PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑


เถรี
05-11-2018, 20:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเข้ากรรมฐาน ๓ วันน้ำหนักหายไป ๔ กิโลกรัม ยังไม่ได้คืนมาเลย เป็นคนน้ำหนักขึ้นยากมากแล้วก็ลงเร็วมาก ๆ เมื่อเช้าชั่งน้ำหนัก น้องกิฟท์หัวเราะ อุตส่าห์ฟันธงว่า ๖๒ กิโลกรัม ปรากฏว่าเหลือ ๕๘ กิโลกรัม เพราะว่าตอนก่อนอดข้าวยัง ๖๒.๕ กิโลกรัมอยู่เลย

เข้ากรรมฐานครั้งนี้พระท่านมาช่วยสงเคราะห์ เพราะว่า "เพื่อนเก่า" มากวน เพื่อนเก่านี่ไม่ได้เลย แกล้งอาตมาทุกครั้ง โดยเฉพาะอาตมาเป็นมาลาเรียอยู่ ร่างกายไม่ดีแล้วไปอดข้าวเดี๋ยวจะแย่ พระท่านก็เลยมาสงเคราะห์

เขาเรียกว่า ขันธมาร มารอาศัยร่างกายของเรามาขวาง วันที่ ๓ หลังจากที่เข้ากรรมฐานแล้วก็นึกอยากจะไปห้องน้ำ รู้สึกปวดปัสสาวะ ลุกขึ้นยืนนี่หน้ามืดเลย ต้องรีบนั่งลง อาตมาเป็นคนรู้ตัวเร็วว่าจะเป็นอะไร นั่งลงหายใจยาว ๆ สักพักหนึ่งจึงเดินไปเข้าห้องน้ำได้ ซึ่งก็ไม่มีอะไรหรอกนอกจากปัสสาวะ เพราะว่าหลังจากออกกรรมฐานแล้ว ๒ วันถึงมีถ่ายหนัก ตอนเข้ากรรมฐานไม่ได้ฉันอะไรก็ไม่มีให้ถ่าย มีแต่น้ำเปล่าอย่างเดียว ก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า สภาพร่างกายแบบนี้จะเข้ากรรมฐานได้อีกสักกี่ครั้ง ? แต่เพื่อนเก่านี้ไม่ได้หรอก เผลอเมื่อไรก็เข้ามากวน"

เถรี
05-11-2018, 20:19
พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่อาตมาต้องจำกัดจำนวนในการบูชาแผ่นยันต์เกราะเพชร เพราะมีผู้ประท้วงมาเยอะว่า ถ้าไม่จำกัดไว้จะหมดภายในไม่กี่คน เห็นแก่คนประท้วงที่จะมาช้าหน่อยจึงต้องจำกัด อาจจะมีไว้ใช้เองสักหนึ่งแผ่น เผื่อคนอื่นสักหนึ่งแผ่นก็น่าจะพอแล้ว บูชาอะไรกันทีหนึ่งตั้ง ๔๐-๕๐ แผ่น"

เถรี
05-11-2018, 20:22
ถาม : การเกิดโทสะ มีอารมณ์โมโห รำคาญกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น โมโหหงุดหงิดกับเสียงไอ เสียงถุงพลาสติก เสียงขยับตัวเคลื่อนไหวของคน ซึ่งได้ยินในขณะที่เรานั่งสมาธิแบบไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นอาการกิเลสตีกลับ ซึ่งในกรณีนี้คือโทสะใช่หรือเปล่า ?
ตอบ : โทสะร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ขณะเดียวกันพอจิตเริ่มสงบ กิเลสกลัวว่าตัวเองจะตาย ก็เลยต้องรีบเสวยอารมณ์ที่ตัวเองชอบ ก็คือ รัก โลภ โกรธ หลง คราวนี้พอจิตเริ่มสงบ กำลังใจเริ่มสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ได้ละเอียดขึ้น ชัดเจนขึ้น ก็กระทบง่ายขึ้น เขาถึงได้บอกว่า "กิเลสนักปฏิบัติ" ต้องระวังเอาไว้ ประเภทวิปัสสนาขี้โกรธ สันโดษขี้ขอ อุเบกขาบ้ายอ ฯลฯ อะไรประมาณนั้น

ถาม : ภาวะกิเลสตีกลับแตกต่างจากกิเลสในจริตนิสัยสันดานอย่างไร ?
ตอบ : เหมือนเดิมทุกประการ เพียงแต่ภาวะนี้อยู่ในลักษณะเริ่มโดนเก็บกด พอโดนกดมากเข้า กิเลสกลัวว่าจะตายก็ต้องสู้ แล้ว ก็ยันเราหงายท้องตึง

ถาม : กิเลสตีกลับจนกรรมฐานแตก จะเกิดกับสมาธิภาวนาแบบไหน ?
ตอบ : ไม่เกิดจากสมาธิอะไรหรอก กิเลสเกิดแสดงว่าสมาธิไม่ทรงตัว ถ้าสมาธิทรงตัว กิเลสจะเกิดไม่ได้

ถาม : ผู้ปฏิบัติธรรมจะมีวิธีสังเกตจิตใจของตัวเองได้อย่างไรว่าเป็นภาวะกิเลสตีกลับแล้ว ?
ตอบ : จะไปยากอะไร ถึงเวลาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไล่งับหัวชาวบ้านเขาก็ใช่แล้ว...!

เถรี
05-11-2018, 20:23
ถาม : การรักษากำลังใจให้ทรงตัว ปกติใช้อานาปานสติ ภาวนาพุทโธ แต่ถ้าเราต้องทำงานหรือกิจกรรมที่ไม่สามารถทำได้ จะเปลี่ยนเป็นจับภาพพระบ้าง หรือสวดมนต์ เช่น พระคาถาเงินล้านในใจบ้าง จะได้หรือไม่ ?
ตอบ : อย่างไรก็ได้ อย่าให้กิเลสเกิดก็แล้วกัน

เถรี
05-11-2018, 20:24
ถาม : การคลายกำลังใจมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ ใช้วิธีเปิดหนังสือธรรมะอ่านหาหัวข้อธรรมที่เราชอบและสนใจได้หรือไม่ ?
ตอบ : อาตมาหากินอย่างนั้นมาครึ่งชีวิต ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

เถรี
05-11-2018, 20:25
ถาม : เมื่อเราจะจับมือถือเพื่อเปิดดูหรือกระทำการงาน นอกจากตั้งสติให้รู้ตัวเสมอแล้ว จะต้องกระทำหรือเพิ่มความระมัดระวังในกรณีเรื่องใดอีกบ้าง ?
ตอบ : กำหนดเวลาไว้ไม่เกิน ๕ นาทีต้องวางมือถือ รับรองว่าขาดใจตาย...!

ถาม : ถ้าทำงานยังไม่เสร็จละคะ ?
ตอบ : ถ้าทำงานยังไม่เสร็จก็ต้องกำหนดไว้ว่าเสร็จงานแล้วต้องวาง ไม่ใช่เอ้อระเหยไปเรื่อย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวกิเลสก็ชวนเล่นไลน์อีก

เถรี
05-11-2018, 20:26
ถาม : เคยนั่งสมาธิแล้วเห็นเหมือนงูว่ายอยู่ในน้ำ ความรู้สึกเหมือนตัวเราเป็นงูตัวนั้น ภาพยังไม่ชัดเจนว่าเป็นงูอะไร จู่ ๆ คิดว่าไม่ควรสนใจ เลยกลับภาวนาต่อ ก็มีเสียงบอกว่า "ถ้าไม่สนใจ ต่อไปจะไม่ได้เห็นแล้วนะ" เลยนึกตอบเขากลับไปว่า "ไม่เห็นก็ดี จะได้ไม่เหนื่อย" พอตอบเขาไปแล้วก็กลับไปภาวนาต่อ หลังจากนั้นก็ยังเห็นภาพงูในน้ำลักษณะเดียวกันอีก แต่ก็ตัดใจไม่สนใจ สรุปว่าเสียงที่มาบอกในสมาธิครั้งแรกนี่เขาจะหลอกเราให้เราสนใจใช่หรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่ต้องสงสัย ยิ่งกว่าใช่เสียอีก

เถรี
05-11-2018, 20:32
ถาม : เมื่อสวดคาถาเงินล้านควบลมหายใจเข้าออก บทสวดจะหายไป ลมหายใจก็จะหายไปเสมอ จนสวดต่อไปไม่ได้ จึงต้องนั่งสมาธิโดยอัตโนมัติ เมื่อจิตถอยออกมาก็พิจารณาวิปัสสนาญาณ จิตจะรวมเข้าออก-เข้าออกแบบนี้ แต่ใจหนึ่งผมอยากจะภาวนาพุทโธหรือภาวนาคาถาเงินล้านตามที่ตั้งใจไว้แต่แรกให้จบ ผมควรจะปฎิบัติแนวทางไหนดีครับ ?
ตอบ : ซักซ้อมการเข้าออกสมาธิให้คล่องตัว ให้ถึงขนาดกำหนดจิตอยู่ในระดับไหนก็ได้ ถึงเวลาถอยออกมาอยู่ที่อุปจารสมาธิ ภาวนาจนครบตามที่เราต้องการ แล้วค่อยเข้าสมาธิลึกเข้าไปใหม่

เถรี
05-11-2018, 20:33
ถาม : ผมได้มาทำสังฆทานที่บ้านเติมบุญ นั่งเฉย ๆ จิตก็รวมตัวเป็นสมาธิตั้งมั่น จึงนั่งในท่าสบาย ๆ โดยไม่ได้ภาวนาหรือควบลมหายใจเข้าออก เมื่อสมาธิถอยออกมา ผมก็พิจารณาวิปัสสนาญาณ สมาธิก็รวมตัวกลับเข้าไปใหม่ เป็นเช่นนี้ เข้าออก...เข้าออก จนนั่งเป็นสมาธิประมาณ ๑ ชั่วโมง หรือสามารถนั่งได้นานกว่านี้ได้ แต่ต้องถอยกำลังใจออกมาจากสมาธิก่อนที่หลวงพ่อจะลงมารับสังฆทาน เมื่อลุกจากท่านั่งไม่มีอาการปวดเมื่อย หรือเหน็บชาตามร่างกาย ขณะที่นั่งมองผ่านดวงตา มองสิ่งใดจะไม่ยึด ไม่ปรุงแต่ง พิจารณาเป็นของเน่าเปื่อย เหมือนว่างเปล่า และจิตพร้อมที่รวมตัวเป็นสมาธิเสมอ ผมควรจะทรงอารมณ์แบบนี้ให้ได้เสมอใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ควรจะทำเอาไว้ทุกวินาที อย่าให้ขาด ขาดเมื่อไรกิเลสตีกลับ มีหวังตายแน่...!

เถรี
05-11-2018, 20:34
ถาม : กระผมนักบวชผู้น้อยปรารถนาพุทธภูมิมานานจนลาไม่ไหวเสียแล้ว...มิอาจถึงความเป็นพระอริยเจ้าได้ ทราบแก่ใจว่าตราบที่ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ก็คือทางของคนเลว ๆ โง่ ๆ คนหนึ่ง แต่ในเส้นทางพระโพธิสัตว์ที่ยากเวลานี้ ไม่ปรารถนาให้ใครติดตามเลย เพราะไม่อยากให้ใครมาทุกข์ยากด้วยกัน....กระผมจะทำอย่างไรดีให้พวกเขาพ้นทุกข์ในวัฏฏะนี้ ?
ตอบ : รีบเข้าพระนิพพานเสีย เขาจะได้ตามไป ถ้าไม่ยอมเข้า คิดว่าตัวเองลาไม่ไหว ก็จะลากถ่วงไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น..ตัดใจเข้าพระนิพพานไปเลย

เถรี
05-11-2018, 20:36
ถาม : เท่าที่ผมศึกษามา อรูปพรหมเห็นว่าอายตนะภายในและอายตนะภายนอกเป็นโทษ เป็นปัจจัยทำให้กิเลสเกิด ท่านเหล่านั้นเลยทำสมาธิเข้าอรูปฌาน และดับอายตนะไปหมดเลย แต่กิเลสก็ยังมีอยู่ในจิต แล้ววิปัสสนาญาณที่มีหลายระดับที่เป็นความรู้ของพระพุทธศาสนา หนึ่งในนั้นคือการพิจารณาเห็นโทษของร่างกาย ก็คืออายตนะภายใน ซึ่งคล้ายอรูปฌานมาก เลยอยากให้หลวงพ่อช่วยชี้ให้เห็นความแตกต่างการพิจารณาของอรูปฌาน และวิปัสสนาญาณครับ ?
ตอบ : อรูปฌานแค่พิจารณาให้จิตสงบ ส่วนวิปัสสนาญาณพิจารณาจนปัญญาเกิด จนสภาพจิตยอมรับ ต่างกันแค่นี้ แต่ห่างกันประมาณ ๘๔,๐๐๐ โยชน์...!

เถรี
05-11-2018, 20:38
ถาม : ผมอ่านเรื่องที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเล่าว่า มีคนซื้อเต่าและเขียนชื่อที่เต่าและเอาไปปล่อย แต่ตอนที่ชายคนนี้ป่วย ท่านนิรยบาลพาไปสำนักท่านพญายมราช ท่านเลยสอบถามกรรมต่าง ๆ และให้นึกถึงความดี แต่ก็นึกไม่ออกสักที และท่านพญายมราชกำลังจะตัดสินให้พาไปนรก แต่ทันใดนั้น เต่าที่เคยถูกปล่อยจากชายคนนั้น เดินเข้ามาที่สำนักแล้วบอกว่า ชายคนนั้นเคยช่วยเหลือตนเองไว้ ท่านพญายมเลยไว้ชีวิตคนนั้นและพากลับโลกมนุษย์ และคน ๆ นั้นก็บวชไม่สึก ผมสงสัยว่า เต่ามีความสามารถถอดกายทิพย์ไปสถานที่ทิพย์ต่าง ๆ ได้ด้วยหรือครับ หรือว่าท่านพญายมท่านรู้และท่านใจดี ท่านเลยสร้างนิมิตขึ้นมาเพื่อช่วยชายคนนั้น ?
ตอบ : เขาเรียกว่า กรรมนิมิต คือแรงของผลบุญผลกรรมของเรา ทำให้เกิดภาพทั้งหลายเหล่านั้นขึ้นมา โดยการสงเคราะห์ของเทวดา เขตตำหนักพระยายมเป็นริมเขตของชั้นจาตุมหาราช เทวดาทำงานอยู่เพียบเลย ถึงเวลาเขาก็ช่วย ๆ กันเท่านั้นเอง คุณสงสัยว่าฆ่าไก่เอาไว้ ๕๐๐ ตัว แทนที่จะไปเวียนว่ายตายเกิด ถึงเวลาเอาไก่มาจากไหนบานเบิกขนาดนั้น เขาเรียกว่ากรรมนิมิต

เถรี
05-11-2018, 20:40
ถาม : บุคคลคนหนึ่งอยู่ในสถานที่แล้วระบบเครื่องกลไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ มักจะดับหรือติดขัดมีปัญหาทำงานไม่ได้ บรรดาเจ้าหน้าที่ก็ทำการแก้ไข แต่ไม่ได้ ยังคงติดขัดอยู่แบบนั้น บุคคลนั้นจึงระลึกได้แล้วนึกในใจว่า “สงสัยต้องอุทิศบุญแล้ว” ปรากฏระบบกลับมาทำงานได้ปกติทันที ลักษณะแบบนี้เป็นเพราะอะไร ใช่มาจากเขาพยายามติดต่อสื่อสารโดยวิธีอื่นไม่ได้หรือเปล่า ?
ตอบ : ถูกต้อง ถ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้เขาคงติดต่อไปแล้ว แต่ดันทะลึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลย หูหนวกตาบอด ก็เลยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตือนด้วยวิธีที่ให้รู้จนได้ ท่านที่มีกำลังระดับนี้ส่วนใหญ่เป็นภุมมเทวดาขึ้นไป ถ้าระดับสัมภเวสีทั่วไปทำได้ยาก ยกเว้นท่านที่ตุนบุญของญาติเอาไว้เสียเยอะแล้ว

ถาม : สถานที่บางแห่งมีแนวเขตแดนเป็นส่วนบุคคล เช่น โรงแรม สถานปฏิบัติธรรม คอนโด เขาสามารถผ่านพระภูมิเจ้าที่มาอย่างไร ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าส่วนใหญ่เป็นเทวดาระดับพระภูมิเจ้าที่ขึ้นไป ก็เจ้าตัวเล่นเองแล้วจะไปกันอะไรได้

เถรี
05-11-2018, 20:42
ถาม : เนื่องจากผมและครอบครัวได้ร่วมหล่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๕๐ นิ้วเพื่อนำไปถวายวัดแห่งหนึ่ง แต่ที่วัดนั้นมีเพียงศาลาเอนกประสงค์ ๑ หลัง ที่เจ้าอาวาสอนุญาตให้นำพระไปประดิษฐานได้ แต่มาทราบภายหลังว่าศาลาเอนกประสงค์หลังนั้นใช้สำหรับทำพิธีทั้งงานบุญและงานศพ ทำให้มีคนทักว่าเป็นการไม่เหมาะสมสำหรับการนำพระสมเด็จองค์ปฐมไปประดิษฐานไว้ จะเป็นบาปติดตัวไปตลอดชีวิต จำเป็นต้องไปสร้างวิหารให้พระสมเด็จองค์ปฐมขึ้นมาใหม่จึงจะเป็นการสมควร ซึ่งครอบครัวผมไม่มีทรัพย์พอที่จะสร้างวิหารใหม่ให้ท่านได้ ผมอยากทราบว่าสิ่งที่ผมและครอบครัวทำลงไปเป็นบาป ไม่ได้บุญจริงหรือครับ ?
ตอบ : ให้คนทักสร้างศาลาร้อยแปดยอดเพื่อประดิษฐาน...! เขาเรียกว่าอยู่ดีไม่ว่าดี ขาดอุเบกขาในทานบารมี เราได้ทำ ทำแล้วก็จบ รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เราทำก็จะสร้างความทุกข์ให้เกิดขึ้นกับเราเอง

เถรี
05-11-2018, 21:12
ถาม : มีศีลข้อใดที่พระโพธิสัตว์จะไม่มีทางผิดตลอดการบำเพ็ญบารมีบ้างครับ ?
ตอบ : ไม่มี..ไม่ช้าก็เร็วต้องผิดสักข้อหนึ่ง

ถาม : นอกจากการลาพุทธภูมิแล้ว มีเหตุอื่นทำให้พุทธภูมิหายไปได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ยังไม่เคยเจอ ยกเว้นอยู่อย่างเดียว คือ กำลังใจห่างสุดกู่ปลายตะโกนจนเกาะไม่ติด ท้ายสุดก็หมดสภาพไปเอง

เถรี
05-11-2018, 21:14
ถาม : มีพระโสดาบันที่เป็นสมณเพศ บังเกิดความอยากมีครอบครัวจนต้องสึกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ความเป็นไปได้แทบจะเป็นศูนย์ ปกติแล้วพระโสดาบันสามารถมีครอบครัวได้ แต่คุณสมบัติหนึ่งของพระโสดาบันก็คือ เคารพพระรัตนตรัยด้วยชีวิต ในเมื่อตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัยแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าจะสึกไปทำไม ?

เถรี
05-11-2018, 21:42
ถาม : ตั้งแต่แม่ของผมกินยาหนอนตายอยากและยาเก้าร้อยแล้วรู้สึกมีเมือกในปาก ไม่ทราบว่าเกี่ยวกันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไปถามท่านอาจารย์บุปผชาติ พงษ์ประดิษฐ์ ไม่รู้ว่าอยู่ภูมิไหน ไปถามคนที่ทำนั่นเอง

ถาม : พ่อของผมเป็นความดันสูงไม่มาก แต่กินยาแผนปัจจุบันอยู่ หากจะหันมากินยาเก้าร้อย ควรเลิกยาแผนปัจจุบันเลย หรือกินคู่กันแล้วค่อยลดลงครับ ?
ตอบ : กินคู่กันไปก่อนเพื่อความสบายใจ จนกระทั่งมั่นใจแน่ว่ายาเก้าร้อยเอาอยู่แล้ว ค่อยเลิกกินยาแผนปัจจุบัน ความจริงจะไปกินยาทำไม ? กินกระเทียมโทนดองน้ำผึ้งดีกว่า นอกจากลดความดันได้แล้วยังคึกอีกด้วย..!

เถรี
05-11-2018, 21:43
ถาม : เวลาจะเข้าพักโรงแรม แม่ให้ผมเซ็นกรอกข้อมูลกับรับรองสำเนาบัตรประชาชนแทน เพราะสายตาผมดีกว่า โดยทำทุกอย่างต่อหน้าพนักงานโรงแรม พนักงานโรงแรมรับทราบ จะผิดศีลหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ผิดตรงไหน ? ฆ่าเขาหรือเปล่า ? ขโมยเขาหรือเปล่า ? ไล่ปล้ำลูกสาวชาวบ้านเขาหรือเปล่า ? โกหกเขาหรือเปล่าว่าบัตรนี้เป็นของผม ไม่ใช่ของแม่ ? ท้ายที่สุดเมาเหล้าไปกรอกข้อมูลไปหรือเปล่า ?

เถรี
05-11-2018, 21:44
ถาม : คาถามหาอำนาจที่ขึ้นต้นว่า เอวัง ราชะสีโห กับคาถาอาวุธพระเจ้า ที่อ้างกันในอินเตอร์เน็ตว่าเป็นของหลวงพ่อปาน เป็นของท่านจริงหรือเปล่าครับ ? เพราะไม่เคยเห็นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอน
ตอบ : ทำไมต้องสอนด้วย ? สิ่งที่ท่านสอน สิ่งที่ท่านบอก จะต้องมีประโยชน์สำหรับบุคคลผู้นั้น อาตมาเองก็ไม่ได้คิด สมัยก่อนก็โดนหลวงพ่อท่านหลอกให้ภาวนาอยู่เรื่อย จนกระทั่งท้ายสุดก็ติดการภาวนา เพราะว่าวิสัยชอบมาทางด้านนี้ ท่านก็ให้คาถาบทนั้นบทนี้มาใช้ คนที่ไม่ได้มีวิสัยมาทางด้านนี้ท่านจะให้ไปทำไม ?

เถรี
05-11-2018, 21:46
ถาม : หลวงพ่อเคยเทศน์ว่า หากหล่อหลวงพ่อทองคำเสร็จ สถานการณ์ของประเทศไทยจะดีขึ้น รวมถึงสถานการณ์พระพุทธศาสนาของประเทศไทยด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ดีแค่ไหนก็ดีแบบเสื่อม ๆ

เถรี
06-11-2018, 18:46
พระอาจารย์กล่าวถึงแผ่นยันต์เกราะเพชร "การพุทธาภิเษกงวดนี้ต้องบอกว่า จริง ๆ แล้วเป็นการซักซ้อมภายในอย่างหนึ่ง ที่พระท่านสงเคราะห์ให้ ด้วยความที่ท่านสงเคราะห์ให้ตั้งแต่ช่วงที่ "เขา" มากวน แล้วท่านก็มาอยู่จนกระทั่งรับกฐินเลย ถ้าเป็นเวลาข้างบนก็พักเดียว แต่เวลาข้างล่างของเราก็คือ ๒ วันกว่าเกือบ ๓ วันเต็ม

ถ้าใครไปงานกฐินจะรู้สึกว่าบรรยากาศหน่วง ๆ เหมือนกับงานเป่ายันต์เกราะเพชร ก็คือใช่เลย ครูบาอาจารย์ท่านมาสงเคราะห์กันมาก มีอยู่ท่านหนึ่งที่อาตมาลืมกันไปแล้วท่านก็ยังมา คือ หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข เคยได้ยินชื่อไหม ?

หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข มรณภาพไปไม่นาน ท่านเป็นพระธรรมยุต เป็นสหธรรมิกรุ่นน้องของหลวงปู่มหาอำพัน แต่ท่านไม่ได้มาสายสุกขวิปัสสโกเหมือนกับหลวงปู่มหาอำพัน ท่านมาแรงกว่านั้น คราวนี้สมัยที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ จะว่าไปจริง ๆ แล้วท่านดังมากนะ แต่พวกเราอาจจะไม่รู้จัก เพราะว่าท่านเป็นพระธรรมยุต เวลาท่านสร้างวัตถุมงคล เตาหลอมจะมีสังกะสีล้อมแล้วเป่าไฟจนสังกะสีแดงโร่เลย ท่านก็เจิมเตาหลอมทั้งอย่างนั้นแหละ ชาวบ้านเห็นคาตาทุกครั้ง

ถามหลวงปู่ว่าทำไมถึงต้องเจิม ? “ก็ทำตามหลักวิชาที่ศึกษามา ถ้าไม่ทำอย่างนี้ไม่ต้องมาให้ข้าทำ” ท่านถนัดที่สุดคือกสิณน้ำ พระที่ท่านสร้างออกมานี่เมตตามหานิยมสุด ๆ ขนาดรุ่นหนึ่งท่านต้องเก็บบรรจุกรุหมดเลย เพราะว่าลูกศิษย์ดันทะลึ่งไปได้ผู้หญิงแล้วก็ไม่ยอมเลี้ยงเขา"

เถรี
06-11-2018, 18:47
"รุ่นอาตมานี่ทันรุ่นสองของท่าน ท่านบอกว่ารุ่นหนึ่งข้ายังไม่เก่ง หลวงปู่พูดอย่างนี้แปลว่าอะไร ? รุ่นหนึ่งข้ายังไม่เก่ง ก็คือหัดทำ ความจริงท่านอยู่อย่างสมถะ กุฏิที่วัดดวงแขจะพังแหล่ไม่พังแหล่ เป็นอาคารเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓-๔ ลูกศิษย์ก็เลยขออนุญาตหลวงปู่ทำกุฏิใหม่ แต่พวกเขาประเภทเบี้ยน้อยหอยน้อย จึงขออนุญาตสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่ท่านไม่อนุญาตให้สร้าง ก็ตื๊อจนกระทั่งท่านสร้าง ท่านก็บอกว่าถ้าสร้างต้องทำตามข้า ก็เลยต้องตามใจท่าน

พระทุกรุ่นของหลวงปู่ท่านเรียกว่า พระพุทธเมตตาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพระปิดตา ไม่ว่าจะเป็นพระลอยองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระกลีบบัว ฯลฯ ท่านเรียกพระพุทธเมตตาหมด ก็คือได้รับความเมตตาสงเคราะห์จากพระพุทธเจ้า อาตมาเองก็ตุนเอาไว้เยอะเหมือนกัน เพราะว่าช่วงนั้นเดินจากวัดเทพศิรินทร์ฯ มาหน่อยหนึ่ง ผ่านทางหัวลำโพงก็เป็นวัดดวงแข เสร็จแล้วก็ไปฉันเพลที่บ้านเพื่อนหลังวัดดวงแข แล้วก็กลับวัดเทพศิรินทร์ฯ"

เถรี
06-11-2018, 18:53
"จะว่าไปแล้วกรุงเทพฯ ซ่อนพระดี ๆ ไว้เยอะมาก แต่พวกเราไม่ค่อยรู้จักกัน แบบเดียวกับที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดราชผาติการาม วัดสระเกศ วัดสามพระยา ฯลฯ เป็นพระดีแค่ไหนกว่าเราจะรู้ กับหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดราชผาติการามท่านจะสนิทสนมกันกับหลวงปู่วิเวียรมาก เพราะว่าสายธรรมยุตเขาถึงกันหมด ถึงเวลาอาตมาติดตามหลวงปู่มหาอำพันไป ก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นพระมหานิกาย คลุกคลีตีโมงกันไป ท่านก็รู้ทั้งรู้ แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

บางทีงานใหญ่ ๆ ก็นั่งกราบเรียนถามหลวงปู่สมเด็จฯ วัดราชผาติการาม คุยโน่นคุยนี่ ท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ในเมื่อท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าหน้าที่ดูแลก็มาก พวกเจ้าหน้าที่ของกรมศาสนาสมัยนั้น ซึ่งก็คือสำนักพุทธฯ ปัจจุบันก็สะกิด “ไล่ออก” หลวงปู่ท่านบอกว่า “ไม่ต้องไป...อยู่นี่แหละ มันเห็นว่าข้าไม่มีปาก” ก็คือใจคอจะไม่ให้คุยกับใครเลย ให้นั่งเฉย ๆ อย่างเดียว

อย่างหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสามพระยาท่านฉันหมาก ท่านก็มักจะประเภทแอบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ให้ใครเห็น พอถึงเวลาเคี้ยวเสร็จก็กำไว้ อาตมาแคะจากมือเลย ...(หัวเราะ)... ใคร ๆ ว่าท่านดุ จริง ๆ แล้วไม่ได้ดุหรอก หลวงปู่ท่านเป็นคนเอาจริงเอาจัง ถ้าหากว่าลูกศิษย์ขยันปฏิบัติท่านจะรักมาก อาตมาประเภทง้างมือเลย “หลวงปู่ขอผมเถอะครับ” ท่านก็ยิ้ม ๆ แล้วปล่อยให้ ท่านบอกว่า “ลูกศิษย์มหาวีระติดสันดานลิงทุกตัว..!”

ตอนหลังหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นเจ้าคุณ ท่านก็เรียกว่า “เจ้าคุณสุธรรม” เพราะว่าหลวงพ่อท่านเป็นเจ้าคุณพระสุธรรมยานเถร แต่คราวนี้ เถร ตัวนี้เขียนแบบบาลี เขียนแบบไม่ใส่สระอะ แต่ให้อ่านว่า เถระ ไปเจอพวกไม่เข้าใจวิธีอ่าน เขาเรียกเจ้าคุณสุธรรมยานเถร (เถน) ฟังดูแปลก ๆ หูเหมือนกัน"

เถรี
06-11-2018, 18:54
"ต้องบอกว่าหลวงปู่วิเวียรเป็นพระดีที่หมกตัวอยู่กลางกรุง แล้วท่านไม่ค่อยแสดงออก แต่ว่าวัตถุมงคลของท่านทุกรุ่นนี่เชื่อขนมกินได้เลย ถ้าใครใช้ในเรื่องเมตตาค้าขายนี่ได้เต็มที่ อาตมาเองก็ตุนไว้อย่างละหลายองค์ เพราะว่าสมัยนั้นท่านก็ไม่ได้จำหน่าย ส่วนใหญ่ขอฟรีด้วย อาศัยเส้นหลวงปู่มหาอำพัน

จริง ๆ ท่านก็แจกลูกศิษย์ฟรี แต่ส่วนใหญ่ลูกศิษย์ก็ถวายเงินท่าน ส่วนอาตมาเห็นว่าท่านเป็นพระธรรมยุตไม่จับเงิน ก็ใช้วิธีไถฟรี ๆ ...(หัวเราะ)...

หลวงปู่ท่านเมตตามาเยี่ยม ถ้าหากว่าดูบุคลิกแล้วหลวงปู่วิเวียรจะคล้าย ๆ กับหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง พระของท่านทุกรุ่นจะเรียกพระพุทธเมตตาเหมือนกันหมด"

เถรี
06-11-2018, 18:57
"เข้ากรรมฐานงวดนี้มีงานหนึ่งที่ทำก็คือบรรจุไม้ครู ถามว่าเอามาจากไหน ? ตอนช่วงที่หลอมหัวและปลายไม้ครูใหม่ ๆ เป็นช่วงที่อาตมาตั้งใจใช้ชนวนล้วน ๆ เลย คราวนี้หลอมออกมาเนื้อชนวนล้วน ๆ ไม่สวยเท่าที่คิด ก็เลยมีการผสมลงไป อย่างเช่นว่า ๓๐% ๔๐% เป็นต้น ไล่ไปเรื่อย จึงมีหัวท้ายไม้ครูหลงอยู่ ๗-๘ ชุด อาตมาก็เลยให้พระที่วัดท่านกลึงไม้ขึ้นมาเพื่อที่จะมาบรรจุ ก็น่าจะได้อีกสัก ๗-๘ ชุด ต้องเสียเวลาไปเขียนตะกรุดมหาสะท้อนใส่

แต่ว่าใครได้ไม้ครูงวดนี้ไปแล้วต้องทำใจ ที่ว่าทำใจก็คืออาจจะประเภทหัวกระดำกระด่างปลายดูไม่ได้ แต่ว่าเป็นเนื้อชนวนล้วน แล้วก็มาค่อย ๆ ผสมจนกระทั่งกลายเป็นชุดสุดท้าย คราวนี้ในส่วนนี้เป็นความผิดพลาดของอาตมาตรงที่ว่า เมื่อตอนที่บรรจุด้วยการติด Epoxy หรือกาวติดเหล็ก ทำตามสูตรแล้ว แต่สงสัยว่ากาวจะหมดอายุ แทนที่จะแห้งภายใน ๔ นาที ก็ไปแห้งภายใน ๖๐ ชั่วโมง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นอาตมาบรรจุทีเดียว ๗-๘ อันพร้อมกันก็เลยเลอะเทอะไปหมด เพราะว่ากาวไม่ยอมแห้ง

ฉะนั้น..ใครได้ไปแล้วมีรอยกาวติดอยู่ก็ไปขูดออกแล้วก็ทาน้ำมัน หรือไม่ก็ขัดเงาใหม่เอาก็แล้วกัน เดี๋ยวรอให้มีโอกาสแล้วค่อยเอาออกมาให้บูชากัน"

เถรี
06-11-2018, 19:01
"ด้วยความที่กลัวว่ากาวจะแข็งตัวเพราะว่าแค่ ๔ นาที ก็เลยบรรจุไปเรื่อย ๆ ปรากฏว่าไม่แข็ง ก็เลยไหลนอง จน ๖๐ ชั่วโมงให้หลังถึงยอมแข็งตัว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมงวดนี้พลาดได้ขนาดนั้น อาตมาพยายามดูโพยก็บอกว่ามีส่วนของครีม แล้วก็มีส่วนของตัวผสมให้แข็ง ไม่ใช่ครีมทั้งคู่

ไม้ครูคราวก่อนแลกทองแท่ง ๘ บาทใช่ไหม ? คราวนี้เปลี่ยนเป็นเงินแล้วกัน สัก ๑๕๐,๐๐๐ บาท น่าจะกำลังสวย แต่มีอยู่บางอันที่หัวเป็นชนวนโลหะ ท้ายเป็นชนวนเงิน บอกแล้วว่าจับคู่กันไม่ได้ ออกมาหน้าตาจะพิลึกพิลั่น อาตมาตอกโค้ดนะโมตาบอดไว้ยืนยันว่าเข้าพิธีตอนกรรมฐาน ๓ วัน บางอันก็เป็นสองเนื้อในด้ามเดียวกัน บางอันหัวเป็นรุ่นเก่าก็ไม่ได้ขัดไม่ได้อะไร แต่ส่วนปลายนี้เขาเอาไปชุบทองมาเสียอร่ามเลย ก็เอาเป็นว่าทำใจก็แล้วกันว่าได้อันไหนไป อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ มีเพิ่มมา ๗-๘ อัน ไม่อย่างนั้นแล้วก่อนหน้านี้มีแค่ ๗๐ กว่าอันเท่านั้น คนที่ไม่ได้ก็บ่นกันมาก

ขอเวลาหน่อย รอให้กาวแห้งจริง ๆ ก่อน เป็นอะไรที่คนเห็นแล้วอาจจะขำก็ได้ แต่ขอยืนยันว่าเป็นรุ่นที่น่าใช้มาก เพราะว่าเป็นเนื้อชนวนล้วน ๆ แล้วก็เป็นเนื้อที่เขาผสมน้อย ต้องบอกว่าคนทำคือคุณก้านบัว เขาค่อนข้างประณีต ถ้าหากว่ามีร่องมีรอยตามดเขาไม่ค่อยอยากได้ ก็เลยพยายามผสมจนกระทั่งเรียบลื่นทั้งอัน"

เถรี
07-11-2018, 22:22
ถาม : คนที่มีอาการโรคจิต เช่น อาการหูแว่ว ประสาทหลอน หลงผิด แสดงพฤติกรรมหรือคำพูดไม่เหมาะสม หรือมีพฤติกรรมด้านลบ เช่น เก็บตัว ขี้เกียจ ไม่ดูแลตนเอง ไม่ทำอาชีพใด ๆ มีหลักทางธรรมหรือหลักปฏิบัติใด สามารถใช้รักษาเยียวยาอาการเหล่านี้ได้บ้างครับ ?
ตอบ : บังคับให้ปฏิบัติภาวนาจนทรงฌานให้ได้ ถ้าทรงฌานได้อาการเหล่านี้หายหมด ลักษณะอย่างนั้นเขาเรียกว่าสภาพจิตฟุ้งซ่านเลื่อนลอย หาจุดยึดเกาะไม่ได้ จำเป็นต้องใช้สมาธิเข้ามาช่วย ไม่เช่นนั้นก็จะฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะคิดอะไรเกี่ยวกับการสงสารตัวเองหรืออยากได้โน่น อยากเป็นนี่ แต่เป็นได้แค่ความคิด โดยไม่ได้พยายามทำให้เป็นจริง เพราะว่ากำลังใจไม่เพียงพอ จึงต้องบังคับให้ภาวนาจนกว่าจะทรงฌานได้

เถรี
07-11-2018, 22:25
ถาม : เราสามารถใช้ข้าวสารมาต่อทรายเสกของหลวงพ่อวัดท่าซุงแทนการใช้ทรายได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : นึกอย่างไรขึ้นมาอยากได้ข้าวสารแทน ? สามารถที่จะทำได้ เอาข้าวสารมาสักถังหนึ่ง เอาทรายโรยหน้าทับไปแล้วอธิษฐานขอบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ ให้มีอานุภาพเสมอกัน จากนั้นกวน ๆ ให้เข้ากันดี เสร็จแล้วก็หาอะไรมากรองทรายออกเก็บเอาไว้

ถาม : ทรายเสกของหลวงพ่อวัดท่าซุงสามารถใช้ไล่ผีที่มาสิงสู่ผู้คนได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ลองดูได้เลย ไม่ต้องถาม

เถรี
07-11-2018, 22:27
ถาม : ผมได้เปิดเจอคลิปในยูทูป มีพระสำนักหนึ่งได้กล่าวว่า "การเข้านิพพาน จิตไม่ได้ไปไหน จิตเป็นธรรมชาติที่เกิดดับ สิ่ง ๆ หนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สิ้นสุด ทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้นมีอยู่" และท่านก็อธิบายไปเรื่อย ๆ กระผมอยากทราบว่าที่ท่านพูดว่า จิตมีเกิดดับนั้น ความจริงเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถามท่านสิ เพราะว่าท่านเป็นผู้พูด

เถรี
07-11-2018, 22:30
ถาม : มีคืนวันหนึ่งผมนอนและได้ฝันเห็นพระอาจารย์อยู่ในบ้านและมาดุผม ในฝันนั้นจิตบอกว่า ถ้าท่านไม่ดุ เราก็จะไม่มีวันได้ดี ผมอยากทราบว่า ผมสามารถเอาสิ่งที่พระอาจารย์ดุผมในฝันมาปฏิบัติต่อได้หรือไม่อย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าตัวเองไม่รู้ว่าปฏิบัติต่อได้หรือเปล่าก็ไปตายซะ...!

