เข้าระบบ

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑


เถรี
07-05-2018, 21:48
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม กลับจากพุทธาภิเษกที่วัดเขาวง ด้วยความทันสมัยเขาก็มอบความไว้วางใจให้ GPS ในรถ ปรากฏว่าพาไปคนละทาง อาตมาต้องประท้วงว่าผิดทาง โยมที่ไปด้วยก็เลยเปิดมือถืออีกเครื่องหนึ่ง ปรากฏว่าสองเครื่องพาไปทางที่อาตมาไม่รู้จักทั้งคู่ เอ้า...บ้าก็บ้าวะ ลองตามดูเผื่อเครื่องจะรู้จักทางที่สั้นกว่า เลี้ยวเข้าไปทางอำเภอท่าเรือ อาตมาก็มองไปข้างหน้าเป็นสะพานใหญ่ ต้องข้ามแม่น้ำก่อน ปรากฏว่า GPS บอกว่าให้เลี้ยวขวาตรงซอยเล็ก ๆ เลี้ยวเข้าไปไม่ถึง ๑๐๐ เมตรก็เห็นป้ายวัดกลางท่าเรือ อ้าว...วัดหลวงปู่เราเองนี่หว่า

ก็เลยบอกโยมว่านี่วัดของหลวงปู่นอ วัดกลางท่าเรือ พวกเราไปไหว้รูปหล่อหลวงปู่กันก่อน เพราะว่าสมัยก่อนตอนวัยรุ่น พระครูแสงท่านพาไปเหนือ ไปใต้ ไปตะวันออก ตะวันตก ไปกราบครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมีความสามารถ ไปหาวัตถุมงคลกัน แต่จำได้ว่าสมัยก่อนวัดอยู่กลางทุ่งนา ตอนนี้วัดมีชุมชนล้อมรอบไปแล้ว

ทำบุญกับหลวงปู่เสร็จสรรพเรียบร้อยออกมา ก็เลี้ยวขวาเลาะไปข้างวัดตามที่ GPS แจ้งตั้งแต่แรก แต่ปรากฏว่าทั้งสองเครื่องยืนยันว่าผิด ให้เลี้ยวออกมาเครื่องพาข้ามสะพานที่เมื่อครู่ไม่ยอมให้ข้าม สรุปว่า GPS เจ๊งสองเครื่องพร้อมกันได้ด้วย ทั้งในรถและทั้งในมือถือ

สรุปว่าหลวงปู่ท่านคงคิดถึง ไม่ได้ไปหาตั้งนานแล้ว ๔๐ ปีกว่าแล้ว สรุปว่าพวกเราคงจะไม่รู้จักท่าน เพราะว่าท่านล่วงลับไปนานแล้วเหมือนกัน มรณภาพไปเกิน ๓๐ ปีแล้ว หลวงปู่นอ วัดกลางท่าเรือ สมัยก่อนเขานิมนต์ท่านไป วัดกลางท่าเรือเป็นวัดร้าง ชาวบ้านหาเจ้าอาวาสมา ๓ รูป ๔ รูป หอบบาตรหอบย่ามหนีกันหมด ไม่มีใครทนอยู่ได้เพราะว่าที่กันดาร พูดง่าย ๆ ก็คือลำบากลำบน ถ้าสมัยนี้ก็คงประมาณอำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

พอหลวงปู่นอไปถึงเห็นญาติโยมมีความหวัง นั่งกันตาละห้อย ก็ว่า "เอ้า...ไม่เป็นไร ในเมื่อตั้งใจนิมนต์มา อาตมาก็จะจารตะกรุดสร้างวัดให้" ท่านว่าอย่างนั้น"

เถรี
07-05-2018, 21:50
"ตอนแรกไม่มีใครเชื่อ แต่ปรากฏว่าตะกรุดที่หลวงปู่นอท่านจารออกมา ท่านบอกว่าลองได้ทุกดอก ชื่อเสียงเกียรติคุณก็ขจรขจายไปเรื่อย จนกระทั่งท้ายสุดท่านก็ได้ทำตะกรุดถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็คือในส่วนของเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์ ถ้าเต็มยศจริง ๆ จะมีเครื่องสำหรับออกรบ ซึ่งจะมีพวกวัตถุมงคลที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องคาดราชศาสตรา ปรากฏว่าหลวงปู่นอเป็นผู้จารตะกรุดถวาย

ตะกรุดที่มีชื่อเสียงที่สุดของหลวงปู่นอ วัดกลางท่าเรือ คือตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ซึ่งเสือตัวหนึ่งทำตะกรุดได้แค่ดอกเดียว เวลาหลวงปู่ปลุกเสกตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หมาวัดหนีเกลี้ยง เพราะว่าท่านปิดกุฏิเสก ๗ เสาร์ ๗ อังคาร จะมีเสียงเสือคำราม มีกลิ่นสาปเสือออกมาชัด ๆ เลย ทั้งชาวบ้านทั้งหมาวัดได้กลิ่นกันโดยถ้วนหน้า พอกลิ่นเสือมาหมาวัดก็อยู่ไม่ได้ เผ่นหนีกันหมด

ถ้าหากนับสุดยอดตะกรุดหนังเสือ ๕ อันดับในประเทศไทย ก็ต้องหลวงปู่นาค วัดอรุณราชวราราม หลวงพ่อสว่าง วัดเทียนถวาย หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ แล้วก็หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม แต่การจัดอันดับบางคนก็สลับกัน บางคนเอาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว แทนหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แล้วก็เอาหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก แทนหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม"

เถรี
07-05-2018, 21:58
"เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของวัตถุมงคลอาตมาไม่ตื่นเต้น ไม่แปลกใจ เพราะว่าเจอมาเยอะ คำว่าเจอมาเยอะ ก็คือเจอพระที่สร้างวัตถุมงคลแล้วขลังระดับนี้มาก

แต่ส่วนที่เขาเล่าให้ฟังก็คือเด็กวัด เด็กสมัยก่อนไม่มีอะไรจะเล่น ก็ยิงนก ตกปลา ชนไก่ กัดปลาไปเรื่อย ลูกศิษย์วัดก็ช้อนปลากัด เลี้ยงปลากัดเอาไปกัด แล้วก็แพ้เขาหน้าเหี่ยวกลับมา เห็นลูกศิษย์หงอยเหงา หลวงพ่อนอก็เลยถามว่าไปทำอะไรมา ?
“ไปกัดปลามาแล้วแพ้เขาครับหลวงพ่อ”
ท่านบอก “มึงเอาปลากัดของกูไปสิ”
ลูกศิษย์ก็ตาลุก “หลวงพ่อเลี้ยงปลากัดด้วยหรือ ?”
“โน่น...อยู่ในอ่างล้างตีน”

พอลูกศิษย์ลงไปดู มีปลากัดตัวหนึ่งสีกระดำกระด่างดูไม่ได้เลย อยู่ในอ่างล้างตีน ช้อนไปกัดกับเขา ปรากฏว่ากัดกี่ตัวก็ชนะ แต่ก่อนไปหลวงพ่อสั่งว่าเสร็จแล้วเอามาเทคืนกูนะ ลูกศิษย์อยากจะเอาไปกัดเขาอีก ก็ใช้วิธีเอาขวดไปซ่อน แล้วก็มาบอกหลวงพ่อว่าเอามาคืนแล้ว หลวงพ่อท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านก็หัวเราะหึหึ

ปรากฏว่าพอรุ่งเช้าเด็กวัดมาเอาขวดใส่ปลากัดเพื่อที่จะไปกัดกับเขาต่อ แต่ไม่มีปลากัดแล้ว ถ้าเป็นรุ่นอาตมาก็คงจะโดนจิ้งจกเอาไปกินหมด พวกจิ้งจกตุ๊กแกนี่พอถึงเวลาจะไปล่อปลากัด ยื่นหัวไปใกล้ ๆ ปลากัดมีนิสัยเจออะไรกัดหมด ยื่นหน้าขึ้นมาก็ถูกฉก ลากเอาไปกิน แต่ของท่านไม่ใช่ เพราะว่าลูกศิษย์ท่านเก็บซ่อนอย่างดี เอาผ้าพันขวดแล้วไปแอบไว้ ในขวดมีแต่ใบจากเก่า ๆ ลอยอยู่ชิ้นเดียว สรุปว่าเอาอะไรไปกัดกับเพื่อนก็ไม่รู้ ?"

เถรี
07-05-2018, 22:00
"สงสัยว่าหลายปีเต็มทีแล้ว หลวงปู่ท่านคงคิดถึง ไหน ๆ ก็มาแล้วจึงแวะไปทำบุญกับท่านหน่อย แต่ที่ขำมากเลยก็คือปกติพวก GPS ผ่านดาวเทียม โดยเฉพาะในมือถือที่อัพเดทตลอดไม่น่าพลาดได้ แต่ปรากฏว่าสองเครื่องพังพร้อมกัน ชี้เข้าวัด พอเข้าวัดทำบุญเสร็จสรรพ ออกจากวัดมาบอกว่าไม่ใช่ทางนี้แล้ว ให้ไปอีกทางหนึ่ง

เพราะฉะนั้น...ถ้าใครผ่านไปทางอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็แวะไปกราบรูปหล่อของท่านได้ จะเห็นว่าจากก่อนหน้านี้อยู่กลางทุ่งนาเป็นวัดร้าง สมัยนี้เสนาสนะพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่าง สมกับที่ท่านบอกไว้ว่าจะจารตะกรุดสร้างวัดให้"

เถรี
07-05-2018, 22:02
"เรื่องของครูบาอาจารย์สมัยก่อน ส่วนใหญ่ท่านศึกษาและปฏิบัติจริง ๆ ถ้ากล่าวถึงหลักธรรมก็ประกอบไปด้วยอิทธิบาท ๔ อย่างเต็มเปี่ยม มีฉันทะยินดีพอใจที่จะบวช เมื่อบวชเข้ามาแล้วก็มีวิริยะ พากเพียรศึกษาทั้งปริยัติและปฏิบัติ จนกระทั่งกลายเป็นที่พึ่งของชาวบ้านเขาได้

สมัยอาตมาเด็ก ๆ เจ้าอาวาสทุกรูปจะมากจะน้อยก็ต้องมีวิชาติดตัว เป็นที่พึ่งชาวบ้านเขาได้ แต่จะเก่งไปคนละทางสองทาง ทางด้านของอาตมาที่อยู่นั้นก็จะมีหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ท่านประเภทเก่งทุกเรื่อง ทำอะไรก็ขลังไปหมด ท่านอื่น ๆ ส่วนใหญ่สมัยก่อนเรื่องของโจรผู้ร้ายมีมาก วัตถุมงคลต่าง ๆ จึงมักจะเน้นไปทางด้านอยู่ยงคงกระพัน

ยุคนี้สมัยนี้การทำมาหากินลำบาก ส่วนใหญ่ก็เน้นเรื่องของลาภผลเมตตามหานิยมกัน เป็นไปตามยุคเป็นไปตามสมัย อาตมาเองบางทีก็ต้องบอกว่า แล้วแต่พระท่านจะสงเคราะห์ อย่างเมื่อล่าสุดไปพุทธาภิเษกที่กองทุนหลวงปู่ปาน บางปลาม้า เขาทำบาตรน้ำมนต์ มีเหรียญทำน้ำมนต์อยู่ข้างใน ปรากฏว่าเสกเสร็จสรรพเรียบร้อย ทางด้านเจ้าภาพคือพระครูสมุห์อานนท์ โทรมารายงานว่าเหรียญแตกไป ๒๐ กว่าเหรียญ อาตมาก็สงสัยถาม ถามว่าได้ตรวจสอบหรือเปล่าตอนที่โรงงานเขาเอาส่งมา ท่านบอกว่าตรวจทีละเหรียญเลยครับ เพราะว่าทำตามจำนวนบาตร ซึ่งก็แค่ไม่กี่ใบ

ก็ต้องบอกว่าบางทีท่านก็ให้มากกว่าที่เราต้องการ ท่านว่าจะไปทำเหรียญใหม่ อาตมาบอกว่าไม่ต้องหรอก เอาเหรียญเก่านั่นแหละ อัดจนแตกขนาดนั้นแล้ว ถ้าใครไม่เอาเราก็เก็บไว้ใช้เอง"

เถรี
09-05-2018, 07:54
ถาม : ถ้าทำงานบริษัทที่เกี่ยวกับเนื้อสัตว์ เช่น กุ้งแช่แข็ง ไก่แช่แข็ง ส่งออก พนักงานจะบาปไหมคะ ? กรณีนี้คือพนักงานไม่ได้สั่งให้ฆ่า แต่เป็นลักษณะขายอาหารแปรรูป เช่น เนื้อแช่แข็งค่ะ
ตอบ : ถ้าแข็งมาแล้วก็ไม่เป็นไร อย่าไปทำให้แข็งเองก็แล้วกัน

เถรี
09-05-2018, 07:57
ถาม : ก่อนที่จะเห็นความดับเกิดขึ้นข้างใน จิตมีความเย็นสบายมาก จึงอยากจะแผ่กระแสแห่งความเย็นนี้ให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลายที่มีความทุกข์ แต่คราวนี้ได้สังเกตว่าสิ่งนี้สามารถกำหนดให้เล็กลงก็ได้ ขยายให้ใหญ่ขึ้นก็ได้ ซึ่งโยมไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด โดยปกติโยมพิจารณาว่าทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจไตรลักษณ์ แต่ว่าเหตุใดพลังงานที่เย็นสบายนี้ เราสามารถกำหนดให้เล็กลงได้ขยายใหญ่ก็ได้ตามอำนาจจิตของเราคะ และอย่างนี้เรียกว่าอะไรคะ ?
ตอบ : แล้วที่ใหญ่ขึ้นเล็กลงไม่ใช่ไตรลักษณ์ใช่ไหม ? ถ้าสภาพจิตมีความคล่องตัว สามารถกำหนดให้ใหญ่ให้เล็กได้ เจาะจงเฉพาะบุคคลได้ หรือว่าให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายพร้อมกันก็ได้ อยู่ที่เราจะทำ

เถรี
09-05-2018, 07:58
ถาม : โยมมักจะเห็นนิมิตในสมาธิสองอย่างอยู่บ่อยมากจนเกิดความสงสัย คือเห็นพระพุทธรูป ๑ และเห็นจักรวาล ๑ มีความหมายไหมคะ ?
ตอบ : ก็คือสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาลล้วนแต่ไม่เที่ยง ล้วนแต่เป็นทุกข์ หาอะไรเป็นเรา เป็นของเราไม่ได้ มีเพียงที่เดียวที่เราควรจะไปก็คือพระนิพพาน ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ที่นั่น

เถรี
09-05-2018, 08:04
ถาม : พระอาจารย์เคยบอกหลวงปู่ฤๅษีเคยพูดว่า "จิตใจผู้หญิงละเอียดอ่อน จึงกระทบได้ง่าย" เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้หญิงจึงยึดง่ายและยึดบ่อย ทุกข์ง่าย เกิดเรื่องง่าย ปล่อยวางยากกว่าผู้ชายใช่หรือไม่...?
ตอบ : ก็ในเมื่อยึดง่ายก็ต้องปล่อยง่ายสิ ส่วนใหญ่แล้วสภาพจิตของผู้หญิงจะคิดเล็กคิดน้อย ถึงเวลาแล้วก็เก็บนี่เก็บนั่นเอามาฟุ้งซ่านเสียมาก แต่ก็มีส่วนดีที่ว่าในเมื่อแบกไว้มาก ๆ ทุกข์มาก ๆ ก็เห็นทุกข์ได้ง่ายกว่า

ถาม : แล้วการปฏิบัติธรรมของผู้หญิงควรเสริมอะไรที่แตกต่างจากผู้ชาย และควรจะสร้างเสริมบุญบารมีอะไรเป็นพิเศษ ?
ตอบ : พิเศษมากเลย ศีล สมาธิ ปัญญาเหมือนกันนั่นแหละ

เถรี
09-05-2018, 08:15
ถาม : การได้ยินสัตว์พูดภาษาคน เราจะได้ยินเขาพูดภาษาที่เรารู้เรื่อง แต่สำเนียงเสียงจะเป็นของสัตว์นั้น ๆ ใช่หรือไม่ ? เช่นถ้าเป็นแมวจะพูดสำเนียงออกแมว ๆ บางทีเราถามเขาจะตอบสั้น ๆ เป็นภาษาคน เหมือนคนคุยกับเราเลย แต่เป็นประโยคไม่ยาว เหมือนเด็กพูด ถูกต้องไหมครับ ?
ตอบ : ยังไม่เคยเจอ เจอแต่เป็นภาษาคนชัด ๆ ยิ่งตอนด่ายิ่งชัด..!

ถาม : มีข้อสังเกตอะไรว่าการได้ยินนี้เป็นของจริง ไม่ใช่ว่าเราผิดปกติครับ ?
ตอบ : ลองถามเขาสิ...หิวไหม ? ถามเขาบอกว่าหิว ก็หาอะไรให้กินหน่อย

เถรี
09-05-2018, 08:15
ถาม : คนแก่ส่วนมากมักเหงา เศร้าลึก ๆ โดยไม่ค่อยรู้ตัว เราควรเตรียมใจเตรียมกายแก่ชราอย่างไรดี ? ทำอย่างไรจึงจะไม่รู้สึกเหงา เศร้าสามารถดำรงชีวิตแม้คนเดียวก็อยู่ได้และเสียชีวิตจากชาตินี้แบบไปดี ๆ
ตอบ : ภาวนาไว้เป็นประจำ ๆ แล้วก็พิจารณาให้เห็นว่า "ธรรมดาเป็นอย่างนี้"

เถรี
09-05-2018, 08:16
ถาม : หากจะนำสัตว์เทพจีน เช่น ปี่เซี้ย, กบสามขา, เต่ามังกร, หรือเทพเจ้าฮกลกซิ่ว ไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกงานเป่ายันต์เกราะเพชร การปิดทองกับไม่ปิดทองก่อนนำเข้าพิธี จะทำให้มีอานุภาพแตกต่างกับหลังเข้าพิธีหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าพระท่านสงเคราะห์ก็เหมือน ๆ กัน

เถรี
09-05-2018, 08:18
ถาม : ขอโอกาสเรียนถามวิธีแก้บนที่จำไม่ได้โดยละเอียด และกราบขอความเมตตาอธิบายลักษณะของบายศรีที่ใช้ในกิจกรรมดังกล่าวกราบขอบพระคุณครับ
ตอบ : ไปหาในอินเตอร์เน็ต ถ้าหาไม่ได้ก็เป็นเวรเป็นกรรมของคุณเอง..!

