เข้าระบบ

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๒


เถรี
08-04-2019, 08:33
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้งานปลุกเสกวัตถุมงคลมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่หล่อหลวงพ่อทองคำเสร็จ ก็ต้องรีบวิ่งออกจากวัด ไปเสกหลวงพ่อแต้มที่วัดภาณุรังษี บางพลัด อันนั้นต้องถือว่าเป็นโชคของท่านอาจารย์พระมหาอุดร สุทฺธิญาโณ ป.ธ. ๙ มีด็อกเตอร์ห้อยท้าย เพราะว่าหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมท่านอยู่ด้วยตั้งแต่ก่อนหล่อพระ จนหล่อพระเสร็จ กระทั่งไปเสกพระท่านก็ยังไม่ไปไหน ถือว่าเป็นความเฮงของคนที่ได้วัตถุมงคลชุดนั้นไป

คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม เจ้าของเอ็นซีทัวร์ โวยมาในไลน์ บอกว่าหลวงพ่อไปวัดภาณุรังษี ทำไมไม่บอก ? จะได้มากราบทำบุญด้วย ก็อาตมาคิดว่าไปไม่ได้แล้ว เพราะว่าตอนแรกอาจารย์ท่านบอกว่าวันที่ ๔ แล้วก็เลื่อนมาเป็นวันที่ ๑๐ ทีนี้วันที่ ๙ วัดเราหล่อพระเสร็จ ต้องรีบวิ่งเข้ามา ในเมื่อกลัวว่ามาทัน ก็ไม่กล้ายืนยันกำหนดการกับใคร เพราะว่ากลัวพลาด ไปก็ไปแบบไม่ให้ท่านอาจารย์ท่านรู้ ไปบอกตอนอยู่หน้าประตูวัดว่า "ผมมาแล้วครับ" อาจารย์ท่านดีใจแทบแย่

อาตมาเองเป็นนิสิตที่มีอาจารย์เป็นทั้งพระ เป็นทั้งฆราวาส พอสอนไปสอนมา ท่านอาจารย์ก็กลับมาเป็นลูกศิษย์อาตมาอีกทีหนึ่ง ก็เลยไปนึกถึงที่ท่านอาจารย์จักรกฤษณ์ จันทร์ดำ ท่านบอกว่า "พระอาจารย์เล็กควรที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยสงฆ์" ถามว่า "ทำไมครับ ?" ท่านบอกว่า "ด้วยศักยภาพของท่าน ไปเรียนที่ไหน ผมมั่นใจว่าไม่เกิน ๓ เดือน ต้องได้เขาเป็นลูกศิษย์หมดทั้งมหาวิทยาลัยเลย" ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านอาจารย์มองจากตรงไหน

แต่คราวนี้เนื่องจากว่าหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมท่านมาในงานหล่อพระ จนกระทั่งปลุกเสกท่านก็ยังไม่กลับ ซึ่งอาตมาอยากได้แบบนี้บ้าง แต่กลับต้องไปเสกให้วัดอื่น ที่วัดเราเวลาพุทธาภิเษกโดยปกตินี่ น้อยครั้งที่ท่านจะเสด็จมา"

เถรี
08-04-2019, 09:14
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในช่วงรอบปีที่ผ่านมา วันเป่ายันต์เกราะเพชร สมเด็จองค์ปฐมท่านมาเสกเหรียญพุทธบารมีสุริยันทรงกลดให้ ท่านขยายเหรียญเสียใหญ่เกือบจะเต็มศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย เห็นแล้วกลัวจะโดนล้มทับ

แต่ว่าวัตถุมงคลรุ่นนั้นก็ต้องบอกว่าทำน้อย ใครไหวตัวก็ได้ไป บางคนก็เกี่ยงว่าเหรียญใหญ่ ก็เขาให้ไว้ทำน้ำมนต์ โบราณเขาเสกน้ำล้างหน้ากันทุกวัน ที่บอกว่าตอนเช้าราศีอยู่ที่หน้า กลางวันราศีอยู่ที่อก ตอนเย็นราศีอยู่ที่เท้า มาจากตำนานสงกรานต์ ในเมื่อโบราณเขาเสกน้ำล้างหน้ากัน พระท่านสงเคราะห์ให้แล้ว ไม่ใช่ล้างหน้าอย่างเดียว อธิษฐานใช้ได้สารพัด อย่าลืมว่าสุริยันทรงกลดนี่ นอกจากยามเที่ยงแล้วยังมีรัศมีซ้อนอีกต่างหาก แทนความสำเร็จ แทนความเจริญรุ่งเรืองทุกอย่าง

เมื่อวานนี้มีโยมมา บอกว่าจะขออนุญาตเอายันต์สุริยันทรงกลดไปสักใส่หลังตัวเอง ก็เชิญตามสบาย ไม่ได้ห้าม เขาบอกว่าช่วยเขียนแบบให้หน่อยได้ไหม ? มึงมีอารมณ์...มึงก็มาเขียนเองสิ...! โห...กว่าจะได้แต่ละยันต์ เขียนกันเป็นเดือน ๆ

ยันต์สุริยันทรงกลดซ้อนอยู่ ๕ ชั้น ตั้งแต่พระพุทธเจ้าที่รายล้อมรอบอยู่พร้อมกับคาถาหัวใจพระรัตนตรัย อิสวาสุ เข้ามาก็เป็นคุณพระสงฆ์ คุณพระธรรม คุณพระพุทธ แล้วก็หัวใจโลกธาตุตรงกลาง"

เถรี
08-04-2019, 20:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อทองคำเป็นพระที่สวยสมบูรณ์มากจนแทบจะไม่ต้องแต่งเลย ตั้งแต่หล่อ จนกระทั่งเอาไปแต่ง แล้วยกกลับมาวัด อัญเชิญขึ้นมณฑป ใช้เวลา ๙ วันเท่านั้น แม้แต่อาตมาก็ยังงง ๆ ว่าเร็วขนาดนี้เลยหรือ ? ช่างเขาบอกว่าลวดลายทุกอย่างติดครบถ้วนสมบูรณ์ ที่เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือตัดเอารอยต่อกับชนวนออก แล้วค่อยขัดแต่งเท่านั้น จึงใช้เวลาน้อยมาก"

เถรี
09-04-2019, 08:53
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้สามเณรอยู่ที่วัด ๘๐ กว่ารูป โดนตีทุกวัน แต่เณรบอกว่าทนได้ เพราะเดี๋ยววันที่ ๑๐ สึกแล้วจะได้เงิน ๒,๐๐๐ บาทเป็นทุนการศึกษา

ปกติเขามักจะไปบวชที่อื่นกัน ที่วัดท่าขนุนไม่ค่อยจะบวช เพราะว่าพระพี่เลี้ยงดุ ปีที่แล้วอาตมาให้ทุนการศึกษาหลังจบโครงการคนละ ๒,๐๐๐ บาท ปีนี้เลยแห่มาเสีย ๘๐ กว่าคน ให้ไปเป็นทุนการศึกษา แต่เขาบอกว่าจะเอาไปเล่นเกม มีการศึกษาวิดีโอเกมด้วยนะ..!

พระพี่เลี้ยงก็ใจดีเหลือเกิน ฉันเช้าเสร็จก็เดินจงกรม ๑ ชั่วโมง พอนั่งสมาธินี่...เณรนอนสมาธิกันเสียครึ่งหนึ่ง พระพี่เลี้ยงเขาบอกว่านอนได้แสดงว่าสมาธิดี...ปล่อยยาวเลย จริง ๆ แล้วก็เป็นตามนั้น ถ้าสมาธิไม่ทรงตัวก็จะหลับไม่ได้ แต่ว่าเป็นสมาธิแบบหยาบมาก เป็นปฐมฌานอย่างหยาบ คราวนี้พี่เลี้ยงเขาเข้าใจจึงปล่อยเลย

ส่วนท่านที่ไม่หลับแสดงว่าทรงสมาธิไม่ได้ ก็ทนเดินจงกรมต่อไป แล้วก็มีพวกนุ่งขาวห่มขาว ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายอยู่ ๑๐ กว่าคน พวกนั้นเป็นเด็กที่ไปแก้ ร. ก็คือติดขัดส่งงานไม่ทันบ้าง ไม่ได้สอบเก็บคะแนนกลางภาคบ้าง อาจารย์บอกไปเลย ไปหาไม้เรียวหลวงพ่อวัดท่าขนุน ทนได้ ๑๐ วันกลับมาจะแก้ ร. ให้

ความจริงเด็กในกรุงเทพฯ น่าจะแก้ ร. ด้วยวิธีนี้บ้างนะ บังคับให้ไปแก้ ร. ที่วัดท่าขนุน เดินจงกรมภาวนาทั้งวันจนประสาทจะกินอยู่แล้ว..!"

เถรี
09-04-2019, 23:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในจำนวนโลหะทั้งหมด ชินกับทองคำรับพลังงานได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้น...เราจะเห็นว่าวัตถุมงคลโบราณส่วนใหญ่จะใช้เนื้อชิน เพราะว่าหาง่าย ราคาไม่สูง

คำว่า ชิน หรือ ชินะ เป็นภาษาบาลี คนไทยเรียกว่าตะกั่ว อย่างเจ้าเมืองท่าตะกั่วที่ไทรโยค ตำแหน่งก็คือพระชินติฏฐบดี คำว่าชินก็คือตะกั่ว ที่คนไทยเรียกว่าชินดิษฐ์ ต้นตระกูลนามสกุลชินดิษฐ์ ติฏฐะแปลว่าตั้งอยู่ ชินะแปลว่าตะกั่ว ตั้งอยู่ที่ท่าตะกั่ว

คำว่า ติฏฐะ ตัวนี้ แปลได้อีกความหมายหนึ่งคือท่า อย่างเช่น ท่าน้ำ ท่ารถ ท่าเรือ ฯลฯ เพราะฉะนั้นชินดิษฐ์ หรือชินติฏฐะ ก็แปลว่าท่าตะกั่วตรง ๆ ก็ได้ โบราณเขาเก่ง เขาตั้งราชทินนามมาไพเราะ ทรงความหมายมาก"

เถรี
09-04-2019, 23:47
พูดถึงงานหล่อหลวงพ่อทองคำ "อาตมานั่งรับเงินในวันงานตรงนั้นเกือบ ๕ ล้านบาทสำหรับซื้อทองคำ แล้วก็รับทองคำ ทั้งทองแท่ง ทองรูปพรรณ รับอยู่ตรงนั้น ๙ กิโลกรัมกว่า ๆ วันเดียวตอนช่วงเช้าที่หล่อพระ ต้องเรียกว่าไม่ถึงวัน เพราะว่านั่งรับประมาณตอน ๖ โมงครึ่ง เสร็จแล้วก็ไปหล่อพระตอนเกือบ ๙ โมงครึ่ง ราว ๆ ๓ ชั่วโมงเท่านั้น

รับเงินสดไป ๔ ล้านกว่าเกือบ ๕ ล้านบาท แล้วก็ทองคำอีก ๙ กิโลกรัมเศษ ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือชนวนทองคำกับทองที่เหลือจากการหล่อ ซึ่งตอนนี้ช่างเขายอมแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว

ปกติพวกช่างหล่อนี่เขาจะคำนวณโลหะเก่งมาก แต่คำนวณของวัดท่าขนุนเป็นอันต้องเจ๊งทุกครั้งเลย ตอนหล่อหลวงพ่อเงินคำนวณอีท่าไหนไม่รู้ เหลือเนื้อเงินมา ๕๐ กว่ากิโลกรัม งานหล่อหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำนี่ ขนาดให้หล่อเนื้อเงินองค์ใช้งานจริงไปก่อน เพื่อจะได้คำนวณทองคำที่ต้องใช้ได้อย่างแน่นอน เพราะว่าน้ำหนักองค์เงินคูณด้วย ๑.๘ จะเป็นน้ำหนักองค์ทองคำ ตัวเลขเป๊ะ ๆ แน่นอนอยู่แล้ว ยังพลาดไปอีก ๒๐ กว่ากิโลกรัม

ต้องขอบคุณท่านทั้งหลายที่แอบมาหย่อนใส่เบ้า โดยที่ไม่รู้ว่าใครต่อใครบ้าง แต่ท่านอาจารย์บ๊ะหย่อนลงไป ๕ บาท...! ถ้าอยากรู้ว่าท่านไปตอนไหนแล้วไปถาม ท่านก็คงบอกว่า “กูก็ขี่ไม้กวาดไปสิวะ..!”"

เถรี
09-04-2019, 23:49
"ที่แน่ ๆ ก็คือปกติแล้วเทวดาที่รักษาในงานของวัดท่าขนุน ถ้าไม่ ๘ องค์ ก็ ๑๒ องค์ งานนี้ไปจำนวนมหาศาลมาก อาตมาเห็นคนเยอะ รับปัจจัยเท่าไรคนก็ไม่หมดสักที ถามท่านว่ามากันเท่าไร ? ท่านบอกว่า "ประมาณ ๓,๐๐๐ ครับ"

“สามพันอะไรวะ ? รับเท่าไรไม่รู้จักหมด” ท่านบอกว่า “ไอ้ ๓,๐๐๐ นี่พวกผมมา ส่วนชาวบ้านมากันเป็นหมื่น” น่าเหยียบไหม ? อาตมาก็คิดว่าคนมา ๓,๐๐๐ คน ประกาศไปด้วยความมั่นใจมาก

จาก ๘ หรือ ๑๒ องค์ที่เคยมาดูแลเวลามีงาน กลายเป็น ๓,๐๐๐ องค์ เพราะว่าสมเด็จองค์ปฐมท่านเสด็จมาเอง"

เถรี
10-04-2019, 00:34
พระอาจารย์เล่าว่า "ท่านอาจารย์วันชาติ วัดป่าพระพุทธบาทเขาน้อย เห็นอาตมาช่วยท่านอาจารย์โนรี วัดหนองหญ้าปล้อง สร้างหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔๐ ศอก ท่านก็คิดว่า ‘เฮ้ย...เล็กไปหน่อย ถ้ากูสร้างนี่เอา ๕๐ ศอกเลย’ เสียงสาธุลั่นทั้งฟ้าเลย เทวดาโมทนา ฉิบหายแล้ว..! ท้ายสุดก็เลยต้องทำ

คนซวยกลายเป็นอาตมา ช่วยท่านอาจารย์โนรีสร้างหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔๐ ศอกไป ๘ ล้านกว่าบาท ของท่านอาจารย์วันชาตินี่ทยอยให้ไปปีละล้าน ๆ ปาไป ๕ ล้านบาท บอกท่านว่าพอแล้ว ที่เหลือไปหาเองก็แล้วกัน เขาทำเองทำไมเดือดร้อนถึงอาตมาด้วยก็ไม่รู้ ?"

เถรี
10-04-2019, 00:37
"ตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐม ๔๐ ศอก จริง ๆ แล้วเป็นความคิดของหลวงพ่อวิโรจน์ วัดสระพัง ท่านบอกว่า "เฮ้ย...ลงทุนประมาณ ๑๐ ล้านเท่านั้นเอง เดี๋ยวพวกเราหากันมาให้ได้ ๑๐ คน คนละล้านก็อยู่แล้ว" ก็ดึงคนโน้นมาบ้าง คนนี้มาบ้าง คนนั้นมาบ้าง โดยเฉพาะอาตมาซึ่งเขาถีบให้ออกนำเป็นหัวหน้า

อาตมาถวายไป ๑ ล้านบาท ท่านอื่นทั้งหมดรวมตัวกันถวายไป ๑ แสนบาท คราวนี้ก็บรรลัยสิ ๑ ล้านกับอีก ๑ แสนบาทอยู่ใต้พื้นดินหมดเลย เป็นแค่ฐานรากเท่านั้น ไม่มีโผล่พ้นดินขึ้นมาเลย ท้ายสุดอาตมาก็เลยต้องหากฐินหาผ้าป่าไปให้ รวม ๆ แล้วหมดไป ๘ ล้านกว่าบาท ได้องค์พระขึ้นมาเรียบร้อย

คราวหน้าถ้าพรรคพวกกลุ่มนี้ชวนอีก อาตมาบอกว่าอย่าไปเชื่อมัน เพราะว่าถึงเวลาก็ประเภทโดดร่มหนีกันหมด ปล่อยให้อาตมาเครื่องบินตกตายอยู่คนเดียว

อาตมามีนิสัยว่าถ้าทำอะไรต้องทำให้เสร็จ ไม่ใช่ทำแล้วครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพราะว่าผิดหลักธรรมของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ การทำงานแล้วไม่คั่งค้างนั้นเป็นอุดมมงคล"

เถรี
10-04-2019, 19:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนแรกว่าจะเอาเหรียญพุทธบารมีสุริยันทรงกลดเนื้อทองคำมาวางในตู้ให้คนดูเล่น ๆ แต่ปรากฏว่าโดนบูชาไปหมดเกลี้ยงแล้ว ทำไว้แค่ ๓ เหรียญ เหรียญละ ๔๐๐,๐๐๐ บาท ถามว่าทำไมเหรียญละ ๔๐๐,๐๐๐ บาท ? ราคานี้เกือบจะไม่ได้อะไร เพราะว่าแต่ละเหรียญนี้น้ำหนักทองคำเกือบ ๒๐ บาท"

เถรี
10-04-2019, 23:11
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้คุณสุรีย์ (ผู้รับเหมา) กำลังให้ช่างทำพื้นหินขัดหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกที่หน้าวัด เขากะว่างวดนี้ลงน้ำยากันซึมแบบไม่เสียดาย แล้วค่อยขัดหินอีกชั้นหนึ่ง ดูว่าจะรั่วอีกไหม ? เขายืนยันว่าเสร็จทันสงกรานต์ จะส่งงานวันที่ ๘ นี้ คราวนี้แต่วันที่ ๘ อาตมาไม่อยู่ ไปเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์พอดี"

เถรี
10-04-2019, 23:14
"อาตมาเกี่ยวข้องกับการเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๓๐ ตอนนั้นเพิ่งจะได้พรรษาที่ ๒ หลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นประธานสงฆ์ในการตักน้ำในแม่น้ำสะแกกรัง บริเวณหน้าโรงเรียนพระสุธรรมยานเถรวิทยา เพราะว่าเป็นที่เกิดของสมเด็จพระปฐมบรมมราชชนก คือคุณพระพินิจอักษร (ทองดี) พระราชบิดาในรัชกาลที่ ๑ ช่วงนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะว่าหลวงพ่อท่านเป็นประธานอยู่

ครั้งที่ ๒ ปี ๒๕๕๔ เมื่อ ๘ ปีที่แล้ว เสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตอน ๘๔ พรรษา ฉลองอายุ ๗ รอบของพระองค์ท่าน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ ๓ ในชีวิต สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีเพิ่งถวายฎีกามา นิมนต์ไปเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในพิธีบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๑๐

ในชีวิตถ้าเกี่ยวข้องกับการเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในหลวงก็ ๓ ครั้งด้วยกัน ตอนแรกสำนักพุทธฯ มาถวายฎีกา บอกว่าไม่ต้องก็ได้ เพราะว่าหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีท่านนิมนต์ไว้เรียบร้อยแล้ว เขาบอกไม่ได้ครับ เพราะว่าถือเป็นหน้าที่โดยตรงของสำนักพุทธฯ เพราะฉะนั้นถึงจะรับฎีกาจากใครแล้วก็ตาม สำนักพุทธฯ ก็ต้องออกฎีกาอีก ๑ ฉบับ"

เถรี
10-04-2019, 23:19
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ก็เลยเกี่ยวข้องอยู่กับของพวกทางวัฒนธรรม พวกการทอผ้ามือ วันก่อนก็เพิ่งจะมีงานวันรักการอ่านคนกาญจนบุรี สภาวัฒนธรรมของอาตมาก็เอาผ้ากะเหรี่ยงกับสินค้ามอญไปออกงาน สร้างอาคารเรือนกะเหรี่ยงหนึ่งหลัง เรือนมอญหนึ่งหลัง เอาของไปขาย คนทอผ้าก็ทอไม่ทัน สะสมสินค้ามาตั้งหลายเดือน แค่วันเดียวขายเกือบหมดแล้ว

สินค้าเขาใช้ภาษาง่าย ๆ ว่าทำมือ ก็คือทอด้วยมือ ทอด้วยกี่เอว กว่าจะได้แต่ละผืนก็ช้า ต้องอาศัยเครื่องทอเข้ามาช่วย ตอนนี้ทางด้านชาวมอญห้วยเขย่งขอกี่ทอผ้ามา ๑๐ ชุด ในงบประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท อาตมาบอกเอาไป ๕ ชุดก่อน เพราะว่า ๕ ชุดนี้ก็คือ ขอดูว่าคุณเอาจริงแค่ไหน ? สัมฤทธิผลของงานเป็นอย่างไร ? ควรแก่การสนับสนุนต่อไปหรือไม่ ? เพราะฉะนั้น..ปีนี้เอาไป ๕ ชุดก่อน ถ้าทำแล้วผลงานออกมาดี ปีหน้าจะเพิ่มให้อีก ๕ ชุด จะได้เป็นโครงการต่อเนื่องไปอีกปีหนึ่งด้วย อาตมาเองก็ไม่ต้องจ่ายทีเดียว ๒๐๐,๐๐๐ บาท เขาเองก็จะได้รู้ว่าเขาเอาจริงกันเท่าไร"

เถรี
10-04-2019, 23:21
"ส่วนศูนย์วัฒนธรรมกะเหรี่ยงบ้านไร่ป้าขอด้ายมา เพราะว่าชาวบ้านส่วนใหญ่เขามีกี่เอวกันเองอยู่แล้ว อาตมาก็มีหน้าที่ซื้อด้ายให้ พยายามบอกเขาแล้วว่าให้เปลี่ยนสีบ้าง ถ้าหากว่าเป็นสีทึบ ๆ คนซื้อไม่ค่อยอยากได้ ต้องสีสด ๆ อย่างแดง ฟ้า เขียวสด เหลืองสด ฯลฯ นักท่องเที่ยวเห็นก็แย่งกัน สีพวกนี้จะหมดก่อนเพื่อนเลย

แต่ที่น่าทึ่งที่สุดก็คือผ้ากะเหรี่ยง น้องเล็กเขาซื้อมาชุดหนึ่ง เอาไว้ใช้ในงานวัฒนธรรม เขาย้อมสีได้ดีมาก ซักแล้วสีไม่ตกเลย ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขามีวิธีย้อมแบบไหน อยู่ยงคงทนมาก สีไม่ตกเลย"

เถรี
11-04-2019, 22:42
"อาทิตย์ก่อนไปร่วมสัมมนากับทาง ศ.ศ.ป. คือศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ คณะของ ศ.ศ.ป. มาที่บ้านหนองเจริญของลุงโจ-ป้าลอน ซึ่งป้าลอนได้รับบันทึกชื่อเป็นครูศิลป์ของแผ่นดินในด้านงานจักสาน ที่เขาสัมภาษณ์มีอยู่จุดหนึ่งก็คือ ทางเรามีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมกี่แห่ง ? แล้วมีการประสานงานรวมเป็นเส้นทางวัฒนธรรมเดียวกันหรือเปล่า ? มีนักท่องเที่ยวมาประมาณเท่าไร ? มีคนมาดูงานเท่าไร ?

อาตมาบอกไปว่าโยมต้องทำความเข้าใจก่อนว่า งานทางวัฒนธรรมเป็นงานที่คนต้องสนใจจริง ๆ ถึงจะมาดู นักท่องเที่ยวปัจจุบันนี้แบ่งเป็น ๓ พวกด้วยกัน พวกหนึ่งเที่ยววัด ก็จะมีเส้นทางไหว้พระ ๙ วัดกาญจนบุรี ซึ่งวัดท่าขนุนเป็นหนึ่งใน ๙ วัดนั้น อีกพวกหนึ่งเที่ยวธรรมชาติ ไปป่า ไปเขา ไปล่องแพ ไปขี่ช้าง ฯลฯ

ส่วนพวกสุดท้ายท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ที่น่าสงสารคือมีน้อยที่สุด ถ้าหากว่าเราเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมขึ้นมาแล้วมีนักท่องเที่ยวน้อย เขาก็จะขาดกำลังใจ ตอนช่วงนี้ต้องพ่วงอยู่ในชุมชนคุณธรรมที่มีวัดเป็นแกนนำ จะต้องหาทางเอาสินค้าทางวัฒนธรรมมาตั้งไว้ในวัด คนมาเที่ยววัดก็จะได้เจอสินค้าไปด้วย"

เถรี
11-04-2019, 22:47
"คราวนี้อาตมาเองก็เพิ่งจะจัดงานตลาดชุมชน เอาสินค้าทางวัฒนธรรมมาลงตอนช่วงงานปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน ทำให้เห็นข้อบกพร่องอยู่อย่างหนึ่งว่า สินค้าพวกนี้ต้องมีเวลาในการสะสม ก็คือให้เขาทอ ให้เขาจักสาน ให้เขาผลิต ถึงเวลาก็ต้องเว้นระยะ สะสมสินค้าพอแล้วถึงจะได้ไปออกจำหน่ายใหม่

เพราะฉะนั้น...งานต่อไปก็เลยเว้นไปออกวันที่ ๑๕-๑๗ มิถุนายน ซึ่งเป็นงานฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมาเอง ให้ชาวบ้านเขามีเวลาสะสมสินค้า งวดนี้ขายในวัด ไม่ขายหน้าวัดแล้ว หน้าวัดเอาไว้จอดรถ ขายในวัดอย่างไร ? เรามีซุ้มอยู่อย่างน้อย ๆ ก็ ๙ ซุ้ม แล้วกางเต็นท์เพิ่ม ก็น่าจะได้สัก ๑๐ กว่าร้าน ไม่ถึง ๒๐ ร้านก็ใกล้เคียง แล้วก็ให้แต่ละชุมชนเอาสินค้ามาลง ไม่รู้ว่าจะมีใครยืนระยะได้ครบ ๓ วันบ้าง เหตุที่ยืนระยะไม่ครบ ๓ วันเพราะว่าเวลาคนมา เห็นอะไรแล้วชอบใจก็มักจะกวาดทีเดียวหมด"

เถรี
11-04-2019, 22:55
"บางทีเขาทอผ้าอยู่ตั้งหลายเดือนกว่าจะได้สัก ๕-๖ ตัว บางคนสั่งทีหนึ่ง ๓ ตัว แทบจะหมดเลย แต่ว่าพวกผ้าทอมือราคาจะแพงหน่อย ชุดหนึ่งราคาเป็นพัน ถ้าหากว่าทอเครื่องก็จะได้รูปแบบงานที่ดูดีกว่า สวยกว่า แล้วก็ทำได้เร็วกว่า แต่ว่าขาดความเป็นธรรมชาติ ก็คือผ้าทอมือจะมีพวกปมด้าย ที่ต้องต่อ ต้องมัด แล้วแต่เหตุการณ์ ซึ่งฝรั่งจะชอบมากกว่า เขาเห็นว่าเป็น Handmade จริง ๆ แต่ถ้าใช้เครื่องทอนี่เส้นด้ายไม่มีรอยต่อ บางทีเขาก็ไม่ชอบ ไปชอบของทำยาก...ถึงแพงก็สู้

ถ้าหากว่าทอมือบางทีตัวหนึ่ง ๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ บาท แต่ทอเครื่องตัวหนึ่งอาจจะเหลือแค่ ๓๐๐-๔๐๐ บาท ทอกันแทบตายเป็นเดือน ๆ กว่าจะได้สักตัวหนึ่ง โยมมาถึงใช้เวลา ๒ นาทีตัดสินใจซื้อไปแล้ว คนทอผ้าก็นั่งเคว้ง แล้วจะเอาอะไรมาขายอีก ?"

เถรี
11-04-2019, 23:00
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาชอบเครื่องรางเพราะว่าทำยาก ส่วนอาจารย์บ๊ะท่านชอบเหรียญ อาตมาก็เลยผ่องถ่ายเหรียญไปให้ท่านอาจารย์บ๊ะ ไปนั่งส่องเอา ตัวเองก็เก็บเครื่องรางต่อไป"

เถรี
11-04-2019, 23:05
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าหากว่าใจสบายร่างกายจะทรุดโทรมช้า ถ้านับเพื่อนร่วมรุ่นหรือรุ่นน้องที่ระดับ ๕๐-๖๐ ปีด้วยกัน อาตมาจะแก่ช้าหน่อย ที่แก่ช้าเพราะว่ามัวแต่ทำงาน...ลืมเวลา ไม่ได้ไปนั่งนึกถึงเวลาว่าผ่านไปกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ลืมนึกไป ในเมื่อลืมนึกไปก็เท่ากับว่า เวลาของเรายังไม่ทันจะผ่านไป ก็เลยแก่ช้าหน่อย ลองทำกันดูนะ..เผื่อว่าจะทำได้

หลวงพ่อเมียะ อดีตเจ้าอาวาสวัดสะพานลาว ท่านบอกว่า “อาจารย์เล็กเขาไม่แก่หรอก เขาไม่เครียด เขามีสตางค์” ปรากฏว่าหลวงพ่อชนะ วัดเสาหงส์บอกว่า “มีสตางค์นั่นแหละตัวเครียดเลย ไม่รู้ว่าจะโดนปล้นเมื่อไร” สรุปว่าคนอื่นมีสตางค์แล้วเครียดเพราะว่ากลัวโดนปล้น ส่วนวัดท่าขนุนมีสตางค์แล้วไม่เครียด เพราะว่าไปถึงก็ใช้หมด"

เถรี
11-04-2019, 23:09
"ต้องขอบพระคุณอย่างยิ่งที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนลูกศิษย์ไม่ให้เก็บเงิน มีเท่าไรใช้ให้หมด ทำหนี้เอาไว้เยอะ ๆ ยิ่งดี เงินมาจะได้ไม่คิดว่าเป็นของเรา เออ...วิธีนี้เข้าท่า เพราะว่าตั้งแต่ทำมาพอไม่มีเงินเหลือเก็บแล้วสบายใจ ไม่ต้องเครียด มีเท่าไรใช้แค่หมด ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนใครปล้นหรือเปล่า"

เถรี
11-04-2019, 23:28
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตัดผมไฟแล้วเสียของ เด็กถ้าหากว่าไม่ตัดผมไฟ ถึงเวลายังเป็นวัตถุอาถรรพ์ได้อยู่อย่างหนึ่ง คือผมสาวพรหมจารีที่ไม่ได้โกนผมไฟ เขาเอาไว้ทำบ่วงตัดเหล็กไหล เพราะฉะนั้น..โกนแล้วเสียของหมด

สมัยนี้อยากหาสาวพรหมจรรย์ต้องให้เจ้าแม่กวนอิมท่านตัดสิน งานแห่มังกรที่ปากน้ำโพ เขาจะหาสาวพรหมจรรย์มาเป็นร่างทรงของเจ้าแม่กวนอิม

วิธีหาของเขาก็คือ มีสาวสมัครมากี่คนก็จัดส้มคูณ ๒ ไป อย่างเช่นมีอยู่ปีหนึ่งมีผู้สมัครเป็นร่างเจ้าแม่กวนอิม ๒๔ คน เขาก็เอาส้ม ๔๘ ลูก เขียนหมายเลขหนึ่ง ๒ ใบ หมายเลขสอง ๒ ใบ ไล่ไปเรื่อยจนถึง ๒๔ แล้วใส่ไว้ในตะกร้าหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็เขียนใส่อีก ๗ ตะกร้า รวมแล้ว ๘ ตะกร้า แปลว่าร่างทรงเจ้าแม่กวนอิมจะต้องไปล้วงส้มแต่ละตะกร้า ตะกร้าละ ๒ ใบ รวมแล้วส้ม ๑๖ ใบต้องได้หมายเลขเดียวกันทั้งหมด มีโอกาสเป็นไปได้สักหนึ่งในล้านไหม ? แต่เขาก็ได้กันทุกปีนะ

ใครที่ได้เป็นร่างทรงเจ้าแม่กวนอิม เสร็จพิธีแล้วบรรดาเถ้าแก่วิ่งสู่ขอกันอุตลุด ไม่ต้องใช้แม่สื่อ ทุกคนมั่นใจว่าผ่านการรับรองจากเจ้าแม่กวนอิมแล้ว พวกเราล้วงตะกร้าหนึ่งจะให้ได้หมายเลขเดียวกัน ๒ ใบก็ยากแล้ว นี่ ๘ ตะกร้าต้องได้หมายเลขเดียวกันทั้ง ๑๖ ใบ ดูเหมือนจะยากกว่าออกเลขท้ายสามตัวของรางวัลที่หนึ่งตั้งเยอะ"

เถรี
13-04-2019, 20:24
พระอาจารย์เล่าว่า "ถ้าจำไม่ผิด...เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ไปงานประจำปีที่วัดท่าซุง หลังจากเจริญพุทธมนต์แล้ว รับไทยธรรมเสร็จก็มีการให้ญาติโยมใส่ย่ามพระ อาตมาเอาย่ามไปก็วางให้โยมเขาใส่ สักพักหนึ่งทางวัดก็เอาถุงผ้าโปร่งใส่พานมาให้โยมใส่แทน อาตมาเองในเมื่อวางย่ามแล้วก็ไม่เอาออก วางไว้อย่างนั้นแหละ โยมที่มาก็เลยใส่ถุงผ้าในพานแล้วก็ใส่ย่ามอีก กลายเป็น ๒ เด้ง ก็เลยรับมาเยอะกว่าชาวบ้านเขาหน่อย ถ้ามัวรอถุงผ้าของทางวัดก็จะได้เด้งเดียว เงินจำนวนนี้อาตมาเอาลงหล่อพระทองคำไปเรียบร้อยแล้ว"

เถรี
13-04-2019, 20:34
"อาตมาไปประชุมสัมมนากับศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ พอแนะนำตัวว่าอาตมาคือพระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ด็อกเตอร์ธาวิษ ถนอมจิตศ์ กระโดดเหยง “หลวงพ่อเล็กใช่ไหมครับ ?” “ใช่” “ผมเพิ่งจะโอนเงินไปร่วมหล่อพระกับหลวงพ่อเมื่อไม่นานมานี้เอง” แล้วเอ็งก็ไม่รู้จักข้าเลยนะ นั่งอยู่ติดกันแท้ ๆ ถ้าไม่แนะนำตัวจะรู้จักไหมนั่น ?