เถรี
07-11-2018, 22:36
ถาม : การฝึกมโนมยิทธิ ถ้าเราไม่สามารถไปที่วัดหรือสถานที่ที่มีการฝึกได้ เราสามารถเปิดเทปใส่หูฟังเสียงขณะที่พระทำการสอนแล้วเราก็นึกตาม ปฏิบัติตามที่ท่านบอกเป็นอย่าง ๆ ทำที่บ้านแบบนี้ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ได้...แต่ต้องไม่ลืมสองอย่าง อย่างแรกคือทำน้ำมนต์เอาไว้ เมื่อเลิกปฏิบัติต้องพรมน้ำมนต์ให้ตัวเอง ขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ หรือไม่ก็พรมตั้งแต่ก่อนที่จะปฏิบัตินั่นแหละ อย่างที่สองเครื่องบูชาครูต้องมีให้ครบตามที่เขากำหนดให้ไว้ ไม่อย่างนั้นทำไปก็เสียเวลาเปล่า

มโนมยิทธิเป็นการใช้กายในถอดไปภพภูมิต่าง ๆ การที่เราทำน้ำมนต์พรมไว้ก่อน เป็นการป้องกันสิ่งที่จะมาสิงมาแทรก มาแย่งใช้ร่างกาย ส่วนเรื่องเครื่องบูชาครู เป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพ ถ้าหากว่าเรามีครบถ้วน บรรดาครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ท่านจะส่งกำลังมาช่วย การปฏิบัติก็จะมีผลสะดวกและคล่องตัวกว่า

เถรี
07-11-2018, 22:44
ถาม : การเป็นพระสงฆ์นี้ที่จริงแล้วความพอเหมาะพอดีในเรื่องศีลนั้น เราควรถือปฏิบัติขนาดไหนครับ ?
ตอบ : ก็แค่รักษาศีล ๒๒๗ ข้อให้ครบถ้วนสมบูรณ์

ถาม : ถ้าถือเอาทั้งหมดตามพุทธพจน์ที่ตามคัมภีร์วิสุทธิมรรคท่านบอกว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประกาศวินัยสังวรไว้ ๙๑,๘๐๕,๐๓๖,๐๐๐ สิกขาบท ถ้าเราไม่ใคร่ศึกษาเพราะเห็นว่าจะเครียดตายเสียก่อน จะเป็นอะไรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ในพระไตรปิฎกบอกไว้แค่ไหนก็แค่นั้น อรรถกถาจารย์ท่านมีความสามารถมาก ท่านอธิบายได้ละเอียด แต่บางอย่างละเอียดเกินไปก็ไม่ตรงกับจริตนิสัยของคน

ในพระไตรปิฎกจะเห็นพระพุทธเจ้าตรัสกับพระภิกษุบางรูปว่าให้รักษาศีลข้อเดียว เพราะพระภิกษุเหล่านั้นบ่นว่าไม่สามารถรักษาศีลเป็นร้อย ๆ ข้อได้ พระพุทธเจ้าจึงบอกให้รักษาข้อเดียว ถ้าท่านทำได้ก็จบได้เหมือนกัน พระท่านถามว่ารักษาอย่างไร ? พระพุทธเจ้าบอกว่า รักษาใจอย่าให้ คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว

เถรี
07-11-2018, 22:49
ถาม : แล้วการรักษาใจข้อเดียว สมควรจะวางกำลังใจอย่างไรที่จะไม่เป็นข้ออ้างในการละเมิดศีลอย่างพระมหายานที่ว่า สุราผ่านลำไส้ พระพุทธองค์ประดับอยู่ที่ใจครับ ?
ตอบ : อะไรที่พระพุทธเจ้าห้าม ถือว่าทำไม่ได้ กำลังใจแค่นี้ก็จบแล้ว

เถรี
07-11-2018, 22:51
ถาม : เราจะพิจารณายึดถือศีลตามที่อาจารย์สอนอย่างเดียว จะสมควรกั้นขอบเขตให้แก่ตนเองแค่ไหนครับ ที่ป้องกันเวลาผ่านไปจะกลายเป็นอาจริยวาทแยกนิกายไป เหมือนครั้งสังคายนาครั้งที่ ๑ พระปุราณะพร้อมคณะ ไม่ยอมรับมติของคณะสงฆ์ผู้ทำสังคายนา จนภายหลังคณะของท่านนี้ก็กลายเป็นมหายานในปัจจุบัน ?
ตอบ : ไม่ต้องมาก เอาแค่ว่าตัวตายดีกว่าศีลขาดก็พอ

เถรี
07-11-2018, 22:53
ถาม : แท้จริงแล้วสถานะพระสงฆ์กับสถานะคฤหัสถ์นี้ สถานะไหนที่จะประคองตนไม่ให้ลงนรกง่ายกว่า แล้วไปพระนิพพานได้ง่ายกว่าครับ ?
ตอบ : สถานะของพระสงฆ์ เชื่อไหม ?

ถาม : แต่มีหลุม ๒๒๗ หลุม ?
ตอบ : ศีล ๒๒๗ เอื้อและป้องกันลงนรกมากที่สุดแล้ว เพียงแต่ทำได้ไม่ครบก็เลยซวยไป

เถรี
07-11-2018, 23:00
ถาม : การเพ่งหน้าจอมือถือหรือคอมฯ ในการดูสื่ออินเทอร์เน็ตหรือโซเชียล กับการเพ่งกสิณต่าง ๆ หรือจดจ่อดูลมหายใจนั้น ใช้กำลังใจคล้ายกันหรือเปล่า ? เพียงแต่เปลี่ยนจากด้านกิเลสมาปฏิบัติภาวนาใช่หรือไม่คะ ?
ตอบ : ไม่ใช่ การที่คุณดูจอ คุณไม่ได้ตั้งใจจำ แต่การเพ่งภาพกสิณต้องตั้งใจจำ ไม่ใช่ตั้งใจจำเฉย ๆ ต้องควบกับลมหายใจและคำภาวนาด้วย ต่างกันลิบโลกเลย

เถรี
07-11-2018, 23:01
ถาม : การดูทีวี, สื่ออินเทอร์เน็ตต่าง ๆ ทางคอมพิวเตอร์ มือถือ จำพวก ละคร ข่าว เรื่องทางโลก ๆ โลกีย์ นอกเหนือจากธรรมะแล้ว จะเป็นการทำให้เราชินกับการส่งจิตออกข้างนอก พร้อมซึมซับกับสร้างเสริมอารมณ์กิเลสในจิตหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าแค่นี้ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ ก็จงทำต่อไป

ถาม : ถ้าเราจำเป็นต้องเห็นหรือดู จะมีวิธีสังเกตสภาพจิตและป้องกันไม่ให้จิตใจหลงไปตามสื่อเหล่านี้ ?
ตอบ : ตั้งสมาธิให้ทรงเป็นฌานไปเลย แล้วค่อยไปดู

เถรี
07-11-2018, 23:04
ถาม : หากเราเห็นกิเลสของตนและยอมรับผิดได้อย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงเพราะทำตามคำสอนครูบาอาจารย์เท่านั้น เป็นเพราะสภาพจิตเราละเอียดขึ้นใช่หรือไม่ ?
ตอบ : แปลว่าสติ สมาธิ ปัญญาสั่งสมไปถึงระดับแล้ว คราวนี้ก็เหลืออยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรที่จะตัดละให้ได้

ถาม : ความรู้ลักษณะนี้จะส่งผลเสริมด้านดีถึงความสามารถของจิตทางด้านอื่น ๆ เช่น ทิพจักขุญาณหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าสภาพจิตปราศจากกิเลส ทิพจักขุญาณจะผ่องใสเองโดยอัตโนมัติ

เถรี
08-11-2018, 09:10
ถาม : สวดคาถาเงินล้านเพื่อความคล่องตัว ผลของคาถาเงินล้านไม่เคยสงสัย แต่สงสัยว่ามีบางคนที่เป็นเจ้าของบริษัท ศีล ๕ ก็ถือไม่ครบ พูดโกหกเป็นอาจิณ ไม่เคยรักษาคำพูด แถมกินเหล้าบ่อย ๆ แต่ดูแล้วค้าขายคล่องตัว ทำกิจการก็มีคนช่วยเหลือ มีความโชคดีหลายอย่าง เป็นเพราะอะไรคะ ?
ตอบ : ตอนเขาสวดเขาได้ฆ่าใครหรือเปล่า ? ได้ลักขโมยใครไหม ? ผิดลูกผิดเมียเขาไหม ? โกหกหรือเปล่า ? กินเหล้าไปสวดไปหรือเปล่า ?

เรื่องของโลกียปุถุชนก็คือคนทั่วไป สามารถปฏิบัติได้โดยรักษาศีลชั่วคราว ขอให้มั่นคงจริง ๆ และทำสม่ำเสมอ ย่อมมีผลทุกคน

เถรี
08-11-2018, 09:20
ถาม : เคยโดนข่มขืนตอนหลับค่ะ คือ ฝันว่ามีคนมาข่มขืนแล้วร่างกายรู้สึกไปด้วย รับรู้สัมผัสที่ร่างกาย เห็นหน้าผู้กระทำชัดเจนจนตื่นขึ้นมา นี่เป็นการกระทำของคนหรือผีคะ ?
ตอบ : เห็นชัดเจนยังไม่รู้อีกว่าเป็นคนหรือผี

ถาม : ถ้าเป็นการกระทำของคน เขาใช้วิธีอะไรทำอย่างนี้ ร่างกายเราถึงรู้สึกการกระทำชัดเจนเหมือนเป็นกายเนื้อ เขาถอดจิตมาหรือเป็นมโนมยิทธิคะ ?
ตอบ : สรุปเรียบร้อยว่าไม่ใช่คน แล้วดันมาถามว่าเป็นคนหรือผี ? เอาเป็นว่าบางอย่างถ้ามีกรรมเนื่องกันมา ก็สามารถที่จะเกิดเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ได้เหมือนกัน พระพุทธเจ้าท่านให้อาวุธไว้ป้องกันเป็นปกติอยู่แล้ว ก็คือให้ระลึกถึงคุณของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วภาวนากรณียเมตตสูตรให้เป็นปกติ จะป้องกันสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ กรณียเมตตสูตรบางคนเรียกว่า พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้า

เถรี
08-11-2018, 09:25
ถาม : พระอาจารย์บอกว่ามโนมยิทธิแค่นึกก็ถึง ถ้าเรานึกว่าเราไปแตะเขา เขาก็จะโดนเราแตะจริง ๆ หรือเปล่าคะ หรือมีกระแสเราหรือพลังงานเราไปสัมผัสเขาจริง ๆ หรือคะ ?
ตอบ : ทำดูเดี๋ยวก็รู้เอง สำคัญว่าคนรับนั้นรับได้ไหม ? ถ้าคนรับนั้นรับไม่ได้ หูหนวกตาบอดอยู่ ถึงเราลูบ ๆ คลำ ๆ ไปเขาก็ไม่รู้สึกรู้สา

เถรี
08-11-2018, 22:41
ถาม : ฝันถึงการร่วมเพศ กามราคะ แล้วร่างกายเราก็รู้สึกตามไปด้วย ให้ความรู้สึกว่าเราเป็นผู้ถูกกระทำเสียเอง ไม่ใช่แค่เหมือนดูหนังลามกอนาจาร พอร่างกายเรารู้สึกไปด้วย ทำให้จิตตก เหมือนความฝันที่โดนข่มขืน ดังที่เล่ามาข้างต้น ฝันต่อเนื่องยาวนานแบบนี้มาเกือบสิบปีแล้วค่ะ ทำอย่างไรจึงจะหยุดฝันแบบนี้คะ ?
ตอบ : ถ้าทรงความเป็นพระอนาคามีได้ก็จะจบเลย เพราะฉะนั้น..ให้รีบเร่งตัวเองเข้า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของปุถุชน ถามดูเถอะ..ที่นี่มีใครบ้างที่ไม่ฝันเรื่องอย่างนี้ คิดว่าบ้าอยู่คนเดียวหรืออย่างไร ?

ถาม : ถ้ายังไม่ถึงพระอนาคามี ?
ตอบ : ก็ทนฝันต่อไป...! ก็แค่ก่อนนอนภาวนาทรงฌานไว้ ตั้งใจให้สมาธิคลายออกตอนตื่น ถ้าสมาธิไม่คลายออกก็ไม่ฝันอยู่แล้ว

ถาม : เคยเข้าใจว่า ทำบุญแล้วขอพรพระเทวดาให้ป้องกันฝันประเภทนี้ แต่ก็ไม่ได้ผล ทั้งที่พระอาจารย์บอกว่า เทวดารับเงินเดือนแล้วต้องทำงาน ?
ตอบ : บอกตอนไหนวะ ? แล้วจ่ายเงินเดือนเมื่อไร ?

ถาม : ขณะคนชั่วมีบุญ ขอพรเทวดาแล้ว เทวดาต้องดลบันดาลให้ แต่นี่หนูไม่ได้ขอพรเรื่องชั่ว...?
ตอบ : นี่เขาเรียกว่ามั่วเอาเอง...! อาตมาบอกว่า ต่อให้คนที่ทำชั่วอยู่ ถ้าใช้อธิษฐานเป็น ผลก็จะบังเกิดขึ้นตามที่อธิษฐานนั้น เพียงแต่ต้องแสดงความเป็นจริงที่เรียกว่าสัจจะออกมา นี่ก็จับแพะชนแกะไปเรื่อย ถึงขนาดจ่ายเงินเดือนเทวดา เกินกว่าที่อาตมาพูดไปเยอะเลย

ถาม : มีเทคนิคที่ขอเทวดาให้ช่วยปกป้องรักษาหนูให้ห่างไกลจากกามราคะไหมคะ ?
ตอบ : ตราบใดที่ยังไม่ถึงพระอนาคามี ไม่ต้องหวังว่าจะหาย เป็นกันทุกคนนั่นแหละ

เถรี
08-11-2018, 22:55
ถาม : นอกจากฝันร้ายแล้วก็ยังมีฝันอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ไม่ได้คิดไปเอง ไม่ใช่เรื่องของตนเอง แต่เหมือนมีใครต้องการให้ไปรับรู้เรื่องราวของคนอื่นหรือมาเข้าฝัน มาบอกเรื่องราวของเขาที่ไม่เกี่ยวกับเรา เราไม่อยากจะรับรู้ ฝันทุกคืน คืนละหลายเรื่อง จะต้องตัดการรับรู้เรื่องราวนี้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ไหน ๆ ก็จะประกาศตนรบกันแล้ว ใช้พระคาถาของหลวงปู่ชุ่ม วัดวังมุย ไปเลย ก่อนนอนตั้งนะโมฯ สามจบ นึกขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ท่านสงเคราะห์ แล้วว่า ตะรัง เม ยาจามิ โบกมือไล่ไปทั้งสี่ทิศ ถึงเวลาเขาจะได้มาไล่ "ตื้บ" ตอนนอนแทน ก็จะมีรสชาติของชีวิตไปอีกอย่างหนึ่ง

ถาม : นอกจากหลับฝันแล้ว ก็ยังเห็นภาพหลอน...?
ตอบ : พอได้แล้ว...ตอนที่มาถามด้วยตัวเอง ก็โดนอาตมาไล่ไปแล้วนะ นี่ยังอุตส่าห์มาเขียนถามขนาดนี้อีก เขาเรียกว่าพวก "เวิ่นเว้อ" ไม่รู้จักจบจักสิ้น...!

คำถามคนนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไร นอกจากประกาศความฟุ้งซ่านของตนเอง รักษาใจตัวเองไม่ได้ก็ไปไล่ถามคนอื่น ไม่ได้มีความพยายามในการรักษาใจให้เป็นสมาธิเลย เอาแต่ฟุ้งซ่านไปสารพัดเรื่อง รักษาใจไม่ได้เกิดโทษขึ้นกับตัวเอง ก็เที่ยวไล่โทษคนอื่นทั่วประเทศไทย พรหมเทวดาก็พลอยโดนไปด้วยหมด

เถรี
08-11-2018, 23:10
คำถามฟังดูเหมือนอยากจะดี แต่ไม่พยายามทำอะไรให้ตัวเองดี นอกจากฟุ้งซ่าน เมื่อเป็นลักษณะอย่างนี้ ไปถามที่ไหนก็เหมือนกัน

ส่วนคำถามที่ไม่ควรถามอีกประเภทหนึ่งก็คือ เอาคำสอนสำนักหนึ่งไปถามอีกสำนักหนึ่ง ให้สังเกตว่าอาตมาจะเตะลงถังขยะหมด ก็คือให้ไปถามที่สำนักนั้นเอง เพราะว่าถ้าตอบไปแล้วไม่ตรงกันเมื่อไร คนถามก็จะเอาคำตอบนี้แหละไปงัดกับสำนักนั้น กลายเป็นสองสำนักขัดกันเองโดยอัตโนมัติ ต่อให้เจ้าสำนักไม่ขัดกัน แต่บรรดาลูกศิษย์ก็จะไม่ชอบใจ ท้ายสุดก็จะเกิดการแตกสามัคคีขึ้นมา เพราะฉะนั้น...สงสัยคำสอนของท่านใด ให้ไปถามตรงกับท่านนั้น

เถรี
08-11-2018, 23:14
สิ่งที่ดีที่สุดที่อาตมาเคยบอกไว้คือให้ตั้งใจทำไม่ใช่ถาม ถ้าทำแล้วจะได้คำตอบในการปฏิบัติเอง ถามว่าถ้าทำแล้วไม่ได้ผล ? ทำแล้วไม่ได้ผลเพราะว่าคุณยังทำไม่จริง

ในเมื่อทำแล้วจะได้คำตอบก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำไป ไม่ใช่เอาแต่ถามอย่างเดียว เพราะว่าพอถามไปแล้วก็เอาไปฟุ้งซ่านต่ออีก แทนที่จะน้อมรับไปโดยเคารพ ก็กลายเป็นว่าไปคอยคิดว่าไม่ตรงกับกิเลสตัวเองตรงไหน แล้วก็หาข้อขึ้นมาเถียง ประเภทนี้นอกจากไม่ได้ประโยชน์แล้วยังเกิดโทษแก่ตัวเองด้วย

เถรี
08-11-2018, 23:20
พระอาจารย์กล่าวว่า "การล้มในห้องน้ำของในเมืองไทยบ้านเรา ร้อยละ ๘๐ ล้มเพราะอ่างอาบน้ำ ซึ่งอาตมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตั้งอ่างอาบน้ำไปทำไม ? บ้านเราไม่ใช่ฝรั่ง ฝรั่งบ้านเขาเป็นเมืองหนาว ถึงเวลา ๓-๔ เดือนถึงอาบน้ำครั้งหนึ่ง เขาก็เลยต้องนอนแช่อ่างเพื่อจะให้ขี้ไคลลอก

คนไทยร้อนจะตายชัก อาบน้ำอยู่ทุกวัน ดันไปมีอ่างอาบน้ำ คราวนี้พอมีอ่างอาบน้ำ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ไปนอนแช่แบบเขา ไปยืนอาบในอ่าง เวลาเจอสบู่แล้วลื่นเข้าก็ล้มหัวฟาดพื้น ตายกันไปเยอะเพราะเหตุนี้แหละ

ฝรั่งสมัยก่อนเวลาอาบน้ำ อาบทั้งบ้านต่อ ๑ อ่าง เป็นเพราะน้ำหายากหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? โดยเฉพาะหน้าหนาวต้องมีฟืนมีถ่านหินสำหรับต้มน้ำให้อุ่นก่อน ถึงเวลาพ่ออาบเสร็จก็ต่อด้วยแม่ แล้วก็ลูกทีละคนจนกว่าจะหมดบ้าน อ่างเดียวกันนั่นแหละ ถ้าเป็นบ้านเราก็เปิดทิ้งไป ๘ รอบแล้ว

จำไว้ว่าอ่างอาบน้ำมีไว้สำหรับคนที่จะลอกขี้ไคลตัวเอง แช่กันนาน ๆ หน่อย ถามว่าทำไมฝรั่งถึงไม่อาบน้ำบ่อย ๆ ? บ้านเขาหนาว อาบน้ำบ่อย ๆ ก็คันตายชัก ส่วนคนไทยเราติดนิสัยไปบ้านเขาหิมะตกก็จะอาบน้ำ เอ้า...อาบก็อาบวะ พระอาจารย์เล็กนะหรือ ? วิ่งผ่านน้ำแล้วก็ไป แต่สมัยเด็ก ๆ ไม่ได้วิ่งผ่านน้ำ ตักน้ำแล้วก็สาดข้ามไหล่ไป เสียงโครม ๆ ให้พ่อแม่ได้ยิน แล้วก็วิ่งพรวดไป ทำท่าว่า “อาบน้ำแล้ว” พวกเราก็ต้องเคยทำกันบ้างแหละ จำได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง"

เถรี
08-11-2018, 23:23
พระอาจารย์กล่าวว่า "รู้จักตะวันอ้อมข้าวไหม ? สมัยก่อนเขาทำนากันมาก อยู่ ๆ ดวงตะวันที่เคยขึ้นด้านหนึ่งก็วิ่งมาอยู่ทางด้านนี้ เขาก็เลยคิดว่าดวงตะวันก็เคารพแม่โพสพ มีการอ้อมหนีเพื่อจะได้ไม่ข้ามแม่โพสพ เขาจึงเรียกว่าตะวันอ้อมข้าว ตะวันอ้อมข้าวก็คือช่วงฤดูหนาวของเรา ที่ดวงตะวันจะเปลี่ยนทิศทางการโคจร

เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา อาตมาเดินทางกลับวัด ก็เจอตะวันอ้อมข้าว ถามว่าทำไมถึงรู้ ? เหตุที่รู้ชัด ๆ เพราะว่า การเดินทางไปกาญจนบุรีจะสวนตะวันตรง ๆ หน้า แต่ว่าเมื่อวันที่ ๓๐ ตะวันไปอยู่ซ้ายมือ โดยปกติเขาบอกว่า คนทองผาภูมิอย่าเข้าเมืองกาญจน์ฯ ตอนเช้า แล้วอย่ากลับทองผาภูมิตอนบ่าย เพราะว่าจะเดินทางสวนตะวันตลอด ขับรถยาก อยู่ ๆ ตะวันที่สวนด้านหน้าไปอยู่ทางซ้ายมือแทน สบายคนขับแต่ไม่สบายคนนอน เพราะว่าส่องหน้าพอดี"

เถรี
08-11-2018, 23:39
มีโยมถวายหนังสือ สู้มหาพิบัติภัย "อาตมาว่าภัยพิบัติในวัฏสงสารน่ากลัวที่สุด ภัยพิบัติอื่น ๆ เป็นไปตามธรรมชาติ

โบราณเขาบอกว่า คนขี้ขลาดตายหลายครั้งคนกล้าตายครั้งเดียว สมัยที่เขาอพยพขึ้นเหนือไปซื้อที่แถวนั้น ว่าจะได้พ้นจากน้ำท่วมโลกปี ๒๐๑๒ ก็ประมาณ ๘-๑๐ ปีมาแล้ว

รุ่นของอาตมานั้น ในปี ๒๕๑๘ เขาบอกว่าอีก ๑๐ วันโลกจะแตก..! มีเพื่อนหลายคนเลิกเรียนหนังสือ รีบลาออกไปแต่งงานกัน ตอนนั้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ สมัยนั้นเรียกกันว่า มศ. ๓ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ อายุประมาณ ๑๖ ปี ออกไปแต่งงานเสียเป็น ๑๐ คู่เลย โรงเรียนหวิดจะร้าง ผ่านไป ๑๐ วันก็รู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด ก็ต้องทนรับกรรมไป ข่าวลือพวกนี้มีมาเป็นระยะ ๆ

ถ้าเรามั่นคงในพระรัตนตรัยก็จะไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่ว่าด้านดีหรือด้านไม่ดี จะรับมืออย่างมีสติ สำคัญที่สุดคือให้ตั้งกำลังใจอยู่กับปัจจุบัน ตอนนี้เป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร เอาเฉพาะหน้าเท่านั้น เรื่องเกินจากตอนนี้เดี๋ยวนี้ไม่เสียเวลาไปคิด เพราะว่าเป็นการฟุ้งซ่านถึงอนาคต อดีตเลยไปแล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง ถ้ารักจะเดินทางข้ามวัฏสงสาร ต้องไปรถเที่ยวปัจจุบัน คือตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เท่านั้น ถ้าหยุดกำลังใจอยู่กับปัจจุบันได้จะมีความสุขมาก

ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ที่เราทุกข์ ร้อยละ ๙๙ ทุกข์เพราะความคิดตัวเอง คิดล่วงหน้า คิดถอยหลัง พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ในภัทเทกรัตตสูตรว่า อะตีตัง นานวาคะเมยยะ นัปปะฏิกังเข อะนาคะตัง อย่าไปฟุ้งซ่านถึงอดีต แล้วก็อย่าไปครุ่นคิดถึงอนาคต ปัจจุปปันนัญจะ โย ธัมมัง อยู่กับปัจจุบันธรรมนี้ ตัตถะ ตัตถะ วิปัสสะติ ถึงจะสามารถเห็นแจ้งได้ หลุดจากตรงนี้ไปเมื่อไรก็เจ๊งเมื่อนั้น"

เถรี
10-11-2018, 09:02
วันเสาร์มีคนเลี่ยมแผ่นยันต์เกราะเพชรไว้ที่คอแล้ว "เร็วมาก บูชาไปเมื่อวาน วันนี้เลี่ยมแขวนมาแล้ว

ใครบูชาแผ่นยันต์เกราะเพชรไป ถ้าเป็นไปได้ให้สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบทุกวัน ตั้งใจนึกขอบารมีพระท่านคุ้มครองตัวเรา ถ้าหากว่าอยู่ในรถก็คุ้มครองยานพาหนะที่เราโดยสาร ถ้าหากว่าอยู่ในบ้านก็ขอให้คุ้มครองทุกคนที่อยู่ในบ้าน

วัตถุมงคลทุกอย่างมีพลังงานเต็มที่อยู่แล้ว สำคัญตรงที่ใจเราต้องเปิดรับ หรือว่ามีกุญแจในการเปิด กุญแจในการเปิดก็คือการอาราธนา หรือการสวดมนต์ภาวนาตามแบบที่ท่านกำหนด

ถึงเวลาแล้วให้สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง คือ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ จบ ตั้งใจขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านช่วยสงเคราะห์ ถ้าจะระลึกถึงตามสายครูบาอาจารย์ ก็นึกถึงหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง สูงขึ้นไปก็หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ถัดไปก็หลวงปู่เนียม วัดน้อย สูงขึ้นไปอีกก็หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง ถามว่าเกี่ยวอะไรกับวัดระฆังด้วย ? หลวงพ่อวัดระฆังเป็นอาจารย์ของหลวงปู่เนียม วัดน้อย หลวงปู่เนียม วัดน้อย เป็นอาจารย์ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ไล่กันลงมาตามสายนี้"

เถรี
10-11-2018, 09:07
พูดถึงการต่อแถวบูชาแผ่นยันต์ "ถ้าไม่ได้คิดจะบูชาวัตถุมงคลก็อย่าไปเข้าแถว ไม่ใช่มารยาทดีเห็นเขาเข้าแถวเราก็เข้าบ้าง ญาติโยมลองไปเดินแถววัดพระแก้วหรือวัดโพธิ์ พอถึงเวลาเราเดินต่อแถวกันสัก ๓ คน จะมีคนที่ ๔ มาต่อทันที รับประกันว่านั่นคนญี่ปุ่นแน่นอน

ความจริงน่าจะเปิดให้บูชาสัก ๓ วัน พอตื่นเช้าติดกัน ๓ วัน ต่อไปก็จะตื่นได้ทุกวัน ไม่อย่างนั้นปกติบางคนกว่าจะมาได้ก็เพลแล้ว

จำหน่ายที่นี่ยังดี จำหน่ายให้พระเณรที่วัด เจอแต่ธนบัตรใบละ ๒๐ บาท นับกันแทบตาย เพราะว่ามาจากงานตักบาตรเทโวฯ

เดือนหน้าจะมีทองเหลืองแผ่นใหญ่ แผ่นละ ๒๐๐ บาทมาให้ ใหญ่กว่าแผ่นเล็กตั้ง ๔ เท่า เอาไว้สำหรับผู้ชายที่ต้องการตะกรุดดอกใหญ่ ๆ ไปม้วนเอา หรือไม่ก็ติดกระเป๋าสตางค์ ติดรถ ติดบ้าน ใหญ่กว่าแผ่นเล็กประมาณ ๔ เท่า ทยอยมาจะได้ไม่ลำบากในการบูชา ไม่อย่างนั้นมาทีเดียวตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอาหรือไม่ รักพี่เสียดายน้อง

สมัยก่อนบ้านส่วนใหญ่เขามีลูกสาวหัวปีท้ายปี หรือไม่ก็ปีเว้นปี พี่กับน้องอย่างเก่งก็อายุห่างกันปีเดียว เต็มที่ก็ ๒ ปี ถึงเวลาเป็นสาวสะพรั่ง พี่ ๑๘ ปี น้อง ๑๖ ปี ไม่รู้ว่าจะเลือกใครเลย ก็เลยกลายเป็นสำนวนว่า รักพี่เสียดายน้อง"

เถรี
10-11-2018, 09:10
"มีใครมารอตั้งแต่ตี ๓ บ้าง ? เมื่อคืนอาตมาตื่นตอน ๐๑.๕๒ น. ถามว่าทำไมต้อง ๕๒ นาที ? เพราะคิดว่าหวยจะออก...! เมื่อคืนตื่นตี ๑ กว่ามาลงสารพัดบัญชี โดยเฉพาะบัญชีทองคำ มีทั้งทองรูปพรรณ ทองแท่งที่โยมถวายมาหล่อพระ มีเงินสดที่โยมถวายมาหล่อพระ มีกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร มีเงินสังฆทาน มีเงินส่วนตัว ลงกันจะเป็นจะตายอยู่ทุกวัน

แจ้งให้ญาติโยมทราบว่า ท่านที่บริจาคผ่านคิวอาร์โค้ด กรุณาสงสารคนลงบัญชีหน่อยเถอะ ประเภทบริจาควันละ ๑ บาทแล้วมีเศษ ๓ สตางค์ อาตมาลงบัญชีจนจะบ้าอยู่แล้ว ลงก็ลงให้ยอดเต็ม ๆ หน่อย จะได้ไม่ลำบากคนลงบัญชี เพราะว่าการบริจาคผ่านคิวอาร์โค้ด กรมสรรพากรเขาคุมอยู่ แม้แต่สตางค์เดียวอาตมาก็ผิดไม่ได้ ดังนั้น..กรุณาอย่าใส่เศษสตางค์มา ให้ลงท้ายเป็น ๕ บาท ๑๐ บาทไปเลยจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง"

เดือนที่แล้วมีคนหนึ่งบริจาค ๓ สตางค์ กับ ๑๔ สตางค์ ลงบัญชีไปเสร็จก็นั่งกุมหัว แล้วตูจะลงตัวเลขอย่างไรวะ ? เพราะว่าเราเติมก็เติมไม่ได้ บัญชีที่ญาติโยมบริจาคอย่างอื่นมา ถ้ายอดไม่ลงตัว อาตมาจะควักเงินส่วนตัวเติมให้ แต่อันนี้บริจาคผ่านคิวอาร์โค้ดที่กรมสรรพากรเขาคุมอยู่ อาตมาเติมเป็นยอดเต็มไม่ได้ ลงบัญชีลำบากมาก จึงต้องขออนุญาตว่า ถ้าท่านใดบริจาคผ่านคิวอาร์โค้ด ให้ลงเป็น ๕ บาท ๑๐ บาทจะดีที่สุด"

เถรี
10-11-2018, 09:21
พระอาจารย์บอกกับผู้จำหน่ายวัตถุมงคลว่า "ให้เขาวนไปเถอะ เพราะว่าของอะไรที่ทำมา ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ทำใหม่อีกหรือเปล่า ก็ต้องตุนเอาไว้ก่อน โดยเฉพาะใครจะเอาไปหล่อพระต่อนี่สบายเลย

อาตมาถือสาที่สุดก็คือรูปพระพุทธหรือว่ารูปพระสงฆ์ หรือว่าเหรียญในหลวง ใครเอามาหล่อพระนี่เก็บหมดเลย เพราะถ้าทำอย่างนั้นคือการทำลายพระพุทธ ทำลายพระสงฆ์ ส่วนรูปในหลวงนี่คือการทำลายพระบรมสาทิสลักษณ์ โดนมาตรา ๑๑๒ แน่นอน ไม่ใช่ถึงเวลาเห็นหล่อพระทองเหลือง ก็เอาเหรียญในหลวงไปหล่อกัน ทำอย่างนั้นจะพาเจ้าอาวาสท่านติดคุกไปด้วย..!"

เถรี
10-11-2018, 09:23
"ยันต์เกราะเพชรทองคำไม่ได้เอามา ยังอยู่ที่วัดอยู่เลย รอดูก่อน เดือนหน้าคงจะไม่ลืม ถ้าลืมก็อดอีก เดี๋ยวทองคำจะตอกโค้ดให้สักหน่อย จะได้ต่างจากของคนอื่น จะดูว่ามีเวลาทำไหม ? มัวแต่วิ่งเรื่องกฐินปลดหนี้อยู่ ทองคำมีแค่ ๒๐๐ กว่าแผ่นเท่านั้น"

ถาม : ยันต์เกราะเพชรมีไว้เพื่ออะไร ?
ตอบ : ไว้เพื่ออะไร ? ติดตัวไว้ โดยเฉพาะป้องกันไสยศาสตร์ ยันต์เกราะเพชรเขาเอาไว้ต่อต้านไสยศาสตร์ ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ จบทุกวัน นึกถึงบารมีพระท่านสงเคราะห์ ถ้ารู้สึกว่าใหญ่เกินไปก็ม้วนเป็นตะกรุดเล็ก ๆ ก็ได้ เก็บใส่กระเป๋าสตางค์ก็ได้ แขวนติดตัวก็ได้ ติดรถก็ได้ ติดบ้านก็ได้ ใช้ยันต์เกราะเพชรห้ามกินเหล้ากับห้ามขโมย ใครกินเหล้าหรือขโมย ยันต์เสื่อม ยันต์ไม่ชอบคนกินเหล้ากับไม่ชอบคนขโมย

เถรี
10-11-2018, 09:25
พูดถึงพระแก้วมรกต วัดศรีหมวดเกล้า "หลวงพ่อเกษมท่านเสกให้เต็มที่เลย ใครอยากบูชาหลวงพ่อเกษมก็ลงไปบูชาที่ชั้นล่างเลย เขาทำเป็นรูปพระแก้วมรกต

ที่เห็นว่าเปื้อนดินเป็นเพราะว่าเขาใส่ลังเอาไว้ ใส่ลังกระดาษเอาไว้แล้วโดนปลวกขึ้น แต่ยืนยันได้อย่างว่าเป็นของเก่าของวัดจริง ๆ ปลวกกินเสียจนลังหายหมด เหลือแต่องค์พระไว้ มีดินปลวกติดเพียบเลย"

เถรี
13-11-2018, 19:03
ถาม : คนใกล้ตาย ที่ไม่เคยฝึกจิตมาก่อน อะไรเป็นเหตุให้จิตตัดสินใจทิ้งร่างกาย ไม่นับเรื่องอายุขัย ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าถ้ายังไม่หมดอาหาร ไม่หมดอายุ ไม่หมดกรรม อย่างไรก็ต้องทนอยู่

ถาม : คนที่เขากำลังจะตาย เขาจะพิจารณาอย่างไร ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งร่างกายเอง ?
ตอบ : ก็เรื่องของเขา

ถาม : คนที่ตัดสินใจทิ้งร่างกาย เขาพิจารณาอย่างไร จึงตัดสินใจว่าไม่เอาร่างกายแล้ว เช่น ถูกบีบให้เจ็บมาก ๆ ?
ตอบ : นั่นเป็นอาการของเวทนามาบีบคั้น ที่ไม่มีเวทนาก็มี คือร่างกายหมดสภาพ หมดสิ่งหนุนเสริมต่าง ๆ ก็ดับไปเฉย ๆ

เถรี
13-11-2018, 19:08
ถาม : ถ้าอาราธนาคุณพระไปที่วัตถุข้าวของ ต้องทำอย่างไร ต้องสื่ออย่างไร จึงจะทำอย่างนั้นได้ ?
ตอบ : แล้วแต่ท่านจะบอกว่าให้ทำอย่างไร แปลว่าอย่างน้อยต้องได้ทิพจักขุญาณแจ่มใส จนรู้ว่าพระท่านสั่งอะไรบ้าง

เถรี
13-11-2018, 19:18
ถาม : หนูปรามาสพระรัตนตรัยค่ะ ?
ตอบ : เรื่องปรามาสพระรัตนตรัยขอขมาก็จบ ไม่มีอะไรมากมายนักหนา

ถาม : ผลกรรมจะเป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : ขอขมาแล้วเป็นอโหสิกรรม ก็หมดกันไป ยกเว้นว่าไปเริ่มทำใหม่

ถาม : ไม่ตกนรกใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าอยากจะลงก็ได้อยู่...!