เถรี
09-05-2018, 08:20
ถาม : ผมมีความสงสัยจากการฝึกกรรมฐานแบบสติปัฏฐาน ๔ เมื่อผมออกจากกรรมฐานแล้ว มีอาการตื่นตัวอยู่ตลอด ผมลองกำหนดจิตลงไปในน้ำในอ่างน้ำ น้ำก็หมุนวนไปได้ตามทิศทางที่เรากำหนด และเมื่อลองกำหนดจิตลงไปที่ฝูงมดที่กำลังเดิน มดก็เดินไปตามที่เรากำหนดเช่นกัน วันนั้นทั้งวันผมนอนไม่หลับเลย ปวดหัวแบบตึง ๆ กว่าจะหลับได้สนิทก็เป็นวันต่อมา อยากเรียนถามพระอาจารย์ว่าสภาวะดังกล่าวนี้ คืออะไรหรือครับ ?
ตอบ : สภาวะนั้นคือสมาธิเริ่มทรงตัวแนบแน่น แล้วก็เกิดอาการปีติโพลงอยู่ในใจ บางที ๓ วัน ๓ คืนไม่ได้หลับหรอก เพราะฉะนั้น...ต้องมีสติรู้อยู่ด้วยว่า ร่างกายของเราไม่ใช่อิฐไม่ใช่ปูน ถึงเวลาก็ต้องพัก ถึงแม้ว่าจะไม่หลับก็ต้องพัก

เถรี
09-05-2018, 08:21
ถาม : ปกติผมจะนั่งกรรมฐานโดยกำหนดจิตขึ้นไปกราบพระข้างบน เสร็จแล้วจะจับภาพพระโดยจะทรงภาพพระให้สว่างไสวและภาวนาไปจนครบกำหนดเวลา แต่ในระยะหลัง หลังจากกราบพระเสร็จภาวนาไปได้สักหน่อย ผมจะไม่รู้สึกตัวเลย จะมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ใกล้จะครบกำหนดเวลาแล้วก็ภาวนาต่อเอง ตอนแรกเข้าใจว่าตัวเองหลับ แต่หลังจากสังเกตดี ๆ แล้ว ไม่มีความง่วงเลย ทั้งก่อนจะไม่รู้สึกตัวและหลังรู้สึกตัว จะมีเพียงแต่คอและหัวที่จะพับลงแต่ลำตัวตั้งตรงครับ อยากขอคำชี้แนะจากพระอาจารย์ว่าควรทำอย่างไรต่อไปครับ ?
ตอบ : ตั้งสติให้มั่นคงกว่านี้ แสดงว่าระยะแรกนั้นเป็นอุปจารสมาธิ พอเริ่มเข้าสู่ปฐมฌานระดับหยาบแล้วสติตามไม่ทัน ก็เลยเหมือนกับหลับไป

เถรี
09-05-2018, 08:23
ถาม : ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการถวายพระพุทธรูปและการร่วมบุญสร้างพระครับ ถ้าผมมีปัจจัย ๑๐,๐๐๐ บาท ผมเช่าพระมาถวายวัด จะได้ขนาดหน้าตักประมาณ ๔ ศอก แต่ถ้าหากผมนำปัจจัย ๑๐,๐๐๐ บาท ไปร่วมบุญสร้างพระที่มีขนาดหน้าตักมากกว่า ๔ ศอก ทำบุญอย่างไหนจะมีอานิสงส์มากกว่ากันครับ ?
ตอบ : เอาอย่างนี้ ร้านไหนที่พระหน้าตัก ๔ ศอกราคาหนึ่งหมื่นบาท ? บอกอาตมาที จะไปเหมาให้หมด สร้างพระองค์ใหญ่กว่า อานิสงส์ก็มากกว่าเป็นปกติอยู่แล้ว

เถรี
09-05-2018, 08:24
ถาม : การจะย้ายเข้าบ้านเช่าต้องใช้ฤกษ์เหมือนขึ้นบ้านใหม่ หรือใช้ฤกษ์สะดวกได้เลยครับ ?
ตอบ : ถ้าห่วงกังวลก็ดูฤกษ์สักหน่อย ถ้าไม่กังวลจะเอาฤกษ์สะดวกก็ได้

เถรี
09-05-2018, 08:27
ถาม : กระผมภาวนาโดยกำหนดลมหายใจเข้าออก พร้อมใช้คำภาวนาว่านะมะพะธะ พอภาวนาไป ๆ รู้สึกเหมือนมีกำลังดึงตัวขึ้นทางศีรษะ แต่สักพักอาการนั้นก็เริ่มคลายไป ในบางครั้งก็มีอาการดึงดูดลงไปยังกลางท้อง สักพักอาการนั้นก็เริ่มคลายไปเช่นเดิม พออาการทั้งหลายเกิดขึ้น กระผมพยายามกำหนดรู้ตาม แต่อาการที่กล่าวมานั้นจะคลายตัวกลับสู่ภาวะปกติทุกครั้ง จะมีวิธีใดที่ทำให้กำลังใจทรงตัวถึงที่สุดและออกไปได้ตามกำลังของมโนมยิทธิ ซึ่งต้องพิจารณาและกำหนดการปฏิบัติอย่างไร ?
ตอบ : การพิจารณาเขาพิจารณาก่อนปฏิบัติ ส่วนเวลาที่เกิดอาการต่าง ๆ เหล่านั้นก็ให้ทำไม่รู้ไม่ชี้ คิดว่าตอนนี้เรากำลังปฏิบัติธรรมอยู่ ถึงตายลงไปเราก็ไปดี ไม่ใช่ไปตามดูตามจี้อยู่ตลอดเวลา แบบนั้นถึงเวลาก็ย่อมถอยไป เพราะว่าสมาธิเราคลายออกมา การที่เราไปตามจี้ดูเป็นอาการของความฟุ้งซ่าน ซึ่งสมาธิไม่ถึงระดับฌาน เมื่อสมาธิคลายออกมาจึงไปต่อไม่ได้

เถรี
09-05-2018, 08:28
ถาม : ผมได้ทำสัญญาเช่าที่ดินมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์เพื่อปลูกบ้านให้โยมแม่และน้องอยู่อาศัย โดยโยมพ่อผมก่อนจะเกษียณได้โอนสิทธิการเช่ามาเป็นชื่อผม โดยได้ทำสัญญาเช่ามาตั้งแต่ก่อนที่ผมจะบวช ซึ่งปัจจุบันนี้น้องสาวผมเป็นผู้จ่ายค่าเช่า สัญญาเช่าปัจจุบันทำครั้งละ ๓ ปี จะหมดสัญญาเช่าประมาณต้นปีหน้า หลักฐานในการทำสัญญาเช่าเดิมใช้บัตรประชาชนของเก่าที่เป็นของฆราวาสอยู่แต่ตอนนี้ได้ทำบัตรประชาชนเป็นพระแล้ว หลังจากหมดสัญญาเช่าประมาณต้นปีหน้าแล้ว จะทำสัญญาเช่าที่ดินต่อโดยใช้ชื่อพระทำสัญญาเช่า จะผิด พ.ร.บ.สงฆ์และวินัยสงฆ์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ผิดหรอก แต่ถ้าจะให้สะดวกก็โอนสิทธิ์ให้น้องสาวไปจัดการแทนก็แล้วกัน

เถรี
09-05-2018, 08:31
ถาม : พ่อเป็นคนขยันทำมาหากินมาทั้งชีวิต ไม่ค่อยได้มาทางบุญเท่าไร ทำบุญบ้างเล็กน้อยตามโอกาส เคยพาพ่อไปรับยันต์เกราะเพชร และถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ ปกติพ่อไม่ค่อยนับถือใคร ในตัวพ่อจะพกแต่ปืนกับเขี้ยวหมูตันเท่านั้น แต่พ่อนับถือหลวงพ่อเล็กบูชาของหลวงพ่อติดตัวตลอด ช่วงหลังพ่อติดสุราต้องกินทุกวัน และเป็นคนจับปลามาตั้งแต่หนุ่ม ๆ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคมที่ผ่านมา พ่อออกไปหาปลา และเป็นลมตายที่กลางทุ่ง เป็นห่วงพ่อกลัวไปที่ไม่ดี หลังตาย ๒ วัน หลวงพ่อมารับสังฆทานที่บ้านเติมบุญ จึงบอกหลวงพ่อว่าตั้งใจจะอุทิศบุญให้พ่อ ได้ถวายสังฆทาน สร้างพระพุทธรูปทองคำ และชำระหนี้สงฆ์ให้พ่อ กลับไปบวชเณรให้อีก ๕ รูป

ต่อมามีคนเห็นว่า พ่อที่ตายไปมองลูกแล้วน้ำตาคลอ พ่อบอกว่าขอบคุณมากที่ทำบุญช่วยพ่อ พ่อกำลังจะเข้าไปในที่ ๆ ร้อนมาก มีเสียงหวีดร้องน่ากลัวสยดสยอง พ่อกำลังจะไปรับโทษของสุรา แต่มีบุญมาช่วยไว้ ตอนพ่อยังอยู่ พ่อเคยคิดในใจ คิดว่าลูกมันจะไปทำบุญอะไรบ่อย ๆ ตอนนี้เข้าใจแล้ว ฝากบอกคนให้เป็นกุศลด้วยว่า หมั่นทำบุญ บุญมีจริง ตอนนี้พ่ออยู่บ้านทรงไทยหลังใหญ่ ที่นั่นเป็นหมู่บ้าน กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า ที่นั่นคือภพภูมิอะไร ?
ตอบ : ไปถามคนที่บอก ตูไม่ได้บอกสักหน่อย ดันทะลึ่งมาถาม

เถรี
09-05-2018, 08:31
ถาม : พิธีพุทธาภิเษกที่วัดเขาวง พระท่านเมตตาให้พรอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ไปถามเจ้าอาวาสวัดเขาวง

เถรี
09-05-2018, 08:32
ถาม : เงินที่ได้จากการประกอบมิจฉาวณิชชา นับเป็นวัตถุทานที่บริสุทธิ์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : มิจฉาแปลว่าผิด ถ้าผิดแล้วบริสุทธิ์ก็ดีสิ

ถาม : เงินที่ได้จากการเล่นหวย นับเป็นวัตถุทานที่บริสุทธิ์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : หวยเป็นการพนัน ถ้ายิ่งหวยใต้ดิน โอกาสบริสุทธิ์ยิ่งไม่มี

เถรี
09-05-2018, 08:33
ถาม : ยันต์เกราะเพชรสามารถสะท้อนไสยศาสตร์ไปยังผู้กระทำได้ แต่เหตุใดยังมีครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อโดนหมอไสยศาสตร์รุมกระทำพิธี แล้วหมอไสยศาสตร์เหล่านั้นยังคงดำเนินพิธีได้ต่อเนื่อง และยังคงทำพิธีได้อีกหลายครั้งครับ ?
ตอบ : ก็เพราะว่าตูไม่ได้ปลุกยันต์เกราะเพชร

เถรี
09-05-2018, 08:35
ถาม : หากบุคคลปรารถนาจะมีจักรวาลเป็นของตนเอง มีตนเองเพียงผู้เดียวที่เป็นใหญ่และปกครองจักรวาลนั้นตลอดกาล บุคคลนั้นจะต้องประพฤติปฏิบัติเช่นไร ต้องสั่งสมบุญกุศล
แบบไหนและควรจะอธิฐานจิตเช่นไร ?
ตอบ : วิธีประพฤติปฏิบัติก็คือ หยุดเล่นวีดีโอเกมส์ แล้วออกไปปฏิสัมพันธ์กับคนทั่ว ๆ ไปเขาบ้าง

แค่คำถามเรื่องจะปกครองตลอดกาลก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นไปได้ทุกอย่างก็เที่ยงหมดน่ะสิ

เถรี
09-05-2018, 08:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ช่วงงานสวดพระคาถาเงินล้าน เมื่อหลวงตาวัชรชัยมาถึง ก็ขอเวลานอก ๕ นาที คิดว่าคนที่ไปร่วมพิธีทุกคนก็คงจะรู้เห็น ท่านบอกว่าในงานพุทธาภิเษกวันที่ ๑ อย่าพูดหรือทำอะไรให้ญาติโยมเขาระส่ำระสายและเสียกำลังใจ เพราะฉะนั้น...เรื่องพรรค์นี้อยากรู้อะไรไปถามท่านเอง เพราะว่าอาตมารับปากท่านไปแล้วว่าจะไม่พูด

เรื่องบางอย่าง ถ้าหากว่าเราฝึกปฏิบัติจริง ๆ ก็สามารถที่จะรู้ได้ด้วยตนเอง แต่ก็มีคนจำพวกหนึ่งที่ขาดความมั่นใจในตนเอง ในเมื่อขาดความมั่นใจ ก็ต้องการที่จะไปสอบถามคนอื่นเพื่อเป็นการรับรองผลว่าการรู้เห็นตรงกันหรือไม่ ซึ่งถ้า หวังความก้าวหน้าในการปฏิบัติ ก็เป็นเรื่องที่ควรจะสงเคราะห์ แต่ถ้าหากว่าอยากรู้เพื่อเอาไปโม้กับชาวบ้านเขาเฉย ๆ ก็สมควรที่จะโดนถีบ..!

แล้วอีกพวกหนึ่งที่น่าถีบยิ่งกว่านั้น ก็คือเพื่อที่จะเอาไปประกอบการจำหน่ายวัตถุมงคล เอาเป็นว่าอะไรถ้าสมควรก็จะบอกจะเล่าให้ฟัง ถ้าไม่สมควรหรือว่าพี่ที่เคารพท่านขอเอาไว้ก็จำเป็นที่จะต้องหุบปากเงียบ"

เถรี
09-05-2018, 22:42
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อไม่กี่วันก่อน พระครูจริยาภิรัต อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีมรณภาพ ความจริงหลวงเตี่ยท่านเป็นคนแก่ที่แข็งแรงมาก ถึงจะอายุ ๗๗ ปีแล้วก็ยังไปไหนมาไหนลักษณะเดินตัวปลิว แต่เรื่องของชีวิตนั้นไม่เที่ยง

ท่านไปให้หมอตรวจสุขภาพ เพราะรู้สึกว่าเพลีย หมอตรวจแล้วก็บอกว่าเป็นอาการปกติของคนแก่ ไม่มีอะไร...ให้กลับไปพักผ่อนที่วัด ตามที่เขาเล่าให้ฟังว่า ออกจากโรงพยาบาลได้ไม่ไกลก็สะอึก ๒ ครั้งแล้วก็ไปเลย ความจริงท่านล้างไตมาประมาณ ๒ ปี แต่ที่ตายดูท่าว่าจะไม่ใช่ไตวาย แต่เป็นหัวใจวาย ลูกศิษย์ไปสังเกตเห็นตอนฟันปลอมท่านหล่น ช่วยปั๊มหัวใจก็ไม่ทันแล้ว

พระครูจริยาภิรัตเป็นตำแหน่งสมณศักดิ์เก่าแก่ของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน ๗ ตำแหน่ง คือ พระครูวิสุทธิรังษี พระครูสิงคิคุณธาดา พระครูจริยาภิรัต พระครูยติวัตรวิบูล พระครูอดุลยสมณกิจ พระครูนิวิฐสมาจาร และ พระครูวัตตสารโสภณ"

เถรี
09-05-2018, 22:46
"ตำแหน่งพระครูวิสุทธิรังษี ตอนหลังปรับขึ้นมาเป็นพระวิสุทธิรังษีสังฆปาโมกข์ ตำแหน่งเจ้าคณะมณฑล ก็คือเป็นเจ้าคุณ

ตำแหน่งพระวิสุทธิรังษีที่โด่งดังที่สุด ก็คือ หลวงพ่อเปลี่ยน อินฺทสโร อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดไชยชุมพลชนะสงคราม หรือวัดใต้

ตำแหน่งพระครูสิงคิคุณธาดาที่โด่งดังที่สุด คือ หลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน เจ้าของแหวนพิรอดที่ดังคู่กับแหวนพิรอดหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว

ตำแหน่งพระครูวัตตสารโสภณที่โด่งดังที่สุด คือ หลวงพ่อดอกไม้ วัดดอนเจดีย์ ดอนเจดีย์นี่ไม่ได้อยู่สุพรรณบุรี แต่เป็นดอนเจดีย์ที่พนมทวน หลวงพ่อดอกไม้สามารถเสกวัวธนูตัวเป็น ๆ ออกมาวิ่งให้ชาวบ้านเห็นต่อหน้าต่อตาได้

ตำแหน่งพระครูอดุลยสมณกิจที่โด่งดังที่สุด ก็คือ หลวงปู่ดี วัดเหนือ (วัดเทวสังฆาราม) ซึ่งตอนหลังก็เป็นเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ขึ้นถึงเจ้าคุณชั้นเทพ คือพระเทพมงคลรังษี

แล้วที่อัศจรรย์ที่สุดก็คือไม่ว่าจะสิงห์เหนือเสือใต้ จะเป็นหลวงปู่ดี วัดเหนือ หลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ หลวงพ่อดอกไม้ วัดดอนเจดีย์ หลวงพ่อสอน วัดทุ่งลาดหญ้า หลวงพ่อเหรียญ วัดหนองบัว ซึ่งเป็นคณาจารย์ มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง ทั้งหมดล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว และหลวงปู่หลวงพ่อที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ยิ้ม ยังมีในจังหวัดอื่นอีกมาก"

เถรี
09-05-2018, 22:52
"ตอนนี้บรรดาเจ้าคณะอำเภอของจังหวัดกาญจนบุรีที่อาวุโสสูงสุด ก็คือหลวงพ่อพระครูนิโครธโยคาภิรักษ์ เจ้าคณะอำเภอไทรโยค วัดน้ำตก ซึ่งอายุเท่ากับหลวงพ่อพระครูจริยาภิรัตพอดี เจอกันในงานศพยังบอกว่า "อายุเท่ากันแต่ท่านไปแล้วไม่ใช่หรือครับหลวงพ่อ ?" "เออ..ก็นั่นนะสิ"

ตำแหน่งนี้เป็นการเล่นคำในบาลี เพราะว่านิโครธหรือนิโครธะ คือ ต้นไทร โยคะคือการปฏิบัติ ในเมื่อเอาต้นไทรกับโยคะมารวมกันก็เป็นไทรโยค เพราะฉะนั้น...พระครูนิโครธโยคาภิรักษ์ก็คือ พระครูผู้รักษาอำเภอไทรโยค ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอไทรโยคนั่นเอง"

เถรี
10-05-2018, 16:03
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตั้งแต่อาตมายังเรียนอยู่ชั้น ป.๓ วิชาสุขศึกษาบอกว่า การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอนหลับ เห็นสมัยนี้พักผ่อนด้วยการเล่นไลน์กัน"

เถรี
10-05-2018, 16:07
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนนี้จะเอาวัตถุมงคลในตำนานมาลงให้คนมีเงินเขาแย่งกัน

เครื่องรางในตำนาน ๙ อย่าง เขาบอกว่า หมากดีที่วัดหนัง เบี้ยขลังวัดนายโรง

หมากดีที่วัดหนังก็คือ หมากทุยของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ถ้าถามว่าหลวงปู่เอี่ยมคือใคร คือพระเถระที่ถวายคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าให้ในหลวงรัชกาลที่ ๕ เสด็จไปประเทศยุโรปแล้วปลอดภัยกลับมาจากการทดสอบความสามารถของบรรดาชาวต่างชาติ

เบี้ยขลัง วัดนายโรง คือ เบี้ยแก้ของหลวงปู่รอด วัดนายโรง

ไม้ครูคู่วัดอินทร์ มีดบินวัดหนองโพธิ์ ไม้ครูก็คือไม้ครู ไม้พ่อครู หรือว่านิ้วเพชรพระอิศวร ของหลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร ซึ่งจะต้องสร้างจากต้นไผ่ที่โดนฟ้าผ่าล้มลงมาทับทางช้าง แล้วช้างจะเดินข้ามโดยที่ไม่กิน เมื่อได้มาแล้วก็ยังต้องทำบัดพลี เอาไปเป็นไม้ทิ่มศพ โดยเฉพาะศพคนตายวันเสาร์ เผาวันอังคารให้ครบ ๗ ศพ แล้วถึงจะเอามาจักเป็นตอกเพื่อบรรจุไม้ครูได้"

เถรี
10-05-2018, 16:10
"หลวงปู่ภูธุดงค์อยู่ ๓๐ กว่าปีกว่าจะได้ไม้มา ถ้าท่านอายุไม่ยืนถึง ๑๐๒ ปีก็คงไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะว่าวัสดุหายากมาก กี่ปีกี่ชาติกอไผ่ถึงจะโดนฟ้าผ่าสักที ? ผ่าแล้วต้องล้มทับทางช้างด้วย แล้วช้างที่ผ่านมาต้องข้ามไปทั้งโขลงโดยไม่กินอีกด้วย

ลูกศิษย์ที่ต้องการไม้ครูไปหาท่าน ต้องเอาหัวหมูบายศรีไปด้วย บางวันหัวหมู ๗ - ๘ หัว ลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดก็ถามว่า "หลวงปู่ไม่ฉันแล้วให้เขาเอามาทำไม ?" หลวงปู่ท่านบอกว่า "ก็ในเมื่อครูใหญ่ท่านบอกให้ไหว้ครูแบบนี้ ถึงข้าไม่ได้ฉันก็ต้องเอา"

