PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกันยายน ๒๕๖๑


เถรี
03-09-2018, 19:27
ถาม : ตะขาบชอบเข้าในบ้าน จะมีวิธีจัดการอย่างไรครับ ?
ตอบ : ทุบ...! ถ้าตะขาบเข้าในบ้านแปลว่าในบ้านมีแมลงสาบเยอะมาก ฉะนั้น..ควรที่จะไล่แมลงสาบออกไปก่อน เพราะว่าตะขาบชอบกินแมลงสาบ สัตว์บางอย่างเขามาเพราะมีอาหาร จึงต้องจัดการแหล่งอาหารให้ได้ก่อน เดี๋ยวนี้เขามีเครื่องไล่หนูไล่แมลงสาบด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ลองไปซื้อมาติดสักเครื่องก็แล้วกัน

เถรี
03-09-2018, 19:32
ถาม : ในการทำสังฆกรรมบวช หากมีภิกษุที่เป็นกระเทย ซึ่งเขาเหล่านั้นมีกายเป็นชายใจเป็นหญิง เข้าไปร่วมในสังฆกรรมบวชพระ การบวชนั้นจะเป็นโมฆะหรือไม่ หรือได้เป็นแค่เณร ?
ตอบ : ไม่เป็นโมฆะ ถ้าเขาบวชเข้ามาแล้วรักษากฎเกณฑ์กติกาได้ทุกอย่าง ความเป็นพระของเขาก็สมบูรณ์ ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีใจเป็นหญิงหรือไม่เป็นหญิง

ถาม : ตามที่ท่านอาจารย์ได้บอกไว้ว่า บุคคลที่เป็นกระเทยเขาสามารถบวชได้แต่เก็บอาการให้อยู่ ถ้าหากเขาแสดงอาการหรือร้องวี้ดว้ายควรให้นาสนะ เหตุที่ให้นาสนะเนื่องมาจากวิบัติใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : อยู่ที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์เป็นผู้พิจารณา ส่วนเรื่องวิบัติหรือไม่วิบัติท่านพิจารณาตั้งแต่ก่อนบวชแล้ว ถ้าบวชเข้ามาได้ก็แปลว่าไม่วิบัติ

เถรี
03-09-2018, 19:34
ถาม : ในงานหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดร เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ หลวงปู่เทพโลกอุดรท่านเสด็จมาในงานด้วยไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเห็นก็มา ถ้าไม่เห็นก็ไม่ได้มา

ถาม : หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านสงเคราะห์หรือให้พรวัตถุมงคลที่เสกในงานอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ถ้าได้ยินท่านก็บอกเอง ถ้าไม่ได้ยินก็ไม่รู้

เถรี
03-09-2018, 19:42
ถาม : ไม่เข้าใจ วัญจกธรรม ในบางข้อครับ ?

- อาชีวปาริสุทฺธิปฏิรูปตาย อสํวิภาคสีลตา วญฺเจติ
ความเป็นผู้มีปกติไม่แบ่งปัน ย่อมลวงเหมือนกับว่ามีการเลี้ยงชีพที่บริสุทธิ์
ตอบ : ประเภทขี้เหนียว ได้อะไรมาไม่ให้เพื่อนฝูง แต่บอกว่าสิ่งที่ตนเองได้มาโดยอาชีวปาริสุทธิศีล ก็คือเป็นผู้ที่ขอเขาได้มา พูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นข้ออ้างที่จะไม่ให้คนอื่น

- สํวิภาคสีลตาปฏิรูปตาย มิจฺฉาชีโว วญฺเจติ
มิจฉาอาชีวะ ย่อมลวงเหมือนกับว่าเป็นผู้มีปกติแบ่งปัน
ตอบ : ประเภทถึงเวลาก็ไปบอกใบ้ให้หวยจนได้มา แล้วก็เอามาแบ่งปันให้เพื่อนฝูงตัวเอง เพื่อจะอุดปากไม่ให้เขาตำหนิตัวเอง

- อปิสุณวาทิตาปฏิรูปตาย อนตฺถกามตา วญฺเจติ
ความเป็นผู้ใคร่ในสิ่งที่ไม่ใช่ประโยชน์ ย่อมลวงเหมือนกับว่าเป็นผู้ไม่กล่าวส่อเสียด
ตอบ : สรุปง่าย ๆ ว่าทำแต่เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง แต่พวกนี้มีความดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ ทำแล้วนิ่ง ในเมื่อนิ่งไม่พูดไม่จา ไม่ว่าไม่กล่าว ไม่ถามไม่ตอบ ไม่อือไม่หือ ใครก็ตำหนิไม่ได้

เถรี
03-09-2018, 19:49
- กุลานุทฺทยตาปฏิรูปตาย กุลมจฺฉริยํ วญฺเจติ
ความตระหนี่ตระกูล ย่อมลวงเหมือนกับว่ามีความประพฤติเกื้อกูลต่อตระกูล
ตอบ : พูดง่าย ๆ ว่าถ้ามีโยมรวย ๆ ก็พยายามเอาอกเอาใจ เพื่อที่จะดึงเขาไว้ให้อยู่กับวัดของเรา แต่ก็บอกว่าที่แท้เราให้การสงเคราะห์ญาติโยม ดูแลญาติโยม คำว่าตระหนี่ต่อตระกูลในที่นี้ก็คือ กลัวว่าโยมจะไปวัดอื่น

-โลกาธิปเตยฺยปฏิรูเปน อตฺตนิ ธมฺเม จ ปริภโว วญฺเจติ
ความดูหมิ่นตนและดูหมิ่นธรรม ย่อมลวงเหมือนกับว่ามีโลกเป็นใหญ่
ตอบ : ทั้ง ๆ ที่ตนเองทำไม่ดี แต่ก็บอกว่าในส่วนนี้คนอื่นใคร ๆ เขาก็ทำกัน คำว่าโลกในที่นี้หมายถึงส่วนรวม ก็คือคนส่วนมาก

- อนุญฺญาตปฏิเสวนปฏิรูปตาย กามสุขลฺลิกานุโยโค วญฺเจติ.
กามสุขัลลิกานุโยค (การประกอบเนือง ๆ ซึ่งความหมกมุ่นอยู่ในกาม) ย่อมลวงเหมือนกับว่าเสพในสิ่งที่พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตไว้
ตอบ : ทำในสิ่งที่ตนเองเอาสะดวกเอาสบายเข้าว่า อย่างเช่นว่าอนุญาตให้มียานพาหนะ ก็จะขี่แต่เบนซ์ อนุญาตให้มีกุฏิได้ ก็สร้างเสียหรูหราเต็มที่ ราคาหลายสิบล้าน เป็นต้น

เถรี
03-09-2018, 19:51
- อปิสุณวาทิตาปฏิรูปตาย อนตฺถกามตา วญฺเจติ
ความเป็นผู้ใคร่ในสิ่งที่ไม่ใช่ประโยชน์ ย่อมลวงเหมือนกับว่าเป็นผู้ไม่กล่าวส่อเสียด
ตอบ : คำตอบเดียวกับเมื่อครู่

- ธมฺมาธิปเตยฺยปฏิรูเปน สพฺรหฺมจารีสุ อคารวํ วญฺเจติ
ความไม่เคารพในเพื่อนผู้ประพฤติพรหมจรรย์ทั้งหลาย ย่อมลวงเหมือนกับว่ามีธรรมเป็นใหญ่
ตอบ : พูดง่าย ๆ ก็คือ วางเรื่องต่าง ๆ ไว้บนกบาลชาวบ้าน แล้วบอกว่ากูวางได้แล้ว

เถรี
03-09-2018, 20:04
ถาม : ในมหาปรินิพพานสูตร เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูได้สร้างมหาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ว พระองค์ได้วางแท่งแก้วขนาดใหญ่ไว้หน้าประตูเจดีย์แล้วให้จารึกไว้ว่า "ในอนาคตกาล เจ้าแผ่นดินที่ยากจน จงถือเอาแก้วมณีแท่งนี้ กระทำสักการะพระบรมธาตุทั้งหลายเทอญ" หากว่ามีผู้กระทำตามคำจารึกของพระเจ้าอชาตศัตรูจะได้รับผลเป็นเช่นไรครับ ?
ตอบ : ได้อานิสงส์การบูชาพระธาตุด้วยแก้วมณี ส่วนเจ้าของที่แท้จริงคือพระเจ้าอชาตศัตรู ก็จะได้อานิสงส์ไปอีกส่วนหนึ่ง เพราะว่าได้ช่วยให้งานบุญของคนอื่นสำเร็จ

ถาม : หากผมจะนำดวงแก้วจุยเจียหรือโป่งข่ามที่ผ่านพิธีพุทธาภิเษกแล้วไปสักการะพระปฐมเจดีย์ จะได้รับผลเช่นเดียวกับคำจารึกของพระเจ้าอชาติศัตรูหรือไม่ หรือว่ามีวิธีการเฉพาะแบบไหนที่ผมควรจะปฏิบัติเพื่อให้ได้ผลครับ ?
ตอบ : ควรจะหาแก้วมณีแบบพระเจ้าอชาตศัตรูถึงจะได้อานิสงส์เดียวกัน แก้วมณีในที่นี้คือโคตรเพชร ไม่ใช่แก้วโป่งข่าม

เถรี
03-09-2018, 20:07
ถาม : หนูมองเห็นตัวเอง ภายนอกปากของหนูไม่ได้พูดอะไร แต่ภายในพูดไม่หยุดจนหนูเหนื่อย อยากหยุดคิดแต่ก็ทำไม่ได้ หรือว่าหนูควรจะตามดูความคิดไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็ท้อแท้ไม่ทราบจะปฏิบัติไปทางไหนดี รบกวนพระอาจารย์โปรดชี้แนะด้วยค่ะ
ตอบ : รู้ตัวเมื่อไรให้รีบดึงมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าสติสมาธิอยู่กับลมหายใจเข้าออกก็จะไม่ฟุ้งไปที่อื่น

เถรี
03-09-2018, 20:17
ถาม : การทำบุญเป็นเจ้าภาพสร้างลูกนิมิตมีอานิสงส์อย่างไรคะ ? จะมีอานิสงส์เท่าวิหารทานไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจว่าสิ่งที่เราทำเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้โบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่ทำสังฆกรรมนั้นเสร็จลง ภายในโบสถ์ตั้งไว้ด้วยพระพุทธรูป สิ่งที่เราทำนั้นเป็นสิ่งที่เราสละออกตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า โบสถ์หลังนี้พระสงฆ์ทั้งหลายได้ทำสังฆกรรม ก็แปลว่าเราจะได้อนุสติทั้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไปพร้อมกัน

เถรี
03-09-2018, 20:52
ถาม : โยมอ่านเจอว่าการปิดทองสร้างลูกนิมิตไม่ใช่พุทธแท้ เรื่องนี้เป็นความจริงไหมคะ ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้ว่า จะใช้สถานที่ใดทำสังฆกรรมก็ได้ หากมีนิมิตคือมีเครื่องหมายบอกเขตอย่างชัดเจน แต่สมัยนี้ส่วนใหญ่ก็เอาเฉพาะก้อนหินมาเป็นนิมิตเท่านั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้จะเรียกว่าไม่ใช่พุทธแท้ก็ไม่ใช่ ส่วนใหญ่พวกที่กล่าวลักษณะนี้ไม่ได้ดูบริบทว่าสังคมได้เปลี่ยนไปแล้ว

สมัยก่อนพวกสิ่งก่อสร้างโดยเฉพาะวัสดุต่าง ๆ หายากมาก ไม่ว่าจะเป็นหวาย เป็นไม้ เป็นจากมุงหลังคา พระพุทธเจ้าจัดเป็นครุภัณฑ์ที่ห้ามแบ่งปันกับวัดอื่น ที่ห้ามแบ่งปันไม่ใช่หวง แต่ถ้าตัวเองแบ่งให้คนอื่นไป ก็ต้องไปรบกวนไปขอจากชาวบ้านเขาอีก จะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านมาก

ดังนั้น โบสถ์สมัยก่อนก็เลยใช้นิมิตในลักษณะที่ว่า แต่ละทิศมีอะไรเป็นเครื่องหมาย แล้วก็ทำสังฆกรรมกันในนั้น แต่สมัยนี้การก่อสร้างต่าง ๆ เป็นไปโดยง่าย วัสดุต่าง ๆ หาง่าย ญาติโยมมีศรัทธา จะสร้างโบสถ์ให้ใหญ่สักเท่าไรก็ไม่มีใครว่า ถ้าไม่ไปรบกวนญาติโยมให้เขาเดือดร้อน ดังนั้น...ในส่วนนี้ถ้ากล่าวว่าไม่ใช่พุทธแท้ ก็ต้องไปอยู่ป่าอยู่ดงอย่างเดียว แสดงว่ามีความคิดแบบเดียวกับพระเทวทัต คือเคร่งแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ

เถรี
04-09-2018, 08:47
ถาม : การละสมมติบัญญัติเกิดขึ้นเมื่อเราปล่อยวางในขันธ์ ๕ ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : การละสมมติบัญญัติมีเป็นลำดับไป ทันทีที่เราเห็นคำว่าธรรมดา เราก็จะเริ่มละได้บางส่วน คราวนี้คำว่าธรรมดานั้นลึกซึ้งไม่เท่ากัน ธรรมดาของปุถุชนอย่างหนึ่ง ธรรมดาของผู้ทรงฌานอย่างหนึ่ง ธรรมดาของพระอริยเจ้าแต่ละระดับขั้นก็แต่ละอย่างของท่านไป

เถรี
04-09-2018, 08:53
ถาม : การละในโลกธรรม ๘ ซึ่งเป็นสภาวะที่เป็นสิ่งคู่ จัดว่าเป็นการละในขั้นไหนคะ ?
ตอบ : โลกธรรม ๘ ก็เป็นเรื่องของ รัก โลภ โกรธ หลง ธรรมดานี่เอง เพียงแต่ว่าถ้าเรามีสติรู้ระมัดระวังอยู่ ก็จะไม่พลาด แต่ถ้าขาดสติเมื่อไรก็จะไหลตามกระแสไป แค่ระดับผู้ทรงฌาน ถ้าไม่หลุดออกมาเลยก็ละได้แล้ว แต่เป็นการละแค่ชั่วคราว ถ้าจะละถาวรเลยก็ต้องระดับพระอนาคามีขึ้นไป

ฉะนั้น เราจะสังเกตว่านักปฏิบัติ ไม่ต้องใครมากหรอก...เอาเฉพาะพระก็แล้วกัน บวชเข้ามาโดยเจตนาดี ก็คือตั้งใจจะปฏิบัติเพื่อจะละกิเลส แต่พอมี ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้ามา ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไป เริ่มผิดไปจากเป้าหมายที่ตนเองตั้งเอาไว้ แทนที่จะเสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อวัดวาอาราม เพื่อพระศาสนา ก็กลายเป็นทำเพื่อความสุขเฉพาะตัว

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้สังเกตดูได้โดยง่าย ถ้าใครทำเพื่อตัวเอง ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็จะหรูหรามากเป็นพิเศษ อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่โยมเขาถวายด้วยศรัทธา แต่เป็นการตะเกียกตะกายหามา อย่างชนิดที่นั่งเครื่องบินส่วนตัวก็มี เราก็เห็น ๆ กันอยู่

เถรี
04-09-2018, 08:57
ถาม : ผมได้อ่านกระโถนข้างธรรมาสน์ และสังเกตว่าหลวงพ่อไปสถานที่ศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์หลายที่ หลายประเทศ ผมอยากถามว่า สถานที่ใดที่หลวงพ่อไปแล้วทำสมาธิแล้วสงบง่ายสุดครับ ?
ตอบ : วัดท่าซุง

เถรี
04-09-2018, 09:03
ถาม : ตอนที่ผมรู้ตัวว่าความคิดฟุ้งซ่านกำลังเข้ามา มันเหมือนกับเป็นพลังงานก้อนใหญ่ ๆ ก้อนหนึ่งที่กำลังจะมาหาตัวจิต อยากทราบว่าที่ผมรู้สึกแบบนี้ผมคิดไปเอง หรือจริง ๆ แล้วความคิดมันคือพลังงานเป็นก้อนกันแน่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเราเห็นเป็นก้อนก็เป็นก้อน ถ้าไม่เห็นก็จะเป็นแค่ความคิด แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีพลังในการชักจูง ให้เราไหลไปสู่ทางต่ำได้ง่าย ต้องระมัดระวังให้ดี อาตมาเคยเตือนญาติโยมหลายครั้งว่า ความดีความชั่วที่เราทำไม่ได้ไปไหน แต่รวมตัวกันเป็นพลังงานมหาศาลอยู่ ในส่วนที่ชั่วก็ดึงดูดให้เราทำชั่วได้ง่าย ในส่วนที่ดีก็ดึงดูดให้เราทำดีได้ง่าย แต่ในปัจจุบันนี้การทำชั่วมีมากกว่าความดี พลังงานที่สั่งสมไว้มีเป็นจำนวนมหึมาจนน่ากลัว เพราะว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้กระทั่งดินฟ้าอากาศอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

เถรี
04-09-2018, 09:06
ถาม : พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่มีธรรมอะไรเลยที่เร็วกว่าจิต แปลว่าจิตเร็วที่สุดแล้ว ผมอยากถามว่าถ้าเราฝึกจิตให้เร็ว สติเราก็เร็วตามจิต แปลว่าจิตและสติจะเร็วกว่ากิเลส ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่เร็วกว่ากิเลสก็สู้กิเลสไม่ได้ ทุกท่านที่สามารถตัดละกิเลสได้ตามลำดับขั้น สภาพจิตต้องเร็วกว่ากิเลสนั้น ๆ จึงจะป้องกันไม่ให้กิเลสเกิดได้ทัน

เถรี
05-09-2018, 09:17
ถาม : เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่าเด็กชั้น ม. ๑ โดนเพื่อนร่วมชั้นต่อยสลบและตาย เนื่องจากเด็กที่ตายไปถ่มน้ำลายใส่คู่กรณี และผมมั่นใจว่าผู้ตายอาจจะเคยรังแกคู่กรณีหลายครั้ง แต่คู่กรณีก็อาจจะเก็บกดจนทนไม่ไหว ระเบิดใส่ทีเดียว แต่อยากถามในด้านของธรรมะ ว่าถ้าคู่กรณีหรือคนอื่นที่ถูกเพื่อนร่วมชั้นรังแก ควรจะทำอย่างไรดีครับ ควรจะเลียนแบบพระขันติดาบสไหมครับ ที่ปล่อยให้โดนตัดแขนตัดขาสุดท้ายก็ตาย แต่ก็ไม่โกรธ หรือควรจะเอาคืน ?
ตอบ : ถ้าทำได้อย่างขันติวาทีดาบส ก็จะเป็นเรื่องที่ประเสริฐที่สุด

เถรี
05-09-2018, 09:19
ถาม : ผมอ่านเรื่องที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเล่าว่า มีโยมผู้หญิงชอบดูดวง แต่จะดูดวงกับพระที่เป็นหมอดู และเวลาไปหาพระ โยมผู้หญิงก็จะนำปิ่นโตมีข้าวไปถวายเพลพระ และพอโยมเสียชีวิตก็ไปเกิดเป็นนางฟ้า วิมานของเธอประดับไปด้วยปิ่นโตเพชรสวยมาก อยากถามหลวงพ่อครับว่า ตัวผมเคารพพระรัตนตรัยมาก และอยากให้วิมานของผมมีธงที่เป็นรูปธรรมจักร อยากถามว่าถ้าผมทำบุญแล้วขอให้มีวิมานแบบนี้จะเป็นไปได้ไหมครับ แล้วต้องถวายธงที่เป็นรูปธรรมจักรด้วยไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าอยากได้ก็ต้องถวายและตั้งความปรารถนาเอาไว้แบบนั้นบ้าง แต่ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องการไปแค่นั้น ?

เถรี
05-09-2018, 09:22
ถาม : หากว่าผมจะสร้างคาถาใหม่ขึ้น แล้วจะขอให้พระ พรหมหรือเทวดามาช่วยรักษาคาถาของผมให้มีผลและไม่เสื่อม ผมจะต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ตั้งใจผูกบทคาถาขึ้นมา อธิษฐานทับด้วยอภิญญา แล้วก็ไปขอบารมีพระ หรือพรหม หรือเทวดาท่านช่วยดูแลรักษาไว้ให้ว่า ถ้าใครประพฤติปฏิบัติตามกฎกติกาที่เรากำหนดเอาไว้ ก็ขอช่วยให้อนุเคราะห์สงเคราะห์ให้คาถานี้มีผลด้วย

เถรี
05-09-2018, 09:31
ถาม : วันหนึ่งทะเลาะกับพ่อแล้วโมโหมาก กลับไปนั่งในห้องนอนนึกขึ้นได้ว่า ฝาท่อระบายน้ำในห้องน้ำใกล้ห้องนอนของพ่อที่วางครอบไว้ ยังไม่ได้หมุนให้ลงล็อคสนิท ด้วยความโกรธเลยคิดว่าไม่ปิดละ ให้ตะขาบไต่ขึ้นมากัดให้ตายไปเลย แล้วก็คิดได้ว่า ที่คิดอยู่ไม่สมควรคิด แล้วลุกขึ้นไปปิดให้ลงล็อค สมมติว่าหากระหว่างที่ผมคิดแบบนั้นจนกระทั่งปิดลงล็อค มีตะขาบหรือสัตว์มีพิษอื่นใดขึ้นมากัดพ่อผมตาย จะเป็นอนันตริยกรรมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่เป็นอนันตริยกรรม เพราะเราไม่ได้ตั้งเจตนาที่จะทำอย่างนั้นตั้งแต่แรก แต่ช่วงที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่ถ้าตายก็ลงอบายภูมิแน่นอน..!

เถรี
05-09-2018, 09:36
ถาม : การบูชาวัตถุมงคลหลาย ๆ ชิ้นห้อยคอติดตัว มีทั้งวัตถุมงคลที่มีรูปพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ ท้าวเวสสุวรรณ หรืออาจจะมีเสือกันชงด้วย ต้องเรียงลำดับตรงกลาง หรือสูงต่ำอย่างไรในสร้อยคอเส้นนั้นครับ ?
ตอบ : อยากจะบอกว่าทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองสบายใจ เพราะว่าเรื่องของพระท่านไม่ได้มีกิเลสมากเหมือนกับเอ็งที่คิดหรอก..! แต่คราวนี้โลกเขานิยมทำอย่างไรก็ทำตามนั้น อะไรที่เป็นพระพุทธ ที่เป็นพระสงฆ์ ก็ให้อยู่สูงกว่าสักหน่อยหนึ่ง

เถรี
05-09-2018, 09:39
ถาม : จากเหตุการณ์ที่เนื่องกับพุทธศาสนาในขณะนี้ที่พระอาจารย์กล่าวว่าเข้าขั้นจะวิกฤต ไม่ทราบว่าท่านที่บำเพ็ญพระโพธิญาณ ถึงเวลาต้องออกมาปกป้องหรือยังครับ หรือว่าเหตุการณ์นี้ยังไม่ถึงเวลาครับ ?
ตอบ : ไปถามท่านเอง

ถาม : เหตุการณ์นี้หากเป็นฆราวาสทั่วไป สามารถทำอย่างไรถึงจะสามารถช่วยได้บ้างครับ ?
ตอบ : พยายามปฏิบัติตัวเองให้เป็นพระอรหันต์กันเยอะ ๆ จะได้มาช่วยยืนยันว่าพระพุทธศาสนาดีจริง

ถาม : ผู้ที่บำเพ็ญพระโพธิญาณ หากมีผู้ที่คิดจะทำลายพุทธศาสนา ต่อให้มีเป็นล้านคน ท่านก็สามารถฆ่าได้อย่างไม่ลังเลใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่รู้สิ..ถ้าเป็นอาตมาก็คงจะลังเลนะ ฆ่าคนที่คิดคนเดียวดีกว่า..จบเร็วดี...!

