PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒


นายกระรอก
06-05-2019, 19:18
พระอาจารย์กล่าวว่า “บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถึงได้เฉลิมพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ ทำไมสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เฉลิมพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอฯ ก็น้องเหมือนกัน..ใช่ไหม ? ก็คือตำแหน่งสยามบรมราชกุมารีนั้นคือตำแหน่งว่าที่กษัตริย์ โดยปกติแล้วบ้านเรามีแต่สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อเป็นสยามบรมราชกุมารี ว่าที่กษัตริย์ก็ต้องเป็นสมเด็จพระกนิษฐาธิราช

แต่ว่าทรงกรมเป็นกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เท่สุด ๆ ประวัติศาสตร์นี่เป็นพระองค์ที่สอง หรือจะเรียกว่าพระองค์แรกก็ได้ เพราะว่ากรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร ในฐานะแม่นมในหลวง รัชกาลที่ ๕ ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นกรมพระยาสุดารัตนราชประยูร

บางคนว่าทำไม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทำไมไม่ได้เลื่อนยศ ไม่ได้ทรงกรม ? จริง ๆ เลื่อนนะ เลื่อนใหญ่มาก จากหลานมาเป็นลูก ...(หัวเราะ)... หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่เลื่อน นี่เลื่อน...เยอะด้วย

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูรฯ มาจาก มหาวชิระ + อุตตมะ + อังกูร เสียง อะ ของวชิระ บวกกับ เสียง อุ ของอุตตมะ แปลงเป็น โอ ก็เลยกลายเป็น "วชิโรต" คราวนี้ "วชิโรตตมะ" ก็คือ อุตตมะ แปลงเป็น โอ ไปแล้ว พอบวกกับ อังกูร ก็เลยเป็น "ตมางกูร"

อังกูร จริง ๆ ก็คือเรื่องของความเจริญรุ่งเรือง อย่างอังกุรเทพบุตร เป็นต้น ถ้าตั้งใจศึกษาหน่อยจะได้รู้ว่า แต่ละพระนามมีที่มาที่ไปอย่างไร”

นายกระรอก
06-05-2019, 19:19
พระอาจารย์กล่าวว่า “หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมเฉลิมพระนามาภิไธยหรือพระอภิไธยแล้ว อาตมาจำแม่นจัง ก็อาตมาแปลได้ ...(หัวเราะ)... แปลได้ก็จำได้ ก็เท่านั้นเอง แปลไม่ได้จะจำยาก เพราะไม่รู้ว่ามาจากอะไร อย่างเช่น กนิษฐาธิราช มาจาก กนิษฐะ + อธิราช เสียง อะ ของกนิษฐะ กับเสียง อะ ของอธิราช บวกกันเป็น อา ก็เลยเป็นกนิษฐาธิราช

ถ้าไม่เข้าใจให้ไปเรียนบาลี ของฆราวาสก็มี เขาเรียกว่า บ.ศ. คือบาลีศึกษา ถึงประโยค ๙ เหมือนกัน”

นายกระรอก
06-05-2019, 19:20
ถาม : พระอาจารย์เคยบอกว่า เป็นกระเทยเพราะผิดศีลกาเม เป็นทอมเพราะกำลังใจที่สะสมมาเยอะขึ้น แล้วการเป็นเกย์หรือว่าเลสเบี้ยน (หญิงรักหญิง) เป็นเพราะนิสัย จริต หรือเป็นเพราะกรรมอะไรครับ ?
ตอบ : ทำไมถึงไปอ้างส่งเดชอย่างนั้นวะ ? ไอ้ประเภทคำพูดของอาตมาแต่ยกมาไม่หมด ทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิด

การเป็นกระเทยมีหลายสาเหตุ สาเหตุหนึ่งก็คือเจ้าชู้มาก โดนบังคับให้ไปเกิดเพื่อชดใช้กรรม สาเหตุที่สองคือไปตอนสัตว์เอาไว้ ถึงเวลาต้องเกิดไปใช้กรรม เพราะฉะนั้น..อยู่ ๆ ไปยกขึ้นมาแค่นี้ แล้วยัดใส่ปากว่าอาตมาเป็นคนพูด ทั้ง ๆ ที่พูดไปเยอะ แต่เอามาแค่นั้น ตูก็บรรลัยอยู่คนเดียว..!

นายกระรอก
06-05-2019, 19:21
ถาม : การภาวนาเห็นภาพพระ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธหรือพระสงฆ์ ควรจะเป็นองค์เดียวตลอดหรือไม่ หากเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เช่น วันนี้เป็นพระแก้วมรกต วันต่อมาเป็นพระพุทธชินราช แบบไม่ซ้ำกันเลย ตามที่จิตชอบอยากนึกเห็น แต่เป็นภาพพระเสมอ จะเป็นผลอย่างไร แบบไหนจะเป็นผลดีต่อผู้ภาวนามากกว่ากันคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเป็นพุทธานุสติ แล้วเห็นพระพุทธรูปสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปก็ใช้ได้ ถ้าเป็นสังฆานุสติ เห็นพระสงฆ์สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปก็ใช้ได้ แต่ถ้าภาวนาพุทโธแล้วกลายเป็นภาพพระสงฆ์ ถือว่ามาผิดกองกรรมฐาน ใช้ไม่ได้

ยกเว้นว่ารักเดียวใจเดียว ก็กำหนดเอาแน่ ๆ ไปเลยองค์หนึ่ง ซึ่งจะจับได้ง่ายแล้วก็สะดวกกว่าด้วย เพราะว่าง่ายต่อการจดจำ

ถาม : การภาวนาเห็นภาพพระ ถ้าลืมตาแล้วภาพพระจะชัดเจนมากกว่าหลับตา หลับตาแล้วมักเผลอจะใช้สายตาเพ่งมองประจำ ตรงนี้ขอคำแนะนำว่าควรจะฝึกปฏิบัติอย่างไรคะ ?
ตอบ : อาตมาก็ลืมตามาตลอด สำคัญอยู่ตรงที่ว่า เราทำแบบไหนที่สามารถกำหนดได้ชัดเจน แล้วสภาพจิตมั่นคงกว่ากัน ลืมตาหรือหลับตาไม่สำคัญ ถ้าหากว่ากำหนดได้ ก็ใช้ได้เหมือนกันหมด

นายกระรอก
06-05-2019, 19:23
ถาม : คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า พระอาจารย์เคยบอกว่าหลวงปู่ฤๅษีสวดแล้ว สามารถรู้ข้อมูลหนังสือทั้งเล่ม โดยไม่ต้องเปิดหนังสืออ่านเลย แต่ถ้าสวดแล้ว รู้เพียงหนึ่งหรือสองหน้ากระดาษเท่านั้น ตรงนี้เกี่ยวกับตบะเฉพาะตัวหรือไม่คะ ?
ตอบ : น่าจะอยู่ตรงคำว่าสวดนั่นแหละ เขาต้องภาวนาให้อารมณ์ใจเป็นสมาธิ ถ้าสามารถขึ้นถึงฌาน ๔ หรือสมาบัติ ๘ ได้ยิ่งดี

คราวนี้กำลังของเราสูงเท่าไรก็รู้ได้มากเท่านั้น ท่านที่กำลังสูงกว่าสามารถรู้ได้ทั้งเล่ม เรารู้ได้ ๑-๒ หน้าก็เก่งมากแล้ว

นายกระรอก
06-05-2019, 19:23
ถาม : อภิญญาต่าง ๆ ถ้าเป็นผู้ยังมีกิเลสอยู่ จะส่งผลกระทบต่ออวัยวะ ร่างกายและสภาพจิตใจหรือไม่ เช่น ทำให้มึนศีรษะ อ่อนเพลีย มึนงง เครียด คิดมาก เป็นต้น ?
ตอบ : ถ้าหากว่าทำได้จริง ๆ จะไม่เป็น

ถาม : มีวิธีใดที่จะแก้ไข ป้องกันไหมคะ ?
ตอบ : แสดงว่าทำได้ไม่จริง ไปตั้งหน้าตั้งตาทำใหม่

นายกระรอก
06-05-2019, 19:25
ถาม : การสวดใช้คาถาบทเดียวกัน แต่จะใช้งานแตกต่างกัน ต้องกำหนดกำลังใจสวดต่างกันตามการใช้งานไหมคะ ?
ตอบ : ตั้งใจอย่างไรจะเป็นอย่างนั้น เพราะว่าคาถาเป็นเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิ สมาธิเกิดแล้ว ผลของฌานฤทธิ์ทำให้เป็นดังที่ต้องการ หรือที่เรียกว่า มโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ เพราะฉะนั้น..ต้องการผลแบบไหน ต้องกำหนดใจก่อนว่าต้องการอย่างไร

นายกระรอก
06-05-2019, 19:25
ถาม : พระเครื่อง วัตถุมงคลต่าง ๆ ถ้าผู้รับไม่มีศรัทธาหรือไม่เชื่อถือ ไม่ว่าจะต่อพระเครื่อง วัตถุมงคลนั้น ๆ หรือต่อพระเกจิฯ ที่ร่วมพุทธาภิเษก จะเกิดผลอานุภาพหรือไม่คะ ?
ตอบ : ศรัทธาเป็นอันดับแรกของการใช้วัตถุมงคลทุกประเภท ถ้าไม่มีศรัทธา แปลว่ากำลังใจไม่เปิดรับ เครื่องส่งดีแค่ไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้

นายกระรอก
06-05-2019, 19:26
ถาม : ความเป็นมิจฉาทิฏฐิ คือบาปกรรมที่หนักหนากว่าอนันตริยกรรมหรือไม่คะ ?
ตอบ : ก็อยู่ที่ว่าคุณจะเปลี่ยนได้ไหม ? ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ก็อาจจะต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนับชาติไม่ถ้วน เพราะว่ามิจฉาทิฏฐิก็คือเห็นผิดไปจากทำนองคลองธรรม โอกาสที่จะลงอบายภูมิมีสูงมาก

นายกระรอก
06-05-2019, 19:27
ถาม : สายพุทธภูมิ ตามปกติมักจะมีคู่อริหรือคู่ปรับประจำเสมอหรือไม่คะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ถ้าหากว่าเราไม่ทะเลาะกับใครเสียอย่างก็จบ แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็อย่างที่ว่า "มารบ่มี บารมีบ่เกิด"

นายกระรอก
06-05-2019, 19:28
ถาม : ที่หลวงพ่อเคยกล่าวไว้ว่า "หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ผลบุญใดก็ตามที่เป็นของพระอรหันต์ท่าน โดยเฉพาะพระอรหันต์ที่เป็นเอตทัคคะ ถ้าเราบูชาท่าน ผลบุญที่ท่านไม่ต้องใช้แล้ว เพราะท่านเข้าพระนิพพานไปแล้ว ผลบุญนั้นจะมีสำเร็จแก่เราด้วย" ขอกราบเรียนถามว่า ต้องบูชาพระอรหันต์ที่เป็นเอตทัคคะอย่างไร ผลบุญของท่านจึงจะมีสำเร็จแก่เราได้มากที่สุดครับ ?
ตอบ : จับท่านเป็นสังฆานุสติ ศึกษาประวัติของท่าน ว่าท่านทำอย่างไรถึงเป็นพระอรหันต์ แล้วทำตามนั้นให้ได้

นายกระรอก
06-05-2019, 19:29
ถาม : การที่พระรูปที่ ๑ ให้ปัจจัยพระรูปที่ ๒ ไปจ่ายค่าช่างในการบูรณะวัด แต่พระรูปที่ ๒ นำเงินนั้นไปใช้ในทางอื่นโดยมิชอบ โดยที่ไม่ได้ขอ เงินจำนวนนั้นไม่ถึงมือช่าง และหลบหนีไปหลายวัน เมื่อสำนึกผิดได้ ก็พยายามจะหาเงินมาชดใช้คืน กราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า พระรูปที่ ๒ ต้องอาบัติอะไรไหมครับ ?
ตอบ : โดนอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระไปตั้งแต่เอาเงินเขาไปแล้ว

นายกระรอก
06-05-2019, 19:32
ถาม : เนื่องจากวัดกับโรงเรียนติดกัน และทางวัดจะให้โรงเรียนไปรับปิ่นโตอาหารหลังจากพระฉันเพลเสร็จแล้วเสมอ ๆ เพื่อให้ครูนำมารับประทานมื้อเที่ยง กระผมจะร่วมรับประทานอาหารนั้น ๆ ก็กลัวจะติดหนี้สงฆ์ เนื่องด้วยไม่ทราบว่า เขตวัดกับเขตโรงเรียนแบ่งกันหรือไม่ อยากทราบว่า ครูสามารถนำของวัดมากินในโรงเรียนได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าพระสงฆ์ทั้งหมดเห็นว่าให้แล้ว ก็กลายเป็นวิทาสาโท คือของเหลือจากพระ โดยเฉพาะอย่างที่วัดท่าขนุน พอหลังเพลแล้ว ทุกอย่างก็ตัดสละหมด ก็แปลว่าคุณจะกินหรือไม่กิน ของนั้นก็เสียสละแล้ว ถ้ากินถ้าใช้แค่ขอบเขตนั้นก็ไม่เป็นไร แต่อย่าไปขนกลับบ้านก็แล้วกัน

นายกระรอก
06-05-2019, 19:32
ถาม : ยันต์ที่หลวงพ่อได้เมตตาจารไว้บนเหรียญพุทธบารมีสุริยันทรงกลด เนื้อชนวนหลวงพ่อนากคือยันต์อะไร และมีอานุภาพด้านใดครับ ?
ตอบ : ไปค่อย ๆ ศึกษาเรื่องอักขระเลขยันต์ เดี๋ยวก็รู้เอง

นายกระรอก
06-05-2019, 19:34
ถาม : สวดมนต์ในใจแต่ปรากฏว่ากลับกลายเป็นคาถาประกอบทำนองเพลงที่ชอบ จะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือไม่ และควรดำเนินการอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ถึงขนาด "เต่างอย" ก็ไม่เป็นไร นั่นจังหวะสนุกเกินไป..! แรก ๆ ก็เป็นเรื่องของกิเลสมารกลั่นแกล้งเรา ต้องพยายามดึงกำลังใจกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกและคำภาวนาใหม่ ถ้ารู้สึกติดใจว่าเราเองทำอะไรไม่ดีไม่ควร ก็ตั้งใจขอขมาพระไป มาใหม่ก็ขอขมาอีก ถ้าเขาไม่สามารถทำให้ใจเราขุ่นได้ เขาก็จะเลิกไปเอง

นายกระรอก
06-05-2019, 19:36
ถาม : นำพระหางหมากและพระคำข้าวไปอัดกรอบแขวนติดตัว ปรากฏว่าอาบน้ำแล้วน้ำเข้า อยากทราบว่าพระหางหมากและพระคำข้าวท่านละลายน้ำหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ยังไม่เคยเห็น เพราะฉะนั้น..ต้องลองแช่นาน ๆ ดู..! แต่ว่าถ้าหากว่าเป็นพระสมเด็จคำข้าว - สมเด็จหางหมากรุ่นที่อาตมารู้จัก ค่อนข้างมั่นใจว่าแช่น้ำได้

ถาม : จากที่กล่าวมา ช่างได้ทำพระนาสิกของพระหางหมากหัก ชิ้นส่วนนั้นหากนำมาติดตัวหรือให้ผู้อื่นติดตัวจะมีพุทธานุภาพเท่ากับพระหางหมากอีกองค์หนึ่ง ผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าคุณมีศรัทธาพอก็มีอำนาจเท่ากัน แต่ถ้าหากว่าศรัทธาไม่พอ คิดว่าเป็นขี้ตายุง ก็เป็นอันว่าจบกันแค่นั้น

นายกระรอก
06-05-2019, 19:37
ถาม : กราบขอสูตรยารักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบครับ ?
ตอบ : แล้วทำไมไม่ไปหาหมอวะ ? ...(หัวเราะ)... ปกติถ้าโบราณเขาใช้หญ้าหนวดแมว เอามาสัก ๔-๕ ช่อ ต้มกินแทนน้ำไปเลย

ถาม : แม่ผมเป็นโรคไทรอยด์ อยู่ดี ๆ ก็เหนื่อย จนต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วน้ำหนักลดลง ๕ กิโลกรัม ในเวลาเพียง ๕ วัน จนผอมอย่างเห็นได้ชัด กระผมกราบขอสูตรยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรคไทรอยด์นี้ด้วยครับ ?
ตอบ : ลองไปถามหมอแผนโบราณดีกว่ากระมัง อาตมาไม่ใช่หมอ..!

นายกระรอก
06-05-2019, 19:37
ถาม : ถ้าเราหาสิ่งของมารองไว้ใต้ฐานพระพุทธรูปในบ้านของเราเอง เพื่อให้พระพุทธรูปสูงขึ้นกว่าเดิม เราจะได้อานิสงส์ในการสร้างฐานพระพุทธรูปหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าคุณตั้งใจทำด้วยความประณีต อานิสงส์ก็ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าสักแต่ว่าหามารองส่งเดช เป็นหนังสือบ้าง เป็นแผ่นอิฐบ้าง ก็คงจะได้แบบส่งเดชเหมือนกัน..!

นายกระรอก
06-05-2019, 19:38
ถาม : ในการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดพระปริตร หรือพระอภิธรรมในงานศพ ถ้าเราถวายน้ำแด่พระสงฆ์แล้ว แต่ท่านไม่ดื่ม พอเสร็จงานเราเอาไปเก็บไว้ในถังร่วมกับผู้อื่นใช้ต่อ แบบนี้จะติดหนี้สงฆ์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าถวายแล้วก็เป็นสิทธิของท่าน ส่วนท่านถ้าไม่ได้สละ ก็แปลว่าเรามีสิทธิ์ที่จะติดหนี้สงฆ์ ทางที่ดีที่สุดก็คือ ส่งให้ลูกศิษย์ท่านนำกลับวัดไปด้วย

นายกระรอก
06-05-2019, 19:39
ถาม : หนูได้ให้คนยืมเงินไปเป็นจำนวนมากพอสมควร ซึ่งหลังจากหนูให้ยืมแล้วก็ยังงงว่าให้ยืมไปได้อย่างไร ทั้งที่ก็รู้ว่าผู้ยืมไม่เคยคืนเงินใคร หนูเลยใช้พระคาถาอีกาวิดน้ำสวดวันละ ๙ จบ กราบเรียนถามหลวงพ่อว่าถ้าหนูไม่ได้เงินคืน แปลว่าในอดีตหนูเคยไปทำเขาไว้ ให้ทำใจได้เลยใช่ไหมคะ เพราะหลวงพ่อเคยบอกว่า ถ้าเป็นกรรมเก่าตามมาทวงเราจะทำอะไรไปแบบงง ๆ ค่ะ ?
ตอบ : ไอ้ที่ไม่ได้คืนเพราะว่าวิดน้อยเกินไป..! อยากได้เงินคืนวิดแค่วันละ ๙ จบ เล่นทั้งวันทั้งคืนยังไม่รู้ว่าจะได้คืนหรือเปล่าเลย ...(หัวเราะ)...

นายกระรอก
06-05-2019, 19:42
ถาม : ที่พระอาจารย์กล่าวว่า "พอจิตเราทรงฌาน สภาพร่างกายกับจิตจะแยกกันเป็นคนละส่วน อะไรที่เกิดกับร่างกายจิตจะไม่รับรู้ หรือว่าถึงรับรู้แต่ก็ไม่สนใจ" คำถามคือ ความฝัน เป็นการแยกจิตกับกาย ด้วยไหมคะ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับสภาวะตอนนั้น ถ้าหากว่าจิตไปด้วย เราจะเหนื่อยมาก ในลักษณะเหมือนกับเราไปที่นั้นจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นการแยกจิตออกจากกาย แต่ว่าบางอย่างแค่เห็นเฉย ๆ ลักษณะเหมือนกับดูหนัง ถ้าอย่างนั้น จิตยังอยู่กับกายอยู่ เพราะฉะนั้น..ก็ต้องแยกแยะเองว่าสภาพที่ตัวเองฝันมีลักษณะอย่างไร

นายกระรอก
06-05-2019, 19:43
ถาม : ลูกมักจะเจริญพระกรรมฐานจนหลับเป็นปกติ มีอยู่ครั้งหนึ่งรู้สึกตัวขึ้น รู้ตัวว่ากำลังหลับอยู่ ได้ยินเสียงกรนของตนเอง และเห็นทุกอย่างที่อยู่หลังเปลือกตา พอยกมือขึ้นมาดูกลับไม่เห็นมือตัวเองทั้งที่รู้สึกว่ากำลังยกมืออยู่ จึงขอกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า อาการข้างต้นคืออะไรครับ ?
ตอบ : อาการข้างต้นก็คือลักษณะของจิตที่ตื่นขณะที่ร่างกายหลับ การรู้เห็นต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่หลับตาอยู่คือทิพจักขุญาณ แต่ตอนที่สภาพจิตกลับมาสวมกับร่างกายแล้ว เราต้องใช้ตาดู ทะลึ่งไปหลับตาแล้วจะเห็นอะไร ?

ถาม : ถ้าต้องการจะนอนภาวนาแล้วไม่ให้ตัดหลับ พระอาจารย์มีเคล็ดลับอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : พยายามอยู่กับลมหายใจเข้าออกอย่าให้หลุด หลุดเมื่อไรก็หลับเมื่อนั้น

นายกระรอก
06-05-2019, 19:45
ถาม : กำลังสมาธิระดับใดจึงส่งผลให้คาถาเมตตามหานิยมเริ่มเกิดผล เพราะเคยได้ยินจากหลวงพ่อว่า คาถาส่วนที่ยากที่สุดนั้นคือ คาถาด้านเมตตามหานิยมครับ ?
ตอบ : ส้นตีนแน่ะ..! บอกแล้วว่าอ้างไปส่งเดชแล้วก็เอาไปใช้ผิด ๆ ที่ยากที่สุดคือการเสกวัตถุมงคลให้เป็นเมตตามหานิยม ไม่ใช่คาถา บอกแล้วว่าพวกคุณชอบเอาไปมั่ว

คาถาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม จะเริ่มให้ผลในอุปจารสมาธิขึ้นไป สมาธิสูงเท่าไรก็ได้ผลมากเท่านั้น

ถาม : ผลของคาถาวัวกินนมเสือและคาถา "พระอะระหัง สุคะโค ภะคะวา นะ เมตตาจิต" เหมือนและแตกต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : แตกต่างกันนิดหน่อย วัวกินนมเสือนี่หวาดเสียว ประมาณว่าอยู่กับเจ้าพ่อดุ ๆ ไม่รู้ว่าเขาจะยิงกบาลเมื่อไร แล้วต้องอยู่กับเขาให้ได้..!

นายกระรอก
06-05-2019, 19:46
ถาม : การที่เรานั่งสมาธิแล้วหลับนั้น เกิดจากจิตเริ่มเป็นปฐมฌานหยาบ แต่ที่หลับเพราะสติตามไม่ทัน กราบเรียนถามหลวงพ่อครับว่า ในกรณีที่เรานั่งสมาธิแล้วหลับ แต่ยังฝัน นับว่าหลับในสมาธิหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อันนั้นแสดงว่าหมดสภาพแล้ว คือสติขาดจนต่อไม่ติด กลายเป็นหลับจริง ๆ ไปแล้ว เพราะว่าถ้าทรงสมาธิอยู่จะไม่ฝัน แต่มีอยู่อย่างหนึ่งกรุณาอย่าเข้าใจผิด อย่างหนึ่งที่รู้เห็นแล้วไม่ใช่ฝัน แต่เป็นนิมิต ลักษณะของกรรมนิมิต แสดงเหตุให้รู้ ถ้าหากเราแยกไม่ออกจะคิดว่าเป็นความฝัน เพราะฉะนั้น..ต้องไปสังเกตเอาเองว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นนั้น เป็นกรรมนิมิตหรือว่าเป็นฝัน

ถาม : หากตายในขณะที่หลับฝันนั้น จะถือว่าตายในฌานและได้ไปจุติเป็นพรหมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าฝันถึงแต่เรื่องชั่ว ๆ ก็มีหวังจะลงข้างล่างมากกว่า..!

นายกระรอก
06-05-2019, 19:47
ถาม : หากรู้สึกว่า "ไม่มีอารมณ์ทำงาน" แล้ว แม้ว่าจะฝืนทำงาน ก็จะทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ และทำงานไม่ได้นาน วอกแวกง่าย แต่เมื่อไรที่รู้สึกว่า "มีอารมณ์ทำงาน" จะสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และทำงานได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน จึงขอกราบเรียนถามกลอุบายหรือวิธีในการแก้ไขความรู้สึก "ไม่มีอารมณ์ทำงาน" เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ ?

ตอบ : ถ้าหากวันไหนไม่มีอารมณ์ทำงาน ก็ให้ตั้งใจไว้เลยว่า กูจะต้องโดนไล่ออกแน่ เดี๋ยวอารมณ์ก็เกิดเองแหละ..!

นายกระรอก
06-05-2019, 19:48
ถาม : เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันได้เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ โดยในชาตินั้น พระองค์ทรงมีรูปกงจักรสีแดงอยู่ที่อุ้งเท้าทั้ง ๒ ข้าง และได้ทำการฆ่ารากษส อันเป็นเหตุให้พระองค์ทรงมีพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษาในชาติที่พระองค์ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในชาตินั้นพระองค์ทรงบำเพ็ญบารมี โดยใกล้จะถึงปรมัตถบารมีแล้ว นับว่า ณ ชาตินั้นท่านได้สะสมบุญกุศลมามากมายหลายอสงไขยแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องทานบารมี แต่เหตุใดในชาตินั้นท่านจึงได้เกิดเป็นลูกคนจน ทำมาหากินอย่างฝืดเคือง ไม่ได้มีฐานะดีมีเงินทองจากทานบารมีที่ได้สร้างมาครับ ?

ตอบ : ทานบารมีตามมาไม่ทัน เพราะว่าไม่ได้ทำให้ต่อเนื่อง ทำบ้างทิ้งบ้าง ถึงเวลาไปเจอตอนทิ้งช่วงเข้าพอดีก็เฮงไป เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าพวกเราอยากจะรวยต่อเนื่อง รวยทนรวยทาน ก็พยายามทำทานให้ต่อเนื่องกันเอาไว้

ขอแก้หน่อย..คนไม่มีอุ้งเท้านะ อุ้งเท้านั่นมีแต่สัตว์..! คนมีแต่ฝ่าเท้า ถ้าเรียกแล้วไม่ชัดก็ฝ่าตีน..!

นายกระรอก
06-05-2019, 19:49
ถาม : ต้องทำอย่างไรจึงจะมีกำลังกายมากเหมือนหลวงพ่อครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ในเพศบรรพชิตที่ไม่สามารถออกกำลังกายได้ครับ ?
ตอบ : ผ่านการฝึกหลักสูตรโหด ๆ ของทหารหลาย ๆ หลักสูตรแบบอาตมา ถ้าผ่านได้ก็แข็งแรงไปเองแหละ

นายกระรอก
06-05-2019, 19:50
ถาม : จากที่ว่า การฆ่าสัตว์ใดต้องไปเกิดเป็นสัตว์นั้น ๕๐๐ ชาติ เหตุใดจึงกำหนดว่าต้องชดใช้กรรมเป็นเวลา ๕๐๐ ชาติหรือ ๕๐๐ ชีวิต ด้วยครับ ?
ตอบ : เข้าใจคำว่ากฎของธรรมชาติไหม ? ก็เหมือนกับกฎหมายว่า ทำผิดแล้วโดนปรับเท่านี้ จำคุกเท่านี้ ในเมื่อกฎของธรรมชาติเขาปรับเท่านั้น ก็รับไป ๕๐๐ ก็แล้วกัน จะเอามากกว่านั้นเขาก็คงไม่ให้หรอก..!

