เถรี
21-05-2019, 08:47
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ในช่วงเช้าได้กล่าวถึงลูกศิษย์รุ่นเก่า ๆ ของหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่แบกเอากิเลสมาพบกับอาตมา วันนี้จึงอยากจะกล่าวถึงหนึ่งในกิเลสใหญ่ ๑๐ อย่าง ที่เป็นตัวร้อยรัดเราให้จมอยู่กับห้วงวัฏสงสาร ไปไหนไม่ได้ นั่นก็คือสักกายทิฐิ
ในเมื่อสักกายทิฐิ แปลว่า ความเห็นว่าเราเป็นเรา ก็คือมีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นเรา เป็นของเรา หรือที่พูดกันภาษาชาวบ้านง่าย ๆ ว่า ยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู ความยึดมั่นถือมั่นตรงนี้ทำให้เราไม่สามารถหลุดพ้นได้
อย่างที่อาตมาเคยเปรียบไว้ว่า เหมือนกับว่าเราจะเดินทางไปเชียงใหม่ แต่เรากอดเสาอยู่ตรงนี้แล้วบอกว่าจะไปเชียงใหม่ ย่อมเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นว่าเราปล่อยการยึดการเกาะจากต้นเสานั้น แล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินทาง จึงสามารถไปถึงเชียงใหม่ได้
แต่ว่าสักกายทิฐิ คือความเห็นว่าตัวกูของกูนั้น ก็เป็นสิ่งละได้ยากมาก เพราะว่าเราอยู่กับร่างกายเช่นนี้มาชาติแล้วชาติเล่า นับชาติไม่ถ้วน จนกระทั่งไปยึดมั่นถือมั่นแล้วว่า ร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา ถ้ายึดมั่นแค่ร่างกายก็ยังไม่เท่าไร แต่ไปยึดสิ่งรอบข้างว่าเป็นของเราด้วย โน่นพ่อเรา นี่แม่เรา นั่นพี่เรา นี่น้องเรา นั่นสามีเรา นี่ภรรยาเรา เป็นต้น ยิ่งยึดก็ยิ่งมาก เครื่องถ่วงมากขึ้น โอกาสที่จะหลุดพ้นย่อมเป็นไปไม่ได้ มีแต่จะจ่อมจมอยู่ในวัฏสงสารนี้
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ในช่วงเช้าได้กล่าวถึงลูกศิษย์รุ่นเก่า ๆ ของหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่แบกเอากิเลสมาพบกับอาตมา วันนี้จึงอยากจะกล่าวถึงหนึ่งในกิเลสใหญ่ ๑๐ อย่าง ที่เป็นตัวร้อยรัดเราให้จมอยู่กับห้วงวัฏสงสาร ไปไหนไม่ได้ นั่นก็คือสักกายทิฐิ
ในเมื่อสักกายทิฐิ แปลว่า ความเห็นว่าเราเป็นเรา ก็คือมีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นเรา เป็นของเรา หรือที่พูดกันภาษาชาวบ้านง่าย ๆ ว่า ยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู ความยึดมั่นถือมั่นตรงนี้ทำให้เราไม่สามารถหลุดพ้นได้
อย่างที่อาตมาเคยเปรียบไว้ว่า เหมือนกับว่าเราจะเดินทางไปเชียงใหม่ แต่เรากอดเสาอยู่ตรงนี้แล้วบอกว่าจะไปเชียงใหม่ ย่อมเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นว่าเราปล่อยการยึดการเกาะจากต้นเสานั้น แล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินทาง จึงสามารถไปถึงเชียงใหม่ได้
แต่ว่าสักกายทิฐิ คือความเห็นว่าตัวกูของกูนั้น ก็เป็นสิ่งละได้ยากมาก เพราะว่าเราอยู่กับร่างกายเช่นนี้มาชาติแล้วชาติเล่า นับชาติไม่ถ้วน จนกระทั่งไปยึดมั่นถือมั่นแล้วว่า ร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา ถ้ายึดมั่นแค่ร่างกายก็ยังไม่เท่าไร แต่ไปยึดสิ่งรอบข้างว่าเป็นของเราด้วย โน่นพ่อเรา นี่แม่เรา นั่นพี่เรา นี่น้องเรา นั่นสามีเรา นี่ภรรยาเรา เป็นต้น ยิ่งยึดก็ยิ่งมาก เครื่องถ่วงมากขึ้น โอกาสที่จะหลุดพ้นย่อมเป็นไปไม่ได้ มีแต่จะจ่อมจมอยู่ในวัฏสงสารนี้