ถาม : ขอขมาจะเป็นอโหสิกรรมใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าโจทก์กับจำเลยต่างคนต่างเอ่ยปากอโหสิกรรมก็จบ ขี้กังวลแบบนี้แหละที่จะพาให้ลงนรก เข้าใจคำว่าจบไหม ? จบแล้วก็แล้วกัน จะถามอะไรมากมาย ?

เถรี
13-11-2018, 19:20
ถาม : ถ้านึกถึงคุณพ่อคุณแม่แล้วไม่พอใจ จะเป็นบาปไหมคะ ?
ตอบ : บาปแปลว่าชั่ว ถ้าใจหมองก็คือชั่ว

ถาม : คุณแม่รีดชุดให้หนู จะบาปไหมคะ ?
ตอบ : บอกแล้วว่าพิจารณาดู ถ้าใจหมองก็บาป

ถาม : หนูไม่อยากให้เขารีดให้ ?
ตอบ : ท่านทำให้ดี ๆ ดันไปคิดมากก็ลงนรกไป..!

ถาม : ถ้าจะขอขมา ใช้บทไหนก็ได้ใช่ไหมคะ บทของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำก็ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ขอให้ตั้งใจขอขมาเท่านั้น บทไหนก็ได้ ภาษาไทยชัด ๆ ยิ่งดี

ถาม : หนูอยากให้คุณพ่อใช้บทสัพพังฯ ค่ะ ?
ตอบ : ทำแค่ตัวเราก่อน ถ้าหากว่าเครดิตไม่พอไปให้คนอื่นทำ เดี๋ยวเถียงกันก็ไปโกรธเขาอีก

เถรี
13-11-2018, 19:25
ถาม : มีพระอาจารย์ที่หนูรู้จัก ท่านบิณฑบาตอยู่รูปเดียว พอท่านบิณฑบาตเสร็จแล้ว ท่านเอาของเหลือที่เยอะเกินถวายพระอีกวัดหนึ่ง ท่านจะเป็นอะไรไหมคะ ?
ตอบ : ถวายพระได้ ไม่เป็นไร

ถาม : ถ้าบิณฑบาตรูปเดียวแล้วให้คนอื่นละคะ ?
ตอบ : ให้คนอื่นไม่ได้ ยกเว้นแต่พ่อแม่ แต่ถ้าให้พระเณรให้ได้

เถรี
13-11-2018, 19:37
ถาม : อาโกวไม่ค่อยแข็งแรงครับ ?
ตอบ : อย่าให้เครื่องปรับอากาศหรือพัดลมเป่าใส่ตัวตรง ๆ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นอย่างนี้แหละ ความจริงพวกเราเวลาร้อนก็ไม่ค่อยคิดถึงอย่างอื่น โดนความเย็นตรง ๆ ทั้งคืนร่างกายก็รับไม่ไหว ไปหาอะไรร้อน ๆ ประเภทน้ำขิง กินติดต่อกันสักเดือนหนึ่งก็น่าจะดีขึ้น คนจีนเขาบอกว่าความเย็นแทรกซึม พวกนี้พอความเย็นไปคาอยู่ข้างในจะรักษายาก ถ้าบอกว่าเป็นร้อนในมาหมอจีนนี่ยิ้มเลย กินยาถ้วยเดียวหายแล้ว แต่ถ้าเย็นในมานี่ต้องรักษากันเป็นปีเลย

เถรี
13-11-2018, 19:51
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ราคาทองคำยังไม่ขึ้นมาก ถ้าใครมีความสามารถก็ซื้อเอาไว้บ้าง อาตมาเองซื้อไปเดือนก่อนตอนราคา ๑๘,๒๙๐ บาท ความจริงราคา ๑๘,๓๐๐ บาท แต่ซื้อทองไป ๑,๐๐๐ บาท เขาลดให้บาทละ ๑๐ บาท แสดงว่าซื้อเยอะ ๆ เขาก็มีส่วนลดให้เหมือนกัน

แล้วก็ซื้อทองอีก ๒๐๐ บาทตอนราคา ๑๘,๑๐๐ บาท หลังจากนั้นราคาก็ขึ้นพรวด อาตมาเองก็ถือสตางค์รอ เพราะว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าลงได้ถึง ๑๘,๓๐๐ บาท รออยู่ปีกว่าเกือบ ๒ ปี ปรากฏว่าพอซื้อเสร็จลดลงไปอีกเป็น ๑๘,๑๐๐ บาท อึดใจเดียวก็เด้งขึ้นมาอีกแล้ว

ต้องเรียกว่าชอบหาเรื่องใส่ตัว เพราะว่าตอนนี้ได้ทองเกินแล้ว ก็เลยกะว่าเดี๋ยวจะหล่อพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรเพิ่มอีกองค์หนึ่ง เอาไว้กันเขื่อนแตก เพราะว่าวัดท่าขนุนอยู่หน้าเขื่อน..!"

เถรี
13-11-2018, 20:39
พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราเริ่มหาภาชนะตุนน้ำกันแต่เนิ่น ๆ นะ เพราะว่าจะแล้งมาก เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ทิพจักขุญาณก็ได้ จำไว้เลยว่าปีไหนฤดูหนาวมาเร็ว ปีนั้นแล้งนาน ฉะนั้น..ตุนน้ำไว้แต่เนิ่น ๆ หาถังบรรจุสัก ๑๐๐ ลิตร หรือ ๕๐ ลิตร เอาไว้สัก ๒-๓ ใบ ถึงเวลาประปาหายไป ๒-๓ วัน เราก็ยังมีใช้อยู่

ญาติโยมไม่ได้อยู่ในยุครองน้ำตั้งแต่ตี ๓ ได้แค่พอหุงข้าวตอนตี ๕ อาตมาเจอมาแล้ว จะได้รู้ว่ากรุงเทพฯ ของเราจริง ๆ แล้วไม่ได้น่าอยู่เท่าไรหรอก ถ้าจะซักผ้าก็รองน้ำตั้งแต่ ๕ โมงเย็น น้ำไปพอซักเอาพรุ่งนี้เช้า

หลายคนน่าจะผ่านข้าวโอชามาแล้ว และน่าจะลืมไปแล้วด้วย ตอนนั้นต้องแบ่งสันปันส่วนกันเลยนะ ไม่มีบัตรปันส่วนซื้อไม่ได้ด้วย ข้าวโอชาเป็นข้าวเจ้าผสมข้าวเหนียว ๓๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ละครอบครัวมีกี่คน ก็จะปันส่วนให้ตามจำนวนคนในครอบครัว ครอบครัวใหญ่ก็ซื้อได้มากหน่อย ครอบครัวเล็กก็ซื้อก็ได้น้อยหน่อย ใครเกิดไม่ทันก็ถือว่าโชคดีไป

อาตมาทันตั้งแต่ยุคข้าวยากหมากแพง ต้องกินขุยไผ่ อีกยุคหนึ่งไม่ได้กินขุยไผ่ แต่กินข้าวกล้อง กินข้าวโพด กินมันเทศ ยุคกินข้าวกล้องถือว่ายังดีที่มีข้าวกิน ยุคที่กินขุยไผ่นี่ข้าวยังไม่มีให้กินเลย

ถึงเวลารุ่นพ่อรุ่นแม่ต้องหากลอย เอาหัวกลอยมาปอกเปลือกฝานเป็นแผ่นบาง ๆ ใส่เข่งเอาไปตั้งไว้ในทางน้ำไหล ๒ วัน ๓ วัน ต้องหมั่นไปพลิกบ่อย ๆ เพื่อให้น้ำขื่นน้ำเมาละลายไปกับน้ำ ต้องไปเหยียบไปอะไรกว่าจะได้ที่ก็หลายวัน แต่ก็กินไม่ค่อยอิ่มเท่าไร แถมเผลอเมื่อไรก็เมารากแตกรากแตนอีก คนที่กินกลอยแทนข้าวนานหลาย ๆ เดือน จะมีอาการเหมือน ๆ กันหมด คือผอมซี่โครงขึ้น แต่พุงป่อง ๆ ลักษณะเหมือนกับเป็นตานขโมย"

เถรี
13-11-2018, 20:50
มีโยมอายุครรภ์ ๗ เดือน มาทำสังฆทาน พระอาจารย์บอกว่าลูกในท้องเป็นผู้หญิง "สมัยนี้เขามีอัลตราซาวด์บอกเพศ แต่อาตมาไม่ต้องใช้ ใช้วิธีดูท้องก็สามารถบอกได้เลย โบราณเขาเก่ง เขาดูท้องก็บอกได้เลยว่าเป็นผู้หญิงผู้ชาย อาตมาติดโบราณมาหน่อยหนึ่ง ยังดูเป็นอยู่ ไม่ใช่ทิพจักขุญาณนะ ดูธรรมดานี่แหละ เขาสอนให้ดู ถ้าท้องยกขึ้นจะเป็นผู้ชาย ถ้าท้องลาดลงจะเป็นผู้หญิง ต้องเอาคนท้องมายืนเทียบกัน ถึงจะรู้ว่าต่างตรงไหน ก็เป็นเรื่องแปลกดีเหมือนกัน

แบบเดียวกับที่โบราณว่า ถ้าเด็กผู้หญิงคลอดออกมาคว่ำหน้านี่เป็นหมันทุกคน ฉะนั้น..หมอตำแยปากดีคนไหน พอถึงเวลาทำคลอดเห็นเด็กผู้หญิงคว่ำหน้าออกมา ถ้าไปปล่อยข่าว ลูกสาวบ้านนั้นขายไม่ออกหรอก สวยแค่ไหนก็ไม่มีใครเอา ก็เป็นเรื่องประหลาดดี ธรรมชาติทำมาอย่างนั้น คนช่างสังเกตหน่อยก็จับเคล็ดได้เร็ว

แต่สมัยนี้ผ่าออกทั้งนั้น เพราะว่าหมอเขาขี้เกียจรอ บางทีปวดท้อง ๒ วัน ๓ วัน ทำให้คุมเวลาไม่ได้ ผ่าออกได้เงินเยอะกว่าด้วย ถึงเวลาก็ขู่ว่ามดลูกเปิดแล้ว น้ำคร่ำจะแห้งแล้ว พ่อแม่ก็ประสาทกิน ยอมผ่าจนได้ ถ้าเราทำไม่รู้ไม่ชี้ไป หมอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน

การผ่าออกก็มีข้อเสียเยอะ ถ้าเด็กคนต่อไปตัวใหญ่ แม่มีสิทธิ์แย่เลย มดลูกจะแตก คือมีรอยผ่ามีรอยเย็บอยู่ ถึงเวลาก็ยืดตัวไม่ได้เต็มที่ แต่สมัยนี้ก็ไม่ได้ต้องการลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองอยู่แล้ว มีกันแค่คนสองคนก็ผ่าไปเถอะ"

เถรี
13-11-2018, 21:09
"บางคนก็หาหมอดูผูกดวงเลย ผ่าออกตอนไหนถึงจะดีที่สุด สมัยก่อนเขาเรียกว่า "ตกฟาก" สมัยนี้ไม่มีการตกฟาก เพราะว่าไม่มีฟากให้ใช้แล้ว ฟากก็คือไม้ไผ่ผ่าที่เขาเอามาปูพื้น คลอดเด็กออกมาถึงพื้นเรียกว่าตกฟาก สมัยนี้ไม่มีตกฟาก มีแต่เวลาผ่าออก พอหมอถามเวลาตกฟาก ก็บอกว่าไม่ได้ตก

มีโยมอยู่คนหนึ่ง ถามว่าเกิดที่ไหน คืออยากจะรู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร บ้านช่องอยู่ไหน เขาดันตอบว่าเกิดที่โรงพยาบาล จบเลย...คุยต่อไม่ได้ ถ้าไปคุยกับชาวเขาก็ลำบากหน่อย ถึงเวลาก็ไปถามชาวเขาว่าเกิดที่ไหน คือบ้านไหน ปรากฏว่ายายนั่นก็ปากจัด “หมอบ้าหรือเปล่า ? ใคร ๆ ก็เกิดมากจากที่เดียวกันนั่นแหละ เกิดที่อื่นไม่ได้หรอก” จบเลย ตอบได้แม่นกว่าหมอ เพราะว่าเขาเข้าใจอย่างนั้นจริง ๆ"

เถรี
13-11-2018, 21:15
พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงพ่อเอาผลการเรียนเก่า ๆ ให้เด็ก ๆ เขาดู มีแต่เลข ๔ พรืดไปหมด เด็กเขาบอกว่าหาความหลากหลายไม่ได้เลย หลวงพ่อก็อยากได้ความหลากหลายเหมือนกัน แต่ตั้งแต่เรียนมาไม่เคยได้ดี (เกรดดี) เลย แสดงว่าหลวงพ่อเรียนไม่ดี ไม่เคยได้ดี (เกรดดี) เลย ซีก็ไม่เคยได้ แย่จริง ๆ

ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งนะ เขาบอกว่าเก่ง ดี มีสุข เราดีกับมีสุขก็พอแล้ว ได้ตั้ง ๒ ส่วนแล้ว ส่วนใหญ่แล้วคนเก่งจะประสบความสำเร็จยาก เพราะว่ามีตัวมานะที่เรียกว่าหยิ่งอยู่ในตัว คนเรียนไม่ค่อยเก่งนี่มักจะประสบความสำเร็จง่ายกว่ามาก”

เถรี
13-11-2018, 21:20
พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงนี้เป็นฤดูกาลกฐิน ‘กาล’ ตัวนี้คือกาละ ล.ลิง สะกด ไม่ใช่ ‘กราน’ ถ้ากรานมี ๒ ความหมาย ความหมายแรกก็คือแผ่ออก ลักษณะนี้เขาว่ากรานกฐินก็คือแผ่ผ้าออกมาใช้งาน อีกความหมายหนึ่งก็คือเบื้องต่ำ ข้างล่าง อย่างเช่น เชิงกราน กระดูกที่เป็นส่วนนั่งของเรา หรือไม่ก็เชิงกราน ส่วนล่างของเตาที่เอาไว้สำหรับรองรับฟืน

ฤดูกาลกฐินสมัยอาตมาบวชใหม่ ๆ เนื่องจากว่าซักซ้อมทำพระคาถาเงินล้านจนมั่นใจ แต่ละปีจะเตรียมซองกฐินไว้ ซองกฐินสามัคคีร่วมเป็นเจ้าภาพซองละ ๑,๐๐๐ บาท เจอวัดไหนก็ถวายไป ๑ ซอง แต่ละปีประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ ซอง ไม่น่าเชื่อว่าพระบวชใหม่ ๆ จะมีเงินขนาดนั้น แต่ต้องยอมรับว่าพระคาถาเงินล้านถ้าหากว่าเราทำขึ้นจริง ๆ เรื่องของเงินทองจะคล่องตัวมาก เพียงแต่เคล็ดลับสำคัญเลยก็คือ "อย่าภาวนาเพราะอยากได้เงิน" ทำไม่รู้ไม่ชี้ว่าของเราไปเรื่อย ๆ ให้ใจสบายและทำให้สม่ำเสมอกันทุกวัน"

เถรี
13-11-2018, 21:22
"ที่ทำอย่างนั้นเพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ถ้าใครเป็นเจ้าภาพกฐินสัก ๓ ปีติดกัน จะมีความคล่องตัวในเรื่องความเป็นอยู่มาก ท่านบอกว่า คำว่าเจ้าภาพนี้ไม่ได้หมายความว่าจัดเองคนเดียว ใครเขาทอดกฐินเราก็เป็นเจ้าภาพร่วมกับเขาไป จะ ๒๐ บาท ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท ก็แล้วแต่เราจะมีกำลัง แต่ให้ทำไว้บ่อย ๆ ทำน้อยแต่ทำบ่อย ๆ ครั้ง

การที่ใจสละออกอย่างคล่องตัว ถึงเวลาไหลเข้าก็จะไหลเข้าแบบคล่องตัว ท่านบอกว่าคนที่เก็บเงินเฉย ๆ ไม่รู้จักสร้างบุญ ไม่รู้จักต่อบุญ ของใหม่จะมาไม่ได้ ถามว่าทำไมของใหม่มาไม่ได้ ? ท่านบอกว่าน้ำข้างในเต็มอยู่ ถ้าไม่เทออกแล้วของใหม่ที่ไหนไหลเข้ามาได้ อาตมาก็เลยเททิ้งเกลี้ยงทุกปี ของใหม่จึงไหลมาเทมา

เพื่อนพระเขาบอกว่า "อาจารย์เล็กรวย" อาตมาตอบว่า "คุณเห็นผมใช้เงินไม่คิด คุณก็ว่าผมรวย" ถึงเวลาจริง ๆ แล้วแทบไม่เหลือเงินติดตัว แต่เป็นคนจนผู้ยิ่งใหญ่ ก็คือใครขอความช่วยเหลืออะไรก็ช่วยเขาได้หมด แต่ตัวเองเกือบจะไม่มีสตางค์ติดกระเป๋า

ระยะหลังที่เขาเอากรมสรรพากร เอาสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมา เพื่อที่จะบีบเกี่ยวกับเรื่องบัญชีวัด บัญชีพระ วัดท่าขนุนไม่ได้หนักใจหรอก มีเท่าไรก็ใช้เกลี้ยง อยากจะตรวจก็ตรวจไป”

เถรี
13-11-2018, 21:23
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของคุณพระรัตนตรัย ขอให้เรามั่นใจเท่านั้น บารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีอยู่แล้วในทุกอณูของอากาศ สภาพจิตเปิดรับได้มากเท่าไร ก็ศักดิ์สิทธิ์มากเท่านั้น ก็ขลังมากเท่านั้น ก็ได้ดีมากเท่านั้น”

เถรี
13-11-2018, 21:24
พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงป๋าวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ตกลงว่าเขาจะไม่เผานะ เขาจะเก็บสังขารท่านเอาไว้ เรายังสามารถไปกราบสังขารท่านได้ ซึ่งอาตมาก็เห็นด้วย เพราะว่าถ้าเผาท่าน พระมหาเจดีย์ศรีสมเด็จฯ อาจจะไม่สำเร็จ เนื่องจากว่าคนเราส่วนใหญ่แล้วยึดติด โดยเฉพาะในเรื่องของเจ้าอาวาสนี่ลำบากมาก เจ้าอาวาสใหม่ถ้าเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าไม่ได้ วัดก็โทรมทันตาเห็น ถึงเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าได้ เขาก็ยังคิดถึงแต่คนเก่าอยู่ กว่าที่จะหันมาเคารพนับถือเจ้าอาวาสใหม่ ส่วนใหญ่ก็ช่วงท้าย ๆ ของชีวิตท่าน พอถึงเวลาก็ตายอีกแล้ว ...(หัวเราะ)... เจ้าอาวาสคนใหม่มาก็เข้าสู่วงจรอุบาทว์ต่อไป”

เถรี
13-11-2018, 21:25
พระอาจารย์กล่าวว่า “ถวายกฐินตามพระวินัยแต่ละวัดรับได้ครั้งเดียว ก็แปลว่าถ้าปิดยอดแจ้งยอดไปแล้ว รับซ้ำเมื่อไรก็กฐินเดาะ ขาดอานิสงส์กันทั้งวัด ดังนั้น...ญาติโยมอย่าได้ถวายส่งเดชไปเรื่อยเปื่อย อย่าไปคิดว่าทำบุญตามหลังได้ อย่างอื่นตามหลังได้ แต่ยกเว้นกฐินเอาไว้ด้วย”

เถรี
13-11-2018, 21:26
พระอาจารย์กล่าวว่า “ขอเชิญชวนญาติโยมทำบุญทุนการศึกษาในเว็บวัดท่าขนุน ถึงเวลาไปเปิดดูเอานะ อาตมาจ่ายปีหนึ่งหลายร้อยทุน คิดเป็นเงินหลายล้านบาท”

เถรี
13-11-2018, 21:28
พระอาจารย์กล่าวว่า “ปีนี้อาตมาจะเอากฐินปลดหนี้ไปทอดให้ที่วัดทุ่งหลวง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดของหลวงปู่ธรรมชัย สหธรรมิกของหลวงพ่อวัดท่าซุงในอดีต ก่อนหน้านี้สมัยหลวงพ่อยังอยู่ อาตมาก็ขึ้นไปทุกปี ตอนหลังภารกิจรัดตัวมากขึ้น ออกจากวัดมาโอกาสที่จะไปก็น้อยลง

เมื่อเกิดไฟไหม้กุฏิหลวงปู่ โรงอบยาสมุนไพรก็ไหม้หมด หลวงพี่สมศักดิ์ของอาตมาท่านก็เลยโทรมาหา บอกว่าให้ช่วยหน่อย เพราะว่าต้องใช้งบประมาณถึง ๓ ล้านบาท อาตมาก็บอกว่าปกติจะช่วยปีละวัดเดียว คือเอากฐินปลดหนี้ไปทอดให้ แล้วปี ๒๕๖๑ นี้ก็รับปากท่านอาจารย์ปู่ ท่านพระครูปลัดสุวัฒนบัณฑิต หรือหลวงปู่พระมหาไพเราะ ฐิตสีโล เจ้าอาวาสวัดสระแก้ว จังหวัดอ่างทอง ไปแล้ว ว่าจะเอากฐินไปทอดให้ท่าน ขอเลื่อนของหลวงพี่สมศักดิ์ท่านเป็นปี ๒๕๖๒

แต่ปรากฏว่าอยู่ ๆ ก็มีโยมโทรมาบอกว่า กฐินที่จะไปปลดหนี้วัดสระแก้วจะทอดวันที่ ๑๑ พฤศจิกายนไม่ใช่หรือ ? ทำไมทางวัดขึ้นว่าเป็นวันที่ ๒๗ ตุลาคม อาตมารีบโทรไปหาท่านอาจารย์ปู่ ท่านก็ตกใจ บอกว่าลืมของท่านอาจารย์พระครูไปเลย ลืมไปว่าอาตมาจองกฐินท่านเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่คุยกันเป็นมั่นเหมาะแล้ว แต่จะว่าไปก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านอายุตั้ง ๗๘ ปีแล้ว อาตมาเองเพิ่งจะ ๖๐ ปี ก็ยังมีหลงมีลืมเหมือนกัน"

เถรี
13-11-2018, 21:30
"ท้ายสุดก็ว่า เจตนาญาติโยมทำบุญมาก็เพื่อทอดกฐินวัดสระแก้ว จึงตกลงแบ่งเงินจากกองกฐิน ๑ แสนบาทไปร่วมบุญกฐินกับวัดสระแก้ว เพื่อให้เป็นไปตามเจตนาของผู้บริจาค จะได้ไม่เป็นโทษย้ายเจดีย์ ส่วนที่เหลือก็โยกเอาไปทอดกฐินปลดหนี้ที่วัดทุ่งหลวง

แสดงว่าหลวงปู่ธรรมชัยท่านก็คงอยากจะให้งานที่วัดเสร็จเร็ว ๆ เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นแบบนี้ก็เลยเกิดขึ้น อาตมาก็ดีใจว่าจะได้ไปกตเวทิตาต่อครูบาอาจารย์ ที่ท่านเคยให้ความเมตตาสงเคราะห์ ให้ความรู้มาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นฆราวาสอยู่ โดยเฉพาะว่าหลวงปู่ธรรมชัยท่านถอดประคำที่ท่านใช้ประจำตัวจากคอสวมให้กับอาตมาเลย บอกว่า "ต่อไปให้เป็นกำลังใหญ่ในพระพุทธศาสนา" อาตมาตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร ดีใจว่าหลวงปู่ให้ประคำก็รับไว้ด้วยความยินดี ...(หัวเราะ)... ตอนนี้รู้แล้วว่าหลวงปู่ท่านมองการณ์ไกลกว่าอาตมาเยอะเลย

ประคำก็ไม่ได้อยู่กับอาตมาแล้ว ตอนนั้นพระครูแสง (น้องชาย) จะไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เขาบอกว่า “พี่...ขอประคำหลวงปู่ให้ผมเถอะ ผมจะไปซาอุฯ จะได้ใช้ในการภาวนา” ก็เลยยกให้น้องชายไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าปัจจุบันนี้ท่านบวชพระมาจะ ๒๐ พรรษาแล้ว ยังได้เก็บของหลวงปู่ไว้หรือเปล่า ? อาตมาก็เหลือแต่พระของหลวงปู่อยู่แค่ไม่กี่องค์ ลูกประคำอีกสายหนึ่งที่บูชามาจากของท่าน ตอนนั้นราคาแพงมาก เส้นหนึ่งตั้ง ๘๐ บาท ใช้จนกระทั่งขึ้นเงาลื่นเป็นกระจก ญาติโยมก็ขอแบ่งกันไปหมดแล้ว"

เถรี
13-11-2018, 21:32
"สรุปว่าสมบัติของหลวงปู่ที่เหลือติดตัวแน่ ๆ ปัจจุบันก็เหลือแค่บาตรอยู่ใบเดียว บาตร กลด และย่าม เป็นของที่หลวงปู่ธรรมชัยท่านถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงไว้ แล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงมอบให้อาตมาเป็นเครื่องบวช มีบาตร กลด ย่าม ไฟฉาย และอังสะกันหนาว ตอนนี้ที่เหลืออยู่จริง ๆ ก็คือบาตรกับอังสะกันหนาว ซึ่งอังสะก็ต้องสอยใหม่ไป ๒ ครั้งแล้วเพราะว่าใช้จนเปื่อย

เหตุที่อย่างอื่นไม่อยู่เพราะว่าพระรุ่นน้องคือทิดชาติชาย ตอนนั้นยังไม่สึก ท่านขอยืมไปธุดงค์ บอกว่า “หลวงพี่ ขอยืมกลดของหลวงปู่หน่อย ขอยืมกระติกน้ำหน่อย ขอยืมไฟฉายหน่อย” พอกลับมาพ่อเจ้าประคุณซื้อของใหม่เอี่ยมมาคืน ของหลวงปู่เขายึดไปเลย ...(หัวเราะ)... อาตมาก็เลยเหลือบาตรอยู่ใบเดียว ใช้มา ๓๐ กว่าปี กับอังสะที่พยายามทะนุถนอมเก็บไว้เป็นของต่างหน้าครูบาอาจารย์ ๒ ท่าน ก็คือหลวงปู่ธรรมชัยในฐานะเจ้าของ และหลวงพ่อวัดท่าซุงในฐานะผู้มอบให้

งวดนี้จะได้ไปทอดกฐิน แต่ว่าทอดช่วงเช้า ประมาณ ๑๐.๓๐ น. ก็ทอดกฐิน หลังจากกรานกฐิน ถวายเพลเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็กลับ เวลานี้เป็นเวลาที่สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไปทอดกฐิน แล้วท่านกำหนดเอาไว้ เพราะว่าท่านต้องเดินทางกลับวัดท่าซุงในช่วงบ่าย ถ้าหากว่าช้าก็จะถึงวัดค่ำมาก ดังนั้น..ทางวัดทุ่งหลวงจึงใช้เวลาทอดกฐิน ๑๐.๓๐ น. แบบนี้มาตลอด ตั้งแต่สมัยนั้นจนถึงสมัยนี้"

เถรี
13-11-2018, 21:33
"ครูบาสมศักดิ์หรือหลวงพี่สมศักดิ์ของอาตมาเอง จริง ๆ แล้วท่านเป็นคนกรุงเทพฯ ตอนสิ้นหลวงปู่ใหม่ ๆ ญาติโยมทางกรุงเทพฯ ทุกคน อยากให้ครูบาสมศักดิ์เป็นเจ้าอาวาส แต่ชาวบ้านแถวทุ่งหลวงต้องการหลวงปู่อิ่นคำเป็นเจ้าอาวาส ครูบาสมศักดิ์ท่านก็เลยถอยให้หลวงปู่อิ่นคำเป็นเจ้าอาวาส ตัวท่านเองทำงานแทนเจ้าอาวาสทุกอย่าง

อาตมาถามว่า "ถ้าผมเอากฐินไปทอดให้หลวงพี่แล้ว เงินเข้าบัญชีวัด แล้วหลวงพี่จะมีสิทธิ์ใช้หรือเปล่า ? ถ้าไม่มีสิทธิ์ใช้ผมจะเอาไปเป็นผ้าป่า ยกให้หลวงพี่โดยตรง จะได้ไม่ต้องเอาเข้าบัญชีวัด" ท่านบอกว่างานวัดทุกอย่างเป็นภาระของท่าน เงินทุกบาททุกสตางค์ท่านมีสิทธิ์ใช้ทั้งหมด อาตมาถึงได้สบายใจว่าเอาเป็นกฐินไปให้ท่านได้"

เถรี
13-11-2018, 21:35
"เดี๋ยววันที่ ๑๘ พฤศจิกายน เราไปประมูลวัตถุมงคลกันที่นั่น เพิ่มเงินเข้ากองกฐินกันหน่อย มี "เซอร์ไพรส์" ด้วย ...(หัวเราะ)... อยากรู้ว่าอะไรก็ไปร่วมบุญกัน แล้วเป็นเรื่องอัศจรรย์มากว่า กฐินวัดทุ่งหลวงกำหนดไว้วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันเดียวในรอบปีที่อาตมาว่างพอดี แสดงว่าทุกอย่างเป็นธรรมะจัดสรร หลวงปู่ธรรมชัยท่านก็คงอยากจะเจอหน้าลูกศิษย์คนนี้เหมือนกัน

ระยะหลังอาตมาไม่ค่อยได้ไป เพราะว่าติดธุระที่โน่นที่นี่ นาน ๆ ผ่านไปก็เข้าไปกราบศพท่าน เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็กลับ บางทีไม่ได้คุยกับหลวงพี่สมศักดิ์ด้วยซ้ำไป แต่เนื่องจากว่าสมัยก่อนสนิทสนมใกล้ชิดกัน ระลึกถึงกันเป็นปกติ ก็ยังมีการโทรศัพท์หรือไม่ก็พบหน้ากันในระหว่างงานอยู่ พอถึงเวลาท่านก็บอกว่า "ผมมองดูแล้วว่าไม่มีใครจะช่วยได้ เห็นท่านอาจารย์พระครูพอจะมีลูกศิษย์ พอจะมีกำลังหน่อย จึงขอรบกวนในครั้งนี้"

อาตมาก็บอกท่านว่า เดี๋ยวพอใกล้ ๆ แล้วถึงจะแจ้งยอด ว่าจะมีญาติโยมไปด้วยเท่าไร ตอนแรกท่านจะเตรียมที่นอน เตรียมอาหารไว้รอรับทั้งมื้อเย็นมื้อเช้าเลย อาตมาบอกว่าไม่ต้อง เตรียมกลางวันไว้มื้อเดียวก็พอ พวกเราไปถึงก็น่าจะประมาณ ๐๗.๓๐ - ๐๘.๓๐ น. ไปถึงเราก็ไปกราบหลวงปู่กัน แล้วก็ประมูลของหาเงินเข้ากองกฐินกันต่อไป"

เถรี
14-11-2018, 19:12
"ถัดจากงานกฐินปลดหนี้หลวงปู่แล้ว ปีถัดไปจะลงไปปิดงานที่วัดรัตนานุภาพ เอากฐินปลดหนี้ไปให้พระครูสว่างอีกรอบหนึ่ง ตอนนี้โบสถ์เหลือแต่ยกช่อฟ้า แล้วก็ปิดทองฝังลูกนิมิต อาตมาก็ว่าต้นปีจะไปยกช่อฟ้าให้ท่าน แล้วช่วงกฐินค่อยไปฝังลูกนิมิตกัน

ไหน ๆ ลงไปช่วยงานพี่น้องทางปักษ์ใต้แล้วก็ช่วยกันให้จบ เอาให้โบสถ์เสร็จจริง ๆ เพราะว่าแถวนั้นเป็นหมู่บ้านคนไทยอยู่หมู่บ้านเดียว เป็นไข่แดงอยู่ตรงกลาง รอบข้างเป็นมุสลิมหมด พระครูสว่างท่านเป็นรุ่นน้องหลายปี คบหากันตั้งแต่สมัยเพิ่งจะ ๒ พรรษา ท่าน ๒ พรรษา อาตมาก็ ๘ พรรษา คบหากันมาตอนนี้แต่ละคนก็ ๒๐ - ๓๐ กว่าพรรษาทั้งนั้น"

เถรี
14-11-2018, 19:14
"ที่ตลกมากที่สุดก็คือ ท่านเป็นพระครูสัญญาบัตรก่อนอาตมาด้วย ตั้งแต่หลวงปู่พระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดยังเป็นเจ้าคณะอำเภออยู่ ท่านชวนอาตมาว่าลงมาช่วยกันหน่อย ที่นี่ตำแหน่งว่างเยอะมาก แต่ไม่มีพระ ท่านบอกว่าท่านเป็น รักษาการเจ้าคณะจังหวัด เป็นเจ้าคณะอำเภอ เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นเจ้าอาวาส ...(หัวเราะ)... บอกว่าตำแหน่งเยอะมากแต่ไม่มีพระช่วยงาน เพราะฉะนั้น...พระครูสว่างท่านถึงจะเป็นรุ่นน้องนาน แต่พอยอมรับตำแหน่งเข้าก็เป็นพระครูสัญญาบัตรก่อน

และที่ตลกกว่านั้นก็คือ ได้มาสอบพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกันด้วย แทนที่จะเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน ก็กลายเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันไป อาตมาเองก็เป็นประธานรุ่นอยู่ ลงไปช่วยท่านปีแรกจากพื้นดินเปล่า ๆ ไปวางศิลาฤกษ์กัน หลวงปู่พระเทพศีลวิสุทธิ์ท่านเองก็เกษียณอายุแล้ว คือ ๘๐ ขึ้น ๘๑ ปีแล้ว แต่มหาเถรสมาคมเห็นความสามารถ ก็เลยต่ออายุราชการให้เป็นกรณีพิเศษ ๓ ปี เพราะว่าเวลาหลวงปู่ท่านจัดงานนี่ ทั้งมุสลิมทั้งไทยไปเต็มวัดเลย

เป็นวิถีโบราณก่อนที่จะเกิดการแบ่งแยกจากพวกหัวรุนแรง ก็คือคนไทยคนมุสลิมรักใคร่สามัคคีเป็นเพื่อนเป็นฝูงกัน ถึงเวลามีงานก็ไปช่วยเหลือกัน ไม่ได้รังเกียจกัน หลวงปู่ท่านยังเป็นคนรุ่นเก่าที่ยึดถือแนวปฏิบัติอย่างนี้อยู่ สามารถรวมใจทั้งไทยและมุสลิมได้ดี ทางมหาเถรสมาคมก็เลยต่ออายุให้เป็นกรณีพิเศษ ๓ ปี อาตมาลงไปงวดนี้ปี ๒๕๖๒ ท่านเองก็ ๘๒ ปี ก็แปลว่าท่านยังไม่เกษียณอายุราชการก็คงจะได้กราบท่านในฐานะผู้บังคับบัญชาได้อีกรอบหนึ่ง"

เถรี
14-11-2018, 19:17
"ที่ตลกกว่านั้นก็คือตำแหน่งพระครูปลัดของท่านให้กับมหาจรูญโรจน์ ที่เปลี่ยนชื่อเป็นนัทกฤต เป็นพระครูปลัดนัทกฤต วัดบ้านห้วยน้ำขาว ลูกศิษย์ที่อาตมาบวชให้ด้วยมือเองนั่นแหละ ไปได้พระครูปลัดของท่านจากนราธิวาสมา แต่ตัวอยู่ที่กาญจนบุรี ดังนั้น..ถ้าหากว่าลงไปงวดนี้ก็น่าจะต้องชวนพระครูปลัดโรจน์เขาไปด้วย จะได้ไปกราบลูกพี่ตัวเอง ...(หัวเราะ)...

แถวยะลา ปัตตานี เป็นมุสลิม ๘๐-๙๐ เปอร์เซ็นต์ นราธิวาสก็ยังเป็นมุสลิมอยู่ประมาณ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ มีคนไทยไม่มาก ตรงนั้นก็เลยกลายเป็นวัดไทยไข่แดงอยู่ตรงโคกโกนั้นกลุ่มหนึ่ง สองครั้งก่อนที่เอากฐินปลดหนี้ลงไปให้ ญาติโยมทั้งหลายก็เหมารถไฟไปกัน ๒ ตู้ ๘๐ คน ทางด้านโน้นก็ขนรถกระบะมาทั้งหมู่บ้าน มาช่วยกันรับไปส่งที่วัด

ถึงเวลาเจอทหารลาดตระเวนก็ขอเซลฟี่กันอุตลุด ไม่รู้หรอกว่าทหารเขาเครียดกันเกือบตาย เพราะว่าต้องรักษาความปลอดภัยพวกเราที่อยู่ในท่ามกลางดงก่อการร้าย ชาวบ้านก็มีน้ำใจเหลือเกิน พวกเราไปนี่ เขาตัดลองกองมาให้หมดสวนเลย ถามว่าไม่เก็บไว้ขายบ้างหรือ ? เขาบอกว่าขายก็ได้กิโลกรัมละ ๖-๗ บาท ทำบุญดีกว่า ให้มาทีหนึ่ง ๒๐๐-๓๐๐ กิโลกรัม อาตมาก็ให้แบ่ง ๆ กันไป ๘๐ คน ลองหาร ๒๐๐ ดูว่าได้คนละกี่กิโลกรัม ?

