เข้าระบบ

View Full Version : ปัญหาในการเจริญพระกรรมฐาน


ไกรวงศ์ลังการ
19-03-2019, 13:48
กราบนมัสการพระอาจารย์ที่เคารพ

ลูกปฏิบัติพระกรรมฐานอยู่เป็นประจำ แต่จะพบอาการหลักอยู่ ๓ ประการ ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง จึงขอบารมีพระอาจารย์เมตตาไขข้อข้องใจให้ลูกด้วยเถิดครับอาการของลูกคือ

๑. ภาวนาอยู่ภาพพระหายไป คำภาวนาหายไป สติหายไปเหมือนกับหลับ แล้วก็ฝันเป็นเรื่องเป็นราวทั้งที่นั่งตัวตรงอยู่ พอถอนออกมารู้สึกเพลียจนไม่สามารถพิจารณาต่อได้ ต้องนอนหลับ

๒. บางครั้งคำภาวนากลายเป็นเสียงพูดคุย บางครั้งเป็นเสียงฮัมเพลง แต่ไม่ได้สนใจว่าพูดอะไร พอรู้ตัวก็กลับมาเริ่มจับคำภาวนาใหม่ โดยเฉพาะพระคาถาเงินล้าน พอภาวนาไปสักพักจะเริ่มภาวนาไม่จบ กลายเป็นเสียงพูดบ้าง ร้องเพลงบ้าง จนต้องเริ่มต้นภาวนาใหม่

๓. บางครั้งรู้สึกสงบสงัดดีแล้ว ภาพพระกับคำภาวนาหายไป จะบังเกิดภาพบ่อน้ำใสสะอาด จิตเป็นสุขมาก

โดยหลักแล้วจะพบอาการนี้ วนเวียนไปจนรู้สึกว่าไม่ก้าวหน้าสักที ขอบารมีพระอาจารย์เมตตาไขข้อข้องใจ และแนะนำในการปฏิบัติให้สมาธิก้าวหน้า จนมีปัญญาเฉียบคม สามารถตัดกิเลสจนถึงพระนิพพานในชาตินี้ด้วยเถิดครับ

เถรี
29-05-2019, 20:11
ถาม : ลูกปฏิบัติพระกรรมฐานอยู่เป็นประจำ แต่จะพบอาการหลักอยู่ ๓ ประการ ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง อาการของลูกคือ
- ภาวนาอยู่ภาพพระหายไป คำภาวนาหายไป สติหายไปเหมือนกับหลับ แล้วก็ฝันเป็นเรื่องเป็นราวทั้งที่นั่งตัวตรงอยู่ พอถอนออกมารู้สึกเพลียจนไม่สามารถพิจารณาต่อได้ ต้องนอนหลับ

- บางครั้งคำภาวนาโดยเฉพาะพระคาถาเงินล้าน กลายเป็นเสียงพูดคุย บางครั้งเป็นเสียงฮัมเพลง แต่ไม่ได้สนใจว่าพูดอะไร พอรู้ตัวก็กลับมาเริ่มจับคำภาวนาใหม่

- บางครั้งรู้สึกสงบสงัดดีแล้ว ภาพพระกับคำภาวนาหายไป จะบังเกิดภาพบ่อน้ำใสสะอาด จิตเป็นสุขมาก

โดยหลักแล้วจะพบอาการนี้ วนเวียนไปจนรู้สึกว่าไม่ก้าวหน้าสักที ขอบารมีพระอาจารย์เมตตาไขข้อข้องใจด้วยเถิดครับ ?

ตอบ : ถ้าหากว่าสังเกตดูจะเห็นว่า อาการที่ลมหายใจหายไป คำภาวนาหายไปมี ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือขาดสติ เมื่อขาดสติ สมาธิลึกกว่าปกติเข้าไป สติตามไม่ทัน อาการก็ตัดเหมือนกับหลับ ในเมื่อไม่มีสติควบคุม สภาพจิตก็เสวยอารมณ์ไปตามใจชอบของตนเอง ประการที่สองก็คือมีสติ การที่จะมีสติก็คือระลึกรู้อยู่เฉพาะหน้า สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็นเท่านั้น

เพราะฉะนั้น..ก็มี ๒ วิธีด้วยกัน วิธีแรกก็คือ ถ้ารู้ว่าขาดสติก็เอาใจจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออกให้แนบแน่นกว่านี้ ถ้าเผลอเมื่อไรก็จะหลุดหายไปอีก วิธีที่สองก็คือ ถ้าหากว่ารู้ตัวยังมีสติ ก็สักแต่ว่ารับรู้ อาการอะไรเกิดขึ้นก็อย่าไปให้ความสนใจมาก แค่เป็นผู้ดูผู้รู้อยู่เฉย ๆ ก็พอ