PDA

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑


เถรี
03-06-2018, 19:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "ขออาศัยโอกาสนี้แจ้งให้ญาติโยมทราบ มีบางท่านอยากได้บุญจนกระทั่งสร้างความลำบากให้กับทางวัด อย่างเช่นว่าล่าสุดส่งผางประทีปไปให้ ๑ ลังใหญ่ โดยให้ไปเก็บเงินกับทางวัด เป็นการกระทำที่เลวร้ายมาก ส่งผางประทีปไปให้ทางวัดเพื่อร่วมบุญ แต่ให้เก็บเงินกับทางวัด แล้วส่งไปทำซากอะไรครับ...! อาตมาเลยให้ส่งคืนไป

ปรากฏว่ายังมีการส่งกลับมาอีก แต่คราวนี้ไม่ต้องจ่ายเงินแล้ว เพราะเห็นว่าทางวัดไม่จ่ายแน่ แต่ขอบอกให้ว่า ผางประทีปที่ส่งไปก็ใช้การไม่ได้ เป็นประเภทที่อาตมาเองเลิกใช้ไปตั้งแต่ครั้งแรก ๆ แล้ว เนื่องจากว่าจุดไปแล้วประมาณ ๕ นาที ๑๐ นาที ไส้ก็จะล้ม เมื่อไส้ล้มก็ดับ ในขณะที่ผางประทีปของทางวัดจุดได้ ๔-๕ ชั่วโมง

ฉะนั้น...ของที่โยมส่งไปขอบอกว่าไม่ได้ใช้งาน และอาตมาก็ไม่กลัวว่าเป็นการย้ายเจดีย์ด้วย เพราะไม่ได้บอกบุญเรี่ยไรจากโยม โยมทะลึ่งส่งไปเอง...!"

เถรี
03-06-2018, 19:46
พระอาจารย์บอกว่า "เขาบอกว่าอยากมีชีวิตง่ายดายให้ถวายกล้วยกับพระ ถ้าเป็นไปได้ ก็คงง่ายกันไปหมดทั้งประเทศแล้ว"

เถรี
03-06-2018, 19:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นทัชชี่ใส่กางเกงขาสั้นมา นึกออกว่าอาตมาเพิ่งด่ากระจายไปเมื่อก่อนบวชพระช่วงวิสาขบูชา เพราะว่านาค ๖ ท่านใส่กางเกงขาสั้นเดินตามพระบิณฑบาตเสีย ๕ รู้อยู่ว่าไปวัด อยู่วัด แล้วแถมยังเป็นนาคฝึกหัดอยู่กับวัด แต่แทนที่จะทำตัวให้เหมาะสมกับกาลเทศะ กลับทำตัวตามสบาย นุ่งกางเกงขาสั้นเหมือนกับอยู่บ้าน อย่าอ้างว่าต้องไปที่อื่นต่อ เพราะว่าคุณต้องเข้าวัดก่อน

เรื่องนี้อาตมาโดนด่าตั้งแต่สมัยไปอยู่ช่วยงานที่บ้านสายลมใหม่ ๆ เนื่องเพราะว่าถึงเวลาถ้ามีคนถ่ายรูปก็จะเห็น เราอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่คนก็จะตำหนิว่าครูบาอาจารย์ไม่อบรมเลยหรืออย่างไร ? ถึงได้ทำตัวตามสบายด้วยการใส่ขาสั้นไปวัด ใส่ขาสั้นไปทำบุญ ฉะนั้น เรื่องบางเรื่องเราเองรู้สึกว่าสบาย ทำตัวเหมือนอยู่กับบ้าน แต่ไม่รู้หรอกว่าในสายตาผู้อื่นนั้นเขาตำหนิเราได้

อาตมาเองช่วงที่ฝึกปฏิบัติธรรม ก็จะมีสมุดบันทึกของตัวเองอยู่ เมื่อมีอารมณ์ปฏิบัติธรรมอะไรเกิดขึ้นก็จดบันทึกเอาไว้ ที่หน้าปกสมุดบันทึกอาตมาเขียนคาดตัวใหญ่ ๆ เอาไว้ว่า จงอย่าให้ กาย วาจา ใจ ของเรา เป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่นเขาเลย พูดง่าย ๆ ก็คือ ถึงใจของคนอื่นจะชั่วขนาดไหน ก็อย่าให้ความชั่วนั้นมีสาเหตุมาจากเรา

โดยเฉพาะบรรดาสาว ๆ ทั้งหลาย ถ้าจะไปที่อื่นก็ไปเสียก่อน แล้วจะมาทำบุญก็ใส่เสื้อผ้ามาให้รัดกุมหน่อย ไม่ใช่โน่นก็จะอยากจะโชว์ นี่ก็อยากจะโชว์ วัดก็อยากจะไป วัตถุประสงค์คนละเรื่องกัน ไปกันไม่ได้"

เถรี
03-06-2018, 19:54
"อาตมาก็เลยคาดโทษพระพี่เลี้ยงไว้ ว่าถ้านาคชุดต่อไปมีนุ่งกางเกงขาสั้นในวัดอีก พี่เลี้ยงโดน...! เพราะเป็นหน้าที่ตัวเองที่ต้องบอก ไม่ใช่รอจนกระทั่งครูบาอาจารย์เห็นว่าไม่เหมาะไม่สมแล้วค่อยบอก เพราะอะไรก็ตามที่เราทำด้วยความมักง่าย แสดงออกซึ่งความหยาบของจิตเราที่มีอยู่มาก แปลง่าย ๆ ว่าขาดความเคารพในพระรัตนตรัยจริง ๆ โอกาสที่เข้าถึงธรรมก็ยากไปด้วย พูดง่าย ๆ ว่าการกระทำบ่งบอกถึงสภาพจิตใจ สภาพจิตใจบ่งบอกถึงผลการปฏิบัติ ต้องบอกว่าเสียหายร้ายแรงมาก จากเรื่องที่เราไม่คิดว่าจะเสียหาย

การเป็นครูบาอาจารย์นั้น วิธีการสอนของพระมีหลายอย่าง มีอนุสาสนีกถา ที่ฟังแล้วเหนื่อย อนุสาสนีกถาคือจ้ำจี้จ้ำไชปากเปียกปากแฉะ ซึ่งอาตมาเองก็ไม่มีความสุขที่จะต้องมาด่า แต่บางทีพูดดี ๆ ก็ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ต้องไปบอกว่าให้นัย ลักษณะให้นัยนั้นต้องคนฉลาดมาก ๆ มีไหวพริบมาก ๆ ไม่ได้ฉลาดอย่างเดียว ต้องเฉลียวด้วย สะกิดนิดเดียวก็รู้ตัวรีบแก้ไข คนประเภทนี้โอกาสได้ดีมีสูง ปัจจุบันนี้เท่าที่เจอคือด่าไปจำแค่ไม่กี่วันก็ลืม แล้วทำตัวตามสบายกันต่อ

ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม การที่เราแต่งตัวอวดร่างกาย เป็นโทษทั้งกับตนเองและคนอื่น เพราะว่าเพศตรงข้ามก็ชอบมอง ไม่ใช่ว่าเราผู้ชายใส่กางเกงขาสั้นเดินตามสบาย หารู้ไม่ว่าสาวเขาเหล่ตามอยู่ตลอด แล้วก็คงมีนินทาในใจว่าขาอย่างกับโต๊ะบิลเลียดยังอุตส่าห์ใส่ขาสั้นอีก

รู้แล้วแก้ไขยังถือว่าพออภัย รู้แล้วแก้ไขไม่ได้ต้องบอกว่าหนาเกินไป สมัยก่อนเขาว่าคนกะโหลกหนามักจะปัญญาทึบ เพราะว่ากะโหลกหนา เนื้อสมองก็เลยเหลือน้อย คนโบราณเขาด่าเจ็บ

เรื่องของการปฏิบัติธรรม ยิ่งทำต้องยิ่งละเอียด ในเมื่อต้องยิ่งละเอียด สิ่งที่เราทำอยู่ย่อมบ่งบอกถึงภูมิจิตภูมิธรรมของเราเอง บ่งบอกถึงครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนเรามา แล้วก็ยาวไปถึงต้นสายเลย คือจากหลวงพ่อเป็นหลวงปู่ จากหลวงปู่เป็นหลวงปู่ทวด ไล่ไปถึงพระพุทธเจ้าโน่น สรุปว่าเสียหายกันหมด"

เถรี
03-06-2018, 20:19
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=28419&stc=1&d=1530510031

มีโยมมาถวายสังฆทาน หลวงพ่อบอกว่า "อย่าไปยืดผมนะ นี่เป็นเรื่องของคนมีบุญ ถ้าไปยืดผมนี่เสียของเลย โบราณเรียกว่าเกล้านางนี บางคนเรียกว่าเมาลีโพธิสัตว์ เป็นของขลังติดตัวเองมาแต่เกิด

ถ้าถามว่าคนที่มีเมาลีโพธิสัตว์แบบนี้ดีตรงไหน ? ดีตรงที่เสี่ยงได้ทุกรูปแบบ วิ่งให้ ๑๘ ล้อชน รถก็พัง ถ้าอยากมีผมตรงเหมือนคนอื่น ไปยืดผมนี่เสียของเลย"

หมายเหตุ : ขอเจ้าตัวถ่ายภาพผมลงเว็บ

เถรี
04-06-2018, 19:40
ถาม : กรรมที่เราทำกับพ่อแม่ โดยเฉพาะกายกรรม วจีกรรมที่ไม่ดี จะเป็นบาปมากกว่าการทำกรรมต่าง ๆ เหล่านั้นกับคนอื่นที่ไม่ใช่บุพการีหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าคนอื่นเป็นพระอริยเจ้ากรรมก็หนักกว่า แต่ถ้าไม่ใช่พระอริยเจ้า กรรมที่ทำกับพ่อแม่ก็หนักกว่าที่ทำกับคนอื่น

เถรี
04-06-2018, 19:41
ถาม : เนื่องในวันทำบุญบ้านเติมบุญเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา ผมอาราธนาพระ อธิษฐานให้องค์พระใหญ่คลุมบ้าน และโยงสายสิญจน์จากบ้านเติมบุญไปที่บ้านผม เพื่อเป็นการทำบุญบ้านผมด้วย การทำแบบนี้สมควรหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าคิดว่าทำแล้วสบายใจก็เชิญตามสบายเลย

เถรี
04-06-2018, 19:49
ถาม : ไปถอนต้นโพธิ์ตามซอกหินปูนในวัด ถอนขาดแล้วทิ้งก็มี เรานำมาปลูกใหม่รอเวลาโต แล้วเอาไปแบ่งเพื่อนบ้านบ้าง ปลูกวัดอื่นบ้าง จะติดหนี้สงฆ์ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเอากลับบ้านก็ติดหนี้สงฆ์

ถาม : ถ้าติดหนี้สงฆ์เราควรชำระหนี้สงฆ์ด้วยอะไร ?
ตอบ : ในท้องตลาดเขาขายต้นละเท่าไร ก็ชำระหนี้สงฆ์ไปประมาณนั้นแหละ

เถรี
04-06-2018, 19:54
ถาม : เราไปขโมยเงินวัดมา ๑๐๐ บาท วันต่อมามีคนสร้างพระพุทธรูปชำระหนี้สงฆ์ เราร่วมบุญด้วย ๒๐ บาท จะหายกันไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเขาสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ไม่ได้ปิดทอง เราก็ได้แค่อานิสงส์สร้างพระ ไม่ได้อานิสงส์ในการชำระหนี้สงฆ์ แต่ถ้าเราสร้างพระชำระหนี้สงฆ์กับเขา เป็นพระที่ปิดทอง ด้วยเงินของเราเอง สามารถชำระหนี้สงฆ์ได้ แต่ไม่ใช่เอาเงินที่เราขโมยมาชำระหนี้ ถ้าอย่างนั้นจะไม่มีผล

เถรี
04-06-2018, 20:02
ถาม : ผมฝันว่าได้นั่ง แล้วเอาหัวหนุนพระอาจารย์ ?
ตอบ : มิน่าล่ะ...ถึงได้รู้สึกเมื่อย...!

ถาม : ทีนี้ในฝันพระอาจารย์ก็เมตตาผม ผมมีความสุขมากเลย อันนี้ฝันดีหรือปรามาสครับ ?
ตอบ : ฝันแล้วเป็นกำลังใจก็เก็บเอาไว้ อย่าคิดมาก

เถรี
04-06-2018, 20:06
ถาม : การที่ผมฝันเห็นน้ำ ใสแจ๋ว ชอบใจในคลื่นน้ำ ไม่มีเงาตัวเองเลย ผมรู้สึกมีความสุขทั้งที่มีแต่น้ำ ถ้าความฝันบ่งบอกอนาคต ต้องปฏิบัติในเรื่องใดจึงจะสำเร็จครับ ?
ตอบ : ปฏิบัติในอาโปกสิณ ลักษณะนั้นในอดีตคงเคยทำกสิณน้ำมาจนถึงปฏิภาคนิมิตแล้ว

เถรี
04-06-2018, 20:53
พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าจะว่าไปแล้ว เรื่องของการจับพระผู้ใหญ่กรณีเงินทอน เขารู้ว่าคดีไม่มีน้ำหนัก ก็เลยต้องเอาเรื่องอื่นมาตีด้วย อย่างเช่นว่าอยู่ ๆ มีหมอนวดอายุ ๕๐ กว่า ออกมาบรรยายขยายความว่าพระผู้ใหญ่เคยขอนอนด้วย จ่ายเงินให้ครั้งละสองหมื่นสามหมื่น อาตมาฟังแล้วก็ขำ เงินสองสามหมื่นไปหาสาวเอ๊าะ ๆ ที่ไหนก็ได้ จะไปหายายแก่อายุ ๕๐ กว่าไปทำไม ? แล้วเขาพูดแบบตีกินมากเลย คือไม่บอกว่าเป็นท่านใด ทำให้คนเข้าใจผิดว่าพระผู้ใหญ่ทั้งหมดนั่นแหละทำอย่างนี้ นี่คือลักษณะของการที่ออกข่าวให้เราเข้าใจไขว้เขวไป พยายามที่จะหาเรื่องหาราวจัดการพระให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ของพวกนี้เราฟังข่าวแล้วต้องรู้จักตรองด้วย สิ่งที่เขาออกข่าวคือสิ่งเขาอยากให้เรารู้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่เราควรจะรู้ เรื่องพวกนี้พอถึงเวลา ตำรวจ ทหาร สื่อมวลชน ก็จะมีเส้นที่เขาขีดให้เดินว่าต้องไปทางนี้ เราจะเห็นว่าตั้งแต่จับพระผู้ใหญ่สึกส่งเข้าคุกไป จะไม่มีรูปพระผู้ใหญ่ท่านใดที่เข้าคุกในลักษณะชุดนักโทษ ยกเว้นพุทธอิสระ เพราะว่าเขาต้องการจะแสดงว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในลักษณะสองมาตรฐาน คือพุทธอิสระที่ถือว่าเป็นพวกเดียวก็โดนด้วย ตั้งใจแสดงให้ดู

ความจริงพุทธอิสระเป็นคนที่น่าสงสารมาก เพราะถ้าวิเคราะห์ดูแล้วมี ๒ สถานการณ์ด้วยกัน สถานการณ์แรกคือต้องสละตัวเองในลักษณะเอาเบี้ยไปแลกขุน อีกสถานการณ์หนึ่งถ้าหากว่าใช่ ก็คือลักษณะว่าดวงแตกแล้ว คือภาษิตจีนที่ว่า “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” เรื่องตั้งนานเนกาเล ควรจะจัดการไม่จัดการ แต่มาจัดการเอาอีตอนนี้ เพราะว่าคดีความชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าการที่ตัวเองไปปิดสถานที่ราชการ ไปตั้งกรวยขวางใครข้ามไม่ได้ ใครโดนไม่ได้ หรือที่ไปกรรโชกทรัพย์โรงแรมเขา เป็นต้น


เรื่องพวกนี้ทำไมเพิ่งจะมาจับ ? ก็เพราะต้องการที่จะกลบข่าวส่วนอื่น เรื่องพวกนี้ทางทหารเป็นวิชาการอย่างหนึ่งเรียกว่า ข่าวกรองและการต่อต้านข่าวกรอง เขาจะให้เรารู้ในสิ่งที่อยากให้รู้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่เราสมควรที่จะรู้"

เถรี
04-06-2018, 20:56
"เรื่องพวกนี้พอออกไป ถ้าญาติโยมรู้สึกหวั่นไหวแล้วก็มีความคิดว่า "ทำไมพระสงฆ์ในพุทธศาสนาถึงเลวอย่างนี้ ?" ถือว่าเขาประสบความสำเร็จ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมั่นคง เชื่อมั่น เพราะว่าพระผู้ใหญ่แต่ละรูป กว่าจะขึ้นไปถึงระดับนั้นได้ท่านทำความดีเอาไว้มาก แต่ว่าเป็นการทำลายล้างทางการเมือง ทางศาสนา และระหว่างนิกายด้วยกัน

เรื่องเหล่านี้สิ่งที่เสียหายมากที่สุดคือพระพุทธศาสนา เวลาวาระสำคัญเขาจะพยายามทำเรื่องเหล่านี้ให้ดังขึ้นมา เพื่อให้เราหมดศรัทธาในพุทธศาสนา ไม่เข้าวัด ไม่ทำบุญ ให้โยมสังเกตว่าอีกไม่กี่วันจะเป็นวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ก่อนนั้นสักสิบวันครึ่งเดือน ก็จะมีเรื่องตูมขึ้นมาอีก นี่คือสูตรตายตัวเลยที่เขาจะทำ"

ถาม : แล้วพวกเราพอจะทำอะไรได้บ้างในตอนนี้คะ ?
ตอบ : เกินกำลังที่จะแก้ไข มีอย่างเดียวก็คือสร้างความดีให้มากไว้ ทำความดีอะไรก็ได้แล้วก็ช่วยกันแพร่กระจายออกไป เพราะว่าเดี๋ยวนี้การที่เราจะลงข่าวทางสื่อโซเชียลถือว่าเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นยูทูบ เป็นเฟซบุ๊ก เป็นไลน์ก็ตาม ช่วยกันแชร์ในสิ่งที่ดี ๆ อย่างเช่นว่าวัดนี้ให้ทุนการศึกษา วัดนี้จัดปฏิบัติธรรม วัดนั้นหล่อพระ เป็นต้น

ในเมื่อเราทำอย่างนี้เขาก็จะได้เห็นงาน เพราะว่าโดยปกติแล้ว พระเราสร้างอะไรที่เป็นความดีมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ไม่มีการโฆษณา ใครจะไปรู้ว่าเมื่อวิสาขบูชาที่ผ่านอาตมาให้ทุนการศึกษาไปสองสามร้อยทุน หมดไปเกือบล้านบาท ฉะนั้น...ถึงเวลาแล้วพวกเราช่วยกระจายข่าวที่ดี ๆ ออกไป อะไรที่เป็นข่าวไม่ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่เขากุขึ้นมา เราก็อย่าไปยุ่ง

อาตมาเองยังให้นโยบายกับทางเว็บพลังจิต ซึ่งเป็นเว็บไซต์พระพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดของไทยว่า ข่าวอะไรที่เสียหายต่อพุทธศาสนาเราลงแต่เนื้อหา แต่ไม่เอาคำวิพากษ์วิจารณ์ หรือถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ลง ลงแต่ข่าวในเชิงสร้างสรรค์ก็พอ ของพวกนี้ต้องใช้ความดีสู้ พระท่านว่า “อสาธุง สาธุนา ชิเน พึงชนะความไม่ดีด้วยความดี” นี่เป็นพุทธพจน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ตั้งหน้าตั้งตาทำกันไป ต่อให้เป็นมด รุมกันกัดเดี๋ยวช้างก็ถอยไปเอง สำคัญว่ามดเราต้องสามัคคีเหนียวแน่นกันเท่านั้น

เถรี
04-06-2018, 21:13
พระอาจารย์กล่าวเตือนโยม "สำหรับคุณวรวรรณามี ๒ เรื่อง เรื่องแรกเลยก็คือ กลางคืนอย่าไปกางเต็นท์นอนที่รอยพุทธบาทอีก ที่นั่นอยู่นอกเขตวัด เป็นเรื่องที่อันตรายมาก กลางค่ำกลางคืนทางวัดไม่สามารถที่จะดูแลได้ เกิดเหตุอะไรขึ้นมาจะพาซวยกันทั้งหมด เราอาจจะมั่นใจในความปลอดภัยของเราเอง แต่เรารู้ไหมว่าวาระกรรมจะมาถึงเมื่อไร ? แล้วเรื่องของอาชญากรรมทุกชนิด ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้เขาก็ทำอะไรไม่ได้ หลายครั้งที่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเพราะว่าโอกาสเปิดให้ ทั้งที่เขาไม่ได้คิดที่จะทำมาก่อน

ประการที่สอง คือ เรื่องของลูกสาว ต่อไปอย่าให้วิ่งไล่ตามหลวงพ่อแบบนั้นอีก น่าเกลียดมาก ลูกก็เป็นผู้หญิง ถ่ายรูปออกมาเกาะพระอยู่ติด ๆ แล้วคนอื่นเขาจะคิดอย่างไร ? มีอะไรไม่ดีไม่ถูกก็บอกให้ลูกรู้เรื่องบ้าง ไม่ใช่ให้ลูกเขามีประสบการณ์ด้วยตัวเอง คนอื่นเขามัวแต่เกรงใจเขาก็ไม่กล้าพูด ทำแบบนั้นจะก่อความเสียหายให้เมื่อไรก็ไม่รู้ ? อย่ารักลูกจนเกินไป มีอะไรก็กระทบ กระแทก กระทืบ เสียบ้างเขาจะได้รู้ตัว"

เถรี
04-06-2018, 22:14
ถาม : วัตถุมงคลของหลวงพ่อกวยลอดราวตากผ้าได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : วัตถุมงคลของหลวงพ่อกวยมาด้านไสยศาสตร์ ปกติแล้วห้ามลอดที่ต่ำ แต่ของหลวงพ่อกวยท่านห้ามด่าแม่อย่างเดียว เพราะท่านรู้ว่าลูกศิษย์ของท่านไม่ค่อยจะฟังใครหรอก ด่าไปหมด เพราะฉะนั้น...โกรธคนอื่นเท่าไรก็ห้ามด่าแม่

เถรี
04-06-2018, 23:06
ถาม : คนโบราณถือเรื่องปลูกบ้านสองชั้นแล้ว ถ้าทุบแล้วปลูกบ้านใหม่เหลือชั้นเดียว จะทำให้ทำกินไม่เจริญเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าสองชั้นแล้วเหลือหนึ่งชั้น ก็ไม่เจริญตั้งแต่ทำแล้ว ไม่ใช่ทำมาหากินไม่เจริญ แม้กระทั่งในวัด ถ้าทุบลงทำใหม่ต้องให้ดีกว่าเดิม ไม่อย่างนั้นจะติดหนี้สงฆ์ แต่ถ้ารู้สึกว่าตอนนี้เราอายุ ๘๐ ปีแล้ว ขึ้นชั้นบนไม่ไหว ให้เขาทุบเหลือชั้นเดียวก็สะดวกกับเราอยู่ แต่จะลงทุนมากไปหรือเปล่า ?

เถรี
05-06-2018, 09:41
ถาม : เรื่องที่ ๑ คนผู้หนึ่งมีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง เขารักและหวงแหนพระพุทธรูปองค์นี้มาก เมื่อเขาตาย ได้กลายเป็นงูเฝ้าพระพุทธรูป ใครเข้าไปใกล้องค์พระ งูตัวนี้จะชูหัวขึ้นเตรียมฉกทันทีเพราะความหวงแหน ต้องพูดบอกงูว่า "เพียงแค่มาดูองค์พระเฉย ๆ ไม่ได้มานำองค์พระไปไหน" งูตัวนั้นจึงจะสงบเลื้อยออกไป

เรื่องที่ ๒ หญิงชราญาติผู้ใหญ่ของหลวงปู่รูปหนึ่ง ได้รักเลี้ยงดูหลวงปู่รูปนี้มาด้วยความรักผูกพันมาก ตอนมีชีวิตใส่บาตรพระหลานชายเสมอ แต่พอเสียชีวิตกลับได้ไปเกิดเป็นสุนัข คอยวิ่งเข้าไปอาศัยในวัดที่หลวงปู่จำวัดอยู่ เพราะด้วยรักผูกพัน จะไล่ตีหรือเจ้าของนำกลับไปเลี้ยงที่บ้านดีอย่างไรก็ไม่ยอม จะวิ่งกลับมาอยู่วัดตลอด อทิสมานกายเป็นหญิงชรา กายซูบผอม เฝ้ากราบขออย่าได้ไล่ตนไปใหน ขอให้ตนได้อาศัยอยู่วัดนี้ ได้ใกล้หลานชาย

๒ เรื่องนี้ จิตทั้ง ๒ คนพลาดลงอบายภูมิเป็นเดรัจฉานได้อย่างไร ? ขอพระอาจารย์โปรดวินิจฉัยเป็นความรู้และการป้องกัน มีข้อควรระวังกับการสังเกตสภาพจิตลักษณะนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นเช่นนี้

ตอบ : เรื่องของโยมที่รักพระพุทธรูปมาก แต่ตายแล้วกลายเป็นงูเฝ้าพระพุทธรูป กำลังใจเป็นไปในลักษณะของมัจฉริยะ คือ ความตระหนี่ถี่เหนียว หวงแหนในสิ่งของนั้น ๆ ไม่ใช่กำลังใจที่เกาะพระในลักษณะพุทธานุสติ แค่เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอย่างงูถือว่าดีมากแล้ว

ส่วนเรื่องของคุณยายที่รักหลานและดูแลหลานที่เป็นพระ แต่ไปเกิดเป็นหมา ลักษณะก็ใกล้เคียงกัน คือ การรักและหวงหลานของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ยึดเป็นสังฆานุสติ ไม่ได้เห็นว่าท่านเป็นพระสงฆ์ แต่ว่าเห็นเป็นแค่หลานชายสุดที่รัก ทั้งสองส่วนเป็นการตั้งกำลังใจในทางที่ผิด ขยับมุมนิดเดียวจะไปดีมากเลย แต่ไม่ต้องกังวล เพราะว่าอย่างน้อย ๆ การที่เขาเกาะความดีอยู่ ชาติต่อไปหลังจากพ้นกรรมตรงนั้นแล้ว ก็ได้ไปเสวยผลบุญในส่วนที่ตนเองนึกถึงพระ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปหรือว่าพระสงฆ์ก็ตาม

เถรี
05-06-2018, 20:39
พูดถึงผ้ายันต์กับเหรียญท้าวเวสสุวรรณ "ไม่ต้องไปหาอะไรแล้ว ที่น่าสงสารที่สุดก็คือพวกขับรถมาจากที่ไกล ๆ ไปจะเอาผ้ายันต์กับเหรียญท้าวเวสสุวรรณที่วัด รายสุดท้ายมาจากพัทยา ท้ายสุดน้องเล็กก็เลยต้องตัดของตัวเองให้เขาไป ที่จองไว้ในเว็บ ๕ ชุดก็ต้องแบ่งให้เขาไป เพราะว่าเขามากันไกล เขาอยากได้มาก

เรื่องผ้ายันต์และเหรียญท้าวเวสสุวรรณต้องบอกว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ เพราะว่าวัดท่าขนุนสร้างพระเครื่องปกติก็มากเกินชาวบ้านเขาอยู่แล้ว ครูบาอาจารย์มีชื่อระดับรู้จักกันทั้งประเทศ เขาสร้างเหรียญทีหนึ่งก็ ๑,๕๐๐ เหรียญบ้าง ๑,๙๙๙ เหรียญบ้าง วัดท่าขนุนสร้าง ๓,๐๐๐ เหรียญเป็นประจำ นี่ก็เกินชาวบ้านเขาอยู่แล้ว งวดนี้ท่านบอกให้ทำ ๑๐,๐๐๐ เหรียญ อาตมาก็อึ้งไปพักใหญ่ ตั้ง ๑๐,๐๐๐ เหรียญ กูจะขายกี่ปีหมดวะนี่ ? ปรากฏว่ายกเดียวจอด...!

คราวนี้เรามาพิจารณาอยู่ ๒ จุดด้วยกัน จุดแรกก็คือพรที่ท่านให้ว่า ป้องกันพวกไสยเวทย์อาคม วัตถุอาถรรพ์ คุณผี คุณคนทุกประเภท ถ้าใครตั้งใจปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบัน ท่านจะให้บริวารตามคุ้มครองตลอดชีวิต นี่คือจุดหนึ่ง

อีกจุดหนึ่งก็คือราคาถูก ซึ่งปกติแล้วเหรียญลักษณะนี้ท้องตลาดเขาจำหน่าย ๕๐๐ บาทขึ้นไปทั้งนั้น บางทีก็ไปเจอ ๙๙๙ บาท เจอ ๑,๐๐๐ กว่าบาท แต่ท่านให้จำหน่าย ๒๐๐ บาทเกือบจะไม่ได้ทุนคืน

เราดูลักษณะนี้หมายความว่า ท่านคงตั้งใจจะให้กระจายออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะตอนเปิดจอง ขนาดบอกแล้วบอกอีกบอกว่าหมดแล้ว ไม่มีใครฟังเสียงหรอก จองกันตะบันราดเลย จองจนเกินกว่าที่มีเป็นเท่าตัว ในเมื่อเรานึกถึงพรที่ท่านให้ นึกถึงราคาที่ท่านกำหนด แล้วก็จำนวนคนที่จอง เหมือนอย่างกับท่านตั้งใจจะกระจายให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ก็เลยสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในบ้านในเมืองของเรา ?"

เถรี
05-06-2018, 20:43
"รุ่งขึ้นมีโยมโทรมาบอกว่า เขาจำหน่ายกันในเว็บราคาหลายร้อย เป็นพันก็มี ใช่ของทางวัดหรือเปล่า ? ก็บอกว่าอาตมาไม่เคยห้าม ใครบูชาไปจะเอาไปให้บูชาต่อ ก็แล้วแต่เขาตกลงกันเอง ถ้าหากว่าราคาสูงหน่อยแต่เราสู้ไหว เราอยากได้ ก็บูชาไป

ท้ายสุดเขาบอกว่ามีที่ถูกกว่านั้นไหม ? ในเมื่อเขาต้องการถูกกว่านั้นก็เลยให้โยมโอ๋เอาไปหลายชุด ในราคาวัดนี่แหละ คุณยอมเหนื่อยก็บวกไปสัก ๑๐๐ บาท ให้เป็นค่าส่งอีเอ็มเอสอะไรให้เขาไป โยมโอ๋ก็เลยมารับไป จำไม่ได้ว่า ๒๐๐ ชุด หรือ ๓๐๐ ชุดก็ไม่รู้ ? เสร็จแล้วพออีก ๒ วัน ตรวจสอบเงินกับยอดวัตถุมงคลเพื่อกระทบยอดว่าตรงกันหรือเปล่า ? เสร็จสรรพเรียบร้อยก็เหลืออยู่ประมาณ ๑,๐๐๐ ชุด จึงรีบให้เขาเอาลงเว็บ เพื่อให้โยมที่อยากได้จะได้ในราคาของวัด จะได้ไม่ต้องไปเจอของแพง

เรื่องวัตถุมงคลของทางวัดเราไม่เคยห้ามที่เขาเอาไปปล่อยต่อ เพราะว่าเขาบูชาไปเป็นของเขาแล้ว ใครเอาไปทำก็ไม่ต้องตำหนิกัน ถ้าคิดว่าสู้ไหวก็บูชาไปเถอะ ถ้าสู้ไม่ไหวก็ขอแอบบ่นหน่อยแล้วกันว่า “บวกอะไรนักหนาวะ ?”