โดยเฉพาะที่สถานีรถไฟสุไหงปาดีรถจะจอดแค่ ๓ นาที ไม่เหมือนกับสถานีสุไหงโกลกที่จอดครึ่งชั่วโมง ญาติโยมก็เลยขนลองกองไปขึ้นรถไฟให้ที่สถานีสุไหงโกลก พวกเราก็เลยต้องตามไปขึ้นรถไฟที่สุไหงโกลกด้วย”

เถรี
14-11-2018, 19:18
พระอาจารย์กล่าวว่า “ปีนี้ไปเหนือ ปีหน้าไปใต้ ปีถัดไปคงต้องไปอีสาน เพราะว่าเอาหลวงพี่นิลท่านไปทิ้งโดดเดี่ยวไว้ที่นั่น ...(หัวเราะ)... ปีนี้ถวายท่านไป ๕ แสนบาท ใช้หนี้ไปได้หน่อยหนึ่ง”

เถรี
14-11-2018, 19:18
พระอาจารย์กล่าวว่า “ความจริงคนจีนในประเทศไทยนั้น แต้จิ๋วมีมากที่สุด รองลงมาก็เป็นจีนแคะ ฮกเกี้ยน ไหหลำ บ้านเราก็เลยนิยมภาษาแต้จิ๋วมากกว่า แต่ว่าที่ไหน ๆ ปัจจุบันนี้ก็ใช้จีนกลางเป็นหลักแล้ว ถึงเวลาเขาพูดมาฟังไม่รู้เรื่องก็ทิงปู้ต่ง ...(หัวเราะ)... พวกเราฟังไม่รู้เรื่องไม่เป็นไร หลวงพ่อฟังรู้เรื่องก็แล้วกัน”

เถรี
14-11-2018, 19:22
พระอาจารย์กล่าวว่า “อยากจะให้เป็นวันอาทิตย์ช่วงกฐินบ่อย ๆ จะได้ไม่ต้องงานหนัก ไม่อย่างนั้นแล้วมาจนไม่ได้หายใจเลย

ช่วงนี้ต้องบอกว่าเป็นช่วงของบุญของกุศล โดยเฉพาะกฐินจัดเป็นสังฆทานและเป็นสังฆทานพิเศษเพราะจำกัดด้วยเวลา ทั้งปีมีสิทธิ์ทำได้แค่ ๒๙ วัน ก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ จนถึงกลางเดือน ๑๒ ข้างแรมนั้นมีแค่ ๑๔ วัน ข้างขึ้น ๑๕ วัน รวมแล้วแค่ ๒๙ วันเท่านั้น ในเมื่อเป็นสังฆทานจำกัดเขต ถ้าหากว่าใครได้ทำอานิสงส์ก็จะมีมาก โดยเฉพาะถ้าตั้งใจเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปโดยยาก

สมัยก่อนไม่ได้มีผ้าให้ซื้อง่ายดายเหมือนสมัยนี้ สมัยเราต้องบอกว่าบุญดี สมัยอาตมาเด็ก ๆ กว่าจะทอได้แต่ละคืบแต่ละศอก ต้องว่ากันเป็นวันเป็นเดือน ยิ่งถ้าเป็นจุลกฐินด้วยแล้ว ต้องระดมกันมาทั้งหมู่บ้านหรือว่าทั้งตำบล ช่วยกันทอคนละศอกคนละคืบเอาให้เสร็จในวันนั้น

ถามว่าแล้วทำไมเอาแค่ศอกแค่คืบ ? ก็เพราะว่าผ้าจีวรเป็นผ้าที่เย็บต่อ ๆ กัน เอามาคนละคืบคนละศอกตามความสามารถของตัวเอง ก็มาเย็บต่อเป็นจีวรได้แล้ว ต้องหลาย ๆ คนช่วยกัน บางคนก็ถึงขนาดเข้าพรรษาก็เริ่มปลูกฝ้าย ออกพรรษาก็เก็บฝ้ายปั่นด้ายเตรียมทอผ้า สมัยนี้ทำแบบนี้เขาว่าไม่ทันกิน แต่ก็ยังมีหลายวัดที่ทำแบบนี้”

เถรี
14-11-2018, 19:25
พระอาจารย์กล่าวว่า “เด็ก ๆ อย่าไปไล่จับเขา ถ้าไปไล่จับเขาก็ไปเรื่อยแหละ ปล่อยจริง ๆ ก็ไปไม่ไกลพ่อแม่หรอก เดี๋ยวก็วนกลับมา เป็นจิตวิทยาง่าย ๆ เลย

อาตมาเจอคาตาอยู่รายหนึ่ง ชอบขึ้นถนน ปรากฏว่าวันนั้นดวงเฮง ไปวิ่งตัดหน้ารถกระบะ โดนชนล้มหัวฟาดพื้น อาตมาต้องเอาขึ้นรถวิ่งไปส่งโรงพยาบาล ...(หัวเราะ)... เขาก็สงสัยว่าพระเอาลูกใครมา เดี๋ยวพ่อแม่เขาก็ตามมาเองแหละ ตะโกนบอกคนที่เห็นเหตุการณ์ว่า เดี๋ยวไปโรงพยาบาลวังหิน เป็นรอยต่อระหว่างอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี กับอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เรียกตัวย่อว่า รพ.สต.”

เถรี
14-11-2018, 19:36
ถาม : นึกภาพพระแต่ไม่ได้ดูลมหายใจจะได้บุญหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้านึกภาพพระได้ ไม่นึกถึงอย่างอื่นเลยก็ได้บุญ

ถาม : แล้วนายบัญชีท่านจดบันทึกบุญเราอย่างไรคะ แค่นึกถึงพระท่านก็รู้ว่าเป็นบุญแล้วหรือคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเป็นความดีในทาน ศีล ภาวนา ท่านก็จดตามหมวดนั้นแหละ อันนี้ถือว่าอยู่ในหมวดของภาวนา

เถรี
14-11-2018, 19:37
ถาม : คาถาอิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง ทำไมใช้แล้วยังไม่ได้ผล ยังคงฟุ้งซ่านอยู่คะ ?
ตอบ : เพราะว่าเราฟุ้งมาก ต้องเชื่อมั่นจริง ๆ ไม่ใช่ว่าใช้ไปก็สงสัยไปว่าจะเชื่อได้หรือเปล่า

เถรี
14-11-2018, 19:39
ถาม : มีคนบอกว่า เกิดวันพฤหัสบดี เดือนมิถุนายน เจอปีชงมาหลายปี เขาบอกว่าหลังวันเกิดปีหน้าอาจจะดีขึ้น จุดเปลี่ยนอยู่ในช่วงวันเกิด คล้าย ๆ กับที่พระอาจารย์บอกว่าช่วงรอยต่อของเดือนเกิดเดือนหนึ่งจะเจอเรื่องดีมากหรือร้ายมาก ทำไมถึงเป็นแบบนั้นคะ ?
ตอบ : อันนั้นสำหรับคนทั่วไป ส่วนพวกบ้า ๆ บวม ๆ นี่คำทำนายไม่มีผลหรอก

รู้จักรอยต่อไหม ? รอยต่อเป็นช่วงขาด เหมือนกับว่าภูเขามาสิ้นสุดตรงนั้น ก็เป็นช่องว่างให้ผ่านไปผ่านมาได้ ช่วงระหว่างการเกิดของเราก็คือช่วงระหว่างกรรม ในเมื่อช่วงนั้นมาถึง ก็เป็นช่องว่างให้สิ่งดีหรือชั่วเข้ามาได้ง่าย

เถรี
14-11-2018, 19:42
ถาม : ช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่นเคยได้ยินว่า ตัวเองจะเป็นอะไรตายทั้งที่ไม่ได้อยากรู้ แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือจะตายเมื่อไร แต่กลับไม่ได้รู้ ไม่ได้ยิน ?
ตอบ : จะไปสนใจทำไม ก็รอดู..ถึงเวลาก็ตายเอง พยายามหายใจเข้าไว้ เลิกหายใจเมื่อไรก็ตาย

ถาม : ไม่ได้เป็นความลับสวรรค์ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ได้เป็น แต่ทำให้ถึง ถ้าไม่ถึงก็ไม่รู้

คนเรียนไม่จบก็รู้ไม่ถึง เรียนจบเมื่อไรก็รู้ถีงเอง ไม่ต้องการรู้ก็รู้ รู้แล้วจะเครียด ทำใจยากนะ ประเภทอีก ๓ วันจะตาย จะทำใจอย่างไรดี พระพุทธเจ้าให้ระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก เราจะไปคิดว่า ๓ วัน ๗ วัน ก็ประมาทเกินไป

เถรี
14-11-2018, 19:56
ถาม : การห้อยพระจำเป็นต้องเป็นเลขคี่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ตูไม่เคยนับเลย อยากห้อยองค์ไหนก็ห้อย เรื่องเลขมงคลอยู่ที่ความเชื่อของเรา แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นมงคลทางโลก มงคลจริง ๆ อยู่ใน ๓๘ ประการที่พระพุทธเจ้าท่านว่า ขึ้นตั้งแต่ อะเสวะนา จะ พาลานัง ไปจนถึง ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะนะกัมปะติ

เถรี
14-11-2018, 20:00
ถาม : มีคนบอกว่าจะฝากเงินทอดกฐิน แต่ว่าเลยวันทอดกฐินไปแล้ว เขาก็ยังไม่เอาเงินมาให้เรา เขาจะได้บุญไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่ได้ทอด บุญนั้นก็ไม่สำเร็จ

ถาม : ถ้าเราออกเงินแทนเขาไปก่อน แล้วเขาค่อยโอนเงินมาภายหลัง ?
ตอบ : ถ้าเราทำอย่างนั้นถือว่าเรามีเมตตา บุญก็ยังคงเป็นของเขาอยู่ ไม่เช่นนั้นก็อดไปตามระเบียบ เขาจะกินตอนนี้ ดันทะลึ่งอีก ๓ วันค่อยเอามา

เถรี
14-11-2018, 20:02
ถาม : วิธีการภาวนาพระคาถาเงินล้าน เคยอ่านเจอว่าพระอาจารย์แนะนำให้ดูที่ศูนย์กลางกาย แต่ว่าผมใช้วิธีอื่นอยู่ ต้องเปลี่ยนมาใช้วิธีนี้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ถนัดอย่างไหนให้ทำอย่างนั้น ขอให้สมาธิทรงตัว ก็ใช้ได้ทั้งหมด

เถรี
14-11-2018, 20:04
ถาม : ระหว่างการสร้างวัดถวายพระ กับสร้างพระถวายวัด แบบไหนจะได้อานิสงส์มากกว่า ?
ตอบ : สร้างวัดต้องถามว่าสร้างอะไรบ้าง ? ถ้าอย่างโบสถ์ วิหาร เจดีย์ มณฑป ทั้งหลายเหล่านี้ นอกจากว่าจะเป็นส่วนที่ให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ยังต้องใช้จำนวนเงินมหาศาล กำลังใจที่สละออกที่มากขนาดนั้น ก็จะทำให้เป็นมหาอานิสงส์อย่างหนึ่ง โดยเฉพาะในส่วนของวิหารทานนั้นเหนือกว่าสังฆทานอีก

คราวนี้การสร้างพระนี้เป็นพุทธานุสติ ก็แปลว่าถ้าหากว่าเราเกิดใหม่จะมีอำนาจมาก แต่ว่าในส่วนของการสร้างวัดนั้นเป็นวิหารทาน ซึ่งถ้าไม่นับธรรมทานแล้วถือว่าเป็นทานสูงสุด เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ ถ้าสร้างทั้งวัดถือว่าอานิสงส์มากกว่า เพราะว่าสร้างเสร็จเรียบร้อยเดี๋ยวเขาก็เอาพระไปตั้งเอง

ตกลงจะสร้างพระถวายวัด หรือสร้างวัดถวายพระ พูดให้ชัด ๆ นะ สร้างวัดถวายพระนี่ปางตายเลยนะ

ถาม : สร้างวัดต้องใช้เงินเท่าไรครับ ?
ตอบ : เดี๋ยวนี้ต่ำกว่า ๓๐๐ ล้านสร้างไม่เสร็จหรอก ๓๐๐ ล้านนี่คงจะได้สักเสี้ยวหนึ่ง อาตมาสร้างศาลา ๑๐๐ ปี หลวงปู่สาย หลังเดียวเฉพาะศาลาเปล่า ๆ ก็ ๘๓ ล้านกว่าแล้ว

เถรี
14-11-2018, 20:05
ถาม : ทานที่มาจากวัตถุ กับทานที่เราทำอย่างธรรมทาน อภัยทาน อานิสงส์นั้นเทียบกันได้ไหมครับ ?
ตอบ : ทานทั้งหมดอยู่แค่กามาวจร ก็คือไม่สามารถจะเกินเทวดานางฟ้าไปได้ ยกเว้นว่าเราสามารถทำจนเป็นฌาน ก็สามารถเป็นรูปาวจร คือเกิดเป็นพรหมได้ แต่ถ้าหากว่าทำโดยที่สามารถปล่อยวางได้ มีอุเบกขา ก็เป็นส่วนที่ทำให้เราหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ ดังนั้น...ขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำของเรา แต่อย่าลืมว่าทั้งหมดเป็นแค่ทานเท่านั้น ยังมีศีล ยังมีภาวนา ที่สูงกว่านั้นอีก

เถรี
14-11-2018, 20:07
ถาม : เราควรให้ความสนใจกับการมองภาพใหญ่ในช่วงเริ่มต้นของการปฏิบัติ มากกว่าสนใจรายละเอียดปลีกย่อยซึ่งเป็นช่วงหลัง ๆ ของการปฏิบัติใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เด็กหัดใหม่ก็ต้อง ก.ไก่ ข.ไข่ ก่อน คุณจะไปเอาด็อกเตอร์ก็เป็นไปไม่ได้ ต้องรู้ตัวเอง เรียกว่ามีอัตตัญญุตา รู้ว่าเราเหมาะเราควรกับระดับไหน แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำในระดับนั้นไป ส่วนจะกว้างจะแคบก็อยู่กับระดับที่เราทำนั่นแหละ

เถรี
14-11-2018, 20:11
ถาม : ตอนภาวนาหัวใจเราสามารถหยุดเต้นได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าทำเป็นก็หยุดได้เอง

ถาม : รู้สึกว่าเป็นคนละอย่างกับลมหายใจหายไป ?
ตอบ : ก็ใกล้เคียงกัน เพราะว่าทั้งหลายเหล่านี้จะทำงานช้าลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายสุดเป็นการทำงานของลมละเอียดภายใน ที่ไม่ต้องอาศัยอวัยวะในการขับเคลื่อน เครื่องมือวิทยาศาสตร์จับไม่ได้ แต่ยังมีอยู่

เถรี
14-11-2018, 20:13
ถาม : การที่เรากำกับการภาวนาด้วยการถาม เช่น เรามีกายไหม ? เราจะก้าวข้ามไหม ? การถามแบบนี้แล้วทำให้อารมณ์ทรงตัวขึ้น ลักษณะนี้เป็นอะไรครับ ?
ตอบ : ก็คือลักษณะของคำภาวนา เพียงแต่เราใช้คำถามเป็นคำภาวนาเท่านั้น แต่ว่าต่อไปจะมีผลเสียมากกว่า พอถึงเวลาถามแล้วเราจะคิด การที่เราคิดทั้ง ๆ ที่สมาธิยังไม่ทรงตัว เหมือนกับเพิ่งจะเก็บเงินได้ไม่ถึงบาทเราก็ไปซื้อของจนหมด แล้วเมื่อไรจะพอในการกดกิเลส ? ไม่ต้องไปพูดถึงการตัดกิเลสนะ แค่กดยังเอาไม่อยู่เลย

ถาม : ไม่ค่อยเข้าใจครับ ?
ตอบ : พอคุณถามแล้วก็จะเผลอคิดตามเรื่องนั้น พอคุณคิดตามแปลว่าคุณต้องใช้กำลังสมาธิไปในการคิด ก็แปลว่าสมาธิที่เริ่มจะทรงตัวกดกิเลสได้ก็หายไปหมด เหมือนกับเราเก็บเงินยังไม่ทันจะพอใช้งาน เราก็ถลุงจนเกลี้ยง ถึงเวลาหลุดออกมาเมื่อไร ก็โดนกิเลสตีหงายท้องเหมือนเดิม ไม่ต้องสงสัย

เถรี
14-11-2018, 20:16
ถาม : บุญหรือบาปก็คือการทำให้ผู้อื่นจิตใจเบิกบานเป็นบุญ หรือมัวหมองก็เป็นบาปใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ ทำให้ตัวเราจิตใจผ่องใสก็เป็นบุญ ทำให้ตัวเราจิตใจหม่นหมองก็เป็นบาป ไม่ใช่ทำให้ผู้อื่น

ถาม : ถ้าเราไปตีหัวคนอื่นแล้วเรามีความสุข แต่จิตใจเขาไม่ผ่องใสเพราะเขาเจ็บ ?
ตอบ : อย่าลืมว่าสิ่งที่เราทำเป็นการล่วงละเมิดคนอื่นหรือเปล่า ? นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เขาให้ดูที่ตัว แก้ที่ตัว ไม่ใช่ไปดูที่คนอื่น ทำให้คนอื่น แล้วเมื่อไรตัวเองจะไปรอด

เถรี
14-11-2018, 20:18
ถาม : ที่ผมทำตอนนี้มันเป็นอารมณ์ล้วน ๆ เลย จับภาพพระดีขึ้น ควรทำอย่างนี้ต่อไปหรืออย่างไรครับ ?
ตอบ : รักษาภาพพระไว้จนกว่าจะสว่างไสวเหมือนพระอาทิตย์ยามเที่ยง ขยายให้ใหญ่ได้ หดให้เล็กลงได้ สั่งให้หายไปได้ สั่งให้มาได้ ถ้ายังไม่ถึงขั้นนั้นก็ยังใช้การอะไรไม่ได้

ถาม : แค่เป็นประกายพรึกได้ไหมครับ ?
ตอบ : คุณก็ลองอธิษฐานใช้งานดูสิว่าใช้ได้ไหม ? เก็บเงินยังไม่พอแล้วจะไปทำอะไร

ถาม : สามารถทำกรรมฐานหลายกองพร้อมกันได้ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ได้ ไม่มีใครเขาว่า คุณจะบวกกรรมฐานเข้าไปกี่กอง ก็อยู่ที่ตัวเองว่าจะมีความสามารถเท่าไร

เถรี
19-11-2018, 17:59
ถาม : เจ้ากรรมนายเวรที่เราเคยปล้นสดมภ์เขามา ให้บุญมานานแล้ว เขายังไม่อโหสิกรรม ขอคำแนะนำค่ะ ?
ตอบ : เราจะทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ก็อุทิศให้เขาด้วย เขาจะอโหสิกรรมหรือไม่ก็เรื่องของเขาไปเลย ไปกังวลอะไร เจ้าหนี้เขาจะทวงก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหนี้ ส่วนเราไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ก็จบ เขาเรียกว่าไปกังวลในเรื่องที่ไม่ควรกังวล

เถรี
19-11-2018, 18:01
พระอาจารย์เอาตำราหลวงพ่อกวยมาอ่าน "คาถาปลุกเสือ ท่านใช้คำว่าพะยัก จริง ๆ ก็คือ พยัคฆ์นั่นแหละ แต่ท่านได้ยินมาอย่างนี้ก็เขียนไปอย่างนี้ เอาแค่ให้อ่านได้ แต่ท่านใช้ได้ผลหมด เพราะว่าท่านไม่สงสัย"

เถรี
19-11-2018, 18:21
โยมเอาวัตถุมงคลมาให้ช่วยดู "สมเด็จวัดระฆังหลังฆ้อนทำเลียนแบบ อันนี้ปลัดขิกของหลวงปู่สี วัดสะแก ปลัดขิกอันนี้มองรอยจารไม่เห็น ในเมื่อไม่เห็นก็ละไว้ก่อน

คุณไปส่องดูว่าตะกรุดดอกนี้ผิวมีรอยแตกไหม ? ถ้ามีรอยแตกแปลว่าทำเลียนแบบ ยืนยันให้องค์เดียวของหลวงปู่สี วัดสะแก ส่วนอันนี้ผิวมีรอยแตกไม่ใช่เพราะลงรัก แต่เขาใช้แผ่นเสียงรุ่นเก่าเอาไปหลอมละลาย แล้วก็เอามาเคลือบ แผ่นเสียงเนื้อเป็นครั่ง จะมีสีแดง ๆ เหมือนกับรักจีนเก่า แต่พอเคลือบลงไปแล้วไม่เหมือนรัก เพราะว่าจะแตกที่ผิว ถ้าเป็นรักจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกับเชือกที่ถัก

วัตถุมงคลต้องพิจารณาดี ๆ อย่าไปบูชาส่งเดชในเว็บต่าง ๆ เดี๋ยวนี้การปลอมโคตรเซียน ใครจะไปนึกว่าเขาสามารถปลอมรักจีนได้ ความจริงแล้วไม่ใช่รักจีน เขาไปเหมาซื้อแผ่นเสียงเก่า ๆ เอามาหลอมละลายแล้วก็เคลือบ"

เถรี
19-11-2018, 19:07
ถาม : ผมต้องทำมาหากินอะไรจึงจะดี ?
ตอบ : ไม่ต้องถาม ทำอะไรก็ได้ ขอให้ทำจริง ๆ เท่านั้นแหละ ส่วนใหญ่แล้วพวกเราใจร้อนใจเร็ว ลงทุนไปเรื่อยเปื่อย ทำอะไรก็ไม่อดทน อยู่ได้ไม่นาน ของบางอย่างจะต้องให้เขารู้ว่าเราทำอย่างนี้อยู่ระยะหนึ่ง เขาถึงจะเริ่มมาเป็นลูกค้า ไม่ใช่ว่า ๒ อาทิตย์ ๓ อาทิตย์ พอไม่ได้อย่างใจก็เลิก

เถรี
19-11-2018, 19:21
พระอาจารย์เล่าว่า "เขาบอกว่าวิชาพระพุทธประวัติ ถ้าได้ยินพระอาจารย์เล็กสอน เขาจะเลิกฟังคนอื่นสอนไปเลย อาตมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฟังแล้วได้อะไร ส่วนใหญ่แล้วพระอาจารย์ที่ไปสอนท่านลืมไปว่านี่คือการติว แปลว่า แค่ทบทวน ส่วนใหญ่แล้วไปตั้งหน้าตั้งตาสอน นักเรียนก็เบื่อ การติวก่อนสอบก็คือการทบทวนความรู้เดิม มีเกร็ดอะไรสนุก ๆ ก็แทรก ๆ เข้าไป

เมื่อวันอังคารเดินเข้าห้องเรียนปี ๓ เทอม ๒ วันแรก พวกเฮกันลั่น วิชาวิสุทธิมรรคศึกษาเป็นวิชาที่ไม่เคยได้เกรด B กันเลย มีแต่ C กับ D อาตมาไปนี่เฮกันใหญ่ นิสิตเขามั่นใจว่า ยากแค่ไหนพระอาจารย์เล็กก็ทำให้ง่ายได้"

เถรี
19-11-2018, 19:30
ถาม : หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ วันนี้ท่านพูดเรื่องตายเป็นเรื่องปกติ พูดหนักขึ้นเรื่อย ๆ ?
ตอบ : ท่านที่เตรียมตัวตายไม่ค่อยได้ตายหรอก

ถาม : อ้าว..หรือครับ ?
ตอบ : สังเกตไหมว่าท่านผ่องใสขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับว่าเป็นช่วงกำลังใจสุดท้ายของท่าน วางงานอื่นเอาแต่งานของตัวเองเท่านั้น สิ่งที่ศึกษาเล่าเรียนมาเต็มที่อยู่ในเวลาที่จะใช้งานจริง หลังจากที่ไปเอาเรื่องทางโลกเสียเยอะ

ดูหลวงป๋า (พระเทพญาณมงคล วิ. เสริมชัย ชยมงฺคโล) สิ อายุน้อยกว่าตั้งเยอะยังไปแล้ว อาตมาไปงานศพท่าน ขนาดไปถึง ๑๐ โมงครึ่ง แถวรดน้ำยาวเป็นกิโลเมตรแล้ว แต่ยังดีที่บรรดาผู้ช่วยเจ้าอาวาสหลายรูปคุ้นเคยกัน เป็นเพื่อนกัน เป็นศิษย์กัน พาตัดแถวเข้าไปเลย ด้วยความที่คุ้นเคยกันท่านก็เลยพาลัดเข้าไป จากที่ปกติไม่ให้ถ่ายรูปท่านก็ถ่ายให้เสียเอง รูปที่ได้อาตมาไม่ได้ถ่ายนะ ท่านถ่ายให้ บางรูปก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียนด้วยกันมา บางรูปก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเทศน์ อยู่กันมาสมัยที่ไปกราบหลวงป๋า คุ้นหน้าคุ้นตากันหมด

เถรี
19-11-2018, 20:08
พระเจดีย์ก็ยังไม่เสร็จ ถ้าพระเจดีย์เสร็จนี้เหมาะที่สุดเลย เอาไว้ตั้งศพของท่าน ครั้งสุดท้ายที่เจอท่านก็ปรารภว่า "ผมน่าจะไม่ได้อยู่ดูพระเจดีย์เสร็จ"

พระท่านบอกว่า หลวงป๋าท่านล้มแล้วก็ไปเฉย ๆ น่าจะหัวใจวาย ไม่ได้ลื่นล้มนะ ท่านบอกว่าเดิน ๆ อยู่ท่านก็ทรุดลงแล้วก็เงียบไปเลย ก็คงประมาณหัวใจวาย

ตอนที่นั่งฉันด้วยกัน เห็นท่านฉันพวกของหวานอะไรได้เป็นปกติ เรียนถามว่า "หลวงป๋าไม่มีโรคหรือครับ ?" ท่านบอกว่า "มีเบาหวานนิดหน่อย อย่างอื่นไม่มี ในเมื่อมีนิดหน่อยฉันได้ก็ฉัน" นิดหน่อยของท่านแสดงว่าอยู่ในระดับที่คุมได้

เถรี
20-11-2018, 19:05
ถาม : พระอาจารย์เข้ากรรมฐานที่ไหนครับ ?
ตอบ : ที่กุฏิเจ้าอาวาส เพราะที่กุฏิเจ้าอาวาสมีห้องน้ำ ปรากฏว่าวันที่ ๓ ลุกมาจะปัสสาวะ พอลุกขึ้นก็หน้ามืด เพิ่งจะรู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่ให้อดข้าวนานเพราะอย่างนี้ ร่างกายเราไม่ไหว พอลุกขึ้นหน้ามืดเลย ต้องรีบนั่งหายใจยาว ๆ ๓ - ๔ ครั้ง แล้วค่อยยืนใหม่ แสดงว่าน้ำตาลในเลือดต่ำมาก เพราะว่าปกติหลังเพลไม่เคยฉันน้ำหวานมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

ลองนึกดูว่าถ้าอยู่ตลอด ๗ วันแล้วลุกขึ้นมา สงสัยอยู่เหมือนกันว่าจะร่วงตึง ตอนช่วงเช้าเขาเอาอาหารมาให้ฉัน แต่กลับฉันได้ไม่มาก ทั้ง ๆ ที่ร่างกายก็หิวนะ ทันทีที่รับรสอาหารเข้าไป เพดานปากเจ็บไปหมดเลย เราลองนึกดูว่า ๗๐ กว่าชั่วโมงมีแต่ของเปล่า ๆ จืด ๆ อย่างน้ำเปล่า แล้วอยู่ ๆ เจออาหารมีรสเข้าไป เพดานปากจึงเจ็บ เจ็บเหมือนอย่างกับคนเป็นหวัด ประเภทหวัดมีเชื้อลงคอ ก็เลยฉันอะไรมากไม่ได้

เถรี
20-11-2018, 19:10
ถาม : ต้องเดินขึ้นเขาอีก ?
ตอบ : กว่าจะเดินรับบาตรหมด ต้องตั้งสติประคองตัวอยู่อย่างเดียวเลยว่า “อย่าล้ม ๆ” ปีนี้ตักบาตรเทโวฯ คนก็เยอะผิดปกติ แถวยาวมาถึงประตูศาลา ๑๐๐ ปีฯ ทางฝั่งโรงครัวแล้ว ปกติพอเลี้ยวตรงหน้ากุฏิเรือนไทยคนก็หมดแล้ว นี่ยาวเพิ่มมาอีก ๕๐ - ๖๐ เมตร คนมีแต่มากขึ้นทุกวัน ได้แต่ภาวนาว่าอย่าอยู่นานกว่านี้ ถ้าอยู่นานแล้วก็จะมีสภาพแบบนี้อีก

ถาม : พวกก็แช่งให้อยู่นาน ๆ อีก ?
ตอบ : เขาก็แช่งให้อยู่ ส่วนอาตมาก็อยากไป ปีนี้จะเขียนใบลาออกจากอาจารย์ประจำที่วัดไร่ขิง ให้เวลาเขาถึงสิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ ก็คือจะช่วยเขาสอนเทอมนี้อีกหนึ่งเทอมแล้วค่อยออก

เถรี
20-11-2018, 20:01
ถาม : ตอนนี้สอนที่ไหนบ้าง ?
ตอบ : ตอนนี้มีวัดไร่ขิงกับวัดใต้ วัดป่าเลไลยก์พอเขาย้ายไปที่วัดสระแก้ว อาตมาก็ไม่เอาแล้ว

ถาม : เหลือวัดใต้ที่เดียว ?
ตอบ : วัดใต้นี่จำเป็น พูดง่าย ๆ ก็คือว่าเป็นวัดจังหวัดในสังกัดตัวเอง ไม่ช่วยเขาก็ไม่ได้ แต่เหลือแค่นั้นก็เบาลงเยอะเลย

ถาม : สอนนี่คือบรรยายอย่างเดียวหรือครับ ?
ตอบ : ก็มีบรรยาย มอบงาน นั่งคุม ต้องกะเวลาให้พอดี บางทีก็เปิดโอกาสให้ซักถาม พอถามเมื่อไรก็นอกลู่นอกทางกันทันที ไม่ค่อยถามเรื่องที่เรียนกันหรอก

ถาม : ที่วัดใต้คนเรียนเยอะไหมครับ ?
ตอบ : ปีนี้อย่างห้องปริญญาตรีที่สอนวิสุทธิมรรค ๒๓ คน ก็เหลือ ๒๑ คน จะค่อย ๆ ลดน้อยไปเรื่อย ๆ เนื่องจากมี ๒ ปัญหาด้วยกัน ปัญหาแรกคือรู้ว่าตัวเองเรียนไม่ไหวแล้วก็เลิก ปัญหาที่ ๒ ก็คือไม่มีปัญญาจ่าย เพราะว่าตอนนี้ค่าเทอมของนิสิตแพงขึ้นมาเป็นเท่าตัวเลย

อย่างรุ่นผมตอนเรียนปริญญาตรี เทอมหนึ่งจะจ่ายประมาณ ๑,๘๐๐-๒,๐๐๐ บาท แต่รุ่นนี้ ๕,๐๐๐ กว่าบาท ปริญญาโทรุ่นผมจ่ายประมาณ ๑๖,๐๐๐ - ๑๘,๐๐๐ บาท รุ่นนี้เทอมหนึ่งเกือบ ๓๐,๐๐๐ บาท ปริญญาเอกได้ยินว่าขึ้นไปอีกแสนหนึ่งเป็น ๔๕๐,๐๐๐ บาท ขึ้นมากไปหน่อย

เถรี
20-11-2018, 20:05
เขาบอกว่าปรับตามที่กระทรวงอนุมัติ กระทรวงอนุมัตินี่เขาอนุมัติเพื่อมหาวิทยาลัยทั่วไป ซึ่งเขาจะอยู่ได้ด้วยการศึกษา แต่มหาวิทยาลัยสงฆ์นี่กึ่งการกุศล แล้วอยู่ ๆ ไปใช้ระบบอย่างนั้น ต่อไปนิสิตจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ

โดยเฉพาะเกณฑ์ประเมินของเขาที่ไปใช้เกณฑ์ทางโลกมาก พระเราพื้นฐานการศึกษาวิชาทางโลกมีน้อย ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียน ม. ๖ ตอนนี้กำหนดเอาไว้ว่า ปริญญาโทต้องมีคะแนนคอมพิวเตอร์ ๑๗๐ ต้องมี TOEFL ๓๐๐ ปริญญาโทด้วยนะ ปริญญาเอกเดี๋ยวนี้ใช้คะแนนคอมพิวเตอร์ ๒๒๐ TOEFL ๕๐๐ เทียบเท่านักเรียนต่างประเทศเลย ต้องบอกว่าใครจบก่อนนี้ถือว่าโชคดีไป เพราะกติกายากขึ้นเรื่อย ๆ

แรก ๆ นโยบายเพื่อช่วยเพิ่มความรู้ให้กับพระภิกษุสามเณร แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นว่าไปเตะสกัดพระภิกษุสามเณรไม่ให้มีความรู้ เพราะว่าค่าเทอมราคาแพง แล้วกติกาก็ยากขึ้นไปเรื่อย ๆ

เถรี
20-11-2018, 20:15
จะว่าไปแล้วกระทรวงเขาอนุมัติ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องตามเขาไปหมดทุกอย่าง ก่อนหน้านี้ก็ยังอยู่ได้ แล้วทำไมต้องขึ้นราคาไปขนาดนั้น ถ้าหากว่าลูกชาวบ้านจบ ป. ๖ จบ ม. ๓ จะมาต่อนี่ต้องคิดหนัก

ตอนนี้ผมแบกพระนักเรียนของทองผาภูมิทั้งอำเภอเลย ระดับประกาศนียบัตรหรือปริญญาตรีเบิกค่ารถที่ผมได้คนละ ๓,๐๐๐ บาทต่อเดือน ตอนแรกผมตั้งใจแค่หานิสิตระดับประกาศนียบัตรไปให้เขา บอกว่าถ้าใครเรียนผมช่วยค่ารถเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท ก็เท่ากับว่าอาทิตย์ละประมาณ ๗๕๐ บาท ซึ่งจะมีเหลือ คราวนี้เจ้าคณะอำเภอท่านมีลูกศิษย์เรียนปริญญาตรีอยู่ ท่านบอกว่าขอปริญญาตรีด้วยสิ เอ้า..เขาอยากได้ก็ให้เขาไป ตอนนี้เลยกลายเป็นต้องแบกพระนอกวัดไป ๑๑ - ๑๒ รูป

ถาม : เดือนหนึ่งเป็นล้านหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ตอนนี้เดือนหนึ่งเฉลี่ยประมาณ ๒ แสนกว่าบาท ถ้าค่าเทอมออกก็ ๗ - ๘ แสนถึงหนึ่งล้านบาท

เถรี
20-11-2018, 20:25
นิสิตหลายคนเขาบอกว่า "ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรงจนผมเรียนจบนะครับ" ...(หัวเราะ).... เขากลัวว่าจะจ่ายไม่ไหว แล้วผมก็ไม่รับกิจนิมนต์ที่ตรงกับเวลาเรียนเวลาสอนด้วย เอาเฉพาะที่ปฏิเสธไม่ได้กับที่ตรงนี้ (บ้านเติมบุญ) นอกจากนั้นถ้าเรื่องการเรียนการสอนนี่ผมเทให้หมด ผมจะไม่เอาเวลาเรียนเวลาสอนมายุ่งกับกิจนิมนต์เลย

ถึงเวลาวันเรียนปกติ ๙ โมง พอ ๘ โมงผมไปนั่งรอแล้ว ถ้านิสิตมาถึงเร็วให้ผมสอนก่อน ผมก็ปล่อยเลิกก่อนเวลา เวลาสอนบ่ายโมง ไม่เกินเที่ยงครึ่งผมไปนั่งรอแล้ว บางคนเขาบอกว่า ที่เขาเรียนอยู่ได้นี่เพราะพระอาจารย์เล็กนะครับ ถามว่าทำไม ? เขาบอกว่าส่วนใหญ่พวกผมมาไกล อย่างห้วยกะเจา เลาขวัญ ทองผาภูมิ ไทรโยค กว่าจะมาถึงนั่งรถตั้งหลายชั่วโมง มาแล้วปรากฏว่าอาจารย์ไปกิจนิมนต์ไม่เข้าสอน ยังดีว่าถ้าถึงชั่วโมงของผมเมื่อไร ผมจะไปนั่งรอก่อน เขาจึงมีกำลังใจที่จะเรียน แต่คราวนี้จะไปตำหนิอาจารย์ท่านอื่นก็ไม่ได้ เพราะถ้าท่านไม่มีตรงนั้นก็จะไม่มีรายได้

เถรี
20-11-2018, 20:40
ถาม : บางวัดดรอปเรียนไปหลายคน ?
ตอบ : พอทุกอย่างแพงขึ้น เป็นเงินเป็นทองขึ้น ส่วนหนึ่งเขาก็ไม่ไหวกัน ผมเองก็คิดว่าคงช่วยได้แค่นี้แหละ คุณมีปัญญาก็ต้องหาเพิ่มเองบ้าง

ตอนนี้มีเจ้าคณะตำบลมา “พระอาจารย์เล็กผมจะเรียนต่อ ช่วยส่งผมด้วยนะ” บอกท่านว่า "เอาสิ...สมัครเมื่อไรมาบอกผมก็แล้วกัน"

ช่วงเจ้าคณะอำเภอเก่าวัดเหมืองปิล็อก ที่ผมให้มาอยู่วัดทองผาภูมิแทนผม นั่นท่านเองก็ไปเรียน ป.บส.นะ แล้วก็มีเจ้าคณะตำบลไปเรียนอยู่ ๒ รูป คราวนี้พอรุ่นถัด ๆ มาก็มีมาเรียน เพราะรู้ว่าผมอยู่ ทุกอย่างจะสะดวก ก็เลยกลายเป็นว่าเริ่มสนใจเรื่องการเรียนกันมากขึ้น โดยเฉพาะเจ้าคณะอำเภอใหม่นี่สุดยอดมากเลย เจ้าอาวาสใหม่กับเลขานุการเจ้าคณะตำบลนี่ ท่านตั้งพวกเรียน มจร.หมดเลย

ถามว่ามีนโยบายอย่างไร ? ท่านว่าจะได้มาช่วยเราเพราะว่าเขามีความรู้ พวกเลขานุการชุดนี้ด้วยความที่เขาผูกพันกันตั้งแต่เรียนมาห้องเดียวกัน รุ่นเดียวกัน จึงรวมกันเป็นทีมหนาแน่นมาก ถึงเวลามีงานที่ไหน กองงานเลขานุการแห่ไปช่วย ๑๒ รูป แล้วก็จะมีรูปที่ ๑๓ ของวัดท่าขนุนไปด้วย เพราะว่าของผมนี่เลขาฯ ตำบลกับเลขาฯ วัดไปด้วย รวมกันเป็นทีมเลย เพราะว่าเรียนมาด้วยกัน ทำให้งานคณะสงฆ์ไปง่าย แล้วทุกอย่างดูดี เพราะว่าสามัคคีกลมเกลียวกัน