มีดบินวัดหนองโพธิ์ ก็คือมีดหมอเทพศาสตรา ของ หลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ ปัจจุบันแต่ละเล่มราคาเป็นแสน ๆ

ราหูคู่วัดศีรษะ แหวนอักขระวัดหนองบัว ก็คือราหูกะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทองกับแหวนพิรอด หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว"

เถรี
10-05-2018, 16:13
"พิสมรวัดพวงมาลัย ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง ก็คือพิสมรที่ทำจากใบลานจากตำบลบางปืน ซึ่งท่านเอาเคล็ดคำว่า "บางปืน" เป็น "บังปืน" คือกันปืนได้ของหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย

ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง ก็คือ วัตถุมงคลของหลวงปู่ทองศุข วัดโตนดหลวง จังหวัดเพชรบุรี วัตถุมงคลของท่าน สารพัดที่จะพอกครั่ง ใช้ได้ทุกอย่าง นักเลงเมืองเพชรดุตั้งแต่โบราณยันปัจจุบัน ถ้าพระเกจิอาจารย์เมืองเพชรบุรีไม่เก่งจริงไม่มีใครเขานับถือกัน

ลูกแร่ที่บางไผ่ ฤทธิ์เหลือร้ายหาใดปาน ก็คือแร่บางไผ่ของหลวงปู่จัน วัดโมลี ถ้าไม่ได้ลูกอมแร่บางไผ่ เขาก็หาพระปิดตาแร่บางไผ่แทน ฉะนั้น...ใครต้องการก็เตรียมเงินหมื่นเงินแสนเอาไว้ เดี๋ยวจะหาว่าอาตมาไม่มีของในตำนานมาลงบ้าง

ทั้งหมดที่ว่ามา สิ่งที่หายากที่สุด ก็คือ ไม้ครูของหลวงปู่ภู วัดอินทร์ รองลงไปก็เป็นเบี้ยแก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรง เพราะตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ อาตมาก็ยังมีเบี้ยแก้ของท่านอยู่แค่ ๒ ลูก มีเท่ากับเจ้าอาวาสวัดนายโรง เจ้าอาวาสท่านเปิดเซฟให้ดูก็มีอยู่ ๒ ลูกเหมือนกัน...เท่าทุน จะตัดใจแบ่งลงกระทู้ให้สักลูกหนึ่ง"

เถรี
10-05-2018, 16:16
"เรื่องของเครื่องรางของขลัง ส่วนใหญ่แล้วพระเกจิอาจารย์ทำให้ลูกศิษย์ลูกหาด้วยความเมตตาจริง ๆ ของบางอย่างก็ทำแค่ไม่กี่ชิ้น วัสดุบางอย่างก็หายาก อย่างตะกรุดหนังหน้าผากเสือ เสือตัวหนึ่งก็มีหน้าผากอันเดียว ก็แปลว่าเสือทั้งตัวทำตะกรุดได้หนึ่งดอก

คนที่ทำตะกรุดหนังหน้าเสือมากที่สุดในประเทศไทย คือ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพราะว่าจังหวัดเพชรบุรีก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าป่าแก่งกระจานใหญ่ขนาดไหน ใครยิงเสือได้ก็เอาไปให้หลวงพ่อทองศุขทำตะกรุดให้

ส่วนครูบาอาจารย์ท่านอื่น ๆ ทำไว้น้อย ระดับเบญจภาคีตะกรุดหนังเสือ อย่างหลวงปู่นาค วัดอรุณฯ มีไม่เกิน ๑๐๐ ดอกเด็ดขาด ถึงได้หายากนักยากหนา

หลวงพ่อสว่าง วัดเทียนถวาย ทำแล้วต้องเสกสามเสาร์ ๕ ตายละวา...สามเสาร์ ๕ ไม่ใช่ว่าปีหนึ่งจะมีทุกครั้ง ก็แปลว่าตะกรุดดอกหนึ่งใช้เวลา ๒ - ๓ ปี กว่าที่จะได้ใช้งาน"

เถรี
10-05-2018, 16:19
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๑๕ กลับมาจากภูเก็ตแล้ว อาตมาจะไปงานทำบุญที่เรือนเทวาสถิตที่บางแค เขาเปิดบ้านสอนกรรมฐานเหมือนกัน นิมนต์หลวงพ่อโนรี วัดหนองหญ้าปล้องมา ใครอยากรู้ว่าอยู่ที่ไหน หาข้อมูลกันเอง ในเฟซบุ๊กน่าจะมี อาตมาไม่เล่นเฟซบุ๊กก็เลยไม่รู้"

เถรี
10-05-2018, 16:21
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานวันที่ ๑ พฤษภาคมที่วัดเขาวง เจ้าภาพที่ถวายไทยธรรม คือ ครอบครัวคุณไพชยนต์ เกษตรเวทิน ถวายทองมาหอบหนึ่ง ตอนแรกคิดว่าเจ้าภาพถวายของมาก็น่าจะปกติทั่ว ๆ ไปคือเป็นไทยธรรมและซองปัจจัย แต่ทางด้านครอบครัวคุณไพชยนต์ที่เป็นเจ้าภาพ มีทองคำระบุว่าร่วมหล่อพระวัดท่าขนุนมาด้วย หลายบาททีเดียว น่าจะระดมกันมาทั้งครอบครัวเลย"

เถรี
10-05-2018, 16:31
พระอาจารย์กล่าวว่า "พูดถึงปรอทสำเร็จก็นึกถึงท่านอาจารย์โมเช่ หายไป ๒ ปีแล้ว ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านไปเรื่อย ท่านบอกว่าเทวดาสั่งให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้น

สมัยที่ยังเป็นฤๅษียังเป็นตาปะขาวอยู่ ก็เลี้ยงพระอยู่ ๑๒-๑๓ รูป ส่วนใหญ่พระธุดงค์ไปอยู่ในเขตรอยต่อ ๓ จังหวัด อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ท่านโมเช่ตอนนั้นมีหน้าที่เดินแบกข้าวไปส่ง ถ้าเป็นอาตมาก็คงไม่ไหว เดินวันหนึ่งเป็นร้อยกิโลเมตรก็มี

ครั้งแรกที่เจอกัน อาตมาธุดงค์ไปพักที่ถ้ำ ท่านโมเช่เป็นตาปะขาวอยู่ แบกเอาหัวเผือก หัวมัน กล้วย อ้อย มาถวาย บอกว่าเทวดาให้มา บอกว่ามีพระรูปหนึ่งอยู่ที่ถ้ำ ต้องการคนนำทางธุดงค์แถวนี้ เลยมาดูว่ามีจริงหรือเปล่า ? แล้วท่านก็ตบท้ายว่า ถ้าเทวดามาบอกแสดงว่าต้องมีความดีพอสมควร"

เถรี
10-05-2018, 16:33
"จะเห็นว่าจริง ๆ แล้ว เรื่องของการรู้เห็นเป็นแค่ของแถมของการปฏิบัติเท่านั้น ถ้าสภาพจิตของเราสงบก็เหมือนกับน้ำนิ่ง น้ำนิ่งสามารถสะท้อนเงาสิ่งของรอบข้างได้ชัดเจนเหมือนของจริง

คราวนี้สภาพจิตของเราถ้านิ่งก็สามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ ต้องถือว่าเป็นของแถมในการปฏิบัติ แต่เท่าที่อาตมาพบมาก็คือ ทุกคนอยากได้ของแถม จนไม่เอาสินค้าหลัก ต้องการของแถมแต่ไม่เอาสินค้าหลักแปลว่าอะไร ? ของแถมอย่างไรเสียก็สู้สินค้าหลักไม่ได้ สินค้าหลักของเราคือ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่จะพาเราพ้นทุกข์ ของแถมบรรดาทิพจักขุญาณหรือญาณอื่น ๆ ที่ได้มานั้น ส่วนใหญ่แล้วพาให้เสียมากกว่าดี

อาตมาเองติดอยู่สามปีเต็ม ๆ คนโน้นถามเรื่องโน้นก็บอก คนนี้ถามเรื่องนี้ก็บอก พอเขาชม "อุ๊ย..เก่งจังเลย ทำไมรู้เห็นได้ชัดเจนขนาดนี้ ? บอกได้เหมือนกับตาเห็นเลย" ก็ตัวลอย อยากจะให้เขาชมอีก ก็วิ่งไปเป็นทาสให้เขาใช้ต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่งน่าจะถึงวาระว่า จะพ้นจากความโง่ตรงจุดนั้นเสียที

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเทศน์วันนั้นเหมือนกับท่านตั้งใจให้ฟังอยู่คนเดียว ท่านบอกว่า "วิชชา ๒ อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ใครทำได้ห่างจากนรกแค่นี้ แค่นิ้วขวาง ๆ อาตมาได้ยินแล้วเหงื่อแตกพลั่กเลย ระดับนั้นแล้วยังห่างนรกแค่นี้ แล้วของเราจะรอดไหม ?"

เถรี
10-05-2018, 17:01
"แล้วท่านก็เทศน์ต่อไปว่า ยกเว้นว่าเราจะปฏิบัติตรงเข้าหาอารมณ์พระโสดาบัน ถ้าหากว่าทรงอารมณ์พระโสดาบันได้ ปิดอบายภูมิได้ถือว่าปลอดภัย แต่ก็ยังต้องเกิดมาทุกข์อีก อย่างน้อยก็ ๑ ชาติ อย่างกลางก็ ๓ ชาติ อย่างมากก็ ๗ ชาติ แต่ขึ้นชื่อว่าความทุกข์นี้วันเดียวก็ไม่เอาแล้ว อย่าให้เป็นชาติเลย อาตมาได้ยินเหมือนนักโทษประหารมีคนเปิดประตูให้หนี ก็เผ่นสุดชีวิตเลย บรรดาอภิญญาสมาบัติอะไรที่อุตส่าห์ฝึกได้ก็กองทิ้งเอาไว้ตรงนั้นแหละ เลิกกันเสียที

ฉะนั้น...ในส่วนนี้ที่อยากจะบอกกับญาติโยมก็คือ การรู้เห็นต่าง ๆ ในการปฏิบัติเป็นของแถม และมักจะพาให้เสียมากกว่าดี อาตมาเองได้รับฉายาจากหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตั้งให้ ท่านบอกว่า "พระท่านตั้งให้เฉพาะ ฉายาที่ตั้งให้ในรุ่นนี้ตรงตัวทุกคน" ท่านตั้งฉายาให้อาตมาว่า สุธมฺมปญฺโญ ท่านแปลเองว่า เป็นผู้มีปัญญาในการปฏิบัติธรรมดีมาก อาตมายังสงสัยว่าตัวเองมีปัญญาตรงไหน ? เพราะว่าไม่ว่าจะปฏิบัติแง่ไหน มุมไหน ถึงเวลาแวะไปหาหลวงพ่อเป็นโดนหวดน่วมกลับมาทุกที ดีตรงไหนวะ ?"

เถรี
10-05-2018, 17:10
"ถึงเวลาก็วิ่งไปรายงานท่านด้วยความภาคภูมิใจ "หลวงพ่อครับ...ตอนนี้อนุสติ ๑๐ ผมสามารถไล่อารมณ์เต็มได้ภายใน ๓๐ นาทีเท่านั้น" หลวงพ่อบอกว่า "ช้าไปลูก ไม่ทันกิน สมัยหลวงพ่อทำกรรมฐาน ๔๐ กอง ถ้าต้องใช้เวลาถึง ๒ นาที ถือว่าทื่อมากแล้ว" อาตมากลืนน้ำลายเอื๊อก เป็นไปได้หรือวะ ? ตูว่าคล่อง ๆ แล้ว แค่ ๑๐ กอง ไล่อยู่ ๓๐ นาทีโดยประมาณ หลวงพ่อท่านบอกว่า ๔๐ กอง ๒ นาที..!

ตอนนั้นยังโง่มาก ไม่รู้วิธีเปลี่ยนกองกรรมฐาน คือต้องประเภทลงมาถึงตีนบันไดแล้วไต่ขึ้นไปใหม่ หารู้ไม่ว่าถ้าถึงข้างบนแล้วแค่ก้าวข้ามบันไดไป ถ้าลักษณะอย่างนั้นกรรมฐาน ๔๐ กอง ใช้เวลาถึง ๒ นาทีถือว่านานมาก อาตมาตอนแรกเข้าใจผิด คิดว่าต้องลงมานับ ๑...๒...๓ จนถึง ๑๐ แต่ไม่หรอก พอ ๑๐ แล้ว ก็ ๑๐...๑๐...๑๐...๑๐ ไปคว้าตอนจบเลย

ทำให้ถึงแล้วจะรู้ว่าเปลี่ยนอย่างไร ถ้ายังทำไม่ถูกก็ว่าไปเรื่อย ๆ ก่อน อาตมาก็สงสัยว่าทำขนาดนี้แล้วยังไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของหลวงพ่อ แล้วท่านบอกว่าเป็นผู้มีปัญญาในการปฏิบัติธรรม เป็นได้อย่างไร ? พอหลังจากที่ปล้ำเป็นปล้ำตายมารวม เวลาทั้งหมด ๑๘ ปี ปีสุดท้ายก่อนหลวงพ่อมรณภาพพอดี ก็ถึงได้เข้าใจว่า สิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นไม่คิด คนอื่นไม่มอง คนอื่นไม่เก็บมาใช้งาน อาตมาคิด มองดูด้วยความพินิจพิจารณา และเก็บมาใช้งานทุกเม็ด ต่างกันแค่นี้เอง ถ้าใครทำแบบนี้ก็ทำแบบอาตมาได้ทุกคน"

เถรี
10-05-2018, 17:18
"เพราะว่าเรื่องของหลักธรรมเราจะรอให้กิเลสวิ่งมาชนเราไม่ได้...ตาย มีอยู่อย่างเดียวคือต้องสมมติคู่ต่อสู้ขึ้นมาก่อน ต้องพินิจพิจารณาอยู่ในใจของเราก่อน ซักซ้อมจนกระทั่งคล่องตัว ถึงเวลาไปชนแล้วเราจะต้านได้นานเท่าไร

คราวนี้มาแค่นี้เราสู้ได้ไม่ถึงนาที ต่อไปหลบไปมุมโน้นยืนหยัดได้อีกนาที ๒ นาที ต้องหาวิธี ถ้าจะแพ้ก็แพ้ให้ช้าที่สุด ถ้าชนะได้จะเป็นสิ่งที่ปลื้มใจมาก ท้ายสุดก็ปฏิบัติตามแนวกรรมฐาน ๔๐ ที่หลวงพ่อท่านบอก ระยะเวลาที่ทุ่มเทให้นั้น ทั้งชีวิตพระและฆราวาส ๑๘ ปีเต็ม ๆ ทุ่มให้กับการภาวนา พวกเราคงไม่มีอารมณ์ทำกันนานขนาดนั้น

เมื่อถึงเวลาทำแล้วต้องใช้งานจริงได้ ต้องรับแรงกระทบได้ ตอนแรก ๆ หลวงพ่อท่านบอกว่า ท่านไม่นิยมการธุดงค์ เพราะว่าการธุดงค์สำหรับคนทั่วไปแล้ว เป็นการหนีกิเลสชั่วคราว พอออกมาชนกิเลสเมื่อไรก็พังเมื่อนั้น อาตมาเองก็นั่งชนกิเลสอยู่ในวัด ถึงเวลาเฝ้าหน้าห้องหลวงพ่อ เปิดฟุตบอลดู เปิดมวยดู เปิดเพลงฟัง คนอื่นเปิดเมื่อไรไม่โดนด่าหูตูบก็ไม้เท้าลงกบาล แต่อาตมาเปิดดูไม่เคยโดนด่า

จนกระทั่งพระพี่พระน้องบอกว่าอาตมาเป็นเด็กเส้น ทำอะไรไม่เคยผิด ถ้าทำอย่างอาตมาทำนะ...ไม่ผิด แต่ถ้าทำอย่างที่พี่ ๆ น้อง ๆ ทำนะ...ผิด เพราะว่าเปิดฟุตบอลดู อาตมาเขียนผลฟุตบอลคู่นั้นไว้แล้ว เปิดมวยดูเขียนผลไว้แล้วว่าคู่นั้นใครแพ้ใครชนะ ชนะน็อก ชนะคะแนน ชนะยกไหน แค่เปิดดูให้รู้ว่าตรงไหม

เปิดเพลงฟังเลือกเฉพาะคนที่เราชอบ แล้วพยายามภาวนาให้ใจของเราไม่ไหลไปตามเนื้อเพลง ซ้อมอยู่ทุกวัน ซักซ้อมอยู่เป็นปี ๆ ท่านที่รู้ดีที่สุดในวัดมี ๒ ท่าน ก็คือหลวงพี่โอ (ท่านพระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) นั่นระดับอาจารย์ของอาตมา อีกท่านหนึ่งก็คือ คุณศุภาพร ปุษยะนาวิน อดีตภรรยาของหลวงตาวัชรชัย สองท่านนี้ช่างสังเกตมาก ถึงเวลาจับได้ทุกทีว่าอาตมาแอบทำกรรมฐาน ก็คือทำอย่าให้คนอื่นเขารู้ ฝึกก็อย่าให้คนอื่นเขารู้ แต่ก็ทำไปเรื่อย เรื่องพวกนี้ทุกคนทำได้หมด เพราะว่าการทำกรรมฐานโดยอยากให้คนอื่นรู้ ถ้าหากว่าอยากอวดเขา จัดเป็นอุปกิเลสอย่างหนึ่ง ฉะนั้น...ทำอย่างไรที่เราจะฝึกซ้อมการปฏิบัติจนใช้งานได้จริง โดยที่ไม่ให้คนอื่นเขารู้ว่าเราทำ ก็แปลว่าต้องออกไปผจญกับของจริง"

เถรี
10-05-2018, 17:21
"มีอยู่ช่วงหนึ่ง ๒ ปีโดยประมาณ อาตมานอนคืนหนึ่งประมาณ ๒ ชั่วโมงเท่านั้น นอกนั้นพายเรือไล่จับคนหาปลา วังมัจฉาหน้าวัดท่าซุงเกิดขึ้นได้เพราะอาตมาเอง ป้องกันสุดชีวิต ไม่มีใครคิดว่าพระจะพายเรือทั้งคืน แต่อาตมาพายไปภาวนาไป

จะว่าไปช่วงนั้นผอมแทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก แต่สภาพจิตมีความสุขมาก เพราะว่าทรงฌานทั้งวันทั้งคืน กิเลสกินไม่ได้ มีอยู่วันหนึ่งได้ยินเสียงบอกเข้าหูชัด ๆ เลยในลักษณะพยากรณ์มรรคผล แล้วอารมณ์ใจตอนนั้นก็รู้สึกว่าสบายสุด ๆ ไม่มีกิเลสมาแผ้วพานได้เลย

พยายามไล่ตรวจสอบดูตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอน ก็คือเทียบกับสังโยชน์ ๑๐ ปรากฏว่าเชื่อไม่ได้ คำพยากรณ์เป็นสิ่งมาทดสอบ อารมณ์ใจตอนนั้นก็เป็นสิ่งที่มาทดสอบ เพราะพิจารณาโดยไม่เข้าข้างตัวเองแล้ว สังโยชน์ ๑๐ ยังอยู่ครบทั้งสิบตัวเลย เพียงแต่กิเลสหลบไปนอนเฉย ๆ เขาสู้ความบ้าของเราไม่ได้ เพราะว่าภาวนาทั้งวันทั้งคืน ทรงฌานไม่ยอมคลาย จะหลับจะตื่นมีสติรู้เท่าหมด ในเมื่อกิเลสสู้ไม่ได้ ก็ไม่ไปไหนหรอก แค่หลบไปนอน มีปัญญามึงเต้นไป เดี๋ยวมึงเหนื่อยกูค่อยออกมา ฉะนั้น...ระวังให้ดีนะ อาตมาทำถึงขนาดนั้นยังโดนหลอกอยู่เรื่อยเลย"