เถรี
05-09-2018, 09:45
ถาม : ไม่ทราบว่าในอดีตชาติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน มีชาติไหนที่พระองค์ท่านเคยเกิดในพระพุทธศาสนา ได้บวชเป็นพระภิกษุ แล้วทรงกรรมฐานครบทั้ง ๔๐ กอง และสอนลูกศิษย์เป็นอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ อย่างเช่นหลวงปู่ปานบ้างครับ ?
ตอบ : เป็นไปไม่ได้ อย่าลืมว่าแม้แต่หลวงปู่ปานท่านก็ไม่ได้สอนใครให้บรรลุมรรคผล เพราะว่าช่วงท้ายท่านจะแนะนำให้ไปหาครูบาอาจารย์ที่เป็นของจริงของแท้ เราต้องไม่ลืมว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้มีกฎเกณฑ์ที่ถือว่าเป็นมารยาทเลยก็คือ ทำได้แค่ไหนควรที่จะสอนแค่นั้น

เถรี
05-09-2018, 09:57
ถาม : ควรทำบุญ อธิษฐานจิต ทรงฌาน หรือทำอย่างไร จึงจะติดอยู่ในภูมิของมนุษย์ที่เป็นอมตะ ไม่แก่และไม่ตายครับ อยากอยู่บนดาวโลกไปนาน ๆ ?
ตอบ : เพิ่งเห็นมึงคนแรกนี่แหละ...! จะมีโลกที่ไหนเป็นอมตะไม่ตายบ้างวะ ? ขนาดพรหมหรือเทวดาถึงเวลาก็ยังต้องจุติเพราะหมดอายุ เขาเรียกว่าฟุ้งซ่านในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ถาม : จริงไหมคะที่เขาบอกว่า ความทุกข์ของพรหมเทวดา คือการจุติลงมาเป็นมนุษย์ ?
ตอบ : ความทุกข์ของท่านคือทำอย่างไรจะเข้าสู่พระนิพพาน

เถรี
05-09-2018, 19:10
ถาม : ผมอ่านมาว่า ก่อนที่คนเราจะตาย จะเห็นภาพต่าง ๆ เช่น ถ้าเห็นพระมารับไปดีแน่นอน หรือเห็นพรหมมารับก็ไปเกิดเป็นพรหม เห็นเทวดาก็ไปเกิดเป็นเทวดา หรือถ้าเห็นเนื้อก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่บางคนก็เห็นมีผู้ชายนุ่งแดงมารับ หรือบางคนก็เห็นภาพในอดีตตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันอย่างไวมาก อยากทราบว่าตามความจริงคนเราก่อนที่จะตาย จะเห็นอะไรแน่ครับ ?
ตอบ : คนถามคงจะเห็นเนื้อแล้วไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานแน่เลย ถ้าหากเห็นชิ้นเนื้อหรือเห็นก้อนเนื้อเขาไปเกิดเป็นมนุษย์กัน น่าจะเป็นมนุสสติรัจฉาโน แสดงว่าคนถามไปต่ำกว่าความเป็นจริงมาก

การจะเห็นอะไรก่อนตายขึ้นอยู่กับอาสันนกรรม คือ กรรมก่อนตาย กรรมตัวนี้จะเป็นตัวพลิกชีวิตหลังความตายของเราให้ดีหรือชั่ว ก็ตามสภาพจิตที่เคยมีความเคยชินนั้น ๆ เขาถึงสอนให้เกาะพระให้เคยชิน เพื่อเป็นการประกันความเสี่ยงว่าเราจะได้ไปที่ดีแน่ ๆ

เถรี
05-09-2018, 19:35
ถาม : หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบำเพ็ญมาสายพระโพธิสัตว์ และบารมีใกล้จะเต็ม และท่านก็ลาพุทธภูมิ ณ จุด ๆ นี้หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเกิดมาหลายอสงไขยและมีบริวารมาก ผมสงสัยมีความเป็นไปได้ไหมครับ ที่บริวารของหลวงพ่อเกิดไม่ทันหลวงพ่อ แต่ลงมาเกิดหลังจากหลวงพ่อท่านไปแดนพระนิพพานแล้ว และถ้าเป็นไปได้ พอจะมีอะไรเป็นจุดสังเกตว่าคนนี้เป็นบริวารของหลวงพ่อครับ ?
ตอบ : มีมาก..สังเกตได้ว่าพวกนี้จะโง่เป็นพิเศษ ขนาดหัวแถวอยู่ทางไหนก็ยังหาไม่เจอ หัวแถวไปพระนิพพานแล้ว ตัวเองก็ยังงมโข่งอยู่นั่นแหละ

เถรี
05-09-2018, 19:38
ถาม : คู่ปรับของพระโพธิสัตว์ ก็คือมารตัวเป็น ๆ ที่เป็นเทวดา และสมัยพระพุทธเจ้าตอนที่ท่านจะหนีบวชก็โดนมารกวน และตอนที่จะตรัสรู้ก็โดนมารกวน และในชาดกบางชาติพระโพธิสัตว์ก็โดนมารขัดขวาง ผมเลยสงสัยครับ ว่าพระโพธิสัตว์สมัยนี้ยังโดนมารตัวเป็น ๆ ขัดขวางไหมครับ ?
ตอบ : โดนเป็นปกติ

ถาม :แล้วในฐานะที่หลวงพ่อปฏิบัติทำสมาธิมานาน หลวงพ่อเคยเจอมารขัดขวางไหมครับ ?
ตอบ : เคย...ชอบมาถามปัญหาแบบนี้อยู่ทุกเดือน...!

เถรี
05-09-2018, 19:45
ถาม : ผมอ่านประวัติพญามาร และทราบว่าท่านปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า และตอนนี้ท่านชื่อว่าท่านท้าวมาลัย และจะได้ตรัสรู้ในอนาคต ผมสงสัยว่าพระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาจะขนย้ายดวงจิตไปแดนพระนิพพาน ทำกรรมแบบไหนดันไปเป็นพญามารที่คอยขัดขวางคนทำความดีได้ครับ ?
ตอบ : ก็แค่เป็นมิจฉาทิฐิ มีความเข้าใจผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิด เพียงนิดเดียวเท่านั้น แสดงว่าอ่านประวัติไม่ครบ เพราะว่าท่านพระยามาราธิราชตัดใจแล้วว่าไม่ไปต่อ เข้าพระนิพพานเลยดีกว่า

เถรี
05-09-2018, 19:47
ถาม : ผมอ่านอดีตชาติของพระอรหันต์ที่เป็นพระเอตทัคคะ ที่เก่งในด้านใดด้านหนึ่งกว่าพระสาวกองค์อื่น ๆ และท่านเหล่านี้ที่ได้เป็นเอตทัคคะ เพราะว่าได้ตั้งความปรารถนามาในศาสนาของพระพุทธเจ้าในอดีต และพระพุทธเจ้าในอดีตก็ประกาศบอกว่า เธอจะเป็นเอตทัคคะในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน จนสุดท้ายท่านก็ได้เป็นตามที่ปรารถนา ผมเลยสงสัย การที่เราตั้งใจอะไรสักอย่าง แต่ยังไม่สำเร็จ ก็ต้องไปเกิดอีกจนกว่าจะได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถูกต้องแล้วครับ เพราะฉะนั้น...ตั้งใจอะไรที่ยาก ๆ เข้า ไว้ จะได้เกิดมาทุกข์เยอะ ๆ...!

เถรี
05-09-2018, 20:09
ถาม : วันหนึ่งประมาณ ๒ ทุ่ม ผมกำลังคุยกับญาติ ๆ ในบ้าน แล้วผมเป็นคนชอบพูดเสียงดัง ทีนี้ญาติของผมนึกอย่างไรก็ไม่รู้ อยู่ดี ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า พูดเสียงดังมากระวังผีหลอกนะ ด้วยความคะนอง ผมก็เลยบอกว่า มาเลยผี ไม่กลัวหรอกจะเตะให้ปลิวไปเลย ว่าแล้วก็ยกเท้าไปที่ป่าช้าแถวบ้านหนึ่งที ที่บ้านห่างจากป่าช้าประมาณ ๒๐๐ - ๓๐๐ เมตร จนกระทั่งดึก ๆ ผมจะเดินไปเปิดประตูบ้าน เพื่อออกไปข้างนอก ก็ได้ทำการปลดล็อกกลอนทั้งหมด เสร็จแล้วก็ทำการผลักประตูออกไป กลายเป็นว่าผลักประตูไม่ออก ผลักอย่างไรประตูก็นิ่งสนิทไม่เขยื้อนเลย

ผมก็เลยคิดว่าที่หน้าประตูน่าจะมีอะไรมาขวางไว้ ก็เลยลองเดินออกไปทางประตูหลังบ้าน แล้วเดินอ้อมกลับมาดูที่หน้าบ้าน พบว่าไม่มีอะไรขวางประตูเลยครับ หน้าประตูโล่ง ไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่ที่ผมตกใจกว่านั้นก็คือ มีรอยนิ้วมือตรงที่ประตู ลักษณะเหมือนกับเอามือทาบลงไปบนประตูทั้งสองบาน โดยเป็นรอยมือเดียว ซึ่งผมจำได้ว่าไม่เคยมีรอยนี้มาก่อน เลยสงสัยว่าน่าจะเป็นผีที่ผมไปพูดลบหลู่เอาไว้เมื่อตอนหัวค่ำ นึกได้ก็เลยยกมือไหว้กล่าวขอโทษขอขมาผีที่ได้พูดลบหลู่ไป ที่ผมอยากจะกราบเรียนถามพระอาจารย์ก็คือ

ถ้าเป็นผีที่ป่าช้าจริง ทำไมถึงเข้ามาในบ้านได้ครับ ทั้ง ๆ ที่ในบ้านก็น่าจะมีผีบ้านผีเรือนเฝ้าอยู่ และที่บ้านก็มีหิ้งพระ มีพระเครื่องเยอะแยะ ?

ตอบ : นึกว่าจะแน่จริง ท้ายสุดก็ต้องขอขมาก่อน ก็ต้องดูด้วยว่าผีระดับไหน ถ้าเป็นมหิทธิกาเปรตหรือกาลกัญจิกอสุรกาย เทวดาระดับล่าง ๆ ยังต้องหลีกให้เขา อีกอย่างคุยว่ามีหิ้งพระอยู่ในบ้าน ตัวเองเคยไหว้บ้างหรือเปล่า ?

ถาม : ถ้าเป็นผีจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีร่างกาย มีแต่จิตวิญญาณ ทำไมถึงได้มีแรงมาดันหรือบังประตูได้ครับ และดูเหมือนจะมีแรงต้านที่มากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย เพราะดันอย่างไรประตูก็ไม่เขยื้อนเลยแม้แต่นิดเดียวครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่ายังไม่รู้จักผี ถ้าเขามีความสามารถมาก เขาสามารถทำให้กายหยาบขึ้นมาเพื่อใช้งานได้ ฉะนั้น...ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมผีถึงหักคอคนได้

เถรี
05-09-2018, 20:14
ถาม : หลวงพ่อเคยสอนว่า ความกลัวทุกอย่างมาจากการที่เรากลัวตาย เพราะยังมีขันธ์ ๕ อยู่ แล้วการที่เรากลัวว่าคนอื่นจะมองเราอย่างไร เชื่อมไปถึงการที่เรากลัวตายอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็เพราะเรากลัวว่าถ้าคนอื่นมองเราในแง่ไม่ดี แล้วจะไม่มีใครคบ ในเมื่อไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย เราก็อาจจะไม่มีงาน ไม่มีกิน ท้ายที่สุดก็ตาย ก็แปลว่า ที่กลัวก็คือกลัวตายนั่นเอง

เถรี
05-09-2018, 20:15
ถาม : ควรพิจารณาอย่างไรในการปล่อยวางกำลังใจ ไม่ให้สนใจสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับตัวเราคะ ?
ตอบ : แล้วจะไปยุ่งอะไรกับความคิดของคนอื่น ? อยู่กับปัจจุบันคือลมหายใจเข้าออกตรงหน้าก็พอแล้ว

เถรี
05-09-2018, 20:22
ถาม : วัยเรียนเป็นวัยที่ต้องคบหาสมาคมกับผู้อื่นอยู่มาก โดยเฉพาะเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนร่วมชั้น ซึ่งไม่ใช่คนปฏิบัติธรรม เราควรวางกำลังใจอย่างไรให้อยู่ร่วมกับเขาโดยไม่ทุกข์คะ ?
ตอบ : ไปแค่กรอบของศีล ถ้าไม่เกินกรอบของศีลก็บ้ากับเขาได้ทุกเรื่อง แต่ถ้าจะทำให้ศีลขาดเราไม่เอาด้วย

เถรี
05-09-2018, 20:33
ถาม : การที่พระโพธิสัตว์มีคู่บารมี หากคู่บารมีที่เป็นหญิงก็ปรารถนาพุทธภูมิเหมือนกัน ทำไมจึงมาเป็นคู่บารมีของพระโพธิสัตว์ได้ ? เช่น ในกรณีหลวงพ่อฤๅษีปรารถนาพุทธภูมิ ท่านมีเจ้าแม่กวนอิมเป็นคู่บารมี ขณะที่เจ้าแม่กวนอิมก็ปรารถนาพุทธภูมิด้วย
ตอบ : จับแพะชนแกะไปเรื่อยนะ คนหนึ่งเป็นไทย คนหนึ่งเป็นเจ๊กก็เอามาปนกันได้...! การจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต้องเกิดชนิดไม่ต้องนับ ในเมื่อเกิดกันไม่ต้องนับก็ต้องมาเจอกัน มีความสัมพันธ์กันบ้างเป็นปกติ คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าความปรารถนาของแต่ละคนว่าของใครเข้มข้นกว่า ใครสร้างบารมีมามากกว่า ถ้าหากอีกฝ่ายหนึ่งเข้มข้นกว่า สร้างบารมีมามากกว่า อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องไหลตามไปเอง

เถรี
05-09-2018, 20:35
ถาม : งานพุทธาภิเษกสืบชะตาตุ๊พ่อสิงห์ ที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ พระท่านให้พรเหรียญท้าวเวสสุวรรณในด้านป้องกันคุณไสย คุณผี คุณคน อาถรรพ์ เหมือนกับที่ท่านให้พรในงานพุทธาภิเษกเป่ายันต์ฯ ด้วยไหมครับ ?
ตอบ : ท่านบอกแค่ไหนก็ได้แค่นั้นแหละ

เถรี
05-09-2018, 20:39
ถาม : พญากาสรโพธิสัตว์มีอานุภาพด้านใดเป็นพิเศษครับ ?
ตอบ : ไปถามคนสร้างเอาเอง

เถรี
05-09-2018, 21:19
ถาม : ในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของพม่า ที่มีความเคร่งครัด จะส่งผลให้ผู้ที่เข้าไปบวชศึกษามีโอกาสเป็นพระโสดาบันได้หรือไม่ ถ้าได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้างคะ ?
ตอบ : ยากสุด ๆ เพราะว่าเป็นการกดดันผู้ปฏิบัติมากจนเกินไป จัดว่ามาในสายของทุกขาปฏิปทา คือปฏิบัติยาก ทันธาภิญญา บรรลุก็ลำบาก

ถ้าหากจะเป็นพระโสดาบันได้ กำลังใจจะต้องยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และท้ายที่สุดรู้ตัวอยู่เสมอว่าต้องตาย ถ้าตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพาน ถ้านอกเหนือไปจากกฎเกณฑ์กติกานี้ ก็แปลว่าเหนื่อยเปล่าไปชาติหนึ่ง

เถรี
05-09-2018, 21:21
ถาม : ขณะนี้มีเพื่อนกัลยาณมิตรหลายท่าน มีกำลังใจคิดว่าชาตินี้คงไปพระนิพพานไม่ได้แน่ ๆ แล้ว ควรจะแก้ไขกำลังใจนี้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ปล่อยเขาไป จะไปห่วงทำไม ? เอาตัวเองให้ไปพระนิพพานให้ได้ เดี๋ยวเขาเห็น เขาก็ตามมาเอง ส่วนใหญ่ไปห่วงเรื่องของคนอื่น คนอื่นจะคิดกับเราอย่างไร คนอื่นเขาทำอย่างนั้นได้อย่างไร ควรจะห่วงว่าตัวเราจะไปพระนิพพานได้หรือไม่มากกว่า

เถรี
05-09-2018, 21:50
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของเด็ก เราอาจจะเห็นว่าเด็กทุกข์น้อยกว่าเรา เพราะว่าความต้องการของเด็กมีน้อยกว่า สำหรับเด็กแล้ว แค่กินได้อย่างใจ เล่นได้อย่างใจแค่นี้ก็พอแล้ว แต่ผู้ใหญ่อย่างเราหวังมากกว่านั้น จึงทุกข์มากกว่า"

เถรี
05-09-2018, 21:51
พระอาจารย์กล่าวว่า "เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นว่าพวกเรามีศักยภาพถึงระดับที่จะบรรลุมรรคผลได้ แต่ก็หาคนที่ปฏิบัติเพื่อบรรลุมรรคผลจริง ๆ จัง ๆ น้อยมาก โดยเฉพาะว่าแค่การพัฒนาศักยภาพของตนเองเพื่อให้อยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุขก็ยังไม่ค่อยจะทำกัน

ส่วนใหญ่ก็ครึ่ง ๆ กลาง ๆ สะเทินน้ำสะเทินบก ดีก็ดีไม่ทั่ว ชั่วก็ชั่วไม่หมด ไม่รู้ว่าจะเลี้ยวไปทางไหนดี ประเภทนี้ก่อนตายจะลำบาก ลำบากตรงที่ว่ากำลังใจยังไม่แน่ว่าจะเกาะอะไร คราวนี้ก็รอลุ้นว่าจะมีใครมารับหรือเปล่า ? ถ้าไม่มีใครมารับก็ไปตรงเลย แสดงว่าไปตามยุคสมัย เพราะสมัยนี้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็นิยมรับตรง...!

พวกเราส่วนใหญ่ปฏิบัติธรรมแบบคนมีเวลามาก คำว่ามีเวลามากก็คือ เอาไว้ค่อยทำก็ได้ ในเมื่อไม่ทุ่มเทจริงจัง โอกาสที่จะได้อะไรชนิดเห็นหน้าเห็นหลังก็เป็นเรื่องที่ยาก แล้วก็ได้แต่ไปชมสมบัติเศรษฐีของคนอื่น ว่าคนนั้นทำแล้วดีอย่างนั้น คนนี้ทำแล้วดีอย่างนี้ แต่ตัวเราเองไม่มีอะไรดีที่จะอวดเขาได้ ต้องลองนึกถึงคำพิจารณาของพระที่ว่า คุณวิเศษของเรามีหรือไม่ ? เพื่อจะได้ไม่เก้อเขินเมื่อเพื่อนสหธรรมิกไต่ถาม"

เถรี
05-09-2018, 21:56
"ทำอย่างไรที่กำลังใจของพวกเราจะยึดมั่นในพระรัตนตรัยอย่างชนิดมอบกายถวายชีวิตจริง ๆ ก็แปลว่าเราต้องปฏิบัติให้ได้ในส่วนใดส่วนหนึ่ง อย่างน้อย ๆ เรื่องสมาธิก็ต้องเข้าถึงปีติให้ได้ ถ้าตราบใดสมาธิยังเข้าไม่ถึงระดับปีติขึ้นไป ก็อยู่ในลักษณะที่ปฏิบัติไม่จริงไม่จัง ไม่ทุ่มเท เพราะว่ายังไม่เห็นประโยชน์อย่างแท้จริงว่าทำแล้วจะได้อะไร เขาเรียกว่ายังมีวิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัยอยู่เป็นปกติ"

เถรี
06-09-2018, 19:55
"คนจีนสมัยก่อนเขาบอกว่า “ถ้าเวลาอดอยากก็นึกถึงแต่ตัว ถ้าอิ่มขึ้นมาเมื่อไรก็อยากมีคู่ มีครอบครัวเมื่อไรก็อยากร่ำรวย เมื่อร่ำรวยก็อยากมีอำนาจ พอมีอำนาจก็อยากที่จะอยู่ค้ำฟ้า” จะว่าไปแล้วเรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะว่าความอยากทั้งหลายเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ปุถุชนทั่ว ๆ ไปล้วนแล้วแต่ปรารถนา

แต่เราจะเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เพราะว่า การที่เราจะอยู่ยั้งยืนยง ทั้ง ๆ ที่สารพัดสิ่งล้วนแล้วแต่เสื่อมสลายไป มีอยู่บุคคลประเภทเดียวที่อยากอยู่ก็จะอยู่ได้นานมาก ก็คือพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณที่ท่านยังมีภารกิจอยู่ สามารถอธิษฐานร่างกายให้อยู่ได้เป็นกัป ก็คือเมื่อถึงเวลาร่างกายชำรุดทรุดโทรมมาก ก็ใช้อำนาจอภิญญาสมาบัติ โดยเฉพาะในเรื่องของกสิณ อธิษฐานให้ธาตุ ๔ เสมอกัน เท่ากับว่ากลับเป็นหนุ่มใหม่อีกครั้งหนึ่ง กลับเป็นสาวใหม่อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็จะอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกายสังขารเกิดอาการแก่ชราตามอายุรอบใหม่ ถึงเวลาไปไม่ไหวก็ต้องอธิษฐานกันใหม่อีกทีหนึ่ง

แต่ลักษณะนั้นท่านก็ไม่ได้อยากอยู่ เพราะเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ ท่านอยู่เพราะว่าหน้าที่ยังไม่หมด หมดหน้าที่เมื่อไรท่านก็ไป ก็แปลว่าถ้าใครอยากอยู่เท่ากับเป็นมิจฉาทิฐิ แปลว่ามีความเห็นผิดเป็นปกติ คำว่า มิจฉาทิฐิ ฟังดูอาจจะรุนแรง จริง ๆ แล้วก็คือความเห็นผิด เห็นในสิ่งที่ไม่ดีว่าเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเปลี่ยนความเห็นได้เมื่อไรก็จะกลับเป็นสัมมาทิฐิ"

เถรี
06-09-2018, 19:57
"จะว่าไปแล้วเรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องง่าย แต่ต้องอาศัยบุญเก่าส่วนหนึ่ง และปัญญาอีกส่วนหนึ่ง บุญเก่าก็ในส่วนของปุพเพกตปุญญตา สร้างบุญเอาไว้ดี เมื่อถึงเวลากำลังบุญส่งผลช่วยเหลือ จัดเป็นอุปฆาตกรรมอย่างหนึ่ง ก็คือเมื่อความดีเข้ามา ก็ฆ่าความชั่วทิ้งหมด แบบเดียวกับองคุลีมาล พออุปฆาตกรรมฝ่ายกุศลเข้ามาหนุนเสริม ความชั่วที่ทำอยู่ทั้งหมดก็เป็นอันว่าเจ๊ากันไป ตั้งหน้าตั้งตาทำความดีจนกลายเป็นพระอรหันต์

อีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องของปัญญา นอกจากบุญเก่าแล้วยังต้องมีปัญญาพอ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด" ถ้าเป็นคนปกติทั่ว ๆ ไป อาจจะฟังไม่เข้าใจ แต่โจรองคุลีมาลมีความฉลาดมาก และประกอบกับบุญเก่าหนุนเสริมเข้ามา ถึงได้สงสัยว่าทำไมพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ จึงได้ตะโกนถาม เมื่อได้รับคำอธิบาย มีความเข้าใจ จึงได้ละมิจฉาทิฐิคือความเห็นผิด เข้ามาบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาได้"

เถรี
06-09-2018, 20:27
"เราจะเห็นได้ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้มีส่วนประกอบสำคัญอยู่สองส่วน ก็คือ บุญเก่ากับปัญญา ถ้าสองส่วนนี้ลงตัวเมื่อไร ความเป็นสัมมาทิฐิจะเกิดขึ้นทันที จะว่าไปแล้วพวกเราทั้งหลายก็ยังไม่มั่นคงในส่วนของสัมมาทิฐิ เพราะว่ายังจัดอยู่ในประเภท "เบื่อ ๆ อยาก ๆ" ตอนไหนที่เราเบื่อแปลว่า มีสัมมาทิฐิ มีสัมมาสังกัปปะ สัมมาทิฐิคือเห็นสิ่งนี้ถูก สิ่งนี้ควร เราต้องปฏิบัติตามนั้น สัมมาสังกัปปะก็คือ คิดในทางที่ถูกที่ควร อย่างเช่นว่า คิดจะออกจากกาม คิดจะไปให้พ้นจากความทุกข์ เป็นต้น

ถ้าเราตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติในขณะที่ผลบุญเข้ามา เราก็จะได้อะไรชนิดเห็นหน้าเห็นหลังอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าผลบุญเข้ามา เรายังทำประเภท "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง" เมื่อวาระเลยไปก็ต้องรอรอบใหม่ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเราทำบุญเอาไว้มากน้อยแค่ไหน ช้าเร็วแค่ไหน บางคนต้องใช้เวลาหลายสิบปี

สมัยที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านยังสอนกรรมฐานอยู่ มีโยมอยู่คนหนึ่งทุ่มเททำบุญมา ๔๐ กว่าปี สร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างวิหาร สร้างเจดีย์ มาเป็นเงินนับไม่ถ้วน โดยมีความเข้าใจว่า ถ้าทำทั้งหลายเหล่านี้แล้วจะได้เป็นพระอรหันต์ โดยที่ไม่รู้ว่า ความเป็นพระอรหันต์นั้นอยู่ที่การชำระใจให้หมดกิเลส สิ่งที่ท่านทำเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการชำระใจเท่านั้น ก็คือการตัดความโลภจากใจ โดยการสละทรัพย์สินทำสิ่งดี ๆ ให้กับพระพุทธศาสนา แต่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องการตัดความโกรธ ตัดความหลงเลย จนกระทั่งวาระบุญกุศลเข้ามา อายุก็ ๖๐-๗๐ ปีแล้ว ถึงจะได้รู้ว่าวิธีที่ถูกต้องเป็นอย่างไร

ฉะนั้น...ถ้าพวกเรายังประมาทอยู่ เกิดว่ารอบบุญของเราหลายสิบปีขึ้นมา เห็นหลุดวงโคจรไปเยอะแล้ว บางคนถึงขนาดเปลี่ยนศาสนาไปเลยก็มี"

เถรี
06-09-2018, 20:29
"เรื่องพวกนี้เตือนเอาไว้ในฐานะที่ว่า ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นก็ต้องไม่ประมาท ตั้งหน้าตั้งตาทุ่มเททำให้เต็มที่ ให้กาย ให้วาจา ให้ใจ ของเราอยู่กับความดีไว้เสมอ เมื่อถึงวาระถึงเวลา ความดีทั้งหลายส่งผล เราก็จะเข้าถึงมรรคผลได้อย่างที่ต้องการ"

เถรี
06-09-2018, 21:06
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่เวลาญาติโยมทำบุญไม่ค่อยพิจารณา ต้องบอกว่าใช้ปัญญาน้อยไปหน่อย อย่างเมื่อวานนี้มีโยมถวายตุ้มหูมุกมา ๑ คู่ ให้หล่อพระทองคำ อาตมาไม่รู้ว่าจะหล่ออย่างไร มีบางรายถวายแผ่นทองเหลืองเขียนดวง เขียนยันต์ เขียนวันเดือนปีเกิดมา ๗-๘ แผ่น ระบุชัดเลยว่าหล่อพระทองคำ อาตมาเอาทองเหลืองไปหล่อพระทองคำให้โยมได้ก็คงจะเก่งมากเลยนะ

ฉะนั้น...เวลาจะทำบุญอย่าคิดแต่จะเอาบุญอย่างเดียว โดยไม่ได้ดูว่าสิ่งนั้นทำได้จริงหรือเปล่า โดยเฉพาะช่วงที่หล่อหลวงพ่อนาก หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อนากยังพอทนเพราะว่าปนวัสดุอื่นได้ งานของหลวงพ่อเงินนี่บางทีโยมก็ส่งแผ่นทองแดงบ้าง แผ่นทองเหลืองบ้างมา บางรายส่งมาเป็นแท่งเลยก็มี หล่อพระเงินแต่เอาแท่งทองเหลืองมา แล้ว อาตมาจะหล่ออย่างไร ?

แต่ไม่เป็นไรหรอก...เก็บสะสมไว้ พรรคพวกมีหล่อที่ไหนเดี๋ยวอาตมาเอาไปร่วมหล่อกับเขา อย่างน้อยก็ได้อานิสงส์บ้าง โดยเฉพาะวัดไร่แตงทองหล่อพระศรีอาริยเมตไตรยใหญ่ที่สุดในโลก อาตมาไปนั่งอธิษฐานจิตให้เขาไปแล้วรอบหนึ่ง หล่อได้แค่ฐาน เฉพาะฐานใช้ทองเหลืองไป ๗๐ ตัน กว่าจะหล่อครบองค์ไม่รู้ว่าใช้ไปเท่าไร"

เถรี
06-09-2018, 21:11
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนเวลาเห็นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไอ บางครั้งท่านก็ไม่มีเสียงพูด ท่านใช้วิธีควักยาหม่องขึ้นมาเป็นก้อน แล้วก็ควานเข้าไปในคอ อาตมายังไม่เด็ดขาดแบบหลวงพ่อ เพราะฉะนั้นถ้าพูดไม่ได้ ไม่มีเสียงก็เลิกพูด ส่วนหลวงพ่อท่านตั้งใจสงเคราะห์ แม้กระทั่งชีวิตร่างกายตนเองก็ไม่เสียดายแล้ว เวลาท่านพูดไม่ได้ ก็ใช้วิธีควักยาหม่องเป็นก้อน แล้วก็ควานคอหอยตัวเอง

พอท่านไม่มีกำลังก็ใช้ยาหอมภูลประสิทธิ์ ตราพระอาทิตย์ดั้นเมฆ อาตมาเคยลองชิมไปหน่อยเดียว ตาสว่างไปทั้งวันเลย ถึงได้บอกว่ายาหอมที่แรงที่สุด น่าจะเป็นยาหอมภูลประสิทธิ์ ประมาณว่าคนตายยังฟื้น อะไรทำนองนั้น

เวลาอยู่วัด พอมีงานท่านไม่ไหว ท่านทำมืออย่างนี้ (กำมือชนกัน) หลวงพี่ประทีปก็ต้องไปเตรียมกาแฟ เสร็จแล้วก็เทเครื่องดื่มยี่ห้อวัวแดงลงไปครึ่งขวด แปลว่ากาแฟธรรมดาเอาไม่อยู่ จึงต้องเติมวัวแดงลงไปครึ่งขวด

ส่วนใหญ่สมัยนั้นพองานหนัก รุ่งขึ้นก็ไปไม่รอด มักจะเหลืออาตมาบิณฑบาตอยู่รูปเดียว เพราะหลายท่านก็พึ่งกาแฟ หลายท่านก็พึ่งเครื่องดื่มชูกำลัง ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็ตาม โดยเฉพาะทหารตำรวจที่ดูแลวัด ถึงเวลาก็วิทยุเข้ามา "หลวงพี่ครับ...ขอ ๑ ลัง" "เอ้อ..ไปยกเอาที่ร้านป้ากิมกี ให้ลงบัญชีข้าไว้" เดี๋ยวตอนบ่ายก็เอาอีกแล้ว "หลวงพี่ครับ ขอ ๑ ลัง"

ปกติเครื่องดื่มชูกำลังห้ามกินเกิน ๒ ขวด ตกลงพวกเอ็งกินกันเป็นลังเลย แต่ก็ให้เพราะว่าเขาทำงาน โดยเฉพาะเวลาวัดมีงานประจำปี หรืองานเป่ายันต์เกราะเพชรนี่ รถมาทั้งวันทั้งคืน โบกกันจนยกแขนไม่ขึ้น"

เถรี
06-09-2018, 21:14
"ถามว่าอาตมาเอาเงินที่ไหน ? ก็เงินที่โยมถวายมาบ้าง รับสังฆทานบ้าง ออกกิจนิมนต์บ้าง เพื่อช่วยให้งานวัดไปได้ก็สละ ควักกระเป๋าจ่ายเอง

คราวนี้พอใช้เครื่องดื่มกระตุ้นตัวเอง เลิกงานก็หงายแผ่กันหมด ส่วนอาตมาใช้วิธียืนด้วยตัวเอง ไม่ใช้เครื่องดื่มชูกำลังกับใคร นอนไป ๑ คืน ลุกได้ก็ไปบิณฑบาต คนอื่นลุกไม่ขึ้น พลังงานสำรองหมด เพราะฉะนั้น...หลังงานสายใต้จะเหลือเดินบิณฑบาตโด่เด่อยู่รูปเดียว ลูกแถวหายหมด

ทุกวันนี้ก็ยังมีนิสัยเหมือนเดิมก็คือกินน้ำเปล่าเป็นหลัก อย่างดีถ้าใครมีเมตตาส่งน้ำชามาให้ก็จะรับ แต่อย่างอื่นไม่เอา เพราะว่าน้ำชาฉันไปยังพอมีประโยชน์บ้าง อย่างอื่นนี่โทษมากกว่าประโยชน์ก็เลยไม่แตะกับใคร

ไปให้หมอตรวจสภาพ หมอบอกสภาพหัวใจดีมาก เส้นเลือดไม่มีตีบไม่มีตันเลยสักเส้นเดียว ถามว่าทำไม ? อ๋อ...ไม่ค่อยได้กินอะไรที่เป็นอันตรายต่อหัวใจ ปกติไขมันอุดตัน...ใช่ไหม ? อาตมานี่ไขมันจะพอกตัวยังไม่มี จะเอาอะไรไปอุดตัน สรุปว่าถ้าอาตมาตาย อาตมาตายด้วยโรคอื่น ไม่ได้ตายด้วยโรคหัวใจหรอก"

เถรี
07-09-2018, 08:53
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้เรื่องของการที่ต้องโอนเงินผ่าน QR Code ทำเอาอาตมาหน้ามืดอยู่ทุกวัน เพราะมีโยมหลายรายทำบุญวันละบาท วันละ ๒ บาท คราวนี้เป็นบัญชีที่ทางวัดต้องลงให้ครบถ้วน ละเว้นไม่ได้ เพราะว่าเป็นบัญชีที่สรรพากรเขาตรวจสอบ อาตมาก็ต้องไปลงยิบลงย่อยอยู่ทุกวัน ก็เลยไม่รู้ว่าโยมเขามีความสุขมากใช่ไหมที่ได้ทำบุญทีละบาทสองบาท ? เพราะว่าเท่ากับได้ทำบุญทุกวัน อาตมาเองก็เพิ่มงานขึ้นมา ก็คือได้ลงบัญชีทุกวัน

ไม่ได้ตำหนิโยมว่าทำบุญน้อย แต่มีปัญหาตรงที่อาตมาต้องเพิ่มงานขึ้นมาอีกเยอะ ต้องมาตามตรวจสอบแล้วก็ลงบัญชีอยู่ทุกวัน ไปนึกถึงคุณสำรวย คุณสำรวยเป็นโฆษก วน ๆ เวียน ๆ อยู่กับสารพัดวัด ถึงเวลาก็จับไมค์ฯ เรียกร้องให้ญาติโยมช่วยกันทำบุญงานโน้นหน่อย งานนี้หน่อย "มีมากก็ทำสัก ๑๐๐ บาท มีน้อยก็ทำสัก ๒๐ บาท" ถ้าคุณสำรวยมาเจอแบบอาตมานี่คงเครียดไปเลย"

เถรี
07-09-2018, 09:00
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าฝันว่าได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ เป็นการส่วนพระองค์ ก็เลยกราบทูลถามว่าจะเสด็จกาญจนบุรีเมื่อไร ? พระองค์ท่านตรัสว่าอย่างไรก็ต้องเสด็จอยู่แล้ว ประมาณว่าไปแน่ ๆ ในฝันนั้นพระองค์ท่านหนุ่มมาก ๆ เหมือนรูปในธนบัตรเลย การฝันเห็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินนั้นถือว่าเป็นมงคลใหญ่ เพราะว่าตอนที่ได้เฝ้าก็ไม่ได้เป็นส่วนตัวอย่างนี้ คราวนี้เป็นการส่วนพระองค์เลย นั่งกันอยู่แค่ ๒ คน

ตั้งแต่คณะรัฐบาลกราบทูลเชิญขึ้นครองราชย์ รู้สึกว่าพระองค์ท่านจะเสด็จเยี่ยมชาวบ้านอย่างเป็นทางการครั้งเดียว...ใช่ไหม ? แล้วก็ไปเสียไกลเลย เดี๋ยวพอพระราชภารกิจน้อยลงก็คงจะเสด็จมากขึ้น อาตมาเองก็กล้าหาญมาก อยู่ในฝันนี่ทวงเลยว่าเมื่อไรจะเสด็จไปเมืองกาญจน์ ? เมื่อไรจะเสด็จกาญจนบุรี ? ประมาณว่าถ้าหาที่ลงไม่ได้ ทางวัดท่าขนุนจะเต็มใจเป็นเจ้าภาพรับเสด็จเอง"

เถรี
07-09-2018, 09:10
ถาม : ครั้งที่แล้วที่ถามเรื่องเอาความเคืองออก ให้ไปพิจารณาว่า “เขาก็ตาย เราก็ตาย” พอไปพิจารณา ความเคืองคลายตัวลงไป แต่สิ่งที่ได้ไม่ใช่ “เราก็ตาย เขาก็ตาย” กลับกลายเป็นว่าเราไม่มีความเกี่ยวเนื่องกัน ตัวใครตัวมัน ออกมารูปแบบนี้มากกว่า อย่างนี้ถูกหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ได้เหมือนกัน ทำอย่างไรก็ได้ให้ รัก โลภ โกรธ หลง เบาบางลงหรือหมดไป เพราะแง่มุมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ครูบาอาจารย์มีหน้าที่แนะนำเท่านั้น มุมที่ใช่จริง ๆ เราต้องทำเอง

เถรี
07-09-2018, 09:21
ถาม : มีช่วงหนึ่งเหมือนร่างกายขาดวิตามิน อดอาหารมากินวิตามิน กินธาตุเหล็กด้วย ก็เห็นว่าร่างกายก็อยู่ได้ ?
ตอบ : อย่าให้ร่างกายเราขี้เกียจ กินอาหารดีกว่า เพราะว่าถ้ากินแต่ของเพียว ๆ ลงไป เดี๋ยวร่างกายจะขี้เกียจทำงาน

เถรี
07-09-2018, 20:48
พูดถึงเต่า "นั่นเป็นค่าปลุกเสก ไปทำพิธีแล้วพระครูเทพท่านถวายมา"

ถาม : มีคนเขาอยากรู้ว่าดีทางด้านไหนคะ?
ตอบ : อ๋อ...ด้านตะวันตก ถามกำกวมแต่พระตอบตรงเป๊ะ

เรื่องของคาถาพญาเต่าเรือนมี ๒-๓ อุปเท่ห์ด้วยกัน อย่างแรกก็คือมีชีวิตรอดปลอดภัย เพราะว่ามาจากชาดกที่พ่อค้าเรือแตกไปติดอยู่บนเกาะกลางทะเล แล้วพญาเต่ายอมสละชีวิตตัวเองให้เขากิน แล้วก็ให้เอากระดองทำเป็นเรือออกมา

ลำดับที่สองก็คือช่วยให้ร่ำรวย เพราะว่าบรรดาสมบัติที่พญาเต่าเก็บเอาไว้ทั้งหมด เขาก็ยกให้พวกพ่อค้าที่ไปติดเกาะนั่นแหละ แล้วอันสุดท้ายนี่คนไทยเอามาตีความเองจากชื่อพญาเต่าเรือน คำว่าเรือนที่หมายถึงบ้าน ที่พญาเต่าตัวใหญ่เท่าบ้าน มาเปลี่ยนเป็น ‘เลือน’ ที่ภาษาไทยแปลว่า จืดจาง จางหายไป เขาก็เลยใช้คาถาพญาเต่าเรือนในการภาวนา เพื่อช่วยแก้ไขเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี

เรื่องของการสร้างสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับพญาเต่าเรือน ของหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทองท่านจะโด่งดังที่สุด ท่านอื่น ๆ ก็ทำไว้เยอะนะ แต่ว่าราคาแพงจนจับไม่ติด อย่างพญาเต่าเรือนหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร ตัวหนึ่งเดี๋ยวนี้ราคาหลายแสนเขาก็สู้กัน แล้วก็พญาเต่าเรือนของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ส่วนใหญ่แกะสลักด้วยงาช้าง แล้วก็มีบางส่วนที่เอาเศษตะกั่วที่เหลือจากการทำตะกรุดจันทร์เพ็ญของท่านมาหลอมเป็นเต่า

แต่ถ้าหากว่าเป็นเต่าตะกั่วของหลวงปู่ศุข เน้นว่าต้องมีรอยจาร ถ้าไม่มีรอยจารอย่าไปเสี่ยง ถ้าจำลายมือหลวงปู่ได้ก็สบาย หลวงปู่ท่านเขียนสวยแล้วเล่นหางด้วย"

เถรี
07-09-2018, 20:51
ถาม : เต่าของหลวงปู่ศุข มีทองเหลืองไหมครับ ?
ตอบ : สมัยก่อนเรื่องการหลอมโลหะเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้น...พวกเนื้อทองเหลือง ถ้าไม่ได้พวกช่างหล่อโดยตรงก็ทำไม่ได้ แต่ส่วนที่หลอมง่ายที่สุดก็คือตะกั่ว วัตถุมงคลโบราณส่วนใหญ่ถ้าเป็นโลหะก็จะเป็นเนื้อตะกั่ว แบบลูกสะกดของหลวงปู่ศุข ลูกหนักเป็นขีด นั่นเนื้อตะกั่ว มีจารด้วย

เถรี
07-09-2018, 20:58
นี่ถ้าพระครูเทพรู้ว่าโดนอาจารย์เล็กขายตัดราคาไปนี่ คงประเภทร้องจ๊าก ที่วัดเขาขายองค์ละ ๒๐๐ บาท ที่นี่ถือว่าเขาถวายมา เอาแค่ ๕๐ บาท

ท่านเป็นลูกศิษย์ที่ขยันสุด ๆ ทำทุกอย่างเพื่อความเจริญของพระพุทธศาสนา บอกว่าเหนื่อยตายไม่ว่าขอให้ได้ทำ นี่ท่านก็สร้างหลวงปู่หลิวขี่เต่าองค์ใหญ่เสร็จแล้ว กำลังจะสร้างพระสังกัจจายน์ขี่เต่ามังกรคร่อมหลวงปู่หลิวไว้อีกทีหนึ่ง โอ้โฮ...หลวงปู่หลิวองค์ขนาดคนเดินลอดใต้ท้องเต่าได้ แล้วจะทำพระสังกัจจายน์คร่อมอีก บอกท่านว่า "เอ็งจ่ายอีกเยอะเลย"

แต่ท่านบอกว่าท่านยอมทำ เพราะว่าอันดับแรกก็คือหลวงปู่หลิวเป็นครูบาอาจารย์ แล้วพระสังกัจจายน์คนก็เคารพนับถือกันมาก ไหน ๆ จะสร้างแล้วก็สร้างให้อลังการไปเลย ท่านขออย่างเดียวว่า "อาจารย์อย่าทิ้งผมนะ" หารู้ไม่ว่าจริง ๆ ความสามารถในการหาเงินของท่านเหนือกว่าอาตมาไม่รู้กี่เท่า อาตมาเองนี่ถ้าต้องให้ไปติดต่อญาติโยมเพื่อขอให้เป็นเจ้าภาพก่อสร้างนี่ไม่เอาด้วยหรอก

เถรี
08-09-2018, 08:59
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาไปพุทธาภิเษกที่วัดถ้ำป่าไผ่ทั้งที่ไม่สบายหนัก แต่ไม่สบายก็ดีไปอย่างหนึ่ง ขากลับพ่อปู่พลายประกายแก้วท่านบอกว่าจะไปส่งอาตมาก็ว่าขับรถประสาอะไรวะ ? ขับร้อยเดียวถึงเร็วขนาดนี้ แล้วรถวิ่งนิ่มเป็นพิเศษ ที่ไหนได้...ท่านแบกขึ้นหลัง ท่านเดินแบบช้างเดิน คือ เดินนิ่ม ๆ แต่ว่าเร็วมาก"

เถรี
08-09-2018, 09:02
ถาม : ถ้าไม่ใช่ผลของกรรม เราสามารถกันโรคไม่ให้ติดต่อเราได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีผลของกรรมก็ไม่ต้องไปเสียเวลากัน ไม่เป็นอะไรหรอก

เถรี
08-09-2018, 09:09
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้บันไดขึ้นพระพุทธเจติยคีรีก็ใกล้จะเสร็จแล้ว จะให้เสร็จก่อนตักบาตรเทโวฯ เพื่อใช้งาน เพิ่มจาก ๒๕๘ ขั้น ขึ้นมาเป็น ๓๐๐ กว่าขั้น แต่เดินง่ายกว่าเดิมเยอะเลย เพิ่มมาเยอะขนาดนั้นกลับทำให้เดินถึงยอดภายใน ๓ นาที

ช่างเขาเปลี่ยนระดับใหม่ทำให้เดินง่ายขึ้น จุดไหนที่ชันมากเขาก็หักเลี้ยวหักหลบ ทำให้ขั้นเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะ แต่ว่าเดินง่ายขึ้น ตอนนี้มีแต่คนถามว่าเมื่อไรจะเสร็จ บอกไปว่าขอเวลาหน่อย เพราะว่าด้านบนจะทำพื้นแบบที่เขาเรียกว่า Stamp (คอนกรีตอัดลาย)"

เถรี
08-09-2018, 09:14
"ทางด้านพระพุทธเจติยคีรีพอทำขึ้นมาก็ตั้งใจทำเป็นจุดชมวิวอยู่ ๒ จุด คือของเก่าเราขยายกว้างขึ้นมา เพื่อให้เดินสะดวกและวางผางประทีปได้ง่ายขึ้น แต่คราวนี้มุมที่ตรงจริง ๆ เลย ที่จะมองเห็นโบสถ์กับเจดีย์เป็นแนวเดียวกันมีอีกมุมหนึ่ง ก็เลยบอกว่าทำเพิ่มขึ้นมาหน่อย ตอนนี้เขาทำเป็นลานแปดเหลี่ยม เดี๋ยวพอทำรั้วทำอะไรกั้นเรียบร้อยก็คงจะไม่หวาดเสียวแล้ว