เถรี
05-06-2018, 21:22
พระอาจารย์กล่าวว่า "จำไว้ว่าถ้าไม่กินของเย็นจะผอม ส่วนใหญ่พวกเราไปกินของเย็น พอกินของเย็นเข้าไปไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เป็นธาตุเย็น หรือว่าน้ำเย็นก็ตาม ร่างกายพอเย็นก็จะเข้าสู่ภาวะจำศีล ก่อนจำศีลก็จะตุนอาหาร ก็เลยทำให้พวกเราอ้วนเพราะว่าไปกินของเย็น พอกินของเย็นเข้าไปก็สะลืมสะลือเอาแต่จะหลับ กินแล้วนอน ๆ ก็เลยอ้วนขึ้นไปเรื่อย

ดังนั้น...พวกอาหารธาตุเย็น อะไรเย็น ๆ อย่าไปกิน ถ้าอดใจได้ก็ผอมหน่อย วันก่อนคุณหมอพิพิธพร หลิวจันทร์พัฒนา เอาทองคำไปถวายที่วัด ๑๐ บาท ท่านมีงานวิจัยว่าถ้าดื่มน้ำร้อนแล้วจะผอมลง"

เถรี
05-06-2018, 21:31
ถาม : พ่อชอบดักไก่และนกจากป่ามาขังกรง เพื่อเลี้ยงไว้ดูเล่น ถ้าผมแอบปล่อยไก่และนกทั้งหมด เพราะอยากให้เขาเป็นอิสระ ผมจะได้บุญหรือบาป ?
ตอบ : จะได้ไม้เรียวจากพ่อ...! ปล่อยสัตว์ที่เขากักขังถือว่าได้บุญ แต่สัตว์ที่เขากักขังถือว่าเป็นสิทธิ์ของเขาคนนั้น ๆ กลายเป็นทรัพย์สินของคนอื่น ส่วนนี้เป็นบาป เพราะฉะนั้น...บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ต้องไปชั่งใจเอาเองว่า ตอนนั้นกำลังใจของเราเกาะอะไรมากกว่า

เถรี
05-06-2018, 21:33
ถาม : ยาตำรับหลวงพ่อวัดท่าซุง ต้องอาราธนาบารมีพระสงเคราะห์ก่อนกินทุกครั้ง หรืออาราธนาครั้งเดียวกินได้จนกว่าจะหมดส่วนที่ได้อาราธนาครับ ?
ตอบ : อาราธนาทุกครั้งได้จะดีกว่า

เถรี
05-06-2018, 21:36
ถาม : การซื้อรถมือสองที่มีคนขับแล้ว หรือการลองรถก่อนซื้อเพื่อตรวจสอบสภาพ จะถือว่าละเมิดฤกษ์ประเดิมรถหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ได้เกี่ยวกัน อยากจะประเดิมก็เอาไปประเดิมวันนั้นจริง ๆ การประเดิมคือการใช้งาน ไม่ใช่การลอง

เถรี
05-06-2018, 22:02
ถาม : สูตรขมิ้นชัน หญ้าแพรก น้ำปูนใส ที่ว่าคนเป็นเบาหวานห้ามกินกะปิกับของหวาน ของหวานนับรวมข้าวกับแป้งในมื้ออาหาร น้ำตาลที่ใส่ตามสูตรการปรุงอาหารบ้างด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ของหวานก็คือของหวาน ไม่ใช่อาหารและไม่ใช่ข้าว เพราะว่าของหวานพวกนั้นเป็นน้ำตาลโดยตรง ขณะที่ข้าวยังต้องมาแปลงเป็นน้ำตาลโดยร่างกายของเราอีกยกหนึ่ง

เถรี
06-06-2018, 18:41
ถาม : ระหว่างทางไปวัด แม่ผมหิวน้ำ ผมกับแม่ซื้อน้ำเย็นมาสองขวด ตอนแรกดูเหมือนแม่จะดื่มทั้งสองขวด ผมดูแล้วไม่น่าดื่มเลย ตั้งใจว่าถ้าแม่ไม่เอา ผมจะถวายสงฆ์ ปรากฏว่าหลังเสร็จธุระ แม่ผมยกน้ำให้ ผมจะถวายสงฆ์ แต่แม่ห้าม เห็นว่าไม่เหมาะ ควรจะซื้อมาคราวหลัง ผมเลยไม่ได้ถวายสงฆ์ แล้วมาคิดได้ภายหลังว่าอาจจะเป็นของกึ่งกลางสงฆ์ ผมควรจะแก้ไขอย่างไรได้บ้างครับ ?
๑.เอาน้ำขวดนั้นไปถวาย
๒.ซื้อขวดใหม่แบบเดียวกัน กรณีต้องน้ำเย็นเหมือนกันหรือไม่
๓.ชำระหนี้สงฆ์ในกรณีนี้

ตอบ : ถ้าตายก่อนก็ไม่ได้ทำอะไรเลย..! อย่าลืมว่าเรื่องของทานมีทั้งสามีทาน คือ ให้ในสิ่งที่ดีกว่าที่เรากินเราใช้ สหายทาน ให้ในสิ่งที่เสมอกับที่เรากินเราใช้ และทาสทาน ให้ในสิ่งที่เรากินเราใช้ไปแล้ว หรือด้อยกว่าสิ่งที่เรากินเราใช้อยู่

ดังนั้น ทานทุกอย่างสามารถให้ได้ ไม่ใช่รอจนกว่าจะมีทานอันประณีตแล้วค่อยให้ ถ้าอย่างนั้นรอเราตายก่อนจะไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้ากำลังเรายังข้องอยู่ตรงจุดนั้น ก็หาซื้อของใหม่ไปถวายพระเสีย

เถรี
06-06-2018, 18:44
ถาม : การท่องพระคาถาเงินล้าน ขณะทำงาน ขณะวิ่งออกกำลังกาย ถ้าไม่ได้เริ่มจากการตั้งนะโม ๓ จบ ก่อนท่องพระคาถา จะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยไหมครับ ?
ตอบ : ในเรื่องของการตั้งนะโม ถ้าจะให้ดีก็ครั้งเดียวในวันนั้น อย่างเช่นเราจะสวดมนต์ตอนเช้า ก็ว่าสักครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นจะภาวนากี่ครั้งก็ไม่ต้องตั้งนะโมใหม่ กำลังใจของเรานึกถึงพระด้วยความเคารพ ก็คือลักษณะของการตั้งนะโม เพราะว่านะโมก็คือ นอบน้อมนมัสการองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เถรี
06-06-2018, 18:55
ถาม : ถ้ามีคนมาถามทางผมแล้วผมไม่สะดวกจะตอบด้วยเหตุใดก็ตาม จึงบอกว่าไม่รู้ ทั้งที่ผมรู้ ผิดศีลข้อ ๔ หรือไม่ ?
ตอบ : ผิดเต็ม ๆ

ถาม : การที่เราโกหกเพื่อรักษาน้ำใจหรือไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธ เป็นการผิดศีลหรือไม่ครับ ? ยกตัวอย่างเพื่อนผมมาร้องเพลงให้ผมฟัง และร้องได้เพี้ยนมาก แล้วถามว่าร้องเพราะไหม ถ้าผมตอบไปตรง ๆ กลัวจะโกรธเลยบอกว่าร้องเพลงเพราะ อยากทราบว่าจะผิดศีลหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ผิด

ถาม : การพูดเพ้อเจ้อกับการพูดโกหกแตกต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : เพ้อเจ้อคือกล่าววาจาที่ไม่เป็นประโยชน์ โกหกคือกล่าววาจาที่ไม่ใช่ความจริง

เถรี
06-06-2018, 19:41
ถาม : ในเรื่องขององค์ประกอบศีลข้อสาม มัคเคนะ มัคคะปะฏิปัตติ อะธิวาสะนัง แปลว่า ยังมรรค ถึงมรรค ให้หยุดอยู่ คำว่ามรรคที่นี้ หมายรวมถึงอะไรบ้างครับ ?
ตอบ : อวัยวะเพศชายกับหญิงสัมผัสกัน ถือว่าขาดความเป็นพระเลย ไม่จำเป็นต้องมีการร่วมเพศ

ถาม : ถ้าเป็นปาก หรือมือ ถือว่าผิดไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นพระเขาเหมาว่าผิดหมด เพราะท่านใช้คำว่าทวารหนัก ทวารเบา ทวารปาก

เถรี
06-06-2018, 19:54
ถาม : สมัยเด็ก ๆ ผมบีบมดเล่นหลายตัวมาก เนื่องจากไม่รู้บาปบุญคุณโทษ ผมเคยอ่านมา แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นพุทธวจนะหรือไม่ เขาบอกว่า ถ้าฆ่าสัตว์ใดต้องไปเกิดเป็นสัตว์นั้น ๕๐๐ ชาติ อยากทราบว่าผมควรจะแก้ไขกรรมอย่างไรดีครับ และข้อความที่ผมบอกมาเป็นความจริงหรือความเชื่อครับ ?
ตอบ : ลองไปเกิดดูก่อน ส่วนใหญ่ก็มาตรฐานนั้นแหละ ๑ ศพ ต่อ ๕๐๐ ชีวิต ถ้าบีบไปหลายตัวก็คูณ ๕๐๐ ไป

เถรี
07-06-2018, 00:32
ถาม : คนที่เก่งไสยศาสตร์ หากเขาต้องการจะเล่นงานใคร แล้วคนนั้นมีพระเครื่องหรือตะกรุดหรือผ้ายันต์คุ้มครองอยู่ เขาจะใช้คาถาคัดของทำลายของก่อน จึงจะเล่นงานคนใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับว่าคนนั้นรู้จักวิธีคัดของไหม นี่คือประการแรก ถ้ารู้ว่าเขามีของดีและรู้วิธีคัดของ เขาก็ควรที่จะทำอย่างนั้นก่อน ส่วนประการที่สองนั้น ขึ้นอยู่กับกำลังของตัวเอง ถ้าหากกำลังตัวเองต่ำ ต่อให้รู้วิธีคัดของก็ทำไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้น..บุคคลที่จะคัดของคนอื่นได้ กำลังสมาธิต้องดีกว่า ต้องสูงกว่า

เถรี
07-06-2018, 00:33
ถาม : กราบเรียนถามที่พระอาจารย์เคยเล่าว่า พระอาจารย์มีดวงอริตกมรณะ ใครตั้งตนเป็นศัตรูเขาก็พังไปเอง โดยที่พระอาจารย์ไม่ต้องทำอะไร กราบเรียนถามว่าต้องทำบุญอย่างไรเป็นพิเศษหรือครับจึงได้อานิสงส์แบบนั้น หรือต้องทำบุญใหญ่แล้วอธิษฐานให้ชนะศัตรูทุกชาติครับ ?
ตอบ : เกิดสักสิบกว่าอสงไขยกัปก็จะได้ไปเอง...!

เถรี
07-06-2018, 00:46
ถาม : พระอาจารย์เคยเล่าว่ากุมารทองเปรียบเสมือนความมืด พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมเปรียบเสมือนความสว่าง
ตอบ : มั่วแล้ว...!

ถาม : พอความสว่างเข้ามาความมืดก็อยู่ไม่ได้ ถ้าบ้านผมมีพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมอยู่ แล้วถ้าเกิดผมบูชากุมารทองหลวงพ่อกวยมา กุมารทองจะอยู่ได้ไหมครับหรือผมไม่ควรนำกุมารทองเอาเข้าบ้าน ?
ตอบ : อุตส่าห์มั่วจนจบได้...! อาตมาพูดว่า ไสยศาสตร์เหมือนกับความมืด พุทธศาสตร์เหมือนกับความสว่าง ถ้าความสว่างมาถึงความมืดก็ต้องถอยไป ไม่รู้ว่าไปฟังที่ไหนมา ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด

วิชาการของหลวงพ่อกวยเป็นไสยศาสตร์ แต่ท่านทำเอาไว้ช่วยคน เพราะฉะนั้น...จึงไม่ได้ค้านกับพุทธศาสตร์ สามารถที่จะใช้งานร่วมกันได้

เถรี
07-06-2018, 00:48
ถาม : พระเครื่อง ตะกรุด ผ้ายันต์ ที่มีคำอาราธนาหรือคาถากำกับ ถ้าเราไม่ได้อาราธนาหรือสวดคาถากำกับแต่พกติดตัว พระเครื่อง ตะกรุด ผ้ายันต์นั้นจะมีอานุภาพคุ้มครองเราไหมครับ ?
ตอบ : มีนิดหนึ่ง เหมือนกับไม่ได้ขอร้องให้เขาช่วย เขาจะช่วยทำไม เขาก็แค่นั่งมองเฉย ๆ ยกเว้นว่าไปเจอคนใจดี ก็อาจจะยื่นมือมาช่วย

เถรี
07-06-2018, 00:56
ถาม : ในปัจจุบันพอจะมีตะกรุดที่ใดบ้างครับที่มีอานุภาพเทียบเท่าหรือใกล้เคียงตะกรุดมหาระงับ, ตะกรุดมหาปราบ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ?
ตอบ : ถ้าสมัยเก่าอย่างตะกรุดมหาโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ตะกรุดมงกุฎพระพุทธเจ้า หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง หรือไม่ก็ตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ หลวงพ่อกุน วัดพระนอน แม้กระทั่งรุ่นหลัง ๆ ก็ตะกรุดมหาระงับของหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ หรือหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราชก็ได้ แต่รุ่นปัจจุบันนี้หาไม่ได้ ท่านที่ทำได้ก็ยังไม่ได้ทำ

เถรี
07-06-2018, 00:59
ถาม : ถ้าผมนำเสียงพระที่ท่านเทศน์มาอัดลงซีดีจำหน่าย จะบาปไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าจำหน่ายเพื่อการกุศล เช่น ตั้งใจให้เขาเอาคำสอนเหล่านั้นไปปฏิบัติก็ไม่บาป ยกเว้นอย่างเดียวว่าวัดนั้นสงวนลิขสิทธิ์แล้วเราไปทำ

เถรี
07-06-2018, 01:03
ถาม : ในสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนว่า ให้ละความชั่ว ทำความดี ทำจิตใจให้ผ่อง การทำจิตใจให้ผ่องใสนั้นทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : เข้าสมาธิสูงสุดเท่าที่จะทำได้ แล้วพิจารณาชำระล้าง รัก โลภ โกรธ หลง ส่วนในใจของเรา ถ้าหากไม่สามารถใช้เฉพาะกำลังสมาธิก็ใช้กรรมฐานคู่ศึก อย่างเช่น จะตัดราคะก็ให้ใช้กายคตานุสติหรืออสุภกรรมฐาน ถ้าจะตัดโทสะให้ใช้พรหมวิหารหรือกสิณสีทั้ง ๔ ถ้าจะตัดโลภะก็ใช้จาคานุสติหรือให้ทานไปเลย

เถรี
07-06-2018, 01:08
ถาม : ตะกรุดหลวงพ่อรุ่นแรก ฝรั่งมาขอเช่าตั้งล้าน ยังสู้ตะกรุดของครูบาอาจารย์รุ่นก่อนไม่ได้หรือคะ ?
ตอบ : ครูบาอาจารย์สมัยก่อนส่วนใหญ่ได้สมาบัติ ๘ สมัยนี้เป็นยุคของวิชชาสามเสียมากกว่า เด็กจบ ม.๓ ย่อมสู้เด็ก จบ ม.๘ ไม่ได้อยู่แล้ว

เถรี
07-06-2018, 01:13
ถาม : ผ้ายันต์ของท่านท้าวเวสสุวรรณ มีโอกาสจะทำอีกไหมคะ ?
ตอบ : ก็แล้วแต่...ถ้าท่านสั่งก็ทำ เพราะว่าพิธีกรรมไม่เหมือนที่อื่น ถ้าใครสังเกตที่เครื่องบวงสรวงจะเห็นว่ามีผ้าแดงใส่พานซ้ายขวา แถมยังมีดินสออยู่ด้วย ฉะนั้น...อะไรที่ท่านสั่งมาไม่ค่อยจะเหมือนคนอื่น ถึงเวลาทำใหม่ก็อาจจะเป็นอีกอย่างหนึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเลียนแบบได้

ถาม : ดินสอที่วางไว้ หมายความว่าอย่างไรคะ ?
ตอบ : ยังไม่ได้ถามท่านเหมือนกัน ท่านว่าอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ตอนแรกก็คิดว่าท่านจะเขียนหวยไว้ให้...! อุตส่าห์ไปดูก็ไม่เจออะไร

เถรี
07-06-2018, 08:47
เรื่องของผ้าในสมัยก่อนเป็นของหายาก เราจะเห็นว่าช่วงปีใหม่สงกรานต์มีการเอาผ้าไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นของแสดงการคารวะ ส่วนเรื่องดินสอนั้นเป็นการใช้เขียนอักขระ โดยเฉพาะตัวหนังสือที่สร้างความรู้ให้แก่พวกเรา จึงนับเป็นตัวแทนแหล่งความรู้ ก็แปลว่านอกจากมีความรู้แล้ว ยังหยิ่งไม่ได้ ยังต้องเป็นบุคคลที่อ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักบูชาบุคคลที่ควรบูชา แล้วบุคคลที่ควรบูชาก็คือบุคคลในผ้าแดง ซึ่งก็คือรูปของท่านท้าวเวสสุวรรณนั่นแหละ

ถึงได้บอกว่าของบางอย่างถ้าเราเข้าถึงเคล็ดลับจริง ๆ จะใช้ได้มากกว่าคนอื่นเขา แบบเดียวกับโทรศัพท์มือถือ ถ้าญาติโยมรู้จักแอพพลิเคชั่นทุกประเภท ก็ใช้งานได้ครบถ้วน ขณะที่บางคนใช้ได้แค่หนึ่งอย่างหรือสองอย่างเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ของคุณภาพเท่ากัน แต่ใช้งานได้ไม่เท่ากัน

เถรี
07-06-2018, 08:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของการจับพระผู้ใหญ่ในคดีเงินทอนนั้น ต้องแยกเป็น ๓ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกคือการเมืองแท้ ๆ เพราะว่าทางรัฐบาล คสช. ตั้งใจจะลงเลือกตั้ง คราวนี้พระผู้ใหญ่ทั้ง ๓ ท่าน มีการคบหาสมาคมใกล้ชิดกับนักการเมืองพรรคที่เขาไม่ต้องการให้โผล่มาอีกเลย ซึ่งก็คือพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะฐานเสียงที่สำคัญของพรรคเพื่อไทยก็คือวัดพระธรรมกาย ซึ่งเขาพยายามล้ม แต่ในเมื่อล้มวัดพระธรรมกายได้แล้ว พระผู้ใหญ่ทั้ง ๓ ท่านนี้ยังมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับวัดพระธรรมกายและนักการเมืองฝ่ายเพื่อไทยอยู่ ดังนั้น...ถ้าหากว่า คสช. ตั้งใจจะเล่นการเมือง ต้องล้มท่านทั้งหลายเหล่านี้ให้ได้ นี่คือประเด็นการเมือง

ส่วนในเรื่องของประเด็นที่ ๒ นั้น เป็นการทำลายล้างกันในระหว่างศาสนา ก็คือศาสนาอิสลามตั้งใจจะทำลายล้างศาสนาพุทธให้ได้ เพื่อเอาประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐอิสลาม พระผู้ใหญ่ทั้ง ๓ ท่านนี้ ท่านแรกก็คือหลวงพ่อพระพรหมเมธี หรือหลวงพ่อเจ้าคุณจำนงค์ ท่านเป็นบุคคลที่ค้านเรื่องของอิสลามสุดตัวอยู่แล้ว โดยเฉพาะว่าบรรยายอยู่เสมอเกี่ยวกับเรื่องนี้

ประการที่ ๒ หลวงพ่อพรหมดิลก ท่านพูดถึงเรื่องภัยของอิสลามมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เตือนสติให้ชาวพุทธรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา

ประการที่ ๓ หลวงพ่อพระพรหมสิทธิ นี่ท่านเตรียมทางถอยให้กับพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ด้วยการสร้างวัดไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะทางยุโรปเพิ่มมากขึ้น ในเมื่อเป็นลักษณะนี้ เมื่อเป็นการทำลายล้างกันทางศาสนา ท่านทั้งหลายเหล่านี้เท่ากับเป็นกำลังหลักของพระพุทธศาสนา จึงต้องทำลายให้ได้"

เถรี
07-06-2018, 08:53
"ส่วนประการที่ ๓ นั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียดายและน่าเสียใจมาก คือเป็นการทำลายล้างกันระหว่างนิกาย ธรรมยุติกนิกายจะเห็นว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีอยู่เสมอ และมหานิกายเป็นพวกที่เลวทรามใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น...ธรรมยุตพยายามที่จะควบคุม โดยเฉพาะมีอำนาจในการปกครองให้เหนือมหานิกายเอาไว้ โดยอ้างความใกล้ชิดกับราชวงศ์

ซึ่งในส่วนนี้ถ้าเป็นการทำลายล้างกันระหว่างนิกาย จะเป็นเรื่องของการตีงูให้กากิน ก็คือถ้าทำลายกำลังหลักที่ช่วยค้ำจุนพระพุทธศาสนาลง ในประเด็นที่ ๒ ที่เป็นการทำลายล้างกันระหว่างศาสนา เท่ากับเราช่วยเขา ในเมื่อเราช่วยเขา เป็นแนวร่วมในลักษณะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เหมือนกับเราทำลายกำแพงป้องกันที่แข็งแกร่งของศาสนาพุทธลง หรือว่าทำลายขุนศึกที่เฝ้าชายแดนด้วยความเข้มแข็งลง เกรงว่าต่อไปธรรมยุตจะหาขุนศึกที่รบกับศาสนาอื่นไม่ได้

ถามว่าท่านเจ้าคุณจำนงค์ คือหลวงพ่อพระพรหมเมธี ท่านก็เป็นธรรมยุต ทำไมท่านโดนด้วย ? ก็เพราะว่าท่านเจ้าคุณจำนงค์ท่านรู้ว่าในเรื่องของพระพุทธศาสนานั้น ถ้ามีนิกายอยู่เป็นความแตกแยก ท่านก็พยายามที่จะประสานโดยเข้ากับมหานิกายให้ได้ จนกระทั่งเขาเรียกท่านว่า ธรรมยุตนอกคอก ในเมื่อเป็นธรรมยุตนอกคอก ในความรู้สึกของธรรมยุตในคอกก็คือ มึงต้องโดนด้วย..!"

เถรี
07-06-2018, 08:57
"ดังนั้น ตามที่อาตมาวิเคราะห์ด้วยปัญญาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตนเอง มองออกว่าเรื่องพรรค์นี้โยงกันอยู่ ๓ ประเด็น แต่ว่าทั้ง ๓ ประเด็นนั้นรวมแล้วเป็นประเด็นเดียว ก็คือต้องทำลายพระพุทธศาสนาให้ได้

เราถึงจะเห็นได้ว่าในส่วนของวันสำคัญทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นช่วงวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา เขาจะตีข่าวเล่นข่าวพวกนี้เสมอ ขอเพียงแค่ญาติโยมรู้สึกว่าพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาทำแต่ความชั่วช้าเลวทราม เป็นที่พึ่งไม่ได้ เขาก็ประสบความสำเร็จแล้ว

โยมสังเกตดูว่าทำไมข่าวออกแต่พุทธอิสระนุ่งขาวห่มขาว แต่ไม่มีรูปหลวงพ่อเจ้าคุณพรหมดิลก ไม่มีรูปหลวงพ่อเจ้าคุณพรหมสิทธิ ไม่มีเจ้าคุณอีก ๕ รูป เพราะว่านั่นคือสิ่งที่เขาอยากให้เราเห็น ทำในลักษณะที่ว่ามีความยุติธรรม ก็คือแม้แต่พวกเดียวกันอย่างพุทธอิสระก็โดน แต่ความจริงลักษณะนั้นเหมือนกับอุยกาย หรือไม่ก็วัสสการพราหมณ์ ยอมให้โดนโบยโดนตีเพื่อที่จะทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามให้ถึงรากถึงโคน ซึ่งลักษณะอย่างนี้เป็นการที่เอาเบี้ยแลกขุน ตัวเองไม่มีอะไรเสียหาย เพราะว่ากลับไปบวชใหม่เมื่อไรก็ได้ ซึ่งก็คือพุทธอิสระ

แต่ว่าบรรดาหลวงพ่อทั้ง ๓ รูป ตลอดจนกระทั่งเจ้าคุณ ถึงเวลาโดนถอดยศ พอไปบวชใหม่กลับกลายเป็นพระใหม่ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่หมด และในส่วนที่น่าเกลียดที่สุดก็คือ แม้กระทั่งฆาตกรฆ่าหั่นศพ หรือว่าบรรดาผู้คนโกงกันเป็นร้อยล้านพันล้าน ถึงเวลายังต้องสู้กันถึง ๓ ศาล ยังมีการให้ประกันตัว แต่พระเราเขาจับถอดผ้าเหลืองเข้าคุกเลย การถอดผ้าเหลืองเอาเข้าคุกของพระนี่ เท่ากับประหารชีวิตทางพระพุทธศาสนา เพราะว่าขาดความเป็นพระไปแล้ว ตายจากความเป็นพระไปแล้ว

ก็ในเมื่อแม้แต่อาชญากรตัวกลั่นเขายังให้โอกาสถึงขนาดสู้กัน ๓ ศาลเป็นเวลาหลายต่อหลายปี แล้วขณะเดียวกันบางทีสู้กันจนถึงศาลฎีกาพิพากษายืนแล้ว ยังมีการถวายฎีกาต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกต่างหาก แต่ความเป็นพระเราไม่มีโอกาสแบบนั้นเลย เขาจับสึกเลย"

เถรี
07-06-2018, 08:59
"เราจะเห็นว่าการทำลายล้างพระพุทธศาสนานั้นรุนแรงมาก ตั้งใจจะกวาดล้างให้พระพุทธศาสนาหมดไปจากประเทศไทย เพื่อเอาอีกศาสนาหนึ่งขึ้นแทนให้ได้ ขอให้ญาติโยมทุกคนตระหนักได้ว่า ภาระของพระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่พระเท่านั้น พระพุทธเจ้าฝากไว้กับพุทธบริษัท ๔ อุบาสก อุบาสิกาอย่างญาติโยมทั้งหลาย ถ้าไม่สามารถช่วยกันค้ำจุนพระศาสนา ไม่เป็นปากเป็นเสียง ไม่ปกป้องพระพุทธศาสนา ลำพังแค่สถาบันพระอย่างเดียวก็เอาไม่อยู่

เพราะนอกจากการทำลายล้างทางการเมือง ยังมีการทำลายล้างทางศาสนา และมีการทำลายกันเองระหว่างนิกายด้วย เรื่องพวกนี้ลึกซึ้งเกินกว่าที่พวกเราจะมองเห็นก็มี แต่อาตมายืนยันว่ามี และมีมานานแล้ว เพียงแต่ว่าปัจจุบันนี้เป็นช่วงระยะเวลาที่มีการใช้อำนาจพิเศษ ก็เลยสามารถที่จะรวบหัวรวบหางจัดการอย่างเด็ดขาดได้ โดยมีการแสดงละครร่วมกัน และขณะเดียวกันสื่อมวลชนทั้งหมดที่เป็นฝ่ายตรงข้าม ก็จะออกข่าวโจมตีแต่ทางด้านพระที่เป็นกำลังใหญ่ในพระพุทธศาสนา"

เถรี
07-06-2018, 09:01
"เราจะเห็นว่าอย่างหลวงพ่อพระพรหมดิลก วัดสามพระยา ไม่ใช่คดีเงินทอน แต่เป็นการที่ท่านขอเงินไปบูรณะ ไม่ได้เอาไปสร้างอาคารในวัด แต่ว่าทางสำนักพุทธฯ นำส่งเงินให้โดยไม่มีหนังสือนำ เป็นเพียงเช็คใบเดียว ท่านเองก็คิดว่าเป็นเงินที่ท่านขอเอาไปสร้างอาคาร ท่านก็เอาไปใช้ ถ้าหากว่าเป็นความผิดก็เป็นแค่ใช้เงินผิดประเภท

โยมจะเห็นว่าเมื่อ ๒ วันก่อนเขามีข่าวออกมาเรื่องคดีโกงเงินคนจน สำรวจดูแล้วว่ามีคนผิดกี่ราย โทษสูงสุดก็คือให้ออกจากราชการ แค่นั้นเอง แต่ของพระกลับติดคุก เพราะฉะนั้น...ในส่วนนี้ถ้าเรารู้จักนำมาพินิจพิจารณาโดยที่ไม่เอาอารมณ์เข้าไปร่วมด้วย เราจะเห็นภาพอะไรที่ชัดเจนมาก

ศาสนาพุทธเราจะอยู่ยากขึ้นเรื่อย ๆ หลวงพ่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดญาณเวศกวัน หรือหลวงพ่อประยุทธ์ ปยุตฺโต บอกเอาไว้นานเป็น ๑๐ ปีแล้วว่า อีกศาสนาหนึ่งถ้ามีคนถึง ๕% เราจะเดือดร้อนมากกว่านี้อีก ปัจจุบันนี้เป็นอย่างนั้นแล้ว

หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ บอกเอาไว้นานแล้วว่า เรื่องของพระศาสนาเราต้องเตรียมทางถอยไว้ที่ต่างประเทศ ทุกวันนี้เหตุการณ์ไม่เกิดขึ้นไม่ใช่แปลว่าจะไม่เกิด แล้วท้ายสุดก็เกิดขึ้นอย่างที่ท่านเตรียมการเอาไว้ บรรดากำลังใหญ่ที่ท่านวางเอาไว้เพื่อค้ำจุนพระศาสนา โดนเขากวาดทีเดียวเกือบหมดวัด

เรื่องพวกนี้ถ้าเราไม่ตระหนักถึงภัยอันตราย ยังเพลิดเพลินเจริญใจอยู่ พระพุทธศาสนาจะสูญสิ้นไปจากเมืองไทย แบบเดียวกับที่หมดไปจากประเทศอินเดีย ค่อย ๆ คิด คิดอะไรได้แล้วก็ทำ อาตมามีหน้าที่เป็นกำลังใจให้ เพราะตัวเองก็ทำจนจะหมดแรงอยู่แล้ว

เมื่อวันที่ ๒๙ นี้ถ้าหากว่าญาติโยมไปวัด จะเห็นว่าทหารไปเป็นชุดเลย เพื่อกดดันไม่ให้เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนพูดอะไรในลักษณะปลุกระดมญาติโยม"

เถรี
07-06-2018, 09:04
"ตอนนี้ที่เขาตีข่าวใหญ่ทางพระพุทธศาสนามีจุดมุ่งหมายอยู่อย่างหนึ่งก็คือ จะออกกฎหมายใหม่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่อิสลาม กฎหมายนี้ดุเดือดมาก ก็คือจังหวัดไหนมีสุเหร่า ๓ แห่ง จังหวัดนั้นสามารถตั้งคณะกรรมการอิสลามกลางประจำจังหวัด ประจำอำเภอ ประจำตำบลได้

แล้วคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัด มีหน้าที่ให้คำแนะนำผู้ว่าราชการจังหวัดว่าควรจะทำอะไร คณะกรรมการกลางอิสลามประจำอำเภอ เป็นคณะที่ปรึกษาให้คำแนะนำว่านายอำเภอควรจะทำอะไร และคณะกรรมการกลางอิสลามประจำตำบล มีหน้าที่ให้คำแนะนำว่ากำนันต้องทำอย่างไร

ช่วงนี้ที่เขาตีข่าวทางพระพุทธศาสนาให้ดังมาก ๆ เพื่อจะกลบกฎหมายเหล่านี้เสีย แล้วกฎหมายอีกอย่างหนึ่งที่จะออกมาก็คือ กฎหมายฉบับใหม่ที่จะล้มล้างมหาเถรสมาคมและการปกครองคณะสงฆ์ เป็นฆราวาสร่างกฎหมายปกครองพระ

อาตมาเองก็ยังนึกขำอยู่ว่า นี่ถ้าเขาให้พระร่างกฎหมายปกครองทหารตำรวจบ้างจะเป็นอย่างไร ? อย่างเช่นว่า ถ้าหากว่าจะเป็นทหารตำรวจต้องถือศีล ๒๒๗ ข้อ ต้องห้ามมีเมีย จะรับได้ไหม ? เพราะว่าเอาคนที่ไม่รู้เรื่องในวงการนั้นไปร่างกฎหมายให้เขาปฏิบัติตาม ก็คนที่ร่างบางคนบวชยังไม่เคยบวชเสียด้วยซ้ำไป แล้วโดยเฉพาะถ้าหากว่าเป็นคณะ สนช. ๘๔ คนเป็นอิสลามชัด ๆ ไป ๖๓ คน แล้วที่เป็นโดยแฝงอยู่แล้วเราไม่รู้อีกตั้งเท่าไร แล้วมาร่างกฎหมายปกครองพระ ก็เท่ากับกดดันและบีบคั้นให้พระอยู่ยากขึ้นไปเรื่อย ๆ

สรุปง่าย ๆ ว่า ต่อไปพระหายใจก็ผิด ต้องเลิกหายใจเท่านั้น ดังนั้น...เรื่องที่เขาตีข่าวใหญ่ในพระพุทธศาสนา ส่วนใหญ่แล้วเขามีเป้าหมายหลายอย่างด้วยกัน ทั้งทางด้านการเมือง ทั้งทางด้านศาสนา และทั้งการออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายของตนและทำลายล้างศาสนาพุทธ เรื่องพวกเราจะต้องรู้เท่าทัน"

เถรี
07-06-2018, 09:05
"เราจะเห็นว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผ่านมา ที่ออกกฎหมายแล้วให้ประชาพิจารณ์ภายใน ๙๐ วัน แต่ก็ตีข่าวใหญ่ขึ้นมาเพื่อกลบเสีย จนกระทั่งเราลืมไปหมดแล้วว่ากฎหมายที่ออกมาคืออะไร เรื่องพวกนี้ลึกซึ้งมาก เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามระดมด็อกเตอร์ ๓๐๐ กว่าคน ปรับแผนยุทธศาสตร์กันทุกอาทิตย์ เพื่อครองประเทศไทยให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

น่าเสียดายที่ว่าพุทธศาสนิกชนของเรา นอกจากรู้ไม่เท่าทันแล้วยังเป็นแนวร่วมให้เขาโดยไม่รู้ตัว แค่ถึงเวลามีข่าวคุณออกมาด่าพระ เขาก็ประสบความสำเร็จแล้ว และการอวดดีอวดฉลาดด่าพระโดยไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก เป็นการแสดงความโง่ในสายตาของอาตมา ท่านทั้งหลายเหล่านี้ต้องบอกว่าเป็นแนวร่วมชั้นดีในการทำลายพระพุทธศาสนา ด้วยความภาคภูมิใจว่าตัวเองทำดีทำถูก

พวกเราต้องระมัดระวังและมีความสามัคคีเหนียวแน่น แสดงออกในการปกป้องพระพุทธศาสนาให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นศาสนาพุทธที่บรรพบุรุษของเราเอาเลือดเนื้อและชีวิตปกป้องรักษา เพื่อให้ตั้งอยู่ในแผ่นดินไทย จะสูญสิ้นไปในรุ่นของเรานี่เอง"

เถรี
07-06-2018, 09:10
"โดยปกติปัจจุบันนี้แม้กระทั่งในคณะพระอุปัชฌาย์รุ่น ๕๑ ในสังกัดคณะสงฆ์หนกลาง ๒๓ จังหวัดที่อาตมาเป็นประธานอยู่ ถึงเวลาก็ออกมาโวยวายกันในลักษณะที่ว่าทำอย่างนี้ได้อย่างไร ? เราจะสู้เขาได้อย่างไร ? โดยที่ไม่ได้มีความคิดแนวทางอะไรในการที่จะต่อสู้ออกมาเลย

จนกระทั่งอาตมาต้องบอกว่า "แล้วทำไมไม่รู้จักหาข่าวดี ๆ มาสู้กับเขาบ้าง ?" เราทำอะไรมี Facebook มี LINE มีเว็บไซต์ใส่ลงไปให้มาก ๆ ให้ญาติโยมเขาได้รู้จักว่าพระในพระพุทธศาสนาของเราทำความดีอะไรบ้าง วิสาขบูชาที่ผ่านมาอาตมาเพิ่งให้ทุนการศึกษาไป ๑๒ โรงเรียน ถ้าหากว่านับเป็นตัวเงินก็เป็นล้าน ข่าวเหล่านี้เคยมีออกไหม ?...ไม่มี

ปัจจุบันนี้การออกข่าวทางสื่อโซเชียลเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเรา เพราะฉะนั้นในเมื่อทางสื่อหลัก ๆ อย่างหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เขาไม่ออกให้ หรือที่เขาบอกว่าข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีต้องเสียเงิน เราเองในฐานะพุทธศาสนิกชน เราก็ช่วยกันออกสิ ลง Facebook ของเราแล้วแชร์กันไปก็ได้ ลง YouTube ก็ได้ ถ้าหากว่าลง YouTube กลัวต่างประเทศไม่รู้ ก็ใส่ซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษไปด้วยก็ได้