เถรี
10-05-2018, 19:17
มีโยมมาถวายสังฆทานอุทิศให้คนตาย "คนตายส่วนใหญ่สบาย ส่วนเราต้องรีบทำบุญให้มากไว้ ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องรอใครเขาทำให้"

เถรี
11-05-2018, 21:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้เป็นวันทำบุญบ้านเป็นครั้งที่สอง รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก พักเดียวก็ย่างเข้าปีที่ ๒ มา ๔-๕ เดือนอีกแล้ว ต้องบอกว่าในส่วนของเวลา พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า สายน้ำและเวลาล่วงเลยไปแล้วไม่สามารถกลับคืนมาได้ ในส่วนนี้พวกเราต้องพึงสังวรเอาไว้ โดยเฉพาะท่านเปรียบเหมือนกับชีวิตของเรา ที่ล่วงเลยไปแล้วก็ไม่สามารถที่จะนำคืนมาได้ ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ ทำอย่างไรที่จะสร้างสาระแก่นสารให้กับตัวเราให้มากที่สุด ซึ่งก็คือในเรื่องของการสร้างบุญ สร้างกุศล

ทำไมต้องสร้างบุญกุศลด้วย ? ก็เพราะว่าบุญกุศลนั้นให้ประโยชน์สุขโดยส่วนเดียว พูดง่าย ๆ ก็คือไม่มีโทษเลย ยกเว้นคนขี้รำคาญอย่างอาตมา ทำบุญไว้มากเกินไปก็ต้องมานั่งรำคาญ เพราะว่าถึงเวลาคนอื่นก็มายัดเยียดให้มากเหลือเกิน

ในส่วนนี้ถ้าเราสร้างบุญสร้างกุศล ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ยิ่งสมบูรณ์พร้อมเท่าไร ในการดำเนินชีวิตของพวกเราก็จะสะดวกสบายเท่านั้น ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นทั้งในชาติปัจจุบัน ในชาติต่อ ๆ ไป และเป็นบันไดให้ก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน"

เถรี
11-05-2018, 21:05
"ดังนั้น...ในส่วนของบุญกุศล บาลีถึงได้ใช้คำว่า สุโข ปุญญัสสะ อุจจะโย การสั่งสมบุญย่อมนำมาซึ่งความสุข แต่คราวนี้คนส่วนหนึ่งมักจะเห็นว่า การสร้างบุญกุศลนั้นเป็นการสิ้นเปลือง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องของบุคคลที่มีกำลังใจต่ำ กิเลสยังมีอำนาจเหนือจิตใจอยู่ สละออกได้ยาก ก็จะอยู่ในลักษณะอย่างนั้น

ในส่วนของการสร้างบุญกุศลที่มีอานิสงส์มาก แล้วไม่ต้องสิ้นเปลืองก็มี อย่างเช่น การรักษาศีล การเจริญภาวนา เป็นต้น แต่เนื่องจากการให้ทานนั้น ถ้าเราเกิดชาติใหม่จะมีฐานะร่ำรวย การรักษาศีลจะเกิดมาเป็นบุคคลที่มีรูปสวย มีจิตใจดีงาม การเจริญภาวนาจะเกิดมาเป็นบุคคลมีปัญญามาก

ดังนั้น...ถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะทำให้ครบทุกอย่าง เพราะถ้าเราเป็นผู้มีทรัพย์แต่ขาดปัญญา ก็อาจจะรักษาทรัพย์เอาไว้ไม่ได้ หรือว่าเป็นผู้มีปัญญา มีทรัพย์ แต่หน้าตาไม่เอาไหน ก็เป็นเรื่องที่ต้องมานั่งคับแค้นใจ ต้องไปหาหมอ ปรับใหม่ให้สวยด้วยมีดหมอแทน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ชวนให้เจ็บตัวเสียเปล่า ๆ ถ้าเรามีปัญญาแต่ว่าหน้าตาไม่ดี ทรัพย์สินไม่มี ก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความลำบาก มีความทุกข์ยากในการดำเนินชีวิตอยู่ในระดับหนึ่ง

ในส่วนของการทำบุญ ถ้าเป็นไปได้ก็คือทำให้ครบทุกด้าน ทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนา"

เถรี
11-05-2018, 21:07
"โดยเฉพาะว่าการสร้างบุญกุศลนั้น เป็นการเสริมบารมีของเราเอง ไม่ต้องไปหาหมอดูที่สำนักไหน ไม่ต้องไปหาเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ไหน การเสริมบารมีของเราด้วยการสร้างบุญสร้างกุศล จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ไม่ใช่ไปเข้าพิธีกรรมแปลก ๆ แล้วว่าเป็นการเสริมบารมี ซึ่งบางทีก็ไม่ใช่ ซึ่งถ้าหากหลุดออกนอกแนวทางพระพุทธศาสนาไป โอกาสที่จะกลับคืนมาก็ยาก ซึ่งเรื่องพวกนี้พวกเราก็ควรที่จะระมัดระวังเอาไว้

เวลาล่วงไป ๆ ตอนนี้เราทำอะไรอยู่ ? ความดีที่เราทำนั้นสมบูรณ์บริบูรณ์แล้วหรือยัง ? ถ้ายัง...เราขาดตรงส่วนไหน ? จะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไรถึงจะเข้าถึงส่วนนั้นได้ ? เราต้องใช้สติ ใช้ทั้งสมาธิ ใช้ทั้งปัญญา ในการสร้างเสริมบุญบารมีของเรา เพื่อจุดหมายใหญ่คือการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน"

เถรี
11-05-2018, 21:20
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันสวดพระคาถาเงินล้านญาติโยมไปร่วมงานกันมาก อาตมาเอาลูกประคำไปเข้าพิธี ๑ หอบ เนื่องจากว่ามีไม้พะยูงเก่า ๆ เหลืออยู่หน่อยหนึ่ง แล้วพระที่บวชเข้าไปท่านมีฝีมือ จึงให้ท่านทำเป็นลูกประคำ ท่านเองก็ยังสงสัยว่า ของแพงขนาดนี้แล้วจะจำหน่ายอย่างไร ? ปรากฏว่ามีโยมที่ไม่กลัวของแพงแย่งกันบูชาไปหมดแล้ว

ไม้พะยูงเป็นไม้ที่เนื้อค่อนข้างจะแข็ง ทำยาก กลึงยาก คราวนี้พระท่านก็ค่อย ๆ ทำไป เวลาว่างเว้นจากภารกิจเฉพาะของตนเองแล้ว ก็ภาวนาไป กลึงไป ขัดไป ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งเหมือนกัน เมื่อได้ปัจจัยมาก็ใช้ในขอบเขตการงานของคณะสงฆ์ ถือว่าส่วนหนึ่งก็เป็นสังฆทาน ใช้ในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดก็เป็นส่วนวิหารทาน ใช้ในการอนุเคราะห์สงเคราะห์แก่นักเรียนนักศึกษาของพระและฆราวาสก็เป็นส่วนของธรรมทาน

ถ้าหากว่าเหลือถึงนี่เมื่อไรก็คงจะได้เห็นกัน ไม่อย่างนั้นก็นั่งจินตนาการไปก่อนว่าหน้าตาเป็นอย่างไร"

เถรี
11-05-2018, 21:24
"ไม้พะยูงนี่คนจีนเรียกว่าไม้จันทน์ม่วง ถือเป็นไม้มงคลอย่างยิ่ง ประเทศจีนกว้านซื้อ ประเทศไทยก็ขโมยตัด โดยเฉพาะวัดทางอีสานที่ปลูกไม้พะยูงไว้ ต้องจัดเวรกันเฝ้า แต่บางทีถึงจัดเวรเฝ้าเขามากันที ๗ คน ๘ คนอาวุธครบมือ ถามว่าหลวงพ่อจะเอาต้นไม้หรือจะเอาชีวิต ? หลวงพ่อก็ต้องเข้ากุฏิไปแต่โดยดี

ในส่วนของบ้านเราเมืองเราต้องบอกว่า การบังคับใช้กฎหมายยังไม่เข้มงวด ยังมีมาตรฐานไม่เท่ากัน ประเภทยาเสพติดร้ายแรงค่าประกันตัวหนึ่งหมื่นบาท แต่เรียกร้องอยากได้ประชาธิปไตยโดนค่าประกันตัวเป็นแสน อย่างนี้เป็นต้น ดังนั้น...ตราบใดที่มาตรฐานกฎหมายในบ้านเรายังไม่เหมือนกัน ยังเลือกที่รักมักที่ชัง ประกอบไปด้วยอคติ โอกาสที่จะเจริญก็เป็นไปได้ยาก"

เถรี
11-05-2018, 21:26
พระอาจารย์กล่าวว่า "หัวใจสำคัญของงานวันนี้ก็คือการบวงสรวง ซึ่งทำสำเร็จเรียบร้อยไปแล้ว โดยได้รับการอนุเคราะห์สงเคราะห์จากหลวงพี่มหาเอของพวกเรา หรือก็คือท่านอาจารย์พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม และคณะจากวัดปากน้ำภาษีเจริญ แล้วก็ได้รับการสนับสนุนปัจจัยส่วนหนึ่งจากชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต ซึ่งนำโดยหัวหน้าชมรม คือ คุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา

ต้องบอกว่างานใหญ่ ๆ ติดต่อกันหลายงานเหลือเกินสำหรับทางด้านชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต ซึ่งญาติโยมแต่ละคนก็ตั้งใจร่วมบุญกันโดยไม่มีการเบื่อหน่ายหรือท้อถอย เพราะว่าเพิ่งจัดงานสวดพระคาถาเงินล้านเสร็จ ก็เป็นงานทำบุญบ้านเติมบุญ แล้วอาตมายังมอบหมายให้ช่วยดูแลรับภาระในเรื่องของการช่วยหลวงพ่อนิลท่านสร้างอาศรมศรีชัยรัตนโคตรอีกด้วย"

เถรี
11-05-2018, 22:57
พระอาจารย์กล่าวว่า "จนป่านนี้ยังไม่มีข่าวว่าจะประกอบพิธีบรมราชาภิเษกถวายพระองค์ท่านกันตอนไหน เนื่องจากว่าเป็นระยะเวลาเกือบ ๗๐ ปีแล้ว ประมาณ ๑ ชั่วคน บรรดาผู้รู้ต่าง ๆ ในชุดก่อน ๆ ก็ล่วงลับดับขันธ์กันไป คนรุ่นใหม่ ๆ ที่สืบทอดความรู้ ก็ต้องเปิดตำราว่ากันให้ถูกต้องที่สุด ห้ามมีข้อผิดพลาดอย่างเด็ดขาด

ในส่วนหนึ่งก็คือการถวายน้ำมูรธาภิเษก ธรรมเนียมนี้เป็นธรรมเนียมมาจากอินเดียว่า กษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์ถ้าไม่ได้รับการถวายน้ำมูรธาภิเษก ไม่ถือว่าเป็นการครองราชย์โดยสมบูรณ์ บ้านเราจะมีการนำน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแหล่งต่าง ๆ ถวายเข้าไปในวัง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็คือไปประกอบพิธีกันในวังเลย

แต่มาระยะหลัง ๆ ก็คือ แต่ละแหล่งก็จะนิมนต์หลวงปู่หลวงพ่อที่เป็นที่เชื่อถือว่า เป็นผู้มีศีลาจารวัตรงดงาม ประกอบไปด้วยฌานสมาบัติ มาปลุกเสกแล้วค่อยส่งถวายเข้าไปในวัง อาตมาเองช่วงที่ผ่านมาก็ได้ร่วมพิธีด้วย ๒ ครั้ง คือตอน ๖๐ พรรษาของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ช่วงที่ยังอยู่วัดท่าซุง ซึ่งตอนนั้นก็เป็นแค่ส่วนประกอบในพิธีเท่านั้น อีกครั้งหนึ่งที่ผ่านมาจำไม่ได้ว่าเป็นงาน ๗๒ พรรษาหรือ ๘๐ พรรษา น่าจะ ๘๐ พรรษา ไปในฐานะผู้อยู่ในพิธีกรรมเพราะว่าได้รับนิมนต์ให้ไปเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์โดยตรง ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าครั้งต่อไปจะได้ร่วมพิธีเมื่อไร"

เถรี
11-05-2018, 23:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่พวกเราพอได้ยินว่ายากแล้วก็ท้อถอย การท้อถอยเกิดจากกำลังใจไม่พอ กำลังใจที่ไม่พอเกิดจากกำลังสมาธิมีน้อยเกินไป ฉะนั้น...ใครท้อง่าย ถอยง่าย พยายามนั่งสมาธิเข้าไว้ ถ้ามีกำลังสมาธิก็สามารถตื๊ออยู่ได้ทุกงาน ถ้ากำลังสมาธิดีก็ตื๊อจนสำเร็จทุกงาน"

เถรี
11-05-2018, 23:03
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดท่าขนุน มีญาติโยมแสดงความจำนงจะแสดงถวายเป็นพุทธบูชามา ๔ รายด้วยกันแล้ว ถ้าหากว่ายังมีอีกให้รีบแจ้งมา โดยเฉพาะถึงเวลาแล้วอย่าลืมนำเพลงที่เราจะแสดงไปมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเครื่องเสียงด้วย

ต้องบอกว่างานเป่ายันต์เกราะเพชรงานนี้ มีบางคนใจจดใจจ่ออยากจะไปมาก เพราะว่าทำยันต์เกราะเพชรสูญไปเรียบร้อยแล้ว เป็นการสูญโดยตั้งใจ ไม่ใช่ไม่ตั้งใจ ต้องบอกว่าสมควรตาย เสียดายที่รอดมาได้...!"

เถรี
13-05-2018, 08:47
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันจันทร์อาตมาต้องจ่ายค่าเหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท้าวเวสสุวรรณ ๖๔๕,๐๐๐ บาท ตอนแรกว่าจะทำเหรียญที่ระลึกงานเปิดนมัสการรอยพระพุทธบาทอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่าออกแบบเหรียญเป็นรอยพระพุทธบาทแล้ว ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรใส่ด้านหลัง ? ท่านท้าวเวสสุวรรณเมตตาบอกว่า "เอารูปผมก็ได้" ในเมื่อให้เอารูปหล่อ ๆ ของท่านลง ก็ต้องขอท่านว่าถึงเวลาแล้วช่วยเสกให้ด้วย ท่านก็รับปาก ทันหรือไม่ทันงานเป่ายันต์ฯ ท่านก็จะช่วยเสกให้ คำว่าทันหรือไม่ทัน ก็คือทันงานวันที่ ๑๙ นี้หรือไม่ก็ตาม เพราะว่าขอให้ท่านช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ไว้แล้ว

ท้าวเวสสุวรรณเป็นหัวหน้าเทวดาชั้นจตุมหาราช ถามว่าเป็นหัวหน้าเทวดาเป็นอย่างไร ? ชั้นจตุมหาราชประกอบไปด้วยเมืองเทวดา ๔ ทิศ ทิศตะวันออกมีท่านท้าวธตรฐเป็นหัวหน้า ทิศใต้มีท่านท้าววิรุฬหกเป็นหัวหน้า ทิศตะวันตกมีท่านท้าววิรูปักษ์เป็นหัวหน้า และทิศเหนือมีท่านท้าวเวสสุวรรณ หรือบาลีเรียกว่าท้าวกุเวรเป็นหัวหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้ท่านยกให้ท่านท้าวเวสสุวรรณเป็นผู้นำ ถ้าหากว่ามีอะไรที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน ท่านท้าวเวสสุวรรณก็ต้องออกหน้า แต่ถ้าเฉพาะเขตเฉพาะทิศ ท่านท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ ก็สามารถตัดสินใจสั่งการได้เฉพาะในทิศของตน ในเมื่อมีแม่ทัพเทวดาระดับนั้นช่วยสงเคราะห์ให้ ก็คาดว่าเหรียญรุ่นนี้น่าจะมีอานุภาพอะไรพิเศษบางอย่าง ซึ่งต้องรอท่านบอกทีหลัง"

เถรี
13-05-2018, 09:35
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งกับญาติโยมที่จองวัตถุมงคลในกระทู้คนมีเงินให้ทราบว่า วัตถุมงคลกระทู้นี้ที่ไม่ส่งทางไปรษณีย์ เพราะว่าวัตถุมงคลบางชิ้น ถ้าสูญหายจะหาใหม่อีกนี่เลือดตากระเด็น อย่างตะกรุดมหาระงับหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ในชีวิตของอาตมาเพิ่งได้มาสามดอกเท่านั้น ราคาแพงมากอีกด้วย หายเสียดอกหนึ่งก็นั่งร้องไห้เลย แค่ดอกที่ท่านเจ้าคุณปิงบูชาไป ในตลาดราคาเป็นแสน แต่อาตมาคิดราคาครึ่งเดียว"

เถรี
13-05-2018, 20:28
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมเอารถมาบ้านเติมบุญแล้วจอดยาก อาตมามีข้อแนะนำว่า ใครมีรถรีบขายให้เร็วที่สุด แล้วก็เปลี่ยนไปใช้บริการรถสาธารณะแทน อาจจะลำบากในระยะแรก แต่ว่าขายตอนนี้ยังพอที่จะมีกำไรบ้าง ถ้ารอให้รถยนต์ไฟฟ้ามาเต็มประเทศไทยแล้วจะขายไม่ออก

ต้องบอกว่าขยับก่อนได้เปรียบ ใครขยับช้า รถน้ำมันจะขายไม่ออก ไม่ว่าจะเบนซิน ดีเซลหรือแก๊ส โลกยุคหน้าเป็นโลกของรถไฟฟ้า"

เถรี
13-05-2018, 20:34
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำลังให้พระที่วัดศึกษาเกี่ยวกับแผงโซลาร์เซลล์รูปกระเบื้องมุงหลังคา (Solar Roof) ถ้าราคาพอสู้ไหวจะเปลี่ยนหลังคาตึกแดงทั้งหลังเป็นโซลาร์รูฟ อันดับแรกคือต่อให้น้ำไม่มี ปั่นไฟไม่ได้ ที่อื่นตายหมด แต่อย่างน้อยตึกหลังนี้จะมีไฟฟ้าใช้อยู่ โซลาร์เซลล์มีจุดบอดตรงที่ว่าต้องคอยทำความสะอาด อย่าให้ฝุ่นเกาะ ซึ่งก็ไม่น่าจะยาก ถึงเวลาก็ฉีดน้ำล้างไปเลย"

เถรี
13-05-2018, 22:47
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเจอหมากทุยลูกใหญ่หน่อย มีสิทธิ์เป็นของหลวงปู่รอด วัดนายโรง ที่ทำเบี้ยแก้ในตำนาน ท่านทำหมากทุยด้วยเหมือนกัน บางคนก็ร้ายมาก เอาสลับไปขายเป็นเบี้ยแก้ก็มี ถ้าเราสังเกตดูเบี้ยแก้จะน้ำหนักมากกว่า

หมากทุย หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ส่วนใหญ่แล้วลูกเล็ก ๆ โตเต็มที่ประมาณไม่เกินหัวแม่มือ เพราะว่าหมากตายพรายส่วนใหญ่ตายตั้งแต่ยังเป็นลูกเล็ก ๆ ถ้าโตแล้วไม่ค่อยตายหรอก โตแล้วก็มักจะแก่ไปเลย"

เถรี
13-05-2018, 22:56
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนมีการควบคุมประชากรตามธรรมชาติ ถึงเวลาไม่มีที่ไปก็ต้องอพยพ การควบคุมประชากรแบบธรรมชาติก็คือเกิดทุพภิกขภัย ฉาตกภัย ทำให้อดอยากล้มตายกันมาก ๆ แล้วก็จะเกิดพวกโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ตายกันทีเป็นแสนเป็นล้าน หรือไม่ก็เกิดสงคราม เป็นการควบคุมประชากรให้เพียงพอกับทรัพยากรที่มีอยู่