ถาม : มีวิธีใดบ้างที่จะลดระยะเวลาจาก ๕๐๐ ชาติให้น้อยลงได้บ้างครับ ?
ตอบ : อย่าฆ่าเป็นดีที่สุด ไม่ต้องรับเลยสักชาติ..!

นายกระรอก
06-05-2019, 19:53
ถาม : เหตุใดเลข ๕๐๐ จึงมีความสำคัญ และอ้างถึงอยู่บ่อยครั้ง เช่น ชาดก ๕๐๐ ชาติ เป็นต้น ?
ตอบ : เพราะว่าห้าร้อยมากกว่าร้อยหนึ่ง..! ถ้าหากว่าให้เงินห้าร้อยคนก็โดดใส่ ถ้าให้ร้อยหนึ่งก็ทำหน้าเมื่อย..!

ปัญจะมัตเตหิ ภิกขุสะเตหิ พระห้าร้อย บาลีเขามักจะเอาสิ่งที่ว่าไปอยู่ตรงกลาง อย่างเช่นว่า "สัตนาคนหุต" นาคก็คือช้าง นหุตก็หมื่น สัตตะคือร้อย ร้อยหมื่นคือล้านหนึ่ง สัตนาคนหุตก็แปลว่า ล้านช้าง

พระวัดท่าขนุนที่เรียนบาลีเพิ่งจะสอบตกมา เพราะว่านาคแปลได้หลายความหมาย สัตว์เลื้อยคลานที่เป็นงูใหญ่ก็ได้ ผู้ที่ได้รับการฝึกตนดีแล้วก็ได้ ช้างตัวประเสริฐก็ได้ ผู้เป็นใหญ่คือพระมหากษัตริย์ก็ได้ ผู้ที่เลิศแล้วอย่างพระพุทธเจ้าก็ได้ ดูบริบทไม่ออก แปลผิดทีเดียวก็ตกเลย ...(หัวเราะ)... ตอนนี้พระของอาตมาจะเป็นผู้ชำนาญคำว่านาค เพราะว่าสอบตกมาแล้ว..!

เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของตัวเลข ๕๐๐ ต้องบอกว่า ค่านิยมเขาเป็นอย่างนั้น อย่างสมัยนี้เรานิยมเลข ๙ กัน แต่คนจีนเขานิยมเลข ๘ เป็นต้น ในเมื่อนิยมอย่างนั้น กำหนดมาอย่างนั้นก็ทนรับ ๆ ไปแล้วกัน

นายกระรอก
06-05-2019, 19:54
ถาม : อากาสเทวดาในทุกแห่งบนโลก ท่านต้องไปเทวสภาในเวลาเดียวกัน คือในเวลาประมาณ ๙ โมงเช้าของประเทศไทยใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เวลาของประเทศนั้น

นายกระรอก
06-05-2019, 19:54
ถาม : กราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า องค์ไต่ฮงกง มีที่มาจากไหน และเป็นพระโพธิสัตว์ตามความเชื่อของคนไทยเชื้อสายจีนหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไปค้นเอาในกูเกิ้ล มีข้อมูลเป็นกุรุส

นายกระรอก
06-05-2019, 19:55
ถาม : หนูเริ่มมานั่งสมาธิอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้นั่งมานาน ตั้งใจจะเจริญสติปัฏฐานแบบเอาจริงเอาจังสักที พอเริ่มรักษากาย งดอาหาร รับประทานมื้อเดียว ท้องว่าง กายเบา หนูจะเริ่มเข้าสมาธิ หนูรู้สึกว่าเข้าสมาธิได้ถึงอุปจารสมาธิ แต่ก็ไปต่อไม่เป็น พอหนูพยุงอารมณ์สมาธิให้นิ่งได้นาน ๆ หนูกลับแน่นที่หัวขึ้นมากขึ้น ๆ และแน่นแบบนี้ ๒-๓ ครั้งแล้วค่ะ และเมื่อเช้านี้ หนูมาเปิดเพลงฟัง อาการแน่นก็หายไป แต่พอหนูมานั่งสมาธิอีก ไม่ถึง ๓๐ นาที ก็แน่นขึ้นอีก หนูจะทำอย่างไรดีคะ ?

ตอบ : ถ้าอยากได้สมาธิก็ปล่อยให้แน่นไป เราแค่รับรู้ไว้เฉย ๆ ตั้งใจว่า แม้แต่ตายลงไป เราก็ยอมเพื่อแลกกับความดีที่ต้องการ เพราะว่าอาการแน่นที่ว่านั้น เป็นอาการของสมาธิเริ่มทรงตัวมากขึ้น แต่คราวนี้ของเราดันไปเปิดเพลงฟัง กำลังใจไหลไปกับเพลง สมาธิหลุด อาการแน่นก็หายไป แต่เชื่อเถอะ..เดี๋ยวทำใหม่จะยากมาก เพราะดันไปรู้ว่าดี แล้วอยากได้แบบนั้นอีก

นายกระรอก
06-05-2019, 19:58
พระอาจารย์กล่าวว่า “ในเรื่องของการปฏิบัติ เขาทุ่มเทชนิดแลกกันด้วยชีวิต ไม่ใช่ถึงเวลารู้สึกแน่นหน่อยเดียวก็เปิดเพลงฟังดีกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าสมัยนี้นอกจาก "เต่างอย" แล้วมีเพลงอะไรที่ฮิตบ้าง ? เพลงนี้เด็กเขาร้องให้อาตมาฟังทีหนึ่ง ต้องหนีไปอุดหูในห้องน้ำ..! ถามตัวเองอยู่หลายรอบว่า "แม่..เพราะตรงไหนวะ..?!" แล้วทำไมถึงฮิตกันจริง หรือว่าอาตมาแก่เกินไปแล้วหูไม่ถึงก็ไม่รู้ ?

ยุคสมัยเปลี่ยนไป คนโบราณเขาเอาเสียงนำดนตรี สมัยนี้เอาดนตรีนำเสียง สมัยก่อนเนื้อเพลงต้องไพเราะ สวยงาม ได้ยินแล้วเห็นภาพตามไปเลย สมัยนี้เนื้อเพลงอย่างไรก็ได้ เอาดนตรีมันไว้ก่อน เพราะฉะนั้น..ยุคสมัยเปลี่ยนไป อาตมาเองก็ตามไม่ทัน เด็กอนุบาล ๓ ร้องเพลงนี้ ให้รางวัลไป ๑๐๐ บาท แล้วก็หนีไปหลบในห้องน้ำ ไม่ออกมาแล้ว..เข็ด..!

ใครเป็นคนอีสาน เข้าใจคำว่า "งอย" ไหม ? ก็ประมาณว่ายืดหรือเด่น เต่างอยนี่อาตมาแปลว่าเต่าเต๊ะจุ๊ย..!”

นายกระรอก
08-05-2019, 23:00
พระอาจารย์กล่าวว่า “เดือนนี้ทั้งเดือนใส่เสื้อเหลืองก็แล้วกันนะ หามาเพิ่มสัก ๑-๒ ตัว จะได้ผลัดกันใส่ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าปีติยินดี ตอนที่พวกเราขวัญหายกันว่าในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคต ตอนนี้ก็ได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ ไปแล้ว ก็คือพ่อผู้เป็นใหญ่ อธิ คือยิ่งกว่า เบศร คือความเป็นใหญ่

เสื้อเหลืองให้ใส่ยาวไปจนถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษาเลย ถ้าอย่างนั้นซื้อเสื้อเหลืองเพิ่มเถอะ..หลายเดือนอยู่เหมือนกัน ส่วนพระเราให้ความร่วมมือดีมาก เหลืองตลอด...ไม่เคยเปลี่ยน ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก
08-05-2019, 23:05
พระอาจารย์กล่าวว่า “สำหรับอาตมาแล้ว ถ้าหากว่าโทรศัพท์เข้ามาช่วงฉันเพลอยู่ ถ้าเป็นฆราวาส คุยเสร็จแล้วจะบอกว่า "คราวต่อไปให้ดูเวลาด้วย อย่าโทรมาเวลานี้ เพราะว่าพระกำลังฉันเพลอยู่" แต่ถ้าเป็นพระนี่จะด่าสวนไปเลย "ถ้ามึงไม่แดกก็โปรดรู้ว่า กูจะฉันโว้ย..!"

ส่วนใหญ่ญาติโยมลืมว่าพระมีเวลาฉันเพลอยู่พักเดียว แบบเดียวกับที่อาตมาลืมว่าโยมต้องกินข้าวเย็นนั่นแหละ ตอนเรียนปริญญาโทอยู่ รอสอบโครงร่างกับพระครูอนุกูลปัญญากร อาตมาสอบ ๑๕ นาที แต่ที่อยู่ก็คืออยู่ลุ้นเพื่อน เพราะว่าเพื่อนมักจะโดนกันเป็นชั่วโมง กว่าจะถึงรูปสุดท้ายที่นัดสอบก็โน่น..เกือบ ๑ ทุ่ม พระครูอนุกูลปัญญากรท่านบอกว่า "กลับด้วยกัน เดี๋ยวผมไปส่ง" อาตมาก็ตกลง ปรากฏว่าออกมาเจอคนขับรถของท่าน ตีหน้าประหลาด ๆ ถามว่า "เป็นอะไรวะ ไม่สบายหรือ ?" "หิวข้าวครับ" อาตมาเพิ่งนึกได้ว่าชาวบ้านเขากินข้าวกัน ตัวเองบวชนานไปหน่อยเลยลืม ...(หัวเราะ)...

คนขับรถก็ดีเหลือเกิน ไม่กล้าหนีไปกินข้าว เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายจะเรียกเมื่อไร นั่งเฝ้ารถไปเถอะ หิวไส้แขวนไปเลย..!”

นายกระรอก
08-05-2019, 23:07
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อครู่อยู่ข้างบน ไปนั่งคิด ๆ ว่า มีการเฉลิมพระปรมาภิไธยให้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แล้วถ้าหากว่าเอ่ยถึงสมเด็จพระอัยยิกาธิราช จะทำอย่างไร ? เพราะว่าไม่ได้เฉลิมพระนามใหม่ ก็แปลว่าถ้าเอ่ยถึงปู่ถึงย่า อย่างสมเด็จย่าก็ยังเป็น สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี แต่มาถึงยุคนี้ไม่ใช่สมเด็จพระบรมราชชนนีแล้ว เป็นสมเด็จพระอัยยิกาไปแล้ว ถ้าไปถึงสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ ก็ต้องเป็น สมเด็จพระปรมัยยิกาไปแล้ว แต่ในเมื่อยังไม่มีพระนามใหม่ ก็ยังต้องเรียกของเก่าไปก่อน”

นายกระรอก
08-05-2019, 23:11
ถาม : ขอพระอาจารย์เมตตาอธิบายคำว่า "ทรงกรม" คืออะไรคะ ?
ตอบ : ทรงกรม จริง ๆ ก็คือ ให้มีกำลังพลเอาไว้ใช้งาน กำลังที่ให้มี เขาเรียกว่า ๑ กรม เพราะฉะนั้น..ในเมื่อดูแลลูกน้องตัวเอง ๑ กรม ก็จะต้องมี จางวางกรม ปลัดกรม สมุห์กรม คอยทำหน้าที่แบ่งเบาภาระให้เจ้าของกรมด้วย เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าทรงกรมเป็นกรมพระยา จางวางกรมก็จะเป็นคุณพระ ปลัดกรมก็จะเป็นคุณหลวง สมุห์กรมจะเป็นท่านขุน ลดหลั่นกันไปอย่างนี้

ถ้าหากว่าทรงกรมเป็นกรมพระ จางวางกรมก็จะเป็นคุณหลวง ปลัดกรมก็จะเป็นท่านขุน แล้วสมุห์กรมก็จะเป็นคุณหมื่น แต่ไม่ใช่พี่หมื่นนะ..! ก็คือตำแหน่งเดียวกัน เขาลดหลั่นกันลงไปอย่างนี้

แล้วส่วนใหญ่บุคคลที่ทรงกรมสมัยก่อนจะมีศักดินา อย่างเช่นว่า ทรงกรมเป็นกรมหลวง จะมีศักดินาสองแสนไร่ สองแสนไร่นี้ก็คือเอาไปทำเลี้ยงลูกน้อง ส่วนใหญ่ก็เอากำลังพลในกรมนั่นแหละไปทำนา ถ้าหากว่าศึกเสือเหนือใต้มา ก็สละส่วนหนึ่งมาเป็นเสบียงหลวง ส่วนที่เหลือก็ไว้เลี้ยงลูกน้องตัวเอง

ดังนั้น..บุคคลที่ทรงกรมได้ ต้องเป็นผู้ที่ได้รับการไว้วางพระราชหฤทัย ว่ามีกำลังอยู่ในมือแล้วจะไม่ก่อกบฏ ไม่อย่างนั้นเขาไม่ให้หรอก

ถาม : นึกว่าอะไรท้องกลมค่ะ ?
ตอบ : อันนั้นตายทั้งกลม..! ตายทั้งกลมคือตายหมดทั้งแม่ทั้งลูก เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้ ไปเรียก "ตายท้องกลม" คงเห็นท้องกลม ๆ กระมัง ?

ตายทั้งกรมนี่กำลังพลละลาย ออกรบแล้วไม่เหลือกลับมา ถ้าแบบนี้คือตายทั้งกรม

นายกระรอก
08-05-2019, 23:15
พระอาจารย์กล่าวว่า “ศักดินานี่ไม่ได้แปลว่าต้องทำเองนะ บางทีให้เขาเช่าก็ได้ พวกจางวางกรม ปลัดกรม สมุห์กรม ก็เป็นผู้เก็บผลประโยชน์ ดูแลผลประโยชน์ อย่างเช่นว่า แบ่งเป็นข้าวเปลือกมา หรือว่าสีเป็นข้าวสารส่งมา หรือว่าจ่ายเป็นเงิน จ่ายเป็นพืชผลอื่น จ่ายเป็นหมู เห็ด เป็ด ไก่ แล้วแต่จะตกลงกัน

อย่าลืมว่าที่ราชพัสดุทั้งหมดก็คือที่ของในหลวง เพราะฉะนั้น..จริง ๆ แล้วสามารถประทานให้ได้ อย่างสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ท่านทรงกรม มีสถานที่ก็คือเป็นกรมหลวงนราธิวาสฯ ก็คือทรงกรมจังหวัดนราธิวาส แต่ว่าปัจจุบันรัชกาลที่ ๑๐ ทั้ง ๓ พระองค์ทรงกรม ไม่มีที่ อย่างสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ก็เป็น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็ไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าทรงกรมสถานที่ไหน

อย่างกรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช สมัยก่อนนั้นนครชัยศรีเป็นมณฑล กินพื้นที่หลายจังหวัด กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญา กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี กรมขุนสุพรรณภาควดี จะระบุเอาไว้เลยว่าสถานที่ไหน แต่ปัจจุบันนี้ถ้าหากว่านับก็คือ เป็นกรมลอย ไม่มีสถานที่ ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก
08-05-2019, 23:17
“แล้วประวัติศาสตร์มีท่านเดียวคือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร ทรงกรมเมืองหลวงเลย ถ้าไม่ไว้ใจนี่ให้ไม่ได้เด็ดขาด แต่ว่าพระองค์ท่านก็ทำหน้าที่ราชเลขาในรัชกาลที่ ๕ มาตั้งแต่ต้น แล้วหลังจากนั้นกรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี ก็คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดลฯ ถึงได้รับหน้าที่ต่อ

แล้วมีตอนที่ประท้วงพ่อ ถ้าว่ากันตามภาษาชาวบ้าน ผู้หญิงพอโกนจุกก็ถือว่าเริ่มเป็นสาวแล้ว ห้ามปรากฏตัว สั่งให้เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ยอม..อย่างไรก็จะทำงานช่วยพ่อ ขอร้องให้รัชกาลที่ ๕ สั่ง อย่าให้เป็นสาว ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงพระสรวล ตรัสว่า "สั่งได้ด้วยหรือ ?" "ได้..ทูลกระหม่อมพ่อเป็นทั้งเจ้าฟ้า เป็นทั้งเจ้าแผ่นดิน ไม่มีอะไรที่สั่งไม่ได้" ก็เลยต้องสั่งให้ทำงานต่ออีก ๒ ปี ...(หัวเราะ)...

เพราะฉะนั้น..ใครไม่อยากเป็นหนุ่มเป็นสาวก็ให้ในหลวงสั่ง..! จะไม่ให้เป็นหนุ่มเป็นสาวนี่พอได้ แต่ไม่ให้แก่นี่คงไม่ได้ เป็นนางสาวอายุ ๘๐ อะไรอย่างนี้”

นายกระรอก
08-05-2019, 23:26
“ไปนึกถึงหลวงพ่อโต วัดระฆัง สมัยรัชกาลที่ ๓ ขอให้ท่านรับภารธุระในพระพุทธศาสนา ท่านธุดงค์หนีเลย พอมารัชกาลที่ ๔ ขอให้รับ ท่านก็รับ ก็เป็นพระราชาคณะ จนท้ายสุดเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ในหลวงรัชกาลที่ ๔ สงสัยตรัสถามว่า "ก็ในเมื่อรัชกาลก่อนให้แล้วไม่รับ ทำไมรัชกาลนี้จึงรับ ?" ท่านทูลว่า "อ๋อ..รัชกาลก่อนเป็นแค่พระเจ้าแผ่นดิน ไม่รับก็ยังพอหนีได้ แต่รัชกาลนี้เป็นทั้งเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ก็เลยไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหน" เพราะว่าในหลวงรัชกาลที่ ๓ พระมารดาเป็นสามัญชน พระยศแรกก็คือหม่อมเจ้าเท่านั้น ซึ่งสมัยก่อนเขาถือเป็นไพร่ จะเป็นเจ้าต้องระดับพระเจ้าวรวงศ์เธอขึ้นไป ก็เลยเป็นแค่พระเจ้าแผ่นดิน ไม่ได้เป็นเจ้าฟ้า ไม่ได้เป็นสมเด็จเจ้าฟ้า

ในหลวงรัชกาลที่ ๔ เป็นสมเด็จเจ้าฟ้า พอครองราชย์ก็เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ท่านถึงบอกว่าหนีไม่ได้..ไม่จริงหรอก ถึงเวลาทรงพระพิโรธขึ้นมา เพราะว่าหลวงพ่อโตท่านชอบเตือนแรง ๆ ท่านก็ไล่ออกจากแผ่นดิน ห้ามอยู่ หลวงพ่อโตก็โน่น..ไปนอนสวดมนต์อยู่ในโบสถ์

ถึงเวลาสังฆการีก็ไปทูลถวายรายงานว่าท่านไปอยู่ถึงไหนแล้ว ทั้ง ๆ ที่ไล่ไปนะ ยังเป็นห่วงถามหา ก็ไม่เห็นท่านไปไหน สวดมนต์อยู่ในโบสถ์ โกรธ..ตามไปอีก ตรัสว่า "ในเมื่อโยมไล่แล้วทำไมยังไม่ไป ?" "อ๋อ..โยมไล่ออกจากแผ่นดินของพระองค์ท่าน แต่ตรงนี้ประทานให้เป็นแผ่นดินของพระพุทธศาสนาแล้ว" เพราะว่าเป็นวิสุงคามสีมา พระราชทานให้วัดนั้นไปแล้ว ไม่ใช่ที่ของพระองค์ท่าน ก็เลยอยู่ในโบสถ์ เล่นกับหลวงพ่อโตไม่ได้หรอก ท่านลื่นเป็นปลาไหลเลย..!

ขนาดฝรั่งอวดนักอวดหนา ประเภทดูดวงอาทิตย์ ดูดวงจันทร์ได้ หลวงพ่อโตถามว่า "รู้ไหม..ศูนย์กลางของโลกอยู่ตรงไหน ?" ฝรั่งบอกว่า "ไม่รู้..แล้วพระคุณเจ้ารู้ไหม ?" ท่านว่า "รู้..เดี๋ยวพาไปดู" เดินออกไปแค่หน้ากุฏิเอาไม้ปัก "นี่แหละ" ฝรั่งก็งง "ใช่หรือ ?" "ใช่สิ ก็พ่อคุณบอกเองไม่ใช่หรือว่าโลกกลม ถ้าโลกกลมจิ้มไปตรงไหนก็ศูนย์กลางทั้งนั้นแหละ..!"”

นายกระรอก
08-05-2019, 23:31
“อย่าไปเล่นกับพระปฏิสัมภิทาญาณนะ ท่านไปของท่านได้เรื่อย แบบเดียวกับหลวงปู่พระครูโวทานธรรมาจารย์ หลวงพ่อวัดท่าซุงกะหวดตกธรรมาสน์เลย แต่ท่านหลบไปได้ลื่น ๆ ต่อหน้าต่อตา ไปเทศน์ช่วงสงคราม พอหวอขึ้น ชาวบ้านก็เผ่นลงจากศาลา ไปหมอบกันอยู่กลางทุ่ง เพราะว่าส่วนใหญ่พวกตัวอาคารจะเป็นเป้าทิ้งระเบิด หลวงปู่พระครูโวฯ ก็เผ่นไปอยู่กลางทุ่งกับชาวบ้านด้วย หลวงพ่อวัดท่าซุงนั่งอยู่บนธรรมาสน์ไม่ไปไหน พอถึงเวลาเสียงหวอปลอดภัยขึ้น ชาวบ้านก็กลับมาศาลา หลวงปู่พระครูโวฯ ก็หิ้วย่ามเดินตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ยมา ก็คือท่านอ้วน ถึงเวลาก็หอบแฮ่ก ๆ ขึ้นธรรมาสน์เทศน์ต่อ

หลวงพ่อวัดท่าซุงก็หวดหน้าแงเลย บอกว่า "ไอ้คนไร้สัจจะ..!" "มึงว่าใครวะ ?" "ใครก็ไม่รู้ ถึงเวลาบอกกับญาติโยมเขาว่า ยอมตายเพื่อพระพุทธศาสนา เสียงหวอขึ้นหน่อยเดียววิ่งหนีไปอยู่กลางทุ่งโน่น" ปรากฏว่าหลวงพ่อพระครูโวฯ ท่านว่า "มึงเห็นไหมนี่อะไร ?" ล้วงจากย่ามออกมา พระเครื่องพวงเบ้อเร่อเลย "นี่พระพุทธ แล้วในมือกูนี่เห็นไหม ? คัมภีร์พระธรรม ตัวกูเองพระสงฆ์ กูไปครบพระรัตนตรัย ไปคุ้มครองญาติโยมถึงกลางทุ่ง มึงน่ะ..อกตัญญู ญาติโยมเขาเดือดร้อนแทนที่จะไปช่วยคุ้มครองป้องกัน ดันนั่งหัวโด่อยู่บนธรรมาสน์" ตกลงว่าใครตีใครก็ไม่รู้..?!

อย่าไปเล่นกับพระอย่างนั้น ไม่สำเร็จหรอก ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ มีอยู่อย่างหนึ่งเรียกว่า "ปฏิภาณปฏิสัมภิทา" มีไหวพริบปฏิภาณคล่องแคล่วมาก ไล่ไม่จนหรอก..!”

นายกระรอก
08-05-2019, 23:33
ถาม : (ไม่ชัด) ใส่รองเท้าเข้าไปในโบสถ์ ซึ่งเป็นเขตใบเสมา จะโดนกันหมดไหมคะ ?
ตอบ : ก็เรื่องของท่าน โดนไม่โดนจะตามไปดูก็ได้

ที่อื่นเขามีใส่กันเยอะ แต่วัดท่าขนุนไม่มี ใครแหลมเข้ามานี่ เจ้าอาวาสจับไมค์ด่าเลย "โคตรพ่อโคตรแม่มึงไม่ได้สั่งสอนใช่ไหม ? อยู่ที่บ้านมึงใส่รองเท้าเข้าห้องนอนหรือเปล่า ?"

อะไรที่ผิดก็แก้ให้ถูก แต่แก้ในขอบเขตอำนาจของเรา อย่าไปยุ่งกับคนอื่น ไม่ดูกาลเทศะเดี๋ยวจะซวยเอา

นายกระรอก
08-05-2019, 23:36
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า “อย่าไปนั่งขวางทางเข้าออก พอคนมาก็ต้องขยับอีก เขาเรียกว่านั่งให้เป็นสุข ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องขยับ

แต่อาตมาเห็นว่านั่งแล้วทุกข์นะ เพราะว่าขยับกันทุกคนเลย บาลีเขาบอกว่า "อิริยาบถปิดบังทุกข์" ก็คือนั่งแล้วเมื่อย ความทุกข์เกิดขึ้น พอขยับก็หายไปชั่วคราว”

นายกระรอก
08-05-2019, 23:38
พระอาจารย์กล่าวว่า “ต้องบอกว่าหลวงปู่โต วัดระฆัง ท่านเกิดมาคู่บุญกับในหลวงรัชกาลที่ ๔ เล่นกันหนัก ๆ ชนิดโดนถอดยศไปหลายรอบ ก็ไม่เห็นท่านจะหวั่นไหวอะไร พระดีระดับนั้นแล้ว ท่านถอดก็คืนให้ ถวายก็รับใหม่

มีอยู่งวดหนึ่ง โดนถอดยศตอนเป็นสมเด็จพระราชาคณะนี่แหละ ท่านเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ถวายพัดคืนเสร็จเดินมาลงเรือ จะแจวเรือกลับวัดระฆัง รัชกาลที่ ๔ ทรงหายพิโรธแล้ว ให้สังฆการีถือพัดวิ่งไล่ตามมาประเคนคืน ท่านบอกว่า "นี่พ่อคุณ รู้จักธรรมเนียมไหม ? การแต่งตั้งเป็นหน้าที่ของพ่อคุณหรือ ? หรือว่าเป็นหน้าที่ของในหลวง ?" "หน้าที่ของในหลวงครับ" "เอ้อ..ถ้าอย่างนั้นต้องให้ในหลวงตั้ง ไม่ใช่อยู่ ๆ เอามาคืนแบบนี้" เป็นอันว่ารัชกาลที่ ๔ เสียท่า ต้องพระราชทานตั้งใหม่ จ่ายอีกรอบ ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก
08-05-2019, 23:39
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนบิณฑบาต แม่ก็พาลูกมาใส่บาตรวันเกิด เด็กก็เป็นวัยรุ่น น่าจะ ๑๗-๑๘ ปีแล้ว ใส่บาตรนี่จับทัพพี ๓ นิ้ว แล้วก็ตักข้าวใส่บาตร อาตมาเองก็ เออหนอ..ปีหนึ่งใส่บาตรวันเกิดครั้งเดียว จับได้ ๓ นิ้วก็บุญโขแล้ว..!