ท่านจบด็อกเตอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ พอดีว่าท่านจบจากนิด้า ส่วนอาตมามีอาจารย์ที่นิด้าหลายคน ก็เลยคุยกันถูกคอดี โดยเฉพาะอาจารย์ที่ลูกศิษย์ลงความเห็นว่าติ๊งต๊องอย่างศาสตราจารย์ด็อกเตอร์กฤษ เพิ่มทันจิตต์ คนไปว่าท่านติ๊งต๊องเพราะท่านมาถึงท่านจะบอกเลยว่า ในอดีตคุณเคยเป็นอะไร เคยมีความสัมพันธ์อะไรกันมา ผมถึงต้องมาสอนคุณ เจออาจารย์แบบนี้เข้าลูกศิษย์บางคนรับไม่ได้ เลยว่าท่านอาจารย์ติ๊งต๊อง

ส่วนอาตมาท่านอาจารย์เจอหน้าก็บอกว่า “ท่าน...เราเคยทำงานร่วมกันภายใต้เศวตฉัตรของในหลวงรัชกาลที่ ๕” ท่านอาจารย์ก็แม่นนี่หว่า..! เจอหน้ากันครั้งแรกก็บอกเลย คนเขาเลยว่าอาจารย์กฤษเป็นอาจารย์ติ๊งต๊อง แต่ความจริงที่ท่านพูดมาใช่ทั้งนั้นแหละ ต้องบอกว่านิด้านั้นเป็นแหล่งซ่อนเสือซ่อนมังกร"

เถรี
13-04-2019, 20:36
"อาจารย์อีกคนก็คือรองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์สมพร แสงชัย ปัจจุบันนี้ท่านพกพระกริ่งพิชัยสงครามของวัดท่าขนุน ท่านบอกว่าท่านจับวัตถุมงคลมามากมายมหาศาล มีวัตถุมงคลชิ้นนี้พลังงานมากที่สุด อยากรู้ว่าใครเสก เพื่อนที่เอาพระกริ่งพิชัยสงครามไปให้ก็พามาเจอหน้าอาตมา ท่านอาจารย์ก็นั่งงง เพราะว่าสมัยที่ทำพระกริ่งพิชัยสงครามอาตมาเพิ่งจะอายุไม่เท่าไร

ตรงจุดนี้เป็นจุดได้เปรียบของลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุง เพราะว่าเรารู้จักพระพุทธเจ้า พอถึงเวลาก็ขอบารมีท่านให้สงเคราะห์ ไม่ต้องเสกเอง ถ้าหากว่าคุณขอบารมีเป็น ทำได้ถูกต้อง ทำอะไรก็ขลัง เพราะฉะนั้น...ท่านอาจารย์จากนิด้า ๒ ท่านที่คุ้นเคยกัน ล้วนแต่มีความสามารถพิเศษแบบนี้ทั้งคู่

ตอนอาตมาเรียนปริญญาเอก ท่านอาจารย์สมพรเป็นอาจารย์พิเศษ เขาเชิญท่านมาสอน เจอหน้ากันท่านอาจารย์ก็ประกาศเลย บอกว่า "ผมเองมาเป็นอาจารย์ แต่ในจำนวนลูกศิษย์ทั้งหมดในที่นี้ มีพระอาจารย์ของผมอยู่ด้วย" สรุปว่าทั้งสองคนผลัดกันเป็นอาจารย์ ผลัดกันเป็นลูกศิษย์

เรื่องพวกนี้ทำให้เห็นชัดว่า ในส่วนที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าอภิญญาจะปรากฏเป็นสาธารณะเริ่มชัดขึ้น แต่ว่าสำคัญตรงที่ว่า ท่านที่รู้ก็มักจะโดนควบคุมว่าพูดได้แค่ไหน แสดงออกได้แค่ไหน"

เถรี
13-04-2019, 20:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา ขอให้ดำริของท่านจงเต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ จันโท ปัณณะระโส ยะถา ประหนึ่งพระจันทร์ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ...ฟังยาก พวกเราฟังไม่ออก ซ้ำยังแปลไม่ได้อีกต่างหาก

ยะถาก็คือฉันนั้น ตะถาก็คือฉันใด ประหนึ่งพระจันทร์เต็มดวงในวันขึ้น ๑๕ ค่ำฉันนั้น ลงท้ายด้วยยะถาต้องแปลว่าฉันนั้น"

เถรี
13-04-2019, 21:36
พระอาจารย์กล่าวว่า "สำหรับวัดท่าขนุนปีนี้ นักเรียนบาลีทำชื่อเสียงไว้มาก สอบประโยค ๕ ได้ ๒ รูป ประโยค ๑-๒ ได้ ๓ รูป ไปตกประโยค ๔ อยู่รูปเดียว ก็สู้ต่อไป

ปีนี้มีพระใหม่อาสาไปเรียนเพิ่มอีก ๒ ราย คือท่านอาจารย์พระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ เปรียญธรรม ๙ ประโยค รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีรูปที่ ๒ ท่านทำโครงการ ๑ อำเภอ ๑ มหาเปรียญ ก็เลยบอกท่านว่า "ทองผาภูมิไม่ต้องทำหรอกครับ ทองผาภูมินี่มหาเปรียญจะท่วมวัดท่าขนุนตายอยู่แล้ว" แต่ว่าปีนี้ก็ส่งให้ท่านไปรูปหนึ่ง

ที่อัศจรรย์ก็คือหลวงพ่อมหาเอกชัย วัดหม่องกระแทะ ปีนี้สอบเปรียญธรรม ๙ ประโยคได้ อัศจรรย์สุด ๆ คือว่าท่านอายุมาก การสอบประโยค ๙ ได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ถามว่าทำไมไม่ใช่เรื่องง่าย ? เปรียญธรรม ๙ ประโยคในจังหวัดกาญจนบุรี ถ้ารวมท่านอาจารย์มหาเอกชัยก็เพิ่งจะนับได้ครบ ๒ มือ

การเรียนบาลีต้องใช้ความอดทนมาก ๆ สมัยอาตมาเรียนอยู่ หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เตือนอยู่เสมอ เจอหน้าเมื่อไรก็ “ท่านเล็ก...อย่าทิ้งสมาธินะ ทิ้งเมื่อไรจะท้อ สู้ไม่ไหวหรอก บาลีนั้นยาก” บาลีที่ยากเพราะว่าเขาบังคับให้เราจำอย่างเดียว โอกาสที่จะเข้าใจมีน้อยมาก ถ้าอยากจะเข้าใจบาลีจริง ๆ ต้องไปเรียนบาลีใหญ่ ที่เขาเรียกว่ามูลกัจจายน์ ทางโน้นเขาจะมีสูตรบอกให้รู้ว่าแต่ละอย่างมาจากไหน ที่มาที่ไปอย่างไร แล้วถ้าหากว่าเรียนบาลีทั่วไป เปรียญธรรม ๑-๒ ไม่ถึง ๙ ทน ๆ จำเอาก็แล้วกัน เป็นการวัดว่าสมองใครดีกว่า จำได้เยอะกว่า เขาไม่ได้วัดความเข้าใจ"

เถรี
15-04-2019, 20:07
พูดถึงไม้ "เนื้อไม้มะเกลือกับไม้ชิงชันจะแน่นหนักชนิดไม่ลอยน้ำ โยนลงก็จมน้ำเลย ส่วนไม้อื่นนี่ยังลอยน้ำอยู่ ถ้าอยากรู้จักไม้มาก ๆ ก็ต้องเด็กบ้านนอกอย่างอาตมา เพราะว่าคลุกคลีตีโมงอยู่กับของพวกนี้ สมัยก่อนต้องตัดไม้มาทำบ้าน ทำศาลา ฯลฯ ถึงเวลาเขาเปิดปีกไม้ออกมา เนื้อข้างในเป็นอย่างไรก็จำเอาไว้

ตอนไปที่สังขละบุรี เจ้าของร้านเขาขายเฟอร์นิเจอร์ เป็นลูกกลึงที่เอาไว้นั่ง ๒ ลูก เห็นแล้วชอบใจมากเลย ถามเขาว่าราคาเท่าไร ? เจ้าของร้านบอกว่า ถ้าอาจารย์บอกถูกว่าไม้อะไรให้ฟรีเลย ก็เลยบอกแน่ใจนะ ? เขาบอกแน่ใจ อาตมาบอกว่า "ไม้ตะคึก เอามาเสียดี ๆ กูรู้จัก" ไม่อย่างนั้น ๒ ลูกนั้นต้องจ่ายเขาไม่ต่ำกว่า ๔,๐๐๐ บาท

พวกเราแค่คำว่า ตะคึก ยังไม่รู้จักเลยใช่ไหม ? ต้นตะคึกจริง ๆ แล้วใบอ่อนสามารถกินได้ แต่ต้องต้มหรือไม่ก็ต้องย่างไฟก่อนจิ้มน้ำพริก เด็กบ้านนอกอย่างอาตมากินกระจายหมด ถึงเวลาถ้าไปกับคุณมงคลหรือพี่แดงของพวกเรา คุณแดงก็จะมองว่าต้นไหนขายได้ ส่วนอาตมาจะมองว่าต้นไหนกินได้ เดินผ่านป่าแต่ละทีต้นไม้เฉาเลย ไอ้นี่ก็จ้องจะกิน ไอ้นั่นก็จ้องจะขาย"

เถรี
15-04-2019, 20:12
"ไม้ทำเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เขาใช้ไม้ชิงชันหรือไม้แดง แล้วก็ไม้จำปา ไม้มะม่วง แต่ร้านนั้นไม่รู้ว่าไปเอาไม้ตะคึกมาจากไหน ได้มาแต่แก่นล้วน ๆ เนื้อสีดำ สีสันออกคล้าย ๆ มะเกลือ เพียงแต่ว่ามะเกลือนี่ลายน้อย ตะคึกลายชัดกว่า คนที่เคยชินมองดูก็รู้ทันที

อย่างไม้พะยูงกับไม้ชิงชัน ถ้ากลึงติดกระพี้เหมือนกันจะดูไม่ออก ยกเว้นคนที่ชำนาญ ก็คือไม้พะยูงเนื้อจะละเอียดกว่า แล้วก็สีเข้มกว่า พอใช้ไปนาน ๆ ไม้พะยูงจะออกสีดำเลย แต่คนจีนเขาว่าสีม่วงดำ คนจีนเขาเรียกไม้จันทน์ม่วง เป็นไม้มงคลสูงสุดของจีน สำหรับคนจีนถ้าไม่ใช่แก่นต้นท้อ ไม้พะยูงเขาถือว่าเป็นไม้มงคลที่สุด ขายกันชนิดชั่งกิโลขาย ไม่ต้องสงสัยหรอก ในบ้านเราที่ขโมยตัดไม้พะยูงกันฉิบหายวายป่วง ก็ส่งไปจีนทั้งนั้นแหละ เพราะว่าราคาแพงมาก

บรรดาวัดทางภาคอีสานสมัยก่อนนี่ ส่วนใหญ่จะมีไม้พะยูงอยู่มาก แต่ละต้นก็ใหญ่ ๆ ทั้งนั้น วันดีคืนดีดึก ๆ ก็มีรถกระบะวิ่งเข้ามาพร้อมกับเลื่อยเครื่อง...แล้วตัดเลย หลวงพ่อออกไปไล่ก็บอกว่า หลวงพ่อกลับไปจำวัดเถอะ ถ้ามายุ่งตรงนี้เดี๋ยวจะตายเสียเปล่า ๆ แล้วหลวงพ่อที่ไหนจะกล้าไปยุ่ง ? เขาไม่ได้สนใจว่าเป็นของสงฆ์ของวัด เขารู้อยู่อย่างเดียวว่าขายได้ราคาแพง"

เถรี
15-04-2019, 20:13
"พระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราชของวัดท่าขนุน ด้ามทำด้วยไม้พะยูง ตอนแรกอาตมาตั้งใจจะเอาฝักไม้พะยูงด้วย แต่ปรากฏว่าไม้ที่หามาเป็นไม้สด ก็คือเขาโค่นแล้วผ่ามาเลย ไม้สดนี่ถ้าไม่รอหลาย ๆ ปีจนกระทั่งอยู่ตัว ถึงเวลาพอทำเป็นฝักซึ่งเป็นไม้แผ่นบาง ๆ พอแห้งแล้วก็บิดตัว เสียไม้ไปเยอะ ก็เลยต้องเปลี่ยนฝักเป็นไม้สักทอง ด้ามเป็นไม้พะยูง เพราะว่าไม้สักทองนั้นอาตมามีไม้สักเก่าอยู่

ใครที่ได้พระขรรค์โสฬสไปลองพิจารณาให้ดี ๆ จะเห็นว่าด้ามเป็นไม้พะยูง ส่วนฝักเป็นไม้สักทอง ก็คงหาดูยากสักหน่อย เพราะว่าทำแค่ ๘๔ เล่ม ทำถวายกุศลในหลวงรัชกาลที่ ๙ สามารถยืดให้ท่านอยู่ได้มาอีก ๕ ปี ๘๙ แล้วถึงได้เสด็จสวรรคต ปีที่พระองค์ท่าน ๘๔ พรรษา อาตมาเองก็ได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรปีนั้นพอดี ก็เลยเป็นวัตถุมงคลชิ้นแรกที่มีชื่อพระครูวิลาศกาญจนธรรมจารึกอยู่ ยังไม่รู้ว่าชิ้นต่อไปคืออะไร น่าจะเป็นบาตรน้ำมนต์ฉลอง ๖๐ ปีกระมัง ? ใครที่จองก็ถือว่าเป็นวัตถุมงคลชิ้นที่ ๒ ที่มีชื่อของอาตมาจารึกอยู่"

เถรี
15-04-2019, 20:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณสว่าง เหมือนปอง ผู้ทรงคุณวุฒิสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ เพิ่งจะแต่งเพลงและร้องเพลงหลวงพ่อทองคำวัดท่าขนุน บันทึกวีดีโอเสร็จ ถ้าใครอยากฟังเข้าไปใน Facebook ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนนะ

อาตมาเรียก “พี่หว่าง” โยมต้องเรียกปู่แล้ว อายุ ๗๐ กว่าแล้ว ได้ยินเสียงแล้วจะคิดว่าเด็กวัยรุ่น ถามว่าได้ดูแลร่างกายอะไรเป็นพิเศษบ้าง เขาบอกว่าไม่มีเลย กิน ๆ นอน ๆ ตามปกติ อาตมาเองก็แค่สนับสนุนข้อมูลแล้วก็สตางค์ ส่วนเนื้อเพลงกับคำร้องฝีมือพี่หว่างล้วน ๆ"


:4672615: ตามลิงค์นี้ค่ะ : https://www.youtube.com/watch?v=0u_wRLNZ8Ro&feature=youtu.be&fbclid=IwAR3TfJyuFVibn7P7yCEXVe5APXr429dq68-cvr1kHXWtFksAYDTVCNg-FvA

เถรี
15-04-2019, 20:57
โยมมัวแต่ถ่ายรูป "จะรวยช้าก็ตอนถ่ายรูปนี่แหละ รีบยกมา...! ทำบุญ ทำให้ง่าย ทำให้ไว อย่าทำให้ยาก สมัยนี้เป็นธรรมเนียมนิยมใช่ไหม ? จะทำอะไรต้องลงโซเชียลให้ชาวบ้านเขารับรู้ก่อน

สักประมาณ ๓ เดือนที่แล้ว มีคลิปวีดีโอหนึ่งที่สาวกับหนุ่มเขาชอบกัน พอถามชื่อนามสกุลแล้วสาวค้นอะไรของหนุ่มคนนั้นไม่เจอสักอย่าง เพราะว่าเขาไม่เล่น facebook ความเครียดก็บังเกิด เพราะไม่รู้ว่าหนุ่มเป็นใคร ชอบอะไร มีการดำเนินชีวิตอย่างไร ท้ายสุดก็สรุปว่าผู้ชายน่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาว ถ้าอย่างนั้นอาตมาก็เป็นมนุษย์ต่างดาวมาตั้งนานแล้วเพราะว่าไม่เล่นเหมือนกัน

เหตุที่ไม่เล่น Facebook เพราะอะไรรู้ไหม ? อันดับแรก...เล่นยาก ยังไม่เคยมีใครบอกว่าเล่นอย่างไร อันดับที่สอง...เวลาไม่มี เรื่องจะไปส่อง Facebook นั่งเขี่ยกันเป็นวัน ๆ ไม่มี ก็เลยไม่เล่น แต่บรรดาเพื่อนอาจารย์เขาบอกว่า พระอาจารย์เล็กเป็นอาจารย์ที่ไม่เล่น Facebook แต่มีรูปลง Facebook มากที่สุดในโลก สรุปก็คือพอพวกเรามาทำบุญที่นี่แล้วถ่ายรูปไปลง ก็ติดอาตมาไปด้วย"

เถรี
15-04-2019, 20:59
"Facebook เหมาะที่จะให้คนแก่อายุ ๖๐ ปีไปแล้วเล่น เพราะว่าตอนนั้นเกษียณอายุแล้วไม่มีอะไรทำ เพราะฉะนั้น..ใครมีพ่อแม่ปู่ย่าตายายวัยเกษียณก็หาเฟซบุ๊ก หาไลน์ให้ท่านเล่น ไม่ใช่ว่าพอถึงเวลาหาให้ท่านเล่นแล้ว ท่านถามว่าจะให้ข้าสอนแกไหม ? เพราะว่าเล่นมานานแล้ว

เทคโนโลยีควรจะอำนวยความสะดวกให้กับเรา ถ้าทางโลกคืออำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต ทางธรรมคืออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติธรรมของเรา แต่อย่าให้เทคโนโลยีเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา ไม่อย่างนั้นถ้าขาดเมื่อไรท่านจะลงแดงตาย..!"

เถรี
15-04-2019, 21:05
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา วันที่ ๓ เมษายน เสียงหม้อแปลงไฟฟ้าในวัดท่าขนุนระเบิด...ตูม...! ไฟดับเกือบทั้งวัด พระท่านก็ไปดูสาเหตุกัน สักพักหนึ่งก็ไลน์มาบอกว่า “หลวงพ่อ...บ่างบินไปเกาะฟิวส์สายไฟแรงสูง ก็เลยระเบิด” อาตมาออกไปดู ปรากฏว่าไม่ใช่บ่าง แต่เป็นกระรอกบิน จึงบอกพระท่านว่า ถ้าบ่างปีกจะกว้างกว่านี้ ขณะเดียวกันหางก็มีติ่งอยู่นิดเดียว แต่หางฟู ๆ แบน ๆ แบบนี้เขาเรียกว่ากระรอกบิน

เป็นความซวยของเขาเอง เพราะว่าบินอยู่ทุกวัน อาตมาขอให้เขาหุ้มสายไฟ เพราะว่าถึงเวลาหน้าฝนลมแรง ถ้ากิ่งไม้แกว่งไปกระทบสายไฟเปลือย ๆ จะช็อตเอา หุ้มสายไฟหมด มีตรงฟิวส์ที่หุ้มไม่ได้ ทุกวันกระรอกก็ลงถูกที่ แต่วันนี้ลงผิด ไปลงไปโดนฟิวส์พอดี เกรียมได้ที่กำลังกินเลย ประมาณ Medium...!

ที่พูดไม่ได้นึกถึงกระรอกบินปิ้งหรอก ที่พูดเพราะประมาณ ๓๐ นาทีที่ไฟดับ พระทั้งวัดออกมานอกกุฏิกันหมดเลย ไฟฟ้าดับไม่มีพัดลมใช้ มีแต่เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนนั่งทำงานหน้าตาเฉย เพราะว่าเปิดพัดลมใส่ตัวก็เป็นไข้ ถ้าเปิดแอร์ก็คัน ใช้อะไรไม่ได้สักอย่าง จึงเคยชินกับอากาศปกติ คนอื่นร้อนกันแทบตาย แต่อาตมาห่มผ้านอน..!"

เถรี
15-04-2019, 21:09
"เพราะฉะนั้น..ถ้าเราปล่อยให้เทคโนโลยีหรือเครื่องอำนวยความสะดวกเป็นทุกอย่างในชีวิตของเรา ไม่ต้องอะไรหรอก แค่ไฟฟ้าดับเราก็แย่แล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้ว สำหรับอาตมา ถ้าไฟฟ้าดับ ไมโครเวฟใช้ไม่ได้ก็ช่างหัวมัน เตาไฟฟ้าใช้ไม่ได้ก็ช่างหัวมัน มีแก๊สก็หุงข้าวได้ ไม่มีแก๊สก็หุงด้วยถ่าน ไม่มีถ่านก็หุงด้วยฟืน ไม่มีหม้อ ไม่มีไห ก็หุงด้วยกระบอก ไม่มีกระบอกก็ห่อผ้าชุบน้ำฝังดิน เอาดินกลบแล้วก่อไฟเผาก็ได้กินเหมือนกัน

สรุปว่าถ้าโยมไปกับอาตมามีสิทธิ์ตาย เพราะทำอะไรไม่เป็น โบราณถึงบอกว่า รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ความรู้ทุกประเภทถึงเวลาสามารถช่วยเราได้ ดังนั้น..พอมีงานอบรมแต่ละที ส่วนใหญ่แล้วอาตมาจะไปด้วยตัวเอง บางทีเขาถามว่า หลวงพ่อยังต้องมาด้วยตัวเองอีกหรือ ? ส่งตัวแทนมาก็ได้ ส่งตัวแทนไป พอเขียนรายงานมาก็ไม่ละเอียดเหมือนกับไปฟังเอง"

เถรี
15-04-2019, 21:16
"ดังนั้นความรู้ต่าง ๆ หาใส่ตัวไว้ เขาเรียกว่า สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดจากการศึกษาเรียนรู้ เรียนมาก ฟังมาก จำได้มาก หลังจากนั้นถ้าเอาไปขบคิดจนแตกฉาน นำไปใช้งานได้ เรียกว่า จินตมยปัญญา จำไว้นะ ไม่ใช่จินตา จินตานั้นบาลีผิด หลังจากนั้นถ้าหากเอาไปตรึกตรอง จนกระทั่งรู้เห็นตามความเป็นจริงของสรรพสิ่งทั้งหลาย ซึ่งเป็นหลักธรรมที่แท้จริง เรียกว่า ภาวนามยปัญญา ถ้าหากว่าได้ภาวนามยปัญญา สภาพจิตยอมรับนี่หากินได้ตลอดชาติ ทั้งชาตินี้ ชาติหน้า และอีกหลายชาติด้วยถ้ายังเกิดอยู่

ถามว่าทำไม ? อย่างเช่นว่าเราเห็นว่าธรรมดาเป็นอย่างนี้ ธรรมดาร่างกายเราต้องแก่ ธรรมดาร่างกายเราต้องป่วย ธรรมดาต้องหิว ธรรมดาต้องกระหาย ธรรมดาต้องร้อน ธรรมดาต้องหนาว ถ้าเราเห็นธรรมดาก็ไม่ไปดิ้นรน ถ้าไม่เห็น ไปดิ้นรนก็ทุกข์ คราวนี้การที่เราจะไม่ดิ้นรน ไม่ได้แปลว่าปล่อยวางแบบไร้ปัญญา พยายามหาทุกช่องทางแล้ว ถ้าทำไม่ได้ถึงจะปล่อยวาง

สรุปว่ายังไม่ทันที่จะเริ่มปฏิบัติธรรมเลยก็ว่าไปยาวแล้ว เห็นเทคโนโลยีตัวเดียวจากการถ่ายรูปแค่นั้นก็บ่นไปครึ่งชั่วโมงแล้ว สรุปว่าฟังแล้วจำได้ไหมว่าเริ่มจากไหน ? ลืมไปแล้ว เอาประโยคสุดท้ายก็แล้วกัน การฟังต้องจับประเด็นให้ได้ว่าประเด็นหลักที่พูดคืออะไร แล้วแตกย่อยออกไปกี่สาขา"

เถรี
17-04-2019, 21:26
ประกาศให้เลื่อนรถที่จอดขวางหน้าบ้าน "มาทำบุญแล้วชอบไปขวางชาวบ้านเขา ระวังไว้..ถ้าชีวิตเกิดอุปสรรค อย่าไปบ่นใครนะ ส่วนใหญ่เรามักจะมีความคิดอยู่สองแบบ แบบแรกก็คือเราทำบุญมาดีเหลือเกิน มาแล้วมีที่จอด แบบที่สองคือ กูจอดตรงนี้แหละ มักง่ายเข้าว่า ใครจะเดือดร้อนช่างหัวมัน ระวังอย่าไปเจอป้า..! ถ้าเจอป้าถือขวานด้วย อย่าได้ไปจอดเชียว...!

เขาเรียกว่ากาลเทศะ กาละคือเวลา เทศะคือสถานที่ คนเราถ้ารู้กาลเทศะก็ไม่ทำอะไรผิดพลาด ตัวเองและคนอื่นไม่เดือดร้อน ลองนึกถึงที่อนาถปิณฑิกเศรษฐีสอนลูกสาว จงนั่งให้เป็นสุข จงนอนให้เป็นสุข

นั่งให้เป็นสุขอย่างเช่นไม่นั่งขวางทางเดิน ใครจะเข้าใครจะออกก็ไม่ต้องขยับหลบเขา ถึงเวลานั่งก็เยื้อง ๆ อยู่ทางซ้ายหรือทางขวาของผู้ใหญ่ เวลาท่านเรียกหาอะไรจะได้ใช้ได้ง่าย

นอนให้เป็นสุข เขาบอกว่าดูแลคนอื่นให้เรียบร้อย เขาพักผ่อนนอนกันหมดแล้วเราค่อยนอน จะได้ไม่มีใครเรียกจนกวนเราให้ตื่น นั่นคือกาละ...เวลาที่เหมาะสม เทศะ...สถานที่อันเหมาะสม กาละอย่างเช่นการนอน เทศะอย่างเช่นการนั่ง ฉะนั้น...จอดรถก็ต้องดูกาลเทศะด้วย

ส่วนใหญ่พวกเรารู้จักกาลเทศะ แต่ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร ถึงได้บอกว่าอายมาก ท่านอาจารย์ฌอน ชยสาโร เป็นฝรั่ง แต่ได้รับรางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ส่วนพวกเรากาลเทศะแปลว่าอะไรยังไม่รู้ ฟังเข้าใจ แต่ไม่รู้หรอกว่าแปลว่าอะไร"

เถรี
17-04-2019, 21:30
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีข่าวที่เป็นมงคลคือ พบช้างที่น่าจะเป็นช้างเผือกคู่บารมีรัชกาลที่ ๑๐ แล้ว ก่อนพิธีบรมราชาภิเษกไม่กี่วัน ตอนนี้ชื่อเก่าคือพลายเอกชัย อายุ ๓๕ ปี น้ำหนักประมาณ ๓ ตัน งายาว ๒๘ นิ้ว งายาวมากนะ ถึง ๒ ฟุตกว่า

ตอนนี้เขาดูลักษณะแล้วเข้าเกณฑ์ช้างเผือกอยู่ ๗ ประการ ส่วนที่เหลือก็รอให้ทางกรมคชบาลส่งผู้เชี่ยวชาญไปตรวจซ้ำ ถ้าเป็นช้างเผือกประจำรัชกาล ช้างเผือกเชือกนี้จะสวยมาก เพราะรูปร่างลักษณะตลอดจนกระทั่งงาสมบูรณ์มาก ถ้าไม่ใช่ช้างเผือกเอกก็ต้องเป็นโท ไม่โทก็ต้องเป็นตรี เพราะเข้าลักษณะถึง ๗ อย่างแล้ว นับว่าเป็นข่าวดีที่เป็นมงคลของประชาชนคนไทยด้วยกัน ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ จะได้มีช้างเผือกคู่บารมีที่เกิดในรัชกาลของพระองค์ท่านเองจริง ๆ"

เถรี
17-04-2019, 21:48
ถาม : ผมจะทำทอดผ้าป่าสมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์ รวบรวมบุญมาที่วัด ?
ตอบ : ไม่ต้อง...ทางวัดไม่บอกบุญไม่เรี่ยไร ไม่ต้องไปทำ ประเภททอดผ้าป่าส่งเดชมาที่วัด โดนอาตมาไล่กระเจิงไปหลายรายแล้ว ทางวัดมีระเบียบห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร ดังนั้น...ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของวัดที่ดำเนินการอยู่ในเว็บวัดท่าขนุนแล้ว ที่เหลือให้คิดเอาไว้ก่อนว่าเป็นการหลอกลวงกัน

เถรี
17-04-2019, 22:08
ถาม : (มีดหมอตีชื่อหลวงปู่ศุข) ของจริงหรือของปลอมครับ ?
ตอบ : ปลอม...จำไว้ว่าสมัยหลวงปู่ศุขสร้างวัตถุมงคล ยังไม่มีการลงชื่อของตัวเอง

เถรี
17-04-2019, 23:33
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าไม่ตายเสียก่อนวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๒ ชีวิตนี้ของอาตมาจะได้เข้าพิธีเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ ๓ รอบแล้ว ตอนในหลวง ๖๐ พรรษานั่นรอบหนึ่งที่วัดท่าซุง ตอน ๘๔ พรรษาที่วัดใต้ (วัดไชยชุมพลชนะสงคราม) อีกรอบหนึ่ง แล้วนี่มาพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ เป็นครั้งที่ ๓ ถ้ามีอีกรอบหนึ่งจะดีกว่านี้

ไม่ได้ตั้งใจเลยนะ เพราะโดยฐานะของอาตมา ในชีวิตนี้ไม่มีทางคิดว่าตัวเองจะได้รับอัญเชิญเป็นพระเกจิอาจารย์ไปนั่งปลุกเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ สมัยอยู่วัดท่าซุงก็เข้าร่วมในฐานะพระวัดท่าซุงเท่านั้นเอง เพราะว่าองค์เสกจริง ๆ ก็คือหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่ไหนได้...พออยู่ไปไม่รู้ว่าดังขึ้นมาอีท่าไหน อยู่ ๆ ปีนั้นเมืองกาญจน์ฯ นิมนต์มาเป็น ๑ ใน ๑๐ รูป มางวดนี้ไม่รู้เป็น ๑ ในเท่าไร เพราะว่าพระเกจิอาจารย์เก่า ๆ รุ่นนั้นก็มรณภาพไปหลายรูปแล้ว

แต่ว่างานนี้พิธีเขาระบุไว้เลยว่าให้ใช้พัดยศ พระเกจิอาจารย์พกพัดยศนี่ตลกนะ โดยปกติแล้วพระฝ่ายปฏิบัติเขาจะไม่สนใจเรื่องยศเรื่องตำแหน่ง อันนี้ไป ๆ มา ๆ โดนบังคับให้เป็น แต่ถ้านับอย่างสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ส่วนใหญ่พระที่ท่านตั้งเป็นพระสังฆาธิการ นั่นคือพระสายปฏิบัติทั้งนั้น อย่างหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ท่านเป็นยันเจ้าคณะมณฑล ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือเจ้าคณะภาค"

เถรี
18-04-2019, 22:41
"เขาจะให้หลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นเจ้าคณะจังหวัด ท่านก็หนีแล้วหนีอีก ตอนนั้นหลวงเตี่ยวัดโพธิ์เป็นเจ้าคณะภาค ไปขอร้อง ๒ ครั้ง หลวงพ่อท่านบอกว่าไม่เอา ไม่มีเวลาบริหาร ขนาดหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสามพระยา บอกให้ท่านไปนั่งฟังการอบรมพระอุปัชฌาย์โดยไม่ต้องสอบ หลวงพ่อท่านยังไม่มีเวลาไปเลย เพราะว่าต้องไปตลอด ๗ วัน

ท่านผ่อนผันที่สุดแล้ว เพราะว่าจริง ๆ แล้วต้องผ่านระดับจังหวัด ๕ วัน ระดับภาค ๕ วัน ถึงจะไปที่หนอีก ๓ วัน แล้วก็มาที่วัดสามพระยาซึ่งเป็นที่รวมทั้งประเทศอีก ๗ วัน รวม ๆ แล้วทั้งหมด ๒๐ วัน หลวงพ่อท่านบอกว่าไม่มีเวลา เลยไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์เสียที

ถึงเวลาท่านก็นิมนต์หลวงพ่อวัดสังกัสรัตนคีรีบ้าง หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดบ้าง มาบวชให้ แต่ผมโชคดีเพราะว่าตอนผมบวช หลวงพ่อท่านเป็นปัพพัชชาจารย์ คือ เป็นผู้ให้ศีลเณร แล้วตอนนั้นหลวงพ่อวัดสังกัสฯ ท่านบอกว่าลูกศิษย์เขามาบวช เขาอยากได้กำลังใจ ท่านอนุญาตให้ทำหน้าที่ให้ศีลเณรได้ ถ้าพระอุปัชฌาย์ไม่อนุญาตก็ไม่มีสิทธิ์ทำ เพราะว่าท่านไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ จะผิดจริยาพระสังฆาธิการ"

เถรี
18-04-2019, 22:43
"ขนาดพระอุปัชฌาย์บวชข้ามเขตยังโดนถอดเลย เขาจำเป็นต้องดุ ไม่อย่างนั้นจะมั่ว พวกที่โลภมากมีอยู่ โลภมากก็นั่งพระอุปัชฌาย์มั่วไปหมด รับโดยไม่ดูพื้นที่ของใคร ก็เลยมีกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ ๑๗ ระบุไว้ชัดเลยว่า เป็นพระอุปัชฌาย์อยู่ในเขตไหน สามารถนั่งพระอุปัชฌาย์ได้เฉพาะในเขตที่ตนมีอำนาจเท่านั้น

อย่างผมเป็นเจ้าคณะตำบล ก็ได้เฉพาะเขตตำบลของตัวเอง ยกเว้นว่าเจ้าของเขตอื่นมีหนังสืออนุญาต ผมจะไปตำบลอื่นก็ต้องให้เจ้าคณะตำบลเขาออกหนังสืออนุญาต ว่ายินดีให้เราไปนั่งบวชพระได้ ต้องเก็บหนังสือไว้เป็นหลักฐานด้วย ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนฟ้องร้องทีหลังได้

เจ้าคณะอำเภอได้เฉพาะเขตอำเภอของตัวเอง เจ้าคณะจังหวัดก็เฉพาะเขตจังหวัดตัวเอง เจ้าคณะภาคได้เฉพาะภาคตัวเอง เจ้าคณะหนได้เฉพาะหนของตัวเอง อย่างหนกลางนี่ก็ได้ ๒๓ จังหวัด แล้วก็มีกรรมการมหาเถรสมาคมที่บวชได้ทั่วประเทศ"

ถาม : เขากลัวว่าพระจะโลภมาก
ตอบ : ประเภทไม่คิดจะอบรมพระเณรให้ดี ตั้งใจบวชเพื่อที่จะเอาซองปัจจัยอย่างเดียว ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเรียก “พวกพระอุปัชฌาย์เป็ด” เป็นแต่ไข่อย่างเดียว ไม่คิดที่จะฟัก (อบรมสั่งสอน) เลย

เถรี
18-04-2019, 22:48
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ญาติโยมก็ปล่อยให้เขาทะเลาะกันให้ฝุ่นตลบไปนะ เรามีหน้าที่ดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ การเลือกตั้งหนนี้เป็นการเลือกตั้งที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่อาตมาเคยพบมาในชีวิต ทั้ง ๆ ที่รัฐธรรมนูญออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือฝ่ายของตัวเองโดยตรง แต่ก็ยังทะลึ่งสู้เขาไม่ได้อีก แล้วคณะกรรมการการเลือกตั้งกับทหารที่ควรจะเป็นกรรมการ ก็ทะลึ่งกระโดดลงไปเล่นเอง จึงอยากจะบอกว่าประชาชนของไทยตอนนี้เข้าสู่ยุค ๔.๐ จะใช้ ๕G กันอยู่แล้ว กิน Fast food แทนหญ้ามานานแล้ว ยังคิดว่าชาวบ้านกินหญ้าอยู่เหมือนเดิมอีก...!"

เถรี
18-04-2019, 22:50
"เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าอีกฝ่ายคาดการณ์ผิด เพราะว่าคนฉลาดขึ้น โดยเฉพาะต่างจังหวัดของเราเข้าใจการมีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็คือคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ์ของตัวเอง จำไว้ว่าถ้าเป็นการออกเสียง ทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากัน คุณจะไปว่าเสียงของคุณมีอำนาจมากกว่าไม่ได้ ถ้าไม่ดีจริงถึงเวลาจะโดนคัดออกไปโดยระบบ คือความต้องการของประชาชนไปเอง

การที่จะให้สื่อต่าง ๆ นำเสนออย่างเป็นกลางนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าสื่อทั้งหลายเลือกข้างตั้งแต่แรกแล้ว ก็ย่อมนำเสนอในส่วนที่เป็นประโยชน์แก่พวกพ้องของตนเอง แปลว่ากรรมการคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทหาร ที่เห็นว่ามีแต่พวกตัวเองเท่านั้นที่เป็นคนดีอยู่ในโลก แล้วก็สื่อ แต่ละฝ่ายล้วนแล้วแต่ไม่ได้ยืนอยู่บนจุดของความเป็นธรรม ในเมื่อไม่ได้ยืนอยู่บนจุดของความเป็นธรรม เรื่องพวกนี้ลงตัวยาก อย่างเลวร้ายที่สุดก็อาจจะต้องเกิดการนองเลือดขึ้น..!"

เถรี
18-04-2019, 22:52
"ดังนั้น...ที่บอกกับญาติโยมทั้งหลายว่าให้เราวางเฉยไว้ก่อน ดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ อย่าไปใส่อารมณ์ตาม ใครก็ตามทำอะไร ปัจจุบันนี้ไม่สามารถที่จะปิดบังได้ สื่อต่าง ๆ จะนำเสนอออกมาจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เรื่องพวกนี้จะแพร่หลายในระยะเวลาอันสั้น เป็นยุคที่คนโกหกอยู่ยาก

ในส่วนนี้อาตมาไปนึกถึงการ์ตูนล้อเลียนอันหนึ่ง ที่เขาถามว่า “พ่อครับ..ทำไมต้องโกงเลือกตั้งด้วยครับ ?” คนเป็นพ่อก็บอกว่า “เพื่อให้ได้คนดีมาบริหารประเทศนะลูก” ฟังดูแล้วย้อนแย้งกันมากเลย เพราะไม่ว่าใครก็ตาม ดูว่าตนเองเป็นคนดีเท่าไร นั่นเป็นเพียงคนดีในความคิดหรือการกระทำของเขาเท่านั้น คนดีที่ดีจริง ๆ ก็คือคนที่ใช้หลักธรรมของพระพุทธเจ้าในการดำเนินชีวิต นอกเหนือไปจากนี้แล้วยังไม่ดีจริง

บุคคลที่ใช้หลักธรรมในการดำเนินชีวิต ก็ยังมีความดีแต่ละระดับไม่เท่ากัน ดีแบบปุถุชน ดีแบบกัลยาณชน ดีแบบพระโสดาบัน ดีแบบพระสกทาคามี ดีแบบพระอนาคามี ดีแบบพระอรหันต์ เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าคุณจะออกมาปาว ๆ ว่าเป็นคนดี ทำไปเพราะหวังดีต่อประเทศชาติ ทำไปเพื่อปกป้องสถาบัน ชาวบ้านเขารู้หมดว่าเป็นแค่วาทกรรม หรือว่าเป็นการกระทำจริง ๆ อาตมาบอกแล้วว่า ตอนคุณพูดเขาจะฟัง แต่ตอนคุณทำเขาถึงจะเชื่อ ถ้าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำค้านกันเอง ก็ไม่มีใครเชื่อคุณหรอก"

เถรี
18-04-2019, 22:58
"โดยเฉพาะจะเรียกร้องในส่วนของคนดีออกมาปกครองประเทศ แต่ใช้วิธีการที่ผิด ก็คือใช้การยึดอำนาจ ใช้พลังของคนหมู่มากในการบีบบังคับ ลักษณะอย่างนั้นทุกคนเขาเห็น ประเทศชาติของเราถอยหลังไปไกลจนกระทั่งตามใครไม่ทันแล้ว ในเมื่อถอยหลังไปไกลจนตามใครไม่ทันแล้ว ถ้าหากว่าเอาบุคคลที่รู้จักแต่การป้องกันประเทศชาติ แต่ไม่รู้จักวิธีการบริหารประเทศชาติขึ้นมาทำงาน ก็จะถอยหลังไปไกลกว่านี้อีก โดนชาวบ้านเขาทิ้งห่างออกไปชนิดที่ไม่เห็นฝุ่นแล้ว

ตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือประเทศพม่า ปี ๒๕๒๔ อาตมาอยู่ชายแดน เงินพม่า ๑ จั๊ต แลกเงินไทยได้ ๒ บาท เงินพม่าใหญ่กว่าเท่าหนึ่ง หลังจากที่เผด็จการทหารบริหารประเทศพม่ามา ปัจจุบันนี้เงินไทย ๑ บาทแลกเงินพม่าได้ ๔๕ จั๊ต เงินพม่าเล็กกว่าไทย ๔๕ เท่า..!"

