให้เขาหน่อย” มหาเอบอกว่า “สุขภาพของผมตอนนี้นะอาจารย์ ถ้าไปก็ไปตายแหละครับ” แล้วก็บอกว่าทำไมไม่เอาพระครูบ่าว ? เอาอีกแล้ว...ทำไมทุกคนมาลงตรงนี้หมด ? ก็เลยบอกว่า พระครูบ่าวท่านบอกว่าไม่ไหว เพราะว่าท่านหาเงินไม่เป็น ตกลงอาจารย์มหาเอบอกว่า “บอกพระครูบ่าวเป็นไปเลย เดี๋ยวผมหาเงินให้ จะทำอะไรขอให้บอก” ในเมื่อมีคนรับรองพระครูบ่าวก็กัดฟันรับไว้"

เถรี
19-06-2019, 23:52
"พออาตมาแจ้งทางคณะสงฆ์เสร็จ ทุกคนก็สาธุ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิบอกว่ายินดีด้วยนะครับ แต่ทำไมต้องเอามือทำงานของผมไปด้วย ? คือพระครูบ่าวไปอยู่ที่ไหนก็จะอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วก็ยังขยันขันแข็ง ช่วยเหลืองานส่วนรวมตลอด พูดง่าย ๆ ก็คือ มีงานของทางคณะอำเภอทองผาภูมิ พระครูบ่าวแบกภาระแทนได้เลย ไม่ว่าจะอบรมค่ายพุทธบุตร ไม่ว่าจะอบรมกรรมฐาน ฯลฯ ท่านทำแทนได้หมด

คราวนี้เพราะอาจารย์มหาเอไปถึง ท่านมากราบ ๆ “อาจารย์ครับ ทำไมแถวนี้ภูตผีเยอะแยะไปหมด ?” “เบา ๆ พูดดังไปเดี๋ยวไม่มีใครเป็นเจ้าอาวาส ทำไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อน เดี๋ยวพอท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสเต็มตัวแล้ว เราค่อยมาบวงสรวงขอบารมีพระ ขอเทวดา แล้วค่อย ๆ แก้ไขกันไป อันไหนที่คุยกันรู้เรื่อง ต้องการอะไรก็ช่วยเหลือเขาไป ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องจริง ๆ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า รู้อะไรนี่ไม่ใช่พูดได้เรื่อยเปื่อยนะ เกิดพระครูบ่าวได้ยินแล้วบอก “ผมไม่เป็นเจ้าอาวาสแล้ว” นี่บรรลัยเลย..!"

เถรี
19-06-2019, 23:59
ถาม : ทำไมผีจึงเยอะเป็นพิเศษคะ ?
ตอบ : ไม่ได้เยอะเป็นพิเศษหรอก ก็เยอะตามปกติของเขานั่นแหละ หลวงพ่อพระเทพเมธากรท่านไปอนุญาตให้ผีเข้ามาเอง พอถึงเวลาท่านกรวดน้ำก็ “เอ้า...ผีทั้งหลาย จะมีญาติหรือไม่มีญาติก็ดี มากินข้าวกินน้ำที่นี่นะ” ก็แห่กันมาบานตะเกียง เพราะว่าเจ้าของที่อนุญาตแล้ว

อาตมาเองก็เซ็ง หลวงพ่อทำอย่างนี้นะตัวท่านไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าเลี้ยงเขาก็ชอบ แต่พวกลูกวัดจะอยู่กันได้ไหม ? ทุกครั้งที่ท่านกรวดน้ำ พอ อิมินาฯ อะไรเสร็จสรรพเรียบร้อย “เอ้า...ผีทั้งหลายจะมีญาติหรือไม่มีญาติก็ดี มากินข้าวกินน้ำนะ” เวรละกู...เจ้าของบ้านเขาอนุญาตแล้วใครจะไปไล่ได้

ถาม : ปกติต้องเชิญก่อน ?
ตอบ : ใช่...โดยกฎเกณฑ์ของจักรวาล ถ้าไม่เชิญเข้ามาไม่ได้ ลองคิดดูพวกผีที่ได้อยู่ได้กินอยู่ตลอด อยู่ ๆ คนใหม่มาบอกว่าไม่เลี้ยงแล้ว ก็ ต้องคุยกันนานนะ..จะบอกให้ ก็เลยว่าเดี๋ยวถึงเวลาทำบวงสรวงเจ้าอาวาสใหม่แล้วค่อยเจรจากัน

เถรี
20-06-2019, 00:23
ถาม : กฎเกณฑ์ของจักรวาลเกิดจากอะไรคะ ถึงเวลาจึงเข้าเขตนั้นไม่ได้ ?
ตอบ : บารมีที่ตัวเองสร้างมา กำลังไม่พอก็เข้าเขตไม่ได้ ต้องรอเจ้าของเขาเปิดบ้านให้

ถาม : อย่างเทวดาข้ามเขต ?
ตอบ : ถ้าหากว่าบารมีสูงกว่ามาเขตต่ำได้ แต่ต่ำกว่าขึ้นสูงไม่ได้ ต้องรอเขาอนุญาตหรือเชิญ คราวนี้หลวงพ่อเจ้าคุณท่านเล่นเชิญเลย มีเท่าไรเขาก็แห่เข้ามาหมด

เพราะฉะนั้น...ไม่น่าแปลกใจว่าหลวงพ่อเจ้าคุณ ท่านไม่มีโอกาสที่จะเป็นเจ้าคณะจังหวัดก็เป็นจนได้ ไม่น่าจะได้เป็นเจ้าคุณเทพฯ ก็เป็นจนได้ ไม่มีโอกาสที่จะได้รับกับพระหัตถ์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็รับจนได้ แล้วเป็นรูปสุดท้ายในรัชกาลที่ ๙ ด้วย ที่ได้รับจากพระหัตถ์ของพระองค์

เถรี
21-06-2019, 16:59
ตอนนั้นในหลวงรัชกาลที่ ๙ มอบหมายให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ก็คือรัชกาลที่ ๑๐ ปัจจุบันนี้ ปฏิบัติพระราชภารกิจในการพระราชทานตั้งและพระราชทานเลื่อนบรรดาพระราชาคณะต่าง ๆ แต่พระองค์ท่านก็เสด็จไปดู เผื่อว่าถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหนก็จะได้แก้ไขให้ถูก พูดง่าย ๆ ก็คือฝึกงานรัชกาลที่ ๑๐ ในทุกเรื่อง

คราวนี้พอมีการแต่งตั้งเจ้าคุณในปีนั้น ปรากฏว่าบรรดาเจ้าคุณทั้งหมดกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ อยู่ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ตอนเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชก็อยู่ที่โบสถ์วัดพระแก้ว รัชกาลที่ ๙ เห็นว่าถึงเวลาแล้วก็พระราชทานไปเรื่อย แล้วก็ให้ทางกรมพิธีการเขาอ่านตามตราตั้งพระราชทานไปเรื่อย ๆ รัชกาลที่ ๑๐ ท่านได้ทราบความว่าอยู่ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยก็เสด็จมา พอเสด็จมาถึง ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระราชทานพัดเล่มสุดท้าย แล้วก็ถอยออกให้ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งเป็นพระบรมโอรสาธิราชปฏิบัติหน้าที่แทน พัดเล่มสุดท้ายนั่นก็คือพระเทพเมธากร วัดท่ามะขาม ไม่น่าจะได้ก็ยังได้

เถรี
21-06-2019, 17:02
ถาม : ทำไมผีเขาถึงช่วย ?
ตอบ : อย่าลืมว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้เขากตัญญู ถ้าเราช่วยเขา ถึงเวลาอะไรไม่เกินความสามารถเขาก็ช่วยเรา แล้วหลวงพ่อท่านทำสังฆทานทุกวัน โดยเฉพาะท่านใส่บาตรพระด้วยกัน พอถึงเวลาบิณฑบาตกลับมา ท่านก็ยืนดักหน้าประตูเลย ตักใส่หยิบใส่ พระเณรเดินผ่านท่านต้องรับบาตรท่านก่อน พอฉันเสร็จก็กรวดน้ำกัน แล้วผีที่ไหนจะไม่เอาบ้าง ? เขารู้ก็แห่กันมา แล้วท่านขยันสวดมนต์ทำวัตรเป็นที่หนึ่ง จะไปไหนก็สวดมนต์ไหว้พระก่อน กลับมาก็สวดมนต์ไหว้พระก่อน

เถรี
21-06-2019, 17:07
การที่ท่านขึ้นถึงเจ้าคณะจังหวัดก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นไปได้ เพราะท่านอายุมากกว่าเจ้าคณะจังหวัด ๑ ปี คือเป็นลูกผู้พี่ เจ้าคณะจังหวัด ๗๒ ปี ท่าน ๗๓ ปี เจ้าคณะจังหวัดแข็งแรงไปเหนือไปใต้ วัด ๔๐๐-๕๐๐ วัดของกาญจนบุรี เจ้าคณะจังหวัดไปถึงทุกซอกทุกมุมเลย ส่วนท่านเองผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจไป ๓ เส้น ไม่มีโอกาสที่จะเป็นอยู่แล้ว

แต่ปรากฏว่าหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดพระธรรมคุณาภรณ์ไปอินเดียล้มตึง...มรณภาพไปเฉย ๆ คือคนไม่เคยป่วยก็น่ากลัวนะ แล้วกำลังใจท่านดี ท่านใช้อธิวาสนขันติ ถึงเวลาก็อดทนไว้ แต่โรคบางอย่างไม่ใช่ทนแล้วจะอยู่ได้ อย่างเส้นเลือดหัวใจอุดตันอย่างนี้ ดูแลญาติโยมกินข้าวเพื่อที่จะได้เตรียมเดินทางต่อ เดินถามโยมไป ถามโยมมา คนโน้นกินหรือยัง ? คนนี้ได้อะไรบ้าง ? มีใครเจ็บไข้ได้ป่วยไหม ? หันหลังกลับมาล้มตึงเลย ต้องเอาศพกลับมาจากอินเดีย

คนอายุ ๗๒ ปีมรณภาพ คนอายุ ๗๓ ปีผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจไป ๓ เส้น เป็นเจ้าคณะจังหวัดยันเกษียณ แถมอยู่ต่อไปอีกหลายปี แข่งเรือแข่งพายนะแข่งได้ แต่อย่าแข่งบุญวาสนามันแข่งกันไม่ได้ แล้วประเภทนักเลงขนาดผีกลัวอย่างหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ ใครจะคิดว่ามรณภาพง่าย ๆ ลูกศิษย์หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ ก็รู้ว่าเฮี้ยนขนาดไหน

เถรี
21-06-2019, 17:10
ท่านไปตรวจการคณะสงฆ์ที่อำเภอศรีสวัสดิ์ นั่นถือว่าสุดหล้าฟ้าเขียวสมัยนั้น ก็ขนาดเสือมาลากตำรวจบนสถานีไปกิน

ท่านไปที่ตำบลเขาโจด บ้านเขาเหล็ก ไปเยี่ยมวัดในป่า เขาจัดให้ท่านนอนบนศาลา กางมุ้งให้ ท่านก็นอน ดึก ๆ ผีมาไล่ บอกว่า “เป็นเจ้าพ่อที่นี่ ชื่อเจ้าพ่อเขาเหล็ก มึงเป็นใครมาจากไหนมาแย่งที่กู” หลวงพ่อไพบูลย์ก็บอก “มึงเป็นเจ้าของที่ตรงนี้ใช่ไหม ?” “ ใช่” “มึงอยู่ที่เขาเหล็กนี่นะ ?” “ใช่” “เขาเหล็กเป็นแค่หมู่บ้านเท่านั้น มึงใหญ่แค่นี้มาอวดดีอะไรกับกู กูนี่เจ้าคณะจังหวัด ทั้งจังหวัดกูใหญ่ที่สุด มึงไม่รู้จักเจ้านายยังเสือกทะลึ่งมาไล่” ผีก็เลยไปเลย เจอบวม ๆ เข้าผีไปเลย

เถรี
21-06-2019, 17:18
ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดที่พระรักทั้งเมืองจริง ๆ ถึงเวลาเขาไปถวายสักการะกัน จังหวัดโน้นไปมีกระเช้าสวย ๆ มีซองหนา ๆ จังหวัดกาญจนบุรีไปนี่ถ้ามีมะนาว มีฟักทอง มีหน่อไม้ ฯลฯ ท่านจะชอบใจมาก ส่งเข้าโรงครัวทำอาหารเลี้ยงพระเลี้ยงเณร “ไม่ต้องเอาเงินมาให้กู พวกมึงก็ไม่ค่อยจะมีกันอยู่แล้ว”

ตอนนั้นอาตมาไปอยู่วัดท่าขนุนใหม่ ๆ ปี ๒๕๔๔ ก็ไปสักการะพระผู้ใหญ่ในช่วงพรรษาเหมือนกัน เอาซองใส่ปัจจัยไปถวายท่านพันเดียว ท่านส่งคืน ท่านบอก “เอาเก็บไว้ใช้ พวกแกมีค่ารถค่ารา มาให้เห็นหน้าข้าก็ดีใจแล้ว”

ตอนช่วงนั้นก็ไปขออนุญาตท่านตั้งสำนักเรียนบาลี ท่านอาจารย์สมพงษ์ก็รี ๆ รอ ๆ กลัวท่าน ใคร ๆ ก็ว่าท่านดุ อาตมาก็เข้าไป “หลวงพ่อครับ ผมจะขออนุญาตตั้งสำนักเรียนบาลีที่วัดท่าขนุน ขอความเมตตาหลวงพ่อเซ็นหนังสืออนุญาตด้วยครับ” “ไม่ต้องเซ็น มึงไปตั้งเลย อะไรติดขัดมาบอกกู” ง่าย ๆ เลย ถึงเวลาไม่มีอาจารย์ ไม่มีอะไรให้บอก เดี๋ยวท่านหามาให้

รุ่นนั้นที่เรียนอยู่ก็คือท่านอาจารย์มหาเอ คราวนี้อาตมาไม่สบาย เป็นมาลาเรีย ตอนเรียนได้ที่หนึ่งก็จริง แต่ตอนสอบมาลาเรียกินสมอง...ไข้ขึ้น จากได้คะแนนเต็มตอนทดสอบตลอด พอถึงเวลาสอบจริงเหลือไม่ถึงครึ่ง ท่านอาจารย์มหาเอกินที่ ๒ ของห้องมาตลอด พอถึงเวลาคนอื่นเรียนไม่ไหว ต้องเลิกกลางคัน อาตมาต้องให้ท่านอาจารย์มหาเอมาเรียนต่อที่วัดปากน้ำ

เถรี
21-06-2019, 17:22
เวลาหลวงพ่อเจ้าคุณท่านออกตรวจวัด มีคนถวายรถเบนซ์ท่าน ท่านก็ลุยเข้าป่าเข้าดงไปเรื่อยเปื่อย เขาถามว่าหลวงพ่อเอารถอย่างนี้เข้าป่าหรือครับ ? “เออ...ก็เขาให้ไว้ใช้” คำว่า ก็เขาให้ไว้ใช้ของท่านก็คือ ในเมื่อพวกมึงให้กูใช้ กูก็ไม่ต้องมาระวังรักษา กูก็ใช้ของกูไปเรื่อย เจอพระเจอเณรเดินอยู่ข้างถนนก็จอด “เฮ้ย...ไปไหนกัน ?” ไปโน่นครับ ไปนี่ครับ “เออ...ไปทางเดียวกัน..ขึ้นมาเลย” พาไปส่งก่อน แล้วจะไม่ให้บรรดาพระทั้งจังหวัดรักท่านได้อย่างไร ?