ส่วนอีกอันหนึ่งอาตมาเรียกว่าแท่นกระโดดน้ำ คือยื่นพ้นหน้าผาไปไกล ไป...ไปดูเสียให้พอ มีแต่คนเขาถามว่าทำไมไม่ทำสะพานกระจกบ้าง ? เฮ่อ...ทำสะพานกระจกของเราไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นนี่ สะพานกระจกต้องเลาะริมเขาไป ของเราขึ้นไปตามภูเขา มองจากใต้กระจกลงไปก็ห่างจากพื้นหน่อยเดียว แล้ว จะไปน่ากลัวตรงไหน ดูอย่างของจีนเขาสิ เวลาเปลี่ยนกระจก โอ้โฮ...กว่าจะเอาของขึ้นไปเปลี่ยนได้ แทบตายเลย"

เถรี
09-09-2018, 19:59
ถาม : เพื่อนผมสั่งมีดหมอมาเข้าพิธีเพชราวุธ จะมีอานุภาพเหมือนที่หลวงพ่อทำไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีทางเหมือนกันอยู่แล้ว วัสดุไม่ได้อย่างที่ทางวัดทำ แต่อย่างไรก็เข้าพิธีเดียวกัน

ถาม : มีคุณภาพเหมือนกันหรือเปล่าครับ หรือเป็นแค่วัตถุมงคล ?
ตอบ : ลองเอาไปใช้ดูก็แล้วกัน เดี๋ยวก็รู้เอง

เถรี
09-09-2018, 20:03
ถาม : ตอนนอนพยายามจะภาวนา แต่พอไปถึงจุดหนึ่งตกใจ ใจเต้น แล้วก็ไม่หลับเลย ?
ตอบ : สมาธิเคลื่อน คือสมาธิของเราเหมือนกับไต่สูงขึ้นไปเรื่อย แต่ในความรู้สึกของเราก็คือค่อย ๆ ต่ำลงเพราะว่าสงบ แต่คราวนี้ตอนที่ไต่สูงถ้าเราพลาดขาดสติสมาธิก็จะตก พอตกวูบลงมาเราก็จะสะดุ้ง ต่อไปต้องตั้งใจอยู่กับลมหายใจให้มากขึ้น ถ้าหลุดจากลมเมื่อไรก็ร่วงอีกนั่นแหละ

ถาม : มีครั้งหนึ่งคล้าย ๆ เหมือนจิตเคลื่อนจะออกกลางหน้าผาก สะดุ้งเหมือนกัน ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ จะไปไหนก็ช่างมัน เราคิดอยู่อย่างเดียวว่าถ้าไป เราขอไปไหว้พระก็แล้วกัน ให้นึกถึงพระเอาไว้

เถรี
09-09-2018, 21:28
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันก่อนไปงานหล่อพระที่วัดสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม วัดนี้แต่เดิมมาก็มีหลวงปู่เต๋แล้วก็หลวงปู่แย้มเป็นเจ้าอาวาสต่อเนื่องกันมา

ทางวัดสามง่ามเขาโด่งดังเรื่องการสร้างกุมารทอง แต่สมัยหลวงปู่เต๋ท่านไม่ได้เรียกกุมารทอง ท่านเรียกว่าตุ๊กตาทอง กุมารทองหลวงพ่อเต๋ ช่วยในเรื่องของการดูแลรักษาบ้าน ค้าขาย สร้างความเจริญรุ่งเรือง ฯลฯ ต่อมารุ่นหลวงปู่แย้มที่เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดก็ยังคงสร้างกุมารทอง

พอท่านเจ้าคุณสมัย (พระศรีธีรวงศ์) ไปเป็นรักษาการเจ้าอาวาสก็สืบสายต่อมา แต่ท่านสร้างมากกว่านั้น ท่านสร้างพระพุทธเจ้าองค์น้อย โดยใช้ชื่อว่า อภิมหากุมารสิทธัตถะ ทำทั้งทีต้องทำให้ใหญ่...ใช่ไหม ? ก็เป็นกุมารเหมือนกัน แต่เป็นอภิมหากุมาร

ท่านเจ้าคุณอาจารย์นิมนต์อาตมาไปนั่งปรก ท่านบอกว่าท่านเป็นมือใหม่หัดขับ ไม่เคยเป็นเจ้าอาวาส ไม่เคยหล่อพระเอง ท่านก็นิมนต์ไปนั่งปรก ๘ รูปด้วยกัน ท่านไล่ชื่อว่ามี ปุ่น ปั่น ยิ้ม แย้ม หนุน ดวง กำไล ไพโรจน์ อาตมาก็มาคิดว่า...แล้วกูอยู่ตรงไหนวะ ? ปรากฏว่าพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน กลายเป็นหลวงพ่อหนุน !??

คราวนี้อาตมานั่งคู่อยู่กับพระครูไพโรจน์ วัดสระพัง ก็ทำตามแบบของตัวเองคือขึ้นไปกราบพระ พระท่านสั่งให้ทำอย่างไร ให้ภาวนาอย่างไรก็ทำตามนั้น ปรากฏว่างานนี้พระท่านให้ตั้งธาตุ ๔ แล้วหนุนธาตุด้วย

เรื่องของธาตุ ๔ นี่แปลว่าเราต้องตั้งธาตุก่อน เมื่อหนุนธาตุได้สมบูรณ์ แล้วใส่อาการ ๓๒ ลงไป บรรดาวัตถุรูปต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ่นพยนต์ เป็นกุมาร หรือว่ารูปสิงสาราสัตว์อะไร อย่างเช่น ควายธนูก็ตาม ก็จะขลังเหมือนกับมีชีวิตขึ้นมาเอง อาตมาพอตั้งธาตุหนุนธาตุเสร็จเรียบร้อย ทางด้านโน้นพระสงฆ์ก็เจริญชัยมงคลคาถาจบ

กำลังจะเริ่มเรื่องของอาการ ๓๒ ท่านเจ้าคุณอาจารย์ซึ่งถือไมค์ฯ อยู่ก็ขึ้น อัตถิ อิมัสมิง กาเยฯ พอดีเลย อ้าว...แล้วไหนบอกว่าท่านเป็นมือใหม่หัดขับ ? อาจจะเป็นเพราะว่าท่านศึกษาตำรามาแล้วก็เข้าใจก็ได้ว่าต้องใช้อาการ ๓๒ ด้วย โดยเฉพาะการสร้างรูปพระพุทธเจ้าองค์น้อย แต่ว่าไม่น้อยนะ เพราะว่าสูงถึง ๗ เมตร"

เถรี
09-09-2018, 21:34
"ท่านแบ่งการหล่อออกเป็น ๓ ครั้ง ประมาณเดือนธันวาคมนี้จะหล่อกลางองค์ วันวิสาขบูชาปีหน้าค่อยหล่อช่วงบนสุด อาตมาก็คงไปให้ท่านได้ไม่เกินครั้งหน้า เพราะว่าวันวิสาขบูชาที่วัดเรามีงานอยู่แล้ว

พอท่านเจ้าคุณอาจารย์ขึ้นอาการ ๓๒ พระที่ชยันโตฯ ก็นั่งเอ๋อกันหมด ท่านก็เลยต้องหยุด “เอ้า...นิมนต์ขึ้นอาการ ๓๒ หรือไม่ก็รับตามผมด้วยแล้วกัน” แล้วท่านก็ อัตถิ อิมัสมิง กาเย เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ มังสังฯ ปรากฏว่าท่านสวดเสีย ๗ จบ อาตมาก็เลยกราบพระแล้วกลับขึ้นรถเลย ไม่ต้องห่วงท่านแล้ว ไปได้แล้ว

ต้องบอกว่าครูบาอาจารย์ท่านสร้างตุ๊กตาทอง สร้างกุมารทอง ท่านเจ้าคุณอาจารย์สร้างอภิมหากุมารสิทธัตถะ ใช้คำว่าอภิมหากุมารสมปรารถนา เพราะคำว่าสิทธัตถะ แปลว่า สำเร็จประโยชน์ทุกประการ ก็คือคิดอะไรก็สมปรารถนา ท่านบอกที่ท่านสร้างสูง ๗ เมตร เพราะว่าพระพุทธเจ้าประสูติออกมาก็เดินได้ ๗ ก้าว เผยแผ่พระพุทธศาสนาไป ๗ แคว้น เสวยวิมุติสุขอยู่ ๗ x ๗ = ๔๙ วัน

ความจริงถ้าสร้างใหญ่กว่านั้นก็ไม่ไหวนะ เพราะว่าสร้างองค์พระแล้วต้องสร้างอาคารด้วย ถ้าไม่สร้างใหญ่อาคารหลังใหญ่ก็จะไม่มีที่ให้ตั้ง หรือไม่ก็ต้องจ่ายแพงมาก แต่คนไปกันเยอะน่าชื่นใจ แล้วท่านทำงานรอบคอบ ซองที่พวกเราใส่เพื่อร่วมกันหล่อพระ ท่านรับแล้วยังให้คนถ่ายรูปเอาไว้ด้วย พูดง่าย ๆ ว่ากรรมการวัดเบี้ยวไม่ได้เลย

มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ อากาศร้อนมากตอนหล่อพระ เนื่องจากว่าอาตมาขึ้นนั่งก่อนงานประมาณชั่วโมงหนึ่ง เข้าสมาธิยาวไปเลยจึงไม่รู้สึกอะไร พอคลายสมาธิ โอ้พระเจ้า...ทำไมถึงร้อนได้ขนาดนี้ อาจจะเกิดจากอากาศอบอ้าวแบบฝนจะตก และเตาหลอมก็อยู่ใกล้ แต่ตอนเข้าสมาธิอยู่ไม่รู้เรื่อง มารู้ตอนคลายออกมาแล้ว ก็เลยคิดว่าถ้าอยู่ต่อคงได้สลบไสลต่อหน้าชาวบ้านแน่ เพราะว่าอาตมาความดันค่อนไปทางต่ำ อากาศร้อนมาก ๆ บางทีเดินเซเลย อากาศร้อนทำให้เส้นเลือดขยายตัวมาก ก็ยิ่งทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ"

เถรี
10-09-2018, 08:46
"ถ้าไปวัดสามง่ามเปิด Google Map บางทีก็ไม่หาให้ เขาจะพาไปวัดสามง่ามที่นนทบุรีแทน ให้พิมพ์คำว่า วัดอรัญญิการาม (สามง่าม) ถึงจะไปได้ถูก"

เถรี
10-09-2018, 08:50
พระอาจารย์กล่าวว่า "ทางสำนักพุทธฯ ออกระเบียบมาชัดเจนว่าพระที่สึก เจ้าอาวาสจะยึดบัตรประชาชนที่เป็นพระไม่ได้ เขาบอกว่าบัตรประชาชนออกให้ใครก็เป็นสมบัติของคนนั้น ทางวัดไม่มีสิทธิ์ไปยึด สรุปง่าย ๆ ว่ายึดได้แต่หนังสือสุทธิเหมือนเดิม"

เถรี
10-09-2018, 19:47
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ทองผาภูมิฝนตกทั้งวันทั้งคืน ถ้าวันไหนไม่สบายไม่อยากเปียกก็ต้องโวยวายกัน แล้วก็จะเว้นให้ตอนบิณฑบาตพักหนึ่ง ปกติแล้วอาตมาจะปล่อย อยากเปียกก็เปียกไป แต่บางวันอาการไข้ทำให้ไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องโวยกันบ้าง ตกทั้งวันทั้งคืน พอไปที่อื่นที่แห้ง ๆ แล้วรู้สึกดีจริง ๆ เลย

เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ประชุมเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะตำบล แล้วก็เลขานุการ ตอนนั่งคุยกันก่อนเวลา เจ้าคุณวีระท่านบอกว่า ผมอุตส่าห์ทำหนังสือยื่นไป ๒ ครั้ง ๓ ครั้งแล้ว ของบประมาณมาขุดคลองส่งน้ำ แต่ทางราชการไม่เคยให้งบสักที กลับขุดคลองส่งน้ำของเราเข้าอู่ทองไปให้สุพรรณบุรีใช้ เขาบอกว่าท่านบรรหารขอไว้ แต่ของอำเภอห้วยกระเจา อำเภอเลาขวัญกลับไม่มีน้ำจะใช้กัน

เขาเอาน้ำจากอ่างเก็บน้ำไป แทนที่จะส่งมาให้ทางด้านห้วยกระเจา-เลาขวัญ ดันส่งไปสุพรรณบุรี ถ้ามีคลองซอยในพื้นที่ น้ำก็จะไปได้ทั่วถึง แต่คราวนี้คลองซอยพอได้งบประมาณมาดันทำไปให้สุพรรณบุรี ต้องบอกว่าอิทธิพลของท่านบรรหารนี่สุดยอด

ท้ายสุดอาตมาก็เลยบอก เอาอย่างนี้สิ พวกเราพระสังฆาธิการทั้งหมดของกาญจนบุรี ช่วยกันสร้างคลองสักสายให้ระบือลือลั่นไปเลย ปรากฏมีคนคัดค้านว่า ไม่มีทางครับ ขออนุญาตใครเขาก็ไม่ให้หรอก เพราะว่าถ้างบประมาณมา เขาก็ต้องเอาเป็นของเขา ไม่ใช่ของพระ เรื่องที่เขาจะได้งบประมาณ เขาไม่มีทางปล่อยให้พระทำหรอก เราจะทำเราก็ต้องขออนุญาตเพื่อที่จะทำผ่านพื้นที่ของแต่ละอำเภอ เขาไม่อนุญาตหรอก"

เถรี
10-09-2018, 19:52
"เจ้าคุณวีระบอกว่า เดี๋ยวผมจะปลุกระดมชาวบ้านเดินขบวน ก็เลยบอกท่านว่า ถ้าทำอย่างนั้นในตอนนี้จะเป็นการซ้ำเติมรัฐบาลนะ โดยเฉพาะผู้ว่าฯ ของเราเดี๋ยวจะโดนพิจารณา ท่านบอกว่า ถ้าไม่ทำอย่างนั้นข้าราชการเขาก็ไม่สนใจ เขาเอาแต่ตัวเขาเอง ไม่ได้สนใจเลยว่าชาวบ้านเดือดร้อน

คราวนี้อาตมาไปนึกถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ งานทุกอย่างที่พระองค์ท่านทำ ก็คือแก้เรื่องปากท้องและความเดือดร้อนของชาวบ้าน แต่ข้าราชการนี่ทำทุกอย่างเพื่อปากท้องของตัวเอง ทำอย่างไรถึงจะมีงบประมาณมาแบ่งกัน

เราต้องเสียสละเวลาสัก ๓๐ ปีเพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ ก็คืออาจจะต้องถึงขนาดเขียนหลักสูตรใหม่เลย ไล่ตั้งแต่เด็กอนุบาลขึ้นมาเลย ทำอย่างไรที่จะให้เขามีจิตสาธารณะ เสียสละเพื่อคนอื่น เสียสละเพื่อส่วนรวม ก็คือ "โครงการโตไปไม่โกง" นี่แหละ แต่ไม่ใช่มาประเภทกรอกหูคนโต ต้องเล่นตั้งแต่เล็ก ๆ ตั้งแต่บ้านเลย ไม่ใช่พอถึงเวลา เอ้า...ถ้าเด็กสูงไม่ถึง ๑๒๐ เซนติเมตรไม่ต้องจ่ายค่าตั๋ว พอไปถึงพ่อแม่ก็บอกว่า "ลูกย่อตัวลงหน่อยสิ" อ้าว...บรรลัยแล้ว พ่อแม่สอนลูกโกงตั้งแต่เล็กแล้ว

ถ้าเป็นไปตามหลักสูตร อย่างน้อยรุ่นแรก ๆ ก็ต้องดัดจริตเป็นคนดีให้ได้ หลังจากพื้นฐานแต่ละรุ่นดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ของเราถ้าไม่เริ่มก็ไม่มีทางที่จะดีได้ เพราะว่าคนไทยเรามีนิสัยทำอะไรตามใจคือไทยแท้ แล้วตามใจนี่ส่วนใหญ่ก็ไม่ดูกาลเทศะด้วย เมื่อวานนี้ก็เกือบจะเกิดอุบัติเหตุ ขับรถอยู่ ๆ เขาก็หักขวับเข้ามาในเลนของเราหน้าตาเฉย แล้วระยะกระชั้นชิดด้วย ไฟเลี้ยวก็ไม่เปิด ของเราก็ประเภทบีบแตรลั่นไปสิ คือถ้ามาด้วยความเร็วเท่ากันก็พอทน นี่เข้ามาแล้วมาคลานตรงหน้า ต่อให้ของเราวิ่งมาแค่ ๘๐ ก.ม./ช.ม. ก็จะโดนชน"

เถรี
10-09-2018, 19:55
"ประเทศเราไม่เคยชินกับการทำตามระเบียบวินัย ประเภทคนรวยย่อมมีสิทธิ์ ที่เขาคุยกันว่า ถ้าผ่านด่านตำรวจให้เปิดกระจกลงไป แล้วตะโกนใส่หน้าตำรวจ บอกว่า “กูรวยนะ” ก็จบ คนที่พูดแบบนี้นี่ดูถูกตำรวจมาก

ระยะหลังนี่เวลาขับรถผ่านด่านตรวจ ส่วนใหญ่แล้วเขาจับความเร็ว ของอาตมาน้อยครั้งที่จะโดน เพราะว่าวิ่งไม่เคยเกิน ๑๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ ๘๐-๙๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง พอถึงเวลาก็เห็นตำรวจเขามีโพยถืออยู่ แสดงว่าพวกวิทยุมาบอกแล้วว่า เลขทะเบียนไหนขับเร็ว ถ้าเจอเมื่อไรนี่ตำรวจเขาชี้มือให้ออกข้างไปเลย ไปให้ปรับเสียดี ๆ"

เถรี
10-09-2018, 20:08
พระอาจารย์กล่าวว่า "สำหรับพระอื่นถ้าได้รับเงินที่ระบุว่าส่วนตัว ก็คาดว่าส่วนใหญ่ท่านคงจะรู้สึกดี แต่อาตมานี่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนตั้งแต่วันแรกที่บวช ท่านบอกว่า "ได้รับเงินมาอย่าคิดว่าเป็นส่วนตัว เพราะว่าเราได้รับมาในฐานะของพระสงฆ์ จะใช้ในสิ่งที่สมควรแก่สมณสารูป อย่างเช่นว่า เป็นค่ารถ ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล หรือช่วยเหลือผู้ที่ตกระกำลำบาก ถ้าส่วนที่เหลือก็ผลักเข้ากองกลาง เพื่อเพิ่มบุญให้กับคนถวายเขาด้วย"


ก็เลยกลายเป็นว่าเงินส่วนตัวสำหรับอาตมาใช้ยาก เงินสงฆ์ใช้ง่ายกว่า สร้างอะไรก็คว้าเลย"

เถรี
10-09-2018, 20:15
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนพุทธาภิเษกเหรียญท้าวเวสสุวรรณ ท่านบอกว่าภัยธรรมชาติจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าโลกจำเป็นต้องปรับสมดุลให้กับตัวเอง สมดุลเมื่อไรก็จะสงบไประยะหนึ่ง จนกว่าที่จะเสียสมดุล ภัยธรรมชาติก็จะเริ่มแรงขึ้นมาอีก นี่แสดงว่าช่วงท้าย ๆ กัปที่โดนทำลายนั่น สมดุลธรรมชาติต้องเสียหายรุนแรงมาก

ท่านก็เลยบอกว่า งานนี้จะกันพวกภัยพิบัติจากธรรมชาติโดยตรง ถ้าหากว่าวาระหนักมากก็จำเป็นที่จะต้องให้ทรัพย์สินเสียหายบ้าง แต่จะไม่ให้เสียชีวิต คาดว่ารอดไปได้ก็คงหาใหม่ได้นะ

ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่า งานอะไร ๆ ก็ไปหมกให้ท่าน อาตมาเองยังพกเหรียญติดตัวเลย เดี๋ยวจะหาว่าสร้างแล้วไม่ใช้เอง พอดีเป็นเหรียญเงินเหรียญแรกที่เขาทำเป็นตัวอย่างให้ดู ก็เลยรับมาแล้วบอกเขาว่าไม่คืนนะ เอาติดตัวไปเข้าพิธีเลย"

เถรี
10-09-2018, 20:19
ถาม : ช้างเป็นสัตว์แต่ทำไมจึงดูสง่า ?
ตอบ : สัตว์ใหญ่ส่วนใหญ่แล้วก็มาในลักษณะของพระโพธิสัตว์ โดยเฉพาะว่ามีเทวดาหรือมีผีคอยรักษา ก็ต้องไว้สง่าของตัวเอง

เถรี
10-09-2018, 20:42
ถาม : (ไถไม้ดอกทิ้ง ต้องไปปลูกใหม่)
ตอบ : จะปลูกขึ้นหรือเปล่า? เพราะว่ายังไม่มีใครปลูก ที่มีอยู่นั่นขึ้นเป็นธรรมชาติอย่างเดียว ดันทะลึ่งไปไถออก คือต้นนี้เขาเรียกว่าเทียนกาญจน์ มีอยู่เฉพาะที่กาญจนบุรีแห่งเดียว และแห่งเดียวที่มีก็คือวัดท่าขนุน ดันไปไถทิ้งทั้งแผงเลย ไม่ได้สั่งแต่ไปทำ บอกว่าจะทำที่จอดรถสำหรับคนที่ขึ้นไปไหว้พระเจดีย์ อาตมาบอกว่าไม่ต้องทะลึ่งเลย

เทียนกาญจน์เป็นไม้ประจำถิ่น พวกนักพฤกษศาสตร์เข้าไปตรวจสอบแล้ว เขายืนยันว่ามีที่เดียว ไม้บางอย่างถ้าออกไปผิดที่แล้วก็ไม่ขึ้น สิ่งแวดล้อมไม่ได้อย่างที่เขาต้องการ ก็เลยเพิ่มงานโดยใช่เหตุ ไปไถออก อาตมาก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ออกแล้วก็แล้วกัน คราวนี้ทางนั้นเขาอุตส่าห์ไปปลูกคืน ซึ่งก็ไม่แน่หรอกว่าปลูกแล้วจะขึ้นหรือเปล่า ?