ทำให้เห็นชัดว่า เด็กรุ่นใหม่ห่างวัด บางคนมาก็เก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง เดี๋ยวก็จะเจอแบบที่อาตมาเจอนั่นแหละ ตอนนั้นขี่รถป้ายแดงมาเลย เลี้ยวเข้ามา ลงจากรถมาด้วยความมั่นใจมาก ยกมือไหว้ "ท่านเจ้าคะ ช่วยนิมนต์พระให้ ๕ รูปด้วย อาตมาจะถวายสังฆทาน" อาตมาตอบไปว่า "ถ้าอย่างนั้นไปนั่งรอในศาลา เดี๋ยวโยมจะไปนิมนต์พระให้..!" ก็เขาแย่งของเราไปแล้วนี่ เราก็ต้องเอาของเขามาใช้บ้าง ไม่เจอกับตัวเองก็ไม่คิดหรอกนะว่าจะมี..!”

นายกระรอก
10-05-2019, 19:53
ถาม : พระพุทธเจ้าโปรดอสุรินทราหูที่วัดพระเชตวันหรือครับ ?
ตอบ : กลางทาง เชตวันนี่ราหูเข้าไปไม่พอให้นั่งหรอก ...(หัวเราะ)...

ถาม : พระพุทธเจ้าท่านเนรมิตกายให้ใหญ่กว่าพระราหูอีกหรือครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าให้ตัวใหญ่กว่า หรือบางทีอสุรินทราหูอาจจะโดนท่านทำให้เล็กกว่าก็ได้ สรุปว่าราหูเห็นว่าท่านใหญ่กว่าเยอะก็แล้วกัน

ถาม : ที่ว่ากลางทางนี่หมายถึงอย่างไรครับ ?
ตอบ : ท่านเสด็จไปดัก เพราะว่าราหูไม่ยอมมา ในเมื่อไม่ยอมมาก็ต้องไปหาเอง เนื่องจากเห็นว่าจะโปรดได้ เพราะราหูว่าเมื่อเปรียบกับตัวเองแล้วพระพุทธเจ้าองค์เล็กนิดเดียว ถ้าไปแล้วต้องก้มมองก็เป็นการไม่เคารพ ก็เลยไม่กล้าไป พระพุทธเจ้าเห็นว่าจะเสียประโยชน์เปล่า ๆ จึงเสด็จไปดักกลางทาง

นายกระรอก
10-05-2019, 19:53
ถาม : วัดพระเชตวันอยู่พม่าหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อยู่ชมพูทวีป สมัยนั้นมีพม่า อินเดีย เมื่อไรกันเล่า ? มีแต่ชมพูทวีป ของเราชอบเอาไปปนกันกับปัจจุบัน ก็เหมือนกับประเทศไทยก็เพิ่งจะมีในสมัยรัชกาลที่ ๖ ก่อนหน้านี้ก็เป็นสยาม ก่อนจะสยามก็ เป็นธนบุรี เป็นอยุธยา เป็นสุโขทัย

นายกระรอก
10-05-2019, 19:55
ถาม : ปัญญาบารมีสร้างอย่างไรครับ ?
ตอบ : มี ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือพยายามศึกษาเรียนรู้ ศึกษาเรียนรู้แล้วได้มา ก็พินิจพิจารณาให้เกิดความแคล่วคล่องชำนาญ ส่วนนี้เป็นโลกียปัญญา ส่วนโลกุตรปัญญานั้นเป็นการใช้กำลังของสมาธิช่วยให้จิตสงบ แล้วก็พิจารณาเห็นความเป็นจริง ถ้าหากว่าจะแยกก็มีอีกเยอะ แต่ว่าเอาง่าย ๆ ๒ อย่างก่อนก็แล้วกัน

นายกระรอก
10-05-2019, 19:56
พระอาจารย์ท่องบทอาการ ๓๒ ให้ฟังแล้วกล่าวว่า “พระพุทธเจ้าท่านแสดงอาการ ๓๒ ให้คนพิจารณาเห็นว่ามีแต่ความไม่เที่ยงเป็นปกติ ถ้าไปยึดถือมั่นหมายก็เป็นทุกข์เป็นปกติ แต่ว่าส่วนหนึ่งแทนที่จะไปพิจารณาให้เห็น ก็เอาไปนั่งท่องเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ เสกโน่นเสกนี่โดยเติมอาการ ๓๒ เข้าไป ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก
10-05-2019, 19:58
ถาม : ตอนนี้ที่ปฏิบัติจะพิจารณาธรรมในเรื่อง ...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือควรจะดูร่างกายของเรา เพราะว่าเป็นส่วนหยาบที่เห็นได้ง่าย ให้เห็นว่าอย่างไรก็ไม่เที่ยง อย่างไรก็เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ย้ำบ่อย ๆ จนสภาพจิตยอมรับว่าความจริงเป็นอย่างนี้ ถ้าสภาพจิตยอมรับแล้วก็จะเห็นเองว่า ร่างกายคนอื่นก็เป็นแบบนี้ สัตว์อื่นก็เป็นแบบนี้ โลกนี้ก็เป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรที่น่ารัก น่าใคร่ น่ายึดถือมั่นหมาย ใจก็จะปลดออกไปเอง เพียงแต่ว่าซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก เบื่อไม่ได้

ถาม : ถ้าเราปฏิบัติแล้วเราอาราธนาพระ ...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : เราก็ยกขึ้นมาพิจารณาของเราเอง จะขอพระท่านช่วยหรือไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : ไม่มี เร่งทำเข้าไว้ เวลามีน้อย

นายกระรอก
10-05-2019, 20:00
พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมที่ไม่ได้ยกพระมาว่า “จำไว้เลยว่า สังฆทานห้ามขาดพระเด็ดขาด อานิสงส์หายไปมหาศาลเลย”

นายกระรอก
10-05-2019, 20:04
พระอาจารย์กล่าวว่า “เวลาเห็นพวกเราทำอะไรถูก ๆ ผิด ๆ ก็ไปนึกถึงสมัยที่ตัวเองเรียนหนังสือใหม่ ๆ ครูสั่งให้ทำอะไรก็ทำ ผิดบ้างถูกบ้าง ยุ่งไปหมดเหมือนกัน พยายามพิจารณาดู เอ๊ะ..ทำไมอารมณ์ใจเป็นลักษณะอย่างนี้ ? อ๋อ..ที่แท้ก็อยู่ในพรหมวิหาร ก็คือเห็นตัวเขาเหมือนกับเรานี่แหละ เพราะฉะนั้น..ผิดพลาดมาก็พออภัยกันได้ ถ้าไม่ถึงกับส่วนรวมเสียหายอาตมาก็ยังไม่งับหัวหรอก ...(หัวเราะ)...

แต่ว่าตัวเมตตานี้ก็มีราคะเป็นศัตรูใกล้ ๆ ในวิสุทธิมรรคบอกเอาไว้ชัด ถามว่าทำไม ? เพราะว่าการเมตตาต่อกัน โดยเฉพาะถ้าเป็นเพศตรงข้าม เผลอเมื่อไรจะเป็นราคะทันที แบบเดียวกับกรุณา ก็มีความเสียใจเป็นศัตรูรออยู่ใกล้ ๆ สงสารเขามากเกินไป ตัวเองก็แบกเอาความทุกข์ความเสียใจของคนอื่นไว้ด้วย กลายเป็นใจเศร้าหมองเอง ฟังดูแล้วน่ากลัวนะ ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก
10-05-2019, 20:06
พระอาจารย์กล่าวถึงบทที่ ๔ ในพุทธชัยมงคลคาถาว่า “สงสัยไหมว่าทำไมเป็น "ชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง" ? ไม่ใช่ อังคุลิมาล แต่กลายเป็น ถัง คือเป็นคำที่สนธิ คือเชื่อมคำว่า ชนบท หรือชะนะปะถะ + อังคุลิมาล ก็เลยกลายเป็น ชะนะปะถัง

เวลาเชื่อมกันเข้าไป เขาบอกว่า ให้ลบสระหน้าเหลือสระหลังไว้ เพราะฉะนั้น..ชะนะปะถะ สระอะข้างหลังโดนลบออก ก็เหลือแต่ตัวหน้าคือ อัง ของอังคุลิมาล ก็เลยกลายเป็น ชะนะปะถัง”

นายกระรอก
10-05-2019, 20:11
ถาม : อะติเรกะวัสสะสะตัง ชีวะตุ หมายความว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : แปลว่าให้อายุยืนเกินร้อย อติเรกก็คือเหลือ เหลือกว่าร้อย วัสสะก็คือหน้าฝน ฤดูฝน เขาหมายถึงปีหนึ่ง สะตังคือร้อย เราจะเห็นว่าทำไมถึงใช้หน่วยสตางค์ ? ก็ ๑๐๐ สตางค์เท่ากับ ๑ บาท

ทีฆายุโกโหตุ ขอจงมีอายุยืน คือ ความอายุยืนจงมีแก่ท่าน อโรโคโหตุ ความไม่มีโรคจงมีแก่ท่าน ถ้าฟังบาลีออกก็แปลได้ คนแปลไม่ออกก็ฟังขลัง ๆ ไป ...(หัวเราะ)...

นายกระรอก
10-05-2019, 20:14
พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าเราไปอ่านพระไตรปิฎก การถวายอาหารจะมีอยู่คำหนึ่ง เขาว่า "อังคาสด้วยมือ" อังคาสด้วยมือจะอยู่ในลักษณะที่คอยเติมอาหารให้ อย่างอาตมานี่ถ้าหากว่าไปศรีลังกาหรืออินเดีย จะต้องพยายามฉันให้ช้าที่สุดในโลก เร็วไม่ได้ เพราะว่าถ้าเขาเห็นจานว่างเมื่อไร เขาจะตักเติมทันที ประเภทฉันหน่อยเดียวอย่างอาตมาไปเจออย่างนั้นก็ปางตาย..!

เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าเห็นภาชนะเริ่มว่างเขาก็ตักเติม เราจะไปปฏิเสธก็ไม่ได้ พระพุทธเจ้าถึงได้บอกว่า "ห้ามภัตอันมาทีหลัง" แต่คราวนี้ไม่ได้มาทีหลังนะ มาพร้อมกัน เพราะว่านั่งอยู่ข้างที่ฉันตรงนั้นเลย”

นายกระรอก
10-05-2019, 20:17
พระอาจารย์กล่าวว่า “เดี๋ยววันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม มีงานทำบุญบ้านที่ระยอง ชื่อว่าบ้านใจดี เดี๋ยวนี้บ้านเยอะมาก นอกจากบ้านสายลม ซึ่งเป็นต้นตำรับแล้ว ก็มีบ้านเติมบุญที่นี่ มีบ้านลูกอินทร์ของตุ๊พ่อสิงห์ มีบ้านลูกหลวงพ่อของพระสมุห์อำนวย มีบ้านใจดีที่ระยอง มีบ้านสุมโนของพระอาจารย์มหาเอ มีบ้านเทวาสถิตของคุณปาน

บ้านใจดีอยู่ตรงไหนของระยองอาตมาก็ยังไม่รู้เลย เดี๋ยวไปงมเอาข้างหน้า เขาให้ไปบวงสรวงเวลา ๐๙.๓๐ น. นั่งฟังพระสวด ฉันเพลเสร็จก็กลับ”

นายกระรอก
10-05-2019, 20:21
“ถามว่าแล้วทำไมไม่ให้สวดด้วย ? อ๋อ..ส่วนใหญ่แล้วพระอาจารย์ไม่ค่อยสวดหรอก สวดมามากพอแล้ว..! สมัยบวชใหม่ ๆ สองพรรษาแรก ออกงานแทบไม่เว้นวัน บางวันสวดมนต์เย็น ฉันเช้า สวดมนต์ ฉันเพล สวดมนต์เย็น พูดง่าย ๆ ก็คือ ออกวันหนึ่ง ๓ รอบ เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่า ส่วนใหญ่แล้วพี่ ๆ ที่อยู่วัดท่าซุง ท่านเอาแต่ภาวนา ไม่ได้ซ้อมสวดมนต์ ก็เลยสวดไม่ค่อยได้ พอสวดไม่ค่อยได้ก็ไม่อยากไปกิจนิมนต์

ถึงเวลาให้อาตมาไปแทน อาตมาเองไปเป็นนาคอยู่วัด ๓๗ วัน สวดได้หมดเกลี้ยงแล้ว ก็เลยกลายเป็นว่าไปเพื่อดูว่าแต่ละงานเขาใช้บทไหนบ้าง ขึ้นบ้านใหม่ใช้อะไรบ้าง งานแต่งงานใช้อะไรบ้าง งานทำบุญ ๗ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน ใช้อะไรบ้าง ทำบุญวันเกิดใช้อะไรบ้าง สองปีออกงานจนชำนาญ

โดยเฉพาะเป็นพระใหม่ก็นั่งห้อยท้าย ถึงเวลาโยมเขาขอให้เจิมบ้าน ขอให้ทำอะไร ส่วนใหญ่แล้วหลวงพี่โอ ท่านพระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร ตอนนั้นก็ยังเป็นพระพิชิตอยู่ มาถึงก็ "ท่านเล็ก..ทำให้เขาหน่อย" กี่งาน ๆ ก็ "ท่านเล็กทำให้เขาหน่อย" เหนื่อยอย่าบอกใครเลย บางวันเหนื่อยขึ้นมาก็บ่น "พี่อยู่กับหลวงพ่อกันมาคนหนึ่ง ๑๐ ปี ๒๐ ปี ไม่ได้คิดจะเอาอะไรบ้างเลยหรือ ?" ท่านบอกว่า "เป็นแล้วมันเหนื่อย" ของท่านเป็นแล้วเหนื่อย ส่วนอาตมาเป็นซะแล้ว ก็เลยต้องยอมเหนื่อย..!”

นายกระรอก
10-05-2019, 20:26
“มีอยู่บ้านหนึ่ง ๒ ปี อาตมาไปสวดมนต์ที่บ้านนั้น ๑๘ ครั้ง บ้านเดียวเลย เพราะฉะนั้น..พอพรรษาที่สาม อาตมารู้งานหมดแล้ว ก็เริ่มโบ้ยให้รุ่นน้องไปบ้าง ไม่ไปเองแล้ว โดยเฉพาะถ้าเป็นงานที่ลานตะโกนี่ ไม่มีใครอยากไปเลย แปดโมงครึ่งแล้วยังไม่เริ่มสวดมนต์ โดยเฉพาะผู้ใหญ่จันทร์ แกเป็นทายก แกก็เอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อย พระหิวไส้แขวนแล้ว..! บางทีหิวมาก ๆ ก็ "ผู้ใหญ่..เมื่อไรจะสวดมนต์สักที ?" "รออีกสักหน่อยสิ คนยังมาไม่ครบ จะหิวอะไรนักหนาเชียว" ไอ้เราก็นึกในใจว่า "มึงตื่นขึ้นมา มึงก็แดกกาแฟปาท่องโก๋ไปแล้ว แต่กูนี่อดมาตั้งแต่เพลเมื่อวานนี้..!"

โดยเฉพาะของพระ ตามพระธรรมวินัยแล้วก็คือ ถ้าหากว่าฉันอยู่ ลุกแล้วก็หมดสิทธิ์ไปเลย ไม่ใช่โยมที่นึกจะกินเมื่อไรก็ได้ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ถึงเวลาก็ไม่มีใครอยากไปงานผู้ใหญ่จันทร์ แล้วก็ดันจัดเป็นงานประจำปีทำบุญลานตะโก อาตมาไปอยู่ ๓ ครั้งก็เลิกไปเลย

ท้ายสุดต้องไปเอาพระที่วัดตรงท่าน้ำมโนรมย์ ก่อนหน้านี้ชื่อวัดเสริมศรีสุขสวัสดิ์ เพราะว่าเป็นวัดที่ท่านเจ้าคุณเสริมกับแม่อ๋อยช่วยกันสร้างขึ้นมา คราวนี้มาตอนหลัง เจ้าอาวาสใหม่ไปทำเละเทะ ท่านไม่สนับสนุนอีก วัดก็โทรมหมดสภาพไป พอเจ้าคณะจังหวัดส่งพระรูปใหม่มาเป็นเจ้าอาวาส เขาก็เลยเปลี่ยนชื่อวัดไปด้วย ไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้ใช้ชื่ออะไร ? ลานตะโกพอพระวัดท่าซุงไม่ไป เขาก็ไปเอาพระที่วัดตรงท่าน้ำมโนรมย์ไปแทน”

นายกระรอก
10-05-2019, 20:28
“ถามว่าพระประท้วงโยมได้ไหม ? มีการประท้วงมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว เขาเรียกว่าคว่ำบาตร ก็คือถึงเวลาใส่บาตรแล้วไม่รับ หันก้นบาตรขึ้น มีปัญญาก็ใส่ไปสิ..! ถ้าหากว่ามาขอขมา รับปากว่าจะแก้ไข ก็มีการสวดประกาศ เขาเรียกว่าสวดหงายบาตร คืออนุญาตให้ใส่บาตรได้ คำว่าคว่ำบาตรนี่มาจากพระพุทธศาสนานี่แหละ ดังนั้น..อย่าให้พระประกาศคว่ำบาตรใคร เห็นมีเพื่อน ๆ หลายคนประกาศคว่ำบาตรคนชื่อไพบูลย์ บอกว่า "ตายแล้วอย่ามาเผาที่วัดกูนะมึง" อาตมาก็ไม่รู้ว่าไพบูลย์ไหน ? เพราะว่าเพื่อนตัวเองก็มีที่ชื่อไพบูลย์..!”

นายกระรอก
12-05-2019, 23:35
ถาม : เคยเห็นในอินเตอร์เน็ต เขามีขอรับบริจาคพวกโทรทัศน์เก่า เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า ของใช้มือสอง เพื่อนำมาส่งต่อให้เด็กยากไร้ หนูก็เอาไปบริจาคให้เขา แต่พี่ชายเห็นว่าไม่ควรเอาไปบริจาคเพราะกลัวว่าจะบาป ?
ตอบ : บาปตรงไหน ?

ถาม : กลัวว่าชาติหน้าจะได้ของที่ไม่ดีค่ะ ?
ตอบ : ได้ของที่ไม่ดีกับไม่ได้ทำ อย่างไหนจะแย่กว่ากัน ? บุญจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้ได้ทำไว้ก่อน เพราะว่าผลตอบแทนออกมาด้านดีทั้งนั้น

ให้ของเก่า ให้ของใช้แล้ว เขาเรียกว่า "ทาสทาน" พอถึงเวลาเราได้มา ไม่ใช่ว่าสิ่งนั้นไม่ดี เพียงแต่ว่าสิ่งที่เราได้มานั้น จะทำให้เราไม่อยากใช้ของใหม่ หันไปใช้ของเก่าแทน

การทำทานมีโอกาสให้ทำไว้ก่อน จะเป็นของกินแล้วใช้แล้วก็ดี ของที่ดีเท่าที่เรากินเราใช้ก็ดี หรือว่าดีกว่าที่เรากินเราใช้ก็ตาม ให้ได้ทำเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเรามีของไม่ดีแล้วเราไม่ทำ กลายเป็นตัดโอกาสตัดทางบุญตัวเองเสียเปล่า ๆ สำหรับคนที่เขาขาดหรือคนที่เขาไม่มี ของไม่ดีของเราคือของดีที่สุดที่เขามี คราวนี้พอเรามีของเก่า เราไม่กล้าทำบุญ เพราะกลัวว่าถึงเวลาเกิดใหม่เราจะได้แต่ของเก่า ๆ อันนั้นคิดผิดมาก

นายกระรอก
12-05-2019, 23:37
พระอาจารย์กล่าวว่า “ระยะนี้วันไหนมีงานเดียวนี่ดวงดีมากเลย โยมโทรไปถามว่า วันนั้นวันนี้ว่างไหม ? บอกไปว่า "ตอนนี้ว่าง" โยมฟังเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? คำว่าตอนนี้ว่างก็คือตอนนี้ยังไม่มีงาน แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าอาจจะมีแล้ว..!

ใครที่ติดตามงานพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน จากในเฟซบุ๊ก ก็ลุ้นเข้าไปว่าวันนี้จะมีกี่งาน แต่ขอบอกให้ว่า ที่ลง ๆ นี่บางทีไม่ครบหรอกนะ บางวันไป ๓-๔ งาน แต่เขาลงให้งานเดียว..!”

นายกระรอก
12-05-2019, 23:42
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งของฝรั่ง เขาบอกว่าแมวเป็นของเหลว แล้วก็มีผลงานอ้างอิงเยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะรูปภาพ คือแมวสามารถอยู่ในภาชนะทุกแบบได้ เพราะฉะนั้น..สิ่งที่เปลี่ยนรูปตามภาชนะได้ มีแต่ของเหลว ซึ่งเป็นงานวิจัยที่มีคนอ่านเป็นล้านเลย ไม่ว่าจะเป็นกล่องเป็นถังเป็นกาละมัง แมวเข้าไปได้หมด ก็เลยบอกว่าแมวเป็นของเหลว..!

จริง ๆ แล้วตระกูลแมวนี่ตั้งแต่สิงโตลงมาก็เป็นแมวทั้งหมด สิงโตเอเชียกับสิงโตแอฟริกาเป็นคนละสายพันธุ์กัน เราจะเห็นว่าในพระไตรปิฎกมีกล่าวถึงราชสีห์เยอะแยะไปหมด แม้กระทั่งเนื้อต้องห้ามที่ไม่ให้พระฉัน ๑๐ อย่างก็มีเนื้อราชสีห์ ซึ่งก็คือเนื้อสิงโต ปรากฏว่าอินเดียจนถึงปัจจุบันนี้ ยังมีสิงโตอยู่ในธรรมชาติเป็นปกติ โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติกี (Gir National Park) ลองไปค้นชื่อนี้ในกูเกิ้ลดู จะบอกสิงโตพันธุ์เอเชียมาเลย ชัดมาก

แอฟริกามีสิงโต มีเสือดาว เสือจากัวร์ จากัวร์นี่ตอนสมัยอาตมาเด็ก ๆ เขาเรียกว่าเสือลายตลับ แล้วก็เสือชีตาห์ นอกนั้นก็เป็นตระกูลแมว”

นายกระรอก
12-05-2019, 23:45
ถาม : เนื้อ ๑๐ ชนิดที่ไม่ให้พระฉัน อันนั้นรวมฆราวาสด้วยไหมคะ ?
ตอบ : ฆราวาสไม่เกี่ยว ห้ามแต่พระ ที่ห้ามพระเพราะว่าสมัยก่อนพระอยู่ป่า ลองกินเนื้อสัตว์อะไรลงไป ตัวเราจะมีกลิ่นเหมือนสัตว์ชนิดนั้น คราวนี้พอเราเข้าไปก็กลายเป็นสัตว์แปลกหน้า วิสัยของสัตว์เขาจะหวงถิ่นที่อยู่ของเขา กลัวว่าสัตว์อื่นเข้าไปจะไปแย่งอาหารหรือแย่งคู่ของเขา ในเมื่อเขาหวงที่ พอเราเข้าไป กลายเป็นสัตว์แปลกหน้า เขาก็ไล่ฟัดเอา

เนื้อ ๑๐ ชนิดมี เนื้อคน เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อหมา เนื้องู เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อเสือดาว เนื้อหมี เนื้อราชสีห์ แต่ละอย่างล้วนแล้วแต่น่ารักทั้งนั้น..! เข้าป่าขืนมีกลิ่นตัวเดียวกับพวกนี้ ถ้าเห็นเราเป็นช้างแปลกหน้า เดี๋ยวก็โดนไล่กระทืบเอา..!

สมัยก่อนที่วัดท่าซุง มีลุงปรุง ตุงคะเศรณี อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำฮ่องกง ท่านอยู่ฮ่องกงหลายปี กินหมาตุ๋นไปเยอะ ลุงปรุงออกจากกุฏิไม่ได้เลย โดนหมารุมเห่าเป็นร้อย เพราะว่าหมาเห็นว่าลุงปรุงเป็นหมาแปลกหน้า..!

ลุงปรุงอยู่ตึกกลางน้ำ คอยช่วยดูแลหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่ มาตอนหลังหลวงพี่ประทีปกับท่านน้อยช่วยกันดูแลด้วย งานลุงปรุงก็เบาลง พอท่านว่างเดินออกมาข้างนอกเมื่อไร หมาก็ไล่เห่าทั้งวัด

นายกระรอก
12-05-2019, 23:49
ถาม : บ้านที่ติดกันมีนกพิราบมาขี้เยอะมากเลยค่ะ แล้วเป็นบ้านแถวเดียวกัน ๔ หลัง จะทำอย่างไรได้บ้างคะ ?
ตอบ : เลี้ยงเหยี่ยว ๑ ตัว เอาใส่กรงแขวนไว้ใกล้ ๆ แถวนั้น วัดท่าขนุนสิ่งก่อสร้างเยอะมาก แต่นกพิราบเกาะอยู่แค่ในตลาด เพราะว่าวัดท่าขนุนเก็บต้นไม้ไว้เยอะ มีเหยี่ยวมาหากินบ่อย นกพิราบไม่กล้าเข้าวัดเลย เพราะถ้าเข้ามาก็กลายเป็นอาหารเหยี่ยว เหยี่ยวมาคอยกินไก่ที่วัด เผลอเมื่อไรก็เอาไปกิน เพราะฉะนั้น..เลี้ยงเหยี่ยวสักตัวหนึ่ง แขวนกรงไว้ใกล้ ๆ แถวนั้นแหละ เดี๋ยวนกพิราบก็เปิดหมด

หรือไม่ก็ทำสะพานแมว รู้จักสะพานแมวไหม ? เอาไม้ขนาดหน้าสามก็ได้ แล้วก็ตอกลูกคั่นไว้หน่อยหนึ่งให้แมวขึ้นได้ พาดเอาไว้ ถ้าแมวขึ้นหลังคาได้ นกก็จะไม่มา

นายกระรอก
12-05-2019, 23:50
ถาม : แล้วถ้าเป็นพวกหนูละคะ คือเขาไปหากินบ้านอื่น แต่มาอยู่ใต้หลังคาบ้านเรา ?
ตอบ : เอากิ่งยี่โถหั่นเป็นท่อน ๆ ยาวสักนิ้วสองนิ้วก็ได้ โยนขึ้นไปในฝ้าเยอะ ๆ

นายกระรอก
12-05-2019, 23:51
ถาม : เป็นโรคที่สารเคมีในสมองหลั่งมากผิดปกติ ไปหาหมอกินยามา ๕ ปีแล้วก็ยังไม่หาย ?
ตอบ : ทำสมาธิแทน ถ้าสมาธิทรงตัว สารเคมีจะปกติ

ถาม : รู้สึกเหมือนเป็นกระแสอะไรวนไหลอยู่ในร่างกายตลอดเวลา ?
ตอบ : ก็ปล่อยไป ถ้าสมาธิทรงตัว พวกนี้ก็กวนอะไรเราไม่ได้อยู่แล้ว

นายกระรอก
12-05-2019, 23:53
ถาม : พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ มีความหมายว่าอย่างไร เพราะว่าหาแต่ละเว็บแล้วความหมายไม่เหมือนกัน ?
ตอบ : พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเทวดา สอนพรหม ไม่ได้สอนคน เพราะฉะนั้น..คนตีความให้ตายก็เข้าไม่ถึงจริง ๆ หรอก ท่านขึ้นไปเทศน์โปรดพระพุทธมารดา ก็คือโปรดพรหม โปรดเทวดาด้วย ใช้เวลาถึง ๓ เดือนของโลกมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่เทศน์แค่หัวข้อ เพราะฉะนั้น..ใครที่ไปเรียนอภิธรรมโปรดทราบ ท่านเก่งกว่าพรหมเทวดาหรืออย่างไรถึงได้ไปเรียนกัน ?

