เข้าระบบ

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๑


เถรี
08-04-2018, 19:56
ถาม : การสร้างพระควรจะสร้างให้ถูกพุทธลักษณะใช่ไหมครับ แต่ทำไมหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์หรือหลวงพ่อโสธรจึงไม่ค่อยสวยครับ ?
ตอบ : สวยที่สุดของสกุลช่างเขาแล้ว คุณต้องดูด้วยว่าสกุลศิลปะของช่างเป็นอย่างไร หลวงพ่อโสธรเป็นศิลปะตระกูลช่างล้านช้าง คุณจะเอาให้เหมือนเชียงแสน สุโขทัย อู่ทอง ย่อมเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้น...ลักษณะอย่างนั้นคืองามที่สุดของเขาแล้ว

เถรี
08-04-2018, 20:02
ถาม : การทำบุญหล่อพระ โดยถวายปัจจัยแล้วเขียนแผ่นทอง กับถวายแต่ปัจจัยอย่างเดียว มีอานิสงส์เช่นเดียวกันหรือไม่ หรือแตกต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : เหมือนกันตรงที่ว่าได้หล่อพระเช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นพุทธบูชา แต่สำหรับบางคนกำลังใจต่ำหน่อย ไม่ได้เขียนชื่อตัวเองลงแผ่นทอง จะรู้สึกเหมือนกับไม่ได้ทำอะไร ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาเขียนไป แต่อาตมาว่าเขียนไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะว่าลงไปก็หลอมละลายหมดเกลี้ยง ไม่มีชื่อติดอยู่หรอก ชื่อไปปรากฏอยู่ที่บัญชีของนายบัญชีใหญ่ในเมืองนรกตั้งแต่เราคิดจะทำแล้ว

เถรี
08-04-2018, 20:08
ถาม : ผมพยายามฝึกมโนมยิทธิเพื่อจะได้ถามคำถามกับพระพุทธเจ้า ผมสงสัยครับ การที่เราถามคำถามท่านแล้วท่านตอบมา เราจะได้ยินเป็นเสียงเหมือนเราคุยกับพระท่าน หรือว่าจะเป็นความรู้สึกครับ ?
ตอบ : แรก ๆ จะเป็นความรู้สึกและเป็นความรู้สึกที่แย่มาก ก็คือเหมือนเราถามเองและเออเอง แต่หลังจากที่จับจุดได้ ความชัดเจนมีมากขึ้น เราจะรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่มาจากภายนอก ถ้าใจของเราสงบ วิปัสสนาญาณแจ่มใสจริง ๆ ก็จะเหมือนกับนั่งคุยกันต่อหน้าเลย

เถรี
08-04-2018, 20:21
ถาม : กำไรนวหรคุณเริ่มมีสีคล้ำ ดำเป็นบางจุด ใส่ติดตัวตลอดแม้ตอนอาบน้ำ ถ้าจะทำความสะอาดควรทำแบบใด ? ชุบเงินหรือชุบทองใหม่ได้หรือไม่ ? หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องเงินถึงจะเป็นการดีเหมาะสม ?
ตอบ : ถ้าใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องเงินเดี๋ยวก็ดำอีก ถ้าเป็นไปได้ชุบทองคำขาวดีกว่า เพราะว่ามีหลายคนที่ไปทำเพิ่มความแข็งให้กับเนื้อกำไล ขณะเดียวกันก็ไม่ดำด้วย

เถรี
08-04-2018, 20:27
ถาม : วันนั้นพ่อผมตาย ผมเห็นภาพพ่อที่ตายขึ้นอืดนิดเดียว ผมเกิดความสลดนานมาก ผมนอนอยู่เกิดอาการหลุดไปในสถานที่หนึ่ง หดหู่ น่ากลัวมาก ทรมาน มืดสนิท โดนดูดแรงมาก ขณะที่โดนดูด ผมพยายามที่หาวิธีออกมา "นะโมพุทธายะ" เป็นคำที่ผมนึกขึ้นได้มั่ว ๆ ก็เลยออกมาได้ อาการแบบนี้เขาเรียกว่า ปัญจมฌานไหมครับ?
ตอบ : ไม่ใช่...ถ้าต่ออีกนิดเดียวได้ช็อกตาย ลักษณะแบบนั้นคือการออกไปแบบมโนมยิทธิเต็มกำลัง แต่ว่าการออกไปของเราขาดวิปัสสนาญาณ ก็เลยรู้สึกมืด การที่เราภาวนานะโมพุทธายะ ถ้าขอบารมีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์จะสว่างชัดเลย ทีนี้จะตกใจ เพราะว่าสถานที่นั้นไม่ใช่ที่ควรไป

เถรี
08-04-2018, 20:28
ถาม : เหตุใดนิมิตบางครั้งจะเหมือนจริงยิ่งกว่าหนังสามมิติ แต่นิมิตเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคตมาเป็นปริศนาให้เราคิด ทำไมถึงไม่บอกตรง ๆ ?
ตอบ : ถ้าบอกตรง ๆ ทุกคนก็เลี่ยงในสิ่งที่ไม่ดี ไปรับแต่สิ่งที่ดี ๆ กันหมด แล้วใครจะรับกฎของกรรม ? อุตส่าห์ใบ้ให้แล้ว ตีความไม่เป็นก็ช่างหัวคุณเถอะ..!

ถาม : นิมิตแบบนี้เกิดจากอะไร ?
ตอบ : มีกรรมนิมิต และเทพสังหรณ์ ขณะเดียวกันอย่างต่ำเราต้องเคยมีทิพจักขุญาณมาในอดีต ท่านจึงจะสงเคราะห์ได้

เถรี
08-04-2018, 20:48
ถาม : การพิจารณากายตนเองกับกายคนอื่น แบบไหนจะให้ผลดีกว่า ?
ตอบ : พิจารณากายตนเอง ถ้าพิจารณาคนอื่นต้องเป็นเพศเดียวกัน แต่ถ้ามีวิสัยชอบเพศเดียวกัน ก็ต้องไปพิจารณาเพศตรงข้าม ไม่อย่างนั้นแล้วจะไปยึดติดแทน

เถรี
08-04-2018, 21:06
ถาม : นำพระเครื่องกับวัตถุมงคลใส่กระเป๋าติดตัว แล้วโดนพนักงานสายการบินบอกให้ไว้ใต้ที่นั่ง จะพูดกับคนที่ไม่สบายใจในกรณีนี้อย่างไรดี เพื่อไม่ให้เขากำลังใจเสีย ?
ตอบ : อาราธนาบารมีท่านไว้เหนือหัว แล้วเขาจะเอาไปซุกไว้ในส้วมก็ตามใจ

เราต้องเข้าใจว่ากฎหมายการบินเขาบังคับเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ถ้ามีการตกหลุมอากาศ กระเป๋ากระเด็นไม่เป็นทิศเป็นทาง ไปโดนใครหัวร้างข้างแตก หรือทับเขาคอหักขึ้นมาก็ซวยไม่รู้จบ ฉะนั้น..เมื่อจำเป็นก็อาราธนาบารมีท่านขึ้นไว้เหนือหัว เสร็จแล้วจะเอากระเป๋าไปเก็บที่ไหนก็ไป ถ้าไปต่างประเทศเราก็น่าจะเตรียมพร้อม โดยการใช้วัตถุมงคลติดตัวเราแทน ที่อยู่ในกระเป๋าก็ไม่จำเป็น แค่ที่ติดตัวก็พอแล้ว

ล่าสุดอาตมาก็เพิ่งจะพกมีดหมอสองเล่มผ่านด่านตรวจมา ความจริงของตัวเองมีอยู่เล่มเดียว โยมเขาไม่อยากจะโหลดเข้าท้องเครื่อง ก็เลยฝากอาตมาอีกเล่มหนึ่ง จึงบอกกับโยมว่า "ผ่านด่านแรกจะไม่ดังนะ แต่ผ่านด่านที่สองจะดัง ไม่อย่างนั้นแล้วใช้เกินกฎของกรรมบ่อย ๆ เดี๋ยวหมดโควตา" โยมก็ตกใจว่า "ถ้าดังก็โดนยึดสิ..!" บอกไปว่า "ไม่โดนยึดหรอก เพราะว่าเขาจะหาไม่เจอ" สรุปแล้วก็เป็นไปตามนั้นแหละ

เถรี
09-04-2018, 18:06
ถาม : ผมอยากทราบว่า ทำไมเวลาผมไปช่วยรักษาใคร ไม่ว่าจะโรคจะใหญ่หรือเล็ก แค่ผมไปช่วยรักษาโรคนั้นก็จะมาอยู่กับผมแทนครับ ? เช่น ผมไปช่วยคนที่เป็นผื่นแพ้อาหารทะเลให้หายแค่ครั้งเดียว แต่จู่ ๆ ผมก็เกิดอาการผื่นแพ้ขึ้นตามเนื้อตามตัวเป็นปีกว่าจะดีขึ้น
เป็นต้น
ตอบ : คุณเข้าใจคำว่า วาระกรรมไหม ? เหมือนเขาเล็งปืนยิงบุคคลคนนั้น แล้วเราไปขวาง เราจะโดนแทนไหม ? เพราะฉะนั้น..ในเมื่อไปช่วยเขา ก็ทน ๆ รับไปเถอะ..!

ถาม : หากต่อไปผมมีความจำเป็นต้องรักษาโรคให้ใครอีก ผมควรจะปฏิบัติเช่นไรจึงจะไม่เกิดปัญหาในภายหลังครับ ?
ตอบ : รู้ไหมว่าใคร ๆ เขาก็ต้องไหว้ครู ? เพื่อขอบารมีครูช่วยสงเคราะห์และป้องกันตรงจุดนี้ ถ้าคุณไม่เคยทำก็จงรับต่อไป รับประกันได้ว่าคนนี้ไม่เคยไหว้ครูแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่โดนอ่วมขนาดนั้น

เถรี
09-04-2018, 18:12
ถาม : ท้าวเวสสุวรรณได้ถวายอาฏานาฏิยปริตรแด่พระพุทธเจ้า อานิสงส์ใดจะเกิดขึ้นกับท้าวเวสสุวรรณบ้างครับ ?
ตอบ : อานิสงส์แรกท่านถวายเพื่อสงเคราะห์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสงฆ์ทั้งหมด ก็ต้องบอกว่าเป็นยิ่งกว่าสังฆทานที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานเองเสียอีก อานิสงส์ถัดไปคือพุทธบูชา ส่วนลำดับต่อไป ถ้ากำลังใจยึดมั่นในพุทธานุสติจริง ๆ จะเข้าสู่พระนิพพานได้ง่ายที่สุด

ถาม : หากว่าโยมจะสวดปริตรทั้งหลายถวายแด่พระภิกษุสงฆ์จะได้รับอานิสงส์เช่นใดครับ ?
ตอบ : จะถวายพระภิกษุสงฆ์ ? สวดให้ตัวเองก่อนดีกว่ากระมัง ? ถ้าตั้งใจทำจริง ๆ ก็เป็นสังฆบูชา บาลีท่านบอกว่า สังฆบูชา มหาโภคะวาโห การบูชาพระสงฆ์จะมีทรัพย์สินมาก ดังนั้น..ถ้าเราทำก็อยู่ในส่วนของการบูชาพระสงฆ์ไป

เถรี
09-04-2018, 18:19
ถาม : ผมโดนทำของใส่จนปากเบี้ยว หน้าด้านซ้ายขวาไม่เท่ากัน และทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ ตลอดจนดวงตกหมดเนื้อหมดตัว ถึงจะแก้ของไปหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังโดนทำคุณไสยใส่ซ้ำ ๆ ไม่เลิก ไม่หยุด จะมีวิธีใดแก้ไขได้บ้างครับ ?
ตอบ : มีโอกาสก็ไปร่วมงานเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัด ถ้ากรรมไม่หนักมากก็คงจะหายได้ แต่ถ้ากรรมหนักมากก็แค่บรรเทาลงเท่านั้น

เถรี
09-04-2018, 18:36
ถาม : พระโพธิสัตว์สามารถสำเร็จถึงสัจจานุโลมิกญาณหรือไม่ ?
ตอบ : ไม่ได้ เพราะว่าสัจจานุโลกมิกญาณ เป็นญาณที่พิจารณาอริยสัจอย่างถ่องแท้แล้ว ถ้าได้อย่างนั้นก็จะเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว นักวิชาการสมัยใหม่ที่ไม่รู้ เขานับเอามรรคญาณ ผลญาณเท่านั้นถึงจะถือว่าเป็นพระอริยเจ้า ความจริงเป็นตั้งแต่สังขารุเปกขาญาณแล้ว

ถาม : บางครั้งที่พระพุทธเจ้าไม่มาตรัสรู้เป็นอสงไขยมหากัป วิปัสสนาญาณของพระโพธิสัตว์ที่เคยได้จะเสื่อมลงหรือไม่ ?
ตอบ : พระโพธิสัตว์คือปุถุชน กำลังใจยังเข้าไม่ถึงความเป็นพระอริยเจ้า ดังนั้น...ของท่านมีขึ้นมีลง มีเสื่อมมีได้เป็นปกติ

เถรี
09-04-2018, 18:48
ถาม : การภาวนาจนตัดหลับกับการเคลิ้มหลับธรรมดา มีข้อสังเกตถึงความแตกต่างอย่างไร ?
ตอบ : สังเกตง่ายมาก เพราะว่าเราภาวนาถึงหลับ นั่นคือการตัดหลับ แต่ถ้าไม่ได้ภาวนาแล้วหลับ นั่นคือการเคลิ้มหลับปกติ

เถรี
09-04-2018, 19:07
ถาม : อยากร่วมทำบุญหล่อหลวงพ่อเงินองค์ที่จะแห่แทนหลวงพ่อทองคำ ไม่ทราบว่าบริจาคปัจจัยทางใดบ้าง ?
ตอบ : อันดับที่ ๑ มาบริจาคที่บ้านเติมบุญ อันดับที่ ๒ มาบริจาคที่วัดท่าขนุน อันดับที่ ๓ เปิดเว็บดูบัญชีวัดท่าขนุน โอนเข้าไปแล้วลงกระทู้แจ้งว่าร่วมสร้างหลวงพ่อเงิน

แต่ปัจจุบันนี้ก็ยังมีหลายท่านที่ส่งธนาณัติไปวัดเป็นประจำ ไม่ยอมเปลี่ยนไปใช้วิธีโอนเงิน แปลกดีเหมือนกัน และมีบางท่านโอนเงินทำบุญ ๒๐ บาท โดนหักค่าธรรมเนียม ๒๕ บาท..! เพราะว่าโอนต่างธนาคาร ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ โชคดีที่ตอนนี้เขาปลดล็อก ถ้าไม่ปลดล็อกก็ยังคงเสียค่าธรรมเนียมต่อไป

เถรี
09-04-2018, 19:08
ถาม : บางครั้งเวลาคิดในสิ่งที่ไม่ได้อยากจะคิด ไม่ว่าพยายามบอกตัวเองให้หยุดโดยออกเสียงหรือเอาเล็บจิกตัวเอง ความคิดนั้นก็ยังคงคิดต่อไป ความคิดเหล่านั้นเป็นของเราหรือไม่ ?
ตอบ : ต่อไปอย่าเอาเล็บจิกตัวเอง สมัยนี้เขาให้จิกหมอน ไม่รู้เรื่องเลยหรือ..? ความคิดนั้นเป็นความคิดของเราเอง แต่สติสมาธิไม่พอ เราก็เลยหยุดยั้งไม่ได้ เพราะว่า รัก โลภ โกรธ หลง เป็นตัวชักนำให้คิด ในเมื่อ รัก โลภ โกรธ หลง มีกำลังเหนือกว่า เราหยุดยั้งไม่ได้ก็ต้องหาวิธีอื่น อย่างเช่นไปทำงานหรือวิ่งขึ้นภูเขาเสียให้เข็ด เดี๋ยวพอร่างกายเหนื่อย ไปไม่รอด เราก็ดึงกลับมาคิดสิ่งที่ดี ๆ ได้

ถาม : การพยายามห้ามแบบนี้แล้วแต่ความคิดนั้นไม่หยุด ถือว่าเราไม่ยอมตาม แล้วจะไม่บาปตามความคิดเหล่านั้นใช่หรือไม่ ?
ตอบ : ถ้ายังมีสติรู้อยู่ ก็แปลว่ากรรมนั้นยังไม่ใช่ของเรา ถ้าขาดสติไปเมื่อไรก็จะเป็นมโนกรรมไปเต็ม ๆ

เถรี
09-04-2018, 19:11
ถาม : ขอความอนุเคราะห์สูตรยารักษาเส้นเลือดขอดจากหลวงพ่อ ?
ตอบ : โดยปกติเขาให้ผ่าตัด สูตรยารักษาเส้นเลือดขอดต้องรักษาตั้งแต่ก่อนเป็น ก็คืออย่าใส่รองเท้าที่รัดแน่น อย่าใช้งานเท้าของเรามากจนเกินไป เช่น ยืนทีเป็นวัน ๆ เป็นต้น ไม่ใช่เป็นแล้วมารักษา เป็นแล้วต้องผ่าอย่างเดียว

เถรี
09-04-2018, 19:28
ถาม :ผมเคยได้อ่านเรื่องที่หลวงพ่อเล่าว่า เคยเจอผีหรืออสุรกายที่ตัวใหญ่มากเหมือนยักษ์ ผีตัวนั้นบีบร่างกายของหลวงพ่อ แล้วหลวงพ่อก็นึกคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุง แล้วก็แผ่เมตตาให้ผีตนนั้น แล้วร่างกายของผีก็ตัวเล็กลงเหมือนมด ผมสงสัยว่าในสถานการณ์เฉพาะหน้าขนาดนั้น หลวงพ่อกล่าวคำแผ่เมตตาให้ผีตนนั้นอย่างไรหรือครับ ?
ตอบ : ถ้ามัวแต่ไปกล่าว “คำแผ่เมตตา” อยู่ คุณก็กลายเป็น “แผ่เมตตาย” แน่นอน ตอนนั้นเหลือกำลังใจอยู่อย่างเดียว คือ เห็นเขาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ยอมอภัยให้กับการกระทำของเขาทุกอย่าง จะได้ไม่มีเวรมีกรรมสืบเนื่องกันไป ฉะนั้น...อย่าเสียเวลาไป สัพเพ สัตตาฯ เวลานั้นความเมตตาต้องออกจากใจจริง ๆ เท่านั้น

เถรี
09-04-2018, 19:32
ถาม : อยากทราบอารมณ์เมตตาในอุเบกขา จะอยู่ในลักษณะที่ว่าเราเต็มใจที่จะช่วยคนอื่นอยู่เสมอแต่จะรอเวลาและโอกาสที่เหมาะสม เพื่อจะช่วยหรือเปล่าครับ ? ยกตัวอย่างที่พระพุทธเจ้ากับพระวักกลิ พระวักกลิท่านบวชกับพระพุทธเจ้าตั้งนานแต่ยังไม่ได้บรรลุเพราะติดในรูปของพระพุทธเจ้า จนสุดท้ายพระวักกลิท่านมีบารมีเต็มที่จะบรรลุเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าท่านก็สงเคราะห์เทศน์แล้วพระวักกลิก็บรรลุพระอรหันต์ ?
ตอบ : ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง...! ก็คือวิธีแบบนั้นแหละ ถ้าหากยังไม่มีโอกาส ก็ปล่อยวางไปก่อน แต่พร้อมที่จะช่วยอยู่เสมอ โอกาสมาถึงเมื่อไรก็ช่วยทันที อันนี้จึงจะเป็นอุเบกขาในเมตตา

เถรี
09-04-2018, 19:37
ถาม : การที่เราสามารถจับลมสามฐานชัดเจนได้แบบไม่ต้องบังคับหรือกำหนดรู้ ตอนนั้นจิตทรงฌาน ๑ ใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็นปฐมฌานแล้ว เพียงแต่จะรักษาได้เท่าไรแค่นั้น

ถาม : ตอนที่เข้าฌานตรงท้องผมเหนือสะดือผมรู้สึกร้อน ๆ ผิดปกติ อยากทราบว่าอาการแบบนี้คืออะไรหรือครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก ถ้าทำผิดจะทำให้กามราคะกำเริบ เพราะฉะนั้น...เขาจึงให้หายใจไปที่ศูนย์กลางกาย ไม่ใช่หายใจลงไปต่ำกว่าสะดือ จักระตรงจุดนั้นจะไปกระตุ้นกามราคะ โปรดระวังให้ดี ผิดจุดเมื่อไรคึกอย่าบอกใครเลย..!

เถรี
09-04-2018, 19:39
ถาม : การที่จะชนะกามราคะ ต้องทรงฌานให้ได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่...ฌานเป็นเพียงเครื่องมือกดกามราคะให้อยู่ได้เท่านั้น การที่จะชนะต้องพิจารณาให้เห็นจริงว่าสิ่งนั้นเป็นทุกข์ เราจึงจะเกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ถอนจิตออกมา

เถรี
10-04-2018, 22:31
ถาม : ที่หลวงพ่อเคยเล่าไว้ในเก็บตกตั้งแต่ ปี ๒๕๕๔ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สุดยอดเลยค่ะ ดูละครทำให้เข้าใจมากขึ้นค่ะ อยากทราบว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ท่านเสียรู้ชาวต่างชาติจริง ๆ หรือคะ ? เพราะดูช่วงแรกท่านทรงพระปรีชาสามารถมาก
ตอบ : การหวังที่จะพึ่งพาต่างชาติในการสร้างความเจริญ บางอย่างก็ต้องยอมเขา ถ้าภาษากำลังภายในคือ คนอยู่ในยุทธจักรไม่เป็นตัวของตัวเอง ฉะนั้น...ถ้าพระองค์หวังประโยชน์จากทางด้านใด แม้ว่าเขาตอบสนองได้ บางส่วนของเราจะเสียหายก็ต้องยอม ลักษณะแบบนี้เป็นกำลังใจของนักปกครองที่แท้จริง เราจะเอาแต่ประโยชน์ส่วนเดียวไม่ได้

เถรี
10-04-2018, 22:37
ถาม : ที่พระอาจารย์กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า "หลายคนเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา สภาพจิตตื่นเต็มสภาพ ก็จะเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างช้าลงไปหมด ไม่ได้ช้าอย่างเดียว เห็นอย่างชัดเจนมากด้วย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่สามารถฝึกฝนกันได้ " อยากทราบว่ามีขั้นตอนและวิธีฝึกอย่างไรครับ เพื่อให้สภาพจิตตื่นเต็มสภาพและสามารถคิดสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วจนทุกอย่างช้าและชัดเจนเช่นนั้นครับ ?
ตอบ : อันดับแรก รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้คนอื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นคนอื่นละเมิดศีล อันดับที่สอง ทรงสมาธิให้ได้อย่างน้อยฌาน ๔ อันดับที่สามตัดสังโยชน์ ๑๐ ให้หมด รับประกันได้ว่าจิตจะตื่นเต็มสภาพในทุกเวลา

เถรี
10-04-2018, 22:41
ถาม : ในเรื่องของอนิจจัง ดวงวิญญานหรือดวงจิตสามารถถูกทำลายให้หายไปเลยได้หรือเปล่าครับ และด้วยวิธีใดครับ ?
ตอบ : ถ้าสิ้นกรรมก็หายไป ถ้าไม่สิ้นกรรมก็ไม่สามารถหายไปได้ แปลว่ามีแต่ตนเองเท่านั้นที่จะทำลายได้ นอกนั้นทำลายได้แต่เพียงรูปขันธ์ หรือรูปในนามสำหรับกายทิพย์ นอกนั้นทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

ถาม : ที่พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อสิ้นกัป สวรรค์ชั้นต่ำกว่าพรหมจะถูกทำลายได้ เพราะเป็นอนิจจัง" เช่นนี้แล้ว สวรรค์ในชั้นพรหมโลกชั้นที่ ๔ ขึ้นไป และแดนนิพพาน จะมีวันถูกทำลายหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อาตมาเคยบอกอย่างนั้นหรือ ? เมื่อโลกถูกทำลายตอนสิ้นกัป พรหมบางส่วนก็หมดไปด้วยนะ..!

เถรี
10-04-2018, 22:44
ถาม : ในวันมาฆบูชา การที่พระภิกษุทั้ง ๑,๒๕๐ องค์นั้น ได้มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย เกิดขึ้นได้เพราะเหตุใดหรือครับ ?
ตอบ : เกิดขึ้นได้เพราะมาเจอกัน..! ที่ว่ามิได้นัดหมาย เพราะพวกเราไปตีความเช่นนั้น พระระดับที่ใครคิดอะไรก็รู้หมด ไม่ต้องนัดหมายกันก็ได้

เถรี
10-04-2018, 22:49
ถาม : การที่ในพระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่มที่ ๙ สุตตันตปิฎกที่ ๐๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ได้ระบุไว้ว่า

"ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชา เช่นที่ สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวก ฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธา แล้วยังเลี้ยงชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ ทำพิธีบนบาน พิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี ตั้งศาลพระภูมิ ... พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ... ทั้งหมดนี้คือศีลของภิกษุ" ดังนี้คือการห้ามพระภิกษุทำน้ำมนต์หรือไม่ครับ ?

ตอบ : ฟังดูเหมือนมาจากสำนักพุทธวจนะอย่างไรก็ไม่รู้ พวกอ่านพระไตรปิฎกไม่แตกแล้วมาแสดงความโง่ พวกนี้ควรตายแล้วไปเกิดใหม่ เผื่อว่าจะฉลาดขึ้น...! อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ สำหรับท่านที่ไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ แต่ทำเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมก็ทำไปสิครับ..!

อ่านตำราไม่แตกก็ลักษณะอย่างนี้ ตีความไม่แตกแล้วยังพาเข้าป่าเข้าดงอีกต่างหาก

เถรี
10-04-2018, 22:51
ถาม : การกรวดน้ำคว่ำขัน จะเป็นการตัดขาดความสัมพันธ์ ไม่เกี่ยวข้องกันอีกทั้งในชาตินี้และชาติหน้าได้จริงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่จริง คว่ำไป ๗-๘ ขันก็ไม่มีประโยชน์ ยกเว้นแต่ว่าโจทก์และจำเลยมาอยู่ต่อหน้า และเอ่ยคำอโหสิกรรมให้ต่อกัน แบบนั้นถึงจะไม่คว่ำขันก็จบ

เถรี
10-04-2018, 22:53
ถาม : หากคู่สามีภรรยาได้แต่งงานในวันเสาร์ และมีเรื่องทะเลาะกันบ่อย แต่ทั้งคู่ยังคงรักกัน ต้องการครองคู่อยู่เช่นเดิม จะมีวิธีแก้อย่างไรบ้างครับ ไม่ให้ทะเลาะกันบ่อยเช่นนี้ ?
ตอบ : อมมะนาว...! การครองคู่ต้องลงให้อีกฝ่ายอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ถ้าไปถือทิฐิมานะของตัวเอง ต่อให้แต่งฤกษ์ดีขนาดไหนก็ทะเลาะกัน

เถรี
10-04-2018, 22:59
ถาม : หากผมเผลอกลืนน้ำยาบ้วนปาก ซึ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จะทำให้ยันต์เกราะเพชรหายไปไหมครับ ?
ตอบ : ไม่หาย เขาเรียกว่าอจิตตกะ หาเจตนามิได้ ต่อให้เป็นพระยังไม่ผิดเลย ถ้าเป็นสจิตตกะ ตั้งใจทำ อย่างนั้นก็เจ๊งตั้งแต่แรกแล้ว

เถรี
10-04-2018, 23:06
ถาม : การดื่มกาแฟก่อนที่จะนั่งสมาธิ และสวดมนต์ เพื่อพยายามป้องกันไม่ให้เกิดการง่วงนอน และด้วยหวังว่าจะทำให้จิตใจมีสมาธิจดต่อกับการภาวนาและการสวดมนต์ได้ดีขึ้น จะมีโทษอันใดที่แฝงมาหรือไม่อย่างไรครับ ?
ตอบ : อันดับแรกโรคหัวใจจะถามหา ใครก็ตามที่กินกาแฟไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ท้ายสุดต้องเป็นโรคหัวใจทุกคน เพราะว่าหัวใจแต่ละคนจะมีจังหวะการเต้นของตัวเอง พอเรากินกาแฟเข้าไปก็จะไปเร่งอัตราการเต้นของหัวใจให้มากกว่าเดิม ถ้ากาแฟหมดฤทธิ์ หัวใจกลับไปเต้นจังหวะเดิม เรากินใหม่หัวใจก็เต้นผิดจังหวะอีก นาน ๆ ไป จะเป็นอาการที่หมอบอกว่าหัวใจพิการ

อันดับที่สอง ถ้าเราทำโดยอาศัยสารกระตุ้นจนเคยชิน ต่อไปถ้าขาดจะไม่สามารถทำได้

ดังนั้น...เรื่องพวกนี้ต้องระมัดระวังนิดหนึ่ง ถ้าเราสามารถภาวนาจนถึงระดับปีติขึ้นไปจะไม่มีวันง่วงอย่างเด็ดขาด สามวันสามคืนก็ไม่ง่วง จึงต้องตั้งเวลาไว้ว่าเราจะภาวนานานแค่ไหน ไม่อย่างนั้นจะเพลินจนร่างกายทนไม่ไหว

เถรี
10-04-2018, 23:14
ถาม : ที่บ้านตั้งศาลผิดทิศ จึงจะตั้งศาลใหม่ในศาลที่ถูกต้อง ซึ่งในหนังสือสมบัติพ่อให้ หลวงพ่อได้บอกวิธีตั้งศาลใหม่ไว้ อยากทราบวิธีถอนศาลเก่าต้องทำอย่างไร และหลังจากถอนศาลเก่าแล้วต้องทำอย่างไรกับศาลเก่าคะ ?
ตอบ : ไปจุดธูปบอกกล่าวท่าน เชิญไปขึ้นศาลใหม่ แล้วทำน้ำมนต์ถอนโบสถ์รดศาลเก่า จากนั้นก็รื้อ ส่วนใหญ่เขาจะเอาศาลเก่าไปไว้โคนไม้ใหญ่

รู้จักคาถาถอนโบสถ์ไหม ? สมุหะเนยยะ สมุหะคะติ สมุหะคะโตฯ คาถายาวหน่อย ไปภาวนาทำน้ำมนต์แล้วก็รด จากนั้นก็ถอนออก

