เข้าระบบ

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๑


เถรี
04-12-2018, 08:42
ถาม : ดิฉันมีลูกน้องเข้ามาทำงานได้ประมาณ ๖ เดือน โดยมีผู้ใหญ่ในบริษัทฝากเข้ามาทำงาน เมื่อเข้ามาทำงานแล้ว ปรากฎว่ามาสายตลอด ทำงานไม่เป็นเลย สอนอะไรไปไม่เคยจำ ดิฉันทุกข์ใจมาก ตักเตือนไปหลายครั้ง ก็ไม่ดีขึ้น บางครั้งโดนดิฉันตักเตือนก็เอาแต่ร้องไห้ แจ้งไปทางหัวหน้างานก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเกรงใจผู้ใหญ่ที่ฝากมา ดิฉันทุกข์ใจมาก อยากให้พระอาจารย์เมตตาแนะนำด้วยค่ะ
ตอบ : ไล่ออกไปเลย..! อยู่ไปก็ถ่วงความเจริญของหน่วยงาน คนประเภทนี้วัดท่าขนุนไม่เคยเก็บเอาไว้ ที่ไม่เคยเก็บเอาไว้เพราะว่าอยู่ไปก็ถ่วงความเจริญของคนอื่นและหน่วยงาน

เถรี
04-12-2018, 08:44
ถาม : ผมเกรงว่าคนที่ไม่เข้าใจเขาจะปรามาสถึงครูบาอาจารย์ ว่าผมปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนหรือบ้า ถ้าปีติดีดเกินคนปกติไปไม่เลือกกาลเทศะ จะทำอย่างไรให้กลับมาปกติมนุษย์อย่างคนปกติครับ ?
ตอบ : ปล่อยให้ขึ้นให้เต็มที่ ถ้าขึ้นเต็มที่แล้วจะเลิกไปเอง ถ้าไม่เต็มที่ก็เป็นอยู่แบบนั้นทั้งชาติ

เถรี
04-12-2018, 08:48
ถาม : ได้ภาวนาคาถา “เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา” โดยพยายามให้จิตมีความเมตตามากที่สุด ภาวนาเกือบตลอดเวลา ๒ วัน รู้สึกว่ารู้กับการได้ยินดีและเร็วไวขึ้นมาก แต่ที่แปลกคือเหมือนจะเห็นภพภูมิอื่นด้วย จึงสงสัยว่าคาถานี้ช่วยส่งผลด้านนี้ด้วยหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าสภาพจิตสงบและมีพื้นฐานทิพจักขุญาณมาแต่เดิม ไม่ว่าจะภาวนาคาถาอะไรก็เห็นได้ทั้งนั้น

ถาม : วันที่ภาวนาคาถานี้ ปรากฏคนรู้จักมีอาการไม่สบาย ท้องเสียอย่างหนักเป็นไข้ หน้าซีดเซียว คือคนนี้บ้านอยู่ใกล้ มักชอบมามองสังเกตแล้วจับผิดหาเรื่องคิดเก็บไปโกรธเอง พูดว่านินทา ทั้งที่เราไม่ได้ทำอะไรให้ คาถานี้จะสะท้อนผลถึงผู้ที่ก่อการร้ายต่อผู้สวดคาถาในลักษณะใดบ้าง ?
ตอบ : หนักเบาแล้วแต่เขา เขาจะคิด จะพูด จะทำอะไรกับเรา เขาก็จะได้คืนไปมากกว่านั้น คาถานี้เป็นคาถาใจดี ใครให้อะไรมา ก็คืนกลับไปเยอะ ๆ

ถาม : ตอนนี้จึงกลับมาภาวนาพุทโธเหมือนเดิม เพราะคิดว่าการภาวนาพุทโธหรืออานาปานสติจะช่วยเน้นด้านวิปัสสนามากกว่า ตรงนี้เข้าใจถูกหรือไม่ ?
ตอบ : ผิด..วิปัสสนาเขาเอาไว้พิจารณา เขาไม่ได้เอาไว้ภาวนา

เถรี
04-12-2018, 08:54
ถาม : การรู้เห็นด้านอภิญญา จะมีทิพจักขุญาณ การเห็นเป็นภาพ บางคนจะไม่ได้ยินเสียง หูทิพย์ การได้ยิน บางคนจะไม่เห็นภาพ การรู้ รู้เรื่องราวต่าง ๆ ไม่เห็นภาพและไม่ได้ยิน แต่ความรู้เรื่องราวจะผุดขึ้นมาเอง เมื่อตรวจสอบข้อมูลก็ตรง การรู้นี้เรียกว่าเรียกอะไร ?
ตอบ : เห็นภาพเรียกว่าทิพจักขุ ได้ยินเสียงเรียกว่าทิพโสต เกิดความรู้สึกขึ้นมาแล้วเข้าใจเองโดยไม่ต้องเห็น เรียกว่าทิพจักขุญาณ

เอาให้แน่ ๆ นะ ทิพจักขุกับทิพจักขุญาณ คนละเรื่องกันนะ ทิพจักขุลักษณะเหมือนตาทิพย์คือเห็น ทิพจักขุญาณเป็นความรู้สึกเหมือนกับเห็น ชัดเจนมาก บอกได้ทุกอย่าง แต่ไม่เห็น

ถาม : อภิญญา ๓ อย่างนี้ บางท่านสามารถทำได้ครบ แต่ถ้ายังมีกิเลสอยู่ ไม่ว่ามีอภิญญาอย่างใดอย่างหนึ่งหรือครบทั้งสามอย่าง ก็โดนมารหลอกได้และผิดพลาดได้ใช่ไหม ?
ตอบ : ขนาดหมดกิเลสแล้ว มารยังพยายามหลอกเลย พวกไม่หมดกิเลสนี่เป็นลูกน้องของมารแน่ ๆ อยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลหรอก เขาหลอกเป็นประจำ

ถาม : ดังนั้น เราจึงไม่ควรให้ความสำคัญเท่ากับการแก้ไขกิเลสร้ายในใจ ใช่หรือไม่ ?
ตอบ : พิจารณาเอาเองว่าใช่หรือเปล่า เขาเรียกว่าถามแบบอวดรู้ ไม่ใช่ถามเพื่อเอาความรู้

เถรี
04-12-2018, 09:06
ถาม : เวลา ๔ นาฬิกาของวันนี้ ผมตื่นมานั่งกรรมฐานจับภาพพระภาวนาตามปกติ แต่ภาพพระกลับแปรสภาพเป็นพระพักตร์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แล้วผ่องใส ชัดเจนมากขึ้น ๆ ผมพยายามจะให้กลับมาเป็นภาพพระเหมือนเดิมตามที่หลวงพ่อสอนไว้ แต่พอเริ่มจับภาพพระใหม่วันนั้นกลับเข้าสมาธิไปถึงจุดเดิมไม่ได้อีก ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ผมควรปล่อยใจไปตามสบายหรือรีบถอยมาจับภาพพระทันทีครับ ?
ตอบ : ทำไม่รู้ไม่ชี้ ภาวนาต่อไปตามแบบที่เราทำ อย่าไปใส่ใจอยากให้มาอยากให้ไป อย่าดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากสภาวะนั้นและอย่าอยากเข้าสู่สภาวะนั้น ที่ทำต่อไม่ได้เพราะว่าอยากจะเข้าไปที่เดิม ในเมื่อเกิดความอยาก ก็กั้นความดีไว้หมด เข้าถึงไม่ได้

เถรี
04-12-2018, 09:08
ถาม : อัสสาสะ ปัสสาสะ หรือที่เรียกว่าคาบลมในทางไสยศาสตร์ การภาวนาด้วยวิธีนี้ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : กลั้นใจว่าคาถาตามที่เขากำหนด อย่างเช่นว่าช่วงหนึ่งลมหายใจกลั้นไว้ ต้องว่าให้ได้ ๑๐๘ จบ

ถาม : ถ้าเราเป็นหวัดไม่สามารถภาวนาให้ลมออกทางจมูกได้นั้น เราเปลี่ยนเป็นให้ลมออกทางปากแล้วเอาจิตจับแทนจมูก อย่างนี้เป็นการถูกต้องหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ใช้ได้ แต่คงจะคอแห้งน่าดู

เถรี
04-12-2018, 09:13
ถาม : สูตรยาขมิ้นชันเท่าหัวแม่มือ หญ้าแพรกหนึ่งกำมือ โขลกให้ละเอียด ละลายด้วยน้ำปูนใส คั้นให้ได้หนึ่งถ้วยชา กินก่อนอาหารเช้า อย่างน้อย ๓๐ นาที ถ้าเราจะกินเพื่อให้กระตุ้นโกรธฮอร์โมน โดยที่เราไม่ได้เป็นเบาหวานหรือมะเร็ง สามารถกินได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าอายุเกิน ๑๒ แล้ว กินเพื่อกระตุ้นโกรธฮอร์โมนก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าโกรธฮอร์โมนหมดอานุภาพตั้งแต่ที่ภาษาหมอเขาว่า "กระดูกปิด" แล้ว

เถรี
04-12-2018, 09:14
ถาม : ถ้าเราเป็นคนรวย และในชีวิตประจำวันของเรานั้นเราชอบที่จะกินข้าวราดแกงเป็นหลัก แต่ตอนที่เราใส่บาตรแด่พระสงฆ์นั้น เราเลือกถวายอาหารอย่างไก่ทอด กระผมอยากทราบว่าอานิสงส์ที่เราจะได้นั้นจะเป็นสามีทานหรือไม่ขอรับ ?
ตอบ : ได้ให้สามีด้วยหรือเปล่า...? ให้ของที่เหนือกว่าที่เรากินที่เราใช้ จัดเป็นสามีทานทั้งหมด แสดงว่าอดีตกาลเคยทำแต่ทาสทานมา ก็เลยกินใช้ของดี ๆ อย่างคนอื่นเขาไม่ได้ ชาติต่อไปน่าจะมีโอกาสได้กินไก่ทอดทีละตัน...!

เถรี
04-12-2018, 09:18
ถาม : เครื่องบูชาครูในการฝึกมโนมยิทธิที่มีดอกไม้ ๓ สี ธูป ๓ ดอก เทียนหนักบาท ๑ เล่ม และเงินบูชาครู ผมเป็นโรคภูมิแพ้ควัน ถ้าผมไม่จุดธูปเทียนจะได้หรือไม่ ?
ตอบ : เขาไม่ได้บังคับว่าต้องจุด ขอให้แค่มีเท่านั้น แล้วก็คงไม่มีใครเขาจุด นอกจากเอ็ง...! แสดงว่าเข้าใจผิดตั้งแต่แรกแล้ว

ถาม : แล้วการเปลี่ยนเครื่องบูชาครูนั้นใช้ธูปเทียนชุดเดิมโดยเปลี่ยนเฉพาะดอกไม้ ๓ สีกับเงินบูชาครูได้หรือไม่ หรือต้องเปลี่ยนใหม่ยกชุดทั้งธูปและเทียนด้วยทุกครั้งครับ ?
ตอบ : ควรที่จะเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด

เถรี
04-12-2018, 19:16
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีพวกเครื่องรางบางชิ้นที่กลัวว่าเราจะเอาไม่อยู่กัน เลยไม่กล้าเอามาลงเว็บ ก็คือพวกเครื่องรางที่ทำจากกะโหลกผี ทางด้านล้านนานอกจากพวกมีดแหวก ที่เขาเอาไว้สำหรับไล่โรคไล่ผีอะไรต่าง ๆ แล้ว ยังมีถ้วยฝนยาที่ทำจากกะโหลกผี เขามักจะใช้พวกเขี้ยวสัตว์ อย่างเช่น พวกเขี้ยวเสือ เขี้ยวหมูป่า ฯลฯ มาฝนกับกะโหลกนั้นเพื่อเอาไปทำยา แล้วก็ยังมีที่แกะเป็นพวกปั้นเหน่ง (หัวเข็มขัด)

อาตมามีอยู่ ๓-๔ ชิ้น แต่ว่ากลัวพวกเราจะเป็นลมตายกัน ก็เลยไม่ได้เอามา บางชิ้นแกะสวยมาก ๆ เลย ต้องยอมรับว่าช่างโบราณฝีมือเขาดี แบบเดียวกับที่เขาแกะปั้นเหน่งกะโหลกแม่นาค"

เถรี
04-12-2018, 20:56
ถาม : กงจักรในมหาปุริสลักษณะมีกี่แฉก และหมายถึงธรรมข้อใดครับ ?
ตอบ : เขาบอกว่ามีกงตั้งพัน นับไหวไหม ? ไปดูในจักกวัตติสูตรหรือไม่ก็ในมธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาพุทธวงศ์ในขุททกนิกาย รายละเอียดมีเยอะมาก อ่านเสียให้พอ

ถาม : มหาปุริสลักษณะมีเฉพาะพระโพธิสัตว์บารมีใกล้จะเต็มใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : มีเฉพาะพระโพธิสัตว์ที่เป็นอุปบารมีขึ้นไป แล้วก็เริ่มมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ จนชาติที่บรรลุมรรคผลก็จะมีครบทุกอย่าง

เถรี
04-12-2018, 21:07
ถาม : กระผมมีความสงสัยว่า วันเสาร์ แรม ๕ ค่ำ ถือเป็นวันห้ามทำการมงคล เหมือนกับวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าตำราไม่ได้ห้ามไว้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าตำราห้ามไว้ก็แปลว่าทำไม่ได้ เราก็ไปเปลี่ยนใหม่สิ วันเสาร์ใช้ ๑๕ ค่ำก็ได้ ๔ ค่ำก็ได้ ยังเป็นวันสิทธิโชค มหาสิทธิโชคอยู่

เถรี
04-12-2018, 21:09
ถาม : บ้านเช่า ๓ หลังติดกัน มีโรงจอดรถกั้นกลางระหว่างบ้านเช่าทุกหลัง แต่ไม่มีรั้วกั้นแบ่งเขตจากกัน บ้านหลังหนึ่งผู้เช่าได้ตั้งศาลพระภูมิทางทิศตะวันออกของบ้านตน แต่จะอยู่ทางตะวันตกของบ้านอีก ๒ หลัง จะมีผลเสียใด ๆ เกิดขึ้นกับผู้อาศัยในบ้านทั้งสองหลังหรือไม่ครับ ?
ตอบ : มีผลเฉพาะบ้านที่ตั้งเท่านั้น เพราะอีก ๒ บ้านไม่ได้ตั้ง ไม่ได้แสดงออกว่าเคารพหรือไม่เคารพท่าน เขาไม่นับ

เถรี
04-12-2018, 21:13
ถาม : ในการที่พระท่านได้ไปบิณฑบาต แล้วแบ่งอาหารส่วนหนึ่งมาให้กับนักเรียนและครู มารับประทานในตอนเช้าและเที่ยง ซึ่งอาหารบางส่วนเหลือไม่มีใครรับประทาน กระผมกลัวว่าถ้าปล่อยไว้จะเน่าเสียไร้ซึ่งประโยชน์ จึงได้ขอเอากลับมาบ้าน เพื่อให้สุนัขในละแวกบ้าน ได้อิ่มท้องกัน กระผมจึงอยากจะเรียนถามพระอาจารย์ว่า กรณีที่กระผมนำอาหารที่เหลือกลับมาบ้าน เพื่อให้สุนัขได้อิ่มท้อง ในใจผมคิดแต่จะเมตตากับสัตว์ หวังให้สัตว์ผู้หิวโหยได้อิ่มหนำสำราญ กระผมจะติดหนี้สงฆ์ไหมครับ ?
ตอบ : ลงนรกไปพร้อมกับหมา...! เรื่องของอาหารจากบิณฑบาต ต่อให้เขาตั้งใจถวายเฉพาะตนก็ตามให้คิดว่าเป็นของสงฆ์เสมอ ถ้าเราไม่ได้มีเจโตปริยญาณรู้ว่าเขาถวายเจาะจงเฉพาะตนแล้วไปทำอย่างนั้น พระจะพาโยมซวยไปด้วย

พระพุทธเจ้าอนุญาตให้แบ่งอาหารบิณฑบาตให้เฉพาะพ่อแม่เท่านั้น นอกนั้นต้องให้คณะสงฆ์อนุญาต แล้วการอนุญาตก็คือกินได้ ใช้ได้เฉพาะที่วัด หลุดจากวัดไปก็ซวยอีก ถ้าอยากจะเป็นเปรต ๙๑ กัปแบบญาติพระเจ้าพิมพิสารก็ลองเอากลับบ้านดู นั่นขนาดสงฆ์อนุญาตแล้วนะ

เถรี
04-12-2018, 21:16
ถาม : ผมตั้งใจไว้ว่าปีหน้าผมจะบวชพระด้วยตัวเอง และจะมีการบอกบุญญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน โดยการพิมพ์ซองแจก ผมมีความสงสัยว่าหากมีคนทำบุญมาในการบวช ผมควรจะจัดสรรปัจจัยที่คนทำบุญมาอย่างไรดีครับ จึงจะถูกต้องและเหมาะสมที่สุดครับ ?
ตอบ : ใช้เฉพาะในงานบวชเท่านั้น อย่าทะลึ่งเอาไปเลี้ยงคน เพราะเจตนาของเขาทันทีทันใดที่คิดก็คือตั้งใจบวชพระ เขาไม่ได้ตั้งใจให้ไปเลี้ยงโต๊ะ ไม่ได้ตั้งใจให้เอาเป็นค่าพิมพ์ซอง

เถรี
04-12-2018, 21:17
เมื่อครู่นี้ที่ยังกล่าวเรื่องของสงฆ์ที่กล่าวไม่หมด เหตุที่มีโทษหนักขนาดนั้น เพราะว่าบุคคลที่เขาถวายของไป ถ้าหากเห็นเราเอาไปให้คนอื่น เขาไม่ชอบใจ เขาเกิดเสื่อมศรัทธาขึ้นมา เราจะอยู่ไม่ได้ ถ้าหากว่าเขาเสื่อมศรัทธาหลาย ๆ แห่ง แม้แต่พระศาสนาก็อยู่ไม่ได้ โทษจึงหนักมาก

เพราะฉะนั้น...เป็นพระต้องระมัดระวังด้วย ไม่ใช่ทำส่งเดช คิดว่าเราเมตตา ขณะเดียวกันญาติโยมที่ไม่รู้ความก็สงเคราะห์คนอื่นด้วยความเมตตา กลายเป็นหวังดีแต่ประสงค์ร้าย เพราะเอาโทษหนักไปให้เขา

เถรี
04-12-2018, 21:19
ถาม : กรณีที่ห้องพักเป็นแบบห้องเช่าซึ่งเป็นห้องเดี่ยว ๆ แล้วเรามีการตั้งหิ้งพระในห้องนั้น รวมทั้งมีวัตถุมงคลต่าง ๆ ในห้องโดยวางไว้บนตู้เสื้อผ้าด้วย แล้วเรามีการถอดเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในห้องนั้น เช่น กิน นอน รวมถึงมีการร่วมรักกันในห้องนั้น ไม่ทราบว่ากรณีอย่างนี้จะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือไม่ครับ ถ้าปรามาสควรปรับปรุงและแก้ไขอย่างไรจึงจะถูกต้องเหมาะสมครับ ?
ตอบ : ก็ทำผ้าม่านเล็ก ๆ สักหน่อยหนึ่ง ถึงเวลาก็รูดปิดตรงหิ้งพระ เอาแบบพระพม่า

พระพม่า เวลาเจ้าอาวาสจะให้โอวาทพระลูกวัด จะรูดม่านปิดพระประธานก่อน เคยถามท่านว่าทำไมต้องเป็นอย่างนั้น ? ท่านบอกว่าการหันหลังให้พระรัตนตรัยเป็นบาป นั่นท่านตีความผิด...!

การหันหลังให้พระรัตนตรัยที่เป็นบาป หมายความว่าเปลี่ยนใจจากการนับถือพระรัตนตรัยไปนับถืออย่างอื่น แต่ท่านก็ระมัดระวังด้วยการทำม่าน ถึงเวลาก็รูดปิดก่อน ถึงจะหันหลัง นั่งอาสนะอบรมพระ เราเองถ้าหนักใจก็ทำม่านสักหน่อย เปลืองเงินเพิ่มขึ้น จะได้หายฟุ้งซ่าน...!

เถรี
04-12-2018, 22:15
พระอาจารย์กล่าวว่า "ขอให้ญาติโยมทราบว่า ตอนนี้ถ้าจะเอาอนุโมทนาบัตร พระไม่มีสิทธิ์ออกให้แล้ว เป็นหน้าที่ของกรมสรรพากร ถึงเวลาต้องการอนุโมทนาบัตรต้องโอนเงินผ่าน QR-Code ของแต่ละวัด แล้วก็ติ๊กยืนยันการขอรับอนุโมทนาบัตรไปด้วย ถึงเวลาเขาจะส่งมาให้ตามที่อยู่ซึ่งเรากรอกไว้

กฎหมายนี้มีพื้นฐานอยู่บนแนวคิดว่าพระทุกรูปเลวมาก โกงเงินทั้งนั้น..! ก็เลยต้องออกมาลักษณะอย่างนี้ แต่ดีตรงที่ว่าทำให้วัดและพระลดภาระลงไปเยอะมาก ปัจจุบันนี้อนุโมทนาบัตรแต่ละเล่มก็ไม่ใช่ราคาถูก ๆ

มีช่วงหนึ่งที่อาตมาออกอนุโมทนาบัตรมือหงิกเลย คือ ทางทองผาภูมิมีการออกบัตรคุมคนต่างด้าว ถ้าใครเคยอยู่มา ๒๐ ปี เป็นบัตรสีนี้ ใครอยู่มา ๕ ปี เป็นบัตรสีนี้ เป็นต้น วันดีคืนดีก็ออกกฎมาว่า ถ้าไม่เคยสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ไม่เคยสร้างประโยชน์ให้กับวัดวาอาราม จะไม่ออกบัตรสีอื่นให้ เขาก็วิ่งเข้าวัดกันเป็นพัน ทำบุญคนละร้อย เพื่อขออนุโมทนาบัตร ก็ดีนะที่มีคนเข้าวัด แต่ก็เขียนไม่ไหว

เราลองนึกดูว่า บุคคลต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในทองผาภูมิมีเป็นล้านคน แล้ววัดมีแค่ ๕๒ วัด จะเขียนไหวไหม ? บางท่านเงินน้อยก็ทำ ๒๐ บาท ก็ต้องเขียนให้ไป"

เถรี
04-12-2018, 22:25
"แต่ช่วงนี้ดีตรงที่ว่า ทองผาภูมิจะสงบเงียบเรียบร้อยมาก เพราะทันทีที่ได้บัตรประชาชนของทางราชการ คุณยังไม่สามารถเปลี่ยนนามสกุลเป็นไทยได้ เขากำหนดไว้ว่า ถ้าภายใน ๕ ปี ไม่เคยมีคดีหนักคดีเบาอะไร ไม่เคยขึ้นโรงขึ้นศาล หรือขึ้นสถานีตำรวจเลย ถึงจะอนุญาตให้เปลี่ยนนามสกุลเป็นไทยได้ ระยะนี้ทางด้านทองผาภูมิจึงสงบเงียบเรียบร้อย ไม่มีใครกล้าทำอะไร กลัวประเภทไปมองหน้าเขา แล้วอีกฝ่ายแจ้งความหมิ่นประมาท แค่บันทึกประจำวันเท่านั้นก็ซวยแล้ว ต้องบอกว่าเป็นนโยบายที่ดี

ถามว่าทำไมไม่ใช้กฎหมายต่างด้าว ? ประเภทอยู่อาศัย ๑๐ ปี จ่ายภาษีสม่ำเสมอจะให้สัญชาติไทย ทำไม่ได้เพราะว่าช่วงนั้นคนพม่าดิ้นรนมาไทยมากเป็นพิเศษ ถ้าอนุญาตเมื่อไรก็แห่กันมาเกินครึ่งประเทศแน่นอน ปัจจุบันนี้โยมลองไปแถวมหาชัยดูสิ ไม่ว่าจะป้ายโฆษณาตลอดจนเอทีเอ็มต้องเป็นภาษาพม่า ขณะเดียวกันสิ่งที่น่ากลัวมากก็คือ ปัจจุบันนี้เขาทั้งหลายเหล่านั้นเริ่มเป็นเจ้าของกิจการแล้ว"

เถรี
04-12-2018, 23:10
"ทองผาภูมิมีร้านค้าหลักอยู่ร้านหนึ่งที่กิจการดีมากเป็นพิเศษ คือ ร้านลัดดาวัลย์ของลุงเตือนกับเจ๊เกี๊ยว เหตุที่กิจการดีมากเป็นพิเศษ เพราะผูกขาดการขายส่งให้พ่อค้ารายย่อย ขนของเข้าไปตามแปลง แปลงในที่นี้ก็คือหมู่บ้านจัดสรรของทางการไฟฟ้า ซึ่งเขาย้ายชาวบ้านออกจากพื้นที่เขื่อน แล้วก็ไปตั้งที่อยู่แปลงละหมู่บ้าน ก็คือ แปลงหนึ่ง แปลงสอง แปลงสาม แปลงสี่ แปลงห้า แปลงหก ก็แปลว่ามีลูกค้าประจำเป็นพัน ๆ ทุกวัน ลุงเตือนกับเจ๊เกี๊ยวอายุมากขึ้น รับงานหนักขนาดนั้นไม่ไหว จึงขายกิจการ ปัจจุบันนี้คนดำเนินการต่อเป็นคนพม่า

แปลว่าอะไร ? แปลว่าคนไทยจะเริ่มสูญเสียความเป็นเจ้าของกิจการไปเรื่อย ๆ เหมือนอย่างกับสมัยก่อนที่คนจีนอพยพเข้ามา เสื่อผืนหมอนใบ ปัจจุบันนี้ก็กุมเศรษฐกิจในเมืองไทยอยู่ แค่เจริญ สิริวัฒนภักดีกับเจริญโภคภัณฑ์ก็เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็จะมีคนพม่าเป็นเถ้าแก่แล้วคนไทยไปเป็นลูกน้อง เพราะว่าสันดานคนไทยขี้เกียจ ไม่ดิ้นรน ถ้ามีกินวันนี้พอแล้ว ไม่คิดถึงอนาคตข้างหน้า เพราะเราไม่เคยลำบาก

ส่วนพม่าเขาบ้านแตกสาแหรกขาด ลูกตาย เมียตาย ผัวตาย เพราะว่าการสู้รบระหว่างชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาล หลบหนีมาเมืองไทยก็ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบอย่างเต็มที่ อันดับแรกคือเอาตัวให้รอด อันดับที่สองคือส่งไปเกื้อกูลญาติพี่น้องที่ยังอยู่ในพม่า ในเมื่อเขาขยัน ถึงเวลาก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการได้"

เถรี
05-12-2018, 21:56
"ปัจจุบันนี้คนพม่าที่อาตมารู้จักมีรถกระบะทุกคน คนไทยยังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่เลย เมื่อสามวันก่อน "มะ" กลับไปงานกฐินทางบ้าน เขาไปตั้งแต่ช่วงกฐิน แต่เพิ่งเอารูปมาอวด รถกระบะแหกโค้งตกข้างทางเละทั้งคัน..! ปรากฏว่าสามคนพ่อแม่ลูกไม่เป็นอะไร ไม่มีแม้แต่รอยแมวข่วน เขาบอกว่าพวกเขาคลานออกจากรถ เหมือนหนูออกจากรูเลย เพราะว่าตกเหวลงไป

ถามว่าแขวนวัตถุมงคลอะไร ? "ของวัดท่าขนุน" ก็แสดงว่าวัตถุมงคลของวัดท่าขนุนดี ตกเหวไม่เป็นอะไร อาตมามั่นใจอยู่อย่างว่า ถ้าตกเหววัตถุมงคลไม่เป็นอะไร ส่วนอย่างอื่นแล้วแต่ดวง...!

มะแขวนพระไว้หลายองค์ องค์ที่อาตมาเหลือบไปเห็นถนัดมากที่สุดก็คือพระนาคปรก ๒,๖๐๐ ปีพุทธชยันตี วัดท่าขนุน ไม่ต้องวิ่งไปหาพระนาคปรกหรอก น่าจะหมดไปนานแล้ว"

เถรี
05-12-2018, 21:57
พระอาจารย์กล่าวถึงแผ่นยันต์เกราะเพชร “เดี๋ยววันที่ ๗ จะเอาแบบแผ่นใหญ่ไปเข้าพิธีที่วัดสี่แยกเจริญพรหรือไม่ก็วัดไร่แตงทอง ไม่รู้ว่าเขาจัดที่ไหน เริ่มพุทธาภิเษกตอน ๔ โมงเย็น แจ้งท่านอาจารย์เทพไปแล้วว่าขอฝากเข้าพิธีด้วย

ถ้าหากว่ารอจนกระทั่งเสาร์ ๕ จะไม่ทัน ญาติโยมมีความต้องการกันมาก แบบแผ่นใหญ่น่ารักมาก อาตมาพกติดตัวอยู่ เหมือนบัตรเครดิตหรือบัตรเอทีเอ็มเลย”

เถรี
05-12-2018, 22:11
พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกทหารส่วนใหญ่เขาต้องการวัตถุมงคลประเภทยิงไม่ออก หรือยิงออกแต่ไม่เข้า หรือยิงออกแต่ไม่ถูก บังเอิญทางทหารกะเหรี่ยงเขาไปใช้แล้วได้ผล อาตมาเองก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก น่าจะเป็นพระสงเคราะห์เขานั่นแหละ พาให้อาตมาเหนื่อยเพิ่มขึ้นเยอะ"

ถาม : พวกกะเหรี่ยงคริสต์เขาพกของเราไหมครับ ?
ตอบ : พวกกะเหรี่ยงคริสต์ส่วนใหญ่เขาพกของแต่เขาไม่ให้ดู ใส่ ๆ ไว้ตามสายคาดเอว เพราะว่าเป็นคริสต์ไปแล้ว

เถรี
05-12-2018, 22:23
พระอาจารย์กล่าวว่า "หมอพิพิธพรไปทำวิจัยมาว่า การดื่มน้ำร้อนทำให้ผอม มิน่า..อาตมาถึงอ้วนยากอ้วนเย็น หลักการก็คือ คนเราพอออกกำลังกาย ร่างกายจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงระดับหนึ่งก็เริ่มผลาญแคลอรี่

การกินน้ำร้อนหมอเขาบอกว่า ถ้าจิบยาว ๆ ร่างกายเริ่มร้อนขึ้นก็จะอยู่ในสภาวะการผลาญแคลอรี่แบบหลอก ร่างกายก็รีบผลาญใหญ่เพราะนึกว่าต้องใช้พลังงาน ที่ไหนได้..แค่นั่งซดน้ำร้อนเท่านั้น

มีโยมคนหนึ่งคือคุณชนินทร ไปลองอยู่ ๑ เดือน บอกว่าลดไป ๑๐ กว่ากิโลกรัม แต่นั่นเขามีให้ลดเยอะนะ อย่างพวกเราถ้าไปลด ๑๐ กว่ากิโลกรัมแล้วจะเหลืออะไร ?"

เถรี
05-12-2018, 22:28
"โภชเนมัตตัญญุตา รู้ประมาณในการกิน หลังบ่ายสามไปแล้วไม่จำเป็น ไม่ต้องกินก็ได้ ส่วนใหญ่ที่อ้วนเพราะว่าไปกินมื้อค่ำ แถมยังนอนดึก ต้องกินมื้อดึกเพิ่มไปอีก วัดท่าขนุนสองทุ่มนี่หายเงียบเข้ากุฏิกันแล้ว อยู่ต่อไม่ได้เดี๋ยวหิว รีบนอนสงวนพลังงานเอาไว้ มีปานะให้หลังทำวัตรค่ำ ๑ แก้วต่อรูป หรือไม่ก็นมเปรี้ยวเป็นขวดเล็ก ๆ อาตมาก็ฉันไม่เป็น ได้แต่นั่งมอง

ห้ามถวายน้ำชา ห้ามถวายกาแฟ ห้ามถวายของที่เป็นเครื่องดื่มชูกำลัง พวกนี้ฉันแล้วนอนไม่หลับ มักจะไปหลับเอาตอนที่เขาตื่นขึ้นมาสวดมนต์ทำวัตรกัน อาตมาก็เลยสั่งห้ามไปเลย ไม่อย่างนั้นชอบกันนัก สงสัยว่าพระท่านทำอะไรกันนักหนา ถึงต้องฉันยาชูกำลังกันขนาดนั้น

โรงพยาบาลสงฆ์เขาส่งรายงาน มีพระรูปหนึ่งตับแข็งตาย สืบประวัติย้อนหลังไปไม่เคยแตะต้องอะไรที่เป็นแอลกอฮอล์เลย เพียงแต่ฉันยาชูกำลังวันหนึ่ง ๖-๘ ขวด"

เถรี
06-12-2018, 18:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ไปพุทธาภิเษกเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วาระ ๒๕๐ ปีกรุงธนบุรี รู้ไหมว่าเขาออกเนื้อละ ๔๙๙ องค์ แล้วพระอาจารย์เล็กออก ๑๐,๐๐๐ องค์ ลองคิดดูแล้วกันว่ายอดต่างกันแค่ไหน ? ๔๙๙ องค์ จะเหยียบกันตาย ไม่เป็นไรหรอก...อาตมาได้มา ๓๐-๔๐ องค์ เดี๋ยวเอามาลงในตู้ เขาจำหน่ายเท่าไรก็ช่าง ของเราก็ ๑๐๐-๒๐๐ บาทเหมือนเดิม

ปลุกเสกครั้งนี้สบาย กำหนดใจขึ้นไปกราบพระขออาราธนาท่านเพื่อช่วยพุทธาภิเษก ท่านชี้ไปโน่น...เจ้าของเขามี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ท่านเป็นพระแท้ไปแล้ว พระท่านก็เลยให้ท่านลงมาเสกเอง ตอนแรกอาตมาก็คิดว่าด้วยอารมณ์ระดับของท่าน ก็น่าจะมาทางประเภทมหาอุตม์ คงกระพันชาตรี ปรากฏว่ามาสักพักหนึ่งทำไมอันนี้แปลก ๆ ? มีประเภทเมตตาค้าขายอะไรตามมาด้วย ท่านบอกสมัยนี้คนหากินยาก ต้องช่วยสงเคราะห์เขาหน่อย

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชท่านไม่ได้ตั้งใจจะเป็นกษัตริย์ ไม่ได้ตั้งใจกู้แผ่นดิน เพียงแต่ตกกระไดพลอยโจน พวกเราจะเห็นว่าเมื่อพระองค์ท่านกู้แผ่นดินได้แล้ว ก็สละให้กับในหลวงรัชกาลที่ ๑ แล้วก็ไปบวช สถานที่จำพรรษาของท่านก็คือที่ถ้ำของวัดเขาขุนพนมที่นครศรีธรรมราช อาตมาตามไปดูถึงพื้นที่มาแล้ว ต้องบอกว่าท่านหาที่ได้สุดยอดมาก ลงไปใต้ดิน พอลงไปเสร็จแล้วก็มีทางเหมือนทางหมาลอดคลานเข้าไป ยาวหลายเมตรกว่าจะไปถึงโถงถ้ำใหญ่ข้างใน"

เถรี
06-12-2018, 18:20
"ที่ท่านหาทางแบบนั้นเพราะว่าถ้ามีคนทำผิดคิดร้ายอะไร เจ้าพระยาพิชัยสงครามที่ตามไปอารักขา แค่คนเดียวอุดประตูอยู่นี่ ศัตรูมาเป็นหมื่นก็เข้าไม่ได้ ถามว่าต้องระวังขนาดนั้นเลยหรือ ? เหตุที่ต้องระวังขนาดนั้นเพราะว่า ต่อให้ในหลวงรัชกาลที่ ๑ ไม่คิดร้าย ก็จะมีพวกเสือก คิดว่าถ้าทำอย่างนี้แล้วพระองค์ท่านจะพอใจ เดี๋ยวช่วยจัดการให้ เพราะฉะนั้น...ท่านก็เลยต้องระวังตัวสุดชีวิต

โดยเฉพาะท่านที่เสียสละมาก ๆ เลยคือเจ้าพระยาพิชัยสงคราม หรือเจ้าพระยาพิชัยดาบหัก เจริญกรรมฐานด้วยกันแล้วตัวลอย...ปีติเกิด ไม่ทำต่อ ถามว่าทำไม ? ท่านบอกเดี๋ยวลอยไปที่อื่นไม่มีใครอยู่ดูแลรับใช้ ท่านเสียสละมากเลย

ส่วนใหญ่แล้วต้องบอกว่าแม่ทัพนายกองขุนศึกสมัยก่อน กำลังสมาธิสมาบัติดีอยู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่แล้วก็คือพวกเล่นของ เล่นคาถาอยู่ยงคงกระพันกันมาก่อน เมื่อหันกลับมาประพฤติปฏิบัติธรรมก็ได้เร็ว อย่างพระยาพิชัยฯ ท่านกลัวว่าถ้าลอยไปเดี๋ยวไม่มีใครอยู่ถวายการรับใช้ ก็เลยเลิกปฏิบัติ ขนาดเลิกปฏิบัติแล้วเวลานั่งอยู่ยังต้องเอาเชือกล่ามติดพื้นไว้...กลัวจะลอย

คนที่เข้าถึงปีติใหม่ ๆ นี่แค่นึกก็จะเป็นแล้ว ก็เลยต้องเอาเชือกล่ามตัวเองติดไว้ ถึงเวลาก็ผูกกับก้อนหินไว้ หลวงพ่อสินถามว่าทำอะไร ? ท่านบอกว่า ถ้าไม่ผูกไว้เดี๋ยวลอยไปที่อื่น"

เถรี
06-12-2018, 18:23
"พักเดียวเท่านั้นธนบุรี ๒๕๐ ปีแล้ว พระที่นั่งสมาธิกัน ประพฤติปฏิบัติกัน กลายเป็นเครื่องมือหากิน ถามว่าทำไมถึงเรียกว่าเครื่องมือหากิน ? ก็ออกวัตถุมงคลไว้จำหน่าย เสร็จแล้วก็เอาพวกเราเป็นเครื่องมือหากิน ถึงเวลาก็นิมนต์ไปเสก

อาตมาเองนั่งอยู่ตรงกลาง ทางด้านขวามีหลวงพ่อป้อม วัดหนองม่วง ทางด้านซ้ายก็หลวงปู่ตี๋ ท้ายสุดต้องคุยกับหลวงพ่อป้อมคนเดียว หลวงปู่ตี๋ไม่ได้ยิน ถ้าต้องตะโกนก็เสียมารยาท ก็เลยตัดใจไม่คุยกับหลวงปู่ หลวงปู่ตี๋ วัดหูช้าง ก่อนหน้านั้นก็หลวงปู่กี๋ วัดหูช้าง ชื่อคล้ายกันเลย

ถามหลวงพ่อป้อมว่ากฐินเป็นอย่างไรบ้าง ? ท่านว่าปีนี้ไม่ดีเลย ได้แค่ ๙๐๐,๐๐๐ กว่าบาท อาตมาก็เออ...ถ้าระดับพระเกจิอาจารย์ดังแล้วยังได้แค่ ๙๐๐,๐๐๐ กว่าบาทก็แปลว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่ทำไมคสช.หรือรัฐบาลเขาบอกว่าดีมาก ? ใช้ตำราคนละเล่มกันหรือ ?

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชท่านน่าจะอยู่ในฐานะเทพเจ้าไปแล้ว จะเห็นว่าพระบรมราชานุสาวรีย์ที่วงเวียนใหญ่ มีคนไปบนกันเยอะแยะ เอ้า...บนไปเถอะ ก่อนหน้านั้นท่านเป็นเทวดา เป็นพรหม ขึ้นไปตามลำดับ ก็ต้องบอกว่าช่วยเขาแต่ก็ไม่ได้มาก ตอนนี้เป็นพระแล้วน่าจะช่วยได้มากขึ้น แต่ก็คงจะจำกัดเรื่องที่ช่วย เพราะว่าพอเป็นพระแล้วต้องเอากฎของกรรมเป็นใหญ่"

เถรี
06-12-2018, 18:26
"หลวงพ่อวัดท่าซุงสร้างรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไว้หลังเหรียญ เรียกว่าเหรียญกูผู้ชนะ ท่านบอกว่าพระเจ้าตากไม่เคยแพ้...ก็ใช่นะ ไม่เคยรบแพ้ใคร แต่ถามว่าเคยถอยทัพให้ใครไหม ?...เคย ตอนไปตีก๊กเจ้าพระฝาง ต้องพระแสงปืนที่พระชงฆ์ก็คือหน้าแข้ง ถามว่าหน้าแข้งซ้ายหรือขวา ? ซ้าย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าเรื่องอะไรให้ฟังท่านถามอาตมาหมด อย่างเช่นถามว่า สมเด็จพระศรีสุริโยทัยโดนฟันขาดสะพายแล่งนี่บ่าขวาหรือบ่าซ้าย ? พระยาพิชัยดาบหัก ดาบซ้ายหรือขวาหัก ?