ไม่ได้มีมาดของความเป็นเจ้านายเลย เหมือนอย่างกับเป็นเพื่อนกันมากกว่า หรือไม่ก็เหมือนหลวงปู่หลวงตา ปู่ย่าตาทวดของเราเอง ถึงเวลามาอบรมบาลีวัดไร่ขิง...ได้เจอทุกวัน อยู่ตั้งแต่เช้ายัน ๔ ทุ่มทุกวัน ไม่เคยหนี จนกระทั่งพวกเราเลิกกันหมดแล้วท่านถึงได้กลับวัด ตี ๔ ตี ๕ ออกจากวัดมาอีกแล้ว ทำอย่างกับวัดไร่ขิงกับเมืองกาญจน์อยู่ใกล้ ๆ แล้วคิดดูว่า ๔ ทุ่มกลับไปท่านได้นอนกี่ชั่วโมง ? ตอนเช้ากลับมาอีกแล้ว พอทำวัตรเช้าเสร็จก็วิ่งมาแล้ว

เถรี
21-06-2019, 20:02
ถึงเวลาไปก็ไม่ได้ไปมือเปล่า บางทีหอบมะนาวไปทีหนึ่ง ๒๐-๓๐ กิโลกรัม เอาไปช่วยโรงครัวเขา

เวลาประชุมคณะสงฆ์ หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสามพระยาก็ “เอ้า...หลวงพ่อวัดใต้มีอะไรจะพูดบ้าง ?” “พระเดชพระคุณจะให้ผมพูดเรื่องจริง หรือพูดเรื่องที่อยากฟัง ?” ถามก่อนเลย “เอาเรื่องจริงแล้วกันเจ้าคุณ แต่เบา ๆ หน่อยนะ”

แล้วคิดดูว่าท่านอยู่ต่างจังหวัด เป็นพระเปรียญธรรม ๘ ประโยค แต่เป็นถึงเจ้าคุณชั้นธรรม ถ้าไม่ใช่ความสามารถจริง ๆ ใครจะเป็นได้ เป็นเจ้าคณะจังหวัดอยู่ ๓๖ ปีเต็ม ๆ เป็นตั้งแต่เป็นพระมหาไพบูลย์ เป็นพระวิสุทธิรังสี เป็นพระราชปัญญาสุธี เป็นพระเทพสุธี จนเป็นพระธรรมคุณาภรณ์

เถรี
21-06-2019, 20:05
ไปสร้างโรงพยาบาลพนมทวน ก็เลยตั้งชื่อโรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์อุปถัมภ์ ท่านบอกว่า “ทำให้เขาหน่อยวะ ลูกหลานกูจะมาเข้าโรงพยาบาลในเมืองก็ไกล ต้องมาแย่งกับเขาอีก สร้างให้ตรงนั้นเลย” พระก็ไปกันทั้งจังหวัด ไปช่วยกัน ท่านก็บอกญาติโยมไปเลี้ยงอาหารกันหน่อย ไม่ขออะไรหรอก เงินก็ไม่เอา เอาอาหารไปเลี้ยงพระเณรก็พอ

ท่านตากแดดตัวดำปี๋เพราะไปเทปูนเอง แล้วพระเณรที่ไหนจะกล้าอู้ ถึงเวลาก็นุ่งสบงตัว อังสะตัว มีผ้าอาบเคียนหัว ทะมัดทะแมงอย่าบอกใครเลย ๖๐ กว่า ๗๐ ปี เทปูนเอง ไม่รู้กลางค่ำกลางคืนเป็นอย่างไร ร้องโอย ๆ บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? แต่กลางวัน แหม...คึกคักเข้มแข็ง เป็นตัวอย่างที่ดี

บอกแล้วว่าอยู่ให้เขารักใคร่เกรงใจ จากไปให้เขาคิดถึง ก่อนหน้านี้กาญจนบุรีก็มีหลวงปู่ยิ้ม รุ่นถัดมาก็หลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ หลวงปู่ดี วัดเหนือ หลวงปู่สอน วัดทุ่งลาดหญ้า มายุคหลังนี้ใคร ๆ ก็บอกต้องหลวงพ่อไพบูลย์ ช่วยเขาทั่วไปหมด

ปกติใคร ๆ ก็บอกว่าหลวงพ่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา ดุ...เด็ดขาดขนาดไหน ไปกับเจ้าคุณไพบูลย์อย่างกับปี่กับขลุ่ย คือคนทำงานจริงเหมือนกัน หลวงพ่อไพบูลย์ทำงานก็ไม่เคยเรียกร้องจะเอายศจะเอาตำแหน่งอะไร ทำไปเรื่อย ๆ ทำเพื่อพระเพื่อเณร ทำเพื่อชาวบ้านทั้งนั้น

เถรี
21-06-2019, 20:07
พวกเราเห็นว่ารถที่ท่านใช้เก่าโทรมเต็มทีแล้ว ตอนท่านอายุ ๗๒ ปี ก็ช่วยกันเรี่ยไรเงินคนละ ๕๐๐ บาท คนละ ๑,๐๐๐ บาท พระทั้งจังหวัด “ขอซื้อเบนซ์ถวายหลวงพ่อครับ” “เออ..ขอบใจ พวกมึงอุตส่าห์นึกถึงกู เอาไปสร้างโรงพยาบาลดีกว่าว่ะ”

สรุปว่า ๓ ล้านกว่าบาทอยู่กับโรงพยาบาลหมด “ไอ้คันนี้ซ่อมแล้วก็ยังพอไปไหว มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก” ไม่ได้ห่วงหลวงพ่อหรอก แหม...เวลาเจ้าคณะจังหวัดของเราไปที่อื่นนี่ รถโทรมจะแย่ จะบอกท่านว่าผมขายหน้าเขาก็ใช่ที่..!

เถรี
22-06-2019, 20:15
"พอมารุ่นหลวงพ่อณรงค์ (พระเทพเมธากร) เป็นเจ้าคณะจังหวัดต่อ อาตมาซื้อรถเบนซ์ถวายท่านคันหนึ่ง ช่วงที่อยู่ก็ดูแลรถ คอยเติมน้ำมันให้ ท่านก็ใช้เพลิน พอท่านส่งอาตมาขึ้นไปอยู่วัดท่าขนุน ทางด้านนี้ใช้รถไปไม่ถึงเดือน ท่านต้องเอารถไปให้หลานใช้ บอกว่าสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ก็คือรถเบนซ์เวลาขับแล้วไม่รู้สึกว่าเร็ว เหยียบ ๑๖๐-๑๗๐ นิ่งอย่างกับรถอื่นขับแค่ร้อยเดียว คราวนี้พอเหยียบขนาดนั้นก็กินน้ำมันมาก สมัยที่อาตมาอยู่เช้าก็เติม เย็นก็เติม ท่านก็ไม่รู้ เพราะว่าอาตมาจ่ายคนเดียว เจอจ่ายเองแบบนั้นเข้าเลยไม่เอาอีกแล้ว

จำได้ว่าผู้การป๊อดเอาไปใช้ หลานท่านตอนนี้เป็นรองผู้กำกับสมุทรสาคร เดี๋ยววันงานศพก็น่าจะเจอหน้า ถามว่า "อาจารย์เล็กไม่เอารถคืนหรือ ?" "เอามาทำไม ก็ถวายท่านไปแล้ว แล้วอย่างผมขี่เบนซ์ได้ที่ไหน...ขี้กลากขึ้นตูดเปล่า ๆ" ความจริงไม่ใช่หรอก รถเบนซ์ รถบีเอ็ม รถยุโรป เครื่องปรับอากาศไม่ดี ดีแต่ฮีตเตอร์ ใครไปนั่งข้างหลังนี่ถ้าหากว่าปอดไม่ดี ก็เมารถหมด เพราะอากาศไม่พอหายใจ ลองไปใช้รถยุโรปแล้วไปนั่งข้างหลัง แหม...ประเภทมาดดี ๆ ต้องนั่งข้างหลัง มีคนเปิดประตูให้ ลงมาอ้วกแตก..ทุเรศฉิบหา..! ใช้ก็ใช้รถญี่ปุ่นราคาไม่กี่สตางค์ ซ่อมก็ง่าย

วันก่อนพระครูศรีกาญจนวิสุทธิ์ (ท่านอาจารย์มหาไพรัช) เลขานุการเจ้าคณะจังหวัด “โห..อาจารย์เล็ก ผมไปงานที่สังขละฯ ทีเดียวหมดเป็นแสน” ถามว่าอะไรนะ ? “ผมใช้รถ...ง รถเสียช่างไปยกกลับมา เขาบอกว่าค่าซ่อมแสนหก..!”

เถรี
22-06-2019, 20:20
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งกับญาติโยมให้ทราบ วันนี้รับหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์ฉบับพิเศษ ตอน "หลากรสในพม่า" ๕,๐๐๐ เล่ม จะเอาไว้แจกในงานทำบุญ ๖๐ ปี ไม่รู้ว่าพอหรือเปล่า ? ส่วนนี้จ่ายไปหลายสตางค์อยู่ ค่าพิมพ์อย่างไม่มี ๆ เล่มหนึ่งก็ตก ๓๐-๔๐ บาท ยิ่งหนา ๆ หน่อยแล้วกระดาษปอนด์ ซ้ำยังพิมพ์สี่สีด้วยก็หนักเข้าไปอีก ไปแจกในงาน ถ้าใครอยากได้ก่อนตรงนี้จะขาย..!

อายุ ๖๐ ปีแล้ว โอกาสแต่งงานคงไม่มี ก็เลยเอาปกสีพ่อหม้าย สี่สีทั้งเล่ม..ไม่ต้องห่วง ถ้าบอกว่าขายเล่มละ ๑๐๐ บาท ยังนั่งนึกอยู่เลยว่ากูจะขาดทุนหรือจะกำไร ? คือทางบริษัทรับพิมพ์เขาก็ทึ่งว่าทางเราสั่งตั้ง ๕,๐๐๐ เล่ม เพราะว่าปกติยอดพิมพ์สูงสุดในปัจจุบันนี้ของหนังสือระดับ Best Seller คือ ๒,๐๐๐ เล่ม ขายหมดก็ถือว่าสุดยอด ของวัดท่าขนุนขายบ้างแจกบ้างไม่เคยมีเหลือ"

เถรี
22-06-2019, 20:21
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงบวชพระวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา มีนาคไม่ได้บวช ๒ รูป ก็เลยเหลือแค่ ๘ รูป บอกแล้วว่าวัดท่าขนุนค่อนข้างจะเข้มงวด ไม่ได้โม้..เรื่องจริง คราวนี้ในเมื่อคุณไม่ค่อยเชื่อ ก็โดนเข้าไปแบบนั้น ก็เป็นอันว่าคงจะจำไปอีกนาน เพราะว่าส่วนใหญ่ก็มักจะไปบอกญาติบอกโยมว่าตัวเองจะได้บวช แล้วคราวนี้พอไม่ได้บวชก็แปลว่าหน้าแตก..!"

เถรี
22-06-2019, 20:25
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม หลวงพ่อพระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ท่านไปเยี่ยมศพท่านอาจารย์มหาสันติ พอบอกว่ารักษาการแทนเจ้าอาวาสที่นี่คือเด็กวัดท่าขนุน หลวงพ่อท่านก็ “โอ้โฮ...อาจารย์เล็ก หาคนคุณภาพแบบนี้มาจากไหน ? พวกที่ท่านส่งไปเรียนบาลีที่นครปฐมสุดยอดทั้งนั้นเลย แต่ละคนขยันขันแข็งสุด ๆ เรียนหนังสือก็เก่ง สอบได้ทุกปี ปฏิบัติธรรมก็ได้ นำชาวบ้านปฏิบัติก็ได้ เทศน์ก็ได้ เป็นพิธีกรก็ได้ ให้ไปเฝ้างานปฏิบัติธรรม ๑๕ วัน อยู่กันครบถ้วนไม่มีหนีเลย”

ก็กราบเรียนท่านว่า "หลวงพ่อครับ ส่วนใหญ่ท่านทั้งหลายเหล่านี้มา ท่านตั้งใจบวช แล้วนโยบายของผมก็คือ ต้องให้ได้นักธรรมเอกก่อน แปลว่าอย่างน้อยต้องอยู่กับผม ๓ ปี ระหว่าง ๓ ปีนี้ ถ้าคนเขาตั้งใจเอา จะได้รูปแบบที่มั่นคงไปเลย ทั้งการปฏิบัติ ทั้งการปริยัติ แล้วเมื่อได้รูปแบบมั่นคงไปแล้ว ก็เท่ากับว่าเขามีทางเดินที่ชัดเจน ถึงเวลาไปไหนก็เอาแนวทางนี้ไปใช้

คนไปลือกันว่าอย่าไปอยู่คณะ ๒ วัดพระปฐมเจดีย์ เพราะว่าคณะนี้เคร่งโคตร ๆ ไม่จริงหรอกครับหลวงพ่อ วัดผมทำอย่างนี้ทุกวัน ก็แค่สวดมนต์ทำวัตร บิณฑบาต นั่งกรรมฐาน ยากตรงไหน ? แต่พวกอื่นนั้นวัน ๆ พอเลิกจากเรียนหนังสือ ก็นั่งเล่นเกมกันบ้าง นั่งดูหนังกันบ้าง พอถึงเวลาสวดมนต์ทำวัตรก็ไม่เอา บิณฑบาตก็ไม่เอา โทรสั่งอาหารเดลิเวอรี่มาส่งยันกุฏิ

ไม่ใช่พระผมไม่มีเงินนะ ผมให้เขาพอกินพอใช้เลย แต่เขาเก็บไว้บูชาวัตถุมงคล ประหยัด...ไปบิณฑบาต แล้วเก็บเงินไว้บูชาวัตถุมงคล..!"

พระผู้ใหญ่ท่านชม อาตมาก็ปลื้มใจว่า เออ...ส่งลูกศิษย์ไปแล้วก็เรียกว่าเป็นเกียรติเป็นศรี สิ่งที่ทำก็ดีแก่ตัวเขาด้วย แล้วก็เป็นหน้าเป็นตาให้แก่ครูบาอาจารย์ด้วย ยิ่งปีนี้คณะ ๒ นี่กินขาดเลย เพราะว่าได้ประโยค ๕ มา ๒ รูป ได้ประโยค ๓ มา ๑ รูป ประโยค ๑-๒ อีก ๓ รูป"

เถรี
22-06-2019, 21:05
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้พระที่อาตมาส่งเรียนปริญญาเอก ก็คือพระครูสมุห์ธรรพ์ณธร ธมฺมทินฺโน บางคนก็เรียกหลวงพี่หน่อย บางคนก็เรียกพระครูหน่อย ท่านจบปริญญาเอกสาขาพระพุทธศาสนา

จบปริญญาเอกส่วนใหญ่พวกเราเรียกด็อกเตอร์ รู้ไหมว่าด็อกเตอร์มีความหมายว่าอะไร ? ด็อกเตอร์คือหมอ หมออะไร ? หมอรักษาโรค โรคอะไร ? โรคเสื่อมทรามของสังคม จบมาแล้วภาษาอังกฤษเขาว่า Philosophy of doctor เป็นหมอในการรักษาสังคม เห็นอะไรไม่ถูกต้องต้องต่อสู้เพื่อความดีงาม ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย เพราะว่าเป็นหน้าที่ของคุณโดยตรงแล้ว

เดี๋ยวนี้พระมีโอกาสเรียนจบปริญญาเอกมากกว่าญาติโยม เหตุที่จบปริญญาเอกมากกว่าญาติโยมมีหลายสาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรก คือแรงผลักดันให้เรียน พระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่มาเรียนเพราะอยากเรียน ถึงขนาดลงทุนบวชเข้ามาเพื่อให้ได้เรียน

อาตมาเป็นอาจารย์สอนอยู่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) มีบางสาขาอย่างเช่นรัฐประศาสนศาสตร์หรือบริหารรัฐกิจ ฆราวาสมาเรียนกันมาก ปรากฏว่าแค่หนึ่งเทอมหรือสองเทอม ฆราวาสก็ล้มหายตายจากไปเกินครึ่งค่อนห้อง ตอนแรกเห็นเขารับรัฐประศาสนศาสตร์ห้องละ ๗๐ คน อาตมาตกใจ รับมาแบบนี้ สกอ.ตีตายห่..เลย..! เพราะเต็มที่ห้องหนึ่งต้องไม่เกิน ๓๕ คน ถ้าได้รับอนุมัติพิเศษก็ ๔๐ คน ไม่อย่างนั้นอาจารย์จะดูแลไม่ทั่วถึง รับมาได้อย่างไร ๗๐ คน ??

ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการบอกว่า "ธรรมดา..พระอาจารย์ยังประสบการณ์น้อย พวกนี้ไม่เกินสองเทอมก็หายไปเกินครึ่ง" จริง ๆ ด้วย เทอมแรก ๗๐ คน เทอมที่สามเหลือแค่ ๒๒ คน..!"