เถรี
18-04-2019, 23:01
"ถ้ายังวางแผนสืบทอดอำนาจกันต่อไปอีก ประเทศเราจะฉิบหายล่มจมขนาดไหน ? มีใครฟังอาม่าเหม่งทึ้งบ้างไหม ? ที่อาม่าเขาบอกว่า “ฟิลิปปินส์มีไต้ฝุ่น ญี่ปุ่นมีแผ่นดินไหว อินโดนีเซียมีภูเขาไฟ แต่ประเทศไทยมีนักการเมือง เชื่ออาม่าเถอะ ฉิบหายพอกันแหละ” เพราะฉะนั้น..พวกเราดูไปว่าผลสุดท้ายจะออกมาอย่างไร ยังมีขั้นตอนการปล้นประชาธิปไตยที่ลึกซึ้งกว่านี้อีกเยอะ และเป็นการปล้นแบบหน้าด้าน ๆ มากกว่านี้อีกเยอะ เราค่อย ๆ ดูกันไป

สิ่งที่โดนปล้นไปก็คือ สิทธิ เสรีภาพ และเสียงของประชาชน ซึ่งเป็นความต้องการส่วนใหญ่ เราค่อย ๆ ดู พอถึงเวลาแล้วก็จะมีรายการสอยฝ่ายที่คิดว่าเป็นฝั่งตรงข้ามกับตัวเอง เพื่อให้เขาเหลือกำลังน้อยที่สุด ฝ่ายตัวเองจะได้จัดตั้งรัฐบาลได้

ถ้ายังไม่มีการชี้แจงที่ชัดเจนออกมา กระแสสังคมตอนนี้ กกต.ทั้งหมดแทนที่จะเป็น ‘คณะกรรมการการเลือกตั้ง’ ชาวบ้านเขาไปแปลว่าเป็น ‘คณะกรรมการโกงการเลือกตั้ง’ แต่ละอย่างที่อธิบายออกมาชาวบ้านเขารับไม่ได้ บัตรมีจำนวนเกินกว่าผู้ใช้เสียง คำอธิบายไม่สามารถใช้การได้ “แสดงตัวแต่ไม่รับบัตร” ถ้าอย่างนั้นบัตรจะต้องมีจำนวนน้อยกว่าผู้ใช้เสียงไม่ใช่มากกว่า ก็ถึงได้บอกว่าชาวบ้านเขากิน Fast food มาหลายปีแล้ว ไม่ได้กินหญ้า อธิบายอะไรออกมาโปรดใช้สมองให้มากกว่านี้หน่อย...!"

เถรี
18-04-2019, 23:03
"ต้องบอกว่ากฎเกณฑ์กติกาก็ร่างเพื่อพวกตัวเอง กรรมการก็เป็นพวกของตัวเอง สื่อที่เป็นกระบอกเสียงก็เป็นพวกของตัวเอง แล้วก็ยังสู้เขาไม่ได้ ถ้าเป็นอาตมานี่เอาปี๊บคลุมหัวเดินไปนานแล้ว

ถามว่าเวลาอื่นทำไมอาตมาไม่พูด มาพูดเวลาออกอากาศ ? เพราะว่าอยากพูดให้คนบางประเภทฟัง เผื่อจะได้ใช้หัวแม่เท้าตรองดูบ้างว่าสิ่งที่ทำถูกหรือเปล่า ? อย่าทะลึ่งไปตัดเสียงตูนะ ใครดูดเสียงเดี๋ยวตูด่าแม่มันเลย...!"

เถรี
18-04-2019, 23:05
"สถาบันหลักของประเทศเรา คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้พระราชอำนาจผ่านทางรัฐสภา ผ่านทางตุลาการ ผ่านทางรัฐบาล ปัจจุบันนี้ผู้ที่ใช้พระราชอำนาจที่น่าผิดหวังที่สุดก็คือสถาบันตุลาการ โดยเฉพาะพวกที่รู้กฎหมายแต่แกล้งโง่ ตีความทุกอย่างให้เกิดประโยชน์ต่อพวกพ้องและตนเอง คนทั้งหลายเหล่านี้สร้างเวรสร้างกรรมต่อคนหมู่มากทั้งประเทศ ต้องบอกว่าตายเมื่อไรแล้วจะรู้ ญาติโยมไปหาข้อมูลของคำว่า ปิสสกปัพพตนรก ดูว่าเขามีไว้ทำอะไร

อาตมากำลังรอดูว่าใครจะลงไปก่อน ต้องบอกว่าบุคคลที่ทรงอัจฉริยภาพมากที่สุดพระองค์หนึ่ง คือ ในหลวงรัชกาลที่ ๖ ซึ่งได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า “ในกระแสแห่งยุติธรรมา ยากจะหาความเกษมและเปรมปรีดิ์” สรุปว่าเรื่องของกฎหมายไม่มีมาตรฐานเดียวกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณจนถึงปัจจุบันแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นใคร ขึ้นกับ ‘ดวง’ ดวงก็คือ ด.เด็กของใคร ? ว.คือวิ่งเต้นหรือไม่ ? ง.มีเงินเท่าไร ?"

เถรี
21-04-2019, 21:31
สนทนากับพระ "สมัยผมบวช ทั้งผ้าไตร ทั้งจีวร ทั้งบาตร รวมกันแล้ว ๘๐๐ บาท ปี ๒๕๒๙ นะ ไม่น่าเชื่อเลย ๓๐ กว่าปีบาตร จะแพงได้ขนาดนี้ จีวรชุดแรกผมใช้อยู่ ๑๔ ปี เป็น ๒ รูปในวัดกับท่านอาจารย์สมปองที่ใช้จีวรแค่ ๓ ผืน

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ธุดงควัตรเป็นสิ่งที่ดี ใช้ในการขัดเกลากิเลสได้ดีมาก ธุดงควัตร ๑๓ ข้อไม่ได้แปลว่าพวกแกต้องทำทุกข้อ แต่ถ้าข้อไหนทำได้โดยไม่ได้เสียวัตรปฏิบัติอื่น ๆ ให้ทำ พวกผมก็ทำ...มีประเภทฉันมื้อเดียวบ้าง บิณฑบาตเป็นวัตรบ้าง แล้วก็ใช้ผ้า ๓ ผืนบ้าง หลวงพี่ไพบูลย์ หลวงพี่ประทีป ท่านฉันมื้อเดียว ผมก็บิณฑบาตเป็นวัตร ใช้ผ้า ๓ ผืน"

เถรี
21-04-2019, 22:09
ถาม : รู้สึกลำบากไหมครับ ที่ไม่มีอย่างอื่น ?
ตอบ : สบายที่สุดเลย ไม่เกะกะ ไปไหนก็ไปแค่นี้ ทุกวันนี้เวลาไปต่างประเทศก็เห็นว่าผมใช้กระเป๋าเล็กนิดเดียว ไปทีหนึ่ง ๑ เดือน เดือนครึ่ง คนถามไปได้อย่างไร ? ก็ไปแค่นี้ จะเอาอะไรมากมาย โดยเฉพาะต่างประเทศสมัยนี้มีเครื่องซักผ้าทุกที่ บางที่ก็หยอดเหรียญ บางที่ก็ส่งให้พวกเจ้าหน้าที่ดูแลห้องไปซักให้เลย ปั่นเสร็จสรรพเรียบร้อย อบแห้งมาอีกต่างหาก พูดง่าย ๆ คือใส่ไปซักไป ไม่เห็นต้องเอาไปเยอะแยะ ขำหลวงพี่อาจินต์ ไป ๒๒ วัน ติดไป ๒๒ ชุด โอ้พระเจ้า...ใครจะไปแบกให้พี่ท่านไหว..!

พอเห็นผมถือไปกระเป๋าเล็กนิดเดียว “แค่นั้นหรือ ?” “แค่นี้เองครับ” โดยเฉพาะถ้าเขาไม่มีอบแห้งนะ...ไม่ต้องห่วง ซักเสร็จแล้วก็สะบัดกางไว้ในห้องนั่นแหละ เป็นห้องปรับอากาศ พักเดียวก็แห้ง ถ้าไปเจอความลำบากตอนธุดงค์ พอเหนื่อยขึ้นมานี่ไม่อยากได้อะไรแล้ว ข้าวของทุกอย่างอยากจะโยนทิ้งให้หมด เกะกะ หนักก็หนัก บางทีเดินเป็นเดือน ๆ จนกระทั่งแรงจะหายใจก็ยังไม่มี แล้วยังจะต้องมาแบกของอีก

ระยะหลัง ๆ ของผมนี่กระทั่งกลดก็ไม่เอาแล้ว ถึงเวลานอนที่ไหนก็เอาจีวรตีโปง ถามว่าอากาศหนาวอยู่ได้อย่างไร ? สบาย...ใช้ผ้าพลาสติกปูนอน พันตัวม้วนเป็นหนอนไปเลย เวลาผ้าพลาสติกพันตัวไว้ ไอตัวออกไม่ได้ก็จะอุ่นเอง

ถาม : ถ้าเจอยุงละคะ ?
ตอบ : ทนเอา เข้าสมาธิไปแล้วก็ไม่รับรู้แล้วว่ายุงหน้าตาเป็นอย่างไร

เถรี
21-04-2019, 22:31
ถาม : เอาใจเกาะพระนิพพานไปด้วย ภาวนาพระคาถาเงินล้านไปด้วย อยู่ดี ๆ ใจเย็นเหมือนน้ำแข็งเลยครับ คืออะไร ?
ตอบ : สมาธิทรงตัว พอสมาธิทรงตัวจะก้าวข้ามระดับปกติของเราไป ต้องเกือบ ๆ จะเป็นฌานแล้ว เขาเรียกว่าสุข คือจะรู้สึกเย็นกายสบายใจบอกไม่ถูก ตากแดดก็ไม่ร้อน โดนฝนก็ไม่หนาว

ถาม : ตอนที่เราตาย เวลาเราตาย จะนึกถึงพระนิพพาน ถ้าเรานึกไม่ทัน กลับมาย้อนนึกได้ไหมครับ ?
ตอบ : ลองดู..เผื่อว่าจะทำได้

เถรี
21-04-2019, 22:40
ถาม : ทองคำกิโลกรัมหนึ่ง ประมาณกี่บาทครับ ?
ตอบ : ๖๕ บาท ทองกิโลกรัมหนึ่งประมาณ ๑.๓ ล้านบาท ผมซื้อตั้งแต่สูงสุดราคาบาทละ ๒๗,๕๐๐ บาท แล้วก็ต่ำสุด ๑๘,๓๐๐ บาท แรก ๆ ได้เงินมาก็ซื้อไม่ดูราคา ไป ๆ มา ๆ ก็ในเมื่อดูราคาได้ ทำไมเราไม่ดูวะ ? ก็สั่งโยมไว้เลยว่าให้เฝ้าดูราคา ถ้าลงถึง ๑๘,๓๐๐ บาทให้ซื้อ เพราะว่าจะต่ำสุดแค่นั้น

บางทีก็เหมือนขี้โกง แต่ว่าจำเป็น เพื่อประหยัดเงินสงฆ์ เพราะว่าซื้อทีหนึ่งเป็นพันบาท ประหยัดไปได้ตั้งเท่าไร ? ถ้าหากว่าลดลงบาทละ ๑๐๐ ก็ประหยัดไปเป็นแสนแล้ว

ถาม : ตอนนี้ราคาทอง ๒๐,๐๐๐ บาท หรือครับ ?
ตอบ : ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ ๑๙,๕๐๐ บาท ก็ถือว่ายังสูงอยู่ ผมจะรอให้ลดอีกรอบ เดี๋ยวค่อยซื้อใหม่ไว้หล่อพระพุทธลีลาประทานพร ซึ่งช่างเขาบอกใช้น้ำหนักใกล้เคียงกับสมเด็จองค์ปฐมเลย ผมก็ว่าเอ๊ะ...พระยืนองค์เล็กกว่า ทำไมน้ำหนักใกล้เคียงกัน ? ช่างเขาบอกว่าพระยืนคว้านไม่ได้ ต้องหล่อตัน หมดเยอะตอนตันนี่แหละ พระนั่งฐานใหญ่คว้านได้ พระยืนพอยืนขึ้นไปก็เป็นพระบาทแล้ว จะไปคว้านอย่างไร ?

ถาม : ผสมอะไรด้วยหรือเปล่าครับ?
ตอบ : ไม่ได้ผสมเลย ทองคำแท่งล้วน ๆ หน้าตัก ๑๙ นิ้ว

เถรี
21-04-2019, 23:03
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้พระวัดท่าขนุนได้ประโยค ๕ ไป ๒ รูป ประโยค ๓ ติดซ่อมวิชาแปล แล้วก็ได้ประโยค ๑-๒ มาอีก ๓ รูป ก็เหลืออย่างเดียวคือประโยค ๔ ตกไป ๑ รูป ถ้าประโยค ๓ ซ่อมติดก็แล้วไป แต่ถ้าซ่อมไม่ติดเดี๋ยวปีหน้าก็สอบประโยค ๓-๔ เป็นเพื่อนกันไปเลย

พระของผมเรียนสหบาลีศึกษาที่นครปฐม ประเภทที่เรียกว่าเรียนกันชนิดหัวทิ่มหัวตำ แล้วพระของเราไปแต่ละรูปนี่ไว้ใจได้เลย...ไม่มีอู้ ทุ่มเทเต็มที่ สวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐานทุกวัน จนปัจจุบันนี้เขาลือว่าคณะ ๒ ที่วัดพระปฐมเจดีย์อย่าเข้าไป...เคร่งเกิน เคร่งเกินตรงไหน ? ที่วัดเราก็ทำอย่างนี้ทุกวัน ก็แค่เอาวิธีการที่วัดเราไปใช้เท่านั้นเอง"

ถาม : ทำจนชินแล้ว ?
ตอบ : ชินแล้วจะไม่รู้สึกว่าลำบาก ถึงเวลาตี ๓ ก็ตื่น สวดมนต์ ทำวัตร กรรมฐานเสร็จ นั่งท่องหนังสือรอเวลาบิณฑบาต บิณฑบาตฉันเสร็จ นั่งท่องหนังสือรอเวลาเรียน ตอนนี้เป็นหน้าเป็นตาของเขาเพราะว่าคณะนี้สอบได้ทุกปี ไม่ว่าประโยคไหนประโยคหนึ่งก็ต้องได้ ตอนแรกพระท่านก็บอกว่าจะพอแล้ว ผมขอให้ไปเรื่อย ๆ ไปจนสุดกำลัง คนส่งยังไม่ท้อเลย คนเรียนจะมาท้ออะไรวะ ?

เถรี
21-04-2019, 23:14
"ผมบอกกับพระท่านว่า ไม่ว่าจะเรียนบาลี เรียนนักธรรม หรือว่าเรียนสายสามัญ อย่าลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงของการเรียน

การเรียนบาลี เราเรียนเพื่อให้แปลธรรมะในพระไตรปิฎกได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่เรียนเพื่อให้ได้ประโยคสูง ๆ แล้วไปเอายศเอาตำแหน่งกัน ประโยคหรือความรู้ที่ได้ หรือว่าเรื่องของยศตำแหน่งเป็นแค่ของแถม แต่ปัจจุบันนี้เขาเห็นของแถมเป็นสินค้าหลัก เป้าหมายก็เลยเพี้ยนไป

ถ้าเราไปค้นคว้าพระไตรปิฎกแล้วไม่แน่ใจว่าเขาแปลถูกหรือเปล่า เราก็ไปเอาพระไตรปิฎกบาลีมาดู แล้วก็มาแปลของเราเอง อย่างหลวงปู่ปานท่านไปตั้งใจเรียนเพื่อที่จะแปลวิสุทธิมรรค ว่าท่านสอนลูกศิษย์ถูกหรือเปล่า ก็ต้องดูตามภาษาบาลี

คราวนี้การเรียนนักธรรมก็คือ ให้รู้หลักข้อธรรมเพื่อนำไปปฏิบัติทั้งขณะที่เป็นพระ หรือตอนสึกไปเป็นฆราวาส เรียนปริยัติสามัญเพื่อให้มีความรู้ ได้ศึกษาหาความรู้ในระดับที่สูง ๆ ขึ้นไป ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เพื่ออะไร ? เพื่อให้มีความสามารถในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ได้ดียิ่งขึ้น

ปัจจุบันกลายเป็นเรียนแข่งกันเอายศเอาตำแหน่ง พอถึงเวลาสอบตกก็เหี่ยว ถ้าเรียนแล้วรู้จริง จะตกไม่ตกเราก็มีความรู้ แปลบาลีได้อยู่แล้ว ถึงได้เตือนพระท่านว่า ดูด้วยว่าเราเรียนไปเพื่ออะไร ?

การเรียน..ให้เราเรียนเพื่อเตรียมตัวของเราให้พร้อมที่สุดที่จะได้รับใช้พระพุทธศาสนา เพราะว่าปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะตำแหน่งหน้าที่อะไรเขาต้องการวุฒิการศึกษา ในเมื่อเขาต้องการ เรามีไว้ ถึงเวลาเราก็จะทำงานของเราได้ดี เพราะว่ามีความพร้อมกว่าคนอื่นเขา

เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของการเรียนอย่าหลงประเด็น หลงประเด็นเมื่อไรแทนที่จะเรียนเพื่อศึกษาหาความรู้จากพระไตรปิฎก ก็จะกลายเป็นเรียนไปแย่งยศแย่งตำแหน่งกัน ส่วนใหญ่ลืมกันหมด ผมบอกกับท่านว่า คุณเห็นไหม..ผมเรียนจนจบปริญญาเอกแล้วผมมีอะไรแปลกไปจากเดิมบ้างไหม ? เรียนเพราะว่าโลกเขาต้องการความรู้แบบนี้ เราก็มีให้เขา เอ็งจะมาดูถูกว่าพระโง่...เรียนน้อยกว่าเอ็งก็ไม่ได้ เพราะว่าข้าเรียนมา ๒ ทางด้วย"

เถรี
22-04-2019, 21:59
"วันก่อนคุยกับผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีคนใหม่ ท่านเพิ่งจะมารับตำแหน่ง ก็บอกกับท่านว่า อาตมาเป็นประเภทสะเทินน้ำสะเทินบก เริ่มจากสายปฏิบัติ แล้วอยู่ ๆ ก็เลี้ยวมาวิชาการ จนกระทั่งจบปริญญาเอก ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเริ่มก็ต่อต้านเรื่องการเรียน

โดยเฉพาะแค่นักธรรมตรีก็ตีความพระไตรปิฎกผิดแล้ว เขาถามว่าฆฏิการพรหมคือใคร ? ถ้าเราบอกว่าเป็นท้าวมหาพรหม อดีตเพื่อนของเจ้าชายสิทธัตถะ ที่เลื่อมใสการออกมหาภิเนษกรมณ์ ก็เลยนำเอาบริขาร ๘ มาถวาย ถ้าตอบแบบนี้ตกนะ เขาให้บอกว่าพรหมเป็นคุณสมบัติของผู้ทรงฌานสมาบัติ ฆฏิการพรหมน่าจะเป็นนักบวชในลัทธิใดลัทธิหนึ่งที่ได้ฌานสมาบัติ เลื่อมใสการออกมหาภิเนษกรมณ์ของเจ้าชายสิทธัตถะ จึงนำบริขาร ๘ มาถวาย

นี่แค่นักธรรมตรีก็ไม่มีพรหมแล้ว ผมปฏิญาณไว้เลยว่า ถ้าผมสอบแล้วมีคำถามประเภทนี้ ผมจะตอบตามแนวของหลวงพ่อวัดท่าซุง จะสอบตกก็ช่างมันไปเลย ปรากฏว่า ๓ ปีที่สอบไม่มีเลยครับ มีแต่ออกตามแบบ การออกตามแบบนี่เราท่องแบบได้ อย่างไรก็สอบได้"

เถรี
22-04-2019, 22:02
ถาม : หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ที่วัดไม่มีอะไรแต่เราก็สอบกันได้ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรลำบากสำหรับพวกเรา พวกเราอ่านกันเอง สอบกันเองนั่นแหละ ตอนนั้นผมป่วยเป็นมาลาเรีย ไม่มีแม้แต่แรงจะนั่งอ่านหนังสือ ถึงเวลาก็เอ้า...ใช้วิธีนี้แหละวะ หลับตาเขียน แล้วผมจำแม่นนะ ผมจำได้ว่าผมตอบอะไร ผมไปเปิดเฉลยดู..ถูกทุกตัวเลย ถ้าเขาจับว่าผมทุจริตนี่ไม่รู้ว่าจะเถียงอย่างไร เพราะถ้าคุณไม่ลอกแล้วจะเหมือนทุกตัวได้อย่างไร ?

ที่ผมบอกว่าผมไม่อ่านหนังสือแล้วผมสอบได้ที่ ๑ ของจังหวัด ก็คือใช้วิชาของหลวงพ่อวัดท่าซุง ขอให้ทำให้ได้จริง ๆ ย่อมใช้งานได้จริง

ผมบนพระไว้ว่าถ้าผมสอบได้ ผมจะเขียนมหาสติปัฏฐานสูตรเต็มฉบับด้วยลายมือผมเอง โอ้โฮ...เกือบ ๒ เล่มสมุด คือมหาสติปัฏฐานสูตรที่พวกคุณอ่าน ๆ กัน ที่เป็นบาลี พอถึงเวลาจะมีเปฯ ซึ่งจริง ๆ คือย่อมาจากไปยาล ก็คือเนื้อหาจะซ้ำกับท่อนอื่นแล้วเขาจะไม่ลงไว้ แต่ผมต้องเขียนให้เต็มฉบับ จะไม่มีย่อ ท้ายสุดเลยเขียนมือหงิกอยู่เป็นเดือน เพราะว่าตั้งใจแล้ว ถ้าสอบได้ก็จะเขียนถวายพระท่าน

เถรี
22-04-2019, 22:06
ถาม : พระอาจารย์ไม่ได้เรียนบาลีใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ผมเรียนแค่ประโยค ๑-๒ แล้วไม่ได้สอบ ท่อง ๆ ไปแล้วแปลได้เอง เออ...ดีเหมือนกัน เขาเรียกว่าบาลีเถื่อน

เวลาไปเป็นวิทยากรงานอบรม พวกประโยค ๙ เขาจ้องอยู่นะครับว่าผมจะแปลผิดไหม ก็ปรากฏว่าที่แปลไป ท้ายสุดเขายอมรับว่าพระอาจารย์แปลได้ลึกกว่าผมเยอะเลย ก็คือผมแปลตามความรู้สึกที่ปฏิบัติมา ไม่ได้แปลตามตัวหนังสือ พอเข้าใจความหมายแล้วเวลาแปลก็จะง่าย

เถรี
22-04-2019, 22:36
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องเหรียญทำน้ำมนต์พุทธบารมีสุริยันทรงกลด สรุปว่าคนที่จองหม้อน้ำมนต์ยังไม่ได้นะ เพราะว่าต้องรับเหรียญพร้อมกับหม้อน้ำมนต์ ส่วนใครที่เป็นเจ้าภาพทุนการจัดงานวันเกิดนั่นรับได้แล้ว

เหรียญเนื้อชนวนหลวงพ่อนากมีทั้งหมด ๔๕๐ เหรียญ คราวนี้มีส่วนเกินมา ๔ เหรียญ เป็นเหรียญลองชุบกับเหรียญลองพิมพ์ ส่วนเนื้อทองคำมีแค่ ๓ เหรียญ

ทั้งเนื้อทองคำ ๓ เหรียญแล้วก็เนื้อชนวนหลวงพ่อนาก ๔๕๔ เหรียญนี่จารทั้งหมด เป็นลายมือจารของอาตมาเอง ดูง่าย ปลอมไม่ได้ เหตุที่ปลอมไม่ได้เพราะว่าอาตมาค่อนข้างสมาธิดี จารได้สม่ำเสมอเท่ากันหมด ถ้าหากว่าปลอมจะมีหนักบ้าง เบาบ้าง ถ้าไม่มีลายมือจารของอาตมานี่ปลอมตั้งแต่แรกแล้ว"

เถรี
22-04-2019, 22:41
"เดี๋ยวนี้วัตถุมงคลวัดท่าขนุนปลอมกันแหลกลาญ ยุคแรกที่โดนปลอมก่อนเลยคือพระกริ่งพิชัยสงคราม แล้วก็ตามมาด้วยพระองค์ที่ ๑๑

พระองค์ที่ ๑๑ มีปลอมทั้งองค์เล็กขนาดห้อยคอ แต่คราวนี้เขาปลอมโดยที่ไม่ดูว่าของเราเจาะฐานอุดผงวิเศษพร้อมพระบรมสารีริกธาตุ เพราะฉะนั้น..ถ้าใครเอามาจำหน่ายแพง ๆ ให้ขอเขาเอ็กซเรย์ดู ถ้าข้างในไม่มีพระบรมสารีริกธาตุแปลว่าปลอมแน่

ส่วนองค์ ๕ นิ้ว ๙ นิ้ว ปลอมโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะว่าอาตมาสร้างขนาด ๑๐ นิ้วเท่านั้น ซึ่งไม่มีชาวบ้านที่ไหนเขาสร้างกัน เอาไม้บรรทัดลากวัดหน้าตักระหว่างเข่าชนเข่า ถ้าไม่ถึง ๑๐ นิ้วก็ของปลอมแน่นอน แล้วของแท้จะมีต้นแบบที่เป็นขี้ผึ้งอยู่ ๓ องค์ ซึ่งอาตมาก็ปิดทองให้ญาติโยมบูชาไปเหมือนกัน ส่วนเนื้อโลหะ ๑๐ นิ้วมีแค่ ๑๒๒ องค์เท่านั้น...ตอนนั้นแจกฟรี ตอนนี้ราคาเป็นแสนเลย

ตอนนั้นมีเจ้าภาพเขาสร้างถวาย แล้วมาถามอาตมาว่าจะให้จำหน่ายราคาเท่าไร ? บอกไปว่าไม่ต้องจำหน่ายหรอก ให้แจกฟรีไปเลย แหม..คนเกือบจะเหยียบกันตาย..!"

เถรี
22-04-2019, 22:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงเด็ก ๆ ปิดเทอม ถ้าใครมีญาติอยู่ต่างจังหวัดให้ส่งไปเลย ให้เขาไปคลุกดินคลุกทราย เล่นกับหมูเล่นกับหมาอะไรก็ได้ แล้วก็ให้นอนแต่หัวค่ำ ๒ เดือนจะสูงขึ้นมาไม่ต่ำกว่า ๔-๕ เซนติเมตร

เขาอยู่กรุงเทพฯ แล้วส่วนใหญ่จะนอนดึกกัน โกรทฮอร์โมนที่เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเจริญเติบโต โดยเฉพาะให้ผลิตกระดูกเพิ่มความสูงจะมาตอนหัวค่ำ ถ้าไม่นอนก็ไม่มา

เด็ก ๆ ให้นอนตั้งแต่ทุ่มครึ่ง ถ้าสามารถทำได้ ๒ เดือนก็สูงขึ้นเห็นทันตา จะสังเกตเห็นว่าเด็กรุ่นใหม่ที่นอนดึก ส่วนใหญ่จะอ้วน ๆ เตี้ย ๆ ถ้าเป็นผู้ชายก็พอทน ถ้าเป็นผู้หญิงอ้วน ๆ เตี้ย ๆ จะเอาสูงก็ยากแล้ว"

เถรี
22-04-2019, 23:03
ถาม : โกนผมไฟมีประโยชน์อย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : โบราณเขาเชื่อว่าเหมือนกับการเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง จึงทำการตัดผมแทนตัว สมัยนี้อย่างเก่งเขาก็ตัดหน่อยหนึ่ง เพราะว่าคนที่มือนิ่ง ๆ โกนหัวเด็กได้โดยไม่บาดเป็นแผลนั้นหายาก

สมัยก่อนโยมแม่ของอาตมาเด็ดขาดที่สุด โกนหัวลูกทุกคนด้วยตัวเอง แล้วมีดโกนสมัยนั้นไม่มีที่กันบาดเหมือนกับสมัยนี้ มีดโกนสมัยนั้นก็คือด้ามกับใบมีดเป็นตัวเดียวกัน เป็นมีดโกนที่เขาเอาไปสะบัดลับกับหนัง

โยมแม่มือเบามาก โกนได้ชนิดว่าเกลี้ยงเกลาขาวสะอาด ไม่เคยบาดหัวเด็ก ถึงเวลาใคร ๆ ก็เอาลูกมาให้แม่โกนผมไฟให้ ท่านก็เลยกลายเป็นแม่ทูนหัวของเด็กทั้งหมู่บ้าน

เถรี
22-04-2019, 23:18
พระอาจารย์กล่าวว่า "พิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนตอนแรกตั้งใจสร้างขึ้นมาฉลองในวาระ ๑๐๐ ปีของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ก็คืออาตมาสร้างอาคารศาลา ๑๐๐ ปีเพื่อฉลอง ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน แล้วชั้น ๒ จะกันเอาไว้สร้างพิพิธภัณฑ์ ๑๐๐ ปีหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง

แต่ด้วยความที่มีงานถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ขึ้นมา บรรดาช่างทั้งหมดโดนระดมไปสร้างพระเมรุมาศจนหมดสภาพไปตาม ๆ กัน จึงช้าไป ๒ ปี ทำให้การคำนวณเกี่ยวกับเรื่องราคาพิพิธภัณฑ์เพิ่มจาก ๔๓.๒ ล้านบาท มาอยู่ที่ประมาณ ๕๐ ล้านบาท

คราวนี้พิพิธภัณฑ์ที่สร้างในตอนแรก จะเป็นความรู้ทางพระพุทธศาสนา ก็คือถ้าใครมาวัดท่าขนุนแล้วต่อให้ไม่มีพื้นฐานความรู้ทางพระพุทธศาสนาเลย ก็จะทราบในเรื่องของหลัก ๆ อย่างเช่นว่า พระพุทธเจ้าคือใคร ทรงสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องอะไร พระพุทธศาสนาสร้างคุณประโยชน์ให้กับพุทธศาสนิกชนอย่างไร"

เถรี
22-04-2019, 23:19
"แต่คราวนี้ด้วยความที่พื้นที่ซึ่งกันเอาไว้สร้างพิพิธภัณฑ์ใหญ่มากถึง ๑,๖๐๐ ตารางเมตร ผู้ออกแบบก็เลยแนะนำว่าควรที่จะมีส่วนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มีส่วนของหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน แล้วก็มีส่วนของวัตถุมงคลต่าง ๆ ซึ่งอาตมาพิจารณาแล้วว่า บรรดาวัตถุมงคลโดยเฉพาะพระเครื่อง มีการสร้างพิพิธภัณฑ์หลายแห่งแล้ว จึงตั้งใจว่าถ้ามีพิพิธภัณฑ์ก็ควรจะเป็นพิพิธภัณฑ์เครื่องรางของขลัง เพราะว่าอาตมาชอบของทั้งหลายเหล่านี้ที่สร้างยากมาก

คราวนี้ส่วนที่เป็นแนวคิดกรอบกว้าง ๆ ก็จะออกมาเป็นลักษณะอย่างนี้ โดยที่จะเพิ่มส่วนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เข้าไปด้วย เมื่อเดือนที่แล้วผู้ออกแบบก็มานำเสนอว่า แนวคิดหลักในการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์จะออกมาในลักษณะไหน อาตมาเองก็ท้วงติงและขอให้ปรับแก้ไปหลายอย่าง เดือนนี้ก็จะมานำเสนอใหม่ว่าเป็นไปตามความต้องการหรือไม่"

เถรี
22-04-2019, 23:21
"ถ้ากรอบแนวคิดหลัก ๆ ลงตัวกันแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการนำเสนอว่าเข้าไปแล้วจะเป็นลักษณะอย่างไร จะเป็นแสง เป็นสี เป็นเสียง หรือจะเป็นข้อมูลในลักษณะของตัวหนังสือ ข้อมูลในลักษณะของวัตถุ ก็คงจะต้องคุยกันอีกหลายรอบ

เมื่อทุกอย่างลงตัวก็จะเริ่มดำเนินการ โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ ๑๘ มีนาคมที่ผ่านมา ศาลา ๑๐๐ ปีวัดท่าขนุนปิดทันทีที่เลิกใช้งาน เพราะว่าตอนนี้ข้าวของที่อยู่ข้างในมูลค่าเกือบ ๒๐๐ ล้านบาทแล้ว หลวงพ่อทองคำ หลวงพ่อนาก หลวงพ่อเงิน ราคาขนาดนั้นแล้ว ท่านใดที่เคยไปวัดแล้วพักที่ชั้น ๒ ซึ่งจะสร้างพิพิธภัณฑ์ ตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสพักแล้ว ยอมไปนอนเบียดกับเขาเสียดี ๆ ไม่อย่างนั้นก็โน่นเลย...ไปนอนที่ลานธรรม

ข้อสำคัญอยู่ตรงที่ว่าตอนที่ช่างทำงาน เราต้องมีพระนั่งประจำอยู่ที่มณฑปหลวงพ่อสามกษัตริย์ เพราะว่าผู้คนเข้า ๆ ออก ๆ มากหน้าหลายตา ถ้าไม่ดูแลใกล้ชิด แค่เขาหยิบเอาเกศหลวงพ่อทองคำไปก็พอแล้ว น้ำหนักหลายกิโลกรัม เพราะว่าปลายยอดมงกุฎตันทั้งแท่ง แล้วทองคำตัน ๆ ขนาดเกือบเท่าแขนของเรา น้ำหนักกี่กิโลกรัมก็เดาเอาเองก็แล้วกัน เพียงแต่ว่าถ้าใครกล้าหาญถึงขนาดปีนขึ้นไปหยิบก็คงจะรอดยาก เพราะว่าให้ช่างเขาดำเนินการติดตั้งระบบเลเซอร์พร้อมกับเสียงเป็นระบบกันขโมย"

เถรี
22-04-2019, 23:24
"ถ้าหลบจากกล้องวงจรปิดทั้ง ๑๒ ตัวได้ ซึ่งโอกาสที่จะหลบไม่มีหรอก อย่างน้อย ๆ ต้องมีตัวใดตัวหนึ่งที่ถ่ายได้ ถึงหลบได้ก็หลบระบบเลเซอร์ป้องกันไม่พ้น เพราะว่าเสียงนอกจากจะดังในศาลา ดังนอกศาลาแล้ว ยังดังที่สถานีตำรวจด้วย ซึ่งสถานีตำรวจก็อยู่แค่หลังวัด

ถ้าจะใช้วิธีแบบเดียวกับ Mission Impossible ท่านก็ต้องเจาะเพดานลงไป แล้วคราวนี้เพดานวัดท่าขนุนไม่ใช่ประเภทฝ้าเหมือนในหนัง Mission Impossible เพดานวัดท่าขนุนผูกด้วยเหล็กข้ออ้อยขนาด ๖ หุน คือเกือบนิ้วหนึ่ง แล้วเทหนา ๓๐ เซนติเมตร ระเบิดยังไม่กระดิกเลย ลองนึกดูว่าความหนาเท่าต้นเสานี้ แล้วคอนกรีตที่เสริมด้วยเหล็กข้ออ้อย ๖ หุนจะระเบิดได้ไหม ? คาดว่าต่อให้เจาะลงไปครึ่งหนึ่งฝังระเบิดก็คงจะแตกออกมาแค่หน่อยเดียว

ฉะนั้น...บรรดาประเภทฟุ้งซ่านวางแผนจะขโมยหลวงพ่อทองคำอย่างไร...เชิญตามสบาย เพราะว่าท้ายสุดพอเข้าไปถึงหลวงพ่อทองคำ ก็ไม่มีปัญญายกท่านอยู่ดี ยกเว้นว่าจะเอารถเครนเข้าไปในศาลาได้ทั้งคัน

ตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่าหมา ๓๐๐ กว่าตัวมีประโยชน์กว่าที่คิด ถ้าแปลกหน้าเข้าไปนี่กระจายแน่นอน กำลังรอฤกษ์ว่าถ้ามีฤกษ์วันพฤหัสบดีขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ จะปลุกเสกหุ่นพยนต์เอาไว้ใช้งานเสียหน่อย อย่างน้อย ๆ เอาไว้เฝ้าวัด จะไม่ให้ใช้อาวุธที่ถึงแก่ชีวิต อย่างเก่งก็ใช้กระบองไล่ตีให้หัวร้างข้างแตก เสด็จในกรมหลวงชุมพรท่านเสกหุ่นพยนต์แค่กระดิกได้ แต่เคลื่อนไหวไม่ได้ เพราะว่าช่วงนั้นไม่มีฤกษ์ที่ตรงตามตำรา"

เถรี
22-04-2019, 23:26
พระอาจารย์กล่าวว่า "ทองผาภูมิมีภูเขาล้อมรอบ เขาถึงได้มีชื่อว่าผาภูมิ เพราะว่าเป็นที่หลังเขา"

เถรี
22-04-2019, 23:27
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมเขาสงสัยว่าพูดอะไรมาทำไมหลวงพ่อรู้จักไปหมด ความจริงก็ไม่ได้รู้จักมากมายหรอก เพียงแต่ว่าเป็นคนที่จำแม่น เห็นอะไรแล้วไม่ลืม"

เถรี
24-04-2019, 08:34
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนไปหาท่านอาจารย์บ๊ะ กำลังมีเซียนเอาเหรียญไปเสนอจำหน่ายให้ท่าน อาตมาก็เลยสะกิดส่งไปให้ ๒ เหรียญ บอกว่าอันนี้ไม่เสียสตางค์ ไปนั่งส่องกันให้พอ เป็นเหรียญหลวงพ่อโต วัดวิหารทอง กับเหรียญพระพุทธหล่อ หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย พวกเราไม่รู้จักหรอก แต่บรรดาเซียนเหรียญถ้ารู้นี่น้ำลายไหลยืด..!

