เข้าระบบ

View Full Version : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐


เถรี
07-08-2017, 10:01
ถาม : เศียรพ่อปู่พระฤๅษีของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ที่ได้บูชามานั้น จะตั้งบูชาท่านร่วมกับหิ้งกลุ่มพระเครื่องที่เป็นพระสงฆ์จะเหมาะสมไหมครับ ?
ตอบ : ให้ตั้งไว้ต่ำกว่าพระสงฆ์นิดหนึ่ง

ถาม : เคยได้ยินมาว่า ถ้าเรียกว่า "พระฤๅษี" จะหมายถึงองค์ฤๅษีที่ภายหลังได้ศรัทธาบวชเป็นพระภิกษุแล้วใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เขาเชื่อกันไปอย่างนั้นเอง ความจริงคือเขาใช้เรียกฤๅษีที่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า เช่น พระโสดาบัน พระอนาคามี เป็นต้น

เถรี
07-08-2017, 10:02
ถาม : หากอยากหยอดเงินทำบุญวิระทะโยทุกวัน ต้องหยอดในจำนวนเท่ากันทุกวันหรือไม่ ?
ตอบ : ควรที่จะทำในจำนวนที่เท่ากันทุกวัน เพื่อแสดงออกซึ่งสัจจบารมีของเรา ฉะนั้น...ถ้าคิดจะทำทุกวันก็อย่าทำมาก เดี๋ยวจะเดือดร้อน..!

เถรี
07-08-2017, 10:18
ถาม : การฝึกภาวนาเพ่งไส้เทียนให้ขาด มีวิธีการฝึกอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ฝึกกสิณไฟให้สำเร็จ เวลาสำเร็จกสิณไฟแค่เพ่งนิดเดียวไส้เทียนก็ขาดแล้ว

เถรี
07-08-2017, 10:19
ถาม : เราสามารถที่จะฝึกกสิณสี โดยการเปิดภาพกสิณสีในจอคอมพิวเตอร์ แล้วนั่งเพ่งกสิณผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเฉพาะกสิณสีก็ได้...เพียงแต่ว่าจดจำภาพเอาไว้ให้ได้ก็แล้วกัน

เถรี
07-08-2017, 10:37
ถาม : เนื่องจากกระผมเห็นข่าวที่มีรูปพระสงฆ์กลุ่มหนึ่ง ท่านได้ฉันชาบูจนเป็นที่ถกเถียงกันในโลกโซเชียล กระผมจึงเกิดความสงสัยว่าพระท่านสามารถฉันได้หรือไม่เพราะชาบูต้องนำเนื้อและผักสดไปจุ่มแช่ในน้ำเดือดก่อนจึงจะฉันได้ ?
ตอบ : ถามว่าพระฉันได้หรือไม่ ? ก็ต้องถามกลับว่าวันนั้นฉันหมดไหม ? ถ้าหมดพระก็ฉันได้ แต่ถ้าพระฉันไม่ได้ก็จะเหลือเยอะ...!

ถาม : พระต้องอาบัติในข้อทำอาหารเองหรือไม่ ?
ตอบ : การทำอาหารที่ห้ามนั้น การเตรียมการทุกอย่างจะเป็นของพระ ที่พระพุทธเจ้าท่านห้ามไว้เพราะเกรงว่า พระจะทำอาหารรสที่ตัวเองชอบ แล้วจะกลายเป็นทาสกิเลส แต่คราวนี้การเตรียมการของชาบูน่าจะเป็นโยมนะ ก็เหลือขั้นตอนเดียวคือทำให้สุก ถ้าไม่สุกก็ฉันไม่ได้ ฉะนั้น...ขั้นตอนเดียวที่ทำให้สุกก็ไม่น่าจะนับเป็นการหุงหาอาหาร

ถาม : ก็แค่ทำให้พระลำบาก เพราะต้องทำให้สุกก่อนฉันใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าจะให้ดีก็ทำให้สุกมาเลย เพราะพระห้ามฉันอาหารดิบ พระอีสานจึงน่าสงสารมาก เพราะฉันปลาร้าดิบบ่ได้

ถาม : และโยมที่ถวายจะได้บุญหรือไม่ขอรับ ?
ตอบ : ได้...เพราะโยมตั้งใจถวายให้พระอยู่แล้ว

เถรี
08-08-2017, 08:37
ถาม : ได้อ่านเจอในหนังสือธรรมะของวัดท่าซุง ว่ามนุษย์คนแรก ๆ เกิดจากพรหมลงมากินง้วนดินจนกายหยาบ และกลายเป็นมนุษย์ในที่สุด แต่สัตว์ตัวแรก ๆ นี้เกิดจากอะไรครับ ?
ตอบ : สัตว์ก็เกิดจากพ่อแม่ของสัตว์ ถ้าถามว่าไก่เกิดก่อนไข่ หรือไข่เกิดก่อนไก่ ให้ตอบว่าค้างคาวเกิดก่อน เพราะว่าค้างคาวเป็นแม่ไก่...!

เถรี
08-08-2017, 08:40
ถาม : ผมเลี้ยงข้าวพ่อแม่ บางทียามมากินข้าวนอกบ้าน พ่อติดเหล้า สั่งเหล้าเบียร์เป็นประจำ ผมก็ต้องเลี้ยงพวกเขา ผมบาปไหมครับ ผิดศีลหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าเราเองไม่ได้ตั้งใจว่าจะเลี้ยงเหล้าพ่อก็ไม่เป็นไร ถ้าตั้งใจเลี้ยงเหล้าพ่อแสดงว่าเราสนับสนุนให้ผิดศีล แปลว่าเราบาปแน่ ๆ แต่ถ้าท่านสั่งเองกินเอง ปล่อยท่านไปเถอะ ท่านก็คงกินได้อีกไม่นานเท่าไรหรอก

เถรี
08-08-2017, 08:49
ถาม : หากว่าเราเคยพลาดพลั้งพูดจาไม่ดีต่อพระสงฆ์องค์หนึ่ง แต่ท่านก็ไม่ได้ยิน ไม่ได้รับรู้ เมื่อเราสำนึกผิดแล้ว จะต้องไปขอขมาต่อหน้าท่านหรือไม่ หรือสวดขอขมาอยู่ที่บ้านได้ ?
ตอบ : ไปขอขมาต่อองค์ท่าน หลังจากนั้นให้ขอขมาต่อหน้าพระอีกครั้งหนึ่ง คำว่า "พระ" ในที่นี้คือพระพุทธรูป เนื่องเพราะว่าอโหสิกรรมนั้นโจทย์และจำเลยต้องอยู่ต่อหน้ากันและเอ่ยปากให้อภัย จึงจะปรากฏเป็นอโหสิกรรมขึ้นมา

เถรี
08-08-2017, 08:56
ถาม : กำลังจะจ้างเขียนแบบบ้านชั้นเดียว หน้าบ้านหันไปทางทิศใต้ อยากขอความเมตตาท่านแนะนำว่า ห้องพระควรจัดไว้ตำแหน่งหรือทิศใดตามแบบฉบับพระอาจารย์ ?
ตอบ : แบบฉบับของอาตมาไม่มี แต่ครูบาอาจารย์แนะนำว่า ห้องพระควรหันหน้าไปทิศเหนือหรือทิศตะวันออก เพราะฉะนั้น...ดูให้เหมาะสมก็แล้วกัน ถ้าหน้าบ้านหันหน้าไปทิศใต้ ก็แปลว่าห้องพระควรหันหลังให้กับหน้าบ้าน หรือไม่ก็หันข้างให้กับหน้าบ้าน

เถรี
08-08-2017, 09:02
ถาม : ถ้าจิตมาปฏิสนธิตอนไข่กับอสุจิผสมกัน เสพกามเสร็จแล้วไปกินยาคุมกำเนิดชนิดกินหลังร่วม เข้าไปทำลายไข่ที่ผสมแล้ว ถือว่าเป็นการทำแท้งทันทีใช่ไหมครับ ?
ตอบ : วิธีที่ดีที่สุดก็คือไม่ต้องไปยุ่งกับเขา จะได้ไม่ต้องทำอะไรเสี่ยง ๆ แบบนี้

เถรี
08-08-2017, 09:05
ถาม : อาบัติสังฆาทิเสสมีผลข้ามชาติหรือไม่ เช่น ถ้าชาติก่อนได้บวชแล้วติดอาบัติสังฆาทิเสส ยังไม่ได้แก้ แล้วลาสิกขาบทออกมาก่อน ชาตินี้มาบวชจะยังติดอาบัติสังฆาทิเสสมาจากชาติก่อนหรือไม่ครับ ?
ตอบ : สบายใจได้ ต่อให้อาบัติปาราชิกก็ไม่ข้ามชาติ เพราะว่ากว่าจะได้เกิดใหม่ คุณก็ต้องไปชดใช้ในนรกมาจนคุ้มแล้ว

เถรี
08-08-2017, 09:14
ถาม : สมมติว่าติดอาบัติสังฆาทิเสสแล้วปกปิดไว้ ๑๑ วัน ลาสิกขาบทออกมายังไม่ได้เข้าปริวาสกรรม ถ้าจะบวชเข้าปริวาสกรรมแบบผ่อนส่งเป็นปี เช่น ปีนี้บวชเข้าปริวาสกรรม ๑๐ วัน หลังอัพภานแล้วลาสิกขาบทออกมา ปีหน้าก็บวชใหม่เข้าปริวาสกรรมอีก ๑๐ วัน การเข้าปริวาสกรรมแบบผ่อนส่งโดยลาสิกขาบทออกมาก่อน แล้วค่อยบวชเข้าปริวาสกรรมใหม่เช่นนี้จะถือว่าเป็นการชำระอาบัติสังฆาทิเสสได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้...แต่ลำบากมาก เพราะว่าจะเก็บมานัตต์ไม่ได้ ชดเชยยังไม่ครบไม่ถือว่าเป็นมานัตตารหาบุคคล คือ บุคคลผู้ควรแก่มานัตต์ แปลว่าเราต้องเข้าปริวาสกรรมแล้วลาสิกขาออกมาโดยไม่มีการเก็บมานัตต์ ครั้งต่อไปบวชใหม่แล้วไปเข้าปริวาสกรรมต่อจนกระทั่งครบ หลังจากนั้นค่อยเก็บมานัตต์แล้วเข้ารับการสวดอัพภาน แปลว่าระหว่างนั้นห้ามตายก่อน..!

เถรี
08-08-2017, 17:06
ถาม : อาบัติสังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๑๒ เป็นคนว่ายากสอนยาก (ดื้อดึงต่อเจ้าอาวาสครูบาอาจารย์) และสิกขาบทที่ ๑๓ ประจบคฤหัสถ์ ถ้าทำเกิน ๓ ครั้ง แต่ยังไม่มีสงฆ์ตักเตือน ก็ถือว่าต้องอาบัติสังฆาทิเสสใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้ายังไม่มีการประกาศท่ามกลางสงฆ์ ก็ยังไม่โดนอาบัติ ประกาศครั้งที่ ๑ ไม่แก้ไขโดนอาบัติทุกกฎ ประกาศครั้งที่ ๒ ไม่แก้ไขโดนอาบัติถุลลัจจัย ประกาศครั้งที่ ๓ ไม่แก้ไขโดนอาบัติสังฆาทิเสส แปลว่าตั้งแต่สิกขาบทที่ ๙ ขึ้นไป ถ้าหากคณะสงฆ์ปล่อยปละละเลย ไม่มีการประกาศท่ามกลางสงฆ์ ก็ยังลอยลำไปได้เรื่อย ๆ

เถรี
08-08-2017, 17:09
ถาม : หมากพลูและยานัตถุ์ที่ถวายหลวงพ่อวัดท่าซุง รวมถึงธูปเทียนที่อยู่ตรงกลางของบายศรีต้น หากทำการบวงสรวงเสร็จแล้วจะต้องทำอย่างไรกับหมากพลู ยานัตถุ์ และธูปเทียนจึงจะเหมาะสมเจ้าคะ ? (ขณะนี้เก็บไว้ในพานที่ห้องพระเจ้าค่ะ)
ตอบ : เอาไปถวายวัดที่ท่านคิดจะสร้างวัตถุมงคล จะตัดใจได้หรือเปล่าเท่านั้น

เถรี
08-08-2017, 17:15
ถาม : การสวดบูชาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า จากวัดเขาวง ที่มีพิธีพุทธาภิเษกเมื่อ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ จะสวดบูชาท่านอย่างไร จึงจะถูกต้องเหมาะสมเจ้าคะ ?
ตอบ : พระคาถาเงินล้านสักวันละ ๒,๐๐๐ จบ...!

เถรี
08-08-2017, 17:20
ถาม : หนูเห็นคนทั่วไป เมื่อเขาเห็นคนอื่นตกทุกข์ได้ยากหรือบาดเจ็บ เช่น ดูคลิปที่เขาหกล้ม หรือเห็นคนอื่นเดินสะดุด สำลักอาหาร หรือทำอะไรผิดพลาด แล้วคนทั่วไปมักจะหัวเราะคนที่ตกทุกข์ได้ยากนั้น หนูรู้สึกว่า สิ่งที่เขาเหล่านั้นแสดงออก คล้ายกับว่าจิตของคนเหล่านั้นมักหัวเราะเยาะซ้ำเติมผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก หากหนูมีความรู้สึกแบบนั้นบ้าง หนูควรแก้อย่างไรคะ ?
ตอบ : เลิกรู้สึกได้แล้ว ควรที่จะสงสารเขามากกว่า เพราะการซ้ำเติมผู้อื่น สภาพจิตของเราก็ประกอบไปด้วยกิเลส สภาพจิตเศร้าหมองแล้วตายตอนนั้น โอกาสที่ลงอบายภูมิมีสูงมาก

เถรี
08-08-2017, 17:23
ถาม :พระสัทธรรมปุณฑริกสูตรคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรครับ ?
ตอบ : เป็นพระสูตรทางด้านมหายาน เขาเชื่อว่าท่องบ่นพระสูตรนี้เป็นประจำ มีโอกาสจะบรรลุถึงโพธิสัตว์ภูมิได้ ก็แปลว่าอยากจะเกิดใหม่เยอะ ๆ

เถรี
08-08-2017, 17:25
ถาม : การช่วยตัวเองผิดศีลข้อ ๓ ไหมครับ หรือจัดเป็นแค่การหมกมุ่นในกามราคะครับ ?
ตอบ : การหมกมุ่นในกามราคะหนักกว่าผิดศีลอีก เพราะสภาพจิตจะห่างไกลจากธรรมมาก โอกาสที่จะเข้าถึงธรรมก็น้อยลง

เถรี
08-08-2017, 17:59
ถาม : เรื่องพระเครื่อง, วัตถุมงคล สังเกตเจอ ๒-๓ รายที่พอได้ครอบครองพระเครื่อง, วัตถุมงคลที่ตนมีความเชื่อมั่น จะมีอาการภาษาชาวบ้านคือ “กร่างขึ้น” บางคนเดิม ๆ จะหัวอ่อนยอมหมด กลายเป็นคนมีความมั่นใจในตนเองสูงแบบผิดทาง นำตัวเองเป็นศูนย์กลาง เที่ยวสั่งกำหนดให้คนอื่นทำตามใจ ขาดการพิจารณาไม่พินิจพิจารณาเหตุควรหรือไม่ควร แม้จะเป็นทางบุญกุศล พอไม่ดังใจก็มาคิดปรุงแต่งโกรธ เสียใจ คือถ้าเป็นไสยศาสตร์จะไม่แปลกใจ แต่พอเป็นพระเครื่องหรือวัตถุมงคล จึงสงสัยว่าอาการแบบนี้ เกิดจากกิเลสที่เก็บกดไว้ใช่หรือไม่ ?
ตอบ : มีส่วนอยู่ด้วยกัน ประการแรกเป็นคนขาดความมั่นใจ พวกกิเลสต่าง ๆ อย่างตัวกูของกูก็โดนเก็บกดเอาไว้ พอมีสิ่งที่มาเสริมความมั่นใจก็จะปะทุออกมา

ในเรื่องของกิเลสกับเรื่องของธรรมะ ถ้าจะว่าไปแล้วก็เป็นคนละส่วนกัน แต่ธรรมะนั่นแหละที่จะไปฟอกกิเลสให้เบาบางลง จนท้ายที่สุดก็หมดไป ส่วนหนึ่งเท่ากับเป็นแสงสว่าง ส่วนหนึ่งเท่ากับเป็นความมืด แทนที่เราเองจะรับเอาด้านสว่าง เรากลับเอาไปทำให้ด้านมืดรุ่งเรืองขึ้นมา ก็แปลว่าหาเรื่องลำบากเอง ปล่อยเขาเถอะ...ถ้ามีใครสั่งสอนหนัก ๆ สักที ก็คงจะหูตาสว่างไปเอง