ถาม : ยากจนสอนถึง ๓ เดือนเลยหรือคะ ?
ตอบ : นั่นแหละ สามเดือนมีใครฟังได้จบบ้างไหม ? คงเป็นลมตายเสียก่อน ไม่ได้กินไม่ได้นอน

ถาม : คือไม่ต้องเข้าใจความหมายก็ได้ ถ้าฆราวาสจะสวด ก็สวดได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : อยากจะสวดก็สวดไป แต่อย่าพยายามไปตีความ เหนื่อยเปล่า ๆ

ถาม : สวดที่บ้านโดยที่ไม่ใช่วันสำคัญก็ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ได้ทุกวัน

นายกระรอก
12-05-2019, 23:54
ถาม : เคยไปที่วัดหนึ่ง พระท่านบอกว่าห้องสมุดจะทุบทิ้งแล้ว ท่านก็เลยให้หนังสือมา จะติดหนี้สงฆ์ไหมคะ ?
ตอบ : ติดแน่นอน

ถาม : ถ้าไม่สะดวกเอาไปคืน ใช้วิธีชำระหนี้สงฆ์หยอดตู้ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้

ถาม : ไม่จำเป็นต้องเป็นวัดนั้นใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ชำระหนี้สงฆ์ทำที่วัดไหนก็ได้ บอกพระท่านก่อนก็แล้วกัน

นายกระรอก
12-05-2019, 23:57
ถาม : พระอาจารย์บอกว่า การสวดเป็นคลื่นพลังงานแผ่กระจายออกไป ซึ่งภพภูมิอื่น ๆ สามารถรับได้ แต่ทำไมคนสวดเองถึงรับรู้พลังกระแสคลื่นที่ดีแบบนี้ไม่ได้เลย ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเครื่องรับของตัวเองห่วย ถ้าเครื่องรับดี ๆ ก็ต้องรู้ได้สิ

ถาม : บทสวดที่พระพุทธเจ้าตรัสด้วยพระองค์เอง บางบทก็มี เอวัมเม สุตังฯ คือพระอานนท์ได้ฟังมา บางบทก็ไม่มี ทำไมถึงแตกต่างกันคะ ?
ตอบ : ที่ต่างกันก็เพราะว่าโดนตัดตรงหัวออก เอาแต่เนื้อข้างใน โดยเฉพาะบางบทเขาสวดย่อ ๆ อย่างเช่นว่า ขันธปริตร เขาก็ตัดแค่ "อัปปะมาโณ พุทโธ อัปปะมาโณ ธัมโม อัปปะมาโณ สังโฆ ฯ" หัวก็ไม่มี ท้ายก็ไม่มี หรือไม่ก็กรณียเมตตสูตร เขาก็ตัดเอาแค่ "เมตตัญจะ สัพพะโลกัส๎มิงฯ" ทั้ง ๆ ที่ตอนหน้ามีอีกบานตะเกียงเลย ในเมื่อเขาตัด ๆ มา ก็เลยไม่มี ถ้าไม่ได้ตัดมาก็จะมี

ถาม : พระอานนท์ฟังมาทั้งหมดเลยใช่ไหมคะ ?
ตอบ : บางทีพระอานนท์ก็ฟังจากมหาสาวกท่านอื่น ๆ อย่างพระมหากัจจายนะบ้าง เสร็จแล้วไปกราบทูลถาม พระพุทธเจ้าท่านรับรองให้ ในเมื่อพระพุทธเจ้าท่านรับรองให้ ก็เลยบรรจุไว้ในพระไตรปิฎกด้วย

ถาม : เวลาสวดมนต์ถ้าเกิดใจสวด ...(ไม่ชัด)... ภพภูมิอื่นเขาจะได้ยินสิ่งที่เราคิดและเสียงที่เราสวดทั้ง ๒ อย่างหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เขารู้ แต่ว่าพวกท่านทั้งหลายฉลาด ท่านเอาแต่ส่วนดี ๆ ไอ้ที่ไม่ดีของเราท่านก็ไม่สนใจหรอก

นายกระรอก
12-05-2019, 23:59
พระอาจารย์กล่าวว่า “สัปดาห์ก่อนมีโยมมาหา อาตมาก็ว่า "ทำไมแก่กันหมดแล้ววะ ?" ไล่ไปไล่มา อ๋อ ๒๗ ปีผ่านไปแล้ว ตัวเล็กที่สุดตอนนั้นอายุ ๑๒ ปี ตอนนี้ก็ ๓๙ ปีเข้าไปแล้ว ที่เหลือไม่แก่ก็ไม่ได้หรอก..!

เด็ก ๆ บอกว่า "หลวงลุงไม่แก่เลย" อาตมาบอกว่า "แก่..แต่ว่าแก่ช้าหน่อย" ส่วนสามีเขาตอนแรกก็นั่งตาปริบ ๆ ไอ้นี่เรียกหลวงลุง ๆ คงต้องแก่มากแน่ ๆ เลย ปรากฏว่าตัวเองหัวไปครึ่งบ้านแล้ว หลวงลุงยังผมไม่ร่วงเลย ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก
13-05-2019, 00:04
“สมัยโน้นที่ยังไปช่วยงานหลวงพ่อวัดท่าซุงที่บ้านสายลม มีอยู่วันหนึ่งนั่งรถ ปรากฏว่าฝรั่งเขาโวยวายว่า "ทำไมรถคันนี้ไปผิดทาง ?" อาตมาถามว่า "คุณจะไปไหน ?" "ไปสถานทูตฟิลิปปินส์" เขาก็ขึ้นสาย ๒ ตามคำแนะนำ แต่ทำไมถึงขึ้นทางด่วนไปคนละทิศกัน เพราะว่าเขากางแผนที่ดูอยู่ ก็เลยบอกเขาว่า "ถ้าคุณจะไปสถานทูตฟิลิปปินส์ต้องขึ้นสาย ๒ ป้ายสีฟ้า คุณขึ้นสาย ๒ ป้ายเหลืองนี่ไป Expressway แล้ว"

แล้วเขาถามว่าจะทำอย่างไร ? อาตมาก็บอกว่า "นั่งไปจนสุดทาง เดี๋ยวจะพากลับให้ พอดีวันนี้ไม่มีธุระอะไร" ก็ไปลงที่สุขุมวิท ๖๒ แล้วพาเขานั่งย้อนกลับมาใกล้ ๆ ซอยอโศก ตรงสถานทูตฟิลิปปินส์ เขาถามว่า "ยูยังเรียนไฮสคูลอยู่ใช่ไหม ?" ถามเขาว่า "ดูจากตรงไหน ?" เขาบอกว่า "ผมสั้นมาก" คือเขาไม่รู้ว่าเป็นทหาร ไล่ไปไล่มาอาตมาแก่กว่าเขา ๓ ปี ถามเขาว่า "แล้วคุณไปทำอะไรที่สถานทูตฟิลิปปินส์ ?" เขาบอกว่า "จะไปแสตมป์พาสปอร์ต เพราะว่าพ่อมีกิจการอยู่ที่ฟิลิปปินส์ให้ไปดูแลแทน" เขาให้คนอายุ ๒๒ ปี ดูแลกิจการต่างประเทศแล้ว ส่วนคนอายุ ๒๕ ปีหน้าตาเด็กกว่าเขาตั้งเยอะ ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก
13-05-2019, 00:06
“ที่แก่ช้านั้นมีส่วนหนึ่งก็คือว่า ชาติก่อน ๆ ตายตั้งแต่อายุน้อย ๆ บ่อยมาก เพราะว่าสร้างเวรสร้างกรรมด้วยการเป็นทหารออกรบบ่อย ก็เลยอายุสั้นพลันตาย มีชาตินี้แหละที่อายุเกิน หลวงพ่อท่านจะเก็บเอาไว้ใช้งาน ก็เลยอายุเกินมาเรื่อย ๆ กำลังรอว่าตัวจริงเขาจะมาเมื่อไร ? จะได้บ๊ายบายเสียที..! แต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ๓๕ ปีแล้ว ยังไม่เห็นตัวจริงมาเลย”

นายกระรอก
13-05-2019, 00:09
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “เป็นผู้หญิงพยายามเป็นช้างเท้าหลังหน่อย อย่าพยายามเป็นควาญช้างบ่อยนัก..! คือต่อหน้าเพื่อนฝูงคนอื่น ผู้ชายเขามีศักดิ์ศรีของเขาอยู่ เราก็ทำเป็นยอม ๆ เขาบ้าง พอลับหลังอยู่ในบ้านแล้วค่อยอาละวาด..! ต้องบอกว่าอยู่ให้เป็น ไม่ใช่อยู่ที่ไหนเราก็จะเป็นควาญช้างอย่างเดียว ถ้าลักษณะนั้นก็คืออยู่ไม่เป็น

ที่เตือนโยมเพราะว่าโหงวเฮ้งข่มผู้ชาย ใครแต่งงานด้วยซวยทั้งนั้นแหละ ...(หัวเราะ)... ต้องทำใจเลย ถ้าแต่งงานนี่เราได้เป็นผู้นำ ตำแหน่งผบ.ทบ. ยกให้ไปเลย..!”

นายกระรอก
13-05-2019, 00:12
พระอาจารย์กล่าวว่า “ญาติโยมจะเห็นว่า คนรุ่นเก่า ๆ มักจะแข็งแรง เพราะว่าทำงานหนัก รุ่นใหม่หนักก็ไม่เอา เบาก็ไม่สู้..ใช่ไหม ? สมัยก่อนเขาทำไร่ทำนากัน ถึงเวลาก็จับจอบ จับเสียม จับคราด จับไถ จึงแข็งแรง อยู่กับดินฟ้าอากาศที่เป็นธรรมชาติ มารุ่นหลัง ๆ นี้ เครื่องไม้เครื่องมือช่วยเยอะมาก แต่รายจ่ายก็เยอะขึ้นด้วย ใช้ปุ๋ยก็จ่ายค่าปุ๋ย ใช้ยาจ่ายค่ายา ใช้รถไถจ่ายค่าน้ำมัน จ่ายค่าแรงเขา ใช้รถเกี่ยวยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

อย่างที่เพลงเขาว่า "ถึงหน้านาทำนา หน้าแล้งน้องจ๋า พี่จะหาน้ำตาล" น้ำตาลนี่กว่าจะขึ้นได้แต่ละต้นนี่ปางตายเลยนะ อาตมาขึ้นต้นมะพร้าวมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็เลยซาบซึ้งมาก ถ้าแขนไม่แข็งแรงก็ขึ้นไม่ได้ แขนต้องรับน้ำหนักตัวได้ เท้ามีหน้าที่ส่งตามอย่างเดียว โยมแม่ปลูกมะพร้าวไว้ร้อยกว่าต้น อาตมากินจนไม่เหลือมะพร้าวแก่ให้ทำกับข้าว แม่โกรธมากเลย ก็ขึ้นไปกินทุกต้นแหละ..!”

นายกระรอก
13-05-2019, 00:15
“ไปที่พม่าริมหาดแซตแซ มีมะพร้าวอ่อนขาย คราวนี้ยังไม่เลยเที่ยง ครูบาน้อยท่านอยากฉันน้ำมะพร้าว ไปถึงก็ชี้ "เอามา ๒ ใบ" อาตมาบอกว่า "เฮ้ย ๆ ไม่เอา" ท่านถามว่าทำไม ? ก็บอกว่า "พวงนี้แก่แล้ว ก้นกะลาดำแล้ว" ท่านถามว่า "พระอาจารย์ดูออกหรือ ?" "ดูออก" พอถามว่าเอาพวงไหน ก็พลิก ๆ ให้เขา ไม่มีพอดีด้วย มีแต่อ่อนไป จึงบอกว่า "อ่อนไปดีกว่า แต่น้ำจะเปรี้ยวหน่อย" แล้วก็ชี้ให้เขา เขาก็สงสัยว่ารู้ได้อย่างไร ? อ๋อ..ถ้ากินขนาดอาตมานี่ต้องรู้ มะพร้าวร้อยกว่าต้น กินจนไม่เหลือลูกแก่ นึกเอาก็แล้วกันว่ากินไปขนาดไหน ไม่ถึงหมื่นลูกก็คงใกล้เคียงแหละ..!

อาตมาเสียอย่างเดียวคือลับมีดไม่คม ลับอย่างไรก็ไม่คม เขาบอกว่าผู้ชายลับมีดไม่คมไม่กลัวเมีย เขาว่าอย่างนั้น ไอ้เราก็ไม่เคยแต่งงานอีก เลยไม่รู้ว่ากลัวหรือเปล่า ? คราวนี้พอจะกินมะพร้าวก็ไปขอร้องพี่สะใภ้ให้ช่วยลับมีดให้ ...(หัวเราะ)... แม้กระทั่งปัจจุบันนี้อยู่วัดท่าขนุน ถึงเวลาจะใช้มีดต้องไปขอยายมะเขาลับให้ "มะ..ลับมีดให้หลวงพ่อหน่อย" ยายมะไปพักเดียว คมกริบกลับมาเลย แสดงว่ามะไม่กลัวผัวเพราะว่าลับมีดคม..!”

นายกระรอก
14-05-2019, 21:51
พระอาจารย์กล่าวว่า “วัตถุมงคลสักองค์สององค์ก็พอแล้ว เอาที่เรามั่นใจ ขอให้ยึดมั่นจริง ๆ เท่านั้น”

นายกระรอก
14-05-2019, 21:53
พระอาจารย์กล่าวว่า “หลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อไร ถ้าประกาศรัฐบาลใหม่ไม่ได้นี่จะยุ่งมากเลย แล้วก็จะมีประเภทดึงฟ้าต่ำ ทำให้ระคายใต้เบื้องพระยุคลบาท ก็คือจะไปขอรัฐบาลพระราชทาน กติกาประชาธิปไตยเขาเลือกตั้งมาแล้ว ว่าที่ ส.ส. มีเพียบ แต่จะเอารัฐบาลพระราชทาน ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้หัวแม่เท้าข้างไหนคิด..!

ถ้าหากว่าประกาศตั้งรัฐบาลไม่ได้ วันที่ ๙ พฤษภาคมนี้ใช่ไหม ? ให้เวลา ๓ เดือนก็แล้วกัน สามเดือนถ้ายังไม่ได้นี่ยุ่งบรรลัยเลย ทหารเขาเตรียมรอ ปะทะกันเมื่อไรก็ปฏิวัติยึดอำนาจใหม่ ...(หัวเราะ)... อาตมาขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ปี ๒๕๒๔ อยู่ชายแดนพม่า เงินไทย ๒ บาท แลกเงินพม่าได้ ๑ จั๊ต คือเงินพม่าใหญ่กว่าเราสองเท่า รัฐบาลทหารดูแลประเทศพม่ามา ๓๐ กว่าปี ตอนนี้เงินไทย ๑ บาท แลกเงินพม่าได้ ๔๗ จั๊ต เงินพม่าเล็กกว่าเรา ๔๗ เท่า..! เพราะฉะนั้น..ขอให้รัฐบาลทหารจงเป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย รีบ ๆ กลับกรมกลับกองไปเถอะ..!

ทหารเขามีเอาไว้รบ มีไว้ป้องกันประเทศ ไม่ได้มีไว้บริหารประเทศ โดยเฉพาะทหารเคยชินกับการสั่งแล้วต้องทำ เขามีคติว่า คำสั่งผู้บังคับบัญชาเหมือนเสียงสวรรค์ ทหารต้องทำตามโดยไม่มีข้อแม้ ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนั้นแล้ว บรรดาทหารจะมีจุดเดือดต่ำ ก็คือประเภทโดนใครขัดคำสั่งไม่ได้ จะไม่พอใจ ไม่อย่างนั้นจะออกอาการแบบลุงตู่ซินโดรม..! ก็คือประเภทผีเข้าผีออกอย่างกับคนวัยทอง ลุงตู่แกก็เลยวัยทองมาแล้วนะ

แต่จริง ๆ ลุงตู่มาเป็นรัฐบาลก็ช่วยประเทศชาติได้เยอะมาก อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยให้ประหยัดไฟไปได้ทุกวันศุกร์..!”

นายกระรอก
14-05-2019, 21:55
ถาม : ช่วงนี้ความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์สูงมากเลยครับ ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : กลัวอารมณ์เปลี่ยนแปลงก็ทำสมาธิให้ทรงตัว แล้วควรจะทรงตัวระดับใช้งาน ก็คือต้องการเมื่อไรต้องได้เมื่อนั้น ถ้าอย่างนั้นอารมณ์จะเปลี่ยนแปลงน้อย หากว่าทำได้ จะวัยทองหรือวัยเพชรก็ไม่มีปัญหา ทำไม่ได้ถึงเวลาก็กลุ้มใจอีกแล้ว ใจไม่ได้อยู่กับสมาธิก็ฟุ้งซ่านอีกแล้ว ฟุ้งไปเรื่อย...ลูกจะเป็นอย่างไร ผัวจะเป็นอย่างไร ไม่ได้เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร

นายกระรอก
14-05-2019, 21:57
ถาม : องค์ดาไลลามะที่ท่านทรงสมาธิแล้วรู้ว่าใครมาจากไหนเป็นเพราะของเก่าไหมครับ ?
ตอบ : ต้องไม่ทิ้งด้วย คุณได้อ่านกิจวัตรประจำวันของพระองค์ท่านไหม ? พระองค์ท่านทรงสมาธิวันละ ๒ ชั่วโมง ของเราทำงานหน่อย กูไม่เอาแล้ว..!

ถาม : สองชั่วโมงคือปฏิบัติในรูปแบบ ?
ตอบ : เป็นเวลาที่ต้องเว้นราชกิจอื่น ๆ เพื่อที่จะไปทำสมาธิโดยเฉพาะ

ก่อนหน้านี้ดาไลลามะเป็นแค่ผู้นำศาสนา คราวนี้ยุคกุชรีข่าน ดาไลลามะไปพยากรณ์ให้แล้วท่านเลื่อมใส ก็เลยถวายอำนาจให้ปกครองทั้งอาณาจักรและศาสนจักร กลายเป็นว่ามีอำนาจทางการเมืองไปด้วย

อาตมาไปทิเบตตั้งใจไปดูสังขารเก่า ๆ ของตัวเอง กลับมาให้พระอาจารย์บ๊ะยืนยัน ท่านบอกว่าใช่ ...(หัวเราะ)... แต่ขอโทษ..กลับมาได้ไม่นาน วัดโจคังโดนไฟไหม้ ตูไปที่ไหนเขาก็บรรลัยหมด..! แต่จริง ๆ วัดแถวนั้นก็น่าจะไฟไหม้ง่าย เพราะว่าเขาตามประทีปกันทั้งวันทั้งคืน โดยใช้ไขมันวัวและไขมันจามรี

นายกระรอก
14-05-2019, 22:00
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “กระเป็นสัญลักษณ์ว่าอายุยืนมาก อย่าไปเอาออกนะ มีกระแปลว่าอายุยืน ยิ่งเยอะยิ่งอายุยืนมาก บางคนไม่เข้าใจก็ไปคุ้มคลั่งอยู่นั่นแหละ จะพยายามไปให้หมอลบออก นั่นเป็นธรรมชาติของเขาเอง สังเกตดูว่าคนอายุ ๘๐-๙๐ ปีนี่กระขึ้นทั้งตัวเลย ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก
14-05-2019, 22:05
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยรัชกาลที่ ๙ มีสมเด็จพระพี่นางฯ ทรงกรม ๑ พระองค์เท่านั้น มารัชกาลที่ ๑๐ พอพระราชพิธีบรมราชาภิเษกก็พระราชทานตั้งให้ทรงกรมไป ๓ พระองค์แล้ว จะมีกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตำแหน่งสูงสุด มีในสมัยรัชกาลที่ ๕ ก็คือกรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร คือถ้าไม่ใช่ญาติใกล้ชิด เขาไม่ตั้งตำแหน่งนี้กันหรอก

กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูรนั้น ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงนับถือเป็นแม่ เรียก "แม่อ้วน" แล้วเป็นพระองค์เดียวในยุคนั้นที่อายุยืนสุด ๆ มาสิ้นตอนสมัยรัชกาลที่ ๙ อยู่มา ๙๐ กว่าปี คือปกติคนอ้วนขนาดนั้นไม่น่าจะอายุยืน แต่กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูรอายุยืนมาก สมัยนั้น ๔๐-๕๐ ปีก็ไปกันหมดแล้ว”

ถาม : มาจากสมัย ร.๔ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เป็นพระพี่เลี้ยงอภิบาลมาตั้งแต่เด็ก รัชกาลที่ ๕ ทรงนับถือเป็นแม่องค์หนึ่ง ก็เลยตั้งเป็นกรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร ผู้หญิงที่ขึ้นถึงระดับนี้ดูท่าจะมีคนเดียวในประวัติศาสตร์ ปรากฏว่ามาสมัยนี้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชฯ ท่านขึ้นถึงเหมือนกัน

นายกระรอก
14-05-2019, 22:05
พระอาจารย์กล่าวว่า “พลายเอกชัย ช้างเผือกคู่บารมีรัชกาลที่ ๑๐ งายาว ๒๘ นิ้ว ต้องบอกว่าของพระองค์ท่านบุญดีนะ คือยังไม่ทันจะขึ้นบรมราชาภิเษกเลย มีช้างเผือกมารออยู่ก่อนแล้ว”

นายกระรอก
14-05-2019, 22:07
ถาม : ถ้าเราพิจารณาว่าร่างกายเราเป็นของสกปรก แบบนี้เป็นสมถะหรือวิปัสสนาครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่ายังเป็นแค่ความจำ ก็จะเป็นแค่สมถภาวนา ประมาณอสุภกรรมฐานหรือกายคตานุสติกรรมฐาน แต่ถ้าสภาพจิตยอมรับว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ถึงจะเป็นวิปัสสนากรรมฐาน

ถาม : ถ้าเราเห็นกายว่าสกปรกจริง ๆ ก็เป็นวิปัสสนาใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่เห็นเฉย ๆ ต้องยอมรับด้วย

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : ถ้าไม่มีสมถะ กำลังในการยอมรับไม่พอ ถึงได้บอกว่าการปฏิบัติธรรมจริง ๆ แล้วต้องทำทั้งสองอย่างควบกัน

นายกระรอก
14-05-2019, 22:08
ถาม : เวลาที่เราสนทนา เราสามารถภาวนาควบคู่ไปได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่ามีความคล่องตัวแล้วทำได้ จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับตัวเอง ก็คืออารมณ์ใจจะทรงอยู่ในระดับสมาธิที่เป็นอัปปนาสมาธิขั้นใดขั้นหนึ่ง ส่วนร่างกายก็ทำหน้าที่ไปตามปกติ

ถาม : พยายามที่จะทำ แต่ก็ทำไม่ได้ ?
ตอบ : ก็ฝึกซ้อมบ่อย ๆ สิวะ..!

นายกระรอก
14-05-2019, 22:11
ถาม : เมื่อเดือนที่แล้วที่ถามพระอาจารย์ว่า คำภาวนาเป็นกรรมฐานกองหนึ่งหรือเปล่า พระอาจารย์บอกว่า ไม่เป็น จนกว่าจะทำตาม แล้วถ้าเรามองเหมือนคำภาวนาเป็นรูปภาพรูปหนึ่งด้วย แบบนี้คำภาวนานั้นจะเป็นกรรมฐานกองใดกองหนึ่งไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ตรงกับกรรมฐานกองไหนก็ไม่เป็น เพราะว่าการกำหนดภาพนั้นเป็นกสิณ คุณไม่ได้ภาวนากสิณอะไรสักอย่างแล้วจะเป็นไหม ?

ถาม : ถ้าเราภาวนากรรมฐาน ๖ กองรวมกัน อานิสงส์รวมจะเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : อาจจะลงนรกไปเลย ถ้าหากว่าไม่เคยทำมาจนช่ำชองทุกกองแล้วอยู่ ๆ ไปรวมหลาย ๆ กอง มึงทำได้ก็เก่งมากแล้ว ฟุ้งซ่านมาก ๆ ดีไม่ดีก็จะลงนรกไปเลย..!

นายกระรอก
14-05-2019, 22:13
ถาม : ถ้าเราภาวนาคาถาเงินล้านอย่างเดียวด้วยกำลังใจทรงตัว กับภาวนาด้วยภาพพระบวกกับคำภาวนา อานิสงส์สองแบบเท่ากันไหมครับ ?
ตอบ : ทำอย่างไหนได้มากกว่า สมาธิสูงกว่า อย่างนั้นก็มีอานิสงส์มากกว่า

ภาวนาสมมติว่าเป็นอานาปานสติ ภาพพระเป็นพุทธานุสติ คุณก็ได้สองอย่าง แต่ถ้าหากว่าคุณภาวนาอย่างเดียว ก็ได้แค่อานาปานสติ เป็นต้น

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วจะได้น้อยมากกว่า เพราะว่าถ้าไม่มีความคล่องตัวแล้วไปจับหลาย ๆ กอง อารมณ์ใจจะทรงตัวยาก เพราะว่ามัวแต่ไปพะวงหน้าพะวงหลังอยู่

ถาม : พูดง่าย ๆ ก็คือ วิธีไหนที่เราทำแล้วรู้สึกมั่นใจที่สุด ผลจะเกิดมากที่สุด ?
ตอบ : ไม่ใช่ ทำให้เข้าถึงจริง ๆ ให้มากที่สุด ไม่ใช่มั่นใจที่สุด มั่นใจแต่ทำไม่ถึงแล้วจะมีประโยชน์อะไร ?

นายกระรอก
14-05-2019, 22:17
ถาม : สมมติมีคนที่ทำไม่ดีกับเรา ถ้าเราตอบแทนเขาโดยภาวนาว่า สัมปจิตฉามิ จะเป็นกรรมไหมครับ ?
ตอบ : แค่คุณคิด ก็กลายเป็นวิหิงสาวิตก มโนกรรมก็เกิดแล้ว

ถาม : แต่เราก็ไม่ได้คิดทำร้ายนะครับ แค่เอาของที่เขาให้เรากลับคืนไป ?
ตอบ : ไม่ได้คิดแล้วจะไปทำทำเหี้..อะไรครับ..!

ใจคิด ปากพูด กายทำ เป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าหากว่าไม่คิดแล้วจะทำได้อย่างไร ? ของบางอย่างตัวเราเอง ต่อให้บอกว่าเราไม่คิดร้ายกับคนอื่นขนาดไหน แค่คิดที่จะตอบแทนเขากลับไป ก็เท่ากับทำให้เขาเกิดสิ่งที่ไม่ดีอยู่แล้ว สรุปง่าย ๆ ก็คือ ทำชั่วโดยที่พยายามบอกว่าเราไม่ได้ชั่วนั่นแหละ

เพราะถ้าหากว่าจะวางใจเป็นอุเบกขาจริง ๆ ก็เฉยไปเลย ไม่ไปยุ่งอะไรกับใคร ไม่ใช่เฉยในลักษณะกำปั้นกูก็เหวี่ยงคืนไปด้วย..!