เป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินกำลังที่พวกเราจะทำ จะได้รู้ว่าพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาของเราจริง ๆ แต่ละปีสร้างสิ่งที่ดีมากมายมหาศาล แต่ว่าเราไม่เห็น ไม่ยกย่อง ไม่สรรเสริญ แต่พอมีสิ่งที่เขาบอกว่าไม่ดีออกมานิดเดียว เราช่วยกันรุมถล่ม ก็กลายเป็นเราทำตัวเป็นคนพังรั้วบ้านให้โจรปล้นบ้านเราเอง ก็แบบเดียวกับที่ว่าการโกงเงินคนจนให้ออกจากราชการ ถ้าหากว่าพระท่านทำจริงก็คือให้ออกจากตำแหน่งหน้าที่ที่ท่านบริหารอยู่ แต่คราวนี้กลายเป็นว่าพระของเรายังไม่ทันจะตัดสินว่าผิดหรือถูก เขาก็เอาเข้าคุกไปแล้ว

เขาพยายามที่จะทำให้พวกเราหวั่นไหว สงสัย ลังเล ในตัวบุคคลที่เราเคยเคารพเลื่อมใส แล้วท้ายสุดก็กลายเป็นหมดความเคารพนับถือในพระพุทธศาสนาไปด้วย ดังนั้น...อาตมาถึงได้ดุเพื่อนพระอุปัชฌาย์ไป บอกว่าให้สร้างข่าวดี ๆ ขึ้นมาสู้กับเขา เขาก็บอกว่าข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียเงิน อาตมาบอกว่าของตูไม่เห็นต้องไปจ้างเขาลง ถ้าคิดว่าคุณทำอยู่ในระดับที่ดีพอ เขาจะต้องมาง้อเอาข่าวไปลงเองนั่นแหละ"

เถรี
07-06-2018, 09:12
"เรื่องของพุทธอิสระ ซึ่งปัจจุบันก็คือนักโทษชายสุวิทย์ ทองประเสริฐ เราสามารถมองเป็น ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือท่านเสียสละตัวเองเพื่อจะล้มล้างฝ่ายตรงข้าม ก็คือทำให้รัฐบาลดูดีว่า ไม่ได้จัดการเฉพาะฝ่ายพระมหาเถระเท่านั้น แม้กระทั่งฝ่ายเดียวกันถ้าทำไม่ดี ทำไม่ถูกก็โดนด้วย นี่คืออย่างที่หนึ่ง

ส่วนอย่างที่สองก็ตรงกับภาษิตจีนที่ว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล กลายเป็นว่า ตอนที่ต้องการใช้งานก็ปล่อยท่านเอาไว้ กี่ปีกี่ชาติก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากว่าไม่ใช้งานเมื่อไรลุยจับทันที ซึ่งลักษณะการบังคับใช้กฎหมายแบบนี้ ในความรู้สึกของอาตมาขอบอกว่าทุเรศมาก แต่เขาก็ทำกันเป็นปกติ

ในเมื่อเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไร เราก็อย่าไปเสียอารมณ์ทุเรศกับเขาเลย แล้วเราจะเห็นว่าบรรดาข่าวทางหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ จะออกข่าวแต่ด้านพุทธอิสระที่โดนจับกุมคุมขังอยู่ในชุดนักโทษ แต่จะไม่มีข่าวทางด้านพระมหาเถระ เพราะว่าต้องการเอามาลดกระแสความไม่พอใจของพุทธศาสนิกชน เพราะว่าถ้าบุคคลที่ทางด้านลูกศิษย์ลูกหามั่นใจว่าท่านไม่ได้ทำผิด แต่ว่าโดนใส่ร้าย โดนให้ร้าย โดนทำลายล้าง ทั้งทางการเมืองและทางศาสนา ก็เกรงว่ากระแสความไม่พอใจของลูกศิษย์จะกลายเป็นการปลุกระดมมวลชนขึ้นมา จึงไม่ให้ออกข่าว

แต่ทางด้านของพุทธอิสระนี้ที่ให้ออกข่าว เพื่อลดกระแสความไม่พอใจลงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยที่ทางด้านรัฐบาลออกมากล่าวคำขอโทษในลักษณะว่าทำการรุนแรง แต่จริง ๆ แล้วในส่วนที่ออกมาขอโทษ ก็คือละครการเมืองอย่างหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งถ้าเรามีความเข้าใจตรงจุดนี้ก็จะไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าแปลกใจ"

เถรี
07-06-2018, 09:13
"เรื่องของทางด้านพระมหาเถระทุกรูปก็ดี ทางด้านพุทธอิสระก็ดี เมื่อเรื่องราวเกิดขึ้นเป็นเครื่องวัดกำลังใจของพวกเราเป็นอย่างดีว่า รัก โลภ โกรธ หลง ของพวกเรามีมากแค่ไหน ? มีโกรธ มีน้อยใจ มีเสียใจ มีหดหู่ มีเศร้าหมองหรือไม่ ? เป็นการวัดกำลังการปฏิบัติธรรมของเรา หรือว่าดีใจ สะใจ ที่เห็นอีกฝ่ายหนึ่งติดคุก ถ้าลักษณะนั้นก็แปลว่ากำลังใจของเราใช้ไม่ได้

ทำอย่างไรถึงจะทำให้กำลังใจของเราอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ยินดียินร้าย พยายามมองให้เห็นว่าเป็นวาระกรรม อย่างที่หลวงพ่อพรหมดิลกท่านใช้คำว่า น่าจะหมดบุญของท่านแล้ว เป็นต้น"

เถรี
07-06-2018, 09:15
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนอาตมาอุ้มถุงใส่เม็ดเงิน ๓๒ กิโลกรัมกว่า อุ้มมือเดียวอีกมือหนึ่งก็ปิดประตูรถ พระท่านก็วิ่งเข้ามาด้วยความหวังดี “หลวงพ่อครับ..ผมช่วย” ถามว่า “แน่ใจนะ ?” ท่านบอกว่าแน่ใจ “ถ้าแน่ใจ..ก็เอาไปเลย” พอรับไปท่านก็หัวทิ่มไปพร้อมกับถุงเลย"

เถรี
08-06-2018, 09:22
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของพระ เรื่องของพรหม เรื่องของเทวดา อาตมาขอยืนยันว่ามีจริง และพบมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว สิ่งต่าง ๆ ที่ท่านบอก ที่ท่านกล่าว เป็นไปตามนั้นจนเลิกสงสัยมานานสิบปีแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านบอกอะไร อาตมาทำตามอย่างเดียว

สมัยก่อนมีรุ่นน้องคือทิดชาติชาย พอถึงเวลาอาตมาก็บอกว่าพระท่านบอกอย่างนี้ ให้ทำอย่างนี้ หลวงพ่อบอกอย่างนี้ ให้ทำอย่างนี้ ท่านย่าบอกอย่างนี้ ให้ทำอย่างนี้ ท่านก็มาซักรายละเอียดกับอาตมาว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? ทำไมถึงไม่เป็นอย่างนี้ ? อาตมาก็บอกว่า "กูไม่รู้" ทิดถามว่าทำไมถึงไม่รู้ ? "ก็กูไม่สงสัย กูเลยไม่ถาม" เพราะฉะนั้น...ถ้าใครสงสัยก็ไปถามท่านเอง

ตัวสงสัยอย่าลืมว่าเป็นส่วนของวิจิกิจฉา ในเมื่อลังเลสงสัยก็ทุ่มไม่เต็มร้อย ในเมื่อทุ่มเทไม่เต็มร้อยโอกาสจะได้ผลมากก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ เราจะเห็นว่าการทำสิ่งเดียวกัน ทำไมคนหนึ่งทำแล้วได้ผลมากกว่า เพราะว่าเขาทุ่มเทเต็มร้อย ขณะที่เราเองลงแรงไปไม่ถึงครึ่ง"

เถรี
09-06-2018, 16:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการปฏิบัติธรรม ก็คือการที่เราปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ว่าให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลส

คราวนี้การปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ เราจะเข้าใจว่าเป็นการนั่งสมาธิ ซึ่งก็ยังดีที่เข้าใจเช่นนั้น เพราะว่าถ้าอย่างน้อยกำลังสมาธิทรงตัว ก็กดกิเลสลงได้ชั่วคราว ทำให้สภาพจิตของเราผ่องใสไประยะหนึ่ง ถ้าไม่ได้ทำต่อเนื่อง ถึงเวลากิเลสตีกลับก็มัวหมองใหม่ แต่ถ้าทำได้ต่อเนื่องยาวนาน สภาพจิตยิ่งผ่องใส ก็จะเกิดปัญญาเห็นว่า จะชำระกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง แต่ละตัวให้หมดไปอย่างไรบ้าง

ดังนั้น การที่เรามาปฏิบัติธรรม อันดับแรกเลยก็คือ สร้างความดีให้เกิดขึ้นในใจของเรา หลังจากนั้นก็เพิ่มความดีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เหมือนกับเติมน้ำจืดลงในน้ำเค็ม ถ้าเติมมากพอ น้ำเค็มไม่ได้หายไปไหน แต่รสเค็มไม่ได้ปรากฏ เพราะว่าน้ำจืดมีปริมาณมากกว่า พอถึงเวลาทำไปแล้วก็กลายเป็นความดีเฉพาะตัว

ความดีเฉพาะตัวเขาเรียกว่า คุณธรรม พอเรามีความดีเฉพาะตัวเวลาไปไหนคนเขาเห็นว่าเรามีศีลมีธรรม ก็ให้เกียรติยกย่อง คนที่อยากเป็นแบบนั้นบ้างก็ทำตาม การที่คนอื่นเลียนแบบทำตาม เขาเรียกว่า จริยธรรม

จะเห็นได้ว่าในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรมนั้น ศีลธรรมต้องมาก่อน ปฏิบัติตามศีลตามธรรมจนเกิดความดีเฉพาะตัวจนเกิดเป็นคุณธรรม เมื่อคนอื่นเห็นว่าความดีเป็นสิ่งที่ดี อยากทำตาม เมื่อเริ่มมีคนทำตามก็เป็นจริยธรรม เป็นแบบอย่างแก่เขาได้"

เถรี
09-06-2018, 20:23
"บางทีฟังมานานแต่เราก็แยกไม่ออก ประสิทธิภาพกับประสิทธิผลก็แยกไม่ออก ประสิทธิภาพคือความสามารถที่จะทำงานให้สำเร็จ ประสิทธิผลคืองานที่สำเร็จนั้นดีแค่ไหน ทำไมเวลาฟังคนอื่นพูดแล้วไม่รู้เรื่อง ฟังอาจารย์พูดแล้วง่ายนะ ?

พรุ่งนี้เป็นต้นไป อาตมาต้องเข้าสู่วงจรเดิม ๆ คือไปสอนนิสิต ซึ่งโดนนิสิตเรียกร้องมากขึ้น ๆ อย่างพรุ่งนี้ก็สอน ๕ ห้อง ๑๐ ชั่วโมง เหตุที่นิสิตเขาเรียกร้องมากขึ้น เพราะเขาบอกว่าเวลาอาจารย์พูดแล้วเข้าใจง่าย แต่เวลาอาจารย์ท่านอื่นพูดแล้วอาจารย์เองก็ยังไม่เข้าใจ อาตมาขอยกตัวอย่างท่านเจ้าคุณโสภณกาญจนาภรณ์ ท่านบอกว่า "อาจารย์เล็ก...ช่วยสอนวิสุทธิมรรคศึกษาแทนผมทีเถอะ ผมเองยังอ่านไม่เข้าใจเลย แล้วผมจะไปสอนให้ลูกศิษย์เข้าใจได้อย่างไร ?"

วิสุทธิมรรคศึกษาต้องแปลไทยเป็นไทยย้อนหลายชั้น เพราะว่าเป็นคำไทยเก่า ๆ ถ้าหากว่าเรายังไม่เข้าใจความหมาย พอถึงเวลาไปอธิบายให้คนอื่นเข้าใจย่อมเป็นไปไม่ได้"

เถรี
10-06-2018, 09:36
พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณเข้าใจคำว่า ติดหลังแห ไหม ? ส่วนใหญ่พวกเราไปใช้คำว่า ติดร่างแห ติดหลังแหก็คือปลาดวงซวย ถึงเวลาเขาเหวี่ยงแห พอแหคลุมลงไป ปลาก็จะติดขึ้นมา แต่ตอนที่เขาชักขึ้น ปลาดวงซวยดันติดหลังแหด้านนอกขึ้นมา นั่นแหละ...แบบพวกที่ไปนอนอยู่ข้างวงไพ่ พอตำรวจจับคนเล่นไพ่ ตัวเองก็โดนไปด้วย...ทำนองนั้น"

เถรี
10-06-2018, 09:40
ถาม : ถ้าอยากให้ผอมต้องดื่มน้ำร้อนทั้งวันหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : งานวิจัยของคุณหมอเขาบอกว่า ให้ดื่มน้ำร้อนให้ได้วันหนึ่งประมาณ ๔ ลิตร แต่ว่าแก้วหนึ่งให้จิบให้นานที่สุด โดยอุณหภูมิสูงที่สุดเท่าที่เราทนได้ พอจิบลงไปเรื่อย ๆ อุณหภูมิร่างกายจะร้อนเหมือนตอนที่เราออกกำลังกาย ระบบร่างกายของเราพอร้อนถึงระดับหนึ่ง ก็จะเตือนให้ร่างกายผลาญแคลอรี

ก็คือตอนเราออกกำลัง ร่างกายต้องการพลังงานไปเพื่อจะใช้ในการออกกำลัง แต่น้ำร้อนเป็นตัวหลอกให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น แล้วระบบร่างกายก็จะคิดว่าจะเป็นการออกกำลัง ต้องการใช้พลังงาน ก็จะช่วยผลาญแคลอรี่ให้ เพราะฉะนั้น...ลองเปลี่ยนนิสัยดู ทำให้ได้อย่างที่คุณหมอเขาว่า แต่ต้องยอมรับนะ...หมออายุ ๕๐ กว่าแล้ว ยังสูงระหงทรงเพรียวหุ่นเรียวชะลูดอยู่เลย

วันละ ๔ ลิตรไหวไหม ? ความร้อนสูงที่สุดเท่าที่เราทนได้ แล้วจิบยาว ๆ อย่าไปอึกเดียวหมด เขาต้องการคงอุณหภูมิในร่างกายเราให้นานที่สุด เพื่อหลอกร่างกาย

อาตมาก็มานึกถึงตัวเองว่า ที่เราผอมอยู่ทุกวันนี้เป็นคงจะเพราะน้ำร้อนนี่แหละ แล้วที่เป็นอย่างนี้ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะทำให้ผอม แต่เกิดจากว่าเป็นมาลาเรียแล้วโดนน้ำเย็นไม่ได้

เป็นผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ไปทั่วโลก ก็ถือว่าได้รับการรับรองแล้ว ในวงการแพทย์เขาฮือฮากันใหญ่

เถรี
10-06-2018, 09:47
คุณหมอพิพิธพรน่ารักมาก ทำบุญตลอด หมอเกรียงศักดิ์สามีก็ประเภทภรรยาว่าอะไรก็ว่าตามกัน ถวายที่ดินที่เชียงราย ๒๐๐ กว่าไร่ให้หลวงพ่อเยื้อน ขนฺติพโล คุณหมอก็บอกว่า “ที่สวยมากนะคุณ แบ่งไว้สักนิดไม่ได้หรือ ?” หมอพิพิธพรบอก ว่า ไหน ๆ ก็ถวายแล้ว ก็ถวายทั้งหมดนั่นแหละ ตกลงก็ยกถวายไปหมดเลย

นี่กำลังเลี้ยวมาจะหาให้พระอาจารย์เล็ก อาตมาบอกว่าไม่ต้องหาภาระมาเลย ขนาดที่ของคุณนิรันดร์ที่เชียงรายยังไม่กล้ารับเขาไว้ เพราะว่าเวลารับไว้เขาก็จะให้หาพระไป ตอนนี้ทางเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิขอเจ้าอาวาสมาอีก ๒ ราย ยังไม่มีปัญญาหาให้เขา เดี๋ยวกลับไปค่อยไปประชุมว่าใครจะดวงเฮง เดี๋ยวคงต้องให้ปลัดนก (พระปลัดคมสันต์ ธมฺมรโส)ดวงเฮงสักวัดหนึ่ง

เถรี
10-06-2018, 09:50
เมื่อวานนี้อาตมาไปเผาศพแม่ของท่านปลัดนกที่วัดป่ากลางทุ่ง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ตอนกลางเดือนพฤษภาคมน้องชายของท่านตาย พอถัดมาอีกไม่ถึงอาทิตย์แม่ตาย เมื่อวานตอนไปเผา “อาจารย์ครับ ขออนุญาตลาต่อนะครับ เมื่อวานย่าผมตาย..!” ๓ ศพติดกัน ก่อนจะขึ้นเมรุท่านก็มาถาม “ตกลงนี่ผมเผาได้ไหม ?” อาตมาบอกว่า “เผาไปเถอะ ถ้าเป็นอาถรรพ์ว่าเผาแล้วจะตายต่อ ๆ กัน ก็เผาให้หมดบ้านไปเลยแล้วกัน”

ที่เขาห้ามคือคนเป็นพ่อเป็นแม่ ห้ามว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่าไปเผาลูก ถ้าเผาแล้วจะได้เผาอีก เป็นความเชื่อของเขาอย่างนั้น นี่ตัวเองเป็นลูกจะเผาแม่ก็เผาไปเถอะ ก็มีแม่อยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ ไม่มีอีกหรอก ยกเว้นว่าใครเป็นแม่บุญธรรมก็เผาต่อไปเลย

การที่เจอเหตุการณ์หนัก ๆ แบบนี้ คนในบ้านตายที ๓-๔ ศพติด ๆ กัน ถ้าหากว่าผ่านไปได้ จะเป็นการเจริญเติบโตทางจิตอย่างหนึ่ง ก็คือสภาพจิตรับการกระทบขนาดนี้ได้ เหมือนกับเป็นการตื่นรู้และยกระดับจิตของตัวเองขึ้นไป ต่อไปจะมั่นคงมาก ถ้าขนาดคนใกล้ชิด ๓ ศพ ๔ ศพยังเฉย เรื่องอื่นก็เรื่องเล็กแล้ว

เถรี
10-06-2018, 22:35
มีโยมถวายมะม่วงเขียวเสวยยักษ์ "อาตมาถึงได้ว่ารู้จักต้นไม้กับรู้จักพระเครื่องก็เหมือนกัน จะมาลูกใหญ่ ลูกเล็ก ลูกบิด ลูกเบี้ยวอย่างไร เรามองก็รู้ว่านี่คือเขียวเสวย แต่โยมมองแล้วไม่แน่ใจ "มะม่วงอะไรวะ..ใหญ่จัง ?" เรื่องของพระเครื่องหรือบรรดาเครื่องรางก็เหมือนกัน พอเราดูเป็นดูออกแล้ว ชิ้นต่อไปก็เหมือน ๆ กัน"

เถรี
10-06-2018, 23:12
ถาม : โบสถ์มีรูปแบบตายตัวไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี จริง ๆ แล้ว สมัยโบราณไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าเป็นจุดที่กำหนดว่าให้ทำสังฆกรรมได้ ก็จะส่งพระออกไป ๘ ทิศ ในระยะที่เพียงพอต่อการที่พระส่วนใหญ่นั่งทำสังฆกรรมรวมกัน แล้วก็สวดถามว่าแต่ละทิศมีอะไรเป็นเครื่องหมาย ? เมื่อยืนยันกลับมาแล้วก็จดจำไว้ว่า ทิศนี้มีอย่างนี้เป็นเครื่องหมาย ๆ ครบทั้ง ๘ ทิศแล้วก็ทำสังฆกรรมได้

พอมาระยะหลังมีการสร้างเป็นอาคารถาวรขึ้นมา ก็แล้วแต่ว่าศิลปะของแต่ละสถานที่เป็นอย่างไร จะสร้างแบบไหนก็ได้ แต่ส่วนสำคัญก็คือต้องมีสีมา ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือที่ปัจจุบันเราเรียกว่าลูกนิมิต

ดังนั้นแบบไม่ตายตัว สร้างแบบไหนก็ได้ เล็กที่สุดต้องบรรจุพระได้อย่างน้อย ๒๑ รูป ใหญ่ที่สุดไม่เกิน ๓ โยชน์ ก็คือห้ามกว้างเกิน ๔๘ กิโลเมตร ที่กว้าง ๔๘ กิโลเมตร ส่วนใหญ่เขาเรียกว่า คามสีมา พูดง่าย ๆ ว่าทั้งหมู่บ้านหรือว่าทั้งเมืองเลย จะเป็นเขตสีมาหมด นั่นหมายความว่าถ้าพระพุทธเจ้าเสด็จแล้วพระตามไป ๒๐๐,๐๐๐ รูปอะไรอย่างนี้ ก็คงได้ปิดบ้านปิดเมืองเพื่อทำสังฆกรรมกันเลย

ถาม : แล้วที่ผ่านมาในพระไตรปิฎกมีแบบนี้ไหมครับ ?
ตอบ : เต็มที่ก็ ๒๐๐,๐๐๐ รูป เคยมีมาแล้ว

ถาม : โบสถ์ควรจะมีกี่ชั้นคะ ?
ตอบ : กี่ชั้นก็ได้ แต่ถ้าทำสังฆกรรมควรจะให้คนที่อยู่ข้างล่างออกไปเพื่อความแน่นอน เพราะว่าบางคนเขาลังเลสงสัย

ถาม : แล้วในช่วงที่ไม่มีสังฆกรรม สามารถเข้าไปใช้งานใต้โบสถ์ได้ไหม ?
ตอบ : จะทำอะไรก็เชิญ ถ้าทางฝั่งพม่าโบสถ์นี่ก็คือที่พัก ทางฝั่งพม่าไม่ให้ความสำคัญกับโบสถ์ ทั้ง ๆ ที่โบสถ์เป็นที่ทำสังฆกรรมทั้งหมด เขาจะให้ความสำคัญกับศาลารับแขก ก่อสร้างทุกอย่างเสียหรูหราสุด ๆ จนกระทั่งเขาสรุปว่าเอาไว้อวดแขก ส่วนโบสถ์อย่างไรก็ได้

เถรี
10-06-2018, 23:23
ถาม : ช่วงงานกฐินเราถวายแต่เงิน ไม่ได้เอาผ้าไตรไป จะได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ได้ ก็เท่ากับว่าเราร่วมกองบุญไป อย่าลืมว่าเขาใช้คำว่า กะฐินะจีวะระทุสสัง ผ้าจีวรสำหรับกรานกฐิน แล้วคราวนี้ยังมีบริวารอีก ที่เราถวายเงินไปก็คือบริวารกฐิน

ถ้าไม่มีผ้าไตรแล้วที่วัดไหนเขามี เราก็ไปบูชาที่วัดแล้วถวายร่วมไป กะฐินะจีวะระ ก็คือจีวรสำหรับกฐิน ทุสสัง คือผ้า ผ้าจีวรสำหรับกรานกฐิน

เถรี
11-06-2018, 20:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "ต้องยอมรับว่าท่านอาจารย์สุชาติท่านปั้นแบบพระได้งามจริง ๆ ตอนนี้ที่กำลังเล็งอยู่ก็คือว่า น่าทำองค์เล็กแบบนั้นมากเลย แต่คราวนี้สำคัญตรงที่ว่า เราเอารูปถ่ายไปให้ทางโรงงาน เขาจะทำได้ไหม ? เพราะว่าถ้ารอองค์จริงมาแล้วค่อยสแกนย่อนี่ลำบากเลย

เรื่องวันเวลาส่วนตัวของอาตมานี่หายากมาก ตอนแรกกำหนดไว้ว่าจะเปิดบันไดขึ้นสักการะรอยพุทธบาทวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๑ เพราะช่างเขาบอกว่าจะส่งงานได้หลังวันวิสาขบูชา ปรากฏว่าช่างเขาส่งงานได้ก่อน แต่คราวนี้ก่อนที่ช่างจะส่งงาน ช่วงที่จะเสร็จครึ่งไม่เสร็จครึ่ง คนก็ขึ้นสักการะพระพุทธบาทกันจังเลย ก็เลยคิดว่าถ้าช่างเขาทำความสะอาดเรียบร้อยเตรียมส่งงาน ถ้าเราไม่รีบเปิดก่อน คนขึ้นได้นี่เละเป็นโจ๊กแน่ ก็เลยหาวันที่ใกล้เคียงที่สุด ในเมื่อเขาส่งงานได้ ๒๓-๒๕ พฤษภาคม โดยประมาณ เราก็เปิดขึ้น ๒๗ พฤษภาคมไปเลย ก็คือเอาก่อนวิสาขบูชาไปเลย จึงไปทำพิธีเปิดค่อนข้างฉุกละหุก ญาติโยมปลีกตัวไปได้จะว่าน้อยก็ไม่น้อยนะ เพราะว่าเตรียมเก้าอี้ไว้ ๓๐๐ ตัวก็ยังไม่พอให้เขานั่ง

คราวนี้วันเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะเปิดบันไดรอยพระพุทธบาทนั้นเป็นวันว่างวันเดียว ก็ปรากฏว่าหลวงพี่เอท่านส่งรูปปั้นแบบหลวงพ่อทองคำมาให้ บอกว่า "เสร็จแล้วครับ จะหล่อเมื่อไร ?" อ้าว...ก็วันนั้นแหละ วันที่ ๒๓ มิถุนายน มีเหลืออยู่วันเดียว ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ธรรมะจัดสรร ไม่อย่างนั้นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปหล่อช่วงไหน"

เถรี
11-06-2018, 20:05
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาจะรับเม็ดเงินเฉพาะช่วงสามวัน ศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์นี้ พอวันอาทิตย์รวบรวมแล้ว เดี๋ยวจะถามทางด้านท่านอาจารย์สุชาติว่าประมาณน้ำหนักเงินไว้เท่าไร แล้วจะซื้อเพิ่มให้ได้ตามนั้น

ต้องบอกว่าใครที่เขาสร้างบุญไว้ดี ถึงเวลาก็จะได้ทำเอง อยู่ไกลแสนไกลเขาก็ฝากกันมา อยู่ต่างประเทศอะไรก็ฝากกันมา แต่ในประเทศของเราโดยเฉพาะใกล้ ๆ วัดนี่ บางทีหล่อเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วค่อยมาถามว่าหล่อหรือยัง ? คนเขามาจะเหยียบกันตายค่อยมาถามว่าหล่อพระหรือยัง ? ไม่ได้ลืมตาดูโลกกับเขาเลย"

เถรี
11-06-2018, 21:12
พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนนี้ผู้ดูแลห้องสมุดวัดท่าขนุนตกบันไดบาดเจ็บ นอนอยู่โรงพยาบาล คือ เรื่องที่ท่านตกบันไดเป็นอะไรที่น่าพูดถึงอยู่หลายประเด็น ประเด็นแรกก็คือสี่ทุ่มกว่าท่านโทรเข้ามา อาตมาตื่นขึ้นมาก็ถามว่า “ใคร ?”
“แบงค์ครับ แบงค์ตกเขาไม่รู้อยู่ตรงไหน มืดมากเลยครับ เลือดออกมากด้วย”
อาตมาฟังเสร็จก็ “ใครนะ ?”
“แบงค์ครับ พระทรงพลครับ หลวงพ่อ”
“ทรงพลตกเขาเองใช่ไหม ?”
“ใช่ครับ”

ที่น่าตายที่สุดคือท่านพูดไม่ได้มีอารมณ์เลย ประเภททรงอารมณ์นิ่งมากเลย เหมือนอย่างกับคนอื่นตกเขาไม่ใช่ตัวเอง นั่นคือลักษณะของคนที่ปฏิบัติสมาธิ พอถึงเวลาฉุกเฉินแล้วกำลังใจรวมตัว เป็นอะไรที่ขำ ๆ

แต่คราวนี้วันนั้นวันวิสาขบูชา อาตมาทอดผ้าป่าช่วยกิ่งกาชาดทองผาภูมิ ท่านนายอำเภอว่าที่ร้อยตรีสุจินต์ ศรีวิเชียรท่านเป็นหวัด เอาไมค์ไปพูด พอรับไมค์คืนมาก็ติดหวัด คืนนั้นก็รีบฉันยาแล้วก็นอน ปรากฏว่าสี่ทุ่มกว่าฝนกำลังกระหน่ำทั้งฟ้าเลย ท่านแบงค์โทรมาก็ต้องออกไปกู้ภัย สรุปก็คือวิ่งไปเรียกพระ ปรากฏว่าส่วนใหญ่ก็เพิ่งจะวางผางประทีป เก็บผางประทีปกันหน้ามืดตาลายเพิ่งจะนอน ตะโกนเรียกไม่มีใครได้ยิน ทุบประตูเรียกไม่มีใครได้ยิน เปิดประตูเข้าไปเอาไฟส่องหน้าก็ไม่ตื่น

ท้ายสุดก็เรียกจนกระทั่งท่านโส (พระศรายุทธ์ ปณฺฑิโต) ตื่นขึ้นมารูปหนึ่ง ก็บอกว่า “คุณปลุกพวกเราสัก ๔-๕ รูปไปช่วยผมหน่อย ท่านแบงค์ตกเขาอยู่ทางฝั่งรอยพุทธบาทโน่น” แล้วอาตมาก็รีบเดินไป ออกมาตั้งเกือบ ๑๐๐ เมตรแล้วท่านตะโกนตามหลังมาว่า “ฝั่งไหนครับหลวงพ่อ ?” บอกว่า“ โน่น...นอกวัด..ฝั่งรอยพระพุทธบาทโน่น” อาตมาก็ขึ้นพรวด ๆ ไป ไปเจอท่านแบงค์กำลังนั่งภาวนาอยู่ ท่านบอกว่าท่านประมาทไปหน่อย ฝนตกมากแล้วก็บันไดลื่น แต่ท่านเดินตรงกลางโดยไม่ได้จับราว พอพลาดทีเดียวก็กลิ้งเป็นลูกขนุนลงมา"

เถรี
11-06-2018, 21:18
"แต่จุดที่ท่านเล่าให้ฟังก็คือ ระหว่างที่ท่านกลิ้งลงมา ท่านรู้ทุกขั้นตอนเลยว่าเกิดช้า ๆ แบบนี้ ก็เลยพยายามจะพลิกตัวไม่ให้หัวฟาดพื้น นั่นคือลักษณะของกำลังใจที่เราฝึก พอถึงเวลาฉุกเฉินแล้วจะรวมตัว เวลากำลังใจรวมตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเป็นปกติ แต่สภาพจิตแหลมคมว่องไวมาก เลยทำให้เห็นว่าทุกอย่างช้ามาก สามารถแก้ไขทัน ซึ่งลักษณะอย่างนี้ก็คือแบบเดียวกับที่กิเลสเกิดเร็วมาก ถ้าจิตของเราไม่เร็วพอก็จะต่อต้านกิเลสไม่ทัน

ตรงส่วนนี้เป็นส่วนที่ต้องเรียกว่าน่าชมเชย เพราะว่าถึงเวลาท่านกำลังใจทรงตัวได้ แต่คราวนี้พอท่านร่วงโครมลงไปกับพื้น แทนที่จะคิดเรื่องอื่น เรื่องแรกที่ท่านคิดก็คือ Bluetooth อยู่ไหน ? หนีบหูอยู่ โทรศัพท์อยู่ในกระเป๋ารู้แน่นอน แต่ Bluetooth หล่น ก็ควานหาก่อน แหม...ให้ตายเถอะ...! ถ้าเอ็งตายตอนนั้นจะเกิดเป็นตัวอะไรวะ ? จะไปเป็นเล็นเกาะ Bluetooth หรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

เสร็จแล้วท่านก็ลุกขึ้นมาคลำตัวเองเห็นว่าเลือดออก แล้วก็ลองจับแข้งจับขาดู ปกติดียังลุกยืนได้ เออ...เบาใจ ถ้าอย่างนั้นก็ลง คราวนี้ฉลาดขึ้น จับราวลงด้านข้าง แต่ปรากฏว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ลื่นอีกทีหนึ่ง แล้วคราวนี้ลื่นทั้ง ๆ ที่ท่านจับราวไว้ มือท่านรับน้ำหนักตัวไม่ได้ ตัวก็โดนกระชากลงไป สองมือก็รูดราวลงไปอีก คราวนี้ท่านลงไปหลายขั้นมากเลยเพราะว่าเป็นช่วงสูงชัน ท่านก็เลยตัดสินใจแหย่ขาไปขัดข้างราวบันไดไว้ โอ้พระเจ้า...ดีที่ขาไม่หัก คราวนี้พอท่านแหย่ขาไปขัด ตัวท่านก็หมุนกระเด็นจะตกออกไปข้างนอก เพราะว่าน้ำหนักตัวกระชาก ยังดีว่าท่านหยุดตัวเองอยู่ได้"

เถรี
11-06-2018, 21:27
"ตอนอาตมาขึ้นไปนี่ท่านกำลังคลำตัวเองอยู่ว่าทำไมเลือดออกเยอะมากอย่างนี้ ? เป็นอะไรมากหรือเปล่า ? เอ...เรายังคิดได้ แขนขาก็ไม่ได้เจ็บมาก จนทรงตัวไม่ได้ ก็กะว่าจะโทรเรียกรถพยาบาล แล้วท่านก็นึกขึ้นมาได้ว่า หลวงพ่อเพิ่งจะเปิดบันไดไปเร็ว ๆ นี้ ข่าววิทยุโทรทัศน์ลงหมดเลย อยู่ ๆ กูก็ตกบันได รถพยาบาลมารับนี่คงดังน่าดูเลยนะ ท่านก็เลยตัดสินใจโทรเรียกหลวงพ่อแทน เพราะโทรเรียกคนอื่นกลางคืนเขาปิดเครื่องกันหมดแล้ว

เป็นเรื่องที่ต้องบอกว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอาตมาเอง ดันลืมปิดเครื่อง ปกติ ๖ โมงเย็นก็ปิดเครื่องแล้ว ก็เลยต้องฝ่าฝนขึ้นไป ไปก็ช่วยประคองท่าน น้ำหนักท่านลดไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ ๑๐๓ กิโลกรัม เหลือแค่นะ...! อาตมาเองก็เอาท่านเข้าปีก จับแขนซ้ายท่านเข้าบ่าไว้ แล้วก็มือขวาจับรัดประคดเอว เกร็งเอาไว้ไม่ให้ท่านทรุด ก็ค่อย ๆ เดินลงมา เดินลงมาเท่าไรพระเราก็ยังไม่มาเสียที ไปอยู่ไหนกันวะ ? ท้ายสุดก็ตะโกนเรียก มีเสียง “มาแล้ว ๆ” หอบแฮก ๆ มา

ปรากฏว่านอกจากท่านไปตามพวกมา ๔-๕ รูปแล้ว ท่านยังไปเอารถมาด้วย ท่านก็รอบคอบดี แต่ความที่ตัวเองก็ขึ้นเขาไม่เก่ง แล้วก็ยังมัวทำโน่นทำนี่อยู่ อาตมาก็พาท่านแบงค์ลงมาจนถึงช่วงที่ ๑๐ แล้ว จากประมาณสี่ทุ่มกว่าฝนก็กระหน่ำตลอด ลงมาถึงข้างล่างเที่ยงคืนกว่า พอเอาท่านขึ้นรถปรากฏว่าท่านด้าย (พระธิติวัส ชยวุฑฺโฒ) เป็นคนขับ ท่านก็คงไม่ชินกับระบบรถอินเดียของ TATA ท่านเบรกแต่ละทีนี่หัวทิ่มหัวตำเลย ก็เลยบอกท่านว่า "ไม่ไหวว่ะ..ถ้าขืนไปแบบนี้คนเจ็บตายก่อน" อาตมาก็เลยต้องไปปลุกน้องเล็ก (จิราพร) ให้มาช่วยขับรถที"

เถรี
11-06-2018, 21:31
"ให้ท่านเอาน้ำราดแล้วก็ล้างเลือดออก ไม่ให้หมอเขาตกใจมาก แล้วก็เปลี่ยนผ้าเปลี่ยนอะไร ตอนที่ล้างเลือด พอเอามือถูท่านสะดุ้งเฮือก แล้วเลือดก็ไหลโกรกออกมาอีก อาตมาก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลองจับดูปรากฏว่าติ่งหูตรงนี้ฉีก ก็เลยมาคิดว่าน่าจะเป็นเพราะ Bluetooth หนีบหูอยู่ แล้วตอนที่ท่านร่วงลงไป หน้าไปไถกับขั้นบันไดแล้ว Bluetooth กระเด็นไป ก่อนที่จะหลุดกระเด็นไปก็กระชากหูไปด้วย เลยให้ท่านเอาผ้าโปะเอาไว้ เปลี่ยนผ้าแห้งได้ก็ให้น้องเล็กรับไปโรงพยาบาลทองผาภูมิ

อาตมาก็กลับเข้ากุฏิเปลี่ยนผ้า คราวนี้จะทำอย่างไร ตัวเองเป็นหวัดอยู่แล้วไปตากฝนมาเสีย ๒ ชั่วโมง มีอย่างเดียวก็คือฉันยาแก้ไข้น็อกตัวเอง ตื่นมาตอนเสียงตามสายมา พระทั้งวัดเขาก็สงสัยว่าหลวงพ่อเป็นอะไรวันนี้มาสาย ทำวัตรเช้าเสร็จค่อยคุยให้ท่านฟังว่า ตอนพวกคุณนอนหลับกันเป็นตาย พวกผมไปกู้ชีพช้างตกเขามา...!