เถรี
08-08-2017, 18:05
ถาม : สามเณรรูปหนึ่งเวลามีเหตุไม่พอใจจะย้ายวัดตลอด ไม่สามารถอดทนได้ เช่น เพื่อนเณรทำให้ไม่พอใจ ไปพูดสอนแล้วเพื่อนเณรเถียงกลับ ถึงกลับทนอยู่กุฏิเดียวกับเขาไม่ได้ เที่ยวขอย้ายกุฏิ แต่พระไม่ยอมให้อยู่ ก็จะย้ายวัดเลย ทั้งที่อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบเรียนจบ ม.๓ พระเถระตลอดจนโยมทั้งสอน
ปลอบ ขู่เพื่อให้อดทนก่อน อย่างน้อยเรียนให้จบ ที่สุดทนไม่ได้ทิ้งการเรียนที่อุตสาหะเรียนมา ๒ ปีกว่า สามเณรจะขยันย้ายวัดบ่อย อาการแนวนี้เป็นทิฏฐิมานะหรือวิปัสสนูปกิเลส ?
ตอบ : ไม่ได้เกี่ยวกับวิปัสสนูปกิเลส แต่เป็นกิเลสตรง ๆ เลย คือรับการกระทบไม่ได้

การรับการกระทบไม่ได้ เกิดอารมณ์ขึ้นมา ตัวแรกเลยคือโทสะ แต่ตนเองไม่สามารถที่จะแสดงออกได้ เพราะอยู่ในเพศภาวะของนักบวชอย่างหนึ่ง อยู่ในภาวะที่ต่ำกว่า ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้อย่างใจอย่างหนึ่ง ก็จะหลีกหนีจากเหตุนั้นไป เพราะฉะนั้น...เกิดจากกิเลสเต็ม ๆ ส่งไปอยู่วัดท่าขนุนสักพักก็ได้ โดนสักโบ๊ะ..! เดี๋ยวก็สติดีขึ้นเอง

เถรี
08-08-2017, 19:16
ถาม : คุณลุงคนหนึ่งเป็นกรรมการวัดมาตั้งแต่สมัยเจ้าอาวาสองค์ก่อน ๆ มีหน้าที่ดูแลรักษาเงินในเซฟวัด กรรมการคนอื่น ๆ รับรู้ว่าเงินในเซฟวัดมีจำนวนเท่าไร วันหนึ่งเมื่อเปิดดูเงินในเซฟ ปรากฏว่าเงินหายไปเจ็ดพันบาท ซึ่งคนที่มีกุญแจไขตู้นั้นได้ก็มีแต่คุณลุงซึ่งเป็นกรรมการและอดีตเจ้าอาวาส คุณลุงก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ว่าเงินหายไปได้อย่างไร อดีตเจ้าอาวาสก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ ผู้ต้องสงสัยมีแค่สองคนนี้เท่านั้น

จนกระทั่งเปลี่ยนเจ้าอาวาสรูปใหม่ คุณลุงอายุมากขึ้น ได้กลายเป็นอัมพาต และออกจากการเป็นกรรมการวัด แต่ฐานะของคุณลุงก็ดีขึ้นด้วยเนื่องจากขายที่ดินได้ มีอยู่วันหนึ่งคุณลุงได้สั่งให้ลูกหลานตัวเองนำเงินใส่ซองทำบุญให้วัดมาเจ็ดพันบาท คุณลุงไม่ได้ระบุว่าทำบุญเนื่องในโอกาสอะไร แต่หนูเข้าใจเจตนาของคุณลุง

ปัจจุบันนี้คุณลุงเสียชีวิตแล้ว หนูสงสัยว่า การที่คุณลุงแอบนำเงินสงฆ์ไปใช้ในตอนแรก แล้วนำเอามาคืนภายหลัง จะเป็นการอนุโลมซึ่งบาปที่เกิดขึ้นนั้นได้หรือไม่คะ ?
ตอบ : แก้ไขอะไรไม่ได้ ลงอเวจีไปเรียบร้อยแล้ว..! เพราะประการแรก...ไม่ได้ประกาศบอกว่าชำระหนี้สงฆ์ ประการสอง...การชำระหนี้สงฆ์ต้องคิดตามราคาปัจจุบัน อย่างเช่น ค่าเงินสมัยโน้น ๗,๐๐๐ บาท ซื้อทองคำได้ ๑ บาท สมัยนี้ต้องชำระตามราคาทองคำ ๑ บาท ไม่ใช่ชำระแค่ ๗,๐๐๐ บาท

เถรี
08-08-2017, 19:49
ถาม : ได้ฝึกนั่งสมาธิมาประมาณ ๔ เดือนก่อนไปทำงานทุกวันที่ห้องพระที่บ้าน ที่ผ่านมายังไม่เคยมีอาการผิดปกติอะไร เมื่อเช้าวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ได้นั่งสมาธิตามปกติ ช่วงที่ลมหายใจหยาบเริ่มละเอียดและเบาขึ้น ได้มีอาการวาบขึ้นมาที่ขาทั้งสองข้าง คล้ายกับขนลุก แต่ไม่เหมือนสักทีเดียว คล้ายกับลมวาบยกขาทั้งสองข้างขึ้นมา จากนั้นรู้สึกตึง ๆ ที่กลางหลังและลำตัว ตาก็กระพริบเร็วมาก อาการนี้เป็นอยู่ราว ๒ นาที (ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน) แต่ก็กำหนดรู้แล้วภาวนาพุทโธต่อไป อาการก็หายไป สักพักอาการวาบที่ขาก็กลับมาใหม่ จึงถอนสมาธิลืมตา กราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า อาการที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่าอะไร หากมีอาการเช่นนี้อีกจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเขาเก่ง เขากวนได้สำเร็จ อาการแบบนี้เขาเรียกว่า ขันธมาร ตั้งใจจะกวนเราด้วยสภาพร่างกาย ทำให้เราห่วงร่างกายขึ้นมา เราก็จะเลิกภาวนา

เถรี
08-08-2017, 19:57
ถาม : ถ้าพระอธิษฐานเข้าพรรษา ตอนเช้าวันเข้าพรรษา แล้วปวารณาตอนบ่ายวันออกพรรษา อย่างนี้จะได้นับพรรษาหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าว่ากันตรงตามพระวินัยแล้วไม่ได้พรรษา เพราะไม่ครบ ๓ เดือนถ้วน หลวงพ่อวัดท่าซุงแนะนำให้อธิษฐานพรรษาในวันอาสาฬหบูชา และไปปวารณาในวันตักบาตรออกเทโวฯ ซึ่งหลังออกพรรษาไปแล้ว ๑ วัน ลักษณะอย่างนั้นจะครบถ้วนสมบูรณ์ แต่สมัยนี้เราจะเห็นว่านอกจากวัดท่าขนุนแล้ว ที่อื่นไม่ค่อยจะเคร่งครัดเรื่องนี้กันนัก

ถ้าช่วงเดือนแรกไม่สามารถอธิษฐานพรรษาได้ อาจจะเจ็บไข้ได้ป่วย อาจจะติดด้วยเดินทางไกลไม่ถึงสถานที่ซึ่งต้องการจะจำพรรษา ท่านให้อธิษฐานจำพรรษาหลังได้ แทนที่จะอธิษฐานจำพรรษาในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ก็ไปอธิษฐานในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ ได้ แต่จะไปออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่งหมดฤดูกฐินแล้ว แปลว่าได้อานิสงส์พรรษา แต่จะไม่ได้รับกฐิน

เถรี
08-08-2017, 20:02
ถาม : ถ้าพระบวชมาแล้ว ๓ ปีไม่เคยเข้าพรรษาเลยและมีพระบวชมา ๒ ปีเข้าพรรษาทุกปี เวลาเรียงลำดับอาวุโส ใครเป็นอาวุโส ใครเป็นภันเตครับ เวลานั่งเรียงลำดับใครนั่งหน้านั่งหลังครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้จำพรรษาเลย ก็ถือว่าไม่ได้รับพรรษานั้น ก็แปลว่าเป็นพระใหม่อยู่ตลอดเวลา ต่อให้ผู้อื่นบวชทีหลัง จำเพียงพรรษาเดียว ก็ถือว่าอาวุโสมากกว่า ถึงเวลาผู้ที่จำพรรษาก็นั่งหน้าไป

เถรี
09-08-2017, 15:42
ถาม : พระไตรปิฎกฉบับไหนที่ผิดเพี้ยนน้อยที่สุดครับ ?
ตอบ : ฉบับที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ส่งไปฝรั่งเศส

ถาม : จะหาอ่านได้ที่ไหนคะ ?
ตอบ : พิพิธภัณฑ์ประเทศฝรั่งเศส..!

เถรี
09-08-2017, 15:52
ถาม : ผลไม้ในวัดร่วงหล่นแล้วยังไม่เน่า มีมูลค่าที่จะขายได้ พระรูปใดรูปหนึ่ง จะนำไปฉันถือว่าขโมยของสงฆ์ ปาราชิกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าคิดแบบนั้นก็บรรลัยหมด อย่าลืมว่าพระก็เป็นส่วนหนึ่งของสงฆ์ แต่ไม่ควรที่จะทำเองโดยพลการ เพราะว่าพระจะฉันอาหารต้องรับประเคนแล้วทุกอย่าง การรับประเคนเท่ากับว่าบุคคลอื่นมอบให้ แล้วจะไปปรับอาบัติท่านอย่างไร ?

เถรี
09-08-2017, 15:58
ถาม : ของสงฆ์มีมูลค่าตั้งแต่ ๑ บาทขึ้นไป ภิกษุอยากได้จึงหยิบเอามา พร้อมกับชำระหนี้สงฆ์ตามมูลค่าทันที แต่ไม่ได้เอ่ยปากบอกภิกษุรูปใด แบบนี้จะโดนอาบัติข้อใดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ตั้งใจชำระหนี้ก็ไม่โดนอาบัติ แต่โดยมารยาทแล้วควรที่จะบอกก่อน เพราะบางทีคนอื่นอาจจะต้องการ หรือไม่ก็ต้องการแบ่งปันกันในท่ามกลางสงฆ์ในลักษณะของสลากภัต ซึ่งเป็นการเสี่ยงดวงกันเอง ไม่ใช่ไปเจาะจงหยิบเอาเองแบบนั้น

เถรี
09-08-2017, 18:49
ถาม : ชั้นจาตุมหาราชิกาอายุ ๕๐๐ ปีทิพย์ แต่ท่านฮิตเลอร์อยู่ไม่ถึง ๓๐๐ ปี ทำไมอีก ๑๑๓ ปี มาเกิดได้ครับ ?
ตอบ : ก็เพราะว่าท่านจะมาเกิด มีใครเขาบังคับว่าต้องอยู่จนครบเวลาวะ ?

ถาม : แล้วทำอย่างไรถึงลงมาเกิดแบบท่านฮิตเลอร์ได้ครับ ?
ตอบ : ก็ทำแบบท่าน..!

เถรี
09-08-2017, 18:56
ถาม : ผมภาวนา "โสตัตตะภิญญา" รู้สึกว่าสมาธิช้ากว่ารู้ลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว แบบนี้แปลว่าผมไม่มีอภิญญาเก่าใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่หรอก อยากได้มากเกินไปแล้วก็ไปตามสังเกตอาการ ถ้าลักษณะอย่างนั้นสมาธิจะทรงตัวยากมาก เพราะการที่เราไปตามจี้ ตามดู ตามสังเกตอาการนั้นเป็นความฟุ้งซ่าน

เถรี
09-08-2017, 19:00
ถาม : ความหมายก้อนหินของคนสมัยเก่า ณ วัดหินหมากเป้ง กษัตริย์ ๓ พระองค์ในอนาคตมาวัดนี้ ๑.กษัตริย์เวียงจันทน์ ๒.กษัตริย์บางกอก ๓.กษัตริย์หลวงพระบาง อนาคตเขาว่ามาแบบนั้น เป็นไปได้ไหมครับ ?
ตอบ : รอดู...!

เถรี
09-08-2017, 19:03
ถาม : ผมเจอมาว่า ชั้นดุสิตาภูมิเฉพาะพระโพธิสัตว์ปรมัตถ์ แต่ฟังมาอีกแบบว่า ถ้าสมาธิเต็มสามารถเลือกไปกามาวจรสวรรค์ชั้นไหนก็ได้ ความจริงเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : สวรรค์ชั้นดุสิต ๑.สำหรับพระโพธิสัตว์ที่เป็นปรมัตถบารมี ๒.สำหรับบุคคลที่เป็นบิดามารดาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาติที่ตรัสรู้ ๓.เป็นบุคคลที่บรรลุชั้นโสดาบันขึ้นไป

ผู้ทรงสมาธิตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป ปกติต้องไปอยู่ชั้นพรหมตามกำลังของตน แต่ถ้าเลือกอยู่ชั้นที่ต่ำกว่าเช่นเป็นเทวดา สามารถที่จะเลือกได้

เถรี
09-08-2017, 19:06
ถาม : สวดพระอาการวัตตาสูตร อานิสงส์ตามตำราในคอมพิวเตอร์บอกว่า จะได้เป็นพระอินทร์ ความจริงเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ลองทำดู...เดี๋ยวก็รู้ความจริงเอง

เถรี
09-08-2017, 20:26
ถาม : การสวดมนต์บทแผ่เมตตา เป็นการแผ่เมตตาจิตไหมครับ ?
ตอบ : การแผ่เมตตาคือการกำหนดกำลังใจของเรา ด้วยความหวังดีปรารถนาดีต่อผู้อื่น ว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร ยินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลก ส่วนการสวดแผ่เมตตานั้น ถ้ากำลังใจไม่ได้ไปด้วย ก็ได้แต่สักว่าสวดปาว ๆ ไปเท่านั้นเอง แปลว่าการแผ่เมตตานั้นต้องออกจากใจ ไม่ใช่แค่ออกจากปาก

เถรี
09-08-2017, 20:29
ถาม : ความอยากอวดอยากโชว์ในโลกธรรมทั้งปวง เช่น รูปร่างหน้าตา เสื้อผ้า ทรัพย์สมบัติ บ้าน รถ ฐานะ ยศตำแหน่ง วิชาความรู้ วุฒิการศึกษา ข้อเขียนเชิงธรรมะที่คิดเอง โพสต์รูปสวยหล่อเต็มหน้าจอเด่นกว่าข้อความธรรมะข้อความบุญที่แนบอยู่ข้าง ๆ รูปของตนในสื่อออนไลน์ หรืออวดโชว์สิ่งอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งไม่ได้ผิดศีลแต่อย่างใด จึงขอถามว่าถ้าเป็นพระโสดาบัน อารมณ์ในการอยากอวดอยากโชว์ในโลกธรรมเช่นนี้ มีหรือไม่มี ?
ตอบ : ต้องไปถามพระโสดาบัน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือคนถาม แสดงว่าไปเพ่งโทษผู้อื่นเป็นปกติ โปรดละนิสัยนี้เสียโดยไว ไม่เช่นนั้นมีโอกาสลงอบายภูมิสูงมาก

ถาม : ถ้าไม่มีเจตนาในการอวด จะสามารถแสดงออกมาได้ในขอบเขตแค่ไหนครับ ?
ตอบ : กิเลสคนมากน้อยไม่เท่ากัน ถ้าไม่ละเมิดในส่วนของศีลห้า ก็สามารถแสดงได้ทั้งนั้น

เถรี
09-08-2017, 20:54
ถาม : การมีสัมพันธ์ทางเพศในคู่ครองของพระโสดาบันเป็นโดยหน้าที่ หรือมีความกำหนัดในกาม หรือทั้งสองอย่างครับ ?
ตอบ : ไม่มีความกำหนัดในกามแล้วจะมีเพศสัมพันธ์ไปทำซากอะไร...! เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ? พระโสดาบันก็เหมือนคนปกติทั่วไป เพียงแต่สภาพศีลกับสภาพจิตของท่านดีกว่าเราเท่านั้น

เถรี
09-08-2017, 20:59
ถาม : ถ้าเราตั้งใจอนุโมทนาบุญของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระอรหันต์ทุก ๆ พระองค์ ในพระนิพพาน เราจะได้อานิสงส์ผลบุญจากการอนุโมทนาในบุญนั้นไหมครับ ?
ตอบ : น่าจะได้แค่อานิสงส์ของพุทธานุสติ และสังฆานุสติมากกว่า เพราะว่าการโมทนาบุญนั้น สภาพจิตของเราต้องประกอบไปด้วยความยินดีในสิ่งที่พระองค์ท่านทำ โดยที่เราไม่ได้ทำ แต่สิ่งที่เราตั้งใจนั้นคือ "กูจะเอา"...!