อาตมาเคยบูชาเหรียญพระเกจิอาจารย์ราคาแพงที่สุดก็คือ ๑ แสนบาท พวกเราถ้าไม่รู้จักของก็ไม่กล้าหรอก เหรียญหลวงปู่ภู วัดดอนรัก รุ่นแรก สภาพคมกริบแทบไม่ผ่านการใช้เลย ส่งประกวดเมื่อไรติดรางวัลแน่นอน เลยยอมจ่ายแพง

เราจะได้ยินชื่อ จาด จง คง อี๋ ที่เขาเรียก ๔ เสือสงครามโลก คือ หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ๒ ท่านนี้เป็นเพื่อนซี้กับหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ชอบแปลงเป็นเสือไปหลอกหลวงพ่อวัดท่าซุงสมัยธุดงค์ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม กับ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ

แต่ว่าทางภาคกลางแถบอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท เขามี ‘จันทร์นาคู ภูดอนรัก ภักตร์วัดโบสถ์’ หลวงปู่จันทร์ วัดนาคู ทำวัตถุมงคลน้อยมาก ทำให้เฉพาะลูกศิษย์ที่บวชกับท่านเท่านั้น รับประกันเหนียวสะเด็ดทุกชิ้น ภูดอนรัก คือหลวงปู่ภู วัดดอนรัก หลวงปู่ภูทำวัตถุมงคลเอาไว้มากหน่อย พอมีในท้องตลาด

วัตถุมงคลหลวงปู่ภูถามว่าดีแค่ไหน ? ลูกศิษย์แขวนตะกรุดแล้วเข้าป่า ยิงไก่ป่า ยิงเท่าไรก็ยิงไม่ออก ไก่ป่าเหนียว ก็ดันทะลึ่งไปแขวนตะกรุดของท่านอยู่กับตัวแล้วไปยิง สับเท่าไรปืนก็ไม่ลั่น แปลว่าถ้าอยู่ในรัศมียิงไม่ได้ ถ้าอยู่ในรัศมีท่านกันให้หมด กันแม้กระทั่งอาวุธของตัวเอง..!"

เถรี
24-04-2019, 08:35
"ส่วนหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ต้องบอกว่าเป็นครูบาอาจารย์ใหญ่ที่ทำอะไรก็ดังไปหมด โดยเฉพาะตะโพน มะเฟือง เบี้ยแก้ของท่านนี่ราคาแพงหูดับตับไหม้เลย

ช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา มั่นใจได้เลยนักการเมืองแถวชัยนาท แถวอ่างทอง แถวสิงห์บุรี ทุกคนต้องมีตะโพนหลวงพ่อภักตร์ติดตัว สมัยก่อนอาตมาตามท่านอยู่เป็นปีกว่าจะได้ตะโพนลูกแรกมา หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ตามมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายสุดเอาไปออกกระทู้คนมีเงินเป็นสิบลูก

บรรดาเซียนเห็นก็จะเป็นลม อาจารย์ออกราคาแค่นี้เองหรือ ? บอกว่าใช่ แค่นี้ลูกศิษย์ก็บอกว่าแพงฉิบหายแล้ว แต่ของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์นี่ต้องดูดี ๆ นะ ไม่ใช่งาช้าง เป็นเขากวาง เขากวางพอเกลาเปลือกออกแล้วจะมีสีเหลืองอ่อนคล้ายงาช้าง เพราะฉะนั้นต้องดูไส้ใน ไส้ในเขากวางจะมีแกนกระดูกที่เป็นพรุน ๆ อยู่ ขณะเดียวกันถ้าเป็นปลายเขาไม่มีแกนไขกระดูก ก็ต้องดูห่วง ดูรอยเชื่อม เพราะว่าหลวงพ่อท่านจะอุดผงวิเศษก่อนแล้วค่อยใส่ห่วงทุกอัน"

เถรี
24-04-2019, 08:42
"ถ้าตาไม่ถึงอย่าไปเสี่ยง...แพง เบี้ยแก้หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ เป็นเบี้ยแก้ที่ดังที่สุดของเบี้ยแก้สายอ่างทอง ปรมาจารย์ทางเบี้ยแก้สายอ่างทองเกือบทั้งหมด เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์

เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง อยู่อันดับ ๑ ของประเทศ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว อยู่อันดับ ๒ หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ อยู่อันดับ ๓ ที่เขาจัดอันดับกันมี ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ ประสบการณ์ ที่ใช้แล้วดีจริง อย่างต่อไปก็คือ ถ้าหายากจะตกอันดับ ต้องมีของพอหมุนเวียนในท้องตลาดด้วย ของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ นี่หายากสุด ๆ จึงตกไปอยู่อันดับที่ ๓

อันดับ ๔ ก็คือหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว อันดับ ๕ หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ซึ่งหลวงพ่อคำก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อภักตร์นั่นแหละ เพราะฉะนั้น...ของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ถ้าลูกศิษย์ลูกหามีอยู่นี่ไม่ยอมปล่อย ในเมื่อหาของหมุนเวียนในท้องตลาดไม่ได้ก็เลยตกอันดับ"

เถรี
24-04-2019, 08:51
"แบบเดียวกับตะกรุดอันดับหนึ่งของประเทศไทย ใครเขาว่าเป็นตะกรุดมหาโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ความจริงแล้วเป็นตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ ของหลวงพ่อกุน วัดพระนอน

แต่ของหลวงพ่อกุน วัดพระนอนนั้น ในตลาดมีน้อยสุด ๆ ใครมีก็เก็บเป็นสมบัติประจำตระกูล ไม่ยอมให้หลุดออกมาง่าย ๆ อาตมาเองตามมาทั้งชีวิตเพิ่งได้มา ๒ ดอก ถ้าหายาก การจัดอันดับในท้องตลาดจะโดนปรับตกไปเลย กลายเป็นตะกรุดมหาโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง มาอยู่อันดับ ๑ ทั้ง ๆ ที่ตะกรุดคู่ชีวิตหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ประสบการณ์ในการใช้ก็ไม่ต่างกัน

แม้กระทั่งลูกศิษย์ของท่านอย่างหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง หรือแม้กระทั่งหลวงพ่อทบ วัดชนแดน แต่ละคนขลังสุด ๆ แล้วฝีมือของพระอาจารย์จะระดับไหน ?

รูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานปัจจุบันราคา ๑๐ ล้านบาทขึ้นไป ตะกรุดของท่านหายากกว่าอีก แต่ด้วยเหตุที่หายากเลยตกอันดับ ในเมื่อตกอันดับใครมีก็หวงกันมาก เพราะว่าขนาดของลูกศิษย์อย่างหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง โจรปล้นบ้านยิงเท่าไรก็ยิงเจ้าของบ้านไม่ออก โจรก็ช่วยกันทุบ ช่วยกันค้นตัวดู เจอตะกรุดหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง ก็กระชากตะกรุดไป เจ้าของหวงก็สู้ ดึงได้แต่สายตะกรุดไป โจรดึงได้ตะกรุดไปก็ยิงเลย ปรากฏว่าเจ้าของบ้านถืออยู่แค่สายคล้องตะกรุดอย่างเดียวก็ยังยิงไม่ออก นั่นลูกศิษย์ขนาดนั้น แล้วพระอาจารย์จะขนาดไหน ?

ตอนนี้อาตมาสร้างพิพิธภัณฑ์เครื่องรางของขลัง ที่สร้างมีเหตุผลอยู่ ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือทำยาก จะต้องมีฤกษ์มียาม มีวัสดุ มีข้อห้าม"

เถรี
24-04-2019, 20:57
พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาไปเสกเหรียญพญาเต่ามังกรหยกให้กับทางวัดสี่แยกเจริญพร ต้องชมว่าท่านอาจารย์เทพสร้างเหรียญได้สวยมาก เป็นโลหะพิลึก ก็คือถ้าปั๊มเหรียญนี้เสร็จใหม่ ๆ แล้วแช่น้ำไว้ ๔๘ ชั่วโมงจะเป็นสีเขียวหยก โลหะอย่างอื่นแช่จะไม่เป็นอย่างนั้น โลหะอย่างอื่นแช่เแล้วเป็นสนิม ปรากฏว่าแทนที่จะทำไว้ขาย อาจารย์เทพท่านทำไว้แจก

วันนั้นที่ไปเสกพร้อมกันก็มีหลวงปู่ปั่น วัดหนองกระทุ่ม และ หลวงปู่สิทธิชัย ที่เขาเรียกหลวงปู่ตาทิพย์ ไปถึงหลวงปู่สิทธิชัยก็ "เฮ้ย ทำไมมาเยอะแท้ ?" " อ๋อ...ท่านตามมาช่วยงานครับ"

ปรากฏว่าช่วงที่กำลังเสกเหรียญ พระมหากัจจายนะลงมา สว่างไสวมาก พระมหากัจจายนะท่านเป็นพุทธภูมิเก่า ปรมัตถบารมีช่วงปลายแล้ว ขนาดเป็นพระสงฆ์ยังมีมหาปุริสลักษณะคล้ายคลึงพระพุทธเจ้า ท่านเมตตามาเสกให้ ก็สงสัยว่าทำไมพระมหากัจจายนะมา ปรากฏว่าอาจารย์เทพท่านสร้างเป็นเหรียญพระมหากัจจายนะขี่พญาเต่ามังกร...มิน่าล่ะ

รุ่งขึ้นท่านอาจารย์เทพส่งรูปยิ้มแฉ่งมาให้ บอกว่า "อาจารย์ครับ คนเข้าเกือบจะวัดแตก" ของอะไรแจกฟรีนี่แย่งกันรับ แต่ท่านก็มีกติกานะ ใครอยากได้ต้องจองวัตถุมงคล ๑ ใบเสร็จ จอง ๑ ใบจะราคามากน้อยเท่าไรก็จะแจกให้ ๑ เหรียญ"

เถรี
24-04-2019, 21:06
"พอเสกเหรียญพญาเต่ามังกรหยกของท่านอาจารย์เทพเสร็จ รุ่งขึ้นก็ไปเสกเหรียญรุ่นกตัญญูให้กับอาจารย์ปุญญพัฒน์ที่วัดเดิมบาง ได้ยินชื่อวัดแล้วคุ้น ๆ ไหม อยู่อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี อาจารย์ปุญญพัฒน์เป็นลูกศิษย์ ป.บส. รุ่นห่างจากอาตมา ๑๐ รุ่น อาตมาเป็น ป.บส. รุ่นแรก ท่านอาจารย์ปุญญพัฒน์เป็นรุ่นที่ ๑๐

ไปถึงท่านมารับด้วยตัวเอง พารถวิ่งขึ้นไปบนหญ้าญี่ปุ่นที่ปูไว้ข้างพิพิธภัณฑ์เรือนไทย ถามท่านว่า “เฮ้ย..ขึ้นได้หรือ ?” “ได้ครับ วีไอพีต้องขึ้นได้” เกรงใจท่าน เนื่องจากไม่มีที่จอดรถ ที่จอดเต็ม ท่านพาไปที่พิพิธภัณฑ์เรือนไทย วิ่งขึ้นไปบนหญ้าที่ปูไว้อย่างดีเลย

เข้าไปกราบคุยกับหลวงปู่สมบุญ วัดลำพันบอง อำเภอหนองหญ้าไซ พระเถระอาวุโสมาก อายุ ๙๖ ปี แล้วก็มีหลวงพ่อแดง วัดฝาโถ สักครู่หนึ่งหลวงพ่อเกาะ วัดท่าสมอก็มาถึง อีโล้งโช้งเช้งตามแบบของท่านนั่นแหละ คนเข้าไปถ่ายรูปหลวงพ่อเกาะ “เฮ้ย ๆ ๆ ใครอนุญาตมึงวะ ?” อีกฝ่ายไม่สนใจ กดเอาไว้ก่อน แล้วก็หลวงพ่อจำนงค์จากตาคลี ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอ นั่งคุยกันพอได้เวลาก็พากันไป"

เถรี
24-04-2019, 21:11
"ก่อนจะเข้าไปในโบสถ์ เจอฆราวาสลูกศิษย์อาวุโสของหลวงพ่อกวย ก็คือท่านอาจารย์สมจิตร เทียนจันทร์ คนไม่รู้จักชื่อหรอก คนเขาเรียกฉายา เฒ่าสุพรรณ ก็เข้าไปคุยด้วยก่อนเข้าโบสถ์ อาจารย์เฒ่าบอกว่า "อาจารย์..ช่วยลงหัวให้ผมหน่อย" อาตมาก็สะดุ้ง "เฮ้ย..ปกติหลวงพ่อกวยท่านลงให้แล้วนี่ ท่านไม่ให้ใครลงซ้ำนะ" ปรากฏว่าหลวงพ่อกวยท่านมาด้วย "มันอยากได้ ลงให้มันไปเลย" ก็เลยลงให้ท่านไป

พอเข้าโบสถ์ กราบพระเสร็จ ขยับจะขึ้นที่นั่ง ปรากฏว่าหลวงพ่อกวยท่านลากพรวดขึ้นไปบนอาสนะที่เขาปูไว้ให้ท่าน อาตมาเองก็สะดุ้ง ปรากฏว่าขยับไม่ได้ โดนหลวงพ่อกวยท่านกดแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น กราบเรียนท่านว่า "หลวงพ่อทำอย่างนี้เดี๋ยวคนอื่นฆ่าผมตาย" ท่านบอกว่า "ไม่เป็นไร ในเมื่อไอ้เฒ่ายอมรับเอ็ง ข้าก็ใช้เอ็งเต็มที่ละนะ" นั่งอยู่เป็นชั่วโมงท่านไม่ให้กระดิกเลย ทรมานสุด ๆ

แต่ก็ต้องถือว่าบุญของอาจารย์ปุญญพัฒน์ท่านดี สร้างเหรียญถวายครูบาอาจารย์ เพราะว่าเหรียญโล่ของหลวงพ่อกวยที่ดังนักดังหนา วัดเดิมบางสร้างให้ รุ่นนี้เท่ากับย้อนยุค แล้วหลวงพ่อกวยท่านก็มาสงเคราะห์ให้จริง ๆ"

เถรี
24-04-2019, 21:16
"ปกตินั่งพุทธาภิเษก อาตมาก็จะนั่งท่าสบาย ประเภทพิงบ้าง หลังโก่งบ้าง คอตกบ้าง แล้วแต่ถนัด เพราะว่าจะนั่งได้นาน ปรากฏว่าเจอหลวงพ่อกวยท่านนั่งทับ อาตมาก็เลยโดนกดอยู่ท่านี้ ตัวตรงแหน็ว กระดิกไม่ได้ แข็งทื่ออยู่เป็นชั่วโมงกว่าท่านจะยอมปล่อย...เกือบตาย เจอครูบาอาจารย์เล่นแบบนี้ก็แย่ แต่ต้องบอกว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้ท่านเสกให้แบบสุดหัวใจจริง ๆ

หลวงพ่อกวยเป็นพระที่รักลูกศิษย์มาก ลูกศิษย์คนไหนระลึกถึงท่าน ขอให้ท่านช่วย ถ้าไม่เกินความสามารถท่านก็ช่วย ท่านไม่สนใจว่าคุณจะทำดีหรือทำชั่ว หลวงพ่อกวยสนใจอยู่อย่างเดียวว่าลูกศิษย์เคารพท่านไหม ถ้าเคารพท่าน ต่อให้ติดคุกอยู่ ท่านก็ไปช่วย ท่านบอกว่าคนเราไม่ใช่พระโสดาบัน จะได้ไม่ทำอะไรผิดเลย เพียงแต่ว่าผิดแล้วให้รู้แก้ไข ให้เป็นคนมีสัจจะ ให้ถือครูบาอาจารย์เป็นที่พึ่ง

ไม่ต้องห่วง...หลวงพ่อกวยท่านยังจะไปเกิดอีกนาน มาสายพุทธภูมิเต็ม ๆ อีกไม่กี่วันก็เป็นวันมรณภาพของหลวงพ่อกวย แต่อาตมาไปไม่ได้ เพราะว่าติดงานเปิดปฏิบัติธรรมที่วัด หลวงพ่อกวยท่านมรณภาพ ๑๒ เมษายน ทุกปีก็จะมีงานทำบุญถวายท่าน บรรดาลูกศิษย์ก็ไปลองวิชากันที่วัดนั่นแหละ เหมือนอย่างกับวันโชว์วัตถุมงคลหลวงพ่อกวยว่าใครมีรุ่นไหนบ้าง ก็พกกันไป เพราะฉะนั้น ๑๒ เมษายน ถ้าใครว่างก็แวะไปวัดบ้านแคหรือวัดโฆสิตารามนะ อยู่ที่สรรคบุรี จังหวัดชัยนาท"

เถรี
24-04-2019, 21:18
"สมัยก่อนอาตมาก็วิ่งเส้นนั้น เพราะว่าหลวงปู่บุดดาอยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น วิ่งไปวิ่งมาได้วัตถุมงคลกลับไป ทหารที่วัดท่าซุงไถเรียบ..! บางครั้งบูชาไปเป็นลังเลย แต่ไม่พอให้เขาหรอก เขาขอเสร็จก็ขอเผื่อเพื่อนด้วย ตัวเองไม่มีเวลาไป เพราะว่าทหารตำรวจได้รับคำสั่งให้เฝ้าวัดท่าซุง ถ้าหลวงพ่อวัดท่าซุงไม่ไปก็ไปไหนไม่ได้ อาตมาเองมีเวลาก็แวบไปเรื่อย เพราะว่าอยู่ไม่ไกล

โดยเฉพาะยิ่งถ้าได้คุณแดงขับรถให้ สามารถไปกลับได้ภายในชั่วโมงกว่า ๆ เอง ลงแพที่มโนรมย์ได้ก็ซิ่งเลย บางวันก็ไม่ไปทางด้านนั้น บางวันก็ออกทางด้านวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท วิ่งอ้อมข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไป"

เถรี
24-04-2019, 21:19
"วัตถุมงคลหลวงพ่อกวยจะเป็นในวัดนอกวัด ลูกศิษย์หากันให้ควั่กไปหมด ของเก่าราคาก็ขึ้นเอา ๆ ของใหม่ก็ไล่หลังมาติด ๆ รุ่นแรงครูที่อาตมามีส่วนไปร่วมพุทธาภิเษกด้วย ตอนนี้ราคาไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้

วันก่อนถามพระมหาฐิติวัตรว่าตกลงได้สร้าง มจร.ไหม ? ท่านบอกไม่ไหวครับ ค่าใช้จ่ายเดือนหนึ่งหลายแสน หาไม่ทัน ตอนแรกท่านเจ้าคุณสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท ท่านตั้งใจจะหาทุนสร้างอาคาร มจร. ดูท่าว่าจะกลายเป็นทุนการศึกษานักเรียนแค่นั้น

ลงมาบอกกับมหาฐิติวัตร เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดชัยนาท บอกว่า "หลวงพ่อทำแบบนี้..ผมตาย" ถ้าไม่โดนลูกศิษย์ที่หมั่นไส้รุมเอา ก็ประเภทเรานั่งเกร็งจนตาย แต่ก็เป็นอะไรที่สบายที่สุด เพราะว่าหลวงพ่อกวยท่านนั่งคุมอยู่ ใครเล่นอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เป็นงานที่สบายใจมากว่าปลอดภัย"

เถรี
24-04-2019, 21:32
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๔ พฤษภาคม จะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ให้คอยดูว่าจะเฉลิมพระนามเป็นอะไร ตอนนี้จะเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว เพราะว่าผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ถ้ายังไม่ผ่าน เขาเรียกแค่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

คราวนี้บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ต่าง ๆ ก็จะได้รับพระราชทานตั้งฐานานุศักดิ์ใหม่ น่าจะได้หมด ยกเว้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพราะว่าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตำแหน่งสูงสุดรองจากสมเด็จพระราชินีเท่านั้น ขยับไม่ได้ ไม่มีสูงกว่านั้นแล้ว ถ้าขยับต้องเป็นพระราชินีเท่านั้น ซึ่งพระองค์ท่านก็ไม่รู้ว่าจะไปเป็นที่ประเทศไหน

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ต้องเฉลิมพระนามเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนี คราวนี้ก็ต้องดูว่าจะมีพระนามใหม่ว่าอะไร ถ้าหากว่าใช้พระนามเดิมก็ต้องต่อด้วยพระราชชนนีพันปีหลวง"

เถรี
24-04-2019, 21:34
"เรื่องพวกนี้ศึกษาเอาไว้ก็ดี ถ้าไม่ศึกษาเอาไว้ก็จะงง ว่าทำไมตอนนี้เรียกพระฉายาลักษณ์

พระฉายาลักษณ์ก็คือรูป รูปเหมือน รูปถ่าย ถ้าพระสาทิสลักษณ์ก็คือรูปวาด คราวนี้ยังไม่ได้ผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษกก็จะเป็นแค่พระฉายาลักษณ์ เป็นพระสาทิสลักษณ์ ถ้าหากว่าทำพิธีบรมราชาภิเษกแล้วก็เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมสาทิสลักษณ์

แบบเดียวกับพระราชโองการกับพระบรมราชโองการก็เหมือนกัน ยังไม่ผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ก็ใช้เป็นพระราชโองการ พอผ่านพิธีไปแล้วก็จะเป็นพระบรมราชโองการ

ความจริงก็จำไม่ยาก แต่สมองพวกเรา Ram น้อยไปหมด ไปอัพ Ram อย่างน้อยสัก 16 G ไม่อย่างนั้นจำอะไรไม่ค่อยได้หรอก ของอาตมา 64 G มาตั้งแต่เกิดแล้ว จำได้เยอะกว่าชาวบ้านเขาหน่อย"

เถรี
25-04-2019, 07:52
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่ห้อยพระมาว่า "อาตมามีเหรียญหลวงปู่เล็ก วัดทำนบ อยู่หนึ่งเหรียญ ถ้าเอาไว้ใช้เองก็ต้องหาฝีมือช่างเลี่ยมแบบนี้ ถึงเวลาไปไหนก็ไม่อายใครว่าหลวงพ่อเราจีวรสวย ต้องบอกว่าขนาดแขวนพระยังเอากิเลสไปชนกับเขาเลย..!

ความจริงไม่ใช่หรอก....โดยนิสัยแล้ว...อะไรที่ทำเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา อาตมาก็จะทำออกมาให้สวยที่สุด ดีที่สุดเท่าที่หาได้"

เถรี
25-04-2019, 08:29
ถาม : โยมไปตัดต้นตาลตายพรายมา อยากจะเอามาถวายสักสองท่อนครับ ?
ตอบ : ไม่มีอารมณ์ทำ

ถาม : เหล็กที่เขาเสียบต้นตาลขึ้นไป ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าไม่มีอารมณ์ ไม่ได้คิดจะทำอะไร ไปหาวัดที่เขาจะสร้างแล้วเอาไปถวายท่าน เอามาให้ตูก็เป็นแค่ขยะเท่านั้น

เรื่องมงคลภายนอก ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็เอาไว้หน่อย ถ้าเหลือบ่ากว่าแรงก็เอามงคลภายในดีกว่า

เถรี
25-04-2019, 08:42
ถาม : คนที่ได้วัตถุมงคลชนิดเดียวกัน ทำไมผลถึงต่างกันมาก ทั้ง ๆ ที่คนหนึ่งไม่ได้สวดมนต์ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับศรัทธา แล้วก็กำลังใจที่เปิดรับ

ถาม : แปลว่าเชื่ออย่างเดียวเลยว่าท่านต้องช่วยเราแน่หรือครับ ?
ตอบ : ใช่...ถ้ากำลังใจของเรายอมรับจริง ๆ เหมือนอย่างกับว่าคลื่นอินเตอร์เน็ตเปิดอยู่ตลอดเวลา คุณจะเปิดเครื่องของคุณรับ ก็ต้องดูว่า ๓ จี ๔ จี หรือ ๕ จี

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องมีบุญเก่าหนุนเสริมด้วย ของเก่าเขาทำเอาไว้มาก ต้นทุนก็มาก ลงทุนน้อยของเขาก็กลายเป็นมากของเรา

ถาม : หมายถึงทานบารมีโดยตรงหรือครับ ?
ตอบ : อะไรก็ได้ที่เป็นปุพเพกตปุญญตา จะเป็นทานเป็นศีล เป็นภาวนาก็ได้ แต่ภาวนาดีที่สุด

เถรี
25-04-2019, 08:49
ถาม : ลูกสาวจะไปเรียนที่อังกฤษ ต้องบอกกล่าวเทวดารูปไหนให้ท่านคุ้มครองครับ ?
ตอบ : รู้จักเมอร์ลินไหม ? ท่านนั้นแหละ..ตอนนี้ท่านเป็นพรหม

เมอร์ลินเป็นนักบวชโบราณที่เรียกว่า Druid คราวที่แล้วไปก็สงสัยว่าสโตนเฮนจ์คืออะไร บางคนบอกกระทั่งว่ามนุษย์ต่างดาวสร้างเอาไว้ ปรากฏว่าไม่ใช่ เป็นพวกนักบวช Druid เขาสร้างไว้

คนยุคหลังเขาสงสัยว่าสร้างอย่างไร หินน้ำหนักเป็นตัน ๆ ขึ้นไปล้อมอยู่ข้างบนได้ ไปดูก็ไม่เห็นมีอะไร ท่านแค่โบกไม้เท้าทีเดียวก็ขึ้นไปอยู่ข้างบนแล้ว ท่านก็เก่งได้เรื่องเหมือนกัน เป็นวงพิธีกรรมที่เขาใช้งานจริง ถึงเวลากษัตริย์ออกรบก็ทำพิธีส่งกำลังไปคุ้มครองหรือช่วยเหลือ

เถรี
25-04-2019, 08:53
บรรดาท่านที่ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับจิต ถึงเวลารู้ก็รู้เหมือน ๆ กัน อย่างคนจีนศึกษาฮวงจุ้ย จริง ๆ แล้วก็มีเรื่องของจิตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มีเวทมนตร์มีคาถาอะไรด้วย เพียงแต่ว่าระยะหลังคนศึกษาไม่ไหว ก็แยกประเภทอันนี้เป็นเรื่องของเวทมนตร์คาถา อันนี้ปราบภูตผีปีศาจ อันโน้นสนับสนุนความเจริญรุ่งเรือง อะไรประมาณนั้น ก็เลยแยกสาขาออกไปเยอะ ส่วนโบราณเขาเรียนรวมกัน

คนจีนเขาใช้วิชาฮวงจุ้ยดูแหล่งพลังงานของโลก ตรงไหนที่ดีที่เหมาะสม ก็หนุนเสริมให้คนที่สร้างความดีเก่าไว้ให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ก็เอาไปบอกกล่าวคนอื่น แต่คนบอกมักจะเฮง เพราะบางอย่างก็ฝืนกฎของกรรม เพราะคนรวยอยากจะรวยยิ่งขึ้น ทางด้านยุโรป พวกหมอผี พวกผู้วิเศษอะไรของเขา เขาก็รู้เรื่องพวกนี้ ถึงเวลาเขาก็ไปตั้งสถานที่พวกนี้ในจุดที่ดีที่สุด

ระยะนี้งานยุ่งมาก ไม่มีเวลาเขียนบันทึก กลัวว่านาน ๆ ไปจะต้องไปดึงรายละเอียดมาใหม่ ตอนใหม่ ๆ จะดีที่สุดเพราะว่าจำแม่น ถ้าต้องไปนั่งย้อนอดีตกันอีกก็ปวดหัว

เถรี
25-04-2019, 08:57
ถาม : แม่อายุจะ ๙๐ ปีแล้ว เพิ่งล้มข้อศอกแขนหัก วันที่น้องผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะทิ้ง อีก ๑๒ วันถัดมา แม่ก็กระดูกข้อสะโพกคนละข้างหักอีก ในวันที่น้องชายกำลังจะกลับจากผ่าตัด ต้องผ่าตัดแขนดมยาตะแคงทับสะโพกที่หักเจ็บมาก ความดันจะขึ้น อาจถึงเส้นเลือดในสมองแตกได้ และเว้นวันเดียวก็บล็อกหลังผ่าข้อสะโพก... ทั้งน้องชายและแม่เข้าโรงพยาบาลแอ็ดมิทพร้อมกัน อยากได้คำสอนว่าต้องวางใจอย่างไร ?
ตอบ : ก็ไม่มีอะไร ไม่ต้องเสียเวลาสอนหรอก หาคำว่า ธรรมดา ให้เจอ คำเดียวก็จบ

ถ้าเอาอย่างท่านพุทธทาสก็ ตถตา...เป็นอย่างนั้นเอง จริง ๆ แล้วนั่นประเภทไม่เข้าใจประเภทยถากัมมุตาญาณ หรือไม่ก็เข้าใจมากจนเกินไป มี ๒ อย่างด้วยกัน ไม่เข้าใจก็ เออ...เป็นอย่างนั้นเอง ก็กลายเป็นพวกประเภทนัตถิกทิฏฐิไปเลย แต่ถ้าเข้าใจในยถากัมมุตาญาณ ปล่อยวางได้ เพราะเห็นว่าเราทำไว้ เราจึงรับ

เถรี
25-04-2019, 23:16
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีเหรียญรัชกาลที่ ๙ สภาพใหม่ ๆ ก็เก็บเอาไว้บ้างนะ เพราะว่าคลังเขาจะค่อย ๆ เรียกคืนแล้ว”

เถรี
25-04-2019, 23:17
มีเด็กคนหนึ่งจ้องมองพระอาจารย์ด้วยความสนใจอย่างยิ่ง พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “อย่านะ..ถ้าอยากเป็นแบบนี้เกิดอีกนานเลยนะ ...(หัวเราะ)... เขายังไม่รู้หรอก แต่เขาเห็นว่าเท่ดี แค่นี้ก็เป็นอธิษฐานบารมีแล้ว เพราะว่าความตั้งใจเกิดขึ้น”

เถรี
25-04-2019, 23:17
ถาม : หากมีพระอริยสงฆ์อยู่ในสังฆกรรมที่มีอนุปสัมบันอยู่ด้วย สังฆกรรมนั้นจะไม่เป็นโมฆะใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : โมฆะเหมือนกันทั้งหมด ต่อให้พระพุทธเจ้าอยู่ด้วยก็เป็นโมฆะ เพราะว่าอนุปสัมบันเป็นผู้ที่ศีลไม่เสมอกัน เข้าไปอยู่ท่ามกลางสงฆ์ทำให้สังฆกรรมเจ๊งหมด ความเป็นพระอริยเจ้าไม่สามารถที่จะคุ้มสังฆกรรมได้ เพราะว่าเป็นเรื่องของส่วนรวม ไม่ใช่เฉพาะตน

เถรี
25-04-2019, 23:18
ถาม : ในการอาราธนาเหรียญทำน้ำมนต์เพื่อทำน้ำมนต์นั้น จำเป็นต้องให้เนื้อเหรียญสัมผัสกับน้ำหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น แต่ต้องใส่ลงไปในน้ำ หมายความว่าสามารถมีสิ่งห่อหุ้มได้ ไม่ใช่เหรียญอยู่บนหิ้งแล้วอาราธนาเพื่อทำน้ำมนต์ข้างล่าง

เถรี
25-04-2019, 23:19
ถาม : สามารถนำเหรียญทำน้ำมนต์ตั้งไว้บนภาชนะบรรจุน้ำ หรือเครื่องกรองน้ำ แล้วอาราธนาให้น้ำนั้น ๆ เป็นน้ำมนต์ได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ทำทีละครั้ง อย่ามักง่าย ถ้ากำลังใจเอ็งเจ๋งขนาดนั้นก็ไม่ต้องใช้เหรียญแล้ว..!

เถรี
25-04-2019, 23:19
ถาม : ระหว่างทางที่เดินขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ๑,๑๗๓ ขั้นนั้น มีระฆังที่สลักพระคาถาเงินล้านให้เคาะในจุดแวะพักอยู่หลายใบ กราบเรียนสอบถามว่า จะขอถวายระฆังสลักพระคาถาเงินล้านขนาดเท่ากับระฆังอันอื่น เพื่อนำไปแขวน ระหว่างทางขึ้นเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มขวัญและกำลังใจในการเดินขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นระฆังทองคำก็ยินดีรับ..! ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องเอามา

เถรี
25-04-2019, 23:20
ถาม : การที่เทพเทวดาปรากฏตนในรูปลักษณ์ด้วยเครื่องแต่งกายแบบคนธรรมดาทั่วไป เป็นเพราะเขาไม่อยากให้เรารู้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : มีหลายสาเหตุด้วยกัน ทางที่ดีคือถามท่านโดยตรง บางท่านมาเพราะไม่อยากให้รู้ บางท่านมาเพื่อให้ทราบว่าสภาพเดิมตัวเองเป็นอย่างไร ญาติพี่น้องจะได้จำได้ บางท่านมาเพราะว่าเคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมา จึงมาในลักษณะที่เป็นกันเอง เพราะฉะนั้น..ไม่ใช่เห็นแล้วไปสรุปเอาง่าย ๆ ถามท่านโดยตรงให้หมดเรื่องไปเลย

เถรี
25-04-2019, 23:20
ถาม : การอุทิศบุญแบบกล่าวรวม ๆ ทำไมบางตนที่แม้อยู่ในเขตที่รับได้ กลับไม่ได้รับ ต้องกำหนดเจาะจงให้หรือทำอะไรโดยเฉพาะ กรณีแบบนี้เกิดจากอะไรครับ ?
ตอบ : เกิดจากกำลังน้อยเกินไป แย่งคนอื่นเขาไม่ไหว ลองไปงานเทกระจาดดูสิ เคยไปไหม ? พอถึงเวลาเขาโยนลงไป คนแรงไม่ดี ไม่แข็งแรง จะแย่งใครได้บ้างเล่า ?