ท่านก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก กระดูกอ่อนตรงหูขาดไปชิ้นหนึ่ง ต้องให้หมอเย็บให้ เมื่อวานไปเยี่ยมท่าน ท่านก็ยังพูดขำ ๆ ว่า "ตามที่เคยอ่านประวัติครูบาอาจารย์มา พอลูกศิษย์ลำบากนึกถึงขอให้ช่วย ครูบาอาจารย์ก็ไปด้วยกายละเอียด แต่ครูบาอาจารย์ของเรา พอขอให้ช่วยมาด้วยกายหยาบเลย" อาตมาก็ "เออ...เดี๋ยวกูก็ไปด้วยกายละเอียด แล้วก็เป็นกำลังใจให้มึงค่อย ๆ คลานลงมาเองแล้วกัน...!" ตอนนี้เจ็บไหล่กับตรงต้นแขนนี้มากเลย เพราะว่าเกร็งอยู่เป็นชั่วโมงตอนยกตัวท่านลงมา เจ็บไปซีกหนึ่งเลย แถมยังหวัดกินไม่เลิก เสียงบี้ไปเลย"

เถรี
11-06-2018, 22:02
"ในส่วนที่ว่าของท่านเองพอถึงเวลาฉุกเฉินแล้วสติรวมตัว ถือว่าการปฏิบัติอยู่ในระดับใช้ได้ เพราะว่าท่านเองไปเรียนปริญญาโทสาขาวิปัสสนาภาวนามาด้วย ไปกรรมฐานที่พม่ามา ๗ เดือน ก็ไม่เสียทีที่ฝึกฝนมา

ส่วนพระของเราน่าจะเวลาเหนื่อยขึ้นมาแล้วทิ้งหมดเลย ไม่ได้ตั้งสติไว้แล้วนอน ก็เลยเรียกเท่าไรก็ไม่ได้ยิน นี่คืออย่างหนึ่ง

อีกอย่างหนึ่งก็คืออาจจะสมาธิทรงตัวแบบหลับลึกไป อย่างนั้นนี่ฟ้าผ่าข้างหูก็ไม่ได้ยิน เป็นอยู่สองอย่างด้วยกัน แต่คาดว่าน่าจะเป็นประเภทสมาธิทรงตัวแล้วหลับลึกมากกว่า เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นนักภาวนากันทั้งนั้น แต่ตอนเรียกนี่ลำบากจริง ๆ เลย ประเภทหมาเห่าทั้งวัดก็ยังไม่ตื่น...!"

เถรี
12-06-2018, 18:02
ถาม : ถ้าโยมไปทำให้พระตื่น จะบาปไหมคะ ?
ตอบ : ยอมบาปเถอะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวที่เหลือจะตายเสียก่อน เรื่องการที่เรากระทำไปแล้วบาปกรรมไม่มีนั้นเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าเราต้องชั่งน้ำหนักดูว่าควรค่าแก่การลงทุนไหม ? ถ้าเพื่อชีวิตคนอื่นก็ลงทุนไปเถอะ สรุปว่าพระหนุ่ม ๆ ตื่นยาก ไปช้า พระอาจารย์ก็เลยต้องจัดการไปก่อน

เถรี
12-06-2018, 18:07
ตอนนี้ถ้าอาตมาขยับผิดจังหวะก็จะเจ็บ น่าจะเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ เพราะว่าเกร็งอยู่เป็นชั่วโมง น้ำหนักจริง ๆ ลงทางด้านซ้าย แต่ทางขวาเกร็งเพราะต้องยกเอวท่านไว้ไม่ให้ทรุด ถ้าท่านลงนี่อาตมาแบนแน่ เพราะว่าตอนที่พยายามเอาท่านลงมา ความรู้สึกเหมือนกับมดแบกข้าวสาร ข้าวสารเม็ดใหญ่กว่ามดตั้งเยอะ

ตอนนี้ท่านกำลังพยายามจะลดน้ำหนักอยู่ ที่ไปขึ้นเขากลางดึกนั่นก็เพื่อที่จะลดน้ำหนัก ก็คือท่านอาศัยเดินภาวนาขึ้นเขา ตอนขึ้นก็ไม่มีปัญหา ดันไปมีปัญหาตอนลงเพราะว่าฝนตก ท่านประมาทไปเดินกลางบันได กลางบันไดเป็นส่วนของไม้โดนน้ำแล้วจึงลื่น ถ้าด้านข้างเขาทำเหล็กลายตีนเป็ดไว้ เดินอย่างไรก็ไม่ลื่น

คนอ้วนเวลาเดินต้องส่าย ๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นก็ไปไม่ได้ ที่บางคนเขาบอกเดินเหมือนคิงคอง ถึงเวลาคิงคองต้องเดินส่าย ๆ หน่อย แต่ไปส่ายบนที่ลื่นก็เลยเป็นเรื่อง

เถรี
12-06-2018, 18:25
เสี่ยต้อมบางพูน เอาช่อพระขรรค์โสฬสมาถวาย ให้พระอาจารย์ให้นำไปเข้ากระทู้ประมูล ท่านบอกกับเพื่อนพระว่า "พวกเจ้าต้อมนี่น่าตายมาก เอาเหรียญสมเด็จองค์ปฐมหลังพระสิวลีที่ผมพุทธาภิเษกไปลองกันที่สนามยิงปืน เขาเอาเหรียญไปติดไว้หลังเป้า แล้วไม่บอกเพื่อน ให้เพื่อนยิง เพื่อนยิงเท่าไรก็เป้าสะอาด ไม่รู้ว่ากระสุนหายไปทางไหนหมด แล้วเขาก็ไปแอบเอาพระออกแล้วยิงใหม่ พอยิงใหม่กลายเป็นว่าเข้าเป้าหมด เอาแผ่นป้ายใหม่ไปติดก็แอบเอาพระไปติดไว้อีก ยิงเท่าไรก็ยิงไม่ถูกอีก

เหรียญเล็กนิดเดียวประมาณเล็บมือเรา เขาก็แค่เอาเทปกาวแปะติดไว้อยู่ข้างหลังเป้า ไปติดไว้ไม่บอกเพื่อน เพื่อนก็ว่าอะไรวะ ? ยิงทุกวันก็ได้คะแนนดี ทำไมวันนี้ยิงเท่าไรก็ไม่เข้าเป้าเลย พวกนี้เชื่อยากครับ เขาต้องลองก่อน"

ถาม : พระอาจารย์สร้างเองหรือครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วเหรียญรุ่นนี้ผมไม่ได้สร้าง คนอื่นทำมาให้เป็นหมื่นเหรียญเลยครับ แล้วก็ถวายให้ผมเข้าพิธี ผมก็แจกไปเรื่อย

ถาม : ยังมีอยู่ไหมครับ ?
ตอบ : หมดแล้ว เหรียญเล็ก ๆ นิดเดียว พวกห้าว ๆ ชอบลองกันครับ เขาอยากรู้ว่าพระอาจารย์จะเก่งสักเท่าไร

เถรี
12-06-2018, 18:34
ถาม : เหตุการณ์ที่วัดท่าซุงประเภทคนแน่นจนจะเหยียบกันตาย จะเกิดแบบนั้นไหมครับ ?
ตอบ : เกิดขึ้นไปแล้วครับ ปี ๒๕๓๐ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเพิ่งสร้างศาลา ๑๒ ไร่เสร็จใหม่ ๆ ท่านก็จะเผาศพ คือศพจำลองของตัวท่านที่ตั้งมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว

ท่านจัดงานเผาศพก็ปรากฏว่าคนแห่กันไป ผมบอกไม่ถูกว่าเยอะแค่ไหนครับ ที่พักไม่พอ ท้ายสุดคนก็เลยต้องไปหาหนังสือพิมพ์มาปูนอนกันในศาลา ๑๒ ไร่ แน่นไปหมด รู้ไหมครับว่าหนังสือพิมพ์ที่เขาชั่งกิโลฯ ขายกิโลฯ ละ ๖ สลึง เขาเอามาขายฉบับละ ๕ บาทให้คนไปปูนอน งานนั้นประมาณ ๓ แสนกว่าคน จะเหยียบกันตายจริง ๆ ครับ

เถรี
12-06-2018, 18:42
ถาม : งานเผาศพจำลอง ?
ตอบ : งานเผาศพจำลองตอนนั้นหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสามพระยาไปเป็นประธาน คนเยอะแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าผมพรมน้ำมนต์ หมดไป ๒ แทงค์ แทงค์ละ ๒,๐๐๐ ลิตร

หลวงพ่อท่านบอกว่าไปช่วยจัดการให้หน่อย แทงค์นี้ตั้งไว้ที่หัวสะพานเหล็กที่เดินข้ามไประหว่างศาลา ๒ ไร่กับศาลา ๑๒ ไร่ พวกทหารตักใส่ถังเหลืองหรือถังสังฆทานมา ผมก็พรมไปเรื่อย โยมก็เดินออกมาจากศาลา ๑๒ ไร่ ไหลเป็นน้ำเลย พรมหมดไป ๒ แทงค์ ผมยกแขนไม่ขึ้นไป ๓ วัน คนจะเหยียบกันตายจริง ๆ น้ำมนต์ ๒ แทงค์ ๔,๐๐๐ ลิตร ตัวผมเองยังเปียกอย่างกับราดน้ำเลย

เวลาผมจัดงาน ๓,๐๐๐ – ๔,๐๐๐ คน เพื่อนพระถามว่าอาจารย์เล็กไปเอาคนมาจากไหนเยอะแยะขนาดนี้ บอกท่านว่า “นี่ไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งที่หลวงพ่อผมจัด” งานของเขาจัดถ้ามีคน ๓๐๐ - ๕๐๐ คนก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ส่วนของวัดท่าขนุนไปจนกระทั่งทั้งอำเภอไม่มีที่ให้พัก

นายอำเภอท่านมาพูดตอนเปิดบันไดขึ้นรอยพุทธบาท บอกว่าพระอาจารย์เล็กทำให้เศรษฐกิจทองผาภูมิดี ท่านจัดงานแต่ละทีที่พักไม่เหลือ จะกี่รีสอร์ท กี่โรงแรมก็ไม่มีเหลือเลย

ถาม : เปิดงานไปเมื่อไรครับ ?
ตอบ : เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคมที่ผ่านมา เขาส่งงานวันที่ ๒๕ วันที่ ๒๗ ผมก็เปิดเลย คิดว่าจะไม่ค่อยมีคน เพราะว่าไม่ได้บอกใคร ปรากฏว่าแห่กันมาเต็ม คนเขาอยากขึ้น หนังสือพิมพ์ก็เอาไปลง โทรทัศน์ก็เอาไปลง ก็ดีตรงที่ว่าในขณะที่มีข่าวไม่ดี ๆ เยอะแยะไปหมด อย่างน้อยมีข่าวดีสักนิดหนึ่ง

เรื่องอย่างนี้ท้อไม่ได้ ต่อให้สิ่งไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นในศาสนาของเราโดยเจตนาไม่เจตนาอะไรก็ตาม เรามีหน้าที่อย่างเดียวคือรักษาความดีเอาไว้ให้ได้ มั่นใจได้เลยว่าถ้าทำตามปฏิปทาของหลวงพ่อวัดท่าซุง อย่างไรเราก็รักษาคนเอาไว้ได้

เถรี
12-06-2018, 18:59
ถาม : ตอนนี้มีคนถามว่า เกิดเหตุการณ์ใหญ่แบบนี้กับพระ ท่านคิดอย่างไร ?
ตอบ : เมื่อวานนี้ผมบอกไปแล้วครับ เป็นการทำลายล้างทางการเมืองเพราะว่าทั้ง ๓ ท่านเป็นแรงสนับสนุนวัดธรรมกาย วัดธรรมกายทำให้พระใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ได้ เพราะว่าท่านสนับสนุนทั้งข้าวปลาอาหาร ทั้งเงินทอง และวัดธรรมกายใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็นฐานของคนเสื้อแดง

คราวนี้ทางด้านเจ้าคุณพรหมเมธี เจ้าคุณพรหมสิทธิ เจ้าคุณพรหมดิลก ท่านสนิทสนมแนบแน่นกับวัดธรรมกายอยู่ ก็แปลว่าถึงแม้ว่าวัดธรรมกายจะโดนเด็ดหัวไปแล้ว แต่ถ้า ๓ ท่านนี้บอกลูกศิษย์ว่าเลือกใคร ก็เท่ากับบอกลูกศิษย์ธรรมกายเลือกด้วย ถ้าธรรมกายเทเสียงให้ใครฝ่ายนั้นก็ชนะ จึงต้องเด็ดหัวก่อน

ประการที่ ๒ เป็นการทำลายล้างกันทางศาสนา คือศาสนาอื่นเขาจ้องทำลายศาสนาพุทธอยู่แล้ว ๓ ท่านนี้เป็นกำลังหลักสำคัญของพุทธศาสนาเลย เขาต้องเอาลงให้ได้

ประการสุดท้าย เป็นการทำลายล้างกันระหว่างนิกายของพุทธกันเอง ก็ในเมื่อตัวเองจะต้องขึ้นให้ได้ ก็ต้องเหยียบคนอื่นลง ซึ่งลักษณะอย่างนี้ผมสงสาร สงสารตรงที่ว่าท่านไปรื้อรั้วบ้าน เดี๋ยวโจรก็ปล้นบ้านหมด โดยเฉพาะรั้วที่แข็งแกร่งอย่าง ๓ ท่านนี้ ถ้าพุทธเราเล่นกันเองก็เป็นอะไรที่น่าสงสารมาก

ฉะนั้น...เกิดจาก ๓ แนวทางนี้ด้วยกัน แต่ทั้ง ๓ อย่างที่ประสานมือร่วมกันได้ ทั้งที่เป็นแนวร่วมและเป็นตัวทำลายโดยตรง ส่วนที่เสียหายที่สุดคือศาสนาพุทธของเรา เพราะว่าเขาจะเร่งออกข่าวพวกนี้ในช่วงใกล้มาฆบูชา ใกล้วิสาขบูชา ใกล้อาสาฬหบูชา ลองดูสิครับ...ช่วงก่อนเข้าพรรษา ช่วงอาสาฬหบูชา ก่อนเข้าพรรษาจะมีอีกรอบหนึ่งใหญ่ ๆ มาเลย เขาจะทำให้คนไม่มีอารมณ์อยากเข้าวัดทำบุญ แล้วท้ายสุดคนเราก็จะห่างศาสนาไปเรื่อย

พอหลังจากนี้อีกทีคือช่วงออกพรรษา เขาจะเล่นเป็นจังหวะตอนใกล้วันสำคัญของพระพุทธศาสนามาตลอด เป็นการตั้งใจทำลายล้างพระพุทธศาสนาโดยตรง

เถรี
12-06-2018, 19:02
บรรดาเพื่อน ๆ เขาวิตกกังวลกัน ผมบอกอย่าไปวิตกให้เสียเวลา คุณตั้งหน้าตั้งตาทำให้ดีเข้าไว้ เอาข่าวดีมาสู้เขา ถ้าหากว่าสื่อมวลชนไม่ลงให้ สมัยนี้ youtube ก็มี Facebook ก็มี Line ก็มี คุณก็ลงกันเองสิวะ เราทำดีอะไรก็ทำให้เขาดูไป ถึงเวลาคนจะได้รู้ว่าพระที่ทำดี ๆ ยังมีอยู่อีกมาก

สิ่งพวกนี้เป็นการกล่าวหากัน แล้วการกล่าวหา ฆราวาสทั่วไปก็ต้องสู้กัน ๓ ศาลแล้วถึงจะตัดสินว่าผิดถูก แต่ของพระเรามีไหมครับ เขาจับถลกจีวรยัดเข้าคุกเลย ไม่มีโอกาสทำอะไรเลยทั้ง ๆ ที่โทษนิดเดียว ใช้เงินผิดประเภทแค่นั้น จึงเห็นชัด ๆ ว่าเป็นการทำลายล้างกัน

ดีอยู่อย่างหนึ่งที่ว่าเหตุการณ์แบบนี้เป็นหินลองทองหรือไฟทดสอบทอง คือถ้าคุณเป็นทองแท้เผาเท่าไรหรือลองเท่าไรก็แท้ครับ แต่ถ้าหากว่าไม่แท้ก็หลุดวงโคจรไปเอง ทำให้เขาเห็นอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านว่า ปิดทองหลังพระไปเรื่อย ๆ ถ้าคุณปิดได้มากพอก็จะล้นมาหน้าพระเอง นั่นคือสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านทำมาทั้งชีวิตนะ

เถรี
12-06-2018, 19:06
วัดท่าซุงเป็นเป้าหมายใหญ่นะครับ ถ้าเป็นวัด...(๑)... เขาสอนผิดจากพระไตรปิฎกแน่นอน วัด...(๒)... สอนผิดจากพระไตรปิฎกแน่นอน วัดท่าซุงของเราถึงสอนตามพระไตรปิฎก แต่คนของเรามีความสามารถน้อย ไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันได้ สมมติว่าเขาเอาข้าวเอาของใส่ถุงใส่กล่องมา บอกได้ไหมว่าข้างในคืออะไร ? ถ้าบอกไม่ได้เขาจะถือว่ามโนมยิทธิเป็นเรื่องหลอกลวงกัน คุณสอนผิดจากพระไตรปิฎก ก็โดนเหมือนกันนะครับ

ผมยังเป็นห่วงท่านสมนึกอยู่เลย ยังบอกกับท่านไว้ว่าเตรียมพวกมือเจ๋ง ๆ ชนิดท้าพิสูจน์ได้เอาไว้ให้เขาพิสูจน์ด้วยนะครับ คุณเอาผมไปไม่ได้หรอก เพราะว่าเขาต้องกันผมไว้ว่าเป็นคนละวัดกัน

เราต้องเตรียมพร้อมครับ พูดง่าย ๆ ก็คือเขาท้าพิสูจน์เมื่อไรต้องมีให้เขาพิสูจน์ได้ ไม่ใช่ว่าถึงเวลาแล้วมีแต่ของปลอม มีแต่ราคาคุย ไม่อย่างนั้นไม่ได้เสียหายแค่เรา เสียหายถึงครูบาอาจารย์ เสียหายถึงพระศาสนาด้วย

ที่ไหนก็ตามที่เป็นแหล่งรวมคนมาก ๆ จะโดนครับ ถ้าเขาทำลายกำลังหลัก ๆ ได้หมด ศาสนาของเราก็หมดกำลัง เขาก็จะขึ้นแทน

เถรี
12-06-2018, 19:09
ความจริงส่วนที่น่าจะโดนมากที่สุดคือมหาจุฬาฯ กับมหามกุฏฯ ๒ มหาวิทยาลัยสงฆ์ เพียงแต่ว่า ๒ มหาวิทยาลัยสงฆ์ สาขาทั่วประเทศรวมกันแล้วมีนิสิตหลายหมื่น ในขณะเดียวกันที่จบไปอีกเป็นแสน ถ้าไปแหย่รังแตนเมื่อไรก็ออกมาเยอะครับ เขาก็เลยยังไม่แตะ

เถรี
12-06-2018, 19:17
ถาม : พวกเขาจ้องจะซัดเราอย่างเดียว เขาวางแผนเรียบร้อย ?
ตอบ : พวกเรารู้ แต่การรู้ไม่ใช่ลักษณะตื่นรู้แล้วระวังป้องกัน แต่รู้แล้วปล่อยวางด้วยความประมาท เขาก็ทำลายเราไปเรื่อย ๆ

ตอนนี้กำลังจะออกกฎหมายใหม่เพื่อล้มมหาเถรสมาคม อ้างว่าปรับปรุงการปกครองคณะสงฆ์ ให้อยู่เป็นเจ้าอาวาสไม่เกิน ๕ ปี ให้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ถ้าอย่างนี้ฉิบหายเลยครับ เพราะว่าเจ้าอาวาสแต่ละท่านที่เข้าไป กว่าจะได้รับการยอมรับในพื้นที่นานครับ บางท่านก็เกือบตลอดชีวิตเลยนะ

พอเจ้าอาวาสใหม่เข้าไป เขาจะนึกถึงแต่เจ้าอาวาสเก่า ถ้าคุณเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าไม่ได้ วัดจะโทรมทันตาเลยเพราะว่าชาวบ้านไม่สนับสนุน ถ้าคุณเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าได้ เขาก็ยังนึกถึงคนเก่าอยู่เพราะว่าอยู่กับเขามานาน กว่าที่เขาจะยอมรับคุณ บางทีก็ช่วงท้าย ๆ ของชีวิตแล้ว ยอมรับว่าคุณมีความรู้มีความสามารถ สามารถที่ทำให้วัดของเราเจริญ ชุมชนของเขาเจริญ ก็พอดีคุณตายอีก คนใหม่มาก็เจอวงจรอุบาทว์นี้

คราวนี้เปลี่ยนให้เป็น ๕ ปีครั้ง ๆ อันดับแรกเลย คือพระเราจะโตไม่ทัน จะหาเจ้าอาวาสไม่ทัน เพราะมีกติกาว่าอย่างน้อยต้อง ๕ พรรษาถึงจะเป็นเจ้าอาวาสได้ ประการที่สอง การไม่ยอมรับของเจ้าของพื้นที่มีมาก ทำให้อยู่ไม่ได้ ต่อไปวัดวาอารามจะไม่เหลือหรอก

เรื่องพวกนี้เอาจริง ๆ แล้วคือเอาฆราวาสมาเขียนกฎให้พระปฏิบัติ โดยไม่มีพระเข้าไปมีส่วนร่วม เป็นการทำผิดตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อวานนี้ผมถึงบอกว่า ถ้าให้ตำรวจไปเขียนกฎหมายให้ครู ให้ครูไปเขียนกฎหมายให้ทหาร ให้ทหารไปเขียนกฎหมายปกครองพระ ก็วุ่นวายฉิบหายวายป่วงหมด เพราะต่างคนต่างไม่รู้ว่าแบบธรรมเนียมของเขาเป็นอย่างไร

เถรี
12-06-2018, 19:20
แต่ก็อย่างว่าครับเพราะปัจจุบันนี้ สนช.ที่ร่างกฎหมายอยู่ เป็นแนวร่วมอิสลามไปเยอะแยะแล้ว จะไปเหลืออะไร ? เราไปเปิดโอกาสให้เขาเองโดยไม่มีการคัดค้านเลย คนไทยเสียอยู่อย่างก็คือสามัคคีไม่เป็น เห็นคนได้ดีก็ไม่มีการโมทนาด้วย มีแต่คอยอิจฉาริษยา ขัดแข้งขัดขากัน ถ้าไม่เปลี่ยนนิสัยเดี๋ยวก็คงต้องหัดละหมาดกันละครับ

หลวงพ่อประยุทธ์ (ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดญาณเวศกวัน) บอกไว้นานแล้วครับ ท่านบอกนิสัยคนไทยเหมือนกับไก่ในเข่งวันตรุษจีน จะโดนเขาเชือดเมื่อไรก็ไม่รู้ ยังจิกกันตีกันอยู่นั่นแหละ อยู่ใกล้กันไม่ได้ ขาดความสามัคคี ขณะเดียวกันคนของเขามีอะไรนิดหนึ่งก็แห่กันไปทั้งหมู่บ้าน

เถรี
12-06-2018, 19:24
ถาม : สมัยพระพิมลธรรมท่านยังใส่ชุดขาวในคุก ?
ตอบ : สมัยนั้นได้แต่ว่าสมัยนี้ยาก ลองคิดดูว่าพอท่านไปจากวัด คนรักษาการที่ทำหน้าที่แทนท่านจะมา แล้วถ้าท่านออกมา เราลองคิดดูว่าคนอื่นอยากให้ท่านมาไหม ? ท่านมาตัวเองก็หลุดเพราะว่าต้องคืนตำแหน่งให้ท่าน รับรองว่ามีการเตะสกัดกันเองครับ

เถรี
12-06-2018, 19:29
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่โยมมาก็แวะไปดูตู้ด้วยความหวังว่า จะมีเหรียญหรือผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณ วันนี้มีโยมถวายมา เดี๋ยวจะเอาไปลงกฐินปลดหนี้ ถ้ามีคนถวายเพิ่มมาเรื่อยก็จะสะสมไปเรื่อย ๆ ถ้ากฐินปลดหนี้จะราคาแพง ก็คือให้ทำบุญกฐินแล้วแถมวัตถุมงคลให้"

เถรี
14-06-2018, 09:45
เอาลูกอมมาให้ดู "ลูกอมหลวงปู่ไล้จะมีลักษณะรีบ้าง กลมบ้าง ยาวบ้าง แต่ว่าเล็กทุกลูก เนื้อจะขึ้นเงาทุกลูก เงาเหมือนลักษณะลงรักเลย ลูกอมหลวงปู่ไล้จะเม็ดเล็ก ไม่ได้ใหญ่อย่างนี้ เต็มที่ก็โตประมาณนิ้วก้อย"

ถาม : ผสมรักหรือเปล่า ?
ตอบ : ของท่านเขาเรียกผงยาดำ คราวนี้สิ่งที่เราสังเกตง่ายที่สุดคือเนื้อจะแกร่งมาก แกร่งประมาณว่าแช่น้ำไม่ละลาย หรือไม่ก็กลายเป็นพระธาตุ เนื้อจะมีความเงาอยู่ในตัว

ถาม : ที่เขาว่าเป็นรัก นี่ยาเรือหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ดูแล้วไม่ใช่รัก เนื้อยาเลย น่าจะเป็นว่านยาที่ผสมแล้วเนื้อออกมาเป็นสีดำ ที่ยาเรือเขาเรียกว่าชัน เป็นคนละแบบกัน

เถรี
14-06-2018, 10:03
มารับตะกรุดโทน หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ "ตะกรุดของหลวงพ่อเชื้อมีขนาด ๘ นิ้ว ขนาดเดียวนี่แหละ ท่านบอกว่ามีเท่าไรท่านใส่แค่หมด เพราะฉะนั้น...อย่าไปหวังว่าตะกรุดของท่านจะดอกเล็ก ๆ ครูบาอาจารย์แบบนี้ก็ดี ความรู้มีเท่าไรก็ใส่ลงไปจนหมด

สมัยแรก ๆ ที่ท่านออกมีดหมอ ถึงไกลแสนไกลพี่ชายกับอาตมาก็ตะกายไปหา สมัยนั้นรถก็หายาก นั่งรถลงเรือไปกว่าจะถึง รถสมัยก่อนเป็นรถที่โครงเป็นไม้ ต้องไปหมุนหัวเครื่องถึงจะติด เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เห็นแล้ว นั่งแล้วโครงก็เป็นไม้ เบาะก็เป็นไม้ เวลาวิ่งกระแทกเจ็บก้นอย่าบอกใครเลย

เดี๋ยวนี้เคยเห็นแถวสุโขทัยยังมีอยู่ แถวสุโขทัย สวรรคโลก ศรีสัชนาลัย เพียงแต่ว่าไม่ใช่เครื่องหมุนหัวแล้ว"

เถรี
14-06-2018, 21:59
ถาม : สมัยวัดท่าซุงผมรับยันต์เกราะเพชรหลายครั้ง ตอนหลังรับยันต์ของพระอาจารย์ไม่รู้สึกอะไร อย่างนี้ถือว่าปรามาสไหมครับ ?
ตอบ : ผมเองก็เข้าพิธีทุกครั้ง มีความรู้สึกแค่สองครั้งแรกเท่านั้น นอกนั้นก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

ถาม : ผมรับยันต์เกราะเพชรครั้งแรกปี ๒๕๒๖ รู้สึกร้อน ๆ ที่หน้าผาก รับครั้งที่ ๒ ปวดเมื่อยไปทั้งร่างกายเลย เป็นเพราะอะไร ?
ตอบ : ผมเองก็เป็นไข้ไป ๒ วันกว่า หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ส่วนใหญ่พวกนี้ดื้อ กำลังของพระท่านจะคลุมลงไปแล้วใจไปต้านไว้โดยไม่รู้ตัว ในเมื่อฝ่ายหนึ่งกดลง อีกฝ่ายหนึ่งยันขึ้น ก็สู้กันอยู่นั่นแหละ กว่าจะเข้าหมดเราก็ไข้จับตาย ผมโดนไป ๒ วันครึ่ง ถามหลวงพ่อว่าทำไมเป็นอย่างนี้ครับ ? ท่านบอกพวกหัวดื้อ กำลังของพระจะเข้าไปยันเอาไว้ไม่รู้ตัว

เถรี
14-06-2018, 22:43
ถาม : ผมไม่มีโอกาสเข้าไปข้างในเลยครับ คนเยอะ ?
ตอบ : ปี ๒๕๒๖ สมัยนั้นคนไปนั่งตูดขาวอยู่ที่ศาลา ๒ ไร่ เพราะว่ายังสร้างไม่เสร็จดี เพิ่งจะเทปูนเสร็จ ท่านให้ช่างเอาฝุ่นปูนไปซัดเพื่อจะได้แห้งเร็ว ๆ พวกเรานั่งแล้วผ้าผ่อนขาวไปหมด

ผมอยู่ข้างในช่วยงานหลวงพ่ออยู่ข้าง ๆ วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๖ พอมางานเป่ายันต์ฯ ครั้งที่ ๓ วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๒๗ ประตู ๒ ไร่พังเลย ข้างในปิดประตูแล้ว ข้างนอกไม่ฟัง ดันมา ๆ ท้ายสุดประตูยืดก็หลุดไปทั้งบาน

ถาม : ปี ๒๕๒๖ ไม่มีที่นั่งเลยครับ ผมต้องยืนข้างบน ?
ตอบ : ร้อนอย่าบอกใคร คนมากจนอากาศไม่มีที่ระบาย ผมเองอยู่ข้างบนช่วยงานท่าน ยังรู้สึกเลยว่า โอ้โห...ร้อนอย่าบอกใคร เพราะว่าคนอัดอยู่ออกไม่ได้ ไอตัวร้อนไปหมด

ถาม : ผมสงสัยว่ารับยันต์กับพระอาจารย์เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ทำไมรู้สึกเฉย ๆ ?
ตอบ : ไม่ต้องสงสัย คนเคยรับแล้ว น้ำเต็มแก้วแล้ว ใส่อย่างไรก็ไม่ลง

ถาม : การรักษายันต์เกราะเพชรนี้ทำอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : อย่างน้อยรักษาศีล ๒ ข้อและภาวนาเอาไว้ทุกวัน

เถรี
14-06-2018, 23:00
ปี ๒๕๒๕ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเป่ายันต์ฯ ที่ศาลาพระพินิจฯ ๔ รอบแล้วคนยังแน่นเต็มอยู่เลย มาปี ๒๕๒๖ ท่านเร่งทำศาลา ๒ ไร่จะให้เสร็จ ปรากฏว่าเสร็จไม่ทัน ก็เลยต้องใช้วิธีนั้นแหละ เทปูนแล้วเอาผงปูนซัดเลยเพื่อให้แห้งเร็ว ๆ

ถาม : เริ่มเป่ายันต์ฯ ตั้งแต่ ๒๕๒๕ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ ครั้งแรก

ถาม : ผมเพิ่งเข้าวัด ตุลาคม ๒๕๒๕ ยังไม่ได้ไปงานเป่ายันต์ฯ ?
ตอบ : ผมบวชปี ๒๕๒๙ ตอนปี ๒๕๒๖ ยังเป็นฆราวาสอยู่เลย ตอนนั้นยังเป็นทหาร เรียกใช้คล่อง ๆ ท่านก็ใช้ไปเรื่อย

เถรี
14-06-2018, 23:12
ถาม : ทำไมคนสนใจมางานเป่ายันต์ฯ กันเยอะ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าความเชื่อมั่นก็คือศรัทธา โดยเฉพาะตั้งแต่สมัยหลวงปู่ปานมา สิ่งที่ท่านทำมีผลมาตลอด มาถึงสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านก็เล่าประวัติหลวงปู่ปาน เล่าว่าพระอนุญาตให้เป่ายันต์ฯ สมัยนั้น เหมือนกับอั้นมานาน พอมีผู้เป่ายันต์ฯ พรวดเดียวเท่านั้นเอง ศาลาพระพินิจฯ ไม่ใช่เล็ก ๆ นะ เป่า ๔ รอบคนยังเต็ม ต้องเป่ารอบที่ ๕ ท้ายสุดหลวงพ่อท่านเลยต้องรีบสร้างศาลา ๒ ไร่

