เข้าระบบ

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๑


เถรี
07-01-2018, 20:54
ถาม : การที่มีคนมากมายที่ผ่านประสบการณ์ตายแล้วฟื้น เป็นเพราะท่านพระยายมราชท่านตั้งใจเอาไปผิดตัวหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไปถามท่านเองครับ

ถาม : ทำไมประสบการณ์การตายแล้วฟื้นของแต่ละคน มักจะไปเจอกับสถานที่ระหว่างทางที่ไม่ค่อยจะเหมือนกันสักเท่าไรครับ ?
ตอบ : ไปคนละทาง จะเหมือนกันได้อย่างไร ? คนหนึ่งมาทางเซ็นทรัลเวสต์เกต คนหนึ่งมาทางถนนราชพฤกษ์

เถรี
07-01-2018, 20:59
ถาม : ตอนที่ผมฝึกมโนมยิทธิโดยใช้คาถา นะ มะ พะ ธะ เท่าที่ผมเคยพบมา คือ ทำไมเวลาเห็นภาพพระถึงเห็นเป็นภาพพระพุทธรูป ไม่เห็นเป็นองค์จริงของพระองค์ท่านครับ ?
ตอบ : พระพุทธรูปไม่ใช่องค์จริงหรือ ? ตาถั่วเองต่างหาก...! แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า "ข้าขึ้นพระจุฬามณีครั้งแรก เห็นพระจุฬามณีเป็นเจดีย์ปูนธรรมดา"

แสดงว่าสติ สมาธิยังไม่เพียงพอ วิปัสสนาญาณยังน้อยไป ก็เห็นได้แค่นั้นแหละ

ถาม :ในระหว่างทางที่ขึ้นไป ปรากฏว่าไปเจอบ้านหลังหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ เป็นบ้านรูปทรงธรรมดาเหมือนบ้านคนทั่วไป ภายในบ้านว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย มองที่พื้นก็เป็นพื้นสีน้ำเงินเข้ม แต่เงางาม ไม่ทราบว่าบ้านที่ผมเห็นนั้นเป็นวิมานหรือเปล่าครับ แล้วทำไมข้างในถึงว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยครับ ?
ตอบ : ก็คือวิมานนั่นแหละ ยังไม่มีเจ้าของจะไม่ให้ว่างเปล่าได้อย่างไร ?

เถรี
07-01-2018, 21:02
ถาม : พญาจระเข้งาโมย่าเขาเป็นสัตว์เดรัจฉาน เขาบำเพ็ญเพียรด้วยวิธีไหนถึงสามารถแปลงกายเป็นคนได้ครับ ?
ตอบ : พญางาโมย่าเป็นอชคราทิเปรต ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานทั่วไป

เถรี
07-01-2018, 21:06
ถาม : ความรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องตาย ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนว่าให้ทำความรู้สึกแบบนี้อยู่เสมอเพื่อการละสังโยชน์ ๓ ข้อแรกนั้น เป็นความรู้สึกแบบเดียวกันกับตอนอยู่ในสนามรบ อยู่ในป่าช้า หรือตอนป่วยหนักหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นคุณปล่อยวางได้แค่ไหน ? ถ้าในสนามรบส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะไปตายเอาดาบหน้า ไม่ได้เป็นการปล่อยวางเพราะเห็นความตายอย่างลึกซึ้งจริง ๆ

ตอนอยู่ในป่าช้าก็มักจะเห็นความตายของคนอื่น ไม่ได้เห็นความตายของตนเอง ตอนป่วยหนัก ถ้าสามารถที่จะเห็นว่าความตายมาถึงเราอย่างแน่นอนและชัดเจน รีบเอาใจเกาะความดีไว้ จะมีประโยชน์มากที่สุด

เถรี
07-01-2018, 21:14
ถาม : การนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า คือ การที่เรานึกถึงการที่ท่านนำเอาธรรมะที่ท่านได้ตรัสรู้แล้วมาสอนแก่ชาวโลก อย่างนี้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : การนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า มีพระพุทธเจ้าสององค์นั่งถามตอบกันว่าพระพุทธเจ้ามีความดีขนาดไหน ? สิ้นเวลาเป็นกัปก็ยังตอบไม่หมด เพราะฉะนั้น...คุณจะนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้าแบบไหนก็อยู่ในนั้นแหละ ไม่หนีไปไหนหรอก

ถาม : ต้องทำอย่างไรถึงจะนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้าได้ทั้งวันโดยที่ไม่เบื่อครับ ?
ตอบ : ทรงสมาธิอย่างน้อยให้เป็นปฐมฌานละเอียด ไม่อย่างนั้นแล้วกำลังไม่เพียงพอ จะโดนกิเลสลากไปเสียก่อน

ถาม : การนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้าอย่างเดียว ถือเป็นการละสังโยชน์ข้อที่ ๒ หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าเห็นแต่ความดีโดยส่วนเดียว โดยไม่ได้มองกลับว่าตัวเราเองก็ต้องตาย ท้ายสุดก็ต้องไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการละสังโยชน์ ถึงสามารถที่จะนึกได้ในลักษณะนั้น ถ้าสภาพจิตยังไม่ตัดละจริง ๆ ก็ยังไม่ใช่การละสังโยชน์

การละสังโยชน์เป็นการใช้กำลังสมาธิและปัญญาเข้าห้ำหั่นกิเลสที่อยู่ในใจของเรา แปลว่าเราต้องปราศจากความลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัย ชนิดที่มอบกายถวายชีวิตได้ทุกเวลาจึงจะเป็นการตัดสังโยชน์ได้

เถรี
07-01-2018, 21:15
ถาม : เวลาที่ผมต้องการแผ่เมตตา ผมใช้วิธีคิดว่าขอให้คนทั้งโลกมีแต่ความสุข เมื่อนึกเสร็จก็เข้าสมาธิทันที แบบนี้เป็นวิธีแผ่เมตตาหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เป็นนิดหนึ่ง..!

เถรี
07-01-2018, 21:58
ถาม : ชื่อของหลวงพ่อวัดท่าซุง คือ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ มีที่มาอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไปอ่านดูในประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เดี๋ยวก็เจอเอง

เถรี
07-01-2018, 22:06
ถาม : ไม้ถือที่วัดท่าขนุนสร้างนี้ จะมีพิธีพุทธาภิเษกในงานเป่ายันต์เกราะเพชรหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าเสร็จก็มี ถ้าไม่เสร็จก็ไม่มี

ถาม :ไม้ถือ ไม้ครู สามารถนำไม้มงคลมากลึงเป็นไม้ถือ ไม้ครูได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ได้

ถาม : ควรใช้ไม้มงคลอะไรบ้างที่สามารถนำมาใช้ทำไม้ถือ ไม้ครูให้มีอานุภาพได้บ้างครับ ?
ตอบ : ไม้ไผ่ตันที่เกิดบนต้นโพธิ์

ถาม :ขอความเมตตาหลวงพ่อแนะนำว่าควรนำมวลสารใดมาบรรจุในไม้ถือ ไม้ครูได้บ้างครับ ?
ตอบ : ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห และผงมหาราช

ถาม : เนื่องจากไม้ถือหลวงพ่อมีให้บูชามีราคาสูง ลูกหลานหลายคนอาจจะไม่ได้มีโอกาสได้ไว้บูชา จึงจักขออนุญาตหลวงพ่อนำไม้ถือ ไม้ครูที่ทำจากไม้มงคลเข้าร่วมงานพุทธาภิเษก เสาร์ ๕ ที่จะถึงนี้ได้หรือไม่ครับ ? และจะทำอย่างไรให้มีอานุภาพเป็นไม้ถือ ไม้ครู สำหรับนำมาบูชาได้บ้างครับ ?
ตอบ : อาตมาทำวัตถุมงคลตามที่พระท่านสั่งเท่านั้น ท่านสั่งแค่ไหนก็ทำแค่นั้น ก็แปลว่าท่านสงเคราะห์แค่นั้น เราจะทำอะไรไปเข้าพิธีก็ทำไปตามสบาย ก็เป็นได้แค่วัตถุมงคลชิ้นหนึ่งเท่านั้น

ไม้ครู คือ ไม้ที่ครูสร้างให้กับลูกศิษย์ ไม่ใช่ลูกศิษย์ไปสร้างกันเอง

เถรี
07-01-2018, 22:22
ถาม : อยากถามเรื่องอายตนะภายในและภายนอก อันที่ ๖ เกี่ยวกับเรื่องจิตและธรรมารมณ์ คืออารมณ์ที่จิตไปนึกคิด สมมติว่าผมเดิน ๆ อยู่ แล้วตาไปมองเห็นรูป แล้วรูปที่เห็นเป็นรูปผู้หญิง ณ จุด ๆ นี้ถ้าผมหยุดคิดทันที กิเลสตัวราคะจะไม่เกิดใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เกิดตั้งแต่เอ็งเห็นว่าเป็นผู้หญิงแล้ว

ถาม : แต่ถ้าผมคิดต่อไปอีกว่า ผู้หญิงคนนี้หน้าตาดีทรวดทรงดี เราต้องการผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้กิเลสเกิดขึ้นแล้วใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็บอกว่าเกิดตั้งแต่เอ็งเห็นว่าเป็นผู้หญิงแล้ว การที่จะไม่ให้กิเลสเกิดได้ สติ สมาธิ ปัญญาต้องเฉียบคมว่องไว ถึงขนาดสักแต่เห็นว่าเป็นรูปเป็นธาตุเท่านั้น ถ้ายังแบ่งเพศเป็นหญิงเป็นชายก็เจ๊งตั้งแต่ยกแรกแล้ว

ถาม : แล้วกิเลสตัวนี้เกิดมาจาก "จิตไปรับรู้อารมณ์ธรรมารมณ์ที่เป็นราคะและพอใจผู้หญิงสวย" ใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ทันทีที่นึกคิด สภาพจิตก็เกิดจิตสังขาร คือ การปรุงแต่งขึ้น แปลว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่ใช่เกิดขึ้นตอนเห็นว่าผู้หญิงสวย

เถรี
07-01-2018, 22:39
ถาม : นักปฎิบัติส่วนใหญ่รวมทั้งตัวผมต้องเคยเจออารมณ์ที่อยากปรามาสพระรัตนตรัย หรือปกติเป็นคนไม่โกรธคน แต่อยากด่าคน อยากโกรธทั้ง ๆ ที่ ไม่มีสาเหตุ อยากถามว่าถ้าอารมณ์ธรรมารมณ์ที่อยากด่าพระ หรืออยากโกรธเกิดขึ้น ถ้าสติเรารับรู้อารมณ์เลว ๆ นี้ทัน แล้วจิตไม่ไปเอาอารมณ์นั้นมาด่าหรือโกรธในใจ แล้วกำหนดรู้ลมหายใจแทน แปลว่าตอนนี้กิเลสเกิดไม่ได้ เฉาตายไปชั่วขณะใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เกิดไปเรียบร้อยแล้ว เพราะว่ากิเลสเกิดทางใจ เกิดทางวาจา เกิดทางกาย ในเมื่อเราคิด แปลว่ากิเลสกินเราไปแล้ว ๑ ใน ๓ ถ้าพูดออกมาก็หมดไป ๒ ใน ๓ ถ้าทำไปด้วยก็ครบทุกส่วนเลย

ถาม :แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้อารมณ์ที่อยากปรามาสพระ หรืออยากโกรธพระกำเริบครับ ?
ตอบ : เป็นพระโสดาบัน

ถาม : จากข้อดังกล่าว ทำให้ผมเห็นความสำคัญของการมีสติมาก เพราะปกติจิตจะไปฟุ้งซ่านกรรมชั่วในอดีตและฟุ้งในอนาคต แต่ถ้าสติเรามีความไวเท่าทันจิต สติจะสามารถหยุดจิตที่จะไปนึกถึงอดีตและอนาคตได้ ณ จุด ๆ นี้ผมเลยสงสัยว่า การฝึกมหาสติปัฏฐานสูตร คือการฝึกให้มีสติใหญ่ สมมติว่าผมเดินอยู่ผมต้องเอาสติไปรับรู้ ๒ สิ่งขณะเดียวกัน ว่าตอนนี้เรากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออก และเอาสติรับรู้อีกว่าตอนนี้เรากำลังก้าวเท้าซ้ายหรือเท้าขวาหรือเปล่าครับ หรือว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ครับ ? และผมลองเอาสติไปรับรู้สองสิ่งนี้ ผมสับสนมาก สติไม่ไวพอ แปลว่าผมต้องฝึกอีกเยอะใช่หรือเปล่าครับ ?

ตอบ : แปลว่าตอนนี้คุณกำลังเข้าอนุบาล ๑ แต่ดันไปเอาเรื่องของคนจบปริญญาตรีมาทำ...! การที่เราจะฝึกสติ อย่างเดินอยู่แล้วนึกถึงลมหายใจเข้าออกไปด้วย ส่วนใหญ่จะเดินไม่ได้ เพราะว่าทันทีที่เราจับลมหายใจเข้าออกได้มั่นคง จิตกับประสาทจะเริ่มแยกออกจากกัน ถ้าไม่ใช่คนที่คล่องตัวจริง ๆ จะบังคับร่างกายไม่ได้ ถึงได้บอกว่าของคุณแค่อนุบาล ๑ แต่ดันไปเอาเรื่องของคนจบปริญญาตรีมาทำ ก็หาเรื่องลำบากเอง

เถรี
08-01-2018, 08:33
ถาม : ผมอ่านวิปัสสนาญาณที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอน ให้เอาบารมี ๑๐ กับสังโยชน์ ๑๐ มาวัดว่าเราอยู่จุดไหน และตรงวิปัสสนาญาณข้อเกือบจะสุดท้าย ท่านให้พิจารณาปฏิจจสมุปบาท ให้หาปลายเหตุมาหาต้นเหตุของการเกิด และจากต้นเหตุไปหาปลายเหตุของความทุกข์ ผมติดใจตรงข้อท้าย ๆ ที่ว่าด้วย "เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี " อยากทราบว่า "สังขาร" ข้อนี้ภาษาไทยแปลว่า ความคิดใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เอาข้อแรกก่อน หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนไว้ตรงไหนวะ ? ช่วยบอกกูที ตำราทั้งเทปกูฟังจนปรุแล้ว ไม่เคยเจอตรงนี้...!

สังขาระปัจจะยา วิญญาณัง คำว่า สังขาร ในปฏิจจสมุปบาทตัวนี้ หมายถึง จิตสังขารที่ปรุงแต่งไปในทั้งทางดีและทางชั่ว เพราะฉะนั้น...อย่าอ่านตำรามากไปและอย่าสับสนด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นกล่าวตู่พระอริยเจ้าอีก หลวงพ่อท่านไม่เคยเขียนถึงปฏิจจสมุปบาทไว้เลย

ถาม : แล้ววิญญาณในข้อนี้ หมายถืง เจตสิกคือการรับรู้ของจิต จะด้านดีหรือด้านชั่วใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านแปลง่าย ๆ ว่า ประสาทร่างกาย ก็แปลว่า ไม่ว่าจะเป็น ประสาทตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ล้วนใช่หมด

เถรี
08-01-2018, 08:37
ถาม : ผมอยากทราบว่าสังขารุเปกขาญาณในระดับปุถุชนอย่างผม เวลาจะเอาธรรมของพระพุทธเจ้าไปเจออาการกระทบในสถานการณ์จริง อย่างเช่นเวลากินอาหารหรือคุยกับเพศตรงข้าม ถ้าผมสักแต่ว่ากินโดยมีสติ และสักแต่ว่าคุยกับเพศตรงข้ามโดยมีสติ ไม่ได้ไปคิดหรือดำริในใจว่าอาหารนี้กรอบอร่อย หรือคิดว่าเพศตรงข้ามคนนี้หน้าตาดี นิสัยดี ถ้าโสดเราจะได้จีบ อยากทราบว่าผมไม่ได้ไปจุดเชื้อเพลิงให้กิเลสได้กำเริบ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ทันทีที่กินหรือคุย กิเลสก็กำเริบไปเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้ตัวเท่านั้น เพราะว่าเป็นกิเลสบางเบาที่ฝังอยู่ในสันดานของเรา ส่วนที่เรากันได้เป็นแค่กิเลสหยาบ ๆ ที่จะล้นออกมาทางกาย ทางวาจาเท่านั้น

ถาม : ยังเป็นสังขารุเปกขาญาณแบบปุถุชนอ่อน ๆ ใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าอ่อนเสียยิ่งกว่าปัญญาอ่อนอีก...! นักปฏิบัติช่วงแรกให้หลีกจากหมู่ เพื่อจะได้ไม่กระทบกระทั่งกับสิ่งต่าง ๆ จนกิเลสเกิดขึ้นได้ แต่เราเองไปคลุกคลีในหมู่ แถมยังเป็นเพศตรงข้ามอีกด้วย จึงได้กล่าวว่าปัญญาอ่อนชัด ๆ..!

เถรี
08-01-2018, 08:48
ถาม : ปัจจุบันผมอายุ ๒๑ ปี พวกอารมณ์โกรธหรือโลภรู้สึกไม่ยากในการละ เพราะเห็นโทษภัยชัดเจน แต่บางครั้งอารมณ์ทางเพศ ต่อให้ผมจะกำหนดรู้ลมหายใจหรือจะเอาจิตดูจิต สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ไม่ไปคิดต่อ แต่อย่างไรร่างกายก็ไม่เห็นด้วยร่างกาย ยังคึกเพราะฮอร์โมน จิตยังพอใจในกามคุณอยู่ แล้วลึก ๆ ผมก็อยากมีแฟนสวย ๆ แต่ก็ยังอยากจะทรงฌาน ๔ เพราะเคยได้ฌานแต่เสื่อม เลยรู้ว่าอารมณ์ความสุขจากฌานนั้นสุขมาก และบางครั้งผมคุยกับผู้หญิงที่กิเลสในใจผมรู้สึกพอใจในรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้น ก็พยายามจะจีบเธอ

ผมเลยสงสัยว่า อยากทราบว่าการกระทำแบบที่กล่าวมา ผมอยากจะทรงฌาน ๔ เพื่อกำจัดนิวรณ์ให้หมดได้ทุกเมื่อตามใจนึก และอยากถอดกายในไปพระนิพพานสักครั้งก่อนผมจะตาย พอจะเป็นไปได้ไหมครับ หรือว่าผมควรจะเปลี่ยนการกระทำ ?
ตอบ : จุดมุ่งหมายกับการกระทำค้านกันเอง บอกว่าจะมุ่งหน้าแต่ตัวเองกลับพยายามถอยหลัง เพราะฉะนั้น...ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงการกระทำ ก่อนตายถ้าทำได้ก็ถือว่าบังเอิญมาก..!

เถรี
08-01-2018, 08:53
ถาม : สังโยชน์เบื้องสูงตัวมานะ สมมติว่าผมมีความมั่นใจว่าผมสามารถทรงอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ หรือสามารถเป็นพระอรหันต์ได้แบบท่านอื่น ๆ เพราะว่าท่านเหล่านั้นมีบารมี ๑๐ เต็ม ผมก็มีบารมี ๑๐ แต่ผมยังไม่เต็ม แต่มั่นใจว่าถ้าทำตามคำสั่งสอนของท่าน อย่างไรสักวันบารมีเราก็เต็มเอง การคิดแบบนี้เป็นสังโยชน์ตัวมานะหรือเป็นกุศโลบายครับ ?
ตอบ : แบกมานะไว้เต็ม ๆ ยังไม่พอ ยังแบกความโง่ไว้อีกมากด้วย พยายามไปทรงปฐมฌานให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยมาพูดถึงเรื่องทั้งหลายเหล่านี้

เถรี
08-01-2018, 08:59
ถาม : ผมเคยอ่านจากเว็บวัดท่าขนุนที่หลวงพ่อเล่าว่า มีอิสลามท่านหนึ่งท่องหนังสือของศาสนาของเขาจนเกิดอภิญญาขึ้นมา สมมติว่าผมมีความคิดว่า แหม่...เราเกิดมาในพระพุทธศาสนา มีพระพุทธเจ้าเป็นพระศาสดา มีหลวงปู่หลวงพ่อ ท่านก็สอนเรื่องอภิญญา ถ้าเราทำไม่ได้ ขายขี้หน้าคนนอกศาสนาแน่ แล้วผมก็เอาความคิดนี้เป็นแรงผลักดันเพื่อสร้างอภิญญาขึ้นมา อยากทราบว่าความคิดที่ว่าเป็นมานะหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะเป็นหรือไม่เป็นก็ช่างหัวมันเถอะ...! ทำให้ได้ก่อนก็แล้วกัน

เถรี
08-01-2018, 09:00
ถาม : ผมสงสัยครับว่า ถ้ามีคู่รักคู่หนึ่ง สามีพยายามทำสมาธิเพื่อจะทรงฌาน ๔ แต่ใน ๑ สัปดาห์สามีจะหลับนอนกับภรรยา ๒ - ๓ ครั้ง อยากทราบว่าสามีมีโอกาสจะทรงฌาน ๔ หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : มีสัก ๐.๐๐๐๑ เปอร์เซ็นต์..!

เถรี
09-01-2018, 08:52
ถาม : จากเดือนก่อนที่ผมถามหลวงพ่อว่า ผมเล่นเกมหลายชั่วโมงแล้วเอาเวลามาทำสมาธิสัก ๑๐ นาที จะสามารถทรงฌานสมาบัติได้ไหม หลวงพ่อตอบว่าไม่ได้ ผมเลยกลับมาดูตัวเอง จิตผมไม่สามารถเข้าฌานเหมือนเมื่อก่อน เพราะมีนิวรณ์ตัวฟุ้งซ่านที่อยากจะได้ดีเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ ณ ปัจจุบันผมก็นั่งสมาธิ แต่ไม่ถึง ๑๐ นาที ก็อยากจะลุกขึ้นไปทำอย่างอื่นหรือหาอะไรอ่าน และผมลองหาเหตุผลดูทำไมนั่งไม่ได้นาน เพราะว่าขาดอาการปีติที่เป็นเหมือนอาหารหล่อเลี้ยงจิตให้นั่งสมาธิได้นาน แต่เวลาเล่นเกมผมกลับมีปีติเล่นได้เป็นชั่วโมง หรืออ่านกระทู้ต่าง ๆ ในวัดท่าขนุน ก็สามารถอ่านติดต่อกันได้หลายชั่วโมงเพราะรู้สึกสนุกและพอใจ เหมือนกับว่าเราต้องหางานให้จิตเราจดจ่อ แล้วต้องรู้สึกพอใจในสิ่งที่ทำ ถึงจะทำได้นาน ณ จุด ๆ นี้หลวงพ่อช่วยแนะนำทีครับ
ตอบ : แนะนำว่าให้เอ็งพอใจเสียก่อน...ไม่ใช่ปีติ ถ้าไม่มีฉันทะ เราก็ไม่นึกอยากจะทำ ขาดวิริยะก็ไม่พยายามที่จะทำ ขาดจิตตะ กำลังใจไม่ปักมั่น จ้องแต่จะไปเล่นเกม ไม่ต้องพูดถึงวิมังสา ซึ่งเป็นการไตร่ตรองทบทวนการกระทำของตัวเอง แปลว่าอิทธิบาทของคุณพร่องตั้งแต่ต้นยันปลาย ไม่มีอะไรเหลือดีสักนิดเดียว แล้วจะไปหวังให้อะไรสำเร็จได้..!

เถรี
09-01-2018, 08:58
ถาม : ตามที่หลวงพ่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับหมอไสยศาสตร์ที่หลวงพ่อเคยโดนรุม ๓๐ ต่อ ๑ ตัวกระผมอยากทราบว่าหลวงพ่อใช้คาถาอะไร ? แล้วต้องมีสมาธิเข้าฌานระดับไหนถึงจะสู้ชนะหมอไสยศาสตร์ตั้ง ๓๐ คน ?
ตอบ : "โดนรุม ๓๐ ต่อ ๑ ตัว" ตูก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็น "ตัว" ลักษณะนามนี้ยินดีรับไว้...! ตอนนั้นมีอะไรก็ต้องงัดมาใช้ทั้งหมดแหละ ไม่อย่างนั้นก็โดนเขายำตาย ไม่ใช่มัวแต่ไปคิดอีกว่าจะใช้อะไร สถานการณ์เฉพาะหน้าตอนนั้นต้องการอะไรก็ต้องเอามาใช้ให้ทัน

ถาม : แล้วที่หลวงพ่อปล่อยผีกะเหรี่ยงไป ๓๐ กว่าตัว อยากทราบว่าหลวงพ่อปล่อยอย่างไรหรือครับ ?
ตอบ : ปล่อยแบบปล่อยผีไปนั่นแหละ

ถาม : ผมสงสัยมาก พวกหมอผีพวกนี้สามารถทรงฌานเสกคาถาและทำของขึ้นได้อย่างไร ? ในเมื่อท่านเหล่านี้นิวรณ์ ๕ ตัวโทสะยังเยอะอยู่ และเจตนาทำสมาธิเพื่อจะมุ่งทำร้ายคนอื่น โดยเฉพาะพระดี ๆ แบบหลวงพ่อ
ตอบ : เขาไม่ได้โง่เหมือนคุณ...! ตอนทำ รัก โลภ โกรธ หลง ของเขาไม่มี มีเฉพาะตอนไม่ได้ทำ

เถรี
09-01-2018, 09:01
ถาม : วัวธนูวัดโขงขาวของกระผมโดนคนในบ้านขโมยไปทิ้งลงส้วม เหตุเพราะว่าคนในบ้านฝันว่าสู้กับวัวธนูทุกคืน แต่ว่าคืนนี้มีวัวหลาย ๆ ตัววิ่งเข้ามาในบ้าน เอาพร้าฟันคอฟันขา ฟันแบบไหนก็ไม่ตาย วัวธนูนี้มีโทษตามที่กล่าวหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อาตมาไม่ทราบ อาตมาทราบแต่ว่าหลวงพ่อวัดโขงขาวไปเล่นไสยศาสตร์มาเสียยกใหญ่เหมือนกัน ก็เลยไม่รู้ว่าท่านเสกด้วยวิธีไหน..!

ถาม : ผมตื่นขึ้นมาปวดตัวไป ๑ อาทิตย์ เกี่ยวกับวัวธนูหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อาจจะนอนผิดท่าแล้วปวดเมื่อยก็ได้...!

ถาม : วัวธนูที่ทิ้งลงส้วมยังมีอานุภาพเหมือนเดิมไหมครับ ?
ตอบ : น่าจะมีนะ แต่อาจจะลำบากหน่อยกว่าจะตะกายขึ้นจากส้วมมา...!

เถรี
09-01-2018, 09:06
ถาม : หลายปีที่ผ่านมา กระผมเคยหลงด่าพระสงฆ์หลายท่านโดยความไม่รู้ ด้วยความคิดที่ว่าท่านประพฤติตัวไม่ดี โดยฟังมาจากคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยแม้แต่จะเห็นตัวท่าน แต่ต่อมา กระผมมารู้ทีหลังว่า แท้จริงแล้วมีพระสงฆ์หลายท่านด้วยกันที่กระผมได้เคยหลงปรามาสไปนั้น ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน เป็นผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ซึ่งตอนนี้บางท่านก็มรณภาพไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถเข้าไปกราบขอขมาโทษจากท่านได้อีกแล้ว ไม่ทราบว่า กระผมจะกราบขอขมาโทษจากพระพุทธรูปที่บ้านแทนได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นไปได้ควรที่จะขอขมาโดยตรงกับท่าน เมื่อทราบว่าท่านมรณภาพแล้วไปอยู่ที่ไหนก็ตามไปขอขมาท่านที่นั่นก่อน หลังจากนั้นค่อยไปขอขมากับพระพุทธเจ้า ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ขอขมากับพระพุทธรูปที่บ้านเราก็ได้ แต่ว่าเป็นการแก้ปลายเหตุไปแล้ว

ถาม : แล้วจำเป็นต้องจัดขันธ์ ๕ ในการกราบขอขมาโทษทุกครั้งไหมครับ ?
ตอบ : การขอขมาโทษ ถ้างบน้อยก็ใช้แค่ธูปเทียนแพ ถ้างบมากหน่อยก็ทำบายศรีไปเลย

เถรี
09-01-2018, 09:12
ถาม : ไม่ทราบว่าความคิดของคนเราทุกขณะจิต มีผลต่อรูปร่างหน้าตาในชาติหน้าหรือไม่ครับ ?
ตอบ : มี...เพราะว่าเป็น ๑ ใน ๕ ส่วนที่มีผล ที่บาลีเรียกว่านิยาม ๕ คือ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม เป็นต้น ในส่วนของความคิดจัดเป็นจิตนิยาม

ถาม : ถ้าเราคิดโกรธ พยาบาท จองเวร โลภมาก คิดร้ายต่อคนอื่น จะมีผลทำให้ชาติหน้ามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ขี้เหร่ ผิวพรรณแย่ ถ้านึกไม่ออกก็นึกถึงชูชก ที่เขาบอกว่าประกอบด้วยลักษณะของบุรุษโทษ ๑๘ ประการ

ถาม : ถ้าในคน ๆ เดียว ชอบคิดดีบ้าง คิดไม่ดีบ้าง จะมีผลต่อหน้าตาในชาติหน้าอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง

เถรี
09-01-2018, 09:16
ถาม : การจะฝึกให้ตนเองมีวินัย ต้องทำอย่างไรจึงจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดครับ ?
ตอบ : เปลี่ยนชื่อเป็นวินัยก็จะมีวินัยไปเอง...! วิธีที่จะฝึกตัวเองให้มีวินัย ถ้าสามารถทรงฌานได้เมื่อไร ทุกอย่างจะเป๊ะโดยทันที แต่ถ้าทรงฌานไม่ได้ ความมุ่งมั่นไม่มี เดี๋ยวก็พัง

ถาม : และหากต้องการฝึกสอนบุตรธิดาให้มีวินัย ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็พยายามสอนให้เขารักษาศีล ปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะนั่งภาวนา ถ้ากำลังใจของเขาเข้มแข็งจริงจัง ต่อไปสั่งอะไรครั้งเดียวเขาก็ทำตามแล้ว

เถรี
09-01-2018, 09:27
ถาม : พระเยซูพูดถึงพระเจ้า แล้วพระเจ้าในศาสนาคริสต์ที่พระเยซูกล่าวถึง คือใครหรือครับ ?
ตอบ : ถามพระเยซูสิ เพราะท่านพูดถึง ไม่ใช่อาตมาพูด

ถาม : พระเยโฮวาของศาสนายูดายที่เป็นศาสนาของชาวยิว มีตัวตนจริงหรือไม่ และเป็นใครหรือครับ ?
ตอบ : ไปถามคนยิว

ถาม : ในศาสนาอื่น การที่เทพเทวดาจะกรุณามารับเป็นเทพต่าง ๆ ตามที่มนุษย์เชื่อนั้น มีเกณฑ์อย่างไรหรือครับ ? เนื่องจากในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีความเชื่อในเรื่องเทพมาก และเทพเทวดาก็เมตตาสงเคราะห์มารับตำแหน่งนั้น ๆ ให้ ในขณะที่ศาสนาอิสลามเพิ่งมีผู้เมตตารับตำแหน่งให้เมื่อไม่นานมานี้
ตอบ : รู้ขนาดนั้นจะถามไปทำเอี้ยอะไร...!

เถรี
09-01-2018, 09:30
ถาม :ในช่วงที่อ่านหนังสือธรรมะ หรือหนังสือของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แล้วกำหนดจิตจับลมหายใจหรือภาวนาไปด้วยจะได้ผลดี ไม่วอกแวก แต่เมื่อมานั่งสมาธิกลับรู้สึกจิตวอกแวกง่ายกว่า เกิดจากอะไรหรือครับ ?
ตอบ : เกิดจากทำผิดวิธี รู้อยู่ว่าอ่านหนังสือแล้วจิตทรงตัวง่ายกว่า ทำไมไม่อ่าน ?