เถรี
25-04-2019, 23:21
ถาม : บริเวณอุโบสถ เจดีย์ ถ้าพระบอกให้สวมรองเท้าเข้าไปได้เลย อย่าถอดรองเท้าไว้ เดี๋ยวรองเท้าสูญหาย แบบนี้เราสวมรองเท้าเข้าไปได้และไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เป็นเหมือนเดิมนั่นแหละ พระจะอนุญาตอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราทำคือการปรามาสพระรัตนตรัย ในเมื่อเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย อนุญาตหรือไม่อนุญาตก็เกิดโทษ เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าไม่อยากให้เกิดโทษก็ถอดซะ ถ้ากลัวหายก็ถือติดมือไปด้วย

เถรี
25-04-2019, 23:21
ถาม : เหตุใดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ นอกจากความรู้ด้านโหราศาสตร์แล้ว ยังทรงมีความสามารถรู้แก้ไขชะตาช่วยบ้านเมืองได้จริง ทรงสร้างบุญบารมีใดมาครับ ?
ตอบ : แค่ตั้งใจศึกษาจนรู้จริงเท่านั้นเอง

เถรี
25-04-2019, 23:22
ถาม : ผู้ที่สามารถหลอกลวงผู้คนให้มาเชื่อมั่น ศรัทธาเขามากมาย เขาทำบุญกรรมมาอย่างไรครับ ?
ตอบ : แสดงว่าสั่งสม ทาน ศีล ภาวนา มาในระดับหนึ่ง แต่มีความเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็เลยเอาไปใช้ในทางที่ผิด

ถาม : ต้องทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้นำในทางสัมมาทิฏฐิครับ ?
ตอบ : เป็นพระอรหันต์..ง่ายที่สุด เป็นพระอรหันต์แสดงว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ เดินสุดทางแล้ว ท่านบอกทางเราอย่างไรก็ไม่ผิด เพราะฉะนั้น..กลัวจะผิดก็เป็นซะเอง จะได้หมดเรื่องไป

เถรี
25-04-2019, 23:23
ถาม : การศรัทธา ยึดติดกับผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ สอนผิด นอกจากเสียเวลาในชาติปัจจุบัน อาจจะเป็นการผูกยึดทำให้ต้องไปเกิด วนเวียนเสียเวลากับผู้นั้นอีกในชาติต่อไปเรื่อย ๆ ใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ใช่ครับ

ถาม : มีวิธีป้องกันลักษณะแบบนี้ไหมครับ ?
ตอบ : อย่าไปยุ่งกับเขา

เถรี
25-04-2019, 23:24
ถาม : ตอนนี้กระแสการจำหน่ายเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง เท่าที่อ่านมาทราบว่าเป็นการหมักต้นข้าวบาเลย์ ต้นฮอปแบบเดียวกับการผลิตเบียร์ แต่มีการสกัดแอลกอฮอล์ออกในขั้นตอนสุดท้าย ให้เหลือประมาณ ๐.๔ - ๐.๕ เปอร์เซ็นต์ โดยทั้งรสชาติและกลิ่นจะยังมีอยู่ แต่ไม่ทำให้เกิดอาการมึนเมา จึงขอกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า เครื่องดื่มประเภทนี้ ถือว่าไม่ผิดศีลข้อ ๕ และไม่ทำให้ยันต์เกราะเพชรขาดใช่หรือไม่ และพระอาจารย์มีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : ตราบใดที่ยังมีแอลกอฮอล์อยู่ ต่อให้เหลือ ๐.๐๑ เปอร์เซ็นต์ก็ผิด เพราะว่าทำให้สติสัมปชัญญะผิดเพี้ยนได้

เถรี
25-04-2019, 23:25
ถาม : ที่หลวงพ่อบอกว่า "อยากให้พระวัดท่าขนุนให้พรบทมงคลจักรวาลน้อยโดยหายใจครั้งเดียวแบบหลวงพ่อ ท่านยังทำกันไม่ได้ ท่านบอกว่ายาวเกินไป อย่างน้อยต้องหายใจ ๓ ครั้ง" ผมฝึกซักซ้อมการเข้าออกสมาธิมาประมาณ ๓ เดือน ทั้งยืน เดิน นั่ง นอน จึงลองสวดบทมงคลจักรวาลน้อยดูบ้าง จึงทราบว่าผู้ที่จะหายใจครั้งเดียว หรือไม่หายใจเลย ต้องทรงฌาน และมีความคล่องในการเข้าออกฌาน จึงจะสามารถสวดได้แบบนี้ ถ้าทำได้จะส่งผลให้พรนั้นสำเร็จแก่ญาติโยมได้โดยง่าย เนื่องจากขณะสวดผู้สวดทรงฌาน การสวดมนต์ แม้แต่การคิดก็จะสำเร็จ ผมอยากกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า ความเข้าใจของผมถูกต้องหรือไม่อย่างไรครับ ?
ตอบ : จงเข้าใจแบบนั้นต่อไป..! การที่จะสวดมนต์ยาว ๆ ได้โดยใช้ลมหายใจน้อย บางทีแค่การฝึกหายใจก็ใช้ได้แล้ว เพียงแต่ว่าการฝึกลมหายใจส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับพวกนักกีฬาที่ได้รับการฝึกฝนมาถูกต้องอย่างหนึ่ง พวกฝึกหัดโยคศาสตร์อย่างหนึ่ง และอีกประเภทหนึ่งก็คือพวกทรงสมาธิได้ เพราะฉะนั้น..ไม่ใช่ไปเหมาเอาว่ามีอยู่ประเภทเดียว

เถรี
25-04-2019, 23:25
ถาม : บุคคลที่เขียนรูปพระพุทธเจ้าขนาดใหญ่โตตามผาหิน จะได้รับอานิสงส์เช่นเดียวกับคนที่หล่อพระพุทธรูปด้วยปูนขนาดเดียวกันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อะไรที่ทำยากกว่า อานิสงส์ก็มากกว่า เพราะว่าต้องใช้กำลังใจสูงกว่า

เถรี
25-04-2019, 23:30
ถาม : มีวิธีใดที่จะทำให้เรานอนแล้วไม่ฝันบ้างคะ เมื่อก่อนปกตินอน น้อยครั้งที่จะฝัน หลับยาวถึงเวลาตื่น แต่ตอนหลังสามสี่ปีผ่านมาจนปัจจุบัน ฝันทุกคืน และเป็นความฝันที่หาสาระไม่ได้ ลองใช้วิธีภาวนาก่อนนอนก็แล้ว นึกถึงพระก็แล้ว แต่สุดท้ายก็ฝันอีก ทำให้รู้สึกเพลียเหมือนไม่ได้นอน สมองไม่ได้พักเลย จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรได้บ้างคะ ?
ตอบ : ใช้วิธีนอนแต่รักษาใจอย่าให้หลับ ถ้าหากว่ารักษาใจไว้ไม่หลับ ก็จะไม่ฝัน

เถรี
25-04-2019, 23:33
ถาม : ลูกปฏิบัติพระกรรมฐานอยู่เป็นประจำ แต่จะพบอาการหลักอยู่ ๓ ประการ ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง อาการของลูกคือ
- ภาวนาอยู่ภาพพระหายไป คำภาวนาหายไป สติหายไปเหมือนกับหลับ แล้วก็ฝันเป็นเรื่องเป็นราวทั้งที่นั่งตัวตรงอยู่ พอถอนออกมารู้สึกเพลียจนไม่สามารถพิจารณาต่อได้ ต้องนอนหลับ

- บางครั้งคำภาวนาโดยเฉพาะพระคาถาเงินล้าน กลายเป็นเสียงพูดคุย บางครั้งเป็นเสียงฮัมเพลง แต่ไม่ได้สนใจว่าพูดอะไร พอรู้ตัวก็กลับมาเริ่มจับคำภาวนาใหม่

- บางครั้งรู้สึกสงบสงัดดีแล้ว ภาพพระกับคำภาวนาหายไป จะบังเกิดภาพบ่อน้ำใสสะอาด จิตเป็นสุขมาก

โดยหลักแล้วจะพบอาการนี้ วนเวียนไปจนรู้สึกว่าไม่ก้าวหน้าสักที ขอบารมีพระอาจารย์เมตตาไขข้อข้องใจด้วยเถิดครับ ?

ตอบ : ถ้าหากว่าสังเกตดูจะเห็นว่า อาการที่ลมหายใจหายไป คำภาวนาหายไปมี ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือขาดสติ เมื่อขาดสติ สมาธิลึกกว่าปกติเข้าไป สติตามไม่ทัน อาการก็ตัดเหมือนกับหลับ ในเมื่อไม่มีสติควบคุม สภาพจิตก็เสวยอารมณ์ไปตามใจชอบของตนเอง ประการที่สองก็คือมีสติ การที่จะมีสติก็คือระลึกรู้อยู่เฉพาะหน้า สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็นเท่านั้น

เพราะฉะนั้น..ก็มี ๒ วิธีด้วยกัน วิธีแรกก็คือ ถ้ารู้ว่าขาดสติก็เอาใจจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออกให้แนบแน่นกว่านี้ ถ้าเผลอเมื่อไรก็จะหลุดหายไปอีก วิธีที่สองก็คือ ถ้าหากว่ารู้ตัวยังมีสติ ก็สักแต่ว่ารับรู้ อาการอะไรเกิดขึ้นก็อย่าไปให้ความสนใจมาก แค่เป็นผู้ดูผู้รู้อยู่เฉย ๆ ก็พอ

เถรี
25-04-2019, 23:34
ถาม : หลวงพ่อเคยเทศน์ว่า การที่ลูกให้การตามความจริงแล้วพ่อแม่เดือดร้อนเป็นบาป แต่ก็ควรให้การตามจริง ถ้าหากพ่อแม่ต้องรับโทษประหารชีวิตจากการให้การตามจริง คนเป็นลูกจะถือว่าทำอนันตริยกรรมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจให้การเพื่อให้พ่อแม่โดนประหารชีวิตก็โดน แต่ถ้าให้การไปตามความเป็นจริงโดยไม่มีเจตนาอย่างนั้น แต่ศาลตัดสินประหารชีวิตก็ไม่โดน

เถรี
25-04-2019, 23:35
ถาม : ผลของการสะท้อนของตะกรุดมหาสะท้อนที่ส่งผลแก่ผู้กระทำต่อเจ้าของตะกรุด จำเป็นไหมที่จะต้องเป็นแบบเดียวกันตรงไปตรงมา เช่น ถ้าไปด่าเจ้าของตะกรุดก็จะต้องโดนด่าตอบแบบเดียวกัน หรือว่าอาจส่งผลเป็นแบบอื่นก็ได้ครับ ?
ตอบ : ผลของตะกรุดไม่จำเป็นจะต้องไปเกิดประเภทเดียวกับที่เขาทำเรา แต่ว่าจะโดนตอบไปในสิ่งที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนหนักหนาสาหัสใกล้เคียงกัน

เถรี
25-04-2019, 23:35
ถาม : จิตอยู่ส่วนไหนของร่างกายหรือครับ ?
ตอบ : อยู่ได้ทุกส่วน

เถรี
25-04-2019, 23:36
ถาม : การที่เราไปเดินเลือกซื้อของถวายสังฆทานด้วยตนเอง กับการที่เราไปซื้อถังสังฆทานที่เขาทำให้แล้ว อยากทราบว่าถ้าเลือกซื้อของถวายด้วยตนเองจะได้บุญมากกว่า จริงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : สำคัญตรงที่ว่าเรารักษาอารมณ์ใจของเราได้ไหม ? ถ้ารักษาอารมณ์ใจไม่ได้ เจอของแพงก็โมโห ถึงเวลาเหนื่อยขึ้นมาก็เสียอารมณ์อีก ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็ได้บุญน้อยกว่า สำคัญตรงที่ว่าเรารักษาอารมณ์ของเราให้สบายที่สุดอย่างไรให้ใช้วิธีนั้น

เถรี
25-04-2019, 23:36
ถาม : ธาตุรู้ จิต และสติ คือสิ่งเดียวกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็นสิ่งที่ยึดโยงและใกล้เคียงกัน เพราะว่าธาตุรู้ ถ้าหากว่ารับรู้อย่างเดียวก็คือสภาพของจิต ถ้ารับรู้เสวยอารมณ์ได้ เป็นการทำงานของจิต ส่วนสตินั้นเป็นตัวยั้งคิด ระลึกรู้ และรู้จักตรอง รู้จักหาเหตุผล ดังนั้น..จะว่าเป็นสิ่งเดียวกันก็ไม่ใช่ แต่ว่าเป็นสิ่งที่เนื่องกัน

เถรี
25-04-2019, 23:37
ถาม : ถ้าเราซื้อพระพุทธรูปจากตลาดท่าพระจันทร์ แล้วเรานำสมเด็จพระคำข้าว หรือสมเด็จพระหางหมากมาบรรจุไว้ในองค์พระพุทธรูป จะต้องนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งไหมครับ ในกรณีที่จะมอบให้คนอื่นไว้บูชาครับ ?
ตอบ : ปกติพระพุทธรูปไม่ต้องพุทธาภิเษกก็มีเทวดารักษาอยู่แล้ว ที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกเป็นแค่ลักษณะของการจับตัววางตาย ว่าใครมีหน้าที่รักษา เหมือนกับของชิ้นหนึ่งเราบอกว่า นี่เป็นของส่วนรวมนะ ถ้าหากว่าใครมาอยู่ก็ช่วยดูแลด้วย ส่วนอีกชิ้นหนึ่งบอกว่า นี่เป็นของเฉพาะตัวของคุณ ให้รับไปดูแลด้วย ก็จะได้รับการดูแลต่างกัน

เถรี
25-04-2019, 23:38
ถาม : สมัยที่พระอานนท์จะสังคายนา ตอนนั้นพระอานนท์ท่านอายุมากแล้ว แต่ว่าท่านสามารถจำพระสูตรได้หมด และท่านได้เป็นเอตทัคคะด้านการจำแม่น ผมอยากทราบว่าเหตุใดพระอานนท์ที่ตอนนั้นอายุเยอะแต่ความจำดีมาก และถ้าอยากความจำดีต้องทำบุญด้านไหนครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่เรื่องของความจำเกิดจากสมาธิ แต่ขณะเดียวกันก็มีบางท่านที่ทำมาโดยเฉพาะเช่นกัน อย่างเช่นว่ามีอธิษฐานบารมีกำกับอย่างหนึ่ง หรือว่าในอดีตทรงสมาธิระดับสูงมาก อย่างเช่นฌาน ๔ หรือสมาบัติ ๘ ได้อย่างหนึ่ง ท่านทั้งหลายเหล่านี้ความจำจะดีเป็นพิเศษ ต่อให้อายุมาก ความจำก็ยังดีอยู่

เถรี
25-04-2019, 23:38
ถาม : ผมเคยได้รับการลงกระหม่อมและเจิมโดยหลวงปู่หลวงพ่อที่ผมเคารพมาหลายท่าน แต่ผมลืมตัวไปโดยการนำน้ำล้างเท้าพ่อกับแม่ที่ได้จากการขอขมาขอพรพ่อกับแม่มารดราดหัว สิ่งที่ผมได้รับการลงกระหม่อม เจิม เสกมาทั้งหมดจะสลายตัวหมดไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ใช่ไสยศาสตร์ที่มีข้อห้ามเฉพาะก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นไสยศาสตร์ที่มีข้อห้ามเฉพาะก็ไปลงใหม่เถอะ

เถรี
25-04-2019, 23:39
ถาม : พุทธภูมิจะไม่ตกลงสู่ฐานะผู้ทำอนันตริยกรรม เหมือนที่จะไม่ตกลงสู่ฐานะอสัญญีสัตว์และอรูปพรหมใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไปอ่านในอรรถกถาพุทธวงศ์ จะมีรายละเอียดบอกเอาไว้หมด

เถรี
25-04-2019, 23:40
ถาม : ถ้าหากว่านายพรานลองซ้อมยิงเป้าตามต้นไม้ ไม่มีเจตนาฆ่า แต่อาวุธไปโดนพระอรหันต์ โดยที่ตนเองไม่ทราบว่าท่านอยู่แถวนั้น นายพรานยังคงต้องรับผลแห่งอนันตริยกรรมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ที่โดนนั้นเขาว่าไม่มีเจตนา คราวนี้ไม่มีเจตนาแต่ก็เหมือนกับว่า สายไฟแรงสูงเป็นหมื่น ๆ โวลต์ แตะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ม่องเท่งพอกัน

เถรี
25-04-2019, 23:41
ถาม : กระผมอยากทราบว่าสมาธิที่ถึงตั้งแต่อุปจารสมาธิไปจนถึงฌาน อารมณ์ของเราจะไม่คิดเรื่องอื่นแม้แต่นิดเดียว นอกจากคำภาวนาใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ต่อให้สมาบัติ ๘ ถ้ามีความคล่องตัวจริงก็คิดได้ ไม่อย่างนั้นแล้วคุณจะเอาความคิดที่ไหนมาพิจารณาเพื่อให้เข้าถึงธรรมที่ต้องการ สำคัญอยู่ที่ว่าเราทำได้หรือทำไม่ได้ ? ถ้าทำไม่ได้ สภาพจิตหยาบหน่อย พอเริ่มทรงสมาธิแน่นก็คิดอะไรไม่ออกแล้ว

เถรี
25-04-2019, 23:42
ถาม : พระเครื่องขนาดเล็กที่มีการอุดมวลสารสำคัญไว้ใต้ฐานพระ เกิดหลุดและแตกกระจายออกมาเกือบทั้งหมดขณะเลี่ยมกรอบกันน้ำ จึงได้ให้ช่างคว้านมวลสารที่เหลืออยู่เพียงนิดเดียวออก เพื่อแยกเก็บเอาไว้ต่างหาก แต่เก็บไว้ได้แค่บางส่วนเท่านั้น การที่คว้านเนื้อมวลสารออกจากใต้ฐานพระเครื่อง จะก่อให้เกิดโทษแก่ผู้กระทำหรือผู้สั่งหรือไม่ และจะต้องแก้ไขอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเจ้าของตั้งใจบรรจุไว้เป็นพุทธบูชา ความซวยก็มาเยือน..! แต่ถ้าบรรจุไว้เพื่อเพิ่มความขลังอย่างเดียว คว้านออกมาก็ไม่เป็นไร

เถรี
25-04-2019, 23:42
ถาม : กระผมได้บวชอยู่ที่เชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๙ กระผมอยากขอความเมตตาหลวงพ่อทราบฤกษ์สึกที่ดีที่สุดของเดือนพฤษภาคมปีนี้ครับ ?
ตอบ : ปีนี้ไม่มี มีอีก ๑๐ ปีข้างหน้า..!

ถาม : จำเป็นไหมที่เวลาสึกแล้วต้องอยู่แต่บ้าน ห้ามออกไปไหนเป็นเวลา ๓ วัน ๗ วันครับ ?
ตอบ : ถ้าจะให้ดีก็อยู่สัก ๓ เดือน..!

เถรี
25-04-2019, 23:44
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีบางท่านเชื่อในเรื่องของฤกษ์มากจนเกินไป ซึ่งพระเราก็พยายามที่จะโอนอ่อนผ่อนตามให้มากที่สุด

สมัยอยู่วัดเทพศิรินทราวาสเพื่อดูแลหลวงปู่มหาอำพันที่ป่วย ลูกศิษย์ของท่านไปได้ฤกษ์สึกมาตอนตี ๒ อาตมาก็โดนปลุกขึ้นมาเพื่อที่จะช่วยทำพิธีสึก ซึ่งทางด้านโน้นเขาจะมีการอาบน้ำมนต์ด้วย ก็แปลว่าตอนตี ๒ พอสึกเสร็จเรียบร้อยก็นุ่งผ้าขาวม้า ราดน้ำมนต์ลงไปหนาวสั่นแหง็ก ๆ เพราะว่าส่วนใหญ่ที่สึกก็คือออกพรรษา ซึ่งเข้าช่วงเดือนพฤศจิกายน หรือธันวาคมซึ่งอากาศหนาว แล้วก็บอกให้ออกจากวัดทางด้านทิศเหนือ ปรากฏว่าทิศเหนือมีแต่รั้วไม่มีประตู ปีนรั้วเข้าไปบ้านชาวบ้าน หมาจะไล่ฟัดตาย..!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าถือฤกษ์มาก บางทีก็ลำบากตัวเอง เท่านั้นไม่พอ ยังลำบากครูบาอาจารย์อีก"

เถรี
25-04-2019, 23:46
"เรื่องของฤกษ์ยามสำหรับพระที่บวช ตอนบวชไม่จำเป็นต้องใช้ฤกษ์ เพราะว่าจากที่ร้อนไปที่เย็น เร็วเท่าไรก็เป็นคุณแก่ตัวมากเท่านั้น ส่วนตอนสึกเป็นการออกจากที่เย็นไปที่ร้อน ดูฤกษ์เสียหน่อยก็ดี

แต่ถ้าฤกษ์เหลวไหลมากจนเกินไปก็ไม่จำเป็นต้องไปทำตาม เพราะว่าการดูฤกษ์เหมือนกับการข้ามถนน ถ้าหากว่าข้ามตอนปลอดรถ ก็แปลว่าปลอดภัยแน่ แต่สำหรับคนที่เก่ง ๆ แล้ว รถราวิ่งให้ขวักไขว่ไปหมดเขาก็ข้ามได้ แต่ประมาทเกินไป อาจจะมีพลาดได้สักวันหนึ่ง เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่ากำลังใจเข้มแข็งก็ใช้ฤกษ์สะดวก ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งพอก็ดูฤกษ์สักหน่อย แต่ถ้ากำลังใจห่วยแตกจริง ๆ ก็เอาฤกษ์ตี ๒ ออกจากวัดทางด้านที่ไม่มีประตูไปเลย..!

ถ้าไม่ได้เจอมาด้วยตัวเองก็ไม่นึกว่าจะเป็นไปได้ขนาดนั้น อาบน้ำมนต์ตอนตี ๒ ก็แย่พอแล้ว อากาศหนาวแทบตาย ปรากฏว่าหนาวได้พักเดียวเหงื่อตกเลย เพราะวิ่งหนีหมา..!

ถ้าอาตมาเป็นคนดูฤกษ์จะบอกว่า ให้อมน้ำมนต์ไว้ด้วย ถ้าฟ้ายังไม่สว่างห้ามกลืน..! ถึงเวลาตำรวจจับข้อหาบุกรุกบ้านคนอื่นก็ไม่ต้องให้การ เพราะว่ายังอมน้ำมนต์คาปากอยู่..!”

เถรี
25-04-2019, 23:50
พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมาจะไปร่วมโครงการถวายบาตร ๑๐,๐๐๐ ใบ ให้กับพระสงฆ์ศรีลังกา ก็คือถวายทั้งประเทศนั่นแหละ เขาให้โอนค่าเดินทาง เวลาเดินทางไปต่างประเทศอาตมาใช้เงินส่วนตัวนะ ไม่เคยแตะเงินสงฆ์เลย เงินที่น่าจะเป็นเงินสงฆ์อย่างเดียวที่ใช้ในการเดินทางต่างประเทศ ก็คือพวกเงินสกุลต่างประเทศอย่างเช่น ดอลลาร์ ยูโร เพราะว่าโยมถวายมาทีหนึ่ง ๓ ดอลลาร์ ๕ ดอลลาร์ อาตมาก็เก็บสะสมไว้ ถึงเวลาก็ไปใช้ ส่วนใหญ่ก็คือเอาไปทำบุญให้นั่นแหละ

งานนี้ไปไหว้พระธาตุเขี้ยวแก้ว แอบเตรียมทองไป ๑ บาท กะว่าถ้าเขาบอกว่าให้ไหว้อยู่ข้างนอก ก็จะบอกเขาว่า ขอเข้าไปถวายทองข้างในได้ไหม ? ...(หัวเราะ)...

เถรี
25-04-2019, 23:51
ถาม : หลวงพ่อจะหล่อพระพุทธรูปทองคำองค์ต่อไปเมื่อไรครับ ?
ตอบ : รอเก็บทองครบแล้วจะหล่อ

ถาม : อีกนานไหมครับ ?
ตอบ : บอกไม่ได้ อาตมาไม่กล้าประมาณ เวลาพระท่านสงเคราะห์พักเดียวก็ได้แล้ว

เดี๋ยวรอเขาปั้นหุ่น เสร็จแล้วก็คำนวณโลหะ ถ้ามีทองพอก็จะหล่อเลย อย่างไรต่อให้หล่อปีหน้าก็ยังอยู่ในช่วง ๖๐ ปีของอาตมา แต่เป็น ๖๐ ย่าง ๖๑ เท่านั้นแหละ ...(หัวเราะ)...

เถรี
26-04-2019, 21:36
มีผู้สูงอายุมา "นึกถึงพระเรวตะเถระ อย่าลืมว่าท่านเป็นเด็ก ๗ ขวบ เห็นคุณยายอายุ ๑๒๐ ปีมาอวยพรนี่ใจหายเลย หนีออกบวชเลย ไม่อยู่แล้ว เห็นภัยในวัฏฏะสงสารจริง ๆ เพราะเจ้าสาวข้างหน้าตัวเอง เพิ่งจะ ๗ ขวบ ส่วนคุณยาย ๑๒๐ ปี หลังก็โก่ง ฟันก็หลุด เดินตัวสั่นงันงกมา ถามญาติว่า “เจ้าสาวของผม ถ้าอยู่อายุถึงขนาดนี้ก็แบบนี้ใช่ไหม ?” พอญาติบอกว่าใช่ ท่านตัดสินใจเลย บวชแน่นอน

บุญเก่าท่านสร้างไว้มหาศาลจริง ๆ เด็ก ๗ ขวบ เห็นไกลขนาดนั้น ต้องมีปัญญาขนาดไหน"

เถรี
26-04-2019, 21:39
"ก่อนหน้านี้พอเขาเรียก "หลวงพ่อ" อาตมาก็สะดุ้งเหมือนกัน ไป ๆ มา ๆ พอแก่ได้ที่ก็ชิน เกณฑ์การเรียกหลวงปู่หลวงพ่อ ส่วนใหญ่แล้วสมัยก่อนถืออายุ ๖๐ ปี เรียกหลวงพ่อ ๗๐ ปีขึ้นไปเรียกหลวงปู่ ส่วนใครบวชตอนแก่เขาเรียกหลวงตา

ทีนี้เกณฑ์มีอีกอย่างว่า ถ้าเป็นพระอุปัชฌาย์เรียกหลวงพ่อได้ เพราะว่าเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดพระเณร อาตมาก็เลยกลายเป็นหลวงพ่อก่อนอายุ ๖๐ เสียหลายปี เพราะว่าเป็นพระอุปัชฌาย์ก่อน

ครึ่งเดือนที่แล้วไปเป็นประธานยกฉัตรที่วัดบ้านไร่ (ห้วยเขย่ง) เจอแม่ของทิดแดง "อ้าว...โยมมาเหมือนกันหรือ ?" ที่ขำที่สุดก็คืออาตมาอายุ ๖๐ ปี เดินลัดป่าปีนเขาขึ้นไปที่เจดีย์ ส่วนบรรดาพระอายุ ๓๐ - ๔๐ ปี หกล้มหกลุกกลิ้งตามไป เขาอ้างว่าเพิ่งฉันเพลมาใหม่ ๆ ไม่มีแรงเดิน อาตมาก็นั่งงง กูก็ฉันกับมึงนั่นแหละ ฉันมาพร้อมกัน"

เถรี
26-04-2019, 21:55
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนมีโยมขอบูชาสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒ ของวัดท่าซุง อาตมามีติดตัวอยู่องค์เดียว เขาก็อ้อนแล้วอ้อนอีกจะเอาให้ได้ ท้ายสุดให้มา ๒๐๐,๐๐๐ บาท อาตมาก็ว่า เออ...เอาวะ ของกูนี่ใครซื้อไม่ได้ ถ้าเงินไม่มากพอ ...(หัวเราะ)...

ของใช้ติดตัวอยู่ยังมาตื๊อเอา เขาบอกว่าเขามีศัตรูปองร้าย ปกติอาตมามีทั้งรุ่น ๑ รุ่น ๒ รุ่น ๑ ตัดใจให้เขาไป ใช้รุ่น ๒ เพราะว่าสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒ คือรุ่นที่หลวงพ่อวัดท่าซุง เรียกว่ารุ่นยันกลับ หรือรุ่นปืนแตก

พวกจะขายของไปว่าโน่น...รุ่นสี่เหลี่ยมเป็นรุ่นยันกลับ รุ่นสี่เหลี่ยมนั่นเป็นของที่เขาเอาเข้าพิธี โดยที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่ได้ทำบวงสรวงเต็มพิธี เพราะว่าท่านทำแค่พุทธาภิเษกพระพุทธรูป โดนท้าวมหาชมพูเล่นงานจนท่านแทบจะต้องคลานออกมา ท่านบอกให้เอาไปเข้าพิธีใหม่ พวกนี้กลัวขายของไม่ได้ ก็ไปมั่วเรียกรุ่นยันกลับ ถ้าพวกนี้มาอยู่ใกล้ ๆ อาตมาจะยันให้สักที...! คิดจะขายของอย่างเดียว แล้วก็ใส่ประวัติมั่วไปเรื่อย

ถึงได้บอกว่า ถ้าหากว่าเล่นวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังให้เล่นด้วยตา อย่าไปเล่นด้วยหู ถ้าเล่นด้วยหู ฟังเขาเล่านิทาน เจอพวกไร้ศีลไร้ธรรมเข้าก็ว่านิทานน่าสนใจไปเสียเยอะแยะ พอเราเกิดศรัทธาบูชาก็เสร็จโจร"

เถรี
26-04-2019, 21:57
พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงพ่อทองคำตั้งแต่หล่อ ส่งกลับโรงงานเพื่อไปตกแต่ง จนกระทั่งเสร็จ อัญเชิญกลับวัดท่าขนุน ขึ้นประดิษฐานบนมณฑปใช้เวลาทั้งหมด ๙ วัน ที่อื่นเขาแต่งกันเป็นเดือน ของท่านติดสมบูรณ์ แทบจะไม่ต้องแต่ง เลยใช้เวลานิดเดียว

ทางด้านเทศบาลจะจัดแห่ "หลวงพ่อ...เกศหลวงพ่อทองคำหนักกี่บาท ผมจะได้ระวังไว้" "อย่าถามว่ากี่บาท ให้ถามว่ากี่กิโลฯ..!" เพราะว่าส่วนยอดมหามงกุฎใหญ่เกือบ ๆ แขนของเรา ไปถามเป็นบาท ต้องถามเป็นกิโลกรัม"

เถรี
26-04-2019, 22:05
พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงนี้เป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายกำลังระดมความรู้ความสามารถทุกอย่าง ในการทำให้พระราชพิธีบรมราชาภิเษกผ่านไปด้วยความสมบูรณ์ที่สุด เมื่อวานอาตมาไม่ได้ไปร่วมงานตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่กาญจนบุรี แต่ว่าพรรคพวกเขาส่งวิดีโอมา ขบวนเรืออลังการมาก ใช้เรือเกือบ ๓๐ ลำ

ก็ถือว่าทุกฝ่ายทุ่มเทเพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี ซึ่งปัจจุบันของเรานี้ ความสามัคคีกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในประเทศชาติ เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี บ้านเมืองของเราบอบช้ำพอแล้ว ล้าหลังพอแล้ว ตามใครไม่ทันสักประเทศในโลกแล้ว ส่วนจะเป็นฝีมือของใคร..ช่างมัน ให้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เสียตั้งแต่บัดนี้

แต่เกรงอยู่อย่างเดียวว่า เรามีใจที่จะให้ประเทศชาติ แต่คนอื่นไม่มี คือคนเราถ้ามีแก่ใจให้ประเทศชาติอย่างแท้จริง ใครจะบริหารก็ได้ แต่ถ้าหากว่า “ต้องกูเท่านั้น” ละก็ ต่อให้เป็นคนดีเท่าไร ก็ไม่มีใครเขาเชื่อคุณหรอก..!”

เถรี
26-04-2019, 22:07
หลังจากบวงสรวงทำบุญบ้านเติมบุญ พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อครู่นี้ตอนบวงสรวง สมเด็จองค์ปฐมท่านมาแวบหนึ่ง..เกือบ ๓ วินาที ปกติพระองค์ท่านเสด็จยากมาก มาให้ ๓ วินาทีนี่ ถ้าเป็นปกติอย่างดาราปรากฏตัว ก็คงต้องจ่ายกันเป็นล้าน ถึงได้บอกว่า ใครไม่รับน้ำมนต์งวดนี้ถือว่าเสียโอกาสในชีวิตเลย ช่วงที่ผ่านมาพระองค์ท่านมาตอนหล่อพระพุทธรูปทองคำ อยู่นานวันกว่าเกือบสองวันเต็ม เวลาของพระองค์ท่านห่างกับเราเยอะ มาแค่ครู่เดียวของท่านนี่เกือบ ๒ วันของเรา

ปกติแล้วบุคคลที่ได้มโนมยิทธิ เรื่องพวกนี้ต้องซักซ้อมอยู่เสมอ เพื่อที่ถึงเวลาจะได้รู้ว่าพระ หรือพรหม หรือเทวดา ครูบาอาจารย์ หรือแม้กระทั่งผี ที่จะมาปรากฏตัวเป็นใคร มาจากไหน มีธุระอะไร นี่เป็นกติกาข้อหนึ่งของบุคคลที่ครอบครูเพื่อเป็นอาจารย์เป่ายันต์เกราะเพชร กติกาข้อนี้หลวงพ่อวัดท่าซุงกำหนดลงมาเลย ทำตามพระสั่งอย่างเดียว ถ้าใครใช้กำลังสมาธิตัวเอง จะทำได้ไม่ถึง ๒ เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น..จำเป็นที่จะต้องมีความชัดเจนแจ่มใสในมโนมยิทธิอย่างมาก"

เถรี
26-04-2019, 22:09
"คราวนี้ความชัดเจนแจ่มใสในมโนมยิทธินั้นมี ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกคือขยันฝึกซ้อม เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง อาตมาขยันสุด ๆ สมัยก่อนช่วยงานอยู่ข้างองค์หลวงพ่อวัดท่าซุงที่บ้านสายลม ซักซ้อมทรงอารมณ์อยู่ตลอดเวลา ญาติโยมมาถวายอะไร กระทั่งจำนวนเงินในซองเท่าไรก็ยังรู้

มีบางท่านพอวางซองลง อาตมาแจกแหนบหลวงพ่อให้ แล้วหยิบซองฉีกโยนลงถังขยะไปเลย เล่นเอาลุงเอี๊ยงที่อยู่ใกล้ ๆ ตาเหลือก รีบตะครุบขึ้นมาดู บอกไปว่า “เขาเอากระดาษใส่มา” ลุงก็พลิกขึ้นมาดู เจอกระดาษหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ยัดมาในซอง เขาอยากได้วัตถุมงคลแต่ไม่อยากทำบุญ เพราะฉะนั้น..ต้องซ้อมให้ได้ขนาดนั้น

แต่ว่าพวกเราส่วนใหญ่แล้วมักจะเบื่อ ขณะเดียวกันก็หน้าบาง ถ้าหน้าบางนี่อย่าหวังว่าจะปฏิบัติอะไรแล้วสำเร็จง่าย ๆ คำว่าหน้าบางในที่นี้ก็คือ พอผิดแล้วอาย จำไว้ว่า..ทำความดีต้องหน้าด้าน ยิ่งถ้าเป็นลูกศิษย์วัดท่าขนุน หน้าไม่ด้านพอไม่ต้องมา เพราะว่าเจ้าอาวาสด่ากระจาย..! ผิดอย่ากลัว โบราณเขาบอกว่า “ผิดเป็นครู” ผิดแล้วจำไว้ว่าเราวางอารมณ์อย่างไรแล้วผิด ถ้าถูกให้จำว่าเราวางอารมณ์อย่างไรแล้วถูก ซักซ้อมบ่อย ๆ เราจะจำได้เองว่าถ้าอารมณ์นี้ก็ใช่แน่

ในเมื่อเป็นอยู่ในลักษณะอย่างนี้ บางทีญาติโยมก็คงจะผิดจนเป็นศาสตราจารย์ ดร. จนหมดแล้ว ไม่ได้ผิดแค่เป็นครูเฉย ๆ ผิดบ่อยเหลือเกิน..!"

เถรี
26-04-2019, 22:13
"มโนมยิทธิสามารถใช้ได้ทุกโอกาส ขับรถนี่ดีนัก โดยเฉพาะทางไกล อาตมาถึงเวลาวันหยุดยาว ๆ จะเดินทางกลับ รถข้างหน้าเยอะเหลือเกิน จะแซงก็ไม่กล้า ไม่รู้ว่ามีรถสวนมาเท่าไร..แบบนั้นซ้อมได้ ถ้าพลาดก็ไปพระนิพพานตอนนั้นแหละ..! แต่ว่าอาตมายังไม่เคยพลาด

พอถึงเวลาก็ “ขึ้น..แซงได้สามคันแล้วรีบเข้า” ...(หัวเราะ)... “ไปยาวได้เลย..ว่างเกือบสองกิโลฯ” ทำแบบนั้นโปรดเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม ก็คือต้องพร้อมมอบกายถวายชีวิต..!"