เถรี
10-09-2018, 20:58
ถาม : ใช่มีดหมอหลวงปู่บุญไหมครับ ?
ตอบ : เก่าดี แต่หาความเด่นไม่ได้เลยว่าเป็นของสำนักไหน รอยจารก็ไม่ใช่ของหลวงปู่บุญ มีดหมอหลวงปู่บุญส่วนใหญ่ถ้าไม่ทำเป็นด้ามฤๅษี ก็เป็นด้ามท้าวเวสสุวรรณ แต่นี่เป็นพรหมสี่หน้า พรหมสี่หน้าส่วนใหญ่เป็นสายอยุธยา อย่างหลวงพ่อกลั่น แต่หลวงพ่อกลั่นก็ไม่เคยได้ยินว่าทำมีดหมอ คือของอย่างนี้จะต้องเอาเป็นสากลนิยม ก็คือคนทั่วไปเขารับได้ ไม่ใช่ใช้วิธีจับพลังหรือทิพจักขุญาณ แบบนั้นคนอื่นเขารับไม่ได้

เรื่องของวัตถุมงคลต้องแท้สากลนิยม คือเอาไปให้ใครดู ผู้ที่มีความชำนาญเขาจะบอกอย่างเดียวกัน ไม่ใช่แท้ของเราคนเดียว ถ้าแท้ของเราคนเดียวนั่นไปเล่นที่ไหนก็ไม่ได้หรอก เก็บไว้ภูมิใจคนเดียวก็แล้วกัน แต่ว่าเล่มนี้เก่าแน่นอน เพราะว่าไม้แห้งจนหมดยางเลย

เถรี
10-09-2018, 21:04
ถาม : ตะกรุดของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม มีแบบไหนบ้างครับ ?
ตอบ : มีหลายอย่าง มีมหาปราบ มีมหาระงับ ฯลฯ ที่เขาหาเขาหามหาระงับกัน

มีอยู่คนหนึ่งเขาแซวมาว่ามีตะกรุดกันตำรวจไหม ? ก็เลยบอกถ้าอยากจะได้ประเภทนั้น คุณต้องศึกษาประวัติหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม วัตถุมงคลของหลวงพ่อคงลูกศิษย์ได้ไปก็มักจะไปเป็นโจร เพราะว่ากันตำรวจได้

เถรี
11-09-2018, 16:50
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ทองผาภูมิของอาตมา น้ำในเขื่อนใกล้จะเต็ม ๑๐๐ % แล้ว ทางเขื่อนเทน้ำทิ้งยาวมาเลยเป็นอาทิตย์ ๆ แล้ว มีแต่เพิ่มไม่มีลด แปลว่าน้ำที่ลงอ่างมากกว่าน้ำที่เปิดทิ้งไป

ช่วงที่ผ่านมาประมาณไม่ถึง ๒๐ วัน มีรัฐมนตรีท่านหนึ่งไปตรวจเขื่อน แล้วก็ไปสั่งผู้อำนวยการเขื่อนว่า ต้องเปิดน้ำทิ้งเท่านั้นเท่านี้ ยังดีที่ผู้อำนวยการเขื่อนท่านไม่บ้าจี้ ไม่ใช่ประเภทเห็นว่ารัฐมนตรีสั่งก็ทำตาม ทางเขื่อนเขาวางแผนระบายน้ำของเขาอยู่ ก็ทำตามแผนของเขาไป

ถ้าโยมยังจำปี ๒๕๕๔ ได้ อันนั้นที่น้ำท่วมเกิดจากรัฐมนตรีสั่ง เพราะฉะนั้น...อะไรที่ไม่รู้จริงแล้วไม่ใช่ความชำนาญ ต่อให้ใหญ่แค่ไหนอย่าทะลึ่งไปทำ ถ้าหากว่าเป็นผู้ใหญ่ที่ฉลาด ก็จะขอดูแผนบริหารจัดการของเขา ถ้าหากว่าไม่มั่นใจก็ขอคำอธิบายเพิ่มเติมหน่อย ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ถูกควรอย่างไรหรือไม่ แล้วหลังจากนั้นก็ปล่อยให้เขาทำ อย่าไปล้วงลูก เพราะว่าล้วงสิ่งที่เราไม่มีความเข้าใจ ไม่มีความชำนาญ โอกาสที่พลาดจะมีสูงมาก"

เถรี
11-09-2018, 16:56
"ปี ๒๕๕๔ ของเรานั้นพลาดหลายส่วนด้วยกัน ส่วนแรกก็คือไม่มีความเข้าใจสภาพรับน้ำของเขื่อน โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล เขื่อนภูมิพลเป็นเขื่อนที่ประหลาดมาก เป็นเขื่อนที่อยู่ในพื้นที่ที่เขาเรียกว่าเงาฝน มรสุมมาจะปะทะเทือกเขาถนนธงชัยแล้วเหินลอยไปลงที่อื่นหมด เพราะฉะนั้น...น้ำของเขื่อนภูมิพลนี่กักไปเถอะ ชาตินี้ทั้งชาติจะเต็มหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

ที่เห็นว่าใกล้เต็มแล้วรัฐมนตรียุคนั้นสั่งให้ระบายทิ้งแบบไม่บันยะบันยัง นั่นเขาเก็บมาหลายสิบปี แปลว่าอีกหลายปีก็ยังไม่เต็ม จากวันนั้นจนวันนี้ก็ยังไม่เต็ม ป่านนี้เขื่อนภูมิพลก็อยู่ที่ประมาณ ๖๐% นั่นคือการที่ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ แล้วไปสั่งการ

ประการที่สองก็คือ แทนที่จะปล่อยน้ำให้ไหลผ่านกรุงเทพฯ พรวดเดียวไปเลย อย่างเก่งก็ท่วมสูงสักศอกหนึ่ง หรือไม่เกิน ๒ ศอก ไม่นานก็หมด เราดันไปกั้นไว้ไม่ให้น้ำเข้า ลองคิดดูว่าโดยธรรมชาติแล้วน้ำจะต้องหลากผ่านกรุงเทพฯ เพื่อลงทะเลโดยเฉพาะลงที่บางขุนเทียน เป็นความกว้างหลายกิโลเมตร แล้วโดนบังคับให้ลงคลองเล็ก ๆ จะไม่ให้ท่วมนานเป็นเดือนก็เป็นไปไม่ได้"

เถรี
11-09-2018, 17:19
"ประการต่อไปคุณบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับไปแล้ว รักคนสุพรรณมาก โดยเฉพาะชาวนาสุพรรณห้ามน้ำท่วมอย่างเด็ดขาด ดังนั้น..คลองซอยหรือว่าแม่น้ำทุกสายที่เข้าสู่สุพรรณบุรี ประตูน้ำถูกปิดหมด

ในเมื่อไม่สามารถอ้อมเข้าทางสุพรรณบุรี เพื่อลงแม่น้ำท่าจีน-แม่กลองได้ ไม่สามารถลงเจ้าพระยาแล้วระบายออกได้ คนกรุงเทพฯ ก็รับเละ ได้แต่หวังว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นอีก

ธรรมชาติเขาให้คล้อยตาม ไม่ใช่ให้ไปปิดกั้น ถ้าไปปิดกั้นแล้วมนุษย์จะรู้ว่าธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเขื่อนยักษ์ที่ประเทศจีน ถ้าเอาไม่อยู่เมื่อไรก็ฟ้าถล่มดินทลาย เพราะว่าปริมาณน้ำที่กักเอาไว้นี่ประมาณ ๑ ใน ๑๐ ของโลก

บ้านเราส่วนใหญ่แล้วนักการเมืองไม่ได้ทำงานเพื่อชาวบ้าน มักจะทำเพื่อพวกพ้องและตัวเอง ก็เลยไม่มีการวางแผนระยะยาวในการบริหารประเทศ อย่าบอกนะว่าเรามีแผนยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี แผนยุทธศาสตร์ ๒๐ ปีที่วางเอาไว้นั่นวางเพื่อให้ตัวเองหรือพรรคพวกอยู่ ไม่ได้วางไว้บริหารเพื่อให้ชาวบ้านเขาอยู่ดีกินดี

ขนาดอาตมาไม่ค่อยมีเสียงพูดเท่าไร ยังให้ร้ายรัฐบาลอยู่เรื่อยเลย สมควรโดนปรับทัศนคติ...! ก็ในเมื่อรัฐบาลเขายืนยันว่าทุกอย่างดีหมด เศรษฐกิจเลิศหรูสุด ๆ ไม่เห็นหรือว่ารัฐมนตรีรวยทุกคน เพิ่งเช่าซื้อรถประจำตำแหน่งกันไปหยก ๆ แล้วจะมาบ่นว่าบริหารไม่ดีได้อย่างไร ?"

เถรี
11-09-2018, 17:21
"เมื่อวันก่อนนั่งแท็กซี่ รถติดมาก ถามถึงสาเหตุเขาบอกว่าเป็นเพราะสร้างรถไฟฟ้าหลายสายพร้อมกัน ก็เลยถามแท็กซี่ว่า ถ้าสร้างรถไฟฟ้าหลายสายพร้อมกัน แล้วถ้าเกิดเสร็จพร้อมกันนี่แท็กซี่จะเดือดร้อนไหม ? เพราะว่าคนไปขึ้นรถไฟฟ้ากัน

แท็กซี่บอกว่า "คนอื่นคิดอย่างไรไม่รู้นะ แต่สำหรับผมแล้วไม่เดือดร้อนหรอก" แท็กซี่บอกว่า "คนไทยติดหรู ติดสบาย รถไฟฟ้าไม่สามารถส่งถึงบ้านได้ รถอะไรที่ส่งถึงบ้านเขาก็เรียกรถอันนั้นแหละ" ถามว่าโยมกล้าฟันธงขนาดนั้นเลยหรือ ? "กล้าครับ..ก็ขนาดกู้เงินเขามาเพื่อที่จะเอามาใช้ แล้วก็ถ่ายรูปไปลง Facebook อวดชาวบ้านเขายังเอา" เขาว่าอย่างนั้น

"เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องห่วงแท็กซี่อย่างพวกผมหรอก รับประกันว่าไม่ตกงาน ต่อให้สร้างรถไฟฟ้าให้ทั่วกรุงเทพฯ ผมก็ไม่ตกงาน เหตุที่ไม่ตกงานนอกจากคนไทยจะติดสบายแล้ว ค่ารถไฟฟ้ายังแพงมาก เขาบอกว่าถ้าสัก ๒-๓ คนนี่นั่งรถแท็กซี่คุ้มกว่าเยอะ แล้วรถแท็กซี่ส่งถึงบ้านด้วย"

เถรี
11-09-2018, 19:21
พระอาจารย์เล่าว่า "ระยะแรก ๆ เลยที่อาตมาปฏิบัติธรรม ไม่รู้จักพระนิพพาน ช่วงนั้นทางบ้านสอนให้อธิษฐานว่า ถ้าเกิดใหม่ขอให้สวย ๆ ขอให้รวย ๆ ขอให้ได้พบพระศรีอาริย์ อาตมาก็อธิษฐานตามเขาอยู่หลายปี เพราะว่าผู้ใหญ่สอน คราวนี้พอรู้จักหลวงปู่หลวงพ่อที่เคารพนับถือ แต่ละท่านก็มาสายอภิญญากันหมด

ช่วงนั้นวัดแถวที่ใกล้บ้าน ถ้าไปทางบ้านแม่ก็จะมีหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ถ้ามาทางบ้านพ่อก็มีหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม

บ้านใกล้เรือนเคียงอย่างกาญจนบุรีก็มี หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า ก็เลยกลายเป็นว่าปฏิบัติธรรมระยะแรก ๆ อาตมาไม่ได้ต้องการพระนิพพาน เพราะว่าไม่รู้จักพระนิพพานเลย ปฏิบัติธรรมเพราะอยากเก่ง เหมือนกับหลวงปู่หลวงพ่อที่ทางบ้านเขาเคารพนับถือกัน แล้วสมัยนั้นการไปขอวัตถุมงคลจากหลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่านก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือที่จะผลิตทีละมาก ๆ แบบสมัยนี้ก็ไม่มี ถึงเวลาไปขอตะกรุดท่านสักดอกหนึ่ง เบี้ยแก้สักตัวหนึ่งก็รอกันไปเถอะ จนกว่าจะหาวัสดุได้"

เถรี
11-09-2018, 19:50
"สมัยนั้นอาตมาเรียน ป.๕ หรือ ป.๖ ก็มีใบบอก สมัยนี้เรียกว่าโบรชัวร์ งานหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ใบบอกมีวัตถุมงคลให้ทำบุญ ราคาแพงสุด ๆ ก็คือองค์ละ ๒๐ บาท สมัยนี้ราคาเป็นแสนหรือหลาย ๆ แสน เพื่อนทั้งห้องช่วยกันเรี่ยไรเงินทำบุญ ได้พระมา ๒ องค์ ต้องมาจับสลากกัน จะว่าไปราคาสมัยนั้นก็ไม่ได้ถูก เพราะอาตมาจำได้ว่าก๋วยเตี๋ยวชามละบาทเดียว พระองค์หนึ่ง ๒๐ บาทสมัยนั้นก็ก๋วยเตี๋ยว ๒๐ ชามสมัยนี้ ก็ประมาณ ๔๐๐ บาท

กิตติศัพท์เกียรติคุณในสมัยนั้นต้องยกให้หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ดังที่สุดทางด้านนครปฐม หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ดังที่สุดของสุพรรณบุรี

คำว่า ดัง ในสมัยโน้นของอาตมาหมายความว่าเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ เนื่องจากว่าหลวงปู่หลวงพ่อวัดข้าง ๆ บ้านเลย ก็เห็นท่านเก่งเสียจนกระทั่งอาตมาคิดว่า ถ้าบวชพระนี่ต้องเก่งแบบนี้ทุกรูป เพราะว่าทุกท่านล้วนแต่มีความรู้ความสามารถ เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน เพียงแต่ว่าอาจจะดังเฉพาะในถิ่นของตัวเอง แต่ถ้าหากว่าอย่างหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่ามนี่ท่านดังทั่วประเทศ"

เถรี
11-09-2018, 19:59
"กว่าที่อาตมาจะรู้จักคำว่าพระนิพพานก็โน่น ปี ๒๕๑๘ ตอนนั้นกำลังเป็นวัยรุ่นอายุ ๑๖ ปี โยมพ่อตาย ด้วยความที่ดูแลโยมพ่อมา ๖ ปีเต็ม ๆ พี่ชายกลัวว่าจะเสียใจที่พ่อตาย ก็เลยเอาหนังสือประวัติหลวงพ่อปานกับคู่มือปฏิบัติกรรมฐานของหลวงพ่อวัดท่าซุงไปให้

นั่นแหละถึงได้รู้จักว่าพระนิพพานเป็นอย่างไร ก็เพิ่งจะรู้ว่าในโลกนี้มีคำว่า "พระนิพพาน" ด้วย แล้วพระที่บวชก็ควรที่จะมุ่งพระนิพพานกัน แต่เนื่องจากว่าอาตมาเองอยู่ในบริเวณที่พระเจ้าท่านค่อนข้างจะเคร่งครัด เพราะว่ามีพระวัดป่าสายหลวงปู่มั่นอยู่ด้วย แล้วก็หลวงปู่อินทร์ วัดสระพัง ท่านก็ดุมาก พระบวชเข้าไป ถ้าทำตัวไม่เหมือนพระ ท่านตีด้วยหางกระเบนขนาดต้องกระโดดหน้าต่างหนีเลย

เด็กสมัยนี้ไม่รู้ฤทธิ์ว่าหางปลากระเบนตีแล้วสะใจขนาดไหน หางกระเบนก็คือหางของปลากระเบน ปลาทะเลนี่แหละ ตัดหางมาตากแห้งไว้ หางปลาจะสาก ๆ เหมือนกับมีทรายโรยอยู่ ตีเมื่อไรเนื้อแตกเมื่อนั้น"

เถรี
11-09-2018, 20:02
"สมัยนั้นเขามีเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบแผ่นครั่ง จำได้เลยว่าช่วงนั้นเพลงที่ดังมาก ๆ ก็มี “สาวสวนแตง” ของ สุรพล สมบัติเจริญ เปิดกันสนั่นหวั่นไหวไปหมด ปรากฏว่าพระท่านบวชเข้าไป ท่านเป็นลูกคนรวย ทางบ้านก็เลยยกเครื่องเล่นแผ่นเสียงไปให้ที่กุฏิ ท่านก็ไปเปิดเพลงฟังกัน หลวงปู่อินทร์ไปถึงก็เคาะประตู พอพระท่านเปิดประตูนี่ ท่านไม่ถามแม้แต่คำเดียว หางกระเบนในมือตีอย่างเดียวเลย พระท่านไม่รู้ว่าจะไปทางไหน หลวงปู่ท่านยืนขวางประตูอยู่ ก็ต้องโดดหน้าต่างหนี

ฉะนั้น ถ้าสิ่งที่เราเห็นว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่ฟังเพลง โทษยังหนักขนาดนั้น พระรอบ ๆ บ้านของอาตมาจึงค่อนข้างจะเคร่งครัด แต่ละรูปแต่ละท่านพอเป็นเจ้าอาวาสก็มีความสามารถพิเศษทั้งนั้น ก็เลยทำให้อาตมาคิดว่าพระทุกรูปบวชไปแล้วต้องดี พระทุกรูปบวชไปแล้วต้องเก่งแบบนี้"

เถรี
11-09-2018, 20:06
"หลวงปู่อินทร์ท่านมีปฏิปทาที่ค่อนข้างเคร่งครัด ถ้าท่านรับกิจนิมนต์ ท่านจะเดินไป แต่คราวนี้ถ้าระยะทางไกลอย่าง ๒๐ - ๓๐ กิโลเมตร ญาติโยมเอารถมอเตอร์ไซด์มารับบ้าง เอาม้ามารับบ้าง เอาเกวียนมารับบ้าง สมัยนั้นเขาจูงม้ามาให้พระขี่เลยนะ หลวงปู่ท่านจะจำว่าไปไกลเท่าไร กลับมาท่านจะเดินจงกรมใช้หนี้เป็นระยะทางไกลแค่นั้น

คราวนี้ท่านให้พวกอาตมาทำทางเดินจงกรมไว้ ทางเดินจงกรมก็ยาว ๒๕ วา คือ ๕๐ เมตร ท่านเดินไปกลับได้ ๑๐๐ เมตร ไปกลับ ๑๐ เที่ยวได้ ๑ กิโลเมตร ถ้าหากว่าท่านไปกิจนิมนต์ สมมติว่าต้องนั่งรถมอเตอร์ไซด์หรือขี่ม้าไป หรือนั่งเกวียนไปสัก ๒๐ กิโลเมตร ท่านก็ต้องมาเดินจงกรมใช้หนี้จนครบ

ฉะนั้น...สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งที่ปลูกฝังอาตมามาตั้งแต่เด็ก คือว่าถ้าหากว่าเป็นพระจะต้องเคร่งครัด จะต้องเก่งให้ได้แบบนั้น"

เถรี
11-09-2018, 20:22
"เวลาท่านนั่งลงในพิธีพุทธาภิเษกหรือว่างานประจำปี ไม่รู้ว่าโยมรู้จักขันสาครไหม ? ขันที่สมัยก่อนเขาไว้ใช้อาบน้ำเด็ก ใบโตขนาดเราลงไปนั่งได้สบาย ๆ ใส่น้ำเกือบเต็ม พอท่านนั่งลงหลับตา ขันก็ดิ้นทั้งใบเลย

อาตมาเองเห็นอย่างนั้นมาตลอด ก็เลยรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่พระทุกรูปต้องทำได้ และคาดว่าในสมัยนั้นก็น่าจะเป็นอย่างนี้ ก็คือหลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่าน พอถึงเวลาบวชเป็นพระใหม่เข้าไป ก็เห็นว่าครูบาอาจารย์ของตัวเองทำได้ เห็นเพื่อนสหธรรมิกทำได้ ก็คงจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำได้ทุกคน ไม่ใช่เรื่องยาก

เราจะเห็นว่าพระสมัยก่อนส่วนใหญ่แล้วถึงเวลาก็เล่นฤทธิ์เล่นอภิญญากันเป็นปกติ ถ้ายิ่งดูย้อนหลังไปไกล ๆ อย่างในวรรณคดีขุนช้างขุนแผน เมื่อพลายแก้วอยากบวช นางทองประศรีก็หาที่ให้ ท่านบอกว่า

.............................................................................................อันสมภารที่ชำนาญในทางใน
.............................................................................................ท่านขรัววัดส้มใหญ่แลดีครัน
.............................................................................................เจ้าคิดนี้ดีแล้วแก้วแม่อา
.............................................................................................แม่จะพาไปฝากขรัวบุญท่าน
.............................................................................................จะได้รู้การณรงค์คงกระพัน
.............................................................................................ให้เหมือนกันสืบต่อพ่อขุนไกร"

เถรี
11-09-2018, 20:26
"พูดง่าย ๆ ว่าไปฝากแล้วเอ็งต้องจบ ความรู้สึกแบบนี้ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่า เรื่องฤทธิ์เรื่องอภิญญาไม่ใช่เรื่องยาก ใครไปก็ฝึกได้ เป็นเรื่องสาธารณะ แต่สมัยนี้ของเราทำไมค่านิยมเปลี่ยนไป รู้สึกเป็นของยาก ? อาตมาก็ไม่รู้ว่าเปลี่ยนตอนไหน เพราะว่าหลังจากเรียนจบชั้นมัธยมแล้ว เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ หลวงปู่หลวงพ่อที่เคารพนับถือแต่ละท่านก็ค่อย ๆ ล่วงลับดับขันธ์ไปเรื่อย รุ่นใหม่ที่มาก็มีความสามารถไม่เท่าท่านเก่า ท้ายที่สุดก็เหมือนอย่างกับว่าค่อย ๆ เสื่อมลงไป

แบบเดียวกับที่มีญาติโยมคณะหนึ่งไปจากวัดพระธรรมกาย ไปอธิษฐานขอให้ถึงพระนิพพานในอนาคตกาล อาตมาได้ยินก็ถามว่า "แล้วทำไมไม่ขอในชาติปัจจุบันนี้ไปเลย ?" โยมคณะนั้นถามว่า "พระนิพพานไปชาตินี้ได้ด้วยหรือ ?" อาตมาถึงได้เข้าใจว่า ในเรื่องของการสร้างบารมีเป็นเรื่องที่ตำหนิกันไม่ได้ ถ้าใครสร้างบารมีมาเพียงพอ ก็จะรู้สึกว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องง่าย เป็นเรื่องปกติ ใคร ๆ เขาก็ทำกันได้ แต่ถ้าสร้างบารมีมาไม่พอ ก็จะกลายเป็นว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องยาก เกินความสามารถ เขาทำกันได้ด้วยหรือ ?