อาตมาต้องตอบได้ก่อน ตอบไม่ได้ก็ไม่ได้ฟังต่อ พอท่านทดสอบแบบนี้บ่อย ๆ ก็เลยไม่กลัวการทดสอบ ถึงเวลาเข้าโบสถ์แต่ละที หลวงพ่อบอกว่าจะทดสอบมโนมยิทธิ ทุกคนก็ตั้งใจเข้าสมาธิก้มหน้าดูดินกันหมด ไม่มีใครกล้าสบตาท่านเลย ถามว่า "วันนี้ทดสอบดีไหมวะเล็ก ?" “ดีครับ” พวกมองตาเขียวปั๊ดเลย จำไว้ว่าอย่ากลัวครูและอย่าอายครู เราจะได้รู้ว่าผิดตรงไหน จะได้แก้ไขให้ถูก ต่อไปก็ทำได้ถูกเอง ถ้ามัวแต่กลัวครู อายครู หน้าไม่ด้านพอ ไม่เก่งหรอก

การรบกับเจ้าพระฝางต้องบอกว่าท่านเป็นพระจริง ๆ เป็นพระแล้วมีความสามารถ มีอภิญญาสมาบัติ คนเคารพกันมาก ก็เลยยกท่านขึ้นเป็นใหญ่ ตั้งตัวขึ้นมาก๊กหนึ่ง ท่านน่าจะมีพวกคาถาคัดของ ก็เลยทำให้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักรบประเภทเนื้อดี หนังดี ฟันไม่เข้า แทงไม่เข้า โดนยิงที่หน้าแข้งเป็นแผลได้ ก็เลยต้องถอยให้ก่อน หลังจากนั้นค่อยบุกไปตีใหม่แล้วก็ชนะ แต่ว่าจับตัวไม่ได้

พวกได้อภิญญานี่เดินทะลุไปไหนก็ไม่รู้ รบชนะแต่จับตัวหัวหน้าข้าศึกไม่ได้ เพราะว่าหัวหน้าข้าศึกเป็นพระแถมได้อภิญญาด้วย เป็นก๊กเดียวที่ไม่สามารถจะปราบปรามได้อย่างเด็ดขาดสิ้นเชิง"

เถรี
06-12-2018, 18:28
"อย่างสมเด็จพระศรีสุริโยทัย ต้องบอกว่าพระองค์ท่านถึงที่จริง ๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นผู้หญิง ความที่ตั้งใจจะช่วยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ก็เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไร ไสช้างพุ่งเข้าไปเลย ปรากฏว่าไปอยู่ในจุดที่เขาถนัดพอดี เอี้ยวตัวได้ก็จ้วงเต็มที่เลย ถ้าหากว่าเข้าทางด้านขวาโอกาสรอดมีสูง เพราะว่าเป็นข้างที่พระเจ้าแปรฟันไม่ถนัด ไปเข้าทางด้านซ้าย อีกฝ่ายเบี่ยงตัวนิดเดียวก็เหวี่ยงมาเต็ม ๆ ขาด ๒ ท่อนเลย

รุ่นพวกเราคงไม่ต้องสอบหรอกนะ สอบไปก็ตก...! มี ๒ อย่างก็คือเดา ไม่ดูเลยใช้วิธีเดา อาตมาไม่เดาเพราะรู้ว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านรู้จริง เดาไม่ได้ เดาเมื่อไรโดนด่าอีก

โบราณเขาบอกว่า ‘วิชาแม้เกียจคร้านการหัด เกิดสนิมจับถนัดนักตื้อ’ เพราะฉะนั้น..เรื่องของมโนมยิทธิจะศึกษาให้คล่องตัว ต้องซักซ้อมบ่อย ๆ เมื่อวานนี้ท่านอาจารย์ธรรมจักร นิลรักษา เป็นอาจารย์ผู้ประสานงานการสอบธรรมศึกษาของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา บอกว่า “หลวงพ่อครับ ผมขึ้นไปนั่งสมาธิที่พระเจดีย์วัดท่าขนุน เห็นพระฤๅษีมา ผมควรจะทำอย่างไรต่อ ?” ก็เลยบอกว่า “อาจารย์จำให้ได้ก่อนว่าเราปฏิบัติไปเพื่ออะไร ไม่อย่างนั้นจะหลงทาง”

เถรี
06-12-2018, 18:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันก่อนไปประชุมคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ก็นั่งปรารภกันว่า ที่ประชุมเขาจัดเหมือนอย่างกับจะสอบพระอุปัชฌาย์ ทางด้านรองเจ้าคณะอำเภอ พระครูกาญจนาปัญญาวุฒิ วัดเขื่อนวชิราลงกรณถามว่า “อาจารย์เล็ก..ปีนี้ส่งพระสอบคู่สวดหรือเปล่า ?” ตอบว่า “ไม่ได้ส่งครับ เพราะว่าต้อง ๗ พรรษา ถ้าหากว่าระเบียบของพระพุทธเจ้าคือ ๕ พรรษา แล้วหลังจากนั้นของเรามาขยับกันเองว่าต้อง ๖ พรรษา ปัจจุบันนี้เอา ๗ พรรษา”

ก็เลยบอกท่านว่า “รุ่นเก่า ๆ ผมส่งหมดแล้ว เหลือแต่รุ่นใหม่กำลังเข้าพรรษา ๗ กันอยู่ ก็คงต้องรอส่งปีหน้า” ท่านบอกว่า “พระอาจารย์เล็กส่งเขาอยู่แล้ว ต่อไปผมขอใช้บริการด้วยนะ” ก็ถามว่าอะไรหรือ ? “บริการคู่สวด ของอาจารย์มีคู่สวดเต็มวัด ถึงเวลาถ้าผมมีบวชจะได้โทรไปบอกเลขาฯ ว่าให้ส่งคู่สวดมาช่วยบ้าง” ก็เรียนท่านไปว่าด้วยความยินดี แล้วถามท่านว่าคิดอย่างไร ? ท่านก็ว่าอาจารย์เล็กอบรมพระเก่ง ก็บอกไปว่า“ผมก็ไม่ได้อบรมเท่าไรหรอก นอกจากด่า...!” บอกว่าอบรมพระเก่ง เพราะพระมักจะทำนั่นทำนี่ได้มากกว่าวัดอื่น"

เถรี
06-12-2018, 18:39
"เรื่องของการอบรมพระมีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ‘ทำให้ดู อยู่ให้เห็น’ ทำให้ดูอยู่ให้เห็นคือ ตัวเราต้องเป็นตัวอย่างเอง คราวนี้การที่ตัวเราต้องเป็นตัวอย่างเองจะเหนื่อยมาก ถามว่าเหนื่อยตรงไหน ? เพราะว่าบุคคลที่ถอดแบบไปมักจะไม่ได้เท่าต้นแบบ ในเมื่อไม่ได้เท่าต้นแบบ สมมติว่าเราต้องการจะให้เขาได้ ๑๐๐% เราต้องแสดงให้เขาดู อาจจะต้อง ๑๒๐% หรือ ๑๕๐% เพราะฉะนั้น..จะเหนื่อยมาก ก็คือคุณตะกายได้ไม่เท่านี้หรอก แต่จะ ๑๐๐% พอดี ก็เลยกลายเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะเหนื่อยมาก

ทางเจ้าคณะอำเภอเขามอบให้ดูแลงานธรรมศึกษาทีหนึ่ง ๓-๔ โรงเรียน ถึงเวลามีงานอะไรที่เป็นส่วนกลางก็มักจะขอให้พระทางวัดท่าขนุนไปช่วย ท่านบอกว่าพระอาจารย์เล็กโชคดีมีทีมงาน อื้อหือ...ถ้าหากบอกว่าโชคดีนี่ ก่อนจะโชคดีอาตมาก็เหนื่อยลิ้นห้อยเลย เพราะว่าหลังงานทุกครั้งเราต้องมาสรุปงาน บอกเขาว่ามีจุดบกพร่องตรงไหน ถึงเวลาก็ต้องแก้ไข จะได้มีประสบการณ์"

เถรี
06-12-2018, 18:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเปิดกระทู้คนมีเงินฯ ได้มา ๒๑ ล้านกว่าบาท ค่าก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ ๔๓ ล้าน ๒ แสนบาท ก็น่าจะเหลืออยู่อีกประมาณ ๒๐ ล้านเศษ ๆ แต่ตั้งใจว่าเปิดอีกแค่เดือนเดียว เนื่องจากว่ากฎหมายใหม่ออกแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ จะบังคับใช้ เพราะฉะนั้น..เราก็ต้องปิดกระทู้"

เถรี
06-12-2018, 18:48
พระอาจารย์เล่าว่า "ไปอบรมก่อนสอบของนักธรรมชั้นตรี อาตมาก็นั่งสองแถวไป นั่งสองแถวกลับ คนขับสองแถวก็ถามว่า "อาจารย์นั่งรถอย่างนี้จริง ๆ หรือ ?" อะไรวะ...นั่งมาตั้งเท่าไรแล้ว นี่เห็นอาตมาเท้าไม่ติดดินหรือ ? เลยบอกว่า ถ้าไม่เกรงใจว่าต้องเดินตั้งครึ่งค่อนชั่วโมงจะไม่ทันเวลานี่ก็เดินไปแล้ว

เมื่อวานนี้ไปคุมสอบที่โรงเรียนก็เดินไป แต่งวดนี้โรงเรียนเขารู้แกว เขาเอารถไปดัก กลัวพระอาจารย์จะเดินไกล ระยะทางไม่ยากสำหรับอาตมา เดินจนชิน แต่คนอื่นเขาบ่นกัน ออกไปข้างนอกแต่ละทีเดี๋ยวรถคันโน้นก็จอดรับ รถคันนี้ก็จอดรับ บอกว่าขอบคุณเป็นอันขาด ขอเดินเองบ้าง เดี๋ยวจะเป็นง่อยตาย...!"

เถรี
06-12-2018, 22:54
พระอาจารย์กล่าวว่า "พาราณสีเป็นเมืองสำคัญมาก เป็นที่เดียวที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้แล้วไม่มายุ่งด้วยเลย จะสังเกตว่าทุกวันนี้ยังเหมือนกับโบราณ เพราะว่าอยู่ริมแม่น้ำคงคา เป็นสถานที่ฮินดูฝังรากลึกมาก พระพุทธเจ้าท่านไม่อยากขุดรากเขาให้เสียเวลา ไปที่อื่นได้ประโยชน์มากกว่า

พระองค์ท่านจำพรรษาแรกที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันกรุงพาราณสี หลังจากนั้นก็แทบจะไม่ไปแตะพาราณสีเลย ไปลุยที่อื่นดีกว่า พาราณสีต้องบอกว่าเป็นรากแก้วของฮินดู มัวแต่ไปขุดรากอยู่ก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว"

เถรี
06-12-2018, 23:02
พระอาจารย์เล่าว่า "มีพระปิดตาอยู่องค์หนึ่ง เข้าไปในตลาดแล้วเห็นเขากำลังส่อง กำลังถกกันอุตลุดว่าไม่เคยเห็น อาตมาแหย่ไปแหย่มา ท้ายสุดไม่มีใครซื้อก็เลยคว้าไว้เอง ราคาไม่แพงมาก พอได้มาเสร็จสรรพแล้วค่อยเฉลยให้เจ้าของว่า นี่แกะจากกะโหลกผี..!"

ถาม : ไม่มีใครเอา ?
ตอบ : ไม่ใช่ไม่มีใครเอา พวกเขาไม่รู้ พวกเล่นของนี่ถ้าไม่รู้เขาจะไม่แตะเลย เพราะว่ากลัวของปลอม เวลามีวัตถุมงคลแปลก ๆ ก็ไปนั่งส่องกัน ถ้าสรุปไม่ได้ว่าคืออะไรเขาจะไม่เปิดราคาให้ ต้องบอกว่าเป็นสันดานเซียน อะไรที่เอาไปแล้วตัวเองไม่รู้ว่าจะออกได้หรือเปล่า เขาจะไม่แตะ อาตมาเองก็ไปมองซ้ายมองขวาอยู่พักหนึ่ง พอเขาว่างก็หยิบมาถามราคาเท่าไร ? เห็นไม่แพงก็เอามา ซื้อมาเสร็จสรรพค่อยบอกเขานี่กะโหลกผีตายโหง ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร เขาเอามาทำวัตถุมงคล

ถาม : ต้องบอกเจ้าของกะโหลกไหมคะ ?
ตอบ : มาถึงอาตมาอุทิศส่วนกุศลให้หมด ถ้าเป็นผีแบบเดิมจะช่วยเราได้หน่อยเดียว

ถาม : บางคนเขาทำเพื่อใช้งานผี ?
ตอบ : บางคนผูกเอาไว้จนไปไหนไม่ได้ กี่ปี ๆ ก็ต้องอยู่อย่างนั้น...น่าสงสาร

เถรี
06-12-2018, 23:05
ถาม : เขาเอากะโหลกตรงส่วนไหนคะ ?
ตอบ : เขาเอาตรงแค่ช่วงกลางหน้าผากนี้ ตรงนี้เป็นแหล่งพลังงาน ทางอินเดียเขาเรียกกุณฑาลินี เป็นแนวของตาที่สาม ก็เลยกลายเป็นว่าพอถึงเวลาก็เล่นเฉพาะกะโหลกตรงนั้น

มีปั้นเหน่งกะโหลกผีอยู่ ๓ อัน กำลังรอดูอยู่ว่าเมื่อไรจะมีอีก ของพวกนี้ถ้าเราไปแล้วคนเขาไม่รู้ก็ได้เปรียบเขา แต่ถ้าคนเขารู้นี่โก่งราคา ตอนก่อนนี้ยังราคาไม่แพง ไปแพงสมัยอาจารย์วิลักษณ์ ศรีป่าซาง แกทำงานวิจัย แกเจอแล้วซื้อหมด เขาเลยรู้ว่ามันขายได้ พอรู้ว่าขายได้ก็โก่งราคากันใหญ่

อาจารย์วิลักษณ์มีจนจะท่วมบ้านอยู่แล้ว เข้าไปนี่เฉพาะฟันม้าที่เขาเอาไว้ทำเป็นสายสร้อยคล้องเอวของพวกชาวเขา อาจารย์วิลักษณ์น่าจะมีเป็นร้อยเส้นแล้วกระมัง ฟันคนนี่มีแกะเป็นพระพุทธรูปด้วย แกะเป็นพระองค์จิ๋วเดียว แต่ขอโทษ...เจ้าของเขาเห็นว่าเป็นฟันบรรพบุรุษอย่างไรเขาก็ไม่ปล่อย

เถรี
06-12-2018, 23:07
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันคุมสอบวันสุดท้าย ก็คือพระจะมีสอบนักธรรมสนามหลวงก่อน คำว่าสนามหลวงก็คือสมัยก่อนในหลวงเป็นเจ้าของสนามสอบ พระองค์ท่านจะจัดสอบความรู้ของพระเณร ก็สอบกันแถวระเบียงพระบรมมหาราชวังนั่นแหละ เขาก็เลยเรียกว่าสนามหลวงมาจนทุกวันนี้

สอบชั้นโทแล้วก็สอบชั้นเอก อาตมาจริง ๆ แล้วเป็นประธานกำกับห้องสอบนักธรรมชั้นโทห้องที่ ๗ แต่ปรากฏว่าห้องที่ ๔, ๕, ๖, ๗ ฝากพระอาจารย์เล็กหมดเลย หลังจากนั้นก็มาสอบธรรมศึกษาของฆราวาส คราวนี้ธรรมศึกษาปีนี้เป็นการสอบแบบหลักสูตรใหม่ คือของเก่านี่เขามีธรรมศึกษาชั้นตรี ธรรมศึกษาชั้นโท ธรรมศึกษาชั้นเอก เรียนเกือบเท่าพระ คราวนี้ยกเว้นอย่างเดียวก็คือวิชาพระวินัย คือศีลพระ ธรรมศึกษาตรีเขาไปเรียนเบญจศีล-เบญจธรรม ธรรมศึกษาโทไปเรียนอุโบสถศีล แล้วธรรมศึกษาเอกไปเรียนกรรมบถ ๑๐

เขาเห็นว่าความรู้ชาวบ้านจะเยอะไปก็เลยเปลี่ยนใหม่ เปลี่ยนเป็นหลักสูตรธรรมศึกษาตรี-โท-เอกระดับประถม ตรี-โท-เอกระดับมัธยม ตรี-โท-เอกระดับอุดมศึกษา แล้วก็ตรี-โท-เอกสำหรับคนทั่วไป กลายเป็นซอยส่วนที่เคยเรียนไปเป็น ๔ ชั้น ก็เลยเหลือให้เรียนชั้นละนิดเดียว"

เถรี
06-12-2018, 23:11
"ปรากฏว่าปัญหาใหญ่ที่อาตมาเจอก็คือ นักเรียนขาดสอบทั้งห้อง ห้องละ ๓๐ คนไม่มาเลย บางทีห้องละ ๓๐ คน มากัน ๓-๔ คน ก็ถามเหตุผลเขาว่าทำไม ? เขาบอกว่าเรียนมาแล้ว ในเมื่อเขาเรียนของเก่ายากกว่า แล้วจะมาบังคับให้เขาสอบของใหม่ทำไม ?

ปัญหาใหญ่คือกรรมการอย่างพวกอาตมา ต้องมาขีดฆ่ารายชื่อที่ไม่ได้สอบ แล้วก็เขียนว่าหมายเลขไหนไม่ได้สอบ เขาไม่ให้เขียนว่าหมายเลขไหนสอบ ก็แปลว่าห้องนั้นถ้าขาด ๓๐ คน ก็คือเขียน ๓๐ หมายเลข ปีก่อนโน้นอาตมาเจอทีหนึ่งตอนเอา กศน. เข้ามาสอบใหม่ ๆ เพราะว่าเป็นงานของเขตพื้นที่การศึกษาของเขา ในเมื่อเป็นของเขตพื้นที่การศึกษา พวกหน่วยงานเกี่ยวกับการศึกษาทั้งหมดก็ต้องส่งมาเรียน ส่งมา ๑,๐๐๐ กว่ารายชื่อ มาสอบ ๑ คน อาตมาแค่เขียนว่าใครขาดสอบก็จะเป็นลมแล้ว เมื่อวานนี้กว่าจะเลิกก็เลยเกือบค่ำ กว่าจะตะกายมาถึงบ้านเติมบุญนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงเวลา

บางทีการจัดสอบของเขาก็ต้องบอกว่า ไม่ได้ตรงกับสิ่งที่เรากำหนดล่วงหน้าเป็นปี อย่างงานสอนกรรมฐานกับรับสังฆทาน อาตมาเองก็ต้องสละเวลาส่วนตัวให้กับส่วนรวมเขาไป โดยเฉพาะอาตมาโดนไม่เหมือนกับชาวบ้าน ก็คือโดนเป็นประธานกำกับห้องสอบธรรมะศึกษา ๓ โรงเรียน ของคนอื่นเขาจะ ๑ โรงเรียน ที่ ๓ โรงเรียนเพราะว่าวัดท่าขนุนอยู่ในเขตเทศบาล โรงเรียนทั้งหมดในเขตเทศบาลก็เป็นของวัดท่าขนุนไป

นี่ยังดีนะว่าโรงเรียนเทศบาลทองผาภูมิยังไม่ยอมนำส่งเด็กสอบ คือโรงเรียนเทศบาลทองผาภูมิค่อนข้างจะเน้นด้านการศึกษา เขาบอกว่าการที่เรียนแค่ไม่กี่วันแล้วให้เด็กสอบ เด็กเขายังไม่รู้จริง เพราะฉะนั้น..รอให้เด็กโตกว่านี้หน่อย ก็คือเขามีแค่ระดับ ป. ๖ เพราะว่าธรรมะศึกษาระดับประถมศึกษานี่ให้ประถม ๔ ประถม ๕ ประถม ๖ สอบได้ ก็คือประถม ๔ ถ้าสอบตรีได้แล้วประถม ๕ จะได้สอบโท ประถม ๖ จะได้สอบเอก เสร็จแล้วพอไปมัธยม ๑ ก็สอบตรี มัธยม ๒ สอบโท มัธยม ๓ สอบเอก ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะโดน ๔ โรงเรียน วิ่งรอกกันขาหักไปข้างหนึ่ง"

เถรี
06-12-2018, 23:14
"เมื่อวานนี้ระดมสรรพกำลังที่มีอยู่ออกไปเพื่อคุมสอบหมดเลย ก็คือพระหนึ่งรูปคุมหนึ่งห้อง เฉพาะของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ๑๖ ห้อง อนุบาลทองผาภูมิ ๑๒ ห้อง แล้วยังมีโรงเรียนจันเดย์ ยังมีโรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศที่พระวัดท่าขนุนไปเป็นเจ้าอาวาส ก็ต้องแบ่งพระให้เขาไปอีก...หมดวัดเลย ขนาดมีพระ ๔๐ กว่ารูปนะ เหลือหลวงตาแก่หนึ่งรูปกับเณรเฝ้าวัด

มีคนเขาบอกว่าเอาแม่ชีไปบ้าง ไปคุมสอบ บอกว่าไม่ได้ เกรงใจเจ้าภาพ ก็คือพระไปคุมสอบเขามีเจ้าภาพเลี้ยง บอกแม่ชีกับเณรว่าไม่ต้องไป เพราะว่าแม่ชีกับเณรต้องฉันแยกต่างหาก เขาต้องจัดอีกโต๊ะหนึ่งไปเลย ลำบากเขา พวกอาตมาเองประเภทไปกัน ๑๖ รูป ให้เขาจัดแค่ ๓ โต๊ะ ไม่อย่างนั้นเขาจะจัด ๔ โต๊ะให้ บอกว่าไม่ต้อง..เยอะไป นั่งเบียดกันหน่อยก็ได้ เขากะให้ซ้ายขวาหน้าหลัง ๔ รูปต่อหนึ่งโต๊ะ..มากไป อย่างไรก็ฉันไม่หมดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น..แบ่ง ๆ แย่ง ๆ กันหน่อยก็ดูท่าจะอร่อยมากขึ้น

งานคณะสงฆ์เยอะมากย่อมต้องการผู้เสียสละ โดยเฉพาะเรื่องของธรรมศึกษา ปัจจุบันนี้จริง ๆ แล้วกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพ เขตพื้นที่การศึกษาต้องรับผิดชอบ แต่ปรากฏว่าแทบจะทั้งหมดปัดงานมาให้คณะสงฆ์ คือพวกเรามีความชำนาญมาตั้งแต่ต้น เป็นเจ้าของงานมาตั้งแต่ต้น เขาก็เลยไม่ยอมให้พระวางมือ พระเรามีหน้าที่เข้าไปสอนแล้วก็เป็นพี่เลี้ยงดูอยู่ห่าง ๆ ให้เขาจัดกันเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่เป็นอย่างนั้น พระต้องเป็นกำลังหลักอยู่ตลอดเวลา แล้วทางด้านแม่กองธรรมสนามหลวง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนรับงบประมาณมาก็ประหยัดงบโคตร..! ถามว่าประหยัดแบบไหน ? แทบทุกอย่าง ตอนเวลาสอบอย่างของอาตมานี่ กระดาษ ปากกา ตัวเย็บกระดาษ กาว สารพัด ต้องซื้อกันเอง แล้วตัวรับงบประมาณนั่งยิ้มเฉย ถึงเวลาก็สั่งการ โน่น...สอบได้เมื่อไรค่อยคิดค่าหัวให้ ถ้าเด็กสอบตกเราก็ไม่ได้อะไรเลย"

เถรี
06-12-2018, 23:16
"อย่างของอาตมาปีนี้ถ้ารวมแล้วเด็กน่าจะไม่ได้สอบไปประมาณ ๕ ห้อง ก็คือ ๑๕๐ คน แต่ ๕ ห้องนี้แม่กองธรรมเบิกงบไปแล้ว เขาจะให้เราเฉพาะตามเด็กที่สอบได้ อย่างสมมติว่าเราส่งสอบ ๕๐๐ คน เด็กสอบได้ ๑๐๐ คน เขาจะให้มาแค่ ๑๐๐ คน แต่ตอนเบิกขอเบิก ๕๐๐ คนตามรายชื่อที่ส่งไป ก็เลยไม่รู้ว่าใครรวย

พวกเราทำงานแทบตาย พอถึงเวลาเงินออก อย่างปีที่แล้วพอถึงเวลาเงินออก อาตมาก็ถามว่าใครสอนธรรมศึกษาบ้าง แจกไปรูปละ ๓,๐๐๐ บาท บอกว่ารับให้ดี ๆ นี่งบประมาณของปี ๒๕๕๖ บางท่านยังไม่ได้บวชเลยเงินเพิ่งจะมา ที่เขาทำแบบนี้เพราะว่าจำนวนเงินพวกนี้พอรวม ๆ กันทั้งประเทศแล้วมียอดค่อนข้างสูง เขาจะเอาฝากประจำสามเดือนไว้ สามเดือนได้ดอกทีหนึ่ง เขาก็จะดึงไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ แล้วค่อยจ่าย พูดง่าย ๆ ว่าถ้าไม่ระดมกันเข้าไปด่าในเว็บไซต์ ก็ไม่มีทางที่จะได้ง่าย ๆ"

เถรี
07-12-2018, 08:44
"บ้านเราเมืองเราต้องบอกว่าสามารถคอรัปชั่นได้ทุกหัวระแหง ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีบุคคลที่ตั้งใจสร้างความเจริญให้กับประเทศชาติจริง ๆ มาปกครองเสียที แล้วอีกอย่างก็คือ อาตมาก็งงว่าแนวคิดเรื่องค่านิยมของบ้านเราคืออะไร ? จากที่ คสช. ยึดอำนาจปฏิวัติขึ้นมา มีค่านิยมหลัก ๑๒ ประการ ช่วงประมาณครึ่งเดือนที่ผ่านมาอาตมาเปิดหนังสือพิมพ์ เห็นมีแต่พาดหัวข่าวดาราเตียงหัก จะลงไปทำอะไรวะ ?

คุณเอรียา จุฑานุกาล กวาดรางวัล LPGA ทุกรางวัลจนหมด เป็นเรื่องที่ทั่วโลกเขาตื่นเต้นกัน ประเทศไทยเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่คือตัวโปรโมตประเทศ มีใครจำ “ปัก เซ รี” ได้ไหม ? เคยได้แชมป์โลก LPGA แค่ครั้งเดียว เป็นแรงบันดาลใจให้คนเกาหลีทั้งประเทศเล่นกอล์ฟ ปัจจุบันนี้นักกอล์ฟเกาหลีมีผู้หญิงติดอันดับโลกเป็นสิบ ๆ คน ของไทยเรากวาดทุกรางวัลที่มีของ LPGA ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้ มีใครรู้ข่าวบ้าง ?"

เถรี
07-12-2018, 08:49
"รู้จักโปรเมหรือเปล่า ? โปรโม โปรเม ๒ พี่น้องคือใคร ? นั่นพ่อแม่ลงทุนให้ล้วน ๆ ไม่ใช่ทางรัฐบาลสนับสนุน พูดง่าย ๆ ว่าพ่อถึงขนาดขายบ้านเพื่อให้ลูกได้เล่นกอล์ฟ แล้วเขาก็ทำได้สำเร็จจริง ๆ ปีก่อน ๆ ที่ผ่านมารางวัลพวกนี้กระจัดกระจาย อย่างรางวัลทำคะแนนเฉลี่ยแต่ละครั้งที่ลงแข่งขันได้ต่ำสุด รางวัลรวมยอดเงินรางวัลสูงสุด รางวัลติดอันดับสูงในการเล่นมากที่สุด ฯลฯ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะเฉลี่ยกันไป โดยเฉพาะเอรียานี่ปีที่แล้วลงเล่นเยอะมาก ต้องบอกว่ายิ่งเล่นมาก โอกาสที่เฉลี่ยแล้วแต้มน้อยก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อย โอกาสจะชนะมีน้อยมาก แต่เขาทำได้

จนกระทั่งต้องบอกว่าผู้มอบรางวัลเขาทำตลก เอาไม้กวาดกับที่โกยขยะให้ เอ้า...เอาไปกวาดเลย ในเมื่อคุณได้ไปทุกรางวัลก็เอาไปกวาดเลย คือเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่ว่าวงการกีฬาประเทศไหนในโลกก็แตกตื่นกันหมด แต่ประเทศไทยเราไม่รู้เรื่องเลย มีแต่ข่าวดาราเตียงหัก

หนูมิลค์ (วรรรญา) ใช่ไหม ? อีหนูหน้าตายที่ไปได้แชมป์โลกบังคับโดรนที่ประเทศจีนมา นั่นเล่นแบบผิดกฎหมาย ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เล่น แล้วนี่เพิ่งไปได้เหรียญทองกีฬาเขต ได้ระดับแชมป์โลกมาแล้ว ถ้าไม่ได้เหรียญทองกีฬาเขตก็เกินไป

เรื่องอย่างนี้แทนที่จะมาช่วยกันโปรโมต สนับสนุนเพื่อที่จะสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ กลับกลายเป็นว่าทำไปแล้วตัวเองไม่ได้ประโยชน์ พอโหนไม่ขึ้นก็ไม่รู้ว่าจะโหนไปทำไม อาตมาก็เลยสงสัยว่า ค่านิยมบ้านเราคืออะไร ? ต้องการแค่ความเด่นความดัง โดยไม่ได้ดูความดีความสามารถเลยหรือ ? ข่าวดาราเตียงหักนี่สำคัญกว่ามากเลยใช่ไหม ? ไม่รู้เหมือนกันว่าระดับผู้บริหารมันสมองโดนสุนัขรับประทานไปหมดหรืออย่างไร ?"

เถรี
07-12-2018, 08:52
"ทนเอาอีก ๒๐ ปี คสช. บอกว่าจะวางแผนยุทธศาสตร์เพื่อครองอำนาจต่อไป ๒๐ ปีใช่ไหม ? ถ้าไม่อดตายเสียก่อนนะ อีก ๒๐ ปีก็พ้นแล้ว ตอนนั้นอาตมาก็อายุแค่ ๘๐ ปีเท่านั้นเอง

ของบางอย่างรู้แล้วต้องพูด ถ้าไม่พูดสิ่งที่บิด ๆ เบี้ยว ๆ ในสังคมของเราจะพาคนลงเหวลงห้วยไปจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากว่าไม่พูด ไม่กระตุก ไม่เตือนสติ คนจะลงเหวไปมากกว่านี้ เพราะฉะนั้น..ก็มีวิธีเดียวก็คือรู้แล้วต้องพูด

โดยเฉพาะระยะหลังต้องบอกว่าอาตมาเริ่มเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ พูดแล้วคนจะฟัง โดยเฉพาะปีที่ผ่านมา พวกญาติโยมในชุมชนบอกว่า พระอาจารย์พูดเหมือนกับตาเห็นเลย แต่ละอย่างที่ให้โอวาทตอนปีใหม่เกิดขึ้นทั้งหมด อ๋อ...อาตมาเดาแม่น ถึงเวลาทางเทศบาลจัดงานร่วมกับทางวัด ก็คือทำบุญรับปีใหม่ หลังจากสวดมนต์ข้ามปีก็ไปใส่บาตรกัน อาตมามีหน้าที่ให้โอวาทปีใหม่ อะไรที่พอบอกพอกล่าวได้โดยไม่เกินกฎของกรรม ก็พยายามเตือน ๆ เอาไว้"

เถรี
07-12-2018, 09:20
พระอาจารย์กล่าวว่า "ชีวิตฆราวาสมีแต่ความเครียด ร่างกายก็ทรุดโทรมเร็ว ส่วนพระจะเครียดอยู่อย่างเดียวก็คือ ทำดีแล้วไม่ได้อย่างใจ หลายท่านไม่เข้าใจ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้แล้ว “อดทน” เป็นคำแรกของโอวาทปาฏิโมกข์

ส่วนใหญ่พระสมัยนี้ความอดทนน้อย ไปนึกถึงหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนพระท่านปฏิบัติภาวนามา ๓๐ ปี ไปจุฬามณีได้เขาแตกตื่นกันทั้งจังหวัด ๓๐ ปีเชียวนะ สมัยนี้พระบวช ๓ เดือนไม่ได้ดีก็ทำท่าจะสึกกันหมดแล้ว เอาสัก ๓ ปีก่อน ไม่ต้องถึง ๓๐ ปีหรอก ถ้าทุ่มเทจริง ๆ ๓ ปีนี่ต้องเห็นหน้าเห็นหลัง

วันก่อนโยมก็มาบ่น อยู่ ๆ ความดีก็ลดลง ฟุ้งซ่าน คิดถึงแต่เรื่องชั่ว ๆ ชวนให้กินข้าวเย็นอย่างนี้ ลูกหลานที่เคยอยู่ในโอวาทก็กวนโมโห หงุดหงิด โกรธ ถึงเวลาสอนลูกสอนหลานก็เผลอเสียงดัง เขาก็สงสัยว่าเป็นอะไร บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากมายหรอก เขาเรียกว่ากิเลสตีกลับ เพราะว่าเราไปเผลอปล่อยให้หลุดจากการภาวนา เผลอหลุดนี่อย่าไปคิดว่าจะหลุดเฉพาะตอนเราลืมตาตื่น หลุดตอนหลับก็ได้ กว่าจะรู้ตัวกิเลสก็ครอบเต็มที่แล้ว ลืมตาตื่นขึ้นมากิเลสก็เริ่มใส่เลย

พวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เป็นกันทุกคน ล้มแล้วก็ลุก ลุกแล้วก็ไปต่อ พยายามหน้าด้าน ตื๊อเข้าไว้ ทำความดีถ้าหน้าไม่ด้านพอไปไม่รอดหรอก"

เถรี
07-12-2018, 09:26
มีโยมแต่งตัวสวยมา พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "หยุดสวยบ้างนะ สวยมาก ๆ ก็เหนื่อย"

เถรี
07-12-2018, 21:07
ถาม : ถ้าเราสวดพระคาถาเงินล้าน แต่ตั้งพระหันหน้าผิดทาง จะเป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ไม่เป็นอย่างไร ก็แค่ได้เงินเยอะแต่ใช้หมด

ถาม : แม้แต่รูปพระหรือคะ ?
ตอบ : อะไรที่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกก็ทำตามไปเถอะ ท่านโดนมาเองเสียจนเข็ดแล้ว ถ้าเรายังไม่เข็ดก็ลองฝืนทำดูได้

เถรี
07-12-2018, 21:09
ถาม : เวลาเราสวดพระคาถาเงินล้าน เราขอแหวนจักรพรรดิได้ตามปกติไหมคะ ?
ตอบ : อธิษฐานเอาได้ตามปกติ ปกติแหวนจักรพรรดิช่วยในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ ความร่ำรวย มหาอำนาจ อย่าไปใช้แหวนจักรพรรดิแค่ส่วนเดียว ควรใช้ให้ครบทุกส่วน

เถรี
07-12-2018, 21:26
ถาม : หนูบูชากำไล เขาบอกว่าเขาหล่อตะกรุดเมฯ ทั้งดอก เวลาอาราธนาบารมี ไม่จำเป็นต้องพกตะกรุดเมฯ อีกดอกหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไปถามคนทำ ไม่ใช่ถามอาตมา อาตมาไม่ได้ทำกำไลนี้

เถรี
07-12-2018, 21:31
ถาม : จะให้บูชายันต์เกราะเพชรทองคำเมื่อไรครับ ?
ตอบ : รอมีอารมณ์ก่อน เพราะว่าจะตอกโค้ดให้ ไม่ต้องห่วงหรอก อย่างไรก็ไม่ถึง...! เอ๊ย...ไม่ใช่...!

ถาม : แผ่นใหญ่ละคะ ?
ตอบ : ป่านนี้ยังนับไม่เสร็จเลย บางถุงที่มาขาดไป ๘ แผ่น บางถุงเกินมา ๑ แผ่น ต้องนับใหม่เลย เพราะว่าคราวที่แล้วเห็นว่าเหรียญท้าวเวสสุวรรณมีขาดเยอะ งวดนี้ก็เลยต้องมานับใหม่ทีละถุง แล้วถุงที่ขาด ๘ แผ่นนี่โหดสุด ๆ ของเราสั่งมาก ๆ เจ้าหน้าที่จะไปเช็คทีละถุงก็ไม่ได้ เพราะเขาปิดถุงมา ก็ต้องมาแกะใหม่นับใหม่กัน โปรดเห็นใจด้วย เขาไม่ค่อยจะมีเวลา อาตมาก็ใช้งานแต่ละคนเกินกำลังทั้งนั้น ตัวเองได้แต่ชี้นิ้วสั่ง รู้สึกว่านิ้วสั้นไปหน่อยหนึ่งแล้ว..!

ถ้าพลาดไปแม้แต่แผ่นเดียวญาติโยมก็จะเสียกำลังใจ ทำไมจ่ายเงินเต็มแล้วได้ไม่ครบ ? ท้ายสุด "น้องเล็ก" ก็ต้องยอมเหนื่อยนับกันดึก ๆ ดื่น ๆ บางคืนก็เที่ยงคืนกว่ายังไม่ได้นอน ต้องไล่ให้ไปนอน ถามว่าทำไมอาตมาต้องไล่ให้ไปนอน ? เพราะว่าตัวเองตื่นมานั่งทำงานแล้ว เลขาฯ ยังนั่งนับแผ่นยันต์อยู่เลย

เถรี
07-12-2018, 21:36
โยมเอาบะหมี่มาถวาย "บะหมี่เป็นภาษาแต้จิ๋ว แปลว่าหมี่เนื้อ พูดง่าย ๆ ก็คือจะมีแต่เส้นไม่ได้ คราวนี้ต่อมาคนไทยเราก็เรียกตามไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ความหมายว่าอะไร และภาษาจีนกลางเขาว่าเหมี่ยน อาหารอะไรที่ทำด้วยแป้ง ๆ คนจีนเขาเรียกเหมี่ยนมาเสียเยอะแล้ว จะก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ เส้นหมี่ อะไรของเขาก็คือเหมี่ยนหรือหมี่เหมือนกัน

เราไปเจอก็จะงง บางทีมาเหมือนเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ตัดเป็นท่อน ๆ บางทีก็มาเหมือนเส้นลอดช่อง แล้วแต่พื้นที่เขา จริง ๆ แล้วก็คืออาหารที่ทำมาจากแป้ง"

เถรี
07-12-2018, 21:39
ถาม : มีผีหรือวิญญาณมากวนค่ะ ?
ตอบ : ให้เขารบกวนต่อไปเถอะ ทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้เขาไป บอกเขาว่าถ้าต้องการอะไรให้มาบอกตรง ๆ ถ้าทำได้จะทำให้ แล้วก็อย่ามาตาม เรากลัว ตามมาก ๆ เดี๋ยวจะด่าให้..!