เถรี
26-04-2019, 22:14
"เมื่อเกือบ ๓๐ ปีที่แล้ว มีท่านผู้อำนวยการวิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา เป็นสุภาพสตรี หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ไปสอนให้ด้วยตัวเอง คืออาจารย์ท่านน้อยใจว่าตัวเองมีภาระมาก อยากไปวัดท่าซุงก็ไม่ได้ไป อยากฝึกมโนมยิทธิก็ไม่ได้ฝึก

พอวันหนึ่ง..หลังจากที่กรำงานทุกอย่างจนดึกแล้วนอน มีความรู้สึกว่าหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มาหา ท่านบอกว่า “ลุก” และสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ทำแบบบ้า ๆ อย่างเช่นว่า เปิดหน้าต่าง ปิดหน้าต่าง เปิดประตูส้วม เปิดพัดลมระบายอากาศ เดินลงชั้นล่าง วนรอบบ้านหนึ่งรอบ กลับขึ้นมาใหม่ ท่านทำตามทุกอย่าง

ในเมื่อทำตามทุกอย่าง หลวงปู่ปานสั่งว่า “ขับรถไปวัดท่าซุงเดี๋ยวนี้” โอ้พระเจ้า..เที่ยงคืนกว่าจะตีหนึ่งอยู่แล้ว แต่อาจารย์ท่านไปแฮะ ผู้หญิงนะนั่น วิ่ง ๆ ไปปรากฏว่าฝนตกหนัก คำสั่งหลวงปู่ก็คือ “เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นให้ได้ ๑๒๐” กลางคืน..เที่ยงคืนกว่า ฝนตกหนัก มองทางเกือบไม่เห็น “เอ้า..หักขวาหน่อย กลับเข้าซ้าย แตะเบรกนิดหนึ่ง ขวา..ตรงไปข้างหน้า เอ้า..เข้าซ้ายได้”

อาจารย์ท่านบอกว่า ท่านเหลือบเห็นแค่ไฟแดง ๆ เหมือนกับไฟท้ายรถแวบผ่าน แสดงว่าท่านแซงรถคันอื่นทั้ง ๆ ที่ตัวเองมองอะไรไม่เห็น ท้ายสุดก็ “หักซ้ายหมด ลงข้างทางไปเลย” โครมเดียวไปอยู่กลางนาโน่น..!"

เถรี
26-04-2019, 22:18
"หลวงปู่ปานถามว่า “ลูก..เชื่อพ่อขนาดนี้เลยหรือ ?” ท่านบอกว่าเชื่อ หลวงปู่บอกว่า “ถ้าอย่างนั้นขับรถกลับขึ้นถนน” แปลกมาก..รถไม่มีเสียหายอะไรเลย ลุยในนาเป็นเกวียน กลับขึ้นถนนแล้วกลับบ้าน ไปถึงบ้านอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสรรพเรียบร้อย ไปห้องพระ ท่านบอกว่า กราบพระยังไม่ทันครบ ๓ ครั้งเลย หลวงปู่ปานดึงไปแล้ว ท่านบอกว่า “จำไว้ นี่แหละคือมโนมยิทธิ” มโนมยิทธิต้องเชื่ออารมณ์แรกเท่านั้น และเชื่อแบบมอบกายถวายชีวิต ผิดเป็นผิด ตายเป็นตาย พวกเรายังทำแบบนั้นไม่ได้กันหรอก

น่าเสียดาย..ท่านเองเสียชีวิตไปแล้ว ไม่อย่างนั้นจะให้พวกเราไปถามดูว่า คุณยายทำอย่างไร ? เกือบ ๓๐ ปีที่แล้ว ลองคิดดูว่า ตอนนั้นท่านก็ใกล้เกษียณแล้วนะ"

เถรี
26-04-2019, 22:20
"ดังนั้น..เรื่องของมโนมยิทธิ อันดับแรกเลย..ต้องขยัน ขยันซ้อม พร้อมที่จะตาย และพยายามพิจารณาตัดร่างกายไว้บ่อย ๆ จนสภาพจิตเคยชิน ไม่ยึดติดกับร่างกาย จะไปได้ง่าย เพราะว่ามโนมยิทธิ จิตต้องออกจากร่างไป

ส่วนใหญ่พวกเรายึดติดมาก อาตมาเองนี่แหละตัวยึดเลย นั่ง ๆ ใช้มโนมยิทธิอยู่ กำลังเพลิน ๆ หูได้ยินเสียงแกรก ๆ แวบเดียวตอนไหนก็ไม่รู้ จิตกลับมาอยู่ที่ร่างแล้ว ห่วงร่างกายขนาดนั้น ปรากฏว่าเพื่อนพระชักลูกประคำอยู่ เห็นอาตมานั่งกรรมฐาน ท่านตื่นขึ้นมา ท่านก็ภาวนาบ้าง แต่ดันชักลูกประคำเสียงแกรก ๆ ได้ยินแค่นั้นจิตก็กลับแล้วนะ..ไม่ได้ตั้งใจด้วย"

เถรี
26-04-2019, 22:22
"ดังนั้น..ใครที่คิดว่า ถ้าฝึกมโนมยิทธิกลัวว่าไปแล้วจะกลับไม่ได้ โปรดทราบ..ไม่ใช่ว่ากลัวไปแล้วกลับไม่ได้ กลัวไปไม่ได้ดีกว่า ส่วนกลับไม่ได้นี่ยังไม่เคยเจอ เพราะว่าไม่ทันจะตั้งท่าเลยก็กลับแล้ว

อาตมาฝึกใหม่ ๆ เหมือนกัน ขึ้นพระนิพพานไปได้ ๑-๒ วินาทีก็ลงมาแล้ว อะไรวะ..เมื่อกี้ยังอยู่ข้างบนเลย..!? สงสัยอยู่นาน ท้ายสุดก็เข้าใจว่า จิตห่วงร่างกายนี้ ก็เลยกลับเอง ก็ต้องหาเคล็ดลับว่า ทำอย่างไรที่เราจะอยู่ให้นานที่สุด เพราะว่าเราตัดร่างกายได้ไม่เด็ดขาดจริง ๆ จึงอยู่นานไม่ได้ ก็หางานให้จิตทำ

บังเอิญว่าอาตมาสวดมนต์ได้มาก บทยาว ๆ อย่างอาทิตตปริยายสูตร อนัตตลักขณสูตร ธัมมจักกัปปวัตนสูตร อะไรก็สวดได้หมด จึงขึ้นไปสวดมนต์ถวายพระข้างบน มึงอยากห่วงดีนักก็หาห่วงให้มึง ก็คือสภาพจิตจะห่วงว่ายังมีงานอยู่ ในเมื่อยังมีงานอยู่ งานไม่หมดก็ยังไม่กลับลงมา"

เถรี
26-04-2019, 22:23
"ดังนั้น..เคล็ดลับพวกนี้ญาติโยมต้องไปฝึกซ้อมเอง อาตมาบอกได้ เล่าได้ แต่ว่านิสัยและความชอบพอแต่ละคนไม่เท่ากัน ในเมื่อนิสัยและความชอบพอของแต่ละคนไม่เท่ากัน เราอาจจะมีเคล็ดลับที่เราชอบ ซึ่งจะต้องฝึกซ้อมค้นหาด้วยตัวเอง

แบบที่อาตมานำกรรมฐานที่วัดช่วงปฏิบัติธรรม ให้เรากำหนดภาพพระ แผ่ขยายพระรัศมีของท่านออกไปแทนพระเมตตา แผ่ออกไป กลับเข้ามา แผ่ออกไป กลับเข้ามา ลักษณะอย่างนี้เขาเรียกว่า “กีฬาสมาธิ” เป็นการสลับฌาน บางทีเราไม่รู้ตัวหรอก บอกให้ทำก็ทำไปเรื่อย กว่าจะรู้ก็โดนหลอกไปถึงไหนแล้วไม่รู้..!?”

นายกระรอก
27-04-2019, 18:55
พระอาจารย์กล่าวว่า “ปัจจุบันนี้บ้านเมืองของเราต้องการความสามัคคีมาก แต่เป็นที่น่าเสียดาย แม้แต่ในวงการสงฆ์ของเราก็มีการชิงดีชิงเด่นกัน อาตมาเองก็โดนโจมตีบ่อย อย่างเช่นว่า ถ้าหากว่าภาพการทำบวงสรวงออกไป ก็จะกลายเป็นว่า พระอาจารย์เล็กกลายเป็นพราหมณ์ไปแล้ว

การบวงสรวงแต่เดิมเป็นเรื่องของศาสนาพราหมณ์ เขาทำขึ้นเพื่อร้องขอต่อพระเจ้าของเขา พอมาเป็นพุทธ เราก็ดัดแปลงมาเป็นเครื่องบูชาพระ ต่างกันตรงนี้ แต่ไม่ได้หรอก กูเห็นเครื่องบวงสรวง กูก็เหมาเอาไว้ก่อน ขอให้โจมตีไว้ก่อน

แม้กระทั่งลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงด้วยกัน เห็นอาตมาบวงสรวงด้วยตัวเอง ก็บอกว่าวัดรอยเท้าหลวงพ่อ รู้ไหมว่าตั้งแต่ออกจากวัดปีแรก อาตมาเปิดเทปบวงสรวง เสียงท่านด่าใส่หูมาชัด ๆ เลย บอกว่า "พวกเอ็งใช้ข้าจนตาย นี่ตายแล้วยังจะใช้ต่ออีกหรือ..?" ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ อาตมาบวงสรวงด้วยตนเองมาตลอด พ่อด่าแล้ว ประเภทว่าโตเองได้แล้ว..ประมาณนั้น

เพราะฉะนั้น..ใครจะว่าวัดรอยเท้าพ่อก็ช่างเถอะ ถ้าไม่พยายามวัดแล้วจะรู้ไหมว่าทำได้อย่างพ่อหรือเปล่า ? ต้องบอกว่าไอ้พวกประเภทมีหัวไว้คั่นใบหู ไม่ค่อยจะได้มีสมอง ความสามารถตัวเองไม่พอ แต่ดันทะลึ่งไปว่าคนอื่นเขา ถ้าประเภทนี้มีอย่างเดียวก็คือริษยา แสดงว่ากำลังใจต่ำมาก ไม่ควรค่าแก่การเหลือบแล ปล่อยให้โง่ต่อไป..!”

นายกระรอก
27-04-2019, 18:57
“ดังนั้น..ในเรื่องของความสามัคคีเมื่อจะเกิดขึ้น แต่ก็มีคนกวนน้ำให้ขุ่น ในเมื่อมีคนคอยกวนน้ำให้ขุ่น อาตมาถึงได้ข้อสรุปกับตัวเองมาตั้งแต่ ๒๐ กว่าปีที่แล้วว่า ใครวางก่อนสบายก่อน แต่ต้องวางด้วยปัญญาจริง ๆ ไม่ใช่วางใส่หัวชาวบ้านเขา มีคนตำหนิ มีคนว่า แสดงว่าเราต้องมีข้อบกพร่อง พยายามพิจารณาดูว่าบกพร่องตรงไหน แล้วแก้ไขไป คนที่จะยอมสละตัวเองเป็นกระจก ให้เราเห็นใบหน้าที่น่าเกลียดน่าชังนั้นหายาก เพียงแต่ว่าถ้าส่องกระจก ก็ส่องให้ครบ ๖ ด้าน พยายามปรับปรุงแก้ไขให้ดีที่สุด

ส่วนใหญ่แล้วพวกเราเตือนตัวเองไม่เป็น เตือนเป็นก็ด่าตัวเองได้ไม่แสบพอ ก็เลยยังเอาดีไม่ได้สักทีหนึ่ง ต้องด่าตัวเองให้เจ็บ ๆ ถึงจะรู้สำนึก ไม่อย่างนั้นแล้วส่วนใหญ่ถึงเวลาก็ไหลตามกิเลสไป เกรงใจ..อยู่กับกิเลสมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว อยู่ ๆ จะมาละทิ้งกัน ทำใจไม่ได้ เพราะว่าเราเป็นคนดี เรารักเพื่อน เพื่อนที่หน้าตาเหมือนกิเลสนี่ไม่น่ารักหรอก..!”

นายกระรอก
27-04-2019, 18:59
“ต้องรู้จักด่าแรง ๆ โบราณเขาบอกว่า "จงเตือนตนของตนให้พ้นผิด ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน อย่าแชเชือนเร่งเตือนตนให้พ้นภัย" หลวงปู่มหาอำพันท่านท่องกลอนให้ฟังว่า "ผิดหนึ่งพึงจดไว้ในสมอง เร่งระวังผิดสองภายหน้า สามผิดเร่งคิดตรองจงหนักเพื่อนเอย ถึงสี่อีกทีห้าหกซ้ำอภัยไฉน" ฝรั่งเขาบอกว่า "I will not make a bit mistake twice." เราจะไม่ทำความผิดซ้ำสอง "But I do it five or six times to be make sure." ...(หัวเราะ)... เขาบอกว่าเราจะไม่ทำความผิดแค่ ๒ ครั้งหรอก ต้องสัก ๕-๖ ครั้งถึงจะมั่นใจว่าผิดจริง เออ..เข้าท่า..!

อย่าลืมนะ "Do it five or six times to be make sure." ...(หัวเราะ)... แต่รู้สึกว่าของพวกเรานี่จะเป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้วกระมัง..?”

นายกระรอก
27-04-2019, 19:05
พระอาจารย์กล่าวว่า “พูดภาษาอังกฤษอย่าไปห่วงไวยากรณ์ เอาแค่รู้เรื่อง ถ้าไม่รู้เรื่องก็ตีใบ้เพิ่มเข้าไป..! หน้าด้านพูดบ่อย ๆ เดี๋ยวก็เก่งไปเอง ถ้ามัวแต่ห่วงไวยากรณ์อยู่ ชาตินี้เราจะพูดไม่ได้หรอก เพราะว่าส่วนใหญ่โดยสัญชาตญาณของเราก็คือ ฟังแล้วแปลเป็นไทย แปลแล้วเราจะตอบอย่างไร คิดเป็นภาษาไทย แล้วค่อยกลับประโยคเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าอย่างนั้นไม่ทันรับประทานหรอก ประโยคที่ ๒๐ ของเขามาแล้ว ประโยคแรกของเรายังคิดไม่เสร็จเลย

วัดท่าขนุนได้เปรียบที่ฝรั่งเข้ามาเยอะ วันก่อนน้องเล็กลดราคาหลวงพ่อนากของอาตมาเหลือแค่คอปเปอร์..! อาตมาบอกว่า "บ้า..คอปเปอร์ได้อย่างไร ? ต้องพิงค์โกลด์ต่างหาก..!" ...(หัวเราะ)... เล่นเอา ๓๗.๕ กิโลกรัมของตูออก เหลือแต่คอปเปอร์เลย แต่ก็ยังดีที่ฝรั่งเขาพยักหน้าหงึก ๆ ว่า "I see." มึง see จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้..!?

คงจะเห็นว่ามีโกลเด้น มีซิลเวอร์ ก็เลยต้องมีคอปเปอร์ใช่ไหม ? ไอ้นั่นหุ่นอภินิหาร..! สมัยอาตมายังแก้ผ้าวิ่งอยู่เลย หนังหุ่นยนต์ญี่ปุ่นเรื่องแรก ๆ ที่เข้ามาประเทศไทย มีหุ่นอยู่ ๓ ตัว ตัวพ่อชื่อโกลด้า ตัวแม่ชื่อซิลเวอร์ ส่วนลูกชายชื่อคอปเปอร์ เล่นเอาพิงค์โกลด์ของอาตมากลายเป็นคอปเปอร์ หมดราคาเลย ๔๓ ล้านกว่าลงมาเหลือแค่ร้อยเดียว..!

แต่ว่าไม่เป็นไร เราต้องกล้า รู้ไม่รู้ให้พูดไว้ก่อน แบบเดียวกับสะพานแขวนหลวงปู่สาย ว่ากันตามศัพท์คือ Suspension bridge ไม่ต้องหรอก ใช้ Hanging bridge หมดเรื่องเลย สะพานแขวน..เขาเห็นเขาก็รู้เองแหละ ไม่ต้องไปเล่นศัพท์เป็นทางการมากเกิน พวกศัพท์เทคนิคทางการ อาตมาไม่ค่อยรู้หรอก”

นายกระรอก
27-04-2019, 19:12
พระอาจารย์กล่าวว่า “เห็นหลวงพ่อทองคำสวย ท่านอาจารย์มหาเอก็เลยออกความคิดว่าควรที่จะทำเป็นพระบูชา คราวนี้สมเด็จองค์ปฐมขนาดบูชาหน้าตัก ๑๐ นิ้วของเรามีแล้ว ก็เลยว่าเอาสัก ๕ นิ้วก็พอ ว่าจะทำสัก ๓ องค์ ๕ องค์ให้แย่งกัน คงมีรายการฆ่ากันตาย มีขายใบจองแน่นอน..!

เดี๋ยวพอคำนวณวัสดุและราคาได้แล้วค่อยเปิดจอง ก็ให้ท่านกำหนดยอดเอาเองแล้วกันว่าจะเอากี่องค์ ถ้าเป็นอาตมาทำก็ ๓ องค์ ๕ องค์อย่างที่ว่านั่นแหละ ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก
27-04-2019, 19:16
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันที่ ๑๕ เมษายน เวลา ๑๐.๓๐ น. มีงานแห่หลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำที่วัดท่าขนุน จะเป็นงานประจำทุกปี เพราะว่าได้คุยกับท่านนายกเทศมนตรีไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ บอกว่าวัดจะลงทุนหล่อพระให้ ส่วนทางเทศบาลก็ลงทุนจัดการขบวนแห่ปีละครั้ง มองเอาไว้ ๒ วาระด้วยกัน วาระหนึ่งก็คือลอยกระทง อีกวาระหนึ่งก็สงกรานต์ ปรากฏว่าท่านบอกว่าสงกรานต์ดีกว่า ชาวบ้านจะได้สรงน้ำพระด้วย

อาตมาเองว่าจะเอาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วออกมาให้ญาติโยมสรงน้ำ แต่ว่าทำสถานที่ไม่ทัน เพราะว่าตั้งใจให้เขาเอาสแตนเลสทำเป็นกรงรูปพระปฐมเจดีย์ แล้วก็ต่อท่อให้สรงน้ำ ช่างเขาทำไม่ทัน ดูก่อนว่าปีหน้าจะทันไหม จะได้กลายเป็นงานประจำปีไปเลย”

นายกระรอก
27-04-2019, 19:18
“ตอนแรกก็กะว่าจะไปร่วมขบวนแห่นิดหนึ่ง แล้วก็กลับมาเทศน์ ปรากฏว่าท่านนายกเทศมนตรีท่านขยับเวลาไปเป็น ๑๐.๓๐ น. รอให้เทศน์ที่วัดท่าขนุนและเจริญพระพุทธมนต์เสร็จ ประมาณสิบโมงนิดหน่อย เดินทางไปถึงสำนักงานเทศบาลก็น่าจะ ๑๐.๓๐ น. พอดี ก็เคลื่อนขบวนได้

ใครไปปฏิบัติธรรมช่วงสงกรานต์ก็ไปเข้าขบวนด้วยกัน เขาบอกว่า ขอให้แต่งโจงกระเบนกับเสื้อลาย เสื้อลาย ๆ ประเภทฮาวายตอนสงกรานต์นั่นแหละ โจงกระเบนเดี๋ยวนี้ก็เป็นโจงกระเบนสำเร็จรูป ใส่เป็นกางเกงเลย

เดี๋ยวจะไปประสานกับทางควาญช้าง ปีหน้าขอยืมช้างสัก ๙ เชือก แห่รถแล้วก็แห่ช้างดูบ้าง แต่จริง ๆ อยากได้โขลงที่กำลังอาละวาดอยู่ ๓๐ กว่าตัว..ไม่ใช่เชือกนะ อยู่ที่ป่าทองผาภูมิเลย ตอนนี้คณะติดตามเขาจำหน้าได้ทุกตัวแล้ว แล้วก็มีเจ้างาเล็กที่กำลังรอทางกรมคชบาลไปดูว่า เป็นช้างเผือกอีกเชือกหรือเปล่า แต่ว่าถ้าอาตมาดูเองแล้ว งาเล็กสู้เอกชัยไม่ได้ เอกชัยงายาวตั้ง ๒๘ นิ้ว”

นายกระรอก
27-04-2019, 19:24
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันที่ ๑๔ เมษายน เวลา ๑๒.๓๐ น. มีบังสุกุลอัฐิ ใครมีอัฐิบรรพบุรุษอยู่ก็เอาไป ถ้าไม่มีก็เขียนชื่อเขียนนามสกุลใส่ลงโลงไป ของเราเองก็ใส่ด้วย แต่ว่าปีนี้น่าจะเผาง่าย เพราะว่าเป็นเมรุปลอดมลพิษ เผากระดาษนี่วูบเดียวก็หมดแล้ว

ช่วงนี้ทางวัดเผาขยะด้วยตัวเอง ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเตาเผาขยะก็คือเตาเมรุย่อส่วน ถามว่าทำไมถึงเหมือนกันทุกอย่าง ? ซากสัตว์ถือเป็นขยะอย่างหนึ่ง เลยให้เผาซากสัตว์ได้ พอได้ยินอย่างนั้นท่านอ๊อดเลยขออนุญาต "หลวงพ่อ..เดี๋ยวผมทำรั้วให้ครับ" ถามว่าทำไม ? "เปิดทิ้งไว้เดี๋ยวใครแอบเอาศพยัดเข้าไปเผา" ...(หัวเราะ)... เพราะว่าเมรุใหญ่ของเรา พอถึงเวลาก็ต้องมีคนเปิด เขาถือกุญแจกันอยู่ ๓-๔ ดอก กว่าจะเปิดได้ ปรากฏว่าเตาเผาขยะดันเผาซากสัตว์ได้ ก็เลยเกรงว่าจะมีการแอบเอาศพเข้าไปเผาเวลาเผลอ”

นายกระรอก
27-04-2019, 19:27
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้อาตมารอเขามาเบิกพระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราช ดูท่าจะมีอาตมาคนเดียวกระมังที่ถือมือเดียวไหว ...(หัวเราะ)... ทุกมิติเท่าพระแสงขรรค์ไชยศรี ซึ่งเป็นเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์

งานนี้เป็นความดีของหลวงพ่อนิล ลูกศิษย์ของท่านมีหน้าที่รักษาพระแสงขรรค์ไชยศรี เช็ดถูอยู่ทุกวัน ก็เลยวัดขนาดมา กันเขาปลอม พอวัดขนาดมาก็ลองทำดูซะเลย ตอนแรกท่านทำบรรจุเจดีย์ อาตมาเห็นแล้วชอบใจ จำไว้เลยว่า เรื่องของการสร้างพระขรรค์นี่ลำบากมาก บารมีเก่าต้องพอ ถ้าไม่เคยเกิดมาถือพระขรรค์เป็นอาวุธคู่มือนี่สร้างยากหนักหนา ขนาดเขาสร้างเล่มเล็ก ๆ ยังปางตายเลย ๘๔ เล่มถ้วน ๆ เศษที่เหลือหลอมเป็นพระไปแล้ว เพราะฉะนั้น..จะไม่มีการเอาที่ไม่สมบูรณ์มาใส่ด้าม”

นายกระรอก
27-04-2019, 19:31
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้งานใหญ่ของวัดท่าขนุนก็ถือว่าจบลงที่สมเด็จองค์ปฐมทองคำ ไม่มีงานอะไรใหญ่กว่านี้อีกแล้ว แถมทุกอย่างยังสำเร็จเรียบร้อยลงด้วยดีภายใน ๙ วันอีกต่างหาก วันที่ ๙ หล่อ วันที่ ๑๘ อัญเชิญขึ้นมณฑป ทุกคนล้วนแต่แปลกใจว่าทำไมเร็วขนาดนั้น เพราะว่าองค์พระออกมาสมบูรณ์ ไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากตัดชนวน แต่งรอยต่อ ขัดเงาเท่านั้นเอง เป็นอะไรที่ปลื้มใจมาก ไปนั่งมองเดี๋ยวจะนอนไม่หลับ ...(หัวเราะ)...

พอดีวันนั้นทางกระทรวงวัฒนธรรมส่งคณะไปตรวจประเมินชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน อาตมาต้องเป็นคนบรรยาย แล้วเขาจะเป็นคนให้คะแนน เพื่อที่จะยกขึ้นเป็น ๑ ใน ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรมต้นแบบของประเทศ จนป่านนี้ก็ยังเงียบ ๆ อยู่ ไม่รู้ว่าได้หรือไม่ได้ ปรากฏว่าพระอาจารย์มหาเออัญเชิญสมเด็จองค์ปฐมทองคำไป อาตมาเองก็บรรยายให้คณะตรวจงานเขาฟังไป ก็นั่งมองท่านเสด็จขึ้นไปบนมณฑป ...(หัวเราะ)... ปกติต้องยกเอง งานนี้ไม่ต้อง เพราะว่างานไม่เสร็จ”

นายกระรอก
27-04-2019, 19:32
“ตอนนี้หลวงพ่อสามกษัตริย์ก็สมบูรณ์แล้ว คือทองคำ นาก เงิน องค์ทองคำมูลค่าทั้งหมด ๑๓๑ ล้านบาทเศษ อาตมาซื้อทองคำตั้งแต่แพงสุดที่ ๒๗,๕๐๐ บาท ลงมาถึงต่ำสุด ๑๘,๓๐๐ บาท รวม ๆ แล้วร้อยกว่าล้านบาท ญาติโยมทำบุญมามากกว่าที่คิด เฉพาะวันงานนั่งรับตั้งแต่ประมาณ ๖ โมงเศษ ๆ จนถึงเวลาหล่อ ๐๙.๒๐ น. เงินสด ๔ ล้านกว่าบาท และทองคำ ๙ กิโลกรัมกว่า ขออนุโมทนากับญาติโยมทั้งหลายด้วย วันไหนก็ไม่ทำ แห่ไปทำกันอยู่วันเดียว..!

ตอนนี้ทองคำรูปพรรณส่งไป refine ให้ออกมาอย่างน้อย ๙๖.๕ เปอร์เซ็นต์ จะได้เอาไว้หล่อองค์ต่อไป โยมที่ร่วมบุญมาเท่ากับว่าได้หล่อทั้งสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องหน้าตัก ๑๙ นิ้วด้วย ได้หล่อหลวงพ่อพระพุทธลีลาประทานพร ซึ่งตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าสูงเท่าไรอีกองค์หนึ่ง แต่ช่างบอกว่าน่าจะต้องใช้ทองใกล้เคียงกัน อาตมาก็สงสัยว่า องค์เล็กกว่าตั้งเยอะ ทำไมใช้ทองใกล้เคียงกัน ช่างบอกว่าพระยืนคว้านไส้ไม่ได้ พอคว้านไม่ได้ก็ต้องหล่อตัน ไม่อยากจะคิดเลย ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก
27-04-2019, 19:34
ถาม : ถ้าจะทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน หนูสามารถถวายสังฆทานพร้อมกับถวายภัตตาหารได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้..ทำไมจะไม่ได้ ก็ตอนถวายภัตตาหารนั่นแหละ ของเราก็พร้อมกันไปเลย อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ สรรพบริวารก็คือสังฆทานนั่นแหละ

นายกระรอก
27-04-2019, 19:36
พระอาจารย์ตรวจซองทำบุญที่มีผู้ถวาย “กลัวว่าจะมีสร้างแปลก ๆ มาอีก มีอยู่งวดหนึ่งอาตมาต้องส่งซองคืนโยมไปเลย เขียนมาว่า "สร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำหน้าตัก ๔ ศอก" มึงไปทำเองก็แล้วกัน กูทำไม่ไหว..! เขียนไปเรื่อยเปื่อย

องค์ ๑๙ นิ้วนี่ยังไม่ได้ศอกเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าศอกหนึ่งมี ๒๐ นิ้ว นี่จะเล่นตั้ง ๔ ศอก ไปทำเองก็แล้วกัน..!”

นายกระรอก
28-04-2019, 18:57
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ เจริญพระชนมายุ ๖๖ พรรษาแล้วนะ เมื่อวานเห็นพระองค์ท่านออกงานถี่ยิบเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าพละกำลังจะลดน้อยถอยลงไหม เมื่อวานทั้งที่พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๑ สะพานพุทธฯ ทั้งที่วัดพระแก้ว แล้วก็ยังมีภาพประทับใจ พระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตที่พิการอีก”

นายกระรอก
28-04-2019, 18:59
ถาม : ช้างสำคัญนี่ถ้าทองผาภูมิได้งาเล็กเป็นเชือกแรกจะเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าได้นี่ถือว่าเป็นเกียรติประวัติของทองผาภูมิเลย วัดห้วยปากคอกที่ยกให้ท่านปลัดตั้มไปเป็นเจ้าอาวาสนั่นคือคอกช้าง ห้วยปากคอกก็คือปากคอกช้าง สมัยก่อนคุณย่าของโกเหม่งที่เป็นอดีตนายกเทศมนตรี ก็ยังมีการจับช้างอยู่ เมื่อคุณย่าของโกเหม่งมีช้าง ญี่ปุ่นก็เลยจ้างให้ลำเลียงเสบียงไปส่งตอนสร้างทางรถไฟสายมรณะ เพราะว่าช้างเดินป่าและบรรทุกของได้มาก บางคนก็สงสัยว่าห้วยปากคอกมาจากไหน ? มาจากคอกช้าง ปัจจุบันนี้ที่ช้างมาไม่เว้นแต่ละวันนั่นแหละ ก็คือในป่าน้ำหมด แล้งจัด ช้างก็ลงมาหาแหล่งน้ำกิน

นายกระรอก
28-04-2019, 19:05
“เดี๋ยวนี้สัตว์เขาลำบาก อาตมาออกความคิดว่าจะซื้อสับปะรดเอาไปเลี้ยงช้างกัน ประเภทเหมากันไปเป็นคันรถ ๆ ปรากฏว่าโดนคัดค้าน เขาบอกว่าถ้าช้างกินแล้วติดใจ เดี๋ยวจะไม่ยอมไปไหน คราวนี้ชาวบ้านจะเดือดร้อนหนัก เพราะว่าถ้าอยู่แถวนั้นก็อาละวาดเหยียบต้นไม้ รื้อต้นไม้ไปเรื่อย อาตมาเห็นว่าสับปะรดปีนี้ถูกมาก ก็เลยกะว่าถ้าเหมาไปเลี้ยงช้าง แล้วของเหลือน้อยลง จะได้ราคาแพงขึ้น..!

อาตมาเคยซื้อสับปะรด ๒๐๐ ลูกไปเลี้ยงช้างที่ปางช้างพุถ่อง เขามีช้างอยู่ ๑๑ เชือก เฉลี่ยแล้วได้ตัวละหน่อยเดียว ถ้า ๑๐ เชือกจะพอดี เพราะว่าเฉลี่ยประมาณตัวละ ๒๐ ลูก พอ ๑๑ เชือกก็เลยเหลือไม่ถึง สับปะรด ๒๐๐ ลูกยังไม่พอช้างยาขี้ฟัน..!

พอถึงเวลา เจ้าของก็บอกว่า "เดี๋ยว..พาหลวงพ่อไปเที่ยวก่อน" ช้างก็อ้อยอิ่งไม่อยากไป เพราะว่าตะกร้าสับปะรดอยู่ตรงหน้า..! ก็เลยบอกเขาว่า "เดินเร็ว ๆ รอบหนึ่ง แล้วจะได้กลับมากิน" โอ้โฮ..รีบจ้ำใหญ่เลย ช้างเขาฟังรู้ทุกตัวนะ ตอนนั้นพาลูกเจนนี่ไปด้วย เพิ่งอายุ ๔-๕ ขวบ ช้างที่เขาขี่ก็เดินตามหลังหลวงพ่อ เขากระซิบบอกช้างเขาว่า "แซง ๆ ๆ" ช้างก็ทำท่าจะแซง ตัวที่อาตมานั่งก็จ้ำอ้าวเลย..ไม่ให้แซง กระซิบอยู่ข้างหลัง แต่ข้างหน้าดันได้ยิน ช้างนี่หูไวกว่าคนอีก เพราะว่าใบหูเขากว้าง”

นายกระรอก
28-04-2019, 19:09
“คนไหนเลี้ยงช้างนี่ต้องบอกว่าลำบากมาก เพราะว่าโดยธรรมชาติแล้วช้างจะกินอาหารวันหนึ่งเกือบ ๓๐๐ กิโลกรัม เขาก็จะหากินไปเรื่อย ๆ พอแดดร้อนก็หลบนอน พอแดดร่มลมตกก็หากินต่อ บางทีกินไปยันดึก อาหารถึงจะพอเลี้ยงร่างกาย ถ้าเข้าไปในไร่กล้วยก็เวรกรรมละ ไม่เหลือหรอก เพราะว่าเขาถอนมาต้นหนึ่งแล้วเหยียบ ชักเอาไส้ไปกินอย่างเดียว ดังนั้น..ต้นกล้วยต้นใหญ่ ๆ คิดว่าช้างกินแล้วอิ่ม..ไม่หรอก เขาเอาแค่ข้างในหน่อยเดียว

ถึงเวลาถอนหญ้าขึ้นมาก็ฟาดกับขาตัวเอง ให้ดินหลุดออกก่อนแล้วค่อยกิน บางช่วงมะละกอที่วัดมีมาก เก็บไปเถอะ..จะดิบจะสุกได้ทั้งหมด เขากินหมด ใส่เข่งไป ๗-๘ เข่ง เอาขึ้นรถกระบะไป เขามาก็เหยียบ ๆ ๆ เอาเท้าเหยียบให้แตก เอางวงหยิบเขย่าเมล็ดทิ้ง เพราะว่าเมล็ดขม ฉลาดสุด ๆ เลย กินไปก็น้ำตาไหลไป นาน ๆ จะได้อิ่มสักที

สับปะรดลูกละ ๖ สลึง ก็เลยบอกเขาว่าเหมาหมดนี่แหละ มีเท่าไร นับไปนับมาได้มา ๒๐๐ ลูก ลูกละ ๖ สลึง ก็ ๓๐๐ บาท ยังไม่ทันจะขึ้นรถหมด เขาถามว่า "หลวงพ่อจะมาอีกเมื่อไร ?" เขาจะเตรียมสับปะรดไว้อีก ส่วนใหญ่แล้วราคาถูก คือชาวไร่ชาวนาลงทุนแทบตาย พ่อค้าคนกลางจะซื้อราคานี้ จะไปทำอะไรได้ ก็ต้องยอมเขา

แต่ว่าปีนี้ราคามะนาวแพงโหดร้ายมาก ในกรุงเทพฯ บางแห่ง ๑๒ บาท ๑๕ บาทแล้วนะ แต่ขอโทษเถอะ..ที่ไร่ขายลูกหนึ่ง ๒-๓ บาทเอง”

นายกระรอก
28-04-2019, 19:16
พระอาจารย์กล่าวว่า “ยาบำรุงสำหรับอาตมาแล้วไม่ได้ใช้ เพราะว่าร่างกายดีเกินชาวบ้านเขา ไปตรวจหัวใจมาล่าสุด เขาบอกว่าไม่มีตีบไม่มีตันเลย แต่เพื่อนพระสังฆาธิการผ่าไปแล้ว ๔ เส้น ที่ไม่มีตีบไม่มีตันนี่ต้องบอกว่า เป็นเพราะนิสัยการกินที่ไม่เหมือนเขา อาตมาถนัดพวกผักผลไม้มากกว่า แทบจะกินแทนข้าวเลย”

นายกระรอก
28-04-2019, 19:19
พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าหากว่างานที่เนื่องด้วยคนตาย เขาเรียกว่า สวดพระพุทธมนต์ อย่างเช่น งานทำบุญกระดูก งานทำบุญครบรอบปี งานทำบุญ ๗ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน แต่ถ้าหากว่างานมงคลทั่วไป อย่างทำบุญบ้าน งานแต่งงาน เป็นต้น เขาเรียกว่า เจริญพระพุทธมนต์ ต่างกันนิดเดียวว่าเป็นงานมงคลหรืองานอวมงคล

"อวะ" แปลว่า ลง อวะหรือโอ เป็นภาษาบาลี "โอ" คำเดียว แปลว่า ลง อย่างเช่น "โอตรติ" ย่อมหยั่งลง (ย่อมฝังลง) หรือไม่ก็ "อวังสิโร" คือห้อยหัวลง ก็คือค้างคาว "สิโร" มาจากสิระ ที่แปลว่าหัว

โปรดอย่าสงสัย..บอกแล้วว่าอาตมาเรียนแล้วไม่ลืม คนอื่นเขาเรียนแล้วลืม บรรดาผู้ที่เรียนบาลีรุ่นเดียวกัน เขาบอกว่าเขาลืมหมดแล้ว ก็ปล่อยให้เขาลืมไป”

นายกระรอก
28-04-2019, 19:22
ถาม : แล้ว "โอม" มาจากศัพท์เดียวกันไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ โอม มาจาก อุ อะ มะ ความจริงก็คือ อะ อุ มะ

อะ อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
อุ อุตตะมะธัมโมมัชฌะคา
มะ มหาสังโฆปโพเธสิ