เถรี
22-06-2019, 21:07
"พอถึงเวลาเรียน พระที่เรียนสาขานี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียน ตั้งหน้าตั้งตาทำการบ้านส่ง ทำรายงานส่ง ส่วนโยมนั่งคุยกันท้ายห้อง เล่นไลน์บ้าง แต่งหน้าบ้าง กินขนมบ้าง ต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว ทุกสาขาที่พระเรียน ถ้าหากมีฆราวาสเรียนร่วมด้วย จะรู้สึกว่าความขยันขันแข็งของพระเป็นที่น่าชื่นใจมาก ท่านเรียนเพราะอยากเรียน เรียนเพราะอยากยกระดับตัวเอง แต่ฆราวาสที่พ่อแม่ทุ่มเทให้ทุกอย่าง แทบจะเรียนแทน กลับไม่อยากเรียน

ดังนั้น...ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมบ้านเราถึงถอยหลังลงคลองไปทุกที เพราะว่าคนปฏิเสธความรู้ ต้องการแค่ความฉาบฉวย โปรไฟล์ดี ๆ อัพสเตตัสบ่อย ๆ เดี๋ยวก็มีชื่อเสียงขึ้นมาเป็นเน็ตไอดอล ซึ่งเป็นเรื่องอะไรที่ไร้สาระสุด ๆ บางคนถึงขนาดต้องไปก็อปปี้รูปจากหนังสือมาไปอวดชาวบ้าน เคยเห็นภาพไหม ? ที่เอาฝารองนั่งชักโครกมาไว้แนบหน้าตัวเองให้เขาถ่ายรูป มองออกไปเหมือนนั่งเครื่องบิน เพราะหน้าต่างเครื่องบินก็กลม ๆ รี ๆ แบบนั้น"

เถรี
22-06-2019, 21:10
"ฉะนั้น...แรงผลักดันในการเรียนของพระภิกษุสามเณรเหนือกว่ามาก ต้องตั้งใจเรียนให้จบ เพราะไม่รู้ว่าจะหาปัจจัยมาเพื่อเรียนได้อีกสักเท่าไร ไม่มีเวลาที่จะอู้ ยกเว้นท่านที่หัวไม่ไหว เข็นไม่ไปจริง ๆ ซึ่งแต่ถึงเข็นไม่ไปก็จบ เพราะว่าท่านมาเรียนเพราะอยากเรียน แต่ฆราวาสพ่อแม่ทุ่มเทให้ทั้งชีวิต ไม่ค่อยจะตั้งใจเรียนกัน ก็จะอ้างว่ามาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ไม่เห็นเรียนปริญญาตรีจบ บิล เกตส์ ไม่เห็นต้องจบปริญญาตรี ก็มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน

จริง...อาตมาไม่เถียง ฟังดูแล้วหรู..ดูเท่มาก แล้วมึงใช่ไอ้สองคนนี้ไหม ? มนุษย์โลก ๕ พันกว่าล้านคน มี ๒ คนนี้ที่ประสบความสำเร็จเพราะเรียนไม่จบ แล้วคิดว่า ๒ คนใน ๕ พันล้านเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ? แล้วคุณจะติดในจำนวนเปอร์เซ็นต์นี้ไหม ? จะอ้างอะไรให้ดูความเป็นจริงด้วย ออกจากทุ่งลาเวนเดอร์มาก่อน ? มาอยู่ในดงหนามโคกกระสุนก่อน แล้วจะรู้ว่าชีวิตจริง ๆ ลำเค็ญแค่ไหน"

เถรี
22-06-2019, 21:25
"ฉะนั้น...เป็นหน้าที่ของบุคคลที่เรียนจบมาในระดับนี้แล้ว ที่เขายกย่องให้เป็นหมอ คือหมอที่คอยรักษาเยียวยาสังคม อะไรที่ไม่ถูกไม่ควร ต้องต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพื่อความดีงาม บ้านเราผิดฝาผิดตัวเยอะมาก ดังจะเห็นว่าในระยะหลัง มีหมอมาเล่นการเมืองเยอะมาก เขาให้คุณมารักษาคน ไม่ได้ให้มาเล่นการเมือง ในเมื่อผิดฝาผิดตัวในลักษณะนี้ก็ลำบาก

โดยเฉพาะระบบการศึกษาบ้านเราแก้ไม่ตกหรอก คอรัปชั่นเยอะมาก สามารถคอรัปชั่นได้ทุกระดับ แค่อนุมัติงบประมาณช้าไป ๖ เดือน ๙ เดือนก็รวยไปตาม ๆ กันแล้ว เพราะว่าปัจจุบันนี้งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการมากที่สุดในประเทศไทย มากกว่ากระทรวงกลาโหมอีก แต่รั่วไหลกลางทางหมด ไม่จำเป็นที่จะต้องไปโกงอะไรเลย แค่กั๊กงบประมาณเอาไว้ ๖ เดือนก็ได้ดอกเบี้ยไป ๒ งวดแล้ว แล้วเงินเป็นพันเป็นหมื่นล้าน ดอกเบี้ย ๒ งวดเป็นเท่าไร ? ฝากประจำ ๓ เดือนได้ดอกเบี้ย ๒ งวด ดังนั้น..ไม่ต้องแปลกใจหรอก ว่าทำไมการศึกษาบ้านเราเอาดีไม่ได้"

เถรี
22-06-2019, 21:28
"สมัยอาตมายังเป็นพระในสังกัดกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ กว่าจะนิตยภัตหรือที่เรียกว่าเงินเดือนพระ ๕๐๐ บาทจะออก ตั้ง ๘ เดือน ๙ เดือนกว่าจะได้สักที นี่เขาเรียกว่าไม่โกง เพียงแต่มาช้าหน่อย ขอให้ผมได้ดอกเบี้ยก่อน

แล้วอีกอย่างหนึ่งที่กระทรวงของเราไม่สามารถแก้ไขได้ ตั้งแต่รุ่นอาตมาแล้ว ก่อนหน้านี้ก็น่าจะมี คือเพื่อนที่สอบเข้า ม.ศ.๔ ม.ศ.๕ สมัยนั้นไม่ได้ ทุกคนเบนเข็มไปเรียนวิทยาลัยครู ซึ่งปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยราชภัฏ แปลว่าอะไร ? แปลว่าเอาคนที่เหลือเลือกแล้วมาเป็นครู ส่วนพวกดี ๑ ประเภท ๑ ไปเป็นหมอ เป็นวิศวกร เป็นทหาร ในเมื่อเอาประเภทวัสดุคุณภาพต่ำ ผลิตออกมาจะเป็นสินค้าคุณภาพสูงก็เป็นไปได้ยาก"

เถรี
22-06-2019, 21:32
"ปัจจุบันนี้ครูเป็นหนี้กันแทบทั้งนั้น เงินเดือนไม่พอใช้ งบประมาณมากที่สุดในทุกกระทรวง แต่เงินเดือนครูไม่พอใช้ หล่นหายกลางทางเยอะ ประเทศเกาหลีใต้เงินเดือนครู ๒๐๐,๐๐๐ - ๒๕๐,๐๐๐ บาทนะ ไม่ใช่วอน ถ้าเป็นบ้านเราเงินเดือนครู ๒๐๐,๐๐๐ บาท ดูสิว่าจะแย่งกันมาเรียนครูไหม ? ประเทศสิงคโปร์อย่างไม่มี ๆ ครูเงินเดือน ๑๒๐,๐๐๐ - ๑๕๐,๐๐๐ บาท บ้านเราหรือ ? ๓๐,๐๐๐ ตามวุฒิ ดร.ยังยากเลย

อาตมาเองใช้วุฒิปริญญาเอก เงินเดือนจริงไม่บอกหรอกว่ารับเท่าไร อนาถมาก..ไม่พอให้เสียภาษี นึกเอาก็แล้วกันว่าภาษีขั้นต่ำปีละเท่าไร ปีหนึ่งไม่พอให้เสียภาษี สอนเพื่อการกุศล เพราะว่าอาตมาก็ไม่เคยรับเงินเดือน ถึงเวลาเซ็นเบิกออกมา ก็โยนเข้ากองทุนการศึกษาให้กับวิทยาลัยสงฆ์ไป

คราวนี้ลาออกจากวิทยาลัยสงฆ์มา หลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์ด่ากราดเลย บอกว่าอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถขนาดนี้ มีจิตเป็นกุศลขนาดนี้ ปล่อยให้ลาออกไปได้อย่างไร ? ผอ.ฝ่ายวิชาการ ผอ.ฝ่ายบุคลากรนั่งกันตาปริบ ๆ สักพักหนึ่งก็ตัดสินใจกราบเรียนว่า "หลวงพ่อเป็นคนเซ็นอนุมัติเองนะครับ" หลวงพ่อเจ้าคุณแย้มก็ยิ่งโมโหใหญ่ " ก็แน่ละสิ...มึงส่งอะไรมากูก็เซ็นหมดแหละ กูจะไปรู้หรือว่าเป็นใบลาออก ตั้งแต่นี้ไปมึงอย่าหวังเลยว่าจะลักไก่กูได้ กูจะอ่านทุกตัวอักษรเลย" หลวงพ่อเจ้าคุณแย้มท่านนักเลงบ้านนอก มีอะไรก็ว่ากันซื่อ ๆ ใจถึงพึ่งได้"

เถรี
22-06-2019, 21:36
"สรุปว่าอาตมาพ้นจากอาจารย์ของวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรี พ้นจากอาจารย์ของวิทยาลัยสงฆ์นครปฐม ตอนนี้เหลืออยู่ที่เดียวคือวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ที่อาตมาเป็นประธานจัดหาทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์ ญาติโยมเก็บเงินไว้คนละ ๒,๕๐๐ บาท เดี๋ยวจะไปรบกวน

วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีให้เป็นเจ้าภาพ ห้องละ ๒๕๐,๐๐๐ บาท อาตมาขอ ๒,๕๐๐ บาท มีเหรียญสมเด็จองค์ปฐม รุ่นฉลอง ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม เนื้อเขียวเหล็กไหล ห้ามบูชาเกินกี่องค์ดี ? ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหมด มีศรัทธามากก็ไปบริจาคที่นั่นเอง ถ้าบริจาคตรงนี้จะต้องกำหนดก่อนว่าห้ามเกินเท่าไร เพราะว่าเนื้อนี้เป็นเนื้อที่ทำยากมาก

เนื่องจากเกิดจากอุบัติเหตุ ก็คือเขาเอาเหรียญไปล้างแล้วหล่น จมอยู่ในน้ำ ๒ วัน ไปงมขึ้นมาจากเหรียญทองแดงกลายเป็นเขียวปีกแมลงทับ งามสุด ๆ เขาเลยคิดว่า ถ้าไปแช่น้ำ ๒ วันแล้วจะเป็นอย่างนี้ ก็เลยลองไปแช่ดู ปรากฏว่าสนิมกิน แต่ถ้าไปแช่บ่อนั้นดันเป็นเนื้อเขียวเหล็กไหล น่าจะมีแร่ธาตุประเภทกรดกำมะถันอะไรอยู่ คาดว่าตรงนั้นมีทางน้ำใต้ดิน น่าจะไหลผ่านแม็กม่าใต้ดิน มีกรดกำมะถันปนอยู่ แช่แล้วเนื้อเขียวสวยมาก สวยกว่าเมฆสิทธิ์อีก แต่จริง ๆ แล้วเนื้อเดิมก็คือทองแดง

ถามว่ากล้าแขวนไหม ? เท่าแผ่นยันต์เกราะเพชรแผ่นเล็ก ฉะนั้น..ถึงเวลาแล้วมาช่วยกันสร้างวิทยาลัยสงฆ์หน่อย อาตมารับผิดชอบอาคารหลังเดียวประมาณ ๕๐ ล้านบาท นิด ๆ หน่อย ๆ เดี๋ยวช่วยกันภาวนาคาถาเงินล้านก็ได้แล้ว"

เถรี
22-06-2019, 22:04
พระอาจารย์กล่าวว่า "การกราบพระ อาตมากราบให้ดูอยู่ทุกวัน ก็ได้แต่ดูกัน บางคนถ่ายรูปไว้อีกต่างหาก ทำอย่างไรจะให้เรากราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริง ๆ ไม่ได้สักแต่ว่าแปะ ๆ ให้ครบ ๓ ที แถมยังเซลฟี่ไปอวดชาวบ้านเขาอีก

กราบพระเท่ากับว่าเราปฏิบัติในพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ถ้ากำลังใจยึดมั่นจริง ๆ ความเป็นพระโสดาบันอยู่ห่างแค่เอื้อมเท่านั้น แต่สมัยนี้ส่วนใหญ่ที่เห็นก็คือแปะ ๆ ให้ครบ ๓ ครั้ง หรือไม่ก็กราบแบบกิ้งก่าผงกหัว

รู้อยู่ว่ากิเลสเขาพยายามจะชักจูงเราให้ไปไกลจากความดี แทนที่จะฝืนเพื่อเอาความดีใส่ตัว ก็กลายเป็นว่าคล้อยตามกิเลสไป ก็เท่ากับว่าเราปรามาสพระรัตนตรัย"

เถรี
22-06-2019, 22:06
"การกราบพระของเราต้องกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ๑ ศีรษะ ๒ ศอก ๒ เข่า สัมผัสพื้นพร้อมกัน ศอกต่อเข่า ไม่ใช่ศอกอยู่ข้างหน้าแข้ง กราบพระดี ๆ นี่บริหารร่างกายไปในตัวเลย

การทำบุญสามารถทำได้ทุกเวลา สำคัญอยู่ตรงที่เราทำเป็นไหม ? ถ้าหากว่าทำเป็น กาย วาจา ใจ ของเราทุกเวลาก็คือบุญ แต่ส่วนใหญ่ เราไปปล่อยให้ฟุ้งซ่าน โอกาสที่จะได้บุญ แค่กราบพระให้ได้บุญอย่างง่าย ๆ เราก็ยังทำไม่ได้ จะพาลกลายเป็นบาปไปอีกต่างหาก เพราะสักแต่ว่าแปะ ๆ ไปให้ครบ ๓ ที

ต้องไปอินเดีย ไปศรีลังกา ไปดูว่าชาวพุทธที่นั่นเขาทำอย่างไร หรือไม่ก็ไปพม่า ประเทศพม่านี่เช้า ๆ คนเขาไปวัด สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ภาวนาจนกำลังใจทรงตัวแล้วค่อยไปทำงาน เลิกจากงานเข้าวัด สวดมนต์ ไหว้พระ ภาวนาจนกำลังใจทรงตัวแล้วค่อยกลับบ้าน ก็แปลว่าเตรียมพร้อมที่จะเอากำลังไปสู้กับงาน แล้วหลังจากนั้นก็สลัดทิ้งสิ่งที่รกอยู่ในหัวจนหมด กลับบ้าน อารมณ์ดี นอนหลับสบาย ไม่เครียด"

เถรี
22-06-2019, 22:12
"ศรีลังกาแต่งชุดขาวไปวัดทุกวันพระ ถึงไม่ได้ไปวัดก็แต่งชุดขาว ก็แปลว่าวันพระใหญ่ วันพระเล็ก ถ้าเห็นชุดขาวมา รู้เลยว่านี่คือชาวพุทธ

ประเทศอินเดีย ปี ๒๔๙๙ ดร.เอ็มเบดการ์ ชาวพุทธอินเดียเรียก บาบา สาเหบ พิมเรา รามจี บาบาก็คือท่านพ่อ นำชาวพุทธโดยเฉพาะพวกศูทร พวกจัณฑาล ๕๐๐,๐๐๐ คน ปฏิญาณตนนับถือพระรัตนตรัย โดยมีกฎเหล็ก ๒๒ ข้อ ไม่ใช่ศีล ๕ มากกว่าศีล ๕ ต้องละทิ้งลัทธิเดิมทั้งหมด

ฉะนั้น...ถ้าเขาไม่มั่นใจชนิดมอบกายถวายชีวิต จะมีใครกล้าปฏิญาณ ? แต่อินเดียปัจจุบันนี้ ถ้าเราไปจะเห็นว่า คนอินเดียเวลาไปสถานที่ทางศาสนาพุทธ เขาไปเพื่อเป็นอนุสติ ถ้าไม่มีมัคคุเทศก์ หัวหน้าคณะต้องศึกษารายละเอียดว่า สถานที่นั้นมีความสำคัญเกี่ยวโยงกับพระพุทธศาสนาอย่างไร แล้วก็ไปสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ภาวนา แปลว่าเขาใช้เวลาในสถานที่แต่ละแห่งนานมาก"

เถรี
22-06-2019, 22:13
"ส่วนทัวร์ไทยเราลงไปถึงก็แตกพล่านไปหมด เซลฟี่ได้รูปที่พอใจแล้วก็อัพสเตตัส...จบ กลายเป็นพวกเราไปหาบาป ขณะที่เขาไปเอาบุญ ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เห็น ๆ อยู่ว่า บ้านเราเป็นชาวพุทธแต่ปากเอาเสียมาก คนที่จะเป็นชาวพุทธทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ นั้นมีน้อย

การปฏิบัติธรรมเขาให้ละตัวตน ส่วนพวกเรามีแต่เพิ่มตัวตน อัพเฟซฯ อัพไลน์ ขึ้นสเตตัสกันได้ทุกวัน ทุกชั่วโมง อาตมาถึงได้บอกว่า ตัวเองรับตราตั้งรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิตอน ๑๐ โมง ๒๐ นาที พอ ๑๐ โมง ๒๔ นาที ข่าวไปทั่วโลกแล้ว มีคนช่วยอัพให้เรียบร้อย จนกระทั่งเพื่อนอาจารย์ มจร.เขายังพูดว่า "อาจารย์เล็กเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ไม่เล่นเฟซฯ เล่นไลน์ แต่มีรูปลงเฟซฯ ลงไลน์มากที่สุดในโลก"

เถรี
23-06-2019, 18:55
พูดถึงรูปภาพประกอบคำสอนธรรมะ "เนื้อหาเยอะเกินไปไหม ? คุณจำไว้ว่าสมัยนี้คนไทยอ่านหนังสือไม่เกิน ๘ บรรทัด ตัดสั้น ๆ เอาเฉพาะเนื้อหาใจความ และต้องเป็นเนื้อหาใจความที่คนทั่วไปอ่านเข้าใจ ไม่ใช่เราอ่านเข้าใจ ขยายตัวให้ใหญ่หน่อยก็ได้ อย่ามาก เพราะว่าถ้ามาก แค่มองเขาก็หมดความสนใจ...กูไปละ..!

ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามีพื้นฐานการปฏิบัติธรรมมาก่อน เราคิดว่าเราอ่านเข้าใจ แต่คนอื่นอ่านไม่รู้เรื่อง ต้องคิดอยู่เสมอว่าคนใหม่อ่านต้องรู้เรื่อง คนไม่มีพื้นฐานอ่านต้องรู้เรื่อง บางอย่างถ้าไม่รู้เรื่องจริง ๆ ปรับแก้เล็กน้อยเพื่อให้เขารู้เรื่องก็ปรับได้"

เถรี
23-06-2019, 18:56
"สมัยก่อนตอนทำหนังสือประวัติหลวงปู่ปาน หนังสือคู่มือกรรมฐาน ๔๐ ของวัดท่าซุง มีปัญหาอยู่ว่าลูกศิษย์หลวงพ่อเก่า ๆ หลายคน เคารพธรรมะเกินเหตุ ไม่กล้าแก้ไขต้นฉบับแม้แต่คำเดียว กระทั่งเสียงกระแอมกระไอยังถอดลงไปเลย ลักษณะอย่างนั้นปัญญาอ่อนชัด ๆ..! อะไรที่แก้ไขแล้วเนื้อความเดิมไม่เสีย ทำให้คนเข้าใจง่ายขึ้น เว้นวรรคตอนให้คนอ่านง่ายขึ้น ทำได้ทั้งนั้น แทนที่จะบาปกลับได้บุญเสียด้วยซ้ำไป

ส่วนพวกประเภทถอดไปทั้งดุ้น พอถึงเวลาคนอ่านรำคาญขึ้นมา พาให้นรกเกิดกับเขาอีก ถ้าไปเจอพวกนิติศาสตร์ทั้งแท่งนี่น่าเบื่อ เขาเรียกว่าประยุกต์ใช้ไม่เป็น คนจีนเขาบอกเอาไว้ว่า คนเก่งคือเรียนรู้ได้ตามที่อาจารย์สอน ส่วนบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต จะต้องสามารถปรับสิ่งที่อาจารย์สอนไปใช้ในชีวิตจริงได้ แต่ถ้าอัจฉริยะนี่ให้บัญญัติใหม่เอง ไม่ต้องไปพึ่งพาอาจารย์ คาดว่าคนพูดต้องเป็นพุทธภูมิแน่นอน"

เถรี
23-06-2019, 19:27
พระอาจารย์กล่าวว่า "ทำตนเป็นเรือนว่าง ไม่มีหลังคา ไม่มีข้างฝา ใครขว้างอะไรมาก็เลยไป อาตมาสรุปได้ตั้งแต่ตอนประมาณพรรษา ๓ ว่า “วางก่อน สบายก่อน กูไม่เอาอะไรแล้ว”

พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"ทำใจให้เหมือนกับแผ่นดิน แผ่นดินย่อมรองรับทั้งสิ่งที่สะอาดและไม่สะอาดโดยเสมอหน้ากัน
ทำใจให้เหมือนกับสายน้ำ สายน้ำย่อมขึ้นเปี่ยมฝั่ง ไม่ว่าฝั่งไหนก็ขึ้นโดยเสมอหน้ากัน
ทำใจให้เหมือนกับเปลวไฟ ย่อมไหม้ของที่สะอาดและไม่สะอาดโดยเสมอหน้ากัน
ทำใจให้เหมือนกับสายลม ย่อมพัดไปยังสถานที่ต่าง ๆ ไม่ติดอยู่ ณ ที่ใด"

เถรี
23-06-2019, 19:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระสมเด็จแหวกม่านของหลวงพ่อกวย นอกจากดูเนื้อแล้วยังต้องดูอีกว่ามีจุดหรือเปล่า ? รุ่นนี้ปลอมได้สะเด็ดยาดมาก ตำหนิก็ปลอมได้ แต่ไม่คมชัดเหมือนกับของจริง ลองเล็ง ๆ ดู ถ้าหากว่าไม่มั่นใจก็วางเลย อย่าไปเสี่ยง โลภเมื่อไรโอกาสเจ๊งมีสูง

เล่นวัตถุมงคลนี่ข้อสำคัญที่สุด ต้องมีหลักธรรมของพระพุทธเจ้านำหน้า ห้ามโลภ อย่าเห็นแก่ของถูก ประเภทดี ๆ ถูก ๆ หายาก ไม่มีทางได้ง่าย ๆ หรอก

วัตถุมงคลของท่านมีสักชิ้นก็พอ ขอให้เคารพท่านจริง ๆ เถอะ ประเภทประกาศตัวชัด ๆ ว่าข้าจะมาเกิดอีกไม่ค่อยมี เห็นมีก็หลวงพ่อคูณอีกรูป ข้าจะมาเกิดอีก จะมาสร้างบารมีต่อ"

เถรี
23-06-2019, 19:47
มีคนท้องมาทำบุญ "อาตมาค่อนข้างจะชอบคนท้องมาตั้งแต่ไหนแต่ไร สมัยไปเฝ้าไข้หลวงปู่มหาอำพันที่โรงพยาบาลทหารเรือ (โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า) มีเรือเอกหญิงยุวดี สุวรรณประดิษฐ์ เรียกชื่อเล่นว่าโอ ไอ้โอท้องใกล้คลอด คุยกับไอ้โออยู่ได้ทั้งวัน บรรดาพยาบาลนายเรือหญิงสาว ๆ ค้อนกันตากลับ "คนท้องคนไส้คุยอยู่นั่นแหละ ทีเราสาวโสดไม่มองเลย"

ทั้ง ๆ ที่เห็นว่าอาตมาเป็นพระนะ ก็เลยบอกว่า "อ๋อ...ที่ชอบคุยกับคนท้องเพราะมั่นใจว่าเขามีผัวแล้ว" ตอนนี้แม่โอเขาก็เลยแยกเขี้ยวแทน "ไม่รู้จักแม่ซะแล้ว" สรุปก็คือไปห่าง ๆ ดีกว่า เดี๋ยวกลายเป็นวัวพันหลัก ยิ่งมายิ่งใกล้ พวกพยาบาลเขาคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ ไม่ถือไม่สาอะไร อาตมาเองก็คุยไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีเขินไม่มีอายก็ไปกันใหญ่ อาตมาก็ไปแค่กรอบ คุณเล่นนอกกรอบเมื่อไร อาตมาก็เฉย แปลกใจว่าคุยกันได้เป็นเดือน ๆ

ช่วงที่อยู่บ้านวิริยบารมียังมากันหลายครั้ง เกษียณกันหมดแล้ว นัดกันมา สมัยโน้นเป็นเรือเอก เป็นนาวาตรี อายุก็ต้องประมาณ ๔๐ ขึ้นทั้งนั้น อาตมาเองตอนนั้นก็ ๒๐ ปีกว่า ๆ ยังไม่ ๓๐ ปี ต่างกันเกือบครึ่ง เขามานี่เกษียณกันหมด เป็นคุณป้ากันหมดแล้ว

ฉะนั้น...ในเรื่องของพระ จะไปรอให้โยมระวังแทนนั้นไม่ได้ เราต้องระวังตัวของเราเอง ต้องรักษาตัวเอง ระวังตัวเอง ต้องมีเส้นที่แน่นอน ใครล้ำเส้นก็เลิกคบ ถ้าไม่เด็ดขาดเขาจะใกล้เข้ามาเรื่อย เดี๋ยวแนวป้องกันก็พัง"

เถรี
23-06-2019, 20:24
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนพันเอกพิเศษเสนาะ จินตรัตน์ ตายแล้วฟื้นใหม่ ๆ มาเล่าให้คนอื่นฟังว่าตัวเองตายไปแล้วไม่มีน้ำกิน เพราะว่าไม่เคยทำบุญไว้ ไปขอคนอื่น ๆ กินก็ไม่ได้ พอหยิบขึ้นมาก็หายหมด

อาตมาไปบิณฑบาตเจอน้ำมาทีละโหลเลย ไม่ได้นึกเลยว่าพระต้องเดินตั้ง ๕ กิโลเมตร บ้านแรกมาหนึ่งโหล บ้านที่สองมาอีกหนึ่งโหล ก็ไม่ต้องไปไหนแล้ว

ถามว่าการทำบุญแบบนั้นดีไหม ? ก็ดี..แต่ต้องใช้ปัญญาด้วย พระท่านยังต้องเดินอีกตั้งหลายกิโลเมตร ไม่ใช่ต้นทางเจอน้ำไปแล้ว ๒ โหล แล้วจะแบกอีท่าไหน ? สมัยนั้นพระวัดท่าซุงไม่มีลูกศิษย์เดินตาม ต้องดูแลตัวเองทั้งนั้น

ทำแค่พอสมควร คนละขวด ถ้าจะเมตตาก็เอาขวดเล็กสุด ๒๐๐ ซีซีก็พอ ตอนที่เขาออกน้ำขวดละ ๒๐๐ ซีซีแล้วแจกบนรถทัวร์นี่ชอบใจมาก เอ็งเข้าใจคิด ขวดใหญ่ก็กินไม่หมด อุตส่าห์ย่อลงมาพอดี ๆ คราวนี้พวกเราประเภททำเผื่อ ทำเผื่ออีท่าไหน เผื่อจะไม่ได้ทำ เล่นกันทีละเป็นโหล เกินพอดีไปมาก

อย่าลืมนะว่า..ส่วนเกินและขาดมีมาตั้งแต่โบร่ำโบราณสมัยพุทธกาล พอพระพุทธเจ้าเสนอทฤษฎีสายกลางคือความพอดีขึ้นมา ถึงได้ถูกใจคน"

เถรี
23-06-2019, 20:29
"พระองค์ท่านตรัสว่า เทฺวเม ภิกขะเว อันตา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนสุดทาง ๒ อย่างนี้
เทฺวเม อันตา เป็นส่วนสุด ๒ อย่าง อันตาคือที่สุด
ปัพพะชิเตนะ นะ เสวิตัพพา ซึ่งบรรพชิตไม่ควรที่จะไปซ่องเสพเสวนาด้วย
โย จายัง กาเมสุ คือ การเกี่ยวข้องกับกาม
กามะสุขัลลิกานุโยโค เรียกว่ากามะสุขัลลิกานุโยค
หิโน เป็นของหยาบ
คัมโม เป็นของผู้ครองเรือน
โปถุชชะนิโก เป็นของผู้หนาด้วยกิเลส
อะนะริโย ไม่ใช่ความเจริญ
อะนัตถะสัญหิโต ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
โย จายัง อัตตะกิละมะถานุโยโค อีกอย่างหนึ่งก็คืออัตกิลมถานุโยค
ทุกโข ประกอบไปด้วยทุกข์
อะนะริโย ไม่ใช่ทางแห่งความเจริญ
อะนัตถะสัญหิโต ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์"

เถรี
23-06-2019, 20:31
"ต่างกันตรงไหน ? พระองค์ท่านตรัสว่า กามะสุขัลลิกานุโยโค ไม่มีทุกโข
ทำไมกามสุขัลลิกานุโยคไม่ทุกข์หรือ ? ทุกข์...แต่คนเข้าใจว่ากามเป็นสุข เพราะฉะนั้น..ถ้าไปตรัสว่ากามเป็นทุกข์นี่ ใจคนจะค้าน

เสร็จแล้วท่านก็เสนอ เอเต เต ภิกขะเว ดังนี้..ภิกษุทั้งหลาย
อุโภ อันเต ในระหว่างทั้งสองนี้
อะนุปะคัมมะ มัชฌิมา ปะฏิปะทา ก็คือทางสายกลาง
ตะถาคะเตนะ อะภิสัมพุทธา คือพระตถาคตเจ้าผู้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณค้นพบ

ในเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสมา ๒,๐๐๐ กว่าปี เป็นทฤษฎีที่นักปราชญ์ยุคนั้นยอมรับกันทั้งนั้น เราต้องยอมรับว่าคนยุคนั้นเก่งกว่าเรา แต่ปรากฏว่าถึงเวลาเรากลับไม่เอาทางสายกลางเสียเอง"

เถรี
23-06-2019, 20:40
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนที่แล้วไปบวชพระให้ที่วัดวังปะโท่ ด้วยความที่ว่าเวลามีน้อย อาตมาก็เลยให้บวชแบบเอสาหังฯ ปลัดนกก็นั่งตาปริบ ๆ "หลวงพ่อ...ผมลืมไปหมดแล้วครับ" บอกว่า "ไม่เป็นไรหรอก ก็สวดเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ว่าขั้นตอนต่างกัน เรื่องขั้นตอนเดี๋ยวผมจัดการเอง" จึงสวดจนเสร็จ อะไรวะ...พักเดียวลืมหมดแล้ว ของตู ๓๐ กว่าปีแล้วยังไม่ลืมเลย

พอหลวงพ่อวัดท่าซุงขอให้บวช ด้วยความที่เข้าใจว่าวัดท่าซุงเป็นวัดมหานิกาย ก็น่าจะบวชแบบอุกาสะฯ อาตมาก็ซ้อมขานนาคแบบอุกาสะฯ ไปเต็มที่เลย ปรากฏว่าไปถึงโน่น พระพี่เลี้ยงบอกว่า "วัดเราบวชแบบเอสาหังฯ" ก็ไปเปลี่ยนเอสาหังฯ อยู่ ๒ วัน พอท่องได้ ก็พอดีพี่เลี้ยงท่านบอกว่า "เฮ้ย...บวชหมู่ ต้องใช้ เอเต มะยัง ภันเตฯ" เจริญ...คราวนี้จะบวชแบบไหนขอให้บอก ท่องได้หมดแล้ว

คนก็สงสัยอะไรนักหนา เขารู้หรือเปล่าว่าอาตมาบวชเสร็จก็เป็นคู่สวดได้เลย ถึงเวลาเขาต้องสวดญัตติใช่ไหม ? รูปละ ๓ รอบ รุ่นของอาตมาบวชตั้ง ๓๖ รอบ ก็เท่ากับ ๑๒ ชุด ชุดละ ๓ รูป สวดญัตติไป ๓๖ รอบ จำไม่ได้ก็บ้าแล้ว"

เถรี
23-06-2019, 20:43
"สมัยที่โยมพ่อตายก็เหมือนกัน พระท่านมาสวดพระอภิธรรม ๗ วัน พอสวดครบ ๗ วันอาตมาก็ได้พระอภิธรรมไปด้วย สรุปว่าสวดได้ตั้งแต่ก่อนบวช..!