ถาม : หากเราก็ตั้งใจอนุโมทนาบุญของพระทุก ๆ พระองค์ในพระนิพพาน ทุก ๆ วัน บุญบารมีของเราจะเพิ่มขึ้นใช่ไหมครับ ?
ตอบ : น่าจะดีขึ้นตรงที่ได้อนุสติหน่อยหนึ่ง

เถรี
10-08-2017, 13:51
ถาม : ภรรยาของผมตั้งท้องได้ ๖ เดือนแล้วครับ เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับวิธีการทำให้คลอดบุตรได้ง่าย เช่น การใช้ดอกบัวครรภ์รักษา เป็นต้น อยากทราบว่า ถ้าผมจะใช้ดอกบัวครรภ์รักษา ผมสามารถหาได้จากที่ไหนบ้างครับ ?
ตอบ : ที่ซึ่งเขามี

ถาม : นอกเหนือจากดอกบัวครรภ์รักษาแล้ว มีวิธีอื่นที่ช่วยให้คลอดบุตรง่ายบ้างไหมครับ ?
ตอบ : มีดหมอผ่าตัด...!

เถรี
10-08-2017, 13:59
ถาม : ในปัจจุบันความเชื่อเรื่องการอยู่ไฟหลังคลอดบุตรมีความจำเป็นอีกไหมครับ ? เพราะผมเถียงกับแม่ยายบ่อยมาก แม่ยายเป็นคนเชื้อสายจีน มีความเชื่อเรื่องการอยู่ไฟหลังคลอด ส่วนตัวผมเองก็เคยศึกษาข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่แล้วเห็นว่าการอยู่ไฟไม่มีความจำเป็น เลยลังเลว่าจะให้ภรรยาอยู่ไฟหลังคลอดดีหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ลองถามคนที่เป็นแม่แล้วไม่ได้อยู่ไฟดู บุคคลที่เป็นแม่แล้วไม่ได้อยู่ไฟนั้น ในช่วงที่คลอดบุตรจะเสียเลือดมาก ธาตุไฟจะพร่อง โดนความเย็นแทรกซึมได้ง่าย ร่างกายจะอ่อนแอ เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย โดยเฉพาะถ้ากระทบหนาวเมื่อไร จะเกิดอาการปวดโน่นเมื่อยนี่อยู่ตลอดเวลา เพราะว่าไม่ได้อยู่ไฟเหมือนคนโบราณ คนโบราณอยู่ไฟ ร่างกายฟื้นตัวเร็ว แข็งแรง มีลูก ๑๐-๒๐ คนก็มี สมัยนี้มีได้สองคนก็ดีตายชักแล้ว

เถรี
10-08-2017, 14:46
ถาม : หลังจากได้ดูละครเรื่องพระพุทธเจ้ามหาศาสดาเอกของโลก มีความรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้รู้ว่าพระองค์ทรงลำบากมากขนาดไหนกว่าจะได้มาเป็นพระพุทธเจ้าของเรา และรู้ว่าพระองค์ทรงเมตตาต่อเรามากขนาดไหน

ผมอยากทราบว่า ตอนนี้เวลาจับภาพพระเวลานั่งสมาธิ จะเห็นเป็นพระพุทธเจ้าในรูปของนักแสดงคนนี้ตลอด ผมไม่แน่ใจว่าเราถือว่าเป็นภาพพระที่ถูกต้องไหมครับ ? เพราะจะจับภาพได้ชัดเจนมาก ?
ตอบ : ถ้านึกถึงพระพุทธเจ้า คือ พุทธานุสติ ไม่ได้นึกถึงนักแสดงก็ไม่เป็นไร

เถรี
10-08-2017, 14:49
ถาม : ผมทำงานส่งอาหารตามบ้านที่ประเทศออสเตรเลีย วันหนึ่งไปส่งอาหารที่อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง พอเดินออกมาสายตาเหลือบไปเห็นพระพุทธรูปทำจากหินตั้งอยู่ตรงทางเดินระดับเดียวกับเท้าของผม ผมเดินออกมาแล้วหยุด แล้วผมก็เดินกลับไปอุ้มพระองค์นั้นขึ้นรถเอาไปทำงานด้วยทั้งคืน ผมทนไม่ได้ที่เห็นพระพุทธรูปวางอยู่แบบนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นผมเลยเอาท่านไปตั้งไว้ที่วัดที่ผมชอบไปทำบุญบ่อย ๆ ผมอยากถามว่า ผมทำถูกไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเจ้าของแจ้งความก็ซวย เพราะขโมยของเขาไปแล้ว

ถาม : ผมทำผิดศีลข้อสอง ถือว่าลักขโมยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็รู้ตัวเหมือนกันนี่..!

เถรี
10-08-2017, 14:50
ถาม : หนูได้ไปงานศพหลายวัดใน กทม. เขาจัดที่นั่งให้เป็นห้องแอร์ ให้ผู้มาร่วมงานใส่รองเท้าเข้าไปในอาคารได้เลย ตอนฟังพระสวดก็ไม่ได้ถอดรองเท้า ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดหรือไม่เจ้าคะ ?
ตอบ : เอาเป็นว่าวัดท่าขนุนไม่เคยให้โยมทำแบบนั้น

เถรี
10-08-2017, 15:01
ถาม : ช่วงกรรมฐาน "หายใจเข้าภาพพระสว่างขึ้น หายใจออกภาพพระสว่างขึ้น" คำว่า ภาพพระสว่างขึ้น มีความหมายว่าอย่างไรคะ ?
ตอบ : มีความหมายว่าสว่างขึ้น

ถาม : เหมือนที่เรากดปุ่มเพิ่มแสงที่มีอยู่ในโปรแกรมตัดต่อภาพหรือไม่ ?
ตอบ : ทำอย่างไรให้สว่างขึ้นก็แล้วกัน

ถาม : ภาพจะสว่างจนกลายเป็นสีขาวทั้งหมด หรือให้เห็นแสงสว่างขาวรอบออกมาจากภาพพระ ?
ตอบ : แล้วแต่เราถนัดแบบไหน

เถรี
10-08-2017, 15:08
ถาม : สมมติว่าทางโรงเรียนจัดซื้อหนังสือด้วยงบหนึ่งล้านบาท ได้หนังสือครบถ้วนตามงบหนึ่งล้านบาทพอดี แต่บริษัทได้จ่ายเงินคืนให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของราคาที่ซื้อหนังสือทั้งหมด เป็นการจูงใจลูกค้า ถ้าผู้เกี่ยวข้องในการจัดซื้อหนังสือของโรงเรียนได้นำเงินที่ทางบริษัทคืนมาเข้ากระเป๋าของตนเอง ถือว่าเป็นการ " คอร์รัปชัน " และ ถูกขึ้นบัญชีนรกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เคยได้ยินไหมที่ปัจจุบันเขาเรียกว่า "เงินทอน" ในเมื่อเป็นงบหลวง ถึงเวลาคืนมาก็ต้องเข้าหลวง ไม่ใช่เข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่ต้องคิดถึงเรื่องขึ้นบัญชีนรกหรอก เขาสอบสวนเมื่อไรก็ติดคุกหัวโตแล้ว..!

เถรี
10-08-2017, 15:13
ถาม : การที่หญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อย เปิดกล้องเต้นโชว์ ยั่วยุให้เกิดอารมณ์กามในสังคมออนไลน์ หรือสาวโคโยตี้ ที่เต้นยั่วอารมณ์บนเวทีต่าง ๆ จะมีโทษในทางกฏแห่งกรรมเช่นไร ? โทษหนักลงบัญชีนรกขุมใหญ่เหมือนดารานักแสดง นักร้อง ที่ไม่มีบุญช่วยไหมครับ ?
ตอบ : คนละอย่างกัน แต่ใกล้เคียงกัน เรื่องของดารานักร้อง นักแสดง มายาการนั้นทำให้คนหลงผิดไปจากสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ไปยึดถือตัวบุคคลตลอดจนกระทั่งสิ่งที่เขาแสดงออกแทน ส่วนกรณีเต้นโชว์นี้เป็นการยั่วยุกามารมณ์ ถ้าไม่ได้ไปละเมิดศีลละเมิดธรรมอะไรโทษก็น้อย แต่ถ้าคนไม่สามารถระงับยับยั้งได้ หลังจากนั้นไปละเมิดศีล โทษของเขาก็พลอยมีไปด้วย เพราะถือว่าสนับสนุนให้คนทำเช่นนั้น

เถรี
10-08-2017, 15:16
ถาม : การที่เราชอบมองข้อเสียทาง กาย วาจา ใจ ของผู้อื่น แล้วตำหนิเขาในใจ เป็นเพราะกฎแห่งกรรมที่เราเคยชอบตำหนิคนอื่น ๆ มาหลายชาติ หรือไม่เกี่ยวกับกฎแห่งกรรม ?
ตอบ : เป็นความชั่วของเราเอง เพราะสภาพจิตของเรามืดบอด เต็มไปด้วยราคะ โลภะ โทสะ โมหะ มองไม่เห็นความดีของคนอื่น

ถาม : จะมีวิธีแก้ไขไม่ให้ตำหนิผู้อื่นในใจอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ให้ตำหนิออกมาดัง ๆ จะได้ไม่ต้องตำหนิในใจ...!

ถาม : พูดไปเดี๋ยวเขาจะเสียใจค่ะ ?
ตอบ : กลัวเขาจะตบเอามากกว่า...!

เถรี
10-08-2017, 19:26
ถาม : ก่อนนอนหนูไปไหว้พระรู้สึกว่าอยู่ข้างบนแล้ว แต่แค่ครู่เดียวก็ตกลงมา หนูก็วางอารมณ์แบบเดิมมันก็ขึ้นไปอีก ครู่เดียวก็ตกลงมา เป็นอย่างนี้อยู่หลายรอบจนมันตัดหลับตอนไหนไม่รู้ตัวค่ะ หนูควรจะฝึกทรงอารมณ์อย่างไรให้อยู่ได้นานกว่านี้คะ ?
ตอบ : หางานให้จิตทำ สภาพจิตของเราไม่เคยชินกับความละเอียดของพระนิพพาน เกาะได้ครู่หนึ่งก็ถือว่าเยอะมากแล้ว วิธีที่ดีที่สุดก็คือตั้งใจเอาไว้ตรงจุดนั้นว่า เราจะทำงานอะไร อย่างเช่น สวด อิติปิ โสฯ สัก ๑๐๘ จบ จิตของเรามีสภาพจำว่ามีงานอยู่ตรงนั้น ถ้างานยังไม่เสร็จก็จะไม่ลงมา

เถรี
10-08-2017, 19:30
ถาม : เนื่องจากคำว่า อัลเลาะห์ นั้น แผลงหรือมีที่มาจากคำว่า อรหันต์ อยากทราบว่า เวลาด่าอัลเลาะห์เช่นนี้จะเป็นบาปเหมือนด่าว่าพระอรหันต์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต่อให้คุณด่าคนอื่นก็เป็นโทษอยู่แล้ว

ถาม : เมื่อคำว่า อัลเลาะห์ แผลงหรือมีที่มาจากคำว่า อรหันต์ เหตุใดการกล่าวชื่อนี้บ่อย ๆ จึงไม่เป็นสังฆานุสติ และมุสลิมจึงไม่ได้อาศัยบุญตรงนี้ขึ้นสวรรค์หรือครับ ?
ตอบ : ก็เพราะเขาไม่รู้ ในเมื่อทำโดยไม่รู้ สภาพจิตยึดเกาะผิด จะเอาอานิสงส์ที่ไหนมา ?

ถาม : เนื่องจากเวลานี้ มีเทวดาผู้ใหญ่ท่านช่วยสงเคราะห์เป็นพระอัลเลาะห์ให้ อยากทราบว่า เวลาด่าว่า อัลเลาะห์ เช่นนี้จะเป็นบาปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : สรุปว่าเอ็งจะด่าใครก็บาปทั้งนั้นแหละ..!

ถาม : เทพต่าง ๆ จากคติพราหมณ์-ฮินดู มักจะมีเทวดาผู้มีฤทธิ์มาสงเคราะห์ ทำหน้าที่เป็นเทพองค์นั้น ๆ ให้เสมอ ฉะนั้น...การด่าหรือลบหลู่เทพต่าง ๆ จากคติพราหมณ์-ฮินดู ย่อมเป็นบาปเหมือนการด่าหรือลบหลู่เทวดาที่มาทำหน้าที่ให้นั้น ถูกต้องหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถูก

ถาม : ถ้าเราด่าว่า นบีมูฮัมหมัด จะเป็นบาปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต่อให้ด่าตูก็บาป...! สภาพจิตที่ด่าเขาประกอบไปด้วยโทสะ ไม่ลงนรกตอนนั้นก็บุญโขแล้ว

เถรี
10-08-2017, 19:43
ถาม :ในเวลาที่ข้าพเจ้าพยายามปฏิบัติสมาธินั้น มักมีความรู้สึกคันตามตัวเกิดขึ้น หรือบางครั้งจะมีเสมหะเกิดขึ้น ทำให้ต้องคอยเกาและกระแอมเสมหะ ไม่สามารถรวมจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอเรียนถามว่า อาการข้างต้นเกิดจากเหตุอะไรหรือครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่า ขันธมาร เป็นส่วนหนึ่งของมารทั้ง ๕ ที่ตั้งใจมาขวางการทำดีของเรา

ถาม : มีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง และวิธีใดมีประสิทธิภาพมากที่สุดครับ ?
ตอบ : ตั้งใจว่าต่อให้ตายลงไป เราก็จะไม่เกา ต่อให้ตายลงไปเราก็จะไม่กระแอม แล้วลองฝืนดูว่าจะตายไหม ?

เถรี
10-08-2017, 19:46
ถาม : เนื่องด้วยเราพุทธศาสนิกชนอาจเคยได้ทำบุญมามาก และเป็นบุญใหญ่ มีอานิสงส์นานหลายชาติ และเป็นไปในทางทยอยส่งผล แต่ในบางครั้งเรามีความลำบากในปัจจุบันหรือมีปัญหาที่ยากจะแก้ไข จึงขอเรียนถามว่า พอมีหนทางใดบ้างที่จะให้ผลบุญของเราส่งผลในปัจจุบันมากขึ้น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาความลำบากขัดสนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันครับ ?
ตอบ : ไปสมัครเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์เกษม วัดสามแยก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะว่าสำนักนั้นสามารถเบิกบุญเก่ามาใช้ได้...!

ถ้าต้องการให้บุญส่งผลเร็ว ให้เร่งในส่วนของ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้มากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของสมาธิจะเห็นผลไวที่สุด

เถรี
10-08-2017, 20:01
ถาม : ปัจจุบันมีหลายคนตั้งใจรักษาศีลข้อ ๔ งดเว้นจากการพูดโกหก แต่บางท่านก็ใช้วิธีการเลี่ยง โดยบอกว่าตนเองไม่ได้พูดโกหก กราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า เมื่อถามแล้ว ผู้ตอบบอกความจริงไม่หมด บอกเพียงครึ่งเดียว ครึ่งที่บอกเป็นความจริง แต่อีกครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้บอกเป็นเรื่องสำคัญต่อความเข้าใจของผู้ถาม แต่ผู้ตอบมีเจตนาไม่บอก สุดท้ายผู้ถามได้ฟังคำตอบแล้วก็เกิดความเข้าใจผิดอยู่ดี เพราะได้ทราบเรื่องจริงเพียงครึ่งเดียว ผิดศีลข้อ ๔ หรือไม่ ?