ดังนั้น ในส่วนของการสร้างบุญสร้างบารมี ต้องบอกว่ากำลังบารมีที่สร้างมานั่นแหละ ที่เป็นตัวแบ่งเอง ว่ากำลังบารมีของเราอยู่ในระดับไหน"

เถรี
11-09-2018, 20:31
มีคุณยายมาทำบุญ "เป็นอย่างไรจ๊ะโยม ? ยังแข็งแรงดีไหม ? ไม่ถึง ๙๐ ปีนี่ไม่ได้ตายหรอกนะจ๊ะ ทน ๆ อยู่ไปก่อนนะจ๊ะ เขาเรียกว่าทำบุญไว้ดี เพราะฉะนั้นอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ ถึง ๙๐ ปี ค่อยคิดกันอีกทีว่าจะอยู่หรือจะไป คนอายุมาก ร่างกายไม่แข็งแรงก็อยากไปวันไปพรุ่ง แต่ก็อย่างว่า..บุญเก่ากรรมเก่าสร้างเอาไว้ยังไม่หมดไม่สิ้นสักที ก็ยังไปไหนไม่ได้

อาตมาเองตอนนี้รอเวลาเกษียณ เดือนตุลาคมนี้ก็เขียนใบลาเกษียณอายุแล้ว เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยก็เท่ากับเป็นข้าราชการ ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ก็ใช้ระเบียบเดียวกัน เพียงแต่ว่าเขียนใบลาเสร็จแล้วต้องไม่โผล่หน้าไปเลย เพราะมั่นใจว่าเขาไม่อนุมัติให้ลา ไม่อนุมัติก็ช่าง อาตมาถือว่าลาแล้ว ไม่ไปสอนก็แล้วกัน"

เถรี
12-09-2018, 19:32
ถาม : ระยะหลังนั่งแล้วเห็นเป็นภาพนิมิตไฟต่อหน้า ผมควรเพิกเฉยไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าทำกรรมฐานอย่างอื่นอยู่ก็เฉยไว้ ถ้าไม่ได้ทำอย่างอื่นก็จับกสิณไฟไปเลย

เถรี
12-09-2018, 19:39
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) ท่านรักและเคารพหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน เป็นชีวิตจิตใจ ทุกงานต้องให้หลวงพ่อโหน่งเป็นคนให้ฤกษ์ ถึงเวลาท่านก็เสด็จไปนั่งรอ บรรดาสมเด็จพระราชาคณะ รองสมเด็จพระราชาคณะ หงุดหงิดมาก เพราะว่าไปเชื่อหลวงตาแก่ ๆ บ้านนอก แต่บังเอิญว่าหลวงพ่อสมเด็จพระสังฆราชท่านรู้จริง ว่าหลวงพ่อโหน่งเป็นอย่างไร ท่านก็เลยไม่ได้ใส่ใจ

ถึงเวลาท่านก็รอ ถ้าหลวงพ่อโหน่งบอกว่าทำงานไม่ได้ ท่านก็ “นิมนต์ทุกรูปกลับครับ เดี๋ยวผมจะนัดใหม่” ท่านไม่ได้เสียดายเลย งานใหญ่แค่ไหนก็ช่าง ถ้าหลวงพ่อโหน่งบอกว่าทำไม่ได้นี่ ท่านหยิบย่ามลุกกลับเลย

พระที่ท่านถึงกัน ท่านจะรู้ว่าใครดีใครไม่ดีอย่างไร โดยเฉพาะหลวงพ่อโหน่ง ท่านติดต่อพระพุทธเจ้าได้โดยตรง หลวงพ่อสมเด็จพระสังฆราช วัดพระเชตุพนฯ ท่านจึงมอบกายถวายชีวิตเลย เรื่องพวกนี้จะไปว่าท่านงมงายไม่ได้ เพราะว่าท่านพิสูจน์แล้วพิสูจน์อีก จนกระทั่งเชื่อเสียยิ่งกว่าเชื่อ แต่ว่าพระราชาคณะรูปอื่น ๆ ไม่ได้มีความรู้แบบนั้น ไม่ได้พิสูจน์แบบนั้นเลยไม่เชื่อ"

เถรี
12-09-2018, 20:15
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "เรื่องที่โยมบอกว่าจะจ้างคนมาทำความสะอาดวัดท่าขนุน เป็นเรื่องเหลวไหล โดยเฉพาะวัดท่าขนุนของเรามีพระตั้งมากตั้งมาย ไปจ้างเขามาทำความสะอาดก็ทุเรศชัด ๆ เลย

เรื่องที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นจากบางคนอยากจะอวดว่า ตัวเองอยู่วัดแล้วทำงานมาก แล้วก็ไปบ่นว่าเหนื่อยอย่างนั้น ไม่ไหวอย่างนี้ เขาไม่ได้อยากจะขอความเห็นใจหรอก เขาแค่อยากจะอวดความสำคัญของตัวเอง ก็เลยไปพูดจนกระทั่งโยมเข้าใจผิดว่า งานวัดไม่มีใครช่วยทำ อาตมาเองเคยอยู่คนเดียวทั้งวัดตั้ง ๒ ปี ทำความสะอาดวัดเช้าซีกหนึ่ง บ่ายซีกหนึ่ง ไม่เห็นจะตายเลย คราวนี้พระอยู่ตั้ง ๔๐ กว่ารูป แม่ชีอีกเกือบ ๒๐ คน

บางคนต่อให้อยู่ในวัด พูดจาก็ไม่ได้แปลว่าเชื่อได้ทุกเรื่อง ต้องฟังหูไว้หู อยากจะให้คนอื่นชมว่าตัวเองมีความสามารถอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ทำงานหนักอย่างโน้น ก็สักแต่พูดไปเรื่อยโดยไม่ได้ดูว่าวัดจะเสียหายหรือเปล่า คนประเภทนี้โบราณเขาว่า "สักแต่ว่าผีเจาะปากมา" ก็พูดไปเรื่อย

การแก้ปัญหาทุกเรื่องไม่ได้แปลว่ามีเงินแล้วจะจบ เพราะว่าเงินแค่ช่วยอำนวยความสะดวกบางอย่างให้เท่านั้น ถ้าหากเราคิดว่าไม่มีใครทำงาน ถึงเวลาก็จ้าง ๆ ๆ อย่างเดียว จะไปจ้างกันไหวสักเท่าไร ? พระเณรขนาดนั้น ถ้าไม่มีปัญญาทำความสะอาดวัด ก็ปล่อยรกให้เข็ด"

เถรี
12-09-2018, 20:19
"มีบางวัดของเพื่อนกัน อย่างวัดห้วยมงคล ท่านอาจารย์ไพโรจน์ คือ พระครูปภัสสรวรพินิจ พระเณรเยอะมาก แต่ทุกอย่างต้องจ้าง ฉะนั้น..รายจ่ายจะสูงมาก ถ้าไม่ได้เป็นวัดในแหล่งท่องเที่ยว แล้วมีรายรับชนิดสม่ำเสมอนี่ตายแน่นอน"

ถาม : ทำไมไม่มีใครบ่นให้โยมฟังบ้าง ?
ตอบ : ที่เขาไม่บ่นให้โยมสมศรีฟัง เพราะเขาคิดว่าโยมช่วยอะไรเขาไม่ได้ แต่คนที่เขาบ่นให้ฟัง เพราะเขาหวังว่าเขาจะให้ค่าแรงบ้าง

ส่วนใหญ่คนประเภทหนึ่ง พอไปอยู่วัดนอกจากว่าไม่ได้ให้วัดอาศัยแล้ว ไปอาศัยวัดอย่างเดียวยังไม่พอ ยังมีคำพูด มีความคิด มีการกระทำที่ทำให้วัดเสียหายอยู่เสมอ

ล่าสุดนี่ก็มีแม่ชีหนีไปกลางพรรษา แม่ชีมีปฏิปทาน่าเลื่อมใสมาก ก็คือเดินขึ้นไปกราบรอยพระพุทธบาทเกือบทุกวัน แต่เดินมาแล้วก็บอกว่าเจ็บแข้งเจ็บขา ทำความสะอาดวัดไม่ได้ พอโดนเพื่อนฝูงบ่นมาก ๆ ก็เลยหนีไปอยู่ที่อื่นต่อ พอสืบประวัติย้อนหลังไปก็คือ เขาทำอย่างนี้ในทุกที่ ถ้าที่ไหนมีงานก็จะหนีไปวัดอื่นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหางานไม่ได้นั่นแหละ วัดไหนว่างเขาถึงจะอยู่

เถรี
12-09-2018, 21:28
ถาม : เวลาที่เราจับภาพพระแล้วเราเอาไม่อยู่ จริง ๆ แล้วการที่เราเอาภาพโครงกระดูกเข้ามา สามารถแก้ปัญหาเรื่องฟุ้งซ่านได้ การที่เราทำกองกรรมฐานกองอื่นกับภาพพระ อย่างไรครับ ?
ตอบ : แปลว่ากำลังใจของคุณยังหาความมั่นคงไม่ได้ ถ้าหากว่ามีความมั่นคงทรงตัวอยู่เฉพาะหน้า ความฟุ้งซ่านจะเข้าไม่ได้ คราวนี้ของคุณพอถึงเวลาตรงหน้าไม่มั่นคง เราจะดึงอย่างอื่นมาเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ซึ่งมีทั้งภาพพระแล้วก็มีทั้งอสุภกรรมฐาน เมื่อสติของเราระมัดระวังมากขึ้นก็รู้สึกว่าดี แต่ความจริงไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะว่ากลายเป็นว่าห่วงหน้าพะวงหลัง เหยียบเรือสองแคม

เถรี
12-09-2018, 21:30
ถาม : การที่เรายังดูคนที่ความดีของเขา ไม่ได้ดูที่ฐานะ ถือว่ามีสักกายทิฐิไหมครับ ?
ตอบ : ต้องเรียกว่ายังสักกายทิฐิเต็ม ๆ ทั้งเขาและเรานั่นแหละ ดูคนต้องเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ได้เลือกว่าคนนี้ดีเราคบ คนนี้ไม่ดีเราไม่คบ คนนี้สวยเราคบ คนนี้ไม่สวยเราไม่คบ ถ้าหากว่ายังไม่สามารถเห็นเสมอกันว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็แปลว่ากำลังใจยังใช้ไม่ได้

เถรี
12-09-2018, 21:36
ถาม : ทำงานเสร็จ เพลียมาก แต่มีสมาธิ ได้ทั้งบรรเทาความเหนื่อยของร่างกาย ได้ภาวนาไปด้วย ?
ตอบ : ซักซ้อมการเข้าฌานให้ได้ทุกวินาทีที่ต้องการ เข้าไปแล้วถอนกำลังใจออกมา ก็หายเพลียแล้ว

เถรี
12-09-2018, 21:39
ถาม : ทำแอพพลิเคชั่นผ่านมือถือถวายครับ จะหาคนมาดีไซน์ แล้วจะมาปรึกษาอีกทีว่ามีอะไรต้องเพิ่มเติมบ้าง ?
ตอบ : อีกอย่างหนึ่งที่อยากให้ทำก็คือ ช่วยตัดต่องานวางผางประทีป เอาเฉพาะช่วงที่มืดแล้ว เห็นภาพของแต่ละงาน แล้วลงรายละเอียดว่าเป็นงานอะไร อาจจะสั้น ๆ งานละ ๒๐ - ๓๐ วินาทีก็ได้ เพียงแต่ว่าให้ต่อเนื่องกัน ให้ได้สัก ๕ - ๖ นาที เพราะว่าเป็นงานที่ทางกระทรวงวัฒนธรรมเขาบันทึกเอาไว้ว่าเป็นมรดกแผ่นดินไปแล้ว

เป็นวีดีโอ เอาเฉพาะตอนวางเสร็จแล้ว เพราะว่าเขาไม่ต้องการดูว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร เขาต้องการดูแค่ความสวย จะเอาไปอวดคนอื่น

เถรี
12-09-2018, 21:44
ถาม : สวดคาถาเงินล้านวันละ ๑๐๘ จบ หรือหลาย ๆ วันทบกัน ?
ตอบ : ได้

ถาม : ผิดสัจจะไหมคะ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วถ้าทีละวันได้ก็ดี เขาต้องการความจริงจังสม่ำเสมอ แต่ถ้าไม่ได้ก็หลาย ๆ วันทบรวมกัน ซึ่งเท่ากับว่าเราไม่ได้ทำงานทุกวัน

เถรี
21-09-2018, 17:27
ถาม : กรรมที่ทำให้เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง มาจากอะไรครับ ?
ตอบ : กรรมทุกประเภทที่ทำให้ป่วยเกิดจากปาณาติบาต พวกนั้นเคยเอาน้ำไปกรอกสัตว์ให้ตาย ทำให้เขาโดนน้ำท่วมตาย

ถาม : วิธีแก้ ถวายสังฆทานอุทิศส่วนกุศลจะช่วยในชาตินี้ไหมครับ ?
ตอบ : มาถึงชาตินี้เป็นไปไม่ได้แล้ว มีอยู่อย่างเดียวคือปล่อยชีวิตสัตว์บ่อย ๆ ปล่อยปลาที่เขาจะฆ่าสักเดือนละตัวสองตัว อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร เขาอโหสิกรรมให้เมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละ

อาตมาเองก็เป็นอยู่ ๒๐ - ๓๐ ปีกว่าจะหาย ตอนหายก็หายเอาง่าย ๆ คือไปหาหมอจีนคนหนึ่ง ไม่ได้ไปเพื่อรักษาโรคภูมิแพ้ ไปเพื่อรักษาอาการกระดูกคอเคลื่อน เขานวดให้แล้วจ่ายยามา ปรากฏว่ายารักษาโรคภูมิแพ้ไปด้วย บทจะหายก็หายเอาดื้อ ๆ ไม่อย่างนั้นพออากาศเปลี่ยนนิดเดียวเท่านั้นก็จมูกตัน หายใจไม่ออก

เถรี
21-09-2018, 21:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็กยังไม่รู้ว่าทำอะไรแล้วต้องเหนื่อย เด็กก็เลยไม่เหนื่อย ส่วนผู้ใหญ่รู้ ถึงเวลาก็เลยเหนื่อย เพราะฉะนั้น...ถ้าทำตัวเหมือนเด็ก กลับไปสู่ความเป็นธรรมชาติ สนใจแต่ภายในของตัวเองก็จะเหนื่อยช้า"

เถรี
21-09-2018, 21:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยอาตมาเด็ก ๆ ขนมไหว้พระจันทร์มีอยู่แค่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือขนมโก๋สีขาว ๆ ไส้ในเป็นน้ำตาลผสมงา อีกอย่างหนึ่งเป็นขนมโก๋อ่อน ส่วนใหญ่ทำด้วยถั่วเหลือง ซึ่งจะมีลักษณะเป็นพระจันทร์มากกว่า เพราะว่าสีเหลือง ๆ

ในสมัยนั้นการไหว้พระจันทร์มีคติอยู่ ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือฤดูเก็บเกี่ยว มีความอุดมสมบูรณ์ ก็ไหว้พระจันทร์เป็นการขอบคุณ ที่เขาเชื่อกันว่าเจ้าแม่ฉางเอ๋อ ช่วยเทน้ำอมฤตลงมา ทำให้พืชผลบนโลกงอกงาม

อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาเชื่อกันว่าจะทำให้อายุขัยยืนยาว เพราะว่าเจ้าแม่ฉางเอ๋อกินน้ำอมฤตเข้าไป แล้วทำให้กลายเป็นเทพธิดา

จำได้ว่าสมัยนั้น บรรยากาศการไหว้พระจันทร์นี่ขลังมาก ศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่ยานอพอลโล ๑๑ เหยียบดวงจันทร์ คนก็เริ่มเสื่อมในเรื่องการไหว้พระจันทร์ หลัง พ.ศ.๒๕๑๒ การไหว้พระจันทร์เสื่อมความนิยมลง เพราะว่าอเมริกันเอารอยตีนไปแปะอยู่บนดวงจันทร์"

เถรี
21-09-2018, 21:46
"แต่ขนมไหว้พระจันทร์กลับพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เริ่มพัฒนาครั้งแรกก็คือ จากไส้แค่น้ำตาลทรายกับงาคั่ว กลายเป็นไส้ทุเรียน แล้วก็มาเป็นไส้โหงวยิ้งก็คือเมล็ดธัญพืช ๕ อย่าง อย่างเช่นว่าข้าว ข้าวฟ่าง เม็ดบัว ถั่วเหลือง ถั่วเขียว เหล่านี้เป็นต้น หลังจากนั้นก็มีการใส่ไส้ไข่เค็ม ปัจจุบันนี้ก็เลยเว่อร์วังอลังการอย่างที่เห็นนี่แหละ สารพัดไส้ มีกระทั่งชาเขียว

สรุปว่าการไหว้พระจันทร์เสื่อมความนิยมลง แต่ขนมไหว้พระจันทร์กลับมีแต่เฟื่องฟูขึ้น เพราะว่าเป็นการเล่นกับเทศกาลแล้วขายของได้ ในเมื่อเชิงพาณิชย์ก็คือการค้านำหน้า ต่อให้คุณไม่ไหว้พระจันทร์เลย ขนมไหว้พระจันทร์ก็จะมาถึงบ้านเอง"

เถรี
21-09-2018, 21:51
"เทศกาลไหว้พระจันทร์ปัจจุบันนี้ เป็นแค่พิธีกรรมและทำแค่บางแห่งเท่านั้น สมัยอาตมาเด็ก ๆ บ้านไหนมีเชื้อสายจีนนี่ไหว้กันทุกบ้าน บรรยากาศก็ดีมาก ๆ เพราะว่าช่วงเดือน ๘ ของจีน หรือเดือน ๑๐ ของไทย ช่วงนั้นเป็นฤดูหนาวแล้ว ช่วงนี้ของเราเดือน ๑๐ เดือน ๑๑ บางทีล่อไปเดือนอ้าย เดือนยี่ก็ยังมีฝนอยู่เลย อากาศเพิ่งจะมาเพี้ยน ๆ แค่ช่วงไม่กี่ปีนี้เอง

ถึงเวลาไหว้พระจันทร์เสร็จ ผู้ใหญ่ก็ให้มานั่งรอ เผื่อว่าเจ้าแม่ฉางเอ๋อลงมาเห็น จะได้ประทานพรให้ นั่งไปนั่งมา จากนั่งรอก็กลายเป็นนอนรอ แล้วก็หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่บนเตียงแล้ว เพราะว่าพ่อแม่อุ้มกลับเข้าไปนอน"

เถรี
21-09-2018, 21:54
"เทศกาลไหว้พระจันทร์สมัยก่อน เกิดจากการที่คนจีนนัดแนะกัน เพื่อที่จะก่อการปฏิวัติยึดแผ่นดินคืนจากมองโกล ไม่รู้ว่าจะอ้างอย่างไร ก็ต้องใช้วิธีอ้างว่าเป็นงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ แต่ความจริงขนมไหว้พระจันทร์ที่ส่งต่อ ๆ กัน มีหนังสือนัดแนะว่าให้ลุกฮือกันเมื่อไรซ่อนอยู่ข้างใน

ช่วงนั้นมองโกลกดขี่คนจีนมาก ประมาณ ๕ ครอบครัว หรือ ๑๐ ครอบครัว ให้มีมีดทำครัวได้แค่เล่มเดียว เขากลัวว่าจะมีอาวุธต่อสู้ แม้กระทั่งเครื่องมือในการทำไร่ไถนาก็ต้องขึ้นทะเบียน คนเราถ้าเหลืออดเหลือทนขึ้นมาก็ต้องมีการแสดงออกบ้าง เพราะฉะนั้น...ถ้าบ้านเรามีการเลือกตั้งเมื่อไร ก็น่าจะมีการแสดงออก ถึงเวลานั้นก็ตัวใครตัวมัน..!

ขนมไหว้พระจันทร์ที่เรียกว่า ขนมโก๋ ความจริงคำนี้เป็นภาษาฮกเกี้ยน อะไรก็ตามที่ออกลักษณะเหนียว ๆ นุ่ม ๆ ยืด ๆ แหยะ ๆ เรียกว่าโก๋หมด ถ้าหากว่าเป็นแต้จิ๋วก็เรียกว่า กอ อย่างชวนป๋วยปี่แป่กอ เหนียว ๆ หนืด ๆ ยืด ๆ แบบนั้นแหละ แม้กระทั่งกาว ก็เรียกแบบเดียวกันหมด

ฉะนั้น...ขนมโก๋สมัยก่อนก็คือขนมโก๋อ่อนที่พวกเรารู้จัก แล้วก็พัฒนาขึ้นมากลายเป็นแบบแห้งและแข็งอีกทีหนึ่ง"

เถรี
21-09-2018, 22:03
"โดยเฉพาะปาท่องโก๋ พวกเราเข้าใจผิดมาตลอด คนจีนสมัยก่อนเสื่อผืนหมอนใบมาก็ทำขนมโก๋ขาย ทำปาท่องโก๋ขาย แต่คราวนี้ปาท่องโก๋ เขาเรียก อิ่วจาก้วย (ก็คือฉินไคว่โดนทอดน้ำมัน ฉินไคว่เป็นกังฉินที่ร้ายกาจที่สุดในประวัติศาสตร์จีน)

แต่คราวนี้เขาขาย ๒ อย่างรวมกัน คนขายก็เดินตะโกนไป “ปากถ่องโก๊...อิ่วจาก้วยอ้า” คนก็จำอยู่คำเดียวก็คือ "ปากถ่องโก๊" ก็เลยกลายเป็นปาท่องโก๋มาจนทุกวันนี้

สมัยอาตมาเด็ก ๆ พวกหาบเร่ชาวจีนมีเยอะมาก ไม่ว่าจะประเภทบัดกรี ก่อเตา ปะโอ่ง หรือไม่ก็ประเภทเทปูน ซ่อมบ้าน กระทั่งขายขนม ขายไอศกรีม ขายซาลาเปา จะใส่หาบแล้วก็เดินตะโกนไป คราวนี้พวกเราจำคำเดียว เขาขายของ ๒ อย่าง แต่ว่าเราจำมาคำเดียว ก็เลยเหลือแค่ปาท่องโก๋"

เถรี
23-09-2018, 07:55
พระอาจารย์กล่าวว่า "ทองผาภูมิตั้งแต่ต้นปีมาจนป่านนี้ ไม่มีเช้าวันไหนที่อุณหภูมิถึง ๒๕ องศาเซลเซียส โดยเฉพาะระยะ ๒ เดือนที่ผ่านมา แทบจะไม่ได้เห็นแดดเลย มีแต่ฝน เวลาไปอยู่ที่ไหนแล้วเท้าแห้ง ๆ นี่รู้สึกดีมากเลย อยู่วัดอาตมาต้องใส่เครื่องกันหนาวตลอด เพราะว่าอากาศไม่เคยถึง ๒๕ องศาเซลเซียสแม้แต่เช้าเดียว ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ ๒๒ - ๒๓ องศาเซลเซียส ถ้าหากว่าฝนตกก็ขึ้นมาประมาณ ๒๔ องศาเซลเซียส

เวลาที่ฝนชอบตกมากที่สุดก็คือเวลาที่พระออกบิณฑบาต ทดสอบกำลังใจว่าจะไปบิณฑบาตจริงหรือเปล่า ? ซึ่งถ้าหากว่าฝนกระหน่ำตั้งแต่เริ่มออกจากวัด พวกอาตมาก็จะเฮกันว่า ค่อยคุ้มค่ากับที่เปียกหน่อย ถ้าหากว่าวันไหนเดินจะถึงวัดแล้วฝนค่อยตก แหม...เจ็บใจ เหลืออีกไม่กี่เมตรจะถึงวัด ดันมาเปียกเสียได้"

เถรี
23-09-2018, 08:00
กล่าวถึงอาหารที่โยมเอามาถวาย "อาหารพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารของฝรั่งซึ่งอยู่เมืองหนาว อาหารจะมีพลังงานที่เรียกว่าแคลอรี่สูงมาก คราวนี้บ้านเรานิยมกินตามฝรั่ง เราจะเห็นว่ามีไอศกรีม มีพิซซ่า มีแฮมเบอร์เกอร์ มีไก่ทอด แล้วจะทำอย่างไร ? บ้านเราเมืองร้อน ไม่ได้เอาพลังงานไปสู้กับความหนาวก็เก็บหมด รับประกันว่าอ้วนทุกคน เพราะฉะนั้น...พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสสอนว่า เราต้องมี โภชเน มตฺตญฺญุตา รู้จักประมาณในการกิน ถ้าเอาอย่างพระสายวัดป่า "รู้สึกอิ่มก็ให้หยุด" ไม่ใช่กินจนอิ่มจริง ๆ

บรรดานักโภชนาการเขาทำวิจัยแล้วว่า ถ้าปล่อยให้มีอาการหิวอยู่บ้าง สุขภาพจะดีกว่า เพราะว่าร่างกายจะได้ปรับตัวเอง ถ้าเป็นไปตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าก็คือว่า เมื่อร่างกายไม่หนักด้วยธาตุอาหาร การภาวนาก็จะดีขึ้น เพราะว่าเลือดลมปลอดโปร่ง

เขาทำวิจัยคนญี่ปุ่น พวกเราลองไปบ้านเขาดูสิ อาหารมาแต่ละอย่างนี่กินให้ตายก็ไม่อิ่ม มีนิดเดียว เขาไว้ให้มอง มองจนกระทั่งได้อารมณ์แล้วค่อยกิน ถึงเวลาต้องละเลียดช้า ๆ ฉะนั้น..คนไทยไปญี่ปุ่นนี่ไส้แขวนเลย สั่งอาหารทีหนึ่ง คนญี่ปุ่นบางทีไม่ทำให้ เพราะว่าสั่งเยอะ เราจะเห็นว่าอาหารของเขามีแค่ไม่กี่คำ