เถรี
10-04-2018, 23:21
ถาม : ความเชื่อทางฮวงจุ้ยที่ว่า แต่ละปีจะมีทิศร้าย ถ้าก่อสร้างในทิศร้ายจะเกิดอันตราย อยากทราบว่า ผ้ายันต์พิชัยสงครามสามารถกันอันตรายจากทิศร้ายได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : สามารถกันได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าเรื่องร้ายทั้งหลายที่เข้ามาถึงเราได้ ต้องมีกรรมเก่าที่เราเคยทำมาก่อนเป็นตัวต้นเหตุ ถ้าหากเราสร้างกรรมชั่วเอาไว้มาก ถึงวาระก็ไม่มีอะไรกันแรงกรรมได้ ฉะนั้น...จึงกันได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น

เพื่อความสบายใจก็ให้หมอดูเสียก่อนว่า ปีนี้ทิศไหนเป็นทิศที่ดีแล้วก็สร้างไป ไม่อย่างนั้นสร้างไปก็เครียดไป อาตมาเจอโยมอยู่คนหนึ่ง สร้างแล้วเปลี่ยนไป ปรับไป จนต้องทุบทิ้งทั้งหลัง เพราะว่าหมอแต่ละคนมาบอกไม่เหมือนกัน

เถรี
10-04-2018, 23:30
ในเรื่องของการอ่านพระไตรปิฎก การอ่านจับใจความเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะว่าบางคำอธิบายยาวมาก พอเราอ่านเลยไปแล้วเราลืมคำแรก ไปจับเอาเนื้อหาตอนท้าย ตายละวา...พระพุทธเจ้าห้ามทั้งหมดเลย ที่ไหนได้..พระองค์ท่านบอกว่า ห้ามเลี้ยงชีพด้วยเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เพราะว่าอาชีพของพระมีอยู่อย่างเดียวคือบิณฑบาตขอชาวบ้าน แต่ถ้าเราทำเพื่อสงเคราะห์ชาวบ้าน ให้ชาวบ้านเขาอยู่สุขอยู่สบาย เขาจะได้มีเรี่ยวแรง มีกำลังใจในการอุดหนุนค้ำจุนพระศาสนา เราไม่ได้อาศัยงานนี้เลี้ยงชีพก็ทำไปเถอะ

เถรี
10-04-2018, 23:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้เรื่องร้อนแรงในวงการศาสนา ก็คือเรื่องของบังโต ชื่อจริงชื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่เห็นเขาเรียกกันในวงการคือ โต ซิลลี่ฟูล ก็ซิลลี่ฟูลจริง ๆ

เขาวิจารณ์ว่าพระพุทธรูปเป็นของต่ำกว่าเขา เขาว่าอย่างนั้น เรื่องนี้อาตมาขอยืนยันว่าเป็นความคิดของคนอิสลามเกือบทั้งหมดเลย เขาจะเห็นว่ารูปเคารพของศาสนาอื่นเป็นของต่ำ ถึงขนาดที่ว่าถ้าเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่นั้นจะต้องลงนรกเลย ดังนั้น...สิ่งที่บังโตแสดงออก คือการแสดงออกแทนความคิดของคนอิสลามเกือบทั้งหมด ว่ามีการเหยียดหยามศาสนาอื่นเป็นปกติ มีแต่อิสลามมิกชนเท่านั้นที่ดีเลิศประเสริฐศรี อย่างอื่นไม่ใช่

แม้แต่จุฬาราชมนตรีออกมาทักท้วง เขาก็บอกว่า ถ้าจุฬาราชมนตรีบอกว่าผิด เขายอมรับว่าผิดก็ได้ นี่ไม่ได้แปลว่าเขายอมรับผิด แต่เขาบอกว่า “เขายอมรับผิดก็ได้” ก็คือจุฬาราชมนตรีซึ่งถือว่าเป็นผู้นำสูงสุดของศาสนาเขาเป็นคนบอก ไม่ใช่เกิดจากการสำนึกผิดด้วยตัวเอง

ส่วนประการที่สองก็คือ จุฬาราชมนตรีออกมาพูดลักษณะนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าท่านจะเป็นคนดี หากแต่ท่านเห็นว่าสถานการณ์ร้ายแรง แล้วมีผลเสียต่อศาสนาอิสลาม ท่านถึงต้องออกมาพูด อาตมาขอยืนยันว่า พวกอิสลามตีสองหน้ากับเรามาตลอด ด้านหนึ่งก็คือทำตัวว่าเป็นคนดี ตีกินทุกรูปแบบ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือแอบพยักหน้าให้ลูกน้องทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้ศาสนาพุทธอยู่ไม่ได้

เพราะฉะนั้น...เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดจาก “การโยนหินถามทาง” คืออยู่ในลักษณะที่ว่าให้บังโตออกมาพูด ถ้าไม่มีใครออกมาเอ่ยปกป้องพุทธศาสนาเลย ก็แปลว่าเขาทำการยึดครองได้แล้ว เพราะว่าคนไทยไม่หวงแหนศาสนาพุทธ ไม่ปกป้องศาสนาพุทธ แต่พอมีปฏิกิริยาโต้กลับมาอย่างรุนแรง ก็รีบออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ หงายไพ่ในลักษณะที่ว่า อิสลามสอนให้ทุกคนเป็นคนดี นั่นเป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่ทำลักษณะอย่างนั้น ซึ่งเป็นการตีกินทั้งขึ้นทั้งล่อง ก็คือโยนหินถามทาง ถ้าไม่สำเร็จก็ถอย ถ้าสำเร็จก็รุกขึ้นหน้า"

เถรี
10-04-2018, 23:47
ถ้าเราสังเกตคำพูดของจุฬาราชมนตรีจะเห็นว่า คำพูดทั้งหมดอ้างหลักการศาสนาอย่างเดียว ไม่มีการตำหนิว่าบังโตทำผิด ถ้าเป็นเราต้องระบุชัดเจนเลยว่า นายโต ซิลลี่ฟูล ทำผิดต่อศาสนาพุทธ จะต้องขอขมา จะต้องขอโทษต่อสังคม แต่นี่ไม่มี บอกอย่างเดียวว่าหลักการอิสลามว่าอย่างนี้ ๆ บังโตไปทำอีกอย่างหนึ่ง แต่ไม่ได้ตำหนิบังโตโดยตรงเลย

เราจะไปคิดว่าศาสนาอิสลามมีคนดีอยู่ อาตมายืนยันว่าคนดีในอิสลามตายหมดนานแล้ว ปัจจุบันนี้ที่มีเหลืออยู่คือจะยึดประเทศไทยเป็นที่ตั้งของศาสนาอิสลามให้ได้ ซึ่งเรื่องพวกนี้ถ้าเรานิ่งนอนใจอยู่ ปล่อยให้เขาตีกินไปเรื่อย เราจะเดือดร้อนกว่าที่คิด

เพราะว่าทุกวันนี้อิสลามมีแค่ประมาณ ๑๐ ล้านคน ทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศก็เป็นของเขาไปจะหมดอยู่แล้ว ถ้ามีมากกว่านี้อาตมารับประกันว่า จะต้องมีการกำหนดให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติไทยในระยะเวลาอันไม่นาน

ตอนนี้ สนช. ๘๔ คน เป็นอิสลามชัด ๆ ๖๓ คน..! กฎหมายทุกอย่างที่ออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ ก็เพื่อเอื้อประโยชน์แก่อิสลาม พยายามลากการอยู่ในอำนาจของ คสช. ออกไปให้ยาวนานที่สุด เพื่อที่ตัวเองจะได้กำหนดในสิ่งที่ได้เปรียบที่สุดในการยึดครองประเทศของเรา เรื่องพวกนี้ถ้าคนไทยไม่ตื่นขึ้นมาปกป้องศาสนาพุทธ ปกป้องประเทศไทย เราจะต้องเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามในไม่ช้า

เถรี
10-04-2018, 23:55
อาตมาก็ได้แต่หวังว่าคนไทยควรที่จะได้สติเสียที โดนเขายุให้ทะเลาะแบ่งแยกสีกันมา แม้กระทั่งอาตมาที่เพิ่งลงไปปักษ์ใต้ ไม่นึกเลยว่าความเกลียดชังที่ฝังอยู่ในใจของคนใต้จะรุนแรงขนาดนั้น ญาติโยมมาบ่นกับอาตมาว่า ตอนนี้ยากจนเหลือเกิน ยางราคาตก แทบจะไม่มีข้าวกินแล้ว อาตมาก็บอกว่า อยากให้ยางราคาดีก็เอานายกฯ ทักษิณกลับมาสิ เขาสวนกลับมาเดี๋ยวนั้นเลยว่า ถ้าเอาทักษิณกลับมา เขายอมอดตายดีกว่า..!

นี่คือสิ่งที่เขาปลูกฝังความเกลียดชังไว้ในใจของคนไทย จนกระทั่งไม่สามารถที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ เพราะฉะนั้น...อย่าไปหวังเลย คำพูดสวย ๆ ของ คสช. ที่ว่า มาเพื่อปรองดองสมานฉันท์ ตั้งแต่ต้นที่ยึดอำนาจไปจากคนไทยมาจนถึงบัดนี้ มีอะไรที่ทำแล้วอยู่ในลักษณะปรองดองบ้าง ? เราลองไปศึกษาดู

อาตมาเป็นพระไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง อยู่รอบนอกแท้ ๆ ยังเห็นมากขนาดนี้ คาดว่าญาติโยมที่อยู่วงในน่าจะเห็นมากกว่านี้ สิ่งนี้คือความจริงที่ปรากฏอยู่ในสังคม และอาตมาจำเป็นที่จะต้องบอกกล่าวให้ญาติโยมได้รู้กันไว้ เมื่อถึงเวลาจะได้รู้ว่า มีคนบางประเภทที่ไม่ใช่คนดี แต่แอบอ้างว่าเป็นคนดี แล้วมายึดอำนาจในมือของเราไป เสร็จแล้วก็ไม่ยอมคายอำนาจคืนมา เพราะว่าต้องการเอื้อประโยชน์ให้กับคนของตัวเองให้มากที่สุด

เถรี
10-04-2018, 23:58
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา เราไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เกิดจากการกระทำด้วยความเขลาของบังโตเป็นการส่วนตัว หรือว่าได้รับสัญญาณจากใครพยักหน้าให้ทำ เพื่อที่จะดูปฏิกิริยาของคนไทย เมื่อคนไทยมีปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรง ก็รีบออกมาเบรกไว้ พูดในลักษณะตีกินว่าอิสลามจริง ๆ แล้วเป็นคนดี

ถ้าหากว่าเป็นคนดีจริง พระพุทธรูปที่บามิยันก็คงไม่โดนถล่มจนแหลกหมด ถ้าหากว่าเป็นคนดีจริง เวลาที่ขึ้นเป็นผู้นำในหน่วยงานก็คงจะไม่ย้ายพระพุทธรูปออกจากหน่วยงานจนหมด แต่นี่เขาไม่เคยเกรงใจเราเลย พอศาสนาอื่นสะกิดอิสลามเข้าหน่อย ก็ถึงขนาดมีการวางระเบิด มีการไล่ยิงไล่ฆ่ากันทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่พอคนของตัวเองออกมาทำในสิ่งที่เหยียดหยามศาสนาอื่นบ้าง แม้กระทั่งตักเตือนด้วยการออกชื่อตรง ๆ ก็ไม่มี ตำหนิตรง ๆ ก็ไม่มี มีแต่บอกว่าหลักการศาสนาเป็นอย่างนี้เท่านั้น

ดังนั้น...เรื่องพวกนี้ให้พวกเราไปพิจารณากันเองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมของเราในขณะนี้นั้นเป็นเพราะอะไร ?

เถรี
11-04-2018, 21:07
พูดถึงลูกอม "ลูกอมของหลวงปู่เบ้า คนเผลอเล่นเป็นของหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา มาเยอะแล้ว"

ถาม : ของหลวงปู่เบ้าเนื้อไม่แกร่ง ?
ตอบ : ไม่ใช่ไม่แกร่งอย่างเดียว สีแดงหรือสีอมชมพูจะมีน้อยมาก ถ้าเห็นนี่ให้ระวังไว้เลยว่าน่าจะเป็นของท่าน

เถรี
11-04-2018, 22:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระมหาธิติวัฒน์ วรวฑฺฒโน ท่านอยู่วัดพระบรมธาตุชัยนาท วัดเดียวกับหลวงพ่อเจ้าคุณสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท คราวที่แล้ววัตถุมงคลหลวงพ่อกวยรุ่นนี้ออกเกลี้ยงไม่เหลือ ก็เลยติดใจจะสร้างอีกรุ่นหนึ่ง แต่ขอโทษ...ดันกำหนดวันเอง แล้วพระอาจารย์เล็กไม่ว่าง จะเสกวันที่ ๑๕ เมษายน ก็เลยไปไม่ได้ เพราะว่าวันที่ ๑๕ เมษายนเป็นวันสรงน้ำพระของวัดท่าขนุน เป็นงานที่ ททท. เขาแนะนำ Unseen ด้วย แล้วจะไปได้อย่างไร ? ท่านก็เลยต้องเอาชนวนมาให้อธิษฐานจิต แล้วก็ถวายวัตถุมงคลรุ่นแรงครูของหลวงพ่อกวยมาเป็นค่าแรง รุ่นถัดไปเรียกรุ่นอธิษฐานฤทธิ์

ต้องดูว่าเมื่อไม่มีแรงครูแล้วจะไปได้แค่ไหน ? วันนั้นต้องบอกว่าอาตมาประมาณบารมีหลวงพ่อกวยผิดไปหลายเท่า เพราะว่าเอาวัตถุมงคลไปแจกทางโน้น ๓๐๐ ชิ้น โยมมาเป็น ๑,๐๐๐ คนเลย ท้ายสุดไม่มีอะไรจะแจกจึงต้องไปนั่งเคาะหัวแทน หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดชัยนาทท่านก็มานั่งอยู่ข้าง ๆ นั่งไปเถอะ...พระอาจารย์เล็กเคาะหัวจนจะยกแขนไม่ขึ้นอยู่แล้ว ไม่มีโยมแวะไปหาท่านสักคนเดียว ท้ายสุดท่านเลยไปเดินดูงานแทน

อยู่ที่นั่นไม่ดีหรอก ทั้งพระทั้งโยมเขาชอบลอง แต่ถ้าไม่มีพวกเราไป อยากลองอะไรก็ลองไปเถอะ อาตมาจะทำไม่รู้ไม่ชี้ คราวนี้พอพวกเราไป เดี๋ยวจะพาซวยไปด้วย จึงต้องไปเคาะหัวกันไว้ให้ก่อน"

เถรี
11-04-2018, 22:03
"สมเด็จแหวกม่านกับสมเด็จปรกโพธิ์รุ่นแรงครู เขาเอาผงเก่าใส่ลงไปนะ ใครอยากได้รุ่นเก่าที่หาไม่ได้แล้ว ปัจจุบันที่หาได้ก็ปลอมเกือบทั้งนั้น เอารุ่นนี้ไปแทนได้ เพราะว่าอย่างน้อยผงเก่าก็มีอยู่ แต่ว่าเขาใส่แบบประเภทให้ใจมากเลย ผงลอยหน้ามาเห็นชัด ๆ"

เถรี
11-04-2018, 22:08
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาลงไปงานหล่อพระวัดชัยชนะสงครามที่หาดใหญ่ กลายเป็นที่รวมญาติของคณะศิษย์ภาคใต้ทั้งหมดเลย บางคนไม่ได้เจอกันเป็น ๒๐ ปีก็มา เพราะว่าระยะหลังอาตมาติดงานมากขึ้น ๆ โอกาสที่จะตระเวนไปทั่วภาคใต้เหมือนสมัยก่อนนั้นมีน้อยลง ส่วนใหญ่ก็จะลงที่หลัก ๆ อย่างเช่นหาดใหญ่ ภูเก็ต เป็นต้น โอกาสที่ญาติโยมซึ่งอยู่ไกล ๆ อย่างพวกยะลา ปัตตานี นราธิวาส สุไหงโกลก อย่างสมัยก่อนที่จะได้พบกันก็มีน้อย

พอรู้ว่าจะลงไปแล้วแจ้งข่าวล่วงหน้าหลายวัน เขาก็แห่กันมาหมด ทำบุญกันมาทั้งเงินทั้งทอง อาตมายกถวายหลวงปู่มหาอำนวยไปทั้งหมด หลวงปู่ท่านก็บอกว่า “ท่านเอากลับไปบ้าง...เอากลับไปบ้าง” อาตมาบอกว่า “ไม่ได้ครับหลวงปู่ เขาตั้งใจหล่อพระ ผมเอากลับไปเมื่อไรก็เจอโทษย้ายเจดีย์เท่านั้นเอง เดี๋ยวพุทธาภิเษกเสร็จเขาตั้งใจทำบุญกับผม ส่วนนั้นผมค่อยเอากลับ” ตกลงว่าถวายทองหลวงปู่ไปหลายบาท ถวายเงินไปน่าจะ ๕๐,๐๐๐-๖๐,๐๐๐ บาทเห็นจะได้

ปรากฏว่าหลังพุทธาภิเษกเสร็จ โยมยังยัดใส่ย่ามกลับมา ๑๐,๐๐๐ กว่าบาท ใบละ ๒๐ บาทมากที่สุด รองลงมาคือใบละ ๑๐๐ บาท ตามด้วยใบละ ๕๐ บาท แล้วก็ใบละ ๕๐๐ บาท ใบละ ๑,๐๐๐ บาท ซึ่งจะบอกว่าใส่กันมาจนยามโป่ง นับแล้วก็ได้มาหลายอยู่ ถึงได้บอกหลวงปู่ว่าไม่ต้องห่วงหรอก ค่าเครื่องบินเจ้าภาพเขาก็จ่ายให้ ท่านเองก็เกรงใจ บอกว่าให้เอากลับไปบ้าง"

เถรี
17-04-2018, 19:06
ถาม : ช่วงก่อนที่หลวงพ่อท่านหนึ่งอาพาธหนัก ดีว่าลูกศิษย์ใกล้ตัวพาท่านไปโรงพยาบาลทัน เกิดจากนกพิราบที่อยู่บนหลังคาห้องพักท่านมาทำรังกันเยอะ แล้วขี้ไว้เต็ม ทำให้ท่านมีอาการปอดติดเชื้อ อักเสบ หลวงพ่อเล่าว่า ศิษย์ท่านเอาปืนไปยิงนกร่วงลงมาเกือบหมด บอกว่าจะรักษาชีวิตหลวงพ่อไว้ ไม่รักษานก การทำแบบนี้ ที่จะไม่ให้ไปคำนึงถึงอกุศลกรรม ต้องวางกำลังใจอย่างไรคะ ?
ตอบ : ต้องยอมรับว่า ถ้าเราทำอย่างนั้น โอกาสลงนรกจะมีสูงมาก ลักษณะแบบนั้นเรียกว่ากำลังใจของพระโพธิสัตว์ ประเภทถ้าเราไม่ลงนรกแล้วใครจะลง เพราะฉะนั้น...เรื่องแบบนี้ไม่ต้องวางกำลังใจหรอก เป็นสันดานเดิมของเขาเลย

เถรี
17-04-2018, 19:08
ถ้าไม่อยากให้มีนกพิราบพยายามให้มีป่ารก ๆ เข้าไว้ วัดท่าขนุนไม่มีนกพิราบทั้ง ๆ ที่อาคารสูง ๓-๔ ชั้น แต่บ้านชาวบ้านในตลาดตึกชั้นเดียวนกเกาะกันเต็มเลย เพราะว่าวัดท่าขนุนเก็บต้นไม้ไว้เยอะ เหยี่ยวมาหากินทุกวัน นกพิราบไม่กล้ามา เหยี่ยวจะมากินลูกไก่อยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้น...ที่ไหนที่มีสัตว์นักล่าอยู่ พวกนกพิราบนี้ก็จะไม่อยู่

อาตมาเคยแนะนำบางวัดไปว่า ให้ซื้อเหยี่ยวมาใส่กรง ชักรอกขึ้นไปแขวนไว้เหนืออาคารสักวันสองวัน พอเวลานกพิราบมาเจอเหยี่ยวเข้าสักสองครั้งสามครั้ง จะรู้ว่าเหยี่ยวตัวนี้อยู่ที่นี่ ก็จะไม่มาอีก เพราะว่าสัตว์แต่ละประเภทจะมีเขตหากินของเขา เขตหากินของเหยี่ยวแต่ละตัวบางทีกว้างหลายกิโลเมตร ดังนั้น...บริเวณนั้นนกอื่นก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับเขา

แต่ว่าวัดบางไผ่นารถ หลวงพี่มานะของอาตมา คือพระครูปุญญาภิสันท์ ท่านใช้วิธีทำบันไดเล็ก ๆ กว้างประมาณสัก ๔ นิ้วมือ แล้วก็เอาตอกขั้นเล็ก ๆ ไว้พาดเอียง ๆ ให้แมวขึ้นไปได้ ท่านบอกว่าทันทีที่แมวขึ้นไปได้นกพิราบก็ไม่มาอีกเลย แต่ว่าก็จะมีบันไดเกะกะตาอยู่

ถ้าหากนกพิราบไปอยู่ใต้หลังคา ถ้าจะไล่ให้ซื้อด่างทับทิม กลีเซอรีน น่าจะพอมีขาย ถึงเวลาก็เอาด่างทับทิมใส่จาน เทกลีเซอรีนเทลงไป จะเกิดปฏิกิริยาเป็นควันสีม่วงทึบมากเลย ยัดใส่ไว้ใต้หลังคานั่นแหละ ควันจะช่วยไล่นกไปให้หมด

เถรี
17-04-2018, 19:12
ถาม : ทำได้หรือคะ ปกติกลีเซอรีนเป็นส่วนผสมทำระเบิดไม่ใช่หรือ ?
ตอบ : ทำได้ แต่ว่าอันนี้เป็นแค่ปฏิกิริยาความร้อนที่เกิดขึ้น แล้วทำให้เกิดควันสีม่วงเข้ม แบบที่นินจาใช้พรางตัว นี่แสดงว่าพวกเราเรียนฟิสิกส์เรียนวิทยาศาสตร์กันมาแล้วลืมหมด ไม่เคยใช้งานเลย

แบบเดียวกับพวกที่เล่นกล ถึงเวลาก็เอาน้ำกรดใส่ขัน ให้เราถือขันไว้แล้วเทน้ำกรดใส่ ร้อนจนกระทั่งต้องโยนทิ้ง เสร็จแล้วเขาก็เอาพระใส่มือ เอาน้ำกรดเทราดมือเขาเลยก็ไม่เป็นอะไร อันนั้นเป็นกรดเกลือเฉย ๆ ถ้าไม่ใช่กรดเกลือเข้มข้นก็ไม่ทำอันตรายมืออยู่แล้ว เพียงแต่ว่ากรดเกลือจะทำปฏิกิริยากัดอะลูมิเนียม พอขันอะลูมิเนียมโดนน้ำกรดทำปฏิกิริยากัด ความร้อนจะทะลุมาใส่มือเรา เราเองก็ไม่รู้คิดว่าพระของเขาดีมาก ว่าแล้วก็จ่ายให้เขาไป ๒๙๙ บาทไม่เอา ๑๙๙ บาทไม่เอา ขอแค่ ๙๙ บาทก็พอ เขาซื้อมาถึง ๑๐ บาทหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

เมื่อไม่นานนี้มีคลิปที่คนลาวทดลองหลวงพ่อทวด ที่เอาไฟฟ้าลงไปช็อตปลาแล้วปลาก็ดิ้นแข็งทื่อเลย พอเอาหลวงพ่อทวดใส่ลงไปพร้อมกับปลาตัวใหม่ ช็อตเท่าไรก็ไม่เป็นไร จะเป็นได้อย่างไร เขาไม่ได้ถ่ายให้ดูว่าคัตเอาต์อยู่ตรงไหน พอถึงเวลาเขาจะทำตอนนั้นก็สับคัตเอาต์ออก แล้วตอนที่เขาเอาปลายสายไฟมาแตะกันให้ดู มีบางจังหวะที่เขาสับคัตเอาต์ไม่ทัน ก็ไม่มีประกายไฟ ดูก็รู้แล้วว่า อ๋อ...ลีลานี้มาหลอกขายของแน่ ๆ พระหลวงพ่อทวดปลอมดูง่ายเลย ไม่ใช่แท้ดูง่าย

เถรี
17-04-2018, 20:13
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานนี้อาตมาไปงานพุทธาภิเษกกัณหาชาลีที่วัดสี่แยกเจริญพร เมื่อกราบขอบารมีพระ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์เสร็จแล้ว ก็ระลึกถึงกัณหากับชาลีสองพี่น้อง ปรากฏว่าท่านไปพระนิพพานหมดแล้ว กัณหาก็คือพระอุบลวรรณาเถรี ชาลีคือพระราหุล ท่านบอกว่าถ้านึกถึงกัณหาชาลีจะได้แค่เมตตามหานิยม แต่ถ้านึกถึงองค์ท่านได้เยอะกว่านั้น พวกเราเลือกเอาเองก็แล้วกัน

คราวนี้ท่านอาจารย์เทพเขาให้มา ๑๐๐ องค์ บอกว่า “บูชาองค์ละ ๓๐๐ บาทนะอาจารย์” อาตมาตอบว่า “เออ...กูจะเอาไปให้เขาบูชาองค์ละ ๑๐๐ บาท..!” วัตถุมงคลอยู่ที่น้องเล็ก ไม่รู้ว่ายังเหลือหรือเปล่า ?

ก็เพิ่งจะรู้ว่าท่านไปพระนิพพานกันหมดแล้ว ด้วยความที่คิดว่าพระเวสสันดรเป็นพระโพธิสัตว์ คิดว่าลูกสาวลูกชายก็น่าจะอยู่ในลักษณะพระโพธิสัตว์ สร้างบุญบารมีกันต่อ ที่ไหนได้ท่านไปพระนิพพานกันเกลี้ยงแล้ว

ก็ต้องบอกว่านาน ๆ ทีจะเจอแบบนี้ ท่านอาจารย์เทพเขามีแนวความคิดที่ดี ปกติแล้วเราก็เห็นเขาสร้างแม้กระทั่งชูชก สร้างกุมารทอง ฯลฯ กัณหาชาลีสองพี่น้องรักกันจะตาย แล้วทำไมเราไม่สร้างกัณหาชาลีแทนกุมารทองรักยมไปเลย ดีเหมือนกัน...เอ็งมานอกคอก ข้าเองกว่าจะหาท่านเจอว่าเป็นใครก็แทบตาย เพราะว่าส่วนใหญ่ถ้าหากว่าสร้างใครก็ควรที่จะให้ต้นตำรับท่านมาเสกเอง"

เถรี
17-04-2018, 20:13
"เวลาสร้างรูปใคร ถ้าเป็นไปได้ต้องให้เจ้าของท่านมาเสกเอง แบบเดียวกับที่วัดท่าขนุน ตอนนี้ที่ทำอยู่คือเหรียญรอยพระพุทธบาท แต่ปรากฏว่าท้าวเวสสุวรรณท่านให้เอารูปของท่านลงหลังเหรียญด้วย เพราะว่าท่านมีหน้าที่พิทักษ์พระพุทธศาสนา ก็เลยต้องขอบารมีท่านมาเสกให้ด้วย"

เถรี
17-04-2018, 20:15
"ท่านที่บูชาพระหลวงพ่อกวยตรงนี้ หรือกัณหาชาลีตรงนี้ อาตมาเอาเงินไปช่วยกิ่งกาชาดทองผาภูมิ เขาผลิตงบประมาณไม่ทัน มาขอความช่วยเหลือจากทางวัด ก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะหาให้ แต่ว่านัดกันไว้ว่าจะทอดผ้าป่าวันวิสาขบูชาที่จะถึงนี้ เพราะว่าหาวันที่ตรงกันไม่ได้ วันที่ท่านนายอำเภอว่าง อาตมาก็ไม่ว่าง วันที่อาตมาว่าง ท่านนายอำเภอก็ไม่ว่าง สรุปแล้ววิสาขบูชาว่างทั้งคู่ เพราะว่าเป็นวันหยุด อาตมาอยู่วัดของท่านอยู่บ้าน นัดมาเจอกันได้"

เถรี
17-04-2018, 20:57
ถาม : ผมจะบวชพระ ขอทราบอานิสงส์การบวชพระครับ ?
ตอบ : ว่ากันไม่จบหรอก เอาเป็นว่าพยายามทำให้ดีเอาไว้ก็แล้วกัน ช่วงที่บวช ด้วยความที่ศีลของพระมีมาก ชีวิตฆราวาสมีศีล ๕ สมมติว่าเรามีเงิน ๕ ล้าน ชีวิตของพระนี่ศีล ๒๒๗ ก็เงิน ๒๒๗ ล้าน อานิสงส์มากกว่ากันหลายเท่า เพราะฉะนั้น...ไม่ว่าเราจะทำบุญเล็กทำบุญใหญ่อะไรก็ตาม ในตอนที่เป็นพระจะได้กุศลมากเป็นพิเศษ

ดังนั้น...ควรที่จะเร่งการสร้างบุญสร้างกุศลในเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้มากเข้าไว้ ถ้าเราบวชอยู่ต่อไปได้จะได้เป็นกำลังใหญ่ในพระพุทธศาสนา ถ้าเราสึกหาลาเพศออกมา กุศลนี้จะเป็นต้นทุนให้เราดำเนินชีวิตได้สะดวกกว่าคนอื่น เหมือนกับคนมีเงินมาก จะลงทุนอะไรก็ได้ เพราะฉะนั้น...ต้องตั้งใจทำความดีตอนเป็นพระให้เยอะ ๆ เข้าไว้

เถรี
17-04-2018, 21:27
พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลของหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย น่าเสียดายที่สุดเลยก็คืออาตมาชอบพระ แต่คนไปเห่อพิสมรกัน แล้วพระอย่างหลวงพ่อแก้วสร้างพระมีหรือจะไม่ขลัง ? แต่ด้วยความที่พิสมรโดนจัดเป็นเครื่องรางในตำนาน ก็เลยกลายเป็นว่าความนิยมนำหน้ากว่าพระหลายเท่า

ก็แบบเดียวกับของหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง คนก็ไปหาตะกรุดพอกครั่งกัน แต่ครั่งที่ท่านทำเป็นรูปพระดันไม่เอา เออเข้าท่า...กูจะได้เก็บคนเดียว ...(หัวเราะ)..."