ตอบ : อันดับแรก...เรื่องนั้นเป็นเรื่องโกหก อันดับที่สอง...ตั้งใจโกหก อันดับที่สาม...ลงมือทำ อันดับที่สี่...บุคคลอื่นเชื่อตามนั้น ถ้าครบองค์ประกอบเหล่านี้ ถือว่าผิดศีลข้อโกหกเต็ม ๆ ถ้าองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งคลาดเคลื่อนไป ก็ลดโทษไปตามส่วน

เถรี
10-08-2017, 20:21
ถาม : กรณีที่เราต้องมีการกินยาถ่ายพยาธิ แบบนี้ถือว่าผิดศีลไหมคะ ?
ตอบ : กินยาถ่ายพยาธิถือว่าเป็นการรักษาโรค เราก็ไม่ได้กินอยู่ตลอดเวลา ถ้าศีลขาดก็ขาดอยู่แค่ช่วงนั้นช่วงเดียว ต่อไปเราก็รักษาให้ดี

สมัยอาตมาเด็ก ๆ มีเด็กคนหนึ่งถ่ายพยาธิโดยที่พยาธิไม่ตายเลย เหตุที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า โยมแม่อาตมาเอาน้ำมันก๊าดใส่ขวดบรั่นดีไว้ เด็กเขาไม่รู้ คิดว่าเป็นน้ำ ก็เลยกรอกใส่ปากไป ถ่ายพยาธิออกมายั้วเยี้ยไปหมด ไม่ตายสักตัว เพิ่งจะรู้ว่าน้ำมันก๊าดช่วยถ่ายพยาธิได้ ใครจะลองกินดูบ้าง...!

เถรี
11-08-2017, 21:13
พระอาจารย์เล่าว่า "บางครอบครัวไม่ได้รู้โทษของบุหรี่หรือสุรา ตัวเองกินก็พลอยสอนลูกให้กินไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าเด็กเพียงไม่กี่ขวบจะกลายเป็นขี้เหล้าตั้งแต่เด็ก เหมือนกับเด็กกะเหรี่ยง อายุไม่กี่ขวบก็สูบบุหรี่กันหมด เพราะเวลาทำงานในไร่จะมีพวกริ้นไรคอยตอมอยู่เรื่อย ถ้าไม่พ่นควันไว้ก็โดนกินระบมไปทั้งตัว จึงจำเป็นต้องสูบบุหรี่โดยอัตโนมัติ

ไปเจอเด็กกะเหรี่ยงตัวเล็ก ๆ สูบบุหรี่อย่าไปว่าเขาแก่แดดนะ สภาพการดำรงชีวิตของเขานั้นจำเป็น ใครที่ไม่เคยโดนริ้นกัด ไม่รู้หรอกว่ารสชาติเจ็บปวดขนาดไหน ตัวเล็กเป็นฝุ่น มองแทบไม่เห็น แต่กัดทีทั้งเจ็บทั้งคัน"

เถรี
11-08-2017, 22:11
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำลังจะโอนเงินค่าหุ้มแผ่นทองหุ้มพระเจดีย์วัดท่าขนุนงวดสุดท้ายให้ช่าง รายนี้ต้องบอกว่าเป็นรายที่ทำงานกับวัดท่าขนุนแล้วโดนปรับหนักที่สุดเพราะว่าส่งงานช้า ตามสัญญาที่เซ็นไว้ ก็คือปรับ ๐.๑ เปอร์เซ็นต์

ในเมื่อ ๙,๘๐๐,๐๐๐ บาท ก็ปรับ ๙,๘๐๐ บาท ปรับเขาไปแค่ ๖๐๐,๐๐๐ กว่าบาทเอง...! นึกเอาก็แล้วกันว่าเขาส่งงานช้าไปกี่วัน แล้ว ๖๐๐,๐๐๐ กว่าบาทนี่อาตมาหยุดปรับแค่ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อให้เขามีโอกาสแก้ไขงานแล้วส่ง ไม่อย่างนั้นจะเจอมากกว่านี้อีก อย่างบันไดขึ้นรอยพระพุทธบาท ๑๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท ถ้าส่งงานช้าก็ปรับวันละ ๑๒,๘๐๐ บาท"

เถรี
12-08-2017, 21:36
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : คนฟ้องเป็นผู้แบกสักกายทิฏฐิ คือ ตัวกูของกู อาจารย์กูเอาไว้มากจนเกินไป แล้วก็แบกมิจฉาทิฏฐิเอาไว้ด้วย ก็เท่ากับว่าหวงในสิ่งที่ไม่ควรจะหวง คนอื่นเขาช่วยเผยแผ่เกียรติคุณอาจารย์ กลับไปฟ้อง

เถรี
12-08-2017, 22:21
โยมถวายค่าน้ำค่าไฟ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "คนที่ใช้น้ำใช้ไฟน้อยที่สุดในวัดน่าจะเป็นอาตมาเองนี่แหละ ที่ใช้ไม่บันยะบันยังส่วนใหญ่เป็นพระใหม่ พัดลมเปิดกันทั้งวัน เปิดตัวเล็กไม่สะใจ เปิดตัวใหญ่สามขา เปิดทีแทบจะปลิวไปตามลมก็จะเปิด"

ถาม :ค่าน้ำค่าไฟที่วัดเท่าไรคะ ?
ตอบ : ค่าไฟอย่างเดียวประมาณ ๑๗,๐๐๐ บาท อาตมาเองใช้ถึง ๑๐๐ บาท หรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

ถาม : ใครใช้แพง ?
ตอบ : ไม่รู้เหมือนกันว่าจะถามกับใคร ? อาตมาไม่ค่อยจะสรงน้ำ ส่วนมากก็แค่ล้างหน้า ไฟก็ไม่ค่อยจะได้เปิด ก็เลยกลายเป็นว่าน่าจะใช้น้อยที่สุดในวัดแล้ว ไฟที่อาตมาใช้มากที่สุดก็คือเปิดคอมพิวเตอร์ทำงาน นอกนั้นก็ไม่ได้ใช้อะไร บางทีนั่งทั้งวันแทบจะไม่ได้เปิดพัดลมเลย ส่วนใหญ่แล้วพระใหม่ท่านไม่ค่อยรู้สึกหรอก เพราะท่านไม่ใช่คนจ่าย ๑๗,๐๐๐ บาท

เถรี
13-08-2017, 21:13
ถาม : เล่นวิดีโอเกมส์ แล้วโกงในเกมส์เพื่อเอาชนะ แบบนี้จะผิดศีลไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเป็นพระเขาเรียกว่า ฉายาปาราชิก พูดง่าย ๆ ก็คืออาบัติปาราชิกนั้น ถ้าต้องเข้าจะขาดความเป็นพระ สิ่งที่ทำนั้นเกือบจะขาดความเป็นพระอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น...เราเองแม้ว่าจะเป็นการโกง เป็นการขโมย เป็นอทินนาทานในเกม แต่อย่าลืมว่าสภาพจิตของเราต้องการชนะ ในเมื่อต้องการชนะ เจตนาการทำก็เหมือนกับอทินนาทาน เกือบจะโดนเต็ม ๆ อยู่แล้ว

เถรี
13-08-2017, 21:58
ถาม : พระพฤหัสบดีสร้างจากอะไรคะ ?
ตอบ : ฤๅษี ๑๙ ตน

ถาม : แล้วคนเกิดวันพฤหัสบดีมีนิสัยอย่างไร ?
ตอบ :ไม่ชอบยุ่งกับชาวบ้าน พูดง่าย ๆ ว่า สันดานเสีย...อยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้

ถาม : จะแก้อย่างไรดีคะ ?
ตอบ : พยายามปฏิสัมพันธ์กับเขาหน่อย ไม่อย่างนั้นจะเป็นคนแปลกแยกจากสังคม

เถรี
13-08-2017, 22:00
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา มีการประชุมพระนวกะประจำปี ๒๕๖๐ ของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ อาตมาก็เป็นพิธีกร มีหน้าที่เชิญวิทยากร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และรองเจ้าคณะอำเภอ ขึ้นไปบรรยาย หลังจากการบรรยายก็กล่าวสรุปเนื้อหาและขอบคุณผู้บรรยาย

ที่จะกล่าวถึงวันนี้ก็คือการสรุปเนื้อหา ส่วนใหญ่พอท่านบรรยายไปสักครึ่งชั่วโมง พระใหม่ก็ลืมไปแล้วว่าท่านเริ่มต้นด้วยเรื่องอะไร แล้วเนื้อหาหลักอยู่ตรงไหน ถ้าไม่สรุปเนื้อหาก็จะฟังแล้วผ่านหูไปเฉย ๆ พอเลิกการอบรม พระกลับมาที่วัด ช่วงทำวัตรค่ำอาตมาก็สอบถามว่า มีใครสรุปเนื้อหาแบบที่หลวงพ่อสรุปให้ฟังบ้าง ? ก็แทบจะไม่มี ส่วนที่มีก็บอกว่าสรุปได้ไม่ดีเท่า

ก็เลยบอกกับท่านว่า ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น การสรุปเนื้อหาจากสิ่งที่เราได้ฟัง ได้เห็น ได้มีประสบการณ์ด้วยตัวเอง เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าเราสรุปเนื้อหาไม่ได้ ก็เหมือนกับเราตีอวนหวังปลาทั้งทะเล ไม่มีใครที่ทำได้สำเร็จหรอก การจับปลาให้ได้แน่ ๆ นั้น ต้องเล็งจับตัวเดียว

ถ้าเราดูสารคดีเกี่ยวกับชีวิตสัตว์ในทุ่งหญ้าแอฟริกา จะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นสิงโต เสือดาว หรือเสือชีตาห์ก็ตาม เวลาล่าเหยื่อจะเล็งตัวเดียว ถึงเวลาวิ่งไล่ไป ไม่ว่าตัวอื่นจะอยู่ใกล้ขนาดไหนก็จะไม่เปลี่ยนใจ จะมุ่งไปยังเป้าที่ตัวเองเล็งไว้แต่แรกเสมอ"

เถรี
13-08-2017, 22:02
"ในธัมมจักกัปปวัตนสูตร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงเนื้อหาว่า ทเวเม ภิกขะเว อันตา ปัพพะชิเตนะ นะ เสวิตัพพา ดูก่อน...ภิกษุทั้งหลาย ส่วนสุดสองอย่างนี้ ไม่ใช่สิ่งที่บรรพชิตพึงจะไปซ่องเสพเสวนาด้วย แล้วก็ตรัสยาวไปจนกระทั่งมาลงที่หนทางสายกลาง ก็คือมรรค ๘

เมื่อพระอัญญาโกณฑัญญะฟังจบ ก็บอกว่า ธัมมะจักขุง อุทะปาทิ ดวงตาแห่งธรรมก็ปรากฏขึ้น ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมัง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดแต่เหตุ ถ้าเหตุดับสิ่งนั้นก็ดับ ประโยคนี้ตั้งแต่ต้นมาจนปลาย พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสเลยแม้แต่คำเดียว แต่เป็นสิ่งที่พระอัญญาโกณฑัญญะสรุปมาจากสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเทศนา

ก็แปลว่า ถ้าพวกเราฟังธรรมแล้วขาดการสรุปเพื่อจับประเด็นเนื้อหาสำคัญ โอกาสที่เราจะออกทะเลจะมีมาก เพราะว่าหาเป้าไม่เจอ ถ้าเราไปดูในอนุพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าตรัสกับพระมหากัสสปะเมื่อแรกพบว่า ดูก่อนกัสสปะ...เธอจงเข้าไปตั้งอยู่ในความเกรงใจในภิกษุ ทั้งที่เป็นผู้เก่า ผู้ปานกลาง และผู้ใหม่อย่างแรงกล้า ดูก่อนกัสสปะ...เมื่อเธอฟังธรรมจงเงี่ยหูฟัง แล้วตั้งใจพิจารณาในเนื้อความ ดูก่อนกัสสปะ...เธอจงอย่าละสติที่ไปในกาย

ทั้งสามข้อนี้ ในส่วนที่ว่ามาคือข้อที่สอง เมื่อฟังธรรมให้เงี่ยหูฟังและตั้งใจพิจารณาในเนื้อความนั้น สรุปว่าไปอบรมแล้วถ้าอาตมาไม่สรุปเนื้อหาให้ พระใหม่ก็แทบจะไม่ได้อะไรกันเลย"

เถรี
14-08-2017, 16:38
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้มีน้ำท่วมหลายพื้นที่ คราวนี้พระสงฆ์ก็ออกไปช่วยชาวบ้านกันมาก โดยเฉพาะการทำอาหารไปแจก นำอาหารแห้งไปแจก แต่ปรากฏว่าเป็นข้อถกเถียงกันในสื่อโซเชียลมีเดียว่า ใช่กิจของสงฆ์หรือเปล่า ? ทำแบบนี้ศีลขาดหรือไม่ ?

เรามาดู ๒ ประเด็นที่เขาว่าไว้ ประเด็นแรกคือใช่กิจของสงฆ์หรือเปล่า ? อาตมาเองยืนยันว่าใช่ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าวาระแรกที่พระพุทธเจ้าส่งพระอรหันต์ ๖๐ รูป ออกไปประกาศพระพุทธศาสนา พระอรหันต์ตั้ง ๖๐ รูปมีใครบ้าง ? ก็มีพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ พระยสกุลบุตรกับสหายรวมแล้วอีก ๕๕

พระองค์สั่งว่า จรถ ภิกฺขเว จาริกํ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวไป พหุชน หิตาย พหุชน สุขาย โลกานุกมฺปาย เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก เพื่อความสุขของคนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก

พระท่านไปช่วยคนน้ำท่วมเป็นประโยชน์ของคนหมู่มากคือส่วนรวมหรือเปล่า ? เพื่อความสุขของคนหมู่มากคือเพื่อส่วนรวมหรือเปล่า ? เป็นการอนุเคราะห์แก่ชาวโลกหรือเปล่า ? เราจะเห็นว่าใช่ทุกข้อ เพราะฉะนั้น...ประเด็นนี้ชัดเจนว่าสิ่งที่พระท่านทำเป็นกิจของสงฆ์อย่างแน่นอน"

เถรี
14-08-2017, 16:40
"อีกส่วนหนึ่งก็คือ หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนให้ทุกคนมีพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา รักผู้อื่นเสมอตัวเอง กรุณา สงสารอยากให้เขาพ้นทุกข์ มุทิตา พลอยยินดีเมื่อเขาอยู่ดีมีสุข และอุเบกขา ถ้ายากเกินความสามารถก็ปล่อยวาง

คราวนี้การช่วยคนน้ำท่วมไม่เกินความสามารถ พอที่จะทำได้ ทำได้แค่ไหนก็ทำได้แค่นั้น หลาย ๆ รูป หลาย ๆ แห่งรวม ๆ กันทำ ก็บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนไปได้ส่วนหนึ่ง จะมัวแต่ไปรอรัฐบาลก็ไม่ได้ เพราะว่ารัฐบาลมัวแต่หาทางว่า ทำอย่างไรตัวเองจะอยู่ให้ได้นานที่สุด แม้กระทั่งเรื่องการช่วยชาวบ้านก็ลืมไปชั่วคราว พระจึงต้องไปช่วย"

เถรี
14-08-2017, 16:43
"ประเด็นที่สองคือ ผิดศีลหรือไม่ ? พระพุทธเจ้าเองบัญญัติว่า ห้ามภิกษุหุงต้มอาหารด้วยตัวเอง ห้ามภิกษุเก็บอาหารเอาไว้เอง ห้ามภิกษุเก็บอาหารไว้ในที่อยู่ คราวนี้ห้ามหุงต้มด้วยตัวเองเพราะอะไร ? เพราะว่าถ้าหุงต้มด้วยตัวเอง ก็จะทำแต่อาหารที่ตัวเองชอบ แทนที่จะเป็นการละกิเลสก็เป็นการเพิ่มกิเลสไป

ห้ามเก็บอาหารไว้เอง เพราะว่าพระไม่ควรเป็นผู้สะสม แต่เราจะเห็นว่าหลายวัดมีโรงครัว มีคลังพัสดุ มีการเก็บข้าวสารอาหารแห้งไว้ ถามว่าผิดหรือไม่ ? ขอยืนยันว่าไม่ผิด เพราะว่าผู้เก็บไม่ใช่พระ แต่เป็นเด็กวัดหรือแม่ชี

ห้ามเก็บอาหารไว้ภายในที่อยู่ของตน เพราะกลัวว่าจะแอบไปฉันนอกเวลา หรือว่าเลือกอาหารที่ตัวเองชอบเก็บเอาไว้ แล้วฉันสนองกิเลสของตัวเอง คราวนี้สิ่งนี้ที่พระองค์ท่านห้าม ก็ยังมีการอนุญาตให้ในบางวาระ อย่างเช่นว่าเกิดทุพภิกขภัย เวลาข้าวยากหมากแพง หาอาหารได้ยาก ถ้าหากว่าไม่มีเก็บเอาไว้บ้าง ถึงเวลาไปบิณฑบาตไม่ได้ แล้วจะฉันอะไร แต่พระองค์ท่านก็ยกเลิกข้อห้ามนี้เวลามีความอุดมสมบูรณ์