เถรี
20-11-2018, 20:46
เวลาไปไหน อำเภอ รองอำเภอ ตำบล ไปกันเป็นแผง อำเภออื่นเขาอิจฉากัน เขาถามว่าทำไม ? อ๋อ...พวกเราไม่แย่งตำแหน่งกันครับ มีคนถามทำไมพระอาจารย์เล็กไม่เอาตำแหน่งเสียเอง ? บอกว่าจะรีบไปทำไม ? วัดเขื่อนฯ ท่านอายุ ๗๐ กว่าจะ ๘๐ ปีแล้ว ต่อให้ท่านเป็นจนเกษียณ ผมยังอายุไม่เท่ากับท่านตอนนี้เลย

ในเมื่อพวกเราไม่แย่งกัน นอกจากเขาเกรงใจแล้ว ยังได้ใจเขาด้วย ถึงเวลาไปไหนไปกัน ช่วยกันเต็มที่ พอมีตัวอย่างดี ๆ รุ่นหลังเขาก็ทำตามเอง ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยจะสามัคคีกัน เพราะเขาไปแย่งตำแหน่งกัน พวกเราทำตัวอย่างให้เขาดู ไปไหนท่านเจ้าคุณปัญญา (เจ้าคณะจังหวัด) ท่านก็ชม “ดูนั่นสิ อำเภอ รองอำเภอ ตำบล เขามาพร้อมกันเลย ที่อื่นเขาต่างคนต่างมาอย่างกับพม่าแตกทัพ”

เถรี
20-11-2018, 20:55
ถ้าเป็นงานคณะสงฆ์แล้วพวกเราเทใจให้ โดยเฉพาะเรื่องเงินนี่ไม่หวง ถ้ารู้ว่าเพื่อช่วยส่วนรวมนี่พวกเราเต็มที่ ยังบอกทางอำเภอเลยว่า การก่อสร้างต่าง ๆ ของผมจะเสร็จแล้ว เหลือพิพิธภัณฑ์อย่างเดียว ถ้าพิพิธภัณฑ์เสร็จ ผมจะหากองทุนบริหารคณะสงฆ์ให้ จะได้ไม่ต้องมาเรี่ยไรกันทีละงาน ๆ

เถรี
20-11-2018, 20:59
พูดถึงพิพิธภัณฑ์ "พิพิธภัณฑ์ก็รอชลทิต นั่นกำลังเป็นพ่อลูกอ่อนอยู่ บอกว่ารอให้เมียแข็งแรงก่อนแล้วค่อยมา ดูท่าแล้วเขาน่าจะเริ่มงานตอนปีใหม่

งานผมก็เลยช้าไป ๒ ปีเพราะว่าช่วงนั้นเขาระดมช่างไปทำพระเมรุมาศกันหมดเลย โอ้โฮ...ดูแล้วโหดมาก ลองนึกถึงว่ามณฑปตั้งพระทองคำของผมใช้เวลา ๑๘ เดือน ก็คือปีครึ่ง แต่พระเมรุมาศใหญ่กว่าไม่รู้กี่สิบเท่า เขาให้เวลาแค่ ๙ เดือน พวกช่างทุ่มเทจนกระทั่งหมดเรี่ยวหมดแรง หมดทั้งกำลังกาย หมดทั้งกำลังใจ เขาขอพักยาวเลย

เขาโดนบังคับรีดจนหมดใจจริง ๆ ยังดีว่าเป็นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ใคร ๆ ก็เต็มใจทำ ท่านอาจารย์ รศ. ภิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติก็บอกว่า “อาจารย์...จะใช้อะไรผมรีบใช้นะ ผม ๘๐ กว่าแล้ว เดี๋ยวไม่ได้อยู่ช่วย”

เถรี
20-11-2018, 21:34
ถาม : (ขึ้นทะเบียนหมา)
ตอบ : ถ้าวัดท่าขนุนต้องขึ้นทะเบียนนี่ ๒ แสนกว่าบาท ตัวละ ๔๕๐ บาท ขึ้นทะเบียนทีหนึ่งหมด ๒ แสนกว่า...ตายกันพอดี ผมกลัวอย่างเดียวว่าของที่เขาเอามาจะไม่ได้คุณภาพ โดยเฉพาะเครื่องติดตามตัว ถ้าไปเอาประเภทห่วย ๆ ๓ เดือน ๖ เดือนหมดอายุมา ราคาถูก ๆ แล้วก็มาปล่อยในราคา ๓๐๐ บาท

เขาบอกว่าเครื่องติดตามตัว ๓๐๐ บาท ทะเบียน ๑๐๐ บาท แล้วก็อะไรอีก ๕๐ บาทก็ไม่รู้ ถ้าตรงไปตรงมาอย่างแถวยุโรปก็ไม่เป็นไร แต่บ้านเราไม่ค่อยจะตรงไปตรงมา กฎหมายใหม่ออกมาเมื่อไรก็เอื้อประโยชน์เขาทั้งนั้น

เถรี
20-11-2018, 21:51
ถาม : พระอยู่กันยากสมัยนี้ ?
ตอบ : ถึงอยู่ยากก็ต้องอยู่ให้ได้ ขอให้มั่นใจว่าหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นของจริง เป็นของแท้ ถ้าตั้งใจทำก็จะได้ผลดีทุกคน ต้องบอกว่าเขาบังคับให้เราดี เพราะถ้าหากว่าไม่ทำตามแล้วก็จะอยู่ไม่ได้

เถรี
20-11-2018, 22:12
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คืออากาศหนาวมาเร็ว อากาศหนาวมาเร็วแปลว่าจะแล้งนาน น่ากลัวมาก ถ้าบริหารน้ำไม่ดีมีสิทธิ์เดือดร้อนกันทั้งประเทศ ทองผาภูมิเมื่อวานนี้ ๑๗.๕ องศาเซลเซียส เมื่อครู่เขาส่งรูปถ่ายมาให้ดูลงไปที่ ๑๔.๑ องศาเซลเซียส"

ถาม : ที่เกาะพระฤๅษีน่าจะเย็นกว่า ?
ตอบ : ที่เกาะพระฤๅษีมักจะเย็นกว่าข้างนอกประมาณ ๓ องศาเซลเซียส

เถรี
20-11-2018, 22:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "ฝรั่งเขาบอกว่า Money gives us something we can really trust. เขาบอกว่า เงินเป็นสิ่งที่ทำให้มีบางอย่างที่เราเชื่อได้อย่างแท้จริง พูดง่าย ๆ ว่าเขาไม่ได้เชื่อคน เขาเชื่อเงิน..!

แต่ถ้าหากว่าเราดูคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ที่เฮลิคอปเตอร์ตกเสียชีวิต จะเห็นถึงความไม่เที่ยงของชีวิตว่าเป็นอย่างไร รวยแสนรวย ท้ายสุดก็ต้องตาย คุณวิชัยบูชาพระสมเด็จวัดระฆังที่แพงที่สุดในประเทศไทย มีเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวที่ถือว่ารุ่นใหม่จริง ๆ เราลองคิดดูว่า...ถึงเวลาวาระกรรมเกิดขึ้น ทางด้านเจ้าหน้าที่การบินเขาสันนิษฐานว่า มีนกบินไปชนใบพัดท้ายพอดี นกก็คงไม่ได้เจตนาที่จะชนหรอก เขาก็บินปกติของเขา เพียงแต่เฮลิคอปเตอร์ลอยไปขวางทางบินของเขาพอดี ไม่ต้องตัวใหญ่หรอก ถึงจะตัวเล็กแค่ไหนหลุดเข้าไปก็เป็นเรื่องทั้งนั้น

ของพวกนี้อ่อนไหวมาก กระทบหน่อยเดียวก็เป็นเรื่อง โดยเฉพาะใบพัดท้ายเป็นตัวบังคับการทรงตัว ใบพัดใหญ่นั่นช่วยในการยกตัว ใบพัดเล็กบังคับการทรงตัว คราวนี้ไปชนใบพัดเล็กเข้าเลยทรงตัวไม่อยู่ เดี๋ยวต้องรอเขาเก็บหลักฐานก่อน ถ้าบริเวณนั้นมีขนนกหล่น ๆ อยู่บ้างก็น่าจะใช่

คุณวิชัยสร้างชื่อประเทศไทยให้คนรู้จักทั่วโลก จากทีมฟุตบอลจิ้งจอกสยาม ที่ประเภทสุดกู่ปลายตะโกนจนกระทั่งได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอง"

เถรี
20-11-2018, 22:30
พูดถึงการต่อแถวบูชาแผ่นยันต์เกราะเพชร "มาตั้งแถวรอตั้งแต่เช้ามืด พอเปิดบ้านก็เดินเข้ามา เสร็จแล้วก็เอารองเท้าวางจองไว้ แบบที่เขาทำกันในโรงพยาบาล เขาเอารองเท้าวางจองกันจริง ๆ นะ แถวยาวยืดเลย ตัวไปกินข้าวกัน ก็เอารองเท้าวางจองคิวไว้ อาตมาเห็นแล้วก็ขำ ๆ เออ...สมัยนี้เรามีวัฒนธรรมมาก รองเท้าเข้าแถวเป็นระเบียบ ตัวไปกินข้าวที่ไหนก็ไม่รู้ ?

ไปนึกถึงสมัยที่อาตมาเขียนยันต์กันโรคระบาดของท่านท้าวเวสสุวรรณ ตอนนั้นเป็นช่วงต้น ๆ ของบ้านอนุสาวรีย์ฯ พวกเล่นมานอนรอหน้าห้องเลย โอ้โฮ...ลงทุนมากไปหรือเปล่า ? คนเขียนยังเขียนไม่ทันจะเสร็จเลย คนบูชามานอนรอแล้ว"

เถรี
20-11-2018, 22:39
ถาม : แผ่นยันต์มีเนื้ออะไรบ้างครับ ?
ตอบ : มีทองเหลือง ทองแดง ทองทิพย์ เงิน ทองคำอีกนิดหนึ่ง เพราะว่ารวบรวมทองคำไว้แล้วทำมาได้แค่ ๒๐๐ กว่าแผ่น

ถาม : ๒๐๐ กว่าแผ่น ?
ตอบ : ไม่มีมากกว่านั้น ตอนนี้เนื้ออื่น ๆ แผ่นใหญ่ยังทำไม่เสร็จเลย หน้ากว้างเกินไป ก็คือแผ่นใหญ่ถ้าเราขยายไปประมาณ ๑ เซนติเมตร แต่กลายเป็นว่าใหญ่กว่าแผ่นเล็กประมาณ ๔ เท่า

ลองไปนึกถึงตอนที่อาตมาขยายหน้าตักพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ เซนติเมตร เขาบอกว่าถ้าหน้าตักใหญ่กว่านี้สัก ๑ เซนติเมตรจะสวยมาก ปรากฏพอขยายอีก ๑ เซนติเมตร เป็น ๓ เซนติเมตร ขนาดใหญ่กว่าเดิมเป็น ๑๐ เท่า ก็ไม่นึกว่าขยายเซนติเมตรเดียวจะใหญ่ได้ขนาดนั้น

หมวยนี้เอาไปทำมาแล้ว เขาเลี่ยมบาง ๆ น่ารักมาก แขวนคอเป็นพระก็ได้ ม้วนเป็นตะกรุดใส่กระเป๋าสตางค์ก็ได้ ถึงเวลาไปเจองานหล่อพระที่ไหนก็หย่อนลงไปแผ่นหนึ่ง ได้บุญด้วย พระของเขาก็ขลังขึ้นด้วย

เถรี
20-11-2018, 22:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาคอยเตือนพระเตือนเณรอยู่เรื่อยว่า ถึงเวลาคุณบวชนานไป ไม่รู้ว่าชาวบ้านเขาลำบากกันอย่างไร อย่ากินทิ้งกินขว้าง รู้ไหมว่าอาหารเขาใส่บาตรมาชุดหนึ่ง ๕๐ - ๖๐ บาท ทั้ง ๆ ที่มีแค่ข้าวถุงหนึ่ง กับถุงหนึ่ง น้ำถ้วยหนึ่งแค่นั้น"

เถรี
20-11-2018, 22:50
พูดถึงวัตถุมงคล "เดี๋ยวนี้วัดอื่นเขาสร้างกันเต็มที่ก็ ๒,๐๐๐ ชิ้น แล้วเราบังอาจเล่นเป็นหมื่นชิ้น ถ้าไม่ใช่พระท่านสงเคราะห์ก็อย่าหวังเลยว่าจะจำหน่ายหมด น่าจะอยู่ไปหลายปี"

ถาม : เหรียญรอยพระพุทธบาทจำหน่ายถล่มทลายเลย ?
ตอบ : ทำให้เห็นว่าสิ่งที่ท่านตั้งใจสงเคราะห์จริง ๆ ราคาไม่ต้องสูงหรอก

ถาม : เขาว่าเหรียญสวยขนาดนี้ สองร้อยก็ได้ด้วยหรือ ?
ตอบ : ที่อื่นไม่ได้ แต่ของเราได้ เราขอให้ได้ทุนคืนก็พอ

เถรี
23-11-2018, 08:56
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยอาตมาเด็ก ๆ เวลาไปวัด ก็ไม่รู้ว่าทำไมชอบไปวัด รู้แต่ว่าเย็น นอนสบาย โดยที่ไม่รู้ว่าเวลาที่อยู่วัด กระแสความดีซึ่งเย็นทำให้ใจสงบ ก็แปลกใจว่าไปวัดทีไรหลับทุกที เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ สถานที่ซึ่งมีคนทำความดีเยอะ ๆ กระแสความดีมีมาก เข้าไปแล้วก็สบายใจ"

เถรี
23-11-2018, 08:57
พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราส่วนใหญ่จะไปนึกถึงท่านท้าวเวสสุวรรณในฐานะหัวหน้าเทวดา แล้วก็ภูตบดี หรือ ภูเตศวร คือหัวหน้าของผีทั้งหมด โดยที่ลืมไปว่าท่านมีอีกนามหนึ่งก็คือ ธนบดี เจ้าแห่งขุมทรัพย์ เพราะว่าท่านเป็นหัวหน้าเทวดาชั้นจาตุมหาราช ซึ่งเทวดาชั้นจาตุมหาราชมีหน้าที่ดูแลขุมทรัพย์ทั้งโลก เวลาบูชาท่านก็นึกถึงท่านให้ครบทุกด้าน เดี๋ยวจะได้ไม่ครบ"

เถรี
23-11-2018, 09:00
พระอาจารย์กล่าวว่า “พอเห็นเด็กเรียนยาก ๆ แล้วอาตมาก็งงว่า ตั้งแต่เด็กอาตมาไม่เคยเรียนอะไรยากเลย เห็นคนอื่นเขาทุกข์ทรมานกับการเรียนแล้ว อาตมาก็งงว่าตกลงเราเป็นตัวอะไร ? ปริญญาเอกเขาให้เรียน ๓ ปี อาตมาก็เรียนไม่เต็มเวลากับเขา ปริญญาโทยิ่งหนักใหญ่เลย ต่ำสุด ๒ ปีอาตมาได้เรียนแค่ ๑๓ เดือน ปริญญาตรี ๔ ปี แต่เรียน ๒ ปี ๑๑ เดือน ความจริงแค่ ๒ ปีครึ่งเท่านั้นแหละ แต่คราวนี้ติดพันช่วยเหลือเพื่อนอยู่ เลยเป็น ๒ ปี ๑๑ เดือน ไม่เคยเจอของยาก ก็เลยไม่รู้ว่าทำไมเด็กสมัยนี้เรียนอะไรยากมาก

เรียนปริญญาโทได้ ๑๐ เดือน จะขอสอบจบวิทยานิพนธ์ ท่านอาจารย์บอกว่าถ้าไม่ครบ ๒ ปี สกอ.เขาไม่ให้จบ เป็นระเบียบของมหาวิทยาลัยที่ต้องระบุเอาไว้ พอดีน้ำท่วมเลื่อนเวลาสอบไปอีก ๓ เดือน ได้เป็นเลข ๒ ปี พ.ศ. ก็เลยจบได้ ดีเหมือนกัน แสดงว่าไม่จำเป็นต้องจบตามเวลาจริง ๆ เอาให้ได้ ๒ เลข พ.ศ. ก็จบได้แล้ว

สุนทรภู่ท่านบอกว่า จะเรียนร่ำทำอะไรไม่ลำบาก มียอดยากอยู่อย่างเดียวเกี้ยวผู้หญิง ดูท่าจะจริง ท้ายสุดก็เลยต้องมาบวชเพราะว่าทำแบบนั้นไม่เป็น”

เถรี
23-11-2018, 09:35
มีโยมมาถวายสังฆทาน พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อเดือนที่แล้วหายไปไหน ? คิดว่าจำไม่ได้ใช่ไหม ? เห็นหลวงพ่อนั่งก้มหน้าก้มตาทั้งวันเลยคิดว่าจำไม่ได้หรือ ? ตูจะจำหรือเปล่าเท่านั้นเอง..!

คนเขาสงสัยว่าคนเป็นพันจำได้อย่างไร บอกไปว่าจำคนเดียว ก็คือจำคนใหม่ ถ้าจำคนใหม่คนเดียวก็จบแล้ว เพราะว่าคนเก่าก็จำได้แล้ว หลักการจำก็ง่าย ๆ แค่นี้แหละ”

เถรี
23-11-2018, 09:36
ถาม : โยมทำสังฆทานแก้บนค่ะ เคยบนไว้หลายที่ขอให้สำเร็จ พอตอนนี้สำเร็จแล้วลืมว่าบนใครบ้าง ?
ตอบ : นึกถึงใครก็ตามที่เราเคยบนนั่นแหละ ขอให้ท่านมาโมทนา คราวหน้าก็ช่วยจำให้แม่น ๆ หน่อย

เถรี
23-11-2018, 09:37
พระอาจารย์กล่าวว่า “เดี๋ยวอาตมาจะลองขอพระท่านดูว่า จะสร้างพระแบบหลวงพ่อทรง วัดศาลาดินได้ไหม ? หลวงพ่อทรงท่านมีพระนักธรรม ให้เด็กแขวนแล้วเรียนเก่ง หรือไม่ก็มีตะกรุดอ้อป่อง ที่ช่วยให้ปัญญาดี แต่ตะกรุดแบบนี้อาตมาไม่เคยเรียนมา เลยทำไม่เป็น”

เถรี
23-11-2018, 22:37
พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ท่านเป็นพระดีกลางกรุง ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านแนะนำให้พวกเราไปกราบไปไหว้ ไปขอหลักธรรมการปฏิบัติจากท่าน

อาตมาเองสนิทสนมคุ้นเคยกับท่านตั้งแต่อาตมายังเป็นฆราวาส เวลาท่านไปวัดท่าซุงก็มีหน้าที่ต้อนรับขับสู้ คอยอุปัฏฐากรับใช้ ที่แน่ ๆ ก็คือเคยขโมยรองเท้าของท่าน จะเรียกว่าขโมยก็ไม่ได้หรอก เอาของใหม่ไปเปลี่ยน เอาของเก่าของท่านมาเก็บไว้บูชา ปรากฏว่าของใหม่ท่านใส่ไม่ถนัด หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านถนัดยี่ห้อบาจา อาตมาเอาตราอูฐไปอย่างดี ท่านกลับใส่ไม่ถนัด

ถึงเวลาท่านไปวัดท่าซุง ในสมัยที่ท่านยังเป็นเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์อยู่ หลวงพ่อวัดท่าซุงก็ให้อาตมาพาท่านไปพักที่ห้องพักของท่าน แล้วก็อนุญาตว่าให้นอนบนเตียงของท่านได้ อาตมาก็จัดเตียงให้อย่างดี พอไปถึงหลวงพ่อท่านลากผ้านวมลงไปนอนอยู่กับพื้น กราบเรียนท่านว่า “นิมนต์นอนข้างบนครับ หลวงพ่อวัดท่าซุงอนุญาตแล้ว” ท่านบอกว่า “เตียงของพระอรหันต์ระดับหลวงพ่อวัดท่าซุง มิบังอาจนอน” ท่านบอกชัดมาก

ก็ไม่เห็นท่านนอนอะไร ท่านแค่ตะแคงตัวแบบสีหไสยาสน์ จับอารมณ์ภาวนา ประมาณสักครึ่งชั่วโมงท่านก็ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำ เตรียมตัวออกไปงาน ไม่ได้เห็นท่านพักนาน แต่ลักษณะการพักในสมาธิแบบนั้น เหมือนอย่างกับคนอื่นได้นอนเป็นวัน"

เถรี
23-11-2018, 22:44
"พอบวชเข้ามาอาตมาก็ยังคงทำหน้าที่เดิม แล้วก็ไปกราบท่านที่วัดสระเกศ ท่านบอกว่าให้มาอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง คำว่ามาอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้งก็คืออยู่ในลักษณะที่ให้พรไว้ เมื่อถึงเวลาสามารถเข้าไปรบกวนท่านได้ทุกเวลา อาตมาเองก็ไปสม่ำเสมอ จนกระทั่งท่านป่วยหนักถึงได้งดไป

ตอนนั้นพระครูปลัดสุวัฒนสิทธิคุณ หรือ ท่านเจ้าคุณปิง ท่านบอกว่า “พระอาจารย์ครับ หลวงพ่อสมเด็จฯ ถามหา ว่าทำไมเดือนนี้ไม่มา ?” อาตมาแจ้งว่า "เห็นว่าหลวงพ่อป่วย ไม่กล้าไปรบกวน ก็เลยงดเว้นไม่ไป" ท่านบอกว่าให้ไปตามปกติ อาตมาเองเป็นคนขี้เกรงใจ โดยเฉพาะเกรงใจพระแก่ เกรงใจพระป่วย ก็เลยดื้อไม่ไป เพราะว่าถ้าไปท่านก็ต้องเสียเวลามาคุย เสียเวลาพักผ่อนของท่าน

ท่านประทานพระนาคปรกขนาด ๙ นิ้วให้ ๑ องค์ ซึ่งเป็นต้นแบบพระพุทธรูปพระนาคปรกของวัดท่าขนุน ท่านบอกว่า “คุณอยู่ป่าอยู่ดงใช้พระอย่างนี้ดีกว่า” บางครั้งอาตมามาป่วยหนักไป ท่านก็เมตตาบอกว่า “แม้ว่างานศาสนาสำคัญ แต่สุขภาพก็สำคัญนะ แต่ร่างกายนั้นช่างเถอะ สภาพจิตยังแรงยังเร็วแบบนี้ยังใช้งานได้ดีอยู่” เผลอเมื่อไรโดนท่านดูหมด"

เถรี
23-11-2018, 22:48
"ท่านเจ้าคุณปิงตอนนั้นยังเป็นพระกวีศิลป์อยู่ แล้วก็มาเป็นพระมหากวีศิลป์ ท่านก็งง ๆ ว่าหลวงพ่อสมเด็จฯ คุยอะไรกับพระอาจารย์ พูดรู้เรื่องกันแค่สองคน

เห็นหนังสือมีรูปท่านแล้วก็นึกถึงท่าน โดยเฉพาะคำสอนท่านที่ได้ใช้แบบประจำเลย ก็คือเรื่องเตือนในการทำบุญ ท่านบอกว่า “ศรัทธานั้นดี แต่ต้องมีปัญญาประกอบด้วย” ฟังแล้วสะดุ้งกันบ้างไหม ? ก็คือส่วนใหญ่แล้วพวกเรามีศรัทธากันอย่างเดียว ไม่ได้มีปัญญาประกอบ ตอนนั้นที่ท่านเตือนก็เพราะว่า แย่งกันเข้าไปถวายเงินถวายทองร่วมหล่อพระ แล้วมีเตาหลอมร้อน ๆ อยู่ใกล้ ๆ ถ้าใครล้มใส่สักคนก็เป็นเรื่องเลย ท่านจึงเมตตาเตือน

ครูบาอาจารย์บางทีท่านเตือน ท่านพูด แล้วเราก็ปล่อยผ่านหูไป แบบเดียวกับหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ ท่านไม่ได้เหมือนอาตมาหรอก หลวงปู่ท่านเมตตามาก ญาติโยมเข้าทำบุญกับท่าน ใครมาทางทิศไหนท่านก็รับเขาหมด จึงกลายเป็นว่าไปประดังอยู่ตรงหน้าท่าน คนขวาก็จะออกซ้าย คนซ้ายก็จะออกขวา เบียดกันอยู่ตรงนั้น

หลวงปู่ท่านบอกว่า “ข้ามน้ำหื้อผ่อคนนำเน้อ” ฟังกันไม่รู้เรื่องหรอก ท่านบอกว่าข้ามน้ำให้ดูคนนำ เขานำไปทางไหนให้ไปทางนั้น มาจากในพระไตรปิฎกที่ว่า "ฝูงโคข้ามลำน้ำ โคจ่าฝูงนำไปทิศไหน โคทั้งหลายก็ตามไปทิศนั้น" เพราะฉะนั้น..คนเป็นผู้นำก็ต้องระมัดระวังตัวเองให้จงหนัก เพราะว่าอาจจะนำเขาผิดทางได้

คราวนี้ญาติโยมไม่ได้ดูว่าคนหน้าเขาออกซ้าย เราจะไปซ้ายตาม หรือคนหน้าออกขวา เราจะได้ขวาตาม นี่คนซ้ายไปขวา คนขวาจะไปซ้าย ที่ข้างหลังก็เบียดเข้ามา จึงไปประดังกันอยู่ตรงหน้าท่าน ออกไม่ได้ บางทีครูบาอาจารย์ท่านบอกอะไรแล้วพวกเราก็ไม่ได้ฟัง ปล่อยให้ผ่านหูไปเฉย ๆ"

เถรี
23-11-2018, 22:53
"พูดถึงหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ อาตมาเคยได้รับนิมนต์จากหลวงพ่อเจ้าคุณพระพรหมสิทธิ ให้ไปเสกรูปเหมือนของหลวงพ่อสมเด็จฯ อยู่รุ่นหนึ่ง ลองไปเสาะหากันดูว่ายังพอเหลืออยู่บ้างไหม ?

ต้องบอกว่างานใหญ่ ๆ ครูบาอาจารย์มากต่อมากด้วยกัน ถึงเวลาอาตมาไปก็อาศัยพึ่งพิงซึ่งกันและกัน ผู้ใหญ่ประคองผู้น้อย ผู้น้อยติดตามผู้ใหญ่ งานก็บรรลุไปได้โดยง่าย โดยเฉพาะถ้าเป็นหลวงปู่ฟู วัดบางสมัคร นี่สบายใจมาก นั่งภาวนาด้วยกัน ถึงเวลาก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกัน มองหน้ากันท่านก็พยักหน้าให้ บอกว่า “เต็มแล้ว..ไปกันเถอะ” ...(หัวเราะ)...

เป็นเรื่องแปลกดีเหมือนกันทั้ง ๆ ที่มาคนละสายวิชา ท่านมาทางสายตะวันออก อาตมาสายภาคกลาง แต่ท่านรู้เสียยิ่งกว่ารู้อีก พอถึงเวลาพระท่านบอกว่าเต็มแล้วให้เลิกได้ หลวงปู่ฟูก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกันเลย

ตอนนี้เสียดายหลวงปู่แขกที่เพิ่งมรณภาพไป เคยร่วมงานกัน ๒-๓ ครั้ง หลวงปู่แขกถึงเวลาปีติขึ้น ท่านถึงขนาดเด้งจากธรรมาสน์ลงไปที่พื้นเลย ปัจจุบันนี้มีอีกรูปหนึ่งก็คือหลวงปู่ชุบ วัดวังกระแจะ ลูกศิษย์ต้องคอยกดเอาไว้ ไม่อย่างนั้นพอสมาธิถึงระดับ ก็จะเริ่มกระโดดโลดเต้น เพราะว่าปีติเกิด

ถามว่าสมาธิไม่เป็นฌานจะเสกของขลังหรือ ? ต้องบอกว่าขลังมาก เพราะว่าการเสกของให้ขลังหรือว่าการใช้คาถาให้ได้ผล จะเริ่มได้ผลตอนปีติ เพราะว่าสมาธิจะเริ่มทรงตัว เราจะเห็นว่า ครูบาอาจารย์หลายท่านที่เราตื่นเต้นกัน สมาธิท่านไม่ได้สูงมาก แต่ความชำนาญในการเข้าสมาธิในระดับนั้น ๆ และความมั่นใจในหลักวิชาการ ในเวทมนตร์คาถาที่ท่านเรียนมา ทำให้ท่านเสกอะไรก็ขลัง

อาตมาเองยังภูมิใจว่าตัวเองเป็นคนขี้เกียจ ถึงเวลาถ้าพระท่านสงเคราะห์อาตมาก็นั่งหลับ ถ้าหากว่าท่านสั่งให้ตั้งธาตุ หนุนธาตุ ปลุกธาตุแล้ว โอ๊ย..เหนื่อย นาน ๆ ท่านจะสั่งที ส่วนใหญ่จะเป็นของประเภทที่ไม่ใช่รูปพระ"

เถรี
23-11-2018, 22:58
พระอาจารย์กล่าวว่า "ควายเผือกที่เขาเอามาทำวัตถุมงคล ส่วนใหญ่แล้วเป็นควายเผือกที่ถูกฟ้าผ่าตาย บางทีต้องบอกว่าเคราะห์หามยามดี เลี้ยงควายอยู่กลางทุ่ง ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาตายเป็น ๑๐ ตัวเลย เขาก็จะไปเลือกเอาเฉพาะควายเผือก ตัดเขามา แต่ถ้าเป็นหลวงพ่อหม่น วัดคลองสิบสอง ท่านเอาหนังด้วย เอาหนังมาทำพระสมเด็จกับทำตะกรุด เพราะว่าควายเผือกเป็นควายที่หายากกว่าควายดำหลายเท่า แล้วโดนฟ้าผ่าถือว่าได้รับพลังงานจากฟ้า เป็นสิ่งที่เทพประทานอำนาจมาให้ สามารถล้างอาถรรพ์และป้องกันภูตผีปิศาจได้

มีหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก จังหวัดเพชรบุรี ที่ท่านทำพระขรรค์จากเขาควายเผือกโด่งดังมาก ล้างอาถรรพ์ได้ทุกอย่าง พวกเสือสมัยก่อนที่เหนียวนักเหนียวหนานี่กลัวพระขรรค์หลวงพ่อโสกมาก ไม่ได้กลัวพระขรรค์เล่มเล็ก ๆ เท่านิ้วก้อยนะ แต่เขากลัวว่า ถ้าเอาพระขรรค์ไปใส่ไว้ในปืนลูกซองแล้วยิง ต่อให้เหนียวแค่ไหนก็ยุ่ยเป็นหยวกกล้วย

หลวงพ่อโสกท่านทำพระขรรค์ กริช กระบองท้าวเวสสุวรรณ อันจิ๋ว ๆ ทั้งนั้นเลย ยาวที่สุดที่เคยเจอก็ประมาณ ๔ นิ้วครึ่งถึง ๕ นิ้ว แล้วก็มีแผ่นยันต์เขาควายเผือก มีปลัดขิก แต่ละอย่างลูกศิษย์หวงแหน กันมาก ที่เขาจัดอันดับสุดยอด ๙ เครื่องรางในตำนานสะท้านแผ่นดิน ถ้าหลวงพ่อโสกท่านเป็นรุ่นเก่ากว่านั้น จะต้องติดอันดับอย่างแน่นอน แต่นี่ท่านถือเป็นรุ่นหลัง ก็เลยไม่ได้ติดอันดับใน ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน"

เถรี
23-11-2018, 23:03
"ถัดมาท่านที่ทำก็คือหลวงพ่อหม่น วัดคลองสิบสอง ใช้หนังควายเผือกสร้างพระสมเด็จ แล้วอีกท่านที่ทำได้ดังมากเลยก็คือหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ปลัดขิกเขาควายเผือกของท่านเรียกว่าปลัดขิกนางครวญ แล้วก็มีบางท่านก็ได้พระปิดตาเขาควายเผือกไป ซึ่งหายากเพราะว่าควายเผือกโดนฟ้าผ่าตายนั้น ปกติก็หายากอยู่แล้ว

อีกท่านหนึ่งที่ดังระเบิดเถิดเทิงเลยก็คือ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก สร้างแพะมหาเสน่ห์ด้วยเขาควายเผือกโดนฟ้าผ่าตาย อีกท่านหนึ่งก็สุดยอดปรมาจารย์ด้านการสร้างหนุมาน ก็คือหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน ร้อยวันพันปีก็จะมีหนุมานแกะจากเขาควายเผือกถูกฟ้าผ่าตายหลุดมาสักองค์

อาตมาเองโชคดี ได้หนุมานแกะจากเขาควายเผือกองค์ใหญ่ แบบที่เขาเรียก "องค์ครู" มาด้วย บรรดาเซียนเครื่องรางของขลังมาขอซื้อหลายทีแล้วแต่ไม่ให้ เขาให้ราคาแพงเกินไป อย่างหนุมานหน้าโขนทรงเครื่อง แกะจากรากพุดซ้อนนี้ เขาเล่นปล่อยกันเป็นสิบล้าน ในกระทู้คนมีเงินฯ อาตมาปล่อยแค่ ๓๐,๐๐๐ บาท ๕๐,๐๐๐ บาท โดนบ่นว่าแพง ในเมื่อเขาคิดแพงมาก อาตมาก็เลยไม่ให้ เอามาปล่อยในกระทู้คนมีเงินของเราดีกว่า อย่างน้อย ๆ ก็ไปไหนไม่ไกลหรอก คนที่บูชาก็รู้จักกันอยู่ ถ้าคิดถึงก็ขอซื้อคืนได้ ถ้าหลุดไปในมือเซียนแล้วขอคืนไม่ได้หรอก เพราะไปแล้วราคาก็แพงขึ้นมาเป็นร้อยเท่าเลย

เขาควายเผือกบางทีก็ไม่ได้สีขาวหมดนะ ปลาย ๆ เขาก็ดำปี๋เหมือนกัน ควายเผือกเขาให้ดูที่ตา ตาออกสีชมพูหรือแดงอ่อน บางตัวเผือกแต่ผิว แต่ตาดำ เขาจะดำปี๋เลย แต่ว่าขอให้ตัวขาวก็ใช้ได้เหมือนกัน ถ้าถึงเวลาฟ้าผ่ากลางทุ่งแล้ว พวกชอบวัตถุอาถรรพ์จะรีบไปดู ว่ามีควายเผือกถูกฟ้าผ่าตายไหม ?"

เถรี
24-11-2018, 22:12
พระอาจารย์กล่าวว่า "กล้วยตากที่น่ากินที่สุดต้องกล้วยตากราชบุรี แต่สมัยนี้ไม่น่ากินแล้ว สมัยก่อนที่น่ากินเพราะว่าตากข้างถนน ถึงเวลารถวิ่งผ่าน ฝุ่นลูกรังจะลงไปเคลือบจนเป็นสีแดงสวยมาก...!"

เถรี
24-11-2018, 22:14
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยที่อยู่บ้านอนุสาวรีย์ฯ พอมีคนเยอะ ๆ ก็มีตำรวจสายสืบขึ้นมา หลังจากที่ขึ้นมา ๒ - ๓ ครั้ง เขาก็มากราบทำบุญด้วย บอกว่าเป็นสายสืบจาก สน.พหลโยธิน เห็นรองเท้าเยอะ ๆ นึกว่าบ้านนี้เปิดบ่อน แอบมาตั้งหลายครั้งแล้ว เพิ่งจะมาสารภาพ เดี๋ยวเห็นบ้านเติมบุญนี้คนเข้าออกเยอะ ๆ ก็คงคิดว่าเปิดบ่อนกันอีก..!

ความจริงเขาไม่ได้บอก อาตมาก็ไม่ได้สนใจหรอก เพราะว่าสิ่งที่เราทำไม่มีอะไรผิดกฎหมาย แต่เขายอมสารภาพก็เป็นเรื่องขำ ๆ อยู่เหมือนกัน เขาบอกว่าเห็นรองเท้าเยอะ ๆ ก็เลยมาดูลาดเลา ๓ - ๔ รอบแล้ว ตอนแรกคิดว่าเปิดบ่อนแน่ ๆ"

เถรี
24-11-2018, 22:16
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนตอนหลวงพ่อเกษม วัดสุสานไตรลักษณ์ยังอยู่ ท่านดังมาก ๆ เขาสร้างวัตถุมงคลของท่านเป็นร้อยเป็นพันรุ่น แต่ก็ไม่ได้เข้าพิธีอะไรใหญ่โตเหมือนกับที่ทางวัดท่าขนุนทำ หลวงพ่อท่านจะยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เถ้าแก่ก็ให้ลูกน้องคนงานแบกวัตถุมงคลมายืนตรงหน้าต่าง ท่านก็โบกมือให้ผ่านไปทีละลัง แค่นั้นแหละ ขลังอย่าบอกใครเลย..!

พอ ๆ กับที่หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุนนาค ถึงเวลาญาติโยมเอาของไปให้เสกทั้งพาน ท่านก็เอามือแปะ ๆ ๓ ที "เอ้า...เอาไป ใช้ได้แล้ว" ญาติโยมก็ไม่สบายใจ เพราะว่าหลวงปู่ไม่เห็นได้ทำท่าเสกอะไรเลย

ถึงเวลาขึ้นไปกราบหลวงปู่แหวนที่วัดดอยแม่ปั๋ง ก็เอาใส่พานให้หลวงปู่แหวนเสกใหม่ พอส่งไปถึง หลวงปู่แหวนบอกว่า "พอแล้ว..อาจารย์ฉันเสกมาดีแล้ว" ถามว่าอาจารย์หลวงปู่คือใคร ? ท่านบอกหลวงปู่สี สมัยธุดงค์อยู่ท่านแนะนำความรู้ให้หลายอย่าง ก็เลยถือท่านเป็นอาจารย์ โยมบอกว่าไม่เห็นหลวงปู่สีเสกอะไรเลยครับ ท่านเอามือแปะ ๆ แค่ ๓ ที หลวงปู่แหวนท่านบอกว่า "หลวงปู่สีเอามือแปะ ๓ ทีดีกว่าฉันเสกตั้ง ๓ เดือน..!"