หลวงพ่อวัดท่าซุงพอเห็นอย่างนั้น ท่านก็เล่าให้ฟังว่าท่านชอบดนตรีไทย แต่มีอยู่เพลงหนึ่งที่สมัยฆราวาส ครูเขายังไม่ยอมถ่ายทอดให้ ท่านก็ไปบวชเสียก่อน แต่พอบวชไปแล้ว เจอเขาจ้างวงนั้นแหละไปเล่นหน้าศพ ถึงเวลาเขาตีประโคมศพครั้งหนึ่งก็จำ จำได้เยอะเลย ตอนพระฉันเขาประโคมอีกครั้งก็จำได้เกินครึ่ง พอฉันเสร็จ ยถา สัพพีฯ เสร็จ เขาประโคมอีกครั้ง ท่านบอกว่าเสร็จข้า..จำได้หมดแล้ว"

เถรี
23-06-2019, 20:44
ถาม : เป็นอานิสงส์โดยตรงของการทำสมาธิไหมครับ ?
ตอบ : ถ้ามีพื้นฐานสมาธิมาแล้วจะจำอะไรได้ง่าย และจำแม่นมากอีกด้วย

เถรี
23-06-2019, 20:51
พระอาจารย์กล่าวว่า "สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดดีเด่นนี่ ทางคณะกรรมการของจังหวัดกาญจนบุรีเขาให้วัดท่าขนุนสละสิทธิ์มา ๓ ปีติดกันแล้ว ก็คือขอเมื่อไรวัดท่าขนุนต้องได้ แต่เขาบอกว่าขอให้วัดอื่นแทนเถอะ เพื่อให้เขามีกำลังใจ

เอาไปเถอะ...อาตมาไม่ได้ต้องการหรอก ประเภทเงินหมื่นกว่าสองหมื่นแล้วต้องทำรายงานปีละ ๔ เล่ม ไตรมาสละ ๑ เล่มว่าคุณทำงานอะไรบ้างเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม ตรงนี้เป็นเรื่องปกติเลยที่ต้องส่งรายงาน"

ถาม : ตั้งแต่หลวงพ่อจัดงานบวชฟรี หลวงพ่อเริ่มมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ ใช่ไหมครับ หรือก่อนหน้านั้น ?
ตอบ : ก่อนหน้านั้น ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ แต่ไม่ได้เก็บงานไว้ รู้สึกจะเริ่มมามีงานเก็บประมาณปี ๒๕๔๘ ขอกลับไปดูอีกที ส่งรายงานทีไรคนรับก็บ่นทุกที อะไรจะบวชเยอะขนาดนี้ ไปหาคนที่ไหนมานักหนา ?

เถรี
23-06-2019, 20:55
วันก่อนหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดนครปฐมบอก "โอ้โฮ...อาจารย์เล็ก ทำไมหาบุคลากรได้สุุดยอดขนาดนี้ พระที่คุณส่งไป เรียนบาลีก็เก่ง สนใจการเรียนไม่เคยทิ้ง ปฏิบัติธรรมก็ได้ นำปฏิบัติก็ได้ เป็นโฆษกก็ได้ เทศน์ก็เอา เอาทุกเรื่อง"

กราบเรียนท่านว่า "ผมไม่ได้หาครับหลวงพ่อ เขามากันเอง เขามีความสนใจด้านไหน ผมสนับสนุนหมด" ท่านบอกว่าท่านอยากได้บุคลากรแบบนี้ หายากมาก แต่ของเราส่งไป ใช้ได้ทุกรูปเลย ส่งไปคุมปฏิบัติธรรม ๑๕ วัน ไม่มีหนีเลย คนอื่นส่งไป เดี๋ยวหาย ๆ คนของเราเขารักการปฏิบัติธรรม ของวัดอื่นไม่ค่อยเอา พอไม่เอาก็หนีหมด ชุดนี้ถ้าหากว่ากลับมา ทางวัดก็มีกำลังขึ้นมาหน่อย เพราะว่าตอนนี้ที่มีอยู่ เขาเอาไปเป็นเจ้าอาวาสจวนจะหมดอยู่แล้ว

วันก่อนหลวงพี่ชู้ต เขาขอไปเป็นรองเจ้าอาวาสวัดตะเคียนงาม ก็คือเตรียมว่าที่เจ้าอาวาส พระครูบ่าวก็มาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม ต้องเอาวินัยธรกอล์ฟไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาสแทน ปลัดตั้มก็ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยปากคอก เดี๋ยวนี้หาเจ้าอาวาสไม่ได้ มาเล็งลงที่วัดท่าขนุนหมด ถ้าอายุพรรษาเริ่มได้ตามกติกาไม่รอดหรอก ต้องเป็นจนได้แหละ

เถรี
23-06-2019, 20:57
(พูดกับทิดกวาง) อย่างไรก็ขออนุโมทนาด้วย คุณมีส่วนอย่างมากเลยที่ทำให้เขาเป็นได้อย่างทุกวันนี้ ก็คือสิ่งที่คุณช่วยอบรมไป ทำให้เขารู้ตั้งแต่ต้นว่าบวชไปแล้วต้องทำอย่างไร สิ่งที่เขาได้ไป พอเขารักษาเอาไว้ ก็กลายเป็นแบบอย่างแก่คนอื่น

พระเณรอื่นเขาบอกต่อกันว่า "อย่าไปอยู่เลย..คณะ ๒ วัดพระปฐมเจดีย์ เคร่งฉิบหา.." ผมกราบเรียนหลวงพ่อจังหวัดนครปฐมท่านว่า “ไม่จริงหรอกครับ ที่วัดผมทำอย่างนี้ทุกวัน” สวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐาน วัดของเราทำทุกวัน ส่วนของเขาประเภททำพอเป็นพิธี

เถรี
23-06-2019, 21:33
ปรึกษาเรื่องจัดรถตู้ไปวัด "เรื่องรถตู้มีอยู่ ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือว่าเราจะทำเป็นการกุศลเหมือนเดิม หรือว่าจะทำเป็นการค้า ? (การกุศลครับ)

ถ้าการกุศลก็ยืนราคาเก่าเขาเอาไว้ ว่าวันหนึ่งเท่าไร สองวันเท่าไร สามวันเท่าไร แล้วรถหมุนเวียนระหว่างที่อยู่ที่วัด อย่างเช่นว่าที่เขาเคยจัด วิ่งจากในวัดออกไปหน้าวัดมีเหมือนเดิมไหม ? (เหมือนเดิมครับ) หรือไม่อย่างนั้นก็ลองดูก่อนว่าช่วงสองสามงานนี้เป็นอย่างไร อย่าให้ติดขัดก็แล้วกัน ไม่ใช่หายไปคนหนึ่ง มาแทน ๕ คน แล้วก็ยังไม่ได้เรื่อง"

ถาม : ขอพรด้วยครับหลวงพ่อ
ตอบ : ไปตะเกียกตะกายเอาเอง เอะอะก็จะขอพรจะง่ายไป ไม่ยอมให้ชีวิตลำบาก จะเอาสบายทีเดียว สร้างบารมีมาขนาดนี้แล้ว ไม่ลำบากนี่ก็ไม่สมกับบารมีสิวะ..!

เถรี
23-06-2019, 21:35
เรื่องของรถเป็นเรื่องของความสะดวกสบาย ถ้าทำต่อเนื่องไปสักระยะหนึ่ง อานิสงส์ตรงนี้จะกลายเป็นว่าทำอะไรก็สำเร็จง่ายกว่าคนอื่นเขา แต่ต้องทำบุญเป็นบุญจริง ๆ ถ้าทำเพื่อการค้า ทำเพื่อหวังกำไร อานิสงส์ตรงนี้จะไม่ได้

อำนวยความสะดวกให้คนอื่น ถือว่าเป็นส่วนของเวยยาวัจจมัยด้วย ก็คือขวนขวายเพื่อช่วยให้คนอื่นสำเร็จในการบุญการกุศล แล้วขณะเดียวกัน อานิสงส์พิเศษตรงที่ช่วยให้เขาได้รับความสะดวก ความคล่องตัว ถึงเวลาตัวเองทำอะไรก็จะสะดวก คล่องตัว

เราจะเห็นว่าหลังจากคุณชยาคมน์ทำหน้าที่นี้มาระยะหนึ่ง ความคล่องตัวทุกอย่างก็เริ่มปรากฏ ทำอะไรก็ดูเหมือนกับว่าสะดวกไปหมด แค่บอกก็มีคนร่วมมือทุกประการ คราวนี้พวกเรามาแทนก็ต้องสะสมไปสักระยะหนึ่ง

เถรี
23-06-2019, 21:40
มีโยมเอาชามาถวาย "ชาอินเดียหรือชาซีลอน ส่วนใหญ่เขาทำเป็นชากลิ่นผลไม้ ฝีมือยังไม่ถึง ถึงเวลาทำไปแล้วบางทีกลิ่นสารเคมีออกมาเลย

เรื่องของใบชา ถ้ากลิ่นหอมต้องหอมธรรมชาติของเขา ญี่ปุ่นเอาข้าวคั่วใส่ลงไปด้วย เวลาฉันเข้าไปแล้วนึกถึงลาบเมืองไทย ส่วนชาที่อาตมาไม่สนใจเลยคือชากลิ่นมะลิ เพราะว่าไปกันไม่ได้ ฝรั่งเขาชอบ Jasmine Tea กันมาก แต่อาตมาว่าไปกันไม่ได้ คือกลิ่นชาหอมธรรมชาติ กลิ่นดอกไม้ก็หอมธรรมชาติ แต่สองอย่างเข้ากันไม่ได้เขาก็เอามาเข้ากัน

ชานี่เราจะเปลี่ยนรสเปลี่ยนกลิ่นได้อย่างเดียวคือน้ำ ถ้าน้ำคนละแหล่งกัน บางทีรสกับกลิ่นจะเปลี่ยนไปตามแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำนั้น ๆ พวกเราอาจจะสงสัยว่าชาหลงจิ่งคืออะไร ? บ่อมังกรก็ต้องน้ำบ่อนั้นเลย ถึงจะได้รสที่ดีที่สุด แต่คราวนี้พอมีชื่อเสียงขึ้นมา ไปที่อื่นก็เรียกหลงจิ่งเหมือนกันหมด แต่ไม่ได้เรื่องแล้ว คือหลงแต่ชา น้ำไม่ได้หลงตามไปด้วย ก็แบบเดียวกับเงาะโรงเรียน พอหลุดจากบ้านนาสารไป พอปลูกที่อื่นก็เปลี่ยนแปลงไปตามดินฟ้าอากาศ"

เถรี
23-06-2019, 21:43
"อย่างไปทองผาภูมิก็กลายเป็นเงาะทองผาภูมิ กลายเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ดีกว่าเขา แต่ว่าสีสันไม่น่ากิน ออกเขียว ๆ เหลือง ๆ แต่ถ้าคนกินสักหน่อยก็จะหลงเสน่ห์ไปเลย เพราะว่าทั้งหวาน ทั้งล่อน ทั้งกรอบ แต่ถ้าดูสีสันภายนอก จะดูไม่ได้เลย ลูกเล็ก ๆ เขียว ๆ เหลือง ๆ หาแดงไม่ค่อยจะเจอ

ทำไมทุเรียนต้องนนทบุรี ? ทำไมลิ้นจี่ต้องตรอกจันทน์ ? ทำไมสับปะรดต้องศรีราชา ? เพราะว่าแร่ธาตุในดินเหมาะกับพืชผลชนิดนั้น ๆ ออกมารสชาติจะดีกว่าที่อื่น แต่ไม่ต้องไปประมูลกับเขานะ ลูกละสองแสนนั่นเขาตั้งใจทำบุญ ก็ให้เขาทำไปเถอะ ถ้าจะซื้อทุเรียนกิน ไปซื้อที่อื่นดีกว่า

สมัยก่อนแตงโมต้องบางเบิด ไป ๆ มา ๆ เขาเอาไปขายริมถนนแถวรังสิตมาก ก็เลยกลายเป็นแตงโมรังสิต แต่จริง ๆ ไม่ใช่ของรังสิต เอาจากที่อื่นไปขายที่รังสิต"

เถรี
23-06-2019, 21:47
พระอาจารย์กล่าวกับโยม "อย่าไปจริงจังกับชีวิตมากแล้วจะดีเอง ในเมื่อไม่มีอะไรสมบูรณ์พร้อม ไปเรียกร้องความสมบูรณ์พร้อมก็ประเภทหาเรื่องทุกข์เอง"

เถรี
23-06-2019, 21:48
พูดกับพระนักเรียนบาลี "เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒ หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดนครปฐมชมพวกคุณเสียยกใหญ่เลย ว่าอาจารย์เล็กหาบุคลากรพวกนี้มาจากไหน ขยัน เรียนเก่ง เป็นงานทุกเรื่อง โฆษกก็ได้ เทศน์ก็ได้ นำปฏิบัติก็ได้ ไปเฝ้างานปฏิบัติ ไม่หนีอีกต่างหาก

ต่อไปห้ามหนี หนีนี่เสียชื่อหมด ท่านชมเอาไว้เยอะ กลายเป็นช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับสำนักไปแล้ว"

เถรี
23-06-2019, 21:51
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ระยะนี้เขาตั้งชื่อให้ยากเข้าไว้ อ่านไม่รู้เรื่อง อาตมาเตือนแล้วเตือนอีก บอกว่าไม่ต้องเปลี่ยนชื่อหรอก ให้เปลี่ยนความประพฤติแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ก็ไม่ค่อยจะฟังกัน เพราะอะไร ? เพราะว่ามักง่าย เปลี่ยนชื่อนั้นง่าย ให้เปลี่ยนสันดานไม่ยอมเปลี่ยน คราวนี้พออ่านก็ยาก เขียนก็ยาก แปลก็ไม่ออก ในเมื่ออะไร ๆ ยากหมด แล้วชีวิตจะง่ายอย่างไร ?

ส่วนของอาตมาก็ง่ายเกินไป เพื่อนพระเขาเรียก "อาจารย์เล็ก" ผู้บังคับบัญชาเรียก "พระครูเล็ก" ญาติโยมเรียก "หลวงพ่อเล็ก" เรียกง่ายเกินไป ผู้บังคับบัญชาเขาเลยเรียกใช้ตลอด เหนื่อยแทบตาย ต่อไปต้องเปลี่ยนชื่อยาก ๆ เอาประเภทเรียกไม่ได้ไปเลย"

เถรี
23-06-2019, 21:55
พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงเอ็นทรานซ์ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่เด็ก ๆ มักจะคิดว่าใช่ ถึงเวลาคนพลาดก็โลกมืด ทำอะไรไม่ถูก ต้องบอกว่าประสบการณ์ชีวิตน้อย ไม่เคยผิดหวัง ถึงเวลาสอบไม่ได้ก็เฉาไปนาน"

เถรี
23-06-2019, 21:59
ถาม : ผมจะไปปฏิบัติราชการปราบปรามโจรสลัดที่ฐานทัพเรือสหรัฐในประเทศบาห์เรนครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก พกของขลังไปเยอะ ๆ ก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องห่วง เพราะว่าถ้าเป็นของสหรัฐเขาเอาคน ในเมื่อเอาคน เรื่องความปลอดภัยต้องบอกว่าเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์

ถาม : มีช่วงเวลาหนึ่งต้องอยู่บนเรือรบเกาหลีสองเดือน ?
ตอบ : อยู่ไปเถอะ พวกเราชินกับการปฏิบัติธรรม ไม่มีปัญหา ถึงเวลาก็ภาวนาไป ออกกำลังกายไป ถือโอกาสฟิตตัวไปเลย กลับมาจะหนุ่มขึ้นอีกเยอะ ได้วันทวีคูณไหม ? น่าจะได้นะ คิดว่าได้อย่างแน่นอน

พ.ส.ร. สมัยก่อนโน้น ต้องพวกพี่อรรณพ ถึงเวลาก็จุดธูปบอก “หลวงพ่อ..ผมอยากได้ พ.ส.ร.เพิ่ม ขอสักแผลหนึ่ง” ไม่อย่างนั้นอย่างไรเขาก็ยิงไม่ถูก ต้องขอร้องให้เขายิงถูกหน่อย อยากได้เงินเพิ่ม ถึงเวลาก็ "หลวงพ่อ..ขอสักแผลหนึ่ง" ไม่มีแผลเลยเดี๋ยวคุยกับใครไม่ได้ เจอครูบาอาจารย์เก่งเกินไป กระสุนมาเป็นห่าฝน ไม่ถูกสักนัด ตั้งใจยืนให้เขายิงก็ไม่ถูก

เถรี
23-06-2019, 22:00
พ.ส.ร คือเงินเพิ่มพิเศษจากการสู้รบ ได้รับบาดเจ็บหนักเบาเขามีให้ ไม่เหมือนปักษ์ใต้เรา ปักษ์ใต้บ้านเราทุเรศมาก ค่าชดเชยนักบวชศาสนาอื่นสองแสนบาท พระภิกษุสงฆ์หนึ่งแสนบาท ระบุไว้ชัดเลยนะ ถ้าหากว่าพระตายได้แสนหนึ่ง โต๊ะอิหม่ามตายหรือว่านักบวชของเขาตายได้สองแสนบาท..!