เถรี
07-12-2018, 21:52
มีโยมเอาพระของหลวงปู่วิเวียรมาถวาย ๒ ลัง "เสียดายว่าพระเก่งขนาดหลวงปู่มีคนรู้จักน้อยมาก รู้จักกันเฉพาะในหมู่ศิษย์วงแคบ ๆ เท่านั้นเอง อาจจะเป็นเพราะว่าในสายธรรมยุตเขาไม่ให้ทำตัวหวือหวา น่าเสียดาย..ท่านเก่งมาก ๆ เลย"

เถรี
07-12-2018, 21:55
ถาม : เดี๋ยวนี้มีการศึกษาถึงการตัดต่อ DNA เพื่อที่จะได้ไม่ป่วยไข้ สรุปแล้วเราจะป่วยแบบอื่นหรือไม่คะ ?
ตอบ : เดี๋ยวอย่างอื่นก็จะมาแทน ไม่มีทางที่จะป้องกันได้ ไม่มาทางใดก็ต้องมาทางหนึ่ง ถ้าคุณไม่ยอมรับเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ ก็อาจจะโดนรถ ๑๘ ล้อบี้ตายทีเดียวเลย เรื่องของกฎของกรรมก็คือใครทำใครได้ ในเมื่อตัวเราทำเอาไว้ พยายามหลีกเลี่ยงด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ ทางแพทย์ศาสตร์ ฯลฯ เดี๋ยวต้องมีทางโดนจนได้

เถรี
07-12-2018, 21:58
วิทยาศาสตร์ยิ่งก้าวหน้า สังคมก็จะยิ่งเห็นแก่ตัว อาตมาสรุปอย่างนี้เลย เห็นแก่ตัวเพราะอะไร ? อย่างเช่นวิทยาศาสตร์การแพทย์ ต้องการอายุยืน ต้องการความไม่มีโรคภัย ต้องการให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ได้นึกถึงคนอื่นเลยนะ แต่นึกถึงตัวเอง เลยกลายเป็นเรื่องของการเห็นแก่ตัวมากขึ้น

โดยเฉพาะบ้านเราในปัจจุบัน เรื่องของหมอ เรื่องของยา กลายเป็นธุรกิจไปหมดเลย สมัยอาตมาเด็ก ๆ นี่บรรดาลุงหมอ ปู่หมอต่าง ๆ พอถึงเวลารักษาคนไข้ที่ไม่มีเงิน รักษาหายแล้วก็แจกค่าเดินทางให้กลับบ้านอีก ไม่มีเงินบูชาครู ไม่มีของบูชาครู ท่านจัดพานครูให้เลย ขอให้คุณทำตามวิธีเท่านั้น โรคภัยไข้เจ็บบางโรคที่ไม่น่าจะรักษาได้ ท่านก็รักษาได้

อย่างหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน ตอนที่ท่านยังเป็นข้าราชการกรมรถไฟหลวงสมัยนั้น ท่านป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่โบราณเรียกว่าฝีประคำร้อย หมอปัจจุบันหมดปัญญาจะรักษา ท่านได้ข่าวว่าหลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ รักษาได้ ท่านก็ไปขอให้ช่วยรักษา ก็ต้องไปยกพานครูตามสายวิชาการ ให้หลวงปู่เดิมรักษาให้ พอรักษาหายก็เลยลาออกจากราชการ เพราะถือว่าชีวิตนี้เก็บได้ เรื่องของชีวิตฆราวาสพอกันทีแค่นี้ ท่านก็ไปบวช ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติจนกระทั่งกลายเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีคนนับถือมากมาย

เถรี
07-12-2018, 22:38
ถาม : จิตปรามาสพระรัตนตรัยค่ะ ?
ตอบ : ก็ธรรมดา เป็นกันทุกคน ให้ขอขมาบ่อย ๆ ถ้าหากว่าเราไม่หวั่นไหวแล้วเขาก็จะเลิกไปเอง ไม่ใช่ความคิดของเรา เขาเรียกว่ากิเลสมารดลใจ

ถาม : หนูสวดขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว จิตปรามาสก็ไม่หยุดค่ะ ?
ตอบ : ก็ธรรมดาของเขา บอกแล้วว่าให้คิดว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ความคิดของเรา ถ้าเราสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ขึ้นชื่อว่าการปรามาสพระรัตนตรัยจะไม่มีสำหรับเรา แต่ในเมื่อเป็นการดลใจของกิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม เราก็เต็มใจที่จะขอขมาพระทุกครั้ง เราขอไปเรื่อย ๆ เขาจะกวนเราให้ขุ่น ถ้ากวนแล้วเราไม่หวั่นไหวเขาก็เลิกไปเอง แรก ๆ เป็นแบบนี้ทุกคน จนกว่าใจเราจะมั่นคงจริง ๆ เขาถึงเลิกกวน

ถาม : หนูจะตกอเวจีหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : อยากตกก็ไป อย่ามากเรื่อง ขอขมาก็จบแล้วยังไม่ยอมจบอีก

ถาม : คุณพ่อคุณแม่ก็ห่วงหนูค่ะ หนูขอขมาตอนกินข้าว ?
ตอบ : ก็ไปขอเวลาอื่นสิ เวลาสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งกรรมฐานค่อยขอ ไม่ใช่นึกจะขอเมื่อไรก็ขอ คนอื่นเขาจะว่าบ้า

ไป...อย่าถามมาก ถามมากเดี๋ยวลงนรกอีก ค่อย ๆ ปฏิบัติ ค่อย ๆ ขอขมาไป

เถรี
07-12-2018, 22:40
ถาม : หนูเป็นห่วงพ่อแม่ เขาจะมีกรรมปรามาสไหมคะ ?
ตอบ : แล้วจะไปกังวลอะไร พ่อแม่ตกนรกไม่ใช่เราตก หัดวางให้เป็น กองทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ เสร็จแล้วก็เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เดี๋ยวก็จบแล้ว

ถาม : คุณพ่อแม่เขาให้ขอขมาเป็นเวลาค่ะ ?
ตอบ : พอ...! ไปได้แล้ว..! จะให้ตอบอีกเดี๋ยวก็จะพาลงนรกจนได้

เถรี
07-12-2018, 22:41
ถาม : ที่บ้านทำบุญเลี้ยงพระ ลาข้าวพระพุทธเอาให้คนอื่นกินได้ไหมคะ ?
ตอบ : ที่บ้านเป็นของเรา ถ้าที่วัดเป็นของพระ ในเมื่อถวายที่บ้านของเราจะกินเท่าไรก็กินไป

เถรี
07-12-2018, 22:43
ถาม : หนูไปบวชชีติดหนี้สงฆ์ไหมคะ ?
ตอบ : บวชชีจะไปติดหนี้อีท่าไหน ? ยกเว้นว่าเราไปเอาของสงฆ์มา

เถรี
07-12-2018, 22:45
ถาม : หนูเคยทำความสะอาดพระที่บ้าน ทีนี้ทองที่ปิดหลุดมา หนูจะแก้อย่างไรคะจะไม่เป็นหนี้สงฆ์ ?
ตอบ : ปิดใหม่

ถาม : ปิดใหม่แล้วไม่ตกอีกทีหรือคะ ?
ตอบ : คิดไม่แล้วไม่เลิก ต่อให้ไม่ทำอะไรผิด ก็ตกนรกจนได้แหละ....!

ถาม : หนูควรจะทำความสะอาดอย่างไรคะ ?
ตอบ : เอาที่สบายใจ

ถาม : เป็นแบบนี้ค่ะ มีเกล็ด ๆ อยู่ ?
ตอบ : พอได้แล้ว ถ้าทำไม่ได้หรือว่าหนักใจมากก็อย่าไปยุ่ง...! ถ้ากำลังใจเฮงซวยแบบเรานี่ ต่อให้ทำเรื่องดี ๆ ก็ลงนรกจนได้แหละ...!

ถาม : แบบนี้เอาทองปิดได้ใช่ไหมคะ หนูไม่รู้ ?
ตอบ : ไปได้แล้ว พอแล้ว...!

เถรี
07-12-2018, 22:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อกลางวันมีกล้วยปิ้ง ด้วยความที่อาตมาเคยชินกับการอยู่กับสวนกล้วย ก็เลยไม่เอาน้ำจิ้มราด ปรากฏว่าฝาดอย่าบอกใครเลย เขาบอกว่ากล้วยฝาด ๆ ช่วยสมานแผลในกระเพาะได้

กล้วยปิ้งสมัยก่อนปิ้งเสร็จเขาก็แค่ทับแบน ๆ ก็เลยเป็นสำนวน ‘แบนเป็นกล้วยปิ้ง’ สมัยนี้กล้วยปิ้งมีน้ำจิ้มด้วย มีนมมีเนยมีอะไรผสมเป็นน้ำจิ้มราดหน้า โรคภัยไข้เจ็บจะถามหาอีกเยอะ

กล้วยน้ำว้าห่าม ๆ ห่ามนี่คือต้องใกล้สุกแล้วเอามาปิ้ง กล้วยของวันนี้ไม่ทันจะห่าม ยังฝาดอยู่เลย เอามาทำกล้วยปิ้งกันแล้ว ส่วนกล้วยหักมุกพวกเราแยกไม่ออกกระมัง กล้วยหักมุกก็คือที่ลูกอ้วน ๆ สั้น ๆ เปลือกหนา ๆ เขาเอาไว้เผา"

เถรี
07-12-2018, 22:54
"กล้วยไข่เอาไว้เชื่อมใส่กะทิ ถ้าหากว่ากล้วยน้ำว้าต้องหาที่ไส้เหลืองนะ แล้วค่อยเอามาบวชชี แต่กล้วยน้ำว้าบวชชีเขาให้ใส่เกลือลงไปช้อนหนึ่งต่อกล้วยน้ำว้าหนึ่งหม้อ เพราะว่ากล้วยหวาน ต้องเอาเกลือลงไปตัดรส

ส่วนกล้วยเล็บมือนางเขาให้ตากแล้วดองน้ำผึ้งกินบำรุงกำลัง เหมาะกับคนแก่ สรุปว่าอาตมาโตมากับสวนกล้วย เลยรู้จักกล้วยเยอะมาก

ยังมี "กล้าย" ที่ไม่ใช่กล้วยอีก กล้ายนี่ลูกเท่าท่อนแขนเลย ถ้าหากว่าไม่หิวจริง ๆ คนเดียวกินกล้ายลูกหนึ่งไม่หมดแน่นอน ยาวเท่าท่อนแขนอาตมาเลย เด็กกรุงเทพฯ ไปเจอที่ทองผาภูมิตื่นเต้นกันใหญ่ บอกว่ากล้วยยักษ์ ไอ้เด็กบ๊อง..! เขาเรียกกล้ายไม่ใช่กล้วย คนรุ่นเก่าบอกว่า กล้ายบ้านใครมีหวีหนึ่งเป็น ๑๐ ลูกนี่ บ้านนั้นเจริญรุ่งเรือง หลอกกันชัด ๆ..! มีใครเคยเจอบ้าง ? อย่างเก่งก็ ๕-๖ ลูก ลองไปนึกถึงกล้วยลูกเท่าท่อนแขน แล้วหวีหนึ่งเป็น ๑๐ ลูก จะแบกกันไหวไหม ?"

เถรี
08-12-2018, 09:34
ถาม : ของกินของพระที่วัด ไม่ควรเอาออกนอกวัด แล้วถ้าของกินที่บ้านเติมบุญ เอาไปให้ยามข้างนอก สมควรไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ตกนรกก็จะลงให้ได้ว่าอย่างนั้นเถอะ ของที่นี่เขาตั้งใจถวายใคร ? เมื่อถวายมาก็เป็นเฉพาะตัว เป็นปาฏิปุคคลิกทาน ไม่ใช่สังฆทาน หลังเพลแล้วใครจะกินก็กินไปสิ

เถรี
08-12-2018, 09:34
ถาม : อิติปิโสแปดทิศ ถ้าโยนหินปาไปเลยก็ได้ใช่ไหมคะ ถ้าเราจะคลุมไกล ๆ ?
ตอบ : เกรงใจชาวบ้านเขาบ้าง แค่ที่นอนจะกว้างสักแค่ไหนกัน ?

เถรี
09-12-2018, 08:19
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระอาจารย์หนุ่ม วัดบางแวก ท่านฝากขอบคุณที่ไปช่วยเสกพระเจ้าตากสินให้ หารู้ไม่ว่าอาตมานั่งดูเฉย ๆ คนเสกคือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต้องเรียกสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี แต่ว่าเรื่องที่ท่านสงเคราะห์ก็ต้องบอกว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศชาติในช่วงนี้

ในเรื่องของวัตถุมงคลอะไรต่าง ๆ สำคัญตรงความยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัย วัตถุมงคลดีแค่ไหน ถ้าเราไม่ยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัย โอกาสที่จะได้ดีตามก็ยาก"

เถรี
09-12-2018, 08:21
มีโยมเป็นหัดออกมา "คนอื่นเขาบอกว่าคนเคยเป็นแล้วจะไม่เป็นซ้ำ แต่อาตมาเป็นซ้ำ เพราะว่าพอพระครูแสงเขาเป็นแล้ว อาตมาไปเฝ้าไข้ดูแลจนติดมาอีก

ครั้งแรกที่เป็นก็ไม่รู้หรอก ขึ้นตรงเอวรอบ ๆ บริเวณที่คาดเข็มขัด ก็คิดว่าเป็นเพราะเข็มขัดกดแล้วก็เป็นแผล ก็เลยแกะเล่น อ้าว...ทำไมขึ้นไปเรื่อย ?

แต่สมัยก่อนเขาเอาเถาตดหมูตดหมามาต้มน้ำอาบ แล้วก็ใช้ยาเขียวลายน้ำ ทั้งกินทั้งทา ยุบทันตาเลย รู้สึกว่ายาโบราณจะดีกว่า"

เถรี
09-12-2018, 08:24
พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นศิลปินแต่ละท่านทุ่มเทชีวิตให้กับการวาดรูปในหลวง ร.๙ รู้สึกเลยว่าพระองค์ท่านเป็นแรงบันดาลใจของทุกสถาบัน ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะมีในหลวงอย่างนี้อีก"

เถรี
09-12-2018, 08:26
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนมกราคม ๒๕๖๒ ช่วงใกล้ ๆ วันเด็ก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จทองผาภูมิ ตอนนี้บรรดา ตชด. ขึ้นไปเตรียมการรับเสด็จล่วงหน้าแล้วเป็นเดือน ๆ โดยมาขอเสบียงจากวัดท่าขนุน ทำหนังสือมาได้ร้ายกาจมาก ขอข้าวสาร ๑๐๐ กิโลกรัม น้ำปลา ๓ ลัง ผงรสดี ๑ ลัง ฯลฯ สั่งอย่างกับสั่งห้างเลย อาตมาก็ แหม...น่าตายมาก แต่ว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าต่อให้เขาไม่รับเสด็จ ถ้าขอมาก็เต็มใจให้อยู่ดี เพราะว่าของมีล้นคลังเลย

ล่าสุดนี้ทางโรงเรียนบ้านโกรกสิงขร ของอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ขอข้าวสารสำหรับโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ก็ให้ไป ๓๐๐ กิโลกรัม แล้วก็แถมพวกนม พวกน้ำหวานไปให้เด็ก ๆ ด้วย

ส่วนใหญ่ก็จะขอกันมา แต่ว่าชุด ชป. (ป้องกันช้างป่า) ทองผาภูมิ ดันไปจุดประทัดยักษ์ไล่ช้างท่าไหนก็ไม่รู้ ระเบิดใส่ตัวเองเจ็บไปเสีย ๔ คน ประหยัดไปเยอะ...! เพราะว่า ๔ คนนี่กินเยอะนะ ไปนอนโรงพยาบาลเสีย ๔ คน ก็กินน้อยลง เสบียงที่ทางวัดเอาไปให้จะได้หมดช้าลงหน่อย...!"

เถรี
09-12-2018, 08:37
ถาม : เนยข้นคือเนยแข็งสมัยนี้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เนยแข็งนั่นแหละ เรียกภาษาเก่าจนไม่รู้จักกัน เนยใสคือน้ำมันเนย น้ำมันเนยที่ทางอินเดียเขาเรียกว่า "กี" ที่เอาไว้เติมตะเกียง หรือใช้ในพิธีบูชาไฟ ส่วนเนยข้นก็คือชีสที่เป็นก้อน ๆ

เถรี
09-12-2018, 08:55
พูดถึงกระทู้คนมีเงิน "จะลงให้เดือนธันวาคมอีกเดือนหนึ่งก็เลิกแล้ว เพราะว่ากฎหมายใหม่เขาออกมา ไม่สามารถที่จะลงเว็บได้แล้ว ใครก็ตามที่จำหน่ายสิ่งของทางอินเตอร์เน็ต ถ้าหากว่ามีเงินโอนเข้าเดือนหนึ่งแค่นี้ หรือว่าเท่านี้ครั้ง...โดนหมด เขาจะเริ่มนับวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ เราก็แค่เลิกเปิดกระทู้"

นายกระรอก
09-12-2018, 19:22
พระอาจารย์กล่าวถึงการเข้าแถวเพื่อบูชาแผ่นยันต์เกราะเพชรว่า “ได้ยินเขาบอกว่าคนไทยไม่ค่อยมีระเบียบวินัย ชอบทำอะไรตามใจตนเอง อาตมาไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ไหน ก็เลยต้องเริ่มหัดให้พวกเราเข้าแถวกันทุกเดือน..! เดี๋ยวพอชินเข้าก็จะเริ่มกลายเป็นคนมีระเบียบวินัยไปเอง”

นายกระรอก
09-12-2018, 19:26
“เด็กหน้าห้องเขาบอกว่า “หลวงพ่อ..วันนี้ไม่ต้องรีบลงไปหรอก เขาไม่สนใจหลวงพ่อกันหรอก” ..(หัวเราะ).. ก็เลยบอกไปว่า “ลงไปตามหน้าที่ เขาจะสนใจหรือไม่สนใจเราก็ต้องลงไป”

เรื่องของหน้าที่..หลวงปู่หลวงพ่อบางท่านบอกว่านั่นแหละคือธรรมะ ปฏิบัติธรรมคือปฏิบัติตามหน้าที่ แล้วท่านก็ยกตัวอย่าง พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้อย่างเช่นว่า หน้าที่ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก หน้าที่ของลูกที่มีต่อพ่อแม่ หน้าที่ของครูบาอาจารย์ที่มีต่อศิษย์ หน้าที่ของศิษย์ที่มีต่อครูบาอาจารย์ เป็นต้น จนกระทั่งครบทั้ง ๑๒ อย่าง ไปลงที่หน้าที่ของสมณชีพราหมณ์ที่มีต่อพุทธบริษัท หน้าที่ของพุทธบริษัทที่มีต่อพระรัตนตรัย”

นายกระรอก
09-12-2018, 19:27
พระอาจารย์กล่าวว่า “ต้องบอกท่านสุธรรมให้เพลา ๆ มือในการลงกระทู้คนมีเงินฯ หน่อย ไม่อย่างนั้นพระอาจารย์เดินขึ้น ๆ ลง ๆ นี่ตายเลย คือของเยอะจนไม่สามารถที่จะมาแจกตรงนี้ได้ เนื่องจากว่าไม่มีที่ให้เทเพื่อค้นหา..กองใหญ่มาก”

นายกระรอก
09-12-2018, 19:29
พระอาจารย์กล่าวว่า “ใครจะไปอเมริการู้จักแฮร์รี ทรูแมน (Harry Truman) ไหม ? เป็นอดีตประธานาธิบดีอเมริกา บอกว่าจะขอวีซ่าไป ลองบนพ่อเจ้าประคุณดูหน่อยสิ ถ้าหากว่าสำเร็จ ซื้อยาเส้นพร้อมกับกล้องยาเก่า ๆ ให้แกสักอันหนึ่ง”

นายกระรอก
09-12-2018, 19:33
พระอาจารย์กล่าวว่า “เจ้าหน้าที่จราจรแจ้งว่า พรุ่งนี้ห้ามจอดแนวถนนหน้าบ้านตลอดแนว จะมีการซ้อมขี่จักรยาน “Bike อุ่นไอรัก” ถ้าอยากจะจอดต้องขี่จักรยานมา ..(หัวเราะ).. ตำรวจแจ้งมาแล้ว งานนี้งานใหญ่ ในหลวงท่านเอาจริง

อาตมาเสียดายอยู่อย่างเดียวว่า นิสัยคนไทยทำอะไรฉาบฉวย ของทองผาภูมิมีชมรมปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ ตั้งชมรมขึ้นมามีสมาชิกหลายร้อยคน ปัจจุบันนี้มีที่ปั่นอยู่เป็นประจำอยู่ ๒ คน..!

เราจะเห็นว่าในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ท่านตั้งโครงการตั้งแต่สมัย “Bike for Mom” ปั่นจักรยานเพื่อแม่ แล้วพระองค์ท่านก็ทำต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันนี้ ต้องบอกว่าเป็นตัวอย่างที่ดีว่าการรักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังย่อมดีกว่าไปหาหมอ ถ้าสุขภาพดีก็ไม่ต้องไปหาหมอ ไม่สิ้นเปลืองทั้งเงินทอง ไม่สิ้นเปลืองทั้งเวลา ไม่เสียสุขภาพกาย ไม่เสียสุขภาพจิต พระองค์ท่านจึงเอาจริงเอาจัง เป็นตัวอย่างในการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ

แต่อาตมาสงสัยว่าคนที่ทำตามจะทำตามได้นานเท่าไร ? อย่าลืมว่าพระองค์ท่านก็พระชนมายุ ๖๐ กว่าใกล้จะ ๗๐ ชันษาแล้ว จะให้พระองค์ท่านปั่นจักรยานนำเราไปอีกนานไหม ? ต้องทำเองบ้าง ประมาณเดียวกับว่า "ความดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ให้ทำเอง" สุขภาพดีก็ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องปั่นจักรยานเอง”

นายกระรอก
09-12-2018, 19:37
พระอาจารย์กล่าวว่า “ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๓ - ๒๕๒๕ ช่วงนั้นพี่สาวใหญ่ที่เมืองจีนบอกว่าขอเงินซื้อจักรยาน เพราะว่าช่วงนั้นคนจีนปั่นจักรยานกันทั้งบ้านทั้งเมือง เป็นประเทศที่มีจักรยานมากที่สุดในโลก ปัจจุบันนี้พอก้าวเข้าสู่ทุนนิยม จักรยานเริ่มหายหมด เหลือแต่รถยนต์ กลายเป็นมลพิษเดือดร้อนกันไปหมด

เรื่องของเรื่องก็เพราะว่าเปลี่ยนจากพลังงานสะอาดและสร้างสุขภาพ ไปใช้พลังงานจากถ่านหินคือน้ำมัน โตโยต้าผลิตรถยนต์รุ่นวีออสได้ปีละ ๓๐๐ คันต่อโรงงาน คนจีนจองปีละ ๔๐๐,๐๐๐ คัน..! แล้วจะผลิตทันเขาไหม ?”

นายกระรอก
09-12-2018, 19:39
มีผู้สูงอายุมาทำบุญ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “อาตมาก็เริ่มช้าลงเรื่อย ๆ แล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็ช้าระดับนี้แหละ พออายุ ๖๐ ก็รู้สึกว่าชำรุดไปครึ่งหนึ่งแล้ว ที่เหลือก็คือประคับประคองอย่างไรจะให้อยู่แบบคนแข็งแรงหน่อยเท่านั้น

แม้ว่าจิตใจจะเข้มแข็งแค่ไหนก็ตาม แต่ร่างกายเสื่อมทราม ก็เหมือนกับเครื่องยนต์แข็งแกร่ง แต่ตัวถังไปไม่รอด..ก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี เครื่องยนต์ที่แข็งแกร่งก็ต้องอยู่กับตัวถังที่แข็งแกร่งด้วย”

นายกระรอก
10-12-2018, 19:45
พระอาจารย์กล่าวว่า “เตือนโยมเป็นเดือนที่สองว่าตุนน้ำเอาไว้บ้างนะ อย่าไปเห็นว่าฝนดีจนน้ำท่วม

อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า รุ่นของอาตมาสมัยเรียนมัธยม เข้ากรุงเทพฯ มา จะหุงข้าวต้องรองน้ำตั้งแต่ตีสอง ไปพอหุงข้าวเอาตอนประมาณตีสี่ ถ้าจะซักผ้าก็โน่นเลย..รองน้ำตั้งแต่หัวค่ำ ไปซักเอารุ่งเช้า พวกเรายังไม่เคยเจอสภาพกรุงเทพฯ ที่โหดร้ายขนาดนั้น

หาถังประมาณ ๕๐ ลิตร ๒๐ ลิตร บรรจุน้ำทิ้ง ๆ ไว้บ้างสัก ๒-๓ ใบ ถึงเวลาเขาขาดน้ำเรายังพอมีใช้ อยู่ได้อีกหน่อยหนึ่ง ถ้าประหยัด ๆ อย่างอาตมาก็ได้เป็นเดือน แต่ไม่ต้องประหยัดขนาดตอนอาตมาเป็นทหารนะ เคยเห็นกระติกน้ำทหารไหม ? ใบประมาณลิตรหนึ่งและมีฝาอยู่หน่อยหนึ่ง ถึงเวลาก็เทน้ำใส่ฝา เอานิ้วชี้จุ่ม เช็ดหัวตาซ้ายที เช็ดหัวตาขวาที ที่เหลือก็ใส่ปากอม ขยุก ๆ แล้วกลืนเลย ถ้าประหยัดขนาดนั้นก็อยู่ได้อีกเป็นปีเลย แต่ไม่รู้ว่าหลังจากที่ผ่านพ้นไปแล้วเกล็ดจะขึ้นตัวไหม ? ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก
10-12-2018, 19:45
“ถึงเวลาทหารออกฝึกภาค ๑๕ วัน เขาไม่ให้อาบน้ำเลย อาตมาก็สงสัยว่าถ้าทำอย่างนั้นในสภาพความเป็นจริงก็หนีข้าศึกไม่ได้หรอก เพราะว่าเวลาเดินผ่านเหมือนกับเดินผ่านตลาดแถวมหาชัย กลิ่นปลาเค็มชัด ๆ..! ส่วนอาตมาอาบน้ำทุกคืน ถามว่าทำไมถึงอาบได้ ? เพราะว่าอาตมาจะตื่นมาเจริญกรรมฐานตอนตีสาม เวรยามกำลังง่วงสุดขีด และอาตมาจะเลือกลงน้ำตรงที่เป็นแก่ง น้ำไหลแรง ๆ เสียงจะดังกลบหมด ถอดเสื้อผ้าได้ก็เลื้อยลงไป โผล่จมูกให้พ้นน้ำเท่านั้นแหละ คราวนี้ก็ถูไปสิ ขึ้นมาได้ก็รีบใส่เสื้อผ้าแล้วย่องกลับที่

อาตมาอาบน้ำทุกวันแต่ว่าผ้าไม่ได้เปลี่ยน ท้ายสุดก็โดนเหงื่อกัดเป็นแผล คือพอเหงื่อแห้งแล้วเป็นเม็ดเกลือ ถึงเวลาวิ่งไปวิ่งมา เป้หลังสีหลังถลอกเลย ใครอยากลองชีวิตทหารโหด ๆ แบบนี้บ้างก็ไปเรียนซะ รับประกันว่าออกมาแล้วจะแกร่ง”

นายกระรอก
10-12-2018, 19:48
พระอาจารย์กล่าวว่า “คนอินเดียต้องบอกว่างามพร้อม งามพร้อมตรงไหน ? มีใบหน้าแบบเอเชีย มีโครงร่างแบบยุโรป นั่นแหละคือเผ่าอารยัน ส่วนตัวเล็ก ๆ ดำ ๆ นั่นก็คือมิลักขะ หรือว่าดราวิเดียน”

นายกระรอก
10-12-2018, 19:51
พระอาจารย์กล่าวว่า “คนที่แกะหรือปั้นพระทำอย่างไรก็ทิ้งเค้าหน้าตัวเองไม่ได้ เพราะว่าที่สวยที่สุดก็คือตัวเอง เป็นความหลงตัวเองอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น..ทำออกมาหน้าตาก็จะเหมือนคนทำนั่นแหละ คือที่สวยและเป็นที่พอใจที่สุดก็จะเหมือนกับหน้าเขา

มีหลายท่านอย่างช่างประเสริฐ แก้วมณี ที่วัดท่าซุง ใหม่ ๆ ปั้นรูปพระไว้ที่ศาลาหลวงพ่อ ๔ พระองค์ นั่นแหละ..หน้าตัวเองเลย จนตอนหลังหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ให้จุดธูปนึกถึงพระ ขอให้พระท่านช่วย ถึงได้เปลี่ยนฝีมือตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นออกมากี่องค์หน้าตาเหมือนตัวเองหมด

แล้วก็ท่านอาจารย์สุชาติ..ท่านใช้คำว่า ‘ฝืนมือ’ ตัวเองได้ โดยทั่ว ๆ ไปเขาฝืนกันไม่ได้หรอก”

นายกระรอก
10-12-2018, 19:57
พระอาจารย์กล่าวถึงผู้พิการทางสายตาที่มาทำบุญว่า “นี่คือตัวอย่างของความสามัคคีที่ว่า รวมกันเราอยู่ ถ้าแยกหมู่ก็ไปไม่เป็น ..(หัวเราะ).. ต้องค่อย ๆ เคาะไป

ต้องบอกด้วยความชื่นชมว่า พวกเราที่อาการครบ ๓๒ บางทีกำลังใจในการสู้ชีวิตไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเขา ฉะนั้น..ดูตัวอย่าง ถ้ารู้สึกว่าตัวเองลำบาก รู้สึกว่าตัวเองทุกข์ ให้นึกถึงคนที่ลำบากกว่า ทุกข์กว่า ถึงเวลาจะได้รู้ว่าทุกข์ของเรานั้นแค่นิดเดียว”

นายกระรอก
10-12-2018, 19:58
“แบบที่อาตมาเตือนพระที่วัดท่าขนุนบ่อย ๆ ว่าอย่าเลือกกิน มีอะไรฉันไปแค่นั้น ถ้าหากว่าเลือกกินคุณลองไปค้นคำว่า ‘เอธิโอเปีย’ ดูสิ..หาข้อมูลดูบ้าง ที่นั่นเขาประเภทอดตาย..อดตายแบบไหน ? อดตายแบบที่นกแร้งมายืนรอ บางทีเขาบอกว่าเป็นเปรตเดินดิน อดจนมีแต่หนังหุ้มกระดูก เหลือพุงป่อง ๆ นิดเดียวเพราะว่าข้างในเป็นอวัยวะภายใน

และเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก เพราะว่าลูกมากกันทุกครอบครัว ทั้ง ๆ ที่ถึงขนาดอดตาย นี่เป็นธรรมชาติ ถามว่าเป็นธรรมชาติตรงไหน ? ยิ่งลำบากเท่าไรพลังชีวิตก็ยิ่งเข้มแข็งเท่านั้น ในเมื่อพลังชีวิตเข้มแข็ง มีเพศสัมพันธ์เมื่อไรก็ติดลูกเมื่อนั้น ดังนั้น..บางคนจะสงสัยว่าทำไมคนรวยไม่ค่อยมีลูก ส่วนคนจนมีหัวปีท้ายปี ก็เพราะความลำบากนี้แหละ เพราะฉะนั้น..พวกเราถ้าไม่อยากมีลูกต้องทำตัวให้รวยเข้าไว้ พอสบายแล้วพลังชีวิตจะลดน้อยลง คราวนี้ก็ไม่ค่อยจะเหลืออะไร

แบบเดียวกับเราเอาหินหรือไม้หนัก ๆ ไปทับหญ้าไว้ ผ่านไปสัก ๑๐ วัน ครึ่งเดือน เปิดขึ้นมาซีดขาวไปเลย ถ้าทับต่อไปก็อาจจะถึงตาย ลองเปิดทิ้งไว้สิ..ครึ่งวันเท่านั้นแหละเขียวเชียว แถมยังงอกงามกว่าเดิมอีก ก็เป็นลักษณะเดียวกับกิเลสของเรา นักปฏิบัติที่ยังตัดกิเลสไม่ได้ ได้แต่กดกิเลสไว้ด้วยอำนาจของฌานสมาบัติ พอถึงเวลาฌานหลุด สมาธิตก จิตตก ก็เรียบร้อย..โดนกิเลสตีหงายท้องทุกราย เพราะว่ากิเลสงอกงามกว่าปกติ เนื่องจากว่าเก็บกดมานาน”

นายกระรอก
11-12-2018, 19:35
พระอาจารย์กล่าวว่า “คุณวิฑูรย์ วันทนาศิริ ถวายเหรียญจิ๊กโก๋มา เคยได้ยินกันไหม ? เหรียญหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เป็นเหรียญกลม ๆ

สมัยก่อนพวกจิ๊กโก๋แถว ๆ รอบองค์พระปฐมเจดีย์ ถึงเวลาต้องหาเชือกมาแขวนเหรียญนี้ติดคอ ต้องรั้งชนิดเหรียญลอยไปติดลูกกระเดือก เขาเลยเรียกว่าเหรียญจิ๊กโก๋ เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์มากที่สุดของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เพราะว่าที่เอาไปแขวนส่วนใหญ่ก็คือพวกจิ๊กโก๋ข้างถนน มีเรื่องมีราวตีรันฟันแทงกัน แล้วก็มีประสบการณ์ว่าเหนียวสะเด็ด..!”

นายกระรอก
11-12-2018, 19:38
พระอาจารย์กล่าวถึงการอุทิศส่วนกุศลว่า “ความจริงในโลกอีกโลกหนึ่งเราแค่นึกถึงก็ใช้ได้แล้ว นึกถึงว่าเป็นเจ้าของชื่อนั้น นึกถึงว่าเป็นเจ้าของเสียงนั้น นึกถึงว่าเป็นเจ้าของกลิ่นนั้น นึกถึงว่าเป็นเจ้าของภาพนั้น เขาสามารถรับได้ แสดงว่าไปรษณีย์ที่นั่นเก่งกว่า

แต่ปัจจุบันนี้ไปรษณีย์ไทยสุดยอดมาก สมัยก่อนอาตมาได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง ๖ เดือนกับ ๓ วัน จดหมายไปติดอยู่ตรงมุมตู้ไปรษณีย์ไม่หล่นลงไปสักที ๖ เดือนเศษ กว่าจะส่งมาถึง แต่สมัยนี้ EMS ส่งวันนี้ถึงพรุ่งนี้ทุกครั้งเลย ถ้าในกรุงเทพฯ อาจจะมีส่งวันนี้ถึงวันนี้ด้วย

ปัจจุบันนี้อาตมาจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตก็จ่ายที่ไปรษณีย์ ไม่ต้องวิ่งมาถึงบริษัทที่กรุงเทพฯ”

นายกระรอก
11-12-2018, 19:39
พระอาจารย์กล่าวถึงแผ่นยันต์เกราะเพชรว่า “อาตมามีแผ่นพิเศษอยู่แผ่นหนึ่ง..หนาปึ้กเลย คาดว่าเป็นแผ่นแรก ๆ ที่เขาปั๊ม แล้วคราวนี้พอปั๊มขาดยาก เขาก็เลยลดวัสดุให้บางลง แบบนี้ต้องลดค่าแรงให้ตูด้วย..!”

นายกระรอก
11-12-2018, 19:41
พระอาจารย์กล่าวว่า “น้องปอล (ณัฐิกา ไชเทพ) เขาทำบุญอุทิศส่วนกุศลถวายเทพกวนอู ตอนนี้ไม่ใช่เทพ..ท่านเป็นพรหมไปแล้ว ตอนแรกอยู่ชั้นจาตุมหาราช พอหมดอายุจากจาตุมหาราชก็ขึ้นไปเป็นพรหมแล้ว

ไม่น่าเชื่อนะ..นักรบสามารถไปขนาดนั้นได้ แต่จะว่าไปแล้วท่านอื่นไปไกลกว่านั้นอีก อย่างสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไปพระนิพพานเลย หมดเรื่องไป ..(หัวเราะ)..

ส่วนใหญ่นักรบต้องสมาธิดี กำลังใจสูง ถ้าสมาธิตกเมื่อไรมีสิทธิ์ตายด้วยอาวุธเมื่อนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าปะทะซึ่งหน้ากับข้าศึกก็ต้องจ้องกันตาเขม็ง สมาธิไม่ดีจะทำไม่ได้”

นายกระรอก
11-12-2018, 19:43
“มีหนังอยู่เรื่องหนึ่งคือ “ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า” เขากล่าวถึงอาวุธชิ้นหนึ่งคือง้าวมังกรเขียวจันทร์เสี้ยวของท่านกวนอู ท่านฝึกยอดวิชาสำเร็จก็เลยยอมตาย เพราะว่าวิชานี้โหดร้ายเกินไป ฆ่าคนทีเป็นกองทัพเลย จนกระทั่งท้ายสุด..พระเอกไปค้นพบอาวุธของกวนอูแล้วถึงได้เข้าใจ ขบวนท่านี้เขาบอกว่าต้องใช้ความเร็วเท่าแสงสร้างช่องว่างในอากาศให้เกิดขึ้น เมื่อสร้างช่องว่างในอากาศเกิดขึ้นก็เลยทำให้ดูดทั้งคนทั้งม้าหายเข้าไปเลย กลายเป็นอีกมิติหนึ่งเลย ท้ายสุดตัวท่านเองเห็นว่าวิชานี้โหดร้ายเกินไปจึงยอมตายเองดีกว่า”

นายกระรอก
11-12-2018, 19:46
พระอาจารย์กล่าวว่า “งานเสกเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ความจริงอาจารย์หนุ่มท่านก็อยากจะให้ไปถ่ายรูปทำประชาสัมพันธ์ คุณวิทย์ วัดอรุณฯ ก็จะให้ไปถ่ายรูปทำประชาสัมพันธ์ แต่ญาติโยมลองนึกดูว่าแถววัดอรุณฯ รถติดขนาดไหน ? พอเห็นบ่ายสามโมงครึ่ง อาตมาก็เปิดแน่บแล้ว ตูไม่อยู่ด้วยหรอก”

นายกระรอก
11-12-2018, 19:52
มีผู้เอาล็อกเก็ตหลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทองมาถวาย พระอาจารย์กล่าวว่า “งวดก่อนไปถึงวัดไม่เจอท่าน ปกติเวลาหลวงปู่ทองอยู่วัด ต่อให้อายุ ๙๐ กว่า ท่านก็นั่งรับญาติโยมเป็นปกติ หลวงปู่เรี่ยวแรงดีเหลือเกิน

อาตมาบอกโยมให้เข้าไป แต่ว่าตัวเองอยู่บนรถ โยมถามว่าทำไม ? อาตมาบอกว่า “เดี๋ยวหลวงปู่เห็น จะไม่ยอมให้กลับ” ท้ายสุดโยมลงไป พอท่านเห็นแล้วก็ถามถึงจริง ๆ เกือบไปแล้ว... ต้องบอกว่าคนเหนือใจดี โดยเฉพาะพระสุปฏิปันโนอย่างหลวงปู่ทองยิ่งใจดีเข้าไปใหญ่ แต่คราวนี้ท่านอยากได้คนคุยธรรมะ เจอหน้าท่านไม่ค่อยปล่อยให้กลับ อาตมาก็เลยต้องหลบอยู่บนรถ ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก
12-12-2018, 19:35
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “ไป..ตั้งหน้าทำต่อ ระมัดระวังเก็บให้ดี เผลอเดี๋ยวก็รั่วอีก... คุยอะไรกันก็ไม่รู้นะ คนอื่นเขาฟังไม่รู้เรื่องเพราะว่ายังทำไม่ถึง ..(หัวเราะ)..

เวลาอาตมาเจอญาติโยมที่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติจริง ๆ ทำแล้วเกิดผลจริง ๆ จะรู้สึกปลื้มใจว่าไม่เสียทีที่เหนื่อยยาก มานั่งจ้ำจี้จ้ำไชกันอยู่ทุกวัน”

นายกระรอก
12-12-2018, 19:41
พระอาจารย์กล่าวว่า “พระผงสิบทัศน์ หลวงพ่อเวก วัดศาลาหมูสี พวกเราไม่ค่อยรู้จักกัน ท่านอยู่ที่เพชรบุรี เป็นลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเงินสร้างพระส่วนใหญ่ออกไปทางอยู่ยงคงกระพัน แต่หลวงพ่อเวกท่านแปลกมาก พระของท่านถ้าหากว่าใครเอาไปทำมาหากินนี่เจริญทุกคน จนเขาเรียกว่า 'พระตั้งตัว' ทุกวันนี้พระหลวงพ่อเวกจะราคาสูงเพราะว่าคนมีจะหวงมาก ไม่ค่อยยอมให้ใคร อาตมาเองตามมาทั้งชีวิตก็ได้แค่ ๒-๓ องค์เท่านั้น ต่อให้แตก ๆ หัก ๆ อย่างไร เหลือแค่ชิ้นเดียวก็ใช้ได้ น่าเสียดายที่พวกเราไม่ค่อยรู้จักกัน

อาตมาก็แปลกใจว่าท่านศึกษาหลายครูบาอาจารย์ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ถือเป็นครูบาอาจารย์หลัก ท่านคงจะเอาวิชาที่ศึกษาได้มาประยุกต์รวมกัน ท่านสร้างพระแบบหลวงพ่อเงินที่เป็นครูบาอาจารย์หลักของท่าน แต่ว่าวิธีการทำผง ท่านทำตามแบบของท่านเอง ก็เลยออกมาในลักษณะนั้น โดยเฉพาะว่าพระของท่านปลอมไม่ได้ เพราะว่าท่านลงลายมือจารทุกองค์ ลายมือไม่เหมือนปลอมไม่ได้ ท่านจารคมแต่บาง

บรรดาเมืองเก่า ๆ อย่างเพชรบุรี นครปฐม อยุธยา อ่างทอง ครูบาอาจารย์รุ่นเก่ามีเยอะมาก เพราะว่าเมืองเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าไม่ใช่เมืองหลวงก็เป็นเมืองหน้าด่าน ในเมื่อเป็นเมืองหน้าด่าน ก็แปลว่าต้องยุ่งกับการรบทัพจับศึกอยู่ตลอดเวลา พระเจ้าถ้าไม่เก่งจริงก็อยู่ไม่ได้ เราจะเห็นว่าอยุธยาก็ดี นครปฐมก็ดี เพชรบุรีก็ดี หรือว่าอ่างทอง วิเศษไชยชาญ ครูบาอาจารย์เก่ง ๆ เพียบเลย”

นายกระรอก
12-12-2018, 19:44
ถาม : ต้องบูชาด้วยคาถาบทไหนครับ ?
ตอบ : ใช้อิติปิ โส ฯ ๓ ห้องก็ได้ ของเราไม่ต้องตั้งตัวแล้ว ตั้งได้นานแล้วนี่ ..(หัวเราะ).. พกไปเลย ถ้าไม่เกรงใจก็เลี่ยมทองถวายท่านไปเลย..!