แต่ปัจจุบันนี้คนเราต้องบอกว่าฉลาดขึ้น รู้ว่าถ้ารบราฆ่าฟันกันจะตายกันไม่ต้องนับ ก็พยายามหลีกเลี่ยง คนจึงมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ วิทยาการทางการแพทย์ก็ดีขึ้นเรื่อย รักษาโรคต่าง ๆ ได้ทั้ง ๆ ที่สมัยก่อนต้องตายชนิดนับไม่ถ้วน สมัยนี้รักษาได้ มีวัคซีนป้องกัน ก็ทำให้ทรัพยากรมีน้อยลง แต่คนมีมากเกินไป

อาตมากำลังรออยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าตอนนี้สองเกาหลีก็จับมือกันแล้ว ๖๕ ปีผ่านไป ตั้งแต่โดนแบ่งเป็นเกาหลีเหนือเกาหลีใต้ที่เส้นขนานที่ ๓๘ แต่จะว่าไปแล้วสงครามระหว่าง ๒ เกาหลี นำพาทหารไทยของเราดังระเบิดเถิดเทิง เขาเรียกทหารผี หลวงปู่หลวงพ่อยุคนั้นเขาเรียกกันว่า ๔ จตุรเทพ "จาด จง คง อี๋"

ส่วนใหญ่แล้วท่านก็มอบวัตถุมงคลให้ลูกศิษย์ไป แล้วก็ปลอดภัยกลับมา โดนปืนหงายทั้งยืนยังลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ จนต่างชาติเรียกกันว่าเป็นทหารผี โดยเฉพาะจุดยุทธศาสตร์เนินพอร์กช็อป ทหารอเมริกันเข้าตีอยู่ ๔ วันเต็ม ๆ ไม่สำเร็จ ลำดับต่อไปก็ทหารฟิลิปปินส์ ลำดับต่อไปจำไม่ได้ว่าอะไร ตายกันแบบไม่ต้องนับ ทหารไทยเราเข้าตีเป็นชุดสุดท้าย เพราะว่าไม่มีใครเชื่อฝีมือ ปรากฏว่าแค่ครึ่งวันทหารไทยก็ขึ้นไปยึดอยู่บนยอดเนินแล้ว"

เถรี
13-05-2018, 23:07
"อาตมาถามร้อยตรีสงัด สุขแจ่ม ซึ่งท่านได้เหรียญกล้าหาญกางเขนเหล็กมา ท่านอยู่กองร้อยเดียวกับอาตมา เป็นตั้งแต่นายสิบจนกระทั่งขึ้นไปเป็นนายร้อย ผ่านสงครามเกาหลีมาแล้ว ถามท่านว่า “ผู้หมวด...ทำไมทหารไทยยึดได้ทั้ง ๆ ที่อาวุธกระสุนสู้ใครไม่ได้เลย ?” ผู้หมวดแกพูดขำ ๆ ว่า “พวกมันโดนตีมาเป็น ๑๐ วันแล้ว” พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าเป็นคนก็โดนกระทืบจนอ่วมแล้ว เราอยู่ ๆ ถือไม้ไปซ้ำก็เลยชนะ แต่ความจริงในสายตาคนอื่น ทหารไทยโดนยิงเท่าไรก็ไม่ตายสักที จนถอดใจเลยต้องถอนกำลังหนี"

ถาม : ทำไมถึงไม่เสกหุ่นพยนต์เป็นทหาร ?
ตอบ : พระเราที่ทำได้ก็คงไม่ไปยุ่งกับการรบ ตอนที่อาตมาเป็นทหารอยู่ เล็งอยู่อย่างเดียวว่า ที่เรายังไม่มีเลยคือกางเขนเหล็ก เมื่อไรมีศึกมีสงครามแบบนี้จะอาสาออกหน้าก่อนเพื่อนเลย ปรากฏว่าไม่มี ไปอยู่ชายแดนเพื่อนได้ผ่านศึกชั้น ๑ บ้าง ชั้น ๒ บ้าง อาตมาก็นั่งเซ็ง ปะทะกันทีไรกูไม่เคยโดนอะไรสักที แล้วเมื่อไรจะได้กับเขาบ้าง ต้องโทษหลวงพ่อวัดท่าซุงที่วัตถุมงคลของท่านขลังเกิน ไปเท่าไรไม่เคยเป็นอันตรายกับใครสักที

เถรี
13-05-2018, 23:12
"ที่เขาเรียก ๔ จตุรเทพสงคราม ก็คือ หลวงปู่จาด วัดบางกระเบา ถ้าใครไม่คุ้นชื่อนี้ ก็ไปอ่านเรื่องเล่าของหลวงพ่อวัดท่าซุง ตอนท่านออกธุดงค์แล้วก็มีเสือมาเล่นน้ำอยู่ใกล้ ๆ หลังจากนั้นเสือเดินขึ้นจากน้ำมา หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็นั่งมองเฉย ๆ แล้วเสือก็ถามว่า "มึงไม่กลัวกูหรือวะ ?" หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า “ไอ้เสือขึ้นจากน้ำแล้วไม่สลัดขน ผมไม่กลัวครับ”

ปรากฏว่าเสือ ๓ ตัวคืนร่างมาเป็นหลวงปู่ปาน หลวงปู่จง หลวงปู่จาด หลวงปู่จงเรารู้อยู่แล้วว่าคือหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก หลวงปู่คงก็คือหลวงปู่คง วัดบางกระพ้อม หลวงปู่อี๋ก็คือหลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ ช่วงนั้นยังมีอีกท่านหนึ่ง บางทีเขาก็เอาชื่อใส่ บางทีก็ไม่ได้ใส่ คือหลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู นั่นก็สุดยอดฝีมือช่วงสงครามเหมือนกัน"

เถรี
13-05-2018, 23:17
"สมัยก่อนครูบาอาจารย์จะทำวัตถุมงคลให้ลูกหลานญาติโยม วัสดุก็หายาก ส่วนใหญ่ก็เอาตะกั่วถ้ำชา คำว่าถ้ำชาก็คือภาชนะที่ใส่กาน้ำชาโดยมีนวมหุ้มเพื่อไม่ให้เย็นเร็ว สมัยนั้นส่วนใหญ่ทำด้วยตะกั่ว เอามาหลอมมาทุบตีแผ่แล้วก็จารเป็นตะกรุดให้ลูกหลานบ้าง บางคนไม่มีอะไรก็เอาฝาบาตรมาตัดทำตะกรุดบ้าง เรียกกันว่าตะกรุดฝาบาตร

หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนูสบายที่สุด ท่านทำตะกรุดไม้ไผ่ ตะกรุดไม้ไผ่สำนักที่ดังมาก ๆ เลยก็คือ หลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือ หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู และหลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่ดู่ทำตะกรุดไม้ไผ่สวยสุด ๆ ใครได้ไปสักดอกหนึ่งถือว่าเป็นความภูมิใจในชีวิต เราจะเห็นได้ชัดจริง ๆ ว่าท่านตั้งใจทำ ไม่ว่าจะการเซาะร่อง เซาะลาย จารอักขระท่านทำออกมาสวยเหมือนพิมพ์เลย"

เถรี
13-05-2018, 23:27
ถาม : สมัยก่อนท่านจารตะกรุดไม่ไผ่ให้เป็นรอยดำได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : รู้สึกว่าท่านจะใช้เหล็กเผาไฟ แต่คราวนี้เราต้องคิดดูว่าเหล็กเผาเราจับใกล้ก็ไม่ได้ ก็ต้องค่อย ๆ เขียนทีละนิด ๆ กว่าจะลากเส้นได้ เพราะถ้าช้าก็เย็น เขียนไม่ติด ถ้าเร็วก็ร้อนจับไม่ได้

ท่านทำตะกรุดมหาจักรพรรดิด้วยไม้ไผ่ จารอักขระตีลายตีตารางสวยมาก ๆ มาตอนหลังอายุมาก ๆ แล้วไม่มีแรงจะทำ อย่างอาตมาไปไม่ต้องอะไรมาก ท่านเป่าหัวให้ก็พอแล้ว

มีอยู่วันหนึ่งไปเจอท่านหมอบอยู่หน้ากุฏิ โอ๊ย....ตาย ๆๆ รีบไปประคองหลวงปู่ขึ้นมา "หลวงปู่...เป็นอย่างไรบ้างครับ ?" ท่านบอกว่า "เมื่อคืนเขามากัน ๓ คันรถ บอกว่าจะรีบไปที่อื่น มาทุบประตูเรียกข้าออกมาตอนตี ๒" ท่านสรุปว่า "ตอนหนุ่ม ๆ ข้าอยากดัง ตอนนี้แก่แล้วดังซะให้เข็ด" คนก็ไม่ได้นึกเลยว่าหลวงปู่อายุ ๘๐ ปีแล้ว ไปทุบประตูเรียกออกมาตอนตี ๒ ลองไปทุบที่วัดท่าขนุนดูบ้างสิ ดูว่าจะเจออะไรบ้าง...!

เถรี
13-05-2018, 23:31
ถาม : การไปรบกวนพระจะเกิดกรรมอะไรคะ ?
ตอบ : ตายแล้วก็รู้ ไม่ต้องคิดอะไรมาก หลวงปู่ท่านนอนดึก นอนทีก็เที่ยงคืน ตี ๑ พอตี ๒ ก็ไปทุบประตูเรียกท่านออกมา พอท่านรับแขกเสร็จเรียบร้อย ท่านก็ฟุบหลับอยู่ตรงหน้าประตูนั่นแหละ อาตมาไปเห็นใจหายวาบเลย นึกว่าหลวงปู่ไปแล้ว..! เพราะเห็นนอนหน้าไถพื้น รีบเข้าไปประคอง อาตมาตั้งใจไปตอนประมาณ ๖ โมงเช้า เพราะว่าเป็นเวลาที่ท่านออกมาฉันเช้า จะได้ไม่ไปรบกวนท่านมาก

คนเราส่วนใหญ่แล้วต้องบอกว่าเห็นพระเป็นทาส แล้วอีกอย่างก็คือกำลังใจต่ำเกิน ที่ว่ากำลังใจต่ำเกินคือ ไปแล้วถ้าไม่ได้ทำบุญกับท่าน รู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้ไป อะไรประมาณนั้น

แม้กระทั่งงานวัดเขาวงที่ผ่านมา อาตมาพุทธาภิเษกเสร็จก็บอกกับพี่ ๆ ว่า "ผมกลับก่อนนะ ไม่ได้อยู่หล่อพระหรอก" เดินออกมาโยมก็แย่งกันใส่ย่าม พวกที่มาช้าอาตมาขึ้นรถไปแล้ว โยมที่ไปด้วยจะช่วยรับให้ บอกว่า "ส่งมาเลย" เขาก็ไม่ส่ง อย่างไรก็ต้องใส่ย่ามอาตมาเองให้ได้ อาตมาก็ไปแล้ว ไม่ต้องทำกันแล้ว ต้องบอกว่าทำบุญโดยขาดอุเบกขา ขาดปัญญาแล้วยังยึดมั่นถือมั่นอีก แบบนั้นเต็มที่ก็ไปได้ไม่เกินกามาวจรสวรรค์

เถรี
15-05-2018, 21:22
ถาม : หลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ มาสายไหนครับ ?
ตอบ : สายหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ท่านมีสามทหารเสือ คือ หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง หลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง

เถรี
15-05-2018, 21:32
พระอาจารย์กล่าวว่า "บ้านเราเคยชินกับการหยิบจับอะไรได้ก็เดินไปกินไป ถ้าไปญี่ปุ่นอย่าไปทำอย่างนั้น เขาถือว่าเสียมารยาทมาก จะกินต้องนั่งกินอย่างเป็นทางการ นั่งละเลียดกันเลย

ญี่ปุ่นเขามีทรัพยากรน้อย อาหารต่าง ๆ ก็ซ้ำ ๆ กันทุกวัน ก็เลยต้องประดิษฐ์ประดอยให้มีรูปร่างหน้าตาแปลก ๆ มีสุนทรียะทางสายตาด้วย ในขณะเดียวกันเรื่องของรสของกลิ่นก็ต้องได้ด้วย

แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่อย่างไรอาตมาทำใจกินกันไม่ค่อยลง คือหัวไชเท้าสดที่เขาขูดมา เพราะว่าบาดลิ้น ส่วนใหญ่อาตมาก็ประเภทคำเดียวหมดทั้งขยุ้ม ค่อย ๆ ละเลียดไม่เป็น กวาดเรียบภายในไม่กี่นาที

ถ้าใครไปญี่ปุ่นต้องหัดใช้ตะเกียบให้เป็น ญี่ปุ่นมีแต่ตะเกียบให้อย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นอูด้ง ราเมนหรืออะไรก็ตาม จะคีบยากแค่ไหนก็ใช้ตะเกียบ ถ้ายากก็ยกซดเลย ไปญี่ปุ่นดีอยู่อย่างไม่ต้องเสียทิป อย่าไปให้ทิปคนญี่ปุ่น เขาถือว่าดูถูก ใช้งานเท่าไรก็ใช้ไปเถอะ เขาบริการดีแค่ไหนไม่ต้องให้ ตอนอาตมาไปคนขับรถเป็นคนไทยเขาไม่รังเกียจทิป ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นไปให้แบบนั้นเขาจะถือว่าดูถูกกัน"

เถรี
15-05-2018, 21:43
ถาม : ฝรั่งทางตะวันตกเดี๋ยวนี้เขาเชื่อแต่ระบบ ใช้สัญชาตญาณไม่เป็นแล้ว ไม่เหมือนทางตะวันออกเรา ?
ตอบ : ของเขาต้องมีเครื่องมือเครื่องไม้มากกว่านี้ แบบเดียวกับที่กู้ศพนักศึกษาที่รถตกเหวในสหรัฐ ถ้าเป็นกู้ภัยไทยวันนั้นก็ขึ้นมาแล้ว แต่ฝรั่งเขาเอาความปลอดภัยของคนเป็นเข้าว่า ถ้าสภาพพื้นที่ไม่ให้ ภูมิอากาศไม่ให้ เขารอจนกว่าจะได้เวลาที่เหมาะสม ความบ้าและกล้าตายของเขาไม่มี เขาถือว่าคนเป็นมีค่ากว่า กว่าที่จะสั่งสมประสบการณ์มาถึงระดับนั้น ไม่ทราบว่าสูญเสียทรัพยากรไปเท่าไรต่อเท่าไร เพราะฉะนั้น...เขาจะรักษาชีวิตคน แต่ของเรานี่เสี่ยงกันทุกรูปแบบ เพราะมั่นใจว่ามีหลวงพ่อดี..!

สมัยในหลวงรัชกาลที่ ๖ ส่งข้าราชการไปศึกษาต่างประเทศ โดยเฉพาะบรรดาทหารที่ไปฝึกการบินที่ต่างประเทศ ปรากฏว่าทหารไทยทำได้ดีจนครูฝึกฝรั่งยอมกลัวใจ โดยเฉพาะการบินผาดโผน ดับเครื่องดำดิ่งลงมาบ้าง ร่อนในลักษณะใบไม้ร่วงบ้าง เขามีกติกาว่าห่างจากพื้นอย่างน้อย ๒,๐๐๐ ฟุตให้ติดเครื่อง แต่ปรากฏว่าทหารไทยบางทีเหลือแค่ ๒๐๐-๓๐๐ ฟุตถึงได้ติดเครื่อง

ที่เป็นอย่างนี้มีอยู่ ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือคนไทยมั่นใจว่าพระดี อย่างที่ ๒ คือ ตื่นเต้นจนนึกไม่ทันว่าจะต้องติดเครื่อง ลงมาจนเกือบถึงพื้นแล้วค่อยนึกได้ ไปตาลีตาเหลือกติดเครื่องตอนนั้น ฝรั่งก็นึกว่าเรากล้า ...(หัวเราะ)...

รุ่นนั้นกลับมารับราชการ เป็นท่านขุน เป็นคุณหลวง เป็นคุณพระกันหมด ไม่มีพี่หมื่นเลยสักคน...! หลวงสันทัดยนตรกรรม พระทะยานอากาศ หลวงทะยานพิฆาต ขุนรณนภากาศฯ อะไรทำนองนั้น

เถรี
15-05-2018, 21:45
แบบเดียวกับช่วงสงครามอินโดจีนหรือสงครามมหาเอเชียบูรพา ทหารไทยส่วนใหญ่แล้วก็มีพระดี มีเครื่องรางดี มีชายผ้าถุงแม่ เคยลองถามปู่จอม ปู่จอมบอกว่าได้รับพระกริ่งเชียงตุงจากสมเด็จพระสังฆราชแพหนึ่งองค์ แต่ปรากฏว่าไปตกหาย เหลือแต่ชายผ้าถุงแม่ที่ควั่นแล้วคล้องคออยู่ บอกว่าเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรก็เอามาทำน้ำมนต์ รักษาตัวเองหายทุกครั้ง

เถรี
16-05-2018, 19:54
ถาม : ที่ว่าอาศัยชายผ้าถุงแม่รักษาตัวเรารอด เป็นบารมีของแม่คนนั้นหรือคะ ? แล้วถ้าแม่ไม่มีศีลมีธรรมละคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่แม่คนนั้น ที่รักษาลูกได้คือความเป็นแม่ ไม่ใช่ความประพฤติของแม่ ฟังให้ดี ๆ นะ ถ้าหากลูกมีความกตัญญู มีความเคารพ ปฏิบัติต่อแม่ได้ถูกต้อง ต่อให้แม่ทำผิดพลาดขนาดไหนก็ตาม พระคุณของความเป็นแม่ย่อมรักษาลูกได้

เถรี
16-05-2018, 20:00
พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาฝึกมาตั้งแต่สมัยเป็นทหาร ตั้งแต่ได้ยินเสียงนกหวีด จนกระทั่งเก็บที่นอนหมอนมุ้ง แต่งตัว เข้าห้องน้ำห้องส้วม ล้างหน้าแปรงฟัน จัดแถว เสร็จภายใน ๓ นาที...! ตอนแรกก็คิดว่าใครจะทำได้ พอนานไปก็ทำได้ จนกระทั่งทุกวันนี้พระอาคันตุกะไปวัดท่าขนุน ส่วนใหญ่จะฉันไม่อิ่ม พอพระวัดท่าขนุนอิ่มหมดแล้วนั่งมอง ท่านก็เลยเขิน

แรก ๆ อาตมาก็โดนพระใหม่ประท้วง พอรู้ว่าก่อนหน้านี้ทุกอย่างเสร็จใน ๓ นาที นี่ให้ตั้ง ๑๕ นาทีแล้ว เวลาไปฉันที่วัดอื่น พระวัดท่าขนุนจะทุกข์ทรมานมาก เพราะว่าอิ่มไป ๗-๘ รอบแล้วเขาก็ยังไม่อิ่มกันสักที"

เถรี
16-05-2018, 20:17
ถาม : ที่พระปัจเจกพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑ ชั่วโมงหรือทำกรรมฐาน ภาวนากับการทำกรรมฐานนี่รวม...?
ตอบ : ภาวนาพระคาถา พร้อมกับจับลมหายใจเข้าออก เหมือนกับตอนที่นั่งปฏิบัติกรรมฐาน

ถาม : ตอนนี้สวดแบบนึกตัวอักษรค่ะ ?
ตอบ : ทำอย่างไรก็ได้ ให้มีลมหายใจเข้าออกควบไปด้วยก็แล้วกัน

ถาม : ถ้าเร่งให้จบ ไม่มีคุณภาพ จะทำให้ผลออกช้า หรือไม่มีผลเลย หรือผลมีน้อย ?
ตอบ : มีผลน้อยมาก เพราะว่างานไร้คุณภาพ

ถาม : มีความอยากรวยก่อนสวด ?
ตอบ : ถึงเวลาให้ลืมความอยาก ถ้าลืมไม่ได้ผลก็โดนตัดไปอีก

เถรี
16-05-2018, 20:19
ถาม : ถ้าจะทำธุรกิจ เราเห็นผู้อื่นเขาทำแล้วประสบความสำเร็จ แล้วเราทำตามนี่ เรียกว่าเป็นการขโมยไอเดียหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เรียกว่าโง่ ทำตามคนอื่นอย่างไรก็ไล่เขาไม่ทัน เพราะว่าเขาเริ่มก่อน

เถรี
16-05-2018, 20:22
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระนี่เขาให้ใช้ฉายา อย่าไปใช้นามสกุล พวกที่ใช้นามสกุลเป็นที่น่ายินดี เพราะว่าเตรียมสึกทุกราย หรือไม่ได้มีความเป็นพระอยู่ในใจ ก็เลยใช้นามสกุล"

เถรี
16-05-2018, 20:33
ถาม : พระอาจารย์เคยสอนว่า ถ้าอยากได้งานให้จุดธูป ๕ ดอกกลางแจ้ง อธิษฐานขอกับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เรื่องนี้ใช้กับเรื่องอื่นได้ด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ท่านบอกว่าเฉพาะเรื่องงาน ท่านใช้คำว่าพระวิสุทธิเทพ ไม่ได้บอกว่าสมเด็จองค์ปฐมหรือองค์ปัจจุบัน

ถาม : อธิษฐานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ?
ตอบ : ก็บอกว่าให้ขอกับพระวิสุทธิเทพ ยังจะพยายามเปลี่ยนอีก ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมถึงได้พลาดกันอยู่เรื่อย

ถาม : ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเพี้ยนมาก ?
ตอบ : ไม่ผิดเพี้ยนหรอก พวกแสนรู้ไปเปลี่ยนต่างหาก เขาบอกให้อธิษฐานขอกับพระวิสุทธิเทพ ดันไปขอกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถามว่าพระพุทธเจ้าใช่พระวิสุทธิเทพไหม ? ใช่...แต่พระวิสุทธิเทพอยู่บนพระนิพพานมีตั้งเท่าไรที่ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า เขาให้ขอรวมทุกท่าน เราไปขอแค่บางท่าน ก็อดต่อไป

เถรี
16-05-2018, 21:01
พระอาจารย์กล่าวว่า "ทำการค้าหัวใจสำคัญอยู่ที่การบริการ บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ลูกค้าก็อยากมาอีก พวกร้านสะดวกซื้อในปัจจุบันหุ่นยนต์ชัด ๆ เข้าไปถึงก็ “สวัสดีค่ะ” ทั้ง ๆ ที่ก้มหน้าก้มตานับเงินอยู่ ได้ยินเสียงประตูกริ๊ง “สวัสดีค่ะ” อาตมาหันไปดู เห็นหมายื่นหัวเข้ามา...!