ถาม : ปี ๒๕๒๖ รถยาวไปหน้าเทคนิคฯ ?
ตอบ : ปี ๒๕๒๖ ยังไม่เท่าไรครับ เพราะว่าปี ๒๕๒๖ แม่ครัวหุงข้าวเลี้ยงโยมหมดไป ๒๒ กระสอบ พอมาปี ๒๕๒๗ แค่ช่วงเช้าข้าวหมดไป ๒๐ กว่ากระสอบแล้ว แล้วก็มีแต่เยอะขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ได้น้อยลงเลย

ผมจำได้ว่าปี ๒๕๒๖ นั้นเป็นปีแรกที่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าใบใหญ่สุด ๑๓ ใบครับ หุงไม่ทันโยมกิน เสียบปลั๊กประมาณ ๑๕ นาทีก็ได้กิน แล้ว ๑๓ ใบเสียบอย่างนั้นทั้งวันยังไม่ทันคนกิน เป็นอะไรที่อัศจรรย์มาก

พอหลวงพ่อจัดงานนี้ บขส.เขาย้ายท่ารถมาอยู่ตรงที่สร้างโรงเรียนพระสุธรรมยานเถรวิทยา มาจอดตรงนั้นหมดเลย พูดง่าย ๆ ก็คือว่า กี่คน ๆ ก็มาวัด ไม่ต้องไปทางไหนแล้ว ท้ายที่สุดก็มาตั้งท่ารถใหม่ที่ตรงนั้น ต้องบอกว่าอะไรที่พระท่านบอกแล้วทำตามนี่ใช่เลย ไม่ต้องเสียเวลาไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น

เถรี
14-06-2018, 23:52
ถาม : พระอาจารย์เคยมีประสบการณ์ตรงไหมครับ ที่ว่าคนตายแล้วยันต์เกราะเพชรยังติดที่กระดูก ?
ตอบ : เจอมา ๓ ศพ

ถาม : เผาไม่ไหม้หรือครับ ?
ตอบ : ไหม้ครับ เพียงแต่ว่าที่กระดูกชิ้นใหญ่จะมองเห็นยันต์อยู่ ล่าสุดก็หลวงปู่ทองเทศ วัดท่าซุง

ถาม : ใครนะครับ ?
ตอบ : หลวงปู่ทองเทศ ฐิตสุวณฺโณ ท่านบวชตอนอายุ ๘๐ ปี ท่านเอาเงินถวายหลวงพ่อไว้ ๓,๐๐๐ บาท บอกว่า "ถ้าผมตายช่วยทำศพให้ผมด้วย" หลวงพ่อท่านก็หัวเราะบอกว่า "ไม่รู้ว่าใครจะตายก่อน" สรุปแล้วหลวงปูทองเทศอยู่จนร้อยกว่า หลวงพ่อท่านมรณภาพไปก่อน

ถาม : ผมน่าจะเคยเห็นนะครับ ?
ตอบ : องค์เล็ก ๆ ขาว ๆ เตี้ย ๆ อุ้มมือเดียวได้เลย ผมสังเกตมาเยอะแล้ว พระอายุเป็นร้อยรูปร่างประมาณนั้น ไม่เคยมีที่ร่างใหญ่เลย ตัวใหญ่ ๆ มักจะอยู่ไม่ถึง

ถาม : ยันต์เกราะเพชรติดอยู่ที่ไหนครับ ?
ตอบ : ยันต์เกราะเพชรอยู่ที่กระดูกกะโหลกของท่าน

ถาม : เผาแล้วไม่ไหม้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไหม้ครับ แต่ภาพยันต์ฯ เห็นชัด ๆ เลย

ถาม : กระดูกตรงนั้นยังอยู่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่รู้ว่าลูกหลานเก็บเอาไว้หรือเปล่า

ถาม : เป็นการยืนยันเลย ?
ตอบ : ถ้าเป็นเด็ก ผมเจอมาหลายคน ที่คลอดออกมาแล้วมียันต์ฯ ติดมา แต่ผู้ใหญ่ต้องรอตายก่อนถึงจะรู้ มีหลายศพครับ เฉพาะที่วัดท่าซุงมี ๒ ศพเพราะว่าที่วัดท่าซุงเผาเมรุลอย พอถึงเวลากระดูกร่วงลงไปที่แผ่นสังกะสีที่วางรองเอาไว้ ก็ไปหยิบกระดูกมาดูทีละชิ้น

เถรี
14-06-2018, 23:54
ยืนยันได้ว่ามีผลจริง ๆ แม้แต่ที่ผมทำ เด็ก ๒ - ๓ คนก็มียันต์ฯ ติดตัวมา มีอยู่รายหนึ่งเขาตกใจมาก เพราะว่าลูกเขาลายทั้งตัวเลย บอกเขาว่าอีกประมาณ ๗ วันก็จะหายไป แต่พ่อแม่เขาไม่รู้ เขาพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลพหลฯ ที่กาญจนบุรี แล้วหมอหาสาเหตุไม่ได้ เจาะเลือด ตรวจเลือดอะไรดูก็ไม่เจอ ตอนนั้นหมอเรียกว่า "เด็กตุ๊กแก" เพราะว่าตัวลายหมด พอ ๗ วันก็หาย

อีกรายหนึ่งอยู่ที่ภูเก็ต รายนั้นถามเมื่อเดือนก่อนว่ายันต์ฯ ยังอยู่หรือเปล่า ? เขาบอกว่าวันพระบางวันก็ยังขึ้น นั่นเด็กโตแล้วนะ ป.๕ ป.๖ ได้ ตั้งแต่เด็กเกิดมาใหม่ ๆ แม่ถ่ายรูปส่งมาให้ดู พุงลายพร้อยเลย ตำราท่านบอกว่าถ้าเป็นลูกคนแรกแล้วคลอดออกมาเป็นผู้ชายนี่ยืนยันได้แน่นอน จะมียันต์ฯ ติดตัวมาด้วย รุ่นของหลวงพ่อวัดท่าซุงมีหลายคน แต่ผมไม่ได้เห็นเอง แต่รุ่นที่ตัวเองทำเห็นมา ๒ - ๓ คนแล้ว

เถรี
16-06-2018, 19:00
พระอาจารย์กล่าวว่า "การบวชหมู่วันวิสาขบูชาได้พระใหม่มา ๖ รูป การบวชหมู่ครั้งต่อไปคือก่อนเข้าพรรษา ก็ประมาณวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ญาติโยมท่านใดที่ตั้งใจจะบวชตอนเข้าพรรษา สมัครได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง ๑๓ กรกฎาคมและไปเป็นนาคที่วัดในวันนั้น บวชวันที่ ๒๐ กรกฎาคม แล้วไปสึกหลังจากรับกฐิน

กฐินวัดท่าขนุนเร็วมาก คือ วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ เลย เป็นวันที่ตักบาตรเทโวฯ กัน ทางวัดตักบาตรเทโวฯ ช่วงเช้า ถวายกฐินช่วงบ่าย"

เถรี
16-06-2018, 19:01
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนมิถุนายนที่วัดมีงานใหญ่อยู่ ๒ งาน งานแรกคือวันที่ ๒๓ มิถุนายน จะหล่อหลวงพ่อทองคำองค์จำลองด้วยเนื้อเงิน แล้วก็กะไหล่ทองเอาไว้แห่ในช่วงสงกรานต์ของทุกปี

อีกงานหนึ่งคือ ๒๘ มิถุนายน ทางวัดท่าขนุนเป็นเจ้าภาพจัดเจริญพระพุทธมนต์ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙"

เถรี
19-06-2018, 09:53
ถาม : พระอะไรที่วัดบางนมโค ที่ท่านโดนงูเห่ากัด หลวงปู่ปานถามว่ารับยันต์หรือเปล่า แล้วท่านไม่มรณภาพ ?
ตอบ : หลวงตาผัน

ถาม : พิษงูก็ขึ้น ?
ตอบ : ขึ้นครับ ผมเองก็ปวดตายชักเลย พิษวิ่งขึ้นมา ผมโดนกัด ๔ เขี้ยว รอยเขี้ยวยังอยู่เลย งูกะปะครับ คนอื่นเขากังวลกันหมด ผมบอกว่าไม่ต้องกังวลหรอก ถ้าผมตายแปลว่าผมผิดศีล ถ้าผิดศีลก็ไม่สมควรที่จะเป็นพระอยู่แล้ว ผมเอาน้ำล้าง ๆ เอาพลาสเตอร์ปิด แล้วทำงานของผมต่อ พวกพระลูกวัดจะช็อกตาย

โดนงับจมเขี้ยวเลยครับ ตรงชีพจรพอดี ๔ เขี้ยวเลย ปวดเป็นเส้นขึ้นมาเลยครับ ปวดแบบพวกแมงป่องหรือตะขาบกัด วิ่งมาถึงข้อศอกแล้วก็โดนดันไหลกลับไป หยุดปวดไปพักหนึ่ง แล้วก็ปวดขึ้นมาใหม่แล้วก็วิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่เกือบชั่วโมงแล้วหายไป

ถาม : ตอนนั้นคิดอย่างไรครับ ?
ตอบ : ตอนนั้นไม่ได้คิดอย่างไร มั่นใจว่าเราไม่เป็นอะไรแน่เพราะเราไม่เคยทำผิดศีล ถ้าเราตายก็แปลว่าเราผิดศีล เราก็สมควรตาย เพราะว่าท่านไม่ให้กินเหล้ากับไม่ให้ขโมย พระเราขโมยก็โดนอาบัติปาราชิกอยู่แล้ว กินเหล้าก็ผิดศีลอยู่เห็น ๆ พระลูกวัดมานั่งหน้าเหี่ยว บอกกับท่านว่าไม่ต้องไปสนใจหรอก ถ้าผมตายแปลว่าผมสมควรตายเอง..!

เถรี
19-06-2018, 09:56
ถาม : พระรูปอื่น ๆ มีประสบการณ์อย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ไม่แน่ใจเพราะผมไม่ได้ถาม ส่วนใหญ่ผมเจอกับตัวเอง เจอจนกระทั่งกลายเป็นคนไม่กลัวงู เพราะว่าโดนกัดมาหลายทีก็ไม่ตายสักที ล่าสุดตอนนั้นอยู่ที่เกาะพระฤๅษี น้ำท่วม ผมไปฉันเช้าที่ทางด้านป่าไม้ แล้วเดินกลับเข้ามาตรงหัวเกาะ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นกิ่งไม้ พอไปเหยียบเข้างูแว้งงับเต็มหลังตีนเลย ผมสลัดไป งูกับรองเท้าปลิวเฉียดหัวพระที่เดินอยู่ข้างหน้า งูตัวนั้นผมยังถ่ายรูปไว้เลยครับ ผมเหยียบจนหลังถลอก เกล็ดหลุดไปตั้งหลายเกล็ด

ถาม : งูอะไรครับ ?
ตอบ : งูกล่อมนางนอน เป็นตระกูลงูแมวเซา เป็นพวกที่กัดแล้วมีเวลารักษาประมาณ ๖-๗ ชั่วโมงถึงจะตาย ผมก็ทำเหมือนเดิม ล้างแผลเสร็จผมก็ทำงานต่อ

ถาม : พวกที่เห็นเขาคิดอย่างไร ?
ตอบ : เขาเคยเห็นมาแล้ว ร้ายกว่านี้อย่างงูกะปะยังกัดไม่ตาย แค่นี่จะไปตายได้อย่างไร

ผมก็ไม่ได้เจตนา คิดว่าเป็นกิ่งไม้ก็เลยไม่ได้สนใจ เดินไปเรื่อย ที่ไหนได้เหยียบเข้าเต็ม ๆ โดนงับติดหลังตีน สะดุ้งแปล๊บขึ้นมา ผมก็สลัดเท้า พอสลัดนี่ทั้งงูทั้งรองเท้าบินเฉียดหัวพระข้างหน้าไปเลย

เถรี
19-06-2018, 09:59
ถาม : ยันต์เกราะเพชรสุดยอดจริง ๆ ครับ ?
ตอบ : ไม่ตายด้วยอำนาจไสยศาสตร์ ใครทำไสยศาสตร์มาสะท้อนกลับหมด ส่วนใหญ่แล้วปัจจุบันนี้เรื่องไสยศาสตร์รุ่งมากนะ เต็มไปหมด

หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า ไสยศาสตร์กับพุทธศาสตร์เหมือนน้ำกับปลา น้ำไปถึงไหนปลาก็ไปถึงนั่น เพราะว่าเป็นคู่แข่งกัน พุทธะแปลว่าตื่น ไสยะแปลว่าหลับ ตรงกันข้าม เหรียญเดียวกันคนละหน้าเท่านั้นเอง

ใช้กำลังสมาธิเหมือนกัน แต่ฝ่ายหนึ่งใช้ถูก ฝ่ายหนึ่งใช้ผิด ใช้ผิดเป็นมิจฉาสมาธิก็เล่นเป็นไสยศาสตร์ไป แต่พวกนี้ดีที่หากว่าเขาเปลี่ยนตัวได้ เราก็จะได้พระอภิญญามาเลย

เถรี
19-06-2018, 19:37
ถาม : ที่รับการครอบครูจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ยังมีใครเป่ายันต์ฯ อยู่บ้างครับ ?
ตอบ : ไม่มีเลย ผมสงสัยตั้งแต่แรกที่ท่านมาสั่งผม ว่าทำไมไม่สั่งคนอื่น แต่ถ้าจะนับกันแล้วในช่วงนั้นที่วัดท่าซุง เราจะรู้ว่าใครฝีมือเท่าไร ในการฝึกมโนมยิทธิถ้าหากว่าหลวงพี่อาจินต์เอาไม่อยู่ จะไปตามหลวงตาวัชรชัย ถ้าหลวงตาวัชรชัยยังเอาไม่อยู่ ก็จะมาตามผม ฉะนั้น...เขารู้กันว่าแต่ละคนฝีมือเป็นอย่างไร

ครั้งล่าสุดเจ้าประคุณเอ๊ย...เกือบตาย หลวงพี่อาจินต์ท่านขับรถซูซูกิคาริเบียนบรรทุกหลวงตาวัชรชัยมา มาถึงหน้าตึกก็บอก “เฮ้ย...เล็ก หาคนมาแทนเวรหน่อยวะ ไปช่วยกันหน่อย” ถามว่าอะไรครับ ? “พวกเรือเกลือมาอีกแล้ว” ผมก็หาคนมาดูแลหน้าตึกหลวงพ่อแทน พักหนึ่งก็วิ่งไป

ปรากฏว่ารายนี้ไม่ใช่ว่าฝึกไม่ได้นะครับ แต่เขาเก็บรายละเอียดมาก ๒ ชั่วโมงเพิ่งพาไปถึงจุฬามณี ถึงขนาดไปนั่งเล็งบันไดทีละขั้นว่าลวดลายเป็นอย่างไร วัสดุเป็นอย่างไร...โอ้โห พอดีเป็นวันที่ ๗ วันสุดท้าย หลวงตาเข็นเขาไม่ไหวแล้ว เอารายละเอียดขนาดนี้ใครจะไปสู้ได้ ท่านก็เลยเอาผมไป ผมก็เอาเขาไปได้แค่จุฬามณี บอกว่าคุณต้องการรายละเอียดมากขนาดนี้ ทำให้เวลาไม่พอ ไว้โอกาสหน้าค่อยมาฝึกกันใหม่ก็แล้วกัน เล่นซะขนาดนั้น

อยู่ที่โน่นเขามากันเป็นทอด ๆ ถ้าหลวงพี่จินต์เอาไม่อยู่จะไปตามหลวงตา ถ้าหลวงตาเอาไม่อยู่ถึงจะมาตามผม เลยไม่รู้เป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่า ถึงเวลาท่านสั่งให้ผมทำก่อน สำคัญตรงที่ว่าท่านสั่งอย่างไรต้องทำอย่างนั้น ซึ่งพลาดไม่ได้

เถรี
19-06-2018, 19:58
ถาม : การที่คนส่วนมากยังดำน้ำไป ก็ยังไปถึงพระนิพพานได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเรามีความมั่นใจ เพราะเรื่องของมโนมยิทธิ กำลังใจของเราไม่มีอะไรกั้นได้ เรานึกถึงที่ไหนก็ไปที่นั่นเลย ไม่ต้องลงบันได ไม่ต้องเปิดประตู ไปเลยครับ อย่างเรานึกถึงดวงอาทิตย์ก็อยู่ที่นั่นเลย ไม่ต้องเดินทางด้วยความเร็วแสง ๑๘๖,๐๐๐ ไมล์ต่อวินาที ต้อง ๘ นาทีกว่าถึงจะถึง...ก็ไม่ใช่ แต่ไปถึงเลย ถ้าหากว่าเรามั่นใจก็ใช่ทุกที่ เพียงแต่ว่าเราจะขาดความมั่นใจ ความชัดเจนเลยไม่มี

เถรี
19-06-2018, 21:27
ตอนที่ผมฝึก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้เคล็ดลับไว้หลายอย่าง แล้วผมขยันซ้อม ก็เลยได้ดีมากกว่าคนอื่นเขา เคล็ดลับอันแรกเลยก็คือ ท่านให้ไปนั่งข้างถนน หลับตาทำใจสบาย ๆ ตอนนั้นถนนหน้าวัดก็มีรถวิ่งวันหนึ่งไม่กี่คัน พอถึงเวลาเสียงรถวิ่งมา ให้ถามตัวเองว่ารถคันนี้สีอะไร ? ให้ก็จำอารมณ์นั้นไว้ว่า คำตอบที่ได้มาตอนนั้นอารมณ์ใจเราเป็นอย่างไร แล้วก็ลืมตาดู จะพิสูจน์ได้ในระยะเวลาไม่กี่นาทีครับ

ถ้าหากว่าถูกให้จำไว้ว่าเราวางอารมณ์ใจไว้อย่างไร ถ้าผิดไม่ต้องจำ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จน ๑๐ คันถูกสัก ๘ คัน ก็ให้เพิ่มรายละเอียดไปว่า รถที่วิ่งมาสีอะไร ? คนนั่งมากี่คน ? พอถูกสัก ๘ ใน ๑๐ อีกก็เพิ่มไปอีกว่า รถมาสีอะไร ? คนนั่งกี่คน ? ผู้หญิงกี่คน ? ผู้ชายกี่คน ? เพิ่มรายละเอียดไปเรื่อย ๆ ครับ รถมาสีอะไร ? คนนั่งมากี่คน ? ผู้หญิงกี่คน ? ผู้ชายกี่คน ? ใส่เสื้อผ้าสีอะไรบ้าง ? ท้ายที่สุดทะเบียนอะไรก็บอกถูกหมด

แต่ไม่ค่อยดีตรงที่ว่าผมมีกองเชียร์เยอะ พอถึงเวลาผมบอก ถ้าเขาเห็นว่าใช่ก็เฮกันลั่น ถ้าสมาธิไม่ดีก็พังหมด

เถรี
20-06-2018, 09:05
คราวนี้อีกวิธีก็คือ เราอยู่ที่บ้านของเรา ถึงเวลานั่งสมาธิกำหนดให้กายในออกมาอยู่ตรงหน้า เอาตัวขนาดที่เราบังคับได้สบาย ๆ จับกายใน ซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหัน เดินขึ้นหน้า เดินถอยหลัง แล้วแต่เราสั่ง เดินวนรอบตัวเลยก็ได้ จนกระทั่งความรู้สึกชัดเจนว่าเราบังคับตัวนี้ได้ แต่ต้องช้า ๆ นะครับ ถ้าเร็วนี่..ปรื๊ดเดียวก็รอบตัวเลย

พอมั่นใจแล้ว มีความชัดเจนพอแล้ว รู้สึกได้ชัด ๆ เหมือนตัวจริงแล้ว ทำอะไรก็ได้ครับ ที่เป็นกิจกรรมยามปกติของเรา อย่างเปิดประตู เปิดหน้าต่าง เข้าไปดูห้องน้ำ พวกนี้จะชัดเพราะว่าเป็นสิ่งที่เราเคยชิน หลังจากนั้นเราก็ลงไปข้างล่าง เดินวนรอบบ้านดูว่ามีอะไรบ้าง ช้า ๆ ครับ จำเป็นต้องช้าเลย ไม่อย่างนั้นปรื๊ดเดียวรอบบ้านเลย คราวนี้ออกหน้าบ้านไป จะไปซ้ายหรือไปขวา ไปปากซอยก็เลี้ยวขวา ค่อย ๆ ไปก่อน

ตอนแรก ๆ ยังชัดอยู่เพราะว่าเราจำภูมิประเทศได้ แต่พอพ้นเขตที่เราจำได้แล้ว มีอะไรรีบจดไว้ครับ แล้วก็ไปดูด้วยตาของเราเอง ใช้วิธีอย่างนี้ซักซ้อมไปเรื่อย ๆ ความชัดเจนจะมากขึ้น ๆ แล้วท้ายสุดพอทรงตัวได้ ต่อไปไม่ว่าเราจะไปภพไหนภูมิไหนก็ชัดเท่ากันครับ

เถรี
20-06-2018, 09:11
ถาม : ตัวที่เราเนรมิตมา นี่คือใคร ?
ตอบ : ก็คือกายในของเรา ก็คือสภาพจิตของเรา ความรู้สึกทั้งหมดนึกว่าอยู่ตรงนี้ เอ็งยืนขึ้น ซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหัน เดินไปข้างหน้า ๓ ก้าว ถอยหลัง ๒ ก้าว บังคับทำโน่นทำนี่ไปเรื่อย เพราะถ้าเราไม่บังคับให้ทำ สติหลุดจะหายไป บังคับให้เดินวนรอบห้อง ไปเปิดหน้าต่างดูหน่อยว่ามีอะไร ดูห้องน้ำหน่อย เปิดประตูลงบันไดกี่ขั้น

แรก ๆ จะชัดเพราะว่าเราเคยชิน แต่พอเกินจากสิ่งที่เราจำได้ เช่น ออกนอกบ้านไปไกลแล้ว เจออะไรจำไว้ครับ แล้วรีบจดไว้ หลังจากเลิกกรรมฐานแล้ว ไปดูเลยครับว่าใช่ไหม

ผมฝึกกันแบบนี้ คราวนี้คนอื่นเขาขยันอย่างผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมทำงานครึ่งวัน ฝึกครึ่งวัน กลางคืนไม่ค่อยหลับไม่ค่อยนอน เพราะว่าอยู่เวรหน้าห้องหลวงพ่อ อยู่แค่ ๖ ชั่วโมง คราวนี้พอเวรอื่นเขามาเปลี่ยน ผมก็เข้าที่ปฏิบัติของผมเลย ไม่ได้ใส่ใจคนอื่นเขา ง่วงตรงไหนก็นอนตรงนั้น ลุกขึ้นมาได้ก็ว่าต่อ ไม่ได้สนใจเรื่องเวลาเลยครับ เรื่องเวลาสนใจอยู่แค่เวลาทำวัตร เจริญกรรมฐาน กับบิณฑบาต อย่าให้เสีย เพราะว่าถ้าเสียแล้วจะผิดระเบียบวัด

เถรี
20-06-2018, 09:58
ถาม : พระอาจารย์ใช้อะไรกำหนดครับ นาฬิกากำหนด หรือว่าจิตกำหนดว่าต้องไปบิณฑบาต ?
ตอบ : แรก ๆ ต้องใช้นาฬิกาปลุก แต่พอมาตอนหลังแค่เรานึกว่าจะออกจากสมาธิตอนนั้นก็ได้เองเลย ผมเลิกใช้นาฬิกาปลุกมาหลายสิบปีแล้ว ใหม่ ๆ ๓ เครื่องครับ ๓ เครื่องคือเผื่อว่าตั้งเครื่องหนึ่งต่างกัน ๕ นาที เผื่อเอาไว้ว่าเครื่องนี้ปลุกแล้วเราเผลอไปกดดับ เผื่อไว้อีกสองหนึ่ง วางไว้คนละมุมห้อง ถึงเวลาต้องคลานไปหา คงจะได้สติตื่นขึ้นมาประมาณนั้น หลังจากนั้นพอเคยชิน กำหนดใจให้ตื่นเวลาไหนก็ได้ ก็เลิกใช้นาฬิกาปลุก

ต้องขยันครับ ทิ้งไม่ได้เลย ทิ้งเมื่อไรก็สนิมกิน ขนาดออกจากวัดไปบิณฑบาตนี่กำหนดใจก่อนเลย ใครจะใส่บาตรเราคนแรก ผู้หญิงหรือผู้ชาย ใส่เสื้อผ้าสีอะไร แล้วจำเอาไว้ ถึงเวลาไปถึงก็ดูว่าตรงกันไหม

เถรี
20-06-2018, 21:11
ถาม : อิทธิบาท ๔ นี่ทิ้งไม่ได้เลย ?
ตอบ : ทิ้งไม่ได้เลยครับ เรื่องของการปฏิบัติทิ้งเมื่อไร มีหวังโดนกิเลสตีตาย

เถรี
20-06-2018, 21:15
ถาม : ที่พระอาจารย์บอกว่า ท่องคาถาเงินล้านวัน ๑,๒๐๐ จบ เมื่อก่อนผมก็ไม่อยากจะท่องเพราะว่ายาว ตอนนี้ผมลองทำดูรู้สึกว่าหายยาวแล้ว แต่ก็ได้ไม่กี่จบ ?
ตอบ : ลองดูครับ พอทำไป ๆ สภาพจิตของเรายึดอยู่กับคาถา ไม่ฟุ้งซ่านไปใน รัก โลภ โกรธ หลง ตอนช่วงนั้นจิตของเราจะสะอาด มีความสุขนะครับ ถึงเวลาเราก็ต้องภาวนาแล้ว ไม่อยากให้สภาพจิตของเราวุ่นวายหงุดหงิด

ถาม : ภาวนาคาถาเงินล้านออกเสียงแล้วรู้สึกว่าช้า ภาวนาในใจได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้ครับ จะเสียงดังเสียงเบาอย่างไรก็ได้ ที่สำคัญคือให้ควบกับลมหายใจเข้าออก ทำเป็นกรรมฐานนั่นแหละครับ เพียงแต่คำภาวนายาวหน่อย

ถาม : ถ้านึกถึงลมหายใจเข้าออกด้วยจะดีกว่า ?
ตอบ : สมาธิสูงเท่าไร ผลของคาถาก็เกิดมากเท่านั้น

เถรี
20-06-2018, 21:26
ถาม : ตกต้นมะม่วง ผ่าดีไหมคะ ?
ตอบ : ตกแค่นั้นแข้งขาไม่ได้หัก อย่างเก่งก็ซ้น ให้เอาไพลส่วนหนึ่งแล้วก็ต้นขาไก่ รู้จักหรือเปล่า ? ต้นขาไก่ที่ก้านดำ ๆ ปกติปลูกเป็นไม้ประดับ เอาสองอย่างนี้มาอย่างละเท่า ๆ กัน โขลกรวมกัน คั่วให้ร้อน ใส่เหล้านิดหน่อย ใส่ถุงทำลูกประคบ

อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ใช้ใบพลับพลึงลนไฟให้ร้อนแล้วพันเอาไว้ พักเดี๋ยวก็เดินได้แล้ว

ไพลกับขาไก่กะน้ำหนักให้ใกล้เคียงกัน โขลกรวมกันแล้วเอาไปคั่วให้ร้อน ใส่เหล้าพอเป็นกระสาย แล้วห่อผ้าทำเป็นลูกประคบ อีกอย่างหนึ่งใบพลับพลึงอังไฟให้ร้อน ก็จะเหี่ยว ๆ หน่อย เอาแค่ร้อนทนได้ พันไว้ พอเย็นลงก็อังใหม่ อาตมาตกมาจากยอดมะพร้าวไม่เห็นเป็นอะไร ใช้วิธีนี้นี่แหละ

ถาม : ไม่ต้องผ่าหรือคะ ?
ตอบ : สมัยนี้ไม่ค่อยรู้กัน เอะอะก็จะผ่า ทุกวันนี้อาตมาก็เดินได้เป็นปกติ โบราณเขามียารักษา สมัยใหม่จะผ่าอย่างเดียว

ถ้ากลัวว่าฤทธิ์ยาจะไม่แรงพอ ตอนคั่วให้ร้อนก็ใส่เหล้าขาวไปหน่อยหนึ่ง เราไม่ได้กินอยู่แล้ว แค่ใช้นวดประคบเท่านั้น

เถรี
20-06-2018, 21:30
ถาม : ผมอ่านหนังสือ หลวงปู่นาค วัดระฆัง ท่านไปพระนิพพานได้ มโนมยิทธิแจ่มใส อยากจะถามว่าท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ ท่านเป็นระดับครูบาอาจารย์เลย อายุมากกว่าเยอะมาก

ถาม : แต่ท่านได้มโนมยิทธิ ?
ตอบ : ตอนที่พุทธาภิเษกกันที่วัดอนงคาราม หลวงพ่อท่านแอบดู พอแอบดูหลวงปู่นาคท่านบอก "ไอ้ขโมย" พูดง่าย ๆ คือท่านไวมาก แอบดูปั๊บ ท่านว่าเลย

ถาม : แปลว่ามโนมยิทธิมีผู้ทำได้อยู่แล้ว ?
ตอบ : ได้อยู่แล้ว ต่อให้ฝึกสายไหนมา ถ้ากำลังใจถึงระดับของเก่าก็จะคืนมาเอง

เถรี
26-06-2018, 09:40
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการผูกปมเชือกสงคราม (เชือกแดง) สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านจะออกมาก่อนฉันเพลสัก ๑๕ นาที ท่านจะมานั่งผูกปมเชือก คราวนี้การผูกปมเชือกมีเคล็ดลับที่ต้องกลั้นหายใจแล้วว่าคาถา พอท่านต้องกลั้นหายใจนาน ๆ หลวงพ่อท่านก็บ่นว่า “เหนื่อยโว้ย”

เชือกของหลวงพ่อวัดท่าซุงที่ท่านทำออกมา มีทั้งสีเขียวและสีแดง สีเขียวจะมีน้อย สมัยนั้นพวกเราเรียกว่าเชือกสงคราม เพราะว่าท่านทำให้ทหารตำรวจที่ออกไปรบแนวหน้า ซึ่งการทำเชือกขอดจะให้ผลทางด้านแคล้วคลาด หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำมาตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเป็นทหารอยู่ ทำแล้วก็ให้เพื่อนทหารลองด้วยปืน ปรากฏว่าขนาดจ่อยิงก็ยังไม่ถูก ซึ่งเรื่องของการใช้อาวุธปืนลองวัตถุมงคลนี้ อาตมามีประสบการณ์มาก"

เถรี
26-06-2018, 09:47
"มีตะกรุดของหลวงปู่สี วัดถ้ำบุญนาค ซึ่งไม่ใช่ของหลวงปู่สีโดยตรง แต่เป็นของหลวงพ่อสมบูรณ์ที่เป็นลูกศิษย์ท่านทำ ท่านจะทำเฉพาะวันพระในพรรษาเท่านั้น ก็แปลว่าพรรษาหนึ่งจะทำได้ประมาณ ๑๒ ดอก

คราวนี้รุ่นน้องคือทิดอุดร โตกระโทก ไปได้มา ก็เอามาให้อาตมาลอง อาตมาก็อธิษฐานขอลองไม่เกิน ๓ นัด เอาผูกติดกับขวดน้ำไว้ ยิง ๒ นัดแรกขึ้นฟ้าลงดินไปไหนไม่รู้ ? พอจะยิงนัดที่ ๓ ปืนก็ขัดลำ ไม่ทำงาน ทิดอุดรก็ดีใจเอาไปอวดเพื่อนรุ่นพี่อีกรูปหนึ่ง เพื่อนเขาบอกว่าไปลองใหม่ ทิดอุดรบอกว่า "พี่เล็กอธิษฐานไว้ว่าลองไม่เกิน ๓ นัด" เพื่อนรุ่นพี่เขายุ บอกว่าถ้าของดีต้องดีทุกเวลา ลองได้ทุกครั้ง ก็เอาของมาให้ลองใหม่

อาตมาบอกว่า "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าเอ็งไม่เชื่อก็ไปหาเศษไม้อันเท่าตะกรุดมามัดกับขวดน้ำ ข้าจะยิงให้ดู" ทิดอุดรบอกด้วยความมั่นใจเพราะว่ารุ่นพี่ยุมา บอกว่าไม่ต้อง..เอาตะกรุดนี่แหละ ว่าแล้วเอาเทปกาวพันติดกับขวดน้ำ แล้วไปวาง อาตมาเองก็ “เฮ้อ...ขอไว้แค่นั้น ดันทะลึ่งมาลองซ้ำ หาเรื่องเสียของแล้ว” แล้วก็ยิงตามหลักวิชา หลับตาซ้าย เล็งด้วยตาขวา ผ่อนลมหายใจออกไปครึ่งหนึ่ง ค่อย ๆ ลากไกช้า ๆ เสียงดังเปรี้ยง ตะกรุดพับครึ่งเป็นตัววีเลย

คราวนี้เจ้าของตะกรุดทำท่าจะร้องไห้ บอกแล้วว่าของอะไรอย่าลองให้ถึง ๓ ครั้ง ของดีเขามีเอาไว้ป้องกันตัว ไม่ใช่เอาไว้ลอง"

เถรี
26-06-2018, 09:49
"ส่วนอีกรายหนึ่งเพื่อนกันเอาตะกรุดชุด ๓ ดอกมาให้ลอง อาตมายิงด้วย ๑๑ มม. ๗ นัดหมดแม็กฯ เลย ไม่ถูกสักนัดเดียว กระสุนอยู่ห่างจากตะกรุดคืบหนึ่ง เป็นรูปครึ่งวงกลมเท่า ๆ กัน เหมือนกับมีอะไรบางอย่างกลม ๆ ครอบเอาไว้ พอยิงเข้าไปก็จะออกไปอยู่แค่ตรงขอบเท่านั้น ถามว่า "ตะกรุดที่ไหนวะ ?" เขาบอกว่าของหลวงพ่อคง วัดถนนหักใหญ่ บอกว่า "กูไม่เคยได้ยินชื่อ" เพื่อนบอกว่า "อาจารย์ของหลวงพ่อคูณครับ" เลยยกมือสาธุท่วมหัว ยกให้ท่านไปเถอะ

อาตมาเองที่ยิงปืนแม่นเพราะว่าซ้อมแต่เป้าเล็ก ๆ มาตลอด ยิงจนไม่มีอะไรจะให้ยิงก็เอาปลอกกระสุนไปตั้งแล้วก็ยิง ไม่มีอะไรจะยิงเอายาเม็ดพาราฯ ไปวางแล้วก็ยิง เป้าเล็กขนาดนั้นยังยิงถูก เป้าใหญ่ ๆ ไม่ต้องพูดถึง"

เถรี
26-06-2018, 14:21
พระอาจารย์เล่าว่า "เรื่องของวันเกิด สมัยก่อนเขาทำบุญกันครั้งเดียวตอนอายุครบ ๖๐ ปี พอคนเราอายุถึง ๖๐ ปี นอกจากลูกหลานเพื่อนพ้องอะไรแล้ว ต้องบอกว่าด้วยความที่อยู่มานาน ก็เริ่มปรากฏคุณความดีให้คนอื่นเห็น ถึงเวลาทำบุญวันเกิดจึงมีคนมาร่วมงานมากมาย

แต่คราวนี้ที่คนโบราณทำบุญ ๖๐ ปี แบ่งออกเป็น ๒ สายด้วยกัน สายหนึ่งจะทำครบรอบ ๑๐ ปี อย่างเช่นว่า ๗๐ ปี ๘๐ ปี ๙๐ ปี เป็นต้น ส่วนอีกสายหนึ่งก็ทำครบรอบ ๑๒ ปีคือ ๗๒ ปี ๘๔ ปี ๙๖ ปี สมัยก่อนที่ไม่นิยมทำบุญวันเกิดกันทุกปี เพราะว่าทำแต่ละครั้งต้องรบกวนคนมาก โดยเฉพาะผู้ที่มาร่วมงานเดินทางก็ลำบาก ถามว่าลำบากแค่ไหน ? อาตมาเองบ้านอยู่ห่างจากตัวจังหวัด ๓๖ กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางครึ่งวันกว่าจะถึง สมัยนี้ถ้าหากว่า ๓๖ กิโลเมตร ถ้าเกรงใจตำรวจก็ ๒๐ นาทีถึง ถ้าไม่เกรงใจตำรวจก็อาจจะ ๑๐ นาทีถึง..!