เถรี
18-04-2018, 09:08
ถาม : เอาดอกไม้ใส่กรวยไปไหว้เจ้าที่ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าสมมติว่าเราอยู่ที่ไหนที่เรารู้สึกว่าไม่ค่อยจะดีกับเรา ให้จัดลักษณะอย่างนี้แล้วใส่เงินลงไปด้วยบาทหนึ่ง เอาไปไหว้เจ้าที่ บอกกล่าวขออนุญาตอยู่อาศัยในสถานที่นั้น ๆ

เถรี
18-04-2018, 09:09
ถาม : ลูกชายจะไปพม่าค่ะ ?
ตอบ : ไปเถอะ บ้านเราเองชัด ๆ ไปทางไหนก็มีคนพูดไทยได้

ถาม : จะต้องทำบุญอุทิศให้องค์ไหนเป็นพิเศษไหมคะ ?
ตอบ : ไม่รู้จะให้องค์ไหนก็ให้ท่านบุเรงนอง ตอนนี้ท่านบุเรงนองเป็นอินทกะ ก็เหมือนกับ รอง ผบ.ทบ. เพราะฉะนั้น..ไหว้ท่านก็ได้

เถรี
18-04-2018, 09:18
พูดถึงลูกอมพันด้ายสาวพรหมจารี ของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ว่าสมัยนี้จะไปขอด้ายจากใคร "ผู้หญิงที่ประเภทไม่มีลูกไม่มีผัวกับใครเป็นคนปั่นให้ สมัยนี้หายาก คนปั่นด้ายได้ส่วนใหญ่สมัยนี้ก็คือกะเหรี่ยง แล้วสาวกะเหรี่ยงก็แต่งกันตั้งแต่อายุ ๑๒-๑๓ ปี ต้องไปหาสาวกะเหรี่ยงตัวเล็ก ๆ"

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : ไม่ใช่ ด้ายสาวพรหมจารีก็คือผู้หญิงที่ยังไม่มีสามีปั่นด้ายนั้น สมัยก่อนเราหาง่ายหรอก เพราะว่าแต่ละบ้านเขายังถือกรอบประเพณีรักนวลสงวนตัวอยู่ แต่สมัยนี้ไว้ใจไม่ได้สักคน

เถรี
18-04-2018, 09:48
สนทนาปัญหาเรื่องวัด "คณะสงฆ์ของเราก็ต้องไปขอความคุ้มครองจากทางราชการ ซึ่งก็คือขอความร่วมมือจากทหารตำรวจ ซึ่งตอนนี้ทหารตำรวจไม่ฟัง แต่ว่ามีอย่างหนึ่งที่จะจำเป็นต้องทำเลยก็คือ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ลาออก ถ้าลาออกก็เท่ากับยอมรับว่าเราผิดจริง"

เถรี
18-04-2018, 09:51
"ของบางอย่างคุณมีความคิดเป็นของตัวเอง มีการกระทำเป็นของตัวเอง ก็เป็นเรื่องดี แต่บางอย่างที่ผมแนะนำไป ถ้าเราทำแล้วจะดีกับตัวเอง แต่คุณกลับไม่ทำ ก็เลยทำให้บางทีเรื่องไม่ควรจะยุ่งขนาดนี้ ก็ยุ่งได้

คุณต้องดูตัวอย่าง ท่านเจ้าคุณมหาโพธิวงศาจารย์ วัดราชโอรสาราม อาจารย์สอนเทศน์ของผม ท่านโดนแช่ตอนเป็นพระธรรมกิตติวงศ์อยู่ ๒๒ ปี ท่านก็อดทนอดกลั้นของท่านไปเรื่อย จนกระทั่งในที่สุดก็ฝนซาฟ้าใส พอหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำขึ้น ท่านก็ขยับได้ ตัวอย่างมีอยู่เห็น ๆ แต่พอผมบอกคุณให้อดทน คุณเองทนได้วันหนึ่งก็เลิกทนแล้วอะไรแบบนี้

เห็นชัด ๆ ว่าเราไม่ได้ใช้หลักธรรมที่ปฏิบัติมาในการทำหน้าที่ของเรา แต่เป็นการใช้อารมณ์มากกว่า เรื่องไม่จำเป็นต้องยุ่งอย่างนั้นก็ยุ่ง อย่างเช่นผมบอกว่าให้ไปติดป้ายเพื่อที่จะประกาศให้ชาวบ้านเขารู้ว่า เราไม่ได้ห้ามเขาเผาศพ แถมยังเผาฟรีให้ด้วย คุณก็ไม่ติด ถ้าไปติดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะกลายเป็นว่าเราไปแก้ตัว แต่ถ้าเราติดก่อนที่จะมีเรื่อง ชาวบ้านเขาจะได้รู้ความจริง แต่พอเราไม่ติดก็กลายเป็นว่าเขาตีกินอยู่ฝ่ายเดียว เพราะว่าเขาบอกอะไรไป ไม่มีปฏิกิริยาตอบออกมา ต่อให้เขารู้เลยว่าความจริงเป็นอย่างไร กำลังที่จะสนับสนุนเราก็ไหลไปหาผู้ใหญ่บ้านหมด

แล้วที่หนักที่สุดก็คือ ไม่ว่าผมจะไปที่ไหนก็มีแต่คนรู้เรื่องวัดนี้ ถามเรื่องวัดนี้ โดยบอกว่าคุณเป็นคนเล่าให้ฟัง จำไว้ว่า เสือโดนตีไม่ร้องหรอก ที่โดนตีแล้วร้องเอ๋งมีแต่หมาเท่านั้น เสือต่อให้บาดเจ็บขนาดไหนก็ซุ่มเลียแผลตัวเอง ไม่ใช่ไปประกาศให้เขารู้กันจนทั่วประเทศไทย"

เถรี
18-04-2018, 09:53
"เพราะฉะนั้น...บางเรื่องที่ควรจะจบก็จบไม่ได้ เพราะว่าบอกไปคุณก็ไม่ทำ บอกให้อยู่ที่นี่ เพราะผมก็หวังว่าในงานหล่อพระวัดตะเคียนงาม ถ้าผู้ใหญ่มากันครบจะได้เอ่ยเรื่องนี้ แต่ปรากฏว่าคุณก็ไม่อยู่ พอถึงเวลาผมโทรไปก็เปลี่ยนเบอร์โทรอีก ต้องวิ่งตามหากันว่าใช้เบอร์ไหน ตรงนี้ถ้าพระผู้ใหญ่ท่านไม่เกรงใจผม ท่านคงปลดคุณไปนานแล้ว แล้วการปลดไปทั้ง ๆ ที่เราไม่มีความผิดนี่ผมก็ไม่ยอม เพราะเท่ากับว่าเราผิด ถึงต้องไปเอาใจชาวบ้านแบบนั้น ผมถึงได้ยืนยันว่าถ้าปลดผมรับไม่ได้ ท่านเองก็รอคุณอยู่ว่าจะมาคุยกันต่อหน้า แต่คุณก็ไม่โผล่สักที

พอผมอยู่ท่านก็พูดอย่างหนึ่ง พอคุณอยู่ท่านก็พูดอีกอย่างหนึ่ง ก็เลยกลายเป็นไม่จบสักที เรื่องพวกนี้จริง ๆ ต้องอยู่ด้วยกัน แต่กลายเป็นว่าเดี๋ยวคุณก็อยู่ชลบุรี เดี๋ยวคุณก็อยู่สระบุรี ไป ๆ มา ๆ เผ่นไปอยู่นครปฐม ก็หาตัวกันไม่เจอเสียที เรื่องไม่ควรจะยุ่งก็เลยยุ่งฉิบหา...อย่างที่เห็นนั่นแหละ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้"

เถรี
18-04-2018, 21:02
มีโยมวางพระพุทธรูปไว้บนพื้น "คราวหน้าอย่าวางพระไว้ต่ำ จำไว้เลยพระพุทธรูปต้องไว้สูงเสมอ พูดง่าย ๆ ว่า ถ้าไม่มีที่วางก็อัญเชิญท่านเทินหัวเอาไว้"

เถรี
18-04-2018, 21:03
โยมนั่งขวางทางเดิน "ทางนั้นเขาจะเดินเข้ามา เรานั่งซ้ายคนขวาคนเลยบังทางเดินเขาหมดพอดี โปรดย้ายที่นั่งด้วย ต้องบอกว่านั่งให้เป็นสุขตามที่อนาถปิณฑิกเศรษฐีท่านสอนลูกสาวว่า นั่งอย่างไรให้เป็นสุข ? เขามาแล้วเราไม่ต้องขยับ ฉะนั้น...ต้องหมั่นสังเกตเอาไว้ด้วย อย่าเอาความสะดวกสบายของเราคนเดียว"

เถรี
18-04-2018, 21:06
พูดถึงจำปีงาแกะ ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ "คุณรู้ไหมว่าดอกจำปีจริง ๆ คือปลัดขิก ? เพียงแต่เขาเห็นว่าทำเป็นปลัดขิกแล้วบางคนรับไม่ได้ จึงแกะเป็นดอกจำปีแทน"

เถรี
18-04-2018, 21:15
พระอาจารย์กล่าวเตือนศิษย์ว่า "กำลังใจของเขามีแค่นั้น จะไปคิดว่าเขางี่เง่าไม่ได้หรอก"

เถรี
18-04-2018, 21:28
ถาม : เอาพระวางไว้ในห้องนอนได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้...เพียงแต่ว่าหันด้านที่เหมาะสม อย่าไปไว้ปลายเท้าเราแล้วกัน

เถรี
18-04-2018, 22:06
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนหรือพระก็เหมือนกัน ต้องมีความพยายามส่วนตัวบวกกับวาระบุญที่ตัวเองทำไว้ ซึ่งจะยาวสั้นไม่เท่ากัน เมื่อถึงเวลาถ้าวาระบุญส่งผล เราจะเห็นว่าทำอะไรก็ง่ายไปหมด แต่ถ้าหากว่าไม่ส่งผล ทำอะไรก็ยากไปหมด ก็เลยกลายเป็นว่า เมื่อยังไม่ถึงเวลา ต้องรู้จักอดทน อดกลั้น รู้จักรอคอย

ต้นไม้ถ้ายังไม่มีลูกมีผล เราจะไปดึงยอดให้โตเร็ว ๆ นั้นเป็นไปไม่ได้หรอก บางคนเมื่อผลิดอกออกผลแล้ว จะพยายามสกัดกั้นอย่างไรไม่ให้สุก ก็เป็นไปไม่ได้ ถ้าวาระมาถึง ทุกอย่างจะลงตัวเอง แต่สำคัญอยู่ตรงที่เราต้องไม่ลืมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา คำแรกของโอวาทปาฏิโมกข์ก็คืออดทนนั่นแหละ อดทนอดกลั้น ในเมื่อยังไปไม่ได้ก็บ่มเพาะตัวเองให้กำลังกายกำลังใจของเราดีที่สุด เมื่อถึงเวลาไปได้จะได้ไปง่ายที่สุด คล่องตัวที่สุด"

เถรี
18-04-2018, 22:08
ถาม : จำเป็นต้องไปอยู่ที่นั้นหรือเปล่า ?
ตอบ : อยู่ในโลกที่ไหนก็เหมือนกันหมด แล้วคุณคอยดู...พอถึงเวลาแล้ว จะประเภทหลังตีนกลายเป็นหน้ามือ อะไรประมาณนั้นเลย

เถรี
18-04-2018, 22:11
ถาม : ถ้าหนูสวดมนต์นั่งสมาธิแล้วหนูไม่มีตัวตน หนูควรจะทำอย่างไรต่อคะ ?
ตอบ : รับรู้ไว้เฉย ๆ ว่าตอนนี้เป็นอย่างนั้น ไม่ต้องไปสนใจว่าจะเป็นอย่างไร แล้วก็ไม่ต้องไปบังคับว่าจะออกมาได้เมื่อไร เราตามดูไปเรื่อย ๆ ยกเว้นว่าเบื่อเมื่อไรแล้วค่อยขยับออกมา

ส่วนใหญ่พอไปถึงตรงนั้นแล้วมักจะตกใจจนรีบเผ่นออกมา จะเสียประโยชน์ไปโดยใช่เหตุ

เถรี
18-04-2018, 22:21
พระอาจารย์กล่าวว่า "บรรดาแม่ทัพนายกองขุนศึกสมัยก่อนต้องภาวนาจนชิน เพราะพวกคาถาอาคมต่าง ๆ ที่ช่วยให้อยู่ยงคงกระพันก็ต้องอาศัยสมาธิช่วย ด้วยความที่ท่านภาวนาจนชิน ท้ายสุดกำลังใจเกาะสมาธิได้ พอตายแล้วก็ไปดี เพียงแต่ว่าโทษยังรออยู่ ถ้าเผลอลงอบายภูมิเมื่อไร ก็เจอดอกเบี้ยทบต้นเท่านั้น ฉะนั้น...ท่านทั้งหลายเหล่านี้พอขึ้นไปสุคติก่อน เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม ก็พยายามหนีสุดชีวิต เพราะรู้ว่ากรรมหนักรออยู่"

เถรี
18-04-2018, 23:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "กระเป๋าใบนี้เจ้าของป่วยเป็นเอดส์ตาย ญาติเขาเอามาถวายเอาไว้ อาตมาก็ใช้มาจวนจะ ๒๐ ปี น่าจะเกิน ๒๐ ปีแล้ว ส่วนใหญ่นิสัยอาตมาก็คือใช้ของจนพังคามือ มาระยะหลังนี่อะไรพังคามือก็มีคนเอาไปประมูลต่อ แต่ที่พังคาปากหมามักจะเป็นรองเท้า เผลอหน่อยเดียวโดนเอาไปแทะเสียแล้ว"

เถรี
18-04-2018, 23:13
พระอาจารย์สอนศิษย์ "รับเงินจากใคร ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนหรือว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน ให้นับเสียต่อหน้านั่นแหละ ใครจะว่าเราดูถูกเขาก็ช่าง เพราะว่าถ้าพลาด คนที่รับผิดชอบก็คือเราเอง ต้องทำไว้ให้ชิน"

เถรี
19-04-2018, 09:20
ถาม : ไหน ๆ ผมก็เป็นศิษย์มาตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ แล้ว ผมอยากเป็นศิษย์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องทำอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ ละกิเลสไป ละกิเลสได้สักระดับหนึ่งเมื่อไรก็ถูกต้องตามกฎหมายเมื่อนั้น

เถรี
19-04-2018, 09:22
ถาม : ขอวิธีบรรเทากรรมเก่าที่ตามมาครับ ?
ตอบ : ภาวนาเยอะ ๆ บุญจากการภาวนาทำให้อานิสงส์ความดีมีมาก จะหนีกรรมได้ชั่วคราว ไม่ได้ได้หมดนะ...ได้แค่ชั่วคราว เพราะฉะนั้น...ต้องภาวนาบ่อย ๆ ทำให้ต่อเนื่อง

เถรี
19-04-2018, 09:23
ถาม : คนที่ท่านฝากมาด้วย ทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : เรามีหน้าที่ก็สงเคราะห์ไปตามกำลัง หมดหน้าที่แล้วก็แล้วกัน เราทำเรื่องส่วนตัวของเราไป หน้าที่ก็ส่วนหน้าที่ เราก็ลากกันไปถูกันไป

ถาม : ทั้งลากทั้งถูเลยครับ...เหนื่อย ?
ตอบ : แค่นี้เอ็งบ่นเหนื่อยแล้ว ของข้าเยอะกว่าตั้งเท่าไร ?

เถรี
19-04-2018, 09:26
พระอาจารย์กล่าวสอน "สามเณร...จำไว้ว่าครูบาอาจารย์ดีแค่ไหนก็ตาม เป็นแค่ไม่ถึง ๑๐% อีก ๙๐% เราต้องใช้ความพยายามเอง เพราะฉะนั้น...บางทีสถานที่ดี ครูบาอาจารย์ดี แต่ตัวเรามีความเพียรไม่พอ ก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเรา"

เถรี
19-04-2018, 20:05
ถาม : จักรวาลอื่นมีพระพุทธเจ้าไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มี...แต่พระองค์ท่านสามารถไปโปรดเขาได้ เหตุที่จักรวาลของเราเรียกว่ามงคลจักรวาล เพราะว่าเป็นจักรวาลเดียวที่มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ด้วยพุทธานุภาพของพระองค์ท่าน สามารถแสดงพุทธนิมิตไปโปรดสัตว์โลกได้ทุกจักรวาล บางทีท่านที่ได้อภิญญาสมาบัติไปเจอ จึงคิดว่าจักรวาลอื่นก็มีพระพุทธเจ้าด้วย

บางครั้งท่านก็ไปโปรดทีหนึ่งเป็นร้อยเป็นพันแห่ง คนไปถึงตรงนี้ก็มี ตรงนั้นก็มี จึงคิดว่าจักรวาลอื่นก็มีพระพุทธเจ้าด้วย ลืมไปว่าชมพูทวีปเราอยู่ในมงคลจักรวาล ที่ชื่อมงคลจักรวาลเพราะเป็นจักรวาลที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้

พระพุทธเจ้าที่เป็นของอัศจรรย์ เพราะว่าเกิดได้ยากสุด ๆ เพราะฉะนั้น...ถ้าจักรวาลโน้นก็มี จักรวาลนี้ก็มี ก็จะกลายเป็นการลดคุณค่าของพระองค์ไป ทั้งที่เป็นสิ่งที่เกิดได้ยากและมากด้วยคุณค่าจนประมาณไม่ได้

เถรี
19-04-2018, 20:27
หลวงพ่อสั่งเปิดเครื่องปรับอากาศ "บางทีก็ขี้เหนียวไม่ได้ แต่จำไว้ว่าถ้าไม่ใช้ก็หมดเรื่องเลย อย่างอาตมาอยู่วัดร้อนแค่ไหนก็ไม่ใช้ พัดลมก็ไม่เอา เดี๋ยวก็ชินไปเอง ไปไหนก็สบาย แต่โยมไม่ได้ โยมไม่เคยชินจะตายเอา

ตอนนี้อาจารย์แบงค์เวลาเดินบิณฑบาตกลับมา อย่างกับใครเอาน้ำราดตัวมาเลย น้ำหนัก ๑๐๐ กว่ากิโลกรัม เดินบิณฑบาต ๕ กิโลเมตร ท่านกำลังอยู่ในช่วงพยายามลดน้ำหนักอยู่"

เถรี
19-04-2018, 21:01
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยโบราณยศต่ำสุดก็คือพัน ถ้าเปรียบเป็นทหารก็ราว ๆ นายสิบ พอมาหมื่นนี่ก็จ่า พอเป็นขั้นท่านขุนก็นายร้อย เป็นคุณหลวงก็นายพัน เป็นพระก็พลตรี เป็นพระยาก็พลโท เป็นเจ้าพระยาก็พลเอก นี่คือโดยประมาณ เพราะฉะนั้น...ที่เขาเรียกออกญานั่นก็คือเป็นพระยา ถ้าหากว่าออกพระก็คือคุณพระ ออกหลวงก็คือคุณหลวง"

เถรี
19-04-2018, 21:06
พระอาจารย์เล่าว่า "ต้นเดือนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เทศบาลไปฉีดยาป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ที่วัด ๒ รอบก็ยังไม่ทั่ว เพราะว่าหมาบางตัวไม่ยอมให้จับ พอเห็นเพื่อนโดนจิ้มร้องเข้าหน่อยก็ไม่เข้าใกล้เลย เลยไม่รู้ว่าจะจับอย่างไร พอฉีดยาเสร็จเขาก็เอาสีพ่นไว้ จะได้จำได้ว่าตัวไหนฉีดแล้ว มีพวกประเภทจินตนาการบรรเจิด พ่นเป็นตัวหนังสือเลยว่า ‘กูฉีดยาแล้ว’ ก็มี

เรื่องของโรคพิษสุนัขบ้าหรือที่เราเรียกว่าโรคกลัวน้ำ อย่าไปเข้าใจว่าเป็นเฉพาะหน้าร้อน เป็นได้ทุกฤดูกาล แต่หน้าร้อนเป็นช่วงที่กำเริบได้ง่าย แล้วก็ไม่ใช่เป็นแค่หมา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด แม้กระทั่งค้างคาวก็เป็นพาหะนำเชื้อได้ ไม่อย่างนั้นไปคิดว่าต้องหมากัดแมวกัดเท่านั้น บางคนประเภทคิดว่าเลี้ยงหนู เลี้ยงกระรอกกระแต โดนกัดไม่เป็นไร สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดเป็นพาหะนำโรคกลัวน้ำได้ โรคนี้ทำลายสมอง ถึงเวลาก็คลุ้มคลั่ง"

เถรี
19-04-2018, 21:21
"อาตมาเป็นเด็กนครปฐม สมัยก่อนพ่อแม่บอกว่ารุ่นของท่าน ถ้าหากว่าใครโดนหมาบ้ากัดต้องไปหาหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก หลวงพ่อทารดน้ำมนต์ให้แล้วหายทุกคน ขนาดคลั่งแล้วก็หาย ต้องบอกว่าท่านแน่กว่าวัคซีนสมัยนี้อีก

คาถาท่านก็ภาษาไทยชัด ๆ เลย คาถาท่านก็คือ “กูบ้ากว่ามึง เพราะฉะนั้นมึงจงเลิกบ้า” อย่างนี้เลย อาตมาก็เสียดายว่าวิชานี้มีใครสืบทอดมาบ้างไหมหนอ ? ขนาดคลั่งแล้วนะ ต้องจับมัดกันไปชนิดที่ไล่กัดคนแล้วท่านยังรดน้ำมนต์ให้หายได้ สุดยอดจริง ๆ ถ้าเป็นสมัยนี้ตายสถานเดียว เอาน้ำไปรดอย่างนั้นหมอปัจจุบันร้องตายเลย เพราะว่าเป็นโรคกลัวน้ำ โดนน้ำมีแต่อาการจะกำเริบหนักขึ้น"

เถรี
19-04-2018, 22:36
ถาม : ทำไมปลัดขิกหลวงพ่อโสก คนรู้จักน้อยกว่าพระขรรค์ ?
ตอบ : มีน้อย คุณลองนึกถึงเขาควายเผือกอันหนึ่งเหลาพระขรรค์ได้เท่าไร ? แล้วถ้าทำปลัดขิกจะได้กี่อัน ? ก็ได้นิดเดียว แล้วควายเผือกโดนฟ้าผ่าตายตัวหนึ่งนี่หาง่ายนักหรือ ? ใครมีอยู่นี่หวงอย่าบอกใครเลย ผมกว่าจะไปหลอกไปล่อเขามาได้แต่ละอันนี่ประเภทน้ำลายแห้งเลย

สมัยก่อนใครอยากได้จากหลวงพ่อโสก ต้องเดินเทียวไปเทียวมาอยู่เป็นเดือน ต้องไปประเภทให้ท่านเห็นความประพฤติ ให้ท่านไว้วางใจกว่าท่านจะยอมทำให้ เพราะฉะนั้น...ลูกผู้ชายเมืองเพชรยุคนั้นเขาบอกว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อโสก มีพระขรรค์เล่ม ปลัดขิกอัน ผ้ายันต์ผืน ไปได้ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ

ถาม : ผ้ายันต์หลวงพ่อโสก ?
ตอบ : ผ้ายันต์หลวงพ่อโสกเป็นกระดาษหนา ๆ คล้าย ๆ กระดาษสา ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่กลายเป็นสีน้ำตาลแก่ ๆ หมดแล้ว บางทีก็อาจจะออกดำ ๆ ด้วยซ้ำ แต่ลายมือท่านสวยมาก

ลายมือที่สวยสุด ๆ เลยก็มีหลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ หลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก ลายมืออาลักษณ์ชัด ๆ เลย แล้วเขียนเป็นบาลีขอม

ของหลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ ผมโชคดีได้กระดานชนวนที่ท่านวาดยันต์วาดอะไรให้ งวดนี้ผมเอามาทำยันต์ท้าวเวสสุวรรณ คือตอนแรกจะทำวัตถุมงคลเป็นที่ระลึกสำหรับงานเปิดนมัสการรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน ปรากฏว่าท้าวเวสสุวรรณท่านบอกให้เอารูปของท่านลงข้างหลังเหรียญให้ด้วย

เถรี
19-04-2018, 22:55
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้งานที่อาตมารับมากเลยก็คือนั่งปรกกับงานหล่อพระ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ฮิตกันจัง ช่วงเดือนที่ผ่านมานี้หล่อพระเป็น ๑๐ องค์แล้ว ขนาดว่าอาตมาไม่มีเวลา เขาก็ยอมเลื่อนงานลากงานเพื่อให้ไปให้ได้ โดยเฉพาะท่านอาจารย์เทพ วัดสี่แยกเจริญพร บอกท่านว่า “ผมไปไม่ทันวันงาน ผมต้องสวดมนต์ฉันเพลที่วัดห้วยน้ำขาวก่อน” “ไม่เป็นไรครับ...อาจารย์มาเถอะ” “ไม่ทันเวลานะ” “ไม่เป็นไรครับ ผมจะลากจนกว่าอาจารย์จะมาแล้วค่อยเริ่ม” ตกลงไม่ให้ราคาคนอื่นเลยหรืออย่างไร ?

อย่างหลวงปู่อำนวย หลวงป๋าวิวัฒน์ ท่านก็สุดยอดเซียนมโนมยิทธิอยู่แล้ว แต่ดันมาให้ราคาพระอาจารย์เล็กมากกว่าตัวเอง คราวนี้ก็อย่างว่าแหละ...ท่านเป็นรุ่นครูบาอาจารย์ พรรษาของท่านมากกว่าอายุของอาตมาอีก อายุท่านปีนี้น่าจะ ๙๓ แล้ว พรรษา ๗๓ มากกว่าอายุอาตมาอีก อาตมาเพิ่งจะแตะ ๖๐

ลองไปดูหนังสือสุทธิหลวงปู่สิ เป็นเล่มปกแข็ง จะมีบอกด้วยว่า สอบประโยคหนึ่งได้เมื่อ... ประโยคสองได้เมื่อ... ประโยคสามได้เมื่อ... บอกไว้หมดเลย รุ่นของอาตมาทำไม่รอบคอบอย่างนั้น ของท่านสอบนักธรรมชั้นตรีได้เมื่อ... นักธรรมโทได้เมื่อ... นักธรรมเอกได้เมื่อ... เขาลงไว้หมดเลย อีกท่านหนึ่งก็เพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอก หลวงพ่อเจ้าคุณพระสมุทรวชิรโสภณ เป็นเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม ท่านสอบนักธรรมเอกตอนอาตมา ๑ ขวบ อายุมากแต่ท่านดูกระฉับกระเฉงแข็งแรง สอบนักธรรมเอกตอนอาตมา ๑ ขวบ...ตายละวา"

เถรี
20-04-2018, 08:42
ถาม : หมาอายุ ๑๒ ขวบ ?
ตอบ : อายุหมาเท่ากับคน ๗ รอบ เพราะว่าหมาอายุเป็น ๗ เท่าของอายุคน ดังนั้น ๑๒ ขวบของหมาเท่ากับ ๑ รอบ ถ้าเทียบกับคนก็เท่ากับคน ๗ รอบ ก็ ๘๔ ปี เข้าไปแล้ว

สัตว์ที่อยู่กับคนอายุจะยืนกว่าสัตว์ป่าทั่วไป เพราะสัตว์ป่านี่เจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีใครดูแล หาได้ก็กิน หาไม่ได้ก็ต้องอด อยู่กับคนของกินเหลือเฟือ แบบเดียวกับหมู่บ้านแย้ ชาวบ้านเอาอาหารเม็ดโยน ๆ เลี้ยง ก็มากินเต็มไปหมด เด็ก ๆ จับก็ดิ้น ดิ้นหลุดก็กินต่อ ไม่เห็นว่าจะหนีไปไหน เพราะเขารู้ว่าหมู่บ้านนี้ไม่ทำอะไรพวกเขา

เถรี
20-04-2018, 08:57
ถาม : เขาไม่กินแย้หรือคะ ?
ตอบ : เขาพยายามอนุรักษ์ไว้ แล้วทุกคนมีความเห็นร่วมกันว่าควรจะรักษาไว้ ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นแหล่งเที่ยว พอนักท่องเที่ยวเข้าไป อะไรก็ขายได้หมด กลายเป็นรายได้ดีกว่าไปขายแย้กินอีก ถ้าเอาแย้ไปขายได้ไม่กี่สตางค์เดี๋ยวก็หมดแล้ว

ที่ขอนแก่นก็มีหมู่บ้านงูจงอาง จะลูกเล็กเด็กแดงโตมากับงู ไม่มีใครกลัว ต้องบอกว่าถ้าเราไม่กลัวเขา เขาไม่กลัวเราก็อยู่ได้ นี่ก็ต่างคนต่างอยู่ ถ้าเราไม่กลัวเขาไม่คิดร้าย เขาก็ทำอะไรไม่ถูก

อาตมาก็จับงูให้ดูไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ท่านอาจารย์สมพงษ์ยังทำใจไม่ได้ โน่น...ยืนอยู่ประมาณมุมห้องโน่น พร้อมกับไม้ยาว ๒ วาคอยเอาใจช่วย ถึงเวลาอาตมายกงูจงอางขึ้นมาให้ดูก็วิ่งหนีกัน พวกเอ็งทำอย่างนี้ข้าจะตาย เพราะว่าถ้างูตกใจจะกัดใคร ? ก็กัดคนจับก่อน

เถรี
20-04-2018, 09:18
พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนนี้มีแต่ญาติโยมเทียวไปเทียวมาดูหลวงพ่อนาก แล้วตอนหลวงพ่อเงินทำไมไม่เห่อวะ ? เขาบอกสวยสู้องค์นี้ไม่ได้ ความจริงหลวงพ่อเงินสีท่านขาวแล้วกลืน ๆ กับพื้นหลัง ส่วนหลวงพ่อนากส่องไฟนี่แจ่มเลย สีสะดุดตา เดี๋ยวต้องรอหลวงพ่อทองคำอีกองค์ ครบสามองค์เมื่อไรจะมหัศจรรย์มาก

มีไหมที่เขาสามารถเคลือบหรือว่าชุบพระองค์ใหญ่ ๆ ขนาดนั้นได้ ถ้าได้...พอหล่อองค์เงินเสร็จแล้วก็ชุบทอง ก็ลักษณะเดียวกับไปชุบไมครอน ราคาจะสูงหน่อยแต่แน่นอน แล้วเราไม่ต้องปิดทองบ่อย ๆ"

เถรี
20-04-2018, 09:21
พระอาจารย์กล่าวว่า "นึกถึงพ่อปู่หมอน้อยที่อ่างทอง ที่ทำแหวนพิรอดดังระเบิด อาตมาอยากจะยกให้เป็นแหวนพิรอดอันดับหนึ่งของประเทศเสียด้วยซ้ำไป แต่ว่าแหวนพิรอดหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว เข้าไปอยู่ในเครื่องรางในตำนานไปก่อน

อันนั้นหลานได้วิชาแต่ลูกไม่ได้ หลานสนใจแล้วท่านก็ถ่ายทอดวิชาให้หมด ทำได้เท่ากับท่านด้วย ก็ยังดีมีหลานสนใจ ต่อไปก็ต้องมีโหลนมีลื้อ"

เถรี
20-04-2018, 09:26
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครไปปราสาทพระเทพบิดรมาหรือยัง ? แต่งชุดไทยไปได้เลย จะนุ่งโจงฯ นุ่งซิ่นอย่างไรก็ได้ เพราะว่าปีหนึ่งเปิดครั้งเดียว ยกเว้นว่ามีพระราชพิธีสำคัญก็มีเปิดเพิ่มให้ เพียงแต่ว่าที่แน่ ๆ เปิดวันที่ ๖ เมษายนแน่นอน"

ถาม : วันนี้ท่านเสด็จด้วยค่ะ ?
ตอบ : ท่านเสด็จเราก็เฝ้าด้วย จะไปยากอะไร

ถาม : ช่วงที่เสด็จก็จะไม่ได้เข้า
ตอบ : เขาก็ประเภทนั่งเข้าแถวกันรอบกำแพงวัง เรื่องของคนไทยเรากับสถาบันพระมหากษัตริย์ ผูกพันลึกซึ้งมาตั้งแต่ไม่รู้ยุคไหนสมัยไหน ขอให้ได้เข้าเฝ้าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน จะมีความสุขมาก นั่งร้อนเท่าไรก็ทนได้ ฝนตกลงมาก็ทนได้

เถรี
20-04-2018, 09:40
ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : บาลีก็มีบอกไว้ ที่เอามาแต่งเป็นโคลงโลกนิติ ว่า

เย็นเงาพฤกษ์มิ่งไม้..............สุขสบาย
เย็นญาติทุกข์สำราย ............กว่าไม้
เย็นครูยิ่งจันทร์ฉาย.................กษัตริย์ยิ่ง ครูนา
เย็นร่มพระเจ้าให้.................ร่มฟ้าดินบน
ท้ายสุดก็คือพระธรรมของพระพุทธเจ้าเย็นที่สุด

ไปฟังพระพม่าเทศน์แล้วเขามีคนที่รู้ภาษาไทย เขาแปลเป็นไทยฟังแล้วเครียด ท่านเทศน์เรื่องนี้แหละ แม่เจ้าประคุณแปลว่า ของต้นไม้ร่มเงา ก็คือแปลแบบพม่าแท้เลย เพราะภาษาพม่าแปลจากข้างหลังมาข้างหน้า ของเราจากข้างหน้าไปข้างหลัง คราวนี้เขาถนัดพูดแบบพม่า ก็เลยแปลจากข้างหน้าไปข้างหลัง ลืมไปว่าต้องแปลหลังไปหน้า

อย่าง "ทะมินซา" ทะมินก็ข้าว ซาก็กิน เขาแปลเป็นข้าวกิน ต้องแปลกลับว่ากินข้าว เพราะฉะนั้นร่มเงาของต้นไม้ เขาเล่นแปลแบบพม่าเป็นของต้นไม้ร่มเงา อาตมาฟังแล้วเครียด คิดว่ากูแปลเองเสียดีกว่ากระมัง ?