คราวนี้เรามาดูว่าเวลาน้ำท่วมถือว่าเป็นวาระที่ไม่ปกติ เหมือนกับเวลาข้าวยากหมากแพงที่ไม่ใช่วาระปกติ ถ้าดูตามข้ออ้างในมหาปเทส ๔ พระพุทธเจ้าให้ไว้เพื่อตีความพระธรรมวินัยว่า สิ่งที่ไม่สมควร ถ้าพิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร ก็แปลว่าพระไม่ควรทำอาหารด้วยตัวเอง แต่ถ้าในวาระที่ไม่ปกติ อย่างเช่นว่า ข้าวยากหมากแพง น้ำท่วม ไฟไหม้ ถ้ามัวแต่ไปพึ่งญาติโยมก็ไม่ได้ เพราะว่าเขาหมดเนื้อหมดตัวไปตาม ๆ กัน ก็ต้องทำเอง สิ่งที่ไม่สมควรเพราะว่าขัดกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม แต่พิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร ถ้าอย่างนี้ก็ถือได้ว่าไม่ผิดศีล"

เถรี
14-08-2017, 16:44
"การตีความพระธรรมวินัยตามหลักที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ ก็ยังสามารถที่จะตีความได้ว่าเป็นการกระทำที่ถูก ศีลไม่ขาด และประการที่สุดท้าย พระท่านทำอาหารไปแจกโยม ไม่ได้ทำฉันเอง เพราะฉะนั้น...จึงไม่ผิดเลย ที่พระองค์ท่านห้ามก็คือห้ามทำฉันเอง เพราะกลัวว่าท่านที่มีฝีมือ จะเลือกทำแต่อาหารที่มีรสชาติถูกปากถูกกิเลสตัวเอง

ถ้ามีใครเขาถามปัญหาพวกนี้ ชี้แจงเขาให้ชัดเจนด้วยว่า เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จริง ๆ แล้วเป็นกิจของสงฆ์ เป็นสิ่งที่ทำได้โดยไม่ผิดอยู่แล้ว โดยเฉพาะพระพุทธเจ้าสอนเราให้ ปฏิบัติตามหลักธรรมของพระองค์ท่าน มีพรหมวิหาร ๔ เป็นปกติ ถ้าเห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่ช่วยเหลือ นั่นต่างหากที่ทำไม่ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย ก็คือไม่ถูกทั้งทางโลกและไม่ถูกทั้งทางธรรม

สมัยนี้คนที่คิดว่าตัวเองเก่งกว่าพระมีมาก พอถึงเวลาก็มักจะคิดว่าสิ่งนี้ไม่ใช่หน้าที่ของสงฆ์ อาตมาขอถามคืนประโยคเดียวว่า ในเมื่อไม่ใช่หน้าที่ของสงฆ์ ก็แปลว่าเป็นหน้าที่ของคุณ แล้วคุณได้ทำอะไรช่วยเหลือเขาบ้างแล้วหรือยัง ?"

เถรี
14-08-2017, 16:50
พระอาจารย์กล่าวว่า "วัดในประเทศจีน ในเวียดนาม ในฮ่องกง ในสิงคโปร์ ในมาเลเซีย เท่าที่พบมา ทุกวัดทางออกจะอยู่ตรงร้านขายของที่ระลึก ต้องบอกว่าเป็นเส้นทางบังคับเลย ก็คือทางเข้ากับทางออกเป็นคนละจุดกัน ทางออกต้องผ่านร้านขายของที่ระลึกเสมอ แม้กระทั่งการก็ไปไหว้พระขอพรต่าง ๆ ของทุกอย่างต้องจ่ายสตางค์ซื้อทั้งหมด พูดง่าย ๆ ว่าของเขาพยายามที่จะเอาเงินในทุกวิถีทาง

ส่วนของไทยเราส่วนใหญ่วัดจะตั้งอยู่บนพื้นฐานความศรัทธาของญาติโยม ให้ควักกระเป๋าบริจาคกันเอง"

เถรี
14-08-2017, 19:33
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : เลิกชั่วแล้วทุกอย่างจะดีเอง

เคราะห์กรรมทุกอย่างมาจากการกระทำของเราก็คือกรรมเก่า เพราะฉะนั้น...อะไรเกิดขึ้นก็ทำใจรับได้ก็รับไป อาตมาเองระยะนี้ตาอักเสบตลอด เกิดจากเป็นต้อหิน ไปหาหมอแล้วคุณหมอบอกว่า “ไม่ต้องเสียเวลารักษาหรอกครับ อย่างไรก็บอดแน่นอน” ก็เลยปล่อยให้เป็นไปเอง เพราะว่าเราทำเอาไว้เราถึงได้ ถ้าหากว่าเราไม่ได้ทำเอาไว้เราก็จะไม่เป็นอย่างนี้ ผลงานของตัวเองก็จงรับไปแต่โดยดี ถ้าเราดิ้นรนจิตใจก็จะเป็นทุกข์

คุณหมอบอกว่า “ผมบอกตรง ๆ แบบนี้อย่าเครียดนะครับ” ก็ได้แต่ถอนใจว่า ดีที่คุณหมอบอกอาตมา ถ้าบอกคนอื่นป่านนี้เขาเครียดหัวหงอกไปแล้ว ไปบอกเขาได้ว่าตาบอดแน่นอน ไม่ต้องเสียเวลารักษา หมอช่างมีจิตวิทยาดีเหลือเกิน ตรงไปตรงมาจนน่าตื้บ...!

ถ้าตามที่หมอของโรงพยาบาลรัตนินบอก ว่ารักษาไม่หายหรอกเพราะต้อหินกินประสาทตา ก็ได้แต่รอวันที่หมดไป ระยะนี้ก็เห็นบ้างไม่เห็นบ้างสลับกันไปสลับกันมา เป็นทั้งสองข้าง แต่ไปหนักอยู่ข้างหนึ่ง แล้วหนักไปข้างที่ถนัดเสียด้วย

มองไม่เห็นภาระก็ลดไปเยอะ ยังขำ ๆ ตอนที่ถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่าจะแก้ไขได้ไหม ? ท่านบอกว่าข้าก็ไม่ได้ดีกว่าแกหรอก เล่นเขาเอาไว้เยอะพอกันนั่นแหละ เหมือนกับว่าเราทำเองเราก็ต้องรับ ผลงานออกมาเฮงซวยห่วยแตกอย่างไรก็ต้องรับ ยถากัมมุตาญาณมีประโยชน์ตรงนี้แหละ เห็นว่าเราเล่นเขาไว้เยอะ ถึงเวลาเราใช้คืนแค่หน่อยเดียว แต่หน่อยเดียวนี่สำหรับคนอื่นก็เยอะอยู่นะ

เถรี
15-08-2017, 19:29
พระอาจารย์สนทนากับพระลูกศิษย์ "ปีนี้หนักจริง ๆ เมื่อครู่เพิ่งจะพูดเรื่องที่เขามาเถียงกันว่า พระไปช่วยโยมถูกต้องตามพระธรรมวินัยหรือเปล่า ? ใช่กิจของสงฆ์หรือไม่ ? อธิบายไปชัดเจนแล้วว่าเป็นกิจของสงฆ์เลย พระพุทธเจ้าท่านสั่งเอาไว้ชัดว่า พหุชน หิตาย พหุชน สุขาย โลกานุกมฺปาย ปฏิบัติในพรหมวิหารแล้วมานั่งดูชาวบ้านเขาเดือดร้อนก็ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติธรรม

ที่ห้ามทำอาหารด้วยตนเองนั้น พระพุทธเจ้าท่านห้ามพระทำเพื่อฉันเอง ไม่ได้ห้ามทำให้คนอื่น เรื่องพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วโยมก็ไม่ชัดเจน เขาก็จับมาโยงกันมั่วไปหมด วันก่อนมีโยมจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตบางกรวย เป็นแผนกสื่อสาร ไปทำบุญด้วย เอายาไปถวายเป็น ๑๐ กล่องเลย จึงบอกว่าพระไม่ได้ใช้อย่างเดียวนะ เพราะว่าของเรานอกจากแจกเพื่อนพระวัดต่าง ๆ แล้ว พวกหน่วยทหารตำรวจ และหน่วยตำรวจตระเวนชายแดน หรือหน่วยป่าไม้เราก็แจกเขาด้วย เด็กนักเรียนเราก็แจกด้วย เพราะฉะนั้น...สิ่งที่โยมถวายมาได้ใช้ประโยชน์จริง ๆ เขาก็สงสัยว่าพระก็ทำบุญด้วยหรือ ? พระนั่นแหละต้องทำบุญ"

เถรี
15-08-2017, 19:34
"พวกเราถ้ามีใครชี้แจงได้ชัดเจนแล้ว เราต้องเอาไปเผยแพร่ต่อ ไม่อย่างนั้นแล้วกลายเป็นว่าเขาตีเราอยู่ฝ่ายเดียว แล้วตีผิด ๆ ด้วย แต่คนทั่วไปที่ไม่รู้ความจริงก็คิดว่าใช่

ไม่เป็นไร...เดี๋ยวเขาถอดเทปเสร็จแล้วค่อยเอาไปแชร์ก็แล้วกัน ผมแจงไปทุกประเด็นแล้ว ไม่ว่าจะทางโลก ไม่ว่าจะทางธรรม จะตะแคงข้างหรือจะตรง ไม่ผิดทั้งนั้นแหละ ตะแคงข้างก็อ้างมหาปเทส ๔ ได้ พระพุทธเจ้าอนุญาตเวลาที่มีทุพภิกขภัย หุงต้มเองได้ เก็บไว้เองได้ เก็บไว้ในที่อยู่ได้

คำว่า ทุพภิกขภัย ก็คือ เหตุการณ์ที่นาน ๆ เกิดที ก็เหมือนกับพวกอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย อะไรพวกนั้น ก็แปลว่าในวาระที่ไม่ปกติ พระสามารถทำอาหารเองได้ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรเพราะท่านห้ามเอาไว้ แต่ถ้าหากพิจารณาแล้วว่าสมควรสิ่งนั้นก็สมควร ถ้าเราจะตะแคงข้างก็อ้างมหาปเทส ๔ แต่ถ้าไม่ตะแคงข้างไปก็คือ ท่านห้ามทำฉันเองเพราะกลัวติดรส แล้วที่ทำให้ญาติโยมเกี่ยวอะไรกันด้วยเล่า ?"

เถรี
15-08-2017, 19:44
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่มีประโยชน์เพราะว่าพระเรามีสมณสารูปบังคับอยู่ จะไปเถียงกันแบบชาวบ้านร้านตลาดไม่ได้ ถ้าเถียงกันก็อยู่ในลักษณะของตรรกะวิภาษหรือธรรมสากัจฉา เพราะฉะนั้น...แค่ชี้แจงเขาให้ชัดเจนก็จบแล้ว

ภาพที่พระไปทำความดีเหล่านี้เขาไม่ค่อยแชร์กันหรอก แต่ภาพชั่ว ๆ นี่ แหม...แชร์กันกระจาย แชร์กันเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง แต่ทำความดีเป็นหมื่นเป็นแสนครั้งไม่รู้ว่าเขาจะแชร์ให้สักครั้งหรือเปล่า ?

เถรี
15-08-2017, 20:11
ท่านอาจารย์เปี๊ยก วัดโป่งโก มีหน่วยกู้ภัยอยู่ในวัด เมื่อคราวน้ำท่วมด่านมะขามเตี้ย โยมสองแม่ลูกติดอยู่กลางน้ำ บ้านเป็นทางน้ำไหล พวกกู้ภัยถอดใจกันหมดแล้ว ท่านอาจารย์เปี๊ยกเอาเชือกผูกเอวว่ายข้ามไปช่วย แล้วให้โยมขี่หลังข้ามมา คนก็ถามว่าพระแบกผู้หญิงได้ด้วยหรือ ? ท่านอาจารย์เปี๊ยกบอกว่า "คนกำลังจะตายห่...กูไม่คิดหรอกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย กูช่วยเอาไว้ก่อน"

แบบเดียวกับในนิทานเซ็นที่เล่าว่า พระเดินไปเจอผู้หญิงกำลังยืนลังเลอยู่ เพราะว่าชุดกิโมโนของผู้หญิงยาวลากพื้น จะเดินข้ามแอ่งน้ำก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะเลอะ พระท่านก็อุ้มเดินข้ามมาเลย พอพ้นแอ่งน้ำก็วางลงแล้วก็ไปต่อ พระที่ไปด้วยกันทนไม่ได้ กลับถึงวัดแล้วก็บ่นว่า "ท่านไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร ?" พระที่ท่านอุ้มผู้หญิงข้ามน้ำตอบว่า “อ้าว...คุณยังแบกอยู่อีกหรือ ? ผมวางตั้งแต่ข้ามน้ำเสร็จแล้ว” โอ้โฮ...แสบมากเลย คุณแบกกลับมายังวัดเลยหรือ ? ผมวางตั้งแต่ข้ามน้ำเสร็จแล้ว

เถรี
15-08-2017, 20:16
ศาสนาอื่นเขาเจตนาจะเล่นงานให้พระพุทธศาสนาหมดกำลัง เพื่อที่จะได้ยึดครองแทน แล้วพวกที่เป็นแนวร่วมแบบโง่ ๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรนี่เยอะมากเลย

เถรี
15-08-2017, 20:34
"น้ำท่วมครั้งนี้ก็จะเห็นว่ารัฐบาลขยับตัวช้ามาก จนป่านนี้ยังไม่มีความช่วยเหลืออะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย เราไปดูว่าบรรดานักการเมืองที่เขาเรียกว่านักเลือกตั้ง ประเภทที่หาความดีไม่ได้ในสายตาของเขา จนต้องเอาคนดีมาครองประเทศจนเละเทะกันอยู่ทุกวันนี้

นักการเมืองของเราเวลาชาวบ้านเดือดร้อนเมื่อไรต้องลงไปช่วย เพราะว่าเป็นฐานเสียงของเขา คราวนี้นักการเมืองของเราไม่เหลือแล้ว เหลือแต่คนดีที่ขึ้นมาครองประเทศชาติ ก็นั่งดูพวกเราจมน้ำกันต่อไป พวกเรื่องแบบนี้คนดีเขาไม่ทำกัน...ใช่ไหม ?"