ตอนนี้สถิติคนญี่ปุ่นอายุยืนมากที่สุดในโลก เพราะว่ากินน้อย เขาถึงได้บอกว่า กินน้อยอยู่นาน กินมากตายเร็ว ร่างกายไม่มีโอกาสพักผ่อนเพื่อปรับธาตุตัวเอง ถึงเวลากินมากเกินต้องการ ร่างกายก็ต้องเสียพลังงานในการขับออกมา ส่วนที่ต้องทำงานหนักที่สุดก็คือตับกับไต คราวนี้พอทำงานมากเกินไปไม่ไหว ก็ตับพังบ้าง ไตพังบ้าง จึงมีรายการฟอกไตกันเป็นว่าเล่น"

เถรี
23-09-2018, 08:03
พระอาจารย์แจกทอฟฟี่ให้กับเด็ก ๆ "อาตมาไปสิงคโปร์แวะไปวัดไทย ๓ แห่ง ปรากฏว่าทุกวัดแจกทอฟฟี่ให้กับญาติโยมที่มา ก็งง ๆ ว่าเอาแบบธรรมเนียมมาจากไหน ? เขาบอกว่ามี ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกคืออะไรที่รับจากพระ โยมเขาถือว่าเป็นมงคล โดยเฉพาะคนจีน อีกประการหนึ่งก็คือสิงคโปร์ส่วนใหญ่ประเภททำการค้าขาย ถ้าหากว่ามาวัดแล้วได้อะไรกลับไป ก็รู้สึกว่าได้กำไรไม่ขาดทุน ไม่มีอะไรก็แจกทอฟฟี่ให้ คนละ ๒ เม็ดก็ยังดี"

เถรี
23-09-2018, 08:06
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมาคมวอลเลย์บอลไทยเป็นสมาคมที่พัฒนาได้ดีมาก ๆ จากก่อนหน้านี้ของเราในอาเซียนก็สู้เขายาก เดี๋ยวนี้สู้ได้ทั่วโลกเลย บรรดาทีมระดับท็อป ๕ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นบราซิล ญี่ปุ่น จีน เกาหลี เจอทีมไทยก็หนาว ๆ ร้อน ๆ ทั้งนั้นแหละ

เรื่องของกีฬาสมัยนี้ วิทยาศาสตร์การกีฬาใกล้เคียงกันหมดทั้งโลกแล้ว ก็เหลืออยู่ ๒ อย่างที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ อย่างแรกเลยคือจิตวิทยา โดยเฉพาะถ้าได้รับการฝึกสมาธิด้วยจะยิ่งดีมาก อย่างที่สองคือเงิน ถ้าเงินถึงรับรองได้ว่าลูกทีมมอบกายถวายชีวิตให้ เพราะว่าครอบครัวไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องไปห่วงพะวงว่าเขาจะอยู่อย่างไร เขาจะกินอย่างไร"

เถรี
23-09-2018, 08:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคมที่ผ่านมาอาตมาจัดงานทำบุญวันแม่ ก็ปรากฏว่ามีหลายงานซ้อนทับกันอยู่ งานแรกเลยคือการเจริญพระพุทธมนต์เทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙ แล้วก็มีกิจกรรมทำดีด้วยหัวใจ

งานเจริญพระพุทธมนต์เทิดพระเกียรติมีเทศน์ด้วย มีถวายสังฆทานด้วย แล้วก็ไปทำกิจกรรมเทิดพระเกียรติทำดีด้วยหัวใจกัน เหมือนกับเทวดาโมทนาหรือตั้งใจแกล้งก็ไม่รู้ ปกติฝนฟ้าตกไม่หยุด ปรากฏว่าวันนั้นหยุดเพราะรู้ว่าพวกเราจะกวาดพื้น กิจกรรมทำดีด้วยหัวใจของเราตั้งใจว่า จะช่วยกันทำความสะอาดวัด ฝนก็เลยหยุดให้กวาดพื้น แล้วก็มีบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเทิดพระเกียรติ

พอวันที่ ๑๒ ก็มีใส่บาตรถวายเป็นพระราชกุศลที่หน้าที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ อาตมาเองอุตส่าห์รั้งพระวัดท่าขนุนไว้ท้ายสุด ขนาดนั้นก็ยังขนกลับวัดไปหลายคันรถกระบะ กลับมาถึงวัดพระเถรานุเถระเพื่อนสหธรรมิกมากันเยอะแล้ว ปีนี้พร้อมใจกันมา มีที่ติดภารกิจมาไม่ได้อยู่ ๓ รายเท่านั้น อีกรายหนึ่งก็คือหลวงปู่วัดเขื่อนท่าทุ่งนาท่านไม่ค่อยสบาย

ที่นิมนต์ไปเป็นท่านใหม่จริง ๆ ในปีนี้ คือครูบาดอน วัดพระพุทธบาทผาหนาม วัดพระพุทธบาทผาหนามที่โด่งดังเพราะว่าเป็นวัดที่ดูแลสังขารของหลวงปู่ครูบาอภิชัยขาวปีอยู่ ครูบาดอนท่านเป็นเจ้าอาวาสด้วย เป็นเจ้าคณะตำบลด้วย ไปทีไรท่านก็จะให้พักที่วัดของท่าน"

เถรี
23-09-2018, 08:41
พระอาจารย์กล่าวว่า “กฐินปีนี้ไม่ตรงกับเสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม แต่เนื่องจากว่าทางวัดท่าขนุนจัดทอดกฐินในวันตักบาตรเทโว ก็คือช่วงเช้าตักบาตรเทโว ช่วงบ่ายทอดกฐิน ซึ่งชาวบ้านใกล้วัดจะมากันเป็นปกติ ก็แปลว่าต่อให้ไม่ใช่เสาร์อาทิตย์คนก็ยังมากอยู่ดี

วันตักบาตรเทโวคือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ก็แปลว่าหลังวันออกพรรษา ๑ วัน ก่อนหน้านี้อาตมาใช้วันที่ ๒๓ ตุลาคมเป็นวันทอดกฐิน เพราะว่าเป็นวันหยุดราชการแน่ ๆ แต่บางทีก็ติดภารกิจอื่นบ้าง แล้ววันหยุดก็คร่อมกันอยู่ อย่างเช่นว่าเป็นเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร แล้ว ๒๓ เป็นวันพุธอย่างนี้เป็นต้น ก็ทำให้คนหยุดยาก ในเมื่อการหยุดยากพอ ๆ กับวันธรรมดา ก็เลยใช้วันตักบาตรเทโวเป็นวันทอดกฐินไปเลย ในเมื่อระดับความยากเท่ากัน ก็ไม่น่าจะปฏิบัติยากนัก ปีนี้ก่อนทอดกฐินอาตมาก็จะเข้ากรรมฐานให้ ๓ วันเหมือนเดิม”

เถรี
24-09-2018, 19:44
ถาม : พระอาจารย์รู้จักท่าน...ไหมครับ ?
ตอบ : เคยช่วยเหลือท่านหลายครั้ง ตอนหลังท่านกลายเป็นร่างทรงสมเด็จองค์ปฐมก็เลยไม่ได้ไปหาท่านอีก ท่านไปไกลไปหน่อย..เตือนแล้วไม่ฟัง ครั้งแรก ๆ พอเตือนแล้วฟังเหมือนอย่างกับว่าสิ่งที่เคยได้มาก็หายหมด

เรื่องพวกนี้เราต้องระวัง เรื่องฤทธิ์ อภิญญา ความเป็นทิพย์ บางทีไม่ใช่สิ่งที่เราฝึกเอง แต่เป็นสิ่งที่เขาให้มาเพื่อที่จะหลอกให้เราหลงทาง คราวนี้พอรู้เท่าทันเขาก็ดึงความสามารถนี้กลับ..เลยกลายเป็นว่าท่านไม่มีความสามารถนี้อีก ท่านรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองขาดสิ่งที่เคยมีไป ก็เลยย้อนกลับไปใหม่ พอย้อนกลับไปใหม่ก็โดนพาไปไกลเลย ถึงขนาดเป็นร่างทรงสมเด็จองค์ปฐม มีการบวชเอหิภิกขุด้วย ในเมื่อเตือนไม่ฟังก็ต้องเลิกเตือน ...(หัวเราะ)...

ถาม : เคยไปที่วัดท่าน รู้สึกแปลก ๆ ?
ตอบ : น่าเสียดาย ส่วนใหญ่แล้วพระเราไหลไปแบบนี้เยอะมาก พอถึงเวลาแล้วเรื่องฤทธิ์เรื่องอภิญญาเกิดขึ้น รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกุมความสามารถที่เหนือคนทั่วไปอยู่ แต่พอรู้เท่าทัน เขาเอาความสามารถส่วนนี้คืน พอหายไปก็รับไม่ได้ อภิญญาต้องฝึกเอง ไม่ใช่ไปรอคนอื่นเขาให้ ในโลกนี้ไม่มีอะไรฟรีหรอก..เขาให้เราเขาต้องหวังประโยชน์ แล้วเขาหวังในด้านไหน ? เขาหวังเล่นจะไม่ให้คนได้ดีกัน

ถาม : ต้องระวังใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ระวังเฉย ๆ ต้องระวังสุดขีด คุณลองนึกดูว่าอยู่ ๆ เรากลายเป็นร่างทรงสมเด็จองค์ปฐม ใครมาก็จับบวชเอหิภิกขุให้แบบนี้ ฟังดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่

ตอนหลังพอร่วมงานกันแล้ว ท่านมาไต่ถามเรื่องของการปฏิบัติก็เลยบอกท่านไป พอเห็นว่าท่านไปไกลก็ต้องเตือน เพราะว่าท่านปวารณาไว้เอง ถ้าท่านไม่ปวารณาไว้ ท่านอายุพรรษามากกว่า ผมก็ทำอะไรไม่ได้ สองครั้งแรกท่านเชื่อแล้วท่านปรับเปลี่ยนตัวเองได้ พอครั้งที่สามท่านคงตัดสินใจแล้วว่าเชื่อผมทีไร ความสามารถหายหมดทุกที ท่านก็เลยกลับไปใหม่ จึงไม่อยากจะเตือนอีก เพราะว่าไม่ควรเกินสามครั้ง

เถรี
24-09-2018, 19:57
ถาม : เรื่องกฎหมายของพระ แลจะอ่อนเบาลงไปแล้วใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีทาง แค่รอจังหวะเหมาะ ๆ เท่านั้น เพราะว่าตอนนี้สิ่งที่เขาเร่งอยู่ก็คือ ให้พระทุกวัดทำบัญชีรับบริจาคออนไลน์ อย่าไปคิดว่าเงียบไปเฉย ๆ สิ่งที่เขาทำยังทำอยู่และมีแต่จะมากขึ้นไปเรื่อย ๆ

เถรี
24-09-2018, 20:27
ถาม : …(ไม่ได้ยิน)....
ตอบ : เป็นไปไม่ได้ อาการตัวโยกเป็นอาการ ๑ ใน ๕ ของปีติ เรียกว่า โอกกันติกาปีติ นอกจากจะต้องไม่ไปห้ามแล้วยังต้องปล่อยให้มันขึ้นให้เต็มที่ ห้ามอายเด็ดขาด จะหกคะเมนตีลังกากระโดดโลดเต้นอย่างไรก็ปล่อยมัน จะตึงตังโครมครามเหมือนกับผีเจ้าเข้าสิงอย่างไรก็ต้องปล่อย พอปล่อยให้เต็มที่ข้ามไปได้ถึงจะทรงฌานได้ ไม่อย่างนั้นไม่มีวันจะได้ถึงฌานเลย เพราะฉะนั้นต้องหน้าด้าน อายไม่ได้ ถ้าอยู่ที่บ้านก็บอกญาติพี่น้องหน่อยแล้วกันว่านั่งสมาธิช่วงนี้จะมีอาการอย่างนี้ ถ้าอยู่ที่อื่นก็ไม่ต้องไปแคร์สังคมหรอก...ดิ้นไปเถอะ

ปีติไม่ได้มีแค่ตัวเดียว ผ่านตัวนี้ไปแล้วยังมีอีก..(หัวเราะ)... เพราะฉะนั้นห้ามอายเด็ดขาด นักปฏิบัติธรรมเพื่อหวังพระนิพพานแม้แต่ตายเขายังไม่กลัวเลย อย่าว่าแต่ของอายชาวบ้านเขาหน่อย ถ้ามัวแต่กลัว มัวแต่อายอยู่ ก็ก้าวข้ามไม่ได้สักที ต้องปล่อยให้ตึงตังให้เต็มที่ไปเลย

เถรี
24-09-2018, 20:40
ถาม : มาขอศีลเจ้าค่ะ
ตอบ : ขอศีล ? จะขอไปทำอะไร ? ศีลน่ะเขารู้ว่ามีอะไรก็รักษา ที่ไปขอศีลก็เพื่อให้เขาบอกว่าศีลมีอะไรบ้าง มาขอทั้ง ๆ ที่รู้ก็บ้าชัด ๆ..!

คำว่า ขอศีล ก็คือเราไปขอว่าศีลมีอะไรบ้างเนื่องจากเราไม่รู้ เมื่อเขาบอกมาเราก็สมาทานคือศึกษาและปฏิบัติตามนั้น คราวนี้เมื่อรู้อยู่แล้วก็ทำเลยสิ ไปเสียเวลาขอทำไม คราวหน้าอย่าให้ใครเขาหลอกต้มมาอีก แบบนี้ภาษิตจีนเขาเรียกว่า ถอดกางเกงผายลม...รู้จักไหม ? จะตดทั้งทียังอุตส่าห์ถอดกางเกงอีก

เถรี
24-09-2018, 21:03
ถาม : มีคนเขาบอกว่าการจะนั่งสมาธิให้ได้ดี ต้องมีครูบาอาจารย์ และต้องไปเข้าคอร์ส ?
ตอบ : โดยเฉพาะคอร์สที่แพง ๆ..! อาตมาเองเปิดตำราทำเองมาตั้งหลายปี จนกระทั่งพื้นฐานแน่นแล้วค่อยไปกราบครูบาอาจารย์ สบาย..ครูไม่ต้องสอนมาก ดังนั้น..อันดับแรกของเราก็นู่นเลย..หน้าหิ้งพระ บูชาพระตั้งใจขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นครูบาอาจารย์ของเรา แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำไป ติดขัดตรงไหนเปิดตำราดูหรือไม่ก็หาครูบาอาจารย์ที่ใกล้ที่สุดสอบถามท่านเอา ที่ว่ามาน่ะใช่ แต่แฝงความหมายว่าถ้าหากไปสมัครเข้าคอร์สของเขาจะดี อย่างน้อยรายได้จะได้เป็นของเขา

ถาม : เขาไม่ได้เป็นคนเปิดคอร์ส แต่เขาก็โฆษณาของเขาด้วยก็ได้
ตอบ : เคยได้ยินคำว่าสะพานบุญหรือผู้นำบุญไหม ? ก็คือคนที่จะมาชักจูงและหว่านล้อมให้เราไปร่วมขายตรงกับเขาน่ะ ของดีจริงไม่ต้องโฆษณาหรอก ถ้ายังต้องอาศัยแรงโฆษณาเรียกคน แปลว่ายังไม่ดีจริง

เถรี
24-09-2018, 21:05
ถาม : …(ไม่ได้ยิน)...
ตอบ : ถ้ามาได้แปลว่าเขาอยู่ในที่ไม่ลำบาก พวกอยู่ในที่ลำบากมาไม่ได้

ถาม : …(ไม่ได้ยิน)...
ตอบ : ไม่มีอะไรจ้ะ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือว่าทำอย่างไรที่เราจะรักษาอารมณ์ใจลักษณะที่ไม่ยินดียินร้ายเอาไว้ได้จะได้พบเห็นกันง่าย ๆ บ่อย ๆ และอีกอย่างก็คือทำบุญให้เขาบ้าง ถ้าอยู่ในที่แบบนั้นแปลว่าทำบุญอะไรไป เขาก็รับได้

เถรี
24-09-2018, 21:23
ถาม : สถานการณ์ที่สังขละบุรีเป็นอย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : ตอนนี้ก็น้ำล้นทุกที่ ใครอยากไปเที่ยวสะพานมอญตอนนี้น่าเที่ยวมากเพราะไม่มีอะไรให้หวาดเสียว น้ำกับสะพานเกือบจะเสมอกัน...!

เถรี
24-09-2018, 21:33
ถาม : เวลาที่เรายกจิตขึ้นพระนิพพานแล้ว สภาพของดวงจิตที่มีความสะอาด ... (ไม่ชัด) ... เราจะแยกอย่างไรครับว่ากิเลสเราอยู่ตรงไหน ?
ตอบ : คุณจะไปแยกทำซากอะไร..! กลับมาเมื่อไรกิเลสก็ท่วมหัวเหมือนเดิม เราแค่จดจำสภาพว่าจิตของเราหมดกิเลสในลักษณะอย่างไร แล้วประคองรักษาสภาพนั้นไว้ตอนกลับมาก็พอ รักษาสภาพได้นานเท่าไร ความเคยชินก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดถ้ารักษาได้ยาวนานพอ กิเลสเกิดไม่ได้ก็จะหมดไปเอง

เขาเรียกว่าทำงานเกินหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องไปวิเคราะห์หรอก เรื่องอย่างนั้นต้องให้พระพุทธเจ้าท่าน

เถรี
24-09-2018, 21:34
พระอาจารย์กล่าวว่า “โลกเราน่าเบื่อหน่ายจะตาย ยิ่งคนแก่ยิ่งอยู่ยาก เพราะสภาพร่างกายชำรุดทรุดโทรม ทำอะไรก็ไม่สะดวกเหมือนสมัยหนุ่มสาว พูดง่าย ๆ ว่าจะอยู่ให้ได้เหมือนเขาก็ต้องลำบากกว่าเขาหลายเท่า ดังนั้น..บุคคลที่เห็นภัยในวัฏสงสารจริง ๆ ไม่มีใครเขาอยากอยู่หรอก ต่อให้ลูกหลานเรียกร้องขนาดไหนก็ไม่อยากอยู่”

เถรี
24-09-2018, 21:35
ถาม : ตอนจะตาย จะมีแต่คนหายใจไม่ออก จะขาดใจตาย จับอานาปานสติ หรือพุทโธเย็น ๆ เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าขาดการฝึกซ้อม ถ้าบุคคลที่ฝึกซ้อมเป็นปกติ พอสภาพฉุกเฉินเกิดขึ้นสภาพจิตจะทรงฌานเองโดยอัตโนมัติ บางทีเรารู้สึกว่าท่านไม่หายใจไปแล้วด้วยซ้ำไป

ดังนั้น..ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมของเรา ถ้าขาดการฝึกซ้อมก็ทรมานอย่างที่ว่านั่นแหละ ต้องมีการฝึกซ้อม คุณจะจับภาพพระ จะยกจิตขึ้นนิพพาน หรือจะจับลมหายใจก็แล้วแต่จะเลือกเอา

เถรี
25-09-2018, 19:38
ถาม : (ถามเรื่องการออกแบบจำนวนขั้นบันไดขึ้นโบสถ์หรือวิหาร)
ตอบ : โบราณเขานิยมทำขั้นบันไดเป็นเลขคี่ อย่างเช่น ๓ - ๕ - ๗ - ๙ เป็นต้น

ถาม : แล้วถ้าเกิน ๙ ขั้น ?
ตอบ : เกิน ๙ ก็ทำเป็น ๑๑ สิ

ถาม : ขึ้นข้างหน้าหรือขึ้นข้างหลัง ?
ตอบ : ก็อยู่ที่ความสะดวกในการใช้งาน ถ้าจะให้ดีก็ทำ ๔ ทิศเลย ซ้าย ขวา หน้า หลัง ...(หัวเราะ)...

ถาม : จำนวนเศียรพญานาคมีผลไหมคะ ?
ตอบ : ต้องถามว่ามีผลต่อกระเป๋าเงินเจ้าอาวาสไหม ? ยิ่งเศียรมากก็ยิ่งแพง..!

ถาม : คนออกแบบจะต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : นักออกแบบเขาไหว้ครูเป็นปกติอยู่แล้ว ยกเว้นว่าเราจะแหกคอกไปออกแบบเสียเอง...(หัวเราะ)...

เถรี
25-09-2018, 19:47
ถาม : หลวงพ่อฝันไหมครับ ?
ตอบ : เมื่อวานเพิ่งจะฝันว่าได้เฝ้ารัชกาลที่ ๑๐ แบบเป็นการส่วนพระองค์ ก็เลยทูลเชิญท่านไปกาญจนบุรี จะเรียกว่าฝันก็ไม่ใช่ แต่ขณะเดียวกันถ้าใช้ภาษาชาวบ้านว่าฝันก็หมดเรื่อง

ถาม : ผมฝันว่ารัชกาลที่ ๑๐ ท่านขับเครื่องบินแล้วผมนั่งไป ?
ตอบ : เขาว่าฝันเห็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเป็นมงคลใหญ่ ตำราเขาบอกว่าถ้าฝันเห็นพระมหากษัตริย์ทรงช้างแล้วตรัสชวนเราไปด้วย เราทำอะไรก็จะสำเร็จ อันนี้ขี่เครื่องบินไม่ยิ่งกว่าช้างหรือ ? ฉะนั้น..หางานใหญ่ ๆ ทำได้แล้ว..!