เถรี
20-04-2018, 09:50
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระมหากุลวัฒน์ธนะ กตธัมโม วัดเทพลีลา ขาประจำเว็บวัดท่าขนุน ปีนี้ได้สอบได้ประโยค ๙ ส่วนท่านเจ้าคุณพระปริยัติธรรมเมธี วัดบุรณศิริมาตยาราม ท่านเป็นเจ้าคุณไปแล้ว ลูกศิษย์เป็นเจ้าคุณกันไปหมดแล้ว อาจารย์ก็ยังอยู่แค่เดิม เรื่องของบุญวาสนาแข่งกันไม่ได้ ท่านได้เราก็ดีใจด้วย พอถึงเวลาท่านรายงานว่า “ผมเป็นเจ้าคุณแล้วครับ” อาจารย์ฟังแล้วก็ชื่นใจ ต้องบอกว่าบ้านเรายังให้ราคาเปรียญสูงกว่าอย่างอื่นเยอะ"

เถรี
21-04-2018, 20:44
พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณูปการของบุพเพสันนิวาส ทำให้รากเหง้าความเป็นไทยกลับคืนมามาก อาจจะเป็นเพราะว่ามาได้ถูกจังหวะ คำว่าถูกจังหวะก็คือ พอสิ้นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ เหมือนอย่างกับว่าความเป็นชาติไทยของเราล่มสลายไป พอมีอะไรที่แสดงออกซึ่งความเป็นไทยชัด ๆ ขึ้นมา จึงกลายเป็นกระแสที่ไม่ต้องปลุกก็ขึ้น

แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ เหตุการณ์ในอดีตที่เขาย้อนกลับไป เป็นเหตุการณ์ในช่วงที่มีการหักเล่ห์ชิงไหวพริบต่าง ๆ กันอยู่ในราชสำนัก แม้กระทั่งต่างชาติก็จะมาครอบงำบ้านเมืองของเรา ก็ทำให้คนติดใจได้ โดยเฉพาะนางเอกเป็นคนยุคใหม่กลับเข้าไป ก็เลยทำให้มีอารมณ์ร่วมได้เยอะ ทำให้เราไม่รู้สึกว่าตกยุค เพราะว่าอย่างน้อย ๆ ก็ยุคเดียวกับนางเอกนั่นแหละ เพียงแต่ว่านางเอกหลงยุคไป

ในส่วนนี้สร้างเลียนแบบไม่ได้ ถ้าหากว่าทำอีกก็ต้องทำเรื่องอื่นไปเลย ภาคต่อก็จะไม่ได้อย่างนี้ แล้วก็ใครที่มีการใฝ่ฝันว่าจะส่งออกละครไทยในลักษณะนี้ไป ไม่เกิน ๓ เรื่องก็เฟ้อแล้ว ถ้าจะทำต้องทำในลักษณะอื่น อย่างเช่นว่า อาจจะเป็นประวัติวีรกษัตริย์ หรือว่าวีรบุรุษของเรา หรือไม่ก็อาจจะดึงตัวละครที่ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ มาผสมกับประวัติศาสตร์ก็ได้ จะเอาลักษณะย้อนยุคอย่างนี้ก็ได้

มาได้ถูกช่อง มาได้ถูกจังหวะ โดยเฉพาะงานอุ่นไอรักที่ลานพระรูป แหม...ไปกันแบบไม่ต้องบังคับเลย ชุดไทยเพียบ..!"

เถรี
21-04-2018, 21:47
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันพุธอาตมาขึ้นไปตรวจงานสร้างบันไดขึ้นรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน พอดีบรรดามหาเปรียญเขากลับไปเยี่ยมวัด ก็เลยพาเดินขึ้นไป ขาลงฝนกระหน่ำ เดินข้ามถนนนี่ลมแรงจนเกือบจะเซ ก็ว่าเออ...นี่ก็เข้าเค้าพายุฤดูร้อน ปรากฏว่ารุ่งเช้าไปบิณฑบาตในตลาด หลังคาเปิงไปตั้งหลายบ้าน แสดงว่าแนวที่แรงที่สุดก็คือแนวในตลาด เพราะว่าร่องลมมากับแม่น้ำ ส่วนทางด้านหน้าวัดของเรามีร่องลมเฉพาะตรงถนน ก็เลยแรงเฉพาะตอนที่เราข้ามถนน แล้วช่วงนั้นไม่มีบ้านคน บ้านคนส่วนใหญ่ไปเลาะอยู่ริมแม่น้ำ พอลมแม่น้ำมาก็เรียบร้อยเลย หลังคาเปิดเปิงไปหลายบ้าน

ปีก่อนโน้นพายุแรงมาก อาตมาตั้งใจอาราธนาธงพิชัยสงคราม ซึ่งไปอยู่ที่ไหนก็จะเอาไปติดด้วย ขอให้ลมขึ้นสูงไป จะได้ไม่ทำอันตรายกับพื้นที่ ปรากฏว่าโยมในตลาดโทรมาบอกว่า “หลวงพ่อ...ศาลพระภูมิปลิวไปทั้งหลังเลย” โอ้โฮ...แรงขนาดนั้นเลยหรือ ? บอกไปว่า "ขออภัย...อาตมาเองก็ป้องกันแต่วัด ลืมโยมไปเลย" บ้านโยมศาลพระภูมิปลิวไปทั้งหลังเลย

ปีที่แล้วพายุฤดูร้อนที่บ้านเติมบุญนี่ พอเห็นลมแรงอาตมาก็อธิษฐานขอธงมหาพิชัยสงครามเหมือนเดิม ก็คือให้พายุพัดขึ้นสูงไป เรื่องของธรรมชาติอย่าไปห้าม เพราะว่าธรรมชาติอย่างไรก็ต้องเจอ มีทางเดียวก็คือให้ไปซ้ายไปขวา ไปบนไปล่างได้ ปรากฏว่าบ้านเติมบุญไม่เป็นอะไร แต่สถานีรถไฟฟ้าฝ้าเพดานบินไปหลายแผ่น"

เถรี
21-04-2018, 22:07
พระอาจารย์เล่าว่า "ไปหาอาจารย์บ๊ะ พระลูกวัดของท่านเอาชาร้อนมาให้ บอกเลยว่า “ร้อนมากนะครับอาจารย์” ก็เลยบอกท่านว่า “เอามาเถอะ” ว่าแล้วก็ซดเกลี้ยงส่งถ้วยคืนไป โยมจับถ้วยแล้วสะดุ้ง บอกว่า “ร้อนขนาดนี้ "เทค" เข้าไปได้อย่างไร ?” ก็ไม่รู้สิ อาตมารู้สึกว่าพอดีนี่นา"

ถาม : คนสมัยนี้กินเย็นเป็นปกติ ?
ตอบ : กินเย็นเป็นปกติก็เลยไม่ค่อยจะชินกับของร้อน ไม่ว่าไอศกรีมหรือน้ำแข็งหรือน้ำเย็น อาตมากินลงไปแล้วปวดขมับ เพราะว่าเส้นเลือดหดตัว เลยถนัดแต่น้ำร้อน

เวลาไปวัดอื่น ส่วนใหญ่ก็เอาน้ำเย็นมาถวาย อาตมารับแล้วก็วางไว้ มีบางวัดเขาก็จะสังเกตเห็นว่าอาจารย์ไม่ฉันน้ำเย็น ก็บอกว่าถ้าหากเป็นไปได้ขอน้ำร้อน วัดไหนไม่ถามก็ไม่บอก ปล่อยเขาไป ส่วนใหญ่เขาจะเป็นน้ำเย็นแก้วใหญ่ น้ำชาถ้วยหนึ่ง อาตมาบอกว่า "คราวหน้าเอาน้ำชาใส่ถ้วยใหญ่มาเถอะ น้ำเย็นไม่ต้องมีก็ได้" มาระยะหลังเวลาไปพุทธาภิเษก ถ้าที่ไหนไปซ้ำเขาจะจำได้ เขาจะจัดน้ำร้อนมาให้

เถรี
22-04-2018, 22:45
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระโหราธิบดีเป็นสุดยอดหมอดู ท่านทายว่าเวลาเที่ยงตรงจะไฟไหม้พระราชวัง ให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเตรียมความพร้อม สมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็อพยพสาวสรรกำนัลในลงกองเรือไปลอยอยู่กลางแม่น้ำ ให้บรรดาทหารและมหาดเล็กเตรียมน้ำเตรียมครุอะไรไว้

ปรากฏว่าพอเที่ยงตรงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ทรงตรัสว่า “สงสัยว่าเคราะห์จะผ่านพ้นไปแล้วกระมังเจ้าคุณ ?” พระโหราธิบดีทูลตอบว่า “ยังขอรับ...ยังต้องรอเสียงฆ้องดังก่อน” พอเสียงฆ้องบอกยามเที่ยงดัง ฟ้าผ่าเปรี้ยงกลางยอดปราสาท...ไฟไหม้ แต่คราวนี้มีเตรียมการพร้อม ก็ดับได้ทัน ในจดหมายเหตุบอกว่า ดีบุกที่ดาดหลังคาไหลลงมาเหมือนฝนตก ร้อนจนละลาย

อีกครั้งหนึ่งพอสมเด็จพระนารายณ์มหาราชล้างพระพักตร์ตอนเช้า หนูตกจากเพดานลงมา พระองค์ท่านก็เอาขันล้างพระพักตร์ครอบไว้ แล้วเรียกพระโหราธิบดีมา ตรัสว่า "ลองทายดูสิว่าในขันนี้มีอะไร ?" พระโหราธิบดีลงเลขยามเสร็จกราบทูลว่า "สัตว์สี่เท้าพระเจ้าข้า" “เออ..ใช่ แล้วมีกี่ตัว ?” กราบทูลว่า ๕ ตัว สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงพระสรวลตรัสว่า “ทีนี้ผิดแล้วอาจารย์ เพราะว่ามีหนูอยู่ตัวเดียว” เปิดขันออกมาปรากฏว่าหนูคลอดลูกในนั้น ๔ ตัว รวมแม่เป็น ๕ ตัว แม่หนูท้องแก่ ตกลงมาแล้วคลอดเลย ท่านแม่นของท่านจริง ๆ"

เถรี
22-04-2018, 22:47
"บันทึกสมัยราชวงศ์โจวของจีนบอกว่า มีรัศมี ๕ สีมาจากทางด้านตะวันตกของประเทศจีน ปรากฏว่าปุโรหิตาจารย์ทำนายให้พระเจ้าโจวเหวินหวังว่า มีอัจฉริยบุคคลกำเนิดขึ้นทางด้านทิศตะวันตกของจีน หลังจากนั้นมาอีก ๓๐ กว่าปี มีรัศมีสีทองส่องสว่างมาอีก เกิดปรากฏการณ์พิเศษก็คือ น้ำขึ้นในเวลาที่น้ำลง แหล่งน้ำทุกแห่งมีน้ำเต็มขอบบ่อหมด ปุโรหิตาจารย์บอกว่า อัจฉริยบุคคลท่านนั้นสำเร็จเป็นพุทธะ อะไรจะเก่งปานนั้น

พอหลังจากนั้น ๔๕ ปีมีแผ่นดินไหว มีรัศมี ๕ สีส่องมา ปุโรหิตาจารย์บอกว่า กายหยาบของพุทธะดับสลายลง อีก ๑,๐๐๐ ปีข้างหน้า หลักธรรมของพระองค์ท่านจะมาถึงประเทศจีน เก่งเกินคนไปไหม ? ต้องบอกว่าทิพจักขุญาณสุดยอดมาก คราวนี้จีนเขาขยันบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ก็เลยสามารถค้นย้อนหลังไปได้เป็นพัน ๆ ปี"

เถรี
22-04-2018, 22:53
"เจ้าหน้าที่ห้องสมุดที่ดูแลคลังความรู้ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุ๋นระดับ ๔ หน้าที่หลักสำคัญเลยก็คือ รวบรวมคณะลูกศิษย์คัดลอกบันทึกเก่า ๆ เล่มไหนมีทีท่าว่าจะหมดอายุก็เขียนใหม่ทันที เพื่อไม่ให้สูญหาย แล้วก็จะมีลงบันทึกเอาไว้ว่า ต้นฉบับเขียนมาตั้งแต่ยุคไหน มาสมัยนี้เขียนใหม่ใครเป็นคนเขียน วันเดือนปีเท่าไร บอกเอาไว้หมด เพราะฉะนั้น...สามารถค้นย้อนหลังได้ พอเล่มเก่าสลายไปเล่มใหม่ก็ยังอยู่

เสียดาย...ตอนปฏิวัติวัฒนธรรมจีนนี่ โดนทำลายไปเกือบหมด"

เถรี
22-04-2018, 23:01
พระอาจารย์สอนลูกศิษย์ที่นั่งรับใช้อยู่ข้าง ๆ "ทำให้ดูเห็น ๆ ก็เลียนแบบสิวะ...! สมัยนั่งอยู่ข้างหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมามีหน้าที่อย่างเดียวคือทรงอารมณ์มองพระ ถึงเวลาท่านจะทำอะไร หรือโยมถามอะไร ท่านจะทำออกมาลักษณะไหน หรือตอบอย่างไร ถ้าพยายามแล้วท้ายสุดก็จะได้คำตอบ รู้เลยว่าเขาถามอย่างนี้หลวงพ่อท่านจะตอบอย่างไร อย่างปัจจุบันนี้ที่มานั่งอยู่ตรงนี้ได้ก็คืออารมณ์ช่วงนั้นแหละ พอถึงเวลาจะรู้ว่าถ้าทรงอารมณ์อย่างนี้คำตอบที่ได้มาจะใช่ เพราะฉะนั้น...อย่ามานั่งเฉย ๆ

สมัยนั้นอยู่ข้าง ๆ หลวงพ่อท่านก็ซ้อมอยู่ตลอด ถึงเวลาโยมถวายปัจจัยมานี่ต้องหยิบวัตถุมงคลให้ เขามีแจกวัตถุมงคลตามราคา ถวาย ๑๐๐ บาท แจกอย่างนี้ ถวาย ๕๐๐ บาทแจกอย่างนี้ ถวาย ๑,๐๐๐ บาทแจกอันนี้ หยิบให้ไปเรื่อยแหละ บางทีลุงเอี๊ยงก็ตกใจเปิดซองดู แอบเช็กอยู่เรื่อย ว่าอาตมาไม่เปิดซองเลยแล้วรู้ได้อย่างไร ?

มีอยู่เที่ยวหนึ่งพอโยมส่งซองมา อาตมาฉีกแควกลงถังขยะ แล้วก็หยิบแหนบให้เขาไปอันหนึ่ง ลุงเอี๊ยงตะปบหมับเลย รีบเปิดดูว่าอะไร โยมเขาอยากได้วัตถุมงคล ก็เลยฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์แผ่นหนึ่งใส่ซองมา พอมาถึงจะมีประโยชน์อะไร ส่งให้เขาไปก็เสียเวลาแกะอีก ฉีกสองท่อนหย่อนลงถังไปเลย คราวนี้ลุงเอี๊ยงอยู่ข้าง ๆ เขาตกใจ อะไร..ส่งเงินมาแล้วฉีกทิ้ง ก็เลยรีบเปิดดู

เพราะฉะนั้น...คนรุ่นเก่า ๆ ที่อยู่วัดท่าซุงจะรู้ สงสัยอะไรถามพระอาจารย์เล็ก...จบ แต่หลายท่านก็ไม่จบ ถามแล้วไปถามหลวงพ่อวัดท่าซุงอีกรอบ"

เถรี
22-04-2018, 23:03
"เวลาอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์บางทีกำลังของท่านมาถึง เท่ากับว่าบังคับเราให้กิเลสน้อยลงโดยอัตโนมัติ ความสะอาดของจิตจะมีมากขึ้น เราต้องฉวยโอกาสใช้ให้เยอะที่สุด ไม่ใช่นั่งบื้ออยู่ วัน ๆ ทำแต่งาน แบบนั้นก็สมควรโดนถีบ...!

ไม่มีอะไรหรอก ถ้าเราตั้งกำลังใจได้ก็เหมือนกับที่พูดไป ๆ นั่นแหละ ใช่ทั้งนั้นแหละ แล้วรู้ได้อย่างไร? ก็อารมณ์นั้นใช่"

ถาม : ต้องขี้ตรงร่องให้ได้ ?
ตอบ : นั่นแหละ...เอาให้ได้ก็แล้วกัน

เถรี
22-04-2018, 23:10
ถาม : ถ้าเราเพ่งภาพโครงกระดูก เราจะมีหลักในการเพ่งหรือพิจารณาอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : อยู่ที่เราว่าจะเอาแบบไหน ถ้าจะพิจารณาให้เห็นจริง ก็แค่มองดูแล้วนึกว่าตัวเราก็เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าจะเอาเป็นกสิณเลยก็มองดู หลับตานึกถึง พอภาพเลือนไปก็ลืมตาดูใหม่ แต่ขอโทษ...ถ้าเริ่มถึงอุปจารสมาธิโครงกระดูกจะเต้นได้ ที่นี้อยู่ที่เราว่าจะกลัวไหม ก็คือจะเคลื่อนไหวของเขาเอง ไม่ว่าอย่างไรโครงกระดูกก็ต้องขยับ คราวนี้เราจะกลัวไหม ?

เราก็ทำได้ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือพิจารณาว่าตัวเราก็เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าหากว่าจะประเภทกำหนดภาพ อัฏฐิกัง ปะฏิกุลัง ก็ลักษณะคล้าย ๆ กับกำหนดกสิณ ก็คือลืมตามอง หลับตานึกถึง ภาวนา อัฏฐิกัง ปะฏิกุลัง ๆ ไปเรื่อย เดี๋ยวพอสมาธิทรงตัวภาพก็จะติดตาไปเอง

ถาม : แบบแรกนี่ ?
ตอบ : แบบแรกจะเป็นวิปัสสนาญาณมากกว่า แบบหลังไปทางเรื่องฤทธิ์เรื่องเดชมากกว่า ทำไปทั้ง ๒ แบบนั้นแหละ หมดเรื่องหมดราวไปเลย

อาตมาเองอยู่กับโครงกระดูกจนกระทั่งโครงกระดูกทนไม่ไหว ประเภทออกมาเป็นตัว ๆ เลย ต้องบอกเขาว่าไปห่าง ๆ หน่อย เพราะว่าอย่างไรแกก็เป็นผู้หญิง ถึงจะมาชุดไม่เหมือนชาวบ้านขนาดไหนก็เป็นผู้หญิง คนเขารู้เห็นเข้าจะไม่ดี เขาก็ยืนยันว่าคนอื่นจะไม่เห็น ท้ายสุดก็ไปถามหมออี๊ด (บุณฑริกา) ว่าโครงกระดูกนี่ผู้หญิงใช่ไหม? หมออี๊ดเขามาดู ๆ เขาบอกว่าใช่ ถามว่าดูออกอย่างไร ? หมอเขาบอกว่าสันคิ้วไม่มี ถ้าผู้ชายจะมีสันคิ้ว อาตมาก็อ๋อ...ที่แท้เราก็รู้ถูกเหมือนกัน

เถรี
22-04-2018, 23:19
ถาม : เวลาที่เรามีจิตสละออกกับจิตสาธารณประโยชน์ เป็นเรื่องเดียวกันไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่...จิตที่เราสละออกเป็นจาคานุสติ ถ้าหากว่าได้สละไปเลยเป็นทานบารมี แต่จิตสาธารณประโยชน์นั่นเป็นเมตตากรุณาของพรหมวิหาร เพราะว่าตั้งใจช่วยคนอื่น คราวนี้เมตตาพรหมวิหารที่เป็นหลักนั้น ทำให้เราต้องไปสละทรัพย์ สละแรงกาย แรงใจอีก เพราะฉะนั้น...เป็นคนละตัวกัน อย่าไปมั่วกรรมฐานจนผิดกอง

ถาม : อย่างนี้เวลาเราทำทาน เป็นจิตสละออกหรือจิตสาธารณประโยชน์ ?
ตอบ : ทานนี่เป็นสละออก แต่คราวนี้ว่าจะสละออกเพื่ออะไร ถ้าเราไปเห็นเขาทำงานสาธารณประโยชน์อยู่ เกิดเมตตากรุณาอยากสงเคราะห์เขา เราก็จะกลายเป็นพรหมวิหารนำจาคานุสติ แต่ถ้าหากว่าอยากจะสละออก พอดีว่าเขาสละออกเพื่อส่วนรวม ก็จะกลายเป็นเรื่องของจาคานุสตินำ เป็นจิตสละออก

ถาม : อานิสงส์ละครับ ?
ตอบ : อานิสงส์ขึ้นอยู่กับสภาพจิตตอนนั้นของเรา ถ้าหากว่าเป็นพรหมวิหารนี่อานิสงส์สูงกว่ามาก

เถรี
22-04-2018, 23:28
ถาม : โอกาสที่จะมีการหล่อพระสมเด็จองค์ปฐม ยากไหมครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่ายากสุด ๆ เลย ตั้งแต่อาตมาคลุกคลีตีโมงอยู่ในวงการมา ก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพไม่กี่ปีที่ท่านพูดถึงสมเด็จองค์ปฐม ถึงได้มีรูปเปรียบท่านเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสร้างได้ทุกคน

มีอยู่วัดหนึ่งอย่าให้เอ่ยชื่อวัดเลย อยู่กาญจนบุรีเหมือนกันนี่แหละ สร้างสมเด็จองค์ปฐมเหมือนกัน ช่างคณะเดียวกันกับของทางวัดท่าขนุน แต่ประเภทเทแล้วเทอีก หล่อแล้วหล่ออีกมา ๔ วาระแล้วยังไม่สำเร็จเลย เพราะที่สำคัญที่สุดก็คือไม่รู้ว่าสมเด็จองค์ปฐมคือใคร เขาว่าองค์ปฐม ตูก็ว่าด้วย...แค่นั้น ในเมื่อไม่รู้ว่าคือใครแล้วจะไปขออนุญาตใคร ? ก็เลยกลายเป็นอะไรที่ต้องบอกว่า ไม่ใช่ว่าจะสร้างได้ทั่วไป

ถาม : ถ้าเราอยากจะสร้างพระพุทธรูปที่ไม่ใช่สมเด็จองค์ปฐม มีวิธีแบบโบราณไหมครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วถ้าเอาแบบโบราณเลยก็คือ บายศรี ๑ ชุด บอกกล่าวขออนุญาตสร้าง แต่คราวนี้ที่แน่ ๆ ก็คือสร้างแล้วต้องมีที่ประดิษฐานให้สมพระเกียรติของพระองค์ท่านด้วย ก็เลยกลายเป็นว่าต้องดูวัดที่ท่านมีสถานที่เหมาะสมด้วย

อาตมาเจอวัดอยู่วัดหนึ่ง วางพระองค์ใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ไว้เต็มพื้นศาลาเลย แล้วก็ฝุ่นจับเต็มไปหมด บางทีอาตมาทนไม่ได้ต้องไปทำความสะอาดให้ท่าน ก็แบบเดียวกับที่วัดบางนมโค ไปถึงนี่ประเภทเจอต้นโพธิ์ต้นหญ้าขึ้นเต็มพระเจดีย์ไปหมด ด้วยความที่อาตมาเห็นว่า เป็นสิ่งที่หลวงปู่ของเราสร้างมา ก็ไปช่วยถก ช่วยดึง ช่วยทึ้งลงมากองเบ้อเร่อ ปรากฏว่าเขาด่าเอา เขาอยากให้ขึ้นเยอะ ๆ พระเจดีย์พังเขาจะได้เอาพระออกมาขาย อาตมาดันไปทำความสะอาดให้เขา

๒๒๐ ปี๊บออกมานี่ไม่ต้องอะไร แค่องค์ละหมื่นก็รวยตายชักแล้ว สมัยนี้พระหลวงปู่ปานราคาแสนขึ้นไปทุกพิมพ์เลย

เถรี
22-04-2018, 23:32
ถาม : พระสรีระที่เป็นพระธาตุของพระพุทธเจ้า ในประเทศไทยมีที่ไหนบ้างครับ ?
ตอบ : เอาแน่ ๆ ก็พระธาตุพนม ตำนานพระอุรังคธาตุระบุไว้ชัดเจนที่สุด แล้วก็วัดสระเกศ อันนี้ชัดเจนเลยว่าเขาถวายในหลวงรัชกาลที่ ๕ มา ที่อื่นเราเองถ้าหากว่ากำลังใจไม่ถึง อยากได้ของแท้ ๆ แน่ ๆ ก็เอาที่ประวัติชัด ๆ ไปเลย

เถรี
22-04-2018, 23:42
ถาม : เราสงสารหมู ก็เลยตั้งใจไม่กินหมูตลอดชีวิต อย่างนี้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ได้อยู่ ก็เป็นตัวเมตตาบารมีเฉพาะของเรา แต่อย่าไปตำหนิคนอื่นเขา เพราะว่าในลักษณะอย่างนั้นก็คือการทำความดีเฉพาะตัว ถ้าจะเอาหลักที่ถูกต้องก็ต้องอย่างพระพุทธเจ้าที่ว่า ไม่รู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ไม่เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ไม่รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเราก็กินได้ เพราะต่อให้เราไม่กินเขาก็ยังฆ่ากันอยู่เป็นปกติ

หากเราเองต้องการจะดึงตัวให้พ้นไปเลย ก็เอาอย่างหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ ท่านฉันเจมาตั้งแต่เด็กเลย เพราะด้วยความที่วิสัยพระโพธิสัตว์ของท่านเมตตาสรรพสัตว์เป็นปกติ ขนาดตอนเป็นเด็กเข้าป่าไปหาพวกหัวเผือกหัวกลอย ไปเจอสัตว์ติดบ่วงอยู่ ท่านก็เอาพวกหัวเผือกหัวกลอยใส่ให้แทน แล้วปล่อยสัตว์ไป เพราะฉะนั้น...ถ้าเป็นเมตตาส่วนตัวเราก็ทำได้ แต่อย่าไปตำหนิคนอื่นเขา

ถาม : อย่างนี้ท่านที่กินเจ ควรกินอย่างไร ?
ตอบ : ท่านกินในลักษณะอย่างนี้แหละ ก็คือเพื่อความเมตตา ไม่ใช่กินแล้วก็ไปทะนงตนว่าเราบริสุทธิ์กว่า เราดีกว่า ถ้าลักษณะอย่างนั้นจะเป็นสีลัพพัตตุปาทาน ก็คือยึดมั่นในหลักปฏิบัติว่าของเราดีกว่า เหมือนอย่างกับพระบางสายในประเทศของเรา ซึ่งโอกาสที่จะหลุดพ้นมีน้อยมาก เพราะว่าไปยึดเสียแล้ว