เถรี
23-06-2019, 22:02
พระอาจารย์กล่าวกับพ่อแม่ลูกอ่อนว่า "กลางวันชวนลูกเล่นเยอะ ๆ อย่าให้หลับ กลางคืนจะได้นอนสลบไสลไปเลย ไม่อย่างนั้นพอกลางวันนอนเต็มที่ ก็เป็นเวรเป็นกรรมของพ่อของแม่ ลูกจะกวนทั้งคืนเพราะว่านอนพอแล้ว

โดยธรรมชาติมนุษย์และสัตว์ ร่างกายเขาสร้างมาให้เคลื่อนไหว เพราะฉะนั้น..ถ้านอกเหนือเวลาพักผ่อน ก็จะขยับอย่างเดียวเลย ถ้าเราสังเกตดูช้าง เวลาช้างยืนต้องโยกตัวไปมา ไม่โยกไม่ได้ เดี๋ยวประเภทเลือดลมตกไปอยู่แค่จุดใดจุดหนึ่ง ก็จะเป็นอันตรายกับตัวเอง"

เถรี
23-06-2019, 22:06
มีโยมที่ขาไม่ปกติมาถวายสังฆทาน พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “เห็นทีไรอาตมาจะนึกชื่นชมทุกครั้งว่า ทั้ง ๆ ที่ร่างกายไม่ปกติ แต่เขาทำอะไรเหมือนกับคนทั่ว ๆ ไปได้

เพื่อนกันจบด็อกเตอร์ ๒ ใบ ขาก็เป็นแบบนี้ พระครูสุนทรวัชรกิจ, ดร. ท่านจบปริญญาเอกด้านกฎหมายใบหนึ่ง แล้วมาจบปริญญาเอกด้านการจัดการเชิงพุทธพร้อมกันอีกใบหนึ่ง ตอนไปดูงานต่างประเทศ เพื่อน ๆ ก็ช่วยผลัดกันเข็นรถให้”

เถรี
23-06-2019, 22:08
พระอาจารย์กล่าวถึงการจัดงานวันเกิดว่า “อาตมาเอาตามธรรมเนียมโบราณ จัดวันเกิด ๖๐ ปีครั้งหนึ่ง เจอกันอีกทีไม่ ๗๐ ก็ ๗๒ ปีเลย

สมัยก่อนที่เขาจัดงานวันเกิดลักษณะนั้นเพราะว่า อันดับแรก เป็นการรบกวนคนอื่นมาก ท่านเกรงใจกัน โดยเฉพาะว่าบรรดาท่านที่เป็นเจ้าใหญ่นายโตรับราชการ คนจะต้องไปกันมาก อันดับที่สอง คือการเดินทางนั้นยาก ไม่เหมือนกับสมัยนี้

ดังนั้น..ถ้าหากว่าจัดพร่ำเพรื่อฟุ่มเฟือยกัน ก็เท่ากับรบกวนคนอื่นตลอดเวลา เขาก็เลยจัด ๖๐ ปีครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็แยกเป็นสองสาย สายหนึ่งก็ ๑๐ ปีครั้ง คือ ๗๐ ปี ๘๐ ปี ๙๐ ปี อีกสายหนึ่งก็ ๑๒ ปีครั้ง ตามรอบนักษัตร ๗๒ ปี ๘๔ ปี ๙๖ ปี”

เถรี
23-06-2019, 22:09
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนท่านเจ้าคุณทอม (พระโสภณกาญจนาภรณ์) ท่านโทรมาถามว่า “อาจารย์เล็ก..มีเหรียญหลวงปู่สาย รุ่น ๑ ไหม ?” ตอบท่านไปว่า “ไม่มีครับ” ท่านบอกว่า “ผมมี..ผมได้มาตั้งแต่สมัยที่ผมเป็นเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ”

ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอแทนหลวงปู่สาย ช่วงที่หลวงปู่สายหนีออกจากวัดไป ๗ ปี ท่านเลยบอกว่า "เดี๋ยวจะเลี่ยมทองไปถวาย" แล้วพูดต่อว่า “ปกติผมจะไม่ถามหรอก แต่คราวนี้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ก็เลยสงสัยว่ามีไหม ?” อาตมาตอบไปว่า “ไม่มีหรอกครับ เป็นเรื่องขายหน้าของผมด้วยซ้ำไป ว่าเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้แล้วไม่มีเหรียญหลวงปู่สาย..!” เป็นอะไรที่ฟังดูตลก ๆ ดี”

เถรี
23-06-2019, 22:10
มีโยมพาแมวมาบ้านเติมบุญ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “เปลี่ยนไปเลี้ยงเสือบ้างไหม ? เสือก็คือแมวนั่นแหละ ตระกูลเดียวกัน เพียงแต่ตัวใหญ่ขึ้นมาหน่อยหนึ่ง

แมวเขามีเขตของเขาอยู่ แล้วเขาจะทำเครื่องหมายเอาไว้ มีกลิ่นบอกเขต ดังนั้น..ถ้าไปที่อื่นเขาจะงง ๆ บางตัวก็ตะเกียกตะกายจะกลับไปหาเขตของตัวเอง

เวลาเจอเสือในป่า ถ้าถอยให้พ้นเขตแล้วเสือไม่ทำอะไร ก็แปลว่าเขาไม่หิว แต่ถ้าถอยพ้นเขตแล้วเสือยังตามมา แปลว่าหิวแล้ว รีบหาต้นไผ่ขึ้นไปเร็ว ๆ เสือขึ้นต้นไม้ได้ยกเว้นต้นไผ่ ต้นไผ่เปลือกจะแข็งลื่น ๆ เล็บเสือเกาะไม่ติด แต่ว่าน้อยคนที่จะมีสติหาต้นไผ่ เจอต้นอะไรก็ขึ้นหมดแหละ ต้นไม้หนามยังขึ้นเลย ...(หัวเราะ)...”

เถรี
23-06-2019, 22:11
พระอาจารย์กล่าวว่า “เคยได้ยินไหม เขาบอกว่า “สรรพสิ่งสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง” เพราะฉะนั้น..การคบคนให้คบด้วยความจริงใจ ไม่ใช่คบเพราะผลประโยชน์ ถ้าคบคนเพราะผลประโยชน์ ผลประโยชน์หมดเมื่อไร ไม่เขาก็เราที่ต้องไปกันข้างหนึ่ง”

เถรี
23-06-2019, 22:16
ถาม : โยมซื้อที่ดินตรงข้างพระพุทธเจติยคีรีไว้สองงาน ทีนี้ที่ติดกับของคนอื่นด้วย ถ้าจะถวายวัดสมควรไหม ?
ตอบ : ได้..ต้องบอกว่าคนทำเอื้อเฟื้อมาก เพราะว่าที่ดินทุกแปลงมีทางออกให้

ถาม : ถ้าจะถวาย ควรไปทำชื่อโอนเป็นของวัดจะดีกว่าไหมคะ ?
ตอบ : โอนได้ ถ้าโอนเข้าวัดก็จะกลายเป็นสมบัติพระศาสนาไปตลอดชาติ เพราะว่าที่ดินวัดจะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยพระราชบัญญัติเท่านั้น ต้องเข้าคณะรัฐมนตรี ประชุมสองสภาขออนุมัติ ถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ เพราะฉะนั้น..ถ้าถวายที่ให้วัดก็จบเลย

ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์จะติดคุกกันตายเพราะว่าเป็นที่วัด แล้วทะลึ่งไปขาย ซึ่งไม่มีทางที่จะขายได้ เพราะกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า เรื่องของที่ดินวัด ต้องเป็นไปโดยมติ ครม.เท่านั้น

ถาม : โยมควรไปเปลี่ยนเป็นชื่อวัด ?
ตอบ : ถวายก็เข้าวัดไปเลย เพื่อความปลอดภัย โอนให้เป็นของวัด อย่าโอนให้เป็นชื่อเจ้าอาวาส โอนเป็นชื่อเจ้าอาวาส โดนชั่งกิโลขายตอนไหนก็ไม่รู้

เถรี
23-06-2019, 22:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้มีข่าวดังมากเกี่ยวกับพระไทยที่ธุดงค์ไปอเมริกา ก็คือ พระสุธรรม ฐิตธมฺโม หรืออดีตนายสุธรรม นทีทอง วันนี้ก็เพิ่งจะมีข่าวว่าทางด้านอเมริกา ทั้งนักเรียนนักศึกษาแห่กันไปต้อนรับมาก

จุดนี้ที่อยากจะพูดถึงก็เพราะว่า การธุดงค์นั้น พระพุทธเจ้ามีเป้าหมายให้เราขัดเกลากิเลส เมื่อขัดเกลาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ท่านบอกว่า อัปปิจฉตา จะเป็นผู้มักน้อย สันตุฏฐิตา เป็นผู้สันโดษ สัลเลขตา รู้จักขัดเกลากิเลสตัวเอง ปวิเวกตา เป็นผู้ปลีกตัวไปหาความสงบ ฯลฯ

คราวนี้เรามาดูว่าท่านสุธรรมไปในลักษณะนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับการขัดเกลากิเลส ? ท่านบอกว่าท่านธุดงค์เพื่อสันติภาพ ถ้าอย่างนั้นจะไปใช้คำว่าธุดงค์ก็ไม่ถูกต้อง ควรที่จะเปลี่ยนเป็น จาริกเพื่อสันติภาพ หรือ เดินข้ามโลกเพื่อสันติภาพ ก็ว่าไป แต่ว่าไม่ใช่ธุดงค์ ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้ความหมายในหลักธรรมของพระพุทธเจ้าผิดเพี้ยนไปมาก กลายเป็นสัทธรรมปฏิรูปปะปนเข้ามาในพุทธศาสนามากขึ้น

คนรุ่นหลัง ๆ ไม่มีความรู้ความเข้าใจก็จะอ๋อ...ธุดงค์ เดินรอบโลกแบบนี้นี่เอง เป็นแบบเดียวกับเดินธุดงค์ต้องเหยียบ "ดาวรวย" เห็นคนที่รวยคือคนปลูกดาวรวย ส่วนญาติโยมที่เสียสตางค์ไปซื้อดาวรวยก็ยังคงเหมือนเดิม"

เถรี
23-06-2019, 22:35
"เรื่องพวกนี้ยิ่งนานไปจะยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเป็นไปได้ว่าเรารู้จริง ก็ควรจะอธิบายให้คนที่ไม่รู้ว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร ถามว่าสิ่งที่ท่านสุธรรมทำไปนั้นดีหรือไม่ ? ดี...เพราะว่าเป็นการแสวงหาสันติภาพด้วยการแสดงออก ซึ่งขณะนี้เราก็รู้ ๆ อยู่ว่าทั้งโลกนี้หาสันติภาพยากเย็นมาก เป็นการเอามิติทางศาสนา โดยเฉพาะศาสนาพุทธที่ได้ยอมรับว่าเป็นศาสนาแห่งสันติภาพเป็นตัวนำ ช่วยทำให้คนรู้จักพระพุทธศาสนามากขึ้น

แต่ว่าในเรื่องของการตั้งชื่อ หรือโครงการของตัวเองนั้นผิด เพราะว่าแทบจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการธุดงค์เลย ควรที่จะใช้ชื่อใหม่หรือว่าช่วยกันกล่าวไปในทางที่ถูก อย่างเช่นว่า จาริกเพื่อสันติภาพ เดินทางรอบโลกเพื่อสันติภาพ Journey for peace around the world. อะไรก็ว่าไป"

เถรี
23-06-2019, 22:36
"อะไรที่รู้ถ้าเราไม่พูด บางทีก็สร้างความเสียหายให้พระศาสนาของเราจนบอบช้ำ ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่าคนห่างจากศาสนาไปเรื่อย เพราะว่าการกระทำของศาสนิกเราเอง ทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกานี่แหละ

ทำอย่างไรที่เราจะช่วยกันปรับ ช่วยกันแก้ไข โดยเฉพาะแนวทางการประพฤติปฏิบัติ ให้กลับเข้ามาอยู่ในกรอบของหลักธรรมพุทธศาสนา ทาน ศีล ภาวนา หรือว่าศีล สมาธิ ปัญญา ก็อยู่ที่พวกเราต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ รู้จริงก็บอกกล่าวต่อ ถ้ากลัวคนไม่เชื่อถือ เดี๋ยวนี้เนื้อหาพระไตรปิฎกมีทั่วไปหมด ถาม "พี่กู" ก็ได้ "พี่กู" รู้ทุกเรื่อง เพียงแต่ว่ารู้แล้วเอาไปใช้เป็นหรือเปล่าเท่านั้นเอง"

เถรี
25-06-2019, 08:16
ถาม : เวลาที่หนูไปวัดแล้วไปซ่อมแซมข้าวของต่าง ๆ ที่เสียหาย ของที่เสียแล้ว อย่างท่อน้ำผุ ๆ เอาไปให้พระ พระท่านบอกว่าให้เอาทิ้งไปเลย แบบนี้หนูจะเป็นหนี้สงฆ์ไหมคะ ?
ตอบ : ตราบใดที่เป็นของสงฆ์เราก็ติดหนี้สงฆ์อยู่ดี

ถาม : เราควรใช้วิธีวางไว้ต่อไปให้พระท่านมาจัดการเองหรือคะ ?
ตอบ : เอาไปขายแล้วเอาเงินใส่ตู้ไป

ถาม : แล้วพระที่วัดท่านบอกว่าอะไรบางอย่างถ้าเราขาดจริง ๆ ก็ไปหยิบเอาเองเลย ?
ตอบ : เราไม่ได้เอาไปส่วนตัวก็ทำได้ ถ้าใช้อยู่ในงานสงฆ์ ยกเว้นว่าหยิบใส่กระเป๋าตัวเอง อย่างนั้นจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ซวยพอกัน

ถาม : มีคนเขาบอกว่าถ้าไปซ่อมต้องทำให้ดีกว่าของเดิม ใช้ของที่ดีกว่าเดิม ?
ตอบ : แล้วถ้าไม่มีล่ะ ?