นายกระรอก
14-05-2019, 22:20
ถาม : อานิสงส์ของบุญที่ส่งผล เป็นเหมือนแหล่งกำเนิดเสียงที่ว่า ระยะทางไกลขึ้นจะน้อยลง ๆ ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ต้องดูว่าเราเจตนาในส่วนไหน ? ถ้าตั้งเจตนาในลักษณะที่ว่าสวดมนต์เผื่อภพภูมิอื่น ๆ เขา ถ้าอย่างนั้นยิ่งไกล ผลก็ยิ่งน้อย

ถาม : สงสัยว่าบุญบุญหนึ่งไม่สามารถที่จะส่งผลได้ตลอดเวลา เพราะว่าจะน้อยลงตามเวลาที่ผ่านไปใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เรื่องของผลบุญมีทั้งที่ส่งผลอย่างฉับพลัน ส่งผลตามระยะเวลา ส่งผลในการสนับสนุน ส่งผลในการตัดรอน ฯลฯ ขึ้นอยู่กับว่าเราทำอะไร ดังนั้น..ของแบบนี้ไม่สามารถที่จะขี้ชัดลงไปได้ว่าสิ่งที่คุณทำ ต่อไปจะมีผลมากหรือมีผลน้อยเมื่อระยะเวลาผ่านนานไป

สำคัญอยู่ที่ว่าทำอะไร ? ถ้าสมมติว่าเราเพาะถั่วงอก พรุ่งนี้ก็ได้กินแล้ว ระยะเวลายาวนานไป ถั่วงอกก็ไม่เป็นถั่วงอก ขึ้นไปเป็นถั่วเขียวไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเราที่จะใช้ถั่วงอก แต่ถ้าหากว่าคุณปลูกไม้ผล ผ่านไป ๓ ปี ๕ ปี ยิ่งผ่านไปนานเท่าไร ต้นยิ่งใหญ่ ผลก็ยิ่งมากขึ้น ดังนั้น..สำคัญอยู่ที่เราว่าทำอะไร ทำแบบไหน ไม่ใช่ไปเหมารวมว่าทุกอย่างเป็นอย่างนั้น

นายกระรอก
14-05-2019, 22:21
ถาม : ถ้าเรามีพระพุทธรูปในห้องนอน เราควรที่จะกั้นผ้าในห้องนอนหรือเปล่า เพราะเกรงว่าอาจมีกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเกรงใจพระก็กั้น เกรงว่าจะเกิดโทษกับตัวเองก็กั้น ถ้าไม่เกรงใจพระ ไม่เกรงว่าจะเกิดโทษก็ไม่ต้อง

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : ก็ลองดูสิว่าแก้ผ้าต่อหน้าพระเป็นการปรามาสไหมเล่า ? แล้วถ้าปรามาสพระรัตนตรัยจะเกิดโทษไหม ?

นายกระรอก
14-05-2019, 22:23
ถาม : ทำเลสิกจริง ๆ แล้วดีไหมครับ ?
ตอบ : ไปถามหมอ ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก คนหนึ่งทำแล้วดี อีกคนหนึ่งสร้างเวรสร้างกรรมไว้เยอะ ทำแล้วอาจจะตาเสียไปเลยก็ได้

นายกระรอก
14-05-2019, 22:25
ถาม : ถ้ารู้สึกว่าบุญเรามีไม่พอ แล้วเราภาวนาเงินล้านไปเรื่อย ๆ ผลที่ได้จะเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็เพิ่มในส่วนของสมาธิขึ้นมา ในส่วนของทานก็ไม่มี ในส่วนของปัญญาก็ไม่มี ก็ได้แค่สมาธิ คราวนี้ผลของคาถาจะเกิดเท่าไรขึ้นมา ถ้าหากว่าคุณไม่ได้ทำทานมาเลยก็ไปไม่รอด และถ้าหากว่าไม่ได้ใช้ปัญญาในการพินิจพิจารณาอะไรเลย ต่อไปเต็มที่ก็ได้แค่นั้นแหละ ไม่เกินนั้นหรอก

ถาม : รบกวนพระอาจารย์ยกตัวอย่างการพิจารณาที่จะเกิดประโยชน์ได้มากที่สุด ?
ตอบ : อย่างเช่นว่า ถึงเวลาภาวนานาน ๆ ไปก็ "เหนื่อยฉิบหายเลยโว้ย ขึ้นชื่อว่าการเหนื่อยแบบนี้กูไม่เอาอีกแล้ว ตายแล้วไปพระนิพพานดีกว่า"

ถาม : อันนี้คือได้ในทางธรรม แล้วถ้าพูดถึงผลทางโลก อย่างเช่น ให้ทรัพยากรทุกอย่างบริบูรณ์ครบถ้วนในเวลาที่เหมาะสม ?
ตอบ : ก็ต้องดูว่าอายุคุณยืนยาวพอที่จะรอถึงตอนนั้นไหม ? ถ้าหากว่าวาระยังไม่ถึง อำนาจสิ่งที่เราทำยังไม่เกิดผล ก็แปลว่าม่องเท่งไปก่อน..!

สิ่งที่เราปรารถนาคือความสมบูรณ์บริบูรณ์ในทุกด้าน ซึ่งไม่ใช่การที่เราจะมาสร้างเสริมได้ภายในชาติเดียว ดังนั้น..ถ้าหากว่านั่งภาวนาคาถาเงินล้านอย่างเดียว โดยหวังว่าทุกสิ่งจะสมบูรณ์บริบูรณ์ให้คุณในชาตินี้ ก็คงจะตายเสียก่อนนั่นแหละ..!

นายกระรอก
14-05-2019, 22:29
ถาม : การที่มารเขา ...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : ต้องดูว่าหน้าที่เขาหรือเปล่า ?

ถาม : มีด้วยหรือครับที่มีหน้าที่ ?
ตอบ : มี..เพชฌฆาตมีหน้าที่ประหารนักโทษ ไม่ได้ฆ่าด้วยความโกรธ โทษก็น้อยกว่าคนปกติเยอะ

ถาม : แล้วถ้าทำเพื่อป้องกันตัวเอง ?
ตอบ : ศาลจะพิจารณาเอง

ถาม : ถ้า ...(ไม่ชัด)... แล้วเราต่อยกลับ กลายเป็นว่าเราต่อยก่อน ?
ตอบ : แล้วเขาเรียกว่าป้องกันไหม ?

ถาม : ป้องกันไม่ให้เขามาต่อยเราครับ ?
ตอบ : ในสายตาชาวบ้านแล้ว คุณทำร้ายเขาก่อน

นายกระรอก
14-05-2019, 22:31
ถาม : …(ไม่ชัด)... ป้องกันตัว ?
ตอบ : ถ้าสมมติว่าอาตมาตอนนี้คิดว่า ไอ้นี่อยู่ต่อไปนาน ๆ ต้องคิดร้ายกับกูแน่เลย เพราะฉะนั้น..กูฆ่ามันซะตอนนี้ก่อน แล้วคุณจะรับได้ไหม ?

ถาม : หมายถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นเฉพาะหน้าแล้วเขาทำเรา ?
ตอบ : ถ้าหากว่าทำเราแล้ว ก็ถือว่าป้องกันตัวโดยทางโลก แต่คราวนี้ดูด้วยว่ากำลังใจของเราตอนนั้นเป็นอย่างไร ? ถ้าหากว่าประกอบไปด้วยโทสะ โทษก็มาก ศาลอาจจะตัดสินว่าคุณป้องกันตัว แต่โทษทางธรรมไม่ใช่อย่างนั้น

ถาม : ทางธรรมโทษเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่า ต้องดูใจของเราตอนนั้น

ถาม : ถ้าเราใจเย็นละครับ แต่ว่าเขาตาย ?
ตอบ : สัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ไหม ? เรารู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ไหม ? เราตั้งใจฆ่าไหม ? เราลงมือฆ่าหรือเปล่า ? เราฆ่าสำเร็จหรือเปล่า ? โทษก็เป็นไปตามส่วน

นายกระรอก
14-05-2019, 22:32
ถาม : การที่เจ้านายกดขี่เรา จนเรารู้สึกว่าเราทำกรรมเอาไว้ หรือว่าเราบุญน้อยกว่าเขาถึงโดนกดขี่ ?
ตอบ : ไม่เคยสร้างกรรมเอาไว้ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะมาไม่ถึงเราหรอก

ถาม : ไม่เกี่ยวว่าเราบุญน้อยกว่าเขาใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้เกี่ยว แล้วทำไมคนอื่นบุญน้อยแล้วเขาสงเคราะห์ ส่วนเราบุญน้อยแล้วโดนกดขี่ ?

นายกระรอก
14-05-2019, 22:35
ถาม : ปีนี้ทอดกฐิน ๓ วัดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : วัดเดียว วัดอื่นปล่อยให้เขายืนด้วยตัวเองบ้าง ถ้ามัวแต่ไปสงเคราะห์อยู่ตลอด ไม่มีเราเขาจะอยู่ไม่ได้

เพราะฉะนั้น..เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานพยายามเลี้ยงแบบนี้ คือให้เขายืนด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด ไม่มีเราแล้วเขาต้องอยู่ได้ จำไว้เลยนะ ถ้าไม่มีเราแล้วเขาอยู่ไม่ได้ ก็ปล่อยให้ตายไปเลย..!

นายกระรอก
14-05-2019, 22:42
พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าพวกเราทุกคนคิดอยู่เสมอว่า เราจะตายแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ทนไม่ได้ คือความรู้สึกนี้อยู่ในลักษณะที่ว่า เราจะตายพ้นไปจากตรงนี้แล้ว หรือไม่ก็ถ้าคิดยาวหน่อยก็คือ เราอยู่ได้แค่วันนี้ พรุ่งนี้จะมีหรือไม่ก็ช่าง เพราะฉะนั้น...ถ้าหากว่าเราคิดถึงมรณานุสติคือความตายเป็นปกติ จะปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ลงได้อีกมาก

แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องมองให้เห็นว่า ธรรมดาของทุกอย่างเป็นเช่นนั้น อะไรเกิดขึ้นกับเราก็ธรรมดา...เราทำเราถึงได้รับ ส่วนที่ดีเกิดขึ้น ก็ไม่ยินดีจนเกินไป ส่วนที่ไม่ดีเกิดขึ้น ก็ไม่ยินร้ายจนเกินไป วางกำลังใจให้เป็นกลาง ๆ ถึงเวลาไม่หวั่นไหว ความทุกข์ก็กินเราได้น้อย

ส่วนใหญ่เราทุกข์เพราะความคิดตัวเอง ในเมื่อเราคิดแล้วทุกข์ ทำอย่างไรจะหยุดคิดได้ ? ถ้าหยุดโดยตรงลำบาก ก็หาสิ่งดี ๆ มาคิด อย่างเช่นว่า คิดถึงความตายบ้าง คิดถึงพระบ้าง คิดถึงพระนิพพานบ้าง สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป ให้แต่ละเวลามีงานให้ใจทำ ก็จะไม่ฟุ้งซ่านไปสร้างความทุกข์ให้กับเราอีก”

เถรี
18-05-2019, 21:21
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาแวะไปหาท่านอาจารย์บ๊ะ เจอญาติโยมเก่า ๆ ของวัดท่าซุงที่ไม่ได้เจอกันมา ๒๐-๓๐ ปี ก็ปรากฏว่ามีโยมคนหนึ่งเห็นอาตมาเฉย ๆ ก็ตัดสินใจเข้ามาทัก ถามว่าจำได้ไหม ? อาตมาก็บอกชื่อไป เขาก็ดีใจว่าอุตส่าห์อธิษฐานขอกับพระไว้ว่า ถ้าเป็นอาตมาจริงขอให้ทักเขาด้วยการออกชื่อ อาตมาก็ว่าไอ้นี่หาเรื่อง กลัวว่าพระจะว่างเกินไป เล่นจับพระเป็นตัวประกัน..!

ส่วนอีกรายหนึ่งบอกว่า ก็จำเขาได้แล้วทำไมไม่ทัก ? มายืนอยู่ตรงหน้าแล้วยังอุตส่าห์มาเคี่ยวเข็ญให้ทักเขาสิ ๆ อาตมาก็ได้แต่นึกในใจว่าแล้วกูจะทักไปทำไม ?

เรื่องของพระเรามีศีลอยู่ข้อหนึ่งที่ว่า ห้ามประทุษร้ายตระกูลด้วยการประจบคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น..ญาติโยมหลายคนอาจจะเห็นว่าอาตมาค่อนข้างจะแล้งน้ำใจ ไม่ค่อยจะทักทายพูดคุยกับใคร เพราะกลัวว่าจะเป็นการประจบคฤหัสถ์ แต่ที่น่าเสียดายกว่านั้นก็คือ โยมชุดนี้อยู่มาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง จนหลวงพ่อมรณภาพ อยู่มาในยุคของหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ จนท่านเจ้าคุณมรณภาพ ป่านนี้ก็ยังเหมือนเดิม

คำว่า เหมือนเดิม ก็คือไม่ได้ไปไหนไกลกว่าเดิมเลย โดยเฉพาะมาบ่นให้อาตมาฟัง พออาตมาบอกวิธีแก้ไขให้ก็ไม่ฟัง แต่เถียงแทน ถ้าลักษณะอย่างนี้ทางญี่ปุ่นเขาถือว่า ทำตัวเป็นคนน้ำชาล้นถ้วย เติมอะไรก็ไม่เข้า ก็แปลว่าชาตินี้อย่าหวังว่าจะก้าวหน้าไปกว่านั้น"

เถรี
18-05-2019, 21:22
"ในลักษณะของความเป็นสงฆ์อยู่ในอุดมเพศ คือฐานะที่สูงกว่า เขาเห็นเขาจำได้ เขาควรจะทักพระ แต่กลับแบกเอากิเลส คือสักกายทิฐิมาเต็มตัวว่า พระต้องทักเขาก่อน

ประการที่ ๒ ก็คือ เวลาติดขัดหลักธรรมที่ไหน บอกไปแทนที่จะฟัง กลับแบกกิเลสประมาณว่าอยู่กับหลวงพ่อมา ๒-๓ รูปแล้ว กูรู้มากแล้ว ไม่ได้คิดจะฟัง ไม่ได้คิดจะทำ สรุปก็คือเขาบ่นให้เหนื่อยเฉย ๆ ไม่ได้ต้องการคำแก้ไขอะไรจากอาตมา เจอลักษณะอย่างนั้นอาตมาก็เลยนั่งอ่านหนังสือ ปล่อยเขาพูดไปฝ่ายเดียว

ต้องบอกว่าน่าเสียดาย เพราะว่าระยะเวลาที่ผ่านไป ๆ นอกจากไม่ได้อะไรแล้ว ยังดูเหมือนจะเพิ่มกิเลสให้มากขึ้น เพราะถือว่าเป็นคนรุ่นเก่า มีความอาวุโสในการเข้าวัดเข้าวามากกว่าคนอื่น ก็คงต้องปล่อยให้เป็นทางใครทางมัน"

เถรี
18-05-2019, 21:28
พระอาจารย์กล่าวว่า "โบราณเขาทำมีดหมอ เขาจะทำเป็นมีดโต้ เพราะว่าจุดประสงค์แรกของมีดหมอเอาไว้รักษาโรค จนกระทั่งเรียกติดปากกันว่ามีดหมอ ที่ทำเป็นมีดโต้เพราะมีเคล็ดว่าย้อนกลับ ตอบโต้ หรือไม่ก็ส่งคืน ถ้าไปเห็นมีดหมอรูปมีดโต้ที่ไหนก็ให้คว้าเอาไว้ก่อน"

เถรี
18-05-2019, 21:40
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานอาตมาไปเพชรบุรี งานวันเกิดพระครูวัชรสุวรรณาทร ด็อกเตอร์ร่วมรุ่น ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี ขากลับรถติดจนท้อใจ เมื่อวานปิดถนนไม่กี่สายยังกระทบจนขนาดนี้ เพราะฉะนั้น ๒-๓ วันนี้อาตมาตั้งใจว่าจะไม่ขยับออกไปไหนเลย

บ้านเราความสิ้นเปลืองมากที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ ก็คือภาวะรถติด เพราะว่ารถทุกคันผลาญแก๊สผลาญน้ำมัน สร้างความร้อนให้กับบรรยากาศไม่หยุดยั้ง สาเหตุเกิดจากพื้นที่ใช้สอยบนท้องถนนของเรามีไม่พอกับจำนวนรถ แค่โดนปิดถนนแล้วรถไม่สามารถจะเลื่อนไหลได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น ก็มีผลกระทบเป็นวงกว้างขนาดนี้

เคยพูดหลายต่อหลายครั้งว่า เราควรจะสร้างระบบขนส่งสาธารณะให้มีความคล่องตัวมากกว่านี้ แต่ก็ไม่มีรัฐบาลไหนที่ตั้งใจทำจริง ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้าทำแล้วบริษัทรถยนต์ที่เป็นกระเป๋าให้กับพรรคการเมืองจะขายรถไม่ได้"

เถรี
18-05-2019, 21:42
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงเดือนที่แล้วตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ประมาณ ๒ อาทิตย์ต่อเนื่อง อากาศร้อนแบบวิปริต ถามว่าร้อนแบบวิปริตอย่างไร ? คือร้อนกว่าปกติที่เคยเจอ ที่หลายคนบอกว่าน่าจะเป็นคลื่นความร้อน แต่ทางด้านกรมอุตุนิยมวิทยาก็ยืนยันว่าเป็นเพียงความร้อนสะสมธรรมดา

อาตมาอยากจะบอกว่าไม่ธรรมดา...ร้อนสาหัส แต่ไม่กล้าบอกว่าร้อนที่สุด เพราะมั่นใจว่าที่ร้อนกว่านี้ยังมีอยู่ เดี๋ยวก็จะมา ในพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ถ้าหากว่าดวงอาทิตย์ขึ้นครบ ๗ ดวง ไฟบรรลัยกัลป์ก็จะล้างโลก อันนี้ขึ้นมาดวงหนึ่งกับอีกหน่อยหนึ่งก็แย่แล้ว เพราะว่าดวงอาทิตย์ดวงที่สองตอนนี้ลักษณะเหมือนสุริยุปราคาเต็มดวงที่ทิ้งขอบไว้หน่อยหนึ่ง ก็คือมีขอบชั้นนอกแดง ๆ เกิดจากแก๊สที่เริ่มลุกไหม้ อากาศยังร้อนได้ขนาดนี้ ถ้าหากว่าตัวเชื้อเพลิงทั้งหมดของดวงอาทิตย์ดวงที่สองประทุขึ้นมาเต็มที่ ยังไม่รู้เลยว่ามนุษย์เราจะล้มตายไปอีกเท่าไร

ยังไม่ทันจะครบ ๗ ดวงเลย แค่ดวงที่สองที่ส่งความร้อนเพิ่มมาได้หน่อยเดียวก็แย่แล้ว"

เถรี
18-05-2019, 21:42
"ดวงอาทิตย์ดวงนี้ออกสีส้มแดง ถ้าเชื้อเพลิงทำปฏิกิริยาลุกไหม้มากกว่านี้ ดวงอาทิตย์ก็จะเป็นสีส้มเหลือง ถ้าอย่างนั้นความร้อนจะเพิ่มขึ้นอีกมาก แต่ในจักรวาลอื่นมีดวงอาทิตย์อยู่ดวงหนึ่งที่สว่างมาก ๆ สามารถมองจากดวงดาวของเราได้ แต่ก็คงต้องใช้กล้องดูดาวที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ๆ

มีอยู่ดวงหนึ่งสวยมาก สีเหมือนพลอยไพลินสะท้อนแสง สีน้ำเงินจ้าเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นไพลินทั้งดวงหรือเปล่าถึงได้สวยขนาดนั้น"

เถรี
19-05-2019, 07:22
พูดถึงมีดหมอที่ญาติโยมเอามาให้ช่วยดู "มีดหมอหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว ส่วนเล่มนี้เป็นรุ่นท้าย ๆ ของหลวงพ่อรุ่ง ความเก่าใกล้เคียงกัน แต่หลวงพ่อกันท่านมารยาทดี ไม่ทำอะไรทับรอยครูบาอาจารย์ หลวงพ่อกันทำใบมีดเป็นสเตนเลส

ยุคหลัง ๆ ทางโรงงานผลิตกันอย่างเป็นทางการ พวกแหมที่รัดปลอกค่อนข้างจะดูดี ไม่เหมือนกับของหลวงพ่อรุ่งรุ่นแรก ๆ ที่ตีด้วยมือเสียส่วนใหญ่ คราวนี้พอยุคท้าย ๆ ของหลวงพ่อรุ่งเริ่มใช้แหมที่รีดจากโรงงานแล้วก็ดูดีขึ้นมา เพราะฉะนั้นต้องดูใบมีดเป็นหลัก ใบมีดจะมีสนิมขุมลักษณะนี้ ถ้าเล่มไหนประเภทขาววับใหม่มาเลยนี่ ออกห่าง ๆ อย่าไปแตะ และโลหะอาถรรพ์ที่เขาฝังอยู่ ถ้าหากว่าเป็นรุ่นเก่า ความเก่าของทองเหลืองทองแดงแล้วก็เงินจะมี...ดูง่าย"

เถรี
19-05-2019, 07:25
"ถ้าดูเนื้อโลหะเก่าไม่เป็นก็ดูของจริงสักเล่มหนึ่ง ก็จะชินตาไปเอง คนนครสวรรค์เขาบอกว่ามีดหมอหลวงพ่อรุ่งมีเอาไว้ใช้ เพราะในท้องตลาดราคาต่ำกว่าของหลวงพ่อเดิม ๔-๕ เท่า ส่วนมีดหมอหลวงพ่อเดิมมีเอาไว้ขาย

ครูบาอาจารย์เดียวกัน แล้วหลวงพ่อรุ่งเป็นศิษย์รุ่นพี่ด้วย ทำมีดหมอสำเร็จก่อน หลวงพ่อเดิมต้องไปศึกษาต่อจากหลวงพ่อรุ่ง หลังจากที่ศึกษาจากหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้วมาแล้ว หลวงพ่อรุ่งทำสำเร็จก่อน แต่ที่ของหลวงพ่อรุ่งไม่ดังเท่า เพราะว่าวัดท่านอยู่ลึก...อยู่ในป่า หมู่บ้านเดิมแห้งแล้ง ท่านพาชาวบ้านอพยพยกไปทั้งหมู่บ้านเลย ไปสร้างหมู่บ้านใหม่ที่หนองสีนวล เพราะคนโบราณไม่มีน้ำก็อยู่ไม่ได้ ไปสร้างที่หนองสีนวลอย่างไรก็มีน้ำแน่นอน

อยู่ลึกคนเข้ายาก ไม่เหมือนของหลวงพ่อเดิม ของหลวงพ่อเดิมวัดอยู่ติดทางรถไฟเลย พอลงจากรถไฟคนก็เดินเข้าวัด คนก็แห่กันไปวัดจะแตก แต่ถ้าจะว่ากันเรื่องฝีมือก็ไม่ได้ทิ้งกัน เพียงแต่ของหลวงพ่อเดิมโอกาสดีกว่า อยู่ในที่เจริญกว่า คนนครสวรรค์ก็เลยสบายใจมาก เก็บมีดหมอหลวงพ่อรุ่งไว้ใช้ เก็บมีดหมอหลวงพ่อเดิมไว้ขาย มีดหมอหลวงพ่อรุ่งเต็มที่สวย ๆ ก็ ๔๐,๐๐๐-๕๐,๐๐๐ บาท ของหลวงพ่อเดิม ๒๐๐,๐๐๐-๓๐๐,๐๐๐ บาท"

เถรี
19-05-2019, 07:27
"แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบของเก่าจะไม่ค่อยชอบมีดหมอหลวงพ่อรุ่ง เพราะว่าตีมือ แม้กระทั่งโลหะรัดปลอกที่เรียกว่าแหมก็ตีด้วยมือ แล้วถ้ายิ่งเอาขาปิ่นโตมาตีด้วยละก็...แต่ละอันนี่บุบบิบบู้บี้ดูไม่ได้เลย แต่อาตมาชอบ มีความเป็นธรรมชาติ เป็นฝีมือคนทำ เป็น Handmade แบบชาวบ้าน

เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอามีดหมอหน้าตาประหลาด ๆ ของหลวงพ่อเดิมมาให้ดูหนึ่งเล่ม วางจำหน่ายสัก ๕๐,๐๐๐ บาท ดูว่ามีใครรู้จักของไหม ? เพราะเล่มนี้ทั้งใบมีดทั้งฝักหลวงพ่อเดิมจารหมด เป็นทรงที่ไม่ค่อยมีใครเห็น จำลายมือหลวงพ่อเดิมได้ ถ้ามารุ่นหลังที่พวกช่างฉิม ช่างสอน ช่างไข่ ช่างแม้นทำนี่จะมีรูปทรงตายตัวแล้ว รุ่นแรก ๆ ก็ชอบแบบไหนทำแบบนั้น

แต่ว่ารุ่นแรก ๆ จะได้เปรียบตรงที่ว่า ใบมีดจะเป็นโลหะอาถรรพ์ที่ผสมตามตำรามหาศาสตราคม เพราะฉะนั้น...มีดหมอหลวงพ่อรุ่งส่วนใหญ่เป็นโลหะผสมหมด มีดหมอหลวงพ่อเดิมรุ่นหลัง ๆ พอคนต้องการมาก ต้องใช้เหล็กแหนบธรรมดาบ้าง เหล็กรัดล้อเกวียนบ้างมาตีขึ้นรูป เหลือตอนท้ายที่หลวงพ่อเดิมท่านบรรจุตะกรุดแล้วก็ผงวิเศษไว้ที่ด้าม ขั้นตอนนี้ยังไม่ทิ้ง เพราะฉะนั้น...มีดหมอหลวงพ่อเดิมก็เลยขลังทุกเล่ม ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่โลหะผสม ส่วนของหลวงพ่อรุ่งหายากหน่อย เพราะว่าโลหะผสมเกือบทุกชิ้น"

เถรี
19-05-2019, 07:28
"แล้วก็มีอยู่รุ่นหนึ่งที่หลวงพ่อเดิมทำรุ่นแรก ๆ เลย เอาขึ้นเกวียนไปหนองสีนวล ไปร่วมเสกกับหลวงพ่อรุ่ง รุ่นนั้นทรงคล้าย ๆ กันหมด แต่หลวงพ่อเดิมจะใส่ยันต์องค์พระไปด้วย ปกติของหลวงพ่อรุ่งไม่มี ถ้าหากว่าเห็นรูปร่างลักษณะเก่า บางทีมีฝังโลหะแก้อาถรรพ์ ดูเหมือนของหลวงพ่อรุ่งทุกอย่าง แต่มียันต์องค์พระ ให้รู้ว่าเป็นมีดหมอที่ทั้ง ๒ องค์ทำร่วมกัน"

เถรี
19-05-2019, 07:42
พระอาจารย์กล่าวถามว่า "ในนี้มีใครเกิดก่อนปี ๒๔๙๓ บ้างไหม ? ถ้าไม่มีแปลว่าเริ่มย่างขึ้นแผ่นดินที่ ๒ เพราะว่าในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ถ้านับแล้วครองราชย์เป็นปีที่ ๔ นับตั้งแต่วันที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคต เพราะว่าเต็ม ๓ ปีช่วงเดือนตุลาคมปี ๒๕๖๑ คราวนี้พอถัดจากตุลาคม ๒๕๖๑ ก็เริ่มเป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลที่ ๑๐

ตอนนี้ก็มีสมเด็จพระราชินีแล้ว หลังวันที่ ๔ ก็จะเป็นสมเด็จพระบรมราชินี เพราะว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังไม่เข้าพิธีบรมราชาภิเษกก็ยังเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พอเข้าพิธีบรมราชาภิเษกก็เป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชินีก็จะเฉลิมพระนามาภิไธยเป็นสมเด็จพระบรมราชินี ฝรั่งเขาเรียกง่าย ๆ ว่า Queen Suthida ก็จบ ส่วนบ้านเราชื่อยาว