ถาม : และมีวิธีแก้ไขให้เวลานั่งสมาธิจิตสงบเช่นเดียวกันกับเวลาอ่านหนังสืออย่างไรครับ ?
ตอบ : อ่านหนังสือพร้อมกับภาวนาไปด้วย โดยเอาสิ่งที่เราอ่านเป็นคำภาวนาไปในตัว พอสมาธิทรงตัวแล้วค่อยวางหนังสือมาจับลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว

เถรี
10-01-2018, 08:44
ถาม : ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้บำเพ็ญอิทธิบาท ๔ สามารถมีอายุอยู่ได้ตลอดกัป "กัป" ที่พระพุทธเจ้ากล่าวถึง หมายถึงระยะเวลานานเท่าไรหรือครับ ?
ตอบ : หมายถึงอายุที่ประมาณจากภูเขาหินล้วน กว้างยาวสูงด้านละ ๑๖ กิโลเมตร เวลา ๑๐๐ ปีเอาผ้าเนื้ออ่อนเหมือนสำลีมาเช็ดทีหนึ่ง ถ้าภูเขานั้นสึกเสมอพื้นเมื่อไรก็นับอายุกัปประมาณนั้น

เถรี
10-01-2018, 08:57
ถาม : พระสงฆ์ในแต่ละนิกายต่างมีศีลไม่เหมือนกัน เช่น ทางมหายานอาจฉันข้าวเย็นได้ ในประเทศญี่ปุ่นพระสงฆ์สามารถมีภรรยาได้ เป็นต้น การที่พระสงฆ์แต่ละนิกายมีศีลไม่เหมือนกันนี้ จะเป็นบาปสำหรับพระสงฆ์เหล่านั้นที่ไม่ได้ปฏิบัติตามศีลทั้ง ๒๒๗ ข้อ หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ต้องดูด้วยว่าในสถานที่นั้นเขาปฏิบัติอย่างไร ในเมื่อเขาปฏิบัติได้ถูกต้อง กำลังใจที่คิดว่าตัวเองทำชั่วทำบาปไม่มี พูดง่าย ๆ ว่าจิตใจไม่เศร้าหมอง ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไปดีกว่าเราอีก เพียงแต่ถ้าจะเอาในเรื่องของมรรคผลแล้ว ต้องมี ศีล สมาธิ ปัญญา ที่สมบูรณ์เท่านั้นจึงจะสามารถเข้าถึงได้

ถาม : ในช่วงท้ายของพุทธศาสนา พระภิกษุสงฆ์จะถือศีลเพียงไม่กี่ข้อ การละเมิดศีลอื่น ๆ ที่เหลือใน ๒๒๗ ข้อนั้นจะเป็นบาปต่อพระภิกษุเหล่านั้นหรือไม่ครับ ?
ตอบ : การละเมิดศีล ไม่ว่าจะในวาระไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างกรรมให้กับตัวเองทั้งนั้น ในเมื่อสร้างกรรมให้เกิดขึ้น จะให้ไม่บาปนั้นไม่มีหรอก

เถรี
10-01-2018, 09:03
ถาม : วัตถุมงคลที่นิยมว่าสามารถแก้เรื่องดวงตก ขจัดอุปสรรคได้อย่างหนึ่งคือพระสมเด็จปรกโพธิ์ แหวกม่าน อยากทราบว่าวัตถุมงคล "ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ" รายการใดบ้าง ที่เด่นด้านช่วยแก้เรื่องดวงตก ขจัดอุปสรรค เหมือนพระสมเด็จปรกโพธิ์ แหวกม่านบ้างครับ ?
ตอบ : หลวงพ่อวัดท่าซุงไม่เคยบอกไว้ ท่านบอกแค่ว่าบุคคลที่มั่นคงใน ศีล สมาธิ ปัญญา กรรมต่าง ๆ จะตามได้ไม่เกิน ๒๕ เปอร์เซ็นต์ ก็แปลว่าดวงตกขนาดไหนก็ตกได้แค่นั้นแหละ ไม่ตกเกิน ๒๕ เปอร์เซ็นต์ไปได้หรอก

ถาม : อยากทราบว่าวัตถุมงคล "ของวัดท่าขนุน" รายการใดบ้าง ที่เด่นด้านช่วยแก้เรื่องดวงตก ขจัดอุปสรรคบ้างครับ ?
ตอบ : ฝ่าเท้าพระอาจารย์...!

ถาม : วัตถุมงคลที่ช่วยแก้เรื่องดวงตก ขจัดอุปสรรคอีกอย่างคือพระราหู อยากทราบว่าการบูชาพระปรกโพธิ์ แหวกม่าน หรือการบูชาพระราหูจะได้ผลดีเรื่องแก้ดวงตก ขจัดอุปสรรคมากกว่ากันครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ศรัทธาของคนบูชา มีศรัทธาด้านไหนมากกว่า ด้านนั้นก็ดีกว่า

เถรี
10-01-2018, 09:06
ถาม : การใช้ฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ในส่วนที่เป็นคำขยาย เช่น บารมีแก่กล้า งานด้านต่างประเทศ มีที่ใช้หรือตัวอย่างการใช้อย่างไรครับ ? และคำอธิบายว่า "ให้คุณพิเศษ" และ "ศาสตร์ลึกลับ" มีความหมายว่าอย่างไร มีตัวอย่างการใช้อย่างไรครับ ?
ตอบ : เอามาจากไหนวะ ? ตั้งแต่ตูเกิดมายังไม่เคยได้ยินเลย รับรองว่าไม่ใช่ฤกษ์พรหมประสิทธิ์สายท่าขนุนที่ศึกษามาจากหลวงพ่อวัดท่าซุงแน่ ๆ เพราะฉะนั้น...ไปถามเจ้าของตำราจะดีกว่า

เถรี
10-01-2018, 09:17
ถาม : ก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยได้ปฎิบัติสวดมนต์ นั่งสมาธิ อย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ ต่อมาประมาณ ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา ผมได้ภาวนาคาถาเงินล้านควบกับลมหายใจเข้าออก ได้วันละ ๑๐๘ จบ เมื่อมีเวลาว่างระหว่างวันก็จะท่องให้ครบ ระหว่างที่นั่งสวดคาถาเงินล้านควบกับลมหายใจเข้าออก ผมจะมีอาการสั่น และโยกคลอนของร่างกาย เมื่อตามดูเฉย ๆ สักพักหนึ่งอาการดังกล่าวก็จะหายไป จากนั้นจะมีอาการตึงบริเวณใบหน้า ที่ปาก และที่ลำตัวแข็งกระฉับเข้าเรื่อย ๆ ส่วนลมหายใจก็จะหายไป เมื่อตามดูเฉย ๆ อาการดังกล่าวก็หายไป แล้วก็นิ่ง ซึ่งอาการดังล่าวเกิดขึ้นเสมอ

ต่อมาผมมีโอกาสได้ปฎิบัติธรรมก็เกิดอาการแบบนี้อีก เมื่อตามดูเฉย ๆ อาการดังกล่าวก็จะหายไป แล้วก็นิ่ง ดิ่งลึกไปเรื่อย ๆ ครั้งต่อมาเพียงภาวนาพุทโธควบกับลมหายใจเข้าออกไม่กี่ครั้ง อาการดังกล่าวก็เกิดขึ้นอีกอย่างง่ายและรวดเร็ว ผมขอสอบถามหลวงพ่อครับว่า การปฎิบัติสมาธิของผมทำมาถูกทางหรือไม่ครับ ? และจะปฎิบัติอย่างไรต่อไป ?
ตอบ : ถูกเฉพาะตอนนี้ หลังจากนี้ให้ตามดูตามรู้อาการไปเรื่อย ๆ อย่าพยายามบังคับให้เป็นอย่างนั้น และอย่าพยายามดิ้นให้หลุดจากอาการทั้งหลายเหล่านั้น สมาธิจิตจะดำเนินไปสู่สมาธิขั้นสูงของตนเอง

เถรี
10-01-2018, 09:21
ถาม : ผู้ที่ปรารถพุทธภูมิ อาการปีติทั้ง ๕ ที่จะต้องผ่านทั้ง ๕ อย่างนั้น จะเกิดขึ้นเฉพาะขณะที่นั่งสมาธิหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็ตาม ถ้าสมาธิถึงในระดับนั้นก็จะเกิดขึ้นทันที

เถรี
10-01-2018, 09:25
ถาม : เหตุใดการมรณภาพของพระสุปฏิปันโนจึงเป็นการตัดเคราะห์กรรมให้กับประเทศชาติได้ครับ ?
ตอบ : เพราะว่าคุณความดีของท่านสูงมาก ถ้าอยู่ต่อจะมีประโยชน์แก่คนทั่วไปมาก แต่คราวนี้ท่านยอมไปเพื่อให้คนทั่วไปซึ่งตกทุกข์ได้ยากมีสภาพที่ดีขึ้นมา

ถาม : การที่พระสุปฏิปันโนท่านดำรงขันธ์อยู่ จะเป็นเหตุให้พื้นที่นั้น ๆ มีเทพเทวดาคุ้มครอง จะไม่เป็นการช่วยเหลือประเทศมากกว่าหรือครับ ?
ตอบ : ท่านรู้วาระของท่านเอง อย่าเสือกไปทะลึ่งรู้เรื่องของท่าน..!

เถรี
10-01-2018, 09:28
ถาม :การใช้ฤกษ์พรหมประสิทธิ์สำหรับการแต่งงาน ให้ยึดเอาพิธีใดเป็นสำคัญครับ ระหว่าง การจดทะเบียนสมรสของทางราชการ พิธีแต่งงานแบบไทยช่วงเช้า งานเลี้ยงแต่งงานเวลาเย็น ?
ตอบ : ตอนส่งตัวเข้าหอ อย่างอื่นทำให้ตายก็ไม่ใช่ผัวเมียกันหรอก..!

ถาม :หากฤกษ์ในการจัดงานแต่งงานครั้งแรกไม่ดี เช่น จัดงานแต่งงานวันเสาร์ สามารถจัดพิธีแต่งงานใหม่เพื่อแก้ไขโดยเลือกให้เป็นฤกษ์ดีได้หรือไม่ ?
ตอบ : หาที่ตาย...! จัดงานแต่งครั้งใหม่จะแต่งกับคนใหม่ด้วยหรือเปล่า...!

ถาม : หากฤกษ์ในการจัดงานแต่งงานครั้งแรกไม่ดี เช่น จัดงานแต่งงานวันเสาร์ สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่นใดได้บ้างครับ ถ้าไม่สามารถจัดพิธีแต่งงานใหม่ได้ ?
ตอบ : หากิ๊กเพิ่ม...!

เถรี
10-01-2018, 23:31
ถาม : ข้าพเจ้าเป็นคนที่ไม่แข็งแรง เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เสมอ หากข้าพเจ้าต้องการบรรเทาอาการเจ็บป่วยให้น้อยลง ทั้งในชาตินี้และชาติต่อ ๆ ไป ด้วยปัจจัยที่จำกัด อยากทราบว่าการทำบุญอย่างใดจึงจะให้ผลแก้กรรมเรื่องเจ็บป่วยนี้ได้มากกว่ากัน ?
ตอบ : ปล่อยชีวิตสัตว์ อย่างเช่น ปล่อยปลาที่เขากำลังจะฆ่าเดือนละตัว ทำเป็นประจำทุกเดือนจนกว่าจะตาย

เถรี
10-01-2018, 23:38
ถาม : การสร้างพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก ๔ นิ้วเท่ากัน ด้วยวัสดุต่างกัน เช่น ปูน กับโลหะมีค่า จะให้อานิสงส์เท่ากันหรือแตกต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : วัสดุอะไรราคาแพงก็ให้อานิสงส์มากกว่า เพราะว่าต้องใช้กำลังใจในการสละออกที่สูงกว่า

เถรี
10-01-2018, 23:41
ถาม : ในขณะออกกำลังกาย เช่น วิ่ง ในช่วงที่ยังไม่เหนื่อยจะยังคงภาวนาได้ แต่เมื่อรู้สึกเหนื่อยจะไม่สามารถประคองคำภาวนาไว้ได้ จึงกราบเรียนพระอาจารย์ขอคำแนะนำในการภาวนาขณะออกกำลังกาย ให้สามารถจับคำภาวนาไว้ได้โดยตลอดแม้ในช่วงเหนื่อยครับ
ตอบ : พยายามซ้อมบ่อย ๆ ถ้าสมาธิทรงตัว นอกจากจะสามารถรักษาอารมณ์ภาวนาได้ตลอดเวลาแล้ว ยังทำให้เหนื่อยช้าลงด้วย

ถาม : เพราะเหตุใด การจับคำภาวนาในขณะออกกำลังกายจึงทำให้เหนื่อยช้าครับ ?
ตอบ : เพราะว่าสภาพจิตของเรานิ่งอยู่ภายใน ไม่ได้สนใจอาการภายนอก ในเมื่อไม่ได้สนใจอาการภายนอก ไม่รับรู้อาการภายนอก ก็เหมือนกับเหนื่อยช้าลง และขณะที่ทรงสมาธิทำให้หัวใจเต้นช้าลง ในเมื่อหัวใจเต้นช้า ก็จะเหนื่อยช้าไปด้วย

เถรี
11-01-2018, 00:00
ถาม : ผลของการทำให้ผู้อื่นหลุดออกจากสมาธิ โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี นอกจากจะมีโอกาสลงนรกแล้ว จะมีโทษอย่างไรอีกครับ ?
ตอบ : แค่ลงนรกยังไม่พอใช่ไหม ? ลงไปเมื่อไร กรรมอื่น ๆ ที่ทำมาก็ร่วมคิดดอกเบี้ยทบต้นทั้งหมดนั่นแหละ..!

ถาม : หากคนในครอบครัวภาวนาเมื่อมีเวลาว่าง ไม่ว่าจะเป็นอิริยาบถใด แต่ด้วยความเป็นคนในครอบครัวก็จะมีธุระ มีการเรียกขานกัน ทำให้หลุดจากสมาธิได้ เช่น ลูกเรียกหาแม่ หรือหลานเรียกหาน้า ยาย เป็นต้น ดังนี้การทำสมาธิภาวนาเมื่อว่างก็จะเกิดโทษต่อคนในครอบครัวไป จะมีวิธีป้องกันโทษจากการทำลายสมาธิโดยไม่ตั้งใจเช่นนี้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า ให้หลีกออกจากหมู่

ถาม :พระทิเบตมีการฝึกที่เรียกว่า "ตรรกวิภาษ" ซึ่งเป็นการพยายามรบกวนสมาธิอีกฝ่ายหนึ่งให้มากที่สุด การฝึกเช่นนี้จะมีโทษในการทำลายสมาธิ ด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : มีประโยชน์มากกว่า เพราะว่าทำให้สมาธิของเขาทรงตัวมากขึ้น

เถรี
11-01-2018, 08:13
ถาม : การทำงานในอาชีพแพทย์ ซึ่งรักษาผู้ป่วยเป็นประจำ นับเป็นการสร้างบุญ ทำให้มีความเจ็บป่วยน้อยในภายหน้าหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเจตนารักษาเขาให้พ้นทุกข์โดยไม่ไปคิดเงินเขา โอกาสที่จะได้อานิสงส์ไปถึงชาติหน้าก็มี แต่ถ้าไปนอนคืนหนึ่งคิดสี่ห้าหมื่นบาทก็อย่าหวังเลยว่าจะได้..!

ถาม : การทำงานเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนกับโรงพยาบาลรัฐบาล จะทำให้ได้บุญแตกต่างกันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อยู่ที่การกระทำของหมอ ไม่ได้อยู่ที่สถานที่

ถาม : หากการรักษาผู้ป่วยนับว่าเป็นบุญ แต่เหตุใดอายุขัยเฉลี่ยของแพทย์จึงน้อยกว่าอายุขัยเฉลี่ยของประชากรโดยรวม และแพทย์มักเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วเครียดจากงานเพราะงานหนักมาก ปัจจุบันนี้การทำงานของเราต้องเรียกว่าบ้า อะไร ๆ ก็ต้องรายงานด้วยเอกสาร งานประจำก็ท่วมหัวอยู่แล้ว จะให้ทำรายงานทีละไตรมาส ไม่บ้าตายก็บุญโขแล้ว ยังต้องถามอีกว่าเป็นมะเร็งเพราะอะไร ?

ถาม : การเป็นอาจารย์แพทย์ สอนลูกศิษย์ให้เป็นแพทย์ต่อไป ด้วยมุ่งหวังให้ลูกศิษย์ช่วยรักษาผู้อื่นต่อ ถ้าลูกศิษย์รักษาผู้ป่วยจนหาย อาจารย์แพทย์จะได้บุญในการรักษาผู้ป่วยนี้ด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อาจารย์ได้ตั้งแต่ตั้งใจที่จะทำแล้ว ในเมื่อทำแล้วผลได้ไปขยายออก ก็ได้อานิสงส์มากขึ้นไปด้วย

ถาม : การทำวิจัยทางการแพทย์ ที่มีผลในการเปลี่ยนแปลงแนวทางการรักษาผู้ป่วย จะได้บุญแก่ผู้ทำวิจัยด้วยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าเขาตั้งใจที่จะให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมหรือเปล่า ? ถ้าวิจัยแล้วไปขายเป็น know-how ก็แปลว่าไม่ได้บุญในส่วนนั้น

เถรี
11-01-2018, 08:15
ถาม : เห็นข่าวว่ามีปรากฏการณ์พระอาทิตย์ ๓ ดวง เกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ไม่ทราบว่าเป็นลางบอกเหตุอะไรหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็นลางบอกเหตุว่าจะหนาวมาก พระอาทิตย์ ๓ ดวง หรือ ๕ ดวงจะเกิดขึ้นเฉพาะในพื้นที่ที่ซึ่งมีหิมะตกหนักหรือจับตัวเป็นน้ำแข็ง เมื่อถึงเวลาก็มีการสะท้อนภาพแม้กระทั่งอยู่กลางอากาศ ก็เลยทำให้เหมือนกับมีพระอาทิตย์หลายดวง

เถรี
11-01-2018, 08:27
ถาม : ตอนนี้ผมกำลังโดนกรรมบางอย่างเล่นงาน คือ รู้สึกว่ามีคนไม่ชอบผม แล้วพยายามยุแยง หรือใช้ให้คนอื่นมาร่วมเกลียดผมไปด้วย ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านั้นไม่เคยรู้จักอะไรกับผมเลย แต่ก็ต้องมาร่วมเกลียดผมไปกับเขาด้วย ทั้ง ๆ ที่ผมก็พยายามอยู่เฉย ๆ โดยใช้สมาธิเข้าช่วย แต่ก็ดูเหมือนศัตรูจะมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนที่โดนยุแยงมา

ผมก็งงว่ามันกรรมอะไร วันหนึ่งนั่งสมาธิ ก็มานึกได้ว่าเมื่อตอนที่ยังเรียนอยู่เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน เคยทำกรรมอย่างหนึ่งที่มีลักษณะคล้าย ๆ กัน คือ ผมและเพื่อนช่วยกันจับพวกปลวกและมดแดงให้มันมาตีกัน ทำแบบนี้แทบจะทั้งสัปดาห์ จนมดแดงและปลวกต่างพากันกัดกัน โดยได้รับการสนับสนุนจากผมและเพื่อน ๆ จนกระทั่งรังของพวกปลวกโดนพวกมดแดงจัดการจนเรียบ

ผมก็เลยสงสัยว่า เป็นเพราะกรรมตัวนี้หรือเปล่าที่ทำให้ผมโดนคนอื่นคอยยุให้คนนั้นคนนี้มาร่วมโกรธเกลียดผมอยู่เรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้จักกันเลย ? แต่ถ้าใช่ ทำไมกรรมที่ผมทำกับพวกสัตว์เล็ก ๆ อย่างพวกมดปลวก ทำไมมันถึงส่งผลแรงแบบนี้ครับ ? แล้วจะมีวิธีแก้กรรมนี้อย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : กรรมนั้นมีผลนิดเดียวเท่านั้น ในส่วนที่มีผลมากก็คือ ทะลึ่งไปทำตัวเป็นคนดีให้คนอื่นเขาหมั่นไส้

เถรี
11-01-2018, 08:41
ถาม : ถ้าเรากล่าวว่า ขอยกบุญทั้งหมดที่เรากระทำมาให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง บุญของเราที่สั่งสมมาจะหายไปหรือเปล่าครับ ? เพราะใช้คำว่า "ยกบุญให้" ไม่ได้ใช้คำว่า "ขอให้เขาโมทนา"
ตอบ : จะยกหรือให้โมทนาก็อาการเดียวกัน ไม่มีใครสามารถเอาบุญที่เป็นทรัพย์ภายในของเราไปได้ ยกเว้นอย่างเดียวว่าพลอยยินดีด้วยถึงจะมีส่วนในบุญนั้น

ถาม : ผมอ่านเจอว่า เคยมีกรณีพ่อแม่เป็นอิสลามแล้วลงโลกันตนรก คนเป็นลูกอยากช่วยด้วยวิชชาธรรมกาย ท่านบอกว่าให้เลือกช่วยได้แค่ ๑ คนเท่านั้น แต่จะเสียบารมีที่บำเพ็ญมา ไม่ทราบว่าการช่วยแบบนี้เราจะเสียบารมีได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : ไม่รู้เหมือนกัน เพราะว่าอาตมาไม่เคยช่วย ต้องไปถามคนที่เขาเคยทำดู

เถรี
11-01-2018, 08:43
ถาม : ผมนำรูปหลวงพ่อและสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุงมาตัดเป็นรูปถ่ายขนาด ๑ นิ้ว เพื่อแจกให้แก่ผู้ร่วมบุญให้เป็นที่ระลึก มีท่านผู้รู้ชี้แจงกับผมว่า ให้ผมไปชำระหนี้สงฆ์ที่วัดท่าซุง ในกรณีนี้เป็นหนี้สงฆ์ที่วัดท่าซุงด้วยหรือครับ ?
ตอบ : ไปถามผู้รู้ อาตมาไม่ใช่ผู้รู้ มาถามอาตมาไม่มีประโยชน์

เถรี
11-01-2018, 08:47
ถาม : กรณีมีผู้เปิดสอนวิชามโนมยิทธิเองท่านหนึ่งที่จังหวัดเพชรบุรี กล่าวเชิงชี้นำขณะสอนให้ผู้ปฏิบัติกำหนดจิตขึ้นไปอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และได้ไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้าและเทวดาชั้นผู้ใหญ่องค์อื่น ๆ โดยชี้นำให้สัมผัส หรือใช้กริยาต่าง ๆ ที่ไม่เหมาะสมไร้ความเคารพ เช่น การขอลูบไล้และนั่งเล่นบนบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์, การเข้าไปในเดินเล่นสัมผัสนั่นนี่ภายในพระจุฬามณีเจดีย์สถานอันเป็นสถานที่สำคัญ หรือการที่นั่งเล่นโดยใช้คำว่า "กลิ้งและเขยิบกระดึ๊บ ๆ ไปมา" บนวิมานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า และมีการตวาดผู้ฝึกที่ไม่สามารถขึ้นไปบนพระนิพพานได้ว่า "ไป ! ไป ! ไปด้วยนะโมพุทธายะ !"

กระผมขอกราบเรียนถามว่ากรณีรูปแบบการสอนวิชามโนมยิทธิของครูสอนท่านนี้ ถือว่าถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ สำหรับการเรียนของผู้ฝึกรายใหม่ตามแบบฉบับของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ?
ตอบ : ฟันธงไปเรียบร้อยแล้วยังทะลึ่งมาถาม...!

ถาม : เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการฝึกมโนมยิทธิที่ขึ้นไปสัมผัสพระนิพพานได้จริง แต่ไปได้ด้วยวิธีที่ไม่เคารพและเหมาะสม กับการนั่งสวดมนต์ธรรมดาหน้าหิ้งพระที่บ้าน แบบใดได้รับอานิสงส์แห่งบุญมากกว่ากันครับ ?
ตอบ : แบบไหนสมาธิทรงตัวมากกว่า แบบนั้นก็มีอานิสงส์มากกว่า

เถรี
11-01-2018, 09:12
ถาม : การฆ่าสัตว์ในแต่ละประเภท ได้แก่ การฆ่าสัตว์ใหญ่กับการฆ่าสัตว์เล็ก การฆ่าสัตว์บกกับการฆ่าสัตว์น้ำ มีโทษหนักเบาแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไรครับ ?
ตอบ : การฆ่าสัตว์ใหญ่และสัตว์มีคุณมีโทษมากกว่า

ถาม : บาปของการฆ่าสัตว์ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับวิวัฒนาการของสัตว์ คือยิ่งมีวิวัฒนาการมาก ยิ่งบาปมาก ถูกต้องหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : การฆ่าสัตว์ใหญ่มีบาปมากกว่า เพราะต้องใช้กำลังใจในการฆ่าสูงกว่า การฆ่าสัตว์มีคุณมีบาปมากกว่า เพราะว่าการที่จะฆ่าสิ่งที่มีคุณก็ต้องใช้กำลังใจหนักเข้าไปอีก เพราะฉะนั้น...เขาวัดกันในลักษณะอย่างนี้ ไม่ใช่วัดตามที่คุณว่ามา

ถาม : คติของไทยในอดีตไม่นิยมฆ่าสัตว์ใหญ่เนื่องจากคิดว่าเป็นบาปมาก จึงนิยมกินปลากินสัตว์เล็กเป็นอาหาร ในขณะที่คติของทางทิเบตเดิมจะนิยมฆ่าสัตว์ใหญ่เพื่อเป็นอาหาร เนื่องจากสัตว์ใหญ่เพียงตัวเดียวสามารถเลี้ยงคนได้มาก จึงขอเรียนถามหลวงพ่อว่า คติความเชื่อใดจะทำให้ได้บาปน้อยกว่ากันครับ ?
ตอบ : ถ้านับชีวิตสัตว์ ถ้าฆ่าจำนวนชีวิตมากกว่า ก็น่าเป็นโทษมากกว่า แต่การฆ่าสัตว์ใหญ่และสัตว์มีคุณ บางทีก็บาปหนักกว่า ก็ต้องดูว่าสิ่งที่เขาฆ่านั้นต้องใช้กำลังใจในการฆ่ามากกว่าหรือไม่ ?

ถาม : ที่พระอาจารย์กล่าวว่า สัตว์ต่าง ๆ ล้วนเป็นจิตวิญญาณของมนุษย์ แต่อยู่ในร่างกายสัตว์ เช่นนั้นแล้วสัตว์ทุกชนิดล้วนมีอารมณ์ความคิดความรู้สึกแบบเดียวกับมนุษย์ใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : จะว่าแบบเดียวกับมนุษย์ทั้งหมดก็ไม่ใช่ แต่ความรู้สึกรัก โลภ โกรธ หลงคล้ายคลึงกัน

เถรี
11-01-2018, 20:37
ถาม : สัตว์บางชนิด โดยเฉพาะสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น แมงกะพรุน จะมีความคิดเช่นเดียวกันกับมนุษย์ด้วยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้ามีจิตก็มีความคิด ถ้าไม่มีจิตก็ไม่มี

เถรี
11-01-2018, 20:42
ถาม : ท่านใหม่ท่านตายเนื่องจากจมน้ำ นับว่าเป็นการตายก่อนอายุขัยใช่หรือไม่ครับ ? แล้วเหตุใดเมื่อท่านตายท่านจึงไปเป็นเทวดาได้เลยครับ ไม่ต้องเป็นสัมภเวสีก่อน ?
ตอบ : ถ้าเปรียบท่านใหม่กับอายุคนเกิน ๘๐ ปีแล้วนะ ถ้ายังตายก่อนอายุขัยอีกก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว

ถาม : ขณะจมน้ำตาย โดยปกติจิตน่าจะจับความทุกข์เพราะความทรมานขณะจมน้ำขาดอากาศ แต่เพราะเหตุใดท่านจึงเป็นเทวดาชั้นดาวดึงส์ได้ครับ ?
ตอบ : เพราะว่าเสียชีวิตด้วยสภาพจิตที่เข้มแข็ง ถ้าเป็นคนก็คือทรงฌานอยู่เสมอ บุคคลเช่นนั้นต่อให้เกิดอุบัติเหตุถึงแก่ความตายก็ไปดีอยู่แล้ว

ถาม : สุนัขที่มีขนใต้คาง ๔ เส้นมักมาจากภพภูมิไหนหรือครับ ?
ตอบ : อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เทวดาหรือพรหม

เถรี
11-01-2018, 20:46
ถาม : ข้าพเจ้าได้อ่านเรื่องราวของมหาวาจกอุบาสก ซึ่งเดิมฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา หากแต่ว่าภายหลังจากเจริญกายคตานุสติกรรมฐานมาเป็นเวลาหลายสิบปี ก็ไม่ได้สำเร็จโลกุตรธรรมตามที่ใจต้องการ จนทำให้มีใจเห็นผิด เสื่อมศรัทธาจากพระพุทธศาสนา และไปเกิดในภพภูมิเดรัจฉานในที่สุด

จากเรื่องนี้ จึงขอกราบเรียนถามพระอาจารย์ครับว่า หากข้าพเจ้ายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ จะมีวิธีใดหรือข้าพเจ้าต้องอธิษฐานจิตอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเห็นผิดเหมือนเช่นกรณีของมหาวาจกอุบาสกครับ ?
ตอบ : เป็นพระโสดาบันถึงจะปลอดภัยที่สุด

เถรี
11-01-2018, 20:49
ถาม : โยมนั่งสมาธิก่อนเข้านอน โยมได้กลิ่นหอมเหมือนกลิ่นดอกไม้เสมอ โยมรู้ว่าเป็นกลิ่นของเทวดาเพราะหลวงพ่อฤๅษีท่านบอกไว้ แต่พอช่วงที่แผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่ยังมีชีวิตอยู่ กลับได้กลิ่นเหม็นเป็นกลิ่นเหมือนหนูตายบ้าง เหมือนขี้หมาบ้าง เป็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว อยากกราบเรียนหลวงพ่อว่าเป็นเพราะเหตุใดคะ ?
ตอบ : เวลาที่เราทำความดี พรหมเทวดาที่รักษาท่านแสดงออก เราก็จะได้กลิ่นหอม แต่ตอนที่เราแผ่เมตตาหรืออุทิศส่วนกุศล บุคคลที่มารับเป็นคนละภพคนละภูมิกัน เขาย่อมแสดงออกตามภพภูมิของเขา ถือเป็นเรื่องปกติ

เถรี
11-01-2018, 20:52
ถาม :โยมอ่านหนังสือของหลวงพ่อ สัพเพเหระเล่มที่ ๑ หน้าที่ ๔๖ หัวข้อที่ ๔๑ มีใจความว่า “ หลวงพ่อกล่าวถึงท่านสุปปพุทธกุฏฐิ...” แล้วจิตของโยมก็บอกว่า ท่านผู้นี้มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด พออ่านต่อไป ในหนังสือกล่าวไว้ว่า “ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ท่านสุปปพุทธกุฏฐิเป็นพระโสดาบัน พระสงฆ์ทั้งหลายก็สงสัยว่า พระอริยบุคคลทำไมเป็นโรคเรื้อนด้วย ....”