เมื่อลำบากด้วยการจัดงาน เพราะว่างานใหญ่ใช้กำลังคนมาก แล้วก็ลำบากด้วยการเดินทาง คนที่จะต้องไปร่วมงานเดินทางไม่คล่องตัวเหมือนกับสมัยนี้ จึงจัดกัน ๑๐ ปีครั้งหรือ ๑๒ ปีครั้ง สมัยนี้การเดินทางสะดวกคล่องตัว เห็นจัดงานวันเกิดกันตั้งแต่รู้ภาษา บางคนยังไม่ทันจะรู้ภาษาเลย ๒ ขวบก็เป่าเทียน ๒ ต้นแล้ว

มีอยู่ปีหนึ่ง เด็ก ๆ เขาจัดงานวันเกิดให้อาตมา จัดกันเล่น ๆ ไม่มีอะไรหรอก ซื้อขนมเค้กมา เอาเทียนวันเกิดปักแล้วก็จุด เทียนนี้เป็นเทียนที่เป่าไม่ดับ คือเป่าแล้วติดใหม่ พอจุดเสร็จก็เอามาให้หลวงพ่อเป่า อาตมาเป่าพรวดเดียวดับเกลี้ยง เล่นเอาเด็ก ๆ เขานั่งงง บอกว่า "หลวงพ่อเล่นไสยศาสตร์" เทียนประเภทนี้เป่าดับก็ติดใหม่ ปะทุขึ้นมาใหม่ได้ เลยสงสัยว่าอาตมาจะเป่าแรงไปหน่อย"

เถรี
26-06-2018, 14:42
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า เคยเล่าประวัติให้ฟังว่า ท่านเดินธุดงค์กว่าจะถึงหมู่บ้านในป่าที่จะบิณฑบาตได้ก็เลยเที่ยง จึงไม่ได้ฉัน พอวันที่ ๒ เดินทางมาเจอหมู่บ้านก่อนเที่ยงก็ดีใจ เข้าไปขอบิณฑบาต ชาวบ้านใส่อาหารมา ท่านเองก็รับอาหารแล้วเดินเลยหมู่บ้านไป ปูผ้านั่งลงจะฉันเพล ยังไม่ทันจะเปิบข้าวเข้าปาก ปรากฏว่าช้างชาวบ้านที่ตกมัน สลัดโซ่ขาดวิ่งมาทางด้านนั้น ชาวบ้านก็เอะอะเอ็ดตะโรวิ่งไล่กันมา ท่านเองหันไปเห็นช้างใกล้เข้ามา ก็ต้องลุกหลบ ช้างวิ่งผ่านไป พอดีเลยเที่ยง อดฉันอีก

วันที่ ๓ ท่านก็บิณฑบาตได้ตอนใกล้เพลเหมือนกัน วันนี้ได้ฉันแน่ ก็ปรากฏว่าปูผ้านั่งลงจะฉัน ท่านเป็นลม ฟื้นขึ้นมาเลยเที่ยงอีก อดอยู่ ๓ วันติด ๆ กัน ไปได้ฉันเอาเช้าวันที่ ๔ เพราะว่าเดินไปเจอหมู่บ้านในช่วงเช้าพอดี ท่านบอกว่าในอดีตเคยแกล้งเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่ได้กิน ตัวเองเลยไม่ได้กินไปด้วย

อาจารย์ท่านหนึ่งคือหลวงปู่ครูบาธรรมชัย ท่านไปภาวนาอยู่ในป่าช้า ปรากฏว่าช้างของชาวบ้านตกมันเหมือนกัน หลุดออกมาเดินวนอยู่ใกล้ ๆ ท่าน ถ้านั่งอยู่ไม่เป็นอะไร ถ้าขยับลุกจะวิ่งใส่ เลยต้องทนนั่งอยู่อย่างนั้น พวกชาวบ้านเข้าไปพยายามจะช่วยอย่างไรช้างไม่สนใจทั้งนั้น ขับไล่อย่างไรก็ไม่ไป จุดประทัดยิงปืนอย่างไรก็ไม่ไป เดินวนอยู่ใกล้ ๆ นั่นแหละ

หลวงปู่ก็เลยต้องทนอยู่อย่างนั้น ๗ วันเต็ม ๆ พอถึงวันที่ ๘ ช้างก็เดินจากไปเฉย ๆ ชาวบ้านเอาข้าวปลาอาหารเข้ามาถวาย หลวงปู่แทบจะเป็นลมอยู่แล้ว ท่านบอกว่าในอดีตนั้นท่านเคยขังเขาเอาไว้ให้อดข้าวอยู่ ๗ วัน ตัวเองเลยโดนไปด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกที่ว่าไล่เท่าไรช้างก็ไม่หนี

ปกติช้างตกมันใครยั่วยุหน่อยก็จะวิ่งไล่เลย แต่นี่ไม่ยอมไป วนอยู่แต่ใกล้ ๆ ถ้าหลวงปู่ขยับก็ท่าจะวิ่งใส่จะเหยียบ จึงต้องนั่งเฉย ๆ ชาวบ้านไล่เท่าไรก็ไม่ไป แต่พอพ้น ๗ วันกลับเดินไปเองเหมือนไม่ได้ตกมันมาก่อน ฉะนั้น..ในเรื่องของกรรมจะทำเอาไว้ชาติไหนก็ตาม เผลอเมื่อไรก็ต้องใช้หนี้เขา"

เถรี
26-06-2018, 14:46
ถาม : อย่างหนูต้องทำอาชีพอะไรดีคะ ?
ตอบ : อาชีพอะไรก็ได้ แต่ให้ภาวนาคาถาเงินล้านเป็นกรรมฐานสักวันละชั่วโมง

เถรี
26-06-2018, 17:11
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนไปพุทธาภิเษกที่วัดไร่แตงทอง ต้องบอกว่าเจ้าของงานจริง ๆ ก็คือพระครูเทพ เพราะว่าท่านกำลังเร่งจะทำวัดให้เสร็จ ก็คือวัดสี่แยกเจริญพรที่มีโบสถ์สเตนเลส ท่านก็นิมนต์ไปพุทธาภิเษก

ในงานก็มีครูบาอาจารย์ระดับสุดยอดอยู่หลายรูปด้วยกัน อาตมาเองก็ไปนั่งพุทธาภิเษกให้เขาด้วย ปรากฏว่าเพื่อนกันก็คือพระครูสังเวียน วัดหนองพงนก มาถึงก็ “หลวงพ่อนะหลวงพ่อ สงเคราะห์แต่ไอ้เทพคนเดียวนั่นแหละ” ก็บอกกับท่านไปว่า “แล้วเอ็งจะเอาอย่างไรวะ ? เอ็งนิมนต์ข้าวันวิสาขะฯ อย่างนี้ วันที่ ๑๒ สิงหาฯ อย่างนี้ ไปได้ก็ประหลาดแล้ว” ส่วนท่านเทพท่านให้อาตมาเลือกว่าว่างวันไหน ท่านก็จัดงานวันนั้น ถ้าอย่างนี้ก็ได้แน่ ส่วนของพระครูสังเวียนนี่ประเภทถึงเวลาก็จัดงานตามเทศกาลของวัดท่าขนุนเลย แล้วจะไปอีท่าไหนได้ ?

งานนี้เนื่องจากว่าครูบาอาจารย์ไปกันมาก แต่อาตมาเองตั้งแต่นั่งลงก็เงียบไปเลย ไม่ได้ดูว่าใครไปบ้าง รู้แต่ว่ามีเจ้าคุณสุรศักดิ์ วัดประดู่ นั่งอยู่ตรงกันข้าม ที่ใกล้ ๆ กันก็มีพระครูวิโรจน์ วัดสระพัง กับพระครูสายชล เจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง ลูกพี่ของพระครูเทพเขาเลย ไปกันหลาย ๆ คนก็ดีหน่อยตรงที่ว่าเบาแรง ส่วนใหญ่ก็คอเดียวกัน มาสไตล์พระโพธิสัตว์เหมือนกัน ถึงใครจะลาบ้างไม่ลาบ้างก็ช่างเถอะ"

เถรี
26-06-2018, 17:31
"ปรากฏว่าเห็นวัตถุมงคลเปล่งแสงสว่างสวยมาก ยังบอกว่า เออ...ท่านเทพเขาบุญดี จัดงานทีไรนี่ต้องบอกว่าครูบาอาจารย์หรือพระท่านสงเคราะห์เต็มที่ทุกครั้ง ท่านบอกว่า “ผมก็ผูกขากับหลวงพ่อเล็กนั่นแหละ” คำว่าผูกขาก็คือถ้าหากว่าอาตมาไม่ว่างท่านก็ไม่จัดงาน

ของที่พุทธาภิเษกเป็นเหรียญหลวงปู่หลิว ทำได้สวยมาก น้องเล็กได้มาเหรียญหนึ่ง เขาบอกว่าไว้แจกคนขับรถ อาตมาก็ว่า เออ...สมัยโบราณได้ยินแต่ว่าแจกแม่ครัว สมัยนี้พระครูเทพเล่นมีรุ่นแจกคนขับรถด้วย

ส่วนหลวงพี่แป๊ะ วัดสว่างอารมณ์หรือวัดแคแถว แกก็นั่งเคี้ยวหมากรอสบายใจเฉิบเลย อาจารย์เล็กลืมตาปุ๊บหลวงพี่แป๊ะก็โปรยข้าวตอกดอกไม้เลย บอกว่า "กูไม่ทำอะไรแล้วงานนี้ กูนั่งรอเหมือนกัน" เจอพี่ ๆ อู้เข้านี่อาตมาหมดสภาพเลยนะ หลวงพี่แป๊ะนี่สนิทกันตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง บวชใหม่ ๆ ท่านก็เป็นรุ่นพี่ ไปวัดอาตมามีหน้าที่รับพระอาคันตุกะเข้าพัก เลยสนิทสนมกันดี สมัยนั้นท่านห่มผ้าสีออกเขียว ๆ แบบธรรมยุต ไม่รู้ทำไมพอไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแคแถวแล้วเปลี่ยนเป็นห่มออกสีแดง แต่ดูท่าว่าจะขลังกว่านะ

เวลาอยู่กับท่านแล้วอาตมาสบายใจ เพราะว่าคนรู้จักท่านมากกว่า พอมาถึงก็ชี้ไปทางโน้น แต่ท่านเองก็ไม่ค่อยยอมหรอก เดี๋ยวก็ตะโกนบอก “โน่น...หลวงพ่อเล็กลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีฯ แวะไปทางโน้นบ้าง” อาตมาก็แทบจะหนีไม่ทัน"

เถรี
26-06-2018, 21:36
ถาม : หนูเป็นคนที่ขี้โกรธมาก วิตกมาก ซึมเศร้าด้วยค่ะ จะแก้อย่างไรคะ ?
ตอบ : เป็นไปได้อย่างไรวะ ?

ถาม : พี่เต้ยบอกว่าหนูขี้โกรธค่ะ
ตอบ : ขี้โกรธนี่ไม่มีทางซึมเศร้าหรอก บ้าชัด ๆ มีคนขี้โกรธที่ไหนซึมเศร้าบ้าง ? พวกนี้ไฟแรง ซึมกับใครไม่เป็นหรอก มีแต่อาละวาดตลอด

พยายามฝึกกรรมฐานเกี่ยวกับเรื่องของกสิณสี หรือไม่ก็เมตตาพรมวิหารให้มากไว้ ไม่ได้ห้ามความโกรธในตัวของเรา แต่ว่าเป็นการบรรเทาลงได้ทีละน้อย ตามกำลังของเราที่มากขึ้น

เรื่องพวกนี้เป็นสมบัติประจำตัว ในเมื่อเราสร้างมาอย่างนี้ ทำมาอย่างนี้ จริตนิสัยออกมาแบบนี้ เราก็ต้องยอมรับว่าสภาพของเราเป็นอย่างนี้ แต่ค่อย ๆ ปรับปรุงพัฒนาแก้ไขไป ตอนแรก ๆ ก็พยายามลดอาการทางกายลง ลดอาการทางวาจาลง ค่อย ๆ ลดไปทีละอย่าง เดี๋ยวก็ลดทางใจลงไปได้

เถรี
26-06-2018, 21:37
ถาม : หนูอยากทราบว่า กรรมฐานกองไหนเราทำแล้วจะได้ดีที่สุด ?
ตอบ : อ่านกองไหนแล้วชอบก็กองนั้นแหละ

เถรี
26-06-2018, 21:38
ถาม : หนูไปเที่ยวมาเก๊ามา ได้ยินว่าที่นั่นเวลาสร้างอะไรทำตามฮวงจุ้ยหมด แล้วประเทศเขาดี ถ้าเมืองไทยทำอย่างนั้นบ้างจะดีขึ้นไหมคะ ?
ตอบ : เราต้องยอมรับว่าคนที่เขาได้ฮวงจุ้ยที่ดี ก็คือบุญเก่าเขาสร้างมาดีด้วย คนประเภทนี้ต่อให้ไม่ทำอะไรเลยเขาก็ได้อยู่ในที่ดี เรียกว่าปฏิรูปเทสคือถิ่นที่เหมาะสม ส่วนคนที่สร้างบุญมาไม่ดี ต่อให้พยายามแก้ไขฮวงจุ้ยอย่างไร ท้ายสุดก็เจ๊ง เพราะฉะนั้น...เราก็ทำแค่ที่ทำได้ ไม่ใช่รื้อบ้านทั้งหลังเพื่อแก้ฮวงจุ้ยอย่างที่อาตมาเคยเจอมาแล้ว

เถรี
27-06-2018, 21:09
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ที่วัดท่าขนุนมีการอบรมค่ายพุทธบุตร ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ทุกปี คือทางโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาจะเอาเด็ก ม. ๑ ซึ่งเข้าใหม่ กับเด็ก ม. ๔ ที่มีคนใหม่มากมาเข้าค่ายที่วัด

อาตมาเองได้พูดถึงเรื่องเรื่องหนึ่ง ซึ่งคาดว่าปัจจุบันนี้เป็นกันทั่วประเทศไทยแล้ว ก็คือเด็กรุ่นหลังนี้ส่วนใหญ่ร้อยละเกิน ๘๐ เรียนเพื่อให้จบเท่านั้น ไม่ได้คิดจะเรียนเอาความรู้ อาตมาสมมติว่าถ้าครูบาอาจารย์ให้ความรู้มา ๑๐๐ เราเรียนเพื่อให้จบเราก็จะได้สักแค่ ๕๐ แล้วถ้าเราจำเป็นต้องไปสอนคนรุ่นต่อไป ถ้าเขามีนิสัยเดียวกันก็คือเรียนเพื่อให้จบ จะเหลือ ๒๕ พอรุ่นที่ ๓ จะเหลือ ๑๒.๕ รุ่นต่อไปก็จะไม่เหลืออะไรแล้ว

เพราะฉะนั้น...การศึกษาบ้านเมืองเราปัจจุบันนี้ แม้กระทั่งในอาเซียนของเรา ๑๐ ประเทศนี่เรารั้งท้ายเลย ตามสถิติที่ทางยูเนสโก (องค์กรการศึกษาโลก) ให้ไว้บอกว่า ของเราอยู่อันดับที่ ๙ พม่าอยู่อันดับที่ ๑๐ แต่อาตมายืนยันว่าพม่าอยู่เหนือเรา เพราะว่าอาตมาไปพม่าเป็น ๑๐ ปี แต่เนื่องจากของพม่านั้นเขาปิดประเทศ ทำให้ตรวจสอบข้อมูลได้ยาก ก็เลยเหมือนกับว่าเขารั้งท้ายเรา แต่ถ้าเขาเรียนระดับ ม. ๑ เมื่อไร ทางพม่านี่บรรยายเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย บ้านเราไม่สามารถทำได้ ต่อให้ของเราเป็น ม. ๓ ม. ๕ ม. ๖ ก็ทำไม่ได้"

เถรี
27-06-2018, 21:29
"อาตมายืนยันว่า การศึกษาปัจจุบันของเรานี่รั้งท้ายอาเซียนเลย จึงอยากให้เด็กทุกคนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและแนวคิดเสียใหม่ ว่าเรียนแล้วต้องรู้ รู้แล้วต้องสอนผู้อื่นได้ ไม่ใช่เรียนแค่ให้จบ ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ถ้าจะแก้ไข เราต้องแก้ไขตั้งแต่การผลิตครูเลย

ในต่างประเทศ คนที่เรียนเก่งที่สุดเขาจะให้ไปเรียนครู แต่บ้านเราคนที่สอบเข้าที่ไหนไม่ได้จะเข้าวิทยาลัยครู กลายเป็นว่าเราเอาคนที่ไร้คุณภาพมาผลิตบุคลากร แล้วจะให้บุคลากรมีคุณภาพก็ยาก ยกเว้นว่าวัตถุดิบก็คือเด็กมีความใฝ่รู้ใฝ่เรียนจริง ๆ เรียนพิเศษบ้าง ค้นคว้าหาความรู้นอกเวลาเรียนเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาบ้าง ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่จะเอาดีได้ก็มี แต่โอกาสที่ได้ดีเพราะการจ้ำจี้จ้ำไชแล้วสอนจริง ๆ จัง ๆ ของครูนั้นน้อยมาก

โดยเฉพาะปัจจุบันนี้งานเอกสารมีมาก ต้องมี มคอ. (กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ) เป็นมาตรฐานระดับอุดมศึกษา ต้องมี SAR (Self Assessment Report) ก็คือบันทึกการเรียนการสอน สารพัดเอกสารที่จะเอา ทำให้ครูบาอาจารย์แทบไม่มีเวลาในการเตรียมการสอนที่ดี ถ้าจะปฏิรูปการศึกษาบ้านเราก็ต้องปฏิวัติใหม่ ตั้งเงินเดือนครูให้สูงกว่าหมอ สูงกว่าวิศวกรไว้ แต่เป็นการตั้งใจผลิตครูตั้งแต่รุ่นนี้ โดยที่รับตั้งแต่เกรด ๓.๕ ขึ้นไป เป็นต้น ถ้าหากครูรุ่นนี้ออกมาจะได้เงินเดือนระดับนี้ รุ่นเก่าช่างท่านไปก่อน เดี๋ยวก็ตายหมดไปเอง ถ้าหากว่าเราทำอย่างนี้ได้ ก็จะหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาได้ แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๕ ปีขึ้นไป"

เถรี
27-06-2018, 21:36
"ประการต่อไปคือ พ่อแม่ต้องเข้มงวดเด็ก ๆ ของเราตั้งแต่อยู่บ้าน ไม่อย่างนั้นแล้วจะเพาะให้เกิดนิสัยประเภทอย่างไรก็ได้ ถึงอย่างไรก็มีพ่อแม่เลี้ยง จึงไม่คิดที่จะเรียนให้ดี เพื่อที่จะยืนหยัดด้วยตนเองให้ได้

อาตมาถามเด็กว่า ลองทบทวนดูสิว่า ถ้าพ่อแม่ของเราตายลงไปเดี๋ยวนี้ เราอยู่ได้ไหม ? ถ้าไม่ได้ ก็แปลว่าความรู้ความสามารถของเราไม่พอที่จะทำมาหากิน ในเมื่อความรู้ความสามารถของเราไม่พอทำมาหากิน ถ้าเกิดว่าเรารีบร้อนไปมีลูกแล้วเราจะสอนลูกอย่างไร ?

เพราะฉะนั้น...ให้ทบทวนดูว่า ตั้งแต่เราเกิดมาจนอยู่ ม. ๑ จนกระทั่งอยู่ ม. ๔ เราทำอะไรที่เป็นความภาคภูมิใจส่วนตัวบ้าง ? เราทำอะไรที่เป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่และครอบครัวบ้าง ? เราทำอะไรที่สร้างชื่อเสียงให้กับทางโรงเรียนบ้าง ? ถ้าหากว่าถามแล้วไม่มีเลย ก็ต้องพยายามทำให้มี เด็ก ๆ ไม่ค่อยอยากมาวัดท่าขนุนกันหรอก มาทีไรโดนหลวงพ่อบ่นหูชาทุกที"

เถรี
27-06-2018, 21:41
ถาม : แต่เขาก็ฟัง ?
ตอบ : ฟัง...ไม่ฟังไม่ได้ เพราะว่าหลวงพ่อด่ากระทั่งครูบาอาจารย์ นักเรียนประมาณ ๓๐๐ คน ครูพี่เลี้ยงเกือบ ๒๐ คน ไปจัดแถวให้นักเรียนอยู่คนเดียว อาตมาดูอยู่พักหนึ่งก็จับไมค์ฯ ด่าเลย เพราะครูที่เหลือนั่งคุยกัน กับนั่งจิ้ม LINE อยู่ บอกว่าขนาดครูบาอาจารย์ยังเป็นตัวอย่างให้กับนักเรียนไม่ได้ แล้วจะให้นักเรียนดีได้อย่างไร ? พอโดนด่าแล้วหูตาสว่าง หลังจากนั้นก็นั่งฟังยันเที่ยง ไม่ขยับไปไหนเลย เพราะว่ากลัวโดนด่าซ้ำ..!

บางขณะชื่อเสียงเกียรติคุณที่ว่า "เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนดุยิ่งกว่าหมา" แม้จะไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจ แต่ก็ยังอาศัยได้ เพราะว่าถ้าเราไม่ทำไม่ด่า สังคมก็จะเสื่อมทรามไปเรื่อย ๆ ก็เลยจำเป็นต้องทำ ในเมื่อจำเป็นต้องทำ ก็ต้องทนแบกรับ "ชื่อเสีย" เอาไว้คนเดียว แต่ถึงเวลาถ้าใครมา ให้เขารู้ว่าระเบียบวัดเป็นอย่างนี้ การประพฤติปฏิบัติต้องเป็นอย่างนี้

เถรี
27-06-2018, 21:51
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ที่แย่มาก ๆ นอกจากติดหวัดจากท่านนายอำเภอทองผาภูมิแล้ว ยังตากฝนกลางคืนมาอีก ก่อนจะรับสังฆทานหรือสอนกรรมฐานทุกครั้ง ก็จะต้องมีอะไรมาตัดกำลังให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ แต่ว่าในส่วนตรงนี้อาตมาไม่ได้กังวล เพราะว่าเป็นเรื่องธรรมดา

การที่เราจะทำงานให้พระพุทธศาสนา ต้องบอกว่าอุปสรรคย่อมมี ย่อมเกิด เราจะไปโทษว่าเป็นเรื่องของมารอย่างเดียวไม่ได้ เพราะว่าถ้าเราไม่สร้างอกุศลกรรมเอาไว้ มารก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะในเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นเศษกรรมมาจากปาณาติบาต ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัย เพราะว่าอาตมาทำไว้เยอะมาก ได้รับการรับรองโดยหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านสั่งให้ปล่อยสัตว์ที่เขาจะฆ่าทุกเดือน ตั้งแต่ปลายปี ๒๕๒๘ เริ่มปล่อยครั้งแรกวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๙ รวมแล้ว ๓๐ กว่าปีผ่านมา ปล่อยทั้งสัตว์สี่เท้า สองเท้า ไม่มีเท้า ไปนับชีวิตไม่ถ้วน ก็ยังช่วยได้แค่นี้ แสดงว่าที่ทำไว้มีมากกว่า"

เถรี
29-06-2018, 19:26
ถาม : ผมขอกำลังใจในการทำงาน เราต้องสู้กับคนทำงานที่เป็นคนใหญ่คนโต ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรหรอก ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอแล้ว แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะกระทบง่าย กำลังใจตกง่าย แล้วก็คืนดีเหมือนเดิมยาก ถ้าหากว่าตั้งใจทำสมาธิให้ทรงตัวมากกว่านี้ จะมีภูมิต้านทานมากขึ้น ถ้ากำลังใจเรามั่นคงขึ้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะกระทบเราได้น้อย และความมุ่งมั่นในงานของเราจะไม่ลดลง เพราะฉะนั้น...จริง ๆ แล้วก็คือ ให้เป็นในเรื่องการฝึกสมาธิเพิ่มขึ้น อย่างอื่นไม่ต้องคิดมากเลย

ถาม : ผมคิดว่าควรจะเปลี่ยนงานหรือเปล่า ?
ตอบ : ที่ไหนก็มีเหมือนกัน ที่เราอยู่ทางหนีทีไล่เราพอรู้แล้ว จะง่ายกว่าที่อื่นที่เราไปเริ่มต้นใหม่ เพราะฉะนั้น...มีทางเดียวก็คือปรับกำลังใจของเราให้เข้มข้นขึ้น ด้วยการทำสมาธิให้มากขึ้น

เถรี
29-06-2018, 19:52
ถาม : ผมบอกบุญกับแม่ว่าจะมีบวชพระร้อยรูป แม่ทำบุญไป ปรากฏว่าทางวัดบวชพระจริงแค่ ๘๔ รูป แม่จะได้อานิสงส์บวชพระ ๑๐๐ รูปไหมครับ ?
ตอบ : ไปหาเพิ่มอีก ๑๖ รูป ไม่อย่างนั้นโดนโทษย้ายเจดีย์ แม่เขาตั้งใจทำบุญบวชพระร้อยรูป เขาได้ร้อยไปแล้ว ความซวยตกอยู่ที่เรา รีบไปหาให้ครบ

เถรี
29-06-2018, 20:17
มีคนมารับวัตถุมงคล "ในจำนวนวัตถุมงคลพอกครั่งทั้งหมดของหลวงพ่อทองศุข เบี้ยแก้หายากที่สุด ทำให้คนไม่ค่อยรู้จักกัน"

ถาม : ใช้แง่ไหนครับ ?
ตอบ : ลักษณะเดียวกับเบี้ยแก้ทั่ว ๆ ไป ป้องกันอันตราย แก้อาถรรพ์ ขับไล่ภูตผีปิศาจ แต่ของหลวงพ่อทองศุขท่านมีคงกระพันชาตรีด้วย ไปหาคำอาราธนาที่ไหนก็ได้

เถรี
29-06-2018, 21:31
ถาม : ถ้าคนต่างชาติเขาเกิดมีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธศาสนา แล้วนำมาปฏิบัติ มาพิจารณา เขาก็สามารถเข้าถึงพระอริยบุคคลได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : การปฏิบัติธรรมไม่ประกอบด้วยเชื้อชาติ สำคัญตรงสติ สมาธิ ปัญญาว่าเพียงพอหรือไม่ ?

ถาม : จำเป็นไหมว่าต้องระลึกถึงพระพุทธองค์ ระลึกถึงพระรัตนตรัย ?
ตอบ : เอาเป็นว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านพบท่านเจอส่วนใหญ่ คือคนต่างลัทธิซึ่งไม่มีศรัทธาอะไรเลย แต่ฟังเทศน์จบเดียวไปกันหมด สิ่งที่คุณว่ามาถึงพร้อมหมดตอนนั้นแหละ

เถรี
29-06-2018, 21:37
ถาม : กำลังของสมาธิต้องถึงระดับไหนคะ จึงสามารถที่จะโน้มน้าวคนได้ ต้องเป็นพระอริยเจ้าหรือเปล่า ?
ตอบ : จะว่าไปแล้วเอาแค่กำลังสมาธิก็พอ ถ้ากำลังสมาธิสูงกว่าก็สามารถใช้งานได้แล้ว แต่ถ้าถึงความเป็นพระโสดาบันขึ้นไป ในบุคคลปกติทั่วไปท่านสามารถที่จะโน้มน้าวได้หมด

เถรี
30-06-2018, 08:20
ถาม : ประคำที่เนื้อเป็นหิน ถ้าเราภาวนาแล้วเนื้อเปลี่ยนไป เช่น ยืมน้องเขามาใช้ไม่นานนักนี้ แล้วสีซีดลง ออกเป็นขาว ๆ ไป เป็นลักษณะเดียวกับที่เขาหุงพลอยไหมคะ ?
ตอบ : คนละอย่างกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของพลังหรือปราณที่แทรกเข้าไปในวัสดุธรรมชาติ จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น พูดง่าย ๆ ว่าลักษณะเดียวกับการพุทธาภิเษกนั่นแหละ แค่เพิ่มพลังงานเข้าไปเท่านั้น

เถรี
30-06-2018, 08:46
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งให้ญาติโยมทราบว่า ต้นแบบหลวงพ่อทองคำงามสุดชีวิตที่เห็นอยู่นั้น ท่านอาจารย์สุชาติคิดค่าปั้น ๘๐,๐๐๐ บาท หลวงพี่มหาเอจ่ายแทนไปเรียบร้อยแล้ว สามองค์ที่ผ่านมาอาตมาไม่มีโอกาสได้จ่ายเลยสักองค์

ด้วยความที่เห็นว่าแบบสวยมากก็เลยอยากได้รูปถ่ายรอบด้าน เผื่อจะทำเป็นองค์เล็ก ต้องดูฝีมือช่างสมัยนี้ก่อนว่ามีความสามารถพอไหม ? ความจริงถ้ามีรูปรอบด้านก็น่าจะขึ้นรูปได้ ลอง ๆ ดูว่ามีใครถ่ายไว้หรือเปล่า"

ถาม : ทำแต่องค์ทองคำหรือคะ ?
ตอบ : ตั้งใจว่าอย่างนั้น แต่ว่าคงต้องเปิดจองในจำนวนจำกัด ด้านข้าง ๆ พอเห็นอยู่ แต่คราวนี้เอาแน่นอนดีกว่า

เถรี
30-06-2018, 09:16
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมทั้งหลายทำบุญกันมากทั้งในส่วนของสังฆทาน ทั้งการสร้างพระพุทธรูปทองคำ ส่วนหนึ่งที่อยากจะเตือนก็คือ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้แม้จะมีอานิสงส์มากเพียงใดก็ตาม ก็ยังเป็นบุญในระดับของทานเท่านั้น กุศลผลบุญที่สูงกว่าทาน ยังมีศีล ยังมีการภาวนา

การที่เราทำทานเป็นปกติ แสดงให้เห็นชัดว่าสภาพจิตของเรามีความโลภน้อยมาก สามารถสละออกได้ทุกเวลาที่ต้องการ คราวนี้เราก็ต้องมาทบทวนศีลของเรา เพราะว่าศีลส่วนใหญ่แล้วเป็นการตัดราคะ โลภะและโทสะ ซึ่งจะเป็นการเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น จึงต้องควบคุมทั้งกาย ทั้งวาจาของตนให้อยู่ในกรอบ แล้วก็ยังมีในส่วนของปัญญาคือการภาวนา ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นการตัดโมหะคือความหลง ที่ทำให้ยึดถือว่าร่างกายนี้ก็ดี โลกนี้ก็ดี ตลอดจนคน สัตว์ วัตถุธาตุ สิ่งของ เป็นเรา เป็นของเรา ซึ่งการที่เราตั้งใจปฏิบัติใน ทาน ศีล ภาวนา เป้าหมายใหญ่ก็อย่าให้ลืมว่า เราตั้งใจจะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ในส่วนนี้พวกเราเมื่อให้ทานแล้ว ก็ต้องทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ปฏิบัติสมาธิภาวนาให้อย่างน้อย ๆ ทรงฌานระดับปฐมฌานได้ ท้ายที่สุดก็คือใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า ร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ไม่สามารถที่จะยึดถือมั่นหมายได้ เพราะสักแต่ว่าเป็นธาตุที่คุมกันมาให้เราอาศัยชั่วคราวเท่านั้น ท้ายสุดก็เสื่อมสลายตายพังไป

ถ้าสภาพจิตของเราไม่ยึดเกาะในร่างกายตนเอง ก็ไม่ยึดเกาะร่างกายคนอื่น ไม่ยึดเกาะร่างกายตนเอง ไม่ยึดเกาะร่างกายคนอื่น ก็ไม่ยึดเกาะในโลกนี้ด้วย โอกาสที่เราจะหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานก็จะมีขึ้น เกิดขึ้นได้

ฉะนั้น...อย่าเพลินอยู่แค่ทาน ยังมีศีลและภาวนาสูงกว่านั้น และโดยเฉพาะว่าในเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา นั้น เป็นสิ่งที่เราทำแล้วไม่เสียเงินไม่เสียของ เรื่องของการทำทานแม้อยู่ในระดับต่ำกว่า ทำง่ายกว่า แต่ต้องสละสิ่งของออกไป ในส่วนที่เราทำโดยลงทุนน้อยแต่ผลานิสงส์มากกว่ายังมีอยู่ ต้องพยายามทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ถ้า ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราครบถ้วนสมบูรณ์ บุคคลนั้นก็ย่อมสามารถก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ดังปรารถนา"

เถรี
01-07-2018, 09:23
ถาม : พระพุทธรูปตามวัด เราไม่แน่ใจว่าเป็นพระพุทธเจ้า หรือเป็นเทวดา เราควรจะวางกำลังใจอย่างไรเวลากราบครับ ?
ตอบ : เห็นพระพุทธเจ้าแล้วไม่แน่ใจได้อย่างไร ?