ใครมีข้าวของอะไรเกี่ยวกับพิธีบรมราชาภิเษกเก็บไว้เป็นที่ระลึกบ้างนะ เพราะว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีพิธีบรมราชาภิเษกให้เราได้ดูกัน"

เถรี
19-05-2019, 08:24
"ญาติโยมท่านใดช่วงนี้อยู่กับบ้านเปิดโทรทัศน์ดูพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วยนะ ไม่ใช่ของที่ได้เห็นกันง่าย ๆ อาตมานี่ ๖๐ ปีแล้ว เพิ่งได้เห็นครั้งนี้แหละ ถ้ามีโอกาสจะไปโหลดเก็บเอาไว้ด้วย เพราะว่าพระราชพิธีเก่า ๆ เป็นภาพ ๘ มิลลิเมตรสมัยก่อน ถึงเวลาต้องใช้มือหมุนกล้องเพื่อถ่าย ภาพจะกระตุก ๆ แบบตัวการ์ตูน จะมีครั้งนี้แหละที่เทคโนโลยี 5G ปรากฏแล้ว น่าจะดีที่สุด

ทุกอย่างออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ได้ เมื่อดูแบบจนกระทั่งเป็นที่พอใจแล้วก็ค่อยไปจัดขบวนตามแบบ แล้วครั้งนี้จะมีขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ก็คือไปทางถนน เสด็จวัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามหลายชั่วโมงอยู่ เพราะว่าจากพระบรมมหาราชวังไปวัดบวรนิเวศวิหารก็น่าจะตกชั่วโมงเศษ ๆ จากวัดบวรฯ มาวัดราชบพิตรฯ ก็น่าจะถึง ๒ ชั่วโมง ส่วนวัดราชบพิธฯ ไปวัดโพธิ์ครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึงแล้ว เพราะว่าอยู่ใกล้ ๆ กัน

ทางชลมารคคือไปโดยทางน้ำ สถลมารคไปโดยถนน กลอนเขาว่า ถนนสถลมารค อีกคลองหลากล้วนแลงาม รุ่งเรืองดังเมืองราม จักรพรรดิฉัตรสากล ฯ พวกเราไม่เคยได้ยินก็ว่าสถลมารคคืออะไร ? มารคตัวนี้ก็คือ มรรค หรือมัคคะ ที่แปลว่าทาง ถล แปลว่าพื้นดิน ชลคือน้ำ ตอนนี้ถลมารคก็คือทางพื้นดิน เมื่อไรจะมีขบวนพยุหยาตราทางอากาศบ้าง ? ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน น่าจะลองดูนะ F16 มีกี่ลำเอาออกมาให้หมด"

เถรี
19-05-2019, 08:26
"อย่าทำเป็นเล่นไปนะ ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ชั่วโมงบินขับเครื่อง F5 นี่น่าจะเกิน ๒,๐๐๐ ชั่วโมง เพียงแต่ว่าพระวรกายไม่ผ่านการตรวจสอบในระดับขับ F16 ได้ F16 นี่แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง ที่เราเรียกว่าแรง G (Gravitation) ถึงระดับ ๙ ในขณะที่ร่างกายคนทนได้เต็มที่แค่ ๗

ในเมื่อไม่ผ่านการทดสอบแล้วพระองค์ท่านก็สำคัญขนาดนั้น ก็ไม่มีใครกล้าให้ไปทรงเครื่อง F16 ไม่คุ้มอย่างแน่นอน ถามว่าแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางรุนแรงขนาดไหน ? ก็ดูแค่รถชน เรานั่งรถมาดี ๆ รถชนโครม แรงกระแทกเท่านั้น อวัยวะภายในฉีกขาด เลือดตกข้างในตายมาเยอะแล้ว เสร็จแล้วร่างกายของคนทนแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางได้เต็มที่แค่ 7G นี่หมายถึงคนที่แข็งแรงสุด ๆ แต่ F16 นี่แรงเหวี่ยงถึง 9G พลาดเมื่อไรมีสิทธิ์ตาย

พระองค์ท่านขับ F5 สะสมชั่วโมงบินมา แล้วก็เคยทรงขับเครื่องบินพาณิชย์มาหลายรอบ พวกเราคงจะเคยได้ข่าวที่พระองค์ท่านพาคณะเดินทาง โดยทรงขับเครื่องบินพาณิชย์ด้วยพระองค์เอง ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่า ๒ ครั้งด้วยกัน เป็นในหลวงที่ทรง Active มาก ๆ แต่ว่ายุคนี้ของเราเรื่องการรบการทหารมีน้อย ส่วนใหญ่ต้องต่อสู้กันทางเศรษฐกิจมากกว่า"

เถรี
19-05-2019, 08:32
กล่าวกับลูกศิษย์ที่จะบวช "ถ้าไม่เด็ดขาดก็อย่างนี้ทั้งชาติ เขาเรียกว่าเกรงใจ กลัวกิเลสจะเศร้าหมอง ถ้าเป็นความคิดของตู...ก็สมควรตาย...!

ตราบใดที่เราเปิดทางถอยให้กับตัวเอง เราจะไม่สู้จริง ถ้าอยากจะสู้จริงต้องไม่เปิดทางถอยให้ตัวเอง ไอ้ประเภทบวช ๆ สึก ๆ อาตมาก็เลยไม่ค่อยจะเห็นด้วย แต่ก็เอาเถอะ...ถ้ากำลังใจมีแค่นั้นก็เอา

อาตมาเองตั้งใจบวช ๗ วันแท้ ๆ เลย สมบัติทุกอย่างโละให้คนอื่นหมด กลับไปจะเริ่มต้นจากศูนย์ เขาเรียกว่าปิดทางถอยตัวเอง ถ้าเราขี้เกียจก็จะไม่กล้าไป แต่ขอบอกว่าอย่าเลียนแบบนะ...ยาก ถ้าไม่บ้าจริงอยู่ไม่ได้"

เถรี
19-05-2019, 08:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้บ้านเรากำลังเห่อกัญชา ความจริงยาไทยโบราณเข้ากัญชาเยอะมาก...สารพัด โดยเฉพาะถ้าต้องการให้คนไข้กินได้นอนหลับ พวกผอมแห้งแรงน้อยถ้าไปเจอยาเจริญอาหารใส่กัญชาทั้งนั้นแหละ เพียงแต่เขาไม่ได้บอกเรา

กัญชาบ้านเราอยู่ในฐานะของยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ก็เลยทำให้ติดขัดข้อกฎหมาย คราวนี้พอมีแนวโน้มว่าจะมีกฎหมายออกมาอนุญาตให้ปลูกกัญชาได้ ก็มีพวกประเภทนำหน้าไปก่อนทั้งที่กฎหมายยังไม่อนุญาต ทำการทดลองกันอย่างเปิดเผย ก็แปลว่าคุณกำลังหาเรื่องเดือดร้อน เพราะว่ายังผิดกฎหมายอยู่

ต่อให้กฎหมายแม่ปลดล็อกให้แล้ว ก็ยังต้องรอกฎหมายลูกว่าอนุญาตให้ใครบ้างที่ปลูกกัญชาเสรีได้ หรือว่าปลูกโดยจำกัดจำนวน ใครที่มีอาชีพอะไร หรือหน่วยงานไหนที่จะได้รับอนุญาต คราวนี้คนเราไม่ค่อยฟัง พอได้ยินว่ากฎหมายอนุญาตก็ใส่เลย ก็โดนจับบ้างอะไรบ้าง เดือดร้อนหาว่าโดนกลั่นแกล้งกัน แต่อาตมายืนยันนะ บ้านเราไม่ทันนายทุนหรอก นายทุนกับนักการเมืองเขาปลูกกันเป็นพัน ๆ ไร่รออยู่แล้ว"

เถรี
19-05-2019, 08:39
"อาตมาไปปากีสถานเจอเป็นดงเลย ถามนายคาชาน ฟารุก เป็นไกด์ท้องถิ่น คาชานไม่รู้จัก ถ่ายรูปมาเปิดให้เขาดู เขาบอกไม่รู้จัก บอกว่า Smoke Grass ไม่รู้จัก พอบอกมาลีฮวนน่านี่วิ่งหาเลย มาลีฮวนน่า (Marijuana) เป็นภาษาสเปน แปลว่ากัญชา

ก็แสดงว่าในสถานที่ที่ไม่มีคนรู้จัก เขาก็ไม่ได้สนใจกัน ปล่อยอีเหละเขละขละขึ้นเป็นดงเชียว เพราะว่าทางด้านปากีสถานเขาสนใจฝิ่นมากกว่า พื้นที่เหมาะสมที่จะปลูกฝิ่นได้ อย่างตามพวกแนวเขา โดยเฉพาะด้านที่ติดทางด้านประเทศจีน แล้วก็ย้อนมาทางด้านทางพม่าทางไทย เป็นแนวเขาที่เหมาะจะปลูกฝิ่นมากที่สุด

กัญชาขายราคาสู้ฝิ่นไม่ได้ก็เลยไปสนใจฝิ่นกัน ปล่อยกัญชาขึ้นเป็นดง อาตมาไปไหนเช้า ๆ นี่ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยหรอก โรงแรมเขานัดกินอาหารเช้า ๗ โมง เราตื่นตั้งแต่ตี ๓ กว่าจะถึง ๗ โมงเดินเสียทั่วเมือง ไปเจอเข้าก็ถ่ายรูปเอาไว้ เอามาให้ดูเขาดันไม่รู้จัก แล้วถามว่าอาตมารู้จักได้อย่างไร ? โถ...เด็กบ้านนอกไม่มีใครหรอกที่ไม่รู้จักกัญชา"

เถรี
19-05-2019, 08:43
"ในความเห็นของอาตมา ถ้าบ้านเราปลูกก็ยังต้องควบคุม เพราะว่าถ้าปลูกเสรีเมื่อไร พวกไม่รู้จักมัชฌิมาปฏิปทามีเยอะ ถึงเวลากฎหมายอนุญาตก็ใส่กันเต็มที่ ได้เสียผู้เสียคนกันหมด

การไม่รู้ความพอเหมาะ พอดี พอควร ทำอะไรก็มักจะเดือดร้อน เราลองไปนึกดูว่าถ้าอนุญาตให้ปลูกกัญชาเสรี ส่งออกต่างประเทศ จะทำเขาเดือดร้อนกันขนาดไหน ? ทุกวันนี้จับได้แต่ละครั้งก็เป็นตัน โดยเฉพาะส่วนที่น่ากลัวคือยาไอซ์ ไอซ์ที่แปลว่าน้ำแข็ง เป็นเกล็ดใส ๆ ของรุ่นอาตมามีแค่ผงขาว ก็คือเฮโรอีนซึ่งสกัดมาจากฝิ่น คนสูบฝิ่นยังติดงอมแงมโงหัวไม่ขึ้น อันนี้มาเป็นเฮโรอีนก็หนักกว่าหลายเท่า เพราะว่าสกัดมาจากฝิ่น ยาไอซ์นี่เฮโรอีนบริสุทธิ์ ลองครั้งเดียวติดเลย เพราะฉะนั้น..ใครชวนลองยาไอซ์โปรดทราบ...กำลังหาเรื่องใส่ตัวแล้ว เพราะว่าครั้งเดียวก็ติด"

เถรี
19-05-2019, 20:50
"ส่วนทางด้านยุโรปอเมริกาเขาจะชอบโคเคนมากกว่า เพราะว่าบ้านเขาปลูกต้นโคคากันเป็นปกติ เพียงแต่เวลามาสกัดเป็นยาเสพติดพวกโคเคนถึงจะเกิดโทษ ถ้าเราสังเกตดูบรรดาดาราฮอลลีวูดดัง ๆ เสียผู้เสียคนมาเยอะมากแล้ว พอถึงเวลาเกิดความเครียดแล้วหาทางออกไม่ได้ ก็ไปลองยาเสพติดพวกโคเคน ไมเคิล แจ็กสัน พอเครียดก็เปลี่ยนหน้าตัวเอง ลองเอารูปไมเคิล แจ็กสันล่าสุดกับรูปสมัยหนุ่ม ๆ มาสิ ต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว

จะว่าไปแล้วไมเคิล แจ็กสัน ไปผิดทาง เขารู้สึกถึงความไม่สงบลึก ๆ ในใจตัวเอง ไม่ยินดี ไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ก็ไปคิดว่า ถ้าหากว่ารูปร่างหน้าตาตัวเองได้อย่างใจก็คงจะยินดี ชอบใจ พอใจ แล้วใจจะสงบ โดยที่ไม่รู้ว่าความสงบต้องเกิดจากภายใน คือจิตใจของตัวเอง ไม่ใช่ความสงบเกิดจากภายนอก คือรูปร่างหน้าตา ก็เลยไปผ่าตัดดัดแปลงตัวเองเสียจนพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซที่ทำหุ่นขี้ผึ้ง ต้องบ่นทุกครั้งที่ไมเคิล แจ็กสัน ทำหน้าใหม่ เพราะว่าเขาต้องไปแก้หุ่นขี้ผึ้งให้มีหน้าตาตามนั้นอีกแล้ว"

เถรี
19-05-2019, 21:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครเป็นความดันต่ำช่วงนี้อย่าไปเดินตากอากาศบ่อย เพราะว่าอากาศร้อนทำให้เส้นเลือดขยายตัว เราลองคิดดูว่าเส้นเลือดปกติความดันต่ำก็ดันไม่ค่อยจะขึ้นอยู่แล้ว อยู่ ๆ เส้นเลือดใหญ่ขึ้น จะดันไหวไหม ? จะทำให้เป็นลมแดด ที่เขาเรียก Heat Stroke ล้มทั้งยืนขายหน้าชาวบ้านเขา

สมัยท่านอาจารย์พลตรีเฉลิมชัย เสียงใหญ่ เรียนอยู่ที่อินเดีย ถามท่านอาจารย์ว่าอากาศร้อนขนาดนั้นใช้วิธีไหน ? ท่านบอกว่าเอาผ้าชุบน้ำขึงปิดประตูหน้าต่าง แล้วตัวเองก็เอาผ้าอาบชุบน้ำพันหัว แล้วเดินท่องหนังสือ ท่านบอกว่าแค่พักเดียวผ้าแห้งกรอบเลย บ้านเขาร้อนกว่าเราเยอะ บางแห่งถึง ๕๐ องศาเซลเซียส ของเราแค่ ๔๒-๔๓ องศาเซลเซียส ทำท่าจะสิ้นชีวิตกันแล้ว"

เถรี
19-05-2019, 21:39
"คาดว่านาน ๆ ไปคนเราจะมีกลายพันธุ์ ถามว่าดูจากอะไร ? ดูจากอากาศ การเปลี่ยนแปลงของพืชสัตว์บนโลกเราประกอบไปด้วย พีชนิยาม อุตุนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม

พีชนิยามก็คือ DNA เชื้อจากพ่อจากแม่ หรือเชื้อจากต้นพันธุ์ อุตุนิยามคือดินฟ้าอากาศ ทำไมที่ร้อนที่แล้งต้นไม้มีลักษณะอย่างหนึ่ง ที่หนาวมีลักษณะอย่างหนึ่ง ? ปลูกไม้เมืองหนาวกว่าจะโตแต่ละคืบแต่ละศอกก็หลายปี ปลูกไม้บ้านเราแค่ปีเดียวสูงท่วมหัว ทำไมภาคเหนือเป็นเสือดาว ภาคใต้เป็นเสือดำ ?

ทำไมภาคเหนือภาคกลางเป็นวัวแดง ภาคใต้เป็นวัวดำ ? ทำไมสาวเหนือผิวขาว สาวใต้ดำปี๋เลย ? นี่คืออุตุนิยาม ก็คืออากาศทำให้เป็นไป

กรรมนิยามนี่ตัวเราทำเอง สร้างบุญสร้างบาปเอาไว้มากหน้าตาก็ไปอย่างหนึ่ง คนที่ใจดี ใจเย็น มีศีล มีธรรม เกิดมาก็รูปสวยใจดี พวกปราศจากศีล ปราศจากธรรม ถึงเวลาเกิดมาหน้าตาก็ดูไม่ได้"

เถรี
19-05-2019, 21:41
"ธรรมนิยาม ธรรมชาติกำหนดให้ผ่าเหล่า...บางที่ก็เรียกว่า "ไก่ผิดพันธุ์" ประเภทเกิดมาหน้าตาไม่เหมือนพ่อแม่ ไปเหมือนคนข้างบ้าน เอ๊ย...ไม่ใช่..ตรงนี้พูดผิด หน้าตาต่างจากพ่อจากแม่ ในกฎของเมนเดล ลักษณะเด่น ๓ ต้องมีลักษณะด้อยแทรกอยู่ ๑

ลักษณะด้อยบางทีพัฒนาเป็นสายพันธุ์ใหม่ แบบเดียวกับงูเหลือมทอง จริง ๆ แล้วเป็นลักษณะด้อย เกิดมาแล้วยีนส์ผิดปกติกลายเป็นงูเผือก แต่สวย เขาก็เลยพยายามพัฒนาผสมพันธุ์จนสายเลือดนิ่ง ประเภทออกมา ๑๐ ตัวก็เป็นงูเหลือมทองทั้ง ๑๐ ตัว ไม่กลายเป็นงูเหลือมลายเหมือนเดิม กลายเป็นงูเหลือมทอง

ธรรมนิยามก็คือธรรมชาติกำหนด ก็แบบเดียวกับถ้าเราต้องการผลไม้ที่เหมือนต้นแม่ก็ต้องตอน แต่ถ้าหากว่าต้องการพันธุ์แท้ปลูกด้วยเมล็ด อาจจะมีการกลายพันธุ์ได้"

เถรี
19-05-2019, 21:43
"ส่วนอีกข้อหนึ่งส่วนใหญ่เป็นที่คนและสัตว์ คือจิตนิยาม กำลังใจโหดร้าย กำลังใจเมตตา หน้าตาจะไปคนละทิศคนละทาง รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไป

อุตุนิยามนี่ชัดมาก แอฟริกา..ดำเพราะอากาศร้อน ยุโรป..ผิวขาวเพราะอากาศหนาว เอเชีย..ผิวเหลือง แต่ว่าสมัยนี้การคมนาคมสะดวก นั่งเครื่องบินไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงกันหมด จึงมีการผสมข้ามสายพันธุ์

ผสมข้ามสายพันธุ์นี่ถ้าได้ลักษณะเด่นมาจะดีมากเลย แบบเดียวกับเผ่าอารยันที่ไปยึดประเทศอินเดียตลอดลุ่มน้ำสินธุ จนกระทั่งเผ่ามิลักขะต้องหนีมาลุ่มน้ำคงคา อารยันพวกนั้นเป็นลูกครึ่งยูเรเชีย คือยุโรปกับเอเชีย อพยพข้ามเทือกเขาฮินดูกูฏมาจากทางด้านโน้น...รัสเซีย ถ้าพวกเราไปเที่ยวแถวปากีสถาน แถวอุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน ฯลฯ จะเห็นว่าพวกเขานี่หน้าตาเหมือนฝรั่ง พวกเราจะสงสัยว่าพวกมุสลิมก่อการร้ายเข้าไปในยุโรปในอเมริกา ทำไมจึงเนียนได้ขนาดนั้น เพราะว่าหน้าตาเหมือนกัน ตาสีฟ้า ตาสีเขียว ผิวขาว"

เถรี
19-05-2019, 21:47
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมา "โดนเท" ไม่ได้ไปศรีลังกาแล้ว ทันทีที่ระเบิดตูมขึ้นมา ๖ จุด พวกบริษัททัวร์ก็ยกเลิกการไปหมดเกลี้ยงเลย อาตมาไม่ได้กลัวตายสักหน่อย ดันยกเลิกอาตมาด้วย

ที่ไหนอันตรายนี่อาตมาชอบไปมาก แล้วคิดดูว่าไปปากีสถาน ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาถือปืนกันหมด อย่างไม่มี ๆ ก็ M16 อาก้า ข้างถนนนี่ปูผ้าวางขายเลย บ้านเราน่าจะขายปืนเสรีแบบนั้นบ้างนะ

ความจริงช่วงที่มีก่อการร้ายเป็นช่วงที่น่าเที่ยวที่สุด เพราะว่าทุกอย่างจะราคาถูก เขาต้องการนักท่องเที่ยว บริษัทดันยกเลิก โอนเงินคืนหมดเลย รู้จักพระอาจารย์เล็กน้อยไป ไปพม่าโดนทหารป่าตีคนขับรถเกือบตาย เขาจะยิงทิ้งเสียด้วยซ้ำไป พวกคนที่นั่นก็ใจหายใจคว่ำ ครูบาไทยจะมาอีกไหม ? อีกไม่กี่วันก็ไปอีกแล้ว ไปโดนสายลับพม่าจับที่พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เพราะว่าไปคุยกับคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ไปกับคณะของท่านนายกฯ ทักษิณ เขาแจ้งข้อหารบกวนแขกบ้านแขกเมือง แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่หรอก เขาหาเรื่องจับเพราะคิดว่าเป็นสายลับไทยปลอมบวชไปหาข่าว พอสอบสวนเสร็จปล่อยตัวออกมา ทุกคนในคณะไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวต่อ ส่วนคนโดนจับอย่างอาตมายังไปเที่ยวต่อหน้าตาเฉย"

เถรี
19-05-2019, 21:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครฟังเพลงเฉลิมพระเกียรติของคุณเอกชัย ศรีวิชัยบ้าง ? ความจริงเพลงไพเราะมาก แต่เสียอย่างเดียวที่เขาไปใช้คำว่า พระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ ก็เลยใช้ได้งานเดียว งานถัดไปใช้ไม่ได้แล้ว

ต้องไปดูเพลงสดุดีมหาราชา ต้องแบบนั้นถึงจะใช้ได้ตลอดรัชกาล เขาใช้คำว่า นวมินทร์มหาราชาภูมิพล อันนี้เล่นใช้คำว่าพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ ครองราชย์มา ๔ ปีแล้วยังองค์ใหม่อยู่อีก"

เถรี
19-05-2019, 21:52
พระอาจารย์กล่าวว่า "ประเทศเราทำพิธีบรมราชาภิเษก ก็คือประกาศการขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ ส่วนของญี่ปุ่นพระเจ้าจักรพรรดิสละราชสมบัติให้มกุฎราชกุมาร ตอนนี้สมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิอากิฮิโตะก็เลยกลายเป็น...ถ้าประเทศจีนก็คือ ไท่ซ่างหวง กษัตริย์เหนือกษัตริย์ มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะเสด็จขึ้นเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เฉลิมรัชสมัยเรวะ รัชสมัยเฮเซจบลงแล้ว

แต่ที่ยอดที่สุดต้องโน่นเลย สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก ของภูฏาน สละราชสมบัติให้สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคอร์เซ นัมเกล วังชุก ตอนที่พระองค์ท่านสละราชสมบัตินั้น พระชนมายุเพิ่งจะ ๕๑ พรรษา แต่เห็นว่ามกุฎราชกุมารจิกมีทำหน้าที่แทนได้อย่างแน่นอนมั่นคงแล้วก็สละเลย ตอนนี้อยู่อย่างมีความสุขมาก ไม่ต้องรับผิดชอบงานอะไรแล้ว ลูกชายขึ้นบริหารเอง เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีแต่เนิ่น ๆ

ปรากฏว่าสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีก็เอาแนวคิดและการกระทำ ก็คือพระราชดำริและสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงปฏิบัติกับประชาชน เอาไปใช้งานจริง ๆ สถานที่ซึ่งไม่เคยย่างเหยียบไปถึง พระองค์ท่านก็เสด็จไป สมเด็จพระราชาธิบดีองค์เดิมกลายเป็นผู้ที่มีความสุขมาก ทิ้งภาระให้ลูกชายรับงานแทนทั้งหมด"

เถรี
19-05-2019, 21:53
"เรื่องของพระมหากษัตริย์ อย่างน้อยก็ต้องเคยสร้างบารมีในระดับเนกขัมมบารมีอย่างอ่อนมาแล้วถึงจะเป็นได้ ที่แน่ ๆ มาสายพุทธภูมิทั้งนั้น หลายท่านในเรื่องของบารมี ต้องบอกว่าสร้างบารมีมาจนกระทั่งปรากฏอย่างเด่นชัด สมัยอาตมาใหม่ ๆ ๒-๓ พรรษา น้องชายคือพระครูแสงทำงานอยู่ซาอุดิอาระเบีย เขาบอกว่าประเทศซาอุดิอาระเบียเป็นทะเลทรายแห้งแล้งมาก แต่พอเวลากษัตริย์เสด็จมานี่ฝนตก ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าในเรื่องบารมีของกษัตริย์ที่เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำของชนหมู่มาก ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องสั่งสมบารมีมาในระดับที่เรียกว่า พรหมเทวดาต้องติดตามอารักขา คอยดูแล คอยจัดการ

อย่างในหลวงรัชกาลที่ ๙ สมัยที่ความแตกแยกทางความคิดระหว่างระบบคอมมิวนิสต์กับเสรีประชาธิปไตย มีคนหวั่นเกรงว่าพระองค์ท่านจะโดนเขาลอบปลงพระชนม์ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ โดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณไปยืนยันกับหลวงพ่อวัดท่าซุง บอกว่าพวกท่านเป็นผู้ตามรักษาในหลวงรัชกาลที่ ๙ รับรองว่าจะไม่สวรรคตเพราะเหตุปลงพระชนม์อย่างเด็ดขาด

พระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านรู้แล้วก็นำมาบอกกล่าวกันได้ ผู้นำในแผ่นดินถ้าหากว่าทรงศีลทรงธรรม ประเทศชาติก็สงบร่มเย็น ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชผลก็สมบูรณ์บริบูรณ์"

เถรี
19-05-2019, 22:01
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ถ้าลูกหลานรู้ว่าอะไรเป็นบุญเป็นกุศล ถึงเวลาคนตายก็สบาย พอตายถวายสังฆทานทันที ต้องบอกว่ารับกันต่อหน้าต่อตา ไม่ทันจะรู้ตัวว่าตายเลย จะโดนบุญทับตายซ้ำอีกทีแล้ว...!