เถรี
15-08-2017, 20:44
ถาม : (เรื่องสายตา)
ตอบ : ผมไม่ได้หนักใจหรอก ก็คือรักษาตามหน้าที่ ถ้าหายก็ทำงานต่อ ถ้าไม่หายก็ทำเท่าที่ทำได้ แล้วงานชิ้นสุดท้ายที่คิดจะทำก็จะจบลงปีหน้านี้ สายตาก็พลอยแย่ไปด้วยเลย เพราะว่าบันไดขึ้นรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน เซ็นสัญญาการทำงานเอาไว้ปีหนึ่ง จะเสร็จประมาณต้นเดือนกรกฎาคมปี ๒๕๖๑

เถรี
16-08-2017, 18:44
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่เป็น...ถามว่าผิดศีลไหม ? ไม่ผิด...ก็เลยไม่มีบาป เพียงแต่ว่าในส่วนของธรรมะยังพร่องอยู่ เพราะว่าขาดพรหมวิหาร ก็คือไม่มีเมตตากรุณา เห็นเขาอยู่ในอันตรายก็ไม่คิดที่จะช่วยเหลือ แปลว่าในเรื่องของศีลไม่ผิด ไม่ได้มีบาปมีกรรมอะไร แต่ในเรื่องของหลักธรรมแล้วยังพร่องอยู่

เถรี
16-08-2017, 18:54
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่เกี่ยวกัน การเงินไม่ดีเกิดจากบริหารไม่เป็น เขาเรียกว่าใช้เงินไม่คิดเสียส่วนมาก

เถรี
16-08-2017, 19:38
ถาม : ธาตุรู้คืออะไรคะ ?
ตอบ : ธาตุรู้ก็คือจิตดั้งเดิมของเรา

ถาม : จิตมีสภาพจำหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่ได้จำเฉย ๆ ต้องรู้ก่อนถึงจะจำ

ถาม : ต่างกันอย่างไรคะ ?
ตอบ : ต่างกัน...เพราะจิตเป็นตัวรู้ สมมติว่าความรู้เป็นลูกบอล ตัวรู้ก็คือคนที่จะรับลูกบอลนั้น ต่างกันไหมเล่า ? ประเภทใช้ภาษาแล้วแยกไม่ออก งงกันตายเลย

ถาม : แล้วเราจะทำให้ธาตุรู้ขึ้นมาได้ ?
ตอบ : ธรรมชาติมีเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถ้าปัญญาเราถึงระดับหนึ่ง สามารถรับรู้ความรู้ในระดับที่สูงขึ้นมา ก็เกิดจะอาการตื่นรู้

รู้เหมือนกับคนลืมตาตื่นแล้วเห็นโลกโว้ย...! เดี๋ยวเตะเลย...ภาษาไทยยังไม่รู้ แล้วดันมาถามของยาก

รู้ตามปกติ รู้มากขึ้นกว่าเดิมก็คืออาการตื่นรู้ เพียงแต่ว่ารู้แล้วเอามาใช้ประโยชน์ได้หรือเปล่านั่นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าหากว่ายังใช้ไม่ได้ก็เป็นเพียงแค่การรู้เห็น ถ้าหากว่าใช้ได้เมื่อไรก็รู้จริง แล้วรู้เห็นนั้นส่วนใหญ่จะเป็นแค่มรรค ถ้ารู้จริงจะเป็นผล โอ้โฮ...แยกแยะไปไกลเลย

ถาม : รู้จริงเอามาใช้งานได้ รู้ไม่จริงก็ยังใช้งานไม่ได้ ?
ตอบ : รู้ไม่จริงก็แค่ประเภทเห็นสมบัติอยู่ตรงหน้า รู้จริงจะเอามาเป็นสมบัติของเราเอง

เถรี
16-08-2017, 19:41
ถาม : เรามีกรรม เช่น เราจะประสบอุบัติเหตุ กุมารมาช่วยเรา การที่เรารอดมาได้ ?
ตอบ : ก็รอดแค่ตรงนั้น ถ้าพ้นวาระไปก็รอด ถ้ายังไม่พ้นวาระก็รอจังหวะต่อไป เพราะว่ากรรมนั้นมีวาระ มีระยะเวลาของตัวเองอยู่ สมมติว่าภายใน ๗ วันนี้ ถ้ากุมารสามารถป้องกันได้ตลอด ๗ วันก็พ้นไป เขาก็ต้องไปรอสนองรอบใหม่

ถาม : มีเลื่อนวาระไปได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้ากรรมดีกรรมชั่วมีสูงมากก็เลื่อนวาระ ถ้ากรรมดีสูงก็เลื่อนช้าลง ถ้ากรรมชั่วสูงก็เลื่อนเร็วขึ้น

เถรี
16-08-2017, 20:25
พระมาเบิกค่าเรียน "อาตมานั่งรับสังฆทานเป็นวัน มาถึงเบิกจนเกลี้ยงเลย เข้าเนื้ออีกต่างหาก ตอนช่วงนี้เฉพาะค่าใช้จ่ายของพระนักเรียนเดือนหนึ่งประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ถ้าเป็นวัดอื่นมีรายจ่ายเดือนละ ๒๐๐,๐๐๐ บาทก็ตายแล้ว แต่ของวัดท่าขนุนนี่แค่ค่าเรียนนะ ถ้าเดือนไหนค่าเทอมออกก็เป็นล้าน พระเณร ๔๐ กว่า ๕๐ รูป เรียนไปเกินครึ่ง"

เถรี
16-08-2017, 20:30
ถาม : ไปเป็นกรรมการ เจอทั้งนักการเมือง เจอทั้งใต้โต๊ะ ?
ตอบ : ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอ ไปสนใจอย่างอื่นทำไม ? ใครให้เงินก็รับ ใครให้สัญญาก็รับ แต่ตูจะทำหน้าที่ของตู...จบ

เถรี
16-08-2017, 20:43
พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมเอาข้าวสารอาหารแห้งมาถวายอย่างกับวัดท่าขนุนโดนน้ำท่วมไปแล้ว ยังไม่ท่วม ต่อให้เขาบอกว่าน้ำท่วมทองผาภูมิ วัดท่าขนุนก็ท่วมไม่ได้หรอก ที่เคยมีข่าวน้ำท่วมทองผาภูมินั้น เป็นแค่น้ำป่าหลากชั่วคราว ไม่ถึงชั่วโมงก็ลดตามปกติแล้ว ถ้าน้ำท่วมทองผาภูมิแปลว่ากรุงเทพฯ ต้องอยู่ใต้ทะเลไปครึ่งกิโลเมตรเป็นอย่างน้อย เพราะทองผาภูมิสูงกว่ากรุงเทพฯ ๖๐๐ กว่าเมตร ถึงเวลานั้นก็คงต้องใช้เรือดำน้ำมารับสังฆทานที่นี่...!

อาตมาได้ยินโฆษกรัฐบาลพูดทีไรก็สงสัย เขาเห็นว่าชาวบ้านโง่มากใช่ไหม ? เขาบอกว่าน้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากฝนมาก ไม่ใช่น้ำท่วมแบบปี ๒๕๕๔ ที่เกิดจากงานบริหารผิดพลาด ก็ต้องเกิดจากบริหารผิดพลาดนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นน้ำจะท่วมได้อย่างไร ?

เรื่องของระบบการจัดการน้ำ ต้องมีวางแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว มีแผนการว่าถ้าน้ำมากจะจัดการอย่างไร น้ำน้อยจะจัดการอย่างไร ไม่ใช่ปล่อยตามเวรตามกรรม แล้วก็มาบอกว่าฝนตกมากแก้ไขไม่ได้ แต่ไม่ใช่เกิดจากการบริหารผิดพลาดแบบปี ๒๕๕๔ ฟังแล้วประเภทนี้ ถ้าเป็นฆราวาสด้วยกันอาตมาจะไม่คบเลย เพราะถือว่าเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น"

เถรี
16-08-2017, 20:46
"โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ของเรา จะช้าจะเร็วน้ำก็ท่วมแน่นอน เพราะว่าตอนนี้อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางมากแล้ว ก็แปลว่าน้ำมีโอกาสท่วมได้ทุกวัน เนื่องจากว่าพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นดินตะกอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเป็นที่ที่อุดมสมบูรณ์มาก ประกอบกับฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล แต่คราวนี้พื้นที่ตั้งแต่สมัยโบราณบรรพบุรุษของเราเอาไว้ปลูกข้าว เป็นแหล่งอาหารของประเทศ เรากลับเอามาสร้างตึกแทน น้ำหนักตึกที่กดลงไปทุกวัน ดินก็ยุบลงไปทุกวัน

ยิ่งสมัยก่อนมีการขุดน้ำบาดาลมาใช้กันแบบไม่บันยะบันยัง เมื่อน้ำบาดาลหมดไปสภาพดินก็ยิ่งทรุดตัวได้ง่าย เพราะว่าไม่มีน้ำรองรับ ถ้าใครอยากจะมีบ้านในกรุงเทพฯ ก็หาคอนโดมีเนียมสัก ๑๐ ชั้นแล้วก็อยู่ชั้นบนสุด อย่างไรก็ปลอดภัยหน่อย ถึงเวลาน้ำท่วมฉับพลันอย่างน้อยก็มีเรือมารับได้...! ถ้าอยู่ชั้นล่าง ๆ อาจจะหายไปใต้น้ำเลย

อาตมาเคยพูดตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ ตอนน้ำท่วมหนัก ๆ ว่า โครงการบ้านจัดสรรสมัยนี้ควรที่จะคิดสร้างบ้านลอยน้ำได้แล้ว ทำบ้านเรือนแพ ก็คือมีลูกทุ่นช่วยในการลอยตัวได้ แล้วก็แค่ปักเสาสี่มุม ติดโซ่เอาห่วงคล้องไว้ ถ้าน้ำสูงก็ลอยตามน้ำขึ้นไป โฆษณาได้เต็มปากเต็มคำว่า "หมู่บ้านปลอดน้ำท่วม ซื้อบ้านแถมเรือ" คาดว่ายังหากินได้อีกเยอะ"

เถรี
16-08-2017, 20:57
"ตอนนี้ยังไม่เท่าไรหรอก ต้องประมาณปลายเดือนกันยายนต้นตุลาคม ต้องระมัดระวังเรื่องน้ำเหนือไหลหลาก ซึ่งจะว่าไปก็เป็นภาวะปกติ แต่คราวนี้กรุงเทพฯ ของเราเป็นพื้นที่ต่ำ ก็เลยไม่ปกติ โดยมากแล้วคนกรุงเทพฯ กับปริมณฑล มักจะมีบ้านต่างจังหวัดอยู่แล้ว การขยับขยายก็คงจะง่ายหน่อย

แต่ประเภททำตัวเป็นชาวกรุงเลยโดยไม่มีพื้นที่สำรองไว้ พอถึงเวลาก็เดือดร้อนมากหน่อย ถ้าดินน้ำลมไฟร่วมประสาน กลายเป็นอุบัติเหตุหรือภัยธรรมชาติ คาดว่าต้องมีบางประเทศที่จมหายไปใต้ทะเล วิตกวิจารณ์กันล่วงหน้า ดิน น้ำ ลม ไฟ ก็เช่นอะไร พายุมาก็พาฝนมา ก็แปลว่าลมกับน้ำมา ถ้าภูเขาไฟระเบิดแผ่นดินก็ไหวด้วย สรุปว่าดินน้ำลมไฟมาครบ"

เถรี
18-08-2017, 08:47
ถาม : ภาวนาแล้วมักจะหลับ ?
ตอบ : แปลว่าสมาธิเริ่มทรงตัว ถ้าหากว่าสติตามไม่ทันจะเหมือนอย่างกับหลับ แต่พอถึงเวลาสติกลับมาเรารู้สึกตัวขึ้นมาแต่จริง ๆ แล้วไม่ได้หลับ เพราะว่าเรายังนั่งอยู่

ถาม : ต้องแก้อย่างไรครับ ?
ตอบ : เอาสติจี้ตามลมหายใจเข้าออกให้ติด ๆ หรือไม่ก็ให้อยู่กับงานเฉพาะหน้า อย่างเช่นว่าสวดมนต์ก็ให้อยู่กับสวดมนต์ ไม่อย่างนั้นถ้าเผลอนิดเดียวก็จะหลับ

ถาม : ถ้าสวดพระคาถาเงินล้าน แล้วเราหลับ อย่างนี้ต้องแก้อย่างไร ?
ตอบ : ถ้าไม่คิดจะเอาดีกว่านั้นก็ไม่ต้องแก้

ถาม : ถ้าจะเอาดีกว่านี้ละครับ ?
ตอบ : ก็เมื่อครู่บอกไปแล้ว ตกลงว่าไม่ได้ฟังใช่ไหม ?

เถรี
18-08-2017, 08:49
พระอาจารย์กล่าวว่า "บ้านเราช่วงนี้ภัยธรรมชาติที่หนักหนาก็คือน้ำท่วม รอบบ้านเราหลายประเทศก็น้ำท่วม ช่วงที่ผ่านมามีหลายประเทศเกิดพายุหิมะหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลายประเทศก็เกิดไฟป่าไหม้ลุกลามเป็นหมื่นเป็นแสนไร่ จะว่าไปแล้วภัยธรรมชาติทั้งหลายเกิดจากการกระทำของคนทั้งนั้น

ดังที่เคยบอกหลาย ๆ ครั้งแล้วว่า ความดี ความชั่วที่เราทำไม่ได้ไปไหน แต่จะสั่งสมรวมกันเป็นพลังงานทั้งด้านบวกและด้านลบ คราวนี้คนทำความชั่วมากกว่า พลังงานทางด้านลบเลยมีมากกว่า ก็ทำให้ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง ทำให้ภัยธรรมชาติต่าง ๆ มีมากขึ้น

เรื่องตรงนี้เราจะไปบังคับคนอื่นก็ไม่ได้ จึงเหลืออย่างเดียวก็คือ ช่วยกันสร้าง ศีล สมาธิ ปัญญา ให้มาก ๆ อย่างน้อย ๆ ที่ไหนซึ่งมีผู้ทรงศีลทรงธรรมอยู่ เทวดาพรหมท่านก็ยังช่วยรักษา ถึงเวลาเกิดเรื่องเดือดร้อนก็จะน้อยกว่าที่อื่นเขา"

เถรี
18-08-2017, 08:51
พระอาจารย์กล่าวว่า "เคยเห็นคนสวยไหม ? คนสวยที่ต้องทำตัวเองให้สวยตลอดเวลา...เหนื่อยน่าดู ส่วนคนดีที่คิดว่าตัวเองดี ต้องคอยทำตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา...เหนื่อยยิ่งกว่านั้นอีก"

เถรี
18-08-2017, 08:53
พระลูกศิษย์มากราบ พระอาจารย์จึงให้โอวาทว่า "จำไว้ว่าตำแหน่งมาพร้อมกับหน้าที่ งานจะเยอะขึ้น ยินดีด้วยแต่จะเหนื่อยขึ้น พัดพระครูฐานานุกรมนี่สวยกว่าพัดพระครูสัญญาบัตรของผมอีก ผมยังไม่มีรูปคู่กับพัดยศเลย ถ้าเกิดปุบปับเป็นอะไรตายก็ต้องมาตัดต่อเอา"

เถรี
18-08-2017, 08:57
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้มีประเด็นหนึ่งที่เขาตั้งกระทู้กัน ก็คือ อยากเห็นผีหรือวิญญาณด้วยตาเนื้อ แล้วก็มีผู้เข้าไปตอบหรือแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก ยิ่งแสดงความคิดเห็นมากเท่าไรก็ยิ่งไกลเกินไปมากเท่านั้น

การจะเห็นผีหรือวิญญาณด้วยตาเนื้อมีวิธีง่ายนิดเดียว คือไปเกิดเป็นหมา..! เพราะว่าโดยปกติแล้วการเห็นด้วยตาเนื้อหรือตาทิพย์ ไม่ใช่คุณสมบัติของมนุษย์ทั่วไป เป็นคุณสมบัติของภพภูมิอื่นอย่างผีหรือเทวดา เป็นต้น มนุษย์เราสามารถมีได้แค่ทิพจักขุญาณ คือความรู้ทางใจที่เหมือนกับมีตาทิพย์เท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเห็นด้วยตาเนื้อปกติ ที่หมาสามารถเห็นผีโดยตาเนื้อปกติได้ อันนั้นเป็นฤทธิ์โดยกรรมวิบากของเขา ซึ่งภาษาบาลีเรียกว่า กัมมวิปากชาฤทธิ์

ดังนั้น...ในส่วนที่บางคนแนะนำว่าต้องฝึกอภิญญา ต้องฝึกกสิณกองนั้นกองนี้ ต้องฝึกมโนมยิทธิ ล้วนแต่เป็นการฝึกทิพจักขุญาณ ไม่ใช่การฝึกให้ตาเนื้อเห็นผีเห็นเทวดา ไม่ใช่การฝึกให้มีการตาทิพย์ ซึ่งไม่ใช่คุณสมบัติของมนุษย์ เห็นถกเถียงกันอยู่นาน แสดงความเห็นกันมาก แต่ว่ายิ่งแสดงก็ยิ่งไกล เพราะว่าไปพลาดตรงที่คิดว่าคนเราจะมีตาทิพย์ ก็คือสามารถที่จะเห็นผีเห็นเทวดาด้วยตาเนื้อเฉพาะตนได้"

เถรี
18-08-2017, 08:59
พระอาจารย์เมตตาสอนว่า "พวกเราส่วนหนึ่งแม้ปฏิบัติธรรมมาหลายปี ก็ยังทิ้งนิสัยใจร้อนใจเร็วไม่ได้ นิสัยใจร้อนใจเร็วบางทีเกิดจากความก้าวหน้าในการปฏิบัติ

ฟังให้ดี ๆ นะ ปฏิบัติดีขึ้นแล้วใจร้อนขึ้นได้อย่างไร ? จะเรียกว่าใจร้อนก็ไม่ใช่ เนื่องจากว่าสภาพจิตที่ละเอียดขึ้น การประมวลผลทุกอย่างเร็วขึ้น การกระทำทุกอย่างก็เร็วขึ้นไปด้วย คราวนี้จะเห็นคนอื่นช้า ถ้าไม่ทันระวังใจตัวเองก็จะหงุดหงิด แล้วบางทีการใจร้อนใจเร็วของเราไม่ใช่ว่าเราปฏิบัติไม่ก้าวหน้า แต่เป็นเพราะเราปฏิบัติก้าวหน้า แต่ลืมไปว่าคนอื่นเขาก้าวไม่ทัน มัวแต่ไปเห็นว่าเขาช้า ก็จะไปหงุดหงิด

ควรจะมองทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย สงเคราะห์ได้ก็สงเคราะห์ สงเคราะห์ไม่ได้ก็รักษาใจเอาไว้ อย่าให้กำลังใจของเราต้องเสีย เพราะถ้ากำลังใจของเราเสีย เราก็จะขาดทุน

ค่อย ๆ พิจารณาตัวเองว่าของเราอยู่ในเกณฑ์ไหน เกณฑ์ปฏิบัติก้าวหน้าแต่ไม่รู้จักตัวเอง หรือว่าอยู่ในเกณฑ์ปฏิบัติเท่าไรก็หาความก้าวหน้าไม่ได้สักที ต้องเข้าข้างตัวเองแน่ ๆ เลย...!"