เถรี
22-04-2018, 23:49
ถาม : ทำไมขุนหลวงพะงั่วไม่สามารถเอาเมืองสุโขทัยได้เหมือนพระยาลิไทได้ ?
ตอบ : ความสามัคคี พระยาลิไทได้ใจชาวบ้านสุด ๆ เพราะว่าพระองค์ท่านเสด็จออกบวช พูดง่าย ๆ คือชาวบ้านสมัยก่อนได้มอบกายถวายชีวิตให้พระศาสนา พระองค์ท่านเสด็จออกบวช พอสึกออกมาก็ทำนุบำรุงพระศาสนา ถึงขนาดเขียนไตรภูมิพระร่วง ต้องเรียนนานแค่ไหน ? สร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา เพราะฉะนั้น...ในเมื่อพระเจ้าอยู่หัวทำในสิ่งที่ชาวบ้านเขาเห็นว่าดี ทุกคนก็ทุ่มเทมอบกายถวายชีวิตให้ สามัคคีอย่างเดียวก็กินขาดแล้ว

รู้สึกว่าท่านจะบวชอยู่นานถึง ๘ เดือนกระมัง ? แต่ต้องบอกว่าเก่งมาก ๘ เดือนศึกษาถึงขนาดเขียนหนังสือได้เป็นเล่ม พระยาลิไทมีนามจริง ๆ ว่าพระเจ้าศรีทรงธรรมปิฎก บางคนก็เรียกพระร่วง บางคนก็เรียกพระยาลิไท

เถรี
22-04-2018, 23:53
ถาม : ขอความเมตตาช่วยด้วย จะขายที่ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ขายที่จะไปยากอะไร ก็ขายถูก ๆ ไปดูในกระทู้ท่านอาจารย์บ๊ะ ท่านจะบอกให้ไปไหว้พระที่ไหนก็ไปตามนั้นแหละ

เถรี
22-04-2018, 23:54
พระอาจารย์กล่าวว่า "แถวปทุมธานี นนทบุรี เกจิอาจารย์จะมีเชื้อสายมอญ ส่วนใหญ่แล้วเก่งมาก ๆ

พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว เพราะฉะนั้น...ชื่อเมืองเก่ากับชื่อเมืองใหม่ต้องแยกให้ออก ปทุมธานีก่อนนั้นคือเมืองสามโคก แบบเดียวกับพระนครศรีอยุธยาก็คืออโยธยา พิษณุโลกก็สองแคว สระบุรีก็ปากเพรียว ลพบุรีก็ละโว้ อ่างทองก็วิเศษไชยชาญ"

เถรี
22-04-2018, 23:57
"ช่วงแผ่นดินอยุธยาในบุพเพสันนิวาส เป็นช่วงที่การค้ากับต่างชาติของเรารุ่งเรืองที่สุด แม้กระทั่งในการรับราชการของเราก็มีกองอาสาทหารญี่ปุ่น กองอาสาทหารโปรตุเกส แล้วก็มีพวกทหารอาสาแขกอิสลาม

ปัจจุบันอิสลามรุ่นนั้นก็อยู่แถวคลองตะเคียนอยุธยานั่นแหละ ต้องบอกว่าแขวนพระกันแทบทุกคน ไม่มีอะไรอย่างน้อยก็ต้องมีตะกรุดของหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช สมัยก่อนนี่เล่นกริ่งคลองตะเคียนกันหมดเลย มาระยะหลังราคาดีก็ปล่อยกันหมด ไปใช้ตะกรุดหลวงปู่เทียมแทน"

เถรี
24-04-2018, 08:45
สนทนากับพระ "ความจริงตำแหน่งวิชาการมีไปก็ไม่ได้เพิ่มอะไรขึ้นมา จะว่าไปแล้วสำคัญตรงที่เราทุ่มเทให้กับลูกศิษย์ของเรามากกว่า อาตมาเองเป็นอาจารย์คนเดียวที่ไปนั่งรอลูกศิษย์ในห้องเสมอ ตั้งแต่สมัยเรียนมาถึงสมัยสอนถ้าตรงกับวันเรียนวันสอนจะไม่รับกิจนิมนต์เลย สำคัญแค่ไหนก็ไม่รับ ยกเว้นอย่างเดียวว่างานหลวง ถ้างานหลวงไม่รับนี่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ไปไม่ได้ งานอื่นจะไม่รับกิจนิมนต์เลย

จนกระทั่งอาจารย์ท่านถามว่า "นี่ไม่รู้จักใครเลยหรือ ? ไม่เห็นใครเขานิมนต์" บอกว่า "เขานิมนต์แต่ไม่ไปครับ" สมัยนี้ครูบาอาจารย์เขาให้ทำงานเอกสารเสียมาก จนกระทั่งเวลาเตรียมการสอนก็ไม่ได้เต็มที่

การเรียนจบปริญญาเอกดีอยู่อย่าง คือ ทำให้รู้ว่าเรารู้อยู่นิดเดียวจริง ๆ เพราะว่าเราจะรู้ลึกอยู่เรื่องเดียวที่เราทำ เรื่องอื่นถ้าไม่ขวนขวายเองก็ได้แค่นั้นแหละ"

เถรี
24-04-2018, 08:59
ถาม : ย้ายที่อยู่ใหม่ ควรจัดอะไรถวายท่านเจ้าที่ค่ะ ?
ตอบ : พานดอกไม้ธูปเทียน ใส่หมากพลูบุหรี่ไปด้วย พร้อมกับสตางค์ ๑ บาท เอาไปตั้งไว้มุมใดมุมหนึ่งของบ้าน บอกเจ้าที่เขาว่าลูกขออนุญาตมาอยู่ด้วย ขอให้ช่วยปกปักรักษาดูแลให้ครอบครัวนี้อยู่เย็นเป็นสุข แล้วเราทำบุญอะไรให้เขาโมทนาด้วย

ถาม : เจ้าที่แรงค่ะ ?
ตอบ : เจ้าที่ยิ่งแรงเท่าไรยิ่งดีกับเราเท่านั้น อาตมากลัวเจ้าที่ไม่มาหา นี่เจ้าที่มาหาแล้วกลัว ถ้าเจ้าที่ไม่มาหานี่ก็คือเราโดนเมิน..!

เถรี
24-04-2018, 09:04
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนหน้าวันที่ ๕ พฤษภาคม ทำบุญบ้านครั้งที่ ๒ เพราะว่าท่านผู้เป็นกำลังใหญ่ในการสรรหาบ้านเติมบุญ ก็คือคุณณัฐพล สุขวัฒนศิริ เกิดเดือนพฤษภาคม ก็เลยบอกว่าคุณทำบุญวันเกิดเดือนนี้ไปก็แล้วกัน

วันทำบุญบ้านอย่างของบ้านวิริยบารมีเราทำบุญปลายเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นเดือนที่บ้านเสร็จเรียบร้อยพร้อมเปิดใช้งาน ส่วนของทางด้านบ้านอนุสาวรีย์ฯ ที่ผ่านมา อาตมาทำบุญวันเกิดโยมแม่ ถึงเวลาก็เลี้ยงวันเกิดแม่ ให้แม่ได้ประเคนอาหารพระ เจอพระมา ๒๐-๓๐ รูปก็ประเคนกันเข้าไป อย่างน้อยคนแก่ได้ทำบุญ จิตใจเกาะยึดบุญกุศลอยู่ พักเดียวโยมแม่ก็ตายครบ ๑๐ ปีแล้ว ถ้าอยู่ปีนี้ก็จะอายุ ๙๕ ปี

วันก่อนไปงานศพคุณแม่จ้าย วงษ์ไทยผดุง โยมแม่ของพระครูโสภิตปัญญากร เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) จังหวัดระยอง นั่นเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน โยมแม่ท่านอายุ ๙๓ ปี ก็เลยยังเป็นที่ขำ ๆ อยู่ว่า ตกลงว่าแม่เราแก่กว่า แต่แม่ตายก่อน ตายตอน ๘๕ ถ้าอยู่มาถึงปีนี้ก็ ๙๕ ปี"

เถรี
24-04-2018, 09:09
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาสร้างบันไดขึ้นรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน คราวนี้น่าจะเปิดขึ้นนมัสการอย่างเป็นทางการประมาณช่วงปลาย ๆ เดือนมิถุนายน เหตุที่ต้องรอเวลานั้นเพราะว่าบันไดพันกว่าขั้น ถ้าขึ้นประมาณเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมก็ได้เป็นลมตายกันพอดี เพราะว่าอากาศร้อนมาก

แจ้งทางด้านนายอำเภอกับนายกเทศมนตรีไว้แล้วว่า เมื่อถึงเวลาเปิดจะเชิญท่านมาร่วมงานด้วย เพิ่งแจ้งไปได้ไม่ถึงชั่วโมง นายอำเภอส่งหน้าห้องมา บอกว่าขอรายละเอียดหน่อยครับ จะได้ทำหนังสือเชิญหัวหน้าหน่วยราชการทั้งหมดมาร่วมงานด้วย เรียนท่านไปว่า “เหลืออีกตั้งสองเดือนกว่า กลัวว่าเขาจะลืม รอใกล้ ๆ ก่อนก็แล้วกัน” นายอำเภอท่านใจร้อนกว่า ...(หัวเราะ)..."

เถรี
25-04-2018, 19:57
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระทองคำจาก ๒๑ นิ้ว ช่างขอลด ๒ นิ้ว เพราะว่าขนาดจะได้เข้ากับสถานที่ ต้องขออภัยญาติโยมบางท่านตั้งใจสร้างพระ ๒๑ นิ้ว แล้วขาดหายไป ๒ นิ้ว แต่ดีตรงที่ว่าเราใช้ทองคำน้อยลง ขนาดน้อยลงยังราคาร้อยกว่าล้านบาท"

เถรี
25-04-2018, 20:08
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำลังจะออกวัตถุมงคลใหม่ ตอนนี้ของเก่าจะหมด ของใหม่เป็นผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวเวสสุวรรณนี่พวกยันต์พวกคาถาทำตามตำราหลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ ซึ่งท่านศึกษามาจากหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ท่านอุตส่าห์เขียนลายไว้ให้งามสุด ๆ อาตมาก็เลยเลียนแบบตาม แต่ขอโทษ...ท้าวเวสสุวรรณท่านบอกว่า อย่าย่อเข่าได้ไหม ? ท่านเมื่อยแล้ว ก็เลยต้องเปลี่ยนเป็นท่ายืนตรงแทน

ปกติถ้าท่ายักษ์ต้องย่อขาใช่ไหม ? นี่ไม่เลย ยืนตรงเลย เป็นท้าวเวสสุวรรณที่ไม่เหมือนใคร "กี่คน ๆ ก็ให้ย่อ กูเมื่อยแล้ว" ท่านให้ทำตั้ง ๑๐,๐๐๐ ผืน โอ้พระเจ้า...ต้องรอดูตอนเสกว่าท่านให้อะไรพิเศษ แต่คาดว่าต้องมี ไม่อย่างนั้นคงไม่สั่งเยอะขนาดนั้น

ตอนแรกอาตมาทำเหรียญรอยพระพุทธบาท ให้อาจารย์แบงก์ออกแบบ อาจารย์แบงก์ถามว่าจะใส่รูปใครข้างหลัง ? ท้าวเวสสุวรรณมาบอกว่าเอารูปท่านก็แล้วกัน เพราะว่าท่านเป็นเทพพิทักษ์พระพุทธศาสนาอยู่ด้วย ไป ๆ มา ๆ อาจารย์แบงก์ทำมาสวย เสียดายแบบ เพราะว่าย่อลงในเหรียญแล้วไม่ชัด เลยทำผ้ายันต์ไปเลย ผืนเท่าครึ่งแผ่นกระดาษ งานเป่ายันต์ฯ นี้น่าจะออกได้"

เถรี
25-04-2018, 22:06
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้โครงการใหญ่ที่อาตมาจะเปิด ก็คือ ประกวดมารยาทไทยในโรงเรียน พูดง่าย ๆ ก็คือ คนแปลกหน้าตั้งแต่เดินเข้าประตูโรงเรียนมา จะได้รับการต้อนรับขับสู้ขนาดไหน ? มีการแสดงออกอย่างไร ? เด็กจะกราบจะไหว้ถูกต้องตามแบบฝึกหรือไม่ ? จะใช้วิธีส่งคนไปโดยไม่ให้รู้ แล้วให้คะแนน ที่ ๑ ได้รางวัล ๓๐,๐๐๐ บาท ที่ ๒ ได้รางวัล ๒๐,๐๐๐ บาท ที่ ๓ ได้รางวัล ๑๐,๐๐๐ บาท มีหวังแย่งกันตายเลย..!

คราวนี้ของที่เน้นก็คือ ส่วนใหญ่ของโรงเรียนต้องทำได้ ส่วนใหญ่นี่ก็น่าจะต้องเกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป หรือถ้าใครได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ก็ยิ่งดี พูดง่าย ๆ ว่าเห็นคนแปลกหน้าเข้ามา เด็กต้องรู้จักเดินไปต้อนรับ ต้องรู้จักแนะนำตัว ถามเขาว่ามีธุระอะไร ? ต้องการจะไปหาใคร ? ต้องการจะดูสถานที่ไหม ? โรงเรียนตัวเองมีจุดเด่นอย่างไร ? ต้องบอกได้ เป็นการฝึกทั้งมารยาทและการเป็นมัคคุเทศก์ไปด้วย

๓๐ กว่าโรงเรียน ประกวดไปเถอะ...เดี๋ยวก็ได้รางวัลครบทุกโรงเรียนไปเองแหละ มีข่าวโรงเรียนอะไรนะ ? ที่ครูเขาให้เด็กได้ที่ ๑ ทั้งโรงเรียน ก็ความสามารถคนละอย่างกัน คนนี้เก่งที่สุดในเรื่องนี้ก็ให้ที่ ๑ ทางด้านนี้ เป็นแนวคิดที่ยอดมาก"

เถรี
25-04-2018, 22:08
"จริง ๆ แล้วการแข่งขันเป็นเรื่องที่ดี แต่บ้านเรามองแต่คนชนะ ไม่ได้มองคนแพ้เลย เคยไปนั่งที่บ้านโยม รายการแข่งขันอะไรมีเด็กหญิงอ้วน ๆ คนหนึ่งเรียกว่าชบาแก้ว แล้วคนที่ชนะคือคณะคนที่ค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่ เด็กคือเด็กจริง ๆ เลย น่าจะอยู่ประมาณ ป.๓ ป.๔ เท่านั้น พอถึงเวลาทุกคนก็ไปเฮอยู่กับคนชนะ แล้วนี่เป็นเด็กเล็กด้วย ถูกทิ้งอยู่คนเดียว

ถ้าหากว่าอาตมาเป็นคนชนะ คงโดดอุ้มเด็กไปด้วยเลย "ขอโทษนะ...เขาตัดสินให้พี่ชนะ แต่พี่ว่าหนูเก่งมากเลย คราวหน้าพยายามใหม่นะ" แต่นี่ทุกคนแห่ไปอยู่กับผู้ชนะหมด แล้วเขาจะรู้สึกอย่างไรในขณะที่ผู้แพ้แค่นิดเดียว ไม่ได้รับการเหลียวแลอะไรเลย

ดังนั้น...การแสดงออกแบบนั้นผิด เราต้องให้เกียรติคนแพ้เขาด้วย แต่ก็อย่างว่าแหละ...นี่คือโลก ถ้าทำได้อย่างใจเราทุกอย่างก็ทุกข์น้อย เดี๋ยวจะไม่อยากไปพระนิพพานกัน ดังนั้น...ต้องทุกข์ให้เยอะ ๆ หน่อย ไปหลบหลีกกันเอาเอง"

เถรี
25-04-2018, 22:11
ถาม : (จะขายตึก ขอคำแนะนำ)
ตอบ : ขายตึกจริง ๆ ไม่มีคำแนะนำนะ ถ้าเราขายถูกหน่อยก็ขายได้ เพียงแต่ว่าเราอยากได้ราคาที่เราต้องการ...ใช่ไหม ? ลองไปบนเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ดู ไปหาวิธีบนในอินเตอร์เน็ต บนขอให้ท่านช่วยขายตึกได้

เถรี
25-04-2018, 22:12
พระอาจารย์กล่าวว่า "อย่าขี้โมโห ขี้โมโหแล้วหน้าจะเหี่ยวเร็ว"

เถรี
25-04-2018, 22:20
พระอาจารย์กล่าวว่า "ทุกอย่างอยู่ที่ใจของเรา ถ้าใจสู้ก็สู้ได้ทุกเรื่อง ถ้าใจไม่สู้ก็เฉา บาลีบอกว่า มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา ทุกสิ่งทุกอย่างมีใจเป็นหัวหน้า เริ่มต้นที่ใจ สูงสุดที่ใจ สำเร็จก็ที่ใจ ถ้าเราคิดว่าทำได้สู้ได้ ก็ทำได้ ถ้าคิดว่าไม่ได้ ๆ ก็ท้อถอยตั้งแต่แรก ไม่มีความพยายาม ลักษณะเหมือนมืออ่อนตีนอ่อนตั้งแต่แรก แล้วจะไปทำงานหนักได้อย่างไร ต้องประเภทคนอื่น ๑๐ นิ้วเท่ากัน เขาทำได้เราก็ต้องทำได้

ต้องไปดูไอสไตน์ สุดยอดอัจฉริยะของโลก ตอนเด็ก ๆ ถูกครูไล่ออกจากโรงเรียน แต่ไอสไตน์ไม่รู้ ครูส่งจดหมายไปถึงแม่ แม่เห็นนี่น้ำตาคลอเลย ลูกก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แม่บอกว่าครูส่งจดหมายมาบอกว่า "ลูกเป็นคนที่พิเศษมาก ความรู้ของครูไม่มากพอที่จะสอนได้ ฉะนั้น..ให้แม่สอนลูกที่บ้านเอง" ไอสไตน์ก็อ๋อ...ที่แท้เราเป็นคนพิเศษ เราเป็นคนเก่งมาก จึงตั้งหน้าตั้งตาเรียน จนกระทั่งกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในที่สุด

แต่วันที่แม่ตาย เขาไปค้นเจอจดหมายฉบับนั้น ที่บอกว่า "ลูกของคุณโง่เกินกว่าที่โรงเรียนจะรับได้ ฉะนั้นเอากลับบ้านไปเถอะ" คือไอสไตน์เป็นคนชอบคิดหาเหตุหาผล ถึงเวลาถามอะไรก็ไม่ตอบ ในสายตาครูจึงเป็นแค่เด็กเหม่อลอย"

เถรี
25-04-2018, 22:21
พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงฝนฟ้าก็ตกตามฤดูกาลของเขานั่นแหละ ช่วงนี้เป็นช่วงฝนชะลาน ฝนชะช่อมะม่วง แล้วต่อด้วยฝนสงกรานต์ เพียงแต่ว่าความผิดเพี้ยนของอากาศทำให้ตกมากกว่าปกติ แต่คราวนี้กำลังใจพวกเราประเภทไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ก็เลยมาทุกข์กับธรรมชาติ ทั้งที่เป็นของธรรมดา"

เถรี
26-04-2018, 23:58
ถาม : (ที่ไปยุโรปแล้วถึงเร็วผิดปกติ)
ตอบ : โดนผีติดจรวดให้ อาตมาช่างสังเกตก็เลยรู้ตัว คนไม่ช่างสังเกตจะไม่รู้เรื่องเลย แบบเดียวกับที่ไปทองผาภูมิครั้งแรก ๆ บอกกับคณะว่า "เฮ้ย...ถึงเร็วผิดปกติ ช่วยกันเล็งดูหน่อยว่าหลักกิโลเมตรตอนนี้กิโลเมตรที่เท่าไร" เป็นหลักอีก ๒๐ กิโลเมตรถึงทองผาภูมิ ปรากฏพอวิ่งไป หลักต่อไปเหลือ ๑๒ กิโลเมตรถึงทองผาภูมิ หายไปช่วงละ ๘ กิโลเมตรเลยนะ ลองคิดดูว่าเขาช่วยได้ขนาดนั้น คนทั้งรถตู้ช่วยกันมองนะ ถ้าเป็นแบบนี้ต้องลองสังเกตดู

ตอนไปยุโรปนั้นอาตมาลืมไปว่าเพล ส่วน "ท่าน" ไม่ลืม ก็พยายามช่วย ๑๕ กิโลเมตร ๓ นาที นาทีละ ๕ กิโลเมตร ตก ๓๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง บินไปหรืออย่างไร ? ปรากฏว่าอีกช่วงหนึ่งเร็วกว่านั้นอีก ความเร็วรถดูเหมือนกับปกติ แต่ทางเหมือนกับหายไปช่วงใหญ่

วันก่อนออกจากหาดใหญ่ เครื่องบินดีเลย์ บอกกับเจ้าที่ว่าเครื่องบินดีเลย์เท่าไรไม่ว่า แต่ต้องถึงตรงเวลา ท่านก็ช่วยได้ถึงตรงเวลาเป๊ะเลย แล้วที่จากอินโดนิเซียไปสิงคโปร์ เจ้าพ่อประคุณไปถึงก่อน ๒๐ นาที คนไปรับวิ่งกันตับแลบ ถึงได้บอกว่าให้กัปตันเรือไปขับเครื่องบินก็อย่างนี้แหละ ...(หัวเราะ)...

เถรี
27-04-2018, 00:02
ถาม : ปรอทสึกครับ ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ ปรอทจะสึกไปเรื่อย ๆ เพราะว่าจะซึมเข้าไปในตัวของเรา

ถาม : สรุปว่าปรอทสำเร็จดีหรือไม่ดี ?
ตอบ : ถ้าเป็นปรอทสำเร็จก็ดี แต่ถ้าประเภทปรอททั่วไปมีแต่จะร้าย เพราะว่าพิษยังไม่หมด ปรอทสำเร็จเขาฆ่าพิษมาแล้ว

ถาม : ช่วยด้านไหนครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ช่วยป้องกันพวกโรคภัยไข้เจ็บ ไปอยู่ในที่ที่คนอื่นเขาป่วยกันง่าย ๆ เราจะไม่ค่อยเป็น

เถรี
27-04-2018, 00:08
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่จองไม้ครูวัดท่าขนุนรุ่นนี้เอาไว้ ถือว่าโชคดีสุด ๆ เพราะอาตมาไปค้นเจอผงสร้างพระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวเข้าพอดี ปกติเวลาข้าวของเยอะ ๆ ยัดไว้ที่ไหนหาไม่เจอหรอก คราวนี้พอจะบรรจุไม้ครู ก็หาผงครูบาอาจารย์ต่าง ๆ มาเพื่อที่จะบรรจุ จึงไปเจอเข้า ทั้ง ๆ ที่เก็บจนลืมไปแล้ว

ผงนี้เป็นของก๋งพ้ง แซ่โค้ว หรือที่เปลี่ยนนามสกุลเป็นไทยว่าบัวขม คนบ้านหนองบัวนามสกุลจะเกี่ยวข้องกับบัวหมด จะใบบัว ดอกบัว ก้านบัว ฝักบัว อะไรก็ช่าง ต้องมีบัวสักคำ คราวนี้ก๋งพ้งรับใช้หลวงปู่ยิ้มอยู่ในสมัยนั้น เป็นคนช่วยพิมพ์พระปิดตาหลวงปู่ยิ้มด้วย ได้เก็บผงส่วนหนึ่งเอาไว้

คราวนี้ทางด้านหลานหรือเหลนก็บอกไม่ถูก คือ พลตรีละเอียดรัช เกิดศรัทธาอะไรอาตมาไม่รู้ เอาผงมาถวายให้ ๒ ขวด ส่วนอีกผงหนึ่งเป็นผงโลหะ ผงโลหะเขาไปตะไบพระแสงคู่พระหัตถ์ของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (วังหน้าพระยาเสือ) มา ความจริงคณะที่เขาไปเอามาตั้งใจให้อาตมาสร้างมีดหมอ แต่อาตมาดูท่าจะเลิกสร้างมีดหมอแล้ว เลยเอามาบรรจุไว้ในไม้ถือแทน

ต้องบอกว่าไม้ครูที่ทำได้ไม่กี่อันเพราะว่าจำกัดด้วยวัสดุ ต้องขออภัยท่านที่อยากได้แล้วไม่ได้ ตอนนี้เห็นว่าราคาประมูลใบจองกันขึ้นกระฉูดเลย ขนาดหัวท้ายชนวนที่อาตมาให้จองด้วยทองคำแท่ง ๕ บาท ตอนนี้มีคนบอกว่าถึง ๑๐ บาทก็สู้"

เถรี
27-04-2018, 00:09
พระอาจารย์กล่าวว่า "เป็นที่น่าเสียดายว่าแต่ละเดือนมีผู้ทำบุญกันเยอะมาก โดยเฉพาะการถวายทองคำ รายชื่อยาวเป็นหางว่าว ไม่สามารถเอามาแสดงให้ญาติโยมดูได้ เพราะว่าตั้งแต่เปิดโครงการมาจนถึงตอนนี้ รายชื่อทำบุญไม่ถึง ๑๐๐ หน้ากระดาษเอสี่ก็ใกล้เคียง"

เถรี
27-04-2018, 23:18
พระอาจารย์กล่าวว่า "พออาตมาอายุเหยียบ ๖๐ ปีก็ชำรุดหมดทั้งตัวเลย โดยเฉพาะฟัน ยังดีที่ท่านอาจารย์บ๊ะแนะนำยาสีฟันโบราณชื่อสีทนต์ สมัยก่อนมียาสีฟันวิเศษนิยมของคุณโยมแม่ผิน แจ่มวิชาสอน พวกเราเกิดไม่ทัน อาตมาเกิดทัน เขาผลิตยาสีฟันขายจนกระทั่งสร้างโรงเรียนคืนกำไรให้สังคม มารุ่นหลัง ๆ ก็มีคนทำกันต่อ ๆ มา

ทางด้านพระสายวัดป่าก็ทำยาสีฟันตามตำรับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม ยาสีฟันของท่านจะมีส่วนผสมของสารส้ม ซึ่งสารส้มจะทำให้เนื้อรัดตัว ทำให้เหงือกแน่น ตอนนี้อาตมาต้องใช้อยู่ ไม่อย่างนั้นกลัวเขี้ยวแก้วจะหลุด

มีบุคคลบางประเภทที่จะมีเขี้ยวขึ้นที่เพดานปาก โบราณเรียกว่าเขี้ยวแก้ว ถือว่าเป็นของเฉพาะตัว อาตมาเองก็ไม่รู้หรอก ตอนเด็ก ๆ ตกใจว่าทำไมฟันขึ้นที่เพดานปาก ไม่เหมือนชาวบ้านเขา พอฟันน้ำนมตรงเขี้ยวหลุด ซี่นี้ค่อย ๆ เลื่อนมาแทนเขี้ยวที่หลุดไป เออ...เขาก็หาที่ลงของเขาได้เหมือนกัน

พอวัยรุ่นซ้อมมวยกับพระครูแสง ตอนนั้นก็ยังวัยรุ่น ศึกษาวิชาการสารพัด ศึกษามวยไทยหมัดเท้าเข่าศอกแถมศีรษะด้วย ออกอาวุธกันอุตลุด พระครูแสงเป็นคนชอบประยุกต์ ที่เขาศอกกลับลักษณะปลาดุกยักเงี่ยง แกไม่ทำหรอก แกหมุนตัวตีจากล่างขึ้นบนลักษณะที่เขาเรียกศอกสอยมะม่วง

อาตมาเองเห็นเข้าแต่กันไม่ทันแล้ว ไขว้มือกันไม่ทัน เพราะถ้าไม่ได้รับตั้งแต่ต้น น้ำหนักมือไม่พอที่จะกดศอกเขาอยู่ เขาก็ตีผ่าเข้าปลายคางพอดี ด้วยความที่รับไม่ทัน ฟันล่างกระทบฟันบน เขี้ยวบิ่นไปหน่อย เลยเหลือเขี้ยวแก้วบิ่น ๆ อยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งไปหาหมอฟันให้เขากรอให้"

เถรี
27-04-2018, 23:24
"พระที่รู้จักมีอยู่รูปหนึ่ง คือ หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว วัดเขาแหลมทางปราจีนบุรี ท่านบอกว่าวัตถุมงคลของท่านเอาปืนไปลองได้เลย เพราะท่านจับเขี้ยวแก้วเสกทุกครั้ง มั่นใจเรื่องอยู่ยงคงกระพัน อาตมาเป็นทหารก็อยากลองอยู่แล้ว ตอนเป็นทหารอยู่ที่วัฒนานคร ๓ เดือน อยู่ที่อรัญประเทศ ๓ เดือน อยู่ที่ตาพระยาเกินระยะกำหนดคืออยู่ไป ๕ เดือนกว่า เพราะการรบติดพัน เปลี่ยนกำลังพลไม่ได้ ทางนั้นมีพระท่านมั่นใจว่าของเขาดีจริง แบกปืนไปลองได้เลย อาตมาก็ไป

ปรากฏว่าราคาตะกรุดของท่านแพงมาก สมัยนั้น ๘๐๐ บาท แพงก็แพงวะ ถ้าเหนียวจริงก็เอา ขอลองหน่อย เปรี้ยงเดียวเกือบขาดครึ่ง...! อาตมาลืมไปว่าหลวงปู่มีเขี้ยวแก้ว อาตมาก็มี และที่มีมากกว่าหลวงปู่คือลายมือคัดของ ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า ลายมือแบบนี้เหนียวแค่ไหนก็ยิงออก หลวงปู่กาหลงเลยเสียของฟรี ๘๐๐ บาทก็ไม่ได้ แต่ว่าตะกรุดดอกนั้นอาตมาเก็บกลับมา จนกระทั่งไปเจอวัดที่เขาหล่อพระ ก็หย่อนลงเบ้าหล่อพระไปด้วย ของท่านอาจจะดีจริง แต่ไปเจอคนที่บ้าเกินชาวบ้านเลยกันไม่ได้"