เถรี
25-11-2018, 07:18
"หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า หลวงปู่สีนี่เป็นแคสเซียส เคลย์ ของรุ่นเฮฟวี่เวท ซึ่งเป็นราชามวยโลก ถ้าหากว่าพูดถึงสุดยอดมวยโลกรุ่นเฮฟวี่เวท จะหลุดจากเคลย์จากไปไม่ได้ อย่างไรก็ต้องมีชื่อติดโผแน่นอน หลวงปู่สีท่านมรณภาพตอนอายุ ๑๒๘ ปี

รุ่นของอาตมากับพระครูแสงไป ช่วงนั้นต้องบอกว่าเป็นเด็กเบี้ยน้อยหอยน้อย ทำงานได้ค่าแรงวันละ ๒๕ บาท เงินเดือนออกเป็นอาทิตย์ เขาเรียกออกเป็น "วีค" อาทิตย์หนึ่ง ๑๕๐ บาท มีวันอาทิตย์หยุดหนึ่งวันก็วิ่งไปหาหลวงปู่กัน กัดฟันบูชาเหรียญนวโลหะของท่านมาในราคา ๘๐ บาท แพงสุด ๆ ค่าแรง ๓ วันกว่า แต่ว่าของที่อยากได้จริง ๆ ก็คือชานหมากของท่าน ไปนั่งเฝ้า เข้าแถวยาวกว่านี้อีก (หมายถึงเข้าแถวยาวกว่าที่มาบูชาแผ่นยันต์เกราะเพชร)

พอถึงเวลาหลวงปู่ท่านคายชานหมากออกมา ถ้าหากว่าเราขอ ท่านก็จะฉีกเศษผ้าอาบแล้วผูกให้ จะม้วนมาให้ทุกครั้ง ถ้าใครบอกว่ามีชานหมากหลวงปู่สีแล้วไม่มีผ้าอาบห่อมานี่ของปลอมแน่นอน ถ้าของจริงต้องมีผ้าจีวรหรือผ้าอาบห่อมา เด็ก ๆ อย่างอาตมาก็ไปแย่งกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่สมัยนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นทหารอากาศจากกองบิน ๔ ตาคลี พากันไปนั่งเฝ้าเหมือนกัน เพราะว่าของหลวงปู่ท่านเด็ดขาดมาก คายออกจากปากมานี่ควักปืนยิงได้ตรงนั้นเลย ไม่ออกสักนัดเดียว"

เถรี
25-11-2018, 07:20
"อาตมามีความเข้าใจทีหลังว่า การที่พระรุ่นเก่า ๆ ท่านฉันหมาก ก็คือการเคี้ยวไปภาวนาไป ตามหลักของอิริยาบถและสัมปชัญญะในมหาสติปัฏฐานสูตร ถึงเวลาก็ภาวนาไป เคี้ยวไป นึกไป กำหนดรู้ตามไป ในเมื่อเสกมีสติขนาดนั้นก็ต้องขลังอยู่แล้ว ยิ่งหลวงปู่สีท่านเป็นพระอรหันต์ระดับปฏิสัมภิทาญาณด้วย เป็นรุ่นเฮฟวี่เวทเสียด้วย ก็ยิ่งขลังเข้าไปใหญ่ ตอนหลวงปู่สีมรณภาพ อาตมายังไม่ได้เศษอายุของท่านเลย ท่านมรณภาพอายุ ๑๒๘ ปี อีกตั้งหลายปีกว่าอาตมาจะ ๒๘ ปี"

เถรี
25-11-2018, 07:31
ถาม : การกรวดน้ำ ?
ตอบ : ถ้าคำว่ากรวดน้ำหมายถึงการอุทิศส่วนกุศล ถ้าเป็นไปได้ควรที่จะอุทิศส่วนกุศลทุกครั้ง เพราะว่าคนที่รอรับอยู่นั้นมี บางทีเวลาเขามีหน่อยเดียว ถ้าเราช้า เขาก็อด เพราะฉะนั้น...จะทำบุญอะไรก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ทำเสร็จแล้วรีบกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เขาก่อน

ถาม : ไม่จำเป็นต้องอุทิศส่วนกุศลแบบกรวดน้ำได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ได้ กรวดน้ำในความหมายของการอุทิศส่วนกุศล ถ้าตั้งใจอุทิศก็ไม่จำเป็นต้องกรวด การกรวดน้ำเป็นรูปแบบของพราหมณ์ สมัยก่อนพราหมณ์เขาจะให้อะไรใคร เขาจะเอาน้ำรดมือคนนั้น เป็นสัญลักษณ์ว่าฉันให้เธอแล้ว

แต่คราวนี้พอพระพุทธเจ้าบอกพระเจ้าพิมพิสารให้กรวดน้ำเป็นครั้งแรกในพระพุทธศาสนา ท่านก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ด้วยความเคยชินของการปฏิบัติแบบพราหมณ์ก็เอาน้ำรด แต่คราวนี้ผีเขาไม่ยื่นมือมาให้เห็น ท่านก็เลยต้องรดมือตัวเอง พวกเรารุ่นหลังได้รับแบบอย่างมา ก็จัดการเอาน้ำราดมือตัวเอง โดยที่ไม่รู้ว่าที่มาคืออะไร

เถรี
26-11-2018, 17:43
มีโยมมากราบ "ลูกศิษย์หลวงปู่เฉลิมหรือ ? โมทนาด้วย นั่นแหละสายตรงหลวงปู่กลั่น วัดพระญาติเลย ท่านเป็นพระที่สมถะสุด ๆ ใครให้อะไรท่านไม่เอาทั้งนั้น ท่านเป็นพระครูสังฆรักษ์มากี่ปีก็ไม่รู้ จนกระทั่งเขายัดเยียดให้เป็นเจ้าคุณ

หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ท่านเป็นต้นตำรับวิชาชาตรี บางคนเรียกว่าวิชาหินเบา เอาหินทุ่มหัวนี่ไม่รู้สึก โหม่งเล่นเป็นลูกฟุตบอลเลย ถัดจากหลวงปู่กลั่นมาก็เป็นหลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ หลวงพ่ออั้นแล้วก็มาเป็นหลวงพ่อเฉลิม แต่ไม่มีใครรู้ว่ามีรุ่นเดียวกับหลวงพ่อเฉลิมอีกรูปหนึ่ง เป็นถึงสมเด็จพระราชาคณะ ก็คือหลวงพ่อนิยม หรือหลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม

หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ถ้าเขาไม่หาเหรียญของท่านที่ติด ๑ ในเบญจภาคี ก็จะหาตะกรุดชาตรี หาปลาตะเพียน บางคนโชคดีได้สายคาดเอวไปก็หวงอย่าบอกใครเลย มารุ่นหลวงพ่ออั้นนี่เขาหาขุนแผนเคลือบ เพราะว่าขุนแผนหลวงพ่ออั้นนี่ใส่ผงพระขุนแผน กรุวัดใหญ่ชัยมงคลลงไปเยอะมาก"

เถรี
26-11-2018, 17:47
พูดถึงแผ่นยันต์เกราะเพชร "ให้เขาวนบูชาไปเถอะ เพราะว่าของอะไรที่ทำมา ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ทำใหม่อีกหรือเปล่า ? ก็ต้องตุนเอาไว้ก่อน โดยเฉพาะใครจะเอาไปหล่อพระต่อนี่สบายเลย

อาตมาเองถือสาที่สุดก็คือรูปพระพุทธ หรือรูปพระสงฆ์ หรือว่าเหรียญในหลวง ใครเอามาหล่อพระนี่เก็บหมดเลย เพราะทำอย่างนั้นคือการทำลายพระพุทธ ทำลายพระสงฆ์ ส่วนรูปในหลวงนี่คือการทำลายพระบรมสาทิสลักษณ์ โดนมาตรา ๑๑๒ แน่นอน ไม่ใช่ถึงเวลาเห็นหล่อพระทองเหลืองก็เอาเหรียญในหลวงไปหล่อกัน ทำอย่างนั้นจะพาเจ้าอาวาสท่านติดคุกไปด้วย"

เถรี
27-11-2018, 09:12
มีญาติโยมมาทำบังสุกุล "การทำบังสุกุลตาย บังสุกุลเป็นจริง ๆ ก็คือมรณานุสติ การนึกถึงความตาย ซึ่งเป็นกรรมฐานกองใหญ่ มีอานิสงส์สูงมาก บางคนบอกว่ามีกรรมเก่าอะไรตามมา ให้มาทำบังสุกุล

การทำบังสุกุลช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่การระลึกถึงมรณานุสติช่วยได้มาก เพราะว่ามีอานิสงส์สูง ก็เลยทำให้ห่างจากกรรมออกไป กลายเป็นว่าทำแล้วดี ก็เลยทำกันใหญ่"

เถรี
27-11-2018, 09:14
มีโยมเอาพานมาขอขมาพระอาจารย์ "โมทนา อโหสิกรรมให้ทั้งหมดเลย ญาติโยมไปช่วยงานทางวัด กลัวว่ามีอะไรจะล่วงเกินพระก็มาขอขมา จะว่าไปแล้วก็เป็นการกระทำที่ดี อาตมาเองต่างหากไม่รู้ว่าจะติดหนี้โยมเท่าไร คนโน้นก็มาช่วย คนนี้ก็มาช่วย"

เถรี
27-11-2018, 09:31
"เมื่อวันตักบาตรเทโวฯ คนมาช่วยงานเป็นร้อยเลย ปกติก็ประมาณพระรูปหนึ่งต่อโยมคนสองคน ก็คือแถวชั้นในจะให้เป็นผู้ชาย เพื่อที่จะได้รับของจากบาตรพระ แถวชั้นนอกเป็นผู้หญิงก็ได้

แต่คราวนี้ญาติโยมผู้หญิงบางคนไม่เข้าใจ อยากจะช่วยใกล้ชิด ลืมไปว่าสังคมของเรายังไม่ยอมรับ ในขณะเดียวกันศีลพระก็มี สมัยนี้ก็มีการถ่ายคลิปถ่ายรูปอะไรกันทุกวินาที เวลาโยมผู้หญิงอยู่ใกล้ ถ่ายรูปมาบางทีก็ดูไม่ดี โดยเฉพาะการถ่ายวีดีโอหรือว่าถ่ายคลิป ถ้าคนดูมีใจเป็นอกุศล ก็พร้อมที่จะตำหนิอยู่แล้ว ถึงเวลาเห็นภาพไม่งามก็จะด่า จะเกิดโทษกับเขาเปล่า ๆ

ฉะนั้น...พวกเราก็ต้องระวังเอง ถึงเวลาถ้าญาติโยมไปแล้ว เขาบอกว่าให้อยู่ห่าง ๆ หน่อย ก็โปรดทราบว่าไม่ได้รังเกียจผู้หญิง เพียงแต่ว่าต้องระมัดระวัง ช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาของเราหน่อย"

เถรี
27-11-2018, 09:33
"ญาติโยมส่วนใหญ่พอไปช่วยงานวัดก็ "อยากอยู่ใกล้ ๆ หลวงพ่อ" อาตมาเองไม่เคยคิดอย่างนั้น อาตมาเองให้ทำหน้าที่อะไรทำหมด แต่ด้วยความที่ว่าสั่งเป็นเสร็จ เสร็จแล้วดีด้วย บรรดาผู้ใหญ่ท่านพิจารณาแล้ว ก็เลยเอาไปรับใช้อยู่ใกล้ ๆ หลวงพ่อวัดท่าซุง โดยเฉพาะบางคนหวังดีแต่ประสงค์ร้าย ก็คือเวลาไปรับใช้หลวงพ่อท่าน ถ้าพลาดนี่โดนด่าจมดินเลย เขาก็เลยเอาอาตมาไปอยู่ตรงนั้น เผื่อว่าจะหัวขาดบ้าง..!

บังเอิญอาตมาเป็นคนหน้าด้านหน้าทน โดนเท่าไรก็เฉย ๆ โดนแล้วก็แก้ไข ในเมื่อเรารู้จักแก้ไข สิ่งที่ผิดพลาดก็น้อยลงไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดก็ทำได้อย่างที่หลวงพ่อท่านต้องการ ก็เลยกลายเป็นว่า เมื่อถึงเวลาท่านก็เรียกใช้ คนอื่นก็เห็นว่าเป็นเด็กเส้น ความจริงไม่ใช่ ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าหากว่าเรียกใช้แล้วเขาทำงานให้ได้ดั่งใจ ท่านก็จะใช้แต่คนนั้นแหละ"

เถรี
27-11-2018, 18:54
มีโยมเอาผ้าไตรขนาด ๑.๙๐ เมตรมาถวาย "ถ้าญาติโยมเอาผ้าไตรมาถวายวัดท่าขนุน ให้จำแม่น ๆ เป็นผ้าไตรมัสลินสีพระราชนิยม หรือที่เรียกว่าสีกรักทอง ขนาดความยาวเมตรเก้าสิบ จะสองเมตรก็ได้ มีพระหลายรูปสูงกว่าอาตมา

หลายท่านเอาสีเหลืองส้มมา ขอบอกว่าเหลืองส้มใช้อยู่สมัยอยู่วัดท่าซุง พอไปอยู่วัดท่าขนุนทั้งอำเภอเขาใช้แต่สีกรัก จะมีวัดพุทโธของหลวงพ่ออุทัยท่านจะใช้สีกรักแดง แบบที่เขาเรียกว่าสีครูบาทางเหนือ แล้วก็มีสายวัดป่าอยู่ไม่กี่วัดที่ใช้สีกรักแบบที่เขาเรียกว่าสีวัดป่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการย้อมเอง สีไม่ได้ห่างจากกรักทองมาก

สีกรักทองก็ความจริงก็คือสีที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกองค์ที่ ๑๙ ท่านค้นคว้าถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ จนเป็นพอพระราชหฤทัยจนทรงตรัสบอกว่า "เอาสีนี้" เขาก็เลยเรียกกันว่าสีพระราชนิยม"

เถรี
27-11-2018, 18:56
"ในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เปลี่ยนใช้สีพระราชนิยมแทบทั้งนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นธรรมยุตหรือมหานิกาย แต่ด้วยความเคยชิน ทางต่างจังหวัดก็ยังรักษาสภาพของวัดป่าอยู่ เพราะว่าอยู่กับป่า อยู่กับเขา อยู่กับดิน ถึงเวลาถ้าใช้สีเข้ม ๆ หน่อยก็จะเปื้อนยาก จึงมีการย้อมกัน จะย้อมในวันโกน ถึงเวลา ๑๕ วันก็ย้อมผ้าทีหนึ่ง บางรูปก็เดือนหนึ่งย้อมผ้าทีหนึ่ง

อาตมาเองใหม่ ๆ ย้อมผ้าไม่เป็น มารู้ทีหลังว่าจะย้อมผ้า ต้องแช่ผ้าให้เปียกจนทั่วก่อน ไม่ใช่หย่อนผ้าแห้ง ๆ ลงไป ถ้าหย่อนผ้าแห้ง ๆ ลงไปสีจะซึมไม่ทั่ว ขึ้นมาก็กระดำกระด่าง กว่าจะย้อมเป็นก็เจอไปหลายยก ถึงเวลาต้องเอาผ้าชุบน้ำก่อน แล้วค่อยหย่อนลงหม้อต้มกรักไป

โดยเฉพาะการต้มสีกรักนั้น สมัยก่อนเขาใช้หม้อ หม้อต้มกรัก หม้อใบใหญ่ เขาเรียกว่าหม้อตีนช้าง สมัยนี้บางคนใช้กระทะเลยก็มี ก็คือต้องใช้น้ำอุ่นค่อนข้างร้อน ถึงเวลาชุบผ้า เสร็จแล้วค่อยใส่สีลงไป ปัจจุบันนี้ง่าย เพราะเขาจะมีสีสำเร็จรูปมาเป็นซอง แล้วจะระบุเลยว่าซองหนึ่งใส่น้ำกี่ลิตร ก็จะออกมาพอดี สมัยพวกอาตมาหัดกันนี้ประเภทมั่วกันเอา ได้สีเข้มหน่อยบ้าง อ่อนหน่อยบ้าง แล้วแต่ดวง"

เถรี
27-11-2018, 18:59
"สมัยอาตมาวิ่งรับใช้หลวงปู่ฝั้นอยู่ ท่านก็จะเคี่ยวแก่นขนุนเก็บไว้เป็นก้อน พอถึงเวลาก็ไปผ่าออกมาแล้วก็เอาไปต้ม พอต้มเสร็จก็เอาจีวรท่านไปย้อม เมื่อบิดแห้งก็เอาไปผึ่ง ไม่ใช่ตากแดด ขอยืนยันว่าจีวรอย่าตากแดด ส่วนใหญ่ให้อยู่ในร่ม เพราะว่าตากแดดแล้วสีจะซีดเร็วมาก บางทีอาตมาจะสงสัยว่า เอ...ไม่ถูกแดดจะได้หรือ ? ถ้าถูกแดดมาก ๆ ก็แย่เหมือนกัน สีจะซีดเร็วมาก

ครูบาอาจารย์ท่านบิณฑบาตกลับมา บางทีท่านเดินมา ก็เปียกเหงื่อบ้างอะไรบ้าง ก็เอาจีวรผึ่งไว้ในร่ม พอท่านพักผ่อนอิริยาบถ เข้าห้องน้ำเสร็จ ถึงเวลาก่อนที่จะขึ้นที่ฉันก็ถวายจีวรที่ผึ่งไว้คืนให้ท่านครอง ท่านครองผ้าเสร็จก็นั่งลงประจำที่ พวกเราก็ประเคนอาหาร ท่านก็จะหยิบตักเอาเฉพาะส่วนที่ต้องการ แล้วก็ส่งต่อกันไปเรื่อย ๆ

ระยะหลังนี่เห็นหลายวัดมีพัฒนา สมัยก่อนที่อาตมาเป็นเด็กวัด วิ่งรับใช้หลวงปู่หลวงพ่อสายวัดป่า จะเป็นการส่งอาหารมือต่อมือ สมัยนี้เขามีล้อเข็นเล็ก ๆ เหมือนถาดติดล้อ ถึงเวลาก็ใส่ถาด ได้สัก ๓ จาน ๔ จาน ก็ผลักส่งกันไปเรื่อยจนกว่าจะถึงท้ายแถว ถือว่าเป็นการเอื้อเฟื้อพระอย่างหนึ่ง เพราะว่าไม่ต้องยกด้วยตัวเอง "

เถรี
27-11-2018, 19:03
"แต่ว่าใครไปถวายอาหารพระสายวัดป่า โปรดอย่าทำอาหารน้ำ ๆ ไป ท่านจะลำบากมาก เอาอาหารแห้ง ๆ หน่อย แล้วก็ถวายน้ำฉันไว้ต่างหากสักแก้วหนึ่ง ถ้าถวายอาหารเป็นน้ำไปนี่พระท่านจะลำบาก ไม่รู้ว่าจะฉันอย่างไร เพราะว่าส่วนใหญ่ท่านจะตักใส่บาตร หรือหยิบใส่บาตรอย่างละนิดอย่างละหน่อย พอไปเจออาหารน้ำ ๆ เข้าจะยกบาตรซดก็ไม่ได้ ฉะนั้น...เอาแห้ง ๆ หน่อย แล้วก็ถวายน้ำต่างหาก

พวกเราไม่ได้อยู่กับพระธรรมยุตมาแบบอาตมา เลยทำอะไรไม่ค่อยจะถูก พระธรรมยุตนี่ทุกอย่างต้องถวายใหม่หมด อย่าไปคิดว่าของนี่ประเคนแล้วอยู่ได้ ๗ วัน ของทุกอย่างต้องประเคนให้เห็นตรงหน้า อาตมาถามว่าทำไมต้องประเคนใหม่ ในเมื่อเป็นสัตตาหกาลิกอยู่ได้ ๗ วัน ? ท่านบอกว่า "กันสงสัย"

ตอนนั้นอาตมาก็ไม่เข้าใจ พอบวชพระแล้วไปศึกษาศีลของพระ ถึงรู้ว่าพระเรามีต้องอาบัติคือศีลขาดเพราะสงสัยแล้วขืนทำก็มี ฉะนั้น...เพื่อกันสงสัย ท่านให้ประเคนใหม่หมดทุกครั้งเลย ไม่ใช่พอถึงเวลาแล้วก็ เอ...อันนี้ประเคนแล้วหรือยัง น่าจะประเคนแล้วนะ ว่าแล้วก็ฉันเลย ถ้าอย่างนั้นก็เรียบร้อย โดนอาบัติทุกราย"

เถรี
27-11-2018, 19:05
"ถึงเวลาพวกผลไม้นี่ต้องทำให้เป็นกัปปิยะ ก็คือมีการแกะเปลือก ปอกเปลือก ผ่า หั่น หรือตัดเป็นชิ้นเป็นท่อนเสียก่อน บางทีท่านก็จะถามเป็นภาษาบาลีว่า กัปปิยัง กะโรหิ แปลว่า ทำเป็นของสมควรแล้วหรือยัง ? เราก็ต้องตอบว่า กัปปิยัง ภันเต สมควรแล้วขอรับ

สายวัดป่า ลูกศิษย์วัดเขาเรียก กัปปิยการก คือผู้กระทำให้เป็นของที่สมควร ที่บ้านเราเรียกลูกศิษย์วัดนั่นแหละ ก็คือช่วยจัดการของที่ไม่สมควรต่อพระธรรมวินัยให้สมควร อาตมาเองไปอยู่พม่าใหม่ ๆ ไปพักอยู่กับท่านอาจารย์ใหญ่ธัมมะเสนะ ไม่รู้ว่าคำว่าลูกศิษย์วัดพม่าเรียกว่าอะไร พอดีได้ยินท่านตะโกน กัปปิยะ แล้วลูกศิษย์วิ่งมา อ๋อ...เล่นบาลีเลย ฉะนั้น..คำว่าลูกศิษย์วัดภาษาพม่าก็คือกัปปิยะ ก็มาจากคำว่ากัปปิยการก เขาไม่ได้ใส่สระอะ ไปใหม่ ๆ ก็ต้องไปศึกษาภาษาเขาด้วย"

เถรี
27-11-2018, 19:06
"อย่างพม่าเขาเรียกพระว่า โภงยี ถ้าหากว่าเรียกพระอาจารย์ว่า สะยาดอ หลวงพ่อใหญ่ก็ สะยาดอจี ค่อย ๆ หัดไปทีละคำ"

เถรี
27-11-2018, 19:27
พูดถึงขุนช้างของหลวงพ่อสงวน "หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ท่านทำอะไรเป็นเมตตามหานิยมสุด ๆ เหมาะในเรื่องเจรจาค้าขายมาก

วัตถุมงคลของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ จะเป็นอะไรก็ได้ เป็นพระก็ได้ เป็นลูกอมก็ได้ เป็นขุนช้างก็ได้ พกไปเถอะ ท่านประเภทท้าเลย แต่ลูกศิษย์ที่มีอยู่ก็หวงอย่าบอกใคร อาตมาเคยเอาออกกระทู้คนมีเงินไปหลายชิ้นเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นลูกอม ทีนี้ขุนช้างมีอยู่องค์เดียว ยังไม่กล้าออก กลัวว่าจะหาคืนไม่ได้ ของบางอย่างออกไปแล้วกว่าจะได้นี่หลายปี เดี๋ยวเอาไว้รอหลังกฐินปลดหนี้ แล้วก็จะเปิดกระทู้คนมีเงินฯ ใหม่

ส่วนใหญ่แล้ววัตถุมงคลที่อาตมาเอามาลง ถ้าหากว่าเป็นพระ ส่วนมากก็จะเป็นพระที่ท่านสร้างตามกรรมวิธีเก่า ก็คือใช้วิธีลบผงเพื่อสร้างพระ ผงสมัยก่อนกว่าจะได้แต่ละอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอิทธิเจ ตรีนิสิงเห มหาราช หรือพุทธคุณอะไรก็แล้วแต่ ต้องไปนั่งลบกันเป็นเดือนเป็นปีกว่าจะพอใช้งาน

บรรดาเครื่องรางของขลัง ครูบาอาจารย์ท่านตั้งใจทำมาก ๆ บางราย อย่างหลวงพ่อทบ วัดชนแดน ทำตะกรุดแต่ละดอกนี่บรรจงแล้วบรรจงอีก ท่านจะรีดเก็บหัวตะกรุดทุกดอกเรียบร้อยมาก"

เถรี
27-11-2018, 19:30
"ตะกรุดของหลวงพ่อทองมา วัดสว่างท่าสี บางทีเขาเรียกว่าตะกรุดถ่านไฟฉายเลย ม้วนแล้วใหญ่ขนาดถ่านไฟฉายสามท่อน มีเท่าไรท่านใส่แค่หมด หรือไม่ก็หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ หลวงพ่อโม วัดจันทนาราม ตะกรุดดอกยาว ๘ นิ้ว ถามหลวงพ่อทำไมต้องใหญ่ขนาดนี้ ? ท่านบอกว่ามีเท่าไรข้าใส่แค่หมด เรียนรู้อะไรมาท่านเทให้ลูกศิษย์หมด

สมัยก่อนพี่สุรกานต์ พี่ชายของอาตมาไปเฝ้าหลวงพ่อเชื้อเป็นเดือน ๆ รอมีดหมอของหลวงพ่อเชื้อ เพราะว่าหลวงพ่อเชื้อก็ศึกษาวิธีทำมีดหมอมาตามสายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกับหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม พอถึงเวลาคนแห่ไปหาหลวงพ่อกวย หลวงพ่อกวยบอกว่า "โน่น...ไปหาหลวงพ่อเชื้อโน่น" พอถึงเวลาไปหาหลวงพ่อเชื้อ "โน่น..ไปหาท่านกวย" ตกลงจะให้หาใคร ต่างคนต่างโยนลูกกันไปโยนลูกกันมา แต่ว่าช่วงนั้นพอหลวงพ่อวัดท่าซุงดังขึ้นมานี่ ท่านดังกลบท่านอื่นเกลี้ยงเลย"

เถรี
27-11-2018, 19:34
"ฉะนั้น...ระยะแรก ๆ ที่พวกเราไม่เคยได้ยินชื่อเสียงหลวงพ่อกวยก็ไม่แปลก เพราะว่าชื่อเสียงหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านดังกลบเขาหมด หลวงพ่อกวย หลวงพ่อเชื้อก็อยู่ใกล้ ๆ ถึงเวลาอาตมาวิ่งไปหาหลวงปู่บุดดา ผ่านวัดหลวงพ่อกวยก็แวะ ถึงเวลาขนวัตถุมงคลกลับมา ทหารตำรวจที่เฝ้าวัดไถเกลี้ยง บูชามาเป็นลัง ไม่เหลือหรอก เขาบอกว่ามีของหลวงพ่อแล้ว ยังไม่มีของหลวงพ่อกวย มีของหลวงพ่อแล้ว ยังไม่มีของหลวงปู่ เอาหมด...! เพราะว่าส่วนใหญ่อาตมาเอามาก็แจกฟรี

สมัยนั้นหลวงพ่อกวยท่านทำวัตถุมงคลราคาไม่แพง ทั้ง ๆ ที่ท่านนั่งเขียน นั่งจาร นั่งถักอยู่ทั้งวัน เอาไปบูชา ๒๐ บาท ท่านบอกว่าอยากให้ลูกศิษย์มีไว้ใช้ มาระยะหลังพอสิ้นท่านแล้ว องค์หนึ่งเป็นหมื่นเป็นแสนก็มี วันก่อนเห็นเขาปล่อยเหรียญกลมด้านหลังยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า ๑,๐๐๕,๐๐๐ บาท แล้วจะห้อย ๕,๐๐๐ บาทไว้ทำไม ?"

เถรี
27-11-2018, 19:36
"สำหรับลูกศิษย์สายตรงที่อยากได้มาก ๆ เขายอมสู้ราคา เหรียญของเขาสวยกริบเลย ประเภทต้องเรียกว่าไม่ได้ใช้งาน คนเอาไปเก็บไว้ แบบเดียวกับที่อาตมาไปได้สายคาดเอวหลวงปู่ยิ้มมาหนึ่งเส้น อย่างกับเพิ่งทำใหม่ ๆ เลย ก็ยังสงสัยว่าทำไมใหม่ได้ขนาดนี้

ลองถามครูบาอาจารย์ ถึงเวลาท่านยืนยันว่าของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ใหม่ขนาดนี้เลยหรืออาจารย์ ? ท่านบอกว่า รู้ไหมว่าบางคนพอได้ไปแล้วเขาใส่ถุงแดงบูชาไว้แต่บนหิ้ง ไม่ได้เอาไปใช้เลย ไม่ได้ใช้งาน บูชาติดบ้านไว้บนหิ้งเฉย ๆ ถึงได้ใหม่ขนาดนี้เหมือนกัน ถือว่าโชคดี ผ่านมา ๓ ชั่วคนแล้วไม่เคยเอาออกจากถุง

บางทีได้เชือกคาดเอวหลวงพ่อกวยมาเป็น ๓ ท่อน ๔ ท่อน อื้อหือ...ไอ้นี่ใช้ซะขนาดนี้ ไม่ต้องห่วงหรอก ลูกศิษย์เขาไม่ว่า ลูกศิษย์สายตรงนี่ถึงเวลาขาดเป็นท่อนเขาก็เลี่ยมใช้ทีละท่อนเลย แบ่งกันใช้ เชือกคาดเอวบางเส้น ในหัวเชือกท่านก็ใส่วัตถุมงคลเอาไว้ด้วย บางทีก็เป็นเหรียญสตางค์รู บางทีก็เป็นพระปิดตา บางทีก็กลม ๆ เหมือนกับลูกอม ไม่รู้ว่าท่านถักอะไรซ้อนไว้ พอเชือกขาดลูกศิษย์ก็แย่งกันแต่หัวเชือก ตัวเชือกนี่ไม่ค่อยจะเอา จะทะเลาะกันตาย"

เถรี
27-11-2018, 19:39
"ที่อาตมาสนใจพวกเครื่องรางเพราะว่าทำยาก เคล็ดลับมีมาก เนื่องจากว่าสายหลวงพ่อวัดท่าซุง เรื่องของการสร้างพระ เราสามารถขอบารมีพระพุทธเจ้าได้ สิ่งที่คนอื่นเขาเห็นว่ายาก ของเราเห็นว่าง่าย ส่วนอันที่คนอื่นเขาเห็นว่าง่าย อย่างเช่นจารตะกรุด ม้วนตะกรุด สายเราจะเห็นว่ายาก

อาตมากำลังรอเวลาเหมาะ ๆ ที่จะทำตะกรุดคู่ชีวิต ตะกรุดคู่ชีวิตนี่ต้นตำรับเลยคือหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อเงินท่านศึกษามาจากหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า วังหมาเน่านี่เป็นเสียงเรียกตามชาวบ้านเขา เพราะว่าตรงที่ท่านอาศัยปักกลดจำวัดอยู่ ตอนหลังสร้างเป็นวัด เป็นคุ้งน้ำพอดี พอถึงเวลาพวกสัตว์ตายก็ลอยมาติดอยู่ตรงนั้น เจอหมาตายลอยมาบ่อย ๆ เขาก็เลยเรียกว่าวังหมาเน่า"

เถรี
27-11-2018, 19:41
"ลูกศิษย์ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ที่โด่งดังรักษาชื่อเสียงเกียรติคุณพระอาจารย์ไว้มีมาก ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง ในเมื่อลูกศิษย์ดัง อาจารย์ก็เด่น สายนี้ท่านทำตะกรุดเรียกตะกรุดคู่ชีวิต แต่อาตมากลับศึกษามาจากทางด้านสายหลวงปู่ปาน ถามว่าหลวงปู่ปานเอามาจากไหน ? หลวงปู่ปานเอามาจากหลวงปู่แช่ม วัดฉลอง

แต่คราวนี้ที่ยังรีรอลังเลอยู่ เพราะว่าตะกรุดคู่ชีวิตมาสายเหนียวโดยตรง มหาอุตม์คงกระพัน ซึ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งห้ามไว้ ถามว่าทำไมสั่งห้าม ? ท่านบอกว่าสายของเราส่วนใหญ่มาสายพุทธภูมิ กำลังใจเกินชาวบ้าน ถ้าได้ของเหนียวยิงไม่ออกเมื่อไรเดี๋ยวจะไปรังแกชาวบ้าน อาตมาก็เลยลังเล ถึงเวลาก็แอบทำโน่นนิดนี่หน่อย ส่วนใหญ่พวกเราตอนนี้ก็เอาเรื่องของลาภเรื่องของเมตตาไว้ก่อน กำลังจ้องรออยู่ว่าเมื่อไรท่านจะอนุญาตให้ทำเสียที"

เถรี
27-11-2018, 19:47
"บรรดาพระที่วัดท่านเห็นอาตมาทีไร ท่านหัวเราะกันทุกที เพราะว่าหลวงพ่อท่านไม่ให้กันมือกับเท้า ท่านบอกว่าต้องมีจุดอ่อนไว้บ้าง ถ้าไม่มีจุดอ่อนเดี๋ยวไปเป็นโจรกันหมด นี่ท่านว่าอาตมาตั้งแต่เป็นฆราวาส ฉะนั้น..ทุกอย่างเวลาโดนก็จะโดนที่มือโดนที่เท้า นอกข้อมากันไม่ได้

อาตมาเคยโดนไอ้ใหม่ หมาที่วัดท่าซุงกัด ๒๐ กว่าเขี้ยว กัดเข้าแต่ตรงฝ่ามือ ด้านบนขึ้นมามีแต่รอยขูด ๆ นูน ๆ อยู่เฉย ๆ เออหนอ...หลวงพ่อท่านก็ช่างแกล้ง ท่านบอกถ้าไม่มีจุดอ่อนไว้บ้างเดี๋ยวจะไปรังแกชาวบ้าน นอกข้อมือข้อเท้าท่านไม่กันให้ ฉะนั้น ถ้าหากว่าอาตมาทำตะกรุดคู่ชีวิตก็คงต้องรอท่านอนุญาตก่อน

ถ้าใครได้สมุดบันทึกที่อาตมาเขียนเป็นลายมืออยู่ก็จะเห็น เพราะว่าอะไรศึกษาแล้วอยู่ในนั้นหมด แต่หลังจากที่พอสิ้นหลวงพ่อแล้ว บรรดาพี่ ๆ ที่ไม่ยอมเรียนอะไรกัน ท่านก็มาขอสมุดบันทึกไป ไล่บันทึกกันต่อ คนแรกเลยก็คือหลวงพี่ชัยวัฒน์ขอไป หลังจากนั้นก็ลอกต่อกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งอาตมาออกจากวัดมา ยังไม่รู้เลยว่าสมุดเล่มจริงอยู่กับใคร ท้ายสุดตัวเองก็ได้แค่ที่ถ่ายเอกสารไว้ชุดหนึ่ง เออ...ดีเหมือนกัน ตัวเจ้าของสมุด เจ้าของลายมือไม่ได้ของจริง"

เถรี
27-11-2018, 19:49
"สมัยนั้นเวลาออกกิจนิมนต์ส่วนใหญ่อาตมาจะห้อยท้าย เพราะว่าเป็นน้องใหม่ บรรดาพี่ ๆ วัดท่าซุงเขานิยมการภาวนากัน ก็เลยไม่ค่อยสวดมนต์ ส่วนอาตมาไปเป็นนาคอยู่วัด ๓๗ วัน สวดมนต์ได้หมดทั้งเล่มแล้ว ถึงเวลาเขาเห็นสวดมนต์ได้ก็เอาออกกิจนิมนต์แทน

ถึงเวลาเจิมรถ เจิมบ้าน ทำโน่นทำนี่ สมัยก่อนส่วนใหญ่ก็จะเป็นหลวงพี่โอท่านจะนำหัวแถว เขาจะเจาะจงมา หลวงพี่โอ หลวงพี่นันต์ หลวงพี่ทีป ประเภทเจาะจงมา ที่เหลือก็แล้วแต่จะจัดใครไป ถึงเวลา เอ้า...ท่านเล็กทำให้เขาหน่อย โดนเข้าบ่อย ๆ ก็เหนื่อย...บ่น "ทำไมพี่ไม่ทำบ้าง ?" "ไม่ได้เรียนไว้ว่ะ" ถามว่า "แล้วอยู่มา ๒๐ - ๓๐ ปี ไม่เรียนบ้างเลยหรือ ?" "เป็นแล้วมันเหนื่อย" โอ้โห...พี่ท่านตอบชัดมากเลย เป็นแล้วมันเหนื่อย พอสิ้นหลวงพ่อ คราวนี้ไม่เป็นนะสิ ต้องแย่งตำรากันใหญ่"

เถรี
27-11-2018, 19:51
"ปัจจุบันนี้มีหลายตำราที่อ้างว่าเป็นลายมือหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ถ้าใครสงสัยเอามาถามอาตมาได้ว่าอันไหนเป็นลายมือจริง ลายมือหลวงพ่อท่านค่อนข้างหวัด เพราะท่านไม่มีเวลาเขียนบรรจง ถ้าไปเจอลายมือบรรจง ๆ ขอให้รู้ว่าลอกต่อกันมา ไม่ใช่ลายมือของหลวงพ่อท่านหรอก โดยเฉพาะถ้าเขียนยันต์เป๊ะ ๆ ทุกตัวเลย นั่นลายมือพระอาจารย์เล็ก

อาตมาเองก็ไม่ได้ศึกษาอะไรไว้หรอก แต่เป็นเรื่องแปลกที่เห็นแล้วรู้ว่าต้องเขียนอย่างไร ตอนหลังไปพอถามหลวงพ่อท่านก็ยืนยันว่าถูกต้องตามนั้นแหละ ส่วนใหญ่ยันต์ก็จะขึ้นอักขระ ยันตัง สันตัง วิกรึงคะเร บางคนก็ขึ้น อัฏฐิ ยันตัง สันตัง วิกรึงคะเร ตำราเดียวกันหมด

ตอนนี้ส่วนใหญ่ที่ทำไว้คือตะกรุดมหาสะท้อน ปาไป ๖ - ๗ รุ่นแล้วกระมัง ? ที่ทำออกงานจริง ๆ เลยก็มีตะกรุดโสฬสรุ่น ๑ ตอนนี้ก็หายากมากแล้ว ในเว็บก็ไม่มี สามสี่พันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปหยิบของเขาแล้ว แล้วก็มารุ่นนี้ ตั้งใจว่าถ้าญาติโยมบูชาแล้วอยากได้เป็นตะกรุดยันต์เกราะเพชรก็ไปม้วนเอาเอง อาตมาตั้งใจทำเป็นโลหะให้ เผื่อว่าใครอยากได้เป็นตะกรุดก็ไปม้วนเอง ใช้เป็นตะกรุด ถ้าใครคิดจะเอาไปหล่อพระเป็นชนวน ก็เอาไปใช้งานได้เลย"

เถรี
27-11-2018, 19:54
"ตอนนี้ที่รออยู่ก็คือเมื่อไรจะได้อนุญาตให้ทำ ก็จะมีพวกตะกรุดคู่ชีวิต หรือตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช แต่ว่าตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราชนี่ปกติแล้วเขาจะทำถวายพระเจ้าแผ่นดิน หรือไม่ก็บรรดาเชื้อพระวงศ์ชั้นผู้ใหญ่โน่น สมัยก่อนนี่ถวายเฉพาะพระเจ้าแผ่นดินเท่านั้น คนอื่นถ้าคิดอยากจะได้นี่ถือว่าตั้งใจตีเสมอ จัดการในฐานะขบถได้เลย

ไม่เป็นไรหรอก ตำรามีอยู่ ตอนนี้น้องแนนก็ศึกษาไว้ จนกระทั่งลงอักขระได้หมดทุกตัวแล้ว อาตมาเองถึงเวลาไม่ต้องเหนื่อย มีลูกสาวทำแทนได้"

เถรี
27-11-2018, 20:11
ถาม : อยากถามว่าพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑ ชื่ออะไรครับ (เด็กถาม) ?
ตอบ : อย่าไปเรียกชื่อ สมมติว่าเราเจอปู่ทวดแล้วเราจะไปเรียกชื่อท่านก็น่าเกลียด เรียกสมเด็จองค์ปฐมแล้วกัน ท่านเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรก

ถาม : องค์แรกของกัปหรือครับ ?
ตอบ : องค์แรกของโลกเลย เป็นเด็กเป็นเล็กขี้สงสัยขนาดนี้แล้ว ไปบวชก็แล้วกัน

ชื่อพระพุทธเจ้าส่วนใหญ่จะซ้ำ ๆ กัน เพราะว่าโบราณเขาถือว่าชื่อไหนเป็นชื่อที่เป็นมงคลก็ตั้งขึ้นมา ก็เหมือนกับพวกเราที่ชื่อซ้ำ ๆ กันนั่นแหละ

เถรี
27-11-2018, 20:16
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์แรกของโลกจริง ๆ แล้วท่านมีพระนามว่า สิขี แปลว่า เจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง เรียกว่า สมเด็จพระพุทธสิขีทศพลที่ ๑ เพราะว่ายังมีต่อ ๆ กันมาถึง ๕ องค์ด้วยกัน องค์ที่อยู่ในบทสวดพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์นั่น ที่เขาว่า สิขี สัพพะหิโต สัตถา ก็คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีนามว่าสิขี เป็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยสรรพประโยชน์ อันนั้นเป็นองค์ที่ ๕ ถ้าเรียกก็คือสมเด็จพระปัญจสิขีทศพล

คราวนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องรู้ รู้ไปแล้วเรียกชื่อท่านตรง ๆ เป็นการไม่เคารพ ถึงเวลาก็นึกถึงท่านก็ใช้ได้แล้ว

สัพพะหิตะ แปลว่า กอปรด้วยประโยชน์ทุกประการ สัตถา อันว่าศาสดา บางทีคาถาก็จะมี สัตถา สักการะ โลกัง นี่เป็นคาถาสำหรับลงไม้กันขโมย หรือไม่ก็ ตะมัตถัง ปะกาเสนโต ตัวกูคือพระยาราชสีโห สัตถาอาหะ อันนั้นหัวใจราชสีห์ แต่ว่าถ้าใครแปลได้หัวเราะตายเลย

โบราณาจารย์ที่ท่านได้อภิญญาสมาบัติ พอถึงเวลาท่านผูกคาถาขึ้นมาแล้วสำทับด้วยอภิญญา ถ้าหากว่าใครให้ความเคารพใช้ตามก็มีผล คราวนี้ถ้าแปลตามตัวคาถา ถึงได้บอกว่าห้ามแปล เพราะว่าแปลแล้วไม่มีความหมาย ไม่ก็พิลึกพิลั่น ถ้าไปแปลเมื่อไรหมดขลังเมื่อนั้น อย่างตะมัตถัง ปะกาเสนโต เมื่อจะประกาศพระศาสนา สัตถาอาหะ พระศาสดาว่าดังนี้ ดันมี ตัวกูคือพระยาราชสีโห โผล่มาได้อย่างไรไม่รู้ ฉะนั้น..ห้ามสงสัย..!