บางคนเขาแปลกใจ ขอให้รู้ว่าถ้าหากว่าของที่อาตมาลงกระทู้ราคาแพงต้องดีแน่ ..(หัวเราะ).. เพียงแต่ว่าถ้าไม่เข้าใจว่าดีด้านไหนให้มาถาม

แบบเดียวกับของหลวงพ่อวงษ์ วัดทุ่งผักกูด จังหวัดนครปฐม ของพวกเราแม้แต่ชื่อท่านยังไม่เคยได้ยินเลย สมัยก่อนที่ทดสอบอภิญญากัน ท่านเป็นสุดยอดฝีมือไม่แพ้ใคร แต่เก็บตัวไม่ค่อยยุ่งกับชาวบ้าน

นายกระรอก
12-12-2018, 19:50
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่มารับวัตถุมงคลว่า “เกือบจะหยิบให้โยมผิด โยมชื่อกษม มีอีกคนชื่อกษมา ..(หัวเราะ).. เพียงแต่ดูว่าของเขาเป็นตะกรุดหนังหน้าผากเสือ

กษมหรือกษมา ก็มาจาก "เกษม" ความรื่นเริงบันเทิงใจเนื่องจากปราศจากกิเลสร้อยรัด โอ้โฮ..ไปไกลมากเลย บาลีท่านใช้คำว่า "เกษมจากโยคะ" ก็คือปราศจากความร้อยรัดทั้งปวง ส่วนใหญ่ใช้แทนความสุขในพระนิพพาน”

นายกระรอก
12-12-2018, 19:53
มีโยมถวายสบู่ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “ฟอกหมดนี่หลวงพ่อจะผอมกว่านี้เยอะเลยนะ ซื้อมาถวายทีขนาดนี้ ..(หัวเราะ)..

ที่วัดพอถึงเวลาเขาบอกว่า “หลวงพ่อ..วันนี้ "เซเว่น" เปิด” ให้รู้ไว้ก็คือเอาเครื่องสังฆทานมาแยกประเภท แล้วแจกจ่ายให้พระภิกษุสามเณร พอพระภิกษุสามเณรได้ครบแล้ว ที่เหลือก็เป็นของแม่ชี เพราะฉะนั้น..ถ้าเขาบอกว่า "เซเว่น" เปิดก็แปลว่าวันนี้แจกของ

แม้แต่การแจกของก็มีให้ด่า เพราะว่าพระบางรูปเห็นของที่ตัวเองใช้ประจำ ก็หยิบไปเลยครึ่งโหล อาตมาถามว่า “ครึ่งโหลเดือนหนึ่งคุณใช้หมดไหม ?” อย่าไปคิดว่าเป็นของที่เราชอบแล้วเก็บไว้คนเดียว นั่นแสดงออกซึ่งความเห็นแก่ตัว เป็นสักกายทิฐิเต็ม ๆ เดือนหนึ่งถ้าหากว่าเราใช้ก้อนหนึ่งก็เอาสบู่ไว้แค่ก้อนหนึ่ง ใช้ยาสีฟันหลอดหนึ่งก็เอาไปหลอดหนึ่ง เพราะว่าคนที่เขาใช้ยี่ห้อเดียวกันก็อาจจะมี และขณะเดียวกันแม่ชีเขาก็รออยู่ คุณเล่นไปคนละครึ่งโหลแล้วจะเหลือถึงใคร ?

ดังนั้น...ที่เขาบอกว่าพระอาจารย์เล็กอบรมพระเก่งนั้นไม่ได้เก่งหรอก เพียงแต่อาตมาด่าเก่ง ด่าได้ทุกเรื่อง..!”

นายกระรอก
13-12-2018, 19:34
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีใครเอาแป้งไปสาดท่อนตะเคียนบ้างหรือยัง ? เห็นเขาบอกว่าตานั่นเอาแป้งไปสาดได้มา ๑๘ งวด เชื่อเถอะ..งวดที่ ๑๙ เจ๊งแน่นอน..! อะไรที่ดังขึ้นมาไม่เคยรอด เพราะว่าบุญคนไม่เท่ากัน ในเมื่อบุญคนไม่เท่ากัน ถึงเวลาถ้าบุญของคนอื่นไม่มี ไปซื้อหวยพร้อมกัน ตัวเลขก็จะเคลื่อน”

นายกระรอก
13-12-2018, 19:37
พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมาถือคติว่า ‘เมียเขาสวยทุกคน’ เพราะฉะนั้น..ต้องระวังสุดขีด ..(หัวเราะ).. ไม่ระวังเมื่อไรเดี๋ยวความยินดีความพอใจเกิดขึ้น กิเลสท่วมตายเลย เพราะว่าตัวกิเลสใหญ่คืออวิชชา ประกอบไปด้วย ฉันทะ ความยินดีความพอใจ และ ราคะ ความอยากมีอยากได้”

นายกระรอก
13-12-2018, 19:41
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่มีลูกว่า “พาเขาไปเที่ยวไหนก็ได้ แต่บอกให้แวะมาที่นี่ก่อน จะได้เคยชินเอาไว้ เรื่องพวกนี้ต้องค่อย ๆ สร้างให้เด็กเขา ก็คืออย่าลืมว่าตั้งแต่เกิดมานี้เราเกิดมาพร้อมกับกิเลส ถ้าไม่พยายามขัด ไม่พยายามเกลา กิเลสจะท่วมตาย

ธรรมะของพระพุทธเจ้าเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สัลเลขธรรม” ธรรมอันเป็นเครื่องขัดเกลา ก็คือเกลากิเลส ถึงเวลาเด็ก ๆ ไม่ยอมมา เบื่อวัด ไม่เป็นไร..บอกว่าจะพาไปเที่ยว แต่ให้แวะวัดก่อน ถ้าไม่มาก็ปะป๊าไม่ไป เอ็งก็อดเที่ยวนะ ต้องไปด้วยกัน ..(หัวเราะ).. เดี๋ยวเคยชินเขาก็ไปเอง”

นายกระรอก
13-12-2018, 19:46
พระอาจารย์กล่าวว่า “อยากให้ญาติโยมสังเกตเด็กคนหนึ่งคือน้องมิลค์ วรรรญา ที่ไปแข่งบังคับโดรนแล้วได้แชมป์โลกกลับมา โยมจะเห็นว่าน้องมิลค์เขาหน้าตายสนิท... ไม่ยินดีไม่ยินร้ายกับใครเลย นั่นคืออาการของคนที่ทรงฌานอยู่ เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าทำไมเขาได้แชมป์โลก ก็เพราะว่าสมาธิเหนือกว่าคนอื่นเขา

ตามที่เด็กเขาบอกว่า บางทีคู่ต่อสู้เห็นหน้าเขาก็มืออ่อนตีนอ่อนแล้ว ก็คือกำลังใจข่มกันอยู่เลย เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครสามารถทำอย่างนั้นได้ แล้วเราจะรู้ว่าชีวิตจะง่ายขึ้นอีกเยอะ ความที่เขาตั้งใจแน่วแน่อยู่กับการบังคับโดรน สมาธิเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเป็นสมาธิระดับสูงด้วย น่าจะมีของเก่ามามากถึงสามารถแปลงเป็นสมาธิใช้งานได้ ไม่อย่างนั้นถ้าทั่ว ๆ ไป ทรงสมาธิระดับนั้นจะนิ่งไปเฉย ๆ ทำอะไรไม่ได้เลย

ไม่ต้องไปหัดบังคับโดรนกันนะ นั่งภาวนาของเราไป ไปบังคับก็ไม่ได้อย่างเขาหรอก ของพวกนั้นภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า ‘Born to be’ เกิดมาเป็นอย่างนั้น ของเก่าเขามีเป็นปุพเพกตปุญญตา ก็คือสร้างสมมาแต่ปางก่อน มาถึงชาตินี้จับอะไรขึ้นมาเป็นสมาธิไปหมด ทำก็จะทำได้ดีกว่าคนอื่นเขา เพราะว่ากำลังสมาธิทรงตัว แล้วเด็กพวกนี้จะเรียนเก่งโดยอัตโนมัติ ที่เรียนเก่งโดยอัตโนมัติเพราะว่าเวลาทำอะไร สมาธิจะทรงตัวและมุ่งมั่นอยู่กับบทเรียนเลย

ต้องบอกว่าถ้าหากว่าไม่มีของเก่าอย่างของน้องมิลค์ พวกเราต้องสร้างให้ลูก วางรากฐานตั้งแต่เด็ก ๆ ให้หัดสวดมนต์หัดไหว้พระอะไรไป แบบเดียวกับที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ก่อนนอนท่านแม่บังคับให้ต้องว่า ‘พุทโธ พุทโธ พุทโธ’ ๓ ครั้ง ถึงจะยอมให้นอนได้ เพราะฉะนั้น..ในลักษณะอย่างนี้ก็ค่อย ๆ สะสมไปวันละนิดวันละหน่อย เหมือนกับเราหยอดกระปุกวันละ ๓ บาท เดือนหนึ่งก็ ๙๐ บาท ปีหนึ่งก็ ๑,๐๘๐ บาท รวมกันหลาย ๆ สิบปีก็ได้เยอะไปเอง”

นายกระรอก
13-12-2018, 19:51
ถาม : มีคนอยู่ออสเตรเลีย เขาบอกว่าโดนของ เขาถามว่าจะมีใครช่วยได้บ้าง ?
ตอบ : ถ้าออสเตรเลียก็ไม่รู้ว่าจะให้ใครช่วย ต้องมาเมืองไทย

ถาม : ผมก็เลยแนะนำให้มาหาพระอาจารย์เล็ก ?
ตอบ : ให้เขาลากลับเมืองไทยช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า จะมีเสาร์ ๕ เป่ายันต์เกราะเพชรอยู่ ให้เขามาเข้าพิธี

ถาม : เขากลัวว่าจะอยู่ไม่ถึง ?
ตอบ : ไม่เป็นไร ถ้าไม่รอดก็ตั้งใจนึกถึงพระไว้ ตายแล้วก็ไปดี

อาตมาไม่ได้มีหน้าที่แก้ไขไสยศาสตร์ให้ใคร ยกเว้นว่าท่านใดดวงดี ถึงเวลาแล้วไปวัดได้ตรงเวลา อาตมาจะเก่งเฉพาะในงานเป่ายันต์ฯ เท่านั้น เวลาอื่นทำอะไรไม่เป็น เพราะฉะนั้น...เวลาปกติไม่สามารถช่วยใครได้ ต้องไปแสวงหาคนช่วยกันเอาเอง

นายกระรอก
13-12-2018, 19:53
พระอาจารย์กล่าวว่า “พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม (พระอาจารย์บ๊ะ) สร้างหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ท่านถวายอาตมาเป็นการเฉพาะองค์หนึ่ง ส่วนบรรดาญาติโยมกลัวว่าอาตมาจะไม่มี ก็ไปช่วยกันเช่ามา บูชามา แล้วก็เอามาถวายที่ตรงนี้ ก็ขออนุโมทนาด้วย เพราะว่าอาจารย์บ๊ะท่านจะได้เอาเงินไปสร้างศาลาให้เสร็จ”

นายกระรอก
14-12-2018, 21:15
พระอาจารย์กล่าวว่า “พระที่ท่านได้ฌานสมาบัติหรือว่าได้กสิณ เคยเห็นมีแต่ทำให้อากาศหนาวอุ่นขึ้น แต่ไม่เคยเห็นท่านทำอากาศร้อนให้เย็นลง แสดงว่าร้อนไม่เป็นอะไรใช่ไหม ? อย่างดีก็ทำให้เกิดลมหวน ลักษณะเหมือนอย่างกับระบายอากาศเท่านั้น เพราะว่าบางแห่งที่ท่านอยู่เป็นถ้ำปิด แล้วถ้ำปิดอากาศไม่ค่อยจะถ่ายเท บางทีท่านก็ใช้วาโยกสิณทำให้เกิดลมหวนพัดเอาอากาศเก่าออกไป ให้อากาศใหม่เข้ามาในถ้ำ แต่ไม่เคยเห็นทำร้อนให้เย็น แต่ถ้าอากาศเย็นมากหนาวมากทำให้อุ่นขึ้นนั้นมี”

นายกระรอก
14-12-2018, 21:17
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตะกรุดหลวงปู่ชุ่ม วัดวังมุยเล่นยาก ที่เล่นยากเพราะว่าหลังจากท่านมรณภาพแล้ว พ่อหนานที่ทำตะกรุดถวายหลวงปู่ท่านยังอยู่ แล้วใครสั่งก็ทำให้ไปเรื่อย ไม่เหมือนกับพ่ออุ๊ยหนานที่ทำเต่าสำลีถวายหลวงปู่ครูบาวงศ์ พ่ออุ๊ยหนานนั้นพอสิ้นหลวงปู่ก็หยุดทำเลย ไม่ทำให้ใครอีก ดังนั้น..ของหลวงปู่ชุ่มถ้าที่มาไม่ชัดเจน และไม่สังเกตความเก่าของเชือกให้ดีเดี๋ยวเป็นเรื่อง เพราะว่าช่างฝีมือเดียวกัน”

นายกระรอก
14-12-2018, 21:23
โยมใส่ผ้าถุงมาทำบุญ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “ดีใจมากที่นุ่งผ้าถุงมากันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ

สมัยก่อนเขาบอกว่า "ไทยนุ่งโจง ลาวนุ่งซิ่น" สมัยนี้แสดงว่าเป็นลาวกันทั่วประเทศไทยแล้ว ..(หัวเราะ).. นุ่งซิ่นกันหมด นุ่งโจงกระเบนไม่เป็น โดยเฉพาะม้วนหางกระเบนไม่เป็น ขาจะไม่พอง จะลีบ ๆ ดูแล้วไม่สวย

โบราณเขาจะมีเข็มขัด ถ้าหากว่าผู้มีอันจะกินก็เข็มขัดนากหรือเข็มขัดทองไปเลย อย่างไม่มี ๆ ก็เข็มขัดเงิน ถึงเวลานุ่งโจงกระเบนม้วนหางกระเบนเสร็จ ก็ลอดหว่างขาไปเกี่ยวกับเข็มขัดด้านหลัง ยายก็พาหลานไปวัด ถึงเวลาเขาบอก “อีหนู..เดี๋ยวรับศีลกับยายนะลูก” อีหนูก็ไม่เคยไปเลย รับก็รับ ถึงเวลายายก้มกราบพระ หางกระเบนโดนรั้งก็หลุดออก อีหนูก็คิดว่า อ๋อ..ถ้ารับศีลต้องถอดหางกระเบนก่อน ก็ถอดบ้าง ..(หัวเราะ)..

สรุปได้ความว่า..ศีลเข้าทางข้างหลังนะ ต้องถอดหางกระเบนก่อน..! ที่เขาเรียกว่าหางกระเบนเพราะว่าเหน็บอยู่ตรงเอว ที่เขาเรียกว่า "กระเบนเหน็บ" ถ้าอยากรู้ว่าอยู่ตรงไหน ? ก็รอยต่อระหว่างกระดูกเชิงกรานกับบั้นเอวนั่นแหละ”

นายกระรอก
14-12-2018, 21:25
“ไม่รู้อีกว่าเชิงกรานหน้าตาเป็นอย่างไร ? คือไอ้ที่ใช้นั่ง ..(หัวเราะ).. กระดูกที่พอกเนื้อเอาไว้สำหรับนั่ง กระดูกตรงนั้นเขาเรียกว่าเชิงกราน เหมือนกับเชิงกรานของเตาไฟที่เขาต่อออกมาเพื่อความสะดวกในการก่อไฟ ก็คือถ้าหากว่าแหย่เข้าไปใต้เตาเลย บางทีลมไม่ผ่าน ไฟไม่ค่อยติด เขาก็เลยต้องมีเชิงกรานต่อออกมา และมีการเป่าไฟ”

นายกระรอก
14-12-2018, 21:27
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “อยู่คนเดียวเปลี่ยวกายแสนสบายแต่ไม่สนุก อยู่สองครองทุกข์ถึงสนุกก็ไม่สบาย จะเอาอย่างใจได้อย่างไร ?

ให้เห็นว่าธรรมดาของโลกเป็นอย่างนั้น มีลาภ-เสื่อมลาภ มียศ-เสื่อมยศ มีคู่ ก็เสื่อมคู่ ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก
15-12-2018, 19:47
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันที่ ๗ ธันวาคม นี้ จะเอาแผ่นยันต์เกราะเพชรเนื้อทองเหลืองและทองแดงแบบแผ่นใหญ่ไปเข้าพิธีปลุกเสกที่วัดหลวงปู่หลิว เสกเองด้วย ขอแรงหลวงปู่ด้วย ..(หัวเราะ).. ต้องดูก่อนว่าเขาจัดงานที่วัดหลวงปู่หลิวหรือที่วัดสี่แยกเจริญพร แต่ว่าเวลาแน่ ๆ คือ ๔ โมงเย็นไปแล้ว ไม่ต้องรีบไป

พระอาจารย์เทพบอกว่า “ได้กฐินมา ๒๐๐ กว่าหมื่น จ่ายค่าก่อสร้างไป ๔๐๐ กว่าหมื่น แล้วผมจะเอาที่ไหนให้ ? ก็ต้องออกวัตถุมงคลอีกรุ่นหนึ่ง” คุยไปคุยมาสรุปว่า “ท่านอาจารย์มาเสกให้ผมเถอะครับ” บอกตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง..!

ใคร ๆ เห็นว่าพระอาจารย์เทพเป็นเด็กรุ่นใหม่ ที่ไหนได้..เด็กรุ่นใหม่เล่นใช้คำว่า ‘ร้อยหมื่น’ รุ่นเก่าโบร่ำโบราณชัด ๆ ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก
15-12-2018, 19:50
“อยู่แถวนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นจีนแคะ หลวงปู่หลิวก็เป็นจีนแคะ คำว่า “หลิว” ภาษาจีนแคะแปลว่า "เหลือ" เพราะฉะนั้น..ชื่อของท่านคนจีนจะชอบมากเลย คือ เหลือกินเหลือใช้

อีกอย่างคือท่านสำเร็จวิชาหัวใจพญาเต่าเรือน ซึ่งต้องบอกว่าดีทั้งทางด้านลาภผลและความปลอดภัย คนก็ยิ่งขึ้นกันใหญ่ ปัจจุบันนี้ในประเทศไทย อาตมายืนยันว่าวิชานี้เพื่อนของอาตมาเจ๋งที่สุด ก็คือท่านอาจารย์สายชล วัดไร่แตงทอง ใครไปสังเกตท่านอาจารย์สายชลดู ปัจจุบันนี้บุคลิกกลายเป็นเต่าไปเรียบร้อยแล้ว..!

เรื่องพวกนี้จะต้องเรียกว่าเป็นกำลังสมาธิบวกกับจินตนาการ คราวนี้พอไปจินตนาการถึงอะไรมาก ๆ เข้า บุคลิกภาพจะเปลี่ยนไปตามนั้น ให้เราสังเกตว่าหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคก็ดี หลวงปู่เล็ก วัดบางนมโคก็ดี หลวงพ่อวัดท่าซุงก็ดี หรือไม่ก็หลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม) วัดอนงคารามฯ ท่านทั้งหลายเหล่านี้เกาะพระเป็นปกติ จะมีบุคลิกของพระเหมือนกันหมด คือบางทีเราไม่เคยเห็นท่านมาก่อนก็คิดว่าท่านเป็นญาติกัน แต่ความจริงแล้วมาคนละทิศคนละทาง แต่ท่านนึกถึงพระบ่อย ๆ นาน ๆ เข้า บุคลิกก็เปลี่ยน ก็มีเค้าของพระติดมาด้วย

ส่วนของท่านอาจารย์สายชลตอนนี้วิชาเต่าเรือนกำลังแก่กล้า บุคลิกเป็นเต่าไปเรียบร้อยแล้ว ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก
15-12-2018, 19:52
ถาม : ไม่มีในลักษณะของการแปลงร่างใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี..แต่ว่าในลักษณะที่ว่าทำหัวใจพวกนี้ ก็แบบเดียวกับสมัยก่อน บางท่านที่สำเร็จวิชาหัวใจราชสีห์ ถึงเวลาบุคลิกแสดงออก ขนาดเดินผ่านแล้วหมาวิ่งหนีเลย ..(หัวเราะ)..

นายกระรอก
15-12-2018, 19:56
“ถามน้องเล็กว่า “สังเกตไหม..? ท่านอาจารย์สายชลบุคลิกเปลี่ยนไปมากจากปีแรกที่รู้จักกัน ?” น้องเล็กบอกว่าใช่ ตอนนี้เหมือนเต่าจริง ๆ ..(หัวเราะ).. ดังนั้น..ถ้าหากว่าเหรียญเต่าเรือนสายนี้ไว้วางใจได้ เพราะว่าเป็นเพื่อนอาตมาจริง ๆ เรียนด้วยกันมาเป็นสิบปี ทั้งทางโลกทางธรรม

มีอยู่วันหนึ่งท่านอาจารย์สายชลเข้าสมาธิ เสร็จแล้วถอนกำลังใจออกมาพิจารณา ความรู้สึกบอกว่าตัดตรงนี้จะไปเลย แต่ถ้าไม่ตัดก็ต้องอยู่ช่วยเขาอีกหลายชาติ ท้ายสุดวิสัยเดิมที่ทำมาทำให้ตัดโยมไม่ได้ ก็เลยต้องไปต่อ น่าเสียดายนะ..แสดงว่าวิสัยพุทธภูมิเก่าท่านเข้มทีเดียว คือตัดตรงนั้นได้..จะเข้าพระนิพพานไปเลย ถ้าไม่ตัดก็ต้องอยู่ต่ออีกหลายชาติ แต่ว่าท่านไม่ตัด..ท่านอยู่ต่อ

อาตมาถึงได้บอกว่าที่ไปเรียน ๆ มาตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เรื่องวิชาการไม่ได้ใส่ใจหรอก ได้เพื่อนดี ๆ แบบนี้หายาก ที่ไปเจอก็มีท่านอาจารย์สายชล พระครูไพโรจน์ฯ ถึงเวลาเรียนเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันหมด แรก ๆ ก็ปิด ๆ บัง ๆ กัน ท้ายสุดพอโดนคว้าหางได้ คราวนี้ก็ต้องยอมสารภาพ ..(หัวเราะ).. พระครูไพโรจน์ฯ บอกว่า “โห..อาจารย์เล็ก ท่านดังไม่รอใครเลย” ถามว่า “แล้วทำไมต้องรอด้วย ? บริวารผมเยอะ มัวแต่รออยู่ก็ตายกันพอดี” คนบริวารเยอะต้องเร่ง ถ้าเราเร็วเท่าไร คนอื่นเขาตามมาก็จะช้าน้อยลง มัวแต่ไม่เร่งนี่ตาย เขาตามกันไม่ทัน

ลองไปนึกถึงตอนที่อาตมายังไม่มีชื่อเสียงอะไรเลยสิ นั่นแหละ..พระครูไพโรจน์ฯ ท่านบอกล่วงหน้าตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว บอกว่าถ้าเวลาดังนี่ไม่รอใครเลย เพื่อนฝูงโดนทิ้งหมด ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก
15-12-2018, 20:02
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุง พอหลวงพ่อวัดท่าซุงดังขึ้นมา รอบ ๆ ข้างทั้งหลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข เงียบไปเลย ..(หัวเราะ).. เพราะว่าสายพุทธภูมิบริวารจะมาก ในเมื่อบริวารมาก ถึงเวลาเขาแห่กันไป บริวารช่วยกันเฮคนละที เสียงก็กลบชาวบ้านเขาหมดแล้ว

ปัจจุบันนี้เวลาที่วัดท่าขนุนจัดงาน คนสองพัน สามพัน สี่พัน เต็มที่ก็ไม่เกินห้าพัน ประมาณช่วงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร พระทางด้านนั้นบอกว่า “พระอาจารย์เล็กจัดงานอย่างไรคนมาเป็นพัน ? พวกผมได้สักสองสามร้อยก็ดีใจตายแล้ว” อาตมาตอบว่า “นี่คุณเห็นแค่นี้นะ สมัยหลวงพ่อผมนี่ระดับแสนเป็นปกติเลย” ของเราไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียวยังบอกว่าบริวารเยอะ

อาจารย์สายชลท่านถามว่า “ศาลากว้างเท่าไร ? ยาวเท่าไร ?” ท่านคำนวณเสร็จเลยว่าคนเท่าไร ..(หัวเราะ).. เก่งขนาดนั้น ก็คือแต่ละคนจะนั่งประมาณเท่าไร ? พอบอกว่าสบาย ๆ ก็ประมาณ ๖๐ x ๖๐ เซนติเมตรต่อหนึ่งคน ท่านสามารถคำนวณคนจากขนาดศาลาได้เลย..เก่งมาก

นายกระรอก
15-12-2018, 20:05
“ปัจจุบันนี้ท่านจะซื้อที่ดินเพิ่มอีก ถามท่านว่า “ไหวหรืออาจารย์ ?” ท่านตอบว่า “ไหวไม่ไหวก็ต้องซื้อ เพราะว่าถ้าไม่ซื้อที่ก็แพงไปเรื่อย ๆ” แบบเดียวกับที่ข้างวัดท่าขนุน ที่ราคาประเมินไร่ละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท เขาขายให้อาตมาไร่ละ ๑ ล้านบาท เราต้องจ่ายภาษีเองด้วย ของท่านอาจารย์สายชลโดน ๓ ล้านบาท ถามท่านว่า “จะซื้อเท่าไร ?” ท่านตอบว่า “เดี๋ยวซื้อไปเรื่อย ๓๐-๔๐ ไร่ ก็จะซื้อ” คราวนี้ต้องทำวิหารสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยใหญ่ที่สุดในโลก พอทำหลวงปู่หลิวใหญ่ที่สุดในโลกเสร็จ กำลังทำพระศรีอาริยเมตไตรยต่อ ดูท่าจะโดนท่านอาจารย์เทพไล่ก้นมา

ถามว่าพระศรีอาริยเมตไตรยใหญ่ขนาดไหน ? บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าปีที่แล้วตอนไปหล่อฐาน เฉพาะฐานใช้ทองเหลือง ๗๐ ตัน..! ฐานอย่างเดียว ๗๐ ตันนะ เราลองนึกถึงพระประธานในวัดท่าขนุนฐาน ๓ ตัน ใหญ่กว่านั้นตั้งเท่าไร ? ใหญ่กว่า ๒๐ กว่าเท่า”

นายกระรอก
15-12-2018, 20:08
“ฉะนั้น..ถ้าหากว่าดูจากท่านอาจารย์สายชลก็ต้องบอกว่า เรื่องการปฏิบัติต้องทุ่มเทจริงจังแบบนั้น นั่นทุ่มเสียจนบุคลิกเปลี่ยนไปเลย ..(หัวเราะ).. ท่านรับญาติโยมอยู่ทุกวันแต่ไม่เคยทิ้งกรรมฐานนะ และเป็นคนที่นั่งกรรมฐานแล้วพวกหัวเราะกันบ่อย เพราะว่าบางทีท่านเหนื่อยมาก เพลียมากท่านก็นั่งหลับ แต่เป็นคนที่นั่งหลับตัวตรงแหน็วเลย เสียอย่างเดียวว่าท่านกรน คือถ้าไม่กรนจะไม่มีใครรู้ว่าท่านอาจารย์สายชลนั่งหลับ เพราะว่าโยมกวนเช้ายันค่ำจนไม่มีเวลา มานั่งกรรมฐานก็ขยันจริง แต่บางทีก็ขาดสติเผลอหลับแล้วกรน พวกเราก็แหย่อยู่เรื่อย เข้าฌานไหนเสียงดังแท้..!

ท่านเป็นพระที่ขยัน ไม่ทิ้งการปฏิบัติ เพราะรู้ว่าถ้าทิ้งแย่แน่ เนื่องจากว่าตัวเองไม่มีพื้นฐานความเป็นพระอริยเจ้ามารองรับ กิเลสพร้อมซัดอยู่ทุกตัวจึงต้องขยันรักษาอารมณ์ไว้ ส่วนใหญ่ที่อาตมารู้จักมักคุ้นกันอยู่มาสายพุทธภูมิทั้งนั้น โดยเฉพาะทางด้านครูบาภาคเหนือนี่พุทธภูมิล้วน ๆ เลย”

นายกระรอก
16-12-2018, 19:44
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตกลงว่าหนานโอจะมาไหม ? ..(หัวเราะ).. เป็นเรื่องแปลกนะ เงินเป็นล้านเขาไม่กระตือรือร้นที่จะรับเลย อะไรจะเป็นคนใจเย็นปานนั้น

คืออาตมาเป็นลูกหนี้ แต่เป็นลูกหนี้ที่ต้องคอยเร่งให้เจ้าหนี้มาเก็บเงิน ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเจ้าหนี้ถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น แต่ละเดือน ๆ อาตมาจะต้องโทรตามเจ้าหนี้ทีละรายว่าเท่าไร ? มาเก็บได้แล้ว เป็นลูกหนี้ที่แย่มาก..! บางทีร้านค้าวัสดุก่อสร้างก็บอกว่า “เพิ่งไม่กี่แสนเองพระอาจารย์ ขอเก็บไว้เยอะ ๆ ก่อน” ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก
16-12-2018, 19:46
พระอาจารย์กล่าวว่า “เดี๋ยวกระทู้ต่อไปเป็นกระทู้คนมีเงินจริง ๆ จะเอาของราคาแพงโคตรมาลงเลย ประมาณว่าเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์หลวงปู่ทิม หรือไม่ก็สมเด็จจิตรลดาพร้อมหนังสือรับรอง ..(หัวเราะ).. เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง..!

สมเด็จจิตรลดาองค์ที่แล้วไม่มีหนังสือรับรอง เขาบูชาไปสามแสนบาท เขาบอกว่าหนังสือรับรองไม่ให้ก็ไม่ว่า ขอให้ได้พระก็แล้วกัน องค์นั้นพลตรีเจษฎาถวายมา ตัวเองทำงานแทบตาย ถวายพระอาจารย์มาเฉยเลย

ส่วนองค์ที่ใช้อยู่ปัจจุบันนี้ ต้องบอกว่าเจ้าของสละให้ ทำบุญให้กับภรรยาที่เสียชีวิต ตัวเองก็ออกรบจนกระทั่งพิการ ก็เลยว่าคงไม่ได้ทำหน้าที่อะไรอีกแล้ว นอกจากกินบำเหน็จบำนาญไป ก็เลยตัดใจสละมาพร้อมกับหนังสือรับรอง ส่วนใหญ่ที่ได้ ๆ มา เขาจะเก็บหนังสือรับรองไว้เป็นเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล”

นายกระรอก
16-12-2018, 19:51
พระอาจารย์กล่าวว่า “พระพุทธเจ้าตรัสว่าความร่มเย็นในชีวิตของบุคคลประกอบไปด้วย ร่มเงาของต้นไม้ ร่มเงาของญาติพี่น้องหรือครอบครัว ร่มเงาของครูบาอาจารย์ที่ให้ความรู้นำชีวิตของเรา ร่มเงาของพระมหากษัตริย์ที่ปกเกศปกเกล้าให้เราอยู่เย็นเป็นสุข ไม่ต้องทนทุกข์โดนคนอื่นกดขี่ข่มเหง และท้ายที่สุดก็คือ ร่มเงาแห่งพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านสรุปว่า ร่มเงาของพระธรรมร่มเย็นที่สุด

ในโคลงโลกนิติเขาว่า
เย็นเงาพฤกษ์มิ่งไม้.........สุขสบาย
เย็นญาติทุกข์สำราย........กว่าไม้
เย็นครูยิ่งจันทร์ฉาย.........กษัตริย์ยิ่ง ครูนา
เย็นร่มพระเจ้าให้............ร่มฟ้าดินบน

พระเจ้าในที่นี้คือพระพุทธเจ้า สิ่งที่ท่านให้คือพระธรรม ต้องบอกว่าเย็นของคุณพระรัตนตรัย เย็นที่สุด”

นายกระรอก
16-12-2018, 19:53
พระอาจารย์กล่าวว่า “ญาติโยมบางคนใช้เวลานานมากในการตามหาตัวอาตมา บางคนก็เพียรพยายามเทียวไปเทียวมาไปวัดอยู่ ๗-๘ รอบ บอกว่าไม่ได้เจอพระอาจารย์ แต่ไปเจอกันข้างนอก ต้องบอกว่ามีความอดทน จึงสามารถที่จะเจอกันได้ เพราะว่าอาตมาเป็นคนงานมาก ในเมื่องานมากถึงเวลาก็วิ่งไปงาน ไม่ห่วงโยม โยมก็ไปแล้วผิดหวังอยู่เรื่อย แต่ต้องบอกว่าใจถึงมาก ถึงผิดหวังก็ไปอีก..ไปจนเจอ”

นายกระรอก
17-12-2018, 19:44
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า “ศิวพร จะแปลว่าอะไร ? แปลว่าพรจากพระศิวะ หรือแปลว่าประเสริฐดั่งพระศิวะ ? ถ้าพรจากพระศิวะ ท่านให้อะไรก็รีบทำ ถ้าประเสริฐอย่างพระศิวะ คงต้องรีบเป็นพระอนาคามีก่อน ..(หัวเราะ).. ไม่อย่างนั้นไม่ได้อย่างท่านหรอก”

นายกระรอก
17-12-2018, 19:49
ถาม : เวลาที่มีอาการของขึ้น หัวใจจะเต้นแรง ตัวจะสั่นหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : คือถ้าหากว่าอยู่ในสภาพนั้นก็จะเหมือนกับว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น ทำให้ระบบโคจรของเลือดลมมากขึ้น บางทีก็มีประเภทออกอาการทางร่างกาย ก็คือกระโดดโลดเต้นไปเลยก็มี

ถาม : ถ้าเวลาพระหรือเทวดาสงเคราะห์ อาการจะเป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : อยู่ที่ว่าเรารับได้แค่ไหน รับได้มากก็ออกอาการมาก

ถาม : หลวงพ่อวางกำลังใจอย่างไร อย่างมีกลุ่มคนที่เล่นของมาหา ทำเป็นเฉย ๆ ได้อย่างไร ?
ตอบ : ไม่เอาอะไรทั้งนั้น เรื่องของมัน ไม่ใช่เรื่องของเรา

ถาม : โห...ไม่มีอะไร ยากนะคะ
ตอบ : ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่รู้ว่าจะรับอะไร ก็แค่ไม่มีอะไรก็จบแล้ว

นายกระรอก
17-12-2018, 19:55
พระอาจารย์กล่าวว่า “พวกเราเห็นฝรั่งที่มาเมืองไทย จะเห็นว่าเขาไม่ค่อยใช้ยานพาหนะ พอเดินได้ก็เดิน หรือไม่ก็ปั่นจักรยาน เช่ามอเตอร์ไซค์ นั่นเป็นนิสัยของคนฝรั่ง ที่เขาออกกำลังกายโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เราจะเห็นว่าพวกฝรั่งแม้จะอายุมาก แต่ว่าสุขภาพดี มีความภูมิฐาน สง่าอยู่ในตัว ก็เกิดจากการที่เขาค่อย ๆ สะสมไปตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะว่าการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ทำให้กระดูกแข็งแรง มวลกระดูกไม่สูญหายไปง่าย ก็จะไม่หกล้มหกลุก กระดูกแตกหรือหักง่ายเหมือนอย่างคนแก่บ้านเรา

ทางด้านฝรั่งที่มาสมัยอยุธยาอย่างบาทหลวงลาลูแบร์เขาบันทึกเอาไว้ ส่งกลับไปถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ บอกว่า “ชาวสยามไม่ได้กินนมกินเนยเหมือนกับบ้านเรา แต่ร่างกายแข็งแรงมาก ทั้ง ๆ ที่ตัวเล็ก ๆ ผิวดำ ๆ” ถ้าเราพิจารณาดูจะเห็นว่า บรรพบุรุษของเราส่วนใหญ่ก็คือทำไร่ทำนา จะมีพวกที่อาศัยอยู่ใกล้ป่าใกล้เขา ก็มีอาชีพเสริมในลักษณะของการล่าสัตว์ ถ้าหากว่าอยู่ใกล้น้ำก็มีอาชีพประมง แต่ว่าเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น อาชีพหลัก ๆ จริง ๆ แล้วไม่ทำไร่ก็ทำนา เพราะฉะนั้น..ก็ต้องออกกำลังกันตั้งแต่วัยรุ่นถึงหนุ่มยันแก่ จึงมีความแข็งแรงเป็นปกติ”

นายกระรอก
17-12-2018, 19:59
ถาม : ถามเรื่องปรอท ?
ตอบ : ชิ้นนี้ยังตายไม่จริง ถ้าตายจริงจะไม่เป็นอย่างนี้ แบบนี้ยังอันตรายอยู่ อย่าเผลอเอาเข้าปาก โดนตัวยังพอรับไหว แต่ถ้าเข้าปากอันตรายมาก เพราะว่ายังขยายตัวได้มากตามปกติ คนทำแบบนี้ถึงตายได้ เขาหลอมปรอทยังไม่สามารถทำให้ปรอทตายจริง ๆ ได้ ในเมื่อยังไม่ตายจริงก็จะออกลักษณะอย่างชิ้นนี้

นายกระรอก
18-12-2018, 19:39
พระอาจารย์กล่าวว่า “คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของอาตมา ร่างกายแข็งแรง อายุยืน อย่างไม่มี ๆ ก็ ๗๐-๘๐ ปี นั่นก็คือการที่ทำงานหนักทั้งวัน เท่ากับออกกำลังอยู่ตลอดเวลา แล้วยุคนั้นอากาศไม่เป็นพิษเหมือนอย่างกับสมัยนี้ อาตมาจำได้ว่าเรียนอยู่ชั้น ป.๒ แล้ว ถึงได้มีรถยนต์คันแรกเข้ามาในหมู่บ้าน เป็นรถจี๊ปหน้ากบที่หลงเหลือจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ คนที่ซื้อมาขับก็คือกำนัน เด็ก ๆ วิ่งตามดูกันทั้งตำบลเลย..ไม่เคยเห็นรถ แล้วเราลองคิดดูว่า บรรยากาศลักษณะอย่างนั้นอากาศจะเป็นพิษได้อย่างไร ?