โยมตกใจจึงปิดหนังสือไม่กล้าอ่านต่อ ไม่เข้าใจว่าตนเองสามารถรู้ได้อย่างไร เพราะโยมรู้ว่าโยมยังไม่ดีพอ โยมขอกราบหลวงพ่อโปรดเมตตาอธิบายนะคะ
ตอบ : สภาพจิตของเราตอนอ่านหนังสือทรงสมาธิอยู่ ถ้าสมาธิอยู่ในระดับอุปจารสมาธิ ย่อมเกิดความเป็นทิพย์ขึ้นมาได้ เมื่อเกิดความเป็นทิพย์ในลักษณะของทิพจักขุญาณ ก็ย่อมสามารถที่จะรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมาได้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว

เถรี
11-01-2018, 20:54
ถาม : เมื่อครั้งที่มีโอกาสกราบหลวงพ่อที่บ้านเติมบุญ โยมถามหลวงพ่อว่าความรักของมารดาที่มีต่อบุตรเป็นความรักแบบเมตตาหรือไม่ หลวงพ่อได้เมตตาตอบว่าเป็นความรักแบบเมตตา โยมขอถามหลวงพ่อต่อว่า ทำไมความรักที่โยมมีต่อบุตรที่เป็นความรักแบบเมตตาจึงยังความทุกข์ต่อโยมคะ ?
ตอบ : มีใครบอกว่าเมตตาแล้วไม่ทุกข์วะ ? ยิ่งเมตตาเกินประมาณก็ยิ่งทุกข์หนักเข้าไปอีก ถ้าอยากจะไม่ทุกข์ ต้องวางอุเบกขาให้ได้ โดยเฉพาะอุเบกขาในสังขารุเปกขาญาณ

เถรี
11-01-2018, 20:57
ถาม :หลังจากผมปฎิบัติสมาธิได้ประมาณ ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา ผมพบว่ามีความสงบ และมั่นคงในสมาธิ อย่างไม่เคยเจอมาก่อน และเมื่อภาวนาคาถาบทใด เมื่อถึงระดับหนึ่งจิตจะดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ เหมือนดิ่งลงไปในเหวลึกไม่สิ้นสุด ผมสามารถเข้าสมาธิได้รวดเร็วขึ้น เพียงแต่กำหนดลมหายใจเข้าออก และภาวนาคาถาเพียงจบเดียวจิตก็เป็นสมาธิ ดังที่หลวงพ่อเคยเทศน์สอนไว้

ต่อมาได้เกิดปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ เข้ามาและหนักขึ้นเรื่อย ๆ ผมใช้สติปัญญาที่มีอยู่แก้ไขเป็นเรื่อง ๆ ก็ผ่านไปทีละปัญหา แต่จิตใจผมไม่หวั่นไหว ผมอยากสอบถามว่าปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาก และแตกต่างจากตอนที่ผมไม่ได้ปฎิบัติสมาธิ เกิดจากสาเหตุใดครับ ?
ตอบ : บังเอิญเกิดตอนนั้นพอดี หรือเกิดจากการ "จัดฉาก" ของมาร เพื่อจะให้เราเข้าใจผิด ว่าปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นเพราะเราปฏิบัติ แล้วจะให้เราเลิกทำเสีย เพราะฉะนั้น...โปรดอย่าโง่ไปเข้าใจแบบนั้นเป็นอันขาด

เถรี
11-01-2018, 20:59
ถาม : เนื่องจากกระผมห้อยผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามอยู่ กระผมจึงอยากจะนำคำอาราธนาผ้ายันต์มาใช้เป็นคำภาวนาด้วย จะสามารถทำได้หรือไม่ขอรับ แล้วจะมีอันตรายหรือเปล่าขอรับ ?
ตอบ : คำภาวนาทุกอย่างไม่มีอันตรายอะไร สามารถทำได้เป็นปกติ

เถรี
11-01-2018, 20:59
ถาม :กระผมขออนุญาตนำพรที่ขึ้นต้นด้วย สิทธิกิจจัง ฯ ของพระอาจารย์มาเป็นคำภาวนาได้หรือไม่ขอรับ โดยเปลี่ยนคำสุดท้ายจาก เต เป็น เม ?
ตอบ : เอาที่สบายใจเลย

เถรี
11-01-2018, 21:03
ถาม :ถ้านั่งสมาธิในสถานที่ที่มีคนอื่นอยู่ด้วยมากมาย แล้วรู้สึกเหมือนมีเราคนเดียวเท่านั้น กับการรู้สึกว่างเปล่าเหมือนไม่มีอะไร แม้แต่ตัวเราก็ไม่มี แตกต่างกันอย่างไร ? แบบไหนจะดีกว่ากัน ?
ตอบ : ถ้ารู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวแสดงว่าจิตกับประสาทเริ่มแยกออกจากกันแล้ว ไม่รับรู้อาการภายนอก แต่ในส่วนของความว่างเปล่าไม่มีอะไรนั้น ต้องดูว่าว่างแบบไหน ? ส่วนใหญ่แล้วความว่างจะเป็นอาการของอรูปฌาน แต่ถ้าสามารถว่างในลักษณะของจิตที่ปราศจากกิเลสได้ก็ถือว่ามีอานิสงส์สูงสุด

เถรี
11-01-2018, 21:05
ถาม :ขอให้พระอาจารย์ให้นิยาม คู่บุญคู่บารมี คู่สร้างคู่สม และคู่เวรคู่กรรม และให้คำแนะนำเรื่องควรจะปฏิบัติตนแบบใดจึงจะไม่มีคู่เวรคู่กรรม ?
ตอบ : คู่บุญคู่บารมีกับคู่สร้างคู่สมน่าจะเป็นประเภทเดียวกัน ส่วนใหญ่คู่เวรคู่กรรมนั้นอยู่ด้วยกันแล้วก็หาความสุขไม่ได้ ทะเลาะเบาะแว้งตบตีกันอยู่เสมอ ถ้าหากจะให้พ้นได้มีอยู่ทางเดียวคืออย่ามาเกิดอีก

เถรี
11-01-2018, 21:12
ถาม : ผมมีความชอบใจในพระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ตามด้วยนะโมพุทธายะ จึงอยากจะนำพระคาถานี้มาเป็นคำภาวนา อยากจะทราบว่าถ้าทำขึ้นแล้ว ผลของพระคาถานี้จะเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : เรื่องของคาถา สภาพจิตของเรามุ่งไปทางไหน ผลก็จะเป็นอย่างนั้น

ถาม : ผมสามารถสวดปริตรต่าง ๆ และได้อานุภาพแห่งปริตรคุ้มครองในทันที ยกเว้นแต่เพียงโพชฌังคปริตรเท่านั้น ซึ่งผมไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร ทำไมสวดแล้วจึงไม่เกิดผลทันทีเช่นเดียวกับปริตรบทอื่น จึงขอความเมตตาขอทราบวิธีที่จะทำให้สวดโพชฌังคปริตรแล้วเกิดผลทันทีด้วยครับ ?
ตอบ : โพชฌังคปริตรเขาให้พินิจพิจารณาว่า แม้กระทั่งบุคคลที่เป็นพระอรหันต์แล้วก็ยังเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติ พูดง่าย ๆ ว่าปริตรนี้มีเอาไว้เพื่อระงับอาการเจ็บป่วย โดยให้เราพิจารณาในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเมื่อเอ็งไม่ป่วยแล้วจะให้มีผลก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ ถ้าอยากให้มีผลก็ให้สวดตอนป่วย

ถาม : เวลาผมสวดมนต์ ผมมักจะได้ยินเสียงสวดของตัวเองสะท้อนก้อง ๆ อยู่เหนือหัวและรอบ ๆ ตัวเอง ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะมุมห้อง แต่หลัง ๆ สังเกตว่าไปสวดตรงไหนก็เป็นแบบนั้น มีวันหนึ่งหลังสวดเสร็จเลยลองถามคนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ว่าเสียงสวดผมนั้นสะท้อนก้อง ๆ ไหม เขาบอกว่าไม่ เลยกลายเป็นว่าผมได้ยินเสียงก้องนั้นอยู่คนเดียว อยากเรียนสอบถามว่า เสียงก้อง ๆ นั้นเกิดจากอะไรครับ ?
ตอบ : เกิดจากสภาพจิตที่เป็นสมาธิแน่นกว่าปกติ ก็คือ ปกติเราไม่มีสมาธิ เวลาสวดมนต์ต้องตั้งใจเพื่อไม่ให้เผลอสวดผิด สภาพจิตเริ่มเป็นสมาธิอาการต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้น

เถรี
11-01-2018, 21:16
ถาม : ผมกลัวว่าจะโดนหลอกให้หลงจึงไม่ฝึกตัวเองให้ได้ยินหรือเห็น ภูติผีเทวดา เรียนถามว่าผมทำถูกแล้วหรือไม่ หรือควรจะไปฝึกให้เห็นให้ได้ยินครับ ?
ตอบ : ถูกแบบของเอ็ง..!

ถาม : ผมกำหนดจิตเอาจักรแก้วหมุนลงมาจากฟ้า ปรากฏเป็นพายุพัดทำลายบริเวณที่กำหนด ถ้าหากผมกำหนดเอาจักรแก้วหมุนขึ้นมาจากดิน จะเกิดแผ่นดินไหวหรือไม่ ?
ตอบ : ทดลองดูก่อน โดยเฉพาะมาทดลองแถว ๆ นี้ดูก็ได้...!

เถรี
11-01-2018, 21:26
ถาม : ผมสงสัยศีลข้อ ๓ กาเมฯ ถ้าผมมีแฟนแล้วพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายทราบดีว่าเราคบกัน แต่ไม่ได้แต่งงานกัน แต่ผมมีอะไรกับแฟน อยากทราบว่าผิดศีลหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าพ่อแม่เขาไม่อนุญาต ต่อให้เขาทราบก็ผิดเต็ม ๆ

ถาม : ศีลข้อ ๕ ถ้ามีบุคคลที่ดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ ดื่มไม่มาก อยากทราบว่าเจตนาดื่มเพื่อสุขภาพ ศีลจะขาดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าล่วงศีลขาดทั้งนั้น ไม่ว่าจะดื่มด้วยสาเหตุใดก็ตาม เพียงแต่ว่าถ้าเจตนาไม่ได้ดื่มให้เมา โทษก็น้อยลงไปตามส่วน

ถาม : ในบางประเทศในทางการแพทย์ การสูบกัญชาสามารถช่วยรักษาอาการโรคบางประเภทได้ อยากทราบว่าถ้าเสพกัญชาตามใบสั่งแพทย์ จะผิดศีล ๕ หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : กรณีศีล ๕ ผิดน้อยมาก แต่จะผิดกฎหมายติดคุกเสียมากกว่า..!

เถรี
11-01-2018, 21:29
ถาม : จิตของเราสามารถบังคับเลือกได้ไหมว่า เราอยากตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ ? แล้วเราสามารถให้พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์สาวก ตัดสินใจเลือกแทนเราได้ไหมว่าเราเหมาะกับการตรัสรู้แบบไหน ?
ตอบ : ตัวเองจะกินเอง แต่ให้คนอื่นเลือกว่าจะเอาอาหารอะไร ถ้าเป็นอาตมาแนะนำก็เจอน้ำพริกกะเหรี่ยงเท่านั้น..!

เถรี
12-01-2018, 22:55
ถาม : ผมเข้าใจถูกไหมครับว่า พระพุทธเจ้าประเภทปัญญาธิกะ ๗ อสงไขยแรก ตอนที่ท่านคิดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าเป็นช่วงที่ท่านบารมียังอยู่ขั้นอ่อนสุด แล้วพอมา ๙ อสงไขยที่กล่าววาจา ตอนนี้พระโพธิสัตว์ท่านบารมีอยู่ขั้นกลาง แล้ว ๔ อสงไขยสุดท้ายคือขั้นสูง ?
ตอบ : ไปลองทำดูเดี๋ยวก็รู้เอง..!

เถรี
12-01-2018, 22:58
ถาม : ตอนนี้ผมพยายามจะฝึกมโนมยิทธิกับอานาปานสติ บางครั้งผมไม่อยากคิด ไม่อยากใช้คำภาวนา ก็ใช้อานาปานสติ เลยอยากถามว่า ผมควรฝึกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือว่าทั้งสองอย่างดีครับ ?
ตอบ : การฝึกมโนมยิทธิก็ต้องภาวนานะมะพะธะ ซึ่งเป็นอานาปานสติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อทำได้ก็ซักซ้อมให้คล่องตัว จนเราสามารถใช้มโนมยิทธิได้ทุกเวลาที่ต้องการ จึงจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

เถรี
12-01-2018, 23:03
ถาม : ผมเคยถามหลวงพ่อปีก่อน เกี่ยวกับอาการที่หัวใจเต้นแรงเหมือนแผ่นดินไหวเวลาฝึกมโนมยิทธิ หลวงพ่อตอบว่าเป็นนั่นเป็น "อาการของกำลังสมาธิที่รวมตัว เพื่อที่จะส่งกายในออกไป ถ้าแรงกว่านั้นอีกนิดเดียวก็ไปได้แล้ว" แต่เพราะกลัวตายเลยกายในไม่ได้ไปไหน ผมเลยสงสัยว่า สมมติว่าผมอยากเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคต แต่กลัวว่าถ้าตายตอนทำมโนมยิทธิ แล้วกายในผมอยู่บนพระนิพพานตอนนั้น แปลว่าผมไม่ต้องเกิดอีก แปลว่าอดเป็นพระพุทธเจ้า อยากถามว่าผมเข้าใจถูกไหมครับ ?
ตอบ : เข้าใจผิดไปล้านโยชน์..! กำลังใจที่ยังตัดกิเลสไม่ได้ คุณมีสิทธิ์แค่ไปเที่ยวพระนิพพาน แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่

ถาม : ถ้าอย่างนี้เวลากายในผมออก อยากทราบว่าถ้าผมอยากไปพรหมโลก ต้องนึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนแล้วขอให้ท่านพาไปได้ใช้ไหมครับ หรือว่าช่วงนั้นพระพุทธเจ้าท่านไม่ว่าง เพราะผมคิดว่ามีชาวพุทธเป็นล้านคนอีกหลายประเทศที่ขอให้พระท่านช่วย ผมควรทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : ให้คิดโง่ ๆ แบบนั้นต่อไป...! ขอพร้อมกันกี่ล้านคนท่านก็สงเคราะห์ได้ แต่ขณะเดียวกันก็ควรทำให้เกิดความคล่องตัวชนิดที่จะไปไหนได้ก็ไปได้ด้วยตนเองด้วยในทันที ไม่ใช่รอแต่การช่วยเหลืออย่างเดียว

เถรี
12-01-2018, 23:06
ถาม : ฆราวาสที่ได้มโนมยิทธิเต็มกำลัง แล้วถอดกายในไปพระนิพพานเป็นเวลา ๗ วันแบบพระอรหันต์ที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติ ผมอยากทราบว่าตอนที่ฆราวาสนั้นออกจากสมาธิฌาน ๔ เต็มกำลัง แล้วตอนนั้นแม่ของฆราวาสคนนั้นทำข้าวให้ฆราวาสกิน ผมอยากทราบว่า แม่จะรวยวันนั้นเหมือนกับทำบุญพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าแม่เจตนาอย่างไร ถ้าสักแต่ทำตามหน้าที่ผลก็น้อย ถ้าหากตั้งใจทำเพื่อเอาอานิสงส์ ผลก็จะได้ตามนั้น เพียงแต่ว่าขึ้นอยู่กับกำลังใจของฆราวาสนั้นว่าทำได้ขนาดไหน ถ้าทำได้มากแม่ก็ได้บุญมาก ทำได้น้อยแม่ก็ได้บุญน้อย

เถรี
12-01-2018, 23:09
ถาม : ผมสงสัยว่าคนที่ฆ่าตัวตาย ทำไมส่วนใหญ่เขาไม่ได้ไปดีแบบพระโคธิกะ ที่ท่านเบื่อร่างกายเห็นทุกข์ เลยฆ่าตัวตายแล้วไปพระนิพพาน ?
ขอยกตัวอย่างล่าสุดที่มีหญิงสาวกระโดดสะพานพระราม ๘ แล้วในข่าวบอกมาว่าอาจจะเป็นเพราะเรื่องความรัก ในเมื่อบุคคลที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่เกิดจากความทุกข์ แล้วตามที่ผมเข้าใจถ้าเห็นทุกข์ก็เห็นธรรม หลวงพ่อช่วยอธิบายทีครับ
ตอบ : ไม่เห็นต้องอธิบายอะไร ในเมื่อเห็นทุกข์ก็เห็นธรรม วางทุกข์ลงก็สามารถไปพระนิพพานได้ แต่คราวนี้เขาเห็นทุกข์แต่แบกทุกข์เอาไว้อย่างเดียว สภาพจิตเศร้าหมองจึงลงข้างล่างกันหมด

เถรี
12-01-2018, 23:10
ถาม : ถ้ามีคนฝากเราทำบุญ แล้วเราเอาเงินที่เขาฝากมานั้นไปใช้ก่อน ภายหลังเราเอามาคืนตามจำนวนที่ยืมไป และก็ได้ทำบุญนั้นตามที่เขาฝากมา การที่เราทำเช่นนี้โดยไม่ได้บอกกล่าวเจ้าของเงิน จะเป็นหนี้สงฆ์หรือมีโทษย้ายเจดีย์ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีหนี้สงฆ์ ไม่มีโทษย้ายเจดีย์ แต่เสี่ยงมาก...ถ้าตายก่อนได้ลงอเวจีแน่นอน..!

เถรี
12-01-2018, 23:20
ถาม : กรณีภิกษุถูกทำแผลโดยนางพยาบาล ระหว่างที่กำลังทำ ภิกษุเกิดมีจิตยินดีในสัมผัสนั้นเข้าแต่ก็พยายามระงับไว้ทัน จะต้องอาบัติสังฆาทิเสสหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เอาให้ดี ๆ นะ สิกขาบทนี้ท่านกล่าวว่า ภิกษุมีจิตกำหนัดจับต้องกายหญิง ต้องอาบัติสังฆาทิเสส คือ ตัวเองมีจิตกำหนัดแล้วไปจับต้องเขา ไม่ใช่เขามาจับต้องเรา

แต่การที่เขามาจับต้องเราแล้วเราเกิดจิตกำหนัดขึ้นมา ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของเรา สภาพแบบนั้นถ้าจะปรับก็ปรับได้แค่อาบัติถุลลัจจัย แต่ถ้าถึงเวลาแล้วเราก็กระแซะเข้าไปเพื่อที่จะให้เขาจับเรามากขึ้น ลักษณะอย่างนั้นจะโดนอาบัติสังฆาทิเสส โดยเฉพาะการไปหาหมอครั้งต่อไปต้องระวังให้จงหนัก ว่าเราไปเพราะเจ็บไข้ได้ป่วย หรือว่าไปเพื่อให้พยาบาลจับ ถ้าไปเพื่อให้พยาบาลจับก็โดนอาบัติสังฆาทิเสสเต็ม ๆ..!

เถรี
12-01-2018, 23:22
ถาม : การพกพาพระเครื่องและวัตถุมงคลติดตัว โดยวิธีต่าง ๆ ตามตัวอย่างดังนี้
- แขวนไว้กับสร้อยคอแล้วสวมคอ
- ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
- ใส่ไว้ในกระเป๋าถือ
- ใส่ไว้ในเป้สะพายหลัง
จะได้รับอานุภาพจากพระเครื่องและวัตถุมงคลเหมือนกันหรือต่างกัน อย่างไรครับ ? เนื่องด้วยการพกพาแต่ละอย่างจะมีระยะที่ห่างจากร่างกายเราไม่เท่ากัน
ตอบ : อย่าทิ้งไว้ห่างเกิน ๑ วาก็แล้วกัน ส่วนใหญ่รัศมีของวัตถุมงคลสามารถครอบคลุมได้ในรัศมี ๑ วาอยู่แล้ว

เถรี
12-01-2018, 23:23
ถาม : ผู้ที่ประสงค์ที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลที่เกี่ยวเนื่องกับพระเจ้าจักรพรรดิ เช่น แหวนจักรพรรดิ, รูปหล่อ หรือเหรียญต่าง ๆ ฯลฯ จำเป็นหรือไม่ว่าในอดีตชาติต้องเคยเสวยภพชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิมาแล้วเท่านั้นครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่เคยเป็นจะทำได้ยากมาก ต้องบอกว่าบารมีไม่เพียงพอ ไม่สมควรแก่สิ่งนั้น ๆ บางคนไปทำอาจจะเกิดวิบัติแก่ตัวเองด้วย

เถรี
12-01-2018, 23:25
ถาม : "พระพรหมธาดา" หรือ "พระพรหมธาดาโสฬสมหาพรหม" มีบทบาทและความสำคัญอย่างไรในคติความเชื่อที่อ้างอิงถึงท่านในทางพระพุทธศาสนาครับ ?
ตอบ : อาตมายังไม่เคยเจอ เลยบอกไม่ได้

เถรี
12-01-2018, 23:29
ถาม : กระบวนการที่นำวัตถุมงคลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกรูปแบบที่เป็นโลหะ เช่น ตะกรุด, มีดหมอ, ตะปูสังฆวานร, ยอดฉัตร, พญาสมิงเหล็ก, เหล็กไหล และแผ่นจารอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ ฯลฯ มาหลอมรวมกันจนละลายเป็นน้ำและเทลงบนแม่พิมพ์เป็นแท่ง ๆ หลายแท่ง

ขอกราบเรียนถามว่าอานุภาพในแต่ละด้านของแต่ละสิ่งของที่หลอมรวมลงไปทั้งหมดในแต่ละแท่งที่ได้มานั้น ยังคงมีอานุภาพเดิมเป็นลำดับประเภท ๆ รวมกันในแท่งเดียว คล้ายกับเวลาหุ่นยนต์ประกอบร่างเป็นหุ่นขนาดใหญ่ขึ้นหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าเจ้าของไม่ได้อธิษฐานว่า ละลายแล้วให้หมดอานุภาพ ก็ยังคงมีอานุภาพอยู่ตามนั้น


ถาม :การนำแท่งชนวนเล็ก ๆ ไปใช้งานต่อในอนาคต สามารถใช้เป็นหัวเชื้อใส่ลงไปหลอมในเตาที่มีโลหะธรรมดาที่ยังไม่ได้เข้าพิธี เหมือนวิธีใช้น้ำมันชาตรี (ของเก่าเททับลงของใหม่) ได้หรือเปล่าครับ ? และอานุภาพจะมีการเจือจางไปด้วยหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าชนวนนั้นได้รับการอนุญาตแบบเดียวกับน้ำมันชาตรีว่าเติมเท่าไรก็มีอานุภาพเท่าเดิม ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่มีผลเกี่ยวกับอัตราเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รับอนุญาตเช่นนั้น ก็แปลว่ายิ่งผสมมากเท่าไรก็ยิ่งเจือจางไปมากเท่านั้น

เถรี
12-01-2018, 23:34
ถาม : แท่งชนวนที่มีส่วนผสมจากการหลอมชนวนสำคัญ เช่น ชนวนการหล่อสมเด็จองค์ปฐม ตะกรุดมหาสะท้อน หรือพระขรรค์โสฬส ฯลฯ แท่งชนวนเหล่านี้จำเป็นต้องนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกซ้ำอีกครั้ง หลังจากที่หลอมเสร็จแล้วหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น เอาไปใช้งานได้เลย เพราะว่าพอสร้างเป็นวัตถุมงคลแล้ว ส่วนใหญ่เขาก็จัดพิธีพุทธาภิเษกซ้ำอยู่แล้ว

ถาม : วัตถุมงคลที่มีการหลอมผสมจากชนวนสำคัญหลาย ๆ สำนัก เช่น แท่งชนวนรวม หรือไม้ถือวัดท่าขนุน ฯลฯ จนรวมกันเป็นหนึ่งเดียวนั้น จำเป็นต้องอาราธนาตามฝอยคำอาราธนาวัตถุมงคลแต่ละสำนักที่ได้กำหนดไว้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : จริง ๆ น่าจะแยกนะ เพราะของวัดท่าขนุนก็ลงไปร้อยกว่าอย่าง อาราธนาให้ตายไปเลยก่อนที่จะได้ใช้...! ส่วนใหญ่พอถึงเวลาทำเสร็จแล้วท่านบอกว่าใช้คาถาอะไรกำกับ เอาแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

เถรี
13-01-2018, 22:29
ถาม :การที่หลวงพ่อเคยเมตตากล่าวว่า หากมีลูกกรอกมาอยู่กับหลวงพ่อเป็นเวลานาน หลวงพ่อคงรวยกว่าคุณทักษิณไปแล้ว ขอกราบเรียนถามว่า จะมีวิธีใช้ลูกกรอกอย่างไรหรือครับ เพื่อให้รวยกว่าคุณทักษิณ ?
ตอบ : ขอหวยทุกงวด..!

ถาม : หากทำอาชีพเกษตรกรรม ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ควรอาราธนาลูกกรอกอย่างไรให้เรามีทรัพย์สินมากครับ ?
ตอบ : ถามเขาว่าปีนี้ปลูกพืชผลชนิดไหนจะมีราคาสูง เลี้ยงสัตว์ชนิดไหนจะมีราคาสูง แล้วก็ปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ชนิดนั้น

เถรี
13-01-2018, 22:32
ถาม : การอ่านชาดกแล้วโมทนา จะได้บุญของท่านที่เราโมทนาหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อย่าลืมว่าโมทนาคือ มีจิตยินดีในสิ่งที่เขาทำในขณะที่เราไม่มีโอกาสทำ การตั้งกำลังใจเช่นนี้จึงจะเป็นปัตตานุโมทนามัยที่แท้จริง แต่ถ้าโมทนาแบบที่คุณว่ามา อยู่ในลักษณะ "กูจะเอา" เป็นโลภะเจตนา สภาพจิตประกอบไปด้วยความโลภ แล้วจะไปเอาอานิสงส์ที่ไหนมา ?

เถรี
13-01-2018, 22:39
ถาม : การระลึกถึงอดีตชาติของพระพุทธเจ้า จัดเป็นพุทธานุสติหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเราระลึกถึงโดยมีคำว่า "พระพุทธเจ้า" อยู่ จัดเป็นพุทธานุสติทั้งนั้น

ถาม : การระลึกถึงชาติก่อนของพระอรหันต์ เช่น ระลึกถึงขุนแผน เช่นนี้จะเป็นเทวตานุสสติ หรือสังฆานุสสติครับ ?
ตอบ : น่าจะเป็นปุคคลานุสติซึ่งไม่มีในตำรามากกว่า เพราะว่าเป็นการนึกถึงเฉพาะคน ยกเว้นว่าเรามั่นใจว่าขุนแผนเป็นเทวดา นึกถึงก็เป็นเทวตานุสติ ถ้าเรานึกว่าขุนแผนเป็นพระอริยเจ้า ก็จะเป็นสังฆานุสติ เป็นต้น

เถรี
13-01-2018, 22:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมที่มาถามเรื่องกสิณ ๑๐ เดือนที่แล้ว เดือนนี้มาถามเรื่องอรูปฌาน ปรากฏว่าได้คำตอบจากหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์รายเดือนฉบับเดือนนี้แล้วก็เลยกลับ อาตมาก็ไม่ต้องเหนื่อย ส่วนใหญ่ถ้าฝึกกสิณได้ ควรที่จะทำอรูปฌานเผื่อเหนียวไว้ก่อน ความจริงอรูปฌานก็ดีนะ อดข้าวได้นานดี ไม่รู้สึกรู้สาอะไร ส่วนพวกเราไปภาวนาคาถาเงินล้านดีกว่า ถึงเวลาทำมาหากินคล่องตัว ปัญหาทุกอย่างก็น้อยลงไปเอง"

เถรี
13-01-2018, 22:57
ถาม : ระหว่างคาถาสะเดาะกุญแจกับโสตัตตะภิญญา แบบไหนดีกว่า ?
ตอบ : อยู่ที่เราชอบ โสตัตตะภิญญาคลุมทุกอย่างอยู่แล้ว เอาบทใหญ่ไปเลยก็ได้

เถรี
13-01-2018, 23:10
พระอาจารย์กล่าวว่า "แพะหลวงปู่อ่ำหายากขึ้นเรื่อย ๆ ต้องบอกว่าอุปสงค์มีมาก อุปทานมีน้อย เนื่องจากว่าของรุ่นหลัง ๆ อย่างหลวงพ่อลัดหรือหลวงพ่อเริ่มคนก็แย่งกันแล้ว ราคาแพะของลูกศิษย์ยังขึ้นเอา ๆ แล้วของอาจารย์จะไปเหลืออะไร ?"

เถรี
13-01-2018, 23:19
พระอาจารย์แจกรูปหลวงพ่อกวย "รูปหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม หรือวัดบ้านแค อยากได้อะไรก็โวยวายเอากับหลวงพ่อท่านก็แล้วกัน

เดือนที่แล้วอาตมาไปพุทธาภิเษกที่วัดของท่าน ขีปนาวุธบินว่อนเลย ครูบาอาจารย์สายนั้น แม้กระทั่งหลวงพ่อกวยเอง ท่านเล่นมาทางไสยศาสตร์มาโดยตรง เพียงแต่ว่าเอามาใช้ในการช่วยคน ก็เลยกลายเป็นไสยขาว ในขณะที่ทั่วไปเขาเอาไปทำร้ายคน เขาจึงเรียกว่าไสยดำ

เมื่อครูบาอาจารย์สายนั้นเล่นของอย่างนี้ ถึงเวลาเจอกันก็ต้องลองของกัน ก็เลยกลายเป็นว่า ถึงเวลาแล้วมีให้สนุกได้ทุกครั้ง"

เถรี
14-01-2018, 21:02
ถาม : กลัวน้ำท่วม จะหาซื้อที่อยู่ ไม่รู้ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหนดี ?
ตอบ : บนพระนิพพานปลอดภัยแน่นอน รีบย้ายไปเลย...!

ถาม : ไม่มีบอกจังหวัดหรือคะ ?
ตอบ : รอดน้ำท่วมแล้วไปเจอแผ่นดินไหวจะเอาไหม ? ถ้าคนจะตาย อย่างไรก็ตายเหมือนกันนั่นแหละ..!

อาตมาอยู่ปากเขื่อนยังไม่ย้ายไปไหนเลย วัดท่าขนุนอยู่ปากเขื่อนวชิราลงกรณเลย เขื่อนแตกตูมนี่ ๓ วินาทีน้ำก็ถึงวัดแล้ว รู้เดี๋ยวนั้นก็ไม่มีทางหนีทัน ยังไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร คนเราถ้าไม่ได้สร้างกรรมไว้อย่างไรก็รอด ถ้าสร้างกรรมไว้มากอยู่ที่ไหนก็ตาย

เถรี
14-01-2018, 21:13
พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณกอบชัยถวายตำราหลวงปู่รุ่ง วัดหนองสีนวล เป็นพับสา ที่เขาเรียกว่าสมุดไทย สมัยก่อนครูบาอาจารย์เวลาศึกษาอะไรมา ก็ต้องจารจารึกเอาไว้กันลืม ต้องบอกว่าปฏิบัติตามหลักหัวใจนักปราชญ์ ที่บาลีท่านบอกว่า สุ จิ ปุ ลิ วินิมุตโต กถัง โส ปัณฑิโต ภะเว บุคคลจะเข้าถึงความเป็นบัณฑิตคือผู้รู้ได้ ต้องประกอบไปด้วยสุจิปุลิ

สุ คือ สุตะ ฟัง ตั้งใจศึกษา จิ คือ จิตตะ กำลังใจจดจ่ออยู่กับเนื้อหาเหล่านั้น ปุ คือ ปุจฉา ถ้าสงสัยต้องถามจนกระทั่งหมดความข้องใจ ลิ คือ ลิขิต เขียนเอาไว้เพื่อกันลืม

ความจริงคนโบราณสภาพจิตสงบกว่าพวกเรา ทำให้จดจำอะไรง่าย ท่านถึงใช้คำว่า “จำไว้ดีกว่าจด” แต่พอรุ่นหลังมาสภาพจิตเริ่มวุ่นวาย จำอะไรยาก กลายเป็นว่า “จดไว้ดีกว่าจำ” เลยกลายเป็นว่า “จำไว้ดีกว่าจด ถ้าจำได้ไม่หมด จดไว้ดีกว่าจำ”

เถรี
14-01-2018, 21:30
"หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล ก็เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ขำ วัดเขาแก้วเหมือนกัน ศึกษาวิชาการมาก่อนหลวงพ่อเดิม เพราะว่าท่านบวชก่อนหลวงพ่อเดิม ๑๑ พรรษา ต้องบอกว่าเป็นรุ่นอาจารย์คู่สวดได้เลย

คราวนี้ท่านศึกษาการทำมีดหมอมาก่อน ท่านทำสำเร็จตามตำราของหลวงพ่อขำ พอหลวงพ่อเดิมไปเรียนกับหลวงพ่อขำแล้วจะทำมีดหมอ ก็ต้องไปศึกษาเพิ่มกับหลวงพ่อรุ่ง แล้วมีดหมอหลวงพ่อเดิมมีรุ่นหนึ่งที่เป็น ๒ อาจารย์ร่วมกัน ก็คือทำในลักษณะฝังโลหะล้างอาถรรพ์แบบหลวงพ่อรุ่ง แต่ว่าอักขระและรูปยันต์จะเป็นแบบของหลวงพ่อเดิม เป็นรุ่นเดียวเท่านั้น

ในบันทึกเขาเขียนไว้ว่า หลวงพ่อเดิมเอาขึ้นเกวียนไปวัดหนองสีนวล ไปเสกร่วมกับหลวงพ่อรุ่ง เป็นรุ่นที่หายากมาก ๆ อาตมาเอาออกเว็บไปเล่มหนึ่ง หายวับไปแล้ว

ครูบาอาจารย์ที่มาทางสายมีดหมอเทพศาสตราของหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว ต้องบอกว่าหลวงพ่อรุ่งรับช่วงมาเป็นรูปแรก ต่อมาด้วยหลวงพ่อเดิม ถัดไปก็เป็นหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร คราวนี้จากช่วงของหลวงพ่อเดิมมาหลวงพ่อกัน ยังมีหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม หรือว่าวัดบ้านแค ท่านไปศึกษาเอาไว้ด้วย

สมัยปัจจุบันนี้ถ้าหามีดหมอรุ่นเก่า ๆ ไม่ได้ ก็หาของหลวงพ่อกวย หรือหลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพรก็ได้ ได้ของหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้วก็ดี แต่ว่าของหลวงพ่อกันส่วนใหญ่แล้วรุ่นแรก ๆ เซียนพระไร้จรรยาบรรณ ตีเป็นของหลวงพ่อเดิม แล้วขายแพง ราคาเป็นแสน ๆ ทั้ง ๆ ที่ของหลวงพ่อกันนี่ราคาหมื่นกลาง ๆ ก็ได้อยู่แล้ว"

เถรี
14-01-2018, 21:36
"ตอนหลังหลวงพ่อกันท่านกลัวว่าจะไปซ้ำรอยครูบาอาจารย์ ท่านจึงทำใบมีดเป็นสแตนเลสทั้งหมด หมดเรื่องหมดราวไปเลย แต่ว่าพอทำใบมีดสแตนเลส ก็มีอยู่ชุดหนึ่งที่ช่างเขาทำถวายหลวงพ่อกวยด้วย

จึงต้องดูให้ดี ถ้าใบมีดสแตนเลสแล้วมีลายนาคเกี้ยว ให้ตีว่าเป็นของหลวงพ่อกวย ถ้าไม่มีลายนาคเกี้ยว เป็นลายน่องสิงห์เฉย ๆ ให้ตีเป็นของหลวงพ่อกัน แต่ของหลวงพ่อกวยท่านก็เกรงว่าจะซ้ำกัน ท่านก็เลยให้สลับอักขระเสีย ที่เมื่อครู่อ่านจากตำรา จะมี นะ มะ นะ อะ นอ กอ นะ กะ กอ ออ นอ อะ นะ อะ กะ อัง ของท่านเองท่านจะสลับ นอ กอ เป็น กอ นอ สลับกันแค่นี้

แต่คราวนี้ถ้าพวกเราอ่านอักขระขอมไม่ออกก็เจ๊งเลย ดูไม่รู้เรื่อง จึงเหลืออยู่แค่ว่า ถ้าเป็นนาคเกี้ยว ก็ตีเป็นของหลวงพ่อกวยถ้าเป็นน่องสิงห์ก็ตีเป็นของหลวงพ่อกันไป เพราะว่าช่างฝีมือเดียวกัน วัสดุเดียวกัน แล้วก็ยุคใกล้เคียงกัน

เดี๋ยวนี้อะไร ๆ พอหายากขึ้นมาก็ลำบากไปหมด แม้กระทั่งต้นมะขามหน้ากุฏิหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้วล้ม เขาก็เอาไปทำวัตถุมงคลขายกันบรรลัยวายวอดหมด ขนาดต้นไม้ยังเดือดร้อน นี่คงกำลังรอต้นโพธิ์หน้ากุฏิพระอาจารย์เล็กว่าจะล้มเมื่อไรเท่านั้นแหละ...!"