เถรี
25-06-2019, 08:22
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนฟ้าผ่าใกล้ ๆ วัดท่ามะขาม เครื่องเสียงพัง เวลาฟ้าผ่า คลื่นไฟฟ้าที่กระจายไปในอากาศมีเป็นแสนโวลท์ แล้วก็แทรกเข้าไปในสายไฟได้ เครื่องเสียงก็เลยพัง ซ่อมกันเกือบตาย เสร็จก่อนเริ่มงานหน่อยเดียว เพราะว่าเขาสวดอภิธรรมตอนทุ่มครึ่ง แล้วฟ้าผ่าประมาณหกโมงเย็น

ต้องบอกว่าโชคดีที่วัดท่ามะขามเขามีพระมีเณรที่มีความรู้เรื่องเครื่องเสียง โดยเฉพาะสามเณร ถึงเวลาพระท่านจะไปเทศน์มหาชาติ ท่านก็ขอตัวสามเณรไปด้วย ก็ถามว่าทำไมวะ ? วัดกำลังมีงานยุ่งตายชัก แทนที่จะให้เณรอยู่ช่วยงานทางนี้ ? เขาบอกว่าสามเณรรู้จังหวะว่า เทศน์จังหวะไหนควรเปิดเสียงดัง เทศน์จังหวะไหนควรเปิดเสียงเบา

ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นต่อไปคุณสู้เณรไม่ได้หรอก เพราะว่าเณรจำเทศน์ได้ขนาดนั้น แปลว่าเขาเทศน์เองได้แล้ว เพราะส่วนใหญ่บรรดาเทศน์มหาชาติก็จะมีเนื้อหาจำกัด ในเมื่อเนื้อหามีจำกัด ถึงเวลาถ่ายทอดต่อ ๆ กันมาก็บทเดียวกันนั่นเอง ก็เลยขึ้นอยู่กับเสียงคนเทศน์ คราวนี้สามเณรรู้ขนาดนั้น รู้ว่าจังหวะไหนควรเปิดเสียงอย่างไร ต่อไปคุณเสร็จแน่

พวกเราเคยฟังเทศน์มหาชาติไหม ? อาตมาเคยฟังพวกระดับเซียน เขาใช้ปากทำเสียงดนตรีได้ทุกอย่างเลย สมมติว่าเขาเป็นดนตรีบรรเลงอยู่ในวัง ตอนพระเจ้าสญชัยเสด็จ ใช้ปากทำทั้งนั้นเลย ฟังดูน่าทึ่งมาก ว่าเขาเก่งขนาดนั้น"

เถรี
25-06-2019, 08:25
"วันก่อนพระท่านถามเรื่องศีลพระ ที่บอกว่าห้ามภิกษุขับลำด้วยเสียงอันยาวแปลว่าอะไร ? บอกท่านไปว่าไม่ใช่ร้องเพลงนะ ขับลำด้วยเสียงอันยาวก็คือเทศน์แหล่นี่แหละ พระพุทธเจ้าท่านห้าม

ถามว่าแล้วทำไมพระเทศน์เยอะมากเลย ? อ้าว...ก็ปรับโทษเท่ากับจับเงิน ผมนั่งจับเงินทั้งวัน ส่วนท่านนั่งเทศน์ ดูท่าว่าโทษเขาจะน้อยกว่าผมอีก บอกกับพระท่านไปว่าเคยฝึกอยู่ แต่พอมาศึกษาเรื่องอภิสมาจารของพระก็เลยไม่ได้แหล่ สรุปว่าถ้าหลวงพ่อยอมโดนอาบัติเทศน์แหล่ให้พวกเขาฟัง จะดีมากเลยใช่ไหม ?"

เถรี
25-06-2019, 08:43
ถาม : เหมือนกับว่ามีวิญญาณมาซ้อนค่ะ ไม่ทราบว่าจะแก้ไขด้วยวิธีไหนได้บ้างคะ ?
ตอบ : เราไม่อนุญาตก็จบแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเราไม่ยินยอม อย่างไรเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ฉะนั้น..จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เขามีกฎเกณฑ์ของเขาอยู่ ถ้าเราไม่ยินดีด้วยเขาก็ทำอะไรไม่ได้

ส่วนใหญ่พอเราเจอเรื่องพวกนี้ ด้วยความกลัวเราก็จะกลัวล่วงหน้าไปก่อน ในเมื่อกลัวล่วงหน้าไปก่อนกำลังใจก็หายไปแล้ว เรื่องของผี ถ้ากำลังใจเราดีกว่าเขาก็ทำอะไรไม่ได้ แบบเดียวกับหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ไปตรวจงานวัดในป่าแล้วไปนอนค้างที่ศาลา มีผีมาไล่ บอกว่าเป็นเจ้าพ่อเขาเหล็ก ท่านถามว่า “เขาเหล็ก..ไอ้ตำบลที่นี่นะหรือ ?” ผีบอกว่าใช่ ท่านเลยบอกว่า “กูนี่..เจ้าคณะจังหวัด มึงใหญ่อยู่แค่ตำบลนี้เสือกมาไล่กู กูเป็นเจ้านายของมึงนะ” สรุปแล้วผีต้องไป ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด ไอ้นี่อยู่แค่ตำบล อำเภอยังไม่ถึงเลย

อาตมาก็เคยเจอ บางตัวเดินมาบอกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ไม่มีใครใหญ่กว่าเขาแล้ว อาตมาก็บอกว่าใหญ่แค่ไหนมึงก็นั่งลงแล้วกราบพระก่อน ไม่อย่างนั้นเจอตีนแน่ ๆ...! ผีก็เลยต้องลงไปกราบก่อน

อยู่ที่กำลังใจของเรา ถ้าไม่ตกใจ ไม่กลัว เขาทำอะไรไม่ได้หรอก แต่ก็เป็นธรรมชาตินะ ที่ไม่กลัวนั้นมีน้อย คนบวม ๆ มักจะหายาก

เถรี
25-06-2019, 08:57
ถาม : ถามเรื่องการปิดวาจา ?
ตอบ : ปิดวาจาแปลว่าห้ามพูด ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร เพราะคนที่ไม่พูดคิดมากกว่าที่พูดอีก การปฏิบัติธรรมเขาให้สร้างสติ ถ้ามีสติ ก็รู้อยู่ว่าทุกคำพูดเป็นประโยชน์หรือโทษ เราก็ละเว้นส่วนที่เป็นโทษ พูดแต่ส่วนที่เป็นประโยชน์ก็จบแล้ว

ส่วนการไปปิดวาจานั้นเป็นการหนีปัญหา เคยมีคนไปถามหลวงปู่บุดดา หลวงปู่บุดดาท่านถามว่า "หยุดพูดแล้วหยุดคิดหรือเปล่าเล่า ?" ถ้าหยุดพูดได้แต่หยุดคิดไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ยังคงก่อมโนกรรมไปเรื่อย

เถรี
26-06-2019, 19:28
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้ไม่มีอะไรท้าทายแล้ว ก็เลยอ่านหนังสือสองเล่มสลับกัน อ่านเรื่องนี้แล้ววาง หยิบเล่มนั้น พออ่านเล่มนั้นวางแล้วหยิบเล่มนี้ ดูว่าจะสร้างความสับสนให้กับตัวเองได้ไหม ? สรุปว่าทำไม่สำเร็จ

ต้องบอกว่าสมองคนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ในขณะเดียวกันสติสมาธิก็ยิ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์ พอถึงเวลาฝึกไประดับหนึ่ง จะมีการจัดระเบียบหมวดหมู่ของตัวเอง สามารถแบ่งจิตเป็นหลาย ๆ ส่วนทำงานหลาย ๆ อย่างได้ สำหรับคนทั่ว ๆ ไปมองเป็นเรื่องอัศจรรย์ สำหรับคนที่ทำได้ก็อย่างนั้น ๆ แหละ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย เผลอเมื่อไรกิเลสก็กิน"

เถรี
26-06-2019, 19:30
"สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนก็คือ การใช้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ในการ ระงับ ตัด ละ กิเลสต่าง ๆ ออกจากใจของเรา บรรดาศาสดารุ่นเก่า ๆ เขาไม่มีตรงนี้ เขาคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องฝึกฝนไปถึงระดับหนึ่ง แล้วจะสามารถหลุดพ้นไปอยู่กับปรมาตมันได้ โดยที่ไม่รู้ว่าวิธีการหลุดพ้นที่แท้จริงคืออะไร

พระพุทธเจ้าท่านมาเอาของที่มีอยู่มาศึกษา แล้วก็ค้นพบว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเครื่องช่วยให้หลุดพ้นได้ แต่รายอื่น ๆ ท่านทำไม่ถึง พอทำไม่ถึงก็มีสภาวะการหลุดพ้นปลอม ๆ ก็คือสภาวะที่จิตสงบระงับด้วยอำนาจของสมาธิในระดับรูปฌานบ้าง อรูปฌานบ้าง

ถ้ายิ่งไปถึงตอนท้าย ๆ ของอรูปฌาน อย่างเช่นว่า อากิญจัญญายตนะ ความรู้สึกสัมผัสแม้แต่น้อยหนึ่งก็ไม่มี เหลือแต่จิตแท้ ๆ อย่างเดียว บรรดาโยคีบุคคลสมัยก่อนก็คิดว่า นี่คือที่สุดแล้ว แต่ก็ยังมีอัจฉริยะที่มากกว่านั้น ก็คือนำเอาความไม่มีอะไรเหลือแม้แต่น้อยนั้น มาปรับสภาพของร่างกาย ก็คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่รวมเป็นขันธ์ ๕ ปรับจนทำเป็นเหมือนอย่างกับไม่มี นี่ก็ยิ่งเป็นสภาวะหลุดพ้นจอมปลอมที่สูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

อาตมาถึงได้กล่าวว่า จริง ๆ แล้วศาสนาพุทธของเรามาทีหลัง ศาสนาอื่น ๆ เขาค้นพบแล้วก็ก่อร่างสร้างตัวจนเป็นมหามงกุฎแทบจะสมบูรณ์แบบแล้ว ศาสนาพุทธของเรามาค้นพบเพชรยอดมงกุฎ ประดับลงไปจึงสมบูรณ์บริบูรณ์ ศาสนาอื่นไม่มีตรงนี้"

เถรี
26-06-2019, 19:32
"เมื่อพระองค์ท่านสามารถปรับเอาสภาวะหลุดพ้นจอมปลอมนั้น มาใช้เป็นกำลังในการพิจารณา จนเกิดปัญญายอมรับ สภาวะการหลุดพ้นที่แท้จริงจึงปรากฏขึ้น เพราะว่าสภาพจิตไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใด จากการที่ต้องกดไว้ เพื่อเข้าสู่สภาวะการหลุดพ้นจอมปลอม ก็กลายเป็นไม่ต้อง เพราะว่าสภาพจิตปล่อยวางทุกอย่างหมด ไม่มีอะไรร้อยรัดได้ เมื่อไม่มีอะไรร้อยรัดได้ ก็ไม่จำเป็นต้องหลุดพ้น อยู่ตรงนั้นก็ไม่มีอะไรร้อยรัดได้อยู่แล้ว

เมื่อเป็นเช่นนั้นเมื่อพระองค์ท่านประกาศหลักการ บรรดาโยคีบุคคลที่ปฏิบัติอยู่ใกล้เคียงระดับนั้นแล้วได้ฟัง ต่อยอดนิดเดียวก็บรรลุมรรคผลไปตาม ๆ กัน ฉะนั้น...เรื่องทั้งหลายเหล่านี้มีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

สิ่งที่อาตมาทำอยู่ ญาติโยมทั้งหลายเห็นอยู่ ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาดไป เพียงแต่ว่าก้าวข้ามระดับของพวกเราทั่ว ๆ ไปอยู่หน่อยเดียว ก็คือการใช้เรื่องของสมาธิจิตได้มากกว่าโยมนิดเดียว ถ้าหากว่าจะใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง ก็คือใช้ในการตัดกิเลส เสริมความแหลมคมของปัญญา แทงทะลุความมืดบอดของกิเลสที่พอกใจของเราอยู่ พอทะลวงฝ่าออกไปได้ ความมืดมิดทั้งหมดหายไป เหลือแต่ใจที่สว่างไสวอยู่ กิเลสก็ไม่สามารถที่จะเกาะกินได้"

เถรี
26-06-2019, 19:33
"รู้ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะทางโลกหรือทางธรรมก็กระทำสิ่งนั้น แต่เป็นการกระทำที่ไม่ยึดติด รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว ก้าวเข้าไปสู่อีกส่วนหนึ่งที่ไม่เคยมี เรียกว่าภาวะโลกุตระ คือความเหนือโลก

เหมือนอย่างกับดอกบัว เกิดจากโคลนตม แต่ว่ายื่นช่อดอกพ้นน้ำ เบ่งบานอยู่เหนือน้ำและโคลนตม ก็เลยกลายเป็นการหลุดพ้นจาก ๒ สภาวะ สภาวะของปุถุชนทั่ว ๆ ไป ก็คือจมอยู่ใต้โคลนตม สภาวะของบุคคลที่เข้าถึงด้วยอำนาจของสมาธิจิตที่เป็นสภาวะการหลุดพ้นจอมปลอม ก็เหมือนกับกระแสน้ำ ในเมื่อดอกบัวพ้นน้ำไปแล้วก็เป็นการหลุดพ้นอย่างแท้จริง นี่เป็นเพียงข้อเปรียบเทียบให้เห็นเท่านั้น"

เถรี
27-06-2019, 08:41
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนพวกช่างทอง พอถึงเวลาทำงานเสร็จ เจ้านายค้นตัวทุกคน กลัวว่าจะเอาเศษทองออกไป แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งขโมยไปทุกวัน เจ้านายก็หาไม่เจอ ท้ายสุดพอเขาตั้งตัวได้เขาก็มาลา เจ้านายก็บอกว่า "กูรู้นะ..ว่ามึงเอาทองไปทุกวัน แต่กูหาไม่เจอ มึงเอาไปได้อย่างไร ?"

เขาบอกว่า "ผมโรยใส่หัวไป กลับไปก็เอาหัวแช่ลงไปในกาละมัง สระหัวทุกวัน" ตกลงว่าเจ้านายเขาก็เลยรู้วิธีการตอนที่ลูกน้องรวยแล้ว แต่เขาก็นักเลงพอ เขาถือว่ามึงเอาได้ มึงเก่ง กูไม่ว่ากัน แต่ขอถามหน่อยว่าเอาไปวิธีไหน"

ถาม : แต่ช่างของโรงหล่อนี้ทั้งกวาด ทั้งถู รวบรวมเศษทองมาให้ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็บอกกับเขาว่าไม่จำเป็นหรอก แต่เขาซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพเขา อีกอย่างก็คือเราไว้ใจขนาดนั้น เขาก็ไม่อยากทำให้เราเสียความไว้ใจ โดยปกติพวกนี้เขาให้ทำที่วัด นี่คุณอยากยกไปทำที่ไหนก็ยกไป เอาที่คุณสะดวก

เถรี
27-06-2019, 08:43
วันก่อนเจอพระครูปลัดธีรวัฒน์ วัดจุฬามณี ไปพุทธาภิเษกด้วยกัน ท่านว่า "โห..อาจารย์เล็ก สุดยอดมากเลยครับ รู้ไหมว่าผมสร้างฉัตรยอดมณฑปหลวงปู่เนื่อง กว่าจะหาทองได้ ๕๐ บาท ทำถวายครูบาอาจารย์ ทำไมยากลำบากขนาดนั้น อาจารย์เล่นเรียงเต็มโต๊ะเลย"

เรื่องพวกนี้ไปเร็วมาก สื่อโซเชียลนี่ร้ายกาจ

ถาม : ไม่ได้มีทหารถือปืนมาป้องกันเลย เรียงทองคำแท่งกันโล่งโจ้งเลย ?
ตอบ : เราไว้ใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

เถรี
27-06-2019, 08:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "รู้ไหมว่าเหรียญทำน้ำมนต์สุริยันทรงกลดเนื้อนาก เขาไปออกในเว็บ ๖๐,๐๐๐ บาท เออ...มึงช่างกล้า เป็นตูกำไรสัก ๕,๐๐๐ บาท ก็ดีตายชัก เขาทำบุญ ๒๐,๐๐๐ บาทเท่ากับเราให้ฟรีด้วย ไปล่อซะ ๖๐,๐๐๐ บาท แต่คราวนี้ต้องบอกว่าเป็นของเขา ก็สิทธิของเขา จะทำอย่างไรก็ช่าง เราไม่เกี่ยว เพียงแต่ให้เบา ๆ หน่อยได้ไหม ? เอาแต่พอสมควร ไม่ใช่เอารวยทีเดียวเลย"

เถรี
27-06-2019, 08:53
พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนนี้ท่านอาจารย์เทพกำลังทำเหรียญให้ เขาบอกว่าช่างยืนยันว่าน่าจะเสร็จทันเป่ายันต์ฯ เพราะว่าเขาแทรกคิวให้ แต่ว่าเจ้าไหน ๆ ก็ทำได้แต่เหรียญ ไม่สามารถที่จะทำผิวเขียวเหล็กไหลได้ คาดว่าน้ำบ่อที่ช่างเขาใช้อยู่ น่าจะมีสารกำมะถันเยอะ ถึงเวลามีกำมะถันผสมเข้าไปถึงได้เขียว

จำได้ไหมว่าเมฆสิทธิ์มีส่วนของกำมะถันถึงได้กรอบ พอเมฆสิทธิ์ตกก็แตก คาดว่าบ่อน้ำต้องมีกรดกำมะถันอยู่ น้ำบ่อนั้นน่าจะไหลผ่านมาจากแถวภูเขาไฟหรือไม่ก็ธารลาวาใต้ดิน ถึงเวลาโลหะแช่ลงไปก็เปลี่ยนสี แล้วเปลี่ยนเขียวสวยมาก ท่านทำเหรียญเต่ามังกรหยกมาให้ชุดหนึ่ง ชุดนี้เขาตั้งใจทำถวายครูบาอาจารย์ อาตมาบอกว่า "ไอ้พวกเอ็งถ้านิสัยแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้ตายกันบ้าง ประเภทเอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง ตัวเองก็เดือดร้อนอยู่แล้ว ยังจะทำถวายอีก"

ถาม : ถ้าเรากรีดเข้าไปก็ยังเป็นทองแดงเหมือนเดิมครับ ?
ตอบ : น่าจะยังเป็นเหมือนเดิม

ถาม : ของเขาให้บูชาเท่าไร ?
ตอบ : ของเขาเอง ๒,๕๐๐ บาท ๓,๕๐๐ บาท ไม่ใช่ของผมหรอก แต่คราวนี้ผมได้มา ผมต้องเก็บเอาไว้จนกว่าของเขาจะหมด

ให้เขาทำสมเด็จองค์ปฐมฉลอง ๖๐ ปี เดี๋ยวเอาให้จำหน่ายเพื่อหาทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์ เพราะว่าประธานจัดหาทุนชื่อพระครูวิลาศกาญจนธรรม..!