ถาม : ยังไม่แน่ใจครับ หรือนึกว่าเป็นพระพุทธเจ้าหมดเลย ?
ตอบ : นึกถึงพระพุทธเจ้าก็คือพระพุทธเจ้า

เถรี
01-07-2018, 09:25
ถาม : อาชีพที่ทำแล้วทำให้คนติดมาก ๆ หรือเกิดมากขึ้นเรื่อย ๆ จะเป็นโทษมากไหมครับ ?
ตอบ : ก็ไม่มากเท่าไรหรอก อย่างนักแสดงถ้าไม่เคยทำบุญอื่นเลยก็แค่ลงอเวจีเท่านั้นเอง..!

เถรี
01-07-2018, 09:29
ถาม : วัดเราเสนาสนะเพียงพอหรือยังครับ พร้อมหรือเปล่า ?
ตอบ : เคยได้ยินโบราณเขาพูดไหมว่า วัดกับวังสร้างเท่าไรไม่รู้จบ แบบวัดท่าขนุน สร้างของใหม่เสร็จ ของเดิมก็เก่า ก็ต้องไปซ่อมของเก่า ก็ต้องซ่อมไล่ไปเรื่อย

เถรี
01-07-2018, 09:38
ถาม : เรามีลูก ลูกเราเป็นพุทธภูมิ เราต้องเลี้ยงดูอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็เลี้ยงตามปกติ ถ้าซ่ามากก็แจกไม้เรียวให้..!

เถรี
01-07-2018, 22:42
ถาม : พุทธภูมิที่เลือกลงมาเกิดได้ ทำไมท่านจึงลงมาเกิดช่วงนี้ และถ้าท่านเลือกลงมาเกิด ทำไม ๒,๕๐๐ ปีหลังจึงเสื่อมลงเรื่อย ๆ ทำไมท่านไม่เลือกเกิดมาสมัยที่ดีกว่านี้ ?
ตอบ : ไปถามท่านสิ..!

ถาม : หรือเพราะลำบากกว่า มีความเสี่ยงอยู่ตลอด ?
ตอบ : พุทธภูมิท่านไม่สนใจความเสี่ยง พุทธภูมิท่านสนใจอยู่อย่างเดียวว่าจะได้ทำงานหรือเปล่า ยิ่งยากยิ่งสะใจ

เถรี
01-07-2018, 22:56
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้แต่ละวัดมีภารกิจสำคัญ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือ ต้องไปทำบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี อย่างที่สองก็คือ ต้องไปทำ QR Code เพื่อให้โยมโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การออกอนุโมทนาบัตรทั้งหมดเขาจะออกให้เฉพาะท่านที่โอนผ่านธนาคารและมียอดเงินอยู่ในบัญชีเท่านั้น ถ้าหากว่าผิดยอด ผิดคน อนุโมทนาบัตรใบนั้นไม่เพียงเป็นโมฆะ เจ้าอาวาสยังเจอข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วย ก็แปลว่าโยมคนไหนโอนเงินเข้าบัญชีวัด โยมคนนั้นถึงจะมีสิทธิ์ขออนุโมทนาบัตร ไม่ใช่ว่าเราโอนเงินแล้วขอในนามคนอื่นได้

ตอนนี้กรมสรรพากรกำลังคิดรูปแบบของอนุโมทนาบัตรที่เหมาะสมที่สุด ต่อไปอาจจะเป็นทางกรมสรรพากรเป็นคนออกใบอนุโมทนาบัตรก็ได้

จากการนี้แปลว่าโยมถวายสังฆทานก็ดี หยอดตู้ก็ตาม ถวายทองคำ ถวายเม็ดเงินไม่สามารถที่จะขออนุโมทนาบัตรได้ เขาพยายามสร้างความลำบากในการทำบุญให้กับเรา เพื่อที่ญาติโยมเบื่อ ไม่สนับสนุน วัดจะได้อยู่ไม่ได้"

เถรี
01-07-2018, 23:01
"เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ มีการประชุมคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ธนาคารก็ไปร่วมประชุมด้วย และพร้อมที่จะให้ทุกวัดเปิด QR Code อาตมายังไม่ทำเพราะเกี่ยงอยู่ตรงที่ว่าเป็นธนาคารออมสิน

อาตมาเข็ดกับธนาคารออมสินมาตั้งแต่สมัยฆราวาสแล้ว ฝากออมสินตอนอายุ ๑๒ ขวบ ไปถอนเงินตอนอายุ ๒๕ ปี เขาจะให้ลายมือเหมือนเดิม ลายมือไม่เหมือนเขาไม่จ่าย ลักษณะนั้นต้องบอกว่าเป็นความรอบคอบแบบโง่ ๆ สร้างความลําบากให้กับลูกค้า เพื่อที่จะไม่ให้เขาถอนเงินหรืออย่างไรก็ไม่รู้"

เถรี
01-07-2018, 23:05
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมที่จองบาตรน้ำมนต์ ๖๐ ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม โปรดทราบบาตรใหญ่มาก อย่าคิดว่าใบเล็ก ๆ เพราะว่าอาตมาเบื่อครอบน้ำมนต์โบราณ เอาไม้พรมน้ำมนต์จิ้ม ๓ ทีก็หมดน้ำมนต์ไปครึ่งหนึ่งแล้ว ก็เลยทำให้ใหญ่หน่อย

แค่เหรียญทำน้ำมนต์พุทธบารมีสุริยันทรงกลดก็กว้าง ๙ เซนติเมตรแล้ว โยมลองนึกเอาแล้วกันว่า ๙ เซนติเมตรนี้อยู่ก้นบาตร แล้วปากบาตรจะกว้างเท่าไร ?

โยมบางคนอาจจะสงสัย เราใช้วัสดุจากการหล่อหลวงพ่อนากซึ่งผสมทองไปหลายกิโลกรัม ก็เลยต้องแพงหน่อย เพราะว่าใบใหญ่ด้วย อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะถึง ๑๔ เซนติเมตร"

เถรี
01-07-2018, 23:16
ถาม : ผมฟังยูทูบว่าจะแก้นิวรณ์อย่างไร ถ้าหายใจเข้าไปที่ท้อง หายใจออกไปที่กระหม่อม ใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ไปที่อื่นก็แก้ได้อยู่แล้ว ถ้าเผลอหลุดจากลมหายใจไปคิดเรื่องอื่นก็ฟุ้งต่อไป

เถรี
01-07-2018, 23:21
พระอาจารย์เล่าว่า "ด้วยความที่ชื่อเสียงของพระอาจารย์เล็กที่ว่าตรงเวลาจนน่าเกลียด นัดทอดผ้าป่าวันวิสาขบูชาตอน ๑๐ โมง ท่านนายอำเภอจึงไปตั้งแต่ ๗ โมงครึ่ง ไปถึงก็ยุติธรรมมาก ไม่ว่าจะ ผบ.ร้อย ตชด. ผู้กำกับสถานีตำรวจทองผาภูมิ ผู้พิพากษา หรือนายอำเภอ นั่งแบกับพื้นเหมือนกันหมด เก้าอี้มีไว้ให้คนแก่เท่านั้น รู้สึกว่าท่านทำท่าไม่คุ้น ไม่เป็นไรหรอก...ไปบ่อย ๆ ก็จะคุ้นไปเอง

ตั้งโต๊ะหมู่แล้วไม่มีโต๊ะกราบ เขาก็งงเหมือนกัน ก็ต้องอธิบายให้ฟังว่า พวกเรากราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ถ้ามีโต๊ะกราบก็กราบไม่ได้ เบญจางคประดิษฐ์ ๑ ศีรษะ ๒ ศอก ๒ เข่า ต้องลงพื้นหมด ถ้ามีโต๊ะกราบก็ได้แค่ไหว้แปะ ๆ เท่านั้น

ตอนนี้ทางด้านทองผาภูมิ พระเกือบทุกวัดเริ่มทำตาม เพราะหลายงานอาตมาไปเป็นประธานเอง เมื่อถึงเวลามีโต๊ะกราบ ก่อนจุดธูปเทียนอาตมาดึงโต๊ะกราบออกเลย กราบกับพื้นให้เขาดู ถ้ามีโอกาสก็จับไมค์ฯ อธิบายให้เขาฟัง โดยเฉพาะประเภทเดินเข้ามาทั้งรองเท้านี่โดนแน่ ๆ"

เถรี
01-07-2018, 23:26
"ข้าราชการส่วนใหญ่แล้วมักจะเข้าศาลาเข้าโบสถ์ทั้งรองเท้าเลย ไปเลียนแบบมาจากไหนก็ไม่รู้ ? อาตมาไปเทศน์ที่โรงเรียนนาคประสิทธิ์ ครูและนักเรียนเกือบ ๕,๐๐๐ คน พอเขาอาราธนาเสร็จ บอกเขาว่าก่อนตั้งนะโมฯ ขอให้ครูและนักเรียนทำอะไรบางอย่าง อาจจะเพี้ยน ๆ แต่ขอให้ทำเถอะ ไม่อย่างนั้นพระก็เทศน์ไม่ได้ คือ ขอให้ทุกคนถอดรองเท้าก่อน เพราะว่าพระห้ามแสดงธรรมแก่ผู้ที่สวมรองเท้า อธิบายให้เขาฟังว่าการเข้าไปในสถานที่บางอย่าง เช่น ในโบสถ์หรือลานเจดีย์ให้ถอดรองเท้า ต่างชาติอย่างพม่าถอดรองเท้าตั้งแต่เข้าประตูวัดเลย ของเราเอาแค่ฟังธรรมก็แล้วกัน

ค่อย ๆ ปรับให้เข้าที่ แล้วเจ้าคณะอำเภอท่านก็เห็นด้วย บอกพระอาจารย์เล็กประสบการณ์เยอะ มีอะไรที่ถูกควร ช่วยกันปรับช่วยกันแก้ จะได้ไม่ขายหน้าเวลามีผู้ใหญ่จากกรุงเทพฯ มา

ในกรุงเทพฯ หลายแห่งกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วว่า ใส่รองเท้าเข้าไปในโบสถ์ได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้างานทั่วไปไม่เป็นไร แต่งานเกี่ยวกับพิธีสงฆ์หรือเกี่ยวกับพระเทศน์ โปรดถอดเสียเถิด เป็นอะไรที่แย่มาก หลายครั้งงานหลวง เขาใส่รองเท้าเข้าไปเลย ใส่รองเท้าเข้าในโบสถ์เลย อาตมาเองไม่รู้จะว่าอย่างไรเพราะว่าไม่ใช่เจ้าของงาน แล้วโยมก็จะขอผ้ากฐินพระราชทานไปให้ อาตมาก็บอกไม่ต้องหรอก เพราะว่าขี้เกียจจัดพิธีรับ ซึ่งบรรดาข้าราชการต้องใส่รองเท้าเข้าโบสถ์แน่ ๆ"

เถรี
03-07-2018, 21:37
ถาม : ปรอทสำเร็จครูบาศรีอ่องบูชาอย่างไรคะ ?
ตอบ : พกติดตัว ป้องกันอาถรรพ์ต่าง ๆ ได้

ถาม : ต้องเลี้ยงทองอีกไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ต้อง เพราะว่าอยู่ตัวแล้ว ลักษณะอย่างนั้นไม่กินทองอีกแล้ว

เถรี
03-07-2018, 21:41
พระอาจารย์กล่าวถึงการดูวัตถุมงคลว่า "ถ้าเคยเห็นฝีมือช่างฝีมือเดียวจนคุ้นตา ก็จะบอกว่าฝีมืออื่นไม่ใช่ ของพวกนี้ไม่ได้ดูแค่ฝีมือช่าง ต้องดูเนื้อ ดูอายุด้วย ว่าใกล้เคียงกับระยะนั้นหรือเปล่า ? ไม่ใช่อะไรที่ต่างจากที่ตัวเองเห็นก็บอกว่าไม่ใช่ไว้ก่อน ลักษณะนั้นจะพลาดของดีไปอย่างน่าเสียดาย

แบบเดียวกับเดือนก่อนที่โยมเอามีดหมอหลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ มาออกเว็บ แล้วบอกว่าไม่รู้ว่าที่ไหน แต่น่าจะเป็นสายหลวงพ่อแจ่ม แล้วก็ออกในราคาถูกมา อาตมาก็เลยรีบตะครุบเอาไว้ เพราะว่านั่นคือลายมือของหลวงพ่อแจ่มเองเลย ส่วนใหญ่เขาเคยเห็นแต่ลายมือหลวงพ่อชิน ที่เป็นคนเขียนให้หลวงพ่อแจ่มในช่วงหลัง เขาก็เลยคิดว่าไม่ใช่ ก็แปลว่าของพระอาจารย์ลงมือจารเองแท้ ๆ ไม่รู้จัก ไปรู้จักแต่ของลูกศิษย์

ของบางอย่างหายากมาก คนเขาไม่รู้จัก โดยเฉพาะลูกอมชานหมากหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา นาน ๆ จะหลุดมาสักลูกหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นพระธาตุไปแล้ว แทบจะไม่มีลักษณะของชานหมากเลย"

เถรี
03-07-2018, 22:38
พระอาจารย์กล่าวว่า “เดือนหน้าปลายเดือนก็จะเข้าพรรษาอีกแล้ว ที่วัดจะมีบวชหมู่ก่อนเข้าพรรษา สมัครได้ตั้งแต่ตอนนี้ถึงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ บวชวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑

วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ นาคทั้งหมดต้องเข้าวัด ไปซ้อมขานนาค ใครไม่ผ่านก็ไม่ได้บวช ถ้าใครผ่านบวชวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ คือ วันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ หลัง มีเวลา ๗ วัน ให้ตัดสินใจ ถ้าอยู่ไม่ได้จะได้มีเวลาให้สึกก่อน ถ้าอยู่เข้าพรรษาได้ ก็ต้องไปสึกหลังรับกฐินแล้ว ที่บวชวันขึ้น ๘ ค่ำเพื่อให้คนที่ไม่ไหวเขาจะได้มีเวลาสึก”

เถรี
03-07-2018, 22:42
พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า ไท ความหมายแต่เดิม แปลว่า คน ความหมายต่อมาคือเป็นอิสระ เป็นใหญ่ในตัว ถ้าหากว่าใส่ ย.ยักษ์ ตามไป ไทย แปลว่า ให้ทาน ก็แปลว่า ไทย คำสุดท้าย คือประเทศไทยในปัจจุบัน มีความหมายว่าเป็นผู้ให้

ฉะนั้น...ปัจจุบัน ของถวายพระ เขาเรียก ไทยธรรม ไม่ใช่ ไทยทาน เพราะว่าทานก็แปลว่าให้ กลายเป็นว่าให้ซ้อนให้ ไทยธรรมคือของที่ควรแก่การให้ต่อพระภิกษุสงฆ์

คำว่า ไท ที่ในภาษาโบราณแปลว่า คน อย่างเช่นว่า ถ้าเราไปที่เสฉวนหรือกว่างสี ซึ่งมีคนจ้วงซึ่งเป็นไทโบราณอยู่เยอะ ๆ ถามว่า "มึงเป็นไทบ้านใด๋ ?" ก็คือ "มึงเป็นคนบ้านไหน ?" ความหมายของคำว่าไท จึงหมายถึงคนก็ได้

แต่ว่าพวกจ้วงนี่น่าขำที่สุด เขาคิดว่าเขามีคนของเขาอยู่แค่ในเขตกว่างสี พอถึงเวลาบอกว่ามีประเทศไทย มีคนตั้งหลายสิบล้านคน เขาไม่เชื่อหรอก เขาไม่เคยเห็น พูดภาษาเก่า ๆ พวกเราฟังรู้เรื่อง แต่เขาฟังเราไม่รู้เรื่อง เพราะว่าภาษาเราไปไกล พัฒนาไปเยอะ"

เถรี
03-07-2018, 22:45
"ประเทศจีนมีนโยบายการปกครองหลายอย่างด้วยกัน อย่างพวกชนกลุ่มน้อย เขาแบ่งเป็นเขตปกครองตนเอง อย่างเช่นเขตปกครองตนเองซินเจียง - อุยกูร์ เขตปกครองตนเองกว่างสี - จ้วง พวกนี้จะเป็นเผ่าต่างหากที่มีคนค่อนข้างมาก แยกเป็นเขตปกครองตนเอง เขตปกครองตนเองทิเบต - ชิงไห่ ก็จะมีแต่พวกเชื้อสายทิเบตเยอะแยะ แล้วก็มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ อย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษซ่างไห่ หรือที่เราเรียกว่าเซี่ยงไฮ้ ยังมีฮ่องกง มาเก๊า เกาลูน

กฎหมายจีนนี่ขึ้นอยู่กับว่าใช้ในพื้นที่ไหน ไม่ได้ตีกวาดทีเดียวหมด กฎหมายหลักมีอยู่ แต่ว่าในแต่ละเขตจะมีความพิเศษต่าง ๆ กันไป คล้าย ๆ กับบ้านเราที่มีกรุงเทพมหานครกับเทศบาลเมืองพัทยา สองที่นี้แทบจะเป็นเขตปกครองตนเองไปแล้ว

มีอีกที่หนึ่งซึ่งอาตมาอยากให้ทำเป็นเขตพิเศษเลย ก็คือทางด้านป่าตอง ภูเก็ต หลุดเข้าไปนี่เหมือนอยู่ต่างประเทศเลย แม้กระทั่งรถก็ต้องขับชิดขวา ขับชิดซ้ายไปอยู่ดี ๆ เลี้ยวเข้าตรงนั้นต้องชิดขวาเลย เพราะว่ามีชาวต่างชาติมาก เขาเคยชินกับการขับรถชิดขวา ประเทศที่ขับรถชิดซ้าย มีแค่ไม่กี่ประเทศ มีไทยเราเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น"

เถรี
03-07-2018, 22:47
พระอาจารย์กล่าวว่า "คาดว่าจะมีกระทู้คนมีเงิน ฯ ได้อีกไม่เกิน ๑ ครั้ง ก็ต้องหลีกทางให้กระทู้กฐินปลดหนี้แล้ว แปลว่าอีกประมาณเดือนหนึ่งจะมีผ้ายันต์กับเหรียญท้าวเวสสุวรรณไปอยู่ในกฐินปลดหนี้ มีโยมถวายมาเยอะแล้ว ๓ วันนั่งรับอยู่ตรงนี้ได้มาเยอะเลย"

เถรี
03-07-2018, 22:51
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมถวายเงินและทองคำ ต้องบอกว่าเป็นของมีค่าที่หาได้ยาก เพื่อร่วมหล่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แต่คราวนี้ของที่มีราคาขึ้นอยู่กับสถานที่และเวลาด้วย คือต้องขึ้นอยู่กับกาลเทศะ อย่างเช่นถ้าอยู่กลางป่าลึก ระหว่างทอง ๑๐ กิโลกรัมกับข้าวสาร ๑๐ กิโลกรัมจะเลือกอะไรดี ? หรือไม่ก็อยู่กลางทะเลทราย ทอง ๑๐ กิโลกรัมกับน้ำ ๑๐ ลิตรจะเลือกอะไร ? ของบางอย่างจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่ออยู่ในกาลเทศะที่เหมาะสมเท่านั้น

อาตมาเองไปธุดงค์ใหม่ ๆ ก็ราว ๆ ๓๐ ปีก่อน บ้านกะเหรี่ยงหลายบ้านไม่รู้จักเงิน เวลาไปขอซื้อของ เขาให้ฟรี ๆ เลย คนที่รู้จักเงินก็บอกว่าไม่ต้องหรอก ที่นี่ไม่มีที่ให้ใช้ บ้านเขาไม่มีที่ใช้ บ้านกะเหรี่ยงลึก ๆ ที่เข้าไปนั่น สิ่งที่มีค่าที่สุดของเขาคือข้าว แต่ละปีปลูกข้าวให้พอกิน ส่วนเรื่องผักเรื่องเนื้อนี่หาเก็บเอาในป่า หาล่าเอาในป่าได้ ส่วนที่สำคัญที่สุดของเขาก็คือข้าว ต้องให้มีพอกินเท่านั้น ถึงเวลาอยากได้อะไร ก็เอาข้าวไปแลกเอา"

เถรี
03-07-2018, 22:58
"อาตมาเคยเดินธุดงค์อดน้ำอยู่เป็นวัน เพราะว่าสถานที่ซึ่งเคยมีน้ำแห้งหมด พวกช้างพวกวัวพวกหมูลงไปเกลือกจนกลายเป็นขี้โคลนไปหมด ไม่มีน้ำเหลือ ต้องอดน้ำกันเป็นวัน บางแห่งมีน้ำเหลือก็กลายเป็นขี้โคลน แล้วพวกสัตว์ก็ขี้เยี่ยวลงไปด้วย จะทำอย่างไร ? หาน้ำไม่ได้

ในเมื่อหาไม่ได้ก็เอาผ้าอาบซึ่งก็คือลักษณะเหมือนผ้าขาวม้า แต่เป็นของพระ เอาผ้าอาบพาดปากบาตรไว้ แล้วก็ใช้ฝาบาตรตักน้ำ เทลงไปเพื่อกรอง ก็ได้น้ำที่พอจะสะอาดขึ้นมานิดหนึ่ง แล้วก็เอาไปต้ม แต่ต้มอย่างไรกลิ่นฉี่ก็ไม่หมด ก็ต้องกินทั้งอย่างนั้น ไม่กินก็ไม่ได้เพราะว่าไม่มี ดังนั้น...พอเวลาอยู่ในที่ลำบากแบบนั้น ทำให้เห็นว่าสิ่งที่มีคุณค่าในชีวิตจริง ๆ ไม่ใช่เงินทอง หากแต่เป็นปัจจัยเครื่องอาศัยในการยังชีพของเรา

ตอนที่เรียนวิชาทหารอยู่ เขามีการบังคับอด ๗๒ ชั่วโมงคือ ๓ วัน ไม่มีอาหาร มีพื้นที่หนึ่งก็คือวัดสมอระบัง อยู่ริมทะเลเพชรบุรี เป็นภาคที่ลุ่มของทหารที่ไปฝึกกัน ระยะทางแค่ประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ เมตร เขาปล่อยเราลงจากเรือแล้วก็ให้ขึ้นฝั่งให้ได้ ปล่อยไปตอนหนึ่งทุ่ม ต้องขึ้นฝั่งให้ได้ก่อนตี ๕ ขอยืนยันว่าฟังไม่ผิด ระยะทางไม่เกิน ๓๐๐ เมตร

พอลงจากเรือไปก็ฮวบ...! เกือบถึงไหล่ ขี้โคลนล้วน ๆ ยกขาซ้าย ขาขวาก็ติด ยกขาขวา ขาซ้ายก็ติด หวังจะอาศัยต้นโกงกางดึงตัวเองไป พอดึงเข้าแทนที่ตัวเองจะไป ต้นไม้ดันลอยมาหา ระยะทางแค่นั้นเขาให้เวลาตั้งแต่ทุ่มหนึ่งจนถึงตี ๕ ต้องขึ้นฝั่งให้ได้

หลุดขึ้นไปก็หมดสภาพ ไม่มีข้าวปลาอาหารให้กินนะจะบอกให้ เป็นช่วงปัญหาอด บางทีก็ ๓ วัน บางทีก็ ๕ วัน แต่ส่วนที่น่าทึ่งที่สุดก็คือเด็ก ๆ แถวนั้น...สุดยอดมาก ทหารเขาวางเวรยามป้องกันไว้หมด แต่มีเด็กเล็ดลอดเข้าไปเอาของไปขายให้พวกเราได้ เขาเก่งกว่าทหารอีก"

เถรี
03-07-2018, 23:04
"มีเด็กคนหนึ่งอายุน่าจะประมาณ ๘ ขวบ หรือ ๑๐ ขวบ เอาน้ำดำอัดลมเข้าไป สมัยก่อนเป็นขวดแก้ว เอาเข้าไป ๖ ขวด ไม่มีเสียงสักแก๊ก...! ใช้ผ้าขาวม้าพันมา พันเสร็จแล้วก็มัดติดหลัง คลานเข้าไป ถึงเวลาเขาสะกิดทีละเต็นท์เลยนะว่าใครจะเอา พวกเราก็ไม่มีเงินติดตัว ก็ต้องประเภทคนเมืองเข้าป่าหรือคนป่าเข้าเมืองอะไรประมาณนั้น มีสร้อย มีแหวน มีนาฬิกา ก็ถอดไปแลกกับเขา

บางคนเข้าไปนี่ข้าวผัดทั้งตะกร้าเลย น่าทึ่งมากว่าเขาเอาเข้าไปได้อย่างไร แสดงว่ารู้พื้นที่ทุกตารางนิ้วดีกว่าเรามาก แล้วพวกนี้รับผิดชอบมาก ขายข้าวผัดให้เรา กินเสร็จสรรพเรียบร้อยเก็บขยะคืนด้วย เก็บขยะคืนไม่พอ ยัดขยุกขยิกใส่มือ อะไรวะ ? ยอดฝรั่ง ให้เคี้ยวก่อน บอกว่าเดี๋ยวเจ้านายจะได้กลิ่น

พอเจอสถานการณ์อย่างนั้นถึงได้เห็นว่าของที่มีราคาที่สุด ไม่ใช่แก้วแหวนเงินทอง ไม่ใช่เครื่องประดับแพง ๆ ที่ติดตัว ถึงเวลาหิวไส้ขาดขึ้นมานี่ต้องถอดแลกกัน นาฬิกาเรือนหนึ่ง ตอนนั้นราคาประมาณ ๒,๐๐๐ กว่าบาท แลกข้าวผัดห่อหนึ่ง ๒,๐๐๐ กว่าบาทสมัยนั้นซื้อทองได้ตั้งบาทหนึ่ง"

เถรี
03-07-2018, 23:08
"ตอนที่อยู่ชายแดนตาพระยาซึ่งช่วงนั้น ทหารญวนเฮง สัมริน กำลังเข่นฆ่าคนเขมรด้วยกัน เขาก็ต้องหนีข้ามมาฝั่งไทย เป็นอะไรที่เห็นแล้วน่าสงสารสุด ๆ เพราะความเอารัดเอาเปรียบของคนไทยที่น่าตายมาก พลอยดิบกระป๋องนมหนึ่งแลกข้าวสารได้กระป๋องนมหนึ่ง โห...พลอยดิบราคาถูกก็จริงแหละ แต่คิดราคาแล้วให้ข้าวไปสักกระสอบหนึ่งก็ได้ พลอยดิบตั้งกระป๋องนม มาถึงบ้านเราเอามาเผาแล้วกลายเป็นพลอยเกรดดี ราคาแพงหูดับ

ถึงเวลาส่วนใหญ่จะมีทองติดตัวมา ไม่ใช่ประเภทสร้อยทองอะไร ส่วนใหญ่ก็เป็นทองแท่งทองก้อนมา ก็ต้องแลกทั้งอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นแล้วก็ไม่มีกิน ส่วนใหญ่คนเป็นพ่อเป็นแม่ยอมอดได้ แต่ถ้ามีลูกเล็กมาด้วย อย่างไรก็ต้องตัดใจแลกเพื่อให้ลูกมีอาหารกิน

ไปเจอสถานการณ์แบบนั้น ถึงได้เห็นว่าเรื่องของเงินทองนี่ไม่มีราคาเลย อาตมาถึงมาคิด ๆ ว่า ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ดี เราเองมีทองแท่ง ชิ้นละหนึ่งกรัม..ใช่ไหม ? ถึงเวลาก็แลกทีละชิ้น"

เถรี
03-07-2018, 23:13
"สมัยนี้พลอยราคาแพงหูดับ ไทยเราใช้เทคนิคการเผาเพื่อให้สีเข้มขึ้น เนื้อหาจัดขึ้น แล้วก็เอามาเจียระไน กลายเป็นของแพง ฉะนั้น..เรื่องของพลอยทั่วโลกต้องยกให้ไทยเรา พวกแอฟริกันที่มีพลอยอยู่ในเกรดต่ำ พอถึงเวลาไทยเราไปกว้านซื้อมา เผาแล้วกลายเป็นพลอยเกรดสูงได้"

ถาม : ทำไมถึงเป็นการหุง ?
ตอบ : คำว่า หุง เป็นการที่เราทำพลอยเทียม เขาเรียกว่าพลอยหุง ก็คือการเอาพวกซิลิกามาเข้าอุณหภูมิสูง ๆ มาใส่วัสดุอย่างเช่นว่าออกไซด์ของเหล็กลงไป ถึงเวลาก็จะเปลี่ยนสี แต่ว่าพวกนี้ไม่ใช่ธรรมชาติ เนื้อหาจะแน่นแล้วก็ไม่มีร่องรอยธรรมชาติ อย่างพวกฟองอากาศ พวกรอยแตกรอยร้าวอะไร แต่ว่าเนื้อระดับเพชรรัสเซีย เพชรรัสเซียจริง ๆ ก็คือเพชร แต่เนื่องจากว่าเป็นเพชรที่สังเคราะห์ขึ้นมาโดยห้องทดลอง ไม่ใช่เพชรธรรมชาติเท่านั้นเอง

เขาให้ทอง ๑ กิโลกรัม กับให้ข้าวสาร ๑ กิโลกรัม ถ้าเป็นในสถานะอย่างนั้นแล้วเลือกข้าวสารไว้เถอะ ทองกินไม่ได้ กินแล้วตาย

เวลาอยู่ชายแดนนาน ๆ เพื่อนฝูงส่วนใหญ่อยู่นิ่งกันไม่เป็น เพราะว่าภาวนาไม่เป็น ในเมื่ออยู่นิ่งไม่เป็น ก็ต้องหากิจกรรมทำกัน กิจกรรมที่รุ่งเรืองที่สุดคือการพนัน ไม่ว่าจะเล่นไพ่ ไม่ว่าจะไฮโลว์ พอใครเสียหมดตัวก็ขโมยเงินเพื่อน อาตมาเองเบิกเงินเดือนกับเบี้ยเลี้ยงสนามมา ๘,๐๐๐ บาท ใส่ไว้ในกระเป๋าเครื่องแบบ ถอดเสื้อไปอาบน้ำพักเดียว กลับมาหายไปแล้ว ก็ปล่อยไปเถอะ ใครอยากขโมยก็ขโมยไป เพราะว่าล้วงดูแล้วธงมหาพิชัยสงครามยังอยู่ ถ้าเอ็งขโมยธงไปแล้วไม่เอาเงิน ข้าจะตามล่าสุดหล้าฟ้าเขียวเลย...!

เถรี
03-07-2018, 23:25
พระอาจารย์กล่าวว่า "บรรดาเพื่อนพระสังฆาธิการเขาบอกว่า พระอาจารย์เล็กไปเอาวัยรุ่นเข้าวัดเยอะแยะได้อย่างไร ? ก็เลยสงสัยว่าขนาดพวกเรานี่นับเป็นวัยรุ่นใช่ไหม ? เขาบอกว่าวัดเขามีแต่คนแก่ ๆ ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น...ญาติโยมก็สบายใจได้ เพื่อนของอาตมายังเห็นว่าพวกโยมเป็นวัยรุ่นกันอยู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นแรก ๆ ก็เถอะ...!

ที่เห็นชัดที่สุดก็ตอนไปวัดสามชุก วัดสามชุกเป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่ได้รับรางวัลดีเด่น อาตมาต้องไปเก็บข้อมูลตอนทำวิทยานิพนธ์ โผล่เข้าไปนี่ ที่กำลังเดินจงกรมอยู่ แต่ละคนน่าจะเกิน ๖๐ ปีทั้งนั้น บางคนก็หน้าแทบจะติดดินเลยเพราะว่าหลังค่อม"

เถรี
03-07-2018, 23:46
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตะกรุดหนังหน้าผากเสือของหลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ บางคนอาจจะงง ๆ ว่าทำไมไม่เหมือนหน้าผากเสือ ก็เพราะว่ายุคแรกท่านเอาหนังหน้าผากเสือมาทำแล้วม้วน ปรากฏว่าไปโดนเหงื่อบ้าง ไปโดนน้ำบ้าง เปื่อยหมด ท่านก็เลยปรับปรุงด้วยการทำตะกรุดด้วยเนื้อโลหะทองแดง ทองเหลืองก่อน หลังจากนั้น เอาหนังหน้าผากเสือมาขูดจนบาง จารเป็นตะกรุดแล้วก็พันซ้อนเอาไว้ ให้ตะกรุดโลหะเป็นแกนอยู่ด้านใน จากนั้นก็ให้ลูกศิษย์ถักเชือกลงรัก

ก็เลยกลายเป็นว่า พอเห็นตะกรุดแล้วสงสัยเป็นหนังเสือตรงไหน เกิดจากประสบการณ์เอาไปใช้งานแล้วเละไม่เป็นท่า ก็เลยต้องปรับปรุงใหม่

ถ้าใครเจอตะกรุดหนังเสือหลวงพ่อสว่าง วัดเทียนถวาย ก็เหมือนกัน บางอันนี่บิดงอ จนกระทั่งบอกไม่ถูกว่าจะงอจนสภาพเป็นเลขอะไร ของหลวงพ่อนอถือว่าท่านปรับปรุงเร็วมาก พอมีปัญหารุ่นหนึ่ง รุ่นต่อไปท่านทำใหม่เลย เอาตะกรุดโลหะเป็นแกนกลางอยู่ข้างใน"

เถรี
04-07-2018, 21:50
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนตอนที่บวชใหม่ ๆ ไม่เคยคิดว่าจะต้องมานั่งรับสังฆทานอย่างนี้ ในความรู้สึกตอนนั้น การที่ต้องมานั่งรับสังฆทานอย่างนี้ เป็นเรื่องไกลสุดหล้าฟ้าเขียวเลย ปรากฏว่าประมาณปี ๒๕๓๐ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านลงรับแขกวันวิสาขบูชา โดยปกติแล้วพวกเรา เมื่อถึงเวลาฉันเช้าเสร็จ ก็คือญาติโยมทำบุญเช้า ถวายอาหารเช้า ฉันเช้าเสร็จก็กราบลา ต่างคนต่างไป เหลือหลวงพ่อท่านรับสังฆทานไปเรื่อยยันบ่าย ยันเย็น เพราะว่าญาติโยมมาทำบุญทั้งวัน

ปรากฏว่าวันนั้นหลวงพ่อท่านบอกว่า "พระเอ๊ย...เวลาญาติโยมเขามาวัด เขาอยากเห็นพระสงฆ์เยอะ ๆ เห็นแล้วชื่นใจ เพราะฉะนั้น...วันนี้ฉันเช้าเสร็จแล้วห้ามไปไหน นั่งอยู่จนกว่าข้าจะบอกให้เลิก" เจ้าประคุณเอ๊ย...เพิ่งจะรู้ว่าหัวเข่าของเรามีไว้ปวด นั่งไปเถอะ นั่งยันเพล ฉันเพลเสร็จก็นั่งต่อไป นั่งยันเย็น เหมือนกับขาจะหลุดเป็นชิ้น ๆ หลังจากนั้นมา ทุกงานท่านก็ให้นั่งอยู่อย่างนั้น พระทุกรูปก็เลยขยัน มีงานประจำกัน ถึงเวลาต่างคนต่างกราบลาขอไปทำงานประจำ...!"