เถรี
14-01-2018, 21:48
พระอาจารย์กล่าวว่า "กุมารทองหลวงพ่อกวยมีแค่ตัวหนึ่งก็พอแล้ว ขนาดกุมารรุ่นหลังที่เลี่ยมสีเหลือง แดง ๆ เขียว ส้ม อะไรนั่น วันก่อนอาตมาตั้งใจจะให้เขา ดันโดดเข้าไปอยู่ในพวงกุญแจ เป็นไปได้อย่างไร ? จะต้องถ่างห่วงออกถึงใส่จึงจะได้ อันนี้ไปห้อยต่องแต่งอยู่เองแล้ว ประมาณว่า "กูไม่ไป" ไม่ไปก็ไม่ไป เก็บไว้เองก็แล้วกัน เป็นอะไรที่ตลก ๆ ขำ ๆ ดี แต่ว่ารุ่นโรงงานทำนั่นดีตรงที่ว่ามีเยอะหน่อย ราคาเลยไม่แพง ถ้าเป็นรุ่นหล่อเองเนื้อชินนี่ ราคาหูดับเลยนะ

ที่ขำกว่านั้นก็คือ ไปงานพุทธาภิเษกเดือนที่แล้ว เป็นงานโชว์วัตถุมงคลหลวงพ่อกวยชัด ๆ โอ้โฮ...แต่ละคนมา ใส่มาเต็มที่เลย "กูลูกศิษย์หลวงพ่อกวยแน่นอน" คนโน้นก็เหรียญอาร์มหลังหนุมาน คนนี้ก็เหรียญกลมหลังยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า ฯลฯ ยุ่งไปหมด ยังดีที่ไม่เปิดเอวให้ดู คาดตะกรุดมาคนละกี่สายก็ไม่รู้ ?

พ่อเจ้าประคุณเถอะ...แถวนั้นถ้าแปลกหน้าไปละเป็นโดน เขาลองของกันซึ่ง ๆ หน้าทั้งนั้น พวกเล่นไสยศาสตร์ส่วนใหญ่จะร้อนวิชา ยังโชคดีว่าหลวงพ่อกวยท่านเล่นมาหนักขนาดนั้น แต่ท่านมั่นคงในเรื่องของศีลพระมาก ท่านไม่ทำอะไรใครแต่ว่าเรียนไว้กันตัวเอง ท่านก็เลยใช้คาถามนต์พระกาฬ

คาถามนต์พระกาฬนี่น่ากลัวมาก อาตมาไม่กล้าใช้เลย คือโดยพื้นดวงของอาตมานั้น อริเป็นมรณะอยู่แล้ว ขืนไปใช้ก็บรรลัยหมด สมัยหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ท่านเรียกว่ายันต์มหากาฬ ก็คือท่านจะลงกระหม่อมให้ ปรากฏว่าลูกศิษย์หลวงปู่ปาน วัดบางนมโคไปหา ท่านบอกว่า “ของที่รับไว้ก็ดีแล้ว ไม่ต้องลงอีก” คราวนี้พอลูกศิษย์หลวงพ่อเดิมจะไปรับยันต์เกราะเพชร หลวงปู่ปานท่านก็บอกว่า “ของที่ได้มาก็เหลือเฟือที่จะคุ้มตัวแล้ว ไม่ต้องรับใหม่” ตกลงว่า ๒ อาจารย์ท่านบอกว่า "ความรู้ยันกัน" ท่านหนึ่งใช้คาถายันต์มหากาฬ หรือมนต์พระกาฬ อีกท่านก็ดังทางยันต์เกราะเพชร"

เถรี
14-01-2018, 21:50
"จริง ๆ แล้วก็กันไสยศาสตร์ได้เหมือนกัน ประเภทของหลวงพ่อกวยท่านกันกลางวัน กันกลางคืน กันทุกเวลา เรียกว่ายันต์มหากาฬหรือคาถามนต์พระกาฬ แต่ว่าจำกัดอยู่ที่ว่าถ้าไปเจอข้อห้าม หรือที่ต่ำเข้าก็จะเสื่อม แต่ถ้ายันต์เกราะเพชรเป็นพุทธานุภาพ...ไม่เสื่อมแต่รักษายากกว่า ผิดศีลก็หายไปเลย"

เถรี
14-01-2018, 21:58
ถาม : เพชฌฆาตฤกษ์ ฟังชื่อแล้วน่ากลัวค่ะ ไม่เข้าใจฤกษ์นี้ ?
ตอบ : ฤกษ์เพชฌฆาตฤกษ์ ก็แปลว่า มีอุปสรรคอะไรก็ชนะหมดทุกอย่าง จะไปกลัวอะไร ? เราอยากเกิดฤกษ์นี้ยังเกิดไม่ได้เลย

ถาม : ฤกษ์มีชื่อหลายชื่อมาก
ตอบ : มีราชาฤกษ์ โจโรฤกษ์ เทวีฤกษ์ ทลิทโทฤกษ์ เพชฌฆาตฤกษ์ ฯลฯ

ถาม : เพชฌฆาตฤกษ์ แปลว่าอะไรหรือคะ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือจะชนะอุปสรรคได้ทุกอย่าง ไม่ใช่ไม่ดีอย่างที่คิดหรอก ไปคิดอะไรบ้า ๆ

ถาม : สงสัยมาตั้งแต่อายุ ๖๐ กว่าแล้วค่ะ ?
ตอบ : น่าจะให้สงสัยต่อไป สมัยก่อนเขามีอยู่ว่า ถ้าเพชฌฆาตเก่า พวกพะทำมะรงพ้นตำแหน่งไป เขาหาคนใหม่มา เขาก็ต้องหาคนที่เกิดเพชฌฆาตฤกษ์ด้วย จะได้เอาไว้ข่มนักโทษได้ แม้กระทั่งปัจจุบันเขาก็ยังเชื่อกันว่า พวกพัสดีที่ดูแลเรือนจำอะไรพวกนั้น ถ้าใครเกิดเพชฌฆาตฤกษ์ คนคุกจะไม่กล้าหือด้วย บารมีข่มคนชั่วอยู่หมัดเลย

เถรี
15-01-2018, 09:46
ถาม : บางคนจะใช้ฉายาพระเป็นนามสกุลได้ไหมครับ ?
ตอบ : ที่ใช้ฉายาพระเป็นนามสกุล มีสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทยมหาเถระ) วัดสระเกศ ที่ท่านให้บรรพบุรุษของผู้การรังสิต ญาโณทัย เอาฉายาท่านไปเป็นนามสกุล ญาโณทโย เป็น ญาโณทัย

คราวนี้ถ้าใช้ฉายาพระ เท่าที่ผ่านมายังไม่มีตรง ๆ แต่บางคนนามสกุลเหมือนฉายาพระชัด ๆ เลย มีหลายคน เช่น คุณชัยรัตน์ ธรรมทัตโต ก็มาจาก ธมฺมทตฺโต คุณกิตติสันต์เมื่อครู่นี้ก็นามสกุล อุตตมะ ถ้าเป็นบาลีก็ตรงกับฉายาพระได้เลย

ท่านที่ได้รับการประทานมาจริง ๆ ก็คือต้นตระกูลของผู้การรังสิต ญาโณทัย ได้ฉายาพระสมเด็จพระสังฆราชท่านไปเลย

เถรี
15-01-2018, 17:24
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องการหล่อหลวงพ่อนากนั้น เม็ดเงินจะรับเฉพาะที่บ้านเติมบุญเท่านั้น เพราะว่าถึงเวลาแล้วต้องจัดสรรลงไปตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดเอาไว้ ไม่สามารถที่จะไปรับเพิ่มเติมที่วัดท่าขนุนได้ ส่วนทองคำยังรับไม่อั้น เพราะว่ายังสามารถใช้หล่อหลวงพ่อทองคำต่อได้"

เถรี
15-01-2018, 17:33
พระอาจารย์กล่าวว่า "จิ้งจกหลวงพ่อหน่ายเนื้อกะลาตาเดียวหายากกว่าตั้งเยอะ แต่คนไปเล่นแต่เนื้องา ตลกดีเหมือนกัน ของหายากไม่เล่น ไปเล่นของหาง่าย หรือเพราะว่าหายากก็เลยไม่เล่นก็ไม่รู้ ?"

เถรี
15-01-2018, 17:46
โยมเอาเหล็กจารของหลวงปู่ศุขมาถวาย "ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีกว่าอะไรทั้งหมด ขออนุโมทนาด้วย เล่มนี้ผ่านมือหลวงพ่อบุญยัง วัดหนองน้อย แล้วผ่านมือหลวงพ่อกวยมาอีกรอบหนึ่ง"

เถรี
15-01-2018, 17:53
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ทำตะกรุดหนังหน้าผากเสือ พอถึงเวลาตัดออกมาแล้ว ส่วนที่เหลือลูกศิษย์ทิ้งเอาไว้ เผลอหน่อยเดียวขมวนกินหมดเลย ขมวนก็คือพวกแมลง

ลูกศิษย์ถามหลวงปู่บุญว่า "ก่อนหน้านี้ขมวนไม่กิน แล้วทำไมตอนนี้กินแล้ว ?" หลวงปู่บอกว่าก็เอาของดีเขาไปหมดแล้ว ก็เลยกันส่วนที่เหลือไม่ได้ เหมือนกับว่าที่สถิตจิตวิญญาณอะไรของเขาอยู่ตรงนี้ที่เดียว พอเอาของเขาไปแล้ว จะเหลืออะไรไว้กันส่วนอื่น ?

ตะกรุดหน้าผากเสืออันดับหนึ่งจริง ๆ ต้องยกให้หลวงพ่อสว่าง วัดเทียนถวาย แต่ของหลวงพ่อสว่างหายาก เขาก็เลยยกของหลวงพ่อนาค วัดอรุณฯ ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแทน"

ถาม : หลวงพ่อสว่างแก่กว่าหลวงพ่อนาคนะครับ ?
ตอบ : ตามที่ศึกษาประวัติมา เขาบอกว่าหลวงพ่อนาคเรียนจากหลวงพ่อสว่าง แต่บางคนก็บอกว่าหลวงพ่อสว่างเรียนจากหลวงพ่อนาค เพราะว่าอายุอยู่ในรุ่นที่ใกล้เคียงกัน แล้วก็เป็นคนมอญเหมือนกัน

ถาม : หลวงพ่อนาคก็มอญ ?
ตอบ : สมัยก่อนครูบาอาจารย์ที่เก่ง ๆ ส่วนใหญ่มาจากสายมอญ สืบสายมาจากหลวงพ่อมหาเถรคันฉ่อง หรือ สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว

เถรี
15-01-2018, 18:43
สนทนากับลูกศิษย์ "ลองไปถามครู (อ.เฒ่า สุพรรณ) ว่า เคยเห็นหลวงพ่อกวยทำมีดหมอที่ด้านหนึ่งเป็นรูปหนุมาน อีกด้านหนึ่งเป็นรูปพาลีให้ใครบ้าง ? หนุมานจะเป็นลักษณะเหมือนกรอบหน้าแต่ไม่ใช่มงกุฎ แต่ของพาลีจะเป็นมงกุฎ เพราะว่าพาลีเป็นเจ้าเมืองขีดขิน

วิชาเกี่ยวกับพวกลิงหรือว่าขุนกระบี่ เท่าที่ดูส่วนใหญ่ก็คือหนุมาน มีหลวงพ่อปาน วัดบางกระสอบ ทำองคต แล้วก็มีหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ทำพาลี ซึ่งไม่เหมือนใคร เพราะว่าส่วนใหญ่ที่ได้ ๆ กันมาจะเป็นวิชาเกี่ยวกับหนุมานหรือลิงลมเสียมาก แม้กระทั่งองคตของหลวงพ่อปาน วัดบางกระสอบ ก็ไม่มีใครสืบต่อ สมัยนี้ที่นิยมเรื่องหนุนดวงกัน พกองคตหลวงพ่อปานดีกว่า"

เถรี
15-01-2018, 18:55
เล่าให้พระฟัง "หลวงพ่อวัดท่าซุงให้วิชาหัวใจหนุมานผม แต่คราวนี้มีจุดอ่อน ผมก็เลยไม่ได้ทำ

ตอนแรกท่านเล่าเรื่องวิชาแคล้วคลาด วิชาหัวใจปลาไหลเผือก ผมขอท่านตั้งแต่สมัยยังเป็นฆราวาสอยู่เลย ท่านบอกว่า "ไม่เอา ลูกข้าหนีเขา...อายเขา มันต้องสู้ เอาหัวใจหนุมานไปก็แล้วกัน" แต่คราวนี้หัวใจหนุมานมีจุดอ่อนอยู่ตรงที่ว่า ถ้าโดนแล้วไม่ซ้ำของจะไม่ขึ้น โดนแล้วต้องซ้ำถึงจะขึ้น ก็คือ ถ้าเขาตีซ้ำของจะขึ้นเลย

คราวนี้กราบเรียนถามหลวงพ่อท่านว่า "ถ้าเขาไม่ซ้ำละครับ ?" ท่านก็บอก "น้ำค้างตกนั่นแหละเอ็งถึงจะฟื้น...!" ก็เลยเป็นวิชาเดียวที่ไม่เรียน แต่ความจริงแค่ภาวนาไม่กี่ทีก็ใช้ได้แล้ว แต่โอ้โฮ...เล่นน้ำค้างตกแล้วค่อยฟื้น

ถ้าซ้ำนี่จะสวนเลย แล้วเร็วด้วย ท่านเรียกว่าหนุมานคลุกฝุ่น ส่วนใหญ่เขาเรียกว่าหัวใจหนุมาน ที่ทำดังที่สุดก็หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว แล้วที่รอง ๆ ลงมา ท่านทำอย่างอื่นดังกว่า อย่างหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แล้วก็หลวงพ่อจ้อย วัดบางช้างเหนือ

แต่ว่าหลวงพ่อจ้อยเขาเรียกลิงเหมือนกันกับหลวงพ่อดิ่ง คาถาปลุกก็ "หะนุมานะ" เหมือนกัน แต่ก็เรียกว่าลิง แต่ว่าของหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุนนี่ช่างแกะเก่ง แกะทรงเครื่องหนุมานชัด ๆ เลย"

เถรี
15-01-2018, 19:04
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานสวดมนต์ข้ามปีของแต่ละปีทวีความสำคัญขึ้นไปเรื่อย ๆ เราจะสังเกตว่าปีใหม่นี้ยอดอุบัติเหตุ ๗ วันอันตรายลดลงไปเยอะมากเลย เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไปสวดมนต์ข้ามปีกัน"

เถรี
15-01-2018, 19:13
ถาม : ภาวนาหัวใจหนุมานต้องดันลิ้นไหมครับ ?
ตอบ : ทรงสมาธิไปเลย ไม่ต้องไปดันลิ้นให้เสียเวลา ที่โบราณให้กลั้นหายใจเอาลิ้นดันเพดานเพื่อที่จะให้จิตเป็นสมาธิ เราเป็นสมาธิแล้วจะเสียเวลาไปกลั้นหายใจทำไม ?

เถรี
15-01-2018, 19:21
พระอาจารย์เล่าว่า "คนจีนเขาบอกว่า ยมบาลกำหนดให้ตายยามสามไม่มีใครสามารถเลื่อนได้ถึงยามห้า เท่าที่อ่านพระไตรปิฎกมามีอายุวัฒนกุมารอยู่คนเดียว

คนเราถ้าถึงวาระอย่างไรก็ต่ออายุไม่ได้ แต่อายุวัฒนกุมารรอดมาได้ เนื่องจากว่าพระพุทธเจ้าเสด็จ คราวนี้ยักษ์ที่เขาจะมาเอาชีวิตอายุวัฒนกุมารเห็นพระพุทธเจ้าก็ไม่กล้าเข้ามา พอเลยเวลาตัวเองก็หมดสิทธิ์ เพราะเวลาของเขาต้องตรงไปตรงมา

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยเล่าให้ฟังว่า มีคนเมามานอนอยู่ที่ศาลาพักร้อนหรือศาลารอรถเมล์อะไรประมาณนั้น เสร็จแล้วหัวค่ำก็เห็นคนตัวใหญ่ ๆ ดำ ๆ คนหนึ่งยืนอยู่ แล้วมี ๒ คนมารายงาน บอกว่าไปเอาชีวิตเขาไม่ได้ เพราะว่าพระล้อมสายสิญจน์สวดพระปริตรกันอยู่

เจ้านายก็บอกว่า “พวกมึงไร้ฝีมือ เดี๋ยวกูไปเอง” พักเดียวก็แบกคนกลับมาโยนโครมให้ บอกว่า “คุมตัวไป” ๒ คนก็ถามว่าแล้วเจ้านายไปเอามาอย่างไร เขาล้อมสายสิญจน์สวดพระปริตรกันอยู่ ? เขาบอกว่า "ล้อมสายสิญจน์ก็จริง แต่มีใบกล้วยทับสายสิญจน์อยู่ กูเหยียบใบกล้วยเข้าไปเอามา" โอ้โฮ...หาช่องว่างจนได้

ลูกน้องเห็นล้อมสายสิญจน์อยู่ เดินวนรอบหนึ่งก็ไปแล้ว แต่เจ้านายเก่งกว่า คนล้อมสายสิญจน์ไม่ได้สังเกตว่ามีใบกล้วยทับอยู่ จึงเหยียบใบกล้วยข้ามไปเอา ตายตามเวลาจนได้ ไม่สามารถที่จะต่ออายุได้ แบบนั้นต้องบอกว่าหมดอายุจริง ๆ

คนเมานั่นตั้งแต่วันนั้นเลิกกินเหล้าเลย เพิ่งจะเชื่อว่าเรื่องเทวดา เรื่องยมทูตมีจริง ๆ เพราะว่าเห็นแล้ว เขาบอกว่าพอเขาเอาไอ้นั่นไปไม่ถึงนาที บ้านนั้นก็ร้องไห้กันระงม เขาก็เลยเดินโซเซไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น ? มีคนบอกว่ามีคนตาย เป็นเราก็หายเมาเหมือนกัน เห็นต่อหน้าต่อตาแบบนั้น"

เถรี
15-01-2018, 19:25
"พระกาฬเปรียบไปแล้วท่านก็ยังเป็นเทวดาชั้นผู้น้อยอยู่ พอพระพุทธเจ้าเสด็จลง เทวดามามาก เทวดาชั้นผู้ใหญ่ท่านมาเยอะ ตัวเองก็ต้องถอยไปตามลำดับ แบบเดียวกับลาชเทวธิดาที่บอกว่า ตอนประชุมมหาสมัยแกต้องไปแช่ในมหาสมุทรแค่คอ

เราลองมานึกถึงว่า เทวดาอย่างต่ำสุดก็สูงถึง ๓ กิโลเมตร ลาชเทวธิดาไปยืนอยู่ในมหาสมุทรลึกขนาดนั้น ไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้เลย เพราะว่าศักดานุภาพสู้เขาไม่ได้"

เถรี
15-01-2018, 19:33
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ด้วยความที่เล่าปี่เป็นกษัตริย์แล้วโอกาสออกรบมีน้อย เลยทำให้คนไม่เห็นฝีมือ แต่ถ้าเราไปอ่านในสามก๊กจะเห็นว่า ตอนที่ ๓ พี่น้องรบลิโป้ โอ้โฮ...ลิโป้นี่ยอดเซียนจริง ๆ ระดับของลิโป้นี่ต่อให้คุณ ๓ รุม ๑ ก็เถอะ ถ้าฝีมือไม่ดีจริงก็ตายขาดอยู่แล้ว แต่เล่าปี่สามารถที่จะปะทะฝีมือระดับลิโป้ได้ ต้องนึกว่าฝีมือเขาต้องอยู่ระดับยอดขุนศึกเหมือนกัน

ส่วนอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้เห็นฝีมือเลยก็คือขงเบ้ง แต่ถ้าเราสังเกตรายละเอียดตอนที่เล่าปี่ไปเชิญตัว ที่ฝากระท่อมของขงเบ้งมีอาวุธสารพัดชนิด ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ก็แสดงว่าใช้งานเป็นปกติ แล้วตอนที่รบกับสุมาอี้ ขงเบ้งบอกว่าจะรบกันตัวต่อตัวหรือรบด้วยพยุหะ ? ยอดขุนศึกอย่างสุมาอี้บอกว่าขอรบด้วยพยุหะ ถ้าขงเบ้งไม่เก่งจริงป่านนี้โดนบี้ตายไปแล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่มีโอกาสแสดงฝีมือ มัวแต่ไปทำหน้าที่วางแผนการรบแทน"

เถรี
15-01-2018, 19:36
ถาม : รบด้วยพยุหะเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : รบด้วยกระบวนทัพ ใช้ทหารแปรขบวนสู้กัน ขนาดประเภทนักศึกษาท้านักรบว่าจะรบตัวต่อตัวหรือพยุหะ ? นักรบยังต้องเลี่ยงไปรบด้วยพยุหะนี่แปลว่าอะไร ? ก็แปลว่าฝีมือจะต้องอยู่ในระดับเหนือกว่า ไม่ใช่ต่ำกว่า

เมื่อมาวิเคราะห์ ๒ จุดนี้ก็คือว่าที่กระท่อมน้อยที่เขาโงลังกั๋ง ฝากระท่อมมีอาวุธทุกชนิด แสดงว่าขงเบ้งใช้เป็นทุกอย่าง แล้วอีกอย่างพอมาท้าสุมาอี้รบด้วยพยุหะ หรือรบตัวต่อตัว สุมาอี้ขอรบด้วยพยุหะ

ถาม : แสดงว่าต้องรู้ฝีมืออยู่ ?
ตอบ : ต้องรู้เพราะว่าเป็นคนยุคเดียวกัน

เถรี
15-01-2018, 19:43
ผมมาสอนวิชาพระพุทธศาสนาในประเทศต่าง ๆ พอมาถึงประเทศจีน ยังทึ่งว่าพระเจ้าโจวอู่หวังบอกว่าเห็นรัศมี ๖ สี พุ่งมาจากทางด้านทิศตะวันตก ก็ถามราชปุโรหิต ราชปุโรหิตบอกว่า บุคคลที่เป็นอัจฉริยะบุรุษเกิดขึ้นแล้ว

พอ ๓๕ ปีผ่านไป ท่านบอกว่าน้ำจากแหล่งน้ำทุกแหล่งล้นปากบ่อ แล้วก็แผ่นดินไหว มีรัศมีสีทองแผ่มาจากทางด้านทิศตะวันตก ถามราชปุโรหิต ราชปุโรหิตบอกว่าบุคคลนั้นเข้าถึงมรรคผล อีกประมาณ ๑,๐๐๐ ปีข้างหน้า คำสอนของท่านจะเข้ามาถึงประเทศจีน เขาบอกล่วงหน้าได้ขนาดนั้น ราชปุโรหิตนี่โคตรเซียนเลย

พอผ่านไปอีก ๔๕ ปี มีรัศมี ๖ สีแผ่มาจากทางด้านทิศตะวันตก ราชปุโรหิตบอกว่ากายหยาบของบุรุษนั้นกำลังแตกดับ เขาบอกได้ขนาดนั้น

เถรี
15-01-2018, 19:47
ถาม : อยู่ในหนังสือไหนครับ ?
ตอบ : อยู่ในประวัติพระพุทธศาสนาเมืองจีน คนจีนมีอะไรเขาจะบันทึกหมด ก็เลยทำให้เขามีเนื้อเรื่องค้นย้อนหลังไปได้เป็นพัน ๆ ปี

พอมาถึงสมัยพระเจ้าโจวมู่หวัง ท่านก็ฝันว่ามีบุรุษกายสีทองคำสูงใหญ่ เดินมาจากทางด้านทิศตะวันตก ก็ถามปุโรหิต ปุโรหิตบอกว่า...โน่น...สมัย ๑,๐๐๐ ปีที่แล้วมา ก็คือสมัยปู่ทวดของท่าน มีบุคคลที่เรียกว่าพระพุทธ เกิดขึ้นทางด้านทิศตะวันตก

ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่หลักธรรมของพระองค์ท่านจะแผ่เข้ามาในประเทศจีน เพราะฉะนั้นควรที่จะส่งคณะทูตเดินทางไปทิศตะวันตก แล้วพระเจ้าโจวมู่หวังจึงได้ส่งคณะทูตไป เราก็ไปเจอพระกาศยปมาตังคะ กำลังจะมาเผยแพร่หลักธรรมในประเทศจีนอยู่พอดี ก็เลยช่วยกันแห่แหนเข้ามา เอามาทั้งพระคัมภีร์ เอามาทั้งพระพุทธรูป เอามาทั้งพระบรมสารีริกธาตุ

ถาม : สมัยพระถังซัมจั๋ง ?
ตอบ : ไม่ใช่ ถ้าเป็นบาลีก็คือชื่อกัสสปะ แต่คราวนี้สันสกฤตใช้กาศยปะ เพราะว่าลัทธิที่เผยแพร่ได้กว้างที่สุดจะเป็นพวกมหายาน ซึ่งใช้ภาษาสันสกฤตเป็นหลัก

เถรี
15-01-2018, 19:51
ถาม : ผมเคยอ่านเจอที่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า เจ้าแม่กวนอิมสำเร็จพระอรหันต์แล้ว ?
ตอบ : พวกเราส่วนใหญ่แล้วต้องบอกว่าฟังได้ แต่ในสถานการณ์อื่นเราคุยไม่ได้ คนอื่นเขายอมรับไม่ได้ เขายอมรับกันยาก โดยเฉพาะถ้าหากไปพูดแล้วกระทบกระทั่งสายปฏิบัติอื่นนี่เป็นเรื่องทุกที่เลย

ถาม : จริง ๆ แล้วการเป็นพระอรหันต์ก็น่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือครับ ?
ตอบ : ในความรู้สึกของสายฝ่ายมหายาน พอเข้าสู่พระนิพพานแล้วก็คือสูญไปเลย ไม่เหลืออะไรไว้ เขาก็เลยชอบการเป็นพระโพธิสัตว์ที่มาช่วยเหลือคนลำบากทุกข์ยากได้ตลอดเวลา ก็เลยกลายเป็นถ้าหากเราไปพูดถึงเรื่องนี้ก็จะกระทบกันทุกที

เถรี
16-01-2018, 21:47
ถาม : จะย้ายกลับมาบ้านเดิมแล้ว มีหลายฤกษ์แล้วลังเล วันไหนดีคะ ?
ตอบ : ๒๓ กุมภาพันธ์ ฤกษ์ดีเกินไปใช่ไหม ?

ถาม : เป็นกากบาท ดิถีพิฆาตนะคะ ?
ตอบ : ใช่...เป็นฤกษ์ที่ดีเกินไป เขาห้ามสร้างบ้าน ส่วนเราสร้างบ้านเสียที่ไหน ? เราเข้าบ้านต่างหาก ฤกษ์นี้เป็นฤกษ์สร้างโบสถ์ เขาจึงห้ามสร้างบ้าน เพราะว่าดีเกินกว่าที่จะไปสร้างบ้าน ถ้าไม่เอาก็ไปหาเอาเอง...!

เถรี
17-01-2018, 10:58
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นคนใส่หมวกหลายใบ ตำแหน่งเท่าที่พอนึกได้ก็ประมาณ ๑๗-๑๘ ตำแหน่ง มีตำแหน่งหนึ่งคือประธานคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาลทองผาภูมิ ซึ่งทางกระทรวงมีระเบียบที่ว่า จะต้องไม่เป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น จะต้องไม่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ฯลฯ

สรุปแล้วบรรดาบุคคลที่เขาเชิญไปเพื่อคัดเลือกเป็นคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาล มีอยู่แค่ ๒ คนที่มีคุณสมบัติไม่ขัดกับระเบียบของเขา ก็คือตัวของอาตมาเอง กับคุณสมใจ มาโนช ประธานชมรมผู้สูงอายุทองผาภูมิ

คุณสมใจเขายกมือเลย “ผมสละสิทธิ์ครับ ยกถวายพระอาจารย์ไปเลย” จึงกลายเป็นภาระหน้าที่อย่างหนึ่งที่อาตมาต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับโรงพยาบาลทองผาภูมิ"

เถรี
17-01-2018, 11:01
"ช่วงปีที่ผ่านมา พญ.นวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ ขอเครื่องฟอกไตไว้ ๒ เครื่อง ที่ขอเครื่องฟอกไตไว้ เหตุผลก็คือคนทองผาภูมิจะต้องฟอกไตกันเยอะ แต่ต้องเดินทางลงไปถึงโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาในเมืองกาญจน์ฯ ซึ่งห่างไป ๑๔๐ กิโลเมตร ไปถึงก็ไม่รู้ว่าคิวจะว่างหรือเปล่า ?