เถรี
27-06-2019, 18:54
ถาม : อยากรู้ว่างูชนิดไหนมีฤทธิ์บ้าง ?
ตอบ : เฉพาะงูเห่าและงูจงอาง เขาเรียกกัมมวิปากชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดโดยวิบากกรรม

ถ้าฝนตก ไข่เขาจะเน่าเสียหมด เขาก็แพร่พันธุ์ไม่ได้ วันนั้นเขาโผล่มา ตัวประมาณนิ้วก้อยแค่นี้ ยาวสักช่วงแขน มีคนถามว่างูอะไร ก็เลยหยิบขึ้นมาให้ดู บอกนี่เขาเรียกว่างูจงอาง แล้วก็โปรดระวัง ตัวเล็ก ๆ กัดนี่ตายทุกราย ถามว่าทำไม ? เพราะว่าเขาไม่เคยใช้พิษมาก่อน กำลังเต็มที่เลย

ถาม :จับงูอย่างไรถึงไม่ระแวงคะ ?
ตอบ : ก็ไม่คิดร้ายกับเขาและไม่กลัวเขา ใจนิ่ง ๆ เขาก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ยอมให้จับแต่โดยดี

งูจงอางชอบอยู่ในดงไผ่ อันดับแรก...อาหารเยอะ หาง่าย อันดับที่สอง...สีสันของตัวเองคล้ายคลึงกับสีใบไผ่แห้ง จึงปลอดภัย อันดับที่สาม...ทำรังวางไข่ง่าย เพราะว่าเขาจะใช้ตัวเขาม้วนเอาใบไผ่มากองรวมกันแล้วก็วางไข่ไว้ข้างบน ถ้าไปเจอกองใบไผ่ประเภทค่อนข้างจะเรียบร้อย นูน ๆ หน่อย ก็รังจงอางทั้งนั้นแหละ..!

มีสองวิธี วิธีแรกก็คือแอบสังเกตก่อนวันหนึ่งว่าเขาจะออกไปแช่น้ำตอนไหน งูพิษโดยธรรมชาติแล้วจะร้อน ต้องไปแช่น้ำ ตอนช่วงเขาแช่น้ำจะมีเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ถ้าแหล่งน้ำไกลก็อาจจะนานกว่านั้น เราต้องไปค้นไข่เขามา ถ้าไม่มีแดดก็เอาไฟฉายส่องดู ถ้าไม่มีอะไรอยู่ข้างในก็เอามาทอดกินได้ แต่ถ้ามีเงา ๆ ว่าเป็นตัวแล้ว ก็คืนเขาไปเถอะ..!

เถรี
27-06-2019, 18:58
ถาม : เวลาเขาฟักไข่ เขาฟักทีละกองหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ก็ทั้งหมดนั่นแหละ อย่าเรียกว่าฟักไข่ เรียกว่าเฝ้าไข่ดีกว่า โดยธรรมชาติแล้วเขาให้ดินฟ้าอากาศช่วยฟักให้ ตัวเองก็แค่ขดล้อมอยู่ใกล้ ๆ คอยดูแลป้องกันพวกเหี้ยพวกตะกวดมาขโมยไข่ หารู้ไม่ว่าถ้าเจอคนนี่หมดรังเลยนะ

ถาม : ทำไมเขาหวงลูก ?
ตอบ : สัญชาตญาณในการสืบพันธุ์ แล้วเป็นช่วงระยะสั้น ๆ พอผ่านไประยะหนึ่ง ลูกเริ่มหากินได้ก็ต่างคนต่างไป ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวแม่จะกินลูกเสียเอง เพราะว่าจงอางกินงูอื่นเป็นอาหาร จำได้ว่าเคยเอาไข่งูเป็นแก้วมาลงเว็บลูกหนึ่ง ใครบูชาไปก็ไม่รู้ ต้องไปดูชื่อก่อน

ถาม : ไข่งูเป็นแก้ว ?
ตอบ : ก็คือคดที่เป็นหิน เขาเรียกไข่แก้ว เวลาส่องไฟจะเห็นแกนข้างในอยู่หน่อย ถ้าไม่ส่องก็ไม่เห็น

เถรี
27-06-2019, 19:23
ถาม : งูใช้เวลาฟักไข่กี่วันคะ ?
ตอบ : งูจงอางประมาณ ๓๐ กว่าวัน ก็ทนไปเถอะ อากาศยิ่งอบอ้าวเท่าไร ลูกเขาก็ฟักเป็นตัวง่ายเท่านั้น เพราะฉะนั้น..เขาไม่มีทางที่จะปล่อยให้ฝนตกหรอก

ถาม :ไข่วันละฟอง ๆ หรือต่อเนื่องคะ ?
ตอบ :ไข่ต่อเนื่องกัน บางทีก็ไข่ไป ๔ - ๕ ฟอง ๕ - ๖ ฟองแล้วก็พักหายใจเสียหน่อย แล้วค่อยไข่ต่อ

ถาม : ไข่งูกับไข่เต่าคล้าย ๆ กันไหมคะ ?
ตอบ : คล้าย ๆ กัน แต่ว่าไข่งูจะรี ๆ ไข่เต่าจะกลม

ถาม : แล้วเวลาทอด ไข่แดงจะสุกยากไหมคะ ?
ตอบ : สุกยากเหมือนกัน

ถาม : เปลือกแข็งไหมคะ ?
ตอบ : นิ่ม ๆ ถ้าแข็งไม่ใช่ไข่งู ถ้าแข็งเป็นไข่ตะพาบ

ถ้าแข็งก็เป็นไข่นก ไข่ไก่ ไข่ตะพาบ พวกนิ่ม ๆ บุบบิบ ๆ ตระกูล Reptile ทั้งนั้นเลย Reptile เป็นตระกูลสัตว์เลื้อยคลานมีเกล็ด ถ้าหากว่าตัวชื้น ๆ อยู่ในน้ำได้ อยู่บนบกได้ก็เป็น พวก Amphibians แต่เขียดงูนี่อยู่ในพวก Amphibians หน้าตาเหมือนงูทุกอย่าง แต่อยู่ตระกูลเขียด

เถรี
27-06-2019, 19:25
ตอนอาตมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษี เจออยู่ ๒ ครั้ง ครั้งแรกเลี้ยงอีเห็นอยู่ ๕ ทุ่มกว่าจะลงไปปัสสาวะ ส่องไฟไปเจอ ตัวอะไรอย่างกับปลาไหลอยู่บนบก อีเห็นพอเห็นปุ๊บ โดดจากไหล่ลงไปกัดเลือดสาดเลย ก็เลยต้องต้อนอีเห็นเอาไว้ รีบถ่ายรูป พอถ่ายรูปเสร็จรุ่งเช้าเอารูปไปให้คนงานดู ถามว่าตัวอะไร ? พวกนี้บอกว่า "งูดินครับอาจารย์ กัดตายทุกราย" อาตมาก็ โห...อย่างนี้นะกัดตาย ? ปากมันอยู่ไหนตูยังไม่เห็นเลย ความจริงหน้าตาน่ารัก ปากเหมือนกำลังยิ้มอยู่ตลอดเวลา

เถรี
27-06-2019, 19:27
ถาม : วันก่อนอยู่ดี ๆ ก็มีความรู้สึกอยากกลับบ้านไปกอดแม่ อันนี้โดนหลอกหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : อยากก็ไป โอกาสมีน้อยไปเรื่อย ๆ แล้ว อะไรที่ไม่เกินไปนักก็ทำ ๆ ไป ถึงเวลาก็ปล่อย ๆ วาง ๆ ให้ทันด้วย ไม่ใช่หยิบขึ้นมาแล้วไม่ยอมวาง

เถรี
27-06-2019, 19:30
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้แม่ชีชื่นที่วัดมีหน้าที่อย่างหนึ่ง ก็คือลาดตระเวนไปดูตามวัดสาขา ว่าเขาขาดอะไรบ้าง ต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง แม่ชีเขามีนิสัยอย่างนั้นอยู่แล้ว คราวนี้ก็เลยเท่ากับว่าได้งานที่ชอบ"

เถรี
27-06-2019, 19:31
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนบ่นพวกเด็ก ๆ ที่บอกว่าอ้วนแล้วสวย ว่านั่นพูดแบบสิ้นคิด รู้ตัวก็แก้ไข ไม่ใช่ไม่แก้ไข แล้วอ้างว่าอ้วนแล้วสวย"

เถรี
27-06-2019, 19:33
พระอาจารย์กล่าวว่า "บางคนพอเห็นหน้าเขา เราก็รู้สึกมีความสุข เหมือนเห็นลูกเห็นหลานใกล้ชิด พวกนี้ต้องระวัง ไม่ระวังนี่ติดหนับเลย"

เถรี
27-06-2019, 19:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "บ้านเรายังไม่ได้รับอนุญาตเรื่องกัญชา เพราะว่ากัญชาบ้านเราสกัดออกมาแล้ว สารแคนนาบินอยด์มีมาก มากกว่าของต่างประเทศ ต่างประเทศสารสกัดมีอยู่ประมาณ ๐.๔ - ๐.๕ เปอร์เซ็นต์ ส่วนบ้านเราสกัดออกมาได้ตั้ง ๗ ตั้ง ๘ เปอร์เซ็นต์ มากกว่าเขาเกือบ ๑๐ เท่า

ต่างประเทศที่เขาอนุญาตให้กัญชาถูกกฎหมาย เพราะต่อให้คุณเล่นจนหัวราน้ำขนาดไหนก็แค่มึน ๆ ส่วนบ้านเราโดนไปนี่ประสาทหลอนเลย ก็เลยจำเป็นที่จะต้องควบคุม แต่บ้านเราให้ปลูกกัญชานี่อันตราย เดี๋ยวก็ใช้ยาฆ่าหญ้า ใช้สารเคมีอะไร คงจะได้ตายเพราะกัญชากันบ้าง

แบบเดียวกับที่อาตมาไปแถวแม่สอด แถวอุ้มผาง เดินธุงดงค์ไป ผ่านบ้านม้งที่ปลูกกะหล่ำปลีนี่ กลิ่นฟูราดานเหม็นตลบไปทั้งป่าเลย เพราะว่าเขาใส่ฟูราดาน ซึ่งมีสารตกค้างอยู่ ๖ เดือน เขาใส่ ๒ วันแล้วเก็บขายเลย เพราะฉะนั้น..พวกเรากินกะหล่ำปลีไม่ต้องห่วงหรอก...ยาพิษทั้งนั้น"

เถรี
27-06-2019, 20:42
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าจะนั่งแบบชาวรั้วชาววังจริง ๆ ต้องดูหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ ท่านนั่งเรียบร้อยสุด ๆ นั่งตัวตรงมาก ด้วยความที่ท่านอยู่ในรั้วในวังมาตั้งแต่วัยรุ่น กลายเป็นเนื้อเดียวกันไปแล้ว คนอื่นรู้สึกว่าโอ๊ย...ทรมาน ส่วนท่านนั่งแล้วสบาย"

เถรี
27-06-2019, 20:54
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้มีระบบป้องกันภัยของวัดท่าขนุนรอบ ๆ หลวงพ่อสามกษัตริย์ ถ้าสิ่งมีชีวิตใหญ่กว่าหนูลอดเข้าไปก็จะดังสนั่นเลย แล้วดังเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไปถึงตำรวจด้วย

ตำรวจเขาเอาตู้แดงมาไว้หน้าประตู มาเซ็นชื่ออย่างน้อยวันละ ๔ รอบ ใช้คำว่า “อย่างน้อย” เลยนะ วันก่อนอาตมาออกมาที่ศาลาฯ เจ้าใหญ่นายโตที่ไหนมา มีรถฉลามบกมาด้วย อ้าว...ลงมาเซ็นตู้แดง เขาบ่นว่า “หลวงพ่อสร้างทำไม ? พวกผมเลยเดือดร้อนกันหมด” “ก็อยากให้พวกมึงเดือนร้อนอย่างไรล่ะ”

เจ้านายเขาเห็นว่าเป็นของมีราคา ก็สั่งลูกน้องลาดตระเวนมาอย่างน้อยวันหนึ่งก็ ๔ รอบ บอกกับเขาว่า “มาให้เป็นเวล่ำเวลาหน่อย เขาจะได้รู้ว่าควรขโมยตอนไหน...!” อุตส่าห์ตักเตือนไปแล้ว ก็น่าจะเข้าใจ ว่าไม่ควรที่จะมาเป็นเวลา"

เถรี
27-06-2019, 20:56
"อาตมาเองไม่ได้กังวลเรื่องพระพุทธรูปจะหาย แต่พระอื่นท่านกังวลก็เลยต้องทำระบบเพิ่มขึ้นเยอะ ล็อกประตูเป็นเวลา ปิดประตูเมื่อไรเปิดสัญญาณทันที โดยเฉพาะจุดที่พระนั่งรับสังฆทานอยู่ มีปุ่มกดด้วยนะ เห็นท่าไม่ดีก็กดได้เลย ไม่ต้องรอบุกรุกก่อนหรอก

บริษัทเขารอบคอบ เขาบอกว่าเดี๋ยวโจรจี้พระให้ไปตัดระบบ เพราะฉะนั้น..เห็นท่าไม่ดีก็กดไปเลย อยู่ข้างตัว สรุปว่าส่วนที่เพิ่มขึ้นมาก็คือเพิ่มเงินนั่นแหละ"

เถรี
27-06-2019, 21:25
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาไปได้ของหายากมาชิ้นหนึ่ง ก็คือพระขุนแผนของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ โดยปกติลูกอมของท่านก็ยากแล้ว นี่อุตส่าห์ทำเป็นพระขุนแผน แล้วยังมีสีผึ้งติดมาด้วย เอาทีเดียวให้ครบ"

เถรี
27-06-2019, 22:10
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องวาระการบวชหรือไม่บวช อย่าไปรอครูบาอาจารย์ มั่นใจตัวเองเมื่อไรก็ไปเลย ตัดสินใจเร็วเท่าไรก็รู้ผลเร็วเท่านั้น สู้ไม่ไหวถอยไปก็ยังทัน มัวแต่ตัดสินใจช้า ก็แก่เกินแกง สู้ไม่ไหว ถอยไปก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร"

เถรี
27-06-2019, 22:10
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี เผือกน้อย รัตนาวุธ และนายกระรอก