เถรี
27-04-2018, 23:35
"หลวงพ่อวัดท่าซุงสมัยที่ท่านขึ้นจากเรือรบแล้ว เพราะเรือไปโดนฝรั่งเศสยิงจมที่เกาะช้าง ท่านไม่มีเรือประจำการ ทางด้านกรมตำรวจเห็นว่าหลวงพ่อ ๓ ท่านมีฝีมือ ก็ขอตัวจากทหารเรือข้ามเหล่ามาเป็นมือปราบให้กับทางกรมตำรวจ หลวงพ่อท่านมีคาถาคัดของ ผู้ร้ายต่อให้เหนียวแค่ไหนก็ยิงออก อาตมาเรียนมาก็จริงแต่ไม่เคยใช้

หลวงพ่อท่านบอกว่า ท่านมีลายมือคัดของด้วยและมีคาถาคัดของด้วย ไปเจอผู้ยิ่งใหญ่ที่อยุธยา คนนี้ไม่ใช่โจรแต่เท่ากับเป็นคนสนับสนุนโจรทั้งหลาย ก็คือถ้าโจรขโมยควายบ้านไหนไป ก็จะมาบอกกับเขาไว้ว่าเอาไปไว้ทางด้านไหน ถ้าเจ้าทรัพย์มาตาม ให้บอกว่าเอาค่าไถ่เท่าไร ถ้าเขายอมจ่ายค่าไถ่ก็ให้บอกว่าเอาควายไปซ่อนไว้ที่ไหน กลายเป็นว่าตัวเองไม่ใช่โจรแต่เป็นเจ้าพ่อโจรเลย

ตำรวจจะปราบก็ทำไม่สำเร็จเพราะไม่ว่าจะหลับจะตื่น จะยืนจะนั่ง ยิงเขาไม่ออกทั้งนั้น พ่อเจ้าประคุณก็ไม่มีอะไรหรอก ถือดาบอยู่บนชานเรือน กวักมือเรียก แน่จริงให้ขึ้นมา ตำรวจกูก็จะฟันให้ขาด ๒ ท่อน แล้วตำรวจที่ไหนจะขึ้นไปเล่า ? กรมตำรวจเห็นหมดท่า ก็ไปขอให้หลวงพ่อไปช่วยจัดการให้หน่อย หลวงพ่อท่านไป เห็นปุ๊บก็รู้เลยว่าคนนี้ฆ่าไม่ได้ จึงอยากได้ตัวมาใช้งาน"

เถรี
27-04-2018, 23:41
"พอไปที่รั้วบ้านก็มีเสียงตะโกนถามว่า "ไอ้หนูมาทำไมวะ ?" หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า "ขอเลือดลุงเซ่นปืนหน่อย" เล่นเอาเจ้าพ่อหัวเราะ บอกว่า "ถ้ามึงยิงกูให้เลือดออกได้แค่แมลงวันกินอิ่ม จะให้กูทำอะไรกูก็ยอม" หลวงพ่อท่านบอกว่า ตามบุญกุศลที่รักษาเขา อย่างไรเราก็ฆ่าเขาไม่ได้ แต่ถ้ายิงให้เลือดออกนี่ได้

หลวงพ่อท่านก็ชักปืนยิงเฉียดสะโพกไปแค่เลือดออก เจ้าพ่อก็เลยต้องยอมวางดาบกราบ เขาบอกว่าเขายอมตั้งแต่ยิงออกแล้ว ไม่ต้องให้เลือดออกก็ยอม เพราะปกติแล้วไม่มีใครยิงออก จะหลับจะตื่นยิงไม่ออกทั้งนั้น หลวงพ่อก็เลยชวนให้เป็นข้าราชการตำรวจ ปราบบรรดาเสือปล้นแทน เพราะว่ารู้เส้นสายดีที่สุด

เป็นตำรวจขึ้นมา พูดคำเดียวลูกน้องก็ต้องเลิกปล้น ถ้าไม่เลิกก็เจอกับลูกพี่ตัวเอง ตอนหลังจำได้ว่าได้ราชทินนามเป็นร้อยตำรวจเอกขุนบำราบปรปักษ์ ก็ถือว่าเป็นนายตำรวจมือดีของทางกรมตำรวจทีเดียว

ตรงจุดนี้หลวงพ่อท่านบอกว่า นอกจากใช้คาถาแล้วท่านยังมีลายมือคัดของด้วย ส่วนอาตมาเองก็ลืมไปว่าตัวเองมีเขี้ยวแก้วแบบหลวงปู่กาหลง แล้วยังมีลายมือคัดของอีกด้วย หลวงปู่ก็เลยเสียของฟรี

ส่วนอีกท่านหนึ่งคือครูบาอาจารย์ของครูบาอาจารย์ คือหลวงปู่โหน่ง วัดคลองมะดัน หลวงปู่โหน่งมีเขี้ยวแก้วขึ้นที่เพดานเหมือนกัน ตอนแรกไม่มีใครรู้หรอก พอท่านอายุมากแล้วฟันเริ่มหลุด ฟันคลอนก็ปวด ก็ขอให้พระลูกวัดช่วยถอนฟันให้ พอท่านอ้าปากให้ถอนพระลูกวัดเห็นถามว่า "อะไรที่เพดานปากหลวงพ่อ ?" เลยโดนหลวงพ่อโหน่งตบกบาลบอกว่า "หุบปากไว้ อย่าเสือกไปบอกใคร" พระที่ไปถอนฟันให้ท่านบอกว่า เป็นฟันลักษณะเหมือนกับเม็ดข้าวโพดติดอยู่ที่เพดานปาก"

เถรี
27-04-2018, 23:52
"อาตมาจึงสรุปได้ว่าเราไม่ได้บ้า ตอนเด็ก ๆ ตกใจมากว่าทำไมฟันขึ้นที่เพดานปาก เรื่องของเรื่องที่เล่าให้ฟังก็ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้แก่แล้วไม่รู้ว่าจะหลุดไปเมื่อไร ถึงเวลาหลุดแล้วจะเอามาให้ประมูลกัน ...(หัวเราะ)...

คนที่ได้ฟันอาตมาที่หลุด ๒ ซี่ไปคือหมอฟัน หมอถอนเสร็จแล้วไม่คืนด้วย เป็นหมอที่อุทัยธานี ด้วยความที่อาตมาเข้าใจผิดเพราะว่าฟันผุ หมอบอกต้องรักษารากฟัน ลำบากหน่อยเพราะต้องไปบ่อย อาตมาไม่ค่อยมีเวลา และคิดว่าฟันน้ำนมของเราตรงส่วนนี้ยังไม่เคยหลุด ถอนแล้วน่าจะขึ้น ลืมไปว่าตัวเองอายุ ๒๐ กว่าแล้ว จะไปขึ้นอะไร จำไว้ว่าถ้าอายุเกินเกณฑ์แล้ว ฟันน้ำนมต่อให้ไม่หลุดก็กลายเป็นฟันแท้ไปแล้ว

บางคนพออายุมาก ๆ เข้าเหมือนกลับไปเป็นหนุ่มอีกที มีบางคนมีฟันชุดที่ ๒ ที่ ๓ ด้วย อาตมาถ้าอยู่จนถึงฟันชุดใหม่ขึ้นก็คงต้องตะบันน้ำกิน

อาตมาเป็นคนอายุสั้น ตายตั้งแต่ยังไม่ทันจะบวช ในอดีตหลวงพ่อฤๅษีท่านบอกว่า อาตมาเป็นทหารฆ่าเขามาทุกชาติ กรรมปาณาติบาตหนักมาก แต่ปรากฏว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่รอดต่อมาได้ ตอนนี้กำลังรออยู่ว่า ถ้าหมดอายุราชการแล้วไม่เซ็นต่อก็หมดเรื่องไป หลวงปู่ปานมรณภาพตอนอายุ ๖๓ ปีเองนะ อาตมาเหยียบ ๖๐ ปีแล้ว ขออย่าให้อยู่เกินหลวงปู่เลย เบื่อเต็มทีแล้ว"

เถรี
03-05-2018, 09:23
ถาม : พวกคำสอนของพระพุทธเจ้าเราเอาไปพิมพ์บนเสื้อขาวจะเหมาะสมไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าเป็นหนังสือก็พอไหว เพราะว่าเป็นธรรมทาน แต่พิมพ์ที่เสื้อนี่ไม่แน่ใจ เพราะว่าไม่ใช่สถานที่อันเหมาะสม เกิดเอาไปซักปนกับของต่ำก็ยุ่งอีก

ถาม : เสื้อกระโถนข้างธรรมมาสน์มีธรรมทาน ?
ตอบ : กระโถนข้างธรรมมาสน์มีอะไร ? เกี่ยวอะไรกับหลักธรรม ? ที่เราว่ามาก็คือที่เอาธรรมะพระพุทธเจ้าไปพิมพ์ติด

ถาม : แล้วถ้าเป็นเสื้อยันต์เกราะเพชรละคะ ?
ตอบ : เสื้อยันต์ก็แยกซัก

เถรี
03-05-2018, 09:24
ถาม :ทำงานไปด้วย และสวดคาถาเงินล้านไปด้วย ควรจะแบ่งเวลาอย่างไรบ้าง ?
ตอบ : เวลางานใจอยู่กับงาน เวลาว่างใจอยู่กับการภาวนา ถ้าหากว่าเวลางานนึกขึ้นมาได้จะภาวนาก็ไม่เป็นอะไร

เถรี
03-05-2018, 09:33
ถาม : คนที่สมัครหลายชื่อ หลาย ๆ ล็อกอินในเว็บบอร์ด ผิดศีลธรรมหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่ได้เอาไปโกงชาวบ้านเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่ตัวตนจะมากขึ้น กลายเป็นยึดติดมากขึ้น

ถาม : อย่างตั้งชื่อหลายชื่อเพื่อมากดถูกใจในเพจหน้าร้านมาก ๆ จะได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่ได้ทำให้คนอื่นเสียผลประโยชน์ก็ไม่ผิด ถ้าหากว่าเสียผลประโยชน์ ก็เข้าข่ายหลอกลวง

ถาม : ก็คือ เราได้รายได้จากการที่คนเข้ามากดถูกใจเยอะ ?
ตอบ : ถ้าปัญญานิ่มไปเชื่อเขาก็ช่วยไม่ได้หรอก

เถรี
03-05-2018, 09:44
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีเฟซบุ๊กไปลงว่ามีรูปหล่อพระองค์ที่ ๑๑ ขนาดหน้าตัก ๕ นิ้ว ที่สร้างโดยพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุนจำหน่าย ขอยืนยันว่าพระองค์ที่ ๑๑ ของวัดท่าขนุน ขนาดหน้าตัก ๑๐ นิ้วถ้วน ๆ แล้วตอนที่สร้างก็แจกฟรีด้วย ฉะนั้น...อะไรที่เกิดขึ้นให้หาข่าวให้ดีก่อน อย่าเพิ่งไปถือมงคลตื่นข่าวแล้วก็เสียเงินให้เขาฟรี ๆ ตอนนั้นอาตมายังอยู่ที่เกาะพระฤๅษี พระครูแสงยังไม่ได้บวช ท่านมีศรัทธาสร้างรูปพระองค์ที่ ๑๑ เพื่อถวายให้อาตมาหาปัจจัยในการก่อสร้าง แต่อาตมาเองไม่นิยมการหาปัจจัยด้วยวิธีนั้น ก็เลยแจกฟรี

เรื่องของวัตถุมงคล ถ้าสงสัยหรือไม่รู้ว่ารุ่นไหนเป็นของวัด ให้เข้าไปดูในเว็บวัดท่าขนุน จะมีบอกไว้ ตั้งแต่รุ่นแรกที่อาตมาสร้างช่วงที่อยู่วัดท่าซุง ช่วงที่อยู่เกาะพระฤๅษี ช่วงที่อยู่วัดทองผาภูมิ จากนั้นท้ายสุดมาอยู่ที่วัดท่าขนุน ฉะนั้น...ถ้าคิดว่าองค์ไหนเป็นของวัดไปเปิดดูได้ มีบอกไว้ครบถ้วน องค์ไหนที่ไม่มีก็แปลว่าไม่ใช่ของทางวัด เป็นคนอื่นสร้าง”

เถรี
03-05-2018, 09:54
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันที่ ๒๑ เมษายนนี้ อาตมาจะไปพุทธาภิเษกที่กองทุนหลวงปู่ปาน อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ความจริงจะพุทธาภิเษกที่วัดบึงลาดสวาย ปรากฏว่าระเบิดลง ทางผู้จัดสร้างโดนเจ้าคณะภาคตำหนิ ก็เลยต้องย้ายที่ไปโน่น ย้ายข้ามจังหวัดไปเลย อาตมาก็ไม่ว่าอะไร เพราะว่าจะไปทางด้านโน้นหรือมาทางด้านวัดบึงลาดสวายก็ไกลพอกัน

วัดบึงลาดสวายเป็นวัดมอญ แต่เป็นวัดมอญที่สวดทั้งมอญ สวดทั้งไทย เวลาพี่น้องมอญรอบวัดนิมนต์พระก็สวดแบบมอญให้ ถ้าพี่น้องคนไทยนิมนต์พระก็สวดแบบไทยให้

พระเกจิอาจารย์สมัยก่อนที่มีชื่อเสียงดัง ๆ ของบ้านเราเมืองเราส่วนใหญ่มีเชื้อสายมอญเกือบทั้งหมด แม้กระทั่งหลวงปู่พุก วัดท่าขนุน ที่เขาถือว่าเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกก็เป็นมอญโพธาราม เพราะว่าตอนช่วงนั้นบรรดามอญย้ายตามพระมหาเถรคันฉ่อง (ตอนหลังได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว) ย้ายตามมาเยอะมาก พอทางพระเจ้าแผ่นดินสั่งให้ครัวมอญไปอยู่ตรงโน้น ตรงนี้ ตรงนั้น บรรดาพระเถระต่าง ๆ ก็แยกย้ายกันไปเป็นหลัก เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้กับญาติโยม ก็เลยมีพระเถระเชื้อสายมอญอยู่มากมาย

ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่ในกรุงเทพฯ ของเราพระมอญก็เยอะมาก ที่โด่งดังระเบิดเถิดเทิงเลยก็อย่างพระพิมลธรรม (นาค) วัดอรุณราชวราราม ที่สร้างตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ถือเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทย นั่นก็พระมอญ วัดชนะสงครามเราคิดว่าเป็นวัดไทย แต่โบราณมาเป็นวัดมอญ ชื่อวัดตองปุ อยู่กลางกรุงเทพฯ เลย"

เถรี
03-05-2018, 09:58
"พระเถระทางมอญที่มีชื่อเสียง ส่วนใหญ่ก็มีความสามารถที่แท้จริง สืบทอดความรู้มาจากตำราของมหาเถรคันฉ่องหรือสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว โดยเฉพาะตำราการสร้างเบี้ยแก้ เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้วความรู้เหล่านี้ก็ถ่ายทอดมาจากตำรามอญแทบทั้งนั้น

ปัจจุบันนี้พี่น้องชาวมอญยังเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นมาก ถึงเวลามีงานแต่ละที อยู่ใกล้อยู่ไกลก็ไปถึงกันหมด อาตมาเองเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ไม่ว่าจะเป็นมอญ เป็นกะเหรี่ยง เป็นม้ง เป็นเย้า เป็นไทยอีสาน การแสดงออกก็ไม่เหนียวแน่นเท่ากับคนมอญ คนมอญนี่พูดถึงเรื่องรักชาติ รักพวกรักพ้องนี่เต็มที่ วัดไหนมีงาน ถ้าเจ้าอาวาสเป็นเชื้อสายมอญ เอ่ยปากคำเดียวนี่อยู่ไกลแค่ไหนก็ไป ถึงไม่มีสตางค์ไปก็เอาแรงงานไปช่วย"

เถรี
03-05-2018, 22:45
"พระเถระชาวมอญอีกรูปหนึ่งที่โด่งดังมาก ๆ เลย ก็คือ หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน สมัยก่อนท่านสร้างชูชกดังระเบิดเถิดเทิง เคล็ดลับอยู่ตรงที่ว่า ชูชกขออะไรใครไม่เคยพลาด จัดเป็นเมตตามหานิยมอย่างยิ่ง แม้แต่ลูกอันเป็นสุดที่รักอย่างกัณหาชาลี ชูชกก็ยังขอไปได้ ท่านเอาเคล็ดลับตรงนี้มาสร้าง

หลวงปู่รอดยังสร้างวัตถุมงคลอื่น ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตะกรุด เป็นสิงห์ มีกระทั่งเขี้ยวเสือแกะ มีกระทั่งงาช้างแกะ มีรูปพระอัครสาวก ทุกอย่างนี่ถ้าอยู่ในมือลูกศิษย์คนมอญไม่มีทางได้หลุดออกมาเลย เก็บเงียบหมด มีแต่ลูกศิษย์คนไทยที่เอามาปล่อยต่อ จึงพอที่จะมีของหมุนเวียนในตลาดบ้าง โดยเฉพาะชูชกของหลวงปู่รอด จนป่านนี้ยังไม่มีใครทำได้เสมอกับท่านเลย

ราชสีห์หลวงปู่รอดหรือสิงห์มหาอำนาจ ถามว่าดีตรงไหน ? บอกว่าเอาไว้พิทักษ์รักษาทั้งตัวเองและทรัพย์สินได้ดีมาก ๆ ขโมยเข้าวัดบางน้ำวนจะไปขโมยของ เจอสิงโตไล่ฟัดเปิดแน่บ ยังสงสัยว่าวัดนี้เลี้ยงสิงโตได้อย่างไร ถึงเวลาหลวงปู่รอดท่านก็เก็บเข้าย่าม"

เถรี
03-05-2018, 23:10
"แม้กระทั่งธรรมยุติกนิกายในประเทศไทยก็สืบที่สืบทางมาจากมอญ เพราะว่าพระมอญมีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก เพราะมีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ก็เลยทำให้เคร่งครัดในเรื่องของการปฏิบัติไปด้วย ในเมื่อมีความเคร่งครัดทั้งในเรื่องของศีล ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม จึงทำให้แต่ละท่านมีความสามารถพิเศษกันมาก สร้างวัตถุมงคลอะไรออกมาก็ขลังไปหมด

หลวงพ่อเทียน วัดโบสถ์ จ.ปทุมธานี พระที่ท่านสร้างถือว่าใช้แทนสมเด็จวัดระฆังได้เลย เพราะว่าท่านก็ลบผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห ผงมหาราช ลบผงทะลุกระดาน ผงหล่นลงพื้นเดินไปลงถาดเองได้อย่างกับฝูงมด บรรดาลูกศิษย์เห็นกันต่อหน้าต่อตา วัตถุมงคลหลวงพ่อเทียนอยู่ในมือใคร อย่าหวังเลยว่าจะหลุดออกมาง่าย ๆ"

เถรี
03-05-2018, 23:15
"อาณาจักรมอญสมัยก่อนคือสุธรรมวดี ศูนย์กลางอยู่ที่เมืองหงสาวดี หรือเมืองปะโก หรือที่คนไทยเรียกว่าพะโคในปัจจุบัน โดนพระเจ้าอโนรธา หรือที่คนไทยเรียกว่าพระเจ้าอนุรุทธมหาราชของอาณาจักรพุกาม ยกมาตีอาณาจักรแตก จับเอากษัตริย์มอญและราชินีมอญไปขังเอาไว้ที่พุกาม ตั้งแต่นั้นมามอญก็เสื่อมลง ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้มอญเรืองอำนาจมาก แทบจะครองสุวรรณภูมิทั้งหมด

แม้กระทั่งภาษาระหว่างมอญกับเขมรก็มีความเนื่องกัน โดยเฉพาะการพูดเร็ว และออกเสียง ร.เรือ ชัดเจน เขาบอกว่ามอญกับเขมรพูดกันนี่ น้ำลายกระเซ็นเป็นตัว ร.เรือ ส่วนพวกเราออกเสียงอย่างนั้นไม่ได้"

เถรี
03-05-2018, 23:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้คณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีมีหัวก้าวหน้า สร้างศูนย์กายภาพบำบัดสำหรับพระภิกษุสงฆ์โดยเฉพาะ อยู่ในบริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลวังด้ง ลงทุนลงแรงกันไปเยอะ ตอนนี้มีโอกาสได้ใช้งานกันแล้ว"

เถรี
04-05-2018, 09:21
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ? เชื่อไหมว่ารัฐบาลนี้อาตมาจำนายกรัฐมนตรีได้คนเดียว รัฐบาลที่มาโดยไม่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย อาตมาไม่จำเลย นายกรัฐมนตรีจะไม่จำก็ไม่ได้ เพราะว่าเป็นหัวหน้าคสช. ส่วนคนอื่น ๆ ใครเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอะไรบ้างไม่ต้องถาม...จำไม่ได้

ที่จำไม่ได้มี ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือหาผลงานไม่ได้ สักแต่ว่าเป็นรัฐมนตรีไปวัน ๆ ส่วนอีกอย่างก็คืออาตมาไม่ได้ดูโทรทัศน์ ในเมื่อไม่ได้ดูโทรทัศน์มา ๓๐ กว่าจะ ๔๐ ปีจึงไม่ค่อยจะรู้จักใคร ในเมื่อไม่รู้จักถึงเวลาคนที่ไปวัดก็ราคาเดียวกันหมด ไปวัดก็นั่งแปะกับพื้นเหมือนกัน

โดยเฉพาะที่น่าสงสารที่สุดก็บรรดาดารา อาตมาไม่รู้จักเลยจริง ๆ ถ้าไม่ดูโทรทัศน์ก็แปลว่าไม่ต้องรู้จักกัน บางทีเด็กวัดก็ตื่นเต้นวิ่งมาบอกว่าดาราคนโน้นมา ดาราคนนี้มา อาตมาก็ได้แต่ฟัง ๆ ก็ไม่รู้จักจริง ๆ ใครเป็นดาราถ้าไปวัดท่าขนุนก็โปรดทราบ เจ้าอาวาสไม่รู้จักคุณหรอก"

เถรี
04-05-2018, 09:24
"เมื่อปลายเดือนมีนาคม งานวันเกิดหลวงพ่อมณฑล ก็มีคุณสมบัติ บัญชาเมฆ หรือที่พวกเราเรียกกันว่า "พี่บัวขาว" ไปทำบุญ ในความรู้สึกของอาตมาก็คือบัวขาวต้องตัวใหญ่มาก เพราะเห็นว่าต่อยมวยรุ่น ๗๐ กิโลกรัม ปรากฏว่าตัวเล็กกว่าอาตมาตั้งเยอะ แปลว่าจะต้องฝึกซ้อมจนกระทั่งทั้งเนื้อทั้งตัวแทบจะเหลือแต่กล้ามเนื้อ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ตัวเล็กแบบนั้น

บัวขาวไปหาอาตมาที่วัด ๒ ครั้งแล้วไม่เจอ มาวันงานเจอกันในงาน อาตมาก็มีงานประชุมต่อ พอสวดมนต์เสร็จก็ไม่ได้ฉันเพล รับไทยธรรมแล้วก็บอกกับบัวขาวว่าขอตัวไปประชุมก่อน เพราะว่าต้องไปพิจารณาสำนักปฏิบัติธรรมที่ได้รับรางวัลดีเด่น จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะว่าเป็นกรรมการพิจารณา ขอตัวได้ก็วิ่งไปสำนักพุทธฯ จังหวัด ตอนเย็นกลับมาที่วัด พระท่านบอกว่าบัวขาวมาหาพระอาจารย์อีกแล้ว ไม่เจอตามเคย ลืมบอกเขาว่าประชุมกันที่สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ไม่ได้ประชุมที่วัด ลืมบอกไป

ส่วนที่เห็นก็คือ จริง ๆ แล้วบัวขาวเป็นคนมีสมาธิดีมาก เพราะว่าสวดมนต์จน ๑๑ โมง ๔๐ นาที บัวขาวนั่งฟังได้สบาย ตอนที่แกรำคาญก็คือมีแต่คนไปขอ "เซลฟี่" ด้วยความที่เป็นคนของประชาชน ถึงเวลาใครขอถ่ายรูปก็ต้องยิ้มให้ ต้องถ่ายรูปด้วย เขาบอกให้ตั้งการ์ดหน่อย ก็ตั้งการ์ดมวยให้เขาดู แล้วคิดดูว่าคนจะฟังพระสวดมนต์ ถึงเวลาก็โดนเรียกไปถ่ายรูปเป็นระยะ ๆ เป็นเราจะทำอย่างไร ?"

เถรี
04-05-2018, 09:26
พระอาจารย์เล่าว่า "เคยมีพระ ๓ รูปจากวัดพระธรรมกาย ได้ยินกิตติศัพท์ของพระอาจารย์เล็กแล้วเลื่อมใสมาก จะไปขออยู่ปฏิบัติธรรมด้วย พอเห็นที่นอนว่าเป็นเสื่อผืนหมอนใบ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ท่านขอลากลับเดี๋ยวนั้นเลย ตกลงว่าความเลื่อมใสในพระอาจารย์ยังไม่เพียงพอ

อย่างท่านเจ้าคุณปิงไปวัดก็เสื่อผืนหมอนใบเหมือนกัน ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นเขา ต้องบอกว่าพระวัดธรรมกายท่านลำบากไม่เป็น อยู่ในลักษณะโรงแรม ๕ ดาวเสียจนเคย ไปเจอโรงเตี๊ยมจิ้งหรีดอย่างของวัดท่าขนุนก็หนีกลับหมดเลย อาตมาก็ไม่ตำหนิเขา แต่อยากจะบอกว่า ถ้าเราลำบากไม่เป็น ไปที่ไหนก็ลำบากไปหมด ถ้าเราลำบากเป็น ไปที่ไหนก็สบายไปหมด"

เถรี
06-05-2018, 08:38
พระอาจารย์เล่าว่า "ช่วงนี้เป็นช่วงระยะเวลาแห่งการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ปกติเด็ก ๆ จะไม่อยากบวชกับวัดท่าขนุน เพราะว่าพระท่านตีจริง ๆ...! ปีที่แล้วมีบวชอยู่ ๗-๘ รูป แต่อาตมาตั้งกติกาเอาไว้ว่า ถ้าใครอาราธนาศีล อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตร และปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะได้ จะให้ทุนการศึกษารายการละ ๕๐๐ บาท สี่อย่างก็ได้ ๒,๐๐๐ บาท กลายเป็นว่าปีที่แล้วผู้ที่ไปบวชได้ทุนกันทุกคน ตั้งใจท่องจะเอาเงิน..!

ปีนี้ขยับพรวดขึ้นมาเป็น ๓๔ รูป คงอยากได้บ้าง ...(หัวเราะ)... ไม่รู้ว่าถ้าปีหน้าถ้ามาเป็นร้อยจะมีปัญญาจ่ายไหวไหม ? จาก ๗-๘ รูป กลายเป็น ๓๔ รูป แล้วจาก ๓๔ จะเป็นเท่าไร ? เขาก็แค่บอกเพื่อนเขาต่อเท่านั้นเอง

วันก่อนเณรทำบาตรตกทั้งใบเลย บอกแล้วว่าเณรต้องมีสติ ปรากฏว่าเณรมีสติ แต่บาตรไม่มีสติด้วย...! เพราะว่าเป็นบาตรสเตนเลส เณรผูกเชือกไม่แน่น พออุ้มไปนาน ๆ ก็หลวม พอหลวมแล้วเผลอก็หล่น บอกให้ไปรับรางวัลจากพระพี่เลี้ยง เณรทำท่าเหมือนจะตาย เณรวัดท่าขนุนไม่ต้องบอกอะไรมาก เพราะว่าเขารู้กิตติศัพท์เจ้าอาวาสดี

งวดที่ผ่านมาถ้าผิดตีคือตีจริง ๆ ถึงเวลาฉันเพลคุยกัน อาตมาบอกว่า "เอ้า..เณรรู้ไหมว่าถ้าเสียงดังแปลว่าอิ่มแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เลิกฉันเลยนะ" เงียบสนิท...! เพราะว่ายังต้องกินอยู่ คนกินอยู่ปากคุยไม่ได้ จึงต้องเงียบ ถ้าหากว่าคุยได้แปลว่าอิ่มแล้ว ก็ต้องเลิกกิน ไม่เห็นต้องสอนอะไรมากเลย ...(หัวเราะ)...