ถ้าหากมีเครื่องฟอกไตเป็นของโรงพยาบาลทองผาภูมิเอง ก็จะช่วยได้มาก อาตมาจึงรับปากว่าจะให้ ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ก็ไม่สามารถที่จะนำเครื่องฟอกไตเข้าไปที่โรงพยาบาลได้ เพราะว่าระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข จะต้องมีคณะกรรมการมาตรวจการดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการเขาตรวจแล้วว่า ตัวอาคารสถานที่ไม่เหมาะสม ควรจะทำในลักษณะของห้องปลอดเชื้อ จึงต้องมีการขยายห้อง มีการจัดระบบกันใหม่

สรุปแล้วก็คือ การทำห้องปลอดเชื้ออาตมาต้องจ่ายเพิ่มอีกเกือบ ๒ ล้านบาท เพิ่งจะเซ็นสัญญาไปเมื่อวานนี้ว่าให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการได้ ซึ่งวันแรกของการทำงานก็คือ ๒๒ มกราคม ระยะเวลาดำเนินการสำหรับปรับในส่วนของห้องปลอดเชื้อและวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมด ๖๐ วัน

ตอนแรกเขาเสนอราคามาค่อนข้างสูง เฉพาะส่วนที่เขาใช้คำว่าเฟอร์นิเจอร์ ประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ บาท อาตมาบอกให้ไปปรับลดมา ในเมื่อเป็นห้องฟอกไตจะมีเฟอร์นิเจอร์อะไรเยอะแยะ ? แต่ปรากฏว่าเป็นโต๊ะบ้าง เป็นถ้วยเป็นถาดอะไรที่เกี่ยวข้องของเขานั่นแหละ บอกว่าคุณปรับมาให้ได้ก็แล้วกัน ถ้าปรับไม่ได้ก็เอาราคานี้ คือราคาที่อาตมาพอใจ จะทำหรือไม่ทำ ? ท้ายสุดเขาก็ต้องยอมปรับลงมา

เริ่มดำเนินการเมื่อไรก็คงต้องอาศัยคุณหนุ่มไปตรวจงานด้วย รายละเอียดของเขามีอยู่ในแบบของเขาแล้ว เราก็ตรวจรับตามนั้น ประมาณ ๔ งวด บอกเขาว่าขอหักค่าประกันผลงานด้วย"

เถรี
17-01-2018, 11:07
โยมถวายปัจจัยทำบุญเครื่องฟอกไต "ใจเย็น ๆ เดี๋ยวจะให้เขาประกาศในเว็บ ร่วมตรงนี้ไม่ได้อะไรนะ ในเว็บยังมีวัตถุมงคลให้

ตอนนี้เครื่องฟอกไตยังไม่อยากได้หรอก ต้องเอาห้องปลอดเชื้อให้เสร็จก่อน มาแบบไม่เกรงอกเกรงใจกันเลย เพราะฉะนั้น...คุณไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมตูนต้องไปวิ่งตั้ง ๒,๐๐๐ กว่ากิโลเมตร ก็เพราะว่างบหลวงไม่พอใช้ แล้วที่บ้าที่สุดก็คือระยะหลังนี้มีงบฯ ของ NGO แต่ละกระทรวง แล้วเยอะด้วยนะครับ มีเอาไว้อุดปากเขาหรืออย่างไร ? NGO ทำประโยชน์อะไรให้กระทรวงบ้าง ? เห็นมีแต่คัดค้านยันเต"

เถรี
17-01-2018, 11:35
"ที่ขำที่สุดก็คือส่วนงานเครื่องปรับอากาศ อาตมาก็ว่าส่วนงานเครื่องปรับอากาศก็มีแล้วนี่นา ปรากฏว่าเป็นพัดลมหมุนระบายลม เป็นอะไรที่ทำงานง่ายให้ยาก เพราะว่าแทนที่เราจะทำได้เลยดันลากเลื่อนมา ๘-๙ เดือน ต้องให้คณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบสถานที่ก่อนว่าได้หรือไม่ได้ พอถึงเวลาไม่ได้ ต้องทำอย่างไรเขาก็จะให้ข้อแนะนำมา ให้เราออกแบบตามที่เขาแนะนำ พอเสร็จแล้วต้องเอาแบบไปยื่นให้เขาอีกว่าใช้ได้หรือเปล่า ? ยุ่งยากมากเลย

ถ้าเป็นอาตมาทำก็เสร็จไปนานแล้ว แต่คราวนี้ก็อย่างว่า ของเขาติดขัดด้วยระเบียบ แบบเดียวกับการสวดมนต์ส่งท้ายปีครั้งนี้ กว่าจะเบิกงบฯ ได้ จนป่านนี้ยังไม่ได้เลย เขาขอเอกสารมาใหม่ บอกว่าที่ทำไปไม่ตรงตามแบบของราชการเขา งานก็ทำเสร็จไปแล้วนะ ผลงานทุกอย่างก็ส่งรายงานไปแล้ว แต่ว่าเงินต้องรอไปก่อน รอให้ทำเรื่องให้ถูกต้องตามระเบียบเขา ถึงได้ไม่มีใครอยากทำด้วย เดี๋ยวนี้มีแต่คนกลัวกันหมด เรื่องงบประมาณไม่มีใครอยากแตะหรอก"

เถรี
19-01-2018, 09:58
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาใช้เหรียญรัชกาลที่ ๘ อยู่จนถึงชั้น ป. ๒ ทางการเขาก็สั่งเก็บ เวลาไปซื้อของกับอาเจ็กที่ร้านค้า เหรียญที่เอาไปเป็นสตางค์รู พอถึงเวลาแกก็เอาวางบนนิ้วชี้นิ้วกลางแล้วก็กดด้วยนิ้วโป้ง ถ้าอันไหนหักแกไม่เอา แกบอกว่ามีส่วนผสมที่เป็นดีบุกเยอะ ถ้ากดแล้วไม่หักแกถึงจะเอา แกบอกว่าส่วนผสมที่เป็นเงินมีมาก สามารถเอาไปหลอมใหม่ได้

ลองคิดดูว่าเหรียญโลหะประมาณเหรียญบาทสมัยนี้ แต่หนากว่าสัก ๔ เท่า แกกดด้วยนิ้วจนหักได้ คิดดูว่านิ้วจะแข็งขนาดไหน ? คนจีนรุ่นเก่า ๆ สมัยอาตมายังเด็ก ๆ ฝึกวิทยายุทธ์มาทั้งนั้น มือจึงแข็งมาก"

เถรี
19-01-2018, 10:00
"สมัยนั้นใช้ตั้งแต่ธนบัตรใบละ ๕๐ สตางค์ แล้วก็มาใบละ ๑ บาท ๕ บาท ใบละ ๕ บาทหายไปจากท้องตลาดน่าจะประมาณปี ๒๕๒๐ ได้ หลังจากนั้นใบละ ๑๐ บาทก็หายตามไป

เขาให้สังเกตว่า ถ้าค่าของเงินลดลงเมื่อไร ธนบัตรจะค่อย ๆ หายไป กลายเป็นเหรียญแทน แล้วถ้าเหรียญเล็กลงมากเท่าไร ค่าของเงินก็ลดลงไปมากเท่านั้น ไปนึกถึงรุ่นปู่ย่าตาทวดเอาเหรียญรัชกาลที่ ๙ รุ่น ๒๔๙๓ ที่เขาเรียกสั้น ๆ ว่าเหรียญ ๙๓ เป็นเหรียญ ๕๐ สตางค์ เอามาทำเข็มขัดกัน เพราะว่ามีส่วนผสมของทองมาก ระยะหลังนี้แค่ทองเหลืองธรรมดาก็แพงเกินมูลค่าของเหรียญแล้ว

มีใครเคยเห็นเหรียญทองคำจริง ๆ บ้างไหม ? อาตมาเองเคยเก็บไว้หลายเหรียญ แต่มาระยะหลังคนตื๊อขอบูชาไปหมด จำได้ว่าเก็บเหรียญแรกเลย ก็คือเหรียญรัชดาภิเษกของในหลวงรัชกาลที่ ๙ รัชดาภิเษกจะจัดฉลองในวาระครองราชย์ครบ ๒๕ ปี ของพระองค์ท่านก็ปี ๒๕๑๔ หลังจากนั้นก็มาจัดงานฉลองพระชนมายุ ๖๐ พรรษา พ.ศ.๒๕๓๐ แล้วก็มารัชมังคลาภิเษก ๒๕๓๑

พระองค์ครองราชย์เท่ากับอดีตสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ครองราชย์นานที่สุดคือรัชกาลที่ ๕ จึงจัดงานฉลองรัชมังคลาภิเษกปี ๒๕๓๑ ฉลองกาญจนาภิเษก (ครองราชย์ ๕๐ ปี) ๒๕๓๙ แล้วมาฉลองการครองราชย์ ๖๐ ปี ค่อยมาฉลองพระชนมายุ ๘๐ พรรษา อาตมายังรอว่าจะมีใครได้ฉลองวัชราภิเษกหรือพัชราภิเษกครองราชสมบัติ ๗๕ ปีบ้าง"

เถรี
19-01-2018, 19:04
"รัชมังคลาภิเษกก็คือ ต้องครองราชย์เท่าอดีตบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ครองราชย์นานที่สุด ซึ่งในยุคปู่ย่าตาทวดมาจนถึงยุคของเรา มีสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ได้จัดงานฉลอง เพราะว่าพระองค์ครองราชย์ ๓๐ ปี เทียบเท่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ

รัชกาลที่ ๕ ครองราชย์ ๔๒ ปี ถัดมาก็รัชกาลที่ ๙ ได้จัดงานฉลอง แล้วหลังจากนี้ก็รอไปเถอะ คนเราอายุถึง ๗๐ ปี ยังยากเลย อย่าว่าแต่ครองราชย์ ๗๐ ปี แต่ไม่เป็นไรหรอก ต้องบอกว่ากรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี...ใช่ไหม ? เดี๋ยวก็มีคนอยู่ถึงเองแหละ..!"

เถรี
19-01-2018, 19:14
ถาม : อย่างเวลาที่ไม่ได้เข้ากรรมฐาน ใจจะเตลิด จะไม่สำรวมตัวเอง แต่ถ้าเราอยู่กับสมาธิ เราแค่ส่งใจ ตามองกวาดไปสักพัก เหมือนกับไปสะกดอะไรสักอย่าง คนอื่นจะดูเหมือนกับว่าคนนี้เก่ง สำรวมกาย วาจา ใจได้ดีกว่าตอนที่ไม่ได้เข้าสมาธิ ?
ตอบ : เอาแค่พระโสดาบัน กำลังของพระโสดาบันถ้าใช้ออกจริง ๆ คนชั่วจะเลิกทำชั่วไปชั่วคราว สมมติว่ามีโจรไปจี้พระโสดาบัน ท่านแค่เอ่ยปากตำหนิว่า ทำไมเธอทำอย่างนี้ ? โจรนั่นจะได้สำนึก เกิดหิริโอตตัปปะ แล้วจะเลิกเป็นโจรไปชั่วคราวเลย ส่วนพระอรหันต์ท่านกำลังสูงกว่านั้นตั้งเท่าไร ?

เราเองแค่อาศัยสมาธิที่มีมากกว่าเขา เรายังระงับยั้งเขาได้ แล้วพระโสดาบัน คุณสมบัติของท่านต้องทรงสมาธิโดยอัตโนมัติ อย่างต่ำสุดก็ปฐมฌานละเอียด ไม่อย่างนั้นท่านไม่สามารถที่จะเอาชนะกิเลสได้ เพราะฉะนั้น...ฝีมือต่างกันหลายหมื่นลี้ อะไรที่เราต้องใช้ความพยายามมาก ของท่านไม่ต้องใช้เลย

เถรี
19-01-2018, 19:33
โยมผู้หญิงขอมานั่งช่วยแจกหนังสือ "ไม่ต้องจ้ะ ไปไกล ๆ เลย พอมีใครยกกล้องถ่ายรูปออกมา ก็จะมีแต่อาตมานั่งอยู่กับผู้หญิง ๒ คน เขาไม่ได้ถามนี่ว่ามานั่งทำอะไร เพราะฉะนั้น...เรื่องที่หวังดีจะมาช่วยแจกของไม่ต้อง อาตมาทำเองได้

ส่วนใหญ่แล้วพวกเราตั้งใจทำงานเป็นงาน ไม่ค่อยคิดอะไร แต่คนอื่นมองมาเขาจะคิดแทนเรา แล้วคิดได้ดีกว่าทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้น...อย่าให้ตัวเราต้องเป็นทุกข์เป็นโทษแก่คนอื่น ไม่ว่าจะด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจเลย ระมัดระวังไว้ได้เป็นดี

น่าจะประมาณ ๒ อาทิตย์มาแล้ว พาท่านวัฒนธรรมจังหวัดไปสำรวจต้นไม้ในป่า เพื่อที่จะยื่นเสนอเข้าไปในโครงการรุกขนครใต้ร่มพระบารมี จะเป็นต้นไม้สำคัญในแต่ละจังหวัด ขณะที่นั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ ก็มีโยมผู้หญิง ๒ คนนั่งอยู่ด้านหน้าเยื้อง ๆ ไป ท่านวัฒนธรรมฯ ก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป อาตมาก็บอกว่า “รูปนี้ห้ามออกสื่อนะ” ท่านก็ถามว่าทำไมครับ ? ต้องบอกว่า ถ้าออกไปจะกลายเป็นพระอยู่กับผู้หญิงในป่า ไม่มีผู้ชายอยู่ด้วยเลย

เขาไม่ได้เห็นนี่ว่าด้านหลังกล้องมีอีกเป็นสิบ ทางที่อาตมานั่งอยู่ก็คือผู้หญิงอยู่ด้วย พื้นที่ก็คือป่าชัด ๆ จะให้คนเขาคิดอย่างไร ? ของพวกนี้เราจะให้คนอื่นระวังแทนเราไม่ได้ แต่เราต้องระวังเอง

เวลาคนดูรูปเขาไม่พยายามคิดในด้านดีว่า “เออ...คนถ่ายน่าจะเป็นผู้ชายนะ” พอเห็นรูป...ด้วยความที่สภาพจิตของคนเราคิดเรื่องต่ำได้ง่าย ก็ต้องเหมาเอาเลย “พระไปอยู่ป่ากับผู้หญิง ไปทำอะไรกันแน่ ๆ เลย” แล้วก็จะคิดดีกว่านั้นอีกเยอะเลย เพราะฉะนั้น...คำที่พวกคุณบอกว่าโลกนี้อยู่ยากนั้น...พระอยู่ยากกว่าตั้งเยอะ"

เถรี
19-01-2018, 19:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้เปิดให้จองไม้ครู แต่ให้จองแบบโหดร้าย ต้องจ่ายทองก่อนจึงจะได้สิทธิ์จอง ไม่ใช่จองก่อนแล้วจ่ายทีหลัง เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าทำไว้น้อย จริง ๆ ก็ไม่ทำน้อยหรอก ทำแค่หมดชนวนที่มี ขอโทษเถอะ...หัวเงินนี่หนักอันละหนึ่งกิโลกรัม แล้วชนวนจะเหลือสักเท่าไร ?"

เถรี
20-01-2018, 00:30
ถาม : ถ้าพระเล่นหมากรุกล่ะครับ ?
ตอบ : ปรับอาบัติศีลขาดทุกตัวที่จับ แล้วก็ปรับทุกครั้งที่จับ ถ้าคุณจับ ๑๐๐ ครั้ง ก็คือศีลขาด ๑๐๐ ครั้ง

ความจริงที่ห้ามตรงจุดนี้ เพราะว่ามีสุดยอดนายพลอยู่ท่านหนึ่งไปบวช ท่านนี้รบที่ไหนก็ชนะ แล้วมีอยู่เมืองหนึ่งที่ตียากเย็นแสนเข็ญ บรรดาลูกน้องเก่า ๆ ซึ่งรับหน้าที่แทนก็มาถามท่าน ด้วยความที่ท่านเป็นพระ ท่านก็ตอบไม่ได้ แต่ท่านใช้วิธีเอาไม้บ้าง เอาใบไม้บ้าง เอาหินบ้าง เอาดินบ้าง มาวางสมมติเป็นกองทัพฝ่ายตรงข้ามและตัวเอง แล้วก็จับโยกย้ายลักษณะกระบวนรบ ว่าทำอย่างไรจึงจะชนะ นี่คือต้นแบบของหมากรุกเลย

พระพุทธเจ้าต้องสั่งห้ามเลย เพราะว่าลูกน้องความจำดี จำไปใช้แล้วตีเมืองได้จริง ๆ ต้องสั่งห้ามเพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้ามัวแต่ระลึกถึงแต่อดีต ก็อาจจะไประลึกถึงอกุศลกรรมเก่า ๆ ที่เคยรบราฆ่าฟันเขาเอาไว้ โอกาสที่จะลงอบายภูมิมีสูงมาก

ที่ท่านห้ามจับอาวุธเพราะว่าสมัยก่อน บรรดานักรบขุนศึกไปบวชกันมาก ถ้าหากจับสิ่งที่เป็นอาวุธก็อาจจะนึกถึงอกุศลกรรมเก่า ๆ ที่เคยฆ่าเขาเอาไว้ ทำให้จิตใจเศร้าหมอง พระพุทธเจ้าจึงต้องสั่งห้าม แล้วที่ห้ามอย่างนึกไม่ถึงก็คือ ปกติพระจะมีมีดโกนสำหรับปลงผม แต่ถ้าเป็นช่างตัดผมห้ามมีมีดโกน เพราะว่าถ้ามีมีดโกนเดี๋ยวจะนึกถึงอาชีพเก่าของตัวเอง

ถ้าไปนึกถึงอาชีพเก่ามี ๒ อย่าง อย่างแรกคือฟุ้งซ่านไม่เป็นอันปฏิบัติธรรม อย่างที่สองก็คือ อาจจะสึกหาลาเพศไปเลย เพราะเห็นว่าตัวเองยังทำกินในอาชีพเดิม ๆ ได้ ศีลพระแต่ละข้อที่พระพุทธเจ้าท่านห้ามไว้ ก็เพื่อที่จะป้องกัน ต้องใช้คำว่า ป้องกันอาสวะที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบัน คือกิเลสที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบัน และ ป้องกันอาสวะที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ในเมื่อมี ๒ เหตุผล ความจริงแล้วมีเป็น ๑๐ เหตุผล อย่างเช่นว่า สร้างความเลื่อมใสแก่ผู้ที่ยังไม่เลื่อมใส สร้างความเลื่อมใสยิ่งขึ้นแก่ผู้ที่เลื่อมใสแล้ว กดข่มผู้ที่เก้อยาก เพื่อความอยู่เป็นสุขของผู้มีศีลเป็นที่รัก ฯลฯ ท่านให้เหตุผลไว้เยอะมาก เพียงแต่ในส่วนของหลัก ๆ แล้วก็คือเพื่ออนุเคราะห์ในการปฏิบัติพรหมจรรย์ เพื่อให้การปฏิบัติธรรมก้าวหน้าขึ้น ถ้าไม่ล้อมคอกเอาไว้ เดี๋ยวโดนกิเลสขโมยไปจนหมดคอก

เถรี
20-01-2018, 00:39
ถาม : พ่อผมตายแล้วไปสบายไหม ?
ตอบ : ก็ไปถามพ่อเองสิ อย่ามาถามอาตมา ไม่ได้ตายด้วยจะได้ตอบได้...! หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมีคำสั่งห้ามอาตมาบอกว่าคนตายแล้วไปไหน เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องถามเสียเวลามาถาม ตายแล้วสบายดีหรือเปล่า ? ตายแล้วลำบากไหม ? ถามไปก็ไม่ตอบเพราะว่าโดนห้ามไปแล้ว

ไม่ใช้ห้ามหลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว แต่ท่านห้ามทั้งที่ยังเป็น ๆ อยู่นี่แหละ ห้ามกลางโบสถ์เลย พระทั้งวัดท่านห้ามอาตมาอยู่คนเดียว เพราะว่าก่อนหน้านี้บอกเขาอยู่เรื่อย ท่านบอกว่าการบอกว่าคนตายแล้วไปไหน มีโทษมากกว่าประโยชน์ บางคนทำชั่วมาทั้งชีวิต ก่อนตายดันนึกถึงความดีได้ ไปเสวยความดี คนก็จะหาว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม บางคนทำดีมาตลอดชีวิต ตอนตายดันไปนึกถึงกรรมชั่วแล้วลงนรก ลูกหลานจะมีอารมณ์ทำดีต่อไหม ?

อาตมาโดนห้ามอยู่ ๒ อย่าง ห้ามบอกว่าคนตายแล้วไปไหน กับห้ามให้หวย ห้ามกันชนิดที่พระพี่พระน้องทุกท่านรู้หมด เรื่องหวยนี่อาตมาโดนคาดโทษเอาไว้เลย ท่านบอกว่า "รู้ ๆ อยู่แล้วไปบอกคนอื่น ข้าปรับอาบัติปาราชิกเลย เท่ากับตัวเอ็งไปปล้นเจ้ามือ" หมดทางทำกินเลย ไม่อย่างนั้นแค่บอกหวยสักงวดสองงวดคนก็เต็มวัดแล้ว

เถรี
20-01-2018, 00:41
จะว่าไปแล้วจริง ๆ เป็นเรื่องของบุญสัมพันธ์ อย่างป้าเอี่ยมช่วยงานหลวงพ่อที่วัดท่าซุงมาตลอด ๒๐-๓๐ ปี เงินทองก็ไม่ได้มีกับใคร วันนั้นป้ามาหา “หลวงพี่ขอหวยสักตัวสิ” ถามว่าเอาไปทำอะไรวะ ? “อยากได้เงินไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อบ้าง” ก็ถามแกว่าตัวเดียวเล่นได้หรือ ? แกบอกว่าได้ ก็เลยให้แกไป ไม่รู้ว่าแกไปเล่นอย่างไรได้มา ๖๐๐ บาท ก็เอาไปถวายสังฆทานจนหมด

คราวนี้งวดต่อไปอาตมาแหย่เอง “งวดนี้เอาไหม ?” “ถ้าได้ก็เอา” ความจริงแกขอแค่งวดเดียวนะ คราวนี้ให้แกได้ไปก็ถูกอีก เอาไปถวายสังฆทานอีก งวดต่อไปนี้ไม่ต้องให้เลย คนแห่กันมา ๗-๘ คน พวกนี้รู้ข่าวเร็วจริง ๆ อาตมาแหย่เล่นว่า "มาเยอะแบบนี้ต้องชักเปอร์เซ็นต์" พอหวยออกเขาดันเอาเงินมาถวายจริง ๆ เท่านั้นแหละ...ลงโบสถ์งวดนั้นหลวงพ่อท่านสั่งห้ามเลย ท่านบอกว่ารู้ ๆ อยู่แล้วไปบอก เขาปรับอาบัติปาราชิก เท่ากับไปปล้นเจ้ามือ ปาราชิกนี่ขาดความเป็นพระเลยนะ เพราะว่าตั้งใจไปเอาเงินเขาเกินหนึ่งบาท

เถรี
20-01-2018, 20:06
สนทนากับพระ "เรื่องการเข้าวัง ถ้าจะมาก็ให้มาตามหน้าที่ จะให้ตะกายไปโหนสถาบันนั่นไม่ใช่ผม บางท่านชวนผมเข้าวังมาหลายครั้ง ผมก็ไม่ไป เพื่อนพระอุปัชฌาย์ด้วยกันชวนไปหลายครั้งผมก็ไม่ไป ขนาดรองเจ้าคณะอำเภอเห็นรูปสมเด็จพระเทพฯ ถวายเสาเสมาธรรมจักรผม ท่านถามว่าผมจ่ายไปเท่าไร ? แต่ส่วนใหญ่เหมือนกับว่าจะเข้าเฝ้าอย่างน้อย ๆ ก็ต้องไปถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลจึงจะมีสิทธิ์ ซึ่งไม่ใช่นิสัยของผม

บางท่านโหนราชวงศ์แล้วก็เอาไปอ้างกับญาติโยมเพื่อเพิ่มราคาให้ตัวเอง หรือไม่ก็อ้างกับคณะสงฆ์เพื่อเพิ่มราคาให้ตัวเองได้

จริง ๆ แล้วการที่จะให้เขาเคารพ ให้เกียรติ เชื่อถือเรา อยู่ที่การกระทำของเรา ไม่ใช่ไปอาศัยคนอื่น ถ้าคุณพูดเขาจะฟัง แต่ถ้าคุณทำเขาจะเชื่อ ถ้าคุณพูดอย่างเดียวจะให้เขาเชื่อก็ยาก

ปัจจุบันนี้รัฐบาลพูดอะไรชาวบ้านก็ฟัง แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้นชาวบ้านเขาสงวนลิขสิทธิ์ไว้ มีอยู่อย่างเดียวก็คือคุณทำแล้วเขาจะเชื่อ เพราะฉะนั้น...ถ้าคุณใส่นาฬิการาคาเรือนละเป็นล้าน เขาก็เชื่อว่าคุณคอรัปชั่น ต่อให้คุณเป็นคนดีขนาดไหนเขาก็เชื่ออย่างนั้น พยายามจะออกรัฐธรรมนูญฉบับพระอริยเจ้า ทุกคนจะต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องพอกัน ความซวยก็ตกอยู่กับตัวเอง ซื้อลูกหมายังให้เป็นของขวัญคนอื่นไม่ได้เลย เพราะว่าเกิน ๓,๐๐๐ บาทที่กำหนดเอาไว้ ก็ดันไปกำหนดเอาไว้เอง แล้วจะไปโทษใคร..!"

เถรี
20-01-2018, 20:14
มีโยมท่านหนึ่ง เวียนทำบุญทีละ ๒๐ บาทอยู่นั่นแหละ พระอาจารย์จึงกล่าวกับพระว่า "คราวนี้ผมรู้แล้ว ว่าทำไมเวลาผมอยากได้ ๑ จึงมาเป็น ๑๐๐ เพราะว่าผมทำอะไร ผมมักจะทำหมดทีเดียว ทำทีละ ๕ บาท ๑๐ บาทผมไม่ทำ เพราะว่าอานิสงส์ก็จะได้ทีละ ๕ บาททีละ ๑๐ บาทเหมือนกัน จนกระทั่งทุกวันนี้ผมปฏิญาณตนว่า ถ้าเกิดใหม่ผมจะเลิกทำบุญ เพราะว่าแค่นี้ได้เยอะจนเกินเหตุแล้ว"

เถรี
20-01-2018, 20:27
ถาม : ฉัตรสีขาว ?
ตอบ : ต้องรอในหลวงถวายอย่างเดียว เราไม่มีสิทธิ์ไปแตะเลยฉัตรสีขาว ไม่ว่าจะ ๕ ชั้น ๗ ชั้น ๙ ชั้น ส่วน ๓ ชั้นนั้นเป็นเครื่องสังฆราชูปโภค สำหรับสมเด็จพระสังฆราช

ถาม : แล้วฉัตรของวัดโพธิ์
ตอบ : อันนั้นได้รับถวายจากในหลวงรัชกาลที่ ๑ ส่วนของวัดบวรฯ ได้รับถวายจากในหลวงรัชกาลที่ ๔

ตอนงานศพหลวงพ่อวัดท่าซุง เขายกฉัตรสีทอง ๓ ชั้นถวาย ผมคัดค้านสุดตัวอยู่คนเดียว บอกว่าไม่ได้เด็ดขาดเลย คุณจะเคารพหลวงพ่อขนาดไหนก็ตาม ฉัตร ๓ ชั้นเป็นเครื่องราชูปโภคของพระสังฆราช เขาบอกว่านี่สีทอง ผมบอกว่าสีอะไรก็ห้าม ปรากฏว่าด้วยความที่ผมเด็กเกินไป เพิ่งจะ ๗ พรรษา เขาฟังแต่ไม่เข้าหู ไปไล่ถามคนอื่นเสียจนทั่วประเทศ ท้ายสุดด็อกเตอร์ปริญญาช่วยยืนยันว่าใช้ไม่ได้ เขาถึงได้ยอมเชื่อ

ถาม : แล้วที่ทำถวายพระพุทธรูปทั่วไป ?
ตอบ : ถ้าจะทำ ก็ทำเป็นฉัตรโลหะ ฉัตรผ้าขาวไม่ได้เด็ดขาด

ถาม : ห้ามผ้าขาว ?
ตอบ : ห้ามชัด ๆ เลย คือเศวตฉัตร (ผ้าสีขาว) ถึงจะใช้ผ้าสีทองก็ไม่ควร

เถรี
20-01-2018, 20:34
พระอาจารย์กล่าวกับพระว่า "ตอนนี้ใครบริจาคเขาจะหักภาษี ณ ที่จ่ายเลย เท่ากับว่าคุณทำบุญแล้วโดนหักภาษีด้วย เขาจะบีบทุกทางไม่ให้พระอยู่ได้

พวกนี้เป็นความคิดของอิสลามเขา คุณจะไปทำอะไรได้ สนช. ๘๐ กว่าคน มีอิสลามอยู่ ๖๓ คน นี่เฉพาะที่เป็นอิสลามชัด ๆ นะ แล้วที่ไม่ชัดนี่ยังมีอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? คุณไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าทำไมกฎหมายที่ทำให้แตกแยกกัน อย่างเรื่องของสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน ถึงได้ผ่านสามวาระภายในวันเดียว เพราะว่าอะไรที่ทำให้พระพุทธศาสนาของเราอ่อนกำลังลงได้ เขาจะทำทันที

ตอนนี้บริจาคแล้วโดนหักภาษี ณ ที่จ่ายก่อน พระจะได้น้อยลง โยมก็ต้องเสียเงิน เห็นความสามารถของเขาไหม ? เดี๋ยวนี้ทางด้านภาคอีสาน แต่ละวัดโดนให้ทำบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีแล้ว ภาคกลางยังไม่ได้ทำ เพราะว่าภาคอีสานผู้ว่าราชการส่วนใหญ่เป็นอิสลาม เขาสามารถสั่งการได้ทันที"

ถาม : ไม่มีใครหยุดยั้งได้ ?
ตอบ : คนที่จะหยุดต้องระดับที่ใหญ่กว่าเรา แต่คราวนี้ไม่มีใครขยับ มีแต่รักษาตัวกันอยู่ ในเมื่อท่านรักษาตัวกันอยู่ ก็มีทางเดียวก็คือเราต้องทำของเรากันเอง

ถาม : ถ้าเราถอย ?
ตอบ : ถ้าเราถอยจะให้ถอยไปถึงไหน ? มีอย่างเดียวคือต้องชนกันให้พังไปข้างหนึ่ง คุณเห็นหรือเปล่าว่าเราถอยมาตั้งเท่าไรแล้ว ? จนป่านนี้เขารู้จักพอไหม ? อยู่บ้านเราอยู่สุขอยู่สบายแล้ว เขายังคิดจะยึดบ้านยึดเมืองของเราอีก สำหรับผมถ้าจะถอยผมมีที่ให้ถอยเยอะ แต่ผมไม่คิดจะถอยนะสิ..!

ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นสื่อหรือว่าจะเป็นคน เป็นของเขาจนหมดตั้งแต่ผู้นำมาจนถึงผู้ตาม เราถอยเขาก็บี้ตายเลย

เถรี
20-01-2018, 21:31
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนหน้าอาตมาก็มีนัดกับหมอตา หมอนัดวันวาเลนไทน์พอดี คงเห็นว่าเป็นพระไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับกิจกรรมวันวาเลนไทน์อยู่แล้ว

เรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้ารู้จักพิจารณาจะเห็นว่าเป็นธรรมดาของร่างกายนี้ สังขารัง โรคะนิทธัง ปะภังคุณัง สังขารนี้เป็นรังของโรค มีแต่จะเน่าเปื่อยไปเป็นปกติธรรมดา เพราะฉะนั้น...ก็ดูแลรักษาให้เต็มที่ รักษาได้ก็ได้ รักษาไม่ได้ก็แล้วไป

ก่อนนี้ความรู้สึกของอาตมาคิดว่าก็ไม่ยาก แค่ทำใจว่า "รักษาได้ก็ได้ ไม่ได้ก็แล้วไป" แต่พอมาถึงตัวแล้วมักจะกลัวตายนะสิ ถ้ากลัวตายขึ้นมาคราวนี้ก็ "ไม่ได้" แล้ว ดิ้นรนสุดชีวิตเลย ถ้าเป็นนักปฏิบัติจะดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ตอนอาการหนักมาก ๆ กำลังของ ทาน ศีล ภาวนา ที่เราทำมาทั้งหมดจะรวมตัว เราจะรู้เลยว่าเราต้นทุนมีเท่าไร เพียงพอที่จะไปพระนิพพานหรือไม่ ?

ถึงตอนนั้นก็พยายามรักษากำลังใจให้อยู่ในลักษณะที่ว่า "อยู่ก็ได้ ตายก็ดี" ก็คือ ไม่ได้อยากอยู่ แต่ไม่ได้อยากตาย

หลายท่านปฏิบัติไปถึงระดับหนึ่งแล้วรู้สึกว่าอยากตาย คิดว่าตัวเองดีแล้ว อาตมาขอยืนยันว่าเป็นอารมณ์ที่แย่มาก เพราะว่าอารมณ์อยากตายส่วนใหญ่จะมีความเศร้าหมองอยู่ด้วย ดีไม่ดีก็พาลงอบายภูมิไปเลย ต้องเป็นอารมณ์ลักษณะของสังขารุเปกขาญาณ คืออยู่ก็ได้ ตายก็ดี อยู่เราก็ได้สร้างบุญสร้างบารมี ตายเราก็ได้ไปพระนิพพาน เป็นคนดู ไม่ลงไปเป็นคนเล่นแล้ว นั่งดูแล้วแต่สังขารจะเป็นไป ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น

เพราะฉะนั้น...เวลาไปถามหลวงปู่หลวงพ่อสายปฏิบัติว่า “หลวงพ่อสบายดีไหมครับ ?” “เออ...พอเป็นไปได้” อยู่กับไอ้ร่างกายนี้ จะไปสบายดีได้อย่างไร ? แบกทุกข์อยู่ตลอดเวลา ไปถามท่านว่าสบายดีไหม ? ท่านจะบอกว่าถามผิดก็ไม่บอก แค่บอกว่า “เออ...ยังพอเป็นไปได้อยู่”

เถรี
20-01-2018, 21:35
เด็ก ๆ วิ่งเล่นอยู่ที่บ้านเติมบุญ "ปล่อยทิ้งไปเลยไม่ต้องไปสนใจ เด็ก ๆ ถ้าเราไปตามตื๊ออยู่เขาก็จะเล่นตัวไปเรื่อย ๆ ปล่อยไปเถอะ...ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวเขาก็วิ่งมาหาเราเอง แค่พ้นประตูไปเดี๋ยวก็วิ่งหาแม่แล้ว

ลองคิดดูว่า ถ้าคนอื่นเราตัดไม่ได้ ตัวเราก็จะตัดตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าเราจะรักตัวเองมากที่สุด ไปเลยลูก...เดี๋ยวแม่กลับบ้านเองได้ ไปไกล ๆ เลยครับ เดี๋ยวแม่กลับบ้านเองได้ ไม่ห่วงหนูหรอก จะไปเที่ยวไหนก็ไปเลย จะให้ใครอุ้มไปขายก็ได้..!