ส่วนท่านที่ไม่รู้จักบุญไม่รู้จักกุศล อย่างสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าต้องแนะนำพระเจ้าพิมพิสารทำพิธีปุพพเปตพลี ก็คือทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับคนตาย เพราะว่าสมัยนั้นเขามีแต่บูชายัญ มีแต่บวงสรวงเทพเจ้า ปรากฏว่าพอพระพุทธเจ้าแนะนำทำบุญให้แล้ว บอกให้อุทิศส่วนกุศล

พระเจ้าพิมพิสารด้วยความที่นับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน พวกพราหมณ์นี่เวลาให้อะไรใครก็เอาน้ำรดมือคนนั้น เป็นสัญลักษณ์ว่าฉันให้เธอแล้ว คราวนี้ผีก็ไม่ยื่นมือมาให้รด พระเจ้าพิมพิสารก็เอาน้ำรดมือตัวเอง อุทิศส่วนกุศลให้ อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหตุ ญาตะโย ขอผลบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายจงมีความสุข

พวกเราก็ถือรูปแบบตาม ๆ กันมา ก็เอาน้ำรดมือ รดไปรดมาเปียกมือ ขี้เกียจเช็ดก็เหลือแค่นิ้วเดียว ที่เขาเรียกว่ากรวดน้ำ ถ้าจะเอาถูกต้องตามแบบต้องรดใส่ฝ่ามือเลย ระยะหลังนี้พอหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า แค่เราคิดอุทิศให้ก็ได้แล้ว ก็ไม่ต้องเอาน้ำรดมือให้เสียเวลา คนก็เลิกรดไปจำนวนหนึ่ง เพียงแต่ว่าถ้าอยู่ที่ไหนเขายังนิยมรดก็รดตามเขาไปเถอะ อย่าไปขวางเขา เดี๋ยวมีรายการสงสัยแล้วอธิบายไม่ได้ ก็จะเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันอีก ไปเถียงชาวบ้านเขานี่เหนื่อย

โบราณเขาบอกว่า ขัดถ้วยขัดจานยังขาวสะอาด ไปขัดคอคนไม่ได้อะไรเลย นอกจากจะโดนด่าเอา"

เถรี
19-05-2019, 22:05
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยอยู่วัดท่าซุงมีพระรุ่นน้องชื่อวีรัฐ ไม่รู้ว่าเขียนชื่อผิดหรือเปล่า ? น่าจะชื่อวิรัตน์แล้วนายทะเบียนเขียนผิด วันหนึ่งวีรัฐเดินขากะเผลก หน้าแข้งบวมมาเลย ถามว่าไปโดนอะไรมาวะ ? “เตะโต๊ะครับ” “อ้าว...แล้วเรื่องอะไรไปเตะโต๊ะ?” “นึกจะอยากสึกไปมีเมีย โมโหก็เลยเตะโต๊ะ” พอขาบวมก็ได้สติ เลิกคิดอยากจะสึก

นั่น...โมโหตัวเอง แต่ว่าตอนหลังก็สึกไปจนได้ แสดงว่ากิเลสแรงกว่า"

เถรี
20-05-2019, 21:36
พระอาจารย์กล่าวว่า "ของบางอย่างบางเวลาเหมือนอย่างกับคนไม่เห็นคุณค่า พระพุทธเจ้าบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ พิจารณาดูอุปนิสัยสัตว์โลก เกิดความขวนขวายน้อยว่า หลักธรรมที่บรรลุลึกซึ้งเหลือเกิน สอนไปผู้ฟังก็น่าจะไม่เห็นผล ไม่เกิดผล ท้าวสหัมบดีพรหมต้องลงมากราบทูลอาราธนาว่า สัตว์โลกที่ธุลีในดวงตาน้อยนั้นมีอยู่ จักรู้ทั่วถึงธรรมนั้น ขอพระองค์ได้โปรดแสดงธรรมเถิด ที่บาลีเขาว่า พ๎รัห๎มา จะ โลกาธิปะตี สะหัมปะติฯ เป็นต้น

จากที่เมื่อวานได้กล่าวว่าไปงานพุทธาภิเษกมากขึ้นเรื่อย ๆ คนส่วนมากก็คือยึดติดในวัตถุมงคล เมื่อยึดติดในวัตถุมงคลก็ไม่ค่อยจะเอาธรรมะ อีกส่วนหนึ่งก็หลงระเริงอยู่กับอบายมุข ทั้งละเมิดศีล บอกกล่าวไปก็เหมือนกับตักน้ำรดหัวตอ"

เถรี
20-05-2019, 21:39
"มีอยู่ปีหนึ่ง นานมากแล้ว นิมิตเห็นคนจำนวนหนึ่งไปเที่ยวชายทะเลที่สวยงามมาก มีแหลมทอดยาวลงไปในทะเล คนก็ไปเดินเล่นกัน ส่วนอาตมามองเห็นแล้วใจหาย เพราะว่าแหลมที่ทอดยาวลงไปในทะเลคือจระเข้ตัวใหญ่มหึมา ใหญ่ขนาดคนเห็นเป็นแหลมที่ทอดลงไปในทะเล ใครเดินเข้าใกล้ปากก็โดนงับไปทีละคน ๆ ที่เหลือก็ยังไม่มีใครรู้ ยังคงเดินใกล้ปากไปเรื่อย

อาตมาตะโกนจนเสียงแหบเสียงแห้งก็ไม่มีใครฟัง เขาว่าทิวทัศน์บริเวณนั้นสวยงามที่สุด น่าถ่ายรูปที่สุด เมื่อเอามาประมวลรวมกันว่าพระพุทธเจ้าเกิดความขวนขวายน้อย ไม่อยากแสดงธรรม ก็เพราะว่าคนส่วนมากไม่สนใจที่จะฟังนั่นเอง

การที่คนส่วนหนึ่งเกาะวัตถุมงคล ซึ่งก็ยังดีกว่าเกาะวัตถุอัปมงคล อย่างน้อย ๆ ก็มีเครื่องยึด ถ้ากำลังใจเขาเข้มแข็งขึ้น ปัญญามีมากขึ้น เขาก็จะรู้ว่าของดีกว่านั้นยังมีอยู่ คือ เรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา แล้วก็มาประมวลกับนิมิตหลายปีก่อนที่เห็นคนไปเที่ยวชายทะเล หลงอยู่กับทิวทัศน์อันสวยงาม โดยไม่ได้เห็นว่าจุดที่ตัวเองเดินลงไปเพื่อถ่ายรูปนั้นเป็นจระเข้ที่คอยจับคนกิน

อาตมายังว่าจระเข้ตัวนั้นร้ายกาจมาก หันหลังขึ้นชายหาด ส่วนหัวยื่นออกไปอยู่ในน้ำ ถึงเวลาแล้วมีดิน มีต้นไม้ มีอะไรขึ้น ก็เหมือนอย่างกับเป็นแหลมที่ยื่นลงไปในทะเล"

เถรี
20-05-2019, 21:41
"หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านกล่าวไว้ว่า ครูบาอาจารย์รุ่นเก่าท่านแยกแยะเอาไว้ว่า

อายุพระพุทธศาสนาพันปีแรก มากด้วยพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
พันปีที่สอง มากด้วยพระอรหันต์อภิญญา ๖
พันปีที่สาม คือช่วงนี้ มากด้วยพระอรหันต์วิชชาสาม
พันปีที่สี่ มากด้วยพระอรหันต์สุกขวิปัสสโก
พันปีที่ห้า จะมากด้วยพระอนาคามี

คำว่ามากด้วย คืออย่างอื่นมีอยู่ แต่มีน้อยกว่า คราวนี้คำว่ามากก็ไม่รู้ว่าจำนวนเท่าไร สามร้อยห้าร้อยถือว่ามากไหม ? ถ้าเปรียบกับประชากรโลกเป็นพัน ๆ ล้านคน สามร้อยห้าร้อยนี่ถ้าถือว่ามากก็เวรกรรมพอดี ก็แปลว่าโลกเดินทางไปข้างเสื่อมอยู่เสมอ คือเป็นสังวัฏฏอสงไขยกัป กัปที่กำลังเสื่อม ของเรานี่มาถึงช่วงปลายแล้วจะเป็นสังวัฏฏัฏฐายีอสงไขยกัป ก็คือกัปที่เสื่อมสนิท"

เถรี
20-05-2019, 21:44
"คราวนี้เรามาเกิดอยู่ในยุคกัปข้างเสื่อม ก็ต้องบอกว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง เพราะว่าเห็นทุกข์ได้ง่าย เพียงแต่ปัญญาจะถึงหรือเปล่า ?

ความทุกข์ทุกประเภทปรากฏให้เห็นชัด ๆ ต่อหน้า เอาแค่ฤดูกาลนี้ ก็ไม่รู้ว่าพายุฤดูร้อนถล่มบ้านไปกี่ร้อยกี่พันหลังแล้ว อยู่ดี ๆ ก็บ้านพัง ต้องสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ถ้าหากว่าไม่มีรายได้ก็ต้องกู้หนี้ยืมสิน หรือรอทางราชการมาช่วยเหลือ บรรดาชาวสวนชาวไร่ก็โดนพายุทำลายพืชผล อย่างทางจันทบุรีนี่ทุเรียนหมดไปทั้งสวนเลยก็มี

หรือถ้าจะเอาใกล้ ๆ อย่างในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พวกเราแค่ไปเฝ้าดูพระราชพิธี ในหลวงทรงมีรับสั่งให้ทุกหน่วยงานอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนให้มากที่สุด ถามว่าอำนวยความสะดวกอย่างไรบ้าง ? ที่อยู่ที่กิน ก็แปลว่าเห็นชัด ๆ ถึงความทุกข์ ก็คือความหิวความกระหาย ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ พวกนี้พอบรรเทาได้

แต่ในพระราชพิธีกินพื้นที่กว้างไกลมาก บรรเทาเรื่องอากาศร้อนไม่ได้ ก็แปลว่าอย่างไรเสียก็ต้องแบกรับความทุกข์ไปส่วนหนึ่ง แต่เนื่องจากว่าความปีติที่จะได้เห็นสิ่งที่เห็นได้ยาก ก็อาจจะทำให้มองข้ามความทุกข์ไป เราจะเห็นว่าไม่ว่าใกล้หรือไกล ความทุกข์อยู่กับเราตลอดเวลา เพียงแต่ว่าจะมีปัญญามองเห็นหรือไม่เท่านั้น"

เถรี
20-05-2019, 21:50
มีโยมเอากล้วยมาถวาย "พอเห็นกล้วยแล้วนึกถึงงานบวงสรวงทำบุญประจำปีวัดพุทธบริษัท ตอนนั้นแม่ชีอุษณีเป็นคนดูแลเรื่องเครื่องบวงสรวง โทรถามอะไรก็เรียบร้อยทุกอย่าง ถึงวันจริงปรากฏว่ากล้วยน้ำว้าดิบ มีไก่ ๓ ตัว หัวหมู ๑ หัว...!

พอพระท่านโทรมาบอก อาตมาก็เตรียมชิ่งแล้ว ถ้าลองว่าจัดแบบนี้ละก็ตัวใครตัวมัน เพราะว่าในส่วนของพระ ของเทวดา เครื่องบวงสรวงท่านบอกมาอย่างไรต้องอย่างนั้น โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้า แม่ชีชื่นมาถามว่า "หลวงพ่อ..กล้วยน้ำว้าสุกไม่มี ใช้กล้วยหักมุกแทนได้ไหม ?" บอกว่าแทนได้ แต่ถ้าเอาไปแทน อาตมาก็ไม่ทำบวงสรวงให้หรอก ทำไปเองก็แล้วกัน เพราะว่าของแบบนี้ถึงเวลาคนโดนลงโทษไม่ใช่เขา แต่คืออาตมาเอง

เคยมีเมื่อหลายปีก่อน มีการบวงสรวงใช้หัวหมูเจ แล้วก็ไก่เจ ประเภทต้องบอกว่าหรูดูดีมาก พอถึงเวลาพิธี อาตมาถอยไปยืนข้างหลังเลย ใครจะทำก็ทำไปเถอะ ครูบาเจ้าของงานท่านก็บวงสรวงด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ เพราะว่าเครื่องบวงสรวงบริสุทธิ์มาก ไม่มีเนื้อสัตว์เลย ทุกอย่างเป็นเจหมด

ส่วนอาตมาก็เผ่นไปอยู่ไกล ๆ กูไม่เกี่ยว กูไม่รู้จักมึง หลังจากนั้นไม่นาน ลูกศิษย์ก็พาท่านไปเสยกับสิบล้อเกือบตาย เมื่อรักษาตัวหายมา อาตมาก็ไม่ได้บอกหรอกว่าท่านโดนเพราะอะไร ปล่อยท่านต่อไปเผื่อท่านจะบวงสรวงซ้ำอีกสักที เรื่องแบบนี้ถ้าเรารู้แล้วยังไปฝืน ตั้งใจทำ ในเมื่อตั้งใจฝืน ถึงเวลาโดนลงโทษ ก็ไปโทษใครไม่ได้"

เถรี
20-05-2019, 21:51
ถาม : เวลาบวงสรวงท่านที่จุดธูปจุดเทียน มีกฎอะไร หรือว่ามีส่วนไหนอะไรพิเศษไหมคะ หรือว่าเวลาแจ็คพ็อตจะโดนมากกว่า ?
ตอบ : คนเชิญจะโดน...!

เถรี
22-05-2019, 17:38
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระราชพิธีแต่ละอย่างไม่ใช่ของที่จะได้เห็นกันง่าย ๆ ฉะนั้น..เฝ้าหน้าจอไปเลย ถ้าเฝ้าหน้าจอไม่ได้ก็ไปโหลดจาก YouTube มาเก็บเอาไว้เป็นสมบัติของตัวเอง

ถ้าไม่ได้งานอย่างนี้ เราก็ไม่รู้ใช่ไหมว่า พระมหาสังข์เพชรใหญ่ พระมหาสังข์เพชรน้อย หน้าตาเป็นอย่างไร ? หอยสังข์ที่เขาเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ความจริงเป็นอสูรนะ คราวนี้พออาละวาด พระนารายณ์ก็ตามไปปราบ จับตัวบีบจนเป็นรอยนิ้วมือ เขาก็เลยเชื่อกันว่าขลัง เพราะว่าเป็นรอยนิ้วมือของพระนารายณ์

คราวนี้สังข์ก็ยังมีทักษิณาวรรต..เวียนขวา และมีอุตราวรรต...เวียนซ้าย เวียนซ้ายจะหายากหน่อย ก็พอ ๆ กับเถาวัลย์ ถ้าหากว่าเถาวัลย์โดยปกติก็ขึ้นเวียนขวา ต้นไม่ปกติก็ขึ้นเวียนซ้าย เขาถือเป็นของขลัง ดังนั้น...ถ้าคนไหนติ๊งต๊องก็เป็นคนขลัง..เพราะว่าไม่ปกติ สัตว์หรือต้นไม้ไม่ปกติถือว่าขลัง ถ้าคนไม่ปกติก็ต้องขลังด้วย"

เถรี
22-05-2019, 17:39
"ติ๊งต๊องเป็นภาษาจีน ประมาณว่าไม่เต็มบาท ตอนนี้ทั้งพระทั้งเณรวัดท่าขนุนย่ำแย่ไปหมด คงต้องไปให้หมอตรวจสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น เพราะว่าระยะนี้ตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถว บิณฑบาตไม่เคยเต็มบาท (บาตร) สักรูป...! รัฐบาลก็ยืนยันว่าเศรษฐกิจดี แต่ว่าชาวบ้านไม่มีจะกิน แทบจะไม่มีใครใส่บาตรกันแล้ว"

เถรี
22-05-2019, 17:40
"เมื่อวานหมอไปตรวจสุขภาพพระที่วัดท่าขนุน เจ้าอาวาสก็ไม่อยู่ ถ้าอยู่จะให้ตรวจสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น เผื่อว่าใครจะมีอาการบ้าง คราวนี้เขามีโครงการหนึ่งตําบลหนึ่งโรงพยาบาล ส่วนใหญ่แล้วก็คือสาธารณสุขตำบลเก่า ที่ได้รับการยกขึ้นเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ตัวย่อคือ รพ.สต. เพื่อที่จะได้ให้มีผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นมา มีตำแหน่งหน้าที่เพิ่มขึ้นมา มีงบประมาณเพิ่มขึ้นมา แต่เท่าที่ดู ๆ ผลงานก็ยังห่วยเหมือนเดิม..! อะไร ๆ เพิ่มหมด ยกเว้นผลงานด้านการบริการ

ส่วนใหญ่แล้วเหมือน ๆ กันก็คือ ขาดกำลังใจในการทำงาน ต้องดูตัวอย่างในหลวงรัชกาลที่ ๙ สู้กับความยากจนของชาวบ้านมา ๗๐ ปี สู้ในสงครามที่แทบไม่มีทางเอาชนะ แต่พระองค์ท่านก็สู้มาตลอด จนตอนนี้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นที่ยอมรับกันไปทั่วโลก"

เถรี
22-05-2019, 17:47
"แล้วอัศจรรย์ที่สุด ประเทศที่นำไปใช้ได้ผลก่อนคือรัสเซีย ประธานาธิบดีปูตินเอ่ยเต็มปากเต็มคำเลยว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ บอกให้ทำอย่างนี้ ทำอย่างไรก็ได้ให้ชาวบ้านมีกิน แล้วเขาจะสนับสนุนท่านเอง

จากรัสเซียก่อนหน้านี้เป็นคอมมิวนิสต์ พอเปลี่ยนการปกครองใหม่เรียกว่าระบบเปเรสทรอยกา จำกันได้ไหม ? ก็คือกึ่ง ๆ ทุนนิยม ก็เลยทำให้คนที่เคยทำงานถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง เพราะว่าส่วนกลางต้องเลี้ยงอยู่แล้ว ก็เริ่มมีการแข่งขันกัน พอแข่งขันกัน คนขยัน คนมีความคิด ก็ร่ำรวยขึ้นมา ส่วนคนไม่ขยัน แนวคิดคับแคบ เพราะการศึกษาน้อย ก็ลำบากยากจน

เมื่อประธานาธิบดีปูตินเดินทางมาเยี่ยมประเทศไทย ได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงประทานแนวคิดให้ คือให้เอาหลักการเศรษฐกิจพอเพียงไปให้ชาวบ้านทำ ยังไม่ต้องไปหวังร่ำรวยข้างนอก ให้ชาวบ้านมีกินไว้ก่อน

แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงแก้ไขปัญหาการดำรงชีวิตของชาวรัสเซียได้อย่างถึงรากถึงโคน"

เถรี
22-05-2019, 17:49
"ปัจจุบันนี้ต่อให้รัฐบาลของเราอัดเงินลงไปอีกกี่โครงการก็เจ๊งหมด เพราะว่าเหมือนกับไฟไหม้ฟาง ไม่เกิดประโยชน์กับชาวบ้านทั่วไปนอกจากนายทุน ประเภทบัตรคนจนก็เหมือนกัน ไปซื้อของที่ไหน ก็ซื้อของร้านสะดวกซื้อ ที่รวยก็ร้านสะดวกซื้อ ไม่ใช่ชาวบ้าน ก็เท่ากับว่าเอาเงินภาษีชาวบ้านไปใส่กระเป๋าให้นายทุน

สิ่งที่อาตมาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นก็คือ ชาวบ้านที่ไปรับเงินจากบัตรคนจนคนละ ๕๐๐ บาท เบียดกันแน่นไปทั้งธนาคาร ในความรู้สึกของอาตมา ๕๐๐ บาทไม่มาก แต่ในความรู้สึกชาวบ้าน ๕๐๐ บาทมาก ยังดีที่อาตมามีบัตรเบ่งลัดคิวได้ ไม่อย่างนั้นคงได้รอกันเป็นวัน

ตอนนี้ก็รอพระราชพิธีบรมราชาภิเษกต่าง ๆ ผ่านพ้นไป หลังจากนั้นจะได้ทะเลาะเบาะแว้งกันได้เต็มที่เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ตั้งรัฐบาลมาเพื่ออะไร ? เพื่อให้ชาวบ้านสามัคคีกัน เพราะฉะนั้น..ต้องทะเลาะกันก่อน พอข้างบนทะเลาะกันพอแล้ว ข้างล่างจะได้เลิกทะเลาะกัน

ด้วยความที่สายตาคับแคบ แนวคิดคับแคบและจิตใจคับแคบ ทำให้ไม่เอาประโยชน์ส่วนรวมเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน ก็ยังคงไปแบ่งสีแบ่งฝ่ายกัน หลายอย่างที่เกิดขึ้นเราก็รู้ว่าไม่ยุติธรรม แต่ว่าหลายอย่างที่ทำไปก็มีทั้งถูกและผิด"

เถรี
22-05-2019, 17:56
"อย่างเช่น กกต. แจกใบส้มหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หัวหน้าพรรคก็เอาหลักฐานมาหักล้างว่าโอนหุ้นทันเวลา เป็นต้น แล้วไปขอคำตอบจาก กกต.เดี๋ยวนั้นเลย ว่าแจกใบส้มด้วยสาเหตุอะไร ?

การถามนั้นสามารถทำได้ เป็นสิทธิของคุณ แต่จะเอาคำตอบเดี๋ยวนั้นเลยมีใครตอบคุณได้บ้าง ? อาตมาตอบแทนก็อาจจะตายแทนเขาเลย แล้วคุณคิดว่าบรรดา กกต.หรือหน้าเสื่อที่มารับแทน กกต.จะมีใครตอบปัญหาแทนคุณได้เดี๋ยวนั้นบ้าง ? ของบางอย่างต้องดูบริบท ดูจารีตประเพณี และดูกระแสสังคมด้วย อย่าทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นสมัยใหม่ระบบ ๔.๐ กดปุ่มแล้วต้องได้เลย"

เถรี
22-05-2019, 17:59
"เป็นที่น่าเสียดายว่า นักการเมืองที่ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนได้เดินตามรอย ก็กลายเป็นไม้หลักปักเลนบ้าง ใจร้อนใจเร็วบ้าง กลืนน้ำลายตัวเองบ้าง เห็นแก่ผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมบ้าง บ้านเรายังต้องรอพัฒนากันอีกนาน แต่ก็ไปเจอบรรดา สนช.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับห่วยแตกที่สุดในประเทศไทยออกมา"

เถรี
22-05-2019, 20:02
"การเมืองในทุกประเทศ โดยเฉพาะในระบอบประชาธิปไตย พอพัฒนาไปถึงขั้นสุดท้าย จะเหลือพรรคการเมืองใหญ่แค่ ๒ พรรค ก็คือพรรคที่ได้เป็นรัฐบาล กับพรรคฝ่ายที่เป็นฝ่ายค้าน แต่ในบ้านเราร่างรัฐธรรมนูญออกมา เพื่อกระจายให้เป็นพรรคเล็กพรรคน้อยให้มากที่สุด ซึ่งผิดหลักสากลเขา โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันเผด็จการรัฐสภา

ดูเผด็จการรัฐสภาที่สิงคโปร์สิ..มีฝ่ายค้านที่ไหน ? ประเทศสิงคโปร์ทุกวันนี้เวลาเลือกตั้ง ต้องเว้นเก้าอี้ให้ฝ่ายค้าน ๓ ที่ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีฝ่ายค้าน โคตรเผด็จการรัฐสภาเลย แต่คนเขาเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว เขาก็ทำได้

แต่บ้านเราขาดความไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์ มองว่าทุกคนต้องเป็นคนเลวหมด ก็เลยไปร่างรัฐธรรมนูญเฮงซวยออกมา ต้องบอกว่าสร้างเวรสร้างกรรมไว้กับประเทศชาติไปอีกยาวนาน ไม่รู้ว่าคนร่างจะโดนสาปแช่งไปชั่วลูกชั่วหลานหรือเปล่า ? เพราะว่าอายุปู่แกก็เยอะแล้ว ลูกหลานอาจจะซวยแทน เพราะว่าเดี๋ยวปู่ก็ตายแล้ว

ทั้ง ๆ ที่บ้านเราเกือบ ๆ จะเป็น ๒ พรรคใหญ่อยู่แล้ว เพราะว่าพรรคเล็กพรรคน้อยที่อยู่ไม่ได้ก็ค่อย ๆ สาบสูญไป เนื่องจากว่าช่วงยุคของนายกฯ ทักษิณ และนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีการต่อสู้หาเสียงกันโดยนโยบายรัฐบาล ซึ่งเกือบจะเป็นสากลเทียบเท่าต่างประเทศแล้ว"

เถรี
22-05-2019, 20:03
"แล้วอยู่ ๆ ก็โดนปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งต้องบอกว่าคนกำลังจะตาย ดันไปทำให้เขากลายเป็นอมตชน กลายเป็นบุคคลที่ตายไม่เป็น ทุกวันนี้ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล จะเป็นรัฐบาลทหารหรือรัฐบาลประชาธิปไตย จะเป็นนักเลือกตั้งหรือนักการเมืองก็ตาม นอนละเมอถึงแต่คุณทักษิณ ชินวัตร

ถ้าเป็นอาตมาจะภูมิใจมากเลย กูไม่ได้ยุ่งอะไรด้วยมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว แต่ละคนยังไม่สามารถจะก้าวข้ามไปได้ ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าทำผิด ถ้านายกฯ ทักษิณอยู่นาน ๆ นิสัยคนไทยเบื่อเร็ว เลือกตั้งอีกครั้งสองครั้งก็เจ๊งแล้ว แต่ดันไปปฏิวัติ ก็เลยทำให้กลายเป็นแวมไพร์ ไม่รู้จักตายสักที...!"

เถรี
22-05-2019, 20:28
มีโยมถวายแป้งตรางู "เขาไม่ให้พระใช้ พระจะใช้ได้ต่อเมื่อเจ็บไข้เท่านั้น อย่างเช่นว่าระคายเคือง ไปหาหมอแล้วหมอจ่ายแป้งมาให้เป็นยา ลักษณะของแป้งหรืออะไรพวกนี้ก็พอได้ ไม่อย่างนั้นแล้วจัดอยู่ในวิเลปนะ เครื่องลูบไล้ แม้แต่ศีล ๘ เขายังไม่ให้ใช้เลย

เรื่องของศีล ถ้าเราระวังรักษาจนชิน แค่เราขยับตัวก็รู้แล้วว่าจะทำผิดหรือเปล่า หลายอย่างญาติโยมหรือพระเณรถามมา พออาตมาพูดไปแล้วค่อยนึกได้ แสดงว่าพวกเขายังไม่สามารถจะกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับศีล

มาลา...ดอกไม้ คันธัง...ของหอม วิเลปนะ...เครื่องลูบไล้ ส่วนใหญ่สมัยนี้ก็ครีมทาผิวอะไรพวกนั้น"

เถรี
22-05-2019, 20:34
ถาม : พระราชพิธีเฉลิมราชมณเฑียร คือขึ้นบ้านใหม่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : พระราชพิธีเฉลิมราชมณเฑียร ต้องบอกว่าคือเข้าอยู่อาศัยอย่างเป็นทางการ ต้องมีการบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง โดยเฉพาะพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง

เถรี
22-05-2019, 21:29
พระอาจารย์กล่าวว่า "นมถั่วเหลืองควรจะให้เด็กผู้หญิงเล็ก ๆ กิน เพราะว่ามีฮอร์โมนผู้หญิงเยอะ ผู้ใหญ่กินไปก็ไร้ประโยชน์ ดีไม่ดีถ้าผู้ชายกินมาก ๆ เพศสภาพก็เพี้ยนอีก"

เถรี
22-05-2019, 21:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครสู้บ้าง ? กินทุเรียน ๔ กิโลกรัม ถ้ากินหมด เขาให้ ๕,๐๐๐ บาท ถ้ากินไม่หมด จ่ายเขา ๑,๐๐๐ บาท ยังสงสัยว่ากินเข้าไปได้อย่างไร ๔ กิโลกรัม ไม่ใช่ทุเรียนทั้งเปลือกมาชั่งนะ เนื้อล้วน ๆ ที่อาจจะมีเม็ดอยู่ด้วย

ถ้าจะกินทุเรียนให้ได้ประโยชน์ เขาให้กินก่อนอาหารเช้า แล้ววันนั้นงดอาหารเช้าไปเลย เขาว่ากินแล้วจะไปล้างลำไส้ แล้วก็ปรับธาตุในร่างกาย ถ้ากินเวลาอื่น มีแต่จะอ้วนกับอ้วน แต่ว่าทุกอย่างต้องพอดี ถ้ามากเกินไปนี่เท่ากับขาดมัชฌิมาปฏิปทา ก็เจ๊งอีกเหมือนกัน

สถิติสูงสุดที่อาตมาเห็น ก็คือกินคนเดียว ๔ ลูก นับได้ ๒๒ เม็ด..! ไม่รู้ว่ากินเข้าไปได้อย่างไร ถ้าเป็นอาตมาคาดว่าคงจะร้อนในไปสักครึ่งปี ก่อนนี้ปีหนึ่งอาตมากินทุเรียนได้หนึ่งเม็ด ตอนนี้แก่แล้ว อายุ ๖๐ ปีกินเพิ่มได้อีกหน่อยหนึ่ง ที่กินเพิ่มได้เพราะว่าแก่แล้วไฟธาตุเริ่มขาด ก็เลยกินของร้อนเพิ่มขึ้นได้"

เถรี
22-05-2019, 21:38
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ตามบ้านเรือน ถ้าเป็นไปได้ก็ให้ประดับธงตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสักผืนหนึ่งก็ยังดี ไม่ต้องคู่กับธงชาติก็ได้ ที่วัดของอาตมานี่..เฉพาะบริเวณพระใหญ่หน้าวัดก็ประดับไป ๕๐ ผืนแล้ว"

เถรี
22-05-2019, 21:48
ถาม : ยังจารตะกรุดเมอยู่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่แล้วครับ เลิกนานแล้ว ไปสะท้อนเขาจนตายไป ๒ ศพ เลยต้องเลิก..!