ส่วนอาหารก็ไม่มีสารพิษมากมายเหมือนกับสมัยนี้ เพราะว่าอยู่กินกันอย่างธรรมชาติ ปุ๋ยที่ใส่เป็นปุ๋ยคอก ก็คือขี้วัวขี้ควาย เมื่ออาหารดี อากาศดี ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ก็แข็งแรง อายุยืน ของพวกเราสมัยนี้ต้องบอกว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป ถ้าเรายังไม่พยายามแก้ไขปัญหาเหมือนทางยุโรป แค่เรื่องมลพิษจากยานยนต์ต่าง ๆ ก็มากพอที่จะทำลายชีวิตของเราแต่ละคนให้สั้นไปหลายปีเลย”

นายกระรอก
18-12-2018, 19:44
“ทางยุโรปเขาเอาจริงเอาจัง ถึงเวลาเขาแก้ปัญหามลพิษในน้ำ มลพิษในอากาศต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กัน รถยนต์จะวิ่งเข้าเขตเมืองต้องฉีดน้ำล้างรถก่อนทั้งคัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไป ปัจจุบันนี้มาตรฐานเครื่องยนต์ของเขาไปถึงยูโร ๕ แล้ว ก็คือเกือบจะไม่มีมลพิษออกสู่อากาศแล้ว ส่วนบ้านเราได้แค่ยูโร ๒ และก็ไม่จริงจัง ถ้าเราสงสัยว่าทำไมมียุคหนึ่งที่รถเมล์ ขสมก.ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเรียกว่า “รถเมล์ยูโร” ? นั่นก็คือรถเมล์ที่ผ่านมาตรฐานยูโร ๒ ปล่อยมลพิษน้อย

พวกเราคิดที่จะทำ แต่ว่าไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากทางรัฐบาล ก็คือการให้รถเมล์ติดก๊าซ พอถึงเวลาออกแนวคิดซื้อรถเมล์ติดก๊าซ แต่ละบริษัทที่เซ็นสัญญาก็จ่ายค่าคอมมิชชันกันกระจาย หลังจากนั้นก็ทิ้ง..ปล่อยให้ตายไปเลย ไม่ได้มีการสนับสนุนต่อ จนกระทั่งทุกวันนี้เรื่องของรถเมล์ NGV ก็ยังคงคาราคาซังกันอยู่ เพราะว่าไม่มีความจริงจังจริงใจในการแก้ปัญหา เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก โอกาสมาถึงแต่ไม่ทำ ละทิ้งไปจนปัจจุบันนี้บรรยากาศจะกอบกู้กันแทบไม่ไหวอยู่แล้ว

แม้กระทั่งเรื่องการรายงานมลพิษทางอากาศก็ใช้วิธีฉีดน้ำรอบ ๆ บริเวณเครื่องวัด ในเมื่อเราฉีดน้ำเป็นฝอยขึ้นไป ก็ไปดึงเอาพวกหมอกควันเม็ดฝุ่นลงมาหมด ถึงเวลาเครื่องวัดก็วัดว่ามลพิษไม่มีหรือมีน้อย รายงานไปตามตัวเลขที่เครื่องรายงานมา แต่หารู้ไม่ว่าโดนลูกน้องแหกตา บ้านเราสามารถที่จะทำอะไรต่อมิอะไรในลักษณะสร้างประโยชน์ให้เฉพาะตัวเท่านั้น ไม่ได้สร้างประโยชน์เพื่อส่วนรวม”

นายกระรอก
18-12-2018, 19:46
“ฝรั่งตัวใหญ่มาก ๆ ใหญ่กว่าเราเยอะ ยอมทนนั่งอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าคันเล็ก ๆ เพื่อที่จะให้อากาศบ้านเขาดี ต้องบอกว่าเขาทำเพื่อบ้านเมืองของเขา ทำเพื่อลูกหลานของเขา ยอมสละประโยชน์สุขส่วนตนเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวม รู้สึกคุ้น ๆ ไหมว่าเป็นพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของเราเอง พระองค์ท่านตรัสแล้วตรัสอีก เราไม่ค่อยจะยอมทำกัน ทั้ง ๆ ที่ข้าราชการคือผู้สนองงานของพระราชา ส่วนบ้านเขาทำโดยจิตสำนึกสาธารณะ ก็คือเพื่อส่วนรวม เพื่อลูกหลาน เพื่อบ้านเมือง

อีกไม่รู้ว่านานเท่าไร ที่พวกเราจะได้เห็นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราบ้าง ก็คือคนส่วนมากพร้อมใจกันทำเพื่อส่วนรวม”

นายกระรอก
18-12-2018, 19:47
พระอาจารย์กล่าวกับผู้ถวายสังฆทานว่า “พระพุทธรูป..ถ้าทำสังฆทาน เกิดเป็นเทวดานางฟ้าจะมีรัศมีกายสว่างมาก ข้าวปลาอาหารทำให้มีร่างกายเป็นทิพย์ หรืออิ่มทิพย์ ผ้าไตรจีวรทำให้มีเครื่องประดับเป็นทิพย์ เพราะฉะนั้น..มีให้ครบ ๆ อย่าขาด”

นายกระรอก
18-12-2018, 19:50
พระอาจารย์กล่าวว่า “ใครที่ยันต์เกราะเพชรกระโดดหนีไป หาเจอตัวหรือยัง ?

ไปนึกถึงหลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม ของท่านทำวัตถุมงคลไว้ ถ้าหากว่าลูกศิษย์ทำไม่ดี วัตถุมงคลจะหนีกลับไปหาท่าน ท่านก็จะวางพานปูผ้าขาวรอไว้ พอเสียงดังแกร๊ก ก็..มาอีกแล้ว ..(หัวเราะ)..

ไปนึกถึงพระครูน้อยสมัยที่อยู่วัดท่ามะขามด้วยกัน ถามพระครูน้อยว่า “ทำอะไรหายอีกหรือเปล่า ?” ท่านบอกว่า “ไม่หายครับ” ออกบิณฑบาตก็ถามย้ำอีกว่า “พระครูน้อย..ทำอะไรหายหรือเปล่า ?” ท่านก็ตอบว่า “ไม่หายครับ” จนฉันเช้าเสร็จ ๘ โมงกว่าท่านมาบอกว่า “อาจารย์ครับ ตะกรุดเมฯ หายครับ” บอกไปว่า “มาอยู่กับผมตั้งแต่ตี ๕ แล้ว ถามคุณแล้วบอกว่าไม่หาย ผมจะอมไว้อยู่แล้ว..!””

นายกระรอก
18-12-2018, 19:54
พระอาจารย์กล่าวถึงแผ่นยันต์เกราะเพชรที่เปิดให้บูชาว่า “ถ้าหมดแล้วโปรดประกาศด้วย คนจะได้รู้ว่าหมดแล้ว

เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกที่มาได้เฉพาะวันอาทิตย์ก็นั่งน้ำตาเล็ดอีก นี่ขนาดจำหน่ายเสาร์นะ ถ้าจำหน่ายตั้งแต่วันศุกร์ก็น่าจะหมดไปแล้ว วันศุกร์ญาติโยมมารอกันมาก หลายคนมาจากต่างจังหวัดไกล ๆ คราวนี้เจ้าหน้าที่ยังนับไม่เสร็จ ไม่กล้าจำหน่าย เพราะว่ากลัวพลาด โดยเฉพาะเจออยู่ถุงหนึ่งหายไป ๘ แผ่น ไม่อย่างนั้นถ้ายกถุงขายให้เขาไป ก็เสียหายหลายแสนเลย กลายเป็นว่าโกงชาวบ้านอย่างไม่รู้ตัว

ถ้าถามว่าเป็นความผิดของคนซื้อไม่ใช่หรือที่ไม่เช็คยอดเสียก่อน ? ก็เราลองคิดดูว่าถุงไม่ได้แกะ เขาก็ย่อมเชื่อมั่นว่าจำนวนถูกต้อง โดยเฉพาะคนวัดคนวาเป็นคนจำหน่าย ถ้าเราเองไม่แกะออกมาตรวจสอบก่อน จะว่าไปแล้วต้องนับเป็นความผิดพลาดของเรา ไม่ใช่ไปโบ้ยให้คนซื้อผิด ลักษณะโบ้ยให้คนซื้อเขาเรียกว่า "ปัดสวะให้พ้นตัว" ผลักภาระรับผิดชอบ..ไม่ได้เรื่อง”

เถรี
20-12-2018, 09:04
เด็กน้อยก้มลงกราบ ท่านสอนว่า "กราบพระต้องนั่งคุกเข่านะลูก ไม่ใช่นั่งขัดสมาธิ"

เถรี
20-12-2018, 09:08
พูดถึงกิจกรรมปั่นจักรยาน Bike อุ่นไอรัก "คณะผู้จัดงานปีนี้เตรียมการได้ดีมาก อาจจะเป็นพระราชประสงค์ของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ด้วย เมื่อวานนี้เรื่องการแจกเสื้อ แจกหมวก ทำได้เรียบร้อยแล้วก็รวดเร็วมาก โดยปกติคนจำนวนมากขนาดนั้น โอกาสที่จะเสร็จเร็วแบบนั้นคงจะยาก ถ้าใช้ภาษาทหารของอาตมาก็คือ "ทำดีก็ทำได้ แล้วทำไมก่อนหน้านี้ไม่ทำ ?"

สมัยก่อนตอนรับราชการอยู่ ถึงเวลาผู้บังคับบัญชาก็จะด่า "ทำดีก็ทำได้ แล้วทำไมไม่ทำ ?" ก็ได้แต่หวังว่าหลังวันที่ ๙ ไปแล้ว การขี่จักรยานเพื่อสุขภาพจะยั่งยืนกว่านี้อีกหน่อย อาตมาดูชมรมคนรักจักรยานของทองผาภูมิแล้วอนาถใจ ตอนก่อตั้งชมรมสมาชิกเป็นร้อย เดี๋ยวนี้มีปั่นอยู่ ๒ คน แล้ว ๒ คนนี่อยู่บ้านเดียวกันด้วย

การจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จทั้งทางโลกทางธรรมนั้น มีอยู่อย่างหนึ่งที่เหมือนกันก็คือความจริงจังและสม่ำเสมอ ใครที่เป็นคนจริงจังสม่ำเสมอก็จะประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่า เพราะฉะนั้น..ถ้าทำกันแบบไฟไหม้ฟาง ฉาบฉวย ทำแค่ผู้บังคับบัญชาสั่ง ทำแค่เบื้องสูงสนใจ ถ้าอย่างนั้นก็ชาตินี้ก็เอาดีได้ยาก

ตั้งแต่ได้รับการทูลเชิญขึ้นครองราชย์ ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ก็ทรงมีโครงการ พูดง่าย ๆ ว่าปลอบขวัญประชาชน เพราะว่าทุกคนรู้สึกเหงาหรือว้าเหว่ที่สูญเสียในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไป พระองค์ท่านก็จัดโครงการอุ่นไอรักขึ้นมา ตอนนี้ก็ปั่นจักรยานต่อจากยุค Bike for Mom เรื่องแบบนี้ต้องบอกว่าเป็นข้างบนลดพระองค์ลงมาใกล้ชิดกับชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านไม่เหงา ไม่ว้าเหว่ รู้ว่าอยู่ในพระเนตรพระกรรณ

คราวนี้ก็อยู่ที่พวกเราว่าจะจริงจังและสม่ำเสมอสักเท่าไร ถ้าหาก "ขี้เกียจ" นำหน้าอยู่เหมือนเดิมก็เห่อแค่พักเดียว แบบเดียวกันท่านที่ซื้อเครื่องออกกำลังกายไปไว้ที่บ้าน มีความเพียรพยายามอยู่ไม่เกิน ๒ อาทิตย์ หลังจากนั้นก็เอาไว้ตากผ้า..!"

เถรี
20-12-2018, 09:11
"มีโยมถวายจักรยานออกกำลังกายไปให้ อาตมาปั่นจนกระทั่งสายพานขาด แล้วก็ให้พระท่านรื้อออกมา ซื้อสายพานมาใส่กันเอง ปั่นใหม่จนใกล้จะขาดอีกแล้ว ก็คือในเมื่อเขาต้องการให้ใช้งาน ก็ต้องเอาจริง ถามว่าปั่นจักรยานไม่เสียเวลาหรือ ? ไม่เสียหรอก ครึ่งชั่วโมง อาตมาปั่นไป อ่านหนังสือไป จักรยานไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนอยู่แล้ว เพราะว่าไม่มีล้อ ก็แค่ปั่นออกกำลังเฉย ๆ พอเหงื่อท่วมตัวดีก็นั่งอ่านหนังสือต่อได้อีก ๒๐ - ๓๐ นาทีกว่าเหงื่อจะแห้งแล้วค่อยไปสรงน้ำ

ดูตัวอย่างในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระองค์ท่านทรงงานหนักขนาดไหนก็ตาม ไม่เคยทิ้งการออกกำลังพระวรกาย ถ้าจำไม่ผิด พลตำรวจเอกวศิษฐ์ เดชกุญชร ตอนสมัยเป็นนายตำรวจติดตาม ทูลถามว่า ทำไมถึงต้องทรงออกกำลังด้วย ? พระองค์ท่านตอบว่า "ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็ดูแลประชาชนได้ไม่ดี"

อาตมาเองก็ไปนึกถึงหลวงปู่มหาอำพัน หลวงปู่อายุ ๘๐ กว่าปี ปั่นจักรยานออกกำลังวันละ ๑ ชั่วโมง อาตมากราบเรียนถามหลวงปู่ว่า "ปั่นไปทำไมครับ ?" ท่านตอบแบบที่อาตมาอึ้งมาก "หมอสั่ง..เป็นคนไข้อย่าดื้อกับหมอ" หลวงปู่ท่านอายุ ๘๐ กว่า ปั่นจักรยานวันละชั่วโมง อาตมานวดให้ท่านนี่ขาท่านแข็งเป๊กเลย กล้ามเนื้อดีกว่าหนุ่ม ๆ เยอะเลย นั่นเป็นเหตุที่ทำให้ท่านโรคภัยไข้เจ็บน้อย อยู่จนอายุ ๘๘ ปี"

เถรี
20-12-2018, 09:14
"ส่วนอาตมาเองเป็นคนงานมาก ไม่ว่าจะงานหลวง คือตามสายบังคับบัญชาของพระสงฆ์ หรือว่างานราษฎร์ คือการสงเคราะห์ญาติโยม สงเคราะห์หน่วยราชการหน่วยงานต่าง ๆ งานมาก รับตำแหน่งหน้าที่ ๑๗ - ๑๘ ตำแหน่ง จนจำไม่หมดว่าตัวเองมีตำแหน่งอะไรบ้าง พอเขาเรียกประชุมทีหนึ่งก็ต้องมานั่งปรับสมองกันทีว่าเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว

ตำแหน่งล่าสุดที่เขาเพิ่งจะโหวตเสียงเป็นเอกฉันท์ให้มา ก็คือประธานศูนย์ประสานงานสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีศูนย์ปฏิบัติธรรมอยู่ ๒๙ แห่ง แล้วมีที่กำลังจะตั้งอีกหลายแห่ง ในเมื่อพรรคพวกเพื่อนฝูงเห็นความสามารถ ผู้บังคับบัญชาท่านเห็นความสามารถ ปฏิเสธไปก็ไร้ประโยชน์ ก็ต้องรับไว้

คราวนี้การที่จะทำงานได้ดี ร่างกายก็ต้องแข็งแรง ไม่อย่างนั้นไปประชุมแค่ในเมือง นั่งรถไปกลับ ๒๘๐ กิโลเมตร มีใครอยากไปบ้าง โดนรถเขย่าอย่างเดียวก็ปางตายแล้ว บอกว่าอยู่กาญจนบุรี โยมว่า "โอ๊ย..ใกล้นิดเดียว" บอกว่า "อยู่ทองผาภูมิ" โยมร้องจ๊ากทุกราย ทองผาภูมินี่เป็นตัวอำเภอ แต่ห่างจากจังหวัด ๑๔๐ กิโลเมตร แล้วขึ้นเขาไปด้วย ๑๔๐ กิโลเมตร ไปกลับก็ ๒๘๐ กิโลเมตร นั่งรถไปทีเท่ากับข้ามภาคเลย

กรุงเทพฯ - เมืองกาญจน์ ๑๒๙ กิโลเมตร ข้าม ๓ จังหวัด ข้ามนครปฐม ข้ามราชบุรี ด้วยใช่ไหม ? กว่าจะถึงกาญจนบุรี แต่จากอำเภอเมืองไปอำเภอทองผาภูมิ ๑๔๐ กิโลเมตร ไกลกว่า ๓ จังหวัดอีก ในเมื่อโยมเขาเมตตาซื้อเครื่องออกกำลังให้ก็ใช้งานให้เขาสักหน่อย ร่างกายแข็งแรงขึ้น จะได้ทำงานได้มากขึ้น"

เถรี
20-12-2018, 22:32
พระอาจารย์เล่าว่า "พวกบรรดาเซียนพระเขามีความอดทนมาก เขาจะเทียวไปเทียวมา ไปเยี่ยมอยู่ตลอด ปี ๑ ก็แล้ว ๒ ปีก็แล้ว ๓ ปีก็แล้ว "พี่วัน" ของอาตมาตามจีบพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ ๒๐ ปีแล้วยังไม่เลิก น่าจะท้อได้แล้วนะ

บางคนเขามาโวยวายว่าทำไมอาตมาออกวัตถุมงคลราคาถูกมาก บอกไปว่าแค่นี้เขาไม่มีปัญญาจะบูชากันแล้ว บางอย่างในท้องตลาดราคาแพงจริง ๆ อย่างหนุมานหลวงพ่อสุ่น ถ้าหน้าโขนที่สวย ๆ ระดับ ๘ ล้านบาท ๑๐ ล้านบาทคนก็เอา อาตมาออกแค่ ๓๐,๐๐๐ บาท ๕๐,๐๐๐ บาท บ่นกันจัง อุตส่าห์ตั้งชื่อว่ากระทู้คนมีเงินฯ แล้วนะ ไว้จะเอาตัวที่พกอยู่มาออก ตัวนี้เป็นเนื้องาหายากหน่อย พกมาหลายปีเต็มทีแล้ว

ใครเจอหนุมานเนื้องา ราคาพอรับได้ ให้รีบคว้าไว้ก่อน เพราะถึงแม้จะไม่เป็นตามตำรา คือไม่ได้สร้างจากรากพุดซ้อน แต่เนื้องานี่บรรดาเซียนเขาคำนวณไว้นานแล้ว เผื่อเหลือเผื่อขาดเต็มที่มีไม่เกิน ๓๐๐ ตัว เขาคำนวณจากระยะเวลาที่ช่างจีนเขาแกะ ว่าหนุมานตัวหนึ่งใช้ระยะเวลาแกะนานเท่าไร ระยะเวลาที่ช่างอยู่รับใช้หลวงปู่นานเท่าไร สรุปแล้วว่าไม่เกิน ๓๐๐ ตัว

ปีก่อนโน้นอาตมาปล่อยไปตัวหนึ่งเป็นพิมพ์พิเศษ ปกติจะมีหนุมานจับเข่า หนุมานพนมมือ คราวนี้หนุมานยกหัวนิ้วโป้ง วันก่อนเพิ่งได้หนุมานหน้าพระพิฆเณศวร์มา ตายห่..พิมพ์นี้ก็มีด้วยหรือ ? ถามท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์บอกว่าชีวิตผมเพิ่งเห็นเป็นตัวที่ ๒ ถือว่าเราโชคดี เพราะว่าฝีมือแกะก็ใช่ ลายมือจารก็ใช่ ไม่สามารถจะเอาเป็นของคนอื่นได้ นอกจากของหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน แต่หนุมานอะไรหน้าพระพิฆเณศวร์ ? ช่างคงอยากได้ก็เลยแกะออกมาอย่างนั้น แต่ว่าองค์นี้เป็นรากพุดซ้อน ถ้าหากว่าเป็นเนื้องา โก่งราคาเป็น ๑๐ ล้านก็ได้แน่เลย พิมพ์พิเศษแบบนี้หายาก"

เถรี
20-12-2018, 23:22
พระอาจารย์กล่าวว่า "ชะราธัมมาหิ ความจริงคำนี้ต้อง ธัมเมหิ แต่ผิดจนกลายเป็นถูกไปแล้ว ชะราธัมเมหิ ชะรัง อะนะตีโต เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่อาจล่วงพ้นความแก่ไปได้

เมื่อเช้าบอกน้องกวางว่าหยุดสวยเสียบ้าง เพราะว่าอาตมาเห็นคนแก่สวยแล้วช้ามาก งานที่วัดท่าขนุนจะมีท่านเจ้าคุณเพิ่ม เจ้าอาวาสวัดเหนือ (วัดเทวสังฆาราม) ถามว่าวัดเหนือคือวัดอะไร ? วัดหลวงปู่ดี ถามว่าวัดหลวงปู่ดีสำคัญอย่างไร ? ก็เป็นวัดที่สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๙ คือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ท่านบวชเณรที่นั่น

ท่านเจ้าคุณเพิ่มจะไปวัดท่าขนุนทีไรก็จะชวนญาติโยมเก่า ๆ หลายคนไป แต่คณะเจ้าคุณเพิ่มไปไม่เคยทันสวดมนต์เลย พอถึงเวลานั่งลงก็จับมือ “ขอโทษท่านอาจารย์เล็ก” ถามว่าทำไม ? “โยมช้า” สงสัยว่าทำไมช้า? อ๋อ...คนแก่ ค่อย ๆ แต่งหน้า ๒ ชั่วโมง แก่แล้วกลัวว่าจะไม่สวยค่อย ๆ แต่งหน้าไป ๒ ชั่วโมง

ท่านเจ้าคุณก็อดทนมากเลยนะ...รอ ถ้าเป็นอาตมาไปนอนรอที่วัดท่าขนุนแล้ว อีก ๒ ชั่วโมงค่อยตามไปก็แล้วกัน แต่ท่านก็รอ ต้องบอกว่าท่านเมตตาโยม อาตมาไม่ค่อยเมตตาหรอก ถ้าช้าก็ทิ้งเลย ลองมานึกถึงว่าคนแก่นั่งแต่งหน้า ๒ ชั่วโมง เหนื่อยนะ..เหนื่อยมากด้วย เพราะต้องทำอย่างนั้นทุกวัน"

เถรี
20-12-2018, 23:24
"ถึงได้เตือนสาว ๆ ว่าอย่าสวยมาก ถ้าเกิดเคยชินแล้ว ไม่แต่งแล้วจะออกจากบ้านไม่ได้ อาตมาเห็นใครมีแฟนแล้วไม่แต่งหน้า คุณเอ๋ย...โชคดีที่สุดในชีวิตเลย ไม่อย่างนั้นเงินเดือนคุณไม่พอให้แฟนแต่งหน้าหรอก ยิ่งถ้าอายุเริ่มมากแล้วด้วยละก็

อาตมาไปยุโรป เพื่อนพระเข้าร้านปลอดภาษีซื้อครีมหน้าเด้ง ซื้อคนหนึ่ง ๗๐,๐๐๐-๘๐,๐๐๐ บาท ถามว่า “เฮ้ย...เป็นพระเอาไปทำอะไรวะ ?” “โยมฝากซื้อ” คนขายก็ประเภทเป็นที่เข้าใจกัน ไปถึงก็บอก “เอาครีมป๋าเบิร์ด” เขารีบจัดให้ แสดงว่าป๋าเบิร์ดใช้แล้วได้ผล กลายเป็นพรีเซ็นเตอร์โดยไม่รู้ตัว ถามว่าป๋าเบิร์ดอายุขนาดไหน ? ก็รุ่นอาตมานี่แหละ ป๋าเบิร์ดยังหน้าเด้งอยู่เลย อาตมานี่เหี่ยวหมดแล้ว

ถ้าหากว่าใจเรายอมรับความเป็นธรรมดาก็จะสบาย มีความสุขดี ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อตัวเองมาก แก่แล้วก็ต้องอ้วน แก่แล้วก็ต้องเหี่ยว แก่แล้วก็ต้องเดินหลังค่อม แก่แล้วก็ทำอะไรไม่ได้อย่างใจ ถ้ายอมรับธรรมดา...ก็ไม่เหนื่อย ถ้าไม่ยอมรับนี่ต้องดิ้นรนให้ดูไม่แก่ จะเหนื่อยมาก ไม่เหนื่อยอย่างเดียว เปลืองสตางค์อีกด้วย

ใครที่ชอบแต่งหน้าแต่งตัว ลองเก็บเงินค่าแต่งหน้าแต่งตัวดู อาตมาว่าไม่กี่ปีหรอก...ซื้อบ้านได้เป็นหลัง สมัยอาตมายังวัยรุ่นอยู่มีเพลงของสังข์ทอง สีใส “เครื่องสำอางขวดเท่านิ้วก้อย ร้อยสองร้อยเที่ยวหาซื้อมา ห่วงแต่แต่งตัว แม่ทูนหัวลืมซื้อน้ำปลา” เข้าครัวไปไม่มีน้ำปลา...ผัวโกรธ แต่งเพลงด่าเมียเลย รุ่นอาตมาน้ำปลาขวดหนึ่ง ๒ บาท สิบสลึง เครื่องสำอาง ๑๐๐-๒๐๐ บาทซื้อได้ น้ำปลา ๑๐ สลึงลืมซื้อ ใครมีแฟนแบบนั้นก็ทน ๆ เอาก็แล้วกัน ก็ดันไปชอบคนสวยเอง"

เถรี
20-12-2018, 23:27
"บางคนก็กลัวไม่สวยกลัวไม่หล่อ พึ่งมีดหมอครั้งแล้วครั้งเล่า อาตมาชื่นชมคนพวกนี้มาก ชื่นชมตรงที่ว่ากฎของกรรมไม่ตามหา ก็ยังทะลึ่งวิ่งไปหาเอง ก็คือเรื่องของกรรมปาณาติบาตเก่านี่อย่างไรเราก็ต้องเจ็บ ก็ต้องป่วยอยู่แล้ว อันนี้วิ่งไปหาความเจ็บเอง เต็มใจชดใช้เขาเลย ชื่นชมมาก ไม่เหมือนอาตมาหรอก...หนีได้หนีสุดชีวิต ไม่ค่อยจ่ายหรอก ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็ไปหาเจ้ากรรมนายเวร ถึงเวลาโดนเข็มบ้าง โดนมีดบ้าง ฯลฯ กลับมาแต่ละทีหน้าตาหัวหูบวมจนดูไม่ได้ ทนเจ็บไปเป็นอาทิตย์ ๆ

เต็มใจชดใช้กฎของกรรมอย่างน่าชื่นชม แต่อย่าไปทำเลยนะ...เจ็บ ความอดทนไม่พอสวยไม่ได้หรอก บางคนพอมาสวยไม่ได้ดั่งใจต้องไปแก้ใหม่อีก เจ็บแล้วเจ็บอีก เป็นอันว่าเก่งกว่าอาตมา อาตมาจะยอมทนก็ต่อเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ส่วนของโยมเขาวิ่งไปหาความเจ็บปวดเอง"

เถรี
20-12-2018, 23:31
พระอาจารย์หยิบปฏิทินขึ้นมา "นี่คือเครื่องวัดสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ปีไหนเศรษฐกิจดีปฏิทินจะเยอะมาก ถ้าปีไหนเศรษฐกิจไม่ดีก็มีแค่ไม่กี่หน่วยงานที่กล้าทำปฏิทินแจก แต่ว่าทางภาคอีสานทำปฏิทินรูปอดีตนายกฯ ทักษิณ กับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ โดนทหารตามถึงบ้าน

อาตมาดูแล้วก็ขำ ๆ ถ้าตำรวจทหารบ้านเราขยันจับอาวุธสงครามหรือยาเสพติดเท่ากับจับปฏิทิน บ้านเราคงจะเจริญกว่านี้อีกเยอะ บางอย่างก็ต้องบอกว่าผู้บังคับบัญชาไม่รู้ แต่บรรดาลูกน้องโง่แล้วขยัน กลัวคะแนนเสียงเจ้านายจะดีเกินไป ช่วยจับให้ ความซวยก็มาเยือนเจ้านาย โดนด่าไปเถอะ"

เถรี
21-12-2018, 09:17
มีโยมเอายาลมมาถวาย "อัมพฤกษ์ อัมพาต คือ โรคที่เกิดจากลม หรือลมเดินไม่ดี โบราณของเรามีภูมิปัญญาในการแก้ไข อย่างหนึ่งก็คือใช้ยาแก้ลม

ยาแก้ลมบ้านเราที่ติดตลาดมาจนทุกวันนี้ ก็อย่างยาหอมตราห้าเจดีย์ ยาหอมภูลประสิทธิ์ ตราพระอาทิตย์ดั้นเมฆ ยาหอมอินทรโอสถ ตราแท่งทอง อันนี้ไม่ต้องโฆษณาให้เขา ของเขาดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกยาแก้ลม ๑๐๘

โบราณเขารู้อยู่แล้วว่าร่างกายคน ประกอบด้วยธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ถ้าอย่างไหนบกพร่องหรือว่าเกิน โรคภัยไข้เจ็บก็จะเกิดขึ้น แต่ว่าในเรื่องของการแก้ธาตุลมนี้ ยังมีอีกวิชาการหนึ่งคือการนวด นวดเพื่อให้เลือดลมเดินดีขึ้น หมอนวดเก่ง ๆ นี่คิวยาวจนกระทั่งบอกไม่ถูก มีหมอนวดไทยคนหนึ่งไปชนะเลิศการนวดแผนโบราณของโลก ฝรั่งจองคิวยาวข้ามปีเลย ค่าตัวแพงมาก ชั่วโมงละ ๒,๕๐๐ บาท ก็เลยไปนึกถึงที่คนโบราณบอกว่า ‘อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล จะได้ชักเชิดชูฟูสกนธ์ ถึงคนจนพงศ์ไพร่คงได้ดี’ ช่วยให้วงศ์ตระกูลเจริญไปด้วย"

เถรี
21-12-2018, 09:33
"ในหลวงรัชกาลที่ ๑ ทรงมีวิสัยทัศน์ยาวไกลมาก ระดมสรรพความรู้เอาไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ที่ชาวบ้านเรียกว่าวัดโพธิ์ โดยเฉพาะความรู้ด้านการนวดแผนโบราณ ด้านกายบริหารเพื่อแก้โรคภัย เพราะฉะนั้น..ตำรานวดหรือว่าตำราฤๅษีดัดตน ถ้าใครขยันทำก็เหมือนกับสมัยนี้ที่เขานิยมเล่นโยคะ ถึงเวลาก็บอกว่าท่านี้แก้ลมในอก ก็ดัดไปตามฤๅษี ไปเดินดู ๆ เอาก็แล้วกัน พักเดียวก็จำได้หมดแล้ว แต่ว่าบางท่านี่แค่เห็นก็ท้อแล้วว่าเราจะดัดไหวไหม นี่เป็นภูมิปัญญาโบราณ

สมัยนี้ก็ต้องบอกว่าถ้ารู้จักรักษาสุขภาพก็ไม่ต้องหาหมอบ่อย ๆ ถ้าไม่รักษาสุขภาพก็ต้องกินยาแทนข้าว เพราะฉะนั้น..ถ้าแก่แล้วรู้สึกร่างกายไม่ปกติ ถามว่าแก่แล้วนี่ต้องขนาดไหน ? ก็หลัง ๓๐ ปีไปแล้ว เริ่มหายาลมมาเก็บ ๆ ไว้บ้าง ใกล้มือใกล้ไม้ถึงเวลาจะได้ช่วยได้ ถ้าถามว่ายาลมประเภทไหน ? เอายาแก้ลม ๑๐๘ ครอบจักรวาลไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็พอช่วยได้ แต่ถ้าขนาดเป็นลมไปแล้วก็โน่น...พวกยาหอมภูลประสิทธิ์ ตราพระอาทิตย์ดั้นเมฆ แรงสุด ๆ อาตมาชิมไปทีหนึ่ง ยี่ห้อนี้คนตายยังฟื้นเลย..!"

เถรี
21-12-2018, 22:00
พระวัดอื่นขอพระวัดท่าขนุนให้ไปอยู่ช่วยงานที่วัด "ท่านขอให้ไปช่วยท่าน เพราะว่าปีนั้นท่านแทบจะไม่มีพระอยู่เลย ที่แน่ ๆ ญาติโยมแถวนั้นติดใจพระวัดท่าขนุน เพราะไปแล้วช่วยทำให้วัดวาอารามสะอาดสะอ้าน ทำนั่นทำนี่ คนอื่นเขาอยู่เฉย ๆ อาตมาแค่สอนพระไม่ให้ขี้เกียจเท่านั้นแหละ ไม่ได้สอนอะไรมากมาย อย่างที่เขาบอกว่าพระอาจารย์เล็กอบรมพระดี ไม่ได้อบรมหรอก...ส่วนใหญ่ผมด่า...!

วัดต่างจังหวัดในช่วงพรรษา พระทั้งตำบล ๕-๖ วัดรวมกันจะได้ ๔๐ รูปก็ยากแล้ว วัดท่าขนุนเองขนาดออกพรรษาแล้วยังเหลือ ๔๐ กว่ารูป ต่างจังหวัดออกพรรษาส่วนใหญ่จะเหลือแต่เจ้าอาวาสกับเณร หรือไม่ก็เหลือแต่เจ้าอาวาสรูปเดียว

มีวัดหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอรูปหนึ่ง อยู่รูปเดียวมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว นั่นท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอนะ เจ้าคณะอำเภอนี่ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ด้วย บวชพระปีหนึ่งไม่ใช่น้อย ๆ แต่พระไม่สามารถจะอยู่ได้ โบราณถึงได้บอกว่า ต้นไม้ใหญ่โคนต้องเย็น ถ้าโคนไม่เย็นก็ไม่มีอะไรอาศัยได้ เตลิดเปิดเปิงไปหมด"

เถรี
21-12-2018, 22:05
"วันก่อนพระครูบุญยงค์ สมณศักดิ์ของท่านก็คือ พระครูภาวนาวิริยานุโยค เป็นพระครูสายวิปัสสนา ท่านบอกว่า “ท่านอาจารย์เล็ก...ขอแม่ชีหน่อยสิ ที่วัดผมนี่มีพระอยู่ ๓ รูป แล้วไม่มีแม่ชีเลย ทำอะไรลำบากมาก หาคนประเคนของยังไม่ได้เลย” ก็เลยบอกท่านว่า "ท่านอาจารย์เกลี้ยกล่อมเอาเองแล้วกัน แม่ชีวัดผมเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ตั้งหลายรูป ถ้าเขายอมไปผมก็ยกให้เลย" แม่ชีที่วัดไปเรียนวิปัสสนาภาวนาที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมธรรมโมลีอยู่หลายรูป ก็เลยบอกให้ไปเกลี้ยกล่อมเอาเองก็แล้วกัน

แม่ชีที่วัดมีเยอะ...รำคาญ...เรื่องมาก ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงเรื่องเล็กเรื่องน้อยอะไรก็ไม่รู้ เก็บเอามาคิดหมด เก็บมาคิดอย่างเดียวไม่พอ ยังทำเอาเจ้าอาวาสปวดหัวไปด้วย กลัวว่าตัวเองจะปวดหัวคนเดียว ชอบเอาเรื่องโน้นมาฟ้อง เอาเรื่องนี้มาฟ้อง ฟ้องแล้วไม่ได้กล่าวหาตรง ๆ นะ “อ้อมข้าง” อาตมาเองก็บอกว่า บังเอิญอาตมาเป็นเจ้าอาวาสที่ค่อนข้างจะโง่ ถ้าไม่บอกตรง ๆ นี่ฟังไม่เข้าใจหรอก ปล่อยเขาไปทะเลาะกันเอง"

ถาม : ทำไมผู้หญิงส่วนใหญ่จึงเป็นแบบนั้นคะ ?
ตอบ : ก็เพราะว่าส่วนน้อยไม่ไปบวช..! ชอบคิดเล็กคิดน้อย เรื่องไม่ควรเก็บก็เก็บ

นายกระรอก
22-12-2018, 19:42
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า “นามสกุลดีมาก ที่ชมว่านามสกุลดีเพราะว่าสนธิตรงตามหลักบาลีเป๊ะ ๆ ไม่เหมือนกับสมัยนี้ ตั้งนามสกุลส่งเดช ตั้งชื่อส่งเดช จะเอาแต่ตัวเลขมงคล อ่านก็ไม่ออก แปลก็ไม่ได้ หลายต่อหลายคนก็เปลี่ยนไป ๗ - ๘ รอบแล้ว ก็ยังเปลี่ยนอยู่นั่นแหละ

ถ้าหากว่าจะทำอะไรเกี่ยวกับภาษาไทย โน่น..ต้องนึกถึงปราชญ์แห่งภาษาไทย สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ในหลวงรัชกาลที่ ๖ นั่นสุดยอดนักปราชญ์ภาษาไทยเลย แค่ที่พระองค์ท่านพระราชทานตั้งนามสกุลให้ทั่วประเทศ ก็ต้องบอกว่าอัจฉริยภาพที่หาใครเสมอเหมือนไม่ได้”

นายกระรอก
22-12-2018, 19:45
“อย่างต้นตระกูลของพลอากาศเอกสิทธิ เศวตศิลา เป็นชาวต่างชาติ นามสกุลอลาบาสเตอร์ อลาบาสเตอร์คือหินอ่อนสีขาว พระองค์ท่านก็แปลงนามสกุลมาเป็น “เศวตศิลา” หินขาวเหมือนกัน

หรือไม่ก็อย่างท่านอาจารย์ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ชื่อเดิมก็คือคอร์ราโด เฟโรจี สามารถออกเสียงเป็นไทย แถมยังใกล้เคียงต่างชาติอีกด้วย

ไปดูชื่อพระตำหนักที่นครปฐมสิ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ สุดยอด..ได้ทั้งภาษาอังกฤษ ได้ทั้งภาษาไทย ได้ทั้งภาษาบาลี “ชาลี” แปลว่าความเจริญรุ่งเรือง มาจาก "ชาละ" ของบาลี แล้วชาลี..ชื่อฝรั่งชัด ๆ ให้เราคิดจนหัวแตกก็คิดไม่ออก ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก
22-12-2018, 19:50
พระอาจารย์กล่าวกับผู้สูงอายุที่มาทำบุญว่า “มาสี่ขาแล้วนะ ..(หัวเราะ).. เขาว่า “เมื่อเด็กมีสี่ขา เดินไปมาร้องแง ๆ” ใช่ไหม ?

ตอนเด็กมี ๔ ขา หนุ่มสาวมี ๒ ขา แก่ไปมี ๓ ขา ก็พวกเรานี่แหละ ตอนแก่มีไม้เท้าเพิ่มมาอีกขาหนึ่ง แต่สมัยนี้วอล์คเกอร์บางรุ่นก็มีเกิน ๔ ขานะ บางท่านมีวอล์กเกอร์แบบล้อมรอบตัวเลย ถึงเวลาก็เปิดคอกเดินเข้าไป แล้วก็ค้ำรอบข้าง ไม่มีลูกหลานช่วยก็ต้องอาศัยวอล์คเกอร์ ต้องอาศัยไม้เท้าเอา

มีพระบาลีอยู่บทหนึ่งแปลเป็นไทยว่า “ไม้เท้าของผู้เฒ่า ดีกว่าลูกเต้าอกตัญญู” โห..แสบมาก เพราะว่ามีพราหมณ์อยู่ท่านหนึ่ง มอบสมบัติทรัพย์สินทั้งหมดให้กับลูก ปรากฏว่าลูกไล่ออกจากบ้าน ไม่ยอมเลี้ยง ต้องไปเป็นขอทาน ไปเจอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เข้าไปขอความเมตตาให้ช่วยสงเคราะห์ด้วย เพราะว่าลูกไม่เลี้ยง พระองค์ท่านบอกว่า จะให้คาถาไปบทหนึ่ง ให้ไปยืนประกาศกลางตลาด ถ้าหากว่ามีคนสนใจมาก ๆ แล้วถามว่าเพราะเหตุใดถึงว่าแต่พระคาถานี้ ? ก็ให้เล่าเรื่องให้เขาฟัง แล้วท่านก็ให้คาถาไปเป็นภาษาบาลี แปลเป็นไทยว่า “ไม้เท้าของคนเฒ่า ดีกว่าลูกเต้าอกตัญญู”

พอพูดไป ๆ คนมาล้อมมากขึ้น ๆ มีคนถามว่าหมายความว่าอย่างไร ? แกก็เล่าให้ฟังว่ามอบสมบัติให้แล้วลูกไม่ยอมเลี้ยง ไล่ออกจากบ้านมา เรื่องก็ลือไปทั้งเมือง ท้ายสุด..ลูกโดนคนตราหน้าว่าอกตัญญู ทนอยู่ไม่ได้ ต้องมารับพ่อกลับไปเลี้ยง ดังนั้น..บางคนเขาบอกว่า ถ้าหากว่าลูกเต้าไม่กตัญญูให้ท่องคาถานี้ ..(หัวเราะ).. ถ้าจะเอาขลังอย่างเดียวก็ลองดู แต่อาตมาว่าปฏิบัติจะดีกว่า”

นายกระรอก
22-12-2018, 19:53
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยอยู่วัดท่าซุง แต่ละงานพวกอาตมาจะเตรียมเครื่องสังฆทานไว้ ๓๐๐ ชุด เพื่อที่จะได้มีหมุนเวียนในการถวายหลวงพ่อ ก็กะว่าก่อนจะหมด ๓๐๐ ชุด จะต้องมีเวียนกลับมาเพื่อให้เราจำหน่ายให้กับบุคคลที่ต้ังใจผาติกรรมไปถวาย ปรากฏว่าอยู่ ๆ ทำไมถึงขาดช่วงลงได้ ดูไปดูมาหายไปเยอะมาก ก็เลยให้ตำรวจทหารไปถามดูว่าเกิดอะไรขึ้น ? มีใครยกเครื่องสังฆทานไปทางด้านไหนหรือเปล่า ? ปรากฏว่ามีโยมจากอีสานมาสองคันรถบัส บอกว่าเครื่องสังฆทานที่นี่ถูกดี ก็เลยช่วยกันเหมาซื้อยกกลับบ้านไปเลย คันรถหนึ่ง ๔๐ คน สองคันรถล่อไป ๘๐ ชุด..! โทษเขาไม่ได้ด้วยนะ เพราะว่าเป็นการเข้าใจผิด และไม่เป็นหนี้สงฆ์ด้วย เพราะว่าเขาผาติกรรมคือชำระแล้ว เพียงแต่ไม่ใช่ราคาตลาด เป็นอะไรที่อนาถมาก ..(หัวเราะ)..