ส่วนใหญ่แล้วด้วยความรักก็เลยทำให้เราปล่อยวางได้ยาก โดยเฉพาะคนเป็นแม่ อุ้มท้องมา ๙ เดือน ๑๐ เดือน มีความผูกพันกับลูกทั้งทางร่างกายและจิตใจ เราต้องนึกดูว่า ถ้าท่านที่สามารถวางอารมณ์ตัดกำลังใจลักษณะอย่างนี้ได้ ต้องใช้กำลังใจสูงขนาดไหน ? เราจะได้รู้ว่าการตัดกิเลสก็ต้องมีกำลังสูงขนาดนั้น

แต่คราวนี้ส่วนใหญ่แล้วพวกเรากำลังไม่พอ เพราะว่าเราปฏิบัติแล้วเราก็ปล่อยให้รั่วไปหมด ออกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ รั่วหมดเกลี้ยงทุกช่องทาง ในเมื่อสำรวมอินทรีย์ไม่ได้ เก็บกักกำลังสมาธิเอาไว้ไม่ได้ ก็ไม่พอสู้กับกิเลส ไม่พอตัดกิเลส นั่งสมาธิ ๓๐ นาทีหน้าตาผ่องใส ไปนั่งเขี่ย LINE เสีย ๓ ชั่วโมง แล้วจะไปเหลืออะไร ? เพราะว่าปล่อยให้รั่วหมด เราไปทำให้รั่วเอง

เพราะฉะนั้น...ในเมื่อรู้แล้วก็ปิดช่องว่าง ปิดรูรั่วเสีย ไม่อย่างนั้นก็เหมือนกับตักน้ำใส่ตะกร้า หวังจะให้น้ำเต็มตะกร้าเป็นไปได้ไหมเล่า ? เราต้องเอาชันยาเสียก่อน ยาให้ถูกด้วยนะ ไม่ใช่ไปยาด้านนอกตะกร้า เขาต้องยาด้านใน โบราณเขาบอกไว้ชัดแล้ว “ยาเรือยาแพ ยาด้านนอก ยาขันยาจอก ยาด้านใน” อย่างของใส่น้ำถ้าไปยาด้านนอก แรงน้ำดันมาก ๆ ก็หลุดหมด แต่ถ้าหากยาไว้ด้านใน ถูกแรงน้ำดันก็ยิ่งแน่น ส่วนเรือแพต้องยาทางด้านนอก เพราะว่าแรงน้ำกดเข้าในก็ยิ่งแน่นเข้า ถ้าไปยาทางด้านในแรงน้ำดันเข้ามาก็ทะลุหมด

ต้องอุดรูรั่ว ปิดรูรั่ว กำลังจะได้เหลือไว้พอสู้กับกิเลสบ้าง"

เถรี
22-01-2018, 09:09
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนมาก ต้องรักษาสุขภาพให้ดี โดยเฉพาะคนแก่กับคนป่วย พลาดเมื่อไรก็ไปเลย ส่วนใหญ่อากาศเปลี่ยน สภาพร่างกายมักรับไม่ไหว อาตมาก็เป็นหวัดไปครึ่งเดือนกว่า เพราะว่าอากาศจาก ๒๐ กว่าองศาเซลเซียส ลดฮวบไปเหลือ ๑๒ องศาเซลเซียส ไม่ตายก็ดีแล้ว ๑๕ วันสรงน้ำสองครั้ง แทบจะแตะน้ำไม่ได้เลย

ระยะหลัง ๆ นี้ โรคภัยไข้เจ็บก็แรง ปกติสมัยก่อนเป็นหวัด เป็นวันนี้พรุ่งนี้ก็หายแล้ว สมัยนี้เป็นหวัดครั้งหนึ่ง ๑๐ วัน ๒๐ วัน บางทีเป็นเดือนกว่าที่จะหาย เพราะเชื้อโรคดื้อยามากขึ้น มีพัฒนามากขึ้น

สมัยช่วงหลายศตวรรษก่อน ทางด้านยุโรปโรคไข้หวัดใหญ่ระบาด ตายกันไปทีเป็น ๑๐ ล้านคน เพราะว่าสมัยนั้นยังไม่รู้จักเชื้อโรค สมัยนี้ก็ยังไม่รู้จักเชื้อโรค เหตุที่ไม่รู้จักเพราะว่าเล็กเกินไป ไม่รู้ว่าจะเอาเครื่องมืออะไรไปส่องให้เห็นหน้าชัด ๆ เรารู้จักแต่แบคทีเรีย ส่วนไวรัสก็ได้แต่ตั้งชื่อว่าสายพันธุ์โน้น สายพันธุ์นี้ จะเอาความรู้เกี่ยวกับเชื้อโรคอย่างแท้จริงก็ยังเป็นไปไม่ได้

เชื้อโรคพัฒนาเร็ว ต้องบอกว่าเกิดจากกรรมที่เรากระทำ เพราะว่าเราทำกรรมไว้ โดยเฉพาะเศษกรรมปาณาติบาต ถึงเวลาจึงต้องเจ็บไข้ได้ป่วย ฉะนั้น...ต่อให้การแพทย์พัฒนาไปถึงระดับไหน ยาพัฒนาไปถึงระดับไหน โรคภัยไข้เจ็บก็จะแซงหน้าไปเสมอ เพราะว่าเกิดจากกรรมที่เราสร้างมาเอง"

เถรี
22-01-2018, 09:11
"ในส่วนนี้ถ้าเรารู้จักพิจารณา จะเห็นความน่ากลัวของการเวียนว่ายตายเกิด ว่าพวกเราเหมือนกับเดินอยู่บนกองทุกข์อยู่ตลอดเวลา ไฟแห่งความทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แผดเผาเราอยู่ตลอดเวลา แต่เรามักจะปัญญาไม่ถึง ในเมื่อปัญญาไม่ถึง มองไม่เห็น ก็ไปคิดว่าการเกิดมานั้นดี

ถ้าเป็นไปได้ให้พยายามตัดละทุกอย่างในโลกนี้ให้เหลือน้อยที่สุด ถึงวาระเราจะได้เบากายเบาใจที่สุด ถ้าไม่สามารถไปถึงที่สุดได้ แค่ไม่ต้องลงมาเกิดได้ก็วิเศษเหลือล้นแล้ว แต่ถ้าไปถึงที่สุดไม่ได้ ต้องลงมาเกิดใหม่อีก ก็อย่าให้ถึง ๗ ครั้ง ครั้งเดียวก็ไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะถ้าสร้างเวรสร้างกรรมมามาก ๆ อย่างอาตมา ครั้งเดียวเขาก็ทวงอ่วมอรทัยแล้ว

ส่วนใหญ่พวกเราก็สร้างบุญ ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา แต่เป้าหมายต่างกันไป เหมือนอย่างกับในพระไตรปิฎก นางวิสาขามหาอุบาสิกาเห็นบรรดาผู้หญิงอายุมากก็มี วัยกลางคนก็มี เป็นสาวใหญ่ก็มี เป็นสาวน้อยก็มี มาถือศีลอุโบสถกันเยอะแยะ ก็เลยเข้าไปถามว่าท่านทั้งหลายทั้งปวงถือศีล หวังประโยชน์อะไร ? ปรากฏว่าได้ยินแล้วผิดหวังสุด ๆ

สตรีอายุมากบอกว่ามารักษาศีลปฏิบัติธรรม เพื่อหวังจะให้ลูก ๆ มีความเจริญรุ่งเรือง ท่านที่เป็นสาวใหญ่หน่อย ก็ขอให้คู่ครองของตัวเองแข็งแรง ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง สามารถสร้างครอบครัวได้มั่นคง มีบุตรมาก ๆ บรรดาพวกสาว ๆ ก็ขอให้ตัวเองทำมาหากินรุ่งเรือง ให้ครอบครัวมีความสุข ให้มีลูกชาย ให้ลูกของเราได้แต่งงานกับบุคคลที่มีฐานะเท่าเทียมกัน"

เถรี
22-01-2018, 09:13
"ถามพวกสาวน้อยก็หวังว่าตนเองจะได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่มีฐานะเท่าเทียมกัน มีความสุขในการครองเรือนของตน ไปกันคนละทิศคนละทาง แต่ว่าทั้งหมดไม่ได้มุ่งถึงการหลุดพ้นเลย จึงทำให้เห็นชัดว่า แม้แต่สมัยพุทธกาล คนที่เข้าวัดปฏิบัติธรรมก็ไม่ได้แปลว่าจะหวังการพ้นทุกข์ทั้งหมด เพราะว่าขึ้นอยู่กับกำลังใจของแต่ละคน

ในสมัยปัจจุบัน ส่วนใหญ่แล้วพวกเราจะเป็นบุคคลส่วนน้อย ที่เข้าวัดถือศีลปฏิบัติธรรม ไม่ต้องดูอะไรมาก ดูในครอบครัวอย่างหนึ่ง กับดูในที่ทำงานอย่างหนึ่ง จะเห็นชัดว่าพวกเรากลายเป็นผู้แปลกแยกจากสังคม สิ่งที่เราทำคนอื่นไม่เห็นว่าดี ก็โดนเขาถากถางเอาบ้าง เสียดสีเอาบ้าง เยาะเย้ยเอาบ้าง

อาตมาโดนมาตั้งแต่เด็ก เขาว่าเป็นเด็กเป็นเล็กเข้าวัดไปทำอะไร รอแก่ ๆ แล้วค่อยไป บางคนบอกไปนั่งกรรมฐานระวังจะบ้าเอานะ..! ก็แล้วแต่เขาจะว่า สำคัญตรงที่เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น ทำแล้วได้อะไร ? ในเมื่อรู้อย่างนั้นแล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำไป ไม่ต้องสนใจคำพูดของใคร"

เถรี
22-01-2018, 23:17
ถาม : หมอดูบอกว่าปีนี้เป็นปีชงของตัวเองค่ะ จะแก้อย่างไรคะ ?
ตอบ : เลิกกินกาแฟก็ไม่ต้องชง...! จบไป ถ้าเป็นตำราอาตมาไม่มีปัญหา ใครปีชงก็แค่เลิกกินกาแฟ ก็ไม่ต้องชงแล้ว ไปกินกาแฟปั่นแทนก็ได้...!

เรื่องพวกนี้อยู่ที่กำลังใจของเรา ถ้าไม่หวั่นไหวก็ไม่มีผลอะไร ถ้าหวั่นไหวก็กลายเป็นแช่งตัวเอง ไปตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไป ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก ปีชงเป็นเรื่องของคนจีน เราอยู่ประเทศไทยอย่าไปสนใจมากนัก อย่าไปซื้อตั๋วเครื่องบินให้ ก็มาชงเราไม่ได้เองแหละ

เถรี
22-01-2018, 23:22
พระอาจารย์กล่าวว่า "การจองไม้ถือหรือไม้ครู เมื่อวานมีคนถามว่าทำไมทำน้อย ? มีด้วยสาเหตุ ๒ ประการ ประการแรกคือชนวนมีจำกัด เราต้องนึกว่าไม้ถือ ๔๙ อัน ก็คือเนื้อเงิน ๔๙ กิโลกรัม เกิน ๔๙ กิโลกรัมเพราะมีด้านปลายของไม้ครูด้วย หัวหนักกิโลหนึ่ง ประการที่สอง คือ ตะกรุดมหาสะท้อนมีเหลืออยู่จำกัด จึงทำได้แค่นั้น"

เถรี
22-01-2018, 23:23
พระอาจารย์เตือนโยม "ถึงเวลาเลี้ยวเข้ามาได้แล้ว อย่ามัวแต่ทำมาหากินเพลิน จะทำให้ห่างความดีจนเกินไป"

เถรี
24-01-2018, 20:36
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่นแรงครู ๑๑๒ ปีหลวงพ่อกวย เพิ่งเห็นหลวงพ่อกวยเป็นพระนารายณ์ ๘ กรก็วันนั้นแหละ ท่านจำเป็นที่ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะว่าลูกศิษย์ลองของกันอุตลุด ท่านเองเห็นใครไม่ไหวก็ช่วยกันให้เขา ข้างโน้นที ข้างนี้ที ข้างนั้นที ก็เลยเป็นนารายณ์ ๘ กรไปเลย ที่ขำก็คือ ๘ มือยังจะกันไม่ไหว

ลูกศิษย์ของขึ้นกันเหลือเกิน ทำไมชอบเล่นคนอื่นกันจริง ? ถ้าเจอลูกศิษย์เฮี้ยน ๆ อย่างนี้ อาจารย์ปวดหัวตายเลย ลองกันไปลองกันมา ท่านก็ช่วยคนโน้น ช่วยคนนี้ เป็นอะไรที่เห็นแล้วคิดว่า..ถ้าลูกศิษย์กูเป็นอย่างนี้ เตะแม่..เลย..! ...(หัวเราะ)..."

เถรี
24-01-2018, 20:40
ถาม : เมื่อวานตอนเช้า เห็นภาพที่ไม่เคยเห็น ....(ไม่ชัด)....
ตอบ : เรื่องพวกนี้ไม่ต้องไปกังวล ถ้าเรามั่นคงในคุณพระรัตนตรัย อันตรายอื่น ๆ ทำได้ยาก เพียงแต่ว่ากำลังใจของเราให้เราเกาะพระ นึกถึงวัตถุมงคลอยู่ตลอดเวลา

ถาม : ....(ไม่ชัด)....
ตอบ : แนะนำให้ท่านสวดมนต์ไหว้พระ หาวัตถุมงคลให้แม่แขวนบ้าง

ถาม : มีบทสวดแนะนำไหมคะ ?
ตอบ : อิติปิ โสฯ นั่นแหละ...สวดเข้าไป ป้องกันอันตรายได้ ๓ โลกเลย

เถรี
24-01-2018, 20:56
ถาม : เก็บบ้านเจอปฏิทินรูปพระเก่า ๆ ควรทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : จำเริญด้วยไฟหรือจำเริญด้วยน้ำ จำเริญด้วยน้ำสมัยนี้ไปลอยเข้า เดี๋ยวก็เจอเทศบาลปรับอ่วม ให้ขอขมาพระแล้วก็เผาไป

ถาม : รูปในหลวง ?
ตอบ : เหมือนกัน แต่ถ้ารูปในหลวงหรือรูปพระ เราไปเผาให้ใครถ่ายรูปไว้ มีหวังเจอ ม.๑๑๒ แน่ ๆ

เถรี
24-01-2018, 21:28
มีเด็กมาถวายสังฆทาน "หูกางดีจริง โตขึ้นให้ทำหน้าที่เก็บเงินนะ พวกหูกาง ๆ นี่เก็บเงินอยู่ทุกราย ตำราโหงวเฮ้งว่าเพราะหูต้านลม เงินลอดไปไม่ได้หรอก กางรับไว้หมด"

เถรี
24-01-2018, 21:54
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องการหล่อพระพุทธรูปวัดท่าขนุน ถ้าตามที่พระท่านสั่ง ก็คือหล่อหลวงพ่อทองคำองค์เดียว แต่คราวนี้ระยะเวลาดำเนินการนานมาก เพราะว่าเริ่มโครงการปี ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ปีที่ ๕ จะขึ้นปีที่ ๖ อยู่แล้ว อาตมาจึงทำการหล่อพระเนื้ออื่นไปด้วย

เรื่องของหลวงพ่อทองคำ พอจะเอาพระพุทธรูปที่ในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้หลวงปู่พุกไว้ที่วัดท่าขนุน ๒ องค์ตั้งซ้ายขวา พอลองเอาประกบเข้าไปแล้วดูไม่ได้เลย เนื่องจากว่าพระพุทธรูปรัชกาลลงรักปิดทองมาระยะเวลายาวนานหลายสิบปี จึงล่อนจนกระดำกระด่างหมดแล้ว จึงตัดสินใจว่า จะทำแท่นถวาย ๒ องค์ท่านต่างหาก

ส่วนด้านบนเพื่อจะให้เสมอกันก็ควรจะเป็นพระที่หล่อใหม่เหมือนกัน จึงตัดสินใจหล่อหลวงพ่อนากกับหลวงพ่อเงินเพิ่มขึ้นมาอีก ๒ องค์ เป็นโครงการทำงานที่นานมากสำหรับอาตมา ไม่เคยวางโครงการอะไรหลายปีขนาดนี้มาก่อนเลย กราบเรียนถามพระท่านว่า "ถ้าได้ทองพอแล้วหล่อเลยได้ไหม ?" ท่านบอกว่า "ไม่ได้..ต้องตามเวลา" เพราะว่าพระพุทธรูปองค์นี้ถ้าหากว่าหล่อเสร็จ สถานการณ์บ้านเมืองของเราจะค่อย ๆ ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ พูดง่าย ๆ คือจะเป็นขาขึ้น แต่ตอนนี้ต้องปล่อยให้ลงไปก่อน"

เถรี
24-01-2018, 22:03
"เมื่อวานญาติโยมจองไม้ถือหรือไม้ครูกัน ก็ต้องบอกว่าเท่ากับทุกคนมีส่วนร่วมในการหล่อหลวงพ่อทองคำ

ในส่วนของไม้ครูนี้ก็ต้องรอ เพราะว่าการบรรจุตะกรุดแล้วอุดผงนั้น จะต้องรอฤกษ์ที่เหมาะสมด้วย คราวที่แล้วฤกษ์ผ่านไป เพราะว่าทำไม่ทัน เนื่องจากว่าผู้ดำเนินการอยากจะให้สวยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก็เลยต้องไปค่อย ๆ สู้กับทางโรงงาน จนโรงงานเขาเบื่อขี้หน้าเต็มทีแล้ว เนื่องจากว่าเราทำแค่ไม่กี่อัน เขาหล่อไปก็ได้ไม่กี่บาท แต่งี่เง่ากับเขามากเหลือเกิน...ประมาณนั้น

ในส่วนของหัวและปลายที่เป็นเงิน ก็คือเงินชนวนจากการหล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงินขนาด ๙.๙ นิ้ว กับเนื้อเงินที่เป็นชนวนจากหลวงพ่อเงินองค์แรกที่เราหล่อไปแล้ว ขนาดนั้นรวมกันแล้วก็ยังไม่พอ ต้องเพิ่มเม็ดเงินเข้าไปอีกหลายกิโลกรัมถึงได้ครบ ๔๙ อัน

ส่วนที่บอกว่าเป็นทองเหลืองนั้น ความจริงก็คือโลหะชนวนจากการหล่อสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าขนุนส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมีดหมอ ไม่ว่าจะเป็นแหวน เป็นกำไล ฯลฯ อาตมาเอาหลอมลงไปทำเป็นชนวนเป็นร้อยรายการ ต้องบอกว่าลงทุนแพงมาก"

เถรี
24-01-2018, 22:29
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเราคิดว่าเงินกับทองเป็นโลหะมีค่า ความจริงมีของที่มีค่ามากกว่านั้นเยอะ เพียงแต่ว่าบางอย่างต้องใช้วิธีการทางด้านวิทยาศาสตร์สกัดขึ้นมา และต้องทุ่มเทงบประมาณมหาศาล แต่ทำได้นิดเดียว ก็เลยกลายเป็นของแพงโดยใช่เหตุ ถ้าใครอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างลองไปค้นหาในอินเตอร์เน็ตดู วัตถุที่มีค่ามากกว่าทองอะไรประมาณนั้น

เรื่องของทองคำเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ว่า ทำไมบุคคลทุกยุคทุกสมัยจึงถือว่าทองคำเป็นโลหะมีค่า ? อาจเป็นไปได้ว่าทองคำไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ไม่เป็นสนิม และที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ ต่างดาวเขาก็ถือว่าทองคำเป็นของมีค่าด้วยเช่นกัน"

เถรี
25-01-2018, 10:04
ถาม : หนูสวดมนต์ จะอัญเชิญเทวดาบ้าง เจ้ากรรมนายเวรบ้างมาร่วมสวด เมื่อคืนฝันแปลก ๆ ฝันว่ามีคนพยายามจะเข้ามาอยู่ด้วย ?
ตอบ : ฝันก็คือฝันจ้ะ

ถาม : ไม่เกี่ยวใช่ไหมคะ ?
ตอบ : เราทำความดีทำอะไรเป็นเรื่องปกติ พรหมเทวดาเขายินดี เต็มใจโมทนาด้วยอยู่แล้ว ในฝันท่านอาจจะบอกเหตุด้วยซ้ำไปว่าอาจจะมีคนคิดร้ายกับเรา ฉะนั้น...ให้เราตั้งหน้าตั้งตารักษาความดีเอาไว้ บุญกุศลจะได้รักษาเราได้

ลักษณะนี้โบราณเขาเรียกว่าเทพสังหรณ์ เทวดาบอกเหตุให้รู้ เราเองเชิญท่านมาสวดมนต์ประจำ ถึงเวลามีอะไรเกิดขึ้นท่านก็พยายามใบ้ให้รู้ ไม่มีอะไรน่าห่วง รักษาความดีของเราเอาไว้ก็พอ

ถาม : แสดงว่าที่หนูฝันว่ามีคนพยายามจะเข้ามาอยู่ด้วย นี่คือ... ?
ตอบ : "อาจจะ" มีคนคิดไม่ดีกับเรา อะไรก็ช่างเถอะ เทวดาท่านถึงพยายามบอกใบ้ ไม่มีอะไรน่ากลัว

ถาม : ทำต่อไปได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ทำต่อไป รักษาความดีให้สม่ำเสมอไว้

ถาม : หนูไม่สบายใจเลย มีคนทักว่าหนูโดนสวรรค์สาปมา จริงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ดี...ให้สาปบ่อย ๆ พวกนี้พูดไปเรื่อยเปื่อย เราไปเชื่อเขาก็บ้า..! เราโดนสวรรค์สาปไม่ให้ขึ้นสวรรค์ เราก็ไปพระนิพพานของเราอย่างเดียว จะไปเชื่ออะไรเขามากมาย

เถรี
25-01-2018, 18:44
โยมถวายครีมทาเท้า "เปลี่ยนเป็นทาหน้าได้ไหม ? อะไรที่ดีสำหรับโยม ไม่ได้แปลว่าจะดีสำหรับพระ แหม...ผลิตครีมมาให้พระใช้โดยเฉพาะ

เรื่องครีมทาเท้า ความจริงพระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้ใช้ แต่ว่าสมัยก่อนท่านให้ใช้น้ำมันทา พอล้างเท้าสะอาด เช็ดแห้งแล้วเอาน้ำมันทากันเท้าแตก เพราะว่าเดินทางไกลกันบ่อย โดยเฉพาะเดินเท้าเปล่า เมื่อเป็นในลักษณะอย่างนั้น สมัยนี้ก็อนุโลมให้ใช้ครีมได้ แต่ขออยู่อย่างเดียวว่า อย่าให้มีกลิ่นหอม ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะพาให้พระผิดศีลขึ้นมาอีก"

เถรี
25-01-2018, 20:03
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของนักร้องที่มีเรื่องมีราวทำร้ายภรรยาตัวเอง และยิงปืนขึ้นฟ้าในวัด ทำให้นึกถึงดาราหรือนักร้องรุ่นเก่า ๆ ซึ่งจะรักษาชื่อเสียงเกียรติยศของตัวเองมากเป็นพิเศษ ไม่ยอมให้มีอะไรเสียหาย

ถ้าหากว่าจะดูตัวอย่างก็คุณสมบัติ เมทะนี ต้องบอกว่าใครจะให้คุณสมบัติเป็นครอบครัวตัวอย่างก็ได้ เป็นดาราที่ได้รับการบันทึกในกินเนสบุ๊กว่าเล่นหนังเป็นพระเอกมากที่สุดในโลก ประมาณ ๖๐๐ กว่าเรื่อง มีชื่อเสียงทั้งในการแสดงและในชีวิตจริง เพราะว่าครอบครัวอบอุ่น ทำตัวอยู่ในกรอบ การประพฤติปฏิบัติทุกอย่างเป็นแบบอย่างที่ดีกับคนอื่นเขาได้

ฝ่ายหญิงก็คุณพิศมัย วิไลศักดิ์ สมัยนี้เรียกว่า "คุณยายหมี" กันแล้ว เป็นแบบอย่างให้รุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลานประพฤติปฏิบัติตาม เป็นดาราที่ไม่เคยมีความเสียหายด่างพร้อยอะไรเลย ทางด้านนักร้องอย่างคุณชรินทร์ นันทนาคร ก็เหมือนกัน อยู่มาจนป่านนี้แล้วก็ยังรักษาชื่อเสียงที่ดีงามเอาไว้ได้

โดยเฉพาะในเรื่องการมีครอบครัว คุณชรินทร์แต่งงานกับดาราอันดับ ๑ ในยุคนั้นคือ คุณเพชรา เชาวราษฎร์ แต่คราวนี้คุณเพชราเล่นหนังมาก สมัยก่อนมีการยกรีเฟล็กซ์สะท้อนแสงใส่หน้าทุกวัน จนสายตาเสีย ตาบอดไปเลย คุณชรินทร์ก็ยังดูแลภรรยาเป็นอย่างดีตลอดมา ถึงขนาดมีคนถามว่าภรรยาตาบอดแล้วทำไมไม่หาใหม่ ? คุณชนินทร์บอกว่าในสมัยก่อนที่ไปจีบคุณเพชรา ตัวเองเป็นคนที่มีคุณสมบัติด้อยที่สุด ชื่อเสียงก็สู้เขาไม่ได้ เงินทองก็สู้เขาไม่ได้ วงศ์ตระกูลก็สู้เขาไม่ได้ แต่ในเมื่อคุณเพชรารักตอบ ตัวเองต้องฝ่าฟันสารพัดอุปสรรค กว่าจะได้มาก็ยากเย็นแสนเข็ญ จึงต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุด"

เถรี
25-01-2018, 20:15
"พอมาเปรียบเทียบกับนักร้องหรือดาราในสมัยปัจจุบัน หลายคนเป็นขวัญใจมหาชน ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า ไอดอล ไม่สามารถที่จะรักษาชื่อเสียงหรือความดีให้สม่ำเสมอเหมือนกับคนรุ่นเก่าได้ เพราะว่าขาดจิตสำนึกว่าตนเองเป็นแบบอย่างของคนอื่น

ในเมื่อขาดจิตสำนึกว่าตนเองเป็นแบบอย่างของคนอื่น คนอื่นเลียนแบบความประพฤติของเรา ก็ทำอะไรตามใจตัวเอง จนกระทั่งกลายเป็นข่าวคราวในทางที่ไม่ดี

แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ขนาดว่าโดนตำรวจจับดำเนินคดีก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสำนึก ซึ่งเรื่องพวกนี้ถ้าเยาวชนของเราเห็นว่าเป็นเรื่องโก้ เป็นเรื่องที่ดีงาม แล้วเลียนแบบทำตาม สังคมของเราจะวุ่นวายมาก เรื่องพวกนี้ถ้าเราเป็นผู้ใหญ่ เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นปู่ย่าตายาย ก็ต้องชี้แจงความผิดความถูกให้เด็ก ๆ เขาได้รู้ ไม่ใช่ว่าสักแต่ให้เขาเลียนแบบทำตามคนอย่างนี้"

เถรี
25-01-2018, 20:17
"เป็นที่น่าเสียดายว่า สภาพสังคมของเราเปลี่ยนไปมาก สมัยก่อนสังคมไทยเป็นสังคมขยาย ลูก ๆ แต่งงานแล้วก็ยังปลูกบ้านปลูกเรือนอยู่ในรั้วรอบขอบเดียวกับพ่อแม่ มีลูกมีหลาน พ่อแม่ปู่ย่าตายายก็ช่วยกันเลี้ยงช่วยกันอบรม สมัยนี้ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว แยกออกไปอยู่ต่างหาก ถึงเวลามีลูกขึ้นมาพ่อแม่ก็ไม่ได้ดูแล เนื่องจากว่าต้องไปทำงานทั้งคู่ ลูก ๆ มักจะอยู่กับพี่เลี้ยง ทำให้เด็ก ๆ ขาดการอบรมมาก

ผู้ใหญ่ในยุคปัจจุบัน ก็คือผู้ใหญ่ในครอบครัวที่เริ่มเป็นครอบครัวเดี่ยว ทำให้ตัวเองไม่ได้เติบโตมากับความรักความอบอุ่นในครอบครัว ก็เลยแสดงออกในลักษณะของการเรียกร้องความสนใจ ทั้งที่ตนเองรู้ตัวและไม่รู้ตัวว่าเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีการที่ดีไม่ได้ ก็แสดงออกในด้านเกเรขึ้นมาแทน

เป็นปัญหาหนักอกมากในเรื่องของสังคมปัจจุบัน เพราะรุ่นนี้กำลังเป็นพ่อแม่คน เมื่อถึงเวลาพ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี แล้วตัวเองจะไปสอนลูกให้ดีย่อมเป็นไปไม่ได้ ก็คงเข้าทำนองว่า แม่ปูสอนลูกปู พยายามให้ลูกเดินให้ตรงทาง แต่ตัวเองก็เดินคดไปคดมา แล้วลูกจะไปให้ตรงทางได้อย่างไร ?"

เถรี
25-01-2018, 21:24
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของพระดวงพิชัยสงคราม ถ้าพูดภาษาสมัยนี้ก็คือพระคุ้มดวง พระเสริมดวง เป็นตำราที่สืบทอดมาตั้งแต่สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้วสมัยอยุธยา เขาจะใช้ไม้โพธิ์กิ่งด้านทิศตะวันออกที่หักลงมาเอง แกะสลักเป็นพระพุทธรูปใหญ่เล็กตามขนาดที่ได้ เสร็จแล้วก็มีการเขียนดวงของเจ้าของบรรจุไว้ที่ใต้ฐาน แล้วก็มีการบรรจุวัตถุอาถรรพ์ของขลังบางอย่างไว้ด้วย

หลวงพ่อพิจารย์ วัดโพธิ์ผักไห่ จ.อยุธยา ได้ศึกษาวิชาการเหล่านี้เอาไว้ แต่คราวนี้วัสดุหายาก ต้องรอกิ่งโพธิ์ทางทิศตะวันออก แล้วก็ต้องหักเองด้วย กี่ปีกี่ชาติจะได้สักกิ่งหนึ่งก็ไม่รู้ ?

สมัยหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ท่านทำองค์เล็กกว่านี้เพราะว่าได้กิ่งเล็ก ขณะเดียวกันท่านก็เอาเศษไม้มาแกะเป็นองค์เล็ก ๆ บางองค์แค่หัวแม่มือก็มี เพราะว่าเป็นไปตามขนาดของไม้ แล้วไม้โพธิ์เป็นไม้ที่แปลกมาก เมื่อหักลงมาถ้าทิ้งไว้ตามธรรมชาติ พักเดียวก็ผุหมด แต่ถ้าแกะเป็นองค์พระแล้วกลับอยู่ยั้งยืนยง แปลกดีเหมือนกัน อาจจะแสดงให้เห็นว่า เหมาะสำหรับการแกะเป็นพระบูชา มากกว่าที่จะไปปล่อยทิ้งปล่อยขว้างเอาไว้ตามธรรมชาติ"

เถรี
25-01-2018, 21:53
"โบราณเรียกว่าไม้โพธิ์นิพพาน เป็นไม้โพธิ์ที่หักลงมาเองตามธรรมชาติ สมัยก่อนก็มีหลวงปู่รอด วัดโคนอน หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง หลวงพ่อโนรี วัดโพธิ์มอญ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ที่ทำพระเหล่านี้ แต่ส่วนใหญ่ก็ทำเป็นองค์เล็ก ๆ เป็นพระปิดตา ใต้ฐานบรรจุกระดาษสาที่เขียนอักขระเลขยันต์ บางท่านก็บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย

ที่ทำเป็นองค์ใหญ่ ๆ เท่าที่รู้มาก็มีหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แต่ก็ไม่ใช่จะหาง่าย แต่ละบ้านที่มีอยู่ถือเป็นของประจำตระกูล ไม่ปล่อยให้หลุดออกมาง่าย ๆ

อาตมาเจออยู่ ๒ องค์ ตื๊อเท่าไรเจ้าของก็ไม่ให้ ท้ายสุดพอคุยเรื่องนี้กัน พระครูสมุห์อานนท์บอกว่า หลวงพ่อพิจารย์ท่านได้ไม้มา ท่านกำลังจะสร้างอยู่เหมือนกัน เพื่อจะให้ลูกศิษย์ที่ให้การอุปถัมภ์วัด บอกว่าท่านจะทำถวายหลวงพ่อเล็กองค์หนึ่ง เริ่มทำกันตั้งแต่ปีที่แล้ว อาตมาก็ต้องไปลงเลขลงเวลาตามฤกษ์ของเขา กว่าจะได้มาชื่นชมกราบไหว้ก็มาจนถึงปีนี้"

เถรี
25-01-2018, 21:57
"ที่เห็นสวย ๆ ไม่ใช่ที่หล่อโลหะ แต่เป็นไม้แกะแล้วปิดทองล่องชาด บางคนถ้าหาไม้โพธิ์ไม่ได้ก็หาไม้มงคลอื่น ๆ อย่างเช่นว่าไม้จันทน์หอม แกะเป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดของตัวเอง แล้วก็ให้ท่านที่มีความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์ เขียนแผ่นดวงของตัวเอง ที่ภาษาชาวบ้านเรียกง่าย ๆ ว่าดวงอีแปะ ก็คือดวงที่เป็นวงกลม ๆ มีขีดช่องสำหรับลงนวางค์ แล้วก็ลงตัวเลขไปตามวันเดือนปีเกิด

ฉะนั้น...ถ้าใครจะทำอะไรในลักษณะหนุนดวงเสริมดวง ถ้าทำลักษณะนี้ อาตมาเห็นด้วย ที่เห็นด้วยก็เพราะว่าเราต้องยกพระรัตนตรัยมาก่อนเสมอ ต้องเอาพระรัตนตรัยเป็นใหญ่"

เถรี
26-01-2018, 22:09
ถาม : มีวิธีชำระหนี้สงฆ์และขอขมาพระรัตนตรัยแทนผู้ล่วงลับไปแล้วหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่มี คนตายไปแล้ว ถ้ายังไม่ได้ทำไว้ก็จบกัน ไปรับโทษแน่นอน

เถรี
26-01-2018, 22:16
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระสีวลีที่แจกไป ถ้าญาติโยมอยากได้คาถายาว ๆ ก็ไปค้นหาเอาในอินเตอร์เน็ต ถ้าไม่อยากได้คาถายาวก็ใช้แค่ เอตัง คุณัง สีวลี ลาภัง"

เถรี
26-01-2018, 22:22
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของเครื่องรางของขลัง ส่วนใหญ่หมายถึงวัตถุมงคลที่ไม่ใช่รูปพระ อย่างเช่นว่าตะกรุด ผ้ายันต์ สายคาดเอว แหวนพิรอด เหล่านี้เป็นต้น แม้กระทั่งเครื่องรางที่เป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนุมาน เป็นลิง เป็นสิงห์ เป็นเสือ

สมัยก่อนคนเราไม่นิยมในการห้อยพระแขวนพระ เพราะถือคติดว่า "พระต้องอยู่วัด คนถึงอยู่บ้าน" คราวนี้ในเมื่อพระต้องอยู่วัดก็เลยไม่กล้าเอาพระเข้าบ้าน กลัวว่าจะเป็นบาปเป็นกรรม จึงพกแต่พวกเครื่องรางของขลังแทน

ฉะนั้น...ในส่วนนี้ครูบาอาจารย์สมัยก่อนจึงสร้างเครื่องรางของขลังเอาไว้มาก เมื่อเช้าสีกาอ่างของไทยรัฐฉบับวันอาทิตย์ลงเครื่องรางของขลังที่เป็นรูปสัตว์ อย่างเช่นว่า หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน องคตหลวงปู่ปาน วัดบางกระสอบ เป็นต้น ถ้าใครเห็นราคาแล้วก็คงสะอึก เพราะว่าต่ำสุดห้าแสนบาท สูงสุดสิบกว่าล้านบาท..!

อาตมาเอาออกในเว็บเต็มที่ก็แค่ห้าหมื่นบาท แล้วพวกเราก็บ่นกันว่าแพง ถึงได้บอกว่าบางอย่างให้ศึกษาราคาในท้องตลาดก่อน อย่างหนุมานหลวงพ่อสุ่นตัวที่เอามาลง เขาบูชามาสิบล้าน ไม่ต้องหรอก...เขามาเอาแสนเดียว พระอาจารย์เล็กก็ยอมให้ทั้ง ๒๐ ตัวเลย"

เถรี
26-01-2018, 22:30
ถาม : ผมโดนเพศเดียวกันทำท่าหื่นกามใส่ ผมขยะแขยง เป็นมานะทิฏฐิหรือสักกายทิฏฐิครับ ?
ตอบ : เป็นด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ

ถาม : แล้วต้องมีปัญญาขนาดไหนจึงจะปล่อยวางได้ ?
ตอบ : ต่ำสุดต้องเป็นพระอนาคามี ปฏิฆะถึงจะไม่เกิด ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เรากระทบเข้าแล้วเกิดอารมณ์ขึ้นมา ภาษาบาลีเรียกว่า ปฏิฆะ

ในส่วนนี้ไม่ว่าจะเกิดรัก เกิดโลภ เกิดหลงก็ตาม เป็นส่วนของปฏิฆะทั้งนั้น เพียงแต่ว่าปฏิฆะส่วนใหญ่เขาไปหมายเอาเรื่องของความโกรธอย่างเดียว

เรื่องของความโกรธ เรื่องของความรัก จะมาจากสักกายทิฏฐิก่อน ก็คือเอาตัวเราเป็นใหญ่ หลังจากยึดมั่นตัวเราแล้ว ก็ไปยึดคนอื่นด้วย ขณะเดียวกัน ถ้าบางคนทำอะไรให้เราไม่พอใจ ส่วนของมานะก็เกิดขึ้น ถ้าอยากจะลดจะละได้ ต่ำสุดต้องเป็นพระอนาคามีขึ้นไป ไม่อย่างนั้นเอาไม่อยู่

ถาม : เอาที่ปัญญาแค่ระดับผมพอจะทำได้ครับ ?
ตอบ : หนีไปจากที่นั้นก็แล้วกัน มี ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือหนี อย่างที่สองก็คือ "ตื้บ" เขาซะ หรือไม่ก็ให้เขา "ตื้บ"..!

เถรี
26-01-2018, 22:31
ถาม : อย่างท่านสิริมา น้องสาวท่านปู่ชีวกฯ ท่านทำใจยอมรับในอาชีพโสเภณีได้อย่างไร ?
ตอบ : ท่านเป็นพระโสดาบัน ไม่ใช่พระอนาคามี

เถรี
26-01-2018, 22:43
ถาม : พระพุทธเจ้าท่านเกิดเป็นมหาทุคตะ ท่านตั้งใจลงมาเกิดเป็นคนจนเพื่อบำเพ็ญบารมีใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : จะเกิดเป็นอะไรก็ได้ ถ้ามีโอกาสสร้างบุญสร้างบารมีกลับขึ้นไปแล้วดีกว่าเดิม ท่านเอาทั้งนั้น ไม่ใช่ต้องเกิดมารวยอย่างเดียว

ถาม : ผมเข้าใจว่า ก่อนที่ท่านจะเกิดเป็นมหาทุคตะ ท่านสร้างทานบารมีมาไม่รู้ตั้งเท่าไร อย่างนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลยว่า ที่เราทำทานจะไม่เกิดมาจน ?
ตอบ : อาจจะเป็นชาติแรกที่ท่านสร้างบารมีก็ได้ ต่อให้สร้างมาขนาดไหน ถ้าเผลอขาดอธิษฐานบารมีก็ตัวใครตัวมัน..!

เถรี
26-01-2018, 22:47
ถาม : ที่หลวงพ่อบอกว่า ให้ยอมรับกฎของกรรม ถ้าไม่ดิ้นก็ไม่เจ็บ แล้วถ้าเราไม่ดิ้น เรายอมเขา เขายิ่งทำเราหนักขึ้นละครับ ?
ตอบ : ก็ยอมไปเรื่อย ๆ บอกแล้วว่าให้ไปดูขันติวาทีดาบส

ถาม : ตายเลยนะครับ ?
ตอบ : นั่นขนาดตายเลย ของเรายังไม่ถึงตายสักหน่อย

เถรี
26-01-2018, 22:48
ถาม : ทำไมพุทธภูมิหลาย ๆ คน ดูไม่ค่อยจะเต็มเหมือนชาวบ้าน จะล้น ๆ เกิน ๆ ?
ตอบ : ก็รู้ตัวเหมือนกันนี่..! พุทธภูมิกำลังใจอย่างน้อยต้องล้นเกินชาวบ้านไป ๔ เท่า คุณจะให้เหมือนชาวบ้านได้อย่างไรวะ ?

ถาม : ถือว่าเป็นเรื่องปกติของพุทธภูมิหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ เวลาทดสอบก็ต้องโดนหนักกว่าชาวบ้านอย่างน้อย ๔ เท่าเหมือนกัน ถ้าไปเจอมากกว่า ๑๖ เท่าก็ซวยไป..!

เถรี
26-01-2018, 22:53
ถาม : อย่างเวลาไปเจออารมณ์กระทบให้ขุ่นข้องหมองใจ ความรู้สึกของผมคือเป็นหลวงปู่หลวงพ่อที่ผมเคารพ เป็นเพราะฝีมือมารใช่ไหมครับที่ทำให้เราคิดว่าเป็นครูบาอาจารย์ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น บางทีท่านก็อาจจะมาลองเราเองจริง ๆ ก็ได้ อยากจะรู้ว่าทำมาจนป่านนี้จะมีอะไรก้าวหน้าบ้างหรือเปล่า ? ปรากฏว่าลองเมื่อไรก็ห่วยแตกเมื่อนั้น..!

ถาม : อย่างนี้ครูบาอาจารย์ก็ลองของลูกศิษย์กันเป็นปกติเลยสิครับ ?
ตอบ : ปกติ...ไม่มีครูที่ไหนไม่ออกข้อสอบให้ลูกศิษย์หรอก

ถาม : เรียนแล้วยังไม่พร้อม ยังไม่สอบไม่ได้หรือครับ ?
ตอบ : โง่เองก็ไม่พร้อมสักที ถึงเวลาครบเทอมก็ต้องออกข้อสอบเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เราเองประเภทเรียนบ้างหลับบ้าง ไม่พร้อมสักที พอถึงเวลาสอบดันไปโทษครูอีก

ถาม : ถ้าครูบาอาจารย์ของผมเป็นพระอรหันต์ แล้วท่านสั่งท่านสอน แล้วผมไม่ทำตาม ผมจะต้องเจออะไรบ้างครับ ?
ตอบ : เดี๋ยวก็รู้เอง..!

เถรี
28-01-2018, 08:45
พระอาจารย์กล่าวกับลูกศิษย์ "มีโอกาสถามครูให้ด้วยว่าหลวงพ่อกวยเคยทำสีผึ้งเขียวไหม ?" (มีสีผึ้งออกดำที่ท่านทำครับ) ก็ยังสงสัยอยู่ว่าหลวงพ่อกวยทำสีผึ้งเขียวเป็นเหมือนกันนะ

(พูดถึงสีผึ้งว่าเขียวเพราะอะไร) ถ้าเป็นผม ผมว่าเขียวเพราะเสก เพราะว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนให้เสกสีผึ้งทาโป ก็คือเทียนปิดหน้าผีธรรมดา แต่เสกเสร็จแล้วเขียวปี๋เลย แสดงว่าอยู่ที่พลังจิตมากกว่า ถ้าคนทั่ว ๆ ไปก็คิดว่า หลวงปู่ทาบเอาว่านใส่ลงไปเลยทำให้เขียว แต่ปรากฏว่าคนเลียนแบบเท่าไรก็ไม่สำเร็จ

ผมว่าน่าจะเป็นที่เสกมากกว่า ขอเชื่อตามแบบของเราว่าเขียวเพราะการเสกมากกว่า เพราะว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเสกเขียวปี๋เลย ทั้ง ๆ ที่เป็นขี้ผึ้งธรรมดา"

เถรี
28-01-2018, 08:50
"อย่างหลวงปู่ทาบ หลวงปู่อ่ำ ท่านตั้งใจเรียนอย่างหนึ่งแล้วได้อีกอย่างหนึ่ง หลวงปู่อ่ำตั้งใจไปเรียนวิชาแกะเขี้ยวเสือจากหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย หลวงปู่ปานบอกว่าแกไปไม่รอดหรอก เรียนเอาวิชาแพะไปแล้วกัน กลายเป็นแพะมหาเสน่ห์ ส่วนหลวงปู่ทาบเสกแพะไม่สำเร็จ ก็เลยต้องเรียนวิชาสีผึ้งแทน แล้วก็ไม่มีใครสู้ท่านได้ จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นใครทำได้ พวกเราเองก็ยังได้แต่เอาของท่านมาเติมต่อกันมา

สีผึ้งหลวงปู่ทาบแข็งเป็นหินเลย เป็นเรื่องอัศจรรย์ดี สีผึ้งแข็งขนาดนั้นเคยเห็นมีของหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ถึงเวลาต้องแงะออกจากตลับ ไม่รู้ท่านทำของท่านได้อย่างไร ทั้งที่เป็นขี้ผึ้งธรรมดา ไม่น่าจะแข็งได้ถึงขนาดนั้น

สมัยก่อนส่วนใหญ่ท่านเรียนวิชากันในป่าช้า ถ้าไม่มีเพื่อนแล้วใครจะไปอยู่ไหว ? รุ่นหลวงพ่อเริ่ม วัดจุกเฌอ หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก ไปเรียนวิชาแพะ โดนจับมัดคว่ำอยู่ในป่าช้า ภาวนาไปเถอะจนกว่าจะหลุดออกมาได้ ถ้าหลุดไม่ได้ก็ไม่ให้เรียน บังคับว่าต้องมีสมาธิ แล้วโดนมัดอยู่ในป่าช้าแบบนั้นมีหวังผีหลอกตายชัก ถ้าไม่มีเพื่อนไปก็กลัว บางคนกลัวมาก ๆ ถึงกับเสียสติแล้วบ้าก็มี สมัยนี้ถ้าให้ทำอย่างนั้น คนได้ยินก็หนีกันหมดแล้ว ..(หัวเราะ)..."

เถรี
28-01-2018, 08:59
"แต่ก็แปลกว่าสีผึ้งของหลวงพ่อกวยไม่เขียวทั้งตลับ เขียวปนอยู่ในตลับเป็นวง ๆ ของผมเองก็มีแบบนั้น แต่ฝาตลับแตกแล้ว จะเปลี่ยนฝาก็ไม่ได้ ถ้าเปลี่ยนแล้วคนจะไม่เชื่อเลยว่าเป็นของท่าน"

ถาม : เป็นตลับสีแดงหรือครับ ?
ตอบ : ตลับแดงฝาเริ่มดำ ๆ แล้ว เก็บนานเกินไป แล้วของท่านข้างในไม่ต้องพูดถึงเลยนะ ๗-๘ ตลับไม่เหมือนกันสักตลับ อันนี้สาลิกา อันนั้นองค์พระ อันโน้นตะกรุด ก็ว่าดีเหมือนกัน ไม่เหมือนกันสักตลับเลย มีบางตลับข้างในก็ยัดลงไปทุกอย่างจนแทบจะไม่มีสีผึ้งเลย ...(หัวเราะ)...

บางคนไปเกี่ยงตรงราคาแพง อาตมาจับสีผึ้งหลวงปู่ทาบมา ตลับเงินโบราณราคาหมื่นห้า ใครว่าแพงก็แพง กูว่าไม่แพง ตลับเก่ายืนยันได้ว่าแท้ เจ้าของหวงจะตายชัก ไม่ได้ราคาก็ไม่ให้ คิดดูว่าสมัยหลวงปู่ทาบท่านให้แค่หัวไม้ขีด ไปผสมเอาเองแล้วกัน ท่านก็คงกลัวว่าถ้าให้เยอะลูกศิษย์จะใช้มั่วไปหมด ไปได้สาวมาเยอะแยะแล้วไม่มีปัญญาเลี้ยงก็ผิดครูเขา เพราะว่าวิชาพวกนี้จริง ๆ แล้ว ท่านทำเพื่อสงเคราะห์ลูกศิษย์ แต่ต้องรับสัจจะไว้ว่า ได้เขาแล้วต้องรับเลี้ยงเขาด้วย ห้ามทิ้งห้ามขว้าง ไม่อย่างนั้นตัวเองจะวิบัติเอง

สมัยนี้ไม่เห็นต้องอะไรเลยนะ ให้ดูนิสัยก็ไปกันได้แล้ว ถ้า "นิสัยรวย" ก็ไปกันได้ทุกคน อาตมาก็เพิ่งจะรู้ว่าความรวยสมัยนี้เรียกว่านิสัย รุ่นตูเรียกว่าฐานะ...!

เถรี
28-01-2018, 09:06
ก็ยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมหลวงพ่อกวยท่านใส่วัตถุมงคลลงในสีผึ้งไม่เหมือนกันสักตลับ ? ผ่านมือมาเป็น ๑๐ ตลับแล้วไม่เหมือนกันเลย แต่ว่ามีบางตลับต้องเก็บไว้เองเพราะว่าใส่เต็มจริง ๆ พระปิดตาก็มี นางกวักก็มี สาลิกาก็มี ตะกรุดก็มี ปลาตะเพียนก็มีอีกต่างหาก โอ้โห...ใส่ไปได้อย่างไร ? ใส่เสียจนขี้ผึ้งแทบจะไม่มี

พระปิดตาส่วนใหญ่ที่เจอเป็นเนื้อชิน ยังคิดขำ ๆ ว่า "ตลับนี้กูต้องเก็บเองแล้ว"

เถรี
28-01-2018, 22:06
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเดือนที่แล้วมีโยมผู้หญิงสองคนมาหา บอกว่าไปสำนักหมอดูมา โดนเขาใช้ผีคุม มาขอให้อาตมาช่วยหน่อย อาตมาเองก็บอกว่า ถ้าจะให้ช่วยก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร เพราะว่าเลิกรบกับพวกนี้มานานแล้ว มีอย่างเดียวคือถ้าที่วัดมีงานเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อไร ก็ให้ไปร่วมงานที่วัด

ปรากฏว่าคืนนั้นอาตมาก็โดนผีกวน มา ๓ รอบ ๔ รอบ มาแบบไม่เก่งจริง เพราะว่าเมื่อเราตั้งท่าจะหวดเขาก็เผ่น แต่ก็โดนกวนจนไม่ได้นอน เดือนที่แล้วโยมจะเห็นว่ามีอยู่วันหนึ่งอาตมาลงมาเกิน ๖ โมงเย็น เพราะว่าไปเผลอหลับตอนที่ขึ้นไปพักรอบบ่าย หลังจากนั้นก็คิดว่า ถ้าแบบนี้ก็ต้องขับไล่กัน ในเมื่อไล่ เขาก็ไม่สามารถที่จะมาที่นี่ได้ ไม่กี่วันที่ผ่านมาผีดันไปถึงวัดแทนอีก ตื้อดีแท้โว้ย...!

พวกนี้ที่อาตมาไม่อยากยุ่งด้วยก็เพราะว่าไปทำให้เขาเสียประโยชน์ ที่เขาเอาผีคุมไว้เพื่อที่จะให้เป็นเครื่องมือหาเงินให้เขา พอไปหาพระไปหาหมอ ไม่ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์พระหรือฆราวาส ผีจะรายงาน เจ้านายก็จะรู้ว่าจะไปแก้ไขที่สำนักไหน แล้วก็จะเล่นสำนักนั้นเลย เป็นเรื่องที่ไม่สนุกเพราะว่าอาตมาเคยโดนมาจนเบื่อแล้ว"

เถรี
28-01-2018, 22:11
"จึงอยากจะเตือนญาติโยมว่า เรื่องพวกนี้เขายังหากินกันอยู่เป็นปกติ พวกเราจะไปประมาทไม่ได้ เที่ยวไปสำนักทรง ไปสำนักหมอดู ถ้าไปเจอที่เขามีศีลมีธรรมก็แล้วไป แต่ส่วนใหญ่ไปเจอที่เขาตั้งใจให้เราเป็นเครื่องมือผลิตเงินให้เขา ก็จะเดือดร้อนอย่างที่อาตมาเจอมานี่แหละ

ถึงเวลาอยากจะหลุดจากการครอบงำ ไปหาพระเขาก็เล่นงานพระแทน เดี๋ยวจะดูว่าเดือนนี้สองคนนี้จะมาไหม ? ซึ่งอาตมามั่นใจว่าไม่มาแน่ เพราะผีที่คุมอยู่รู้ว่าเข้าบ้านนี้ไม่ได้แล้ว

ไม่ว่าอะไรก็ตามขอให้เชื่อเรื่องที่พระพุทธเจ้าสอน พระพุทธเจ้าสอนเราให้เชื่อกรรม ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเราก็มักจะนอกลู่นอกทาง ไปเชื่อหมอดูบ้าง ร่างทรงบ้าง เมื่อครู่นี้ก็มีโยมมาบอกว่า "เขาทักว่าดิฉันโดนสวรรค์สาป" อาตมาบอกว่า "เออ..ดี เขาสาปไม่ให้ไปสวรรค์ บังคับว่าต้องไปพระนิพพานอย่างเดียว"

พวกนี้มักจะทักให้เราตกใจแล้วค่อยบอกวิธีแก้ ซึ่งเป็นวิธีที่เราต้องเสียเงินให้เขาทั้งนั้น แล้วพวกเราก็ฉลาดพอที่จะไปให้เขาแก้เหมือนกัน...!"

เถรี
28-01-2018, 23:29
พระอาจารย์กล่าวว่า "ธนบัตรรัชกาลที่ ๙ รุ่นสุดท้ายใบละ ๒๐ บาทเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ใบละ ๕๐ บาทเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ใบละ ๑๐๐ บาท เป็นพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ใบละ ๕๐๐ บาทเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ใบละ ๑,๐๐๐ บาทเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระปิยมหาราช

คราวนี้ธนบัตรที่ระลึกล่าสุดที่ออกมาเป็นรูปในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทั้งหมดเลยทุกราคา ใครเจอใบใหม่ ๆ ให้เก็บไว้อย่างละใบสองใบเพราะว่านานไปเขาจะค่อย ๆ เก็บคืนคลัง แล้วออกของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ มาแทน

ของบางอย่างถ้าไม่เก็บก็ไม่เป็นภาระ ถ้าเก็บก็จะมีภาระ การสะสมธนบัตรต้องใส่เมาท์ ใส่เล่ม สมัยก่อนอาตมาเคยสะสมแสตมป์ พอสะสมแสตมป์จนไม่มีให้สะสม ก็มาสะสมตราประทับ มาสะสมป้ายลงทะเบียน ท้ายสุดก็ต้องขยับมาสะสมพวกเหรียญ พวกธนบัตร พอมาบวชแล้วก็เลิก สมัยโน้นสะสมถึงขนาดสามารถเขียนคู่มือการสะสมไปลงวารสารให้เขาได้

พอสะสมไปสะสมมา จนไม่มีอะไรจะให้สะสม ก็ต้องเล่นพวกของตลก ของตลกคือพวกที่พิมพ์ผิด เจาะรูผิด จริง ๆ แล้วนับเป็นของเสีย แต่เนื่องจากว่าเป็นของที่มีน้อย ก็เลยกลายเป็นของที่แย่งกัน จนราคาแพงกว่าของดี ๆ หลายเท่า"

เถรี
29-01-2018, 00:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมส่วนหนึ่งปฏิบัติธรรมแล้วเจอการทดสอบหนัก ๆ มีแรงกระทบมารอบด้าน อาจจะกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ คิดว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะว่าเรามาปฏิบัติธรรม ถ้าเราไม่ปฏิบัติธรรมสิ่งเหล่านี้ก็ไม่เกิดขึ้น

จะว่าไปแล้วก็ใช่ เหมือนอย่างกับว่าถ้าโยมไปเรียนหนังสือก็ต้องสอบ ถ้าไม่เรียนก็ไม่ต้องสอบ แต่คราวนี้ถ้าเรียน โอกาสที่จะจบก็มี ถ้าไม่เรียนก็ไม่ต้องจบกันเสียที จึงต้องตัดสินใจเอาเองว่าจะเอาอย่างไร ? อยากจะไปพระนิพพาน ไม่เจออุปสรรคขวากหนามเลยย่อมเป็นไปไม่ได้ เจอนิดเจอหน่อย โปรดอย่าร่ำร้องมากนัก"

เถรี
29-01-2018, 00:09
ถาม : ไม่แน่ใจว่ามีดหมอเล่มนี้ของท่านใดครับ ?
ตอบ : เป็นของหลวงพ่อกวยยุคแรก ๆ ที่ยังเป็นโลหะผสม เนื้อดี เพราะว่ารุ่นหลัง ๆ บางทีก็ใช้โลหะทั่วไป รุ่นแรก ๆ ท่านเอาโลหะอาถรรพ์มาผสม บางทีเก็บมาทั้งชีวิตก็ตีได้แค่ไม่กี่เล่ม

อย่างหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ทำทีหนึ่งก็ได้แค่ ๒ เล่ม ๓ เล่ม เพราะว่าโลหะผสมหายาก เหล็กยอดพระเจดีย์ เหล็กยอดปราสาท ศาตราวุธที่หัก ส่วนผสมได้ครบทีหนึ่งก็ทำทีหนึ่ง แล้วท่านก็ทำได้ครั้งละไม่กี่เล่ม เพียงแต่ว่ามีดหมอสายหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวนี่ดูง่ายอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือถ้ารักษาดี ๆ โลหะเกือบจะไม่เป็นสนิมเลย แสดงว่าท่านผสมแล้วหลอมได้เก่งมาก ๆ

อาตมามีมีดหมอหลวงปู่ยิ้มอยู่เล่มหนึ่ง สีเหมือนเมฆพัตรเลย เป็นสีปีกแมลงภู่ คือ สีดำเหลือบน้ำเงิน

เถรี
29-01-2018, 00:20
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาพกแหวนจักรพรรดิหลวงพ่อวัดท่าซุง เผลอเอาไปใกล้เบี้ยแก้หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ปรากฏว่าปรอทในเบี้ยแก้กินแหวนจักรพรรดิจนกระดำกระด่างดูไม่ได้เลย เรื่องปรอทกินทองนี่เป็นความจริงแน่นอน"

ถาม : จะมีผลร้ายไหม ?
ตอบ : ไม่มีอะไร ก็ปล่อยให้กินไปก็เท่านั้นเอง ของอาตมาโดนกินไปวงทองจนกระดำกระด่างหมด เหลือแต่หัวเพชรเท่านั้นที่ยังใสเป็นปกติ

เถรี
30-01-2018, 08:41
ถาม : เรื่องไม้ครูของหลวงปู่ภู วัดอินทร์ ถ้าบรรจุด้านเดียวกันทั้งสองด้าน ใช้เหมือนกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คนไหนได้สองด้านถือว่าได้รับการโปรดเป็นพิเศษ คงเป็นบารมีส่วนตัวของเขา เพราะว่าก่อนที่หลวงปู่ท่านจะทำให้ ท่านต้องนั่งมองฟ้าจนกว่าจะได้รับอนุญาต

เถรี
30-01-2018, 08:48
ถาม : น้องสาวทำอยู่ฝ่ายการเงินค่ะ คุณครูที่โรงเรียนมารังควาน ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติของคนดีที่มักจะโดน คนชั่วเขาไม่ค่อยจะคิดกันหรอก เขาทำได้เขาก็ทำ ให้เขาไปภาวนาคาถาเงินล้าน เฉพาะบท นาสังสิโม ฯ เป็นบทกลับร้ายกลายเป็นดี

ถาม :คำเดียวหรือเจ้าคะ ?
ตอบ : คำเดียวนั่นแหละ ให้ภาวนา ตั้งใจขอบารมีพระสงเคราะห์ให้เปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี ภาวนาไปเรื่อย ๆ ทั้งวันทั้งคืนได้ยิ่งดี

เถรี
30-01-2018, 09:17
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครรู้บ้าง โบราณเขาใช้สีผึ้งไว้ทำอะไร ? สีผึ้งเขาไว้กันปากแห้งกันปากแตก โดยเฉพาะคนที่กินหมาก น้ำหมากจะกัดริมฝีปากจนแห้งผาก เขาก็เลยทาสีผึ้ง มายุคนี้สมัยนี้ของเราไม่เหลืออะไรแล้ว มีครีม มีลิปสติก ใช่ไหม ? สีผึ้งก็เลยเหลืออยู่อย่างเดียว คือ เอาไปให้หลวงพ่อเสกเป็นมหาเสน่ห์"

เถรี
30-01-2018, 09:45
ถาม : ลูกสาวหนูกำลังจะแต่งงานกับผู้ชาย มีคนเข้ามายุ่ง มาทำมนต์ดำใส่ ?
ตอบ : บอกเขาว่าให้พกยันต์เกราะเพชรไว้แล้วสวด อิติปิ โส ฯ ทุกวัน ต้องขยันนะ ถ้าไม่ขยันเดี๋ยวก็โดนอีก บอกเขาว่าต้องขยันสวดมนต์ทุกวัน

เถรี
30-01-2018, 22:29
หลวงปู่หลวงพ่อบางรูปบางท่านทำแต่ความดี ปรากฏว่าโดนคนทำไสยศาสตร์ใส่ อาตมาเองก็สงสัยว่าเป็นเพราะอะไร ? หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า พวกหมอไสยศาสตร์มีการแข่งขันกันว่า ใครจะล้มพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้มากกว่ากัน ก็เลยกลายเป็นว่า แม้ว่าบางคนจะไม่เคยทำผิดคิดร้ายอะไรกับใครในชาติปัจจุบัน ก็ยังมีคนไม่หวังดีคอยทำอันตราย ก็แสดงว่าในอดีตชาตินั้นท่านเคยสร้างกรรมมาเหมือนกัน

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านโดนไสยศาสตร์มาเป็น ๑๐ ปี ถามหลวงพ่อว่าส่วนใหญ่เกิดจากอะไรครับ ? ท่านบอกว่าเกิดจาก ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งก็คือมีฝ่ายที่ตั้งใจจะทำลายสถาบันศาสนา เห็นพระที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือของประชาชน ซึ่งเท่ากับว่าเป็นหลักยึดให้เกิดความรักใคร่สามัคคีกัน ก็จะทำลายหลักนั้นเสีย เพื่อที่จะให้แตกสามัคคี จะได้ยึดครองประเทศของเราได้ง่าย

อีกฝ่ายหนึ่งนั้นมาจากนักบวชด้วยกันอิจฉาริษยา ประเภทว่าคนแห่ไปวัดโน้นเป็นแสนเลย ทำไมไม่มาวัดของเราบ้าง ? ถ้าหากว่าล้มท่านลงได้ คนก็อาจจะมาวัดของเราบ้าง แล้วก็ทำไสยศาสตร์ใส่ เรื่องความคิดแบบนี้ไม่น่าจะมีในหมู่นักบวชด้วยกัน แต่ก็ปรากฏว่ามี อาตมาจึงไปนึกถึงที่หลวงวิจิตรวาทการท่านบอกว่า

อันที่จริงคนเขาอยากเห็นเราดี
แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้
จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย
ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน

เถรี
30-01-2018, 22:31
ระยะหลังเวลาอาตมาไปงานพุทธาภิเษกในที่ต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นพระอาจารย์ที่อายุค่อนข้างน้อยในสายตาคนอื่น ก็เลยมีคนสงสัยในเรื่องของความสามารถ มีการทดสอบกันอยู่เป็นปกติ ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า ถ้าหากว่าเราตอบโต้ก็จะเป็นการผูกเวรไม่รู้จบ ก็ทำอยู่อย่างเดียวคือทำไม่รู้ไม่ชี้ เขาให้อะไรมา เราไม่รับเสียอย่างก็หมดเรื่องไป

เพราะฉะนั้น...ใครทำใครได้ ที่โบราณบอกว่า วัวใครเข้าคอกใคร วัวของเขาก็เข้าคอกเขาเอง การกระทำของเขา เขาก็รับไปเอง อะไรประมาณนั้น