ย่อลงมาเป็นหัวใจ อะ อุ มะ อ่านเร็ว ๆ ว่า โอม

นายกระรอก
28-04-2019, 19:25
ถาม : ต้นกล้วยหนีช้างที่หลวงพ่ออุตตมะใช้ทำลูกประคำ หลวงพ่อเข้าป่าเคยเจอไหมครับ ?
ตอบ : ยังเลย ส่วนใหญ่เขาต้องการต้นกล้วยที่ขึ้นอยู่บนไม้ใหญ่ ก็คืออาศัยร่มเงาความมั่นคงของไม้ใหญ่ให้กล้วยเย็น เขาถือเคล็ดตรงนี้ ก็คือร่มเย็น ได้มาเขาให้สับเป็นชิ้น ๆ ตากแห้งแล้วเผา เอาขี้เถ้ามาปั้นเป็นลูกประคำ

ถาม : ลักษณะเป็นกาฝากกล้วยไปขึ้นหรือครับ ?
ตอบ : คือกล้วยที่ไปขึ้นบนต้นไม้ใหญ่ ส่วนใหญ่คือกล้วยตานี พวกกระรอก กระแต อีเห็น แม้กระทั่งนกก็กิน แล้วไปถ่ายเมล็ดทิ้งไว้ ก็ไปงอกบนต้นไม้ใหญ่ ที่สมัยนี้มีกาแฟชะมดนั่นแหละ คือพวกชะมด พวกอีเห็นไปกินกาแฟ เสร็จแล้วก็ถ่ายทิ้งไว้ ให้เขาเอาไปเก็บมาล้าง เอามาคั่วใหม่ ส่วนอันนี้ไปถ่ายเมล็ดทิ้งไว้ ไม่มีใครเก็บมาล้าง ได้แดดได้ฝนบังเอิญใบไม้หมักเป็นดินก็งอกเลย เพียงแต่ไปงอกอยู่บนต้นไม้ใหญ่ กลายเป็นของหายาก วัตถุอาถรรพ์พวกนี้ถ้าอยากลำบากก็ไปหาเอา

นายกระรอก
28-04-2019, 19:29
พระอาจารย์กล่าวว่า “บางอย่างถ้าหากว่าเราไม่อยู่ไปสักระยะหนึ่ง แล้วฟังจนชิน บางทีสิ่งที่เราพูดไปเขาไม่เข้าใจหรอก คนละสำเนียงกัน

แม้กระทั่งไปพม่า อาตมาไปกับพระครูปลัดปรีชา พระครูปลัดกวักแท็กซี่ มาถึงก็ "ไปชเวดากอง" แท็กซี่อ้าปากหวอ ไปไหนวะ ? อาตมาต้องบอกเอง "ชุยดากงพะยา" ถึงไปได้ คนไทยอ่านชเวดากอง อ่านตามภาษาอังกฤษที่เขียน พม่าออกเสียงชุยดากง

ชุย คือทองคำ แต่คราวนี้เขาเขียน shwe เราก็เลยอ่านเป็น ชเว พม่าเขาเขียนภาษาอังกฤษ เขียนอย่าง อ่านอย่าง ไปพม่าใหม่ ๆ อาตมาใบ้รับประทานอยู่เป็นอาทิตย์เลยกว่าจะเข้าใจกัน”

นายกระรอก
28-04-2019, 19:32
“tien อ่านว่าอะไร ? พม่าอ่านว่า ไต kyeik พม่าออกเสียง ไจ๊ ตรง ๆ เลย เพราะว่า ky ออกเสียงแทน จ.จาน พอถึงเวลา kyi เราก็อ่าน คยี ความจริงอ่านว่า จี อองซานซูจี ตรง ๆ เลย

ตัว r พม่าออกเสียงเป็น ย.ยักษ์ Rangoon เราอ่านร่างกุ้ง พม่าออกเสียงหย่างกง พม่าเขาเขียนอย่างหนึ่ง อ่านอย่างหนึ่ง ตัว r ออกเสียงเป็น ย.ยักษ์ แต่ตัว y ดันทะลึ่งออกเสียงเป็นได้หลายคำ แล้วก็โดนชาวบ้านเขาด่า มึงเขียนอย่างนี้เขาจะอ่านอย่างไร ? เขาเขียนเป็น Rangoon ที่เราอ่านว่าร่างกุ้งนั่นแหละ

Kyaikmaraw เขาอ่านว่า ไจ๊มายอ raw ออกเสียง ยอ ตรง ๆ เลย เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมย่างกุ้งถึงขึ้นด้วยตัว r”

นายกระรอก
28-04-2019, 19:37
“เวลาท่านอาจารย์เตชะอยู่ก็คุยกันคิกคัก ๆ อยู่ ๒ คน พระอื่นท่านฟังไม่ออก ครั้งแรกเลยที่ท่านอาจารย์เตชะใช้โทรศัพท์มือถือ สมัยนั้นยังเป็นยี่ห้อโนเกียอยู่ อาจารย์สมพงษ์ก็ถามว่า "รุ่นอะไร ?" ท่านอาจารย์เตชะบอกเป็นภาษาอังกฤษว่า "..(ไม่ชัด).." อาตมาก็ขำ อาจารย์สมพงษ์นั่งอ้าปากหวอ..อะไรวะ ? พออาตมาทวนให้ ท่านถามว่า "พระอาจารย์ฟังออกได้อย่างไร ?" ตอบว่า "อ๋อ..กูอยู่มาหลายปี..!" สำเนียงแบบนี้คุ้นเลย

ของบ้านเรา เลขหนึ่งเราออกเสียงวัน เสียงแท้ ๆ ออกเสียงคล้ายกับคำว่า อ้วน แต่ถ้าสอง พม่าออกเสียงตูเลย 'วัน ตู ตี' คราวนี้รู้หรือยังว่าทำไม ตรี แปลว่าสาม ? ภาษาอังกฤษบัญญัติไม่ทัน เลยใช้ภาษาบาลีไปเลยว่า ตรี

ภาษาอังกฤษหลายต่อหลายคำไปจากบาลี เพราะว่าบัญญัติไม่ทัน Elephant คือช้าง ไปจากบาลีว่า เอราวัณ”

นายกระรอก
28-04-2019, 19:40
ถาม : พระเก่า ๆ กับหนังสือธรรมะที่ไม่อ่านแล้วเอาไปทำอย่างไรได้บ้างคะ ?
ตอบ : ชั่งกิโล..!

ถาม : ทิ้งได้ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่สมควร ถ้าหากว่ามีที่ไหนเขาสร้างพระใหญ่หรืออาคารที่มีที่ให้บรรจุได้ก็บรรจุไป

ถาม : ที่วัดท่าขนุนได้ไหมคะ ?
ตอบ : วัดท่าขนุนบรรจุจนไม่มีที่ให้บรรจุแล้ว

ถาม : แล้วถ้าเผาละคะ ?
ตอบ : จะเผาก็ได้ ต้องขอขมาก่อนแล้วค่อยเผา

ถาม : ต่างจากโทษทำลายพระพุทธรูปอย่างไรคะ ?
ตอบ : ต่างตรงที่เราไม่ได้ไปทุบ

นายกระรอก
28-04-2019, 19:45
มีผู้ถวายดอกบัว พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “มีปัทมา ๑ กำมือ เก็บมาจากไหน ? ปัจจุบันหายากแล้วนะ

บัวหลวงสีแดง เขาเรียกว่า ปัทมา ถ้าสีขาวเรียกว่า ปุณฑริกา

ถ้าบัวสายสีขาวก็คือ โกมุท ถ้าสีแดงคือ สัตตบุษย์ หรือสัตตบรรณ

ถ้าเป็นพวกบัวผันบัวเผื่อน สีเหลืองคือ จงกลนี สีน้ำเงินคือ นิลุบล หรือนิโลตบล

แยกกันไม่ออกอีกนั่นแหละ เอาเป็นว่าโกมุทและสัตตบุษย์อร่อย..! ...(หัวเราะ)... หมดเรื่องไปเลย โดยเฉพาะนำไปต้มกะทิ สายบัวต้มกะทิใส่ปลาทูเค็ม”

เถรี
30-04-2019, 07:51
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยนี้เขาว่ามะเร็งให้รักษาด้วยกัญชา ใช่ไหม ? แต่เชื่อเถอะ..กว่ากัญชาจะได้รับอนุญาตให้ปลูกเสรี นายทุนเอาไปรับประทานหมดแล้ว เดี๋ยวนี้พวกนายทุนหรือนักการเมืองเขาปลูกล่วงหน้ากันเป็นพัน ๆ ไร่ ชาวบ้านปลูกต้นสองต้นโดนจับ ปลูกน้อยเกินไปเขาเลยไม่เกรงใจ ...(หัวเราะ)...

รู้จักอำเภอกุมภวาปีไหม ? กุมภะ แปลว่าหม้อ วาปี แปลว่าน้ำ ก็คือหม้อน้ำ อำเภอกุมภวาปีถ้าโยมขับรถไป สังเกตสองข้างทางถนนหลักเส้นที่วิ่งไปสกลนคร กัญชาทั้งดงเลย ชาวบ้านเขารู้กันทุกคน ถึงเวลาก็เก็บเอาไปใส่แกง คราวนี้ยังไม่มีใครถ่ายรูปมาลงโซเชียล ก็เลยยังไม่โดนบังคับให้ฟันทิ้ง"

เถรี
30-04-2019, 07:52
"กุมภวาปี แปลว่าหม้อน้ำ แถวอีสานชื่ออำเภอแต่ละชื่อนี่น่าหลงใหลมาก ไปถึงจึงได้รู้ว่าแล้งฉิบหาย..! อย่างพิบูลมังสาหาร ตระการพืชผล ฟังดูแล้วน่าจะอุดมสมบูรณ์สุด ๆ ส่องดาว สว่างแดนดิน น่าเที่ยวมาก ไปแต่ละทีนี่ “น้ำตาจิไหล..!” ...(หัวเราะ)...

พิบูลมังสาหารก็คือ ทั้งเนื้อทั้งพืชผักอุดมสมบูรณ์มาก เขาเรียกว่าผลาหาร ก็คือมีผลเป็นอาหาร กับมังสาหาร คือเนื้อเป็นอาหาร พอถึงเวลาเขาประกาศสงกรานต์ “ภักษาหาร มังสาหาร ผลาหาร จักอุดมสมบูรณ์” ปีนี้นางสงกรานต์ขี่พญาครุฑด้วยนะ ...(หัวเราะ)..."

เถรี
30-04-2019, 07:53
"ถ้าวันมหาสงกรานต์ตรงกับวันอาทิตย์ นางสงกรานต์จะชื่อทุงสะเทวี นางทุงสะเทวีนั้นขี่พญาครุฑ ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ต้องมีจัมโบ้เจ็ตส่วนตัว..! พญาครุฑบินไกลมาก เขาบอกว่า “พระบินหนักกวักละโยชน์ด้วยฤทธี” ขยับปีกทีหนึ่งไปได้ ๑๖ กิโลเมตร น่าจะเร็วกว่าจัมโบ้เจ็ตอยู่หน่อยหนึ่ง..!

เป็นเรื่องอัศจรรย์ว่าเรื่องของโลกทิพย์ ถ้าชาติไหนภาษาไหนได้ทิพจักขุญาณก็เหมือนกัน คนจีนเขาเรียก “คุนเผิง” พญานกมหึมา กวักปีกทีหนึ่งไปได้ ๘๔,๐๐๐ ลี้ ก็ใกล้เคียงกันนะ”

เถรี
30-04-2019, 07:59
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องพญาครุฑที่ดังที่สุดก็คือ กากีคำฉันท์ จะว่าไปแล้วกากีเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารที่สุด อย่าลืมว่าพญาครุฑเป็นตระกูลเหยี่ยว ตระกูลอินทรี กินเนื้อเป็นอาหาร โดยเฉพาะกินงู เขาอุ้มไปแล้วไม่มีใครช่วย ถ้าไม่ยอมพ่อเจ้าประคุณนี่ จะโดนรับประทานหรือเปล่าก็ไม่รู้..?!

คราวนี้พอคนธรรพ์ตามไปก็มีข้อแม้อีกว่า ถ้าจะให้ช่วยก็ต้องยอมเป็นเมียอีก เราก็เลยไปว่ากากีหลายใจ ความจริงต้องด่าคนธรรพ์ ไปช่วยเขายังต้องมีของตอบแทนด้วย มึงช่วยเปล่า ๆ ไม่ได้หรืออย่างไร..?!

แล้วก็ไม่ได้ช่วยนะ เขาออกอุบาย ถึงเวลาก็แกล้งไปนั่งครวญเพลง คิดถึงแม่เนื้อหอม ถึงเวลาสัมผัสทีติดตัวไป ๗ วัน พญาครุฑก็สงสัยว่าเขาไปได้อย่างไร ? เพราะว่าวิมานฉิมพลีของพญาครุฑอยู่โน่น..สุดขอบทะเลสีทันดร"

เถรี
30-04-2019, 08:00
"พระสุเมรุหลักโลกมีภูเขาสัตตบริภัณฑ์ล้อมรอบอยู่ แล้วก็มีทะเลคั่นอยู่เป็นช่วง ๆ สีทันดรนี่ต้องบอกว่ากว้างที่สุด พญาครุฑก็สงสัยว่าตูไปยังจะแย่ ไอ้นี่ไปได้อย่างไร ? ตั้งใจมาอำกันหรือเปล่า ? พญาครุฑท่านบอกว่า

เราแจ้งทางทุเรศเขตอรัญ....สัตภัณฑ์คั่นสมุทรใสสี
แม้นจะขว้างแววหางมยุรี......ก็จมลงถึงที่แผ่นดินดาล

น้ำละเอียดขนาดแววขนนกยูงจับอยู่ข้างบนไม่ได้ จมแน่นอน ใครไปก็คือตายสถานเดียว"

เถรี
30-04-2019, 08:03
"ด้วยน้ำนั้นสุขุมละเอียดอ่อน........จึ่งชื่อสีทันดรอันไพศาล
ประกอบหมู่มัจฉากุมภาพาล ........คชสารเงือกน้ำแลนาคินทร์
ผู้ใดข้ามนทีสีทันดร..................ก็ม้วยมรณ์เป็นเหยื่อแก่สัตว์สิ้น
แสนมหาพระยาครุฑยังเต็มบิน.......จึ่งล่วงสินธุ์ลุถิ่นพิมานทอง

ขนาดขยับปีกทีหนึ่งไปได้โยชน์หนึ่ง ก็คือ ๑๖ กิโลเมตร ต้องบินจนหมดกำลังถึงจะพ้น คนธรรพ์ก็บอกว่า พญาครุฑตัวใหญ่เสียเปล่า แต่สมองกลวง ตูไม่เห็นต้องบินอะไรเลย ถึงเวลาก็ซุกใต้ปีกไป ก็ครุฑตัวใหญ่ คนธรรพ์เปรียบกับพญาครุฑแล้วตัวนิดเดียว ก็แปลงเป็นไรซุกไปในเส้นขน พญาครุฑพอได้ยินก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ไปอุ้มนางกากีมาโยนคืนให้

ตรงนี้ต้องบอกว่าไม่สมจริงนะ เขาบอกว่าบินจนสิ้นกำลังถึงจะไปถึง ตรงนี้น่าจะเป็นแรงโมโห บินไปถึงแล้วยังอุ้มบินกลับมาได้อีกต่างหาก..! พวกเราอ่านแล้วไม่ค่อยคิด แต่อาตมาคิดบ่อย มึงบอกว่าบินจนหมดกำลังถึงได้ข้ามสีทันดรได้ นี่ไปแล้วยังอุ้มกลับมาอีกคน แสดงว่าโกรธจัด แรงบ้าพาให้บินกลับมาได้ น่าจะหมดสภาพกลายเป็นนกหงอยไปอีกนาน..!”

เถรี
30-04-2019, 08:04
“พวกเราอ่านหนังสือน้อยก็ไม่ค่อยมีข้อสงสัย อาตมาอ่านหนังสือมาก อย่างหนุมานเกิดใหม่ ๆ เห็นพระอาทิตย์เป็นผลไม้ไปไล่จับ เอามาโยนเล่น แต่พอตอนที่จะไปห้ามพระอาทิตย์เพื่อที่จะไปเก็บยาสังกรณีตรีชวา ดันโดนพระอาทิตย์เผาไหม้กลายเป็นจุณ ตกลงว่าคนแต่งลืมใช่ไหมว่าตอนแรกแต่งไว้อย่างไร ? ...(หัวเราะ)...

เสียดายว่าชุดรามเกียรติ์ยุคใหม่ไม่ได้เขียนต่อ อาตมาทึ่งมากเลย เขียนได้สุดยอดมาก เหมือนวิดีโอเกมเลย ไมยราพณ์ที่ตายยากตายเย็นนี่ไม่ใช่ถอดหัวใจนะ แต่เป็นเพราะว่าตัดต่อดีเอ็นเอกับพญานาค..! พญานาคเป็นสัตว์ประเภทงู หัวตายท้ายก็ยังเป็น เขาเลยเอาดีเอ็นเอมาตัดต่อ กลายเป็นตายยากตายเย็น

อินทรชิตแทนที่จะขี่ช้างเอราวัณ เขาเขียนให้อินทรชิตมายานอวกาศเลย สุดยอดมาก ชอบใจที่วาดภาพสวยมาก ส่วนพระรามแผลงศรพรหมาศไปที บึ้ม..กระจายเป็นดอกเห็ด นิวเคลียร์ชัด ๆ..! ตายทีเดียวหมดกองทัพ"

เถรี
30-04-2019, 08:06
"บางคนเขาจินตนาการเตลิดเปิดเปิงไปไกล คนรุ่นเก่าเขารับไม่ได้ ในเมื่อคนรุ่นเก่ารับไม่ได้ก็หาว่าทำลายวรรณคดี ความจริงแล้วอาตมาชอบมาก เป็นจินตนาการที่ล้ำเลิศกว่าที่คาดคิด เหมือนกับเอาวิดีโอเกมมาปนกับเรื่องสัประยุทธ์ทะลุฟ้า ถึงเวลาพระอาทิตย์ก็ชักดาบสุริยัน ๑ ใน ๗ เทพอาวุธ ปะทะกับตรีเพชร ฟาดกันทีฟ้าถล่มดินทลาย

ถ้าตามวรรณคดีเก่าเขาบอกว่า “จึ่งผินพักตร์มาดูท้ายรถ เป็นเพลิงกรดสังหารกระบี่ศรี” แค่เหลียวหน้ากลับมา หนุมานก็กลายเป็นผงไปเลย ส่วนในเรื่องนี้ก็ไปดวลกันอยู่นั่นแหละ หนุมานยอมโดนดาบสุริยันแทงทะลุอกเพื่อเข้าประชิด เอาตรีเพชรจ่อคอหอยพระอาทิตย์ได้ พระอาทิตย์ถามว่า “แกไม่กลัวตายหรือ ?” หนุมานตอบว่า “เพื่อภักดีต่อเจ้านาย แม้ตายก็ไม่เสียใจ” พระอาทิตย์ซึ้งน้ำใจ ก็เลยต้องเสียเวลาชุบชีวิตให้อีก ...(หัวเราะ)..."

เถรี
30-04-2019, 08:09
"ถ้าใครรู้จักคนเขียนช่วยบอกให้เขียนต่อทีนะ อ่านอยู่ ๕ เล่มแล้วคันมาก อยากรู้ว่าจะจินตนาการไปไหนต่อ เพราะว่าเล่มสุดท้ายนี่ อินทรชิตขี่ยานอวกาศมา ขนาดช้างเอราวัณยังกลายเป็นยานอวกาศไปได้ แล้วทศกัณฐ์นี่เท่สุด ๆ ประเภทใส่ชุดเกราะทั้งตัว แต่ละชิ้นนี่แรร์ไอเท็มล้วน ๆ ...(หัวเราะ)... ใครเล่นวิดีโอเกมน่าจะเข้าใจ เขียนเป็นการ์ตูนออกมาได้น่าสนใจมาก

ทศกัณฐ์นี่ถ้าว่ากันตามเนื้อหา ต้องบอกว่าเจ้าชู้ไม่ใช่ปกติ สมัยก่อนเขาด่ากันว่า ไอ้พวกเจ้าชู้ประตูดิน หมูมายังเกี้ยวสิ้นไม่เลือกหน้า ทศกัณฐ์นี่ออกแนวนั้นเลย ไปได้กับนางนาค ลูกชายคือมังกรกัณฐ์ ไปได้กับนางช้าง ลูกชายคือทศคีรีวัน ทศคีรีธร สารพัดเลย จะคนจะสัตว์เอาเป็นเมียหมด อะไรจะหน้ามืดปานนั้น..! แล้วยังไปได้กับนางมณโฑอีก

แล้วสมัยนั้นนี่เทคนิคการแพทย์สุดยอด ผ่าท้องเอาไปฝากไว้กับแพะได้ มีการอุ้มบุญตั้งแต่ยุคโน้นแล้ว..! เกิดมาก็กลายเป็นองคต”

เถรี
30-04-2019, 08:22
พระอาจารย์ให้พรในงานทำบุญฉลองบ้านเติมบุญ “ขอโอกาสพระเถรานุเถระทุกรูป และเจริญพรญาติโยมทุกท่าน วันนี้ถือว่าเป็นการทำบุญบ้านเติมบุญของเราเป็นปีที่ ๓ พักเดียวก็ผ่านไป ๓ ปีแล้ว ปกติแล้วก่อนหน้านี้เรากำหนดไว้ว่า จะทำบุญกันในเดือนพฤษภาคม แต่ปีนี้เดือนพฤษภาคมติดเนื่องด้วยภารกิจในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก คณะกรรมการบ้านเติมบุญปรึกษาหารือกันแล้วว่า ให้เลื่อนมาเป็นเดือนเมษายนแทน จะได้ไม่ต้องไปชนกับหมายกำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อาตมาเห็นว่าถ้าเลื่อนไปเลื่อนมา คนจะจำยาก ก็เลยตั้งใจว่า ถ้าเลื่อนแล้วก็แล้วกัน คือให้เป็นเดือนเมษายนตลอดไปเลย

คราวนี้ในส่วนที่ท่านทั้งหลายมาขอขมากรรมกันนั้น เกิดจากธรรมเนียมประเพณีโบราณ ว่าการอยู่ร่วมกันมานั้น เราจะมีการล่วงเกินกันด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ในเมื่อมีการขอขมากรรมกัน สิ่งที่เคยกระทำมาก็จะกลายเป็นอโหสิกรรม ก็คือไม่ส่งผลที่ทำให้เราจะต้องลำบากกันต่อไป ดังนั้น..แบบธรรมเนียมประเพณีนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม"

เถรี
30-04-2019, 08:26
"ขณะเดียวกัน พวกเราทั้งหลายก็ตั้งใจว่า ในวาระอันเป็นมงคล คือนอกจากทำบุญบ้านแล้วยังใกล้ปีใหม่ไทยด้วย จึงพร้อมใจกันถวายผ้าป่าร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ซึ่งแต่เดิมที่เขาตีราคาไว้ประมาณปี ๒๕๕๘ ที่ ๔๓ ล้านสองแสนบาท ปัจจุบันนี้ราคาทะลุ ๕๐ ล้านบาทไปแล้ว โดยเฉพาะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางผู้ออกแบบมานำเสนองาน มีการปรับแก้ แล้วก็ใช้เทคนิคการนำเสนอต่าง ๆ ที่ค่อนข้างทันสมัย พูดง่าย ๆ ก็คือ เข้าไปในพิพิธภัณฑ์แล้ว ไม่ใช่ที่วางของให้เราดู แต่ว่าจะมีทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว แสงสีเสียงทุกอย่างครบครัน

ส่วนที่ท่านทั้งหลายได้ร่วมกันกระทำมาก็ขอให้ทราบว่า เรามีส่วนร่วมในการสร้างวิหารทานและธรรมทานด้วย คำว่าวิหารทานนี้ก็คือพิพิธภัณฑ์ ซึ่งต้องมีตัวอาคาร ปัจจุบันก็คือเอาชั้นที่ ๒ ของอาคารร้อยปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน ส่วนของธรรมทานก็คือเรามีความรู้ต่าง ๆ ให้แก่ผู้ที่เข้าไปเที่ยวชม ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางพระพุทธศาสนา ความรู้เกี่ยวกับประวัติวัดท่าขนุนและอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ตลอดจนกระทั่งเครื่องรางของขลังซึ่งเป็นวัตถุที่เป็นที่ยึดเหนี่ยว จนกระทั่งเราสามารถรักษาประเทศชาติของเราสืบมาจนถึงปัจจุบันนี้ได้ ต้องถือว่าในส่วนนี้ท่านทั้งหลายได้สร้างกุศลใหญ่ ทั้งในวิหารทานและธรรมทานไปพร้อม ๆ กัน

ในวาระอันเป็นมงคลนี้ อาตมภาพในฐานะตัวแทนของคุณพระศรีรัตนตรัย ขอตั้งสัตยาธิษฐานอ้างถึงพุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี ตลอดถึงกระทั่งบารมีครูบาอาจารย์ทุก ๆ องค์ ได้โปรดดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังทุกประการ สิ่งหนึ่งประการใดที่ท่านหวังแล้ว ถ้าเป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรมวินัย ก็ขอให้ความหวังทั้งหลายเหล่านั้นจงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ สมดังมโนรถปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ”

เถรี
30-04-2019, 22:13
พระอาจารย์กล่าวว่า “จะตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหนก็ตาม ฐานะสูงส่งแค่ไหนก็ตาม สำคัญที่สุดคือ ใจมีที่พึ่งหรือเปล่า ? ที่พึ่งอันมั่นคงแน่นอนและประเสริฐที่สุดก็คือพระรัตนตรัย ก็คือต้องมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง

ถ้าใครเคยสวดมนต์ทำวัตรที่วัดท่าขนุน จะมีบทหนึ่งคือ

พะหุง เว สะระณัง ยันติ..............ปัพพะตานิ วะนานิ จะ
อารามะรุกขะเจต๎ยานิ.................มะนุสสา ภะยะตัชชิตา
แปลเป็นความว่า เมื่อมนุษย์ทั้งหลายโดนภัยคุกคามเข้า ก็เที่ยวไปกราบไหว้ภูเขา ป่าไม้ เจดีย์ ต้นไม้ วัดวาอาราม สารพัด

เนตัง โข สะระณัง เขมัง..............เนตัง สะระณะมุตตะมัง
ท่านบอกว่า นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม ไม่ใช่ที่พึ่งที่ทำให้หลุดพ้นจากภัยทั้งหลายได้

แล้วทำอย่างไร ?
โย จะ พุทธัญจะ ธัมมัญจะ...........สังฆัญจะ สะระณัง คะโต
การยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งต่างหาก

เอตัง โข สะระณัง เขมัง..............เอตัง สะระณะมุตตะมัง
นั่นจึงเป็นที่พึ่งอันเกษม จึงเป็นที่พึ่งอันสูงสุด

เอตัง สะระณะมาคัมมะ...............สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ
มีที่พึ่งทั้งหลายเหล่านี้แล้ว ย่อมทำให้ทุกข์ทั้งหลายสิ้นลงไปได้

พวกเราส่วนใหญ่แล้วสวดมนต์เป็น แต่แปลไม่ออก ...(หัวเราะ)... ก็สวดกันเข้าไป หลับหูหลับตาก็สวดได้ แต่แปลไม่ออกสักที ส่วนอาตมาเป็นบาลีเถื่อน เรียนมานิดหน่อย ไม่มีประกาศนียบัตร ไม่มีปริญญาบัตรรับรองในด้านบาลี แปลไปเรื่อยเปื่อย ก็ดันแปลได้เองนี่หว่า”

เถรี
30-04-2019, 22:17
ถาม : งานหล่อพระทองคำ ผมขึ้นไปบนเจดีย์ ผมไปอธิษฐานขอให้ถูกหวย ว่าจะทำป้ายไม้ เปลี่ยนจากของเดิมอันเก่า ?
ตอบ : ถ้าทำก็ไปทำที่อื่น แถวนั้นไม่ต้องทำหรอก หรือถ้าอยากจะทำก็ไปหุ้มทองพระเจดีย์ซะ...!

ตอนแรกพระเจดีย์ข้างบนว่าจะหุ้มทองเหมือนกับข้างล่าง แต่ปรากฏว่าช่างตีราคามาเกือบเท่าองค์ข้างล่าง ทั้ง ๆ ที่เล็กกว่า ๓-๔ เท่า ก็เลยไม่ได้ทำ

เถรี
30-04-2019, 22:22
พระอาจารย์กล่าวว่า “เหรียญพุทธบารมีสุริยันทรงกลด เนื้อชนวนหลวงพ่อนาก ตอนแรกว่าจะตอกโค้ด นึกไปนึกมาว่าตอกโค้ดก็ไม่เหมือนจารเอง ก็เลยนั่งทรงอารมณ์จารไปหลายชั่วโมง เท่ากับว่าจารไป ๔๗๓ เหรียญ ที่เป็นเนื้อชนวนหลวงพ่อนาก มีที่ไม่ได้ชุบอยู่ ๓ เหรียญ และชุบสีเข้ม ๑ เหรียญ และส่วนที่เขาปั๊มเกินจากที่สั่งมา ๑๙ เหรียญ

เพราะฉะนั้น..ไปส่องตามลายจารของพระอาจารย์เล็กให้ดี เผื่อมีปลอมได้ แต่คงจะปลอมยาก เพราะว่าจารลึกสม่ำเสมอกัน ถ้าตัวสม่ำเสมอจะปลอมยากสุด ๆ แบบเดียวกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ท่านจารลึกเท่ากันหมด อัศจรรย์มาก แสดงถึงสมาธิของท่านที่ทรงตัวเป๊ะ ๆ เลย

ส่วนหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว น่าทึ่งกว่านั้นอีก จารหลังเบี้ย จารได้อย่างไรกัน ? จารลึกด้วยนะ ท่านคงเห็นเบี้ยเป็นเทียนเลยจารง่าย ๆ กระมัง ? ถ้าตัวไหนเห็นหลังเบี้ยมีรอยจาร แล้วความเก่าได้ก็ตะครุบไว้ก่อนเลย...ใช่แน่นอน ไม่มีใครเลียนแบบได้ ถ้าไม่ได้ฝึกกสิณน้ำมาก่อน”

นายกระรอก
02-05-2019, 21:21
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนคุยกับคณะผู้ออกแบบพิพิธภัณฑ์ในด้านของเครื่องราง บอกว่าให้จัดออกมาเป็น ๑๕ ชุด แต่ละชุดให้อยู่ในระดับเบญจภาคีของชนิดนั้น ๆ เป็นที่ยอมรับของประเทศ อย่างเช่นว่า ชุดเบญจภาคีเบี้ยแก้ เบญจภาคีลูกอม เบญจภาคีตะกรุด เบญจภาคีเสือแกะ”

ถาม : แล้วเบญจภาคีตะกรุดหนังหน้าผากเสือละครับ ?
ตอบ : ตะกรุดก็มีหลายประเภทนะ ถ้าเฉพาะแยกหนังหน้าผากเสือนี่ลำบากเลย เพราะว่าถ้าเอาออกมาเข้าพิพิธภัณฑ์ไปแล้วนี่ อาตมาจะไม่มีของหลวงปู่ฤทธิ์ วัดอรุณฯ มีอยู่ดอกเดียว..หายาก ของหลวงพ่อสว่าง วัดเทียนถวาย ยังมีอยู่ตั้ง ๔-๕ ดอก ของหลวงปู่ฤทธิ์ได้มาดอกเดียว ต้องบอกว่า ทั้งชีวิตหามาได้ ๑ ดอกนี่เซ็งมาก อีกดอกหนึ่งเขาเรียกเป็นแสนเลยต้องถอย ...(หัวเราะ)... เจ้าของเขากล้าเรียกราคา แต่อาตมาไม่กล้าซื้อ

ส่วนเบี้ยแก้เท่าที่หามานี่ ของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ หายากที่สุด หลวงปู่บุญยังมี ๔-๕ ตัว หลวงปู่รอดมี ๔-๕ ตัว หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ มี ๓ ตัว แต่ละตัวราคาแพงหูดับทั้งนั้น ...(หัวเราะ)... ตัวที่ถูกที่สุดบูชามา ๔๕,๐๐๐ บาท เจ้าของหวงสุด ๆ คือเรื่องของวัตถุมงคลนี่ถ้ามีประสบการณ์ ไม่มีใครเขาอยากสละให้คนอื่นหรอก

แบบเดียวกับน้องเล็ก ที่ไปโดนกระทิงขวิดมาแล้วไม่เป็นอะไรนั่นแหละ แขวนสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒ คือรุ่น ๒ ก็มีเยอะนะ แต่ขอโทษ..ก็จะเอารุ่น ๒ องค์นั้น องค์ที่ใส่ตอนกระทิงขวิด แล้วจะไปเอาที่ไหนวะ ก็มีอยู่องค์เดียว..! ปกติกระทิงขวิด ต้นไม้ขนาดบาตรนี่โครมเดียวขาดเลย แล้วตัวคนใหญ่กว่าบาตรสักเท่าไรกัน ดังนั้น..น้องเล็กจึงเป็นคนที่อันตรายมาก หนังเหนียว..ตายยาก..!