แต่เณรกินน่ากลัวมาก แต่ละรูปกินน่องไก่ทอดกระดูกเป็นจานเลย แต่หมาชอบ ถึงเวลาอาตมาก็กวาดกระดูกไปเลี้ยงหมา ๓๐ กว่ารูปบวช ๑๐ วันเป็นอย่างน้อย คาดว่าคงกินไปไม่หนี ๓๐,๐๐๐ - ๔๐,๐๐๐ บาท"

เถรี
06-05-2018, 08:42
"ความจริงอาตมาก็ให้เณรบิณฑบาตนะ แต่ให้สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป เพราะว่าเณร ๓๐ กว่ารูป บวกกับพระเข้าไปด้วย แถวหนึ่งก็ ๕๐-๖๐ รูป ไม่ไหวหรอก โยมเขาใส่บาตรกันไม่ไหว จึงให้แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม กลุ่มละ ๑๐ รูปแล้วก็เปลี่ยนกันไป ๒ กลุ่มทำความสะอาดวัด กลุ่มหนึ่งบิณฑบาต ก็เท่ากับว่าบิณฑบาตหนึ่งวันเว้นสองวัน ตลอดโครงการก็บิณฑบาตได้แค่ ๓-๔ ครั้ง ไม่เกินนั้น

เณรตัวโต ๆ หน่อยอายุ ๑๔-๑๖ ปี จะได้เปรียบ ขายาว..เดินตามพระทัน เณรตัวเล็ก ๆ ต้องให้ไปสายใกล้ ที่วัดจะมีสายบิณฑบาตสายใกล้ เรียกว่าสายบ้านบน คือเข้าไปในหมู่บ้านท่าขนุน ไม่ไกลจากวัดนัก เดินไปกลับก็ ๒ กิโลเมตรเศษ ๆ สายนี้โยมก็พยายามจะเรียกร้องขอพระเยอะ ๆ อาตมาบอกว่าเยอะไม่ได้ พระแก่กับพระป่วยมีอยู่แค่นั้น คือให้พระแก่กับพระป่วยไปสายใกล้ ป่วยก็อย่าหวังว่าจะได้นอนกินเฉย ๆ นะ

ส่วนสายไกลอย่างที่อาตมาเดิน ก็ ๕ กิโลเมตรกว่า ๆ ก็เอาเณรตัวใหญ่หน่อย เห็นตัวเล็ก ๆ ตัวแค่นี้ ๙ ขวบจริงหรือนี่ ? ต้องให้เดินไปสายใกล้แทน ฉะนั้น...สายใกล้ก็จะมีเณรเป็นแถวยาวอยู่ ๒ วันแล้วก็หายไปวันหนึ่ง เพราะว่าเณรตัวใหญ่ต้องไปสายไกล"

เถรี
06-05-2018, 08:51
"จะว่าไปแล้วเป็นการฝึกระเบียบวินัยอะไรต่าง ๆ ได้ดีมาก เพราะว่าที่วัดต้องตื่นตามเวลาอยู่แล้ว ตี ๔ เป๋งไม่มาเจริญกรรมฐานก็เตรียมรอรับสายไฟได้ ไม่ใช่ไม้นะ...! ขอยืนยันว่าตีด้วยสายไฟขนาด ๒.๕ มิลลิเมตร ฟาดเข้าไปเถอะ ตีทีหนึ่งได้ ๒ แผล บางทีตีเณรนี่พ่อแม่ยืนร้องไห้เลย บอกว่าดีแล้วครับที่หลวงพ่อตี ผมเองคงไม่กล้าตี

อาตมาไม่ได้ตีเพราะว่าระบายอารมณ์ แต่ตีเพราะว่าเขาทำผิด จะถามเขาว่ารู้ไหมว่าผิดอะไร ? ทำอย่างนี้ทำไมถึงผิด ? แบบเดียวกับสมัยที่พวกเจ้าชายเล็กยังอยู่

"รู้ไหมทำไมต้องโดนตี ?"
"ผมไปเล่นเกมส์ครับ"
"ไม่ผิดหรอกเล่นเกมส์ หลวงพ่อเองก็อยากเล่น"
"มีเงินครับ"
"ไม่ผิดหรอก หลวงพ่อมีเยอะกว่ามึงอีก" เขาก็สงสัยว่าผิดอะไร ?
"ผิดเพราะว่าเอ็งออกจากวัดแล้วไม่ลา ระเบียบวัดระบุไว้ชัด ๆ ถ้าเอ็งออกไปโดนรถทับตายแล้วใครจะรู้ว่าเอ็งออกไปตอนไหน ? เอ็งออกไปข้างนอกจะไปเล่นเกมส์ไปทำอะไร ข้าไม่ว่าอยู่แล้ว ถึงเวลาทำงานได้รางวัลมีเงิน จะไปซื้ออะไรก็เรื่องของเอ็ง แต่จะไปไหนต้องบอกลาพระอุปัชฌาย์อาจารย์ก่อน ไม่ใช่หายไปเฉย ๆ แอบหนีไปเล่นเกมส์"

เรื่องของเด็กถ้าเราบอกชัดเจนเขารับได้ บางทีก็ประเภท "ไปหาผ้าหนา ๆ มา หรือเอาสมุดปิดตูดมา" เปิดโอกาสให้เขาขนาดนั้นแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาไปแอบทำ ข้าสั่งให้หามาเอง"

เถรี
06-05-2018, 09:14
"เพียงแต่ว่าเด็ก ๆ กินน่ากลัว อย่างเณรหมี ให้เงินไป ๒๐๐ บาท กินไอศกรีมครึ่งวันหมดแล้ว โอ๊ย...ตาย ๆ ตอนนั้นไอศกรีมอะไรไม่รู้ จำได้ว่าอันละ ๖๐ บาท เงิน ๒๐๐ บาทกินได้พักเดียวหมดแล้ว โอ้หนอ...รุ่นตูไอศกรีมอันละสลึงเดียว รุ่นเอ็งอันละ ๖๐ บาท ช่วงนี้รถไอศกรีมเข้าวัดแล้วไม่ออกหรอก อยู่จนบ่ายเลย เพราะว่าเณรเยอะ เข้าไปอย่างไรก็ต้องมีคนซื้อ"

เถรี
06-05-2018, 09:34
"อยู่ที่วัดก็ลำบากอยู่อย่างหนึ่งเพราะว่าเณรไม่มีโทรทัศน์ดู ถ้าใครติดบุพเพสันนิวาสก็นั่งร้องไห้ไปเถอะ

ประกาศบอกกับเณรไว้ว่าใครร้องไห้ครั้งที่ ๑ ตี ๑ ที ร้องไห้ครั้งที่ ๒ ตี ๒ ที ครั้งที่ ๓ ตี ๓ ที เพราะฉะนั้นร้องได้เลย...! กลางคืนแอบร้องไห้คิดถึงบ้าน คราวนี้จะได้รู้ว่าพ่อแม่รักเราแค่ไหน อยู่บ้านนี่ทูนหัวทูนเกล้า ต้องการอะไรได้ทุกอย่าง ไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่ที่นี่ต้องทำทุกอย่าง กวาดวัด ถูศาลา ซักเสื้อผ้า เลี้ยงหมา ทำสารพัด เชื่อเถอะ...ผ่านไปสักอาทิตย์หนึ่งเขาจะรักพ่อแม่สุดจิตสุดใจเลย แต่พอนาน ๆ ไปก็ลืม

มีคนส่งคลิปมาให้ดูที่เณรน้อยเดินธุดงค์ไปก็ร้องไห้ไป "ไม่เอาแล้วอาจารย์ใจร้าย" แต่เณรสู้นะ ขอให้ได้บ่น เดินไปร้องไห้ไปแต่ก็เดิน เพราะว่าอาจารย์บอกว่าถ้าไม่เดินก็ทิ้งไว้ให้เสือกินที่นี่..!

ตอนนั้นเณรอาร์ตไปบึงลับแลกับท่านกอล์ฟ เขาก็ถาม "หลวงน้า ๆ ที่นี่มีเสือใช่ไหม ?"
"มี" "แล้วหลวงน้าไม่กลัวหรือ ?"
"ไม่กลัวหรอก เพราะว่าหลวงน้าขายาวกว่า เสือมาก็วิ่งหนี เณรวิ่งช้ากว่าเสือก็กินเณร"

เณรนั่งร้องไห้เลย ไปเจอหลวงน้าไม่ถนอมน้ำใจเณรเลย เล่นบอกว่าจะวิ่งหนีทิ้งเณรให้เสือกิน"

เถรี
07-05-2018, 18:57
"หน้านี้ยังดีที่ฝนตกแล้ว ไม่อย่างนั้นหน้าแล้งป่าบริเวณนั้นจะมีแหล่งน้ำอยู่ที่เดียวคือบึงนั้น พวกสัตว์ทั้งหมดจะมารวมกินน้ำบริเวณนั้น แล้วเสือก็จะลงมาดักกินสัตว์อื่นด้วย รอยเท้านี่ประเภทมือกว้าง ๆ อย่างอาตมาวัดได้ ๗ นิ้วมือกาง ๆ ต้องนึกเลยว่าตัวใหญ่แค่ไหน เพียงแต่ว่าช่วงนี้เสือน่าจะไปหากินที่อื่น แถวนั้นช้างกำลังลงมาเยอะ เพราะว่าช้างขาดแหล่งน้ำไม่ได้อยู่แล้ว

ตอนนี้มีช้างอยู่ตัวหนึ่ง เขาเรียกว่าเจ้างาเล็ก เดินข้ามถนนตรงห้วยเขย่งอยู่ทุกวัน เขาถ่ายรูปส่งให้กรมคชบาลไปพิจารณาแล้ว เพราะดูท่าทีว่าจะเป็นช้างเผือก ถ้าไม่ใช่ช้างเผือกก็เป็นช้างสีประหลาด ซึ่งถือว่าเป็นตระกูลสูงใกล้เคียงกับช้างเผือก เจ้านี่หากินเดี่ยว ไม่ไปกับพวก ถึงเวลาก็ออกจากป่า ข้ามถนนไปหากล้วยหาอ้อยในไร่ชาวบ้าน ตอนนี้อาตมากำลังวางแผนว่าจะช่วยช้างด้วยการปลูกกล้วย คือกล้วยปลูกฤดูกาลเดียวก็ได้แล้ว พอถึงเวลาหน้าฝนก็ระดมปลูกเลย ช่วยกันปลูกคนละกอ สองกอ แบกหน่อมาจากบ้าน พอถึงเวลาเขามาก็มีกิน ไม่ต้องบุกเข้าไปที่ไร่ชาวบ้าน"

เถรี
07-05-2018, 19:03
"เพิ่งจะรู้ว่าช้างชอบกินทุเรียนมาก ชาวบ้านเขาเก็บทุเรียนเอาไว้ในโรงรถเพื่อจะรอเวลาพรุ่งนี้ขนไปตลาด ปรากฏว่าตื่นเช้าขึ้นมาเกือบจะเป็นลม ช้างแค่เอาหัวไถเบา ๆ กำแพงก็หายไปแล้ว เขาก็เลือกกินกันตามสบาย พวกนี้ฉลาดมาก เอาเท้าเหยียบก่อน แล้วหยิบกินทีละพู ลองคิดดูว่าช้างหนึ่งตัวกินทีขนาดไหน ? ทุเรียนประมาณรถกระบะหนึ่ง ช้าง ๑-๒ ตัวก็ไม่เหลือแล้ว

ระยะหลังเวลาเดินเข้ามาอยู่ในกล้องวงจรปิดก็จะเห็นรูป พยายามพิจารณาจำให้ได้ว่าอยู่โขลงไหน ตอนแรกเขาลงมาเป็นโขลงใหญ่ ๒๐-๓๐ ตัว พอบ้านจุดประทัดไล่บ้าง ยิงปืนไล่บ้าง เขาก็เปลี่ยนวิธีใหม่ เปลี่ยนเป็นชุดเล็ก ๆ ๒ ตัว ๓ ตัว กระจายกันออกไป คราวนี้มีปัญญาไล่ก็ไล่ไปสิ ก็เลยต้องหาวิธีให้คนกับสัตว์อยู่ด้วยกันได้ คนก็ต้องเสียสละหน่อย ถึงเวลาปลูกพืชอาหารไว้ให้เขา แต่อย่างว่าแหละ กล้วยทั้งต้นถึงเวลาเขาดึงโค่นลงมาแล้ว เขาก็เหยียบกินแต่ไส้ใน สิ้นเปลืองอย่าบอกใครเลย"

เถรี
07-05-2018, 19:07
"คราวนี้ก็รอกรมคชบาลไปพิสูจน์ว่าเจ้างาเล็กเป็นช้างเผือกหรือเปล่า ? ถ้าเป็นช้างเผือกทองผาภูมิก็ดังระเบิด เพราะว่าจะคล้องช้างเผือกเชือกแรกถวายในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ กำลังลุ้นอยู่ว่าเป็นช้างเผือกหรือเปล่า ? ถ้าเป็นช้างเผือกเชือกแรกในรัชกาลคงทรงโปรดน่าดู

ที่ทองผาภูมิมีหมู่บ้านอยู่หมู่บ้านหนึ่ง เรียกว่าหมู่บ้านห้วยปากคอก คนเขาสงสัยว่าคอกอะไร ก็คือคอกช้าง สมัยก่อนรัชกาลที่ ๕ ที่ ๖ ยังมีการจับช้างส่งเข้าวังหลวงเป็นปกติ คอกช้างก็คือเพนียดช้าง ตอนนี้วัดห้วยปากคอกเขากำลังหาเจ้าอาวาส มาขอวัดท่าขนุนหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่ให้ไป"

เถรี
07-05-2018, 19:12
ถาม : ตอนนี้แม่อาการดีขึ้น แต่เรื่องสมองเปลี่ยนไป ทำอย่างไรจะให้สมองดีขึ้นครับ ?
ตอบ : หาไข่ให้แม่กินทุกวัน

ถาม : หมอให้กินแต่ไข่ขาววันละ ๑๐ ฟองครับ ?
ตอบ : ให้กินแต่ไข่ขาว ไม่ให้กินไข่แดงแล้วจะได้เรื่องอะไร สมองต้องไข่แดง เพราะว่าสมองของเราเกือบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ก็คือไขมัน แล้วไขมันที่ต้องการก็ไขมันจากไข่ หมอดันให้แต่โปรตีน ไม่ให้ไขมัน ถ้าให้โปรตีนมาก ๆ เกิดภาวะโปรตีนล้นเกิน ไตก็ต้องทำงานหนัก เดี๋ยวก็ไตวาย ต้องล้างไตกันอีก

หมอสมัยใหม่เขารักษาเหมือนกับแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละอย่าง รู้ไม่ครบเหมือนหมอโบราณ ในเมื่อรู้ไม่ครบ แก้ไปทีละอย่าง ยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง

เถรี
07-05-2018, 19:23
พระอาจารย์กล่าวว่า "พรุ่งนี้รับสังฆทานเสร็จก็จะได้กลับวัด ปกติรับสังฆทานเสร็จวันจันทร์ต้องไปสอนหนังสือ แต่อาตมาขอเอาไว้ว่าช่วงซัมเมอร์ขอไม่สอน ต่อให้จัดตารางมาก็ไม่ไป ท้ายสุดก็ได้หยุดเดือนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเหนื่อยมาก เพราะว่าเทอมที่ผ่านมาโดนไป ๕ ห้อง ๑๐ ชั่วโมงในวันเดียว ตัดเกรดให้เขาเสร็จ กรอกเกรดออนไลน์เสร็จก็บ๊ายบายแล้ว

โดยปกติแล้วอาจารย์ประจำจะต้องมีชั่วโมงสอนอย่างน้อย ๖ ชั่วโมง แต่คราวนี้ว่าลูกศิษย์เรียกร้องมา วิชานี้อาจารย์คนอื่นสอนไม่รู้เรื่อง ต้องพระอาจารย์เล็กเท่านั้น พระอาจารย์เล็กก็รับเละไป

ที่ผ่านมามีงานวิจัยและวรรณกรรมในพุทธศาสนาที่เป็นข้อสอบกลาง คนอื่นสอนนี่ตกระเนระนาดเลย อาตมาสอนนี่สอบผ่านหมด อาจารย์ที่กรอกเกรดอยู่ด้วยกันบอกว่า ลูกศิษย์อาจารย์สอบได้คะแนนเยอะนะ บอกว่าใช่ครับ ถามว่าอาจารย์สอนอย่างไร ? ผมก็ไม่สอนอย่างไร เข้าห้องแล้วก็ขึ้นปัญหาบนกระดาน ให้เขาค้นมา เท่ากับบังคับให้อ่าน ไม่ต้องทำรายงาน ไม่ต้องสอบกลางภาค แต่ต้องส่งงานทุกชั่วโมง บังคับให้อ่านหนังสือ อาตมาก็อ่านด้วย นั่งอ่านกำลังภายในเป็นเพื่อน ไม่ต้องบรรยายด้วย เพียงแต่บอกเขาว่าคำไหนยาก เพราะว่าคำโบราณบางอย่างต้องแปลไทยเป็นไทย คำไหนยากคุณไม่เข้าใจถามมา เดี๋ยวจะอธิบายให้

แต่ว่าบางคนก็ขี้เกียจ นั่งรอจนพวกหาเจอว่าอยู่หน้าไหนก็ตะกายไปดูแล้วไปลอกมา ก็บอกว่าถ้าคุณเขียนตามนั้นคุณก็ได้คะแนนน้อย แต่ถ้าคุณรู้จักสรุปเนื้อหาสำคัญมาคุณก็จะได้เยอะ"

เถรี
07-05-2018, 19:28
"วิชาที่ยาก ๆ ส่วนใหญ่จะเป็น ๓ หน่วยกิต งานวิจัยและวรรณกรรมในพระพุทธศาสนา วิสุทธิมรรคศึกษา โดยเฉพาะท่านเจ้าคุณโสภณกาญจนาภรณ์ท่านว่า

"อาจารย์เล็กช่วยสอนวิสุทธิมรรคศึกษาแทนผมทีเถอะ"
"ทำไมครับ ? ท่านเจ้าคุณอาจารย์สอนก็ดีแล้ว"
"รู้ไหมว่าผมเองยังไม่เข้าใจเลย แล้วผมจะสอนให้ลูกศิษย์ให้เข้าใจได้อย่างไร"

ท่านไม่เคยปฏิบัติ พอพูดถึงวิสุทธิมรรคศึกษา สีลนิเทส สมาธินิเทส ปัญญานิเทส หนังสือหนาเกือบคืบแล้วย่อลงมาเหลือแค่เทอมเดียว ทำอย่างไรถึงจะให้เนื้อหาครบ กรรมฐาน ๔๐ ของหลวงพ่อวัดท่าซุงนี่คือวิสุทธิมรรคย่อเลย

วิชาอื่น ๆ ก็อย่างเช่น การจัดการเชิงกลยุทธ์ เป็นพระเรียนการจัดการ ก็ต้องเน้นการจัดการในวัด อาตมาก็พยายามดึงเนื้อหาเข้าในวัด ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นคุณจะแก้ไขอย่างไร สมมติสถานการณ์มีคนมาเปิดคาราโอเกะข้างวัดแล้วลูกค้าดีเสียด้วย ร้องเพลงเช้ายันค่ำ คุณจะแก้ไขอย่างไร ?

ฉะนั้น...วิธีการจัดการไม่ใช่เรียนหลักเฉย ๆ แต่สถานการณ์จริงต้องใช้งานได้ ชาวบ้านรุกที่วัดคุณจะจัดการอย่างไร ? เรียนเสร็จแล้วต้องใช้ได้ ที่สอนอาตมาสมมติสถานการณ์จริง ให้เขาเขียนแก้สถานการณ์มา ซึ่งแต่ละวัดจะมีปัญหาไม่เหมือนกัน วิธีแก้ไม่เหมือนกัน"

ถาม : วิธีแก้อย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : สารพัดที่บอกมา ประเภทไปถึงตักเตือนด้วย บางทีก็บอกว่าตอนนี้วัดต้องการความสงบในช่วงระยะเวลานี้ อย่างวัดท่าขนุนเราเปิดเสียงธรรมะวันละ ๔ เวลา เวลาไหนบ้างก็บอกกับเขา อย่าให้เขาดังแข่งกับเราอะไรอย่างนี้

เถรี
07-05-2018, 19:30
พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็ก ๆ ซนได้...ไม่เป็นไร แต่ต้องสอนให้เขารู้ว่าที่ไหนควรที่ไหนไม่ควร เด็กที่ไม่รู้ที่ถูกที่ควรเราต้องสอน ถ้าสอนไม่ได้ให้ตี พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่าสรรพสัตว์ล้วนแต่กลัวอาชญา คือกลัวการลงโทษ

โบราณถึงบอกว่ารักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเด็กนรก..! ประเภทไปในห้างไม่ได้ของแล้วร้องกรี๊ด ดิ้นอยู่นั่นแหละ ถ้าเป็นอาตมาจะปล่อยให้ดิ้นอยู่นั่นแหละ กูกลับบ้านเลย ดูสิว่าจะดิ้นได้นานแค่ไหน"

เถรี
07-05-2018, 19:59
ถาม : เรื่องชาวบ้านที่มาร้องคาราโอเกะข้างวัด ถ้าเขาไม่ยอม จะแก้ไขอย่างไรคะ ?
ตอบ : เขามีวิธีตามลำดับขั้น ดูสถานการณ์เฉพาะหน้า ถ้าหมดท่าขึ้นมา ก็เอาพระ ๙ รูปไปตั้งอาสนะสวดมนต์แข่งกับเขาเลย ดูว่าชาวบ้านยังจะเข้ามาร้องอีกไหม ? ถ้าร่วมมือกันก็ต่างคนต่างอยู่กันได้ แต่ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือ จะจัดการด้วยวิธีนี้ ดูว่าชาวบ้านจะเข้าคาราโอเกะคุณอีกไหม ? วิธีบางอย่างบ้า ๆ บอ ๆ อยู่นอกเหตุเหนือผลแต่ก็ต้องทำ

จริง ๆ แล้วเขาไม่ควรที่จะมาเปิดข้างวัด แต่ในเมื่อคุณเปิดข้างวัด อ้างว่าต้องทำมาหากิน ก็ต้องหาทางอยู่ร่วมกันให้ได้ ก็ต้องยอมกันคนละครึ่ง

เถรี
07-05-2018, 20:19
เรื่องกฎหมายคณะสงฆ์ อาตมาค้นคว้าฎีกาต่าง ๆ ที่ตัดสินเรื่องราวเกี่ยวกับพระ เกี่ยวกับวัดมาให้เขาดูเป็นตัวอย่าง จะได้รู้แนวทางว่าเวลาเรื่องไปถึงศาลแล้วเขาจะตัดสินอย่างไร ไม่ใช่ว่าศึกษาเสร็จก็ให้ท่องแต่กฎหมาย ๆ รุ่นอาตมาจะบ้าตาย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นพัน ๆ มาตรา ออกสอบแค่ ๖ ข้อ ท้ายสุดอาตมาเดาแม่น เดาถูกว่าออกเกี่ยวกับมรดก เป็นพระห้ามฟ้องร้องเกี่ยวกับมรดก แต่ถ้าญาติโยมแบ่งให้สามารถรับได้ ถ้าจะฟ้องร้องเกี่ยวกับมรดกให้สึกไปก่อน จนกระทั่งเสร็จเรื่องแล้วค่อยกลับมาบวชใหม่

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กับประมวลกฎหมายอาญามีที่เกี่ยวข้องกับวัดไม่มาก ในเมื่อไม่มาก ในรุ่นของอาตมาอาจารย์ท่านให้ท่องแทบตาย แล้วไม่ใบ้เลยว่าออกตรงไหน

เมื่ออาตมารู้ว่าวิธีนี้ยากสำหรับลูกศิษย์ ก็ต้องหาวิธีง่ายให้เขา ก็คือไปค้นคว้าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มีการฟ้องมีการตัดสินไปแล้ว ไปถึงศาลฎีกาให้แนวทางว่าอย่างไร ถึงเวลาคุณศึกษาไว้ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณ คุณจะได้รู้ว่าถ้าฟ้องแล้วจะชนะหรือแพ้

เถรี
07-05-2018, 20:28
มีตัวอย่างวัดชนะสงสารพิทยาธร ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เจ้าอาวาสเห็นว่าพระลูกวัดไม่ฟังคำสั่ง บอกอะไรก็ไม่ฟัง ไม่ทำวัตร ไม่สวดมนต์ ไม่บิณฑบาต ไม่ทำกรรมฐาน เอาคนนอกมาพักในวัดโดยไม่บอกกล่าวเจ้าอาวาส ท้ายสุดเจ้าอาวาสท่านไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ท่านก็เลยต้องแจ้งความ ภาษาพระเรียกว่า ขอความคุ้มครองจากทางราชการ

เจ้าอาวาสออกคำสั่งเจ้าอาวาสให้พระลูกวัดพ้นไปจากวัดภายใน ๕ วัน อ่านคำสั่งให้แล้ว พระลูกวัดรับทราบแต่ไม่ยอมเซ็นรับคำสั่ง แล้วก็ดื้ออยู่ต่อ เจ้าอาวาสก็เลยต้องแจ้งความ เมื่อเรื่องไปถึงศาล พระลูกวัดสู้ว่าเจ้าอาวาสกลั่นแกล้ง เพราะว่าตนเองไม่เป็นที่นับถือของชาวบ้าน ชาวบ้านรังเกียจด้วยเรื่องนี้เรื่องนั้น

ศาลพิพากษาว่า ความประพฤติส่วนตัวของเจ้าอาวาสไม่สามารถยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างได้ เพราะว่าเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย ในเมื่อพระลูกวัดทำผิดระเบียบวัด เจ้าอาวาสมีหน้าที่สั่งให้พ้นไปจากวัดได้

ศาลตัดสินได้แน่นอนมาก ท้ายสุดก็เลยปรับพระลูกวัด ๒๐๐ บาท แล้วให้ออกจากวัดไป จริง ๆ แล้วมีโทษจำ โทษปรับ และทั้งจำทั้งปรับ เพราะว่าฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน เจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย โดนปรับไป ๒๐๐ บาท ข้อที่เขายกขึ้นมาอ้างว่า เจ้าอาวาสไม่เป็นที่นับถือของชาวบ้านอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีเมตตา เตะหมาเตะแมว ไม่เกี่ยวกันเลย เพราะว่าเป็นความประพฤติส่วนตัว ท่านฟ้องเพราะว่าคุณขัดคำสั่งเจ้าอาวาส

ศาลวิเคราะห์แต่ละประเด็นเป๊ะ ๆ ไม่มีพลาดเลย เพราะว่าคำพิพากษาศาลฎีกา จะเป็นแนวทางปฏิบัติไปเรื่อยจนชั่วฟ้าดินสลาย หรือจนกว่าจะมีการพิจารณายกเลิกของเก่า แล้วมีแนวทางการปฏิบัติแบบใหม่ขึ้นมาแทน

เถรี
07-05-2018, 20:34
ถ้าเรายกตัวอย่างอย่างนี้ขึ้นมาก็จะชัดเจนมาก พระในวัดจะได้รู้ด้วยว่าทำอะไรถูกทำอะไรผิด มีคนฟ้องพระวัดเขาวังที่ราชบุรี ไม่ใช่เขาวังเพชรบุรีนะ ฟ้องว่าพระพาผู้หญิงไปนอนในกุฏิ กุฏินั้นอยู่บนเขาวังซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา จึงฟ้องข้อหาเหยียดหยามพระศาสนาด้วย

ปรากฏศาลตัดสินว่า กุฏิเป็นที่จำวัดของพระภิกษุสงฆ์ ไม่ใช่สถานที่สำคัญในพระพุทธศาสนาอย่างเช่นโบสถ์ หรือว่าพระเจดีย์ หรือว่าพระประธาน เพราะฉะนั้น...การที่เอาผู้หญิงไปนอนในกุฏินั้นเป็นการผิดพระธรรมวินัย แต่ไม่ได้ผิดกฎหมายข้อเหยียดหยามพระศาสนา

ศาลพิจารณาประเด็นเด็ดขาดมาก ในเมื่อผิดตามพระวินัยก็แล้วแต่คณะสงฆ์จะจัดการ เรื่องพระวินัยศาลจัดการไม่ได้ ต้องคณะสงฆ์จัดการ คณะสงฆ์ก็ต้องไปหาทางว่าจะเล่นอย่างไร แต่ละอย่างตัดสินออกมาได้สุดยอดมาก อ่านแล้วยังชอบใจ ไม่เสียทีที่ไปค้น ไม่เหนื่อยเปล่า เห็นแนวทางชัดมาก เขาแยกประเด็นออกมาเป๊ะ ๆ เลย

เถรี
07-05-2018, 20:41
แบบเดียวกับนายจ๊อดที่เตะลุงซาเล้ง จริง ๆ แล้วถ้าว่ากันตามคำของหมอ นายจ๊อดไม่ผิด หมอวินิจฉัยว่าลุงซาเล้งตายเพราะโลหิตเป็นพิษ แต่คราวนี้ที่นายจ๊อดต้องรับผิดชอบเพราะสังคมเห็นว่า ลุงเข้าโรงพยาบาลเพราะนายจ๊อดเตะแกตกซาเล้ง ทำให้แกต้องนอนยาวในโรงพยาบาล จนท้ายสุดกลายเป็นคนไข้ติดเตียง ไตวาย โลหิตเป็นพิษ แล้วถึงตาย เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องหลายชั้น แต่ถ้าว่าตามกฎหมายเป๊ะ ๆ เลย นายจ๊อดไม่ผิด แต่นายจ๊อดคงได้บทเรียนประเภทใจร้อนใจเร็ว ตัวเองไปเฉี่ยวชนเขาแล้วยังเตะเขาอีก สุดท้ายยอมจ่ายค่าทำศพไป ๘๐,๐๐๐ บาท

สรุปว่าถ้าคดีนี้ ถ้าไม่ได้มีการยอมความกัน โดยทางนายจ๊อดยอมจ่าย ๘๐,๐๐๐ บาท ก็น่าจะเป็นเพียงทำร้ายร่างกายคนอื่นบาดเจ็บเท่านั้น เพราะว่าพิเคราะห์สถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ นายจ๊อดเตะลุงตกซาเล้ง ก็แค่ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ ถ้าสู้คดีว่าทำร้ายโดยบันดาลโทสะ โทษก็จะเบาลงไปอีก แต่ลุงดันเข้าโรงพยาบาลแล้วตาย สังคมจึงเล่นนายจ๊อดจนเละเลย

เวลาศึกษาพวกข้อกฎหมาย ดูคำพิพากษาแต่ละอย่าง ท่านแยกแยะประเด็นชัดเจนมาก จนเกิดความเคารพเลื่อมใสว่า ผู้พิพากษาแต่ละคนกว่าจะจบมาต้องแม่นประเด็นสุด ๆ แต่คราวนี้ในระยะหลังของเรา มีการใช้พวกแง่ประเด็นทางกฎหมายช่วยเหลือบุคคลบางคนหรือสถาบันบางแห่ง เพื่อให้รอดจากความผิด หนักกลายเป็นเบา เลยทำให้สถาบันตุลาการ “ชื่อเสีย” เริ่มมีมากขึ้น แต่ถ้าไปดูจากของเก่า ๆ อย่างที่ไปค้นคว้ามา แต่ละท่านล้วนแล้วแต่สมควรแก่การไปนั่งศาลยุติธรรมจริง ๆ

เถรี
07-05-2018, 21:29
ถาม : การบวชพระทำไมจะต้องบวชเณรก่อนครับ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือเป็นไปตามลำดับขั้นตอน ถ้าหากว่าเราจะบวชพระเลยทีเดียว ก็เหมือนอย่างกับก้าวข้ามขั้นตอนมากเกินไป ท่านก็เลยค่อย ๆ ให้ศึกษาจากศีล ๕ เป็นศีล ๑๐ จากศีล ๑๐ เป็นศีล ๒๒๗ ก่อนหน้านี้ท่านให้เป็นเณรอยู่ชั่วระยะหนึ่งจึงค่อยให้เป็นพระ แต่มาระยะหลังเวลามีน้อย บวชเณรเสร็จก็บวชพระต่อเลย

เถรี
20-05-2018, 09:33
ถาม : พาเพื่อน ๆ มา เพื่อน ๆ กลัวว่าเข้าไม่ถึง ส่วนมากพระบางท่านเข้าไม่ค่อยถึง ?
ตอบ : เข้าไม่ค่อยถึงจึงจะดัง เข้าถึงอย่างอาตมาไม่ดังหรอก ลองนึกถึงว่าสมัยหลวงปู่ปานไม่มีอะไรเลย นอกจากบอกข่าวกันปากต่อปาก อย่างดีก็มีวิทยุทรานซิสเตอร์ พุทธาภิเษกครั้งหนึ่งเรือแพจอดหน้าวัด เดินข้ามน้ำได้โดยไม่ต้องแตะพื้นน้ำเลย สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงมีโทรศัพท์ มีโทรทัศน์ มีวิทยุ พอถึงเวลาคนมางานที ๒๐๐,๐๐๐ – ๓๐๐,๐๐๐ คน รุ่นของอาตมามีกระทั่งเฟซบุ๊กสารพัดสารเพ จัดงานทีคนไปแค่ ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ คน แล้วจะไปดังได้อย่างไร ?