เถรี
30-01-2018, 23:59
ถาม : (พระถาม) โยมแม่ทะเลาะกับผม หนีกลับบ้าน ขนของไปด้วย เพราะว่าผมไม่จัดการกับคนที่ทำให้วัดมีปัญหา ถ้าเราจะจัดการคนที่ทำผิดควรทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ต้องดูความหนักเบา แต่ทีนี้ความหนักเบาของเหตุการณ์แต่ละอย่าง มีตั้งแต่ประเภท ตำหนิโทษ ภาคทัณฑ์ ลงโทษ จะไปตามลำดับชั้น ต้องดูสถานการณ์ใหญ่ด้วย เพราะว่าบางอย่างวัดอาจจะยังต้องพึ่งเขา

คนที่เป็นฝ่ายปกครองจะทำให้ถูกใจทุกคนย่อมเป็นไปไม่ได้ มีอยู่อย่างเดียวคือ ทำอย่างไรจะปกครองสถานการณ์ให้ออกมาให้ดีที่สุด เดี๋ยวแม่เขาเข้าใจเขาก็กลับมาเองแหละ

ต้องว่าไปตามลำดับ ส่วนใหญ่แล้วเขาต้องการตูมเดียวให้รู้เรื่องไปเลย ซึ่งสถานการณ์ที่เราต้องมองภาพรวม ถ้าเราเองเป็นแค่จุดเล็ก ๆ จุดเดียวก็ทำได้ แต่พอทั้งวัดนี่ลำบากแล้ว บรรดาเจ้าอาวาสหลายแห่งที่มีปัญหา ส่วนใหญ่แล้วบางคนเราต้องรอเวลาที่เหมาะสมก่อน

ตำหนิโทษ ภาคทัณฑ์ ถ้ายังทำอีกแล้วค่อยบอกว่าจะทำอย่างไรกับเขา ประเภทว่าจะไล่ออกหรือห้ามเข้าวัด ๑ เดือน ๑ ปี อะไรก็ว่าไป ยังดีวัดเป็นวัดใหม่ ถ้าเป็นวัดเก่าจะมีปัญหามากกว่านี้ เพราะว่าพวกมัคคนายก พวกกรรมการวัด ส่วนใหญ่จะมีอิทธิพลฝังรากลึกอยู่ จัดการยากกว่านี้อีก

วิธีที่ดีที่สุดก็คือแขวนลอยไว้เฉย ๆ ให้คนอื่นทำงานแทน ถ้ายังไม่รู้ตัว ไม่แก้ไข ก็ไม่ต้องให้ทำงานต่อไป ก็จะได้ด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย ก็คือตัวเขาไม่ต้องเสียหน้าว่าโดนขับไล่ออกไป ในขณะเดียวกันคนอื่นก็เห็นว่าโดนลงโทษไปแล้ว

เถรี
31-01-2018, 00:11
พูดถึงเรื่องหล่อพระ "หล่อออกมา ๒ องค์แล้ว สถานการณ์บ้านเมืองจะดีขึ้นเรื่อย ๆ พอองค์ที่ ๓ ก็เริ่มเงยหน้าอ้าปากได้แล้ว"

ถาม : ขโมยยกไปไม่ไหว ?
ตอบ : เป็นเรื่องยากมาก มั่นใจว่าถ้าเป็นยุคหลังนี่ ก็คงเป็นวัดท่าขนุนที่สร้างพระทองคำองค์ใหญ่ที่สุด ส่วนใหญ่ก็ทำกันเล็ก ๆ ๕ นิ้ว ๙ นิ้ว เล่นกันที ๒๑ นิ้ว น้ำหนัก ๑๐๐ กว่ากิโลกรัมไม่ใช่เรื่องง่ายนะ

แล้วที่สงสัยมาตั้งแต่แรกก็คือโครงการหลายปี กราบเรียนถามหลวงพ่อ กราบเรียนถามพระท่านว่า ถ้าหากว่าเราได้ทองครบก่อน จะทำก่อนได้ไหม ? ท่านบอกว่าไม่ได้ เพราะว่าองค์นี้ทำขึ้นมาเพื่อค้ำจุนสถานะของประเทศที่ตกต่ำ ต้องเป็นช่วงนั้นถึงจะดีขึ้น ผิดวาระไปก็ไม่มีประโยชน์ พอทำแล้วก็เลยเถิดกลายเป็นหลวงพ่อ ๓ กษัตริย์ไปเลย

จังหวัดกาญจนบุรีไม่มีพระสำคัญชนิดที่คนเขารู้จักกันทั่วประเทศ มีพระพุทธนวราชบพิตรก็เก็บเงียบอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด ร้อยวันพันปีจะหลุดออกมาที แล้วก็ไม่ได้ประกาศเป็นสาธารณะ พระพุทธนวราชบพิตรออกมา ๒ ครั้งล้วนแล้วแต่งานหลวง ก็คือเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙

อีกองค์หนึ่งคือหลวงพ่อดำ วัดตะคร้ำเอน ส่วนใหญ่จะรู้จักกันในจังหวัด พอออกไปจังหวัดอื่นก็ไม่รู้แล้ว ถ้าเราสร้างหลวงพ่อทองคำขึ้นมา เมื่อคนรู้จักกันมากขึ้น ต่อไปก็กลายเป็นแหล่งเที่ยวอีกอย่างหนึ่งของจังหวัดได้

เถรี
31-01-2018, 00:14
ปัจจุบันนี้วัดท่าขนุนเป็น ๑ ใน ๙ วัดที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำให้ว่า ไปไหว้พระ ๙ วัดที่จังหวัดกาญจนบุรี คราวนี้ถ้าเราสร้างพระเงิน พระนาก พระทองคำเสร็จ การท่องเที่ยวช่วยโฆษณากลายเป็นแหล่งเที่ยว จะสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นอีกเยอะ ทำแล้วประโยชน์ได้แก่คนส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่น่าทำ

ส่วนของพวกเราก็ได้ในส่วนของบุญกุศล เรื่องของพุทธานุสติ หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกแล้วว่า การสร้างสมเด็จองค์ปฐม ถ้าไม่ทำอนันตริยกรรมนี่ลงอบายภูมิยาก พระยายมราชจะพยายามช่วยสุดชีวิต ถ้าเอ็งลงได้ ถือว่าเซียนจริง ๆ ขนาดเซ่นพัสดีใหญ่แล้วยังลงได้อีกก็สมควรแล้ว...!

แต่ว่าสมเด็จองค์ปฐมทองคำจะหล่อเป็น ๒ องค์ องค์แรกจะดูว่าใช้โลหะอะไรถึงเหมาะสม เพราะว่าต้องมีการแห่ทุกปี ก็คือเมื่อสร้างแล้วจะจัดงานสมโภชแห่กันทุกปี เท่ากับว่าเป็นการโฆษณาการท่องเที่ยวด้วย คราวนี้เท่าที่ดูไว้ก็น่าจะเป็นช่วงลอยกระทง แต่ว่าทองผาภูมิจะมีงานถนนคนนั่งยองส่งท้ายปี ก็อาจจะไปร่วมกันช่วงนั้นอีกก็ได้ ได้คุยกับทางนายกเทศมนตรีล่วงหน้าไว้หลายปีแล้ว พอถึงเวลาแล้วเป็นชื่อเสียงของอำเภอเรา ทางวัดสร้างพระทองคำ ทางเทศบาลช่วยจัดขบวนแห่ก็แล้วกัน

เถรี
31-01-2018, 00:16
ปรากฏว่าปัจจุบันอาตมาเองเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ กลายเป็นงานของสภาวัฒนธรรมก็ได้ ฉะนั้น...ในส่วนของงบประมาณก็สามารถที่จะสั่งจ่ายได้ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น ลงตัวขึ้น ถ้าปีไหนสนุกขึ้นมาก็เลิกแห่ด้วยรถ ไปเช่าช้างสัก ๙ เชือก ๑๐ เชือกมาแห่กัน

ของพวกนี้บางอย่างเราต้องสร้างจุดขายขึ้นมาเอง แม้ว่าในเรื่องของพระพุทธศาสนาก็เหมือนกัน บ้านเราเมืองเราพระพุทธศาสนาอยู่ในลักษณะตั้งรับมาตลอด ก็คืออยู่แต่ในวัดให้คนไปหา ทำอย่างไรที่เราจะดึงให้คนเข้าวัดโดยอัตโนมัติได้ ถ้าไม่สามารถออกไปหาเขาได้ ก็ต้องหาทางดึงเขาเข้าวัดมาให้ได้

เถรี
01-02-2018, 01:19
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงปลายเดือนต่อปีใหม่ เป็นช่วงหนึ่งที่วัดวาต่าง ๆ จัดงานปิดทองฝังลูกนิมิตหรือยกช่อฟ้าอุโบสถกัน โดยเฉพาะทองผาภูมิช่วงประมาณ ๗-๘ ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครจัดงานตอนตรุษจีนอีกแล้ว เพราะว่าทองผาภูมิเป็นแหล่งเที่ยว ปีใหม่คนไปเที่ยวกันมาก ช่วงตรุษจีนก็ไม่ค่อยมีคนขึ้นไปกัน เพราะว่าระยะหลังตรุษจีนมีความสำคัญน้อยลง คนไม่ค่อยจะหยุดกันแล้ว ไม่เหมือนกับสมัยก่อน ตรุษจีนหยุดกันจนกรุงเทพฯ ร้างไปเลย

พอทางทองผาภูมิจัดงานช่วงปีใหม่ แรก ๆ ใคร ๆ ก็บอกว่า “เจ๊งแน่” ปรากฏว่าไม่มีวัดไหนเจ๊ง มีแต่ได้กำไรมาก เพราะว่าทองผาภูมิเป็นแหล่งเที่ยวที่เขาต้องการไปกันอยู่แล้ว พอมีงานบุญก็ฉวยโอกาสไปเที่ยวด้วย ในเมื่อเป็นอย่างนี้ บ้านใกล้เรือนเคียงก็เลียนแบบกันบ้าง ถึงเวลาก็จัดงานช่วงปีใหม่กัน ไม่ไปจัดตรุษจีนกันแล้ว

ทีนี้พระครูสมุห์บุญเลิศ สุทฺธาโส วัดกกเต็น อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดงานช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เหมือนกัน ท่านจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิต เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก เพราะว่าวัดอายุร้อยกว่าปีมีเจ้าอาวาสแค่ ๓ รูปเท่านั้น เนื่องจากว่ามีเจ้าอาวาสรูปหนึ่งอายุยืนถึง ๑๐๖ ปี นึกเอาก็แล้วว่าทำไมร้อยกว่าปีที่ผ่านมาวัดกกเต็นมีเจ้าอาวาสแค่ ๓ รูป ก็รูปหนึ่งปาเข้าไปร้อยกว่าปีแล้ว"

เถรี
01-02-2018, 01:25
"คราวนี้งานปิดทองฝังลูกนิมิตก็ต้องมีวัตถุมงคลไว้แจกญาติโยม ท่านจึงนิมนต์อาตมาไปพุทธาภิเษก ไปกัน ๔ รูป ต้องบอกว่าเป็นพระอาจารย์ในท้องถิ่น มีอาตมาต่างถิ่นไปคนเดียว ที่ไปมีหลวงปู่สมบุญ วัดลำพันบอง ท่านอายุ ๙๖ ปีแล้ว หลวงพ่อสมพงษ์ วัดองค์พระ ก็ ๗๐ กว่าปี อีกท่านก็หลวงพ่อป่วน วัดบรรหารแจ่มใส น่าจะประมาณ ๗๐ ปีเหมือนกัน

อาตมาชอบไปที่อย่างนี้เพราะว่าไม่มีคนรู้จัก ไปแล้วสนุกมาก โฆษกเขาก็ประกาศ “พระครูวิลาศกาญจนธรรมมาแล้ว ญาติโยมเข้าไปกราบท่านได้” สักพักก็ออกมาบอกว่า “ขออภัยญาติโยมทุกท่าน มีแต่หลวงปู่สมบุญที่มา ท่านพระครูวัดท่าขนุนยังไม่มา” ทั้งที่อาตมาเดินผ่านหน้าเขาไป ๔ ครั้งแล้ว ถึงบอกว่าชอบไปที่แบบนี้มากเลย เพราะว่าเขาไม่รู้จักเรา จะเล่นอะไรก็ได้


พอได้เวลาอาตมาก็เข้าไปก่อน ๑๐ นาที เข้าไปนั่งประจำที่ ปรากฏว่าทุกคนก็มองแบบงง ๆ ว่า "ไอ้เด็กนี่มาจากไหนวะ ?" อาตมาก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก ถึงเวลาก็ดัดเทียนน้ำมนต์ เตรียมตัวจะเข้าพิธีพุทธาภิเษก อีก ๑๐ นาทีให้หลังหลวงพ่อสมพงษ์ตามเข้ามา

หลวงพ่อสมพงษ์ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงมาก เพราะว่าเรื่องสมาธิของท่านถือว่าสุดยอด แต่ทีนี้ท่านเก่งแต่เข้า ไม่ถนัดในการออก ถึงเวลานั่งสมาธิท่านก็จะแข็งทื่อเป็นหินไปเลย แบบเดียวกับท่านอาจารย์เตชะของวัดท่าขนุน หลวงพ่อสมพงษ์มาพุทธาภิเษกที่วัดไร่ขิง จนกระทั่งเขาเก็บสถานที่กันหมดแล้วท่านก็ยังนั่งแข็งทื่ออยู่นั่นแหละ จน "ท่านเจ้าคุณแย้ม" บอกว่า “เฮ้ย...ช่วยกันยกท่านไปเก็บด้วย” พวกเราต้องยกกันไปทั้งอาสนะเลย"

เถรี
01-02-2018, 01:29
"พอหลวงพ่อสมพงษ์ไปถึง พวกกรรมการวัด พวกญาติโยมก็ฮือเข้ามา คนโน้นก็ประเคนน้ำ คนนั้นก็ประเคนหมาก หลวงพ่อสมพงษ์ท่านบอก “เฮ้ย ๆ ผิดธรรมเนียม เอาไปให้อาจารย์ข้าก่อน” พวกนั้นก็ยกไปทางหลวงพ่อป่วน หลวงพ่อสมพงษ์ก็บอก “เฮ้ย...มึงจะไปไหน ?” แล้วชี้มาทางอาตมา “นี่ ๆ อาจารย์ข้าอยู่ทางนี้..!”

ไม่มีใครเชื่อ ก็เลยเรียนบอกไปว่า “หลวงพ่อ...ขนาดหลวงพ่อบอกว่าผมเป็นอาจารย์เขายังไม่เชื่อ เขาคิดว่าผมเป็นเด็ก” สรุปว่าต้องให้ลูกศิษย์ยืนยัน พอลูกศิษย์อย่างหลวงพ่อสมพงษ์ยืนยันให้ คราวนี้คนนั้นก็มา คนนี้ก็มา คนนั้นก็จะสัมภาษณ์ คนนี้ก็จะนิมนต์ อาตมาบอกไปว่า "ไปห่าง ๆ กูจะพุทธาภิเษกแล้ว" ว่าแล้วก็นั่งเงียบไปเลย ชอบไปที่แบบนี้ ถ้าเขาไม่รู้จักเราจะเล่นอะไรก็ได้ ไปที่รู้จักนี่ไม่ไหว แห่กันมาทีเป็นร้อย

เรื่องบางอย่างถ้าผิดที่ผิดเวลานี่มีโอกาสอดได้เหมือนกัน ไปนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปเยี่ยมพระเรวตะ เทวดาเอาข้าวปลาอาหารถวายแต่พระสีวลี ...(หัวเราะ)... ความจริงเขาก็น่าจะรู้ว่าพระพุทธเจ้ามีความดีขนาดไหน แต่เนื่องจากว่าบุญสัมพันธ์ที่เคยร่วมกันมาแต่ปางก่อน ทำให้สนใจแต่พระสีวลี ไม่สนใจพระพุทธเจ้าเลย"

เถรี
01-02-2018, 01:45
ถาม : วันงานพุทธาภิเษกที่วัดบ้านแค ได้มีโอกาสสนทนากับหลวงพ่อสำเริง ท่านบอกว่าท่านเป็นหลานหลวงปู่มุม วัดปราสาทเยอร์ ?
ตอบ : ก็ว่าไปเรื่อย ท่านเป็น “มวยแทน” นะ ตัวจริงนิมนต์แล้วมาไม่ได้ ส่งท่านมาแทน อาตมาก็เพิ่งจะได้คุยกันวันนั้น จะไปรู้จักอะไรมากมายเล่า ?

ถาม : หลวงปู่พร้าไม่ได้มา ?
ตอบ : หลวงปู่พร้ามาเองเลย องค์ที่พรมน้ำมนต์แล้วโปรยดอกไม้ถัดจากอาตมานั่นแหละ นั่นนะสุดยอดฝีมือเลย

ปกติเวลาไปไหนอาตมาไม่เคยไปนั่งตีกบาลญาติโยมคนไหนเหมือนกับที่วัดหลวงพ่อกวย แต่ที่โน่นเขาเล่นกันหนักขนาดจึงต้องกันเอาไว้ก่อน ไม่กันคนของเราไว้เดี๋ยวก็แย่

ขำ ๆ ตรงที่เห็นหลวงพ่อกวยเป็นนารายณ์ ๘ กรเลย มือนี้กันให้คนนั้น มือนั้นกันให้คนนี้ยุ่งไปหมด มีดหมอหลวงพ่อกวยเล่มนั้นตั้งแต่ได้มาได้ออกงานหนัก ๆ ก็งานนี้แหละ ปกติแล้วแค่ติดรถเอาไว้เฉย ๆ

จริง ๆ แล้วหลวงพ่อกวยท่านก็มาสายไสยศาสตร์เต็ม ๆ แต่ท่านศึกษาไว้ช่วยคน ไว้ช่วยลูกศิษย์ ไว้รักษาคน แต่คราวนี้บรรดาลูกศิษย์บางคนก็อย่างว่าแหละ ซ้อมไว้เล่นชาวบ้านเขา ทั้งพระทั้งฆราวาสเลย พอเป็นแล้วก็ประเภทร้อนวิชา

อาตมาเองก็ขี้เกียจไปรบกันเขานะ เทียนน้ำมนต์ที่อยู่ตรงหน้าแตกเปรี๊ยะแล้วก็ดับไป อาตมาก็สบายใจ เขาอยากจะทำอะไรก็ทำไป ปรากฏว่าทิดเฟิร์ส ทิดดอยมือคัน ดันไปจุดใหม่ จุดใหม่แล้วโดนดับอีกก็เสียหน้า ก็เลยต้องรักษาไว้ คราวนี้ขีปนาวุธบินให้ว่อนเลย ไอ้สองตัวแทบจะไม่มีที่ไป ดันทะลึ่งไปจุดเอง สมน้ำหน้า...! ที่โดนเยอะเพราะว่าแปลกหน้าไป ส่วนใหญ่ของเขาประเภทคุ้นเคยกันอยู่แล้ว

เถรี
01-02-2018, 23:15
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีวัตถุมงคลอะไรของหลวงพ่อสมปองให้รีบเก็บนะ เดี๋ยวท่านจะไม่อยู่ทำให้แล้ว

แต่ละคนในเรื่องของวัตถุมงคลจะมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน พวกเราจะเห็นว่าหลวงปู่หลวงพ่อหลายท่านทำวัตถุมงคลหลายอย่าง อย่างหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ทำไว้ไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร แต่ว่าดังที่สุดกลายเป็นเบี้ยแก้ กับ ยาเม็ดจินดามณี ในเมื่อความถนัดความนิยมต่างกันไป ก็ต้องดูว่าของแต่ละท่านถนัดด้านไหน”

เถรี
01-02-2018, 23:18
โยมยกพระสังฆทานองค์สีแดงมา (ถวายองค์นี้จะได้เลิกโกรธง่ายเจ้าค่ะ) "จริง ๆ แล้วอยู่ที่สันดานของเรา บาลีว่า สันตติ แปลว่า สืบเนื่องต่อ ๆ กันมา ทีนี้เรามาทางโทสจริต ก็ต้องพยายามแก้ให้ตรง หมั่นแผ่เมตตาหรือไม่ก็ฝึกกสิณสี ต้องแก้ให้ถูกจุด ถ้าแค่ถวายสังฆทานแล้วเลิกโมโหได้ ก็คงจะเลิกโกรธกันไปทั่วประเทศแล้ว"

เถรี
01-02-2018, 23:21
(โยมมาถวายสังฆทานกันมาก หนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์แจกจนหมด) "เดือนนี้หนังสือหมดแล้ว เป็นที่น่ายินดีว่าญาติโยมยังใฝ่บุญใฝ่กุศลกันมากอยู่ แต่ว่าเรื่องของบุญกุศลให้เราเข้าใจด้วยว่า เป็นส่วนของกามาวจร คือการที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิด ไปได้ไม่เกินเรื่องของเทวดา

ถ้าจะเอามากกว่านั้น อย่างขึ้นไปเป็นพรหมนี่ต้องทรงสมาธิได้ด้วย ถ้าจะใช้ทานบารมีจนทรงสมาธิได้ก็ต้องบริจาคจนเคยชิน ถึงเวลาไม่ได้บริจาคจะรู้สึกประหลาด ๆ แปลก ๆ จะหงุดหงิดก็ไม่ใช่ ประมาณว่าอยากจะทำ ถ้าภาษาอังกฤษก็ประมาณว่า โฟเบีย..! ...(หัวเราะ)..."

เถรี
01-02-2018, 23:32
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อปีที่แล้วตอนมาบ้านนี้ใหม่ ๆ อาตมาทำบังสุกุลเป็น แล้วบอกว่าจะทำให้ข้าง ๆ (โชว์รูมร้าง) นี้ให้ "เป็น" ขึ้นมาด้วย ตอนนี้เขากำลังฟื้นกิจการแล้ว ปิดไปนานเห็นแล้วสงสาร ทำแล้วก็เลยเผื่อเขาด้วย”

เถรี
01-02-2018, 23:56
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีดหมอสะกดวิญญาณของหลวงปู่แจ่ม วัดวังแดงเหนือ ใช้คาถา พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ ทุ สะ นิ มะ ๑๒ คำ”

เถรี
02-02-2018, 15:29
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนมีคนส่งคลิปมาให้ดู เขาบอกว่าเป็นงูตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาไปถล่มป่าที่ไหน น่าจะหัวรถจักรขุดไปโดนเข้าพอดีแล้วก็ตาย เขาใช้รถขุดแบคโฮลยกขึ้นไปโดยที่ตัว ๒ ข้างห้อยลงมาเกือบติดพื้น เราลองนึกว่าหัวตักของรถยกได้สูงขนาดไหน น่าจะไม่หนี ๑๐ เมตร แล้วงูห้อยสองข้างลงเกือบถึงพื้น ก็แปลว่าอย่างต่ำ ๆ งูตัวนั้นน่าจะไม่หนี ๒๐ เมตร ส่วนความใหญ่ไม่ต้องพูดถึง ใกล้เคียงกับก้านของรถตักเลย

งูเป็นสัตว์เลือดเย็น ลอกคราบปีละครั้งโดยประมาณ ถ้าไม่เป็นโรคตายหรือว่าโดนฆ่าตายก็อยู่ไปได้เรื่อย ๆ ต้องบอกว่าอยู่ได้แบบไม่จำกัดอายุ"

เถรี
02-02-2018, 15:36
"ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ งูใหญ่ที่ถ้ำกระแซนั้นโด่งดังไปทั่วโลก กินทหารญี่ปุ่นไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ส่วนใหญ่แล้วสัตว์ใหญ่ที่เอาตัวรอดมาได้นานขนาดนั้น ต้องมีความสามารถในการพรางตัว แทบจะมีญาณหยั่งรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะปลอดภัย

ส่วนอีกประเภทหนึ่งเป็นงูที่พวกผีหรือเทวดาเขาแปลงขึ้นมา หรือไม่ก็พวกอชคราทิเปรต พวกนั้นตัวใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ไม่ต้องไปถ่ายรูปเขาหรอก ไม่ได้อย่างแน่นอน

ที่อาตมาเองไปเจอก็ไม่รู้ว่าตัวใหญ่แค่ไหน เพราะว่าเป็นเวลากลางคืน อยู่ในถ้ำ มองอะไรก็ไม่เห็น รู้แต่ว่าตื่นขึ้นมา ๕ ทุ่มกว่า ปวดปัสสาวะก็ไปถ่ายที่หน้าถ้ำ เสร็จแล้วก็กลับเข้ามาข้างใน กะเหรี่ยงเขาทำเป็นกระต๊อบไม้ไผ่เล็ก ๆ อยู่ในถ้ำ ความกว้างก็แค่กางกลดได้ พอกางกลดแล้วก็ชนผนังซ้ายขวาพอดี ตอนกลับเข้ามาในกุฏิ ความรู้สึกบอกชัด ๆ เลยว่า "ให้ปิดประตูซะ เดี๋ยวงูใหญ่จะมา"

ด้วยความรั้น ง่วงก็ง่วง หนาวก็หนาว ไม่สนใจที่จะไปปิดหรอก พอมุดเข้ากลดได้ก็นอนภาวนาเอาจีวรตีโปงแก้หนาว ไม่กี่นาทีประตูกุฏิที่เปิดอยู่ก็มีสิ่งแปลกปลอมมุดเข้ามา อาตมานอนอยู่ เขาเองก็มาลักษณะเหมือนกับเลื้อยล้อมตัวรอบที่ ๑ รอบที่ ๒ โห...ตัวจะยาวแค่ไหน ? อาตมาเองก็เกือบ ๑๘๐ เซ็นติเมตรเหมือนกัน รอบหนึ่งก็ ๓ เมตรกว่าแล้วนะ”

เถรี
02-02-2018, 20:15
พระอาจารย์นิลเอารูปหลวงปู่โลกอุดรมาถวาย พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่ใหญ่โลกอุดรถือว่าเป็นตำนานลึกลับที่คนจำนวนมากได้พบ แต่ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าท่านไปอย่างไรมาอย่างไร ขึ้นอยู่กับบุญสัมพันธ์แต่เก่า ท่านจะไปสงเคราะห์เอง

อาตมาไล่ตามท่านอยู่ ๔-๕ รอบ แต่ตามท่านไม่ทัน หวุดหวิด ๆ ทุกครั้ง ตอนหลังท่านบอกว่าไม่ต้องเสียเวลาตามท่านหรอก งานของท่านเยอะอยู่แล้ว แค่เก็บคนในสายของท่านก็ทำไม่หวาดไม่ไหวอยู่แล้ว ของอาตมานั้นนอกสายจนเกินไป อย่าไปรบกวนท่านเลย

ท่านเป็นตัวอย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลที่มีความคล่องตัวในอิทธิบาท ๔ สามารถอธิษฐานอายุให้อยู่เป็นกัปได้ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...ถึงเวลาคนก็ไปรบกวนท่าน พอกวนมาก ๆ เข้าท่านก็ตายเสียทีหนึ่ง เผาเสร็จสรรพก็ไปโผล่ที่อื่นต่อ พวกนี้คิดว่าตายก็จบแล้ว ไม่ไปกวนอีก

หลวงปู่ใหญ่ท่านปรารถนาพระโพธิญาณ แล้วตัดสินใจปุบปับเลี้ยวเข้าหามรรคหาผล บริวารยังเพลินอยู่จึงตามไม่ทัน ก็เลยต้องมาคอยเก็บ ถ้าใครมีบุญสัมพันธ์สร้างบารมีร่วมกันมาแต่ปางก่อน ท่านก็จะไปสงเคราะห์เอง"

เถรี
02-02-2018, 20:23
บริษัทฟาฟาทราเวลนิมนต์ไปอินเดีย พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมายังไม่มีอารมณ์ไปอินเดียเลย ต้องบอกว่าอยู่ที่นั่นจนเข็ด แต่แปลกนะ...ตอนนั้นทั้ง ๆ ที่เลื่อมใสศรัทธาพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่บวช ชาตินั้นก็ยังเป็นพราหมณ์อยู่เหมือนเดิม คราวที่เขาสังคายนาพระไตรปิฎกก็ยังไปทำบุญเป็นปกติ ต้องบอกว่าเวลายังไม่ถึง

เรื่องของอินเดียนี่ไม่ต้องไปก็เหมือนกับไปนั่นแหละ เพียงแต่ว่าถ้าไปก็ไปสังเวชนียสถานตามที่เขาไปกัน แต่ว่าบางจุดก็ไม่ใช่ที่แท้จริง เคลื่อนไปเยอะเหมือนกัน”

เถรี
02-02-2018, 20:38
ถาม : หลวงพ่อบอกว่าให้พิจารณามาก ๆ พอเข้าไปก็คิด ๆ ๆ เหมือนมีเหตุมีผล แล้วไปเจอคำว่าสัญญา มันก็เด้งออกมาตลอดเลยค่ะ ?
ตอบ :สภาพใจของเรายังไม่ยอมรับก็จะเป็นแค่สัญญา ถ้าสภาพใจของเรายอมรับว่าทุกอย่างเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็จะเป็นปัญญา คราวนี้ในเมื่อใจยังไม่ยอมรับ ถึงเวลาก็ดีดกลับ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ก็แค่เอาใหม่

เหมือนอย่างกับว่าเราเดินเส้นทางสักเส้นหนึ่ง ย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกไปเรื่อย ๆ เราก็จะมีความคล่องตัวมากขึ้นไป คุ้นเคยกับเส้นทางนั้นมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดเราก็จะเดินทะลุตลอดได้เอง บางอย่างต้องค่อย ๆ สั่งสมไปเรื่อย ๆ ต้องให้สติ สมาธิ ปัญญารวมตัวกันเพียงพอจริง ๆ จึงจะก้าวข้ามไปได้

เถรี
02-02-2018, 20:40
ถาม : ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊ง ๆ อยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ จะทำอย่างไรให้เงียบ ?
ตอบ : แค่ไปกระโดดโลดเต้น ดูหนังฟังเพลงอะไรก็เงียบแล้ว พอสมาธิหลุดออกมาก็เงียบแล้ว ถ้าสมาธิอยู่ในช่วงตรงนั้นก็จะได้ยินตลอด

เถรี
02-02-2018, 20:42
ถาม : หนูเห็นสัตว์เป็นคนละคะ ?
ตอบ : ก็ปกติอีกนั่นแหละ เพราะว่าสัตว์ก็คือคน เพียงแต่ว่าเขาสร้างกรรมไว้ ก็เลยต้องไปอยู่ในร่างของสัตว์เดรัจฉานเท่านั้นเอง

ถาม : แล้วเห็นคนอยู่ในสภาพเป็นสัตว์ ทั้งที่เขายังไม่ตายละคะ ?
ตอบ : อันนั้นคือสภาพจิตที่แท้จริงของเขา ถ้าเราเห็นทะลุตลอดไปจริง ๆ ก็จะเห็นว่าสภาพจิตของเขาเหล่านั้นเป็นอย่างไร สภาพจิตของใครทรงความดีไว้ เราก็เห็นเขาเป็นเทวดานางฟ้า ถ้าหากว่าสภาพจิตมีแต่เวรแต่กรรมมากมาย เราก็เห็นเขาเป็นเปรต เป็นสัตว์นรก เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเรื่องธรรมดา

เถรี
02-02-2018, 20:46
ถาม : ควายกินหญ้าเพราะเขารู้ว่าตัวเองเป็นควาย แต่หนูโง่กว่าควาย ทำไมไม่ยอมรับ ขนาดควายยังยอมรับเลยว่าตัวเองเป็นควาย ?
ตอบ : ถ้าเราอยากยอมรับอย่างควายก็คงต้องไปกินหญ้าด้วย...! ปัญญายังไม่ถึงแล้วจะไปยอมรับอย่างไร ? ก็ต้องยอมทนไปก่อน เดี๋ยวปัญญาถึงก็จะพ้นไปเอง

ไม่มีใครฉลาดมาตั้งแต่เกิด ยกเว้นพระอริยเจ้าระดับพระโสดาบันขึ้นไป ซึ่งก็มีมาไม่กี่คนหรอก ที่เหลือก็ล้วนแล้วแต่ต้องโง่ไปก่อนทั้งนั้น แบบที่หลวงพ่อฤๅษีท่านถามหลวงปู่บุดดาว่า “หลวงปู่...เกิดมาทุกข์ไหม ?” หลวงปู่บอกว่า “ทุกข์สิ” ท่านสวนกลับทันทีเลยว่า “แล้วหลวงปู่เสือกเกิดมาทำไมละ ?” หลวงปู่ตอบทันควันว่า “อ้าว...ก็ยังโง่นี่”

เถรี
02-02-2018, 20:48
:cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนมกราคม ๒๕๖๑ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และเผือกน้อย