เถรี
20-08-2017, 17:40
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานวันแม่ ๑๒ สิงหาคม และงานทำบุญครบรอบมรณภาพ ๒๕ ปี หลวงปู่สาย ๑๔ กันยายน ท่านเจ้าคุณวิสุทธิศาสนวิเทศ หรือเจ้าคุณปิง รับเป็นเจ้าภาพผ้าไตรถวายพระทั้งหมด โมทนากับท่านก็แล้วกันนะ ท่านได้อะไรเราก็เอาด้วย"

เถรี
20-08-2017, 19:36
ถาม : ปกติฤกษ์ลงเสาเอกต้องเป็นวันศุกร์ ข้างขึ้น เดือนคู่ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ลงเสาเอกใช้ฤกษ์เดียวกับฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ก็ได้

ถาม : ผมสงสัยจริง ๆ ครับว่าฤกษ์ลงเสาเอกคืออะไรครับ ?
ตอบ : เราจะใช้แบบนั้นก็ได้ ไม่มีปัญหา

ถาม : ถ้าตามหลักวิชาละครับ ?
ตอบ : ใช้ฤกษ์พรหมประสิทธิ์ธรรมดา

เถรี
20-08-2017, 19:54
ถาม : ตัวทาก เวลาจับมีเทคนิคการเอาออกไหมครับ ?
ตอบ : ๑) ขี้เถ้า ๒) น้ำบุหรี่หรือน้ำยาสูบนั่นแหละ ๓) ยาฆ่าแมลงยี่ห้อไหนก็ได้ ฉีดพรืดเดียวลงไปก็กลิ้งเลย แต่ส่วนใหญ่จะตาย เพราะฉะนั้น...เอาเป็นน้ำยาสูบไว้ก่อน ส่วนใหญ่มัวแต่ไปแกะอยู่ก็เลยยาก

เถรี
20-08-2017, 19:58
ถาม : เวลาเข้าป่า ท่านใส่รองเท้ายี่ห้ออะไรครับ ?
ตอบ : รองเท้าแตะ ยี่ห้ออะไรก็ได้

ถาม : แล้วเวลาต้องเจอพวกดงไมยราบ ?
ตอบ : ก็ลุยไปสิวะ

ถาม : ลุยเลยหรือครับ ?
ตอบ : มีอะไรน่ากลัวหรือ ?

เถรี
20-08-2017, 21:29
ถาม : สีลัพพตุปาทาน คือ ?
ตอบ : คำว่า สีลัพพตุปาทาน คือ การยึดมั่นในศีล ในหลักการปฏิบัติของตนเองดีกว่าคนอื่น อย่างเช่นพระธรรมยุตบางท่าน เจอหน้าพระมหานิกาย ถึงแม้พรรษามากกว่าก็ไม่ไหว้ เพราะเขาถือว่าตนบริสุทธิ์กว่า แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังฝืนสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ก็คือการที่บุคคลที่มีพรรษาน้อยกว่า ต้องเคารพกราบไหว้ผู้ที่พรรษามากกว่า เพราะตัวสีลัพพตุปาทาน คือยึดมั่นในศีลของตนเองว่าดีกว่า บริสุทธิ์กว่า แล้วก็มองข้ามระเบียบวินัยไป

ถาม : กรณีพระทำอาหารไปช่วยญาติโยมที่น้ำท่วม ผิดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ผมว่าไปแล้ว...ไม่ผิด เดี๋ยวรอเขาแกะเสียงในเก็บตกฯ แล้วเอาไปโพสต์ต่อเลย ผมบอกรายละเอียดไว้ชัดเจนหมดแล้ว ไม่มีความผิดอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะทางโลกหรือทางธรรม ถ้าไม่ช่วยจะผิดทางธรรมเพราะว่าขาดพรหมวิหาร

ถาม : อย่างนี้ท่านเหล่านั้นก็จัดเป็นสีลัพพตุปาทาน ?
ตอบ : เป็นมิจฉาทิฏฐิมากกว่า สาหัสกว่าหลายเท่า เพราะไม่เข้าใจในหลักการปฏิบัติอย่างแท้จริง แล้วก็มั่วไปเรื่อย มีโอกาสทำให้คนเป็นมิจฉาทิฏฐิตามไปอีกเยอะ แบบเดียวกับวัดนา....!

เถรี
20-08-2017, 22:18
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนที่แล้วอาตมาเกี่ยงค่าทอง ๕๐ บาท ก็คือถ้าทองลดลงมาเหลือ ๑๙,๕๐๐ บาทถึงจะซื้อ ทีนี้ลดลงมาเหลือ ๑๙,๕๕๐ บาท ก็นั่งรอ แต่ตอนที่เขาขยับราคาลงเขาไม่ได้ประกาศบอกเรา ประกาศอีกทีราคาก็ขึ้นแล้ว จึงซื้อไม่ทัน

เรื่องของราคาทอง ช่วงที่ลงมาก ๆ แล้วอยู่ ๆ ขึ้นพรวดไปเลย ให้รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีประเทศใดประเทศหนึ่งเดือดร้อน เพราะว่าเขาจะหาส่วนต่างไปใช้การทำสงครามร้อนสงครามเย็นให้ยุ่งไปหมด"

เถรี
22-08-2017, 08:14
ถาม : มีความรู้สึกว่าเห็นอะไรก็ร้องไห้เสียใจ ?
ตอบ : บางทีก็เป็นตัวปีติ ไม่ใช่ตัวเสียใจ ปีตินั่งร้องไห้ร้องห่ม แต่ให้สังเกตว่าใจเราจะนิ่งมาก ไม่ได้ทุกข์ไปตามอาการของร่างกาย ถามว่าปีติแล้วทำไมต้องร้องไห้ ? เหมือนอย่างกับเด็กโดนพ่อแม่ทิ้งเอาไว้ทั้งวัน กว่าจะกลับมาก็มืดก็ค่ำ เด็ก ๆ เห็นพ่อมาแล้ว แม่มาแล้วก็ดีใจ ร้องไห้โฮไปเลย

สภาพจิตที่ห่างไกลความสงบมานาน พอเริ่มเข้าถึงความสงบจะมีอาการอย่างนี้เกิดขึ้น ไม่ใช่เสียใจ กลับไปสังเกตใหม่ว่าจริง ๆ แล้วใจของเรานิ่งมาก

เถรี
22-08-2017, 08:14
ถาม : ความรักของมารดาที่มีต่อบุตรเป็นราคะไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าเป็นความรักของแม่ที่มีต่อลูกจริง ๆ เรียกว่า พรหมวิหาร เป็นความรักเมตตากรุณา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับราคะเลย มีใครบ้างที่ยินดีทุ่มเททุกอย่างในชีวิตให้โดยไม่หวังผลตอบแทน

เถรี
22-08-2017, 19:41
พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมเขียนมาว่า "ร่วมสร้างพระทองคำและพระนาค" จำไว้ว่านาก เขาใช้ ก.ไก่ นะ นาค ค.ควายไม่ถูก

นาก ตัวนี้ หมายถึง โลหะผสม เกิดจากการผสมของทองคำ เงิน และทองแดง แต่ถ้า นาค หลายความหมายเลย นาค ค.สะกด ความหมายหนึ่งคือ งูใหญ่ เรารู้จักกันดี ที่เรียกว่าพญานาค ทางด้านภาคเหนือเรียกว่า เงือกหลวง

นาคในความหมายที่สอง หมายถึง ผู้ที่ฝึกดีแล้ว อย่างเช่นว่า ช้างที่ได้รับการฝึกดีแล้วเรียกว่านาคได้ บุคคลได้รับการฝึกดีแล้วอย่างผู้เตรียมตัวบวช เรียกว่านาคได้

นาคอีกความหมายหนึ่ง หมายถึงผู้เป็นใหญ่ อย่างเช่นว่าพระมหากษัตริย์ เรียกเป็นนาคได้ อีกความหมายหนึ่ง หมายถึง ผู้ประเสริฐสุด หมายถึงพระพุทธเจ้า อย่างเช่นพระพุทธเจ้าจะพบพระเจ้าปเสนทิโกศล เขาบอกว่า วันนี้นาคกับนาคจะพบกัน เป็นต้น ไม่มีความหมายถึงโลหะผสม ฉะนั้น...โลหะผสมต้องใช้ ก.ไก่"

เถรี
22-08-2017, 20:43
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา มีการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปพุทธศาสนาของจังหวัดกาญจนบุรี อาตมาที่คิดว่าตัวเองมีเวลาว่าง ๑ วัน คือ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ปรากฏว่าโดนเรียกประชุม แล้วเป็นคณะกรรมการถึงสองชุด ทั้ง ๆ ที่ตัวคนเดียวก็ไม่รู้ว่าจะแบ่งภาคอย่างไร

เมื่อเซ็นชื่อเข้าประชุมคณะกรรมการทุกคณะเรียบร้อยแล้ว พอเริ่มประชุมเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า "ฝ่ายเผยแผ่ ท่านอาจารย์ยังไม่ต้องไปก็แล้วกันครับ ท่านอาจารย์ไปฝ่ายการศาสนศึกษาก่อนเลย" ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ก็คือ สร้างความเลื่อมใสศรัทธาให้เกิดขึ้นในหมู่พุทธศาสนิกชน จะต้องยื่นกลยุทธ์ว่าทำอย่างไรบ้าง ? ท่านโน้นก็เสนออย่างนั้น ท่านนั้นก็เสนออย่างนี้ ถกเถียงกันไปประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไป

พระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ ป.ธ. ๙ ประโยค เจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี บอกว่า "ขออภัยนะครับ ผมว่าที่พวกเราเถียงกัน ไปไกลเกินแล้ว" ท่านบอกว่า "ในเมื่อเราจะสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นในพุทธศาสนา เราก็ควรจะเอาเรื่องของอภิญญาสมาบัติ หรือไม่ก็ความสามารถพิเศษต่าง ๆ อย่างหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ท่านเคยทำได้ เอาเรื่องพวกนี้มาเสนอเป็นโครงการขึ้นไป จะเรียกศรัทธาญาติโยมได้มากกว่ากระมัง ?"

อาตมาได้ยินก็กลืนน้ำลายเอื๊อกเลย "แล้วจะเขียนโครงการอย่างไรให้เป็นรูปธรรมขึ้นมาได้ละอาจารย์ ?" "จะไปยากอะไร อย่างวัดท่าขนุนมีความสามารถทางนี้ ก็เปิดโรงเรียนสอนไปเลย" เข้าท่านะ...! โครงการตั้งโรงเรียนสอนอภิญญาสมาบัติที่วัดท่าขนุน..!

เรื่องนี้ถกไปถกมาปรากฏว่าคาบเกี่ยวกับฝ่ายอื่นด้วย ไม่ใช่แค่การศาสนศึกษาอย่างเดียว มีการปกครอง การศาสนศึกษา การเผยแผ่ การสาธารณูปการ การสาธารณสงเคราะห์ การศึกษาสงเคราะห์ อะไรประมาณนั้น"

เถรี
22-08-2017, 20:45
"ท้ายสุดก็เลยกลายเป็นว่า ท่านเจ้าคุณวีระเสนอโครงการสอบธรรมศึกษาในชุมชน ปกติแล้วธรรมศึกษาจัดเฉพาะนักเรียนหรือผู้ที่สนใจเท่านั้น แต่ท่านจะเอาโครงการนี้แหย่เข้าไปในชุมชนเลย ในเมื่อความเป็นรูปธรรมมีมากกว่า เขียนเป็นโครงการขึ้นมาเข้าใจได้ง่ายกว่า เลยตกลงว่ายุทธศาสตร์ที่ ๑ กลยุทธ์ที่ ๑ ก็คือ การตั้งสนามสอบธรรมศึกษาในชุมชน ไม่อย่างนั้นอาตมาคงต้องเปิดโรงเรียนสอนอภิญญาไปแล้ว

ในส่วนที่ท่านอาจารย์พระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ เจ้าคณะอำเภอสังขละบุรีว่ามานั้น จริง ๆ แล้วเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงตัวมากที่สุด เพราะญาติโยมจะเกิดศรัทธาก็ต่อเมื่อเจ้าอาวาสแต่ละวัดมีความสามารถอย่างแท้จริง แล้วความสามารถนั้น ส่วนใหญ่ก็ออกไปในด้านเวทมนต์คาถา ฌานสมาบัติ อภิญญา เป็นต้น"

เถรี
22-08-2017, 20:48
"เราจะเห็นว่าในสมัยก่อน ๆ นี้ หลวงพ่อรูปใดขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาส ก็เป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้เลย เพราะท่านศึกษาวิชาต่าง ๆ จากครูบาอาจารย์มา ต่อให้ไม่หลากหลาย มีแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็กลายเป็นที่พึ่งให้ชาวบ้านเขาได้

อย่างหลวงพ่อบางองค์เก่งต่อกระดูกอย่างเดียว แต่ท่านต่อกระดูกเก่งเกินมนุษย์มนา บางคนเข้าไปในวัดก็ยังงง ๆ เพราะว่าไก่มีตีนเป็นเป็ด เป็ดมีตีนเป็นไก่ ท่านทดลองวิชาด้วยการสับขาออกแล้วต่อใหม่ ถ้าต่อไม่ได้นี่เดือดร้อนเลย ...(หัวเราะ)... ยังดีว่ามีการทดลองด้วยการเอากิ่งไม้แห้งมาหักก่อน แล้วว่าคาถาประสานจนกิ่งไม้ติดกันได้ ถึงได้ไปลองกับของจริง

เป็นแค่วิชาเดียวก็ปางตายแล้ว ถ้าเป็นหลาย ๆ อย่างแบบหลวงปู่ปานนี่สาหัสเลย สมัยหลวงปู่ปานบาลีก็ต้องสอน พระเณรเป็นร้อย ๆ มาขอเรียนด้วย รักษาโรคก็ต้องรักษา คนเป็นร้อย ๆ มาทุกวัน ที่อาการหนักก็ค้างอยู่กับวัด วัดก็ต้องเลี้ยงอาหาร ต้องหาที่พักให้

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ถ้าศึกษาไว้บ้างก็จะดี ไม่มีไว้เลยก็ลำบาก ทุกวันนี้ในส่วนของจังหวัดกาญจนบุรี ถึงเวลาเอ่ยถึงเรื่องเกินมนุษย์มนา ส่วนใหญ่เขาจะจิ้มไปที่วัดท่าขนุน อาตมาโดนยกตัวอย่างจนไม่รู้ว่าจะหนีไปไหนแล้ว เพราะว่าในระหว่างพระกับฆราวาสมีศีลห้ามไว้ว่า ห้ามภิกษุอวดอุตริมนุสธรรมต่อฆราวาส แต่ในระหว่างพระด้วยกันไม่มีข้อห้าม เพราะเป็นอุปสัมบัน ผู้มีศีลเสมอกัน ในเมื่อไม่มีข้อห้าม โอกาสที่เขาจะรู้เห็นก็ง่ายกว่า"

เถรี
29-08-2017, 17:37
พระอาจารย์กล่าวว่า "ได้ยินว่า ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๐ นี้ พวกเราจะได้นั่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่เชื่อมต่อกับสถานีเตาปูนแล้ว ถึงแม้ว่าจะสะดวกขึ้นแต่ก็อ้อมไกลอยู่ดี...ใช่ไหม ? บ้านเราทำอะไรไม่ค่อยจะวางแผนล่วงหน้า มีแต่ทำแล้วค่อยมาแก้ปัญหากันทีหลัง

จากการไปทิเบตที่ผ่านมา ได้เห็นสนามบินของจีน หรือว่าสถานีรถไฟ แม้ว่าจะเป็นเมืองที่ไกล ๆ เขาทำไว้รองรับอีก ๒๐ – ๓๐ ปีข้างหน้าทั้งนั้น ทำเผื่อไว้ก่อน ส่วนบ้านเราทำก่อนแล้วค่อยไปขยายทีหลัง แปลว่าวิสัยทัศน์ของเราดีกว่า ที่ดีกว่าเพราะว่าทำครั้งหนึ่งได้ "เงินทอน" ครั้งหนึ่ง ของจีนเขาโง่ไปหน่อย ทำครั้งเดียวก็ได้แค่ครั้งเดียว...!"