เถรี
27-11-2018, 20:27
เรื่องของคาถาเป็นเรื่องการทดสอบความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัยว่ามีจริงหรือเปล่า ถ้าไม่สงสัยก็ใช้ได้ผลทุกคน ส่วนใหญ่ไปลังเลสงสัย แปลไม่ได้ แปลไม่ออก

ถ้าแปลไม่ออกยิ่งขลัง สมัยก่อนหลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี วัดของท่านเป็นสำนักเรียนบาลี พระนักเรียน เณรนักเรียน สามสี่ร้อยรูป หลวงพ่อวัดท่าซุงก็ไปขอเรียนวิชากับท่าน เพราะว่าท่านไม่ได้เก่งแต่บาลี เรื่องอภิญญาสมาบัติท่านก็ไม่เป็นรองใคร ประเภทเสกวัตถุมงคลนี่ปืนแตกเลย

ถึงเวลาแม่ครัวก็มา "หลวงพ่อ..ข้าวหมดแล้ว ไม่มีหุงให้เณรฉัน" "หลวงพ่อกับข้าวไม่มีแล้ว" หลวงพ่อเรื่องก็ขึ้นกุฏิ จุดธูป ๓ ดอกบูชาพระ ตั้งนะโมฯ เสร็จ ก็ด่าลั่นไป ๓ บ้าน ๘ บ้านเลย ด่าหยาบ ๆ คาย ๆ ด้วย พักเดียวเท่านั้นแหละ ชาวบ้านหาบข้าวหาบผัก หาบปลาแห้งมาถวายเป็นหาบ ๆ เลย

หลวงพ่อวัดท่าซุงก็ถาม "ทำไมต้องด่าหยาบคายขนาดนั้นด้วย ?" หลวงพ่อเรื่องบอกว่า "ก็คาถามันเป็นอย่างนั้นเองนี่หว่า ถ้าเอ็งสงสัยก็ไม่ต้องใช้"

เถรี
27-11-2018, 20:31
พูดถึงเรื่องการลังเลสงสัยในการปฏิบัติ ส่วนใหญ่แล้วพวกเราสงสัยเพราะว่ายังทำไม่ถึง ถ้าเริ่มทรงฌานได้นี่ความสงสัยจะเหลือน้อยแล้ว จะเห็นชัดว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเรานั้น เป็นคุณเป็นประโยชน์จริง ๆ

อาตมาเองตอนที่มีรุ่นน้องคือท่านชาติชาย ตอนนั้นเบื่อมาก ถึงเวลาบอกว่าพระท่านว่าอย่างนี้ คุณชาติชายจะมาซักถามต่อ แล้วทำไมอย่างนั้น ? แล้วทำไมอย่างนี้ ? อาตมาเองก็บอกว่าไม่รู้ คุณชาติชายถามว่าทำไมไม่รู้ ? ก็กูไม่ได้ถาม แล้วทำไมหลวงพี่ไม่ถาม ? ก็กูไม่สงสัย ท่านสั่งแค่ไหนก็ทำแค่นั้นก็จบแล้ว จะมาเอาอะไรนักหนา แต่กว่าจะถึงระดับเลิกสงสัยนี่ ก็สงสัยมาเยอะเหมือนกัน หลังจากที่พอมั่นใจ มั่นคงจริง ๆ ก็เลิกสงสัย สั่งอะไรมาก็ทำอย่างนั้น จบเลย

ฉะนั้น...ใช้ความพยายามนิดหนึ่ง แค่ทรงปฐมฌานได้ ความลังเลสงสัยในการปฏิบัตินี่หายเกือบหมด จะไปสงสัยอีกทีก็เรื่องมรรคเรื่องผล ซึ่งกลายเป็นเรื่องทีหลัง ขอให้ทรงฌานได้ก่อน อย่างอื่นว่ากันทีหลัง

เถรี
27-11-2018, 20:38
พูดถึงบรรยากาศในบ้านเติมบุญ "อากาศเริ่มเย็น ตอนคนมาก ๆ เมื่อเช้าอากาศไม่เย็น เวลาเราอัดกันมาก ๆ ไอตัวออกมา ความชื้นในอากาศมีมากก็จะร้อน ถึงเวลาเครื่องปรับอากาศดูดความชื้นไป พอความชื้นในอากาศหมด ก็จะดึงความชื้นจากผิวหนังของเรา ยิ่งดึงไปมากเท่าไรก็ยิ่งหนาวเท่านั้น ฉะนั้น..ในที่หนาวแปลว่าความชื้นในอากาศมีน้อย

บรรดาท่านที่อยู่ในพื้นที่โลกน้ำแข็งอย่างขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้หรือไซบีเรีย จะใช้ไขมันมาพอกตัวเลย กันความชื้นในตัวจะออกไปหมด โดยเฉพาะพวกไขมันแมวน้ำ ไขมันปลาวาฬ เราจะเห็นว่าเอสกิโมใช้ไขมันแมวน้ำพอกหน้าเสียหนาปึ้กเลย ถ้าไม่พอกไว้ นอกจากความชื้นจะสูญเร็ว ผิวยังแตกอีกด้วย แต่ถ้าเราไม่เคยชินจะรู้สึกว่าเหม็นมาก อยู่ไปสักพักหนึ่ง เคยชินขึ้นมาก็ไม่รู้สึกอะไร

ถ้าใครดูสารคดีจะเห็นพวกเอสกิโมล่าสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นแมวน้ำ เป็นนกน้ำ อยู่ในทะเลนะ ว่ายผลุบ ๆ โผล่ ๆ ยิงเปรี้ยง โดนทุกนัด อะไรจะแม่นขนาดนั้น แล้วทำอย่างไรเพราะว่าอยู่กลางทะเล ? เขาใช้ตะขอติดเชือกยาว ๆ หมุน ๆ ๆ แล้วก็เหวี่ยงไปเกี่ยวมา..แม่นมาก ในสารคดีที่อาตมาดูนี่แทบจะไม่เคยเห็นพลาดเลย ถ้าเป็นเราเหวี่ยงอยู่ครึ่งวันไม่รู้จะเกี่ยวติดหรือเปล่า ?

อันนี้เขาเรียกกัมมวิปากชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดโดยวิบากกรรม ถ้าไม่เก่งก็อยู่ไม่รอด ก็แปลว่าเขาทำของยากเป็นของง่าย คือพวกมีฤทธิ์ บาลีเขาว่า สุทันตา เยวะ อิทธิยา ผู้ฝึกมาดีย่อมมีฤทธิ์"

เถรี
27-11-2018, 20:41
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้บนยอดเขาพระพุทธบาทบรรยากาศสวยที่สุด เช้า ๆ นักท่องเที่ยวแห่กันไปชมทะเลหมอก ไปเซลฟี่แข่งกัน เดี๋ยวต้องให้เขาติดป้ายเตือนไว้ อย่าได้ขึ้นไปนั่งบนราวรั้วเชียวนะ ที่อื่นมีตัวอย่างหงายหลังไปไม่รู้กี่รายต่อกี่รายแล้ว

อย่าไปเสี่ยงกับการต้องการรูปสวย ๆ แล้วพลาดถึงแก่ชีวิต โดยเฉพาะยอดเขาพุทธเจติยคีรีภายในวัด อาตมาทำแท่นชมวิวไว้ ๒ ที่ ๓ ที่ มีบางแท่นเหมือนแท่นกระโดดน้ำขนาดใหญ่หน่อย วิศวกรเขาคำนวณแล้วว่ารับน้ำหนักได้กี่คน เขาติดป้ายเตือนไว้ ไม่ใช่แห่ขึ้นไปเซลฟี่ทีหนึ่งเกินจำนวน เดี๋ยวก็ได้หักโครมลงไปเท่านั้น"

เถรี
27-11-2018, 20:43
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานนี้เขาจะบี้กันตาย ประมูลเหรียญหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม เดี๋ยวนี้นักประมูลเขารู้ เขามาสู้กันวินาทีสุดท้าย ถ้าสู้กันตั้งแต่วันแรกราคาจะโดนดันสูงมาก คราวนี้มาสู้กันนาทีท้าย ๆ ประเภทถ้าพลาดก็หมดเวลา บางคนอุตส่าห์ลงราคากะว่าชนะแน่ ที่ไหนได้ เวลา ๒๐.๐๑ น. อดไปเลย

ของดีจะหลุดมาเรื่อย ๆ อาตมาเองก็ต้องทำใจ บางอย่างอยากได้ แต่กติกาเขาคือต้องลงไปประมูล อาตมาก็ไม่กล้าประมูล เพราะว่าประมูลแล้วคนอื่นเขาก็ไม่กล้าสู้ ปล่อยให้เขาสู้ไปกันเองเถอะ

งวดก่อนมีเหรียญหลวงปู่ดู่เลี่ยมเงิน นั่งเล็งอยู่ ท้ายสุดต้องตัดใจ ของหลวงปู่ดู่เรามีเยอะแล้ว"

เถรี
27-11-2018, 20:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "ครูบาอาจารย์ประเภทพ่อเสือลูกสิงห์นี่ต้องบอกว่าหายากนะ หลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ มาเป็นหลวงปู่อั้น หลวงปู่สี หลวงปู่ดู่ สืบสายกันมาชนิดไม่ขาดเลย

ปัจจุบันนี้ก็ต้องหลวงปู่เฉลิม สายวัดพระญาติ ซึ่งสายวัดพระญาติจริง ๆ ก็คือวัดประดู่ทรงธรรม เป็นสำนักวิชาการเก่าแก่ คราวนี้ว่าหลวงปู่กลั่นท่านไปเรียนวิชาชาตรีมาจากทางสายอิสลาม ท่านก็เลยกลายเป็นโด่งดังกว่าสายวัดประดู่ทรงธรรม"

เถรี
27-11-2018, 20:55
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานมีโยมถามว่า ยันต์เกราะเพชรของหลวงปู่ปานมีแบบปั๊มจากโรงงานไหม ? มีนะ เป็นรุ่นท้าย ๆ ด้วย เพราะว่าพอความต้องการมาก ๆ แล้ว ท่านอาจารย์เจิมเขียนไม่ทัน ถักไม่ทัน ส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าจะตะกรุดหรือผ้ายันต์ของหลวงปู่ปาน ท่านอาจารย์เจิมจะเป็นคนเขียน หลวงปู่ปานท่านก็เสกให้ คราวนี้ความต้องการมาก ๆ เขียนไม่ทัน ก็ต้องสั่งโรงงานปั๊มมา

ถ้าถามว่าดูอย่างไรถึงรู้ ? ถ้าหากว่าเป็นแบบโรงงานปั๊มจะเห็นชัด ๆ เลย เพราะว่าทะลุหลังออกมาเป็นรูปยันต์ให้เห็น ก็ดูความเก่าของโลหะ โลหะทองแดงพอเก่ามาก ๆ เขาเรียกว่าเนื้อหมดยาง ก็คือจะไม่เงาแวววาว จะด้านลื่น ถ้าหากว่าใครใช้มาก ๆ นี่ บางทีหัวตะกรุดนี่แทบจะเชื่อมเป็นเนื้อเดียวกันไปเลย พอที่จะดูกันออก

แต่ถ้าหากว่าเป็นรุ่นเก่าที่ท่านอาจารย์เจิมเขียน ม้วนแล้วก็ถัก ให้ดูลายถัก ดูขนาดตะกรุด ขนาดตะกรุดจะมี ๒ นิ้ว ๒ นิ้วครึ่ง ๓ นิ้ว ยาวสุดก็ไม่เกิน ๕ นิ้ว ให้จำลายถักแล้วก็การลงรักไว้"

เถรี
27-11-2018, 20:57
"ส่วนลูกอมหลวงปู่ปานก็ดูเนื้อหา มีทั้งลูกเล็ก มีทั้งลูกใหญ่ นาน ๆ จะมีลูกใหญ่สักทีหนึ่ง ปกติเป็นลูกเล็ก แต่คราวนี้ก็อย่างว่า...มีคนชอบของใหญ่ ๆ ก็ปั้นขนาดลูกปิงปองเลย เปลืองผงตายชัก..! ลูกใหญ่แบ่งทำลูกเล็กได้ ๓ - ๔ ลูก

ที่อาตมาเก็บลูกใหญ่ไว้ก็คือเอาไว้ใช้งาน เก็บเอาไว้ใช้ผงของครูบาอาจารย์ ไม่ต้องเสียเวลาไปทำเอง เพราะว่าหลวงปู่ท่านต้องปิดโบสถ์ เข้าสมาบัติ ๑๕ วันเพื่อลบผงไว้ใช้งาน เขียนอยู่ ๑๕ วัน มือไม้ล้าหมด อาตมาเข้ากรรมฐาน ๓ วันลุกพรวดพราดยังหน้ามืดเลย ฉะนั้น...ถ้าคลายสมาธิออกมาก็หงายตึง แต่หลวงปู่ท่านเข้าสมาธิลบผง ๑๕ วัน

ถ้าหากว่าไม่ได้พระหลวงปู่ปานรุ่นเก่า ๆ ที่บรรจุผงวิเศษข้างบน ที่เขาใช้ตอกไม้ไผ่เสียบแล้วทำรูไว้สำหรับบรรจุผง ก็หาของวัดคู้สลอด วัดคู้สลอดนั่นเป็นเนื้อผงวิเศษทั้งองค์เลย ความจริงดีกว่าด้วย แต่คนไปคิดว่าไม่ใช่ของวัดบางนมโคโดยตรง ก็หลวงปู่ปานเสกเหมือนกัน ทำเหมือนกัน เพียงแต่เอาไปบรรจุกรุให้วัดคู้สลอด หลวงปู่ปานท่านสร้างวัดเป็นร้อยวัด ไม่ใช่เฉพาะในเขตอยุธยา จังหวัดอื่น ๆ ก็ทำให้เขาด้วย"

เถรี
27-11-2018, 20:59
"อาตมาเองก็พกของวัดคู้สลอด ปรากฏว่าโดนเพื่อนปล้นไป พระครูวาทีวรวัฒน์ เลขานุการรุ่นพระอุปัชฌาย์ ท่านถามว่า "ท่านประธานมีไหม ?" "มี..แต่แพง" "ท่านประธานรวยจะตาย บูชาให้ผม ๑ องค์"

อาตมาก็ไม่ได้บอกว่าพกอยู่ ท้ายสุดก็เห็นว่าท่านเป็นเลขานุการรุ่นที่อาตมาเป็นประธานรุ่น ก็เรียกใช้ท่านอยู่ตลอด จึงตัดใจสละให้ท่านไป กระซิบบอกท่านว่า ถ้าใครให้ต่ำกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท อย่าไปปล่อยนะ เพราะว่าองค์นี้ผมบูชามาตั้ง ๓๐,๐๐๐ บาท"

เถรี
27-11-2018, 21:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการฉันภัตตาหาร ถ้าหากว่าเป็นพระไทยเราก็คือ ๒ มื้อ เช้ากับเพล ถ้าเป็นสายวัดป่าก็มื้อเดียว ประมาณ ๙ โมงครึ่ง ๑๐ โมง แต่ถ้าเป็นพระพม่านี่ท่านฉันจนกระทั่ง ๕ โมงครึ่งตอนเย็น ก็คือเกือบ ๖ โมงเย็น ถามว่าทำไมพระพม่าฉันได้ขนาดนั้น ? เพราะว่าท่านตีความพระวินัยเท่ากัน

คือศีลพระมีอยู่ ๒ ข้อ ข้อหนึ่งว่าภิกษุฉันอาหารในเวลาวิกาลต้องอาบัติปาจิตตีย์ เวลาวิกาลนี่เราไปตีความว่าหลังเที่ยงไปแล้ว อีกข้อหนึ่งท่านบอกว่าภิกษุเข้าบ้านในเวลาวิกาล ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ตรงนี้เราไปตีความว่าพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว

คราวนี้ของพม่าเขาตีความเดียวกัน ก็คือพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วถึงเรียกว่าวิกาล เพราะฉะนั้น...ประเภท ๕ โมง ๕ โมงครึ่ง ถ้าท่านฉันกันอยู่ ถ้าเห็นอย่าไปตำหนิท่านนะ เพราะว่าท่านตีความพระวินัยเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ของเรานี่ตีความต่างกัน"

เถรี
27-11-2018, 21:03
"ส่วนของทางด้านมหายานที่เขาฉันอาหารก็ลักษณะเดียวกัน แต่ว่ามหายานเขามีคำอธิบายเพิ่มเติมว่า สายมหายานนิยมฉันเจไปเลย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเบียดเบียนเลือดเนื้อร่างกายของสัตว์ การฉันอาหารเจ เขาบอกว่าไม่อยู่ท้อง ก็เลยต้องมีการฉันเพิ่มเติมเป็นมื้อที่สาม ซึ่งก็อยู่ในลักษณะเดียวกันก็คือก่อนพระอาทิตย์ตกดิน

แต่ว่าความเคร่งครัดของพระไทยเราก็คือ ฉันอาหารแค่ไม่เกินเที่ยง ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราเหมือนกัน เพราะว่าบางท่านต้องบอกว่าอยู่เพื่อกิน ไม่ใช่กินเพื่ออยู่ ท่านก็ฉันตั้งแต่เช้ายันเที่ยง ไม่รู้ว่ากี่มื้อ...! ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็ขาดโภชเนมัตตัญญุตามากไปหน่อย ต้องอยู่ในลักษณะที่ว่าพอเหมาะพอดี ก็คือให้เป็นมื้อเป็นคราว"

เถรี
27-11-2018, 21:05
"ตอนที่หลวงพ่อเจ้าคุณพรหมบัณฑิตนำเอาปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ไปมอบให้หลวงปู่เจ้าอาวาสวัดม้าขาว ไป๋หม่าซื่อที่ประเทศจีน พอกลับมาอาตมาก็ถามอาจารย์ที่ติดตามไปด้วยว่า ตกลงได้ฉันมื้อเย็นไหม เพราะว่าพระจีนเขาฉันมื้อเย็นกัน ท่านบอกว่าเขารู้กันหมดแล้วว่าพระไทยฉันแค่ ๒ มื้อ ก็เลยไม่มีมื้อเย็นให้ มีแต่น้ำชาให้กาเดียว แหม...นึกว่าจะได้ไปฉันมื้อเย็นที่โน่น

ฉะนั้น ของเราในเมื่อนิยมว่าเวลาเพลก็คือ ๑๑ โมงเริ่มฉัน เที่ยงตรงก็จบ บางท่านก็ถือว่าถ้าลุกก็จบเลย บางท่านฉันจนเลยเที่ยงก็มี ยังไม่ยอมลุก แต่บางท่านถือเที่ยงตรงจบ ส่วนบางท่านก็ถือว่าอาสนะเดียว ถ้าลุกขยับพ้นพื้นก็จบกันแค่นั้น"

เถรี
28-11-2018, 21:24
พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลมีสักชิ้นสองชิ้นก็พอ ขอให้เรามั่นใจในคุณพระรัตนตรัยก็แล้วกัน ไม่ใช่ต้องมีทุกรุ่น มีทุกรุ่นนั่นเรียกว่าบ้าแล้ว..!

สมัยก่อนอาตมาก็บ้าแบบนี้เหมือนกัน ตุนไว้เพียบเลย บูชาพระคำข้าวหลวงพ่อวัดท่าซุงทีหนึ่ง ๓๐๐ องค์ ๕๐๐ องค์ ๗๐๐ องค์"

เถรี
28-11-2018, 21:26
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้วันเสาร์ ตอนที่เข้ากรรมฐาน ๓ วันมีสุดยอดสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ก็คือคุณยายแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธวิกสิตาราม ท่านแวะมาสงเคราะห์ บอกว่าวันเสาร์ให้ตั้งน้ำอธิษฐานเอาไว้ ท่านจะเสกให้ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่าน เขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น ฉะนั้น ถ้าหากว่าใครอยากรู้ว่าทำอย่างไร ให้ไปหาวิธีการดู อาตมาก็ตั้งไปแล้ว มีคนยอมเหนื่อยแทน ต้องรีบฉวยโอกาสไว้

พวกเราก็ไม่ต้องอธิษฐานอะไรมากหรอก ขอให้หายโรคหายภัย ใครมีโรคภัยไข้เจ็บอะไรที่หมอธรรมดารักษาไม่หาย ก็ขอบารมีคุณยายแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติมอธิษฐาน ขอพระธรรมของพระพุทธเจ้าสงเคราะห์ให้

อาตมาจำได้ว่าในกระทู้คนมีเงินฯ เคยเอาพระปิดตาล้มลุกของคุณยายแม่ชี กับพระอื่น ๆ ไปออกอยู่หลายองค์ อย่างสายหลวงพ่อฤๅษีของพวกเรา ท่านใช้คำว่าอาราธนาบารมีพระท่านสงเคราะห์ ของคุณยายแม่ชีท่านใช้คำว่า อธิษฐานขอพระธรรมของพระพุทธเจ้าสงเคราะห์ ก็ความหมายเดียวกัน ฉะนั้น...ใครก็ตามที่ขอบารมีพระได้ จะเสกของได้ขลังทุกคน"

เถรี
28-11-2018, 21:28
"จะว่าไปแล้วนักปฏิบัติผู้หญิงเก่ง ๆ ในเมืองไทยเราก็เยอะ อย่างคุณยายแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม ก็เป็น ๑ ในจำนวนนั้น รุ่นหลัง ๆ ก็อย่างคุณยายแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ เสียดายที่ว่าทางสายของหลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุง มีฆราวาสหญิงชายที่เป็นนักปฏิบัติชั้นยอดอยู่มาก แต่ด้วยความที่เป็นฆราวาส ก็เลยยกเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นไม่ได้

ที่ยกเป็นตัวอย่างให้คนอื่นไม่ได้ เพราะว่าถ้าเราไปกราบไหว้บูชา คนก็จะรู้สึกว่าแปลก ๆ แต่ว่าทางด้านสายของหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุงนี่ เป็นเครื่องที่พิสูจน์ได้ชัดว่า คนเราจะหญิงจะชาย ไม่จำเป็นต้องบวช ขอให้ตั้งใจปฏิบัติจริง ก็สามารถเข้าถึงธรรมได้ทั้งนั้น"

เถรี
28-11-2018, 21:43
พระอาจารย์กล่าวว่า "อย่าไปแย่งวัตถุมงคลรุ่นที่คนเขาชอบกัน หลวงพ่อโต วัดระฆัง ท่านบอกแล้วว่า พระของท่านจะจริงจะปลอม จะเก่าจะใหม่ ถ้านึกถึงท่านก็มีอานุภาพเท่ากัน แล้วเรื่องอะไรเราจะไปซื้อองค์ละร้อยล้านแบบเสี่ยวิชัยท่าน แต่ว่าพระร้อยล้านของท่านก็ขลังจริงเหมือนกัน ขนาดเฮลิคอปเตอร์ตก ไฟไหม้ทั้งลำ พระไม่ระคายผิว แม้แต่พลาสติกยังไม่เป็นอะไรเลย

ไปนึกถึงอีกคนหนึ่งก็คือเสี่ยเหลา (นายแคล้ว ธนิกุล) นั่นโดนเอ็มสิบหกกระหน่ำกระจายเลย อมสมเด็จวัดระฆังไว้ในปากก็ตาย ไม่เข้าสักนัดเดียว แต่ กระดูกหักหมด ลูกศิษย์ที่เขาทำเกี่ยวกับมูลนิธิร่วมกตัญญูเขาบอก ช่วงนั้นอาตมาก็เป็นประธานมูลนิธิกู้ภัยอยู่ เขาเล่าให้ฟังว่าไปเก็บศพเฮียเหลานี่ไม่มีแผลเลย แต่ตาย กระสุนแรงมากจนกระดูกหักหมด พอรู้สึกว่าอีกฝ่ายหนึ่งตามล่า ก็อมพระสมเด็จวัดระฆังไว้ในปาก แต่ต้องบอกว่าหมดวาระจริง ๆ ก็เลยต้องตายจนได้

อย่างของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา นามสกุลเก่าจำง่ายกว่า แต่ว่านามสกุลใหม่เป็นนามสกุลพระราชทาน ท่านเองก็หมดวาระจริง ๆ เหมือนกัน พระเรียบร้อยทุกองค์ ไม่เป็นอะไรเลย ไฟยังไม่ไหม้เลย แต่ตัวเองตาย ท่านแขวนพระ ๓ องค์ มีพระสมเด็จวัดระฆัง พระรอดลำพูน แล้วก็ล็อกเก็ตหลวงพ่อเกษม เขมโก"

เถรี
28-11-2018, 21:44
"เรื่องของพระ ขอให้เรามีความมั่นใจ ศรัทธาเท่านั้น ความเชื่อมั่นต่างหากที่ทำให้เกิดพลังอย่างแท้จริง เพราะว่าพลังก็คือพลังใจของเรา วัตถุมงคลส่งกำลังส่วนหนึ่ง เราต้องเปิดใจรับ สองฝ่ายประสานกันถึงจะได้เต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์

แบบเดียวกับที่มีคนอมพระไว้ในปาก ตีกับเขาแล้วพระหล่น ก็คว้าหมับยัดเข้าปาก แหม...หลวงพ่อดิ้นใหญ่เลย เห็นว่าหลวงพ่อจะช่วยก็เกิดกำลังใจ ตีฝ่ายตรงข้ามกระจาย ตัวเองไม่มีบาดแผลสักนิดเดียว พอคายออกมากลายเป็นลูกเขียด ตายแหงแก๋ไปแล้ว หยิบผิด...! กลางค่ำกลางคืนโดนเขารุมตี พระหล่นคว้าได้ก็ยัดใส่ปากเลย เห็นดิ้นใหญ่ก็นึกว่าหลวงพ่อช่วย นั่นแหละ...กำลังใจตัวเอง"

เถรี
28-11-2018, 21:48
พระอาจารย์กล่าวว่า "สรุปแล้วกฐินวัดท่าขนุนได้เงิน ๒,๖๐๖,๖๔๐ บาทถ้วน ความจริงเป็นเศษแต่อาตมาเติมให้เต็ม พอหักรายจ่ายทั้งหมดแล้ว ก็ส่งเข้าบัญชีที่ต้องรายงานคณะสงฆ์ไป หนึ่งล้านเก้าแสนกว่าบาท

เงินกฐินนี้ทางคณะสงฆ์บังคับเลยว่าต้องเข้าบัญชีเป็นก้อนเดียว หักกลบลบล้างค่าใช้จ่ายแค่ที่อนุญาตให้มีได้ อย่างเช่นว่าค่าอาหารและน้ำดื่มเลี้ยงโยม ถวายพระภิกษุสามเณรที่อยู่ในงาน พยายามหักเต็มที่แล้ว หักไปได้แค่แสนกว่าบาท สรุปแล้วฝากไปประมาณล้านเก้าแสนกว่าบาท

สำหรับอาตมาแล้วเงินล้านกว่าก็ใช้ได้แค่เดือนเดียว ตอนนี้ที่รอจ่ายอยู่ก็คือเงินประกันผลงาน เงินประกันผลงานในการสร้างบันไดขึ้นสักการะรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน กับเงินประกันผลงานในการสร้างบันไดขึ้นสักการะพระพุทธเจติยคีรี สองฝั่งก็ล้านกว่าบาท ประกันผลงานนี่เราหักไว้ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ร้อยละ ๓๐ พูดง่าย ๆ ว่าภายใน ๖ เดือน ถ้าไม่มีอะไรให้ซ่อมให้แก้ไข ก็ส่งคืนเงินส่วนนี้ให้ช่างเขาไป ถ้ามีก็เอาเงินส่วนนี้หักมาซ่อม มาแก้ไข ฉะนั้น..เวลาเราทำสัญญาอะไรก็ต้องรัดกุม ถ้าเขาส่งงานให้ไม่ทันจะปรับเขาวันละเท่าไร ส่วนใหญ่ก็ปรับประมาณหนึ่งเปอร์เซ็นต์ สมมติว่าอาตมาทำไป อย่างเช่นว่า ๑๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท ถึงเวลาก็ปรับไปวันละ ๑๒,๘๐๐ บาท โดนไปวันละหมื่นกว่าบาทนี่จุกเหมือนกันนะ

มีตอนที่หุ้มทองพระเจดีย์ ๘๔ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก งานนั้นปรับช่างไปหกแสนกว่าบาท"

เถรี
28-11-2018, 21:52
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยเป็นฆราวาส ถึงเวลาไปทำบุญวัดไหน หรือว่าไปเช่าวัตถุมงคลวัดไหน ถือว่าวันนั้นเป็นวันดีที่เราได้อัญเชิญพระเข้าบ้าน เอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมงคลเข้าบ้าน พอมาเป็นพระ ถึงเวลาจัดงาน พระสงฆ์ที่ท่านมาเองโดยที่อาตมาไม่ได้นิมนต์ ปกติแล้วท่านจะเป็นส่วนเกิน แต่อาตมาถือว่าท่านมาเป็นเนื้อนาบุญให้ ก็ให้การต้อนรับขับสู้ ถึงเวลาก็ถวายปัจจัยไทยธรรมเท่ากับพระที่เรานิมนต์มานั่นแหละ ฉะนั้น...อาจจะเป็นเพราะว่าทำลักษณะอย่างนี้มา ทั้งตอนที่เป็นฆราวาสแล้วก็เป็นพระ ด้วยความรู้สึกว่าสิ่งดี ๆ ทั้งหลายจะได้เกิดขึ้นกับเรา

ตรงนี้เป็นกำลังใจที่เขาเรียกว่ามโนมยา คือ สำเร็จด้วยใจ เพราะว่าเรานึกถึงแต่ในเรื่องที่ดี พอถึงเวลาสิ่งที่ตอบสนองมาก็เป็นแต่เรื่องที่ดี ๆ ทั้งนั้น อย่างเช่นว่าถ้าวันนี้อาตมาบูชายันต์เกราะเพชรไป ก็กลับบ้านด้วยความปลื้มใจว่า เราได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีบารมีพระเข้าบ้าน ให้ท่านช่วยปกปักรักษาคุ้มครองตัวเราและคนที่เรารัก เป็นต้น วางกำลังใจให้เป็น วางกำลังใจให้ถูก เรื่องดี ๆ จะได้เกิดกับเราทุกวัน"

เถรี
28-11-2018, 21:54
"โดยเฉพาะมีสิ่งหนึ่งที่ไม่แนะให้โยมทำก็คือ อาตมาจะใช้พวกของหอมน้ำมันหอมในการเจิมบูชา ถือว่าถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา แต่ถ้าโยมทำตามนี่ เดี๋ยววัตถุมงคลจะกลายเป็นลายพร้อยไปหมด กลายเป็นสภาพต่างจากความเป็นจริง คนเขาจะไม่เชื่อ ไม่รู้ว่าไปทำอะไรมา วัตถุมงคลด่างไปหมด

สมัยฆราวาสอาตมามีอาชีพอย่างหนึ่งก็คือ อุ้มพระอาบน้ำ เพราะว่าพี่ชายสร้างบ้านแล้วประหยัด ห้องพระกับห้องครัวอยู่ติดกัน มีแค่ผนังกั้น ตรงช่วงจั่วเพดานก็ไม่ได้ติดฝ้า ถึงเวลาทำกับข้าว พวกไอน้ำมันก็ข้ามไปเกาะองค์พระ อาตมาก็มีหน้าที่อุ้มพระอาบน้ำอยู่ทุกเดือน ถึงเวลาก็ละลายผงซักฟอกหรือไม่ก็น้ำยาล้างจาน เสร็จแล้วก็อุ้มพระลงกะละมังไปเลย ใช้ฟองน้ำใหม่ ต้องของใหม่นะ ถ้าใช้แล้วของเก่านี่ต้องเลิกใช้ไปเลย ใช้ฟองน้ำใหม่ชุบ เช็ด ขัด ล้างน้ำสะอาด แล้วก็ตากแดดให้แห้ง จากนั้นก็นิมนต์ขึ้นหิ้งใหม่ จุดธูปเทียนบูชาใหม่ กราบขอขมาพระรัตนตรัยไปด้วย

มีหน้าที่อุ้มพระอาบน้ำอยู่ทุกเดือน อาตมาทนเห็นอะไรที่สกปรกไม่ได้ โดยเฉพาะว่าถ้าพระสกปรกนี่ไม่ยอม ฉะนั้น...บางท่านจะสงสัย อย่างเช่นว่ามีดหมอเก่า ๆ อยู่กับอาตมาแล้วสวยแท้ อ๋อ...ก็ขัดเสียสะอาดเอี่ยมไปเลย"

เถรี
28-11-2018, 21:57
"เมื่อสิ้นเดือนวันที่ ๓๑ ที่ผ่านมา อาตมาเอาเป้ใส่โน้ตบุ๊กไปซัก ใส่เครื่องปั่นเสียดิบดีเลย ปรากฏว่าวัตถุมงคลหลงอยู่ในนั้นชุดหนึ่ง สะอาดเอี่ยมไปเลย

ตัวเป้มีกระเป๋าลับอยู่นิดหนึ่ง อาตมาก็หยอดวัตถุมงคลไว้ในนั้นชุดหนึ่ง ชุดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นปลัดขิก มีปลัดขิกงาช้าง หลวงพ่อเหลือ วัดเขาชะโงก ปลัดขิกงาช้าง หลวงปู่สี วัดสะแก ปลัดขิกงาช้าง หลวงพ่อวุ่น วัดบางซอ แล้วก็มีปลัดขิกชินตะกั่วฝังงาช้าง หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม มีเม็ดพริกคหบดี หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ แล้วก็มีพระพิฆเนศงาแกะเข้าพิธีเสาร์ ๕ วัดท่าขนุนเอง