เรื่องตลก ๆ ในวงการสงฆ์แบบนี้มีเยอะมาก แต่บางทีก็เป็นเรื่องตลกที่หัวเราะไม่ออก ถ้าไม่ได้เจอด้วยตัวเองก็ไม่นึกว่าจะเป็นไปได้ ในความรู้สึกของคนทั่ว ๆ ไป ไม่ว่าคุณไปวัดไหน ถ้าหากว่าไม่ได้พกพาปัจจัยไทยธรรมไปเอง ก็ไปผาติกรรมเครื่องสังฆทาน หรือบูชาดอกไม้ธูปเทียนที่วัด เพื่อไปไหว้พระหรือว่าไปถวายหลวงพ่อ ปรากฏว่าที่นี่เขาเข้าใจอย่างไรว่าพวกเราวางขาย ช่วยกันซื้อจนเกือบหมด ถ้าเปิดร้านแล้วขายดีแบบนี้ก็สบายเลย ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก
22-12-2018, 19:54
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีโยมคนหนึ่งไปพักอยู่ที่วัดเกือบเดือน มีบาดแผลที่แข้งที่ขาที่ไหล่เต็มไปหมด เดินกระย่องกระแย่ง ถามว่าไปโดนอะไรมา ? ปรากฏว่าไปเดินผ่านราชประสงค์ตอนระเบิดพอดี เขาบอกว่าเก็บชีวิตตกมาได้ ก็เลยรีบเข้าวัดทำบุญ ทั้งที่มีแผลเต็มตัว พวกที่วางระเบิดฆ่าตัวตายนี่ไม่ได้คิดถึงบาปบุญคุณโทษอะไรเลย ไม่ว่าคุณจะหวังผลทางการเมืองหรือหวังผลทางอะไรก็ตาม ที่เจ็บที่ตายเป็นชีวิตผู้บริสุทธิ์ล้วน ๆ”

นายกระรอก
22-12-2018, 20:02
พระอาจารย์กล่าวว่า “สรุปว่าเอาไว้บรรจุไม้เท้าใช่ไหม ? ..(หัวเราะ).. อาตมาเคยเห็นที่เขาใส่แบบพิมพ์เขียวหรือไม่ก็รูปถ่ายแบบใหญ่ ๆ นี่เล่นเอาไว้บรรจุไม้ถือ

ไม้ถือวัดท่าขนุนตามตำราครูบาอาจารย์ให้หันหัวไปทิศตะวันตก หันปลายไปทิศตะวันออก อย่าหันผิดนะ มีโทษด้วย ทางด้านหัวใช้ตัดเคราะห์ ใช้สอนกรรมฐาน แล้วก็สงเคราะห์คนตามคำอธิษฐาน ขอให้เขาสำเร็จ ถ้าสอนกรรมฐานใช้คาถา “นะโมพุทธายะ” ถ้าตัดเคราะห์ใช้ “ภะสัมสัมวิสะเทภะ” ถ้าให้สำเร็จว่า “สัมปฏิจฉามิ”

ด้านปลายให้ลาภอย่างเดียว ท่านเตือนว่า ถ้าไม่มียถากัมมุตาญาณ รู้ว่าวาระกรรมเขาจะให้ผลดีจริง ๆ แล้วไปสงเคราะห์ส่งเดชด้วยการใช้ปลายให้ลาภเขา ตัวเองจะโดนตัด คำว่าตัดก็คือของเรามีเท่าไรก็ต้องให้คนนั้นไป เพราะฉะนั้น..ด้านปลายโปรดอย่าใช้ส่งเดช

มีอยู่เที่ยวหนึ่งตอนที่ยังอยู่บ้านอนุสาวรีย์ชัย อาตมาก็วางไม้ครูไว้บนพาน ก็มีเรืออากาศโทนายทหารอากาศท่านหนึ่ง เห็นอาตมาไม่ยอมใช้ปลาย เขาก็เอาหัวไปชนเอง ปรากฏว่างวดนั้นทะลึ่งถูกหวยอีก อาตมาเลยต้องเก็บไม้ครูไปเลย ขนาดเอาหัวชนเองยังถูกหวยได้..! อาตมาเอาใส่พานวางไว้บนหลังตู้ เขาบอกว่าขอให้ช่วยใช้ปลายเคาะหัวให้หน่อย อาตมาบอกว่าไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าขอมากขอน้อยเท่าไร พอไม่เคาะให้ก็เลยเอาหัวไปชนเอง ก็ได้เหมือนกัน”

นายกระรอก
22-12-2018, 20:07
พระอาจารย์กล่าวว่า “เข้าใจคำว่ากุมารไหม ? “กุ” ภาษาบาลี แปลว่า ในความเกลียด “มาระ” แปลว่าผู้ฆ่า กุมาระ หรือ กุมารี แปลว่าผู้ฆ่าซึ่งความเกลียด เพราะฉะนั้น..เด็กจะน่ารักทุกคน แต่ต้องเป็นลูกคนอื่นนะ เป็นลูกเราเมื่อไรก็เด็กนรกชัด ๆ ..(หัวเราะ)..

จะว่าไปแล้วโบราณเราบัญญัติศัพท์ลึกซึ้งมาก แต่ละอย่างถ้าเราเข้าถึงรากศัพท์จะรู้ว่าโบราณเก่งสุดยอด แต่ว่าบางทีขนาดราชบัณฑิตก็จนแต้ม พระยาอนุมานราชธนท่านชำระพจนานุกรม ตัดสินใจไม่ได้ว่า ตูดกับก้นต่างกันตรงไหน ? ให้คำจำกัดความไม่ได้ ท่านเจ้าคุณก็เครียด ท้ายสุด..หมดวันแล้วกลับบ้านดีกว่า สมัยโน้นก็แต่งชุดราชปะแตน ใส่หมวกถือไม้เท้าด้วย ท่านก็เดินก๊อก ๆ ๆ กลับบ้าน

ต้องบอกว่า ด้วยความที่ท่านทำงานเพื่อแผ่นดิน เทวดาจึงดลใจ เดินผ่านวงเด็กเล่นกันอยู่ เขาเล่นทอยกอง “ถ้าเอ็งแพ้โดนเตะตูดนะ” อีกคนบอกว่า “ตูดเตะไม่ได้ เอ็งต้องเตะก้น” คนแรกถามว่า “แล้วก้นกับตูดต่างกันตรงไหน ?” “อ๋อ ตูดใช้ขี้ ก้นใช้นั่ง เพราะฉะนั้น..เอ็งเตะได้แต่ก้น” เท่านั้นแหละ ท่านเจ้าคุณฟ้าแจ้งจางปางเลย กลับไปเขียนคำบรรยายได้เลยว่าตูดกับก้นต่างกันตรงไหน ลักษณะนี้เรียกว่าเทวดาดลใจ เห็นหมดท่าจริง ๆ ท่านก็ช่วยยื่นมือมาสงเคราะห์ เพราะว่าสิ่งที่ท่านเจ้าคุณพระยาอนุมานราชธนทำก็เพื่อประโยชน์ของคนทั้งชาติ”

นายกระรอก
22-12-2018, 20:12
พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ท่านมีอาชีพให้หวย ใครไปหาหลวงพ่อเนื่องถ้าอยากได้หวยงวดนั้นเลย ให้ตัดท้ายเล่นตัวเดียว ถูกแน่ ๆ ท่านให้จนไม่อยากจะให้ ท่านก็เขียนขึ้นกระดานไว้ให้เลย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "เล่นหวยหลวงพ่อเนื่องต้องรู้เคล็ด ให้ตาม ๒๐ งวด"

อาตมากราบเรียนถามว่า "ตาม ๒๐ งวด ตามอย่างไร ?" ท่านบอกว่า งวดที่หนึ่ง ถ้าเราเล่น ๑๐ บาท งวดที่ ๒ ให้เล่น ๒๐ บาท งวดที่ ๓ ให้เล่น ๓๐ บาท งวดที่ ๔ ให้เล่น ๔๐ บาท ท่านบอกว่า ถ้าออกงวดไหนเราจะได้คุ้ม ถามว่าแล้วทำไมต้องตามเยอะขนาด ๒๐ งวด ? ท่านบอกว่า บุญคนไม่เท่ากัน ถ้าหากว่าคนที่ไม่ได้สร้างบุญทางด้านนี้มา ถ้าเขาเล่นด้วย ตัวเลขจะเคลื่อน เราต้องตามไปเรื่อยจนกว่าจะถึงวาระบุญของเรา ซึ่งจะไม่เกิน ๒๐ งวด แล้วท่านก็บ่นตอนที่หลวงพ่อเนื่องมรณภาพ ท่านบอกว่า “ไอ้พวกนี้นะ พระอรหันต์ทองคำทั้งองค์ มันไม่ขอธรรมะเลย มันขอกันแต่หวย” อาตมาเองก็โดนด่าไปด้วย เพราะว่าสมัยก่อนก็ไปขอหวยเหมือนกัน ..(หัวเราะ).. ก่อนบวชก็ไม่ได้คิดที่จะไปขอธรรมะ เพราะไม่ทราบจริง ๆ ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ หลวงพ่อวัดท่าซุงมาบอกตอนท่านมรณภาพแล้ว บอกว่าขอหวยจนพระอรหันต์มรณภาพไปทั้งองค์..!

ท่านบอกว่า หวยหลวงพ่อเนื่องถ้าอยากได้งวดนั้นเลย ให้ตัดท้ายเล่นตัวเดียว อาตมาเองเล่นหวยไม่เป็น เป็นแต่แทงตรง ๆ ก็เลยไม่รู้ว่าตัดท้ายเล่นอย่างไร แต่พี่ชายเขาเล่นเป็น โดยเฉพาะไปดักเอาหวยหลวงพ่อวัดท่าซุง”

นายกระรอก
22-12-2018, 20:15
พระอาจารย์กล่าวถึงปฏิทิน ““ทินนะ” แปลว่าวัน “ปฏิ” แปลว่ากลับ ที่กลับเพราะว่าเขาพลิกทีละหน้า

แบบเดียวกับปฏิวัติ “วัตนะ” ก็หมุนวน “ปฏิวัติ” ก็หมุนกลับ ก็แปลว่าถอยหลังเข้าคลองน่ะสิ ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก
22-12-2018, 20:19
พระอาจารย์กล่าวว่า “โยมถวายของแบบนี้ต้องเช่ารถให้อาตมาคันหนึ่งนะ ไม่อย่างนั้นขนไปไม่ได้ ..(หัวเราะ).. สมัยก่อนหลวงตาจันทร์ยังอยู่ ไปวัดป่าชัยรังสี ท่าน ถวายตู้เย็น ถวายเครื่องคอมพิวเตอร์ ถวายเครื่องพิมพ์ ถวายข้าวสารเป็นกระสอบ ท้ายสุดก็ถวายรถกระบะพร้อมคนขับไปด้วย ไม่อย่างนั้นพระขนของกลับไม่ได้”

นายกระรอก
23-12-2018, 20:45
พระอาจารย์กล่าวว่า “เล่นเอาทองคำหย่อนไว้ในซองนี้ โยมบอกว่าให้หล่อพระทองคำ แต่เขียนมาอย่างชัดเจนว่าทองคำขาว ตูละเครียด..! ที่หนักกว่านั้นก็คือส่งแผ่นทองเหลืองไปลังหนึ่ง เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า "ร่วมหล่อพระพุทธรูปทองคำครับ" อาตมาคงต้องใช้กสิณเปลี่ยนทองเหลืองเป็นทองคำเสียก่อน..!

ต่อให้การทำบุญก็ต้องมีปัญญาประกอบด้วย พระพุทธเจ้าเอ่ยถึงหลักธรรม เราจะเห็นว่าแทบทุกหมวดจะมีปัญญาประกอบท้าย จะหล่อพระพุทธรูปทองคำ แต่ส่งทองเหลืองไปให้ อาตมาก็อึ้งเหมือนกัน”

นายกระรอก
23-12-2018, 20:49
พระอาจารย์กล่าวกับพระนิสิตว่า “ปริญญาเอก ๓ เดือนทำไม่ทันหรอก อย่าคิดว่าปีกว่า ๆ นะ ต่อสถานภาพปีละ ๕๐,๐๐๐ บาท ค่ารักษาสถานภาพนักศึกษาแพงมาก ปีละ ๕๐,๐๐๐ บาท อาตมาให้ทุนการศึกษาเด็กได้ตั้งเยอะ

ต้องบอกว่ารุ่นของคุณไม่แข็ง ที่ไม่แข็งก็คือไม่มีใครเป็นผู้นำ อย่างของพวกผมถึงเวลาก็ผูกขาติดกันเลย ๖ รูป ๗ รูป แล้วบุกไปหาท่านอาจารย์พร้อม ๆ กัน ถึงเวลาท่านอาจารย์ตรวจผ่านเสร็จ กำหนดวันสอบให้ผมเลย ไปถึงก็วิ่งหาท่านอาจารย์เอื้อย ช่วยประกาศลงเว็บเลยครับ ไปกดดันท่านอาจารย์ ไม่อย่างนั้นแล้วเราไม่ได้สอบหรอก เพราะว่ายิ่งช่วงท้าย ๆ มกราคม กุมภาพันธ์ งานของอาจารย์จะมาก เพราะว่าปริญญาโทก็ประดังเข้ามาด้วย อาจารย์บางท่านคุมวิทยานิพนธ์เกินที่ สกอ.เขากำหนดไว้

ปกติปริญญาเอกเขาให้คุมคนละ ๖ เล่ม บางคนคุม ๒๐-๓๐ เล่ม แต่ใช้วิธีทยอยออกเป็นชุด ๆ กลัว สกอ.เขารู้ อาตมาเคยดูทีหนึ่ง ๙ เล่ม บอกว่าไม่ไหวแล้ว มากกว่านี้เดี๋ยวจะไม่มีคุณภาพ ฉะนั้น..ถึงเวลาก็ส่งสอบไปชุดแรก ๖ เล่ม สอบเสร็จแล้วชุดหลังดึงเกมไว้ก่อน รออีกสัก ๒ เดือนให้เขาลืม ๆ หน้าแล้วค่อยส่งไปใหม่อีก ๓ เล่ม ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาจำได้ว่าไอ้นี่คุมมาตั้งหลายเล่มแล้วยังมีอีก ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก
23-12-2018, 20:50
ถาม : สกอ.ดูของมหาวิทยาลัยสงฆ์ด้วยหรือครับ ?
ตอบ : เขาคุมหมด เพราะว่ามหาวิทยาลัยสงฆ์ก็รับงบประมาณเหมือนกัน อยู่ในกำกับของรัฐ กติกาทุกอย่างเหมือนกันหมด ต้องทำตั้งแต่ มคอ.๒ มคอ.๓ มคอ.๕ มคอ.๗ ทำ SAR ทำอะไรให้ยุ่งกันไปหมด จะต้องมีงานวิจัยทุกเทอม เพื่อน ๆ จะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว บอกว่าที่ยากที่สุดคือหนังสือ งานวิจัยไม่ยากเท่าไรหรอก ใช้เวลาทำน้อย แต่หนังสือนี่ยาก

แล้วงานวิจัย ๑ เรื่อง หนังสือ ๑ เล่ม ขอผู้ช่วยศาสตราจารย์ได้ งานวิจัย ๒ เรื่อง หนังสือ ๒ เล่ม ขอรองศาสตราจารย์ได้ พระอาจารย์เล็กมีหนังสือ ๒๐ กว่าเล่ม ไม่ขออะไรเลย ..(หัวเราะ).. ขอแล้วมีประโยชน์อะไร ? เงินเดือนเพิ่มมาแค่ ๑๐,๐๐๐ บาท งานหนักกว่าเดิมอีกตั้งเยอะ

นายกระรอก
23-12-2018, 20:55
ถาม : หลวงพ่อพระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส ?
ตอบ : กุมภาพันธ์ก็น่าจะได้เจอท่าน เพราะว่าลงไปยกช่อฟ้าให้กับวัดรัตนานุภาพ พระอย่างท่านหายาก อิสลามไปทำบุญเต็มวัดเลย หลวงพ่อพระเทพศีลวิสุทธิ์ รูปนี้เป็นพระครูปลัดของท่าน (พระครูปลัดนัทกฤต วัดบ้านห้วยน้ำขาว) ตัวเจ้าของฐานานุกรมอยู่ที่นราธิวาส ฐานานุกรมมาอยู่กาญจนบุรี

ตั้งแต่สมัยท่านยังเป็นเจ้าคณะอำเภอ ท่านชวนว่า “หลวง..ลงมาช่วยกันหน่อย” ท่านบอกว่า ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอ รักษาการเจ้าคณะจังหวัด รักษาการเจ้าคณะตำบล และเป็นเจ้าอาวาส คนเดียว ..(หัวเราะ).. ท่านว่าตำแหน่งที่นี่เยอะจริง ๆ แต่หาพระรับงานไม่ได้ จะเห็นว่าหลวงหว่างท่านไปลิบเลย ตั้งใจทำงาน ตำแหน่งก็ไหลมาเทมา เพราะว่าที่ว่างมีเยอะ

ดูอย่างเจ้าคุณชรัส สมัยเป็นมหา เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเทศน์รุ่นเดียวกัน เดี๋ยวนี้เป็นเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดไปแล้ว ตอนท่านหนึ่งไปอยู่ปฏิบัติธรรม บอกให้ไปหาท่านเจ้าคณะจังหวัดปัตตานี บอกท่านว่ามาจากวัดท่าขนุน กลายเป็นแขกวีไอพีไปเลย ..(หัวเราะ).. ตอนอบรมนักเทศน์ กินนอนอยู่ห้องเดียวกัน ๑๕-๑๖ วัน ต้องบอกว่าท่านใจถึงมาก สมัยเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสอยู่วัดช้างให้ ไม่มีอะไรเลย เป็นมหาชรัส ประโยค ๖ ปริญญาโทธรรมดา พอยอมสละลงไปอยู่วัดตานีนรสโมสร ตำแหน่งมาพรวด ๆ เลย

อันดับแรกเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวง หลังจากนั้นก็ขึ้นเป็นรองเจ้าคณะจังหวัด ขึ้นเป็นเจ้าคณะจังหวัด เป็นเจ้าคุณ ไล่พรวดไปเลย เพราะว่าตำแหน่งว่างเยอะ ถึงเวลาก็โทรมา “อาจารย์เล็ก ขอหนังสือสวดมนต์ ๓,๐๐๐ เล่ม” ถามว่า “มีคนเยอะขนาดนั้นเลยหรือ ?” “เดี๋ยวผมเอานักเรียนมาสวดมนต์” อาตมาก็นึกว่าคนจะเข้าวัดไปสวดมนต์ ไม่ใช่หรอก..เอานักเรียนมา แล้วก็ไปตั้ง มจร. ปัตตานี ท่านบอกให้ลงไปช่วยสอนหนังสือหน่อย บอกท่านว่าไกลเกินไป ให้หาคนอื่นเถอะ

ถาม : ท่านไม่ใช่คนพื้นที่ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่

นายกระรอก
23-12-2018, 20:59
ถาม : มีโยมรถยนต์ยางแตก มาขอพักตอน ๔ ทุ่มกว่า ผมก็ไม่อนุญาต เพราะไม่รู้ว่าจะมายัดของอะไรหรือเปล่า หน้าที่เจ้าอาวาสสามารถห้ามเขาเข้ามาได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้

ปกครอง ดูแล สอดส่อง ให้พระภิกษุสามเณรและฆราวาสที่อาศัยอยู่ในวัดทำตามกฎหมาย มติ คำสั่ง และระเบียบมหาเถรสมาคม ซึ่งสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายและพระธรรมวินัย กฎหมายเขาระบุไว้ชัดเลย ระวังไว้ได้ก็ดี ชี้แจงเขาไปก็แล้วกัน บอกเขาว่า "อาตมาไม่รู้จักโยมมาก่อน เพราะฉะนั้น..ขอโทษด้วยที่ระแวง เพราะว่าด้านนี้มียาเสพติดเยอะ" พูดให้วัดเราเสียไว้ก่อน

นายกระรอก
23-12-2018, 21:03
ถาม : (ถามเรื่องการปวารณาวันออกพรรษา) ?
ตอบ : ปวารณาวันออกพรรษา แต่ว่าให้รักษาผ้าครองจนถึงเช้าวันเทโวฯ ก็คือทำตัวเหมือนอยู่ในพรรษาไปจนถึงได้อรุณวันเทโวฯ แต่ถ้าอย่างผมก็ทำตัวอยู่ในพรรษาตลอดปีตลอดชาติ ขืนใช้อานิสงส์กฐินแล้วผมเป็นคนมักง่าย เดี๋ยวก็ลืมเท่านั้น

ถาม : จะไปแจ้งพระที่วัดให้รับทราบ ให้รักษา ?
ตอบ : เป็นหน้าที่เจ้าอาวาสต้องแจ้งเขา ถึงเวลาเข้าพรรษา พระต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง มีเหตุอะไรถึงลาได้ ไม่ใช่หาเหตุไปกันเอง

ถาม : มีพระทะเลาะกัน ไปกลางพรรษาเลยครับ ?
ตอบ : นั่นเขาไม่รักศีล...ก็ปล่อยเขาไปเถอะ

ถาม : บวชเข้าพรรษา ทะเลาะกันในวัด เขาขอไปเอง ?
ตอบ : ถ้าลักษณะอย่างนั้นไปเจอรุ่นน้องมีหวังจะได้ไปนั่งท้ายเขา คือถ้าพรรษาเดียวกัน ต่อให้เราบวชวันที่ ๑ มกราคม ก็ต้องนั่งท้ายเพื่อนพรรษานั้น เพราะว่าเราไม่ได้พรรษา แต่ถ้าคนละพรรษากัน เรามีสิทธิ์นั่งหน้าเขา แต่ว่านับเป็นพรรษาเดียวกันกับรุ่นน้อง

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : พรรษาหลังนับให้ เพียงแต่พรรษาหลังจะไม่ได้อานิสงส์กฐิน เพราะว่าออกพรรษาวันลอยกระทง ซึ่งหมดกาลกฐินพอดี

ถาม : ถ้าพรรษาหลัง นับพรรษาได้ แต่ไม่ได้อานิสงส์กฐินใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้อานิสงส์กฐิน ก็แปลว่าต้องรักษาผ้าครองต่อไป

นายกระรอก
23-12-2018, 21:04
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า “ยายหนูชื่อดีมากเลย “ธรรมฐิตา” แปลว่าตั้งมั่นอยู่ในธรรม ห้ามนอกลู่นอกทางนะจ๊ะ”

นายกระรอก
23-12-2018, 21:05
พระอาจารย์กล่าวว่า “คุณชายเมื่อครู่นี้เขาเป็นฐานันดรศักดิ์รุ่นเดียวกับหม่อมเยี่ยม ก็ต้องว่ากันตามสภาพ เวลาหม่อมเยี่ยมอยู่ พวกเราก็ไม่เคยนึกหรอกว่าเขาเป็นคุณชาย บางคนก็เรียก “ไอ้” เลย ..(หัวเราะ).. แต่ว่าคนอื่น ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น คนอื่น ๆ ต้องยกย่องท่านตามฐานะ”

ถาม : ถ้าคุณธรรมดาละครับ ?
ตอบ : คุณก็คือลูกของหม่อมหลวง ถ้าหม่อมหลวงจะเรียกคุณชายก็ได้ เรียกคุณหม่อมก็ได้

ถาม : ถ้าคุณสำหรับท่านที่ได้ทุติยจุลจอมเกล้าฯ เรียกคุณหญิง ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ถ้ายังไม่มีคู่เรียกไม่ได้ ต้องเรียกคุณเฉย ๆ

นายกระรอก
23-12-2018, 21:07
ถาม : ลูกสาวมีสอบสัมภาษณ์มหาวิทยาลัยสัปดาห์หน้า จะบนขอความช่วยเหลือได้ที่ไหน ?
ตอบ : เห็นแก่หมื่นหนึ่งจะรับฝาก ..(หัวเราะ).. บอกเขาให้ภาวนาคาถาท่านปู่พระอินทร์ไว้ ขอความคล่องตัวเยอะ ๆ อุทิศส่วนกุศลให้ท่านปู่ด้วย ว่าร่วมสร้างพระทองคำแล้ว ให้ท่านก่อนค่อยขอความช่วยเหลือทีหลัง ..(หัวเราะ)..

นายกระรอก
23-12-2018, 21:08
พระอาจารย์กล่าวว่า “เด็กสมัยนี้เดินก้มหลังไม่เป็น คนนี้เขาก้มหลังแล้วยังเกรงใจ ก็ใช้วิธีเดินเป็ดเลย ..(หัวเราะ)..

โบราณจะถือมาก โดยเฉพาะถ้าอาวุโสน้อยกว่าแล้วไปเดินกรายหัวผู้ใหญ่ ไม่ให้ความเคารพนี่เขาด่ายันโคตร ยันเหง้า ยันตระกูล ว่าไม่ได้สั่งสอน จะเห็นว่าอย่างรุ่นอาตมาโดนบังคับ เดินผ่านผู้ใหญ่ต้องก้มหลัง ทุกวันนี้ขนาดเป็นพระแล้ว เวลาเดินผ่านพระผู้ใหญ่ก็ก้มจนหน้าจะไถพื้น เพื่อนบางทีก็สงสัยถามว่า “ทำอะไรวะ ?” “กูคนแก่ พ่อแม่ครูบาอาจารย์สอนมา กูก็ทำอย่างนี้แหละ””

เถรี
25-12-2018, 08:53
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครรู้บ้างว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ฮิตเลอร์บันทึกชื่อชาวยิวอยู่เกือบ ๓๐๐ ชื่อ กะว่าถ้ายึดโลกได้ ๓๐๐ คนนี้ตายหมด..!

มายุคอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ก็มีการทำบัญชีรายชื่อบรรดาผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น อยู่ในลักษณะของการป้องปรามว่าให้อยู่ในกรอบ อยู่ในลู่ อยู่ในทาง ไม่อย่างนั้นจะโดน เล่นเอาท่านนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าขนุนคนปัจจุบัน ก็คือท่านนายกจิระชัย ถนอมวงศ์ เครียดเสียจนผอม ปกติท่านเป็นคนอ้วน ถามว่า "นายกฯ เป็นอะไรวะ ?" ท่านบอกว่า "เครียดครับ อยู่ ๆ มาขึ้นบัญชีผมเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น" ช่วงนี้ท่านเริ่มอยู่ดีกินดี อ้วนขึ้นมาอีกหน่อย

ที่พูดถึงเรื่องนี้เพราะว่าปัจจุบันนี้ มีบางหน่วยงานขึ้นรายชื่อบุคคลที่คิดว่ามาถ่วงความเจริญของประเทศชาติไว้ ถ้าหากว่ามีอำนาจเต็มในมือ หรือว่าได้รับคำสั่งเมื่อไร จะมีการกวาดล้างใหญ่ อันนี้เป็นการบอกเหตุล่วงหน้า เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเราจะได้ไม่ตกใจกันมาก"

เถรี
25-12-2018, 08:55
"เราจะเห็นว่ายังไม่ทันที่จะมีการเลือกตั้งเลย ก็มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนแล้ว ก็แสดงว่าสิ่งที่ คสช. พยายามจะสร้างความปรองดองและสมานฉันท์นั้นเป็นไปไม่ได้ แล้วสิ่งที่ คสช. กระทำมาโดยตลอดในสายตาชาวบ้านทั่วไป ก็อยู่ในลักษณะ ๒ มาตรฐาน นี่ว่ากันตรง ๆ อย่างชนิดไม่เข้าข้างใครเลย

ในเมื่อเป็นในลักษณะนี้บ้านเราจะไปไม่ได้ ในเมื่อบ้านเราจะไปไม่ได้ ก็จะต้องมีผู้เสียสละ แต่ว่าผู้เสียสละนี่ อย่างเช่นจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็แบกชื่อของความโหดเหี้ยมติดตัวไปจนตาย สมัยนี้ถ้าใครทำตัวเป็นผู้เสียสละ “ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” ก็คงจะอยู่ในลักษณะเดียวกัน"

เถรี
25-12-2018, 08:58
"ต้องบอกว่า คสช. ทำผิดตั้งแต่แรก ที่ให้ร่างรัฐธรรมนูญในลักษณะทำลายพรรคใหญ่ให้เป็นพรรคเล็ก ไม่ว่าประเทศใดในโลก ที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ต่างพยายามให้พรรคการเมืองในประเทศเหลือแค่ ๒ พรรค แล้วก็ยอมรับว่า ถ้าชาวบ้านเลือกใครมากกว่า คนนั้นต้องมีอำนาจตามระยะเวลาที่ชาวบ้านเขาให้ ถ้าพ้นจากระยะนั้นไป ก็ให้ชาวบ้านเขาตัดสินกันใหม่

เราจะเห็นว่า แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในสายตาชาวโลก เขาเหมือนกับตัวตลกบ้า ๆ บอ ๆ แต่คนอเมริกันก็ต้องยอมรับ เพราะว่าเลือกเขาเข้ามา ในเมื่อเลือกเขาเข้ามาก็คือ คุณก็ทำงานไปตามระยะเวลา แต่หลังจากพ้น ๔ ปีไปแล้ว เราจะเลือกคุณหรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเรา นี่คือประชาธิปไตยที่แท้จริง คือเสียงส่วนใหญ่อยู่ในมือของประชาชน"

เถรี
25-12-2018, 09:06
"แต่ในปัจจุบันของบ้านเรา แทนที่จะให้เหลือพรรคใหญ่แค่ ๒ พรรค ซึ่งในสมัยท่านนายกฯ ทักษิณเกือบจะทำสำเร็จแล้ว แต่เขาไปเห็นว่าเป็นลักษณะของการผูกขาดแบบเผด็จการสภา แล้วลักษณะการผูกขาดก็คือ อีกฝ่ายหนึ่งอิ่มหมีพีมัน แต่ฝ่ายของตัวเองอดอยากปากแห้ง ก็เลยต้องเรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติ แล้วเขาก็ก่อกวนทำจนสำเร็จ นี่คือสิ่งที่จะต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยไปชั่วฟ้าดินสลายเลย ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้

ผิดก็คือผิด ในเมื่อร่างกฎหมายร่างรัฐธรรมนูญออกมา ก็กลายเป็นทำลายพรรคใหญ่ให้เหลือพรรคเล็ก เพื่อที่จะจัดการกับอีกฝ่ายหนึ่ง แม้กระทั่งการแบ่งเขตเลือกตั้งปัจจุบัน ก็มีการโวยวายกันว่าเอื้อบางพรรค ขณะเดียวกันก็ทำลายบางพรรค เป็นต้น"

เถรี
25-12-2018, 09:08
"ในเมื่อลักษณะอย่างนี้ ประชาธิปไตยบ้านเราจะอ่อนแอไปอีกหลายปี ๘๐ กว่าปีที่ประชาธิปไตยบ้านเราล้มลุกคลุกคลานมา ตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ มาจนถึงบัดนี้ กำลังจะเข้าสู่ภาวะของประชาธิปไตยที่ชาวโลกทั่วไปยอมรับ ก็มาโดนการปฏิวัติรัฐประหาร ยึดอำนาจแล้วก็ทำลาย จนกระทั่งพรรคการเมืองต้องแตกสลายออก ไม่เคยมียุคไหนสมัยไหนที่พรรคการเมืองจะจดทะเบียนได้มากเท่ากับยุคนี้ แล้วชาวบ้านจะเลือกกันอย่างไร ? ในเมื่อมาพรรคโน้นคนหนึ่ง พรรคนี้คนหนึ่ง ก็เป็นเบี้ยหัวแตก ไม่สามารถที่จะเป็นสิทธิ์เป็นเสียงให้กับชาวบ้านได้ และนักการเมืองก็กลายเป็นเหยื่อให้ถูกชักจูง ให้ถูกดึงไปเป็นพวกได้ง่าย

เพราะฉะนั้น..บ้านเราถ้าอยู่ลักษณะนี้จะพิกลพิการไปอีกนาน โดยเฉพาะ คสช. วางแผนสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญถึง ๒๐ ปี เป็นเรื่องที่น่าสงสารบ้านเราเมืองเรา บรรดาท่านที่มองเห็นความผิดพลาดใหญ่ตรงจุดนี้ ก็น่าจะอยู่ในลักษณะของการที่เรียกว่าล้างบาป ก็คือทำอย่างไรที่จะจัดการแก้ไขความผิดพลาดตรงนี้ให้ได้ ก็จะต้องมีอะไรที่ใช้กำลังหรือความรุนแรงขึ้นมา ถึงจะสามารถจัดการตรงนี้ลงไปได้ เมื่อถึงเวลาพวกเราก็อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน นึกถึงพระเอาไว้ อะไรจะเกิดขึ้นช่างมัน อาตมาบอกได้แค่นี้ ถ้าหากไม่เกิด...ถือเป็นกรรมของประเทศชาติ ถ้าเกิด...ก็ถือเป็นบุญของประเทศชาติ"

เถรี
26-12-2018, 08:26
ถาม : จะมีฮีโร่ไหมคะในยุคนี้ ?
ตอบ : สมัยนี้ไม่มีฮีโร่ เพราะว่าทุกคนล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยกิเลส ถึงเวลาก็แค่กบเลือกนาย หรือไม่ก็เปลี่ยนเหลือบฝูงใหม่เท่านั้น

ข้าราชการไทยที่จะสำนึกตัวว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีน้อย ส่วนใหญ่ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อพวกพ้อง อะไรที่สามารถกอบโกยเป็นผลประโยชน์เข้ามาได้ก็จัดการทันที น่าเสียดายข้าราชการดี ๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงบ่มเพาะเอาไว้ ไม่มีโอกาสที่จะขึ้นมามีอำนาจอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็เกษียณอายุบ้าง พ้นตำแหน่งไปบ้าง ต้องบอกว่าโอกาสที่ประเทศเราจะดีขึ้นมีน้อยมาก

ปีหน้าเริ่มหล่อพระทองคำแล้ว คาดว่าอะไรอะไรจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่แหม...นี่ตกต่ำอยู่ใต้สะดือทะเลเลย กว่าจะขึ้นมาถึงพื้นทะเลก็ยาก อย่าว่าแต่โผล่พ้นทะเลมาบนบก แล้วยังจะต้องขึ้นเขาอีก อาตมาเองไม่รู้จะได้อยู่ดูตอนสำเร็จจริง ๆ หรือเปล่า ได้ยินก็แค่ทำใจ

อย่าไปตื่นเต้นมาก หัดปล่อยวางให้ได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเครียดตาย ทำมาหากินไปตามปกติ ปฏิบัติไปตามกฎหมายบ้านเมืองและศีลธรรมตามปกติ อะไรจะเกิดก็ย่อมเกิด Whatever will be, will be. ต้องยอมกันบ้าง

เถรี
26-12-2018, 08:38
จริง ๆ แล้วสำนวนฝรั่งบางสำนวนก็สุดยอดจริง ๆ ต้องบอกว่าทุกชาติเขามีคำคมของตัวเอง แบบเดียวกับกะเหรี่ยง กะเหรี่ยงตัวเล็ก แต่คำคมกะเหรี่ยงนี่แสบมาก บอกว่า “ตัวใหญ่ย่อมไร้ปัญญา” เราถ้าไปยืนเทียบกัน เขาสูงไม่ถึงไหล่ พวกเราเลยกลายเป็นคนไร้ปัญญาไป

แต่ว่าไปเจอกะเหรี่ยงจริง ๆ ในเขตพะอาง หรือว่าในเขตลอยกอ คือพะอางเป็นเมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง ลอยกอนี่เป็นเมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยงแดง ก็คือรัฐกะยา กะหยิ่นกับกะยา ก็คือกะเหรี่ยงขาวกะเหรี่ยงแดง ปรากฏว่ากะเหรี่ยงทางนั้นสูงใหญ่เป็นฝรั่งเลย ถ้าหากว่าไม่เคยเห็นว่ากะเหรี่ยงสูงใหญ่เป็นอย่างไร ก็ให้ดูตัวอย่างท่านโมเช่ ท่านมาจากที่นั่น สูงกว่าอาตมาอีก

ตอนนี้พม่าว่าน่าสงสารแล้ว ประเทศเรายิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่ สองประเทศที่เป็นอันดับต้น ๆ เลยของมหาอำนาจในเอเชียตะวันออกยุคนั้น ปัจจุบันนี้แข่งกันตกต่ำ ขณะเดียวกันประเทศอื่น ๆ กลายเป็นว่าแซงหน้าไป ๆ ของพม่าต้องบอกว่าอองซานซูจีต่อให้เก่งขนาดไหน ถ้าทหารไม่เอาด้วยก็ไปไม่รอด อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือทหาร เราจะเห็นว่าซูจีโดนยึดรางวัลสันติภาพโลก โดนยึดรางวัลนั่นรางวัลนี่ จริง ๆ แล้วชาวโลกเขาก็ต้องเห็นว่าซูจีไม่มีอำนาจ เพราะว่าอำนาจอยู่กับปากกระบอกปืน ถ้าทหารไม่เอาด้วยก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เขาใช้วิธียึดรางวัลเพื่อกดดัน ซึ่งกดดันไปก็ไม่มีประโยชน์ ตัวซูจีเองสมัยก่อนก็โดนกักอยู่ในบ้าน ๒๐-๓๐ ปี

อาตมาไปพม่าใหม่ ๆ เพื่อนพระพม่าท่านเตือนเลย ห้ามพูดถึงเด็ดขาด ๒ คำ “อองซานซูจี กับ Democracy” พูดถึงเมื่อไรเตรียมติดคุกได้เลย แต่เขาไม่เรียกคุกนะ เขาเรียกว่าสวรรค์ บอกว่าจะส่งไปขึ้นสวรรค์ที่อินเส่ง ก็คือคุกที่ขังนักการเมือง

เถรี
26-12-2018, 08:42
อริสโตเติ้ลบอกมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณว่า “ความดีของคนหมดไปทันทีที่เข้าไปเล่นการเมือง” เป็นอมตะวาจามาได้จนถึงทุกวันนี้

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าไม่มีหลักธรรมในการยึดโยง อย่างข้าราชการสมัยโบราณมีอะไรเป็นเครื่องยึดโยง ? มีสัจจะ สัจจะตรงไหน ? ถวายสัจจะปฏิญาณด้วยการดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา ว่าจะซื่อสัตย์ต่อราชบัลลังก์ ว่าจะทุ่มเทให้กับการถวายการรับใช้ใต้เบื้องยุคลบาท พูดง่าย ๆ คือทำงานราชการยอมสละแม้แต่ชีวิต นั่นคือหลักธรรมที่คนโบราณเขามี ปัจจุบันนี้หลักธรรมหายหมดแล้ว

เถรี
26-12-2018, 08:58
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าที่กล่าวถึงท่านอาจารย์ธรรมจักร นิลรักษา ที่เป็นผู้ประสานงานในการสอบธรรมศึกษาโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา บอกว่าไปนั่งสมาธิที่พระเจดีย์วัดท่าขนุนแล้วเห็นพระฤๅษีมา ถามว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ? อาตมาก็บอกว่า อันดับแรกอาจารย์ต้องนึกก่อนว่าตัวเรามานั่งสมาธิเพื่ออะไร ?

ส่วนใหญ่การเจริญสมาธิของเราก็หวังอยู่ ๒ อย่าง คือความสุขในปัจจุบัน กับการพ้นจากกองทุกข์ เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของการนั่งสมาธิ สิ่งที่มารบกวนอย่างหนึ่งคือนิมิตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นสายวัดป่านี่ท่านให้ทิ้งหมดเลย สายพองยุบก็ให้ทิ้งหมดเลยเช่นกัน "เห็นหนอ..เห็นหนอ" อย่างเดียวแต่ไม่สนใจเลย ก็เลยบอกว่าอาจารย์ต้องดูว่าเราตั้งใจนั่งสมาธิเพื่ออะไร ?