เถรี
20-05-2018, 09:40
พระอาจารย์กล่าวว่า "ต่อไปการสร้างวัตถุมงคลน่าจะยากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ เพราะว่าทางเจ้าคณะปกครองท่านเห็นว่าทำกันจนเฟ้อ กลายเป็นพุทธพาณิชย์ วันนี้พระครูสมุห์อานนท์ วัดบึงลาดสวาย โทรมาแจ้งว่า "ฟ้าผ่าครับ..หลวงพ่อ" ถามว่าผ่าอย่างไร ? ท่านบอกว่า "เจ้าคณะภาคโทรมาด่าเรื่องวัตถุมงคล" แล้วท่านกับอาตมาก็อยู่ภาคเดียวกัน คือภาค ๑๔ ซึ่งประกอบไปด้วยจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี เจ้าคณะภาค ๑๔ คือหลวงพ่อพระธรรมโพธิมงคล วัดนิมมานรดี เป็นเจ้าคณะภาคที่เฮี้ยบที่สุดในบรรดาเจ้าคณะภาคทั้ง ๑๘ รูป

ในเมื่อมีคำสั่งเจ้าคณะใหญ่มาเกี่ยวกับเรื่องการห้ามโฆษณาวัตถุมงคลด้วยการติดป้าย ห้ามจำหน่ายวัตถุมงคลในบริเวณโบสถ์ ซึ่งไม่มีผลกระทบสำหรับวัดท่าขนุน เพราะว่าวัดท่าขนุนไม่เคยทำอยู่แล้ว แต่คราวนี้วัดที่ท่านทำจะลำบาก โดยเฉพาะวัดไร่ขิง ที่อะไร ๆ ก็อยู่รอบโบสถ์หมด จนท้ายสุดต้องขยับขยายออกไป คราวนี้ในเมื่อเข้มงวดมาในลักษณะอย่างนี้ ต่อไปคาดว่าการสร้างวัตถุมงคล คงต้องทำหนังสือขออนุญาต แล้วรับการอนุมัติเป็นราย ๆ ไป ตามแต่วัตถุประสงค์ในการสร้างว่าสมควรหรือไม่ ? ฉะนั้น...ตอนนี้ใครสร้างก่อนก็รอดตัวไป"

เถรี
20-05-2018, 09:43
"ของอย่างที่วัดท่าขนุนทำล่วงหน้าไปแล้ว อย่างเช่น ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด การไม่โฆษณาจำหน่ายวัตถุมงคลด้วยการขึ้นป้าย ซึ่งพวกเราจะเห็นว่าแม้แต่การจัดงาน วัดท่าขนุนก็ไม่มีปักธง ไม่มีการโฆษณา จะรู้ต่อก็เมื่อเข้าไปถึงในวัดเท่านั้น ซึ่งวัดอื่นทำไม่ได้ ถ้าไม่ทำก็จะเจ๊ง เพราะว่าไม่มีคนรู้ว่าวัดมีงาน

เลยกลายเป็นว่าเรื่องอะไรบางอย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกกล่าวเอาไว้ เราทำตามมีแต่จะปลอดภัย สมัยอาตมาออกจากวัดท่าซุงไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษี ทำงานก่อสร้างไปได้ ๘ เดือนโดยประมาณ วันหนึ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็มาหา ท่านถามว่า "แกมีเงินส่วนตัวเท่าไร ?" กราบเรียนหลวงพ่อด้วยความภูมิใจว่า "ไม่มีครับ ผมผลักลงเงินสังฆทานหมดเลย เอาเป็นกองกลาง"



ท่านถามว่า "ถ้าอย่างนั้นแกใช้เพื่อสงฆ์ไปเท่าไร ?"

"ไม่ทราบครับ"

"ใช้เพื่อส่วนตัวเท่าไร ?"

"ไม่ทราบครับ"

พอไม่ทราบ ๒ ครั้ง ไม้เท้าลงหัวโป๊กเลย ท่านบอกว่า "ไปทำบัญชีเสียใหม่ เงินทุกบาททุกสตางค์ รับมาจากใคร จ่ายไปเรื่องอะไร ถ้าเขาตรวจสอบต้องชี้แจงได้" อาตมาก็ต้องนั่งตูดด้านอยู่เป็นอาทิตย์เพื่อทำบัญชี แล้วก็สรุปว่าตั้งแต่ออกจากวัดมา ๘ เดือนแรกไม่มีเงินส่วนตัว เพราะว่าแยกไม่ออก ต้องยกให้สงฆ์หมดเลย ไปเริ่มเดือนที่ ๙ ถึงจะมีเงินส่วนตัว

เรื่องอย่างนี้อาตมาทำมาเป็นระยะเวลา ๒๐ กว่าปี แล้วอยู่ ๆ ทางคณะสงฆ์เข้มงวดขึ้นมา ก็ไม่รู้สึกกระทบ เพราะว่าทำมาตลอดอยู่แล้ว แต่ท่านที่ไม่ได้ทำจะตายเอา โดยเฉพาะท่านที่เป็นเจ้าอาวาส เริ่มขึ้นเป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ช่วงไหน จะต้องมีบัญชีชัดเจน"

เถรี
20-05-2018, 09:46
"อาตมาอยู่เกาะพระฤๅษี อยู่วัดทองผาภูมิ อยู่วัดท่าขนุน ก็ทำมาตลอด คุณอยากตรวจสอบเมื่อไรเชิญได้เลย ทันทีที่เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อาตมาก็สั่งให้รื้อวิหารเจ้าแม่กวนอิมกับพระพิฆเณศวร์ที่หน้าวัดทิ้ง โดยประกาศท่ามกลางคณะสงฆ์ว่า "วัดไหนอยากได้มาขนไปเลย" ไม่ถึงสองชั่วโมงหายวับไปกับตา เพราะว่าวัดอื่นอยากได้

เนื่องจากว่าถ้ามีเจ้าแม่กวนอิม มีพระพิฆเณศวร์ มีพระพรหม พวกนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะมาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง จะมากันเยอะมาก เขาเคารพของเขา แต่คราวนี้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นฮินดูบ้าง เป็นมหายานบ้าง ถ้าสมัยเราชัดเจนก็ไม่เป็นไร ยังสามารถชี้แจงญาติโยมได้ แต่ถ้าต่อ ๆ ไปไม่ชัดเจน จะกลายเป็นสัทธรรมปฏิรูป ก็คือศาสนาอื่นแทรกเข้ามา อาตมาเลยตัดไฟตั้งแต่ต้นลม รื้อเกลี้ยงเลย

สรุปว่าปัจจุบันนี้ที่สั่งห้ามโน่นห้ามนี่ วัดโน้นต้องทุบ วัดนี้ต้องรื้อ วัดท่าขนุนไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะว่าทำไปนานแล้ว อะไรที่ครูบาอาจารย์บอก ให้เชื่อแล้วทำตามนั้น แต่สงสัยอยู่อย่างว่า เวลาครูบาอาจารย์ท่านบอก เราจะรู้เรื่องไหม ? เพราะว่าครูบาอาจารย์บางท่าน มาบอกเอาตอนที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แบบเดียวกับตอนไปพุทธาภิเษกที่วัดเขาวง ท่านไม่รู้จะด่าใครก็ด่าอาตมาแทน ด่าฝากไป ถามว่า "ทำไมย่ามาด่าผม ? ไม่ไปด่าเจ้าของงาน ?" ท่านบอกว่า "ไอ้พวกหูหนวกตาบอดด่าไปก็ไม่มีประโยชน์ ก็ต้องด่าแกนั่นแหละ"

เถรี
20-05-2018, 09:47
พระอาจารย์ให้โอวาทพระลูกศิษย์ "ถ้าไปที่โน่นแล้วทำตามเขาอย่างเดียว อย่าไปค้านอะไรใคร บางทีสิ่งที่เราทำ ท่านที่ไม่เข้าใจจะทำให้เป็นโทษกับท่านได้ เรามีหน้าที่ทำอย่างเดียว คือ รักษาธรรมรักษาวินัย รักษารูปแบบปฏิบัติของสายครูบาอาจารย์เราเอาไว้ ส่วนข้างในจะทำได้แค่ไหนเรื่องของเรา เลือดเนื้อร่างกายของเราให้เห็นชัดว่าไม่ใช่ของเรา ก็จะไม่อยากได้ไปเอง"

เถรี
20-05-2018, 15:16
ถาม : สามีเป็นชาวต่างชาติย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย ครั้งแรกที่เขาฝัน คือ เห็นเรือสำเภาหลังใหญ่ มีคนสี่คนอยู่บนเรือมาชวนเขาไป เขาตกใจ เขาไม่ไป ?
ตอบ : เขาทำอะไรด้วยตัวเองได้ไหม ? หรือว่าต้องช่วยเขาตลอด ? (ช่วยตัวเองไม่ได้) ไม่ได้ใช่ไหม ? ยังต้องประคับประคองไป มีอยู่รายหนึ่งเกิดมาก็นอนติดพื้นอยู่ตลอด เหมือนเกิดมาเขาเป็นอย่างนั้นเลย สมองทำงานไม่สมบูรณ์ พ่อแม่เลี้ยงดูอยู่ ป้อนข้าวป้อนน้ำอยู่ ๑๗ ปีถึงจะไป ใจของพ่อแม่เขาสุดยอดเลย พ่อแม่เขาคิดว่า เขาเกิดมาก็ลำบากพอแล้ว ฉะนั้น...เราสามารถช่วยอำนวยความสะดวกอะไรเขาได้ก็ทำไป บุญกุศลเป็นของเราด้วย

ถาม : ครั้งที่สองเขาฝันว่า มีชายมาสี่คนหอบตะกร้ามา แล้วชวนเขาไปด้วย ชายในฝันบอกว่าจะหาบไป เขาก็บอกว่า "พอดีเมียฉันบอกว่า ถ้ามีใครชวนไปอยู่ด้วยไม่ให้ไป" รอบที่สามเขาก็ฝันว่า มีคนร้อยกว่าคนมาเล่นอยู่ตรงหน้า มาชวนเขาไปอยู่ด้วย เขาก็บอกว่า "เมียสั่งไม่ให้ไป"
ตอบ : ต้องบอกว่าคุณูปการยังมีอยู่ ถ้าไม่มีอาจจะตายไปหลายรอบแล้ว ถ้าไปกับเขาก็คือไปเลย บอกเขาว่าให้ปล่อยชีวิตสัตว์ โดยเฉพาะที่เขาขายให้ฆ่า อย่างพวกปลาในตลาด เป็ดไก่ก็ได้ ถ้ามีเงินหน่อยหมูหรือวัวควายก็ได้ เป็นการต่อชีวิต ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาก็มาอีก

ถาม : จำเป็นต้องหลายตัวไหมคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ครั้งละตัวสองตัวก็ได้ อย่างเช่นปล่อยปลา แต่ให้เขาปล่อย ถ้าเป็นไปได้พาเขาไปปล่อยเองเลย อุตส่าห์รอดมาได้รอบสองรอบเพราะความเชื่อเมีย สุดยอดจริง ๆ ต้องให้รางวัลสามีดีเด่น มีคนมาชวนไปอยู่ด้วย ๓ ครั้ง ๔ ครั้งก็ไม่ไป เพราะว่าเชื่อเมียก็เลยรอดมาได้ ต้องบอกว่าน่ารักสุด ๆ สามีแบบนี้เกิดใหม่ก็หาไม่ได้อีกแล้ว

เถรี
20-05-2018, 15:38
ถาม : ความรู้สึกในหัวเหมือนเป็นคนมาคุยด้วย เขาบอกว่าเป็นตายาย ร่างทรงเดินมาบอก และก็มาบอกอดีต อนาคต ปัจจุบัน ?
ตอบ : บอกเขาว่าคราวหน้ามาให้เอาหวยมาด้วย ถ้าไม่เอาหวยมาก็ไม่ต้อง

ถาม : ให้มาแล้วค่ะ ?
ตอบ : แล้วถูกไหม ? ไม่ถูกอย่าให้

ถาม : ถูกค่ะ แต่ไม่ได้ซื้อ ?
ตอบ: ขอไปเลย เราก็ไม่ได้อยากทำให้ตัวเองร่ำรวยอะไรหรอก บางทีเราก็อาจจะเอาไปทำบุญทำทานก็ได้ ก็อุทิศให้ท่าน

ถาม : บางทียิ่งทำบุญให้ก็ยิ่งเจอ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก พวกนี้ส่วนใหญ่ก็คือเทวดารักษาตัว สภาพจิตเราอาจจะผ่องใสกว่าคนอื่น ท่านติดต่อได้ง่าย ท่านก็แสดงให้รู้ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว สบายดีออก ขอหวยได้ทุกงวด

ถาม :ไม่อยากได้ค่ะ ?
ตอบ :ก็บอกแล้วว่าได้มาก็ทำบุญให้ท่าน ถึงเวลาสวดมนต์ไหว้พระอะไรก็อุทิศส่วนกุศลให้ท่าน ทำบุญถวายสังฆทานใส่บาตรอะไรก็อุทิศให้ท่านด้วย บอกท่านขอให้คุ้มครองพวกเราให้ปลอดภัยก็พอ อย่างอื่นไม่เอา

ถาม : มาเรื่อย ๆ ค่ะ ?
ตอบ : ก็บอกว่าเรื่องปกติ เหมือนโทรศัพท์ เขารู้เบอร์โทรศัพท์เราก็โทรมาบ่อย

ถาม : ทำไมละคะ ? หยุดไม่ได้ค่ะ
ตอบ : อยู่ที่เรา ถ้าหากว่าเราขี้เกียจเจอ เราก็ทำชั่วเยอะ ๆ ท่านก็ไม่มา เราก็ทำใจไม่ได้อีกแหละ คือต้องมีความดีสนับสนุนในระดับหนึ่ง ท่านถึงจะมาได้ คราวนี้ความดีของเราถึง ท่านติดต่อมาก็เป็นเรื่องปกติ อย่างเช่นว่าถ้ามีช่องทางอะไรทำมาหากินแล้วเจริญรุ่งเรือง หรือมีอันตรายอย่างไรก็ขอให้ท่านช่วยบอกช่วยกล่าว บอกกันได้ คุยกันได้ คราวนี้เราเองดันไปกลัว คนอื่นอยากได้แทบตายดันไม่มี

เถรี
20-05-2018, 19:21
ถาม : วันก่อนคนขับแท็กซี่มาทัก บอกว่ามีเด็กตามเราอยู่ ?
ตอบ : แล้วเชื่อแท็กซี่ไหม ? ถ้าแท็กซี่เก่งขนาดนั้นจะขับแท็กซี่ไปทำอะไร ?

ถาม : แต่ตายายก็มาให้เรารู้สึกว่าจริง ?
ตอบ : เอาที่เรารู้ อย่าไปฟังคนอื่น บางคนก็ทักให้เราตกใจ หาที่ให้เราไปแก้ไข แล้วเราก็เสียเงินเยอะ ๆ

ถาม : เขาไม่ได้ให้เราแก้ไขอะไรค่ะ ?
ตอบ : ถูก...ก็เพราะเราไม่ตกใจ

ถาม : วันต่อมาก็ฝัน ตายายบอกว่า ถ้ายังไปผูกติดอยู่ เราก็เจอ ก็คิดได้ว่าอย่าไปสนใจ ทิ้งไปให้หมด ?
ตอบ :ดูซิว่าจะทิ้งได้ไหม ? ของเขาอยู่กับเรา เทวดาที่เขารักษาตัวเรา เพราะว่าเคยมีบุญมีกรรมเนื่องกันมา ถ้าไม่เนื่องกันมาเขาไม่มาให้เสียเวลาหรอก เทวดาเขาเบื่อหน้าคนจะตายไป

ถาม : เขาก็บอกว่าเราเกิดมามีหน้าที่ด้วย จะเชื่อเขาได้หรือคะ ?
ตอบ : ก็พิสูจน์สิ ถ้าหากว่ามีหน้าที่จริงก็ต้องให้มีปรากฏการณ์อย่างนั้นอย่างนี้เกิดขึ้น เราถึงจะเชื่อก็ว่าไป รำคาญหน่อยเดียวเท่านั้นเอง ไม่ได้มีโทษอะไร

ถาม : เขาบอกให้ปฏิบัติ ทำสมาธิเยอะขึ้น
ตอบ : ทำไมไม่ฝึก ?

ถาม :กลัวว่าจะเจอเยอะขึ้น ?
ตอบ : ถ้าฝึกจะเจอน้อยลง พอสมาธิเราสูงเลยระดับ เขาก็ไม่สามารถที่จะยุ่งกับเราได้ เหมือนเราไปอยู่ในสังคมไฮโซฯ แล้ว ชาวบ้านทั่วไปจะเข้าถึงไหม ? ลักษณะแบบนั้นแหละ กำลังยิ่งขึ้นสูงมากเท่าไร ส่วนที่จะมาหาเราได้ก็เหลือน้อยลง

ถาม : เจอบางคนเขาบอกยิ่งปฏิบัติยิ่งเจอ ?
ตอบ : เจอน้อยลง

ถาม : ต้องปฏิบัติอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ภาวนาของเรา ถึงเวลานึกถึงลมหายใจเข้าออกหรือจับภาพพระเอาไว้ หายใจให้ภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไป ให้ภาพพระไหลตามลมหายใจออกมา ดูอยู่แค่นี้ ทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็สว่างขึ้นไปเรื่อย ๆ อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับลมหายใจ ถ้าเราอยู่ตรงนี้เขาไม่มายุ่งกับเราหรอก เพราะว่ากำลังของเราสูงกว่า ไปเถอะ...บอกให้ทำแล้วไม่ทำก็เจอไปเรื่อย ๆ

ถาม : ให้ทำอานาปานสติ สวดมนต์จำเป็นไหมคะ ?
ตอบ : สวดมนต์ไหว้พระอะไรที่เราถนัดก็ทำไปเถอะ แต่ว่าเรื่องอานาปานสติคืออยู่กับลมหายใจจำเป็นต้องมี ถ้าไม่มาอย่าร้องไห้ถามหานะ

ถาม : ก็มีสองปีที่เขาไม่มา เราก็ร้องไห้โวยวาย แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเริ่มเยอะ ?
ตอบ : มาก็บ่น ไม่มาก็บ่น รู้วิธีแล้วมาบ่นแต่ไม่ทำ น่าตีจริง ๆ

เถรี
20-05-2018, 21:27
ถาม : ทำไมเราอยู่กับกองทุกข์แล้วไม่ค่อยจะเห็นทุกข์ครับ ?
ตอบ : ก็ไปคิดว่าเป็นความสุข เพราะว่าตัณหาคือตัวอยาก ทำให้ยึดมั่นถือมั่น อยากได้ อยากมี อยากเป็น พอมีแล้วก็ไม่อยากให้มี ไม่อยากให้ได้ ไม่อยากให้เป็น ถามว่า “ไม่อยาก เป็นตัณหาหรือ ? ” เป็นชัด ๆ เลย ไม่อยากแก่ก็คืออยากไม่แก่ ไม่อยากเจ็บคืออยากไม่เจ็บ ไม่อยากตายคืออยากไม่ตาย อยากนั่นแหละ แต่กลับข้างกัน

ท่านถึงได้เรียก ภวตัณหา คือสภาพปกติ วิภวตัณหา คือ สภาพที่ตรงกันข้ามกับปกติ “วิ” เป็นคำอุปสรรค คือคำนำหน้า แปลว่าวิเศษ แปลว่าแจ่มแจ้ง แปลว่าแตกต่าง ฉะนั้น...วิภวตัณหาก็คือแตกต่างจากสภาพปกติ คือแทนที่จะอยากก็ไม่อยากแล้ว แต่ว่าไม่อยากนั้นแหละคืออยาก เรื่องของธรรมะนั้นลึกซึ้ง ถ้าอธิบายไม่ถูกก็มึน

เถรี
20-05-2018, 21:31
พระอาจารย์กล่าว่า "วันก่อนหลวงปู่ท้วมก็เพิ่งจะมรณภาพ หลวงปู่ท่อนทางอีสานก็ไปอีกองค์หนึ่งแล้ว คราวนี้ในช่วงที่ท่านไปกัน ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่าเป็นช่วงรอยต่ออากาศ อย่างช่วงก่อนที่ญาติโยมตายหรือพระมรณภาพกัน ก็คือช่วงฝนต่อหนาว คราวนี้ก็ช่วงหนาวต่อร้อน เป็นช่วงอากาศเปลี่ยน สภาพร่างกายรับไม่ไหว บ้านใครมีคนแก่มีคนเจ็บดูแลไม่ดีก็ไปหมด เพราะว่าในช่วงแบบนี้อาการไข้จะกำเริบ ภาษาจีนเขาบอกว่าอากาศวิปริต

ช่วงอากาศวิปริตนี้คนที่เคยผ่าตัด หรือได้รับบาดเจ็บหนัก ๆ ถึงขนาดกระตูกแตกกระดูกหักมา ข้างในจะเจ็บไปหมด บางคนรู้สึกว่าแสบร้อนแผลผ่าตัดทั้ง ๆ ที่หายมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว นั่นแหละ...ฝีมืออากาศเปลี่ยน พอร่างกายคนแก่หรือคนป่วยที่อ่อนแออยู่แล้ว ทนการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ก็ไปเลย"

เถรี
20-05-2018, 22:01
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้เหรียญเก่าที่เขาหากันก็คือเหรียญปี ๒๕๑๗ หรือเหรียญครุฑ เพราะว่าพวกที่พกเข้าป่าแล้วโดนผีป่าหลอก พอเจอเหรียญครุฑไปนี่ผีกระเจิงหมด เป็นเหรียญที่ขลังโดยไม่ต้องเสก ใคร ๆ ก็หากันใหญ่ ก็ไม่ใช่เหรียญเก่ามากนะ ยังพอมีหลง ๆ อยู่บ้าง

แปลกนะ...รุ่นอื่น ๆ ก็ใช้ไม่ได้ผล รุ่นนี้กลับใช้ได้ผล ปรากฏว่าทางโหราศาสตร์เขาอธิบายว่าพวกตัวเลขต่าง ๆ จะลงตัวดิน น้ำ ลม ไฟพอดี ในเมื่อลงตัวพอดีก็ไม่ต้องไปปลุกเสกตั้งธาตุหนุนธาตุเรียกธาตุกันอีก ใช้ได้เลย”

เถรี
20-05-2018, 22:21
ถาม : (พระถาม) เคยฟังพระท่านหนึ่งบอกว่า ทำกำลังใจให้ถูกต้อง สวดให้ถูกต้อง ผีต้องออก ?
ตอบ : อยู่ที่กำลังใจเราครับ แบบเดียวกับอาแปะคนหนึ่งไปวัด พระถามว่า "อาแปะ..สวดมนต์เป็นไหม ?" แกบอกว่า "ไม่เป็น" "นะโม ตัสสะ ได้ไหม ?" ได้...อย่างนั้นเอาแค่ “นะโม ตัสสะ” สวดไว้ทุกวัน ป้องกันอันตรายได้ทุกอย่าง ปรากฏว่าอาแปะแกโดนผีหลอก ใคร ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้ อาแปะแก “นะโม ตัสสะ” เมื่อไรผีหนีเมื่อนั้น เพราะว่าใจแกมั่น พระบอกว่าอันนี้ดีแกก็เชื่อ ตั้งแต่นั้นมาอาแปะไม่เอาอะไร เอา "นะโม ตัสสะ" เท่านั้น

แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่าคาถาบทไหน ๆ ผีก็ไม่กลัว บางบทท่องไปแล้วผีบอกว่า “มึงท่องได้ครึ่งเดียว” แล้วผีก็ต่อให้อีกครึ่งหนึ่ง ท้ายสุดท่านเลยคิดว่า "สามโลกนี้ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธเจ้าอีกแล้ว" ก็เลยตั้งใจอาราธนาพระพุทธเจ้า ท่องว่า “พุทโธ” เป่าทีเดียวผีกระเด็นหายไปเลย นั้นแหละ...คือลักษณะของสภาพจิตที่เปิด ยอมรับอำนาจของพุทธคุณ เพราะว่าโดนผีกดอยู่ กระดิกไม่ได้ สมัยที่ผมโดนกดอยู่ก็เหมือนกัน ว่าคาถาเป่าไป ผีเอียงหน้าหลบนิดเดียว แล้วบอกว่า “ไม่ถูก” กวนจริง ๆ

ถาม : เป็นพวกเพื่อน ๆ หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็พวกนั้นแหละ เพียงแต่ว่าเขาอยากลองกำลังใจดูว่าเราจะเกาะพระ เกาะความดีได้ไหม ? ผมก็นักบู๊เก่า ไม่มีนึกถึงหรอก สู้อย่างเดียวเลย สู้กันอยู่เป็นปี ๆ เสียงตึงตังโครมครามทุกวัน จนป้ากิมกีสงสัยถามว่า "หลวงพี่ย้ายของอะไรกันอยู่ทุกวัน ?" ย้ายที่ไหนเล่า ? ผีรุมฟัดตู เพราะว่ากุฏิอยู่หลังร้านแก เป็นกุฏิป้อมยาม ๔ มุมวัด หลวงตาวัชรชัยท่านอยู่มุมหลังที่อยู่ใกล้เมรุ ส่วนอีกสองมุมกลายเป็นที่เก็บของไป

เถรี
20-05-2018, 22:28
ตอนแรกมีหลวงตาสวัสดิ์กับหลวงตาสมชายอยู่ ตอนหลังหลวงตาสมชายย้ายไปอยู่ที่ศาลาพระพินิจ หลวงตาสวัสดิ์ก็ย้ายไปกุฏิ ๑๐ หลัง ก็เลยว่างอยู่ ๒ ป้อม จะเป็นป้อมมุมวัด สองป้อมหลังจะติดศาลา ๑๒ ไร่เลย สองป้อมหน้าก็จะอยู่ตรงมุมวัดพอดี ผีดุฉิบหา...เลย โดนที่นั่นจนไปที่ไหนก็ไม่กลัวผีแล้ว เพราะว่าที่ดุที่สุดนั้นอยู่ในวัด

กลางวันแสก ๆ ก็มา เที่ยง ๆ ก็มา บ่าย ๆ ก็มา ใครว่าผีต้องรอให้มืดแล้วหลอก ? ไม่จริงหรอก พ่อเดินทะลุข้างฝาเข้ามาเลย แต่ท่านก็คงเบื่อนะ มาทีไรผมสู้ทุกที ไม่มีหรอกที่จะกลัว ไม่ได้นึกถึงพระ ไม่ได้นึกถึงนิพพานอะไรเลย คนอื่นนึกได้เขาก็เลิกเลย อย่างรุ่นน้องที่พรรษาติดกัน คือท่านโกวิทซึ่งกลายเป็นทิดไปนานแล้ว บอกว่าโดนบีบคอหายใจไม่ได้ จนกระทั่งจะขาดใจอยู่แล้ว ท้ายสุดก็ตัดใจ "ตายก็ตายละวะ กูไปนิพพานละคราวนี้" ผีปล่อยแล้วยื่นหน้ามาบอกว่า “ไอ้หน้าอย่างนี้นะหรือจะไปนิพพาน ?” กวนขนาด...!

พอนึกถึงความดีได้เขาก็เลิก ผมนึกไม่ได้ ไม่เคยนึกเลยว่าจะให้ใครช่วย สู้อย่างเดียวจริง ๆ สัญชาตญาณที่ฝังลึกในจิตใจนี่เหลือเกิน ไม่ยอมนึกถึงพระ ไม่ยอมนึกถึงครูบาอาจารย์หรือพรหมเทวดา อะไรก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ สู้เองเลย โดนอยู่ ๓ ปีเต็ม ๆ เล่นผม ๓ พรรษาไม่สามารถนึกถึงความดีอะไรได้ เขาคงจะเบื่อจึงเลิกไป ไม่อย่างนั้นก็ตีกันอยู่ทุกวัน

เขาจะมีขาประจำมาอยู่ ๖ ตัว ผมจำแม่นเลย เห็นหน้าปุ๊บจำได้เลย มาเป็นตัว ๆ เลย ถึงเวลาเขาจับแขนกดไว้ ถ้าตั้งใจมองจะไม่เห็นอะไร แต่ถ้าไม่ตั้งใจมองจะเห็นแขนเงา ๆ ใส ๆ กดอยู่ แต่สัมผัสเหมือนกับเนื้อคนนี่แหละ ถึงได้รู้ว่าที่ผีหักคอคนได้เป็นอย่างนี้เอง เพราะสัมผัสเหมือนเนื้อคน แต่ถ้าตั้งใจมองจะทะลุไปเห็นอย่างอื่นข้างหลังด้วย

เถรี
20-05-2018, 22:47
ถาม : หลวงพ่อวัดท่าซุงสมัยอยู่วัดบางนมโคก็โดนเหมือนกันนี่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติเขาจะมาลองทุกคน หลวงพี่สามารถท่านกระเด็นจากชั้นบนลงมาชั้นล่างเลย คือท่านมาทางราคจริต ผีจึงมาเป็นผู้หญิง แก้ผ้านอนซ้อนหลังแล้วกอดอยู่ ท้ายสุดท่านก็ “อีห่..นี่ แกล้งดีนัก ปล้ำแม่..เลยวะ” แกก็หันไปจะปล้ำ ผีถีบทีเดียวกระเด็นจากชั้นบนลงมาชั้นล่างเลย บันไดตั้ง ๗-๘ ขั้น

แค่เราคิดจะทำอะไรนี่ผีก็รู้หมด ที่พี่สามารถคิดจะปล้ำนี่เขารู้ตั้งแต่คิดแล้ว เขารอจังหวะพลิกตัวมาก็ถีบตกบันไดไปเลย..!

เถรี
20-05-2018, 22:58
:cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนเมษายน ๒๕๖๑ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และเผือกน้อย