อย่างไรถ้ามนุษย์สัมพันธ์ดี อยู่ในทำเลดี ทำร้านอาหารแล้วมีฝีมือบวกเข้าไปด้วย โอกาสร่ำรวยก็มีสูง ทำอย่างไรถึงจะเห็นลูกค้าเป็นพระเจ้า งี่เง่าขนาดไหนเราก็โกรธเขาไม่ได้ บ่นไม่ได้ ถึงเวลาเหลืออดเหลือทนก็เข้าห้องน้ำ เปิดน้ำดัง ๆ แล้วก็ตะโกน หรือไม่ก็เอาหน้าทิ่มใส่โอ่ง ปิดฝาแล้วตะโกน"

เถรี
16-05-2018, 21:05
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งให้ญาติโยมทราบว่า ต่อไปถ้าจะเอาผ้าไตรมาถวายให้เปลี่ยนเป็นสีกรักทองแบบพระราชนิยม เพราะว่าต้องเปลี่ยนเป็นสีเดียวกันทั้งประเทศ"

เถรี
16-05-2018, 21:16
พระอาจารย์กล่าวว่า "สีผึ้งหลวงพ่อทาบอย่าไปดูตลับ เพราะว่าตลับเหมือนกันยาก เนื่องจากว่าสมัยที่แจก ทางวัดให้ญาติโยมหาตลับไปกันเอง จำอย่างเดียวว่าสีผึ้งมีลักษณะแบบไหน ตลับเก่าได้อายุไหม ? แล้วก็อย่างน้อยมีตะกรุดสาริกาไว้ ๒ ดอก บางตลับโชคดีมีนางกวักติดไปด้วย

สีผึ้งที่เก่าจริง ๆ ที่อาตมามีอยู่เป็นของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แล้วก็หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก นั่นแข็งเป็นหินไปเลย"

เถรี
16-05-2018, 21:17
ถาม : สายมีดหมอของหลวงพ่อฤๅษีต้องนับมาจากใครครับ ?
ตอบ : ของหลวงพ่อฤๅษีจริง ๆ ต้องนับสายหลวงพ่อเดิม ของหลวงพ่อมาในแบบเทพอาวุธ ขอบารมีพระและท่านท้าวมหาราชช่วยสงเคราะห์

ถาม : สายหลวงพ่อเดิมละคะ ?
ตอบ : สายหลวงพ่อเดิมจะมาในลักษณะขออำนาจอาวุธเทวดามาเหมือนกัน

เถรี
16-05-2018, 21:40
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดหมอหลวงพ่อรุ่งส่วนใหญ่ท่านตั้งใจให้ใช้งานจริง ๆ ทำเป็นมีดใช้งานของชาวบ้าน ก็เลยทำเล่มใหญ่

พอรุ่นหลวงพ่อเดิม ท่านเห็นว่าบางทีคนใช้งานเปะปะ ไม่ได้ระมัดระวัง เสียดายของ ก็เลยทำเล่มเล็กให้เป็นการเฉพาะ"

เถรี
16-05-2018, 21:45
ถาม : พระรุ่นนี้หลวงพ่อมีจารให้หรือไม่ครับ (พระขุนแผนมหาอุตม์) ?
ตอบ : ที่ทำไว้ ถ้าไม่ได้จารจะตอกเลข ๕ ไว้ข้างหลัง ถ้ามีตอกเลขก็ใช่ ถ้ามีเวลาก็จารให้ ถ้าไม่มีเวลาของเก่าเขาตอกไว้อย่างนั้น ที่จารให้ก็ตอนที่ลงไปทำบุญที่ปักษ์ใต้กัน

เถรี
16-05-2018, 21:49
โยมมารับมีดหมอ "จำลายมือให้แม่น ๆ ลายมือนี้คือลายมือหลวงพ่อแจ่ม ลายมือส่วนใหญ่ที่เราเห็นตัวหนา ๆ นั่นเป็นลายมือหลวงพ่อชินที่ตอนนั้นรับใช้หลวงพ่อแจ่มอยู่ ส่วนลายมือนี้เป็นลายมือของท่านเอง ท่านเป็นคนเขียนหนังสือสวยมาก

มีดหมอหลวงพ่อแจ่มท่านใช้วิธีด้นสด ด้นสดก็คือนึกอยากเขียนอะไรก็เขียนลงไป แต่ละเล่มไม่เหมือนกันหรอก มาถึงตอนนั้นท่านท่องคาถาอะไรอยู่ก็ลงให้ไปเรื่อย"

เถรี
16-05-2018, 21:50
พระอาจารย์กล่าวว่า "ล่าสุดที่ตรวจสอบทองคำสำหรับหล่อพระ อยู่ที่ ๑๑๑ กิโลกรัมกับอีกหน่อยหนึ่ง ลงเลขตองพอดี ยังขาดอีก ๒๙ กิโลกรัมเท่านั้น ขาดอยู่อีกนิดเดียว"

เถรี
17-05-2018, 20:26
ถาม : แถวบ้านบริเวณกำแพงวัด มีชาวบ้านนำพระพุทธรูปแตกหักมาวางทิ้งไว้ ผมอาราธนามาซ่อม จะต้องนำกลับไปถวายวัดเดิมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : วัดไหนก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ของสงฆ์ เพราะว่าชาวบ้านเขาไปทิ้งเอง เพราะฉะนั้น...อยู่ที่เรา จะถวายวัดไหนก็ได้ อาตมาเองสมัยก่อนก็เก็บไปซ่อมเสียเยอะ ตอนก่อนจะเป็นเจ้าอาวาส แถววัดท่าขนุนเขาก็ทิ้งไว้เกลื่อนกลาดไปหมด ถึงเวลาก็เอาไปจ้างช่างซ่อมใหม่ ปิดทองใหม่ เสียเงินหน่อยหนึ่งก็ได้พระดี ๆ มาบูชาตั้งเยอะ

คนสมัยก่อนอะไรที่ไม่ดีก็เอาไปไว้วัด พระพุทธรูปแตก พระพุทธรูปหัก แมว ๕ เล็บ หมา ๖ นิ้วไปอยู่วัดหมด ท้ายที่สุดลูกไม่ได้เรื่องก็เอาไปอยู่วัด ก็เลยทำให้พระพุทธศาสนาของเราเจริญยาก ที่เจริญยากเพราะว่าโอกาสที่เราจะเลือกบุคลากรไม่มี ประเภทเหลือเลือก สังคมไม่ต้องการแล้ว พ่อแม่ก็เอาไปบวชทิ้งไว้ที่วัด พระอุปัชฌาย์อาจารย์ไม่เข้มงวดก็เละเทะ แต่หลายท่านพอพระอุปัชฌาย์อาจารย์เข้มงวดก็กลายเป็นพระดี ให้คนกราบให้คนไหว้ได้เต็มที่ ซึ่งก็ค่อนข้างจะหายาก ในเมื่อหาบุคลากรไม่ได้ เลือกไม่ได้ ผลก็ออกมาอย่างที่เห็นนั่นแหละ

เถรี
17-05-2018, 20:35
สมัยวัยรุ่นอาตมาอยู่ที่ซอยอ่อนนุช ก็คือสุขุมวิทซอย ๗๗ ท้ายซอยแถว ๆ ที่เขาเรียกว่าประเวศ หนองจอก ถึงเวลาก็ขี่จักรยานเลาะไปตามวัด ปรากฏว่าที่วัดใต้ใกล้ ๆ วัดมหาบุศย์ของคุณยายนาค มีหมูที่ชาวบ้านเขาเอาไปปล่อยทิ้งไว้ เจ้าหมูตัวนี้ดุมาก ใครเข้าวัดผิดท่าผิดทางโดนไล่ขวิดกระจาย

ญาติโยมสงสัยว่าหมูขวิดได้ด้วยหรือ ? ขอยืนยันว่าได้ แล้วถ้าใครโดนก็สาหัสด้วยเพราะว่าเขี้ยวยาวมาก ตัวใหญ่ น้ำหนักเป็น ๑๐๐ กิโลกรัม อยู่กินข้าวก้นบาตร ถึงเวลาใครจะมาหาหลวงพ่อที่วัด ต้องตะโกนว่า "ดูหมูด้วย" บ้านอื่นเขา "ดูหมาด้วย" ที่นี่ต้องดูหมู เพราะว่าหมูไล่ขวิดเอาจริง ๆ

นั่นก็ต้องบอกว่าเป็นหมูที่มีเล็บเกิน อย่างคนเราบางคนก็มีนิ้วเกินมา ไอ้นั่นหมูมีนิ้วเกิน ถือว่าเป็นกาลกิณี เอาไปปล่อยไว้วัด...สบาย ไม่ต้องเข้าโรงเชือด ก็อยู่ดีกินดี แถมเขี้ยวก็ค่อย ๆ ยาวขึ้น ๆ เวลาหมูป่าอยู่ในป่าต้องอาศัยเขี้ยวขุดหาอาหาร ขุดหัวเผือกหัวมัน เจ้า ๖ นิ้วนี่ไม่ได้อาศัยขุดหัวเผือกหัวมัน เขี้ยวจึงยาวไปเรื่อย ถึงเวลาเอาไว้ไล่ขวิดคน แล้วก็เป็นเจ้าพ่ออยู่นั่นแหละ พวกหมาวัดไม่กล้าหือหรอก

เถรี
17-05-2018, 20:42
วัดที่ใกล้ที่สุดคือวัดขจรศิริ เขาเรียกว่าวัดขอม ถัดไปก็เป็นวัดยาง (หลวงพ่อโต) วัดไทร วัดมหาบุศย์ แล้วก็ไปวัดใต้ซึ่งอยู่ใกล้ปากซอยที่สุด สมัยก่อนอาตมาปั่นจักรยานอยู่แถวโน้น บางทีก็ทะลุไปวัดศรีเอี่ยม สมัยนั้นที่นิยมไปกราบก็หลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน

หลวงปู่เมฆท่านอยู่กลางดงอิสลาม บรรดาอิสลามพกปลัดขิกหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดานกันเกือบทุกคน ปลัดขิกของท่านรับประกันว่างูเห่าไม่กัด ไม่รู้ว่ากัดไม่เข้าหรือว่าไม่กัดกันแน่

เถรี
17-05-2018, 20:56
แล้วก็มี "แชแดง" เป็นอิสลาม เป็นฆราวาส ทำผ้ายันต์เหนียวสะเด็ด พวกวัยรุ่นชอบไปขอ แล้วก็เที่ยวไปซ่ากับคนอื่น อาตมาชอบมากเลย ชอบตรงไหนรู้ไหม ? เพราะว่าเจ้าพวกนี้ไม่หนี ถึงเวลามาเขาหนังเหนียว อาตมามีแต่กำปั้น เปรี้ยงเดียวรู้เรื่อง ไม่ได้ใช้มีดใช้ปืนสักหน่อย อยากเหนียวก็เหนียวไปสิ ต่อยร่วงหมด..!

วัยรุ่นพวกนี้มีของดีก็เที่ยวไปห้าว ไปรังแกคนอื่น อาตมาตอนนั้นไม่ได้มีของดีอะไร ทั้งเนื้อทั้งตัวพกแค่เหรียญหลวงปู่ฝั้น วัดถ้ำขามเหรียญเดียว อาศัยลูกบ้า ไม่ค่อยหนีคน

เถรี
17-05-2018, 21:04
จะว่าไปแล้วไสยศาสตร์อิสลามนี่เฟื่องฟูมานาน ช่วงที่โด่งดังที่สุดก็คือช่วงประมาณรุ่นหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านไปเรียนวิชาหินเบามาจากครูอิสลาม วิชานี้ตอนหลังมาเปรียบดูแล้วเหมือนกับของไทย ที่ชื่อว่าวิชาชาตรี ก็คืออาวุธหนักกลายเป็นเบา อาวุธมีคมก็เหมือนกับไม่มีคม โดนเท่าไรก็ไม่รู้สึก วิชาหินเบาจะต้องโหม่งครกได้ ครกตำน้ำพริกที่ทำด้วยหินแกรนิต โยนขึ้นไปแล้วก็โหม่งเล่นเหมือนกับลูกบอลเลย

หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ท่านเรียนจากครูอิสลามแล้วก็เอามาสอนต่อ อาตมาเองขี้เกียจท่องคาถา ภาษาอิสลามแลพิลึก ๆ ก็เลยไม่ได้สนใจ

เถรี
17-05-2018, 21:10
หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติเป็นอาจารย์ของหลวงปู่สี วัดสะแก แล้วก็เป็นอาจารย์ของหลวงปู่ดู่ วัดสะแกด้วย แต่ระหว่างหลวงปู่สีกับหลวงปู่ดู่นี่พรรษาไกลกันระดับอาจารย์กับลูกศิษย์ เหมือนกับว่าหลวงปู่สีเป็นลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ หลวงปู่ดู่เป็นลูกศิษย์รุ่นท้าย ๆ ประมาณนั้น

เมื่อเช้ามีคณะจากกองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโทที่บางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ถวายทองคำไว้ประมาณ ๒๐ กว่าบาท ตอนที่เขาถวายหลวงปู่ดู่ท่านก็โผล่มา บอกว่า “ข้าโมทนากับพวกแกด้วย” ปกติหลวงปู่ดู่ท่านไม่ต้องโมทนา ท่านก็กินไม่ไหวใช้ไม่หมดอยู่แล้ว แต่เห็นลูกศิษย์ตั้งใจทำความดีแล้วนึกถึงท่าน ท่านก็มาโมทนาด้วย

เถรี
17-05-2018, 21:19
ถาม : ถ้ามีงูเข้าไปในบ้าน จะไล่อย่างไร ?
ตอบ : มีกำมะถันไหม ? โรยทิ้งไว้รอบบ้าน งูจะไม่มา งูกลัวกำมะถัน

เถรี
17-05-2018, 21:35
ถาม : คนที่เขาเข้าใจว่าพระนิพพานไม่มี ผมก็อธิบายเขาไป ?
ตอบ : ถ้าไม่เข้าถึงจริง ๆ อย่าไปอธิบาย เป็นเรื่องที่อธิบายเป็นภาษามนุษย์หรือภาษาเขียนได้ยาก คือความละเอียดที่สัมผัสถึง พูดเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ ไม่ต้องเสียเวลาไปเถียงกับใคร ถ้าเราบอกว่ามีก็เป็นอัตตา ถ้าเราบอกว่าไม่มีก็เป็นอนัตตา กลายเป็นว่าเราขัดแย้งกับตัวเราเอง

ถาม : ความรู้สึกของเราคือพระนิพพานอยู่ในทุกที่ ?
ตอบ : ก็เพราะว่าพระนิพพานมีอยู่ในทุกที่ บุคคลที่ไม่ได้อภิญญา ไม่ได้อะไร ทำไมถึงรู้ว่ามีพระนิพพาน ? ก็เพราะว่าอารมณ์ใจถ้าเข้าถึง พระนิพพานก็ไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก ตรงไหนก็เป็นพระนิพพาน

เถรี
17-05-2018, 21:41
ถาม : เวลาภาวนาพระคาถาเงินล้านหลวงพ่อนับจำนวนจบด้วยไหมคะ ?
ตอบ : ก่อนหน้านี้ก็นับ ตอนนี้เลิกนับแล้ว ตอนนั้นใช้ลูกประคำช่วยนับ

ถาม : ไม่ได้ใช้เวลานั่งในการภาวนา อย่างทำกับข้าวไป อย่างนี้ได้ไหมคะ ?
ตอบ : อะไรก็ได้ ทำอะไรก็ภาวนาได้

ถาม : บางที่นับไปแล้วหลุด ไม่รู้ว่าจบเท่าไรแล้ว ?
ตอบ : ถ้าจำได้แค่ไหนเริ่มต้นตรงนั้นใหม่ เราอาจจะไปสัก ๔๐ จบ ๕๐ จบแต่จำแน่ ๆ ว่า ๓๐ จบ ก็ต่อ ๓๑ ไปเลย ต่อไปพอโดนบ่อย ๆ แล้วจะเข็ด ก็จะตั้งใจจำเอง

เถรี
21-05-2018, 08:46
ถาม : เวลาที่เราเข้ากรรมฐาน เราวางกำลังใจคล้ายคลึงกัน แต่ทำไมความสว่างที่เกิดจากจิตไม่เท่ากัน ?
ตอบ : อยู่ที่สภาพจิตของเราตอนนั้น แล้วก็บุคคลที่มาด้วย

เถรี
21-05-2018, 09:14
ถาม : เวลาป่วยแล้วเราไม่อยากปวดตามเนื้อตัว ก็ไม่ไปสนใจมัน ร่างกายจะพังไหมคะ ?
ตอบ : รักษาตามหน้าที่ ส่วนเวทนาเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องไปใส่ใจ ไม่ใช่ว่าไม่รักษาเลย แล้วก็ไม่สนใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นร่างกายก็พังแน่ ๆ