เถรี
04-07-2018, 21:51
"คราวนี้อาตมาจะทำอย่างไร ? งานประจำของตัวเองก็คือเฝ้าหน้าห้องให้หลวงพ่อ แล้วหลวงพ่อท่านนั่งอยู่ตรงนี้ อาตมาจะไปเฝ้าที่ไหน ? ก็ต้องนั่งอยู่ตรงนั้น สรุปว่าเหลืออาตมากับพระแก่ ๆ ไม่กี่รูป อย่างหลวงตาเจริญ หลวงตาสมชาย หลวงปู่ทองเทศ นั่งกันไปเถอะ

แล้วก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ท่านฝึกเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้น จะได้มาใช้ประโยชน์ในตอนนี้ เพราะว่าพอมานั่งแล้วเพิ่งจะรู้ว่า ที่ตัวเรานั่งแล้วบอกว่าปวดเข่าจะตาย หลวงพ่อท่านไม่ได้นั่งเฉย ๆ ท่านนั่งคุยกับโยมด้วย แจกของให้โยมด้วย โยกหน้าโยกหลังอยู่ทั้งวัน ก็เลยไม่ทราบว่าเป็นเจตนาของหลวงพ่อที่ท่านจะฝึกเอาไว้นั้น เพื่อให้นั่งรับสังฆทานอย่างนี้หรือเปล่า ? ถึงได้โดนมาขนาดนั้น แต่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นสามารถพูดได้ว่า ไม่มีคำว่าบังเอิญ มีเหตุมีปัจจัยมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่เราจะเห็นเหตุนั้นหรือเปล่าเท่านั้นเอง


หลวงปู่ทองเทศเป็นพระที่น่าสงสารที่สุด เพราะว่าอายุกาลพรรษา ๙๐ กว่า ถ้าหากว่าเป็นปี ๓๐ อาตมาก็เพิ่งจะ ๒๘ แล้วหลวงปู่ท่าน ๘๐ กว่า เกือบ ๙๐ ก็ต้องมานั่งกับพระลูกพระหลาน...ทนไป เพราะว่าพระแก่ ๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่มีงานประจำ ในเมื่อไม่มีงานก็ต้องนั่งเป็นเพื่อนหลวงพ่อท่านไป"

เถรี
04-07-2018, 22:24
พระอาจารย์เล่าว่า "พระทางด้านทองผาภูมิเขาบอกว่า ม้า ไม้ มอญ เอาออกจากวัดให้หมด ไม่อย่างนั้นติดคุกแน่นอน

ม้าที่ว่าคือยาบ้า อย่าให้มีในวัดเป็นอันขาด แต่ว่าวัดของอาตมาไปอยู่ในโครงการวัดสีขาวมานานแล้ว...ปลอดภัย

ไม้ก็คือบรรดาไม้เถื่อน ไม้แปรรูป ต่อให้เป็นต้นไม้ที่ล้มขอนนอนไพรอยู่ในวัด ถ้าไปแปรรูปแล้วทิ้งไว้เป็นแผ่น ๆ นี่โดนแน่

คำว่า มอญ นี่หมายถึงคนต่างด้าว แต่ที่เขาใช้คำว่ามอญคำเดียว เพื่อให้คล้องจองกับม้าแล้วก็ไม้ ถ้าหากว่ามีคนต่างด้าวอยู่ในวัด ปรับเดี๋ยวนั้นเลย ๑๕๐,๐๐๐ บาทต่อคน ดำเนินคดีต่างหาก เพราะฉะนั้น...ถ้าเป็นไปได้นี่ วัดไหนมีต่างด้าวอยู่ในวัด ให้รีบเชิญออกไปก่อน อะไรที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม พยายามกำจัดจุดอ่อนให้เรียบร้อย หาไม่แล้วจะมีปัญหาทีหลัง"

เถรี
04-07-2018, 22:35
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตะกรุดพอกครั่งของหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง จริง ๆ แล้วเป็นของที่คนในพื้นที่หวงสุด ๆ แต่ว่าเป็นเครื่องรางที่ในตำนานที่มีราคาถูกที่สุดในกระบวนทั้ง ๙ อย่าง เพราะว่าท่านทำเอาไว้มาก ท่านรักลูกศิษย์ วัน ๆ นั่งจารนั่งเขียนยันต์แล้วพอกครั่งอยู่นั่นแหละ”

เถรี
04-07-2018, 22:38
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันนี้อาตมานั่งขดหลังแข็ง แกะซองเม็ดเงินซองละบาท ๆ รวมกันได้ ๔๐ กว่ากิโลกรัม นั่งตั้งแต่ตีสอง ที่อยากได้จริง ๆ ก็อยากได้ในลักษณะอย่างนี้แหละ ที่โยมตั้งใจสละทรัพย์กันคนละเล็กคนละน้อยร่วมใจกันทำขึ้นมา

วัดอื่นไม่กล้าทำอย่างนี้ อาตมาขอยืนยัน ถ้าเอาไม่ไกลก็เอาแค่ในทองผาภูมิ ๕๒ วัดกับอีก ๑๙ สำนักสงฆ์ ไม่มีใครกล้าทำอย่างนี้ ประเภทโยมร่วมกันทำบุญคนละ ๒๐ บาท ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท

ส่วนใหญ่เขาจะหาเจ้าภาพให้ได้ก่อน สมมติว่าเขาจะทำงานชิ้นนี้ อย่างเช่นศาลาหลังหนึ่ง มีเสา ๒๐ ต้น เจ้าภาพเสาต้นละ ๕๐,๐๐๐ บาท ต้องหาได้ครบก่อน เจ้าภาพปูพื้น เจ้าภาพหลังคา เจ้าภาพประตู เจ้าภาพหน้าต่าง ถ้าหาไม่ครบเขาไม่กล้าทำกัน เพราะว่างานจะไม่เสร็จ แต่ของวัดท่าขนุนประเภทโยมทำบุญบาทหนึ่งก็ได้ ไม่ได้ว่าอะไร"

เถรี
04-07-2018, 22:41
"อาตมามั่นใจอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนาแล้ว อย่างไรเรื่องของพระ เรื่องของพรหมเทวดา ท่านต้องสนับสนุน อาตมาก็กล้าที่จะนั่งอย่างนี้ รับทีละนิดทีละหน่อย

บางท่านเขาบอกว่าวัดท่าขนุนไม่คบคนรวย...คบเหมือนกัน แต่คนรวยไปวัดท่าขนุนแล้วมักจะอยู่ไม่ค่อยได้ เพราะว่าต้องนั่งกับพื้น วันก่อนไปนี่ไม่ว่าจะนายอำเภอ ผู้พิพากษา ผู้บังคับการสถานีตำรวจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ก็นั่งพื้นเหมือนกันหมด แล้วญาติโยมที่ทำบุญกับอาตมา ก็ไม่ได้สนใจว่านี่นายอำเภอหรือเปล่า เขาก็เบียดไปเบียดมา ท่านก็หลบซ้ายหลบขวาไปเรื่อย

นับเป็นความยุติธรรมอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ ไม่มีใครได้รับการปฏิบัติแบบพิเศษ ราคาเดียวกันหมด นายอำเภอท่านจะเกษียณอายุสิ้นเดือนกันยายนนี้ ท่านก็ต้องเร่งงาน แต่ว่าตอนเปิดรอยพระพุทธบาทท่านบอกว่า “พระอาจารย์เล็กมาสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่นมาก จุดที่เห็นชัดที่สุดคือเวลาวัดจัดงาน ไม่ว่าจะรีสอร์ท บังกะโล โรงแรม จะเต็มหมดทุกแห่ง แน่นจนไม่มีเหลือเลย ”

มีโยมหลายคณะที่วันเป่ายันต์ฯ ต้องไปนอนถึงสังขละบุรี ไม่มีที่ให้นอน แล้วสังขละบุรีต้องขึ้นเขาไป ๘๐ กิโลเมตร ถึงเวลาตีสามก็ต้องรีบมาวัด กลัวว่าจะไม่ทันงาน ไปนอนไกล ๘๐ กิโลเมตร ไปกลับก็ ๑๖๐ กิโลเมตร นอนไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็ต้องวิ่งกลับมาเข้างาน"

เถรี
05-07-2018, 22:00
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมส่วนใหญ่ติดสบาย แล้วลำบากกันไม่เป็น เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง แต่ขณะเดียวกันก็น่าชื่นชมว่าทำบุญมาดี ถ้าบุญดีระดับพระอนุรุทธเถระนี่เจ้าประคุณเอ๊ย...เกิดมาเห็นแต่ข้าวในจาน

พระอนุรุทธ พระกิมพิละ พระภัททิยะ ตอนที่ยังเป็นราชกุมารก็นั่งคุยกัน ต่างคนต่างถามอีกฝ่ายว่า "ภัตเกิดที่ไหน ?" ภัตก็คืออาหาร พระอนุรุทธบอกว่าเกิดในจาน ก็ข้าวอยู่ในจานทุกครั้ง ท่านได้เห็นแค่นั้นจริง ๆ นะ พระกิมพิละบอกว่าเกิดในหม้อ เพราะท่านเคยเห็นแม่ครัวหุงข้าวอยู่ในหม้อ ส่วนพระภัททิยะบอกว่าภัตเกิดในยุ้งฉาง พูดง่าย ๆ ก็คือเคยเห็นข้าวเปลือกอยู่ในยุ้ง ตายละวา...กระทั่งนายังไม่เคยเห็นเลย นี่บุญท่านขนาดไหน ? ประเภทเห็นแต่ในจานนี่ โอ๊ย..จะเป็นลม..!

กษัตริย์สมัยก่อนต้องทำนานะ หลักฐานชัดเจน ๒ อย่าง อย่างแรกคืองานแรกวัปปมงคลนาขวัญ งานแรกนาขวัญนี่เป็นงานของกษัตริย์ไถนาครั้งแรก ประการที่ ๒ ก็คือตระกูลของพระพุทธเจ้า พระเจ้าสุทโธทนะพระราชบิดา พระเจ้าอมิโตทนะ พระเจ้าโธโตทนะ มีคำว่าโอทนะที่แปลว่าข้าวอยู่ในชื่อทุกองค์เลย"

เถรี
05-07-2018, 22:04
"ข้าวในสมัยก่อนเป็นสิ่งสำคัญ ถือว่าเป็นทรัพย์อย่างหนึ่ง เราจะเห็นได้จากมาตราโบราณที่ว่า ๔ เมล็ดข้าวเปลือกเป็น ๑ กุญชา ๒ กุญชาเป็น ๑ มาสก เปรียบด้วยเมล็ดข้าวเปลือก พระภิกษุห้ามจับรวงข้าวที่ยังติดอยู่กับต้น ถือว่าเป็นทรัพย์อย่างหนึ่ง เดี๋ยวมีไถยจิตคิดจะขโมย ดึงออกจากฐานแค่เศษหนึ่งส่วนสิบหกของเส้นผม ก็ขาดความเป็นพระไปเลย

เรื่องของข้าว เรื่องของแม่โพสพจึงสำคัญสุด ๆ เกิดมาแล้วไม่มีแม่โพสพ ไม่มีแม่คงคา ไม่มีแม่พระเพลิง ไม่มีแม่พระพาย ไม่มีแม่พระธรณีสนับสนุนนี่...ตาย เอาชีวิตไม่รอด แม่ธรณีเป็นแม่ธาตุ ธาตุดินก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา โดยเฉพาะโครงกระดูกที่เป็นแก่นของร่างกาย แม่คงคาก็เป็นเลือดเนื้อหล่อเลี้ยงอยู่ข้างใน ต้องเติมลงไปอยู่บ่อย ๆ แม่พระเพลิงหรือแม่อัคนีก็คือความอบอุ่นของธาตุไฟในร่างกาย ถ้าไม่มีร่างกายนี้คงชีวิตอยู่ไม่ได้เพราะขาดไออุ่น แม่พระพายก็คือธาตุลม ทำให้เคลื่อนไหวได้ โดยเฉพาะหายใจหล่อเลี้ยงร่างกายนี้อยู่ แม่โพสพนี่อาหาร ฉะนั้น...โบราณถึงได้เคารพแม่ทั้งหลายเหล่านี้"

เถรี
06-07-2018, 20:29
ถาม : มีคาถาที่ทำให้ความจำดีบ้างไหมครับ ?
ตอบ : ทั่ว ๆ ไปเขาก็ใช้คาถามุนินทะฯ คาถานางฟ้าพิทักษ์พระไตรปิฎกหรือคาถาพระสุนทรีวาณี แต่ทางสายเราก็ใช้คาถาท่านปู่พระอินทร์

มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนัง

หลวงพ่อพระเทพสาครมุนีหรือหลวงพ่อสมบูรณ์ ท่านท่องให้ฟังรอบหนึ่งเลยจำได้ ที่ฟังแล้วสะดุด ๆ นี่คือ เคยฟังมาครั้งหนึ่งเลยยังนึกไม่ค่อยออก ถ้าของที่เคยใช้จะลื่นกว่านี้

ถาม : ทำข้อสอบถ้าจำแม่นเกินเขาจะหาว่าลอก ?
ตอบ : ที่วัดใต้ของกาญจนบุรีโดนไปท่านหนึ่ง ท่านเก่งจริง ๆ ลายมือสวยมากเลยด้วย เขียนบาลีไม่มีผิดแม้แต่ตัวเดียว เหมือนแบบเป๊ะเลย โดนเขาปรับตก ท่านคิดมากจนกระทั่งเสียสติไปเลย

ท่านสอบด้วยความสามารถตัวเองแท้ ๆ แต่คราวนี้ว่าท่านไม่กล้า ถ้าเป็นผม ผมจะบอกว่า "ถ้าอาจารย์จะปรับผมตก ให้เอาข้อสอบใหม่มา ผมจะทำให้ดูตรงนี้เลย" ฝีมือระดับนั้นไม่ต้องกลัว ออกเดี๋ยวนั้นทำเดี๋ยวนั้นก็ได้ แต่คราวนี้ท่านไม่กล้า พอเขาปรับตกท่านก็ไปนั่งคิดมากจนเบลอ

แบบเดียวกับเณรติมสอบนักธรรมตรีที่วัดสามพระยา เขียนกระทู้ไป ๗ หน้า เขาปรับตกครับ เขาบอกว่าเกินภูมิ คือ ๗ หน้านี่เป็นภูมินักธรรมเอก ไม่ใช่นักธรรมตรี แล้วเขาเป็นสามเณรทะลึ่งเขียนไป ๗ หน้า โดนเขาปรับตก สรุปว่าเขาสอบประโยค ๑-๒ ได้ แต่สอบตกนักธรรมตรี

เถรี
06-07-2018, 20:53
ถาม : จะมากราบลาหลวงพ่อไปอยู่ใต้ครับ ?
ตอบ : นึกว่าจะกราบลาออกจากความเป็นคน...! ไปอยู่ใต้ก็ดี จะได้ใช้กำลังใจของตัวเองให้คุ้มค่าหน่อย แล้วไปจังหวัดไหน ?

ถาม : จังหวัดนครศรีธรรมราชครับ ?
ตอบ : ใกล้ไป เพิ่มไปอีกหน่อย ต้องยะลา ปัตตานีโน่นเลย ชีวิตจะตื่นเต้นมาก ทิ้งการปฏิบัติไม่ได้เลย...! ไปเถอะ..ขอให้เจริญ ๆ อย่าลืมไปไหว้พระมหาธาตุเมืองนคร ฝากตัวกับพ่อจตุคามท่านหน่อย

เถรี
06-07-2018, 21:07
ถาม : เวลานอนช่วงผมภาวนาก็จับภาพพระตามความเคยชิน แต่ช่วงที่ผ่านมาภาพพระกลายเป็นภาพกิเลสที่ชอบ แล้วผมไม่รู้ตัวภาวนาจับภาพนั้นกิเลสนั้นไป กว่าจะรู้ตัวว่าเขาเอากำลังภาวนาของเรามาฆ่าเราเสียเอง ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ ถึงได้บอกว่าพวกเราส่วนใหญ่ภาวนาแล้วไม่พิจารณาต่อ พอไม่พิจารณาต่อเขาก็เอากำลังของเราไปฟุ้งซ่านในเรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง แล้วคราวนี้เราเอาคืนได้ยาก เพราะกิเลสแข็งด้วยด้วยกำลังจากการภาวนาของเรา รู้ตัวก็แก้ไขใหม่ อย่าเผลอสติ เผลอเมื่อไรก็จะโดนอีก

เถรี
08-07-2018, 08:55
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมที่จะจองบาตรน้ำมนต์ ๖๐ ปีของอาตมา เตรียมทองไว้ ๕ บาท เอาไปให้เจ้าหน้าที่ข้างล่าง คงใกล้จะหมดแล้วกระมัง ? เพราะว่าสร้างแค่ ๓๖๐ ใบ ที่สร้างน้อยเนื่องจากว่าเนื้อนากที่เหลือจากการหล่อหลวงพ่อนากมีประมาณแค่นั้น

ในบาตรน้ำมนต์จะมีเหรียญพุทธบารมีสุริยันทรงกลด ต้องบอกว่าเพื่อความเจริญรุ่งเรืองโดยเฉพาะ รุ่งริ่งมานานแล้ว จะได้รุ่งเรืองสักที คราวนี้ใครจองบาตรน้ำมนต์จะแถมให้ฟรี ๑ เหรียญ ส่วนใครที่จะจองเหรียญทำน้ำมนต์ ถ้ามีเหลือเดี๋ยวจะแยกให้ต่างหาก คิด เหรียญละบาท บาททองคำนะ เพราะว่าเหรียญทำน้ำมนต์จะสร้างประมาณ ๑,๐๐๐ เหรียญ เอาไปบรรจุเสีย ๓๖๐ เหรียญ ก็น่าจะเหลืออยู่ประมาณ ๖๗๐ เหรียญ"

เถรี
08-07-2018, 08:58
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่างสิบหมู่ โบราณเขามีว่า ช่างกลึงพึ่งช่างชัก ช่างสลักพึ่งช่างเขียน แต่ช่างสลักบางคนเขียนลายเอง สวยมากด้วย ช่างรู้พึ่งช่างเรียน ช่างติเตียนไม่ต้องพึ่งใครเลย สุดยอดจริง ๆ จำได้ไหม ? ช่างกลึงพึ่งช่างชัก สมัยก่อนไม่มีไฟฟ้า แกนกลึงต้องเอาเชือกพัน ๆ แล้วก็ดึง พอดึงแล้วหมุนเร็ว ๆ อีกฝ่ายหนึ่งก็กลึงได้ เพราะฉะนั้น...ช่างกลึงสมัยก่อนต้องพึ่งช่างชัก

ในมหาสติปัฏฐานสูตรบอกว่า ลูกมือนายช่างกลึงผู้ฉลาด เมื่อชักเชือกกลึงยาวก็รู้ว่าชักเชือกกลึงยาว เมื่อชักเชือกกลึงสั้นก็รู้ว่าชักเชือกกลึงสั้น ฉันใดก็ฉันนั้น บุคคลที่ปฏิบัติในอานาปานสติ เมื่อหายใจเข้ายาวย่อมรู้ว่าหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจเข้าสั้นย่อมรู้ว่าหายใจเข้าสั้น เมื่อหายใจออกยาวย่อมรู้ว่าหายใจออกยาว เมื่อหายใจออกสั้นย่อมรู้ว่าหายใจออกสั้น

ในเมื่อช่างกลึงพึ่งช่างชัก ช่างสลักพึ่งช่างเขียน แกะสลักจะสวยก็ต้องพึ่งช่างเขียนลาย แต่เดี๋ยวนี้เห็นช่างแกะสลักเก่ง ๆ เขามีแบบร่างไว้ในใจ เขาหลับตาแกะได้เลย เขาร่างแบบอยู่ในใจของเขาแล้ว พูดง่าย ๆ ว่ามีความคล่องตัวจนเป็นวสี มีภาพอยู่ในใจตัวเอง ถึงเวลาก็แกะได้เลย

ช่างรู้พึ่งช่างเรียน อยากรู้ต้องขยันเรียน ที่เขาบอกว่าอยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน เรื่องของความขยันนี่ทดแทนพรสวรรค์ได้ จัดเป็นพรแสวง คือมีความพยายามสูงแล้วก็สำเร็จ แต่ช่างติเตียนไม่ต้องพึ่งใครเลย เป็นเองโดยธรรมชาติ"

เถรี
08-07-2018, 09:00
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันจันทร์ที่แล้วอาตมาทำครอบฟันหลุด วิ่งไปหาหมอ รถติด ๒ ชั่วโมงกว่าเกือบ ๓ ชั่วโมง แท็กซี่บอกว่า “พระอาจารย์ครับ เปิดเทอมแล้วครับ ต่อไปอย่าให้หมอนัดวันจันทร์นะครับ” ไปถึงอยู่ต่อหน้าหมอ ๕ นาที หมอบอกว่าเสร็จแล้วครับ หมอแค่ทากาวแล้วก็ยัดกลับคืนไปเท่านั้นเอง โอ้โฮ...นั่งรถไปกลับรวม ๕ ชั่วโมงกว่า หมอใช้เวลาทำ ๕ นาที เจอเข้าแล้วอยากจะสะอื้น

อาตมาเรียกได้แท็กซี่ป้ายเขียว เพิ่งเคยนั่งแท็กซี่ป้ายเขียวครั้งแรก พยายามสังเกตดูว่ามีอะไรแตกต่างจากแท็กซี่ป้ายแดง ก็ปรากฏว่ามีกล้องติดรอบเลย กล้อง ๔ ตัว น่าจะให้ความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร แล้วเขาบอกว่ามีระบบติดตามค้นหารถได้ และโทรเรียกได้ด้วย ถ้าโทรเรียกเขาบวกราคาจากปกติ ๒๐ บาท เขาบอกว่า "หลวงพ่อเอาเบอร์ของผมไว้ก็ได้นะครับ" อาตมาบอกว่าเป็นคนไม่โทรเรียกใคร เดินออกไปก็เสี่ยงดวงเอา บางวันก็เจอลุงแก่ ๆ รถเก่า ๆ วัยใกล้เคียงกันก็คุยกันรู้เรื่อง เพลินไปแบบหนึ่ง ไปเจอวัยรุ่นก็ถึงเร็วหน่อย ดีไปคนละแบบ ตอนนี้กำลังรออยู่ว่าวันไหนขลัง ๆ จะเรียก Grab หรือ Uber ดูบ้าง เพื่อลองดูว่าจะโดนเขาปิดถนนกระทืบหรือเปล่า..!"

เถรี
08-07-2018, 09:02
"ขอเตือนญาติโยมว่า ถ้าเป็นไปได้ให้รีบขายรถทิ้ง เพราะว่าแนวโน้มรถยนต์บ้านเราจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ถ้าช้ากว่านี้สัก ๕ ปีจะขายไม่ออก ระยะนี้เป็นไปได้ให้ใช้ขนส่งสาธารณะไปก่อน ใช้รถไฟฟ้า รถเมล์ รถแท็กซี่ อะไรก็ว่าไป ใช้แล้วจะติดใจ ไม่มีภาระเรื่องรถ มีเงินเหลือเยอะเลย เพราะว่ารถมาถึงก็มีแต่ลดไม่มีเพิ่ม รายจ่ายสารพัด

อย่าไปเห็นแก่ตัวเลขสวย ๆ นะ ทองผาภูมิตอนนี้รถกระบะผ่อนเดือนหนึ่ง ๘,๘๐๐ บาท ดาวน์ไม่มี ออกรถได้เลย ถ้าสมมติว่าค่าอาหาร ๓ มื้อ ๒๐๐ บาทพอกินไหม ? ไม่พอก็มื้อสุดท้ายกินบะหมี่แห้งไป ถ้า ๒๐๐ บาท เดือนหนึ่งก็ ๖,๐๐๐ บาท ค่าน้ำมันถ้าหากว่ามีรถ ตีเสียว่ารถแก๊สก็แล้วกัน วันหนึ่ง ๓๐๐ บาทอยู่ไหม ? ตีว่าอยู่ก็แล้วกัน อีก ๙,๐๐๐ บาท รวมเป็น ๑๕,๐๐๐ บาทไปแล้ว ยังไม่คิดค่าน้ำค่าไฟอะไรเลยนะ แล้วไหนยังต้องผ่อนรถอีก ๘,๐๐๐ บาท

เพราะฉะนั้น...อย่าไปเห็นแก่ตัวเลขถูก ๆ ว่าไม่ต้องวางดาวน์ ผ่อนระยะยาวสบาย ๆ สบายสำหรับคนมีเงินเหลือ ไม่ใช่สบายสำหรับมนุษย์เงินเดือน เราอาจจะคิดว่าค่ารถแท็กซี่ ค่ารถไฟฟ้า ก็แพงใกล้เคียงกับค่าผ่อนรถ ถ้าคิดอย่างนั้นนะคิดผิด เรานั่งรถแท็กซี่ เรานั่งรถไฟฟ้า เราไม่ต้องดูแล ไม่ต้องบำรุงรักษา ไม่ต้องเอาเข้าศูนย์ ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก ไม่ต้องเติมแก๊สทุกวัน ถึงเวลาไม่ต้องหาที่จอดรถ ไม่ต้องกลัวโดนล็อกล้อ ไม่ต้องกลัวใบสั่ง ไม่ต้องกลัวเฉี่ยว ไม่ต้องกลัวชน ถ้ารถเป็นแค่พาหนะก็อย่าพยายามมีเลย"

เถรี
08-07-2018, 09:04
"บ้านเราแก้ปัญหาเรื่องรถติดผิดพลาด การแก้ปัญหาเรื่องรถติด ต้องทำขนส่งสาธารณะให้ไปถึงตรงเวลาและมีจำนวนเพียงพอ แต่บ้านเราส่วนใหญ่แล้วเจ้าของบริษัทรถมักจะเป็นนายทุนให้พรรคการเมือง พรรคการเมืองเมื่อไปเป็นใหญ่เป็นโต ก็ต้องทำอย่างไรให้เขาขายรถให้ได้มากที่สุด บ้านเราก็เลยรถติดบรรลัยวายวอด

ถนนในกรุงเทพฯ รองรับรถได้ ๔.๔ ล้านคัน ปัจจุบันบ้านเราเฉพาะแค่กรุงเทพฯ รถทุกประเภทจดทะเบียน ๙ ล้านกว่าคัน ออกมาพร้อม ๆ กันไม่มีที่ให้จอดหรอก ไม่ใช่มีที่ให้ขับนะ เพราะฉะนั้น...พยายามใช้ขนส่งสาธารณะใช้ให้ชินเข้าไว้ ยอมลำบากหน่อย

อาตมาเห็นคนญี่ปุ่นแล้วชอบใจมากเลย ญี่ปุ่นประเทศเล็กนิดเดียว แต่สถานีรถไฟฟ้าแต่ละสถานีนี่เดินกันลิ้นห้อย ออกกำลังไปในตัว แล้วเขาเดินเร็วมาก ถ้าเราช้าเขาเดินชนเลย ขนาดเดินเร็วแล้วยังมีประเภทวิ่งอีกต่างหาก เพราะว่าของเขาถ้าขึ้นรถเที่ยวนี้ได้ก็ไปทันทำงานแน่นอน เขารู้ว่ารถมาถึงตอนไหน รถจะไปถึงช้าที่สุดไม่เกิน ๓ วินาทีจากเวลาที่กำหนดไว้ ของเขาทุกอย่างตรงเวลามาก คนญี่ปุ่นเลยโดนบังคับให้ออกกำลังอยู่ทุกวัน เดิน ๆ ๆ ๆ เดินไม่พอถ้ากลัวไม่ทันรถก็วิ่งอีกต่างหาก"

เถรี
08-07-2018, 09:09
"คนญี่ปุ่นที่มีรถส่วนตัวมีน้อยมาก เพราะว่าถ้าอยากไปช้าให้ไปรถส่วนตัว ถ้าอยากไปเร็วให้ไปรถไฟ รถบ้านเขาความเร็วสูงสุด ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องขับห่างจากคันหน้าอย่างน้อย ๒๕ เมตร ขยับเข้าใกล้ไม่ได้นะ เข้าใกล้เมื่อไรโดนปรับเลย ก็คลานตามกันไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ไปขึ้นทางด่วนญี่ปุ่นแล้วชอบใจมาก ไม่ค่อยมีรถหรอก ถึงเวลาคุณลุงก็โผล่หน้ามา “สวัสดีครับ ๑,๖๓๐ เยนนะครับ รับมา ๒,๐๐๐ เยน ทอนคืน ๓๗๐ เยนครับ พบกันใหม่นะครับ” มีเวลาคุยกับพวกเราเยอะมากเลย ข้างหลังไม่มีรถติดหรอก แต่บ้านเราแก้ปัญหาผิด ไปสนับสนุนการซื้อรถ รถบ้านเรากลายเป็นหน้าเป็นตา ซึ่งไม่ใช่ รถเป็นแค่พาหนะสำหรับเดินทาง

รีบ ๆ ไปชั่งกิโลขายให้หมดก่อนที่จะขายไม่ได้ เพราะว่าถ้ารถไฟฟ้ามา รถน้ำมันรถแก๊สจะขายไม่ออก ตอนนั้นขยะซากรถจะท่วมประเทศ แต่ไม่ต้องกลัวหรอก บ้านเราผ่องถ่ายเก่ง มีใครจำรถเมล์สีฟ้าขาวได้บ้าง ? ๓๐๐ คันจากกรุงเทพฯ ไปวิ่งควันโขมงที่ย่างกุ้งโน่น ถึงเวลาก็นั่งไปเข็นไป บ้านเราเลิกใช้แล้วทางโน้นซื้อต่อ ไปเจาะประตูให้ลงทางขวาแทน เพราะบ้านเขาขับรถชิดขวา บ้านเราขับรถชิดซ้าย ถ้าไปลงทางด้านซ้ายก็อยู่กลางถนนพอดี

อย่าพยายามมีรถภายในระยะเวลา ๗-๘ ปีนี้ รอรถไฟฟ้าท่วมบ้านก่อนแล้วค่อยซื้อ อะไรที่ช้าไปนิดหนึ่งราคาจะถูกลงมาก อาตมาซื้อ Handy Drive หรือ Flash Drive หรือ Thumb Drive ที่พวกเราเรียกกัน ตัวแรกความจุ ๒GB ราคา ๑,๗๒๐ บาท จำมาจนทุกวันนี้ จำว่าเทคโนโลยีอย่ารีบซื้อ เดี๋ยวนี้ ๒GB แถมฟรีไม่มีใครเอา เพราะว่าต่ำสุดที่เขาแถมปัจจุบันคือ ๘GB หรือ ๑๖GB ไปแล้ว ตอนนี้ Flash Drive เริ่มมี ๕๐๐GB มี ๑TB แล้ว

แต่อาจารย์ของอาตมาโดนหนักกว่านั้นอีก ท่านอาจารย์ด็อกเตอร์พิเชฐ ทั่งโต ด้วยความที่ท่านเห็นแล้วว่าเทคโนโลยีนี้ดีมาก แค่วัสดุชิ้นเล็ก ๆ แขวนคอไปชิ้นหนึ่ง ถึงเวลาก็ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยสอนได้ ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในนั้น ท่านซื้อตอนที่ความจุ ๑๒๘MB ราคา ๗,๐๐๐ บาท พอได้ยินอาตมาบ่นว่าซื้อ ๒GB ๑,๗๒๐ บาท ท่านบอกว่า "ผมเจ็บช้ำน้ำใจกว่าพระคุณท่านอีก ผมสั่งซื้อจากต่างประเทศเลย ๑๒๘MB เจอไป ๗,๐๐๐ บาท" ก็เลยบอกว่า "ท่านอาจารย์เลี่ยมทองแขวนคอเป็นที่ระลึกไปเลยครับ" เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องไปรีบซื้อ Samsung Galaxy ต่อให้ Note ๘ ก็เถอะ ตอนนี้ราคาเหลือสักกี่สตางค์ ๒๐,๐๐๐ บาทก็ซื้อได้ ออกมาใหม่ ๆ ๔๐,๐๐๐-๕๐,๐๐๐ บาท

ใช้ช้ากว่าคนอื่นนิดหนึ่งไม่ตกยุคหรอก จนป่านนี้อาตมายังใช้โทรศัพท์เครื่องละ ๖๙๐ บาทอยู่เลย เพื่อนชวน Selfie ก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ เพราะว่าถ่ายไม่ได้"

เถรี
08-07-2018, 09:10
"โทรศัพท์เอาไว้ติดต่อ ไม่ได้เอาไว้ถ่ายรูป คนเราถ้ามีความมั่นใจในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องประดับอะไรหรอก ถ้าขาดความมั่นใจในตัวเอง จากหัวถึงเท้าก็ถมเข้าไปราคาหลายแสน ไปมั่นใจว่าของมียี่ห้อช่วยสนับสนุนเราได้

บางคนถึงเวลาซื้อกางเกงในยี่ห้อใหม่ แหม...เดินยืดเชียว ใครเห็นของมึงบ้างวะ ? แล้วจะยืดไปทำไม ? ยกเว้นว่าใส่แล้วไปเดินยืดไม่มีอย่างอื่นปิดก็ว่าไปอย่าง แต่กางเกงในนี่ไม่มีใครเห็นเลย แต่แหม...เกิดความมั่นใจมาก...เดินยืดเลย สิ่งเหล่านี้คุณค่าเป็นไปตามการใช้สอย ไม่ใช่คุณค่าในการเสริมฐานะหรือเสริมความมั่นใจ ความดีใน ศีล สมาธิ ปัญญา ต่างหากที่ช่วยเสริมความมั่นใจ"

เถรี
08-07-2018, 09:13
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี และรัตนาวุธ