เรานั่งสมาธิเพื่อความสงบก็ตัดทิ้งไปเสีย อาจารย์ธรรมจักรถามว่าแล้วในเรื่องของมโนมยิทธิละครับ ? ก็บอกว่ามโนมยิทธินั่งเพื่อการรู้เห็น รู้เห็นเพื่อให้ละวาง ก็คือเราจะรู้ว่าภพไหนภูมิไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลายังไม่หมดกิเลสก็ยังเวียนว่ายตายเกิด ต้องทุกข์ยากอีก เมื่อเรารู้ว่าภพภูมิที่หมดกิเลสอย่างแท้จริงคือพระนิพพาน ก็ต้องตั้งเป้าหมายว่าเราต้องไปที่พระนิพพาน แต่ส่วนใหญ่พอเราไปรู้แล้วก็มักจะหลงทาง

อาตมาเคยเตือนหลายคนแล้วเขาไม่ฟัง ที่ไม่ฟังเพราะว่าการรู้เห็นเหมือนกับว่าดึงดูดพาเราให้ถลำลึกเข้าไปในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่สามารถรู้เห็นได้ในสมัยก่อน ทำให้เกิดความรู้สึกปลื้มใจ ภูมิใจ ว่าเราทำได้ เรารู้ได้ โดยที่ลืมสังเกตไปว่าการรู้เห็นนั้น ๆ ไม่ได้ช่วยในการละกิเลสเลย"

เถรี
26-12-2018, 09:01
"ดังนั้นถ้าจะปฏิบัติให้ถูกต้องมีวิธีเดียวก็คือ ไม่ต้องใส่ใจ เราภาวนาอย่างไรก็ภาวนาต่อไป ถ้าหากว่าท่านใดเมตตามาสงเคราะห์ มีอะไรว่ามาตรง ๆ อย่ามาให้เห็นเฉย ๆ ถ้าให้เห็นเฉย ๆ ก็แค่รับรู้ไว้ด้วยความเคารพ ก็นิมนต์ท่านอยู่ตรงนั้นแหละ เราก็ปฏิบัติของเราต่อไป

เพราะว่าการรู้เห็นนั้นมีโทษมากกว่าประโยชน์ ที่ว่ามีโทษก็คือ หลายเรื่องเป็นเรื่องเกินกฎของกรรม ถ้าเรารู้แล้วไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดเท่าไรนี่ เดือดร้อนมาเยอะแล้ว คนที่รู้แล้วจะรู้ว่าพูดได้เท่าไรก็มีน้อยเสียด้วย เพราะว่าส่วนใหญ่รู้เห็นแล้วก็ว่าไปเรื่อย บางอย่างรู้ ๑๐๐ ท่านให้พูดได้แค่ ๑ แค่ ๒ อกจะแตกตาย...!

อาตมาสมัยฝึกใหม่ ๆ เจอมาแล้ว บอกใครไม่ได้แล้วมาให้รู้ทำไม ? เสร็จแล้วก็พากันหลงเตลิดเปิดเปิงไปก็เยอะ พอคนเขาชม แหม...รู้เห็นได้แม่นจริง ๆ เลย อะไรจะชัดเจนแจ่มใสขนาดนี้ พูดทุกอย่างเหมือนกับตาเห็นเลย เราก็หลงเตลิดเปิดเปิงไป เป้าหมายที่แท้จริงในการที่จะละกิเลส ก็เลยกลายเป็นเพิ่มกิเลสขึ้นมา"

เถรี
27-12-2018, 19:31
ถาม : เราทำยังไม่ถึงที่สุด แล้วมีท่านมาสงเคราะห์เราในนิมิต แนะนำเราอยู่ในขอบเขตทาน ศีล ภาวนา เราควรจะเอาไปปรับใช้ หรือควรจะวางไว้ก่อน หรือเราอาจจะคิดไปเอง ?
ตอบ : ระมัดระวังทุกลมหายใจว่าอาจจะพลาด อาตมาเสียพระอภิญญาไป ๑ รูปเพราะอย่างนี้ เพราะสิ่งที่เขาบอกคือความจริง ๘๐-๙๐% แล้วเขาแทรกตรงที่ไม่ใช่ไว้แค่นิดเดียว แต่ท้ายสุดเราลองคิดดูว่า ถ้าเราเริ่มต้นเบี่ยงออกจากเป้าหมาย ๑ องศา อีก ๑๐๐ กิโลเมตรข้างหน้าเราจะห่างเป้าหมายไปเท่าไร ? เขาหลอกได้ขนาดนั้น เสียไปแล้วก็เสียดาย

ทุกวันนี้ที่เสียดายก็คือท่านเป็นฆราวาสแล้วท่านยังคงปฏิบัติเป็นปกติ แต่คนอื่นเห็นว่าท่านผิดปกติ เพราะว่าไปไหนก็นั่งเงียบ ไม่อย่างนั้นเราจะมีพระอภิญญาอีกหนึ่งองค์เอาไว้สำหรับเป็นเนื้อนาบุญของเราได้ ดังนั้น..การรู้เห็นจึงมีโทษมากกว่าประโยชน์ เพราะว่าทุกคนจะมีความเชื่อมั่น จะเรียกว่าดื้อก็ได้ ตรงที่ว่าเราเห็นเราจึงเชื่อ พอเราเชื่อ คนอื่นเตือนก็ไม่ฟังแล้ว ก็ในเมื่อเห็นชัด ๆ ได้ยินชัด ๆ แล้วเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นไปตามนั้น ๘๐-๙๐% แล้วก็เชื่อว่าที่เหลือ ๑๐ หรือ ๒๐% นั่นต้องใช่ด้วย...ก็เตลิดเลย

เถรี
27-12-2018, 19:32
สมัยที่อาตมาปฏิบัติอยู่นี่ เหมือนอย่างกับเดินอยู่บนผิวน้ำแข็งบาง ๆ ระวังตัวอยู่ทุกฝีก้าวยังเกือบตาย เพราะว่าบางทีสภาพจิตก็สุดยอด ปีหนึ่งก็แล้ว ๒ ปีก็แล้ว ๓ ปีก็แล้ว กิเลสไม่เกิดเลย นี่เราท่าจะบรรลุแล้วกระมัง ? กว่าจะรู้ตัวอีกทีเหมือนกับแผ่นดินค่อย ๆ ลดลงทีละมิลลิเมตรโดยที่เราไม่รู้ตัว เดินไป ๆ หันมามองอีกที...ตายห่า..! ลงไปอยู่ก้นเหวตอนไหนไม่รู้ ?!?

ต้องระมัดระวังสุดชีวิต ตราบใดที่เป็นนักปฏิบัติ ไอ้ที่จะไม่หกล้มหกลุก ไม่ผิดไม่พลาดนั้นไม่มีหรอก แต่พลาดแล้วให้รีบแก้ไข ถ้าไม่แก้ไขเดี๋ยวก็ไปไกลอีก

เถรี
27-12-2018, 19:39
ถาม : แล้วถ้าเราสนนิด ๆ พอให้กระชุ่มกระชวยได้ไหมคะ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าระวังเอาไว้ทุกลมหายใจ พลาดเมื่อไรก็เดี้ยงเมื่อนั้น เราจะเห็นว่าทำไมสายหลวงปู่มั่นพระท่านได้มรรคได้ผลกันมาก ? เพราะว่าท่านทิ้งเรื่องพวกนี้เลย ท่านไม่เอาเลย แต่พอถึงเวลาแล้วถ้าหากว่าวิสัยเดิมของท่านมี ถึงเวลาเรื่องฤทธิ์เรื่องอภิญญาก็จะเกิดขึ้นเอง

ถาม : อย่างฤทธิ์ทางกายอย่างนี้ ?
ตอบ : ก็ติดอยู่ตรงนั้นเยอะแล้ว เพราะว่าพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของอภิญญา พอเราทำได้แล้วสายตาคนทั่วไปจะเห็นเป็นผู้วิเศษ พอถึงเวลาชื่อเสียงลาภยศไหลมาเทมา เราก็เสียหมาเองโดยไม่รู้ตัว ไปหลงยึดติดอยู่ตรงนั้น มีหลายคนที่เตือนแล้วไม่ฟังเพราะว่า "ชอบที่มีคนมาห้อมล้อม" บางคนก็ว่าอาตมาไร้น้ำใจ ใครมาผิดท่าไล่กระเจิงหมด..!

เถรี
27-12-2018, 19:51
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถามท่านอาจารย์บ๊ะว่าท้าวแสนโกฏิดีตรงไหน ? ท่านบอกว่าเน้น ๆ เลยนะครับ ใครพกเอาไว้ก็เป็นโรคน้อยหน่อย สรุปแล้วท่านคงเบื่อที่จะรักษาพวกเราแล้ว เอาท้าวแสนโกฏิไปก็แล้วกัน

เกิดเป็นคนจะไม่มีโรคเป็นไปไม่ได้ บาลีพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเลย สังขารัง โรคะนิทธัง ปะภังคุณัง สังขารทั้งหลายเป็นรังของโรค มีการเน่าเปื่อยเป็นธรรมดา สัพเพ สังขารา อะนิจจา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง สัพเพ สังขารา ทุกขา สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ สัพเพ ธัมมา อะนัตตา ทุกอย่างไม่สามารถยึดมั่นเป็นตัวเป็นตนได้ ถึงเวลาก็พังราบ อาตมาแปลตามใจตัวเอง...ฟังง่ายหน่อย"

เถรี
27-12-2018, 20:19
ถาม : (พิจารณาร่างกายแบบใช้ปัญญา)
ตอบ : ก็คือดูร่างกายของเรา ทั่ว ๆ ไปก็สายตาเริ่มยาว ฟันคลอน...หลุด ผิวหนังเหี่ยว ร่างกายเคลื่อนไหวยาก จากที่เคยกระฉับกระเฉง ก็เริ่มปวดนั่นเจ็บนี่ จากที่เคยเดินได้คล่อง ก็ชักจะกระย่องกระแย่ง จริง ๆ แล้วร่างกายแสดงให้เห็นชัด ๆ เลย ว่าก้าวไปหาความเสื่อมอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความที่มีสิ่งที่ปิดบังเอาไว้มาก อย่างเช่น ความสืบเนื่อง ที่บาลีเรียกว่า สันตติ ปิดบังความอนิจจัง คือความไม่เที่ยง เกิดดับ ๆ ๆ ๆ อยู่ตลอดเวลา เซลล์ร่างกายของเราวันหนึ่ง ๆ ดับเป็นแสนเป็นล้าน แต่ร่างกายก็สร้างขึ้นมาใหม่ ในเมื่อเป็นสันตติ ก็คือสร้างใหม่ต่อเนื่อง ๆ ๆ ๆ ก็เลยปิดบังความเสื่อมของร่างกาย จนบางทีเราก็นึกไม่ถึง

แล้วก็อิริยาบถ ก็คือการเคลื่อนไหว ปิดบังความทุกข์ เพราะว่าถึงเวลาเราเมื่อยเราก็ขยับ ไปยืน ไปเดิน ไปทำอย่างอื่น ก็เลยไม่เห็นว่าจริง ๆ แล้วร่างกายมีทุกข์เกิดขึ้นตลอดเวลา แล้วท้ายที่สุด ฆนะ คือความควบแน่น ความจับเป็นก้อน ความเป็นตัวตน ปิดบังอนัตตาไว้

เถรี
27-12-2018, 20:41
อย่างตึกทั้งหลังนี้เราก็เห็นว่าแข็งแรงดี แต่ลองจับแยกออกดูสิ นี่คือทรายเป็นเม็ด ๆ นี่คือปูน นี่คือเหล็ก ร่างกายของเราก็เหมือนกัน นี่คือดิน นี่คือน้ำ นี่คือลม นี่คือไฟ แต่พอรวมกันเป็นตัวเป็นตน เป็นก้อนขึ้นมา เป็นแท่งขึ้นมา เราก็มองไม่เห็นแล้ว เพราะว่าปัญญาไม่ถึง

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ปิดบังความจริง ทำให้เราเข้าไม่ถึงอริยสัจ ลองนึกถึงตึกหลังนี้แล้วเราก็รื้อสิ เอาอิฐออก เอาปูนออก เอาทรายออก เอาเหล็กเส้นออก ก็ไม่เหลืออะไร ท้ายสุดก็กลายเป็นส่วน ๆ ไป แล้วในแต่ละส่วนมาจากไหน ? ก็มาจากดิน มาจากน้ำ มาจากลม มาจากไฟ

สมัยก่อนที่อาตมาฝึกใหม่ ๆ แยกจนไม่มีอะไรเหลือแม้แต่นิดเดียว กว่าจะรู้ตัว อ้าว...เป็นอรูปฌานไปตอนไหนวะ ? รู้แต่ว่าตัวเองชอบแยกก็แยกไปเรื่อย ด้วยความที่เคยทำทางด้านนี้มาในอดีต ถึงเวลากลายเป็นอรูปฌานไปตอนไหนก็ไม่รู้ ? ไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว พอไม่เหลืออะไรก็เหลือแต่ความว่าง อารมณ์นี้เป็นอารมณ์ของอรูป ก็คือไร้รูป

บางทีเวลานำญาติโยมเจริญกรรมฐาน โยมไม่รู้ว่าโดนลากไปอรูปฌานแล้ว เพราะว่าท้ายสุดอาตมาก็ปิดด้วยพุทธานุสติ อุปสมานุสติ นึกถึงพระ นึกถึงพระนิพพาน เลยรอดตายไป แต่ถ้าหากว่าให้ไปทำเอง ดีไม่ดีก็หลงเตลิดเปิดเปิง เพราะว่าอรูปฌานนิ่งและสงบมาก ๆ ถ้านิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างเดียวก็เจ๊ง

หลวงพ่อพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) วัดดอน ยานนาวา ท่านบอก “ข้าวบูดของดาบส” อะไรล่ะ? “ดาบสคือนักปฏิบัติ ส่วนข้าวบูดกินได้ไหมเล่า ?” อรูปฌานเป็นข้าวบูด ถึงเวลาต้องรีบใช้ในการตัดกิเลส ถ้าไม่ได้ใช้อรูปฌานก็เป็นข้าวบูดของดาบส คือนักบวชถึงมีก็กินไม่ได้ กินเมื่อไรก็ติดอยู่แค่นั้น

เถรี
27-12-2018, 20:47
พอใช้อรูปฌานในการตัดกิเลสทำให้มีกำลังสูงมาก เพราะว่ามีการพิจารณาเหมือนวิปัสสนาญาณ เพียงแต่ว่าตอนท้ายไม่มีตัวสรุปจบเท่านั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ถ้าอ่านตามวิสุทธิมรรคท่านว่าแค่ชั่วเคี้ยวหมากแหลกก็สามารถสำเร็จอรหันต์ได้ แต่ท่านบอกว่าพิจารณาให้ดีนะ หมากแข็งหรือหมากอ่อน คนเคี้ยวมีฟันหรือมีแต่เหงือก..!

สมัยก่อนเวลาหลวงพ่อวัดท่าซุงคุยเรื่องพวกนี้ พวกเราก็นั่งน้ำลายหยดติ๋ง เมื่อไรจะทำได้บ้างวะ ? กลายเป็นเอากิเลสนำหน้า แต่ว่าเป็นกิเลสในด้านดี เพราะอยากดีถึงได้ทำ ถึงเวลาท้าย ๆ ท่านก็จับเราหันตรงทาง แล้วปล่อยเราเดินเอง ตอนหลงทาง บางทีท่านก็ปล่อยหลงเตลิดเปิดเปิงไป จะได้บทเรียนเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นดื้อนัก

อาตมาถึงได้บอกว่า บางอย่างหลงอยู่ ๓ ปี พอเข้าทางได้วิ่งไปหาหลวงพ่อ “เออ...ให้รู้จักฉลาดเสียบ้าง จะดูว่าเอ็งโง่ได้นานเท่าไร” ไม่มีเลยที่จะบอกดี ๆ ปล่อยให้หลงเตลิดเปิดเปิงอยู่เรื่อย อาตมาก็เลยติดนิสัย ถ้าเห็นลูกศิษย์หลงทางจะมีความสุขมาก แหม...ช่างเหมือนกันดีจริง

เถรี
27-12-2018, 20:50
ถาม : ที่ไปล้มตอนไปกฐินปลดหนี้ เอ็นช่วงแขนซ้ายขึ้นมาถึงคอพลิก ต้องไปให้เขาแคะออก เจ็บมากขนาดดิ้นเลย ก็เลยลองพิจารณาดูว่ามีร่างกายแล้วต้องเจ็บแบบนี้ ให้จิตมันปล่อยร่างกาย โดยไม่ใช้วิธีหลบให้หายเจ็บเฉย ๆ ...รู้ทั้งรู้ว่าปล่อยไปจะหายเจ็บ แต่ก็ยังไม่ปล่อย ยึดไว้อยู่อย่างนั้น ?
ตอบ : เขาเรียกว่ายึดมาไม่รู้กี่แสนกี่ล้านชาติแล้ว ในเมื่อยึดเสียขนาดนั้นกลายเป็นวสีคือความชำนาญ แปลว่าเกิดความชำนาญในการยึด ที่จะไปทิ้งมันยาก ทิ้งไม่ได้เพราะหวง รักมาก

เถรี
27-12-2018, 21:53
ถาม : ผมรู้สึกว่าหลายปีที่ผ่านมากรรมฐานไม่ก้าวหน้าครับ กราบขอคำแนะนำครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไร ที่ไม่ก้าวหน้าส่วนใหญ่ยังทำขาด อาตมาว่าคนที่ไม่ก้าวหน้า ถ้าไม่ทำเกินก็ทำขาด ของเราที่ในปัจจุบันนี้ทำขาดทั้งนั้น เพราะว่าเราไม่ได้สังเกตดูว่า สิ่งที่เราทำผ่านมานั้นเราทำอะไรบ้าง บางอย่างอยู่ในระยะที่ว่าต้องสะสมกำลังให้เพียงพอที่จะก้าวหน้า หรือว่าก้าวผ่านจากจุดปัจจุบันนี้ไป ซึ่งต้องใช้ความเพียรพยายามมากและสม่ำเสมอ คราวนี้ของเราถ้าตัวความเพียรก็คือขยันให้มากขึ้น และทำให้สม่ำเสมอ ถ้าขาดตัวใดตัวหนึ่งก็เจ๊งเลย

เพราะฉะนั้น...เหลือแค่นี้เท่านั้นแหละ ว่าต้องขยันและสม่ำเสมอ ทำย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ตรงจุดเดิม เบื่อไม่ได้ หน่ายไม่ได้ ถ้ากำลังพอจะก้าวผ่านไปได้เอง นี่เป็นปัญหาที่เจอกันเยอะมาก

เถรี
27-12-2018, 21:56
ถาม : รู้สึกว่าตัวเองในชีวิตมีหน้าที่จะต้องทำ ตราบใดที่หน้าที่ของเรายังไม่บรรลุ ก็จะทำให้ไม่ก้าวหน้าหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ เราต้องสละความสุขส่วนตัวเพื่อการปฏิบัติ แบบเดียวกับอาตมาเป็นฆราวาสตื่นตั้งแต่ตี ๓ เพื่อที่จะเอาเวลาตี ๓ ถึง ๖ โมงเช้ามาปฏิบัติ ขนาดเป็นทหารอยู่นอนตี ๒ พอตี ๓ ยังต้องตื่น เพราะว่าถ้าเราขาดความสม่ำเสมอเมื่อไรจะเหมือนกับถอยหลัง เราจึงต้องสละความสุขส่วนตัวเพื่อการปฏิบัติ ไม่อย่างนั้นแล้วจะก้าวหน้ายาก

ถาม : ผมควรจะไปเข้าป่าสักพักหนึ่งไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีภาระอะไรที่ต้องรับผิดชอบ หรือสามารถทิ้งได้โดยมีคนจัดการแทน ไปเสียหน่อยก็ดี ไปแล้วจะรู้ว่าเรามาทำไม อยู่บ้านก็ทำได้เหมือนกัน...!

เถรี
27-12-2018, 22:00
ถาม : ขอเทคนิคให้นอนหลับน้อยลงค่ะ ?
ตอบ : กินให้น้อยลง

ถาม : ก็น้อยแล้วนะคะ ?
ตอบ : ยังไม่น้อยพอ ถ้ากินน้อยเมื่อไรจะหลับน้อยลง เพราะว่าร่างกายไม่โดนสารอาหารถ่วงอยู่

ถาม : ขับรถจากวัดท่าขนุนทีก็ลงเขื่อนลงคลองไปเลย ?
ตอบ : อาตมาพาโยมไปเชียงราย นั่งรถตะลอน ๆ อยู่ ๕-๖ วัน กลับมาถึงวัดประมาณเกือบเที่ยงคืน ตี ๒ ต้องไปส่งเขาขึ้นรถทัวร์ ก็ยังตื่นได้ ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกด้วย เพราะฉะนั้น..ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของเรา ถ้าสั่งร่างกายว่าไหวก็ต้องไหว เพราะว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา ในเมื่อไม่ใช่ของเราต้องสั่งได้

ถาม : สมมติเราเคยสั่งได้อาทิตย์หนึ่ง พอวันต่อมาก็ร่วงไปเลย ต้องพักชดเชยเอาคืน ?
ตอบ : ดูความพอเหมาะพอดีของแต่ละคน ความพอเหมาะพอดีของแต่ละคนไม่เท่ากัน มัชฌิมาปฏิปทานี่ไม่มีมาตรฐาน ๕๐%

เถรี
27-12-2018, 22:30
ถาม : ตอนนี้จับภาพพระ ตัวก็หายไปหมดเลย รู้สึกเบื่อที่เป็นแบบนี้ เราน่าจะเห็นกายไม่ใช่หรือคะ เราจึงจะพิจารณาได้ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าอยากจนทุกข์ เราไม่รู้สึกเลยหรือว่าจริง ๆ แล้วร่างกายนี้ไม่มีอยู่แล้ว ต้องไปทะลึ่งเห็นแล้วค่อยพิจารณาทำไม นั่นเลยการพิจารณาไปแล้ว เหลือแค่สรุปรวบยอดว่าร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราจริง ๆ

ต่อไปฉลาดให้มากกว่านี้หน่อย คนอื่นเขาตะกายแทบตายกว่าจะทำถึง เราทำถึงแล้วดันไปไม่เป็น

เถรี
27-12-2018, 22:35
ถาม : เราเสพอารมณ์อยู่ตลอดเวลา ?
ตอบ : เขาเรียกเสวยอารมณ์ กิเลสก็จะพยายามลากเราไปด้วย เพราะว่าเขาขาดอาหารไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเรามีกวฬิงการาหาร ก็คืออาหารที่กินทั่ว ๆ ไป มีผัสสาหาร อาหารคือลมหายใจเข้าออก มีวิญญาณาหาร ก็คืออาหารที่เป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์

วิญญาณาหารทำให้เราสูญเสียพลังงาน เราปฏิบัติมาแล้วแทนที่จะสั่งสมกำลังให้เพียงพอในการตัดกิเลส เราไปให้ไหลออกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ รั่วหมดทุกทางเลย แล้วกำลังเราก็ไม่พอตัดกิเลส ทำอย่างไรที่เราจะปิดไป ๖ ประตูนี้เสีย เพื่อให้กำลังเราเพียงพอในการตัดกิเลส ไม่รั่วไหลไปไหน นี่คือปัญหาที่ต้องไปหาทางทำ สะสมพอเมื่อไรแล้วเราจะได้ก้าวข้ามไปได้เลย เขาเรียกว่ามาถูกทางแล้วแต่ไปต่อไม่เป็น

ส่วนใหญ่แล้วพวกเราไม่รู้ตัวกัน นั่งภาวนา ๓๐ นาที หูย...อารมณ์ใจดีมาก จะเหาะจะบิน แล้วก็ไปเขี่ยไลน์อยู่ ๓ ชั่วโมง...ตาย...! หามาได้ ๓๐ ใช้ไป ๓๐๐ แล้วจะไปเหลืออะไร ? ขาดทุนอีกต่างหาก

เถรี
29-12-2018, 09:42
ถาม : เหล็กขนันผี ?
ตอบ : เหล็กที่เขาตอกอัดเลย..พูดง่าย ๆ ว่าตรึงเอาไว้ คือผีบางตัวแรงมาก ก็เลยต้องใช้ตะปูตอก โดยเฉพาะตอกหน้าผาก ตรึงไว้ด้วยคาถา เหล็กที่ตอกเขาเรียกว่า “เหล็กขนัน” สมัยนี้เห็นฝรั่งใช้ตอกแดร็กคูลา ..(หัวเราะ).. นั่นแหละ..เหล็กขนัน

ตำราบอกว่า “เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร หอกสัมฤทธิ์กริชทองแดงพระแสงหัก เหล็กปฏักสลักประตูตะปูเห็ด อีกทั้งเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้” เหล็กบ้านคือของใช้โลหะภายในบ้าน โดยเฉพาะผานไถ

ถาม : ที่ไถนาหรือครับ ?
ตอบ : ใช่ ผานไถสำคัญมาก เพราะว่าสามารถพลิกธรณีได้ เขาว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามโลกก็คือแม่ธรณี ผานไถยังพลิกแม่ธรณีได้ อาถรรพ์ขนาดไหน ? อยู่ในลักษณะว่ากลับร้ายกลายดีได้เลย

เถรี
29-12-2018, 09:44
ถาม : เวลาเอามาตีเป็นมีด จุดหลอมละลาย ?
ตอบ : เขามาหลอมเป็นเนื้อเดียว

“เอาเหล็กไหลเหล็กหลอมบ่อพระแสง เหล็กกำแพงน้ำพี้ทั้งเหล็กแร่” สมัยก่อนแสดงว่ากำแพงเพชรต้องมีบ่อเหล็ก “อีกทองคำสัมฤทธิ์นากอแจ เงินที่แท้ชาติเหล็กทองแดงดง” รู้จักนากอแจไหม ? ทองแดงชวา สมัยก่อนมาจากชวา เขาออกเสียงไม่ถูก เลยอ่านว่า ‘อแจ’ เด็กรุ่นหลังไม่รู้ศัพท์ หาไม่เจอสักที สมัยก่อนสีนั้นเขาเรียกนากหมด ส่วนของบ้านเราก็คือทองแดงเถื่อน ทองแดงดง

เถรี
29-12-2018, 09:47
ถาม : เหล็กหล่อคืออะไรครับ ?
ตอบ : เหล็กหล่อก็พวกโลหะที่ทุบแตกได้ คือเนื้อเหล็กหล่อจะพรุน ๆ เหล็กหล่อส่วนใหญ่เขาทำแม่พิมพ์ แต่ว่าเนื้อค่อนข้างกรอบ ถ้าหากว่าไปปั๊มกระแทกนี่แตกเลย ได้แต่เป็นพิมพ์ขึ้นรูปอย่างอื่น แต่ว่าเหล็กไหลนี่ต้องดูว่าเขาเอาระดับไหน ถ้าเอาโคตรเหล็กไหลโกฏิปีชนิดหนีได้มาได้ไปได้ กว่าจะได้นี่ก็ตายกันไปข้างหนึ่ง ..(หัวเราะ)..

สมัยที่หลวงปู่มั่นไปปราบเหล็กไหลภูเขาควาย นั่นขนาดเขาดึงมันยืดเท่าเส้นด้ายแล้วยังไม่ขาด ถึงเวลารัดกลับ ทั้งพระทั้งเณรโดนตัดตัวขาดเลย

ถาม : พวกนี้เป็นอสุรกายหรือครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเป็นโลหะธาตุที่มีประสาทคือวิญญาณ ยังไม่มีจิตคือตัวรู้ ของพวกนี้บางคนเขาบอกว่าเป็นที่อาศัยของบรรดาผู้ทรงฌาน ทรงสมาบัติ เอาไว้สำหรับบ่มเพาะบำเพ็ญตบะของตน อยู่ ๆ เราก็ไปเอาของเขามา เขาก็คงจะไม่ยอม

เถรี
29-12-2018, 09:50
ถาม : แล้วพวกนักสิทธิ์วิทยาธรอยู่ชั้นไหนครับ ?
ตอบ : พวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในระดับเทวดาชั้นต่ำ มักจะอาศัยอยู่ตีนเขาพระสุเมรุกับป่าหิมพานต์

นักสิทธิ์ก็คือฤๅษีหรือว่านักบวชประเภทหนึ่ง แต่ว่าเป็นโลกียอภิญญา ไม่ค่อยเคร่งครัดในเรื่องศีล ส่วนพวกวิชาธรนี่พวกเทวดาที่เจ้าชู้ ..(หัวเราะ).. วิทยาธรหรือวิชาธรตัวเดียวกัน คือผู้ทรงความรู้ เป็นความรู้ที่เกินคนทั่วไป อย่างเช่นว่าเหาะได้ หายตัวได้ เป็นต้น

ถาม : เวลาไปขุดว่าน หลวงปู่ให้ใช้ตัวนี้กำกับ ?
ตอบ : ป้องกัน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเข้ามาขโมยลูกสาว พวกนี้บ้าผู้หญิง เจอลูกสาวบ้านไหนสวย บุกเข้าบ้านนั้น คนโบราณเขาเลยมียันต์ มีคาถา ลงรอด ลงขื่อ ลงเสากันพวกนี้ไว้

เถรี
29-12-2018, 09:52
ถาม : ทั้ง ๆ ที่เป็นเทวดาก็ยังทำ ?
ตอบ : เขาอยู่ในภูมิกึ่งทิพย์ ต้องเรียกว่าวิบากทำให้ไปเกิดที่นั่น แต่ว่าสันดานแก้ไม่ได้ ก็ต้องอยู่ไปจนกว่าจะหมดอายุขัยของตรงนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าละเมิดศีลละเมิดธรรมแล้ววิชาจะเสื่อม เพราะว่าไม่ใช่วิชา แต่เป็นฤทธิ์โดยกรรมวิบากติดตัวมา เหมือนอย่างกับเสือต้องฆ่าสัตว์ ใครจะทำให้เสือเสื่อมได้ จนกว่าจะตายไปเอง

ถาม : แต่ว่าในภูมินั้น เขาก็สร้างวิบากกรรมที่เป็นอกุศลกรรมเพิ่ม ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็ ๕๐๐ ชาติ..! ..(หัวเราะ).. กรรมที่ทำแล้วทำอีก

ป่าหิมพานต์ถ้าตบะไม่ดีจริงอย่าไปเลย นอกจากพวกนักสิทธิ์วิทยาธรอะไรแล้ว แม้กระทั่งมักกะลีผล เจอแม่เจ้าประคุณเข้าจะเอาตัวไม่รอดเอา แต่ละคนมานี่สวยถูกกิเลสล้วน ๆ ..(หัวเราะ)..

เถรี
29-12-2018, 09:53
ถาม : แต่มักกะลีผลไม่ใช่ผลไม้ ?
ตอบ : เป็นผลไม้ อายุของเขาคืออายุผลไม้ พอถึงเวลา ๗ วันก็หลุดจากขั้วไป

ถาม : อันนี้ก็เป็นกัมมวิปากชาฤทธิ์เหมือนกัน ?
ตอบ : ต้องเรียกว่าวิบากเขาสร้างมาเพื่อคนอื่น แต่คราวนี้ถ้าเราหลงไป ถ้ารัก โลภ โกรธ หลง เรายังไม่หมด เราก็เสร็จไปด้วย

ถาม : แสดงว่ามีวิญญาณ แต่ไม่มีจิต ?
ตอบ : ก็ลักษณะแบบต้นไม้กินคน เคลื่อนไหวได้ ร้องเพลงได้

เถรี
29-12-2018, 09:58
ถาม : เคยเจอปลัดขิกเป็นหิน ว่ายน้ำได้ ผู้ชายไปจะไม่เข้าหา แต่ถ้าผู้หญิงไป จะว่ายเข้ามาหา ?
ตอบ : ก็ไม่ต้องใครหรอก ตาแดง (มงคล จอมผา) เห็นว่ายน้ำอย่างกับปลา จะไปจับ เขาบอกว่าพอก้มลงจะจับ เหมือนอย่างกับมีใครเป่าลมใส่หน้า แต่ลมมาแรงเต็มถ้ำเลย โอ้โฮ..ขนาดนี้แล้วตัวใหญ่แค่ไหน ? ท้ายสุดต้องตัดใจเดินหนี

ถาม : ในถ้ำหรือครับ ?
ตอบ : ใช่ เล่นน้ำอยู่ในถ้ำ เป็นถ้ำที่มีน้ำไหล อยู่ ๆ ไปเห็นปลัดหินว่ายน้ำ บางที่เขาเรียกแท่งยาพระฤๅษี

หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ เอาผ้าอาบไปช้อนอยู่เป็นวัน ช้อนไม่ติด จนกระทั่งชาวบ้านเขาบอกว่าให้ผู้หญิงมาช้อน เลยช้อนได้มาตัวหนึ่ง พวกนี้เจ้าชู้โดยสันดานจริง ๆ ผู้ชายช้อนเท่าไร เหมือนอย่างกับเป็นน้ำ ลอดผ้าไปได้ แต่พอผู้หญิงช้อน กลับยอมอยู่ ได้มาต้องดีดหูให้เข็ด..! ..(หัวเราะ).. ของพวกนี้เป็นโลกจินไตย ความเป็นไปของโลก

ของบางอย่างพอพลังงานลงไปจับ ก็เคลื่อนไหวได้ มีความรู้สึก กินได้ อะไรได้ แต่ว่าไม่มีจิต คือตัวรู้เท่านั้น

ถาม : แต่ว่าเขาก็มีอายุของเขา ?
ตอบ : ก็อยู่จนกว่าพลังงานจะย้ายที่หรือว่าเสื่อมไป เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าลองจับวัตถุบางอย่าง ก็แปรสภาพจากที่ของเสื่อมได้ เสียได้ กลายเป็นหิน กลายเป็นแก้ว อย่างที่เขาเรียกว่า “คด” ไม่ว่าจะสัตว์หรือว่าพืช

เถรี
29-12-2018, 10:02
เอาไว้ว่าง ๆ จะเอาไข่งูเป็นแก้วมาลงให้ดู ที่เขาไปขายเจ็ดล้านบาท แต่ซื้อมาสามร้อยเอง น่าฆ่าให้ตาย..! คือเขาเป็นเถ้าแก่รับซื้อของเก่าแถวแก่งกระจาน คราวนี้คนที่ไปหาของเก่ามาขาย ถึงเวลาวางของลง ไข่งูเป็นหินอยู่ในกระเป๋าร่วงลงมา ถามว่าอะไร ? เขาบอกว่าได้มาจากปากงู เจองูจงอางตัวใหญ่ตาย เขาสงสัยเข้าไปดูใกล้ ๆ เห็นในปากอมไข่นี้ไว้ ก็เลยเอาใส่กระเป๋าออกมา

รายนี้ส่องดูบอกว่า เห็นแม้กระทั่งลูกงูตัวเล็ก ๆ อยู่ข้างใน ก็เลยถามว่าขายไหม ? เขาบอกว่า “ถ้าเถ้าแก่จะเอา ผมคิดห้าร้อย” ไอ้นี่ก็ไปต่อเขาสามร้อย เอาไปขายต่อเจ็ดล้าน น่าตายมากเลย..! สันดานพ่อค้าจริง ๆ จะให้เขาสักหมื่นสองหมื่นก็ยังได้ คนเขาหาของป่าเหนื่อยแทบตาย ได้มาแทนที่จะประเภทแบ่งเขาบ้าง กินคนเดียวเลย เขาขอห้าร้อย ให้เขาสามร้อย

ของพวกนี้วันดีคืนดีจะเปล่งแสงได้ ที่ทางภาคเหนือเขาเรียกแสงโน่น แสงนี่ อย่างแสงนกคุ้ม แสงกล้วย เป็นต้น แสงกล้วยก็คือ “แก้วกัทลี” แก้วที่เกิดขึ้นในต้นกล้วย ในปลีกล้วย แสงนกคุ้มก็คือไข่นกคุ้มเป็นหิน ไข่ไก่ป่าเป็นหิน บางทีไข่ไก่ป่าแท้ ๆ ก็เรียกแสงนกคุ้มเพราะว่าเขาไม่รู้จัก เห็นว่าอยู่กับรังที่พื้น ไม่ได้สังเกตว่าใหญ่กว่านกคุ้มตั้งเยอะ..!”

เถรี
29-12-2018, 10:05
ไม่ได้แวะไปดูที่ศาลาจำหน่ายวัตถุมงคลวัดหลวงป๋าเลย ไม่รู้ว่าคดขนุนยังอยู่หรือเปล่า ? เม็ดหนึ่งเป็นแสน คือท่านจะเอาไปสร้างเจดีย์ ท่านก็เลยต้องการคนมีกำลัง จึงตั้งราคาไว้สูง

ถาม : มีเปลือกอยู่ ?
ตอบ : คุณจะเอาเปลือกออกก็ได้ แต่คนเขาจะไม่เชื่อ ก็เลยต้องเก็บเปลือกไว้ด้วย เขาเรียกว่าเยื่อหุ้มเม็ด

ถาม : น่าจะเป็นของคู่บุญของท่าน ?
ตอบ : ท่านบอกว่าขนุนต้นนั้นเป็นเกือบทั้งต้น คือท่านภาวนาไปภาวนามา ท่านบอกว่าเขาลงมาเอง ในเมื่อลงมาเองท่านก็เลย เอ้า..ในเมื่อจะมาช่วยก็ขายเลย ..(หัวเราะ).. พี่อรรณพซื้อไปเม็ดหนึ่ง ถามว่าเท่าไรพี่ ? “สองแสน ผมตั้งใจสร้างพระเจดีย์”

ถาม : มีตั้งแต่ทอง นาก ?
ตอบ : มีชมพูนุทกับสีทองแดง

เถรี
29-12-2018, 10:07
ถาม : กราบขอขมาหลวงพ่อครับ ?
ตอบ : อย่าบ่อย ไปขอขมาพระหน้าหิ้งพระโน่น

คนเราตราบใดที่ยังไม่ถึงพระนิพพาน โอกาสคิดผิด พูดผิด ทำผิดมีอยู่แล้ว จริง ๆ แล้วพระท่านไม่ได้ถือสาหาความอะไรหรอก แต่โทษที่ตัวเองทำผิดนั่นแหละที่ลงโทษเอง เหมือนกับเราขว้างลูกเทนนิสใส่ฝาผนัง ก็เด้งกลับไปเอง คนอื่นเขาขว้างเสียเมื่อไรเล่า ? เด้งกลับเอง เราก็เดือดร้อนเอง

เถรี
29-12-2018, 10:10
พระอาจารย์กล่าวว่า “ไปอ่านประวัติหลวงปู่ละมัย หลวงปู่ละมัยทำปรอทเสร็จ วิทยาธรมาขโมยอยู่เรื่อย เขาว่าถ้าทำก็เสียเวลาเขา คนอื่นทำกูเอาด้วย ..(หัวเราะ).. แล้วก็มีมารยาทนะ ไม่ได้ขโมยตรง ๆ ก็ไปใส่มือให้เขาเอง ท่านก็ไม่รู้ นึกว่าชาวบ้านธรรมดา ๆ มาขอ เห็นกระมอมกระแมมมา หย่อนแตะมือปั๊บ เขาหัวเราะก๊าก เปลี่ยนรูปต่อหน้าต่อตาให้เห็นเลยว่าเสร็จเขาแล้ว สมควรตายจริง ๆ..!