นายกระรอก
02-05-2019, 21:26
ถาม : หลวงพ่อรู้จักหลวงปู่ปรง สาสโน ไหมครับ ?
ตอบ : หลวงปู่ปรง เคราเหล็ก จังหวัดตรัง ไม่ใช่หลวงพ่อรุ่งนะ แต่เหมือนกัน..คือโกนหนวดไม่ออก

โกนหนวดไม่ออก สรงน้ำปีละครั้ง ลูกศิษย์ต้องเอาแปรงทองเหลืองมาขัด ...(หัวเราะ)... บางทีเราเห็นพระหนวดเครารุงรังก็สงสัย ท่านไม่เคร่งครัดต่อพระวินัยหรืออย่างไร ? ไม่โกนหนวด แต่ว่าความจริงคือไม่มีใครโกนท่านได้ มีดโกนคมกริบลากไปเสียงดังเคร้ง..ไม่ออก ...(หัวเราะ)... แสดงว่าท่านประเภทคงเนื้อ คงหนัง คงกระดูก

พวกคาถาคงเนื้อ คงหนัง คงกระดูก ต้องโองการมหาทมื่น ถ้าโองการมหาทมื่นนี่ต้องสายวัดสะพานสูง ตั้งแต่หลวงปู่เอี่ยม ท่านอาจารย์แปลกร้อยบาง หลวงปู่กลิ่น ลงมาจนถึงหลวงพ่อทองสุข หลวงปู่วาสน์นี่ยังได้มา ก็คือท่านอายุมาก แล้วมีโอกาสเสกตะกรุดอยู่เหมือนกัน เพราะว่าตะกรุดต้องเสก ๓ ปี ไม่ใช่ไตรมาสนะ..สามปี..! เสกด้วยโองการมหาทมื่นวันละ ๑๐ จบ

ถ้าสงสัยว่าโองการมหาทมื่นยาวขนาดไหน ถึงเสกวันละ ๑๐ จบ ก็ถ้าสักฟอนต์ ๑๖ หรือ ๑๘ ก็ประมาณกระดาษเอสี่ ๑ หน้าครึ่ง..! เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าจะเป็นพระปิดตาก็ดี ลูกอมก็ดี หรือว่าโดยเฉพาะตะกรุดมหาโสฬสของทางสายวัดสะพานสูง ใครมีนี่หวงกันสุด ๆ

นายกระรอก
02-05-2019, 21:31
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า “รู้จักไหมว่าหวังต้าเซียนคือใคร ? (เป็นหมอใหญ่ใช่ไหมคะ ?) มะเหงกแน่ะ..! หวังต้าเซียนคือปิศาจพังพอน ...(หัวเราะ)... ตระกูลเดียวกับพวกจิ้งจอกเก้าหาง ไม่มีอะไร..พวกเจ้าพ่อส่วนใหญ่เป็นพวกกาลกัญจิกอสุรกาย อันนี้เป็นพวกอชคราทิเปรตมาสร้างบารมี”

นายกระรอก
02-05-2019, 21:43
ถาม : คุณอ้อยใจ แดนอีสาน เมื่อเช้ามาออกโรงทานครับ ?
ตอบ : ขอโทษที..ไม่รู้จัก ...(หัวเราะ)... วันก่อนนักร้องแกรมมี่ไปปรากฏตัว ขออภัยด้วย..ไม่รู้จัก อาตมาไม่ได้ฟังวิทยุ ไม่ได้ดูโทรทัศน์มาไม่มากไม่มาย แค่ ๓๗ ปีเท่านั้น เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครเกิดหลัง ๓๗ ปีนี้ ความดังไม่พอที่จะทำให้อาตมารู้จักหรอก

ก็บอกแล้วว่าดาราคู่สุดท้ายที่ได้ดูก็คือ ทูนกับจารุณี ตอนนี้คงเล่นบทปู่ย่าตาทวดกันหมดแล้วกระมัง แล้วก็มีป๊อป อารียา เป็นจีนแคะ ถ้านับแล้วเป็นญาติ ๆ กัน ก็เลยรู้จัก ...(หัวเราะ)... ถ้าคนอื่นนี่ไม่รู้จักแล้ว

ไอ้ประเภท "ผมโอลิเวอร์ครับ" เออ..เวอร์ก็เวอร์วะ ไม่รู้จักหรอก..! บอกชื่อมากูก็จำแค่นั้นแหละ ...(หัวเราะ)... ไปวัดท่าขนุนนี่อนาถมาก เด็กวัดมาถึงก็ "หลวงพ่อ ๆ รถเมล์มา" แล้วจะเข้ามาทำไม ? นึกว่ารถเมล์วิ่งเข้ามาในวัด อ๋อ..ดารา ขออภัย เจ้าอาวาสท่านอยู่หลังเขา ทองผาภูมิมีภูเขาเยอะ..! อยู่หลังเขาเลยไม่ค่อยจะรู้จักใครหรอก

นายกระรอก
02-05-2019, 21:48
“แต่ว่าคุณสะอาดกับคุณปิยะมาศไปวัดก็นั่งหัวเราะกัน คุณนฤมลอีกคน ถ้าแบบนี้รู้จักแน่ เพราะว่ารุ่นนี้ทัน ปิยะมาศ โมนยะกุล ที่แสดงเรื่องทายาทป๋องแป๋ง อาตมายังบอกเขาว่า "ขอโทษด้วยนะ ไม่มีเวลาคุยด้วย เพราะว่าคนเยอะมาก" ดังนั้น..ถ้าเป็นดารามาวัดนี้ต้องทำใจ เขาก็บอกว่า เขาก็ไม่อยากคุยกับใคร เพราะว่าเขามาทำบุญ บางทีไม่ค่อยจะมีเวลา อย่างคุณสะอาดนี่ย่องไปตอนเย็น ๆ จะทำวัตรอยู่แล้วค่อยโผล่หน้าเข้าไป รายนี้ก็เพิ่งจะตายไปเมื่อไม่กี่วันเอง

คุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ยุคเก๋ากึ๊กเลย แต่ว่าแข็งแรงมากนะ อายุ ๘๐ กว่าแต่ว่าแข็งแรงมาก แล้วก็มีคุณสมบัติ เมทะนี ทั้ง ๆ ที่รูปร่างสูงใหญ่ล่ำสัน แต่เดินช้าลงไปมาก ช้าแบบคนแก่แท้ ๆ เลย

คุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ก่อนหน้านี้มีฉายาว่า ผู้ร้ายผู้ดี ก็คือมาดประมาณเจ้าพ่อมาเฟียแบบไฮโซ แล้วมหัศจรรย์มากก็คือ เป็นนักแสดงรุ่นแรกของประเทศไทยที่จบการแสดงจริง ๆ ไปเรียนจากญี่ปุ่นมา ของไทยเรานี่ต้องรุ่นหลัง ๆ ถึงจะมีโรงเรียนการแสดง แต่ว่าปู่สะอาดไปเรียนมาตั้งแต่สมัยเพิ่งจะวัยรุ่นเลย ลืมถามไปเลยว่ายังพูดภาษาญี่ปุ่นได้หรือเปล่า ? ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก
02-05-2019, 21:56
ถาม : ..(ไม่ชัด).. จำได้ ?
ตอบ : จำได้ มีเค้าทุกคน ยิ่งเพลิน พรหมแดน นี่ไม่ต้องจำหน้าเลย ฟังเสียงก็จำได้ เสียงไม่เปลี่ยนเลย

ถาม : เขายังอยู่ไหมคะ ?
ตอบ : ยังอยู่ นักร้องส่วนใหญ่อารมณ์ดี ไม่ตายง่าย ๆ หรอก ยกเว้นพวกเครียดมากก็มะเร็งกินหมด

เสียดายอาจารย์ธนิสร์ท่านงานเยอะ ถ้าไม่ไปเปิดโรงเรียนสอนจะไม่งานชุกขนาดนั้น ก็ยังไปวัดได้ พอไปเปิดโรงเรียนสอนแล้วงานมาก ไปวัดยากเลย ไม่อย่างนั้นจะให้เป่าเพลงทานตะวันให้พวกเราฟังหน่อย

"ตะวันส่องใส แดดฉายลงมา ทาบทาทิวทุ่ง แผ่วลมผ่านโรย เหมือนโปรยกลิ่นปรุง ดอกฟางหอมลอย ดอกหญ้าดาว วับวาวทางเกลื่อน เหมือนดังหยาดพลอย แตะนิดต้องน้อย ราวมณีร่วงพรู พลัดพรายลงดิน ฯลฯ"

คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ แต่งเนื้อ เพลงขลุ่ยฝีมือท่านอาจารย์ธนิสร์ จังหวะเพลงเพราะมาก เนื้อเพลงก็งามสุด ๆ ลองไปค้นดู ชื่อเพลงว่าทานตะวัน

นายกระรอก
02-05-2019, 22:09
ถาม : ทำสังฆทานที่บ้านเติมบุญกับทำผ่านเว็บที่สแกน QR code ได้เหมือนกันไหมครับ ?
ตอบ : ได้และดีกว่าด้วย เพราะว่าไม่เหนื่อย บางทีเดินทางเหนื่อย ๆ ไปเจออะไรกลางทางแล้วอารมณ์เสีย ก็บุญลดอีก เพราะฉะนั้น..เป็นวิธีทำบุญที่ง่ายที่สุด เร็วที่สุด เป็นการประกันความเสี่ยง

นายกระรอก
02-05-2019, 22:10
ถาม : ถ้าเกิดเราเดินข้ามของกินจะบาปไหมครับ ?
ตอบ : สมัยโบราณเขาให้ความเคารพแม่ทั้งห้า รู้จักไหม ? แม่ธรณี แม่พระเพลิง แม่พระพาย แม่โพสพ แม่คงคา โดยเฉพาะแม่โพสพ เด็กรุ่นอาตมานี่ห้ามข้าม ห้ามเหยียบ กินข้าวต้องหมดทุกเม็ด ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวแม่โพสพไม่โปรด แล้วจะทำไร่ทำนาได้ผลน้อยหรือว่าไม่ได้ผล

ดังนั้น..ขึ้นอยู่กับการอบรมของเรา ถ้าหากว่าเราได้รับการอบรมมา รู้สึกผิดบาปก็จะเป็น ถ้าไม่ได้รับการอบรมมา จิตใจหยาบหน่อยก็บาปน้อยหน่อย พูดง่าย ๆ ก็คือ บาปมากบาปน้อยอยู่ที่หิริโอตตัปปะของเรา

นายกระรอก
02-05-2019, 22:13
ถาม : มีคนเตือนมาว่าเป็นไปได้ให้ถามพระโดยตรง แต่ถ้าเราพยายามมาหลายครั้ง แต่ว่าท่านไม่ได้ตอบ แต่ใจเราเองกลับเป็นคนตอบ การถามใจเราเองนี้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : เหมือนกับควักกระเป๋าตัวเองเอาสตางค์ไปใช้ กับควักคนอื่นมาใช้ ก็น่าจะควักของคนอื่นดีกว่า

ถาม : การที่เราท่องไปที่ต่าง ๆ ถ้าใจเรา ..(ไม่ชัด).. เราสามารถไปได้อย่างปลอดภัยไหมครับ ?
ตอบ : คำว่าปลอดภัยคือภัยอะไรของคุณ ?

ถาม : เช่นไปที่ที่เราก็ไม่รู้ว่ามีสิ่งที่ไม่ดีหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่สามารถประกันความเสี่ยงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จะต้องอาศัยพุทธคุณในการช่วย อย่าลืมว่าสมัยหลวงปู่ปานท่านให้ทำน้ำมนต์ด้วย อิติปิ โสฯ แล้วก็พรมเอาไว้ก่อน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าเป็นไปได้ถึงเวลาก็เจิมหัวตัวเองก่อน ...(หัวเราะ)...

ถาม : ถ้าเราอาราธนาคุณพระเอาไว้ก่อนแล้วค่อยไปจะช่วยได้ไหมครับ ?
ตอบ : ขอพระท่านนำไปก็หมดเรื่อง ถ้าพระออกหน้าแล้วยังไม่ปลอดภัย ก็คงไม่มีที่ไหนปลอดภัยอีกแล้ว

ถาม : ลมหายใจ ๓ ฐาน ๕ ฐาน ๗ ฐาน และตลอดทั้งกอง มีแบบไหนดีกว่ากันไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีคำว่าดีหรือไม่ดีหรอก สำคัญที่ว่านึกถึงได้ไหม ? ถ้าหากว่านึกถึงได้ อารมณ์ใจทรงตัวได้ จะมีกี่ฐานก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนใหญ่ลมหายใจที่เพิ่มฐานมากนั้น ก็เพื่อเพิ่มสติให้กับเราเท่านั้น

นายกระรอก
02-05-2019, 22:16
ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : ถึงเวลาจะจำได้ว่า ถ้าตรงนี้คือใช่

ถาม : แล้วเราสามารถพุทโธไปด้วยได้ไหมคะ ?
ตอบ : สบาย..พอคล่องตัวแค่นึกก็ถึงแล้ว

ทุกวันนี้บรรดาพระเกจิฯ เขายังสงสัยว่า พระอาจารย์เล็กคุยไป เล่นไป จารของไปแล้วขลังได้อย่างไร ? ...(หัวเราะ)... ไม่กี่วันมานี้เจอหลวงปู่ชุบ วัดวังกระแจะ วันนั้นสาหัสหน่อย เพราะว่าสิบโมงเช้าพุทธาภิเษกวัดหนึ่ง บ่ายโมงพุทธาภิเษกอีกวัดหนึ่ง หลวงปู่ชุบก็ต้องให้ลูกศิษย์จับอีกเหมือนเคย ถึงเวลาต้องเอาพระลูกศิษย์ตัวใหญ่ ๆ ไปด้วย พอท่านเริ่มดิ้นลูกศิษย์ก็กดไว้ จริง ๆ ก็คือเป็นแค่อุปจารสมาธิเท่านั้น

อย่าลืมว่าความเป็นทิพย์ตรงที่จะเกิดผลคืออุปจารสมาธิ โดยเฉพาะถ้าไม่ใช่ส่วนของเมตตา ยิ่งอยู่ยงคงกระพันนี่สบายมากเลย แค่นั้นก็พอกินแล้ว ถึงเวลาอารมณ์เต้นตึงตังโครมครามขึ้นมาก็ใช้ได้แล้ว ดังนั้น..ไม่ต้องไปแปลกใจว่า หลวงปู่ท่านใช้สมาธิหน่อยเดียว ทำของขลังได้อย่างไร ? ตรงนั้นแหละคือช่วงที่ขลังเลย

ถาม : อารมณ์ไม่ได้ ..(ไม่ชัด).. ?
ตอบ : เริ่มต้นใหม่ วิ่งไปหาลมหายใจยาว ๆ สัก ๒ - ๓ ครั้งแล้วก็ทิ้ง ทำตัวเหมือนกำลังจะคุยกับใคร วางใจสบาย ๆ แค่นั้นแหละ อย่าตั้งใจมาก ถ้าตั้งใจมากจะเกินต้องการไป

ถาม : ในความเป็นจริงถ้าสมาธิเป็นอัปปนาสมาธิสูงกว่านั้นก็ได้ผลมากกว่านั้น แต่ไม่เห็นแค่นั้นเองใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร เอาให้รู้ได้ก่อน

สรุปว่าบรรดาหลวงปู่หลวงพ่อส่วนหนึ่งท่านเอาแค่นั้นแหละ ที่อาตมาฝึกสมาธิสมาบัติมาแทบตายนั่นเกินต้องการ ก็แค่ซ้อมบ่อย ๆ จำอารมณ์ได้แล้วไปให้ถึงเท่านั้นเอง

นายกระรอก
02-05-2019, 22:17
ถาม : น้าเขยเขามาเสียชีวิตที่กรุงเทพฯ ดวงวิญญาณจะกลับไปได้เองหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ผีเขาไม่โง่หรอก เขาแค่คิดก็ถึงแล้ว จะไปตายที่ไหนถ้าคิดถึงบ้านก็ไปถึงแล้ว

ถาม : ต้องอัญเชิญดวงวิญญาณกลับไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องเชิญเขาก็ไป

ถาม : เห็นบางคนว่า เจ้าที่จะไม่ให้ไป ?
ตอบ : อันนั้นเขาไม่ให้เข้า ไม่ใช่ไม่ให้ไป อย่างเช่นว่า ถ้าหากว่าจะเข้าไปในขอบเขตบ้านเรือนที่ท่านรักษา จะโดนกันไว้ ต้องรอเจ้าของบ้านเรียก

ถาม : นึกว่าผีเจ้าที่ของโรงพยาบาลจะอยากได้เป็นบริวารแล้วจับเอาไว้ ?
ตอบ : เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้น

นายกระรอก
02-05-2019, 22:19
ถาม : คำภาวนาถือเป็นกรรมฐานกองหนึ่งไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เป็น จนกว่าจะภาวนาตามกองกรรมฐานนั้น ๆ คำภาวนาคือคำภาวนา จะเป็นกองกรรมฐานหรือเปล่าอยู่ที่ว่าเราตั้งใจทำไหม ? อย่างเช่นถ้าหากคุณไปบอกว่า "ปฐวีกสิณัง ๆ" แต่คุณไปนั่งมองพระอย่างนี้จะเป็นได้ไหม ? เพราะฉะนั้น..คำภาวนายังไม่จัดเป็นกองกรรมฐาน จนกว่าคุณจะทำครบตามองค์ประกอบที่มี

เถรี
14-05-2019, 22:20
พระอาจารย์กล่าวกับพ่อแม่เด็กว่า "ใช้เด็ก ๆ บ้างก็ได้ อย่าให้เขากินเสียข้าวสุก อะไร ๆ ก็ทำด้วยตัวเอง เราจะทำให้เด็กได้อีกนานเท่าไร ? วันก่อนบรรยายในการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ถามเณรว่า ถ้าพ่อแม่ตายกะทันหันตอนนี้ เณรทำอะไรได้บ้าง ? มีใครคิดว่าเอาตัวรอดได้ไหม ? ไม่มีสักคน..!

คนเป็นพ่อเป็นแม่ส่วนใหญ่รักลูกจนเกินไป ทะนุถนอมจนเท้าแทบจะไม่ติดดิน ลืมคิดไปว่าถ้าตัวเองตายแล้วลูกจะอยู่อย่างไร ? จะทำอะไรเป็น ? กลายเป็นเด็กที่น่าสงสารที่สุด ทำมาหากินก็ไม่เป็น เอาตัวรอดก็ไม่เป็น"

เถรี
14-05-2019, 22:23
พระอาจารย์กล่าวสอนโยมที่นั่งรับใช้อยู่ข้าง "อย่านั่งอยู่เฉย ๆ กำหนดใจรู้ตามไปด้วย อะไรเกิดขึ้นจะได้รู้ สมัยก่อนนั่งอยู่ข้างหลวงพ่อฤๅษีฯ ใครถวายเงินกี่บาท กูยังรู้เลย..! ไม่จำเป็นจะต้องไปเปิดซองเขาดูหรอก เป็นโอกาสที่ซักซ้อมที่ดีที่สุด ส่วนเราดันนั่งหายใจทิ้งไปเฉย ๆ"

เถรี
14-05-2019, 22:26
พระอาจารย์กล่าวสอนศิษย์ "ตั้งใจมากเกินก็ไม่รู้อะไร ทำใจสบาย ๆ อย่าให้ รัก โลภ โกรธ หลง กินเราก็พอ ไม่ใช่เที่ยวไปดูคนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้ พอเขาทำไม่ถูกใจเราก็อารมณ์เสีย"

เถรี
14-05-2019, 22:44
ถาม : วัตถุรูปทรงพีระมิด มีพลังงานในทางพระพุทธศาสนาไหมครับ ?
ตอบ : อะไรก็มีทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน อนันต์ที่สุดก็คือวงกลม เพียงแต่เราจะเข้าถึงไหม ?

เถรี
14-05-2019, 22:46
ถาม : ผมมีพระขรรค์โสฬสปี ๒๕๕๒ ผมจะใช้หล่อเป็นชนวนได้ไหมครับ หรือไม่ควรครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ว่าเสียดายไหม ?

เถรี
14-05-2019, 22:52
พระอาจารย์กล่าวว่า "มุรธาภิเษก ก็คือการอภิเษกโดยการรดน้ำ เป็นความเชื่อถือแบบพราหมณ์ โดยเฉพาะน้ำที่เขาถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำคงคา ยมนา อจิรวดี สรภู มหิ ๕ สาย ไหลผ่านมวยพระเกศาของพระอิศวรลงมา ก็เลยกลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์

ศีลพระมีอยู่ข้อหนึ่งที่ว่า ภิกษุเข้าไปในเขตหวงห้ามที่พระเจ้าแผ่นดินอยู่กับพระมเหสี โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตก่อน โดนอาบัติปาจิตตีย์ บาลีใช้คำว่าพระเจ้าแผ่นดินที่ได้รับมุรธาภิเษกแล้ว ถ้ายังนี่แปลว่าเข้าได้ ...(หัวเราะ)..."

เถรี
14-05-2019, 22:55
"สมัยก่อนเขาใช้คำว่า อินทขีลัง คือเสาบอกเขต สมัยนี้ก็น่าจะเป็นประตูวัง ที่ทางเหนือเขามีเสาอินทขิลที่เป็นหลักเมือง นั่นแหละก็คืออินทขีลังนี่แหละ

สมัยนี้ถ้าจะดูเสาอินทขิลให้ไปดูที่โรงเจ หรือไม่ก็วัดมอญ วัดมอญจะมีเสาหงษ์ นั่นแหละเสาอินทขิล โรงเจที่มีเสามังกรพันเสานั่นก็ใช่ แสดงว่าทุกชาติทุกภาษาถ้าเขารู้จริงก็เป็นความรู้เดียวกัน เพียงแต่ว่าแปลงไปตามประเพณีของตัวเองเท่านั้น"

เถรี
14-05-2019, 23:08
"พวกเราได้เรียนวรรณคดีพระร่วงก็น่าจะจำได้ สมัยสุโขทัยเขาเอาน้ำจากทะเลชุบศรที่ลพบุรี ส่งส่วยไปที่สุโขทัย แสดงว่าตอนนั้น น้ำที่ทะเลชุบศร ลพบุรี จะต้องรสชาติดีที่สุด แต่คราวนี้่ถ้าขนใส่โอ่งดินเผาไปก็แตก ถ้าได้น้ำไม่ครบจำนวนก็ต้องขนไปจนกว่าจะครบ ทำให้เสียเวลามาก

พอนายร่วงเป็นนายกองส่งส่วยน้ำ จึงเอาไม้ไผ่มาสานชะลอม อาตมาว่าโบราณ "เว่อร์" น่าจะสานพวกกระบุงตะกร้าธรรมดา เป็นลักษณะของกะออม ไม่ใช่ชะลอมแน่นอน เพราะเขาบอกว่า "ตัดไม้สานชะลอม รูปกลมกล่อมเอาชันยา" ถ้าสานชะลอมนี่คุณยาชันไม่ได้หรอก ตาชะลอมกว้าง ลอดได้อย่างน้อย ๒ นิ้วมือ

พอมาสมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงเสวยน้ำจากแม่น้ำเพชรบุรี ก็เลยกลายเป็นว่าแต่ละพระองค์ก็จะมีน้ำที่โปรดไม่เหมือนกัน รัชกาลที่ ๕ ตรัสว่าเสวยน้ำที่ไหนก็ไม่ชื่นใจเหมือนกับแม่น้ำเพชรบุรี สมุหเทศาภิบาล เพชรบุรี โดยเฉพาะท่านเจ้าคุณสุรพันธุ์เสนีย์ต้องส่งน้ำเข้ากรุงเทพฯ ตลอด"

เถรี
14-05-2019, 23:14
"การทำน้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับพิธีบรมราชาภิเษก เราจะสังเกตว่าเป็นน้ำจืดล้วน ๆ ไม่มีน้ำทะเล ถ้าใช้น้ำทะเลต้องโน่นเลย...ร่องลึกมาเรียนา เกาะมินดาเนา ความลึกมากที่สุดในโลก ดำลงไปตักที่ก้นสะดือทะเลขึ้นมา ดูสิว่าจะไหวไหม ?

สถิติสูงสุดที่ทหารดำได้แค่ ๒๒๐ ฟุตเท่านั้น ร่องลึกมาเรียนานี่ลึกหลายกิโลเมตร ถ้าลงไปนี่คงโดนแรงดันน้ำอัดจนแบนเป็นกล้วยปิ้ง"

เถรี
14-05-2019, 23:17
"๑๐๐ ฟุต คือ ๓๐ เมตร ๒๐๐ ฟุต คือ ๖๐ เมตร ๒๒๐ ฟุต คือ ๖๖ เมตร อยู่ได้ไม่เกิน ๓ นาทีต้องรีบขึ้น เพราะว่าความลึกมากเท่าไร อากาศจะโดนอัดเหลือน้อยเท่านั้น ไม่พอหายใจ ถ้าไนโตรเจนปนเข้าไปในเลือด คราวนี้ก็ต้องรักษากันนาน ภาษาชาวบ้านเขาเรียกง่าย ๆ ว่าโรคน้ำหนีบ

สมัยก่อนญี่ปุ่นเขามีพวกสาวงมไข่มุก ดำน้ำตัวเปล่า พวกนี้พออายุมากหน่อยป่วยเป็นโรคน้ำหนีบกันหมด เพราะว่ากลั้นหายใจด้วยตัวเอง ถึงเวลาต้องรีบขึ้น ยังไม่มีความเข้าใจว่าพอถึงเวลาเราดำลึกลงไป ไนโตรเจนจะโดนดันเข้าไปอยู่ในเลือด พอรีบขึ้นมาไนโตรเจนก็จะขยายตัว เมื่อขยายตัวก็ไปพองขวางเส้นเลือด"

เถรี
14-05-2019, 23:19
"เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้าหรือโรงพยาบาลทหารเรือของเรามีเครื่องอัดความดัน เราลงไปลึกแค่ไหน พอบอกเขา เขาจะเอาเราเข้าไปอยู่ข้างในแล้วก็อัดลงไปด้วยความดันระดับลึกแค่นั้น แล้วก็ค่อย ๆ คลายออก พูดง่าย ๆ ก็คือ ต้องใช้วิธีเดิมแล้วย้อนกระบวนการ

โดยปกติแล้วนักดำน้ำทุกคนถ้าไม่เจออุบัติเหตุ หรือว่าโดนสัตว์ร้ายทำร้ายจนขาดสติ ทุกคนรู้ว่าจะต้องขึ้นช้ากว่าลมหายใจตัวเอง ก็คือเวลาเราหายใจแล้วฟองน้ำมันลอยขึ้น เราต้องตามฟองน้ำ ไม่ใช่แซง ถ้าแซงนี่มีสิทธิ์ตายได้ ขึ้นเร็วเท่าไรก็ตายง่ายเท่านั้้น

บางคนลงไปลึก ๆ แล้วก็โดนแรงกดดันทำให้ประสาทหลอน เขาเรียกว่าหลงน้ำ หาทางไม่เจอ ดำลึกลงไปเรื่อย คิดว่าตัวเองกำลังขึ้น ครูฝึกเขาสอนว่าให้เป่าลมหายใจออกมา ถ้าฟองอากาศลอยขึ้นด้านไหนจะเป็นผิวน้ำ ก็ให้ขึ้นทางด้านนั้น แต่คราวนี้คนที่กำลังประสาทหลอนจะมีสติหรือ ? มีอย่างเดียวก็ต้องให้เพื่อนช่วย

โดยปกติการดำน้ำก็มีคู่บัดดี้อยู่แล้ว ต้องการความช่วยเหลือก็เอาด้ามมีดเคาะถังอากาศ ก๊อง ๆๆ เพื่อนได้ยินก็จะหันมาดู ปรากฏว่าเราโดนฉลามงาบไปครึ่งตัวแล้ว..!"

เถรี
14-05-2019, 23:20
"ปัจจุบันนี้เรามีหลักสูตรดำน้ำที่ทางสถาบันพอเห็นว่าเราฝึกได้ชั่วโมงที่เขาระบุไว้ เขาก็จะออกบัตรอนุญาตดำน้ำให้ แล้วถ้าสั่งสมประสบการณ์จนได้ชั่วโมงตามที่เขากำหนดไว้ ก็จะออกบัตรให้เป็นครูฝึกดำน้ำ การฝึกดำน้ำบทเรียนแรกที่ทุกคนเจอคือการเป่าลูกโป่ง เล่นเอาคนใจร้อนบางคนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ผมมาฝึกดำน้ำ ให้ผมเป่าลูกโป่งทำไม ? เขาแค่เช็คความจุปอดของเราว่าบรรจุลมหายใจได้เท่าไร

ดำน้ำจืดยากกว่าดำน้ำเค็ม น้ำเค็มมีความหนาแน่นมากกว่า หลายแห่งเราต้องใส่ตะกั่วถ่วงตัวเองถึงจะยอมจม แต่น้ำจืดนี่มีแต่จะจมอย่างเดียว"

เถรี
14-05-2019, 23:23
ถาม : ให้ลูกลดความอ้วนด้วยการว่ายน้ำ ?
ตอบ : ว่ายน้ำนี่ไม่ได้ลดน้ำหนัก เหตุที่ไม่ได้ลดน้ำหนักเพราะว่าการว่ายน้ำไม่เสียแคลอรี่ เวลาร่างกายผลิตความร้อนซึ่งเป็นการผลาญแคลอรี่ น้ำจะหล่อเย็นให้ คนว่ายน้ำไปนาน ๆ นอกจากไม่ผอมแล้วยังมีชั้นไขมันพิเศษกันความเย็นขึ้นอีกชั้นหนึ่ง เราจะเห็นนักว่ายน้ำไทยแต่ละคนล่ำเป็นมวยปล้ำแทบทั้งนั้น

ว่ายน้ำได้แค่กระชับกล้ามเนื้อ ได้ความแข็งแรง แต่ไม่ได้ลดน้ำหนัก อยากลดน้ำหนักต้องเดินเร็ว ๆ เดินเร็ว ๆ ต่อเนื่องกันสัก ๓ นาที ๕ นาที แล้วก็เดินทอดน่องสัก ๓ นาที ๕ นาที แล้วก็เดินเร็ว ๆ สลับกัน ที่สำคัญที่สุดก็คือออกกำลังแล้วอย่ากินมาก ไม่อย่างนั้นออกกำลังไปเท่าไร แล้วกินคืนมาเยอะกว่าเดิม ก็ผอมไม่ลงหรอก

เถรี
18-05-2019, 16:28
พระอาจารย์กล่าวกับเด็ก "ปิดเทอมแล้วระวังอ้วนนะ คำว่า ระวังอ้วน ก็คืออย่าให้อ้วนเกินไป เอาแค่พอท้วม ๆ ท้วมก็คือประเภทอวบระยะสุดท้าย ภาษาโบราณเรียกว่า สำเลา สำเลานี่บนล่างเกือบจะเท่ากัน สำเลาประมาณตันทั้งแท่ง"

เถรี
18-05-2019, 16:29
มีคนเอาเหรียญมาถวาย "ใหม่เอี่ยมไม่ได้ใช้งาน พวกเหรียญนี่ต้องอาจารย์บ๊ะ ท่านถนัดเหรียญ ถนัดพระเครื่อง อาตมาถนัดเครื่องราง ผลัดกัน เราก็หาเหรียญให้ท่าน"

เถรี
18-05-2019, 16:35
พูดถึงเรือพระราชพิธี "ลำนี้ทำสวย หน้าตาเหมือนเอกชัยเหินหาว เอกชัยหลาวทอง

เรือพระราชพิธีเขาจะมีคู่ ๆ กัน เช่น ครุฑเหินเห็จ เรือครุฑเตร็จไตรจักร...คู่หนึ่ง เรืออสุรวายุภักษ์ เรืออสุรปักษี...คู่หนึ่ง เรือกระบี่ราญรอนราพณ์ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร...คู่หนึ่ง เรือพาลีรั้งทวีป เรือสุครีพครองเมือง...อีกคู่หนึ่ง

เรือเดี่ยวก็มี เรืออนันตนาคราช เรือสุพรรณหงส์ เรือนารายณ์ทรงสุบรรณ ร.๙ พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นเรือพระที่นั่ง เรือลำอื่นส่วนใหญ่เป็นเรือรบ เรือดั้ง เรือแซง

พวกเรือดั้ง เรือแซงมีหน้าที่ป้องกัน ระมัดระวังไม่ให้เรือข้าศึกเข้าใกล้เรือพระที่นั่ง

เรือพาลีรั้งทวีป กับ เรือสุครีพครองเมือง เป็นเรือปืน เอาไว้ยิงทำลายเรือศัตรู"

เถรี
18-05-2019, 16:37
"พาลีรั้งทวีป..........รีบแล่นตามงามเงื่อนขลัง
เรือปืนยืนยุทธ์ยัง.....ดังกระบี่พาลีหาญ

พวกเราเรียนแล้วลืมหมด อาตมาเรียนตั้งแต่ ป.๑ ยันปริญญาเอก ยังไม่ลืมสักอย่าง ไม่รู้ว่าเอาไปเก็บไว้ไหน ถึงได้บอกว่าพวกเรา "แรม" น้อยไปหน่อย ต้องไปอัพเกรดใหม่ อาตมา "แรม" มากก็จำได้เยอะ นี่ยังไม่นับขนาดฮาร์ดดิสก์นะ แค่ "แรม" อย่างเดียวเลย

คนเราจะอัพ "แรม" หรืออัพฮาร์ดดิสก์ของเราได้ก็ด้วยสมาธิ สมาธิยิ่งทรงตัวมากเท่าไร สติปัญญาจะตามมาเอง ความจำจะดีขึ้นโดยอัตโนมัติ ฉะนั้น...วิธีง่ายที่สุดก็คือใส่ไปยันสมาบัติ ๘ เลย ใส่ไปยันสมาบัติ ๘ ก็คงประมาณ "แรม" สัก ๖๔ กิ๊ก แถมขนาดฮาร์ดดิสก์สัก ๒ เทราไบท์ บรรจุข้อมูลเข้าไป"

เถรี
18-05-2019, 16:46
ถาม : สมาบัติ ๘ เป็นเนวสัญญาฯ หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : แสดงว่าไม่เคยทำเลยใช่ไหม ?

ถาม : มีความจำเหมือนไม่มีความจำ ?
ตอบ : ใครบอกเอ็ง พวกไม่เคยทำแล้วดันไปคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น สมาบัติ ๘ ทั้งหมดต้องมีพื้นฐานของฌาน ๔ ไม่อย่างนั้นจะทำไม่ได้ ในเมื่อมีพื้นฐานของฌาน ๔ ตอนฝึกเราไม่จำ ทำเหมือนไม่มีสัญญา แต่ไม่ได้หมายความว่าจำไม่ได้ ทำเหมือนไม่มีสัญญา อย่างเช่นว่าหิวก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ อย่างนี้เป็นต้น

สัญญาคือความรู้ได้หมายจำ ส่วนใหญ่เนวสัญญาฯ ก็เอาไว้หนีเวทนาในร่างกาย เจ็บไข้ได้ป่วย หนาวร้อน หิวกระหาย ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ มีเวลาแล้วค่อยว่ากัน ถ้าไม่มีเวลาไปก็ทนเอา อาศัยกำลังสมาธิทำให้ทนได้นานกว่าคนอื่น นานจนเหลือเชื่อ

เถรี
18-05-2019, 16:48
ถาม : บางทีก็เอ๋อ ๆ ลอย ๆ ?
ตอบ : เอ๋อ ๆ ลอย ๆ นั่นแสดงว่าสมาธิไม่ได้เรื่อง ถ้าสมาธิทรงตัว จิตจะแน่วนิ่งอยู่ข้างใน ไม่เอ๋อหรอก อะไรเกิดขึ้นก็รับรู้ได้หมด ถ้าหากว่าจำเป็นต้องไปเกี่ยวข้องยุ่งอะไรด้วยก็คลายสมาธิออกมา ไปยุ่งเกี่ยวกับเขา แต่ว่าบุคคลที่เขาทำถึงจริง ๆ จะคลายออกมาด้วยความระมัดระวังสุดชีวิต เห็นว่าไม่ไหวเมื่อไรก็กลับเข้าที่เดิม กูไม่ยุ่งกับมึง..!

เถรี
18-05-2019, 16:57
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยวนี้งานพุทธาภิเษกเยอะมาก ถ้าตรงกับงานของตัวเองอาตมาก็จะไม่รับ บางที่ค่อนข้างจะเป็นวัดใหญ่ เขาหาว่าอาตมาเล่นตัว ไม่ได้เล่นตัว แต่ถ้าไปแล้วไม่ทัน ไปรับปากเขาไว้ ก็เสียงานของเขา อย่างวันที่ ๒๙ นี่พุทธาภิเษก ๑๐ โมงเช้าที่วัดจันทร์หงาย บ่ายโมง ๑๙ นาทีที่วัดเขาตอง อย่างนี้ยังพอวิ่งทัน ถ้าหากว่าเวลากระชั้น ต่อให้เจ้าอาวาสวัดเขาตองที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ปบส. อาตมาก็ไม่ไปหรอก

ใครอยากได้เหรียญพญาเต่ามังกรหยกแบกพระสังกัจจายน์ก็ไปโน่นเลยนะ...วัดสี่แยกเจริญพร"

เถรี
18-05-2019, 17:02
ถาม : การที่เราพยายามทรงฌานสี่ขณะหลับ ระดับการหลับจะเป็น....?
ตอบ : แปลว่าไม่หลับ หลับแต่ตัว ใจจะตื่นอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าหากว่าเอาเครื่องมาวัด บางทีหัวใจไม่เต้น จะทำให้ชาวบ้านเขาแตกตื่นเปล่า ๆ

ถาม : ถ้าระดับการเต้นของหัวใจ อย่างระดับ ๔๐ เทียบกับระดับฌานใดได้ ?
ตอบ : ก็ปฐมฌานปลาย ๆ หรือไม่ก็ฌาน ๒ แต่ถ้าฌาน ๒ แล้ว ส่วนใหญ่แล้วจะขยับไม่ได้

เถรี
18-05-2019, 17:04
ล่าสุดพาท่านจริญญา จักรกาย วัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ขึ้นรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน คราวนี้กลับลงมาข้างล่าง เขามีพยาบาลมาประจำอยู่ แถมมีรถพยาบาลด้วย กันพวกเป็นลมเป็นแล้งจะตายขึ้นมา จะได้ส่งโรงพยาบาลทัน ก็มาให้เขาวัดให้ หัวใจเต้น ๖๖ ครั้งต่อนาที พยาบาลช็อก บอกนี่หลวงพ่อเพิ่งลงจากเขามา ? เออ...ใช่ ปกติเต้นน้อยกว่านี้อีก อย่างเก่งก็ ๕๐ นิด ๆ ...(หัวเราะ)...

เถรี
18-05-2019, 17:11
ถาม : การที่เรามีความเชื่อว่า การที่เราจะเดินผ่านทะลุสิ่งต่าง ๆ ความเชื่ออย่างเดียวกับอารมณ์สมาธิมีอยู่ ไม่ได้ทำให้เราทำได้อย่างนั้นจริง ?
ตอบ : ความเชื่อคือความเชื่อ ความจริงคือความจริง ...(หัวเราะ)... ความเชื่อก็ช่วยทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น

เถรี
18-05-2019, 17:19
ถาม : หนูจะปลูกบ้านติดกันสามหลัง ไม้กันขโมยปักหลังเดียวหรือเปล่า หรือปักรอบบ้านคะ ?
ตอบ : ปกติก็หลังเดียว แต่ถ้าเราเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ก็เอารอบไปเลย ทั้งหมดพื้นที่เท่าไร ?

ถาม : ประมาณ ๓ ไร่
ตอบ : เป็นสี่เหลี่ยมไหม ? ถ้าเป็นสี่เหลี่ยมก็ได้ ถ้าประเภทพื้นที่ยักซ้ายย้ายขวาก็ผิดตำรา

เถรี
18-05-2019, 18:00
พูดถึงเครื่องพิมพ์ "เครื่องไม่ได้เป็นอะไรเลย เพียงแต่คุณไปนั่งรอ ก็จะไม่พิมพ์ให้ เห็นความกวนของมันไหม ? พอไม่มีคนนั่งรอ ขึ้นไปปุ๊บ ก็พิมพ์ให้เลย ต้องบอกว่ามี "คน" พยายามกวนน้ำให้ขุ่นให้ได้ เคยถามเหมือนกันว่ากวนเท่าไรก็กวนไม่ได้ แล้วจะกวนไปทำไม ? เขาบอกว่าเป็นหน้าที่ เขามีหน้าที่กวนก็กวนไป เรามีหน้าที่รักษาใจก็รักษาไป"

เถรี
18-05-2019, 18:02
:cebollita_onion-09: เก็บตกเดือนเมษายน ๒๕๖๒ หมดแล้วค่ะ ขออภัยที่เดือนนี้ช้า :cebollita_onion-09:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี เผือกน้อย และนายกระรอก