เถรี
22-05-2019, 22:11
ถาม : ผมทำสมาธิตั้งแต่เด็กแล้วครับ อยากรู้ต้องทำไปด้านไหนต่อ และอีกเรื่องคือช่วงนี้เห็นแต่อนาคต เห็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใดครับ ?
ตอบ : เรื่องสมาธิ ถ้าต้องการใช้งานจริง ๆ อย่างน้อยต้องให้ได้ฌาน ๔ หรือถ้าทำได้ก็เอาสมาบัติ ๘ ไปเลย ส่วนเรื่องการเห็นอย่าเพิ่งเชื่อ เพราะว่าทุกอย่างถ้ามีองค์ประกอบเพิ่มขึ้นมาเมื่อไร สิ่งที่เราเห็นในปัจจุบันก็จะไม่ใช่

เหมือนอย่างกับว่าตอนนี้เราขับรถด้วยความเร็ว ๑๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ๔๐ นาที เราจะไปถึงนครปฐม แต่ถ้าเราเร่งความเร็วขึ้น หรือลดความเร็วลง ก็จะไปไม่ถึงตามเวลานั้น ฉะนั้น...เรื่องที่เห็นเป็นแค่ปัจจุบัน ตอนนั้น เดี๋ยวนั้น เลยไปแค่วินาทีเดียวก็อาจจะไม่ใช่แล้ว ครูบาอาจารย์ท่านถึงได้สอนว่าไม่ต้องไปใส่ใจ

เถรี
22-05-2019, 22:16
ถาม : เรื่องฌาน ๔ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราถึงแล้ว ?
ตอบ : สังเกตว่าสามารถกด รัก โลภ โกรธ หลง เอาไว้ได้นิ่งสนิท ชนิดไม่กระดิกเลย

ถาม : นิ่งเฉพาะในสมาธิหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าคนทำเป็น เวลาไหนก็นิ่งได้ ถ้าคนทำไม่เป็น ก็ได้เฉพาะตอนนั่งสมาธิ

ถาม : ถ้าได้เฉพาะตอนนั่งสมาธิถือว่าใช้ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ใช้การไม่ได้ เพราะว่าพอคลายออกมา ก็โดนกิเลสตีตายเหมือนเดิม

เถรี
22-05-2019, 22:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่เป็นความดันต่ำ ระยะนี้ถ้าจะออกจากห้องปรับอากาศก็หายใจยาว ๆ ก่อนสัก ๓ - ๔ ครั้ง เร่งระบบในตัวเองก่อน ไม่อย่างนั้นออกไปเจออากาศร้อนข้างนอก บางทีจะร่วงเอาง่าย ๆ

สมัยนี้ความดันต่ำ เขาไม่ค่อยจะเป็นกันแล้วนะ เป็นแต่ความดันทุรังสูง...!"

เถรี
24-05-2019, 21:32
พระอาจารย์เล่าว่า "ก่อนสิ้นเดือน ๒ วัน คุณสุรีย์ เสียมสกุล ผู้รับเหมาที่ทำงานกับวัดท่าขนุนตั้งแต่ต้น งานหมดแล้วก็เลยมาลากลับบ้าน ทำด้วยกันมา ๑๔ ปี ไม่เคยไปไหนเลย จนเหมือนเป็นคนครอบครัวเดียวกันไปแล้ว

ปีแรกที่ทำก็คือ ปี ๒๕๔๙ เริ่มที่เกาะพระฤๅษี ปี ๒๕๔๙ - ๒๕๕๐ อยู่ที่เกาะพระฤๅษี เสร็จได้ ๒ วันก็มาต่อที่วัดท่าขนุนเลย จนถึงปี ๒๕๖๒ รวมแล้ว ๑๔ ปี เหตุที่เขาทำแล้วอยู่ด้วยกันนาน เพราะว่าไปทำที่อื่นแล้วขาดทุน คือบางทีตีราคาไปแล้ว พวกวัสดุต่าง ๆ ข้าวของต่าง ๆ ขึ้นราคา แต่ก็ต้องทำให้เขาตามสัญญา ส่วนของวัดท่าขนุนไม่มีการตีราคา ทำไปเถอะ..เบิกเท่าไรก็ให้แค่นั้นแหละ ไม่มีคำว่าขาดทุน ก็เลยทำด้วยกันมานานถึง ๑๔ ปี"

เถรี
24-05-2019, 21:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "ดูจากน้ำหนักพระมหาพิชัยมงกุฎแล้ว ต้องบอกว่าในหลวงท่านแข็งแรงจริง ๆ ถ้าเป็นพวกเราใส่ไป อาจจะมีคอย่น..!

พระราชพิธีแบบนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็ต้องนั่งจ้องจอกันตาไม่กระพริบ เพราะว่าของบางประเภททั้งชีวิตไม่ปรากฏออกมาให้เห็นง่าย ๆ แม้กระทั่งพระเต้าบรรจุน้ำอภิเษก ใครจะไปนึกว่ามีตั้ง ๒๒ พระเต้า แต่ละองค์สร้างขึ้นในรัชกาลไหน เขาบอกไว้หมด แค่ได้เห็นก็เป็นบุญตาแล้ว"

เถรี
24-05-2019, 21:40
"เราจะสืบสานรักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"

พระปฐมบรมราชโองการพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

คนโบราณนี่น่าจะตัวใหญ่กว่าคนปัจจุบันเยอะจริง ๆ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่าใหญ่ไม่แพ้ฝรั่งแล้ว รัชกาลที่ ๑๐ ท่านใหญ่กว่าอีก แต่ว่าพอใส่พระมหามงกุฎแล้วยังรู้สึกว่าหลวม ๆ เลย

พวกเราไม่ค่อยได้สังเกตว่าในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระองค์ท่านจริง ๆ แล้วใหญ่มาก ยืนคู่กับฝรั่งนี่ไม่ได้เล็กกว่าเลย แล้วรัชกาลที่ ๑๐ ท่านใหญ่กว่าอีก ขนาดนั้นใส่พระมหาพิชัยมงกุฎแล้วยังดูหลวม ๆ เลย"

เถรี
24-05-2019, 21:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้ทางด้านสายวัดท่าขนุนและเมืองกาญจนบุรี มีพระจบปริญญาเอกอีก ๒ รูป รวมตอนนี้มีผู้ปริญญาเอก ๑๑ รูป เป็นของสายวัดท่าขนุนไป ๖ รูป

เพียงแต่ว่าปีนี้มีท่านที่ขอเรียนปริญญาโทรูปเดียว เพราะว่า ๒ รุ่นที่ผ่านมาตกกันระเนระนาด ทำให้รุ่นน้องหวาดกลัว ไม่เหมือนกับตอนที่หลวงพ่อเรียน หลวงพ่อเรียนพักเดียวจบปริญญาโท อีกพักจบปริญญาเอก คนอื่นก็เลยมีกำลังใจเข้าไปเรียนกันใหญ่

สองรุ่นนี้พาเสีย ดันตกแล้วตกอีก พอคนอื่นได้ยินว่ายากก็หมดกำลังใจ ไม่อยากเรียน ปีนี้ก็เลยมีผู้กล้าหาญแค่ ๒ ราย รายหนึ่งเรียนปริญญาโทสาขาพระพุทธศาสนา อีกรายหนึ่งเรียนปริญญาโทสาขาวิปัสสนาภาวนา

จากที่ต้องจ่ายค่าเทอมปริญญาโททีหนึ่ง ๗ - ๘ รูป ปีนี้น่าจะเหลือน้อยหน่อย ของเก่าที่เป็นปี ๒ เหลืออยู่ ๔ รูปเป็นพระวัดอื่นที่มาขอทุนทั้งหมด ปีนี้เข้าอีก ๒ รูป รวมแล้วปริญญาโทก็เรียนก็ประมาณ ๖ รูปเท่านั้น จ่ายน้อยหน่อย ปริญญาเอกปีนี้ยังหาผู้กล้าหาญไม่ได้

ถามว่าที่เรียนมาไม่ประสบความสำเร็จมีไหม ? มี...ประเภทออกกลางคันตั้งแต่ปริญญาตรี ๒ ราย แล้วก็ออกกลางคันปริญญาเอกอีก ๑ ราย ปริญญาเอกนี่เสียดายมาก เพราะว่าค่าเทอมแพง..ตั้งสามแสนห้า เรียนไปสองเทอมท่านสู้ไม่ไหวก็ออกกลางคัน คงจะกลัวหลวงพ่อบ่นด้วย พอไม่เรียนก็สึกไปเลย"

เถรี
26-05-2019, 22:45
ถาม : หนูอยากแก้ปัญหาเรื่องความอยากมีอยากได้ ควรจะเริ่มต้นอย่างไรคะ ?
ตอบ : แล้วจะทำไปทำไม ?

ถาม : หนูคิดว่าความอยากมีอยากได้ เป็นปัญหาใหญ่ในเรื่องการปฏิบัติค่ะ ?
ตอบ : ดูอนาถปิณฑิกเศรษฐี หรือ นางวิสาขามหาอุบาสิกา ค้าขายรวยเป็นโกฏิ สำคัญว่าเราควบคุมได้ไหม ? ไม่ใช่ไปตัดไปละ แต่ตีกรอบให้อยู่ในกรอบของศีลของธรรมต่างหาก

เถรี
26-05-2019, 23:19
ถาม : ผมห้อยเหรียญพุุทธบารมีเนื้อชิน ห้อยทุกวันอย่างไรก็บุบ ผมต้องวางกำลังใจอย่างไรครับเวลาที่เหรียญบุบ ?
ตอบ : อ๋อ..ทำใจว่าเดี๋ยวค่อยหาใหม่..!

เถรี
26-05-2019, 23:36
ถาม : จะหล่อพระอีกองค์ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ใช่จ้ะ

ถาม : วันที่เท่าไรคะ ?
ตอบ : ยังไม่รู้..ต้องให้ทองได้ครบก่อน

ถาม : เห็นบอกว่าใช้ทองใกล้เคียงกัน ?
ตอบ : ถ้าใกล้เคียงกันก็เกือบ ๑๐๐ กิโลกรัม

ถาม : เห็นมีงอกมาเป็นประจำไม่ใช่หรือคะ ?
ตอบ : ตอนนี้งอกมาประมาณ ๖๐ กิโลกรัมแล้ว ยังเหลืออีก ๔๐ กิโลกรัม เดี๋ยวต้องกลับไปรดน้ำพรวนดินอีกหน่อย เผื่อว่าจะงอกมาอีกนิด

ส่วนใหญ่แล้วพวกเราวางกำลังใจผิด ไปยินดียินร้ายกับผลที่จะได้ คราวนี้ถ้าเราไม่ยินดียินร้ายกับผลที่จะได้ ใจเป็นอุเบกขา สมาธิจะสูงกว่า ผลที่ได้รับก็จะมากกว่า ก็แค่นั้นเอง ฟังดูเหมือนง่ายนะ...!

ถ้าภาวนาเพราะอยากได้...ก็เรียบร้อย หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว

ถาม : ภาวนาเพราะอยากได้คืออธิษฐานบารมีไม่ใช่หรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่....เป็นโลภเจตนา ตั้งความโลภนำหน้า

เถรี
26-05-2019, 23:37
ถาม : ถ้าผมตั้งกำลังใจให้อยู่ตรงกลาง กิเลสตีกลับแหลกมากครับ ?
ตอบ : ก็ดันโง่ไปปล่อยให้ตีกลับนี่หว่า..! ก็อย่าไปปล่อยตีกลับสิ

เถรี
26-05-2019, 23:45
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนมีคุณยายคนหนึ่ง มากราบหลวงพ่อวัดท่าซุงที่บ้านสายลม คุณยายพูดไทยอีสานปนส่วยปนเขมร มาถึงแต่เช้าเลย ใส่ชุดขาวแบบผู้ปฏิบัติธรรม แต่ด้วยความที่ว่าพออยู่ต่างจังหวัดก็เป็นชุดขาวมอม ๆ รอจน ๘ โมงครึ่ง หลวงพ่อวัดท่าซุงลงมา ก็กราบ "ขออนุญาตถามหน่อย" แล้วยายก็ใช้ภาษาอย่างที่ว่านั่นแหละ หลวงพ่อท่านก็หัวเราะ "เฮ้ย..ใครฟังออกช่วยเป็นล่ามทีวะ" กราบเรียนว่า "ผมพอฟังได้แต่ไม่หมด" "เออ ๆ แปลให้หน่อย"

ยายแกถามว่า แกตั้งใจถือศีลปฏิบัติธรรมอยู่คนเดียว แล้วคนทั้งหมู่บ้านว่าแกบ้า แกบ้าจริงหรือเปล่า ? หลวงพ่อบอก "ทั้งหมู่บ้านมันบ้า มียายสติดีอยู่คนเดียว"

แล้วก็ถาม "ไม้ฟ้าผ่ามีอาถรรพ์ เขาไม่ให้ใช้ จริงไหม ?" หลวงพ่อบอกว่า "ไม่จริงหรอก ใช้ได้ก็ใช้ไปเถอะ" ด้วยความที่ยายอัดอั้นตันใจ ไม่มีใครให้ถามมานานมาก เลยถามเยอะ แปลไปแปลมา อาตมาเหนื่อย หยุดหายใจ ยายถามต่อ หลวงพ่อตอบมาตรงคำถามเป๊ะเลย อ๋อ...ท่านก็ฟังออก แต่ท่านแกล้งถามหาล่ามไปอย่างนั้นเอง"

เถรี
26-05-2019, 23:47
"ท่านฟังเป็นภาษาใจ ไม่ใช่คำพูด อย่างพวกต้นไม้ฟ้าผ่า โบราณว่ามีอาถรรพ์ เขาก็กลัวกัน ไม่กล้าใช้ บางทีก็เอามาทำเป็นมีดหมอบ้าง มีดแหกบ้าง เอาไว้ไล่โรคไล่ผีอะไรให้ยุ่งไปหมด เพราะถือว่าได้รับอำนาจจากเทวดาส่งสายฟ้าลงมา หลวงพ่อท่านบอกว่า ถ้ามันล้มแล้วก็เผาถ่านไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก

คำถามจำนวนมากเป็นความเชื่อแบบชาวบ้าน แล้วไม่มีใครเปลี่ยนแปลงความเชื่อตรงนี้ พอตัวเองไปทำเข้า สายตาคนอื่นเขาก็ว่า อีผีบ้า"

เถรี
26-05-2019, 23:53
ถาม : คุณยายแกไปภาวนามาจากไหนคะ ?
ตอบ : เขาทำของเขาเอง เขาอยากทำ ไปวัด ฟังพระเทศน์ก็หัดถือศีล ปฏิบัติธรรมเอง แต่พระที่วัดก็ดีแต่เทศน์ตามคัมภีร์ สอนอะไรไม่ได้ ท้ายสุดได้ยินชื่อเสียงหลวงพ่อวัดท่าซุง อุตส่าห์ตะเกียกตะกายมาจนถึง ไม่ยักหลงทาง คาดว่าน่าจะมีใครช่วยนำทางให้

เถรี
29-05-2019, 07:53
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนคุณอรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ขอไปฟ้อนสาวไหมในงานสืบชะตา ระบุวันว่าจะฟ้อนวันที่ ๑๖ ก็เลยบอกบอกว่า ถ้าจะให้คุณอรอนงค์ฟ้อนวันที่ ๑๖ วันอื่นก็ไม่ให้ฟ้อนแล้ว เพราะว่าตั้งใจเอาไว้แล้ว ส่วนท่านอาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี บอกว่าเดี๋ยวจะให้เลขาฯ บันทึกไว้ ว่าจะมาเป่าขลุ่ยให้สักเพลงหนึ่ง บอกว่าจะเป่าเพลงค้างคาวกินกล้วย ลืมไปว่าตอนนี้อาตมาจะเอาเพลงทานตะวัน

ฟังค้างคาวกินกล้วยของท่านอาจารย์ธนิสร์แล้วขำ ๆ คนเล่นดนตรีเล่นเก่งมาก เหมือนค้างคาวไปขโมยกล้วยในสวน แล้วก็โดนเขาฟาด โอ๊ย...คร่ำครวญเสียไม่มี คราวนี้ก็ประเภทบินเซซ้ายเซขวา โดนเขาตีบาดเจ็บ บินไปบ่นไป ประมาณว่าแบ่งกันกินแค่นี้ก็ไม่ได้ ปรากฏว่าอีกสักพักหนึ่งกระดี๊กระด๊ามาอีกแล้ว เจอกล้วยใหม่ เป่าได้สุดยอดมาก ฟังแล้วเห็นภาพเลย

คนรุ่นเก่า ๆ เขาแต่งเพลงมองเห็นภาพ รุ่นใหม่มองไม่เห็น มีรุ่นใหม่ไม่กี่เพลงหรอกที่แต่งเพลงแล้วเรามองเห็นภาพได้"

เถรี
29-05-2019, 07:59
"เพลงประเภทรุ่นเก่า ๆ "ตะวันส่องใสแดดฉายลงมา ทาบทาทิวทุ่ง" เห็นภาพเลย รุ่นใหม่ ๆ เพลงอะไรก็ไม่รู้ “เต่างอย....เต่างอย” ฟังไม่รู้ เต่างอยก็คือเต่าที่ยืดคอรอคอย

เพลงรุ่นใหม่ ๆ ที่ฟังแล้วเห็นภาพก็หลายปีแล้ว อะไร ? "ขอนไม้กับเรือ" เนื้อเพลงเขาว่า "โดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเล ลมพัดลมเพลอยมาไกลฯ " ใครที่สามารถแต่งเพลงให้คนเห็นภาพได้ ดังทุกเพลง

ตอนขอนไม้กับเรือดังนี่ อาตมายังอยู่ที่บ้านอนุสาวรีย์ชัยฯ คืนหนึ่งฟังน่าจะไม่หนี ๔๐ - ๕๐ จบ เขาหยอดตู้แข่งกัน ไม่ฟังก็ไม่ได้ เพราะว่าอาตมาดันนอนอยู่บนตู้เพลงพอดี ตู้เพลงอยู่ชั้นล่าง อาตมานอนอยู่ชั้นลอย พื้นกั้นก็มีไม้กระดานแค่บาง ๆ ๒ แผ่น ฟังไปเถอะ เดี๋ยวก็ขอนไม้ลอยมาอีกแล้ว ฟังจนกระทั่งขึ้นใจไปเลย แต่ว่าเพลงเขาสวย มองเห็นภาพ เพลงบอกว่าเขาเองอาศัยเกาะได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าจะไปถึงฝั่งฝันก็ต้องไปกับเรือ"

เถรี
29-05-2019, 08:08
ถาม : พระสยามเทวาธิราช ?
ตอบ : มีเป็นร้อย ๆ องค์

ถาม : ที่เป็นรูปปั้น สีทองตั้งแต่ต้นเลยหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ก็สีแบบนั้นแหละ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ มาแล้ว พระสยามเทวาธิราชคืออดีตบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ตลอดจนกระทั่งผู้ทำคุณประโยชน์กับประเทศไทย ถึงเวลาเสด็จสวรรคตบ้าง ถึงแก่ทิวงคตบ้าง ตายบ้าง ก็ยังไม่ลืมประเทศชาติ จึงมาช่วยกันดูแลรักษา เพราะฉะนั้น..พระสยามเทวาธิราชท่านมีเป็นร้อย ๆ องค์

ถาม : มีเป็นร้อย ปฏิบัติงานพร้อมกัน ?
ตอบ : ก็ยังไม่พออยู่ดี เพราะว่าประเทศใหญ่

ถาม : แต่รูปปั้นมีองค์เดียว ?
ตอบ : นั่นเป็นแค่สัญลักษณ์เอาไว้เคารพกราบไหว้ เรานึกถึงท่านตรงไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีรูปปั้น

เถรี
29-05-2019, 08:10
งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกงวดนี้ พระสำคัญก็ได้เห็น พระแสงราชศาสตราทุกเล่มก็ได้เห็น บรรดาเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ มหาสังข์ พระเต้า สารพัดเครื่องราชูปโภค

ทำไมใช้พระสัปตปฎลเศวตฉัตรก่อน ก็เพราะว่าอยู่ในระหว่างพิธี พอได้รับน้ำอภิเษกแล้วจึงใช้นพปฎลมหาเศวตฉัตรได้ ก็แค่ย้ายพระราชอาสน์เท่านั้นเอง คือเปลี่ยนที่นั่ง

เถรี
29-05-2019, 08:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนที่มีทิพจักขุญาณเขาก็เห็นเหมือน ๆ กันนะ ของเราเห็นพระอินทร์ ของจีนเขาก็ว่าเง็กเซียนฮ่องเต้ ของทางด้านกรีกก็ซุส ของโรมันก็จูปิเตอร์ คนเดียวกัน แล้วเขาทำไมถึงรู้ว่านี่คือเทพเจ้าสูงสุด ผู้ถือสายฟ้าเป็นอาวุธ แสดงว่าเขาต้องรู้เหมือนกัน"

เถรี
29-05-2019, 08:22
ถาม : ที่บอกว่าพระอินทร์เป็นเทพเจ้าสูงสุด ท่านอยู่แค่ดาวดึงส์ไม่ใช่หรือคะ ?
ตอบ : ก็ไม่ได้บังคับว่าต้องอยู่ชั้นไหน

ถาม : สวรรค์ไม่ได้แบ่งเป็นระดับหรือคะ ?
ตอบ : ไม่หรอก ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม อย่างคนกรุงเทพ ฯ ทำไมอยู่ภาคกลาง ไม่ไปอยู่เชียงรายซึ่งอยู่เหนือกว่าภาคอื่น

จาตุมหาราชก็วุ่นวายอยู่กับการดูแลโลกมนุษย์ ดูแลขุมทรัพย์ ดูแลบุคคลสำคัญ ดูแลสถานที่สำคัญ

ยามาก็เอาแต่สวดมนต์ ภาวนา ปฏิบัติธรรมของตัวเอง

ดุสิตก็บำเพ็ญบารมีเพื่อบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

นิมมานนรตีมัวแต่สนุกสนานอยู่กับอารมณ์ เขาเรียกว่าได้อภิญญาแล้วคัน

ปรนิมมิตวสวัตดีก็มัวแต่เสวยสุขจากผลบุญตัวเอง ก็เหลือแค่ดาวดึงส์เท่านั้น

ฉะนั้น...บุคคลที่เหมาะสมที่สุด ไม่ใช่ว่าจะอยู่ชั้นสูงสุด ต้อง Put the right man on the right job

เถรี
29-05-2019, 08:41
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้กำลังให้ท่านอาจารย์เทพติดต่อโรงงานเขาว่าขอแทรกคิวได้ไหม โรงงานนี้เขาทำเนื้อเขียวเหล็กไหลได้ ว่าจะขอทำเหรียญสมเด็จองค์ปฐมสักรุ่นหนึ่ง มีหลายโรงงานพยายามที่จะเลียนแบบ ปั๊มเสร็จแล้วเอาไปแช่น้ำ สนิมขึ้นหมดเลย ต้องเป็นน้ำบ่อนั้นของโรงงานนั้นเท่านั้น ไม่ว่ารู้มีสารเคมีอะไร

เหรียญทองแดงธรรมดา ๆ เอาไปแช่ไว้ ๔๘ ชั่วโมง ออกมาเป็นสีเขียวปีกแมลงทับเลย เปลี่ยนสีได้เอง ตอนแรกเขาก็ไม่รู้ ของท่านอาจารย์เทพพอปั๊มเสร็จ เอาลงไปล้างน้ำ ทำความสะอาดเพื่อเตรียมที่จะเอาขึ้นมาบรรจุซองแล้วส่งให้ทางวัด ปรากฏหายไป ๒ เหรียญ วิ่งลงไปดูก็แช่น้ำไป ๒ วันแล้ว กลายเป็นเหรียญเขียวปี๋เป็นปีกแมลงทับเลย เขาก็แปลกใจ เอาเหรียญที่เหลือไปแช่ใหม่ เฮ้ย...เขียวจริง ๆ คาดว่าน่าจะมีสารพวกกำมะถันอยู่ แต่ความเป็นกรดต้องแรงมาก เพราะว่าถ้าไม่แรงก็ไม่กัดผิวขนาดนั้น

น้ำตรงนั้นน่าจะผ่านพวกลาวาใต้ดินมา สวยมาก นึกถึงแมลงทับ ปีกสวยอย่างไร เหรียญก็หน้าตาอย่างนั้นเลย"

เถรี
29-05-2019, 08:46
"เจ้าของโรงงานปิดบ่อเลย ถึงได้บอกว่าช่วยทำให้หน่อย ถ้าเป็นไปได้ช่วยแทรกคิวให้สักหมื่นเหรียญ เอารูปสมเด็จองค์ปฐมนี่แหละ ให้เขาเอาไปซ้อน สมัยนี้แกะด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งนั้น ด้านหลังก็เป็นยันต์เกราะเพชรฉลอง ๖๐ ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

ท่านอาจารย์เทพไปจำหน่าย ๓,๕๐๐ บาท ราคาโหดร้ายมาก เดี๋ยวของเราดูว่าต้นทุนเท่าไร จะพยายามลดให้ต่ำสุด ของเขาจำเป็นต้องเอาเงินไปสร้างวัด เขาก็เลยต้องปล่อยราคาแพง แล้วพวกเซียนไปนอนรอเป็นร้อยเลย อาตมาไปถึงก็..วัดเขามีงานหรืออย่างไร ? คนเยอะขนาดนี้ เปล่าหรอก...พวกเซียนที่จะไปจองพระ ไปนอนรอที่วัดเลย ถึงเวลาก็แย่งใบจองกัน

เดี๋ยวนี้เอาชื่อพระอาจารย์เล็กขึ้น ขายได้หมด เพราะว่าของวัดท่าขนุนไม่เคยหลุดออกไปถึงตลาดพระ ต้องเอาวัดใกล้เคียงที่ไปเสกให้ วันก่อนพระครูปุญญพัฒน์ เจ้าคณะตำบลเดิมบาง ไปประชุมด้วยกัน วิ่งมากราบ "ขอบคุณมากเลยครับพระอาจารย์..ขายดีจริง ๆ เลยครับ" สรุปเอาพระอาจารย์เล็กไปเพื่อขาย"

เถรี
29-05-2019, 08:46
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี เผือกน้อย และนายกระรอก