เถรี
21-05-2018, 09:24
ถาม : การกำหนดว่าดีหรือชั่ว ที่จริงก็เป็นสมมติ... เว้นจากศีลแล้ว เราสามารถบอกได้ไหมว่าสิ่งที่ทำนั้นชั่ว ?
ตอบ : เอามโนธรรมเป็นหลัก ถ้าใจคัดค้านการกระทำนั้นแปลว่าไม่ดีแน่

ถาม : แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าใจเราจะรู้ดีรู้ชั่ว ?
ตอบ: สภาพจิตของทุกคนใฝ่ดีโดยอัตโนมัติ แม้แต่โจรก็อยากให้ลูกเป็นคนดี ถึงได้เรียกว่ามโนธรรมคือธรรมะประจำใจ เพราะฉะนั้น...ข้อที่บอกว่าใจคนปกติแล้วบริสุทธิ์สะอาดนั้นใช่ แต่ว่ากิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรมย้อมเข้าไปก็มืดดำ ย่อมไปในอกุศลมากกว่ากุศล

ถาม : อย่างนี้คนที่ยิงเสือดำ เขาก็รู้ว่าที่ทำนั้นชั่ว ?
ตอบ: รู้

เถรี
21-05-2018, 09:30
ถาม : เวลาเราใช้มโนมยิทธิ การที่เราจะเดิน จะเคลื่อนไหว จะเหมือนกับจิตเราไม่มีสมาธิ ?
ตอบ : ขณะที่ออกไป ออกไปด้วยกำลังสมาธิ ทุกอย่างที่ใช้งาน ก็คือใช้กำลังของสมาธิอยู่แล้ว

ถาม : แสดงว่าจิตเราเองเวลาเคลื่อนไหว ก็ถือว่าจิตเรายังมีกำลัง ?
ตอบ : จิตโดนบังคับด้วยกำลังสมาธิอยู่แล้ว

เถรี
22-05-2018, 08:38
ถาม : ถ้าเราฝันช่วงรอยต่อ ตี ๕ ถึง ๖ โมงเช้า ฝันร้าย เช่น ฝันว่าญาติเราบาดเจ็บ จะเข้าข่ายว่าฝันร้ายกลายเป็นดีหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไปเปิดตำราทำนายฝันดู มีฝันตามระยะเวลา มีฝันตามวันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธหมายความว่าอะไร ไปฟุ้งซ่านเสียให้พอ

เถรี
22-05-2018, 08:40
ถาม : การลดความอ้วน ?
ตอบ : วิธีที่ได้ผลที่สุด คือออกกำลังกาย การลดอาหารส่วนใหญ่จะเบรกแตกทีหลังแล้วก็กินกระจาย กลายเป็นโยโย่เอฟเฟ็ค

เถรี
22-05-2018, 08:45
ถาม: ธาตุที่ไม่มีใจ อย่างเช่น ต้นไม้ บ้าน ธาตุมันจะรวมตัวกันได้อย่างไรครับ ?
ตอบ: ก็ต้องมีเหตุ อย่างเช่นว่าที่ประกอบไปด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณ ถ้าเหตุประจวบเหมาะ ก็สามารถรวมตัวกันได้

เถรี
22-05-2018, 08:48
ถาม : ถ้าเราอธิษฐานขอให้สำเร็จโดยไว สำเร็จโดยง่าย จะเป็นข้อดีไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเหตุปัจจัยยังไม่ครบครัน ต่อให้อธิษฐานปากฉีกถึงหูก็ยังไม่ได้อะไร

เถรี
22-05-2018, 08:55
ถาม : ถ้าต้องการไปพระนิพพาน แต่จิตยังไม่สะอาดพอ ?
ตอบ : สภาพจิตไม่สะอาดแม้แต่นิดเดียวก็ไปพระนิพพานไม่ได้

เถรี
22-05-2018, 09:12
ถาม : การที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ในตลอดเวลาที่เป็นพุทธภูมิ คือ ต้องไม่มีคำว่าท้อแม้แต่นิดเดียวใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ท้อได้แต่ห้ามถอย

ถาม : พระมหากรุณาธิคุณ เริ่มมีตั้งแต่ช่วงไหนครับ ?
ตอบ : เริ่มตั้งแต่คิดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า

เถรี
22-05-2018, 09:16
ถาม : ถ้าวัตถุมงคลฝืนกฎของกรรมช่วยเราไม่ได้ แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราจะอาราธนาติดตัวต่อไปครับ ?
ตอบ : อย่างน้อยก็ปลอดภัยกว่าไปตัวเปล่า ๆ คิดถึงวัตถุมงคลถ้าตายไปก็ยังได้สุคติ ไม่เอาอะไรเลยก็อาจจะมีอบายภูมิเป็นที่ไป

เถรี
22-05-2018, 09:16
ถาม : ทิฐิพระ มานะกษัตริย์ ใช่อุดมการณ์ที่เหนือกว่ากิเลสทั่วไปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง เพียงแต่ถ้าใช้ได้ถูกก็สามารถสร้างกุศลได้มาก ถ้าใช้ผิดก็เละเลย

เถรี
22-05-2018, 23:34
มีคณะโยมลูกศิษย์สายหลวงปู่ดู่มาถวายทองคำ "หลวงปู่ท่านบอกว่า “ข้าโมทนากับพวกแกด้วย” สำนวนนี้นี่ใช่เลย ตั้งแต่ยุคไหนสมัยไหนท่านก็พูดแบบนี้แหละ ตอนนี้ได้ทองมา ๑๑๑ กิโลกรัมแล้ว ใช้ประมาณ ๑๔๐ กิโลกรัม ใกล้เคียงแล้ว"

เถรี
23-05-2018, 00:02
พูดถึงรูปหลวงพ่อวัดท่าซุงบานใหญ่ ที่บ้านเติมบุญ ซึ่งกำลังเปลี่ยนดวงไฟใหม่ "ความจริงรูปนี้เป็นของหลวงพี่อาจินต์ ของอาตมาเองเป็นรูปเล็ก ๆ พอทำเสร็จแล้วโตประมาณกระเป๋าเอกสาร ช่างเขาเอามาส่ง หลวงพี่อาจินต์เห็นบอกว่า “เฮ้ย...สวยมากเลยเล็ก ขอพี่เถอะ จะเอาตั้งไว้หัวเตียง” อาตมาถามว่า “แล้วผมล่ะ ?” พี่ท่านก็เลยส่งรูปที่ม้วนอยู่ในมือมาให้ อาตมาเห็นว่าใหญ่กว่าของตัวเองนิดเดียวก็ส่งให้ช่างไป บอกว่าทำกรอบให้อีกอันหนึ่ง

ปรากฏว่าตอนม้วนอยู่ท่านม้วนด้านกว้าง เวลาทำเสร็จเขายกใส่รถกระบะมา อาตมาเห็นแล้วจะเป็นลม ถามช่างว่าราคาเท่าไร ? ช่างบอกว่า ราคา ๓๐,๐๐๐ บาท จำไว้ให้ขึ้นใจเลยว่า คราวหน้าใครให้รูปมาต้องคลี่ออกมาดูก่อน เห็นเขาม้วนอยู่แล้วก็ดันส่งให้ช่างไปเลย ของอาตมาเท่ากับกระเป๋าเอกสาร ก็นึกว่าของท่านใหญ่กว่าเรานิดเดียวเอง ไม่เป็นไรกระมัง ?

รูปนี้ต้องบอกว่าเป็นรูปสุดท้ายที่ถ่ายอย่างเป็นทางการของหลวงพ่อวัดท่าซุง หลังจากถ่ายรูปนี้ไม่นานท่านก็มรณภาพ บางคนก็บอกว่าหลวงพ่อดูอ้วนท้วนผ่องใสดี หลวงพ่อท่านบอกว่า "กำลังจะปริต่างหาก" เพราะว่าร่างกายของท่านบวมจนต้องฉันยาขับน้ำออก บวม ๆ ยุบ ๆ ๔-๕ รอบท่านก็มรณภาพ"

เถรี
23-05-2018, 00:13
พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกขายของออนไลน์ระวังไว้นิดหนึ่ง ระยะหลังเขากวดขันเรื่องภาษีมาก อย่างไรเสียทำพวกบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีแล้วก็จ่ายให้ตรงก็จะปลอดภัย"

ถาม : จะทำอาชีพนี้ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ทำได้ทุกคน เพียงแต่ว่าต้องทุ่มเทหน่อย จะให้เขาไว้ใจก็คือจ่ายเงินแล้วของต้องถึงมือเขาให้เร็วที่สุด คุณภาพเป็นไปตามโฆษณาก็ทำได้ทุกคนแหละ

เถรี
23-05-2018, 00:14
ถาม : ...(เรื่องบัดพลี)...
ตอบ : เป็นวิธีการที่เราทำอะไรบางอย่างเพื่อทดแทน เพื่อรับเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งมา อย่างเช่นว่าเราไปเจอของอะไรบางอย่างซึ่งมีคุณค่าที่เราต้องการ อย่างพวกว่านยา พวกสมุนไพร ซึ่งส่วนใหญ่โบราณเราเชื่อว่าของทั้งหมดมีเจ้าของ จะเป็นผีเทวดาอะไรต่าง ๆ เขาก็จะทำเครื่องบัดพลีไปสังเวย เพื่อขอแลกเปลี่ยนของนั้นมา

เถรี
29-05-2018, 21:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "ข้าวของแต่ละอย่างที่เราทำมีจิตวิญญาณของเราอยู่ ฉะนั้น...มองไปจะจำได้ว่าลายมือแบบนี้ ฝีมือแบบนี้เป็นของใคร เห็นโยมเขาถือมานี่ฟันธงได้เลยว่าเขาทำเอง เหมือนกับวัตถุมงคล ดูออกอย่างหนึ่ง ก็ดูออกทั้งหมดนั่นแหละ

แบบตา Benvenuto Cellini ที่เจอที่อิตาลี เขาบอกว่าเป็นเสียหนึ่งก็เป็นหมดนั่นแหละ อาตมาก็ว่าทำไมเขาเก่งอย่างนี้วะ ? กวีก็เป็น สถาปัตย์ก็เป็น มัณฑนากรก็เป็น เป็นทุกเรื่อง เขาบอกว่า “ชำนาญหนึ่ง ปรุโปร่งร้อย” คือเก่งเสียอย่างเดียวอย่างอื่นก็คล้าย ๆ กันนั่นแหละ"

เถรี
29-05-2018, 21:50
ถาม : ปรอทกินทอง คือ เป็น...?
ตอบ : จริง ๆ แล้วก็คือทอง มีส่วนของทองผสมอยู่

ถาม : แล้วที่หลวงพ่อเคยทำ ?
ตอบ : ยังไม่ถึงขั้นนั้น อันนั้นทำได้แค่ป้องกันภัย รักษาโรค ยังไม่เกินนั้น ยังต้องศึกษาเรื่องสมุนไพรใบยาอะไรอีกเยอะ อาตมาไม่มีเวลา

ถาม : ว่านยาของเขามาเทียบกับของเรา ?
ตอบ : บางอย่างคิดชื่อเป็นภาษาไทยไม่ออก เพราะว่าบ้านเราไม่มี

เถรี
29-05-2018, 21:55
ถาม : ปรอทที่ยังไม่ตาย ?
ตอบ : ที่ยังไม่ตายนี่จะลื่นมาก ใส่ไว้ในมือแล้วตะแคงหน่อยจะลื่นตกเลย มีอยู่เที่ยวหนึ่งตอนกำลังหลอม ควันขึ้นโขมงเลย คิดว่า "ฉิบหา...แล้วกู จะแก้อย่างไรดีวะ ?" ไม่เคยทำถึงขั้นนี้ พอดีมีน้ำมันชาตรีอยู่ในมือ ราดโครมลงไปหายเงียบเลย แต่ว่าชิ้นนั้นรู้สึกว่าจะให้หลวงตาน้อยไป ตอนนั้นคงจะเกรงใจน้ำมันชาตรีเลยไม่กล้าหนีกระมัง ควันขึ้นขนาดนี้ตามที่เขาบอกคือระเบิดแน่นอน แล้วถ้าระเบิดก็จะหนีไปคนละทิศละทาง ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรแล้ว พอดีมีน้ำมันชาตรีจึงรอดมาได้

ถาม : ตอนไปกราบหลวงปู่นารทะได้มาไหมครับ ?
ตอบ : ได้...ท่านให้เป็นกำเลย แต่เอามาแค่ ๒ เม็ด หลอมเป็นชนวนสำหรับสร้างวัตถุมงคลไปเม็ดหนึ่ง อีกเม็ดให้เขาบูชาไปแล้ว

ถาม : อันนี้เปลี่ยนสภาพอีกไหมครับ ?
ตอบ : อันนี้อยู่ได้เลย เพราะว่าแปลงธาตุเรียบร้อยแล้ว

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : นั่นใช้อภิญญา อันนี้คือใช้ว่านยากับอำนาจจิตช่วย แต่ท่านแจกเป็นของเล่นเลยนะ ใครไปท่านก็แจกคนละ ๒ เม็ด ไม่ได้สนใจหรอกว่าใครจะวนเข้าแถวใหม่หรือเปล่า ? กูหยิบแจกอย่างเดียวเลย ทิดจิตรไปด้วยก็ได้มา ๒ เม็ดเหมือนกัน ของอาตมาท่านให้มาเป็นกำ กราบเรียนท่านว่า "ขอรับแค่ตามโควตา ๒ เม็ดครับหลวงพ่อ เกรงใจ"

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : น่าจะขายได้จริง ๆ เพราะว่าที่ท่านให้นั่นให้ไปสำหรับดำรงชีวิตเลย

เถรี
29-05-2018, 21:56
โยมทำบุญด้วยธนบัตรที่ยับยู่ยี่มาใส่ขัน ท่านจึงหยิบมาคลี่จัดให้เรียบ กล่าวว่า “เคารพเงินหน่อย แล้วเงินจะมาหาเราเอง ถ้าไม่ให้ความเคารพเลยเขาก็ไม่อยากมา”

เถรี
29-05-2018, 22:01
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระมีเวลาฉันได้หน่อยเดียว ส่วนโยมได้ ๒๔ ชั่วโมง ถ้าพระไปอยู่ประเทศพม่าได้ถึงประมาณ ๕ โมงเย็น เพราะว่าบ้านเราตีความพระธรรมวินัยลักลั่น ฉันอาหารเวลาวิกาลเราไปตีความว่าหลังเที่ยง แต่เข้าบ้านในเวลาวิกาลเราไปตีความว่าพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว

ของพม่าเขาจะเวลาฉันอาหารหรือเข้าบ้าน เขาตีความว่าพระอาทิตย์ตกดินแล้วทั้งคู่ ฉะนั้น...ห้าโมงหรือห้าโมงครึ่งเขายังฉันกันเป็นปกติอยู่ แต่จะว่าไปแล้วถ้าไปประเทศพม่านี่ชาวบ้านทั่วไปเขากินวันละ ๒ มื้อ มื้อสาย ๆ ประมาณ ๐๘.๓๐ น. -๐๙.๐๐ น. ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเบา อาจจะเป็นขนมจีนสักจานหนึ่ง ข้าวผัดสักจานหนึ่ง แล้วก็ไป ๑๖.๐๐ น. - ๑๗.๐๐ น. อีกมื้อหนึ่ง นั่นเป็นมื้อหลัก

ตอนแรกก็ไม่ได้คิดหรอกว่าทำไมเขากินน้อยขนาดนั้น ดูไปดูมาแล้วถึงรู้ว่าไม่ค่อยจะมีกิน เพราะว่าบ้านเขาเศรษฐกิจไม่ดี อะไรก็หายาก ระยะหลังขนาดเปิดประเทศมากแล้วก็ยังคงลำบากอยู่ดี"

เถรี
29-05-2018, 22:05
ถาม : แล้วทางพระจีน ?
ตอบ : พระจีน พระญี่ปุ่น เขาฉันในลักษณะเป็นยา เวลาฉันจึงไม่ได้ตีระฆัง ถ้าตีระฆังนี่คือฉันอย่างเป็นทางการ ทางด้านเจ้าคุณพรหมบัณฑิต ตอนนั้นยังเป็นพระเทพโสภณ ไปประเทศจีน กลับมาเรียนถามท่านว่าได้ฉันข้าวเย็นไหม ? ท่านบอกเขารู้ว่าพระไทย ไม่ฉันเลยให้แต่น้ำชากาเดียว

ถาม : แล้วอินเดียละครับ ?
ตอบ : พุทธอินเดียหมดไปตั้งแต่ปี พ.ศ. ๑๗๐๐ แล้ว พุทธอินเดียเป็นต้นแบบมหายาน ที่เคร่งครัดหน่อยก็นิกายสรวาสติวาท ยังถือวินัย ๒๒๗ ข้อ ถ้าหากว่าเป็นของสายอื่นก็ไม่ค่อยสนใจพระวินัยแล้ว

เถรี
30-05-2018, 09:35
พระอาจารย์กล่าวว่า "ภาวนาคาถาเงินล้านเอาไว้ทุกวัน ขอบารมีพระท่านให้กิจการของเราคล่องตัวค้าขายดี ๆ กลัวอยู่อย่างเดียวว่าพอเหนื่อยลิ้นห้อยขึ้นมาก็ไม่เอาอีกแล้ว

พี่ก้องเกียรติเปิดอู่รถ อาตมาถามว่าภาวนาคาถาเงินล้านวันละกี่จบ ? แกบอกว่า ๙ จบ แล้วทำไมไม่เอาให้เยอะ ? "แค่นี้ก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว งานเข้าจนไม่มีเวลาจะหายใจ จะไปเอาอะไรมากกว่านี้"

อย่างพี่ก้องเกียรติไม่ต้องใช้คาถาเงินล้าน ลูกค้าก็ไม่ไปไหนหรอก เพราะว่าพี่ก้องซ่อมรถให้ลูกค้าเหมือนกับทำให้ตัวเอง อะไรประหยัดได้ก็แนะนำให้ประหยัด อะไรที่สมควรเปลี่ยนถึงจะเปลี่ยนให้ แล้วก็คิดค่าแรงแบบมิตรภาพ ต่อให้แกไปอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวลูกค้าก็ตามไป

โดยเฉพาะเรื่องการตั้งศูนย์ถ่วงล้อนี่ ปล่อยมือขับให้ได้ทุกคันเลย คอมพิวเตอร์ยังสู้ไม่ได้เลย เพราะว่าคอมพิวเตอร์เขาเอาแค่ประเภทศูนย์ถ่วงอย่างเดียว แต่พี่ก้องมีโทอินโทเอ้าท์ ถ่างนอกถ่างในได้หมด พอให้พี่ก้องทำแล้วลองขับดู จะต่างจากที่อื่นอย่างเห็นได้ชัด ต่างกับเครื่องสมัยนี้ใช้การถ่วงด้วยเครื่องเท่านั้นซึ่งได้แค่ประมาณการณ์ พวกนี้ประสบการณ์ของเครื่องยังสู้คนไม่ได้"

เถรี
30-05-2018, 09:40
ถาม : ก่อนบวชท่านทำมากี่อาชีพแล้วครับ ?
ตอบ : ไม่เคยเกี่ยงงาน เป็นตั้งแต่ผู้จัดการยันกรรมกร ถ้าเราไม่เกี่ยงงาน เราจะไม่มีวันตกงาน

ไปวัดท่าซุง ๘ ปีไม่เคยบอกใครว่าทำงานเป็น เล่นเอาวันแรกที่จับกาพ่นสี หลวงพี่ทีปหันขวับเลย "เป็นใช่ไหม ?" บอกว่า "ใช่ครับ..เคยทำมา ๘ ปี" แกถีบโครมเลย "ไอ้ห่...แล้วไม่คิดจะช่วยกันบ้างเลย" บอกท่านว่า "ผมเอาแต่ภาวนาเพราะรู้ว่ากำลังใจยังไม่ดี กำลังใจดีเมื่อไรแล้วจะมาช่วยงาน" คนเป็นกับไม่เป็น แค่จับเครื่องมือขึ้นมาก็ดูออกเลย

จำไว้ว่าอย่าเกี่ยงงาน รุ่นอาตมานี่การไปฝึกงานคือไปให้เขาใช้ฟรี ๆ ทำอย่างไรจะเอาวิชาให้ได้ ต้องคอยดูในลักษณะครูพักลักจำ ถ้าเห็นลูกพี่อารมณ์ดี ๆ ก็ถามว่าทำอย่างไร ถ้าอารมณ์ดีเขาก็บอกให้ อารมณ์ไม่ดีก็เขกกบาลเอา เครื่องมือเผลอวางเมื่อไรเราต้องรีบคว้า ไม่อย่างนั้นจะไม่มีโอกาสได้หัด พอไปจับของเขาก็อย่าให้เห็น ไม่อย่างนั้นโดนอีก จนกว่าเราจะมีเครื่องมือของเราเอง

แต่คราวนี้เครื่องมือของเราเป็นเครื่องมือผลิตจากโรงงาน เราจะไม่ถนัดมือจนกว่าจะใช้ไประยะหนึ่งถึงจะเข้าที่ ของรุ่นพี่ส่วนใหญ่ใช้จนเข้าที่แล้ว จับของเขากับจับของใหม่ ของใหม่เราจะไม่อยากได้เลย ไปให้เขาหัดคือใช้ฟรี ๆ กินก็ไม่อิ่ม นอนก็ไม่พอ แต่ทำอย่างไรก็ต้องอดทนจนกว่าจะได้ความรู้มา ไม่อย่างนั้นแล้วไม่สามารถทำงานด้วยตัวเองได้ก็ทำมาหากินไม่ได้ ต้องบอกว่าทำไปเถอะ ชิงไหวชิงพริบ ว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน

เถรี
30-05-2018, 09:48
ถาม : ตอนนี้ควรตั้งกำลังใจกับแม่อย่างไรดีครับ ?
ตอบ : คิดว่าจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ? โดยเฉพาะตัวเราเองด้วย รีบเร่งกำลังใจให้มากเข้าไว้ เท่าที่ผ่านมาก็คงจะเห็นชัดแล้วว่า กำลังใจของเรายังไม่พอรับประทาน สถานการณ์ที่เป็นของคนอื่นซึ่งนอกตัว เรายังแย่ขนาดนี้ เมื่อมาถึงตัวเราจะแย่ขนาดไหน ?