เถรี
25-09-2018, 20:06
ถาม : มีคนจะถวายที่แถว ๆ พัทยาให้สร้างวัด ?
ตอบ : ดูให้แน่ ๆ ก่อน อันดับแรก จะต้องไม่น้อยกว่า ๖ ไร่ อันดับที่สอง ต้องห่างจากวัดอื่นอย่างน้อย ๒ กิโลเมตร ไม่อย่างนั้นตั้งวัดไม่ได้

ไปนึกถึงกฎหมายของเราแล้วล้าหลังคร่ำครึเต็มที อิสลามเขาออกกฎหมายง่าย ๆ ว่า ถ้ามีอิสลามิกชน ๗ ครอบครัวหรือ ๑๕ คนขึ้นไป สร้างสุเหร่าได้ ๑ หลัง และทางราชการต้องจ่ายงบประมาณให้ด้วย วัดของเราเองกติกาเยอะแยะไปหมด แถมยังต้องไปเรี่ยไรหาเงินสร้างเอง

ถาม : ไม่ถึงไร่ด้วยนะครับ ที่ดินเป็นห้องแถวเป็นอะไรก็ได้ ?
ตอบ : ของอิสลามเขาไม่เกี่ยวเลย กติกาของเขามีแค่นั้นแหละ

เขายึดพื้นที่ไว้ก่อน หลังจากนั้นพอมั่นคงแล้วค่อยขยับขยาย ของเราเองไม่ได้ ต้องบังคับเอาไว้ก่อน แบบเดียวกับปัจจุบันนี้ เมื่อวานมีพระบัญชาจากสมเด็จพระสังฆราช ห้ามวัดจัดการสัมมนาหรือชุมนุมเกี่ยวกับทางด้านการเมืองทั้งหมด แล้วไม่เห็นห้ามอิสลามกับห้ามคริสต์เลย สรุปว่าเราโดนมัดมือมัดเท้าจนหมด

เถรี
25-09-2018, 20:23
ถาม : เมื่อหลายปีก่อนมีการจัดงานพระบรมสารีริกธาตุที่เมืองทองธานีบ้าง ที่วัดยานนาวาบ้าง จัดขึ้นให้ชาวบ้านมากันเพื่อขอให้เทวดาคุ้มครองพื้นที่ต่ำ ๆ เพื่อให้น้ำไม่ท่วม แล้วน้ำก็ไม่ท่วมนะครับ แต่พอเลิกจัดน้ำก็ท่วม ก็มีผลอยู่เหมือนกัน เหมือนกับที่เราสร้างพระเยอะ ๆ ที่กาญจนบุรี หรือนครปฐม ?
ตอบ : เอาที่ศรีลังกาก็แล้วกัน คนศรีลังกาเชื่อมั่นแบบฝังจิตฝังใจว่า ตราบใดที่พระบรมธาตุเขี้ยวแก้วยังอยู่ ศรีลังกาจะไม่มีวันประสบภัยพิบัติถึงขนาดประเทศชาติล่มสลาย ฉะนั้น..ถึงเวลาเขาบอกว่าพายุใหญ่เข้าอย่างนั้น สึนามิเข้าอย่างนี้ คนศรีลังกาไม่รู้ไม่ชี้ ทำมาหากินไปตามปกติเลย แล้วดูสิว่าตอนนี้อินเดียโดนฝนถล่มทลายคนตายไปเป็นร้อย ๆ ศรีลังกายังเฉยมาก

ถาม : เขาคิดว่าน้ำท่วมเพราะเทพเจ้า ?
ตอบ : อย่าลืมว่าเทพเจ้าของเขาเป็นสิ่งที่เขาสมมติขึ้นมา แล้วข้างบนมีการจัดเทวดาไปเพื่อทำหน้าที่นั้น ๆ แต่ว่าเทพเจ้าที่รักษาพระบรมสารีริกธาตุนั้น ต้องทำหน้าที่อย่างชนิดที่สำคัญมาก ดังนั้น..ศักดานุภาพจึงต่างกันมาก

ถาม : พระบรมสารีริกธาตุปลอมที่เราไหว้จนพระธาตุจริงเสด็จมาแทน หากไม่เคารพ เทวดาก็มาเชิญกลับไปได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เรื่องของพระธาตุนั้น ไปได้มาได้เป็นปกติอยู่แล้ว

ถาม : เคยเจอคนคิดว่าเป็นของปลอม แต่พอเปิดอีกทีหายหมด แต่คนที่คิดว่าเป็นของจริงกลับเสด็จมาเพิ่มเรื่อย ๆ ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ

เถรี
25-09-2018, 20:29
ถาม : เราสามารถเอาภาพจากอินเทอร์เน็ตมาเป็นภาพกสิณได้ไหมครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่ากสิณอะไร

ถาม : กสิณแสงครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าแสงสว่าง โดยปกติแล้วเราจะใช้ลูกแก้วแทนก็ได้ แต่ถ้าเป็นกสิณ ดิน น้ำ ลม ไฟ ต้องใช้วัตถุนั้น ๆ โดยตรง ไม่ใช่ใช้รูปภาพ

ถาม : เวลานั่งสมาธิเหมือนมีใครมาฉายไฟใส่หน้า พอลืมตาก็เหมือนมีใครเปิดไฟ ?
ตอบ : อันนั้นแค่ระดับสมาธิกำลังจะเข้าอนุบาลหนึ่ง

ถาม : ไม่ต้องสนใจใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เราสนใจเมื่อไรก็ติดอยู่แค่ตรงนั้น เพราะว่าสมาธิคลายตัวแล้ว

เถรี
25-09-2018, 20:32
ถาม : อธิษฐานบารมีปัจจุบันเข้าใจกันผิดเยอะมาก นิมนต์หลวงพ่อเมตตาอธิบายอธิษฐานบารมี เช่นการอธิษฐานเพศบรรพชิต เราจะบวชแล้วนะ เราจะอธิษฐานยกจิตตนเองอย่างไร ?
ตอบ : อธิษฐานคือความตั้งใจ ตั้งใจอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีถูกไม่มีผิด ถ้าเรารู้สึกว่าเราตั้งใจผิด เราก็เปลี่ยนความตั้งใจใหม่ ไม่ใช่ไปยึดสัจจะแบบโง่ ๆ โดยที่ไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจ แล้วก็บ้าอยู่คนเดียว ดังนั้น..เรื่องของอธิษฐานบารมีขึ้นอยู่กับระดับกำลังใจของคน ว่าจะใช้ในลักษณะไหน จะอธิษฐานแบบไหนก็ไม่ผิดทั้งนั้นแหละ

เถรี
25-09-2018, 20:40
ถาม : คนที่เดินตามหลวงพ่อแล้วนึกอยากจะได้ปฏิสัมภิทาญาณ แต่ว่าตัวเองเพิ่งเริ่มอนุบาล ก็ไม่ต้องเกิดจนกว่าจะได้ปฏิสัมภิทาญาณเลยหรือครับ ?
ตอบ : ก็รอไปจนกว่าจะได้นั่นแหละ

ถาม : แล้วคำอธิษฐานที่ขอให้ได้ปฏิสัมภิทาญาณจะเป็นผลไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเราเปลี่ยนคำอธิษฐานก็ไม่เป็น แต่ถ้าหากว่าทำไปเกินครึ่งแล้ว จะมากจะน้อยก็มีส่วนได้อยู่บ้าง

เถรี
25-09-2018, 20:49
ถาม : อย่างที่บอกว่าถ้าอธิษฐานสูงก็จะไปสูง เช่นว่าอธิษฐานเป็นสาวก กับอธิษฐานเป็นพุทธภูมิ ก็จะวิ่งเข้าพุทธภูมิมากกว่าเป็นสาวกใช่ไหมครับ ?
ตอบ : อะไรก็ตามที่ราคาแพง ก็แปลว่าเราต้องใช้เวลาสะสมเงินในการซื้อนานกว่า ก็เลือกเอาเองแล้วกัน ...(หัวเราะ)...

ถาม : ไปหาหลวงพี่วิรัช หลวงพี่วิรัชมีแต่ขอให้ข้าพเจ้าเป็นสาวกภูมิ นำลาพุทธภูมิ อธิษฐานสาวกอย่างเดียว ?
ตอบ : แสดงว่าท่านพี่เข็ดแล้ว..ใช่ไหม ? ...(หัวเราะ)...

เถรี
25-09-2018, 20:51
พระอาจารย์กล่าวว่า “โบราณเขาเลียนแบบกนกมาจากธรรมชาติ เพราะฉะนั้น...จึงจะต้องมีกาบถึงจะแตกยอดแตกเถาออกไปได้ เหมือนกับไม้อ่อนจะแตกตาออกไปก็ต้องขึ้นจากกาบต้นเก่าไป เราจะเห็นว่าต้นไม้โดยธรรมชาติ พอขึ้นไปแล้วก็จะปรับตัวของเขาเอง ส่วนไหนที่ขาดแดด ขาดลม ขาดน้ำ ก็จะตายไปเอง ส่วนที่เหลือจะลงตัวโดยอัตโนมัติ”

เถรี
26-09-2018, 22:03
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนอาตมาไปข่มขู่เจ้าคณะจังหวัดฯ มา ...(หัวเราะ)... เรื่องการแต่งตั้งครูพระสอนศีลธรรม ระเบียบใหม่เขาว่าจะต้องจบหลักสูตรของมหาเถรสมาคม หรือการอบรมที่มหาเถรสมาคมมีคำสั่งเท่านั้น ก็มานึกขึ้นว่า ที่ท่านว่ามาคือครูพระสอนศีลธรรมที่รับเงินเดือน

ครูพระที่ทางจังหวัดของเราแต่งตั้งกันเองสมัยก่อนไม่ได้รับเงินเดือน สอนกันเป็นธรรมทาน ถ้าทางสำนักเรียนของตัวเองจะมีรางวัลให้ก็ให้ ไม่มีก็อดไป ประมาณนั้น ก็เลยไปเรียนหลวงพ่อจังหวัดท่าน บอกว่าจะเอาแบบนี้ ท่านก็เลยต้องเซ็นให้

แต่คราวนี้เลขาจังหวัดทำงานช้า อาตมาไปนั่งรอที่กุฏิ หลวงพ่อจังหวัดท่านก็เลยชงน้ำชามาเลี้ยง อาตมาเห็นข้าง ๆ ท่านมีเหรียญหลวงพ่ออุตตมะอยู่ก็เลยหยิบมาดู บอกกับท่านว่า "ผมเคยมียอดขุนพลบุเรงนองอยู่ แต่ตอนนี้โดนเขาไถไปแล้ว" หลวงพ่อจังหวัดท่านเดินหายเข้าไปในกุฏิพักหนึ่ง แล้วหยิบออกมาถวาย ...(หัวเราะ)... ท่านบอกว่าสมัยเป็นเลขาฯ จังหวัด กับเป็นเจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี ท่านตุนเอาไว้เยอะ"

ถาม : ต้องเป็นดินดิบนะครับ ?
ตอบ : เป็นดิน องค์ดำๆ หน้าตาไม่ค่อยมี บางเสียงบอกว่าหลวงปู่ท่านไปได้มาจากในถ้ำ บางเสียงก็บอกว่าท่านสร้างเอง อาตมาบอกว่าไม่ใช่แบบหลวงปู่ ท่านไม่ได้สร้างแบบนี้

สรุปว่าได้ตราตั้งครูพระสอนศีลธรรมมา ๑๕ ใบ กับพระของหลวงพ่ออุตตมะ ๕ องค์ ...(หัวเราะ)... เล่นเอามหาจีระพันธ์นั่งยิ้ม ท่านเลขาฯ รองจังหวัดกับเลขาจังหวัดทำอะไรไม่ถูก กลัวเจ้าคณะจังหวัดจะดุ ส่วนอาตมาไปนั่งเฝ้าให้ท่านสั่งเลขาฯ จังหวัด “ไปทำมาเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวผมจะเซ็นให้”

เถรี
26-09-2018, 22:09
ถาม : พระครูสอนศีลธรรมต้องจบอย่างน้อย ?
ตอบ : ครูสอนศีลธรรมต้องจบอย่างน้อยนักธรรมชั้นเอก ถึงจะสอนนักธรรมชั้นตรีได้ ถ้าหากว่ามีเปรียญธรรมได้ก็ยิ่งดี แต่ของวัดท่าขนุนส่วนใหญ่จบมหาบัณฑิตกันหมด มีอยู่ท่านหนึ่งก็คือท่านจุก ห้อยท้ายวิทยฐานะนักธรรมชั้นเอก ป.บส., ปสศ., พธ.ม. ยาวยืดเลย

พระครูไพรัช เลขาฯ จังหวัด ทำไปก็บ่นไป “อาจารย์สร้างบุคลากรเก่งมากเลย ดูสิ..แต่ละคนความรู้หลากหลายไปหมด” ก็บอกท่านว่า “จะเรียกว่าเก่งก็ไม่ใช่หรอก เขาต้องเอาใจใส่ด้วย ถ้าเขาไม่เรียนเสียอย่างผมก็บังคับเขาไม่ได้ ผมมีแต่เงิน ถ้าเขาจะเรียนผมส่งได้ ถ้าเขาไม่เรียนผมจะไปบังคับได้อย่างไร”

แบบเดียวกับบาลี ตอนแรกไม่มีใครเรียนเพราะว่ายาก พอส่งชุดของมหาเอมาเรียนต่อที่วัดปากน้ำ ชุดของมหาโรจน์ไปเรียนสามพระยาแล้วก็ไม่มีใครสู้อีก จนกระทั่งชุดของมหาเสริฐ มหาไบท์ไปเรียนที่วัดพระปฐมเจดีย์ แล้วไปคว้าประโยค ๓ ประโยค ๔ กลับมาติด ๆ กัน ก็เลยฮือขึ้นมาอีกทีหนึ่ง ตอนนี้เริ่มตื่นเต้นอยากเรียนกันอีก เรื่องแบบนี้ต้องมีคนนำ เมื่อไม่มีคนนำก็ไม่อยากเรียนกัน

ตอนนี้ปริญญาเอกไม่ต้องพูดถึง ไม่มีใครเอาแล้ว เพราะเห็นว่าปริญญาโทของท่านกอล์ฟกับท่านโม สองคนตะเกียกตะกายกันจนป่านนี้ก็ยังไม่จบ เพราะว่าอาจารย์ที่ปรึกษาแนะแนวแล้วเขาไปต่อไม่ได้ แนวความคิดยังไม่ถึง ช่วงปริญญาเอกนี่อาตมาก็เจอ หลวงพ่อบางรูปอาจารย์ที่ปรึกษาอธิบาย ๗-๘ รอบก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งท่านต้องบอกว่า "นิมนต์กลับไปเถอะครับ ผมพูดจนเหนื่อยแล้ว"

เถรี
26-09-2018, 22:15
เวลาเห็นเขาเรียนจบง่าย ๆ ก็มีกำลังใจที่จะเรียนกัน แต่พอพระอาจารย์เรียนจบง่าย ๆ แล้วท่านยี้ออกกลางคัน ท่านหนึ่งเทอมเดียวน้ำหนักหายไป ๒๐ กิโลกรัม ตอนนี้ยังไม่มีใครอยากเรียนปริญญาเอกเลย บอกให้เป็นด็อกเตอร์นี่ไม่เอาเลย

ตอนนี้บรรดาด็อกเตอร์ของกาญจนบุรีมีทั้งหมดพระ ๘ ชี ๑ เป็นของวัดท่าขนุนไป ๔ รูป ทั้งจังหวัดวัดท่าขนุนกวาดเขาไปครึ่งหนึ่ง อย่างหลวงพ่อโก๊ะเรียนก่อน ๒ ปีจบทีหลัง ๓ ปี ก็แปลว่าท่านเรียนทั้งหมด ๘ ปี ก็คือต้องลงทะเบียนใหม่

พอหลวงพ่อโก๊ะจบเป็นด็อกเตอร์ หลวงพ่อจังหวัดท่านก็ตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นแล้วก็มีข่าวพระตีเณรตายในวัด ได้ข่าวกันไหม ? วันก่อนประชุมยังบอกท่าน “ดร.โก๊ะ..คุณดังฉิบหา..เลย พระลูกวัดทำแท้ ๆ ทำไมเขาถ่ายแต่รูปเจ้าอาวาส ?” จะว่าไปแล้วเณรบางคนนิสัยล้นเหลือเกิน เพื่อนเณรบอกว่า เณรรูปนี้จุดไฟเผาวัดมาหลายทีแล้ว เพื่อนเณรคนนี้นอนอยู่ก็โดนจุดไฟเผาสบงด้วย ไม่รู้ว่าไปทำให้หลวงตาโมโหอีท่าไหน ก็เลยตีเข้าจริง ๆ แต่ปรากฏว่าไปเลือดคั่งในสมอง

เถรี
26-09-2018, 22:18
ถาม : หล่อพระทองคำเดือนมีนาคมปีหน้า ต้องใช้ทองเท่าไรครับ ?
ตอบ : ตามที่คำนวณไว้ตอนแรกคือ ทองคำ ๑๔๐ กิโลกรัม ตอนนี้ได้แล้ว แต่คราวนี้เมื่อมีเหลือ อาตมาก็จะสร้างอีก ๒ องค์เป็นพระยืน ถ้าเหลือมากก็จะใช้ทองตรงส่วนนี้มาหล่อพระยืน น่าจะได้อีกสักองค์หนึ่ง

เถรี
26-09-2018, 22:42
ถาม : ถ้าเด็กอายุ ๔ ขวบ นอนกัดฟันมาก ๆ ควรแก้อย่างไรดีครับ ?
ตอบ : เขาบอกว่าให้เอามะพร้าวล้างหน้าผีไปให้กิน เคยไปงานศพไหม ? ก่อนที่เขาจะเผาศพ จะผ่ามะพร้าวล้างหน้านั่นแหละ ขอที่เหลือมาให้เด็กกินจะแก้โรคกัดฟันได้ ไม่รู้ว่าแก้ได้อย่างไร แต่อาการหายจริง ๆ

กินเนื้อมะพร้าวนะ ไม่ใช่น้ำมะพร้าว น้ำมะพร้าวเขาล้างหน้าศพไปแล้ว ...(หัวเราะ)... พอเขาล้างหน้าศพเสร็จก็จะโยนมะพร้าวทิ้งไป เราก็ไปเก็บมา ใช้หน่อยเดียวเท่านั้น เป็นของที่ไม่น่าเชื่อ แต่เขาทำแล้วได้ผล

เถรี
27-09-2018, 20:00
ถาม : ช่วงนี้กำลังได้รับวิบากกรรมที่ทำมาในอดีต โดยไม่รู้ว่าอันไหนดีหรืออันไหนชั่ว หนูควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ต้องบอกว่า "อดทน" อย่างเดียว เพราะว่าสิ่งที่เราทำไปถึงเวลาเราก็รับ ก็แปลว่าเราทำตัวเราเอง ยุติธรรมที่สุดแล้ว ก็ทนรอจนกระทั่งผลของวิบากจะผ่านไป ในระหว่างนี้ก็อดทนสร้างกุศลไปก่อน พอถึงเวลาช่วงกุศลเข้ามาสนองจะได้รวมกันพาให้ห่างจากวิบากกรรมไปได้

ถาม : ทุกวันนี้หนูต้องนอนร้องไห้ ?
ตอบ : ต่อไปนั่งร้องบ้างก็ได้ ...(หัวเราะ)... เป็นเรื่องปกติ มีใครบ้างที่ไม่เป็น พระพุทธเจ้าบอกกับปฏาจาราเถรีว่า น้ำตาของแต่ละชาติที่เธอต้องร้องไห้ ถ้ารวมกันแล้วมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นไหน ๆ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เราคนเดียว

ถาม : ระหว่างที่หนูโดนกรรมแทรก หนูต้องทำอย่างไรให้ตัวเองมีสติอยู่ตลอดเวลา ?
ตอบ : ภาวนา ถ้าหากว่าอารมณ์ภาวนาทรงตัวก็มีสติ คนที่อารมณ์ภาวนาทรงตัวก็จะไม่ไปนอนร้องไห้ แต่จะนั่งร้องแทน ...(หัวเราะ)...

เถรี
27-09-2018, 20:03
พระพุทธเจ้าสอนให้เราเชื่อกรรม คือการกระทำของเรา สอนให้เชื่อผลของกรรมที่เรียกว่าวิบาก ก็คือเราทำดีเราก็ได้ดี ถ้าเราทำชั่วเราก็ได้ชั่ว สอนให้รู้ว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตนเอง มีกรรมเป็นเครื่องนำชีวิต และท้ายที่สุดก็ต้องเชื่อว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้นเป็นความจริงแท้

ฉะนั้น...ความเชื่อในพุทธศาสนาจริง ๆ แล้วมีอยู่แค่นี้แหละ เรียกว่ากัมมสัทธา เชื่อกรรม วิปากสัทธา เชื่อการส่งผลของกรรม กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตนเอง ก็คือทำอะไรไว้ก็ได้ผลอย่างนั้น ท้ายที่สุดก็คือตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในความรู้จริงของพระพุทธเจ้า

เถรี
27-09-2018, 21:06
ถาม : มีคนถามเรื่องการปฏิบัติแล้วผมตอบไม่ได้ แกพิจารณาว่าของทั้งหลายในโลกนี้เป็นของสมมติ ลักษณะเหมือนกับว่าเรากำลังเล่นเกมอยู่ พอหมดเวลาเกมดับก็จบ ...(ไม่ชัด)... กลายเป็นตัวใหญ่เท่าจักรวาล แล้วก็สว่างวาบทีเดียว ตรงนี้ผมพอเข้าใจ แต่ผมไม่เข้าใจตอนท้ายที่แกพิจารณาว่าไม่มีสวรรค์ ไม่มีพระนิพพาน แล้วก็สว่างวาบ แต่ที่ผมเคยเจอ คือตัวเองไม่มี สรรพสิ่งในโลกไม่มี หายปุ๊บ ดับไป สว่างแล้วจิตไปอยู่ที่นิพพาน แต่ของแกนิพพานไม่มี ผมเลยถามว่าพอถอนจิตออกมาสังโยชน์ยังอยู่ครบไหม แกบอกยังอยู่ครบ ผมก็เลยตอบไม่ได้ว่าตัวนี้ต้องแก้อย่างไร ต้องเพิ่มอย่างไร ?
ตอบ : ถ้ามีความเข้าใจจริง ๆ ในเรื่องของกรรมดีกรรมชั่วแบบยถากัมมุตาญาณ ก็สามารถที่จะกำหนดได้ว่า นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี พรหมไม่มี นิพพานไม่มี เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากการกระทำ ถ้าท้ายสุดขึ้นมาสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีแล้ว ในเมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีแล้ว ก็ต้องมีสักจุดหนึ่งที่เราเป็นผู้อาศัย ฉะนั้น...ดูเอาก็แล้วกันว่าจะประกันความเสี่ยงอย่างไร

ถาม : ประกันความเสี่ยงอย่างไร คือ ?
ตอบ : เกาะดีไว้ก่อน ถึงแล้วค่อยปล่อยดี

ถาม : แสดงว่าที่เห็นตรงนี้ยังไม่ใช่ปัญญาจริง ถ้าเป็นอรูปฌาน ตรงนี้ผมว่าไม่น่าใช่ ?
ตอบ : ไม่ใช่ เป็นฌานในวิปัสสนา แต่คราวนี้วิปัสสนาของเราก็ยังไม่ใช่วิปัสสนาจริง ๆ ก็คือเป็นการพิจารณาแล้วสภาพจิตทรงเป็นฌานไปเอง วิปัสสนาจริง ๆ ต้องเห็นจริงแล้วปล่อยวางได้

เถรี
27-09-2018, 21:18
ถาม : เวลาเสกวัตถุมงคล ตัวเราหาย ภาพของก็หาย เหลือแต่ความสว่าง อันนี้เป็นอรูปฌานหรือเปล่า ?
ตอบ : อยู่ที่เราทำ เพราะว่าถ้าเราได้อรูปฌาน ถ้าเข้าถึงก็ใช่ ถ้าไม่ใช่อรูปฌานก็แค่ดับรูปได้เท่านั้นเอง

ถาม : ดับรูปนี่เป็นส่วนแค่รูปฌาน ?
ตอบ : เป็นลักษณะเหมือนช่วงฝึกกำลังจะเป็นอรูปฌาน แต่กำลังก็เป็นรูปฌานอยู่ดี เหมือนกับว่ากำลังทำ แต่ยังไปไม่ถึง

ถาม : สังโยชน์ก็กลับมาทวนใหม่เหมือนเดิม ?
ตอบ : ทวนไปเรื่อย ๆ จะครบไม่ครบก็เรื่องของมัน เรามีหน้าที่ทำ

เถรี
27-09-2018, 22:38
ถาม : การถวายข้าวพระพุทธ ถ้าเราถวายพระท่านแล้วลามากินเลย ?
ตอบ : ไม่ต้องรอพระท่านฉันก่อนหรอก การถวายข้าวพระพุทธเป็นการบูชาพระ แค่เราระลึกถึงท่านก็เป็นอานิสงส์มหาศาลแล้ว อาจจะเว้นไว้สัก ๑๐ วินาที ๒๐ วินาทีแล้วค่อยลาก็ได้ พระท่านไม่ได้ฉัน โบราณท่านกำหนดเอาไว้เพื่อให้เรานึกถึงพระเป็นอนุสติเท่านั้น

เถรี
27-09-2018, 22:40
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนกันยายน ๒๕๖๑ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี และนายกระรอก