ปรากฏว่าลืม ออกมาใหม่เอี่ยมเลย สงสัยว่าท่านอยากอาบน้ำ ปกติอาตมาไม่เคยจับอาบน้ำ ได้แต่เช็ดด้วยน้ำมันเฉย ๆ เพราะว่าส่วนที่เป็นงาช้าง ถ้าไม่มีน้ำมันหรือขี้ผึ้งเลี้ยงไว้บ่อย ๆ ก็จะไม่สวย ยังดีว่าเครื่องปั่นแล้วไม่แตกไม่หัก ไม่อย่างนั้นได้น้ำตาเล็ดกันบ้าง เพราะว่าปลัดขิกงาช้างของหลวงพ่อเหลือ วัดเขาชะโงกหายากมาก ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ ถามว่าในเมื่อส่วนใหญ่เป็นไม้ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าอันนี้เป็นของหลวงพ่อเหลือ ? เพราะว่าจำลายมือท่านได้"

เถรี
28-11-2018, 22:00
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมใครจะไปตากอากาศที่ทองผาภูมิช่วงนี้ก็เชิญได้ อากาศกำลังสบายเลย แต่ขอร้องนะ อย่าขึ้นไปนอนบนรอยพระพุทธบาท เพราะว่ารอยพระพุทธบาทอยู่ในพื้นที่ป่าเขาเลยนะ ส่วนที่อาตมากลัวที่สุดก็คืองูจงอางใหญ่ ๒ ตัวจะมานอนด้วยหรือเปล่า ? ถ้าถามว่าใหญ่ขนาดไหนก็บอกไม่ถูก กะ ๆ ด้วยสายตาน่าจะเกินขวดน้ำปลา ความยาวของงูนี่หัวพ้นถนนไปแล้ว หางยังไม่ขึ้นมาเลย

เจ้าพวกนี้อาตมามีประสบการณ์เยอะ ก็คือตอนธุดงค์อยู่ในป่า ช่วงหน้าหนาวเขาจะมาหาที่อุ่น ๆ แล้วที่อุ่นที่สุดก็คือตัวเรา อาตมาโดนนอนทับอก โดนนอนเบียดข้างมาเยอะแล้ว ถึงเวลาภาวนาอยู่อะไรหนัก ๆ บนอก ต้องค่อย ๆ เอามือคลำ คลำให้เขารู้ตัว อย่าไปพรวดพราด พอเขารู้ตัวแล้วก็จับ ค่อย ๆ ดึงลงช้า ๆ ถ้าหากว่าดึงเร็วพรวดพราด มีหวังโดนกัดแน่นอน แต่ส่วนใหญ่พวกเราเองมักจะตกใจแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก

อาตมาไม่ได้ใจเย็นขนาดหลวงพ่อวัดท่าซุง งูมาเบียดท่านก็ทำเป็นหมอนเลย ได้ขนาดพอดี ท่านเล่าให้ฟัง ท่านบอกตื่นขึ้นมาอะไรเบียดอยู่ใกล้ ๆ คลำไปคลำมามีเกล็ด ๆ อยู่น่าจะเป็นงู ขนาดกำลังดี ขอเป็นหมอนหน่อยแล้วกัน แล้วก็หนุนไปเลย"

เถรี
28-11-2018, 22:02
"ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมจำนวนหนึ่ง ชอบชีวิตกลางแจ้งที่เรียกว่าเอาท์ดอร์ ใจคอจะขึ้นไปกางเต็นท์บนรอยพระพุทธบาทเรื่อยเลย ที่นั่นอยู่นอกเขตวัด แล้วก็อยู่หลัง อบต. กลางคืนเจ้าหน้าที่ อบต.เขาก็ไม่มีใครอยู่ ถ้าเกิดมีมิจฉาชีพไปปล้นไปฆ่านี่ยุ่งตายชักเลย เพราะว่าอยู่ในที่ลับหูลับตามาก โยมแหกปากให้ดังแค่ไหนก็ได้ยินไม่ถึงข้างล่างหรอก โยมตะโกน อาตมาได้ยินเต็มที่ก็แค่ ๓๐๐ เมตร แล้วขึ้นยอดเขาตั้ง ๘๙๐ กว่าเมตรเกือบ ๙๐๐ เมตร ตะโกนให้ตายได้ยินสักครึ่งเขาก็ดีตายชักแล้ว

อาชญากรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะว่าเราไปเปิดโอกาสให้เขา อย่างเช่นมีหลายรายที่เข้าไปข่มขืนเขา พอตำรวจสอบสวน บอกว่าเห็นประตูห้องเปิดอยู่ เห็นประตูห้องเปิดอยู่ ก็มุดเข้าไปล็อกประตู แล้วผู้หญิงตัวคนเดียวจะไปสู้อะไรเขาได้ ฉะนั้น...อย่าไปเปิดโอกาสให้เขา

อยากจะไปดูทะเลหมอกตอนเช้าก็รอโน่น...ทำวัตรเสร็จแล้ว ตี ๕ ครึ่งค่อยเดินขึ้นไป พอถึงเวลาขึ้นข้างบนก็พอดีได้อรุณ ได้ดูทะเลหมอก เวลากลางวันแล้วก็ไม่มีใครอยากจะยุ่งด้วยหรอก เพราะว่าพวกอาชญากรโจรขโมยพวกนี้กลัวเสียงดังกับกลัวแสงสว่าง สมัยอยู่วัดท่าซุงอาตมาปิดไฟตั้งแต่ตี ๕ ครึ่ง หลวงพ่อท่านบอกว่า คราวหน้าอย่าทำ กราบเรียนถามว่าทำไม ? ท่านบอกว่าถ้ายังจำหน้าคนไม่ได้อย่าเพิ่งปิดไฟ รอให้สว่างจำหน้าคนได้ก่อนแล้วค่อยปิด อย่าไปกลัวเปลืองไฟ"

เถรี
28-11-2018, 22:04
"ด้วยความที่ว่ารอยพระพุทธบาทอยู่นอกเขตวัดไปคนละฝั่งถนน แล้วขึ้นเขาไปไกลมาก ถ้าจะเดินสายกล้องวงจรปิดไป ก็คงจะหมดอีกหลายแสน ก็เลยไม่ได้ทำ จึงกลายเป็นจุดปลอดจุดเดียวของวัดที่ไม่มีกล้องวงจรปิดควบคุม

ตอนนี้ญาติโยมกี่คน ๆ โทรมาก็ถามว่า จะขึ้นไปค้างข้างบนได้ไหม ? ขอร้องเถอะโยม มาค้างในวัดปลอดภัยกว่า ทำวัตรด้วยกัน สร้างบุญสร้างกุศลเสร็จก็ไม่เกินตีห้าครึ่ง ส่วนใหญ่เต็มที่ก็ประมาณตีห้าสิบห้านาที เราเดินขึ้นยอดเขาก็สว่างพอดี แล้วยิ่งหน้านี้ยิ่งสว่างช้าเข้าไปใหญ่ เพราะว่าเป็นฤดูหนาว กลางคืนจะยาวกว่ากลางวัน

เราไม่รู้ว่าวาระกรรมจะมาถึงตอนไหน เพราะฉะนั้น...อย่าประมาท ในเมื่อพระพุทธเจ้าสอนเราไม่ให้ประมาทก็ต้องทำตาม จะเห็นว่าขนาดท่านเจ้าสัววิชัยพกพระดีขนาดนั้น ท่านเองพอถึงวาระก็ยังต้องไป เราเองไม่ได้สร้างบุญสร้างกุศลมาดีขนาดท่าน ทำอะไรแบบประมาท ระวังจะถูกหวยรางวัลใหญ่โดยไม่รู้ตัว"

เถรี
29-11-2018, 08:41
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเองก็พกวัตถุมงคลหลายชุด จะมีชุดพระ นำด้วยสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒ วัดท่าซุงแล้วก็มีชุดสิงสาราสัตว์ อย่างเช่นว่าเสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน แล้วก็มีชุดเบี้ยแก้ ชุดลูกอม ชุดตะกรุด พกรอบไปหมด คราวนี้ชุดปลัดขิกไปหย่อนไว้ในเป้ก็เลยซักเสียสะอาดไปเลย

ปกติไปไหนก็ยึดชุดพระเป็นใหญ่ ส่วนอื่นก็เป็นแค่ส่วนประกอบ ถ้าชุดผ้ายันต์ก็จะเป็นผ้ายันต์หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ธงมหาพิชัยสงคราม หลวงพ่อวัดท่าซุง เป็นต้น

ถามว่าพกทำไมเยอะแยะ ? ก่อนหน้านี้ไม่เคยพกเลย แล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเตือน ท่านบอกว่า “ขนาดหลวงปู่ปานยังเผลอ แล้วแกแน่แค่ไหน ?” ก็เลยพกบ้าง พกไปพกมาเยอะก็ขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่ผ่านไป แต่พยายามเอาพระเป็นหลัก ถึงเวลาอาราธนาบารมีพระก่อน แล้วค่อยนึกถึงวัตถุมงคลอื่น ๆ ตามหลัง"

เถรี
29-11-2018, 08:45
ถาม : หลวงปู่ปานท่านเข้าห้องน้ำแล้วถอดไว้หน้าห้องน้ำ ?
ตอบ : ท่านแขวนตะปูไว้ในห้องน้ำนั่นแหละ เพียงแต่ว่าของพ้นตัวแล้ววาระกรรมก็เข้ามาพอดี จึงโดนเขาบังฟันล้มทั้งยืนเลย

ถาม : อย่างนี้เข้าห้องน้ำแล้วเอาเข้าไปด้วยได้ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ได้ แต่ว่าตอนถอดต้องอธิษฐานให้คุ้มกันเราด้วย หลวงปู่ท่านถอดแขวนเฉย ๆ เผลอหน่อยเดียว เวลาวาระกรรมเข้ามาอย่างไรก็ต้องเผลอ

ถาม : บังฟันนี่ไม่มีแผลใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีแผลข้างนอก แต่ข้างในขาดหมด เท่ากับโดนฟันขาด ๒ ท่อน เพียงแต่ว่าหนังยังดีอยู่ คือจะต้องใช้มีดอาถรรพ์ที่เขาใช้ในพิธี แล้วก็ต้องใช้ต้นกล้วยหรือไม่ก็พวกฟักแฟงแตงน้ำเต้าอะไร ภาวนาจนกระทั่งกายนิมิตของคนที่เราจะฟันปรากฏขึ้นที่นั่น แล้วก็ฟันขาดท่อนไปเลย จะว่าไปก็เป็นอภิญญานะ เป็นกสิณด้วย แต่เขาเอาไปใช้ผิดเท่านั้น แทนที่เอาไว้ใช้ช่วยคนอื่น กลายเป็นไว้ใช้ทำร้ายเขา

เถรี
29-11-2018, 08:50
ถาม : มีคนไข้ที่ทำหมันและท้องมา ทีนี้อาจารย์เขาใช้ให้เราไปขูดมดลูก ทำแท้ง ถ้าเป็นอย่างนี้หนูควรจะทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ใครเป็นคนทำแท้ง ?

ถาม : จริง ๆ เขาให้หนูไปทำ แต่...?
ตอบ : ถ้าคนอื่นทำแล้วเราเหลือแค่หน้าที่ขูดมดลูกก็ขูดไปเถอะ เรามีหน้าที่ช่วย หน้าที่ฆ่าเด็กปล่อยให้คนอื่นเขาทำไป

ถาม : ถ้าเราเป็นคนขูดละคะ ?
ตอบ : ถ้าเราเป็นคนทำ เด็กตายก็คือเราฆ่า คราวนี้เราไม่ได้ทำ เรามีหน้าที่ขูดมดลูก เป็นขั้นตอนในการรักษา ต้องแยกให้ออก

ถาม : เขาทำแท้งโดยการขูดมดลูกค่ะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าทำแท้งด้วยการขูดมดลูก อันนี้ก็ไม่รับประกันแล้วว่าโทษจะเกิดกับใคร ต้องดูว่าเด็กตายตอนไหน

ถาม : หนูควรจะต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : ถ้าหากว่าถึงการแพทย์ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องจำเป็น เพราะหมอเป็นคนวินิจฉัยเอง เราถือว่าทำตามหน้าที่ เพราะว่าเราไม่ใช่คนที่มีความต้องการทำอย่างนั้น ถึงเวลาถ้าติดใจก็ไปปล่อยชีวิตสัตว์ อุทิศให้กับเด็กเป็นการชดเชยไป

เถรี
29-11-2018, 08:52
ถาม : แล้วอย่างกรณีที่เด็กที่อยู่ในท้อง เป็นพวกมีความผิดปกติ เช่น ไม่มีหัว โครโมโซมผิดปกติ แล้วเขาจะต้องทำแท้ง ?
ตอบ : ต้องดูว่ามีจิตเข้าหรือเปล่า ? ตรงนี้ลำบาก ถ้าไม่รู้จริงนี่เจ๊งเลย ต้องมีเจโตปริยญาณ ถ้าหากว่ามีจิตปฏิสนธิอยู่ข้างในแล้ว ไม่ใช่แค่วิญญาณนะ วิญญาณนี่คือประสาทความรู้สึก ดิ้นได้ อะไรได้หมด แต่จิตที่เป็นตัวรู้มีหรือยัง ? ถ้าไม่มีก็ทำได้ ถ้ามีก็แปลว่าบาปกรรม

ถาม : คือถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงไป ?
ตอบ : เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไป ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ถือว่าเราทำตามหน้าที่ทำตามคำสั่ง ไม่ใช่ความต้องการของเรา พอถึงเวลาก็ปล่อยชีวิตสัตว์อุทิศให้เขา ขอให้เขาอโหสิกรรมให้ด้วย

เถรี
29-11-2018, 08:54
มีคนแขวนประคำงามา พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครใช้ประคำทำจากงา ทำจากกระดูก ทำจากเขา ก็อุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าของเขาบ้าง อย่าปล่อยให้เขาเดินผอมโซตามอยู่ตลอด อาตมาใช้อันไหนก็อุทิศส่วนกุศลให้เขาไปเกิดเป็นพรหมเป็นเทวดา หมดเรื่องหมดราวข้ามขั้นตอนไปเลย ไม่ต้องเสียเวลามาลำบาก มีอยู่เที่ยวหนึ่งใช้ลูกประคำทำด้วยเขาจามรี เบื่อที่เขาเดินตาม รับส่วนกุศลไป ๆ ให้พ้นก็แล้วกัน พวกนี้เขามีความยึดติดเหมือนกัน ยึดติดว่าเป็นซากเป็นสังขารของเขา

ถ้าหากว่าเป็นส่วนที่ชอบอย่างเช่นว่าเป็นงาช้างกำจัด ถ้าอย่างนี้ไม่เป็นไร เพราะมันหลุดจากร่างกายขณะที่เจ้าของยังไม่ตาย ไปแทงไปสู้กันไปอะไรกันจนงาหักกระจาย อย่างนั้นจะไม่มีปัญหา แต่เพื่อความปลอดภัยก็อุทิศให้เขาไปก่อน

ปล่อยให้เขาเดินตามผอมโซเลย คนไม่เห็นก็ไม่เป็นไร คนเห็นก็สงสาร แล้วก็ไปยุ่งกับเขาไม่ได้ เพราะว่าเป็นของเขา เขาก็ต้องยึดติด ก็ต้องให้เจ้าของคนใช้เป็นคนอุทิศให้"

เถรี
29-11-2018, 09:10
พระอาจารย์จ่ายค่าแบบบาตรน้ำมนต์ "เดี๋ยวนี้ค่าขึ้นแบบแพงมาก บาตรกว้างประมาณ ๑๐ กว่าเซนติเมตร เขาจะออกแบบแล้วขึ้นรูปเป็นสามมิติ เดี๋ยวนี้คอมพิวเตอร์ช่วยได้เยอะ ถ้าเป็นสมัยก่อนต้องปั้นด้วยมือ

บาตรน้ำมนต์โบราณเรียกว่าครอบน้ำมนต์ ทีนี้ครอบน้ำมนต์ทั่วไปอาตมาเห็นแล้วเซ็ง ใบแค่นี้เอง จุ่มสลัด ๓ ทีก็หมดแล้ว อาตมาก็เลยทำให้ใบใหญ่หน่อย แต่ก็แพง เพราะว่าชนวนที่ใส่ลงไปก็คือส่วนที่เหลือจากการหล่อหลวงพ่อนาก ซึ่งเป็นส่วนผสมทองเสียเยอะ จึงคิดโยมแพงหน่อย เขาจองกันมาก็เกือบ ๑๕๐ ใบ ถ้าชนวนไม่พอ ก็ต้องเอาส่วนอื่นไปเพิ่ม

อาตมาลงทุนทำวัตถุมงคลแต่ละครั้ง จ่ายไปเป็นล้าน ๆ แต่โยมไม่รู้ คราวที่แล้วเฉพาะเรื่องยันต์เกราะเพชรหมดไป ๓ ล้านกว่าบาท ไม่น่าเชื่อ...เนื้อทองคำเขาคิดค่าปั๊มแผ่นหนึ่ง ๑,๒๐๐ บาท จะเป็นลม...! ถึงได้ขำ ๆ ว่าตอนที่แจกในงานกฐิน โยมเขาเวียนมาทำบุญคนละ ๒๐ บาทแล้วก็รับยันต์ไปแผ่นหนึ่ง ก็เลยบอกว่า "โยมรู้ไหมว่าอาตมาลงทุนไปเท่าไร เขาปั๊มโป้งเดียวก็ล่อไป ๔๐ - ๕๐ บาทแล้ว แต่โยมทำบุญให้อาตมาทีละ ๒๐ บาท..!"

เถรี
29-11-2018, 09:13
ถาม : ถ้าอุทิศส่วนกุศลให้ท่านที่ตามมาแล้ว ท่านจะมาดูแลเราไหมครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้าได้ดีเพราะเรา เขามีความกตัญญู แล้วเขามักจะตามรักษา แต่อาตมารำคาญ ส่วนใหญ่ให้แล้วก็ไล่ให้พ้น ๆ หน้าไป เบื่อที่ีตามมาขบวนใหญ่ ๆ บางทีไปกลางทาง เจอหมาโดนรถทับตาย พออุทิศส่วนกุศลให้ เขาไล่ตามเลย ต้องบอกว่าไม่ต้องตามมา เอ็งจะไปไหนก็ไปเถอะ

เถรี
29-11-2018, 09:30
ถาม : อยากรู้ว่าเวลาที่เราอ่านนิยายจีน เราสามารถฝึกหรือว่าทำให้เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : นิยายจีนส่วนใหญ่จะเป็นปรัชญาในการดำเนินชีวิต ยกเว้นรุ่นหลัง ๆ อย่างหวงอี้ที่เขียนอย่างพวกมังกรคู่สู้สิบทิศ เทพมารสะท้านภพ จอมคนแผ่นดินเดือด จะมีการฝึกปฏิบัติที่เป็นแนวทางจิตกับทิพจักขุญาณพวกนั้นอยู่ด้วย ถ้าหากว่าเรามีพื้นฐานก็สามารถทำตามได้ นอกนั้นก็แค่ปรัชญาในการดำเนินชีวิตตามหลักของขงจื๊อ

ถาม : ที่เราฝึกคือ อ่านแล้วเราคิดตาม ?
ตอบ : ถ้าหากว่าจะเอาตามแบบพระพุทธศาสนาเราก็ดู รัก โลก โกรธ หลง ดูความทุกข์ของเขา เกิดแก่เจ็บตายเหมือนกัน

เถรี
29-11-2018, 09:37
ถาม : ถวายทองคำกับปัจจัยร่วมหล่อพระทองคำ ยังถวายได้เรื่อย ๆ ไหมคะ ?
ตอบ : ได้เรื่อย ๆ เพราะว่าสร้างองค์นี้เสร็จแล้ว ยังมีต่ออีกองค์หนึ่ง

ถาม : หล่อเดือนไหนเจ้าคะ ?
ตอบ : วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๒ หลังจากนั้นแล้วยังมีอีกองค์หนึ่งตามมา

ถาม : หลังจากสร้างพระทองคำแล้วจะสร้างพระอีกองค์หรือคะ ?
ตอบ : มีอีกองค์หนึ่ง จะสร้างเป็นปางห้ามสมุทรทรงเครื่องจักรพรรดิ เพราะว่าหลังจากที่คำนวณทองอย่างรอบคอบแล้ว เรามีเกิน ในเมื่อมีเกินก็สร้างอีกองค์หนึ่งไปเลย ตอนแรกคำนวณไว้ว่าอยู่ที่ ๑๔๐ กิโลกรัม ปรากฏว่าไป ๆ มา ๆ หลังจากที่หล่อองค์ใช้งานจริงด้วยเงินแล้ว สามารถคำนวณเนื้อทองละเอียดได้ว่าใช้เท่าไร ช่างเขาบอกว่าอยู่ที่ ๙๗ กิโลกรัม เรามีทองเหลือตั้งเยอะก็เลยสร้างอีกองค์หนึ่ง

ถาม : ทำไมถึงสร้างปางห้ามสมุทร ?
ตอบ : อยู่ใกล้เขื่อน ...(หัวเราะ)... เขื่อนแตกนี่จะน้ำจืดน้ำเค็มก็สึนามิทั้งนั้น สารภาพตรง ๆ ว่าเอาไว้กันเขื่อนแตก

ถาม : เวลาท่านสร้างปางห้ามสมุทร ท่านจะมีองค์เล็ก ๆ ด้วยไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี

ถาม : นึกว่าจะเอาไปบูชาไว้ที่อื่น เพราะว่าตัวเองก็กลัวน้ำ ?
ตอบ : สารภาพตรง ๆ ว่าวัดใกล้เขื่อนก็เลยสร้าง

เถรี
29-11-2018, 17:06
พระอาจารย์กล่าวว่า "อยากรู้ว่าใช่ไม้งิ้วดำหรือไม่ ให้หย่อนลงน้ำไปเลย ถ้าเป็นงิ้วดำจะลอยน้ำ มะเกลือนี่จมแน่นอน"

เถรี
29-11-2018, 17:09
ถาม : คนเราเกิดมามากมาย เกิดมาในดินแดนที่ไม่ใช่ในพระพุทธศาสนา จะมีประโยชน์อะไรในการเกิดมา ?
ตอบ : สร้างบารมี โดยเฉพาะในเรื่องของการสงเคราะห์ผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น ถ้าหากว่ายังไม่มั่นคงต่อพระรัตนตรัย อย่างไรก็มีสิทธิ์หลุดไปดินแดนอื่นนอกเขตพระพุทธศาสนา ถ้ามั่นคงแล้ว อย่างไรก็ไม่หลุด

ถาม : อย่างผมไปเมืองจีน ผมก็เห็นคนทั่วไปก็ไม่ได้มีโอกาสในการทำบุญ ?
ตอบ : ก็ของเขายังทำบุญมาน้อยหน่อย ของเราทำมามากกว่า มีโอกาสมากกว่า ก็เร่งทำเข้าไว้

เถรี
29-11-2018, 17:10
ถาม : อย่างเวลาจับลมหายใจในการเดิน พอถึงจุด ๆ หนึ่ง ลมหายใจไม่เข้า ต้องหายใจทางปาก ลักษณะอย่างนั้นจะเป็นการกำหนดในอานาปานสติอยู่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าความรู้สึกยังอยู่ก็ยังใช่ ต่อให้ไม่มีลมหายใจก็ใช่ แต่เพียงแต่ว่าเป็นฌานในอานาปานสติ

เถรี
29-11-2018, 17:18
มีโยมจากลพบุรีมาถวายสังฆทาน "ลพบุรีก่อนหน้านี้ก็ต้องบอกว่าเป็นตักศิลา เพราะว่าละโว้ก็คือเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมาก ๆ ในอดีต ขนาดมีบันทึกของจีนกล่าวถึง คนจีนเขาเรียกหลอฮก ไม่ได้เรียกละโว้ เสี่ยมล้อ หลอฮก ก็คือสยามละโว้

หลวงปู่แสง วัดมณีชลขัณฑ์ หลวงปู่แสงท่านเป็นอาจารย์ของหลวงปู่โต วัดระฆัง โน่น...เจ้าสำนักตักศิลาแห่งเมืองละโว้ ลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง ลูกศิษย์ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาที่สุดก็คือหลวงปู่โต วัดระฆัง

มาอีกสายหนึ่งก็หลวงปู่ก๋ง วัดเขาสมอคอน ที่ตอนหลังสืบทอดมาถึงหลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน วัดเขาสมอคอนเขาว่าเกิดจากที่หนุมานไปค้นหายาสังกรณีตรีชวา รื้อเสียกระจายเลย ถึงเวลาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะว่าสังกรณีหนีได้ เราขึ้นบนเขาก็ลงล่าง เราลงล่างเขาขึ้นบน หนุมานก็เลยต้องเนรมิตกายใหญ่ เอาหางรวบกวาดขึ้นไปอยู่บนยอดเขาถึงจะจับได้"

เถรี
29-11-2018, 17:22
"สังกรณีตรีชวาอยู่ในลักษณะคล้าย ๆ กับในตำราจีนที่ว่า พอพืชอายุเป็นพัน ๆ ปีก็มีจิตวิญญาณ สามารถหนีได้ เคลื่อนไหวได้ ถึงเวลาก็เอาไปทำยา

ด้อมมองร้องเรียกก้องกู่.........ก็ขานอยู่แทบเชิงสิงขร
ขุนกระบี่ผู้มีฤทธิรอน............ประนมกรนิรมิตอินทรีย์
มีหางยาวใหญ่โอบกระหวัด......รัดรอบสรรพยาคีรีศรี
เรียกพลางรวบขึ้นไปทุกที........จนถึงที่ยอดพระบรรพต

ที่โบราณจารย์สร้างเครื่องรางรูปลิงหรือรูปหนุมาน ก็ด้วยเคล็ดลับหลายอย่างด้วยกัน เรื่องเก็บยาสังกรณีตรีชวานี่จะเห็นว่าหนุมานเป็นสุดยอดของปัญญา และสุดยอดนักแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า

เหวยสังกรณีตรีชวา..............พระจักราให้มาเชิญไป
เรียกขึ้นทีไรก็ขานรับ..............จะจับสำคัญนั้นไม่ได้
แต่เวียนวนค้นหาจนอ่อนใจ...........ก็ขึ้นไปบนยอดคิรินทร
ด้อมมองร้องเรียกก้องกู่............ก็ขานอยู่แทบเชิงสิงขร

ขึ้นไปบนยอดยาก็หนีลงมาข้างล่าง พอลงข้างล่างยาก็หนีขึ้นบนยอดเขา"

เถรี
29-11-2018, 17:24
"หลัก ๆ เลยก็คือหนุมานใครฆ่าไม่ตาย เป็นลูกพระพาย เขาเรียกว่าวายุบุตร ถึงเวลาลมโชยมาก็ฟื้นใหม่ ประการต่อไปคือทำงานอะไรสำเร็จทุกเรื่องไม่เคยพลาด เป็นสุดยอดของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เป็นมหาเสน่ห์มหานิยม ไปทำงานที่ไหนก็ได้เมียที่นั่น เขาเลยเอาเคล็ดลับตรงนี้มาสร้าง

หนุมานที่ดังที่สุดก็ต้องของหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน รองลงไปก็เป็นของหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วก็สร้างไว้เยอะ หลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือก็สร้างไว้เยอะ แล้วก็มีหลวงปู่ปาน วัดบางกระสอบ สร้างเป็นองคต แล้วก็มารุ่นหลัง ๆ ก็หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เป็นหนุมานหล่อรุ่นชินบัญชร

ตอนที่อาตมายังวัยรุ่นอยู่นี่ ตัวหนึ่งไม่กี่บาท อาตมาเองชอบเหรียญ ก็บูชาเหรียญ พี่สุรกานต์ชอบเครื่องราง ก็บูชาหนุมานไป สมัยนั้นท่านสร้างตั้ง ๕๐๐ ตัว ถือว่าเยอะมาก เป็นหนุมานหล่อรุ่นแรก ๆ เลย"

เถรี
29-11-2018, 17:57
ถาม : รามเกียรติ์เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : มีทั้งส่วนจริงแล้วก็มีส่วนแต่งเติมเพิ่มเข้าไป สิ่งที่อัศจรรย์ที่สุดก็คือ หนุมานจองถนนเพื่อให้พระรามไปกรุงลงกา ถามว่าบรรดาวานร ๑๘ มงกุฎสารพัดจะมีฤทธิ์ ทำไมไม่อุ้มพระรามเหาะข้ามไปเลย ทำไมต้องเสียเวลาไปทำถนนขนาดนั้น ?

ก็ต้องบอกว่าในฐานะของทัพกษัตริย์ ต้องข้ามไปอย่างสง่างาม สมพระเกียรติยศ ถึงพร้อมด้วยกองพลทั้ง ๔ เหล่า ก็เลยมีการจองถนนข้ามไป ปัจจุบันนี้ภาพถ่ายดาวเทียมเห็นชัด ๆ เลย มีแนวถนนจากอินเดียต่อไปจนถึงเกาะลังกา นักสมุทรศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลเขาบอกว่าเป็นแนวปะการัง แต่คนอินเดียยืนยันเลยว่าถนนหนุมาน ร่องรอยอยู่จนถึงป่านนี้ เป็นพัน ๆ ปีมาแล้ว

ถาม : จริง ๆ แล้ว หนุมานเป็นลิง หรือเป็นเทวดา หรือเป็นสัตว์โลกประเภทใด เช่น แบบเดียวกับยักษ์ ?
ตอบ : เอาแค่วานร ๑๘ มงกุฎ ส่วนใหญ่ก็เป็นบรรดาเทพต่าง ๆ ที่อวตารลงมา

"...นิลเอกนิลนนท์นิลขัน สุรเสนสุรกานต์ทหารใหญ่..." เป็นเทพอวตารลงมาทั้งนั้น เพื่อมาช่วยงานของพระรามที่จะมาปราบทศกัณฐ์ อาสาลงมาเป็นทหารในกองทัพ

ถาม : ก็คือลิงอย่างนั้นหรือคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นต้องเป็นคนนี่ อย่าลืมว่าผู้ที่มาสร้างบารมี ถ้าเกิดเป็นสัตว์จะต้องไม่เล็กกว่านกกระจาบ และไม่ใหญ่กว่าช้าง จะเป็นตัวอะไรก็ได้

ถาม : แล้วรามเกียรติ์นี่อยู่ในสมัยไหนคะ ?
ตอบ : โน่น...กาลครั้งหนึ่งนานแสนนานเหลือเกิน

เถรี
29-11-2018, 18:21
ถาม : ไปลองอดอาหาร เหมือนที่ อ.บะท่านบอก ระหว่างนั้นรู้สึกว่าทรงสมาธิเป็นปกติ เป็นอัตโนมัติ มีความรู้ตัวอัตโนมัติ เหมือนกับการที่ร่างกายใกล้จะตาย แล้วกำลังใจรวมตัว ?
ตอบ : ประมาณนั้น แต่ว่าบุคคลนั้นต้องฝึกจนชำนาญเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะรวมกำลังใจได้ยาก ถ้าเริ่มมีความชำนาญ กำลังใจทรงตัวหน่อยหนึ่ง ถ้าเกิดอันตรายต่อร่างกาย กำลังใจก็จะรวมตัวกันเลย

ถาม : จะ "ชิลด์" มาก ?
ตอบ : ก็ถึงตอนนั้นจะกลัวอะไร เห็นว่าต้นทุนของตัวเองพอแล้ว ในเมื่อเห็นต้นทุนตัวเองพอก็พร้อมที่จะไป แต่อย่าไปประมาทนะว่าพอ เอาจริง ๆ แล้วก็ยังไม่พอรับประทาน

ถาม : พอเรากลับมา สติก็ยังทรงตัวอีก ?
ตอบ : จะได้เป็นระยะไป ถ้าเรารักษาได้เป็นเดือนเป็นปีกำลังใจจะทรงตัว แต่ส่วนใหญ่รักษาไม่อยู่ ประคองไม่อยู่ ก็หายไปในเวลาไม่นาน ถึงได้ย้ำแล้วย้ำอีก บอกว่าทำแล้วให้รักษาเอาไว้ ทำแล้วให้รักษาเอาไว้ แต่พวกเราฟังผ่านหูไปเฉย ๆ

ถาม : อดอาหารเหมือนบังคับให้ทำสมาธิไปโดยปริยาย ?
ตอบ : แน่นอน ถ้าหลุดจากสมาธิก็หิว

เถรี
29-11-2018, 18:24
ถาม : พอกลับมากินอาหาร รู้สึกไม่ดี ไม่โปร่งเหมือนเก่า ?
ตอบ : แน่นอน เพราะว่าร่างกายหนักด้วยสารอาหาร เลือดลมไม่ปลอดโปร่ง การภาวนาก็ไม่ถนัดเหมือนเดิม

ถาม : จะกลายเป็นเรากลัวข้าว ?
ตอบ : ไม่เห็นมีอะไร ก็เอาแบบนักปฏิบัติก็ได้ มื้อเดียวก็ยังพอไหวอยู่ เพราะว่าอย่างน้อย ๆ มีเวลาว่าง ๑๘ ชั่วโมง

ถาม : กลายเป็นเรากินน้อยลงกว่าเดิม ?
ตอบ : กินไปเถอะ ถ้าอยู่ในสมาธิก็ไม่ได้ต้องการอาหารมากมายเท่าไรหรอก แล้วน้ำหนักลดเท่าไร ?

ถาม : ไม่ได้ชั่ง ?
ตอบ : อาตมาเข้ากรรมฐานอดข้าว ๓ วัน หายไป ๔ กิโลกรัมกับอีกนิดหนึ่ง

เถรี
29-11-2018, 18:43
พระอาจารย์กล่าวว่า "พญากากะวานรเป็นลิงที่ฉลาดแสนรู้พอ ๆ กับคน หลายครั้งในการรบ กองทัพละโว้สามารถชนะได้นี่เพราะลิง ด้วยความเร็วแล้วก็กำลังของเขา พรวดเดียวขึ้นถึงหลังช้างก็หักฉัตรจอมทัพเขาทิ้งแล้ว ในเมื่อฉัตรหัก พวกข้าศึกก็ใจหายแล้ว เพราะคิดว่าเจ้านายตัวเองตาย ถึงเวลาก็รวนไปหมดทั้งกองทัพ โดนตีอีกไม่กี่ทีก็เจ๊งหมดแล้ว บางทีก็ประเภทฉลาดเกินคนตรงที่ว่า พอขึ้นไปถึงก็ฆ่ากลางช้าง หลังช้าง ทิ้งหมดเลย เหลือแต่นายทัพไว้ให้เจ้านายตัวเองจัดการ

ลองคิดดูว่าถ้าลิงพกมีดนี่เราจะสู้ลิงได้ไหม ไม่มีทางทัน พรวดเดียวขึ้นไปก็แทงกลางช้าง หลังช้าง ตกหมดเลย บรรดาลูกหลานของเขาที่สืบสานมาก็คือลิงศาลพระกาฬในทุกวันนี้"

ถาม : วันก่อนอ่านวิจัยลิงชิมแปนซี ว่าฉลาดมาก และดูน่ารักมาก แต่ว่าอันตราย เพราะมีเปอร์เซ็นต์สูงมากเช่นกัน ที่เจ้าของถูกลิงชิมแปนซีที่ตัวเองเลี้ยงฆ่าตาย ?
ตอบ : ปัจจุบันนี้ตัวที่ฉลาด ๆ เขาสามารถสื่อสารภาษามือได้เป็นพันคำเลย แล้วก็เล่นแท็บเล็ตเป็น แต่ด้วยความที่เขาแข็งแรง แล้วก็ยังติดสัญชาตญาณลิงตรงที่ว่า ผู้แข็งแรงถึงจะเป็นนาย เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าเจ้านายแสดงท่าทีอ่อนแอนี่มีสิทธิ์โดน

เถรี
29-11-2018, 18:44
ถาม : คนเดี๋ยวนี้ก็ไม่แข็งแรงเท่าคนสมัยก่อน ?
ตอบ : แต่ไหนแต่ไรมา สัตว์แข็งแรงกว่าคนอยู่แล้ว ยกเว้นว่าคนจะใช้เรื่องของอำนาจจิตเข้าไปผสมถึงจะปราบสัตว์ทั้งหลายได้ อย่างพวกวิชาคชศาสตร์ที่ใช้ในการปราบช้าง ก็ต้องมีเวทมนต์คาถา มีพลังจิตในการใช้

ถาม : พลังของเขามีไหมคะ ?
ตอบ : ในสภาพความเป็นมนุษย์สามารถทรงฌานได้มากกว่า ในเมื่อกำลังฌานสูงกว่าก็ข่มกันลงได้อยู่แล้ว

ถาม : เขาทำได้แค่สมาธิหรือเขาใช้พลังไปด้วย ?
ตอบ : หมาบางตัวนี่เขาสามารถทรงฌานตั้งเวลาได้เลย

เถรี
29-11-2018, 19:05
ถาม : โลหะที่จารยันต์มหาสะท้อนได้ เป็นโลหะมีค่าหรือคะ ?
ตอบ : โลหะมีค่า ก็คือ ทองคำ นาก หรือเงินเท่านั้น

ถาม : น้ำหนัก ๑ บาทขึ้นไป ?
ตอบ : ระยะหลังเห็นบางวัดเขาทำองค์พระ ประเภทน้ำหนักยังไม่ถึงสลึงเลย แล้วก็ไปลงยันต์มหาสะท้อน จะได้ผลอะไร น้ำหนักไม่ถึง จะเป็น ทอง นาก เงิน ก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน

เถรี
29-11-2018, 19:09
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใบชาไปจากประเทศจีน แต่ญี่ปุ่นกลับชงชาได้เก่งที่สุด เพราะว่าญี่ปุ่นเขาเอาหลักการปฏิบัติทางจิตเข้าไปควบกับการชงชา เรียกว่า เซนฉะ ก็คือการใช้สมาธิฌานในการชงชา จะประณีตบรรจงมาก ๆ"

เถรี
29-11-2018, 19:10
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และนายกระรอก