ไม่มีอะไรที่เรารักเราห่วงมากกว่าตัวเอง นั่นแค่แม่เท่านั้น เราเองยังแพ้ทุกประตู ถ้ามาถึงตัวเองนี่อย่าหวังเลยว่าจะชนะ มีอยู่อย่างเดียวก็คือ ต้องเร่ง ศีล สมาธิ ปัญญาของเราให้มากขึ้น ต้องยิ้มรับความตายได้โดยไม่หวั่นไหว ตอนนี้พูดได้ทุกคนแหละ แต่พอมาเข้าจริง ๆ อื้อหือ...คนละเรื่องกันเลย อาตมาเองบังเอิญซ้อมตายบ่อยก็เลยเข้าใจ ที่บอกว่า "ไม่กลัว ไม่กลัว" เจอจริง ๆ แล้วกลัวแทบตาย ที่บอกว่าไม่กลัวเพราะรู้ว่าบอกอย่างนี้คือคำตอบที่ถูก แต่จริง ๆ แล้วทำไม่ได้ วิธีทำให้ได้คำตอบนั้นเราไม่รู้ จนกว่าเราจะมีวิธีทำให้ได้คำตอบนั้น ถึงจะใช่

ถาม : คิดแบบคนตายอย่างไรครับ ?
ตอบ : ตั้งใจว่าพ้นตัวไปเมื่อไรก็เหมือนกับคนตาย สภาพจิตหลุดจากตัว คนตายก็หลุดเหมือนกัน แต่คนตายหลุดไปเราควบคุมไม่ได้ เราได้เปรียบตรงที่หลุดไปแล้วควบคุมได้ แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะถ้าอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา ก็อาจจะไปเลยจริง ๆ ฉะนั้น...จึงต้องพร้อมที่จะตายอยู่เสมอ

เถรี
30-05-2018, 19:59
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนที่ไปบูชาพระหลวงพ่อกวย เจ้าของร้านแถมเหรียญ FAO ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาให้ เขาบอกว่าเหรียญแม่โพสพ อาตมาก็ว่าอะไรวะ...แม่โพสพ ? อ๋อ...ในหลวงกำลังหว่านข้าว"

ถาม : ผ้ายันต์ท่านท้าวเวสสุวรรณมีรอยพระพุทธบาทไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี มีแต่เหรียญ เพราะว่าผ้ายันต์ผืนใหญ่ กลัวพวกเราจะตกใจเวลาเห็นพระบาท

ถาม : ทำบุญค่าสร้างเหรียญด้วยนะครับ (หยอดเงินเหรียญทำบุญ) ?
ตอบ : ใส่ไปเถอะ แค่ ๖ แสนกว่าบาทเอง ผ้ายันต์บวกเหรียญก็ ๗ แสนกว่าบาท

เถรี
30-05-2018, 20:30
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) พระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ อัฐิของท่านเป็นพระธาตุ ขนาดเท่าเม็ดลูกกระสุนที่เราใช้ยิงนก หลวงปู่มหาอำพันท่านสรงน้ำถวายทุกปี ถึงเวลาท่านเปิดออกมาสรงน้ำ อาตมาก็ตั้งใจดู งามขนาดเลย"

เถรี
30-05-2018, 21:11
ถาม : (ตะกรุดลูกอมโลกธาตุของหลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้) ?
ตอบ : หลวงปู่เปลี่ยนส่วนใหญ่ทำด้วยเนื้อตะกั่ว มีเนื้อทองแดงปนอยู่บ้าง หลวงปู่เปลี่ยนไปดังที่เหรียญรุ่นหนึ่ง ของอื่นจึงโดนกลบหมดเลย ท่านเจ้าคุณปัญญามาบอกว่า "เดี๋ยวถ้าผมทำพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ ขอแบ่งบ้างนะครับ"

หลวงปู่เปลี่ยนกับหลวงปู่เหรียญดูยาก ท่านรุ่นใกล้ ๆ กัน หลวงปู่เปลี่ยนวัดใต้ หลวงปู่เหรียญวัดหนองบัว นั่นลูกศิษย์สายตรงหลวงปู่ยิ้มเลย ทำเยอะ ทั้งตะกรุด ทั้งผ้ายันต์ แหวนพิรอด แต่ต้องบอกว่าหลุดออกมาตลาดน้อยมาก

ไปเจอ พ.ต.ท.สำรวย พลบดี (พน - บอ - ดี) มีเสื้อยันต์หลวงปู่เปลี่ยนอยู่ตัวหนึ่ง ตื๊อเท่าไหร่ก็ไม่ให้ เขาบอกว่าได้มาตั้งแต่รุ่นพ่อ พ่อเป็นตำรวจ กอดคอยิงกับเสือแก้วบนเวทีรำวง เสือแก้วตายคาเวที พ่อไม่เป็นอะไรเลย มีแต่รอยช้ำเขียว ๆ เพราะฉะนั้น...เสื้อยันต์ตัวนี้เป็นตายอย่างไรก็ให้ไม่ได้ เพราะว่าเห็นมากับตัวเอง เสือแก้วก็ถือว่าหนังดี เลยไม่กลัวตำรวจ ถึงเวลาก็ขึ้นไปรำวง ตำรวจก็ขึ้นไปปล้ำจับกันบนเวที เลยต่างคนต่างชักปืนยิงกัน

เถรี
30-05-2018, 22:44
ถาม : พอขึ้นเป็นหัวหน้าคน มีหลักอะไรที่จะแนะนำในการทำงานไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เห็นมีอะไร ก็แค่ยุติธรรมเท่านั้น

ถาม : ทำงานที่จะต้องไปอยู่กับผู้ใหญ่ที่ใหญ่มาก ควรทำตัวอย่างไรให้อยู่ได้ครับ ?
ตอบ : จะใหญ่มากแค่ไหนก็ตาม เอาความจริงใจและผลงานเข้าว่า มีอะไรบอกกันตรง ๆ อย่าให้ท่านต้องตีความ ถ้ามัวแต่ให้ท่านตีความอยู่เราจะอด เพราะว่าท่านไม่มีเวลา เอาก็คือเอา ไม่เอาก็คือไม่เอา บอกให้ชัด ๆ ไปเลย

ถาม : การจะฝึกสอนคนให้ทำงาน ?
ตอบ : ทำไปเลย แต่อย่าไปหวังว่าเขาจะกตัญญูกับเรา เรามีหน้าที่ทำให้เต็มที่ ส่วนเขาจะมีใจหรือเปล่าเป็นเรื่องของเขา เราทำหน้าที่ตัวเองโดยไม่ละอายใจแล้วก็พอ ส่วนเขาเองเป็นอย่างไรแล้วแต่เขา

ถาม : เวลาไปสัมภาษณ์คนเข้าทำงาน มีวิธีการอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระอะไรก็ได้ ที่ให้เขาแสดงออกซึ่งนิสัยใจคอของเขา ถามเรื่องเพื่อน ถามเรื่องบ้าน ถามเรื่องแฟน เรื่องลูก เรื่องครูบาอาจารย์ เคยไปวัดหรือเปล่า ? ไปเรื่อยเปื่อยเหมือนคุยกันเล่น ๆ

เถรี
31-05-2018, 20:02
ถาม : ประเพณีที่ฆ่าคนเพื่อให้ดูแลหลักเมืองนั้น คนที่ฆ่าจะมีโทษปาณาติบาตมากน้อยแค่ไหนคะ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วส่วนใหญ่ทำตามหน้าที่ โทษจึงน้อย แต่ถามว่าผิดไหม ? ผิด..แต่โทษมีน้อยกว่า เพราะว่าไม่ได้ฆ่าในลักษณะของการโกรธแค้นกันมา คนสั่งฆ่าน่าจะโดนมากกว่า

ถาม : แล้วถ้าเป็นคนที่เต็มใจตาย เพื่อทำหน้าที่รักษาเมือง คนฆ่ายังมีโทษอยู่ไหม ?
ตอบ : ลักษณะอย่างนั้นต้องไปดูข้างล่างว่าเขาจะตัดสินอย่างไร

เถรี
31-05-2018, 20:20
พูดถึงการเดินป่า "ถ้าเราคุ้นชินกับสภาพป่า เราจะเห็นว่าอะไรต่างกันตรงไหน ดูแล้วเหมือนอย่างกับมีป้ายบอกทาง สำคัญที่สุดคือเดินไปแล้วต้องเหลียวหลังบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นถ้าเราย้อนกลับจะจำไม่ได้ เพราะว่าเราไปจะเห็นด้านหนึ่ง ขากลับจะเห็นอีกด้านหนึ่ง ถ้าหลงทางห้ามกลัวอย่างเด็ดขาด ยิ่งกลัวก็ยิ่งเตลิด หลงทางต้องตั้งสติเลยว่า เรามาจากทางไหน แล้วค่อย ๆ สาวรอยกลับไปทีละก้าว ถ้าหลุดรอยเมื่อไรคราวนี้ไปไกลเลย

เข้าป่าส่วนใหญ่อาตมานอนกับพื้น ไม่เคยนอนเปลหรอก เมื่อยจะตายชัก นอนแบกับดินสบายที่สุด แต่ว่าบางที่ก็สบายเกิน พอนอนลง ผีมาจะหักคอ อุตส่าห์หาที่เหมาะ ๆ แล้ว เป็นเนินลาดมีแอ่งด้วย ปูผ้าอย่างดี แขวนกลดได้ ปรากฏว่าไปนอนบนหลุมศพเขาพอดี พอออกมาเจ้าถิ่นถามว่าเมื่อคืนนอนที่ไหน ? ชี้ไปทางโน้น เขาบอกว่า "ป่าช้าครับ" มิน่าล่ะ...ถึงนอนสบายผิดปกติ"

เถรี
31-05-2018, 20:23
"ลากะตู บึงน้ำเขียว ถ้าลงถูกมุมมีเต่าปูลูตัวใหญ่อยู่ หลังน่าจะกว้างเกือบ ๒ โต๊ะตัวนี้ได้ พระนั่งฉันข้าวได้ ๕ รูป แต่ถ้าไม่ใช่พระไป เขาไม่ขึ้นมาหรอก ตอนที่ไป หลวงพี่ที่นำไปเขาเคยเจอ เขาคุ้นกัน ไปตบน้ำเรียกขึ้นมาได้"

เถรี
31-05-2018, 20:41
"เรื่องของเสือ ถ้าเราเห็นเขาครั้งหนึ่ง เขาเห็นเราไม่ต่ำกว่า ๒๐ ครั้งแล้ว เสือเป็นสัตว์ขี้สงสัย ชอบเดินตามดูว่าเราไปทำอะไร ถ้าไม่หิวจริง ๆ ชนิดอดอยาก เขาไม่ทำร้ายคนหรอก อีกอย่างหนึ่งที่ทำร้ายคนเพราะบาดเจ็บ หรือคนไปยิงเขาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะอดจริง ๆ เขาไม่ยุ่งกับคนหรอก"

เถรี
31-05-2018, 20:56
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ดูว่าคนทำคือใคร ? บอกว่า มหาราชหมายถึงว่าต้องครองใจราษฎร์ ไม่ใช่ครองราชย์ ลักษณะนั้นเลย ถ้าครองราชย์ เสวยราชสมบัติอย่างเดียว ถ้าครองใจราษฎร์คนทั้งประเทศยกใจให้คุณเองเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปทำอะไร

เถรี
31-05-2018, 21:18
ถาม : มหาระงับกับมหาปราบ อย่างเดียวกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คนละเรื่องกัน มหาระงับยังไม่เกิดเรื่อง มหาปราบเกิดเรื่องแล้วค่อยลงมือ หลวงพ่อคงคืออาจารย์หลวงพ่อเนื่อง หลวงพ่อเนื่องเป็นอาจารย์หลวงพ่ออิฐ ส่วนหลวงพ่อใจมารุ่นหลังหลวงพ่ออิฐ สำหรับสายอยุธยาหลัก ๆ ก่อนหน้านี้เป็นสายวัดประดู่ทรงธรรม จากวัดประดู่ทรงธรรมมาถึงวัดพระญาติ กลายเป็นว่าหลวงพ่อกลั่นท่านดังกว่า เพราะว่าท่านไปประยุกต์เข้ากับวิชาอิสลาม ลูกศิษย์ประยุกต์ได้ก็ก้าวหน้ากว่า เพราะว่ามีอะไรมากขึ้นกว่าเดิม

เถรี
31-05-2018, 22:19
ถาม : รัฐธรรมนูญฉบับไหนตรงที่สุด ?
ตอบ : ฉบับไหนตรงที่สุด ฉบับที่เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) นำไปถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ อยู่ที่ฝรั่งเศสโน่น ฉบับที่พอหาได้ก็ทน ๆ อ่านฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยไปก่อน ฉบับที่ถวายเป็นราชบรรณาการเขาต้องเต็มที่ คนคัดลอกต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง

สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ รัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๔๐ ซึ่งเขียนด้วยมือ นั่นเขียนด้วยมือทั้งฉบับ เมื่อพระราชทานก็มีการประทับตรา มีพระราชลัญจกร มีพระปรมาภิไธยแล้วก็โดนฉีกทิ้ง ใช้คำว่าฉีกรัฐธรรมนูญ จริง ๆ ก็คือแค่เลิกใช้ ต้องบอกว่านักการเมืองของเราแกล้งโง่เก่งมาก รู้อยู่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๔๐ เป็นฉบับที่ดีที่สุด มีข้อบกพร่องอยู่นิดเดียว แทนที่จะแก้แค่ ๑ มาตรา ๒ มาตรา ไม่หรอก...ทำใหม่เลย จะได้อยู่ในอำนาจนาน ๆ

โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด จะเรียกว่า ฉบับ คสช. ก็ได้ ร่างแต่ละมาตราอยู่บนสมมติฐานว่านักการเมืองทุกคนชั่ว ต้องบอกว่าขาดความไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์อย่างร้ายแรง ในเมื่อตั้งสมมติฐานอย่างนั้นก็ร่างออกมาให้ทุกคนบริสุทธิ์ผุดผ่องปานพระอริยเจ้า ร่างไปร่างมาก็เตะตีนตัวเองล้ม เพราะว่าพอถึงเวลาก็ไปสะดุดมาตรานั้น ร่างมาตราโน้นก็สะดุดมาตรานี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเจตนาเพื่อที่จะให้ คสช.อยู่นาน ๆ หรือเปล่า ?

เถรี
31-05-2018, 22:23
ถึงเวลาก็แก้ใหม่ ถึงเวลาก็แก้ใหม่ ถ้าเป็นอาตมารับประกันอาทิตย์เดียวเสร็จ เพราะแค่เอาฉบับ ๒๕๔๐ มาปรับปรุงนิดเดียวเท่านั้นเอง ก็คือถ้าทำแบบอาตมาเรียกทำแบบคนโง่ ทำแบบพวกเขาคือทำแบบคนฉลาด อย่างน้อย ๆ ช่วงที่อยู่บนอำนาจก็มี ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข

ต้องบอกว่าคนโง่ ๆ อย่างพวกเราไม่สมควรจะมีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง เพราะว่าเดี๋ยวทำอะไรแบบในหลวงรัชกาลที่ ๙ อีก พระองค์ท่านทำแบบที่คนส่วนหนึ่งโดยเฉพาะชาวต่างชาติเห็นว่าทำได้โง่มาก เพราะเป็นพระมหากษัตริย์แทนที่จะเสวยสุขอยู่ในพระราชวัง กลับออกไปลำบากตรากตรำทั่วประเทศไทย ถึงขนาดไม่เดินทางไปต่างประเทศเลยเพื่อจะได้มีเวลาช่วยชาวบ้าน

ถ้าอาตมาเป็นรัฐบาล แค่เอาโครงการในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาปัดฝุ่น แล้วก็ติดตาม ตามจี้ตามประเมินผล ถ้ามีทุจริตตรงไหนเล่นด้วยกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตยังไม่พอ ต้องซ้ำด้วยมาตรา ๑๑๒ อีกด้วย เพราะว่าเป็นโครงการในพระราชดำริ ถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วย เอาเสียให้เข็ด...! เพราะว่าสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทำก็เพื่อความอยู่สุข อยู่ดีกินดีของชาวบ้าน เราไม่ต้องไปคิดอะไรหรอก คิดได้ไม่เกินพระองค์ท่านหรอก เพราะว่าพระองค์ท่านคิดเผื่อคนทั้งประเทศ นักการเมืองส่วนใหญ่คิดแค่พวกพ้องและตัวกู

เถรี
31-05-2018, 22:27
พระอาจารย์กล่าวว่า "เบี้ยแก้สายอ่างทองแยกออกด้วยท้องเบี้ย ของหลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ เบี้ยแก้ทุกลูกหลังจากปิดชันโรงใต้ดินแล้ว จะปิดทับด้วยกระดาษอะลูมิเนียมของซองบุหรี่อีกทีหนึ่ง ถ้าของหลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง จะปิดทองทับ ถ้าเป็นหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน ท่านจะวางตะกรุดทับแล้วปิดมิดเลย แต่ของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ จะโผล่ตะกรุดออกมาให้เห็นเป็นแผ่น

ของหลวงพ่อคำนี้ส่วนใหญ่เวลาเขย่าจะมีเสียงเหมือนเม็ดทรายอยู่ข้างใน แต่ของอาตมานี่หาเม็ดทรายไม่ได้แล้ว เพราะว่าตอนปลุกเดือดขึ้นมาก็เลยละลายหมด คือท่านเอาตะกั่วไว้เลี้ยงปรอท อาตมาปลุกจนละลายหมดเลย"

เถรี
31-05-2018, 22:28
:cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และเผือกน้อย