แต่ของพวกนี้บางทีก็ต้องบอกว่าอยู่ที่คน ถ้าอย่างสายหลวงพ่อวัดท่าซุง ถึงเวลาเราอาราธนาบารมีพระ บารมีพรหมเทวดาอยู่ พวกที่ศักดานุภาพน้อยกว่าก็เข้าเขตนั้นไม่ได้ อย่างของหลวงปู่ท่านเล่นอภิญญาแท้ กูมาคนเดียว เผลอเมื่อไรก็โดนเขาสอยเมื่อนั้น

ถาม : แสดงว่าพุทธานุภาพก็กันเทวดาที่มีศักดานุภาพได้ ?
ตอบ : ไม่ต้องถึงพุทธานุภาพหรอก อ้างแค่หัวหน้าเทวดาอย่างท้าวเวสสุวรรณก็เผ่นกันหมดแล้ว

เถรี
29-12-2018, 10:13
ถาม : เหมือนอย่างที่หลวงปู่สังข์ วัดป่าอาจารย์ตื้อ ท่านบอกว่านี่หัวหน้านักเลง แล้วชี้แผ่นเหรียญท้าวเวสสุวรรณ แต่ไม่ใช่เหรียญนะครับ เป็นแผ่นที่เข้าพิธีท้าวเวสสุวรรณเฉย ๆ ?
ตอบ : ถึงเวลาท่านสงเคราะห์ คนเห็นก็จะเห็นเป็นรูปท่าน

ถาม : ท่านบอกว่ามากับหัวหน้านักเลงนะ แล้วก็ชี้แผ่นให้ดู แน่นอนจริง ๆ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเป็นความเมตตาของท่านที่สงเคราะห์พวกเรา เดี๋ยวจะหาว่าอาตมาทำแล้วไม่ใช้ ตัวอาตมาเองก็พกเหรียญท้าวเวสสุวรรณเหมือนกัน ..(หัวเราะ).. ท่านตั้งใจสงเคราะห์ก็เอาสักหน่อย

เถรี
29-12-2018, 10:15
ถาม : อย่างที่หลวงปู่ละมัยโดน อย่างนั้นไม่ได้ถือว่าเขาขโมย ?
ตอบ : ไม่ใช่ เขาก็มีมารยาท ส่งถึงมือเขานี่ ส่งถึงมือเขาก็ถือว่าให้ “ขอดูหน่อยสิทำไปถึงไหนแล้ว” พวกก็นึกว่ามาลองวิชา มาท้าทายใช่ไหม ? เอาไปดูเลยว่าข้าทำได้สุดยอดแค่ไหน พอหย่อนใส่มือ เขากำได้ก็ไปเลย ถือว่าให้แล้ว

แบบเดียวกับโทณพราหมณ์ โทณพราหมณ์เอาพระเขี้ยวแก้วพระพุทธเจ้าซ่อนไว้ในมวยผม ท่านปู่พระอินทร์ถือพานแก้วรอเลย ถึงเวลาไม่ได้ซุกใส่หัวตามที่ตัวเองคิดนะ ไปวางใส่พาน ท่านก็เอาไปเลย ถือว่าเขาให้แล้ว

เถรี
29-12-2018, 10:16
เรื่องของเทวดานี่ถ้าจะเล่นเรานี่รอดยาก อาตมาโดนจนนับครั้งไม่ถ้วน โดนจนเข็ด โดนจนต้องรอบคอบเองโดยอัตโนมัติ มีอยู่เที่ยวหนึ่ง เป็นงานวัด อาตมาขอให้อากาศไม่ร้อน ก่อนงานวันหนึ่งให้ฝนตก วันงานให้มีเมฆมาก แดดไม่ร้อนจะได้สงเคราะห์ญาติโยม

โอ้โฮ..วันงานวัดท่าขนุนร้อนแทบตาย พอกลับเข้าเกาะพระฤๅษีไป คนงานบอกว่า “ฝนตกตั้งแต่เมื่อวานครับ มาวันนี้เมฆทั้งวัน อากาศเย็นสบายดีมาก” ทะลึ่งขอที่เกาะแล้วก็ไม่ได้บอกว่าที่ไหน ท่านก็ให้เต็มที่เลย..!

จำไว้ว่าคราวหน้าบอกให้ชัด ถึงเวลาท่านสอนให้เรารอบคอบขึ้นเรื่อย ๆ ขออะไรไม่รอบคอบท่านก็เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปเรื่อย สั่งสอนให้รู้ สอนแบบนี้จำจนวันตาย ..(หัวเราะ)..

เถรี
29-12-2018, 10:17
ช่วงนั้นอยู่ในฐานะรองเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน แต่ตัวอยู่ที่เกาะพระฤๅษี พอถึงเวลามีงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีก็ไปขอใช้สถานที่ที่โน่น เพราะว่าตามที่สัญญาไว้กับหลวงพ่อท่าน มีกติกาอยู่ข้อหนึ่ง คืออยู่วัดไหนให้ทำที่วัดนั้น ทีนี้ในเมื่อเป็นรองเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนก็ต้องทำที่วัดท่าขนุน ขออย่างดีตั้งแต่เช้าวันก่อนออกไป ท่านก็ให้ซะเต็มที่เลย แต่ให้ตรงนั้น ตรงที่ขอนั่นแหละ ไม่ได้บอกว่าจะเอาที่ไหน

เถรี
30-12-2018, 08:42
ถาม : ปรอทก็เป็นพวกมีวิญญาณ ไม่มีจิตเหมือนกัน ?
ตอบ : เหมือนกัน ถือว่าเป็นวัตถุที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์บางอย่างลงจับ ลงอาศัย ถ้าถามว่าทำไมไม่ลงอาศัยทั่ว ๆ ไป ? ไม่ได้ เพราะว่าวัสดุที่รองรับ ถ้าไม่เหมาะกับกำลังก็จะทนไม่ได้ ลงไปเดี๋ยวก็แตกกระจาย ตัวเองก็อยู่ไม่ได้ ข้าวของอื่นก็พังไปด้วย

ถาม : อย่างปรอท หลวงพ่ออุตตมะที่ท่านบอกว่าเห็น แต่พอไปจับ จับไม่ได้ ?
ตอบ : หลวงพ่ออุตตมะท่านมาสายประคำ ท่านไม่ได้มาสายปรอท ทางด้านโน้นเขาสำเร็จยา สำเร็จปรอท สำเร็จประคำ สำเร็จยันต์ เลือกเอาว่าจะเรียนอย่างไหน เห็นปรอทนิยมกันมาก ที่นิยมกันมากเพราะว่าสุดท้ายเหาะได้ อยากมีฤทธิ์กัน ขั้นสุดท้ายทำเป็นแก้วแล้วจะเหาะได้

ถาม : เรียนแล้วอย่างไรครับ รักษาโรค ?
ตอบ : มหาเสน่ห์ ป้องกันภัย รักษาโรค เป็นทอง เป็นแก้ว

เถรี
30-12-2018, 08:45
เดี๋ยวไว้จะเอาปรอททองของหลวงปู่ศรีอ่อง หรือของหลวงพ่อวัดเขาตามะยะมาลงให้ รอตาสุธรรมถ่ายรูปเสร็จก่อน ถ้าขืนลงทีแบบเดือนนี้นี่ปางตาย หาไม่เจอ ขนาดเทเรียงไว้เต็มห้อง ยังหาไม่ค่อยจะเจอ หยิบให้เขาผิดอีกต่างหาก ดูในบัญชีเขียนเอาไว้ ไม่ได้เปิดดูในเว็บ กลายเป็นคนละรุ่นกัน แต่ว่าลูกสะกด ลพ.เดิมเหมือนกัน กว่าจะรู้อาตมาก็หยิบให้เขาไปแล้ว

ถาม : ปรอทที่หลวงพ่อทำ ทำที่เกาะหรือทำที่พม่าครับ ?
ตอบ : ตอนนั้นทำที่ฝั่งพม่าด้วย ที่เกาะด้วย แล้วก็ที่ตะเพินคี่ด้วย ตอนที่ตะเพินคี่มีพื้นที่จับปรอทได้เยอะ เป็นแหล่งของเขา ตรงแถว ๆ ริมลำธารลำห้วยที่มีความชื้นสูง ๆ ให้สังเกตดูถ้าหากว่าต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้นมีใบแห้งเยอะผิดปกติก็ใช่เลย เพราะว่าปรอทกินพลังไปหมด

เถรี
30-12-2018, 08:50
ถาม : ช่วงนั้นปรอทที่ทำถึงรักษาโรคแล้วหรือครับ ?
ตอบ : เลยนั้นไปนิดเดียว ไม่มีเวลาไปต่อ ตอนที่มาหลอมที่เกาะนี่เกือบจะระเบิดอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร เพราะว่าเขาไม่เคยบอกวิธีแก้ให้ คว้าน้ำมันชาตรีได้ก็ราดลงไป เงียบฉี่ เออ..ค่อยยังชั่ว แสดงว่าปรอทกลัวน้ำมันชาตรีเหมือนกัน ถ้าระเบิดนี่ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ถาม : หลวงตาเย็น ท่านก็ทำ ?
ตอบ : หลวงตาเย็นทำไม่สำเร็จ หลังจากที่สังเกตดูว่าท่านไม่มีสมาธิเลย สอนให้ทำสมาธิ พุทไม่ทันจะโธก็ฟุ้งซ่านแล้ว ท่านถึงบอกว่า “อาจารย์..ทำไมทำได้เร็วจัง ผมทำมา ๖ ปี ไม่ได้อะไรเลย กิจนิมนต์ได้เท่าไรเอามาจ้างเขาซื้อฟืนหลอมปรอทอย่างเดียว” พูดง่าย ๆ ว่าท่านหลอมจนหมดไม้ไปเป็นป่าแล้วยังไม่สำเร็จ

เถรี
30-12-2018, 08:52
ถาม : หลวงพ่อเรียนจากใครครับ อาจารย์โมเช่หรือครับ ?
ตอบ : อาจารย์ใหญ่ทางด้านโน้น เป็นกะเหรี่ยง ตัวล่ำ ๆ ใหญ่ ๆ ชื่อ “เตเส่ง” ภาษาบ้านเราก็เตชะ “เส่ง” ก็คือชนะ

ถาม : ท่านยังอยู่ ?
ตอบ : ยังอยู่ ตอนที่ไปนั้นดูอายุเต็มที่ก็ไม่เกินห้าหกสิบปี แต่ว่าเอาแน่ไม่ได้ เพราะว่าพระที่ทรงฌานได้นี่ หน้าตาหลอกชาวบ้านได้เยอะ

ถาม : ไปเรียนอยู่กี่วันครับ ?
ตอบ : เป็นเดือน ช้าตรงที่หาสมุนไพร ชื่อที่เขาบอกเป็นชื่อภาษาพม่า ถ้าอันไหนที่เราไม่รู้จริง ๆ ก็ต้องให้ท่านหาตัวอย่างให้ก่อน ก็เลยช้ามาก

ถาม : แสดงว่าบางอย่างบ้านเราไม่มี ?
ตอบ : ไม่มี หรือถึงมีก็น่าจะอยู่ในป่าลึก ๆ แบบที่พาขึ้นทุ่งยาที่อุ้มผางนั่น อาจารย์โมเช่แกก็ขุดเพลิดเพลินเจริญใจ อาตมาเองไม่รู้จัก ก็เลยได้แต่ยืนมองว่าขุดอะไรบ้าง

เถรี
30-12-2018, 09:00
ถาม : เป็นยาทั้งลูกเลยหรือครับ ?
ตอบ : เขาบอกว่าตรงนั้น ทุกต้นคือสมุนไพร ถ้าเรานึกถึงตำราพ่อปู่หมอชีวก อะไรก็ได้ไม่ว่าจะพืชจะสัตว์จะแร่ธาตุ เป็นยาทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเรารู้ไหมว่าจะผสมอย่างไร

ถาม : แสดงว่าอาจารย์โมเช่เป็นหมอยา ?
ตอบ : ไม่ได้เป็น แต่ว่าศึกษามาในลักษณะนั้น ท่านมีเทวดาคอยบอก ตอนที่ท่านปวดหลัง เทวดาให้ไปว่ายน้ำเป็นปี หายได้เหมือนกัน

เถรี
30-12-2018, 09:03
ถาม : เทวดาบอกแกให้ว่ายน้ำ ?
ตอบ : อาตมาถามว่าหายไปไหน ? ท่านบอกว่าไปว่ายน้ำมา ความจริงที่ท่านปวดหลัง สาเหตุเกิดจากอาตมาเอง ตอนนั้นเร่งเดินทางเพราะว่าเวลาไม่พอ ก็เลยจับท่านกินแคลเซียม คราวนี้พอแคลเซียมเกินก็เกาะกระดูกสันหลัง ท่านก็ปวดหลัง เทวดาก็เก่ง ให้ไปว่ายน้ำ พอบิดไปบิดมาก็หลุดไปเอง

ถาม : เวลาไม่พอนี่คือวันลา ?
ตอบ : วันลาจะหมด ต้องออกมาให้ทัน คนอื่นเขากำลังไม่ไหวแล้ว ท่านอาจารย์โมเช่บ่นเลย “ไปกับใครก็ไม่เคยเหนื่อยเหมือนไปกับอาจารย์” ..(หัวเราะ).. ของอาตมาจำกัดด้วยเวลา วันหนึ่งเดินอย่างไม่มี ๆ ก็ ๓๐ - ๔๐ กิโลเมตร

ถาม : ขึ้นเขาลงเขาปกติ ?
ตอบ : ขนาดตรงป่าใหญ่ตรงไล่คะล่อง ท่านบอกว่าท่านเดิน ๗ วัน อาตมาไปประเภทไม่เต็มวันดีก็ทะลุแล้ว เดินจนรำคาญ จึงชุมนุมเทวดาขอบารมีพระช่วย เดิน ๆ ไปหน่อยเดียว ข้างหน้าทำไมขาว ๆ วะ ? ปกติมืดครึ้มไปหมด ปรากฏว่าพ้นเขตป่าพอดี อาจารย์โมเช่ตอนแรกก็บ่น “ไปกับอาจารย์ทีไร หลงทุกทีเลย” ปรากฏว่าหลงแล้ววันเดียวออกได้ท่านเลยเลิกบ่น ปกติท่านบอกว่าเดินตั้ง ๗ วัน หลงจริง ๆ หลงชนิดท่านก็หาทางไม่เจอ

เถรี
30-12-2018, 09:07
ถาม : พี่อรรณพผ่าตัดถึง ๓ ครั้ง ดูแกปล่อยวางไปเยอะ แต่ก่อนแกจะบู๊ ?
ตอบ : อย่าลืมว่าลูกศิษย์สายหลวงพ่อ พื้นฐานเก่าคือความปรารถนาพระนิพพาน คราวนี้อย่างไรก็ต้องโดนตบจนเข้าทาง พ่อแม่ปู่ย่าตายายข้างบนก็บังคับไปเรื่อย ถึงได้บอกว่า ถ้าไม่พิจารณาทุกข์ ก็ต้องโดนบังคับให้ทุกข์จนกว่าจะเห็นเอง ..(หัวเราะ).. คิดดู..ผ่าซะสามครั้ง ถ้ายังไม่เห็นทุกข์ก็ต้องครั้งที่ ๔

เถรี
30-12-2018, 09:09
พูดถึงพิพิธภัณฑ์ที่วัด “นี่ช่างเขาทิ้งงานไป ๒ ปี เพราะว่าเขาเหนื่อยจากงานพระเมรุมาศ วันศุกร์เพิ่งจะมา บอกว่าเดี๋ยวเริ่มงานตอนปีใหม่ ก็เลยบอกว่า ที่ช่างเคยกำหนดเอาไว้ว่าส่วนหนึ่งจะทำเผื่อเป็นห้องพระอาจารย์เล็ก ขอเปลี่ยนเป็นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของอาตมาไม่ต้องทำหรอก ประเภททำให้ตัวเองดูทุเรศ ถ้าลูกศิษย์มีแก่ใจเดี๋ยวเขาก็ทำให้เอง

ทำของรัชกาลที่ ๙ ของในหลวงดีกว่า ประวัติของพระองค์ท่านเป็นประโยชน์แก่คนทั้งชาติ ทั้งโลก เดี๋ยวเขาก็คงไปวางคอนเซ็ปต์ใหม่ เปลี่ยนจากพระอาจารย์เล็กเป็นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทำงานง่ายกว่าตั้งเยอะ”

เถรี
30-12-2018, 09:18
ถาม : ตุ๊พ่อเคยพาไปตอนเสกตะกรุดชุดหนึ่ง ครูบาอินสมท่านเสกนานมาก ?
ตอบ : ถ้าจะเก็บก็เก็บพระกริ่งสุวีโร อย่างอื่นไม่ต้องเก็บ โอกาสที่ท่านจะเสกอย่างนี้ยาก

ถาม : ชั่วโมงครึ่ง ท่านไม่กระดิกเลย ?
ตอบ : ถ้าหากว่าคุณทันรุ่นหลวงปู่โต๊ะ นั่งไปทีอย่างต่ำ ๆ ก็ ๓ - ๔ ชั่วโมง พวกเรานี่หิวไส้แขวน หลวงปู่ยังไม่กระดิกเลย..(หัวเราะ).. บางทีท่านนั่งข้ามคืนเลย

ถาม : พิธีโสฬสงวดนั้นหลวงพ่อนั่ง ๕๕ นาที ก็นานแล้วนะ ?
ตอบ : ของเราถ้าหากว่าเป็นรูปพระจะเร็ว แต่ถ้าหากว่าเป็นรูปอย่างอื่น กว่าจะเสกเท่ากับพระก็ช้า นี่ขนาดเราอาศัยบารมีพระนะ

เถรี
30-12-2018, 22:11
ถาม : วิชาการอาบน้ำว่านแบบทางใต้ สายภาคกลางมีไหมครับ ?
ตอบ : มีที่เขาเรียกว่าการแต่งคน ซึ่งก็คือใช้น้ำมันน้ำว่านเหมือนกัน แต่ว่าต้องให้อีกคนหนึ่งทำให้ แต่คนที่จะรู้จักพวกว่านยาจะมีน้อยลงไปเรื่อย ๆ คือไม่ค่อยมีใครอดทนศึกษากัน

เถรี
30-12-2018, 22:17
ถาม : พระท่านให้เอาเหรียญพวกนี้ไปไว้ตามต้นโพธิ์ ๔ ทิศ พอดีมีเยอะเลยเอามาถวายค่ะ ?
ตอบ : อาตมาไม่ได้ใส่ ๔ ทิศ อาตมาเอาลงหลุมเสาเข็มทุกต้นเลย ไม่เห็นหรือว่างานก่อสร้างวัดท่าขนุนสุดจะราบรื่น ไม่ใช่อาตมาเก่งหรอก ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านเก่ง เพราะว่าท่านชื่อภูมิพล พลังแห่งดิน ศาลาร้อยปีวัดท่าขนุน เสา ๖๐ กว่าต้น มีแต่เหรียญกาญจนาภิเษก ใส่กันทีเป็นกำ คนอื่นเขาคงเสียดาย อาตมาใส่แม้กระทั่งเหรียญทองคำ..!

เถรี
30-12-2018, 22:23
ถาม : หลวงพ่อเคยเห็นคลิปที่พระถือไม้เรียวไล่ช้างไหมครับ ?
ตอบ : แสดงว่าช้างนั้นเคยโดนตีมาก่อน เพราะเจอก็วิ่งหนีเลย

ถาม : แบบนี้จำเป็นไหมครับว่าเราต้องอยู่เหนือลม ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ถ้าหากว่าเราไม่กลัวเขาและไม่คิดจะทำอันตรายเขา เราจะอยู่ตรงไหนก็ได้ แล้วอีกอย่างพวกสัตว์เขาจะมีระยะปลอดภัยของเขาอยู่ ถ้าเรายังไม่ล่วงล้ำเขตนั้น เขายังไม่ทำอะไรหรอก แต่ถ้าเจอประเภทที่วิ่งใส่แล้วยังไม่หนี เขาก็คงละล้าละลังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ช้างบางตัวนี่เตะดินใส่เต็มหัวเต็มหูเราไปหมด

เถรี
30-12-2018, 22:34
ถาม : เดือนก่อนผมเข้าพิธีกินเจที่ภูเก็ตไป ผมมีอาการตัวสั่น ผมถอดพระออก ผมนึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ผมก็ตัวชา แล้วเหมือนมีใครเดินมากระแทกหลังผม ผมก็ตัวสั่นใจสั่น ทำอย่างไรจะให้ผมหลุดจากอาการนี้ครับ ?
ตอบ : ปฏิเสธอย่างเดียวเลย บางอย่างมีบุญสัมพันธ์มีกรรมสัมพันธ์กันมา เขาก็ต้องการที่จะอาศัยร่างเรา แต่ถ้าเกิดไม่มีตรงนี้เขาก็อาศัยไม่ได้ สำคัญตรงที่ว่าเราจะรับหรือไม่รับ ถ้าเราตั้งใจว่าไม่รับ อย่างไรก็ต้องฝืนไว้ ถ้าไม่ฝืนเดี๋ยวก็ไปหมดตัว

ถาม : ถ้าผมจับภาพพระ แล้วมีอย่างอื่นมาแทรก ?
ตอบ : ตั้งใจเอาพระไว้ในกายเราแล้วขยายภาพให้ใหญ่ พูดง่าย ๆ ก็คือให้พระอยู่ข้างใน ใครก็เข้าไม่ได้ เหมือนกับท่านนั่งเก้าอี้ไว้คนอื่นก็มานั่งแทนไม่ได้ นึกถึงภาพพระองค์เล็ก ๆ ตามลมหายใจเข้าไปจนสุด แล้วก็ขยายใหญ่ขึ้นมาเต็มตัวเรา

เถรี
30-12-2018, 22:37
ถาม : ในห้องนอนเหมือนมีคนอยู่ เวลาเรานอนมีเสียงหายใจ ?
ตอบ : บอกเขาว่าอย่าอยู่เฉย ๆ ช่วยเฝ้าบ้านให้ด้วย จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรหรอก...โชคดีที่มีคนช่วยเฝ้าบ้าน เราจะได้หลับสบาย ยกบ้านให้เขาไปเลย บอกว่าเราขออาศัยอยู่ด้วย ช่วยเฝ้าให้ด้วย จะว่าไปแล้วเขาทั้งหลายอยู่แถวนั้นมาก่อน ถ้าเราจะไปไล่เขาก็ยุ่ง ฝากเนื้อฝากตัวให้เขาดูแลไปเลย ตั้งใจทำบุญอะไรก็นึกถึงเขา ขอให้เขาโมทนาด้วย ขอให้ช่วยดูแลให้ตัวเรา และครอบครัวของเรา ให้มีความสุขความเจริญอะไรก็ว่าไป

เถรี
01-01-2019, 21:58
ถาม : ทำอย่างไรถึงจะรักษาสมาธิให้ต่อเนื่อง
ตอบ :ใช้สติประคองสมาธิ พวกเราเอาแต่สมาธิอย่างเดียว เผลอก็หลุด ประเภทหงายท้องตึงมาเยอะแล้ว เพราะว่าสติขาด เอาสติประคองสมาธิ อย่าลืมว่าพละ ๕ มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา สติอยู่ตรงกลางเลย เป็นตัวแบกเลย ถ้าเราขาดไป ๑ ตัว จะรอดไหม ? พระพุทธเจ้าท่านบอกแล้วว่าโพธิปักขิยธรรม คือองค์คุณเครื่องช่วยในการตรัสรู้ ในเมื่อเป็นองค์คุณช่วยตรัสรู้ จะขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้

ถาม : พละ ๕ ?
ตอบ : ศรัทธา ถ้าไม่เชื่อไม่ทำ ถ้าไม่เชื่อก็ไม่มีวิริยะ ขาดปัญญา แล้วก็มาสติ คอยควบคุมกำกับเอาไว้ เหมือนกับถือบังเหียนม้า ไม่ให้ม้าเตลิดนอกทาง ถ้าหากว่าสติทรงตัว สมาธิก็ตั้งมั่น ปัญญาก็เกิด แต่จริง ๆ แล้วทั้งหมดเริ่มจากศรัทธา

สติเป็นคนเลี้ยงวัว ระวังไว้อย่าให้วัวหาย ส่วนใหญ่ประเภทจิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก เพราะคนเลี้ยงวัวไม่อยู่ วัวเลยเตลิด

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : ท่านมีสติเป็นปกติ อย่าลืมว่าพระอรหันต์ท่านทรงสติวินัย วินัยก็คือศีล ท่านมีสติเป็นศีล มีสติเป็นปกติ เรื่องอื่นอาจจะพลาดได้ แต่เรื่องตัดกิเลสท่านไม่พลาดเด็ดขาด

เถรี
01-01-2019, 22:05
พระอาจารย์กล่าวว่า "ผู้หญิงถ้ามีครอบครัวแล้วพยายามทำตัวเป็นช้างเท้าหลังนะ เหตุที่เป็นอย่างนั้น เพราะว่าผู้ชายมีตัวตนสูงมาก ที่ฝรั่งเขาเรียกว่าอีโก้ ถ้าพูดกันแบบไพเราะก็คือมีศักดิ์ศรี ถ้าเราทำตัวเป็นช้างเท้าหน้า ผู้ชายจะรู้สึกเหมือนอย่างกับว่าเขาไร้ศักดิ์ศรี ปัญหาในครอบครัวก็จะเกิด

คราวนี้พวกเราถ้ามีก็เป็นควาญช้างไปเลยจะได้จบ ในเมื่อทำตัวเป็นช้างเท้าหน้าแล้วมีปัญหา ก็ทำตัวเป็นควาญช้างไปเลย..!"

เถรี
01-01-2019, 22:32
"สมัยอาตมาเรียนมัธยมมี “คุณแม่ประจำห้อง” ชื่อแม่อรุณี แกเจ้ากี้เจ้าการเรื่องของเพื่อนทั้งห้องเลย แต่ว่าเป็นคนทำงานดีแล้วก็เรียบร้อย ถึงเวลาก็ “นายเล็ก การบ้านอยู่ไหน ?” “ยังทำไม่เสร็จ” “ทำเดี๋ยวนี้ ชั่วโมงต่อไปต้องส่งแล้ว” คอตกเลย ดุกว่าครูอีก...! แต่แกคุมเพื่อนทั้งห้องเลย เหมือนอย่างกับว่ามีบุคลิกผู้นำมาตั้งแต่เกิด ในเมื่อมีคุณแม่คอยจัดการ ชีวิตก็ง่ายขึ้น

เด็ก ๆ ที่เรียนหนังสืออย่างหนึ่ง เด็กที่เล่นกีฬาอย่างหนึ่ง จะโตช้ามาก เด็กที่เล่นกีฬาเหมือนกับว่าโตแต่ตัว ความรู้สึกไม่โตตามไปด้วย ส่วนเด็กที่เรียนหนังสือ โตแต่สมอง ตัวไม่โต

อาตมาจบ ป.๔ เพื่อนหลายคนก็ไม่ได้เรียนต่อ พอเรียนถึง ป.๖ กลับไปเจอ เพื่อนเป็นหนุ่มเป็นสาวไปหมดแล้ว ขณะที่อาตมาก็ผอมเหี่ยวอยู่เท่าเดิม แสดงว่าการใช้หัวสมองสูญเสียพลังงานเยอะมาก เขาเองไม่ต้องคิด โตพรวด ๆ เป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดเลย แล้วเท่าที่สังเกตดูทุกคนก็เป็นอย่างนั้น ก็คือถ้าไม่เรียน พักเดียวเท่านั้นก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้ว

อาตมานี่คนเขากลัวว่าจะเป็นตานขโมย ผอมนิดเดียว ที่บ้านให้กินจิ้งจกปิ้งแก้ตานขโมย เป็นความซวยของจิ้งจกที่คนเขารู้ว่ารักษาโรคนี้ได้"

เถรี
01-01-2019, 22:33
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนจีนบ้านไหนมีคนแก่อยู่ถือเป็นสมบัติที่มีค่าอย่างสูงสุด โดยเฉพาะคนเป็นลูกเป็นหลานได้แสดงความกตัญญู จำไว้ว่าเราดีกับคนอื่นได้ ถ้าดีกับคนแก่ในบ้านไม่ได้นี่แปลว่าทำผิดแล้ว ต้องดีกับคนแก่ในบ้านให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปดีกับคนข้างนอก"

เถรี
01-01-2019, 22:42
พูดถึงพระปิดตาหลวงปู่วิเวียร "เอาไปใช้ทางเจรจาค้าขายนะ อย่าเอาไปใช้ทางหาคู่ จะเดือดร้อนกว่าที่คิด คู่เยอะ ๆ ไม่ใช่เรื่องดีหรอก พระพุทธเจ้าสอนเราให้รู้จักสทารสันโดษ คือยินดีเฉพาะคู่ครองของตน ไม่ใช่เปะปะมั่วไปหมด ไปเห็นธรรมเนียมฝรั่งใช่ไหม ? ถ้ายังไม่ได้ใส่แหวนแต่งงานก็มั่วได้ ระวังไว้...โรคเอดส์ยังมีเป็นปกติอยู่นะ เขาว่าแต่ละวันทั่วโลก คนตายด้วยโรคเอดส์นาทีหนึ่งสามสี่ร้อยคน

เรื่องที่น่ากลัวขนาดนี้ แทนที่จะช่วยกันตีข่าวให้ชาวบ้านมีสำนึก แต่เปล่า..ดันไปกลัวปฏิทินทักษิณ...! บ้าชัด ๆ ปฏิทินทักษิณไม่ใช่โรคระบาดจะได้ไปติดคนอื่นง่าย ๆ"

เถรี
01-01-2019, 22:46
ถาม : พระสีขาวของหลวงปู่วิเวียร ?
ตอบ : สีขาวเป็นพระที่ท่านลบผงเอง ถ้าเนื้อดำนี่ผสมดินกากยายักษ์เยอะ สมัยก่อนลูกศิษย์หลวงปู่ทิม วัดช้างให้ เคยถวายดินกากยายักษ์ให้หลวงปู่วิเวียรไว้เยอะ

ถาม : ต่างกันอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ไม่ได้ต่างกันอะไร ก็ได้ชื่อว่าเป็นพระที่ผสมผงสร้างพระหลวงปู่ทวดที่ดังนักดังหนาอยู่ด้วยก็แค่นั้นเอง เพราะว่าคนเดียวกันเสก

ถาม : เขาบอกว่าสีขาวมีเสน่ห์เมตตามากที่สุด ผู้ชายหากันเยอะ
ตอบ : ไม่จริง อย่าลืมว่าดำดีสีไม่ตก เห็นผู้หญิงสวยที่สุดในโลกไหม ? สุดยอดมาก ผิวดำเนียนเรียบกริบเลย แล้วตาออกสีเขียว ๆ ด้วย อย่างนั้นหรือจะไม่สวย ?

เถรี
01-01-2019, 22:52
ถาม : เขาโหงวเฮ้งดีด้วย ?
ตอบ : อันนั้นเขาเรียกว่าโหงวเฮ้งนางพญา เล็กไม่เป็น อย่างไรก็คงได้แต่งกับคนใหญ่คนโตแน่ คนเราถ้าสร้างบุญมา ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพคนหรือสภาพสัตว์ ก็ต้องเป็นผู้นำจนได้ ต่อให้ไม่อยากเป็นก็ต้องเป็น

อย่างซ่งชิงหลิง ความใฝ่ฝันก็คือเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกดูแลสามี ที่ไหนได้ กลายเป็นสตรีอันดับหนึ่งของประเทศจีน อะไรที่ทำไว้ถึงเวลาก็มาเอง ดีก็รับไว้ ชั่วก็รับไว้ อย่าไปยินดียินร้ายเพราะว่าเราทำเอาไว้เอง ถ้าไม่ดีก็ต้องทนได้ เพราะว่าเราทำเอง ถ้าดีก็อย่ายินดีมาก ให้สำนึกไว้ว่าถ้าเราไม่ได้ทำไว้ก็จะไม่ดีอย่างนี้

เถรี
01-01-2019, 23:52
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ปฏิบัติธรรมอยู่ในป่า นกบินมาเกาะแล้วก็ร้อง ท่านได้ยินว่า “หนักวางเสีย หนักวางเสีย” เวลาที่คนเราจะเข้าถึงธรรม อะไรก็เป็นธรรมะไปหมด

หลวงปู่ซามา อจุตฺโต ฝนตกได้ยินพวกเขียด พวกอึ่งอ่างร้อง “แบก ๆ หาม ๆ แบก ๆ หาม ๆ” ท่านบอกขนาดสัตว์ยังลำบากขนาดนี้ กูไม่เอาแล้วโว้ย หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าไม่ใช่ซามาแล้ว...ซาไป ไปไม่กลับแล้วด้วย แสดงว่าเข้าถึงจุดสูงสุดแล้ว นั่นวิสัยคนเข้าถึงธรรม"

เถรี
02-01-2019, 20:09
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระเรามีธรรมนูญสุขภาพของพระสงฆ์เกิดขึ้นแล้ว พยายามรณรงค์ให้ญาติโยมถวายอาหารที่ไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพพระ ความจริงเรื่องนี้ทำผิดจุด สิ่งที่ควรเน้นคือให้พระพิจารณาในอาหาเรปฏิกูลสัญญา และให้รู้จักในโภชเนมัตตัญญุตาก็จบแล้ว

อาหาเรปฏิกูลสัญญา พิจารณาอาหารว่ามาจากปฏิกูล คือ พื้นฐานของความสกปรก พอพิจารณาเห็นก็หมดอยากแล้ว โภชเนมัตตัญญุตา รู้ประมาณในการกิน แบบที่ทางด้านสายวัดป่าบอกว่า พอรู้สึกว่าจะอิ่มก็ให้หยุด ดื่มน้ำตามลงไปก็อิ่มพอดี แต่ส่วนใหญ่เราในปัจจุบันพอรู้สึกว่าจุกก็จะหยุด ถึงได้สุขภาพเจ๊งกันไปหมด

เวลาพระวัดท่าขนุนไปฉันรวมกับพระวัดอื่นจะรู้สึกว่าทุกข์ทรมานมาก เพราะว่าเราอิ่มไปสี่รอบแล้ว เขายังไม่อิ่มกันเลย แล้วจะลุกก่อนก็ไม่ได้ เพราะว่าในงานต้องให้พรโยมก่อน ถึงเวลานิมนต์พระมาก ๆ ระดับร้อยรูป พระวัดท่าขนุนต้องลงนั่งทีหลังสุด ของเราไม่เกิน ๑๕ นาทีก็อิ่มแล้ว ส่วนเขานี่ส่วนใหญ่ไม่เที่ยงก็ไม่เลิกฉัน

โภชเนมัตตัญญุตาก็เลยสำคัญตรงที่ว่า ถ้าเรากินล้นกินเกิน ก็มีแต่โทษมากกว่าประโยชน์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า มัชฌิมาปฏิปทานี้มีประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรม ต้องรู้จักความพอเหมาะพอดี พอควร

ทีนี้ไปตั้งธรรมนูญสุขภาพพระขึ้นมา ดึงหน่วยงานโน้นมาช่วย หน่วยงานนี้มาช่วย แทนที่จะให้เรื่องจบลงที่พระ ไม่ต้องไปยุ่งกับใคร ก็ดันไปทำให้ยุ่ง แล้วก็ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนตรงที่ว่า ต้องไปหาอาหารให้เหมาะกับพระ ตัวเองก็ลำบาก

อาตมาไม่ได้ตำหนิ เพราะว่าพระเรามีโครงการ มีอะไรดี ๆ ก็ควรจะเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ให้เกิดรูปธรรม แต่พอเห็นเขาแก้ปัญหาของพระผิดจุดแล้วรู้สึกว่าชวนให้เหนื่อยมาก อาตมาก็เลยบ่นเท่านั้น"

เถรี
02-01-2019, 20:57
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดที่นั่งน้ำตาเล็ด เพราะกลัวว่าไม่มีเหรียญทำน้ำมนต์พุทธบารมีสุริยันทรงกลด อาตมาอ้อนวอนพระจนกระทั่งได้มา ๓,๐๐๐ เหรียญ ยังพอให้แย่งกันได้อยู่ แต่ถ้าใครจองครอบน้ำมนต์ก็จะได้เหรียญเนื้อนาก ถ้าไม่ได้....นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเนื้อชิน"

เถรี
02-01-2019, 21:33
"ชิน หรือ ชินะ เป็นภาษาบาลี แปลว่าตะกั่ว อย่างเจ้าเมืองท่าตะกั่ว เจ้าเมืองท่านนามสกุลชินติฏฐบดี ฉะนั้นลูกหลานที่นามสกุลชินดิษฐ์ ให้รู้ตัวว่าตนเองเป็นเชื้อสายเจ้าเมืองเก่า

เจ้าเมืองท่าขนุน เชื้อสายนามสกุลเสลคุณ เสลาภรณ์ ฉะนั้นเราจะเห็นว่าหลวงปู่สาย เป็นพระครูสัญญาบัตร ก็คือพระครูสุวรรณเสลาภรณ์ เสละตัวนี้ก็คือหิน จะแปลว่าภูเขาก็ได้"

เถรี
02-01-2019, 22:19
โยมมารับวัตถุมงคล "หลวงพ่อพ่วง วัดกก คนไม่ค่อยรู้จักกัน เขาไม่รู้ว่านั่นระดับพระอาจารย์ของหลวงพ่อไปล่ วัดกำแพงเลยนะ สมัยก่อนวัตถุมงคลของหลวงพ่อไปล่พวกนักเลงจะหากันมาก เพราะว่าเหนียวสุดยอด"

เถรี
02-01-2019, 22:37
"วัตถุมงคลของหลวงพ่อไปล่นี่เน้นเรื่องเหนียว ลูกศิษย์หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่ กับหลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง เจอกันเมื่อไรก็ฟันหัวกันเล่น มั่นใจว่าอาจารย์ของตนเก่ง....(หัวเราะ)... อาตมามีตะกรุดหลวงพ่อพ่วงอยู่ ๑ ดอก ไม่กล้าเอามาออกเว็บ เพราะว่ายังไม่เจอดอกที่ ๒ เลย ถ้าขืนออกไปเดี๋ยวหาคืนไม่ได้"

เถรี
02-01-2019, 22:47
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการอดอาหารให้ผอมนั้นไม่ยั่งยืน พออดไปร่างกายขาดสารอาหารมากก็จะเบรกแตก กินกระจาย ต้องใช้วิธีออกกำลังด้วย

อาตมาประเภททำงานเยอะเข้าไว้ ทำมากกว่ากิน อย่างไรก็ต้องน้ำหนักลง บางทีเพื่อนพระบอกว่า "อาจารย์เล็กรักษาหุ่นอย่างไร ? รู้จักกันมา ๒๐-๓๐ ปี ไม่เห็นว่าหุ่นเปลี่ยนไปเลย" ก็บอกว่าไม่ได้รักษาหรอก ทำให้มากกว่ากินไว้ก็พอ"

เถรี
02-01-2019, 22:56
พระอาจารย์กล่าวว่า “ไม้ครูชุดหลังสุด หัวกับปลายไม้บางทีก็มั่วไปหมด คืออะไรเหลือก็ใส่อันนั้นลงไป จะได้รู้ไว้ว่าไม่เหมือนกันหรอก แล้วมีอยู่อันหนึ่งอนาถมากเลย เพราะว่าปลายโลหะคด อาตมาต้องเอากาวอีพ็อกซี่โปะลงไปแล้วพยายามดัดให้ตรงไว้ จะเป็นอันที่หน้าตาดูเละที่สุด ใช้เวลาในการทำนานที่สุด ไปคุยทับเขาได้เลย ว่าอันที่หน้าตาเละที่สุดนี่แหละพระอาจารย์ใช้เวลาทำนานที่สุด คือทำอย่างไรจะให้ตรงที่สุดเท่าที่ตรงได้

เจอไม้ครูหน้าตาพิลึกพิลั่นให้ดูรอยตอกจะมีจุดกลม ๆ อยู่ รอยตอกนั้นแหละคือโค้ดนะโมตาบอด เป็นจุดเล็ก ๆ นิดเดียว จุดโตไม่ถึงกระเบียด ตอกให้รู้ไว้ว่าเป็นรุ่นพิเศษที่พระอาจารย์พยายามปลุกปล้ำขึ้นมา มาจากของเหลือ”

เถรี
02-01-2019, 23:01
"สมัยอยู่วัดท่าซุงอาตมาไปรื้อกุฏิหลวงตาผ่อง เอาถังสังฆทานเก่า ๆ กรอบ ๆ ไปชั่งกิโลขาย เอาพวกดอกไม้ธูปเทียนไปผูกมัดให้เป็นชุดสวย ๆ ไปเข้าพิธีหลวงพ่อวัดท่าซุง แล้วก็ไปวางขาย หลวงพ่อท่านบอกว่า “ไอ้นี่สันดานเศรษฐี” ถามว่าทำไมครับ ? “รู้จักเก็บของเก่ามาขาย”

ตอนแรกที่ทำตั้งใจว่า ถ้าใครจับผิดว่าไปทำลายของสงฆ์ก็จะใช้หนี้คนเดียว ปรากฏว่าพอไปชั่งกิโลขายเข้าจริง ๆ หลวงพ่อท่านกลับชมว่านิสัยเศรษฐีต้องอย่างนี้ เก็บของเก่าขาย

ของเต็มกุฏิไปหมด ถังสังฆทานไม่ถึงพันใบก็ใกล้เคียง แต่ว่าหมดสภาพ พอไปจับนี่หลุดติดมือเป็นชิ้นเลยเพราะว่าพลาสติกกรอบหมดแล้ว ตั้งแต่ยุคหลวงตาผ่องยังอยู่ คนอื่นเขาไม่กล้าแตะเพราะเห็นว่าเป็นของสงฆ์ ส่วนอาตมาไม่ได้สนใจหรอก รื้อกระจายขายเกลี้ยง ถ้าใครคิดว่าติดหนี้สงฆ์ อาตมาจะค่อย ๆ ชำระเอง

ตึกนั้นจริง ๆ เรียกว่าตึกโรงเรียนทหารอากาศสงเคราะห์ ก่อนหน้านี้หลวงพ่อท่านตั้งใจทำโรงเรียนพระปริยัติธรรม แต่ปรากฏว่าพระเณรไม่สู้ พอเจอบาลียากก็ไม่ยอมเรียนกัน"

เถรี
02-01-2019, 23:05
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และนายกระรอก