เถรี
29-08-2017, 17:39
"ระยะนี้มีคนบ่นด่าสารพัดเรื่อง ก็เป็นธรรมดาว่า ถ้าเรื่องของการงานหรือปากท้องมีปัญหา การเมืองก็จะมีปัญหาไปด้วย เนื่องเพราะว่าพื้นฐานการครองชีพไม่มีความคล่องตัว ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เขาก็ต้องบ่นต้องด่าเป็นธรรมดา

แต่ส่วนใหญ่ผู้ปกครองมักจะอยู่บนหอคอยงาช้าง แบบเดียวกับการปฏิวัติฝรั่งเศส ที่ชาวบ้านมาประท้วงหน้าพระราชวังแวร์ซายน์ว่าไม่มีขนมปังจะกินแล้ว เสียงโวยวายดังมาถึงในวัง พระนางมารีอังตัวเน็ตต์ถาม มหาดเล็กก็กราบทูลให้ทราบว่าชาวบ้านไม่มีขนมปังจะกิน พระนางก็บอกว่า บอกให้ชาวบ้านกินขนมเค้กแทนสิ..!

นั่นก็คือลักษณะของคนที่อยู่บนหอคอยงาช้าง จนกระทั่งมองไม่เห็นคนรากหญ้า ไม่รู้ว่าแม้กระทั่งขนมปังไม่มีกิน แล้วจะเอาอย่างอื่นมากินได้อย่างไร ? อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่ากับชาวบ้านที่หิวโหยเดือดร้อน พอถึงเวลาขึ้นมาก็จะไม่มีใครกลัวใคร เพราะว่าต้องอดตาย ในเมื่อมีความตายเป็นเดิมพัน ก็ไม่มีการเกรงกลัวกันอีกแล้ว"

เถรี
29-08-2017, 17:41
"โดยเฉพาะบ้านเมืองเรา ที่บอกว่าคนดีเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แต่ปรากฏว่าปัญหาทุกอย่างที่จะเข้ามาแก้ไข รู้สึกว่าจะย่ำแย่หนักกว่าสมัยก่อนเสียอีก จนกระทั่งอาตมาเองก็ชักจะกลัวแล้วว่า คำว่า "คนดี" นั้นดีจริงหรือเปล่า ? เพราะแต่ละอย่างที่ทำออกมา ออกกฎหมาย ออกระเบียบปฏิบัติออกมา ทำให้เดือดร้อนไปตาม ๆ กัน ไม่มีการมองล่วงหน้าว่าจะมีผลกระทบอย่างไร

อย่างเช่น การห้ามชาวบ้านนั่งท้ายรถกระบะ การที่นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างต่างด้าวจะโดนปรับในอัตราที่รุนแรงมาก การทำทุกอย่างให้เป็นไปตามระเบียบเป็นเรื่องดี แต่ต้องดูบริบทสังคมของเราด้วยว่าเป็นอย่างไร สังคมบ้านเราไร้ระเบียบมาจนชินแล้ว ในเมื่อไร้ระเบียบมาจนชินแล้ว อยู่ ๆ ไปบีบให้เข้ากรอบ ผลกระทบจึงมีเยอะมาก

ปัจจุบันนี้คนงานพม่าเมื่อกลับประเทศแล้ว ก็มีส่วนน้อยที่จะกลับมา เพราะว่าสมัยก่อนพม่าไม่มีการจ้างงาน แต่ว่าสมัยนี้งานต่าง ๆ เริ่มมีมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ประเทศจีนให้การสนับสนุน ในเมื่อเขารู้สึกว่าอยู่ทางนี้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากขึ้น ไม่คุ้มค่ากับการมาทำงานที่เมืองไทย ก็จะอยู่ทำงานที่บ้านของตัวเอง แม้ว่าเมื่อเทียบแล้วได้เงินน้อยกว่าเมืองไทย แต่ไม่ต้องไปเสียค่าใช้จ่ายเบี้ยบ้ายรายทางต่าง ๆ ถือว่าคุ้มค่ากว่า"

เถรี
29-08-2017, 17:43
"อาตมาเองไปอยู่ทองผาภูมิปีแรก ๆ ประมาณปี ๒๕๓๒ เขามีคติว่าคนทองผาภูมิหรือสังขละบุรี ต้องมี ๓ ม. ม.แรก คือ ค้าไม้ ม.สอง คือ ค้ามอญ ม.สาม คือ ค้าม้า

ช่วงนั้นป่าไม้ยังไม่เข้มงวดมาก จึงมีการลักลอบตัดไม้ จำหน่ายไม้เถื่อนกัน ถึงได้บอกว่าต้องค้าไม้ พอทางบ้านเราเข้มงวด ก็ข้ามไปเอาไม้จากประเทศพม่าเข้ามา ก็ยังเป็นการค้าไม้อยู่ดี หลังจากนั้นก็เป็นการค้ามอญ คือเอาแรงงานต่างด้าวที่ส่วนใหญ่เป็นมอญเป็นพม่าเข้าเมืองไทยมา เพราะว่ารายได้ดีมาก

ถ้าถามว่าดีขนาดไหน ? แค่พาผ่านด่านเข้าเมืองไทย คนละ ๔,๐๐๐ บาท ถามว่าเข้ามาแค่ด่านแล้วจะไปต่ออย่างไร ? เขาบอกว่าจะมีตำรวจมารับ ตำรวจมารับจ่ายคนละ ๘,๐๐๐ บาท ส่งถึงมหาชัย แปลว่าเข้าประเทศไทยเรามามีค่าใช้จ่ายประมาณ ๑๒,๐๐๐ บาท ก็จะไปถึงแหล่งทำงาน ถ้าหากว่าไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร เถ้าแก่จ่ายให้ก่อน แล้วค่อยทำงานผ่อนส่งก็ได้

ประการสุดท้ายคือค้าม้า ซึ่งก็คือยาบ้าในสมัยนี้ สมัยนั้นเรียกว่ายาม้า รับเข้ามาขายในเมืองไทย ตอนนั้นเม็ดหนึ่งยังแค่ ๑๐ สลึง ๓ บาท แต่พอเข้าเมืองไทยมาเป็นเม็ดหนึ่ง ๒๐ – ๓๐ บาท สมัยนี้คงจะเม็ดละเป็นร้อยแล้ว"

เถรี
29-08-2017, 17:45
"เราจะเห็นว่าบ้านเรานั้น ความไร้ระเบียบ การคอรัปชั่น มีตั้งแต่ปลายน้ำไปจนถึงต้นน้ำ เป็นเรื่องที่แก้ไขยากมาก รัฐบาล คสช. เข้ามาด้วยความหวังดี ปรารถนาดี แต่ว่าคนเราที่เคยชินกับการไร้ระเบียบ อยู่ ๆ ไปโดนกระตุกให้มีระเบียบก็รับกันได้ยาก โดยเฉพาะพ่อค้า รัฐบาลไหนมาก็ไม่มีปัญหา เพราะพ่อค้ามั่นใจว่าเงินซื้อได้ทุกที่

บ้านเรากฎหมายบ้านเมืองทุกอย่างบังคับได้แต่คนจน คนจนจะกลัวกฎหมายบ้านเมือง ส่วนคนรวยไม่กลัว จนกระทั่งมีคนพูดกันว่า ถ้าเจอตำรวจแล้วมีปัญหาให้ตะโกนว่า "กูรวยนะ" แล้วเรื่องจะจบ ถ้าภาพพจน์อย่างนี้ออกไปถึงต่างประเทศ จะเป็นภาพพจน์ที่เลวร้ายมาก

ประเทศญี่ปุ่นวางแผนเรื่องจริยธรรมมา ๔๐ กว่าปี ฝึกอบรมตั้งแต่เด็กอนุบาล จนกระทั่งทุกวันนี้เกิดดอกออกผล เพราะว่าคนญี่ปุ่นมีจริยธรรมและจิตสำนึกเพื่อส่วนรวมสูงมาก ส่วนบ้านเราไม่มีการจัดการในด้านนี้

ที่แน่ ๆ ก็คือการเลี้ยงลูกแบบลูกเทวดา ต้องการอะไรต้องได้ เด็ก ๆ ก็จะเคยชินกับการที่ถึงเวลาอยากได้อะไรแล้วต้องได้ พ่อแม่ต้องหามาให้ ในเมื่อไม่มีระเบียบเสียตั้งแต่เล็ก บังคับลูกไม่ได้ตั้งแต่เล็ก โตขึ้นก็เป็นไม้แก่ดัดยาก ถ้าจะแก้ไขต้องรื้อระบบตั้งแต่ในบ้าน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยมมาเลย"

เถรี
29-08-2017, 19:50
พระอาจารย์กล่าวว่า "มั่นใจเลยว่า พวกเราไม่ได้อยู่ในวงการพระเครื่องหรือในวงการเครื่องรางของขลัง เพราะว่าของบางอย่างลงในกระทู้ไปแล้ว ไม่รู้จักกันเลย อย่างเหรียญหล่อนางกวัก หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม คนที่มีนี่ขนาดเอาปืนจี้ยังไม่ยอมให้เลย แต่พอลงเว็บแล้วไม่มีใครรู้จัก ปล่อยทิ้งอยู่อย่างนั้น

เหรียญหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ถ้าไม่ใช่เหรียญรูปท่านที่ติด ๑ ในเบญจภาคีเหรียญแล้ว เขาจะหาเหรียญหล่ออรุณเทพบุตรหรือเหรียญหล่อนางกวักกันทั้งนั้น"

เถรี
29-08-2017, 19:51
พระอาจารย์กล่าวว่า "รูปหลวงปู่จันทร์ วัดตาเจีย ที่โด่งดังขึ้นมา เพราะว่าหลวงพ่อเดินหนท่านไปปลุกเสกเอง แล้วคนที่ได้เจอท่านเต็ม ๆ ก็ในงานนั้นแหละ อาตมาเองก็เหลืออยู่ แค่ ๒ รูป เอาไว้ปลายปีมีอารมณ์แล้วค่อยเอามาลงใหม่ ขอให้เลยกฐินปลดหนี้ไปก่อน"

ถาม : ท่านมาแบบกายเนื้อหรือครับ ?
ตอบ : กายเนื้อหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? แต่คนเห็นกันทั้งงาน ตอนแรกก็ได้แต่สงสัยว่า หลวงปู่องค์นี้มาจากไหน ? ทั้งสูงทั้งใหญ่แบบนี้

เถรี
30-08-2017, 09:53
ถาม : มีการไหว้ราหูช่วงที่ผ่านมา หนูสงสัยว่าทำไมต้องเป็นของดำ ใครเขากำหนดมา ?
ตอบ : พวกอาจารย์โหราศาสตร์เขากำหนดมา ของดำหายากจะตาย

ถาม : เราควรจะทาสีดำตามเขาไหมคะ ?
ตอบ : ก็ควรจะเป็นของดำตามเขานั่นแหละ

ถาม : ใครเป็นคนกำหนดว่าต้องเป็นของดำ ?
ตอบ : ราหูเป็นตัวแทนของเงามืด เขาเลยเอาอะไรที่ดำ ๆ

ถาม : มีเทพเจ้าชื่ออสุรินทราหู ?
ตอบ : อสุรินทราหูเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ที่ไหว้ส่วนใหญ่เขาไหว้เทวดาชั้นจาตุมหาราช ที่ทำหน้าที่เป็นเทวดานพเคราะห์เท่านั้น

ถาม : แล้วหนูต้องไหว้ของดำตามเขาไหมคะ ?
ตอบ : ใช้ตามเขาจะได้ไม่โดนด่า ไม่อย่างนั้นเขาว่าเราบ้าอยู่คนเดียว

ถาม : ต้องจุดธูปกลางแจ้งไหมคะ ?
ตอบ : เขานิยมอย่างไรก็ทำตามเขาไป จะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้าน

เถรี
30-08-2017, 09:58
ถาม : ผมฝึกสมาธิได้ถึงฌาน ๔ แล้ว ต้องทำอย่างไรต่อบ้างครับ ?
ตอบ : จริง ๆ ถ้าถึงระดับนั้นแล้วซักซ้อมให้คล่องตัว จนสามารถเข้าถึงทุกเวลาที่ต้องการ

ถาม : แล้วเราต้องไล่ฌาน ๑ - ๒ - ๓ ไหมครับ หรือเข้าได้เลย เพื่อมาวิปัสสนา ?
ตอบ : ก็แค่ลดกำลังลงมาให้พิจารณาได้ แล้วก็เริ่มพิจารณาทุกอย่างให้เห็นว่าไม่เที่ยง เห็นว่าเป็นทุกข์ เห็นว่าไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา

ถาม : ลดลงมาแค่ไหนครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ให้มากนักก็แค่รู้ลมหายใจเข้าออกตลอด ๓ ฐานก็พอ ถ้ามากกว่านั้นเดี๋ยวหลุด ทำได้แล้วสำคัญตรงซักซ้อมการเข้าออกให้คล่องไว้ จะได้ช่วยระวังกิเลสได้ทัน ถ้าเข้าไม่ทันกิเลสมาก็โดนตีหัวแตก

เถรี
30-08-2017, 10:09
ถาม : กำลังของผม ถ้าจะฝึกมโนมยิทธิต่อจะเห็นไหมครับ ?
ตอบ : กำลังคุณเกินมโนมยิทธิไปแล้ว ถ้าจะฝึกต้องลดกำลังลงมา คือสามารถฝึกได้ เพียงแต่ว่าถ้าไปรวบรัดเรื่องตัดกิเลสจะดีกว่า

ถาม : หรือควรฝึกเพื่อละกิเลสมากกว่า ?
ตอบ : เราฝึกเพื่ออะไร ? พระพุทธเจ้าพยายามแนะนำให้เราเข้าถึงความพ้นทุกข์ คราวนี้พอทำมาถึงตรงนี้แล้วจะอยู่เฉย ๆ ก็ตามใจ เขามีแต่หนีไปเร็วเท่าไรก็ดีเท่านั้น รีบ ๆ ตัดกิเลสให้ได้ก่อน

ที่เมื่อคืนบอกว่า พวกเราส่วนใหญ่ปฏิบัติธรรมเหมือนกับคนมีเวลามาก ทั้ง ๆ ที่ความตายอยู่แค่ลมหายใจเข้าออก ก็ยังอยากทำโน่นอยากทำนี่ ควรที่จะเร่งรัดตัดกิเลสเพื่อเอาตัวเองให้พ้นจากวัฏสงสารกลับไม่ทำ

เถรี
30-08-2017, 19:32
ถาม : ลักษณะที่หลงระเริง ถือว่าปรามาสพระรัตนตรัยไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าคิดอย่างนั้นก็ปรามาสทุกคนนั่นแหละ ต้องบอกว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ คือมีความเห็นผิด เรื่องแบบนี้ต้องให้คิดได้เอง ถ้ายังไม่เบื่อ ไม่เข็ด คนอื่นแนะนำอย่างไรก็ไม่ฟัง ก็ยังทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยจนกว่าจะคิดได้เอง ตัดสินใจได้เอง หรือเกิดความเข็ดกับความทุกข์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าอย่างนั้นก็จะรีบเลี้ยวเข้าทางตรง แล้วก็จะไปเสียดายเวลาว่า เราไม่น่าจะปล่อยไว้นานขนาดนี้เลย

เรื่องของการก้าวพ้นจากกองทุกข์เป็นเรื่องยาก เหมือนอย่างกับการสร้างกำแพงเมืองจีนจะให้เสร็จ ต้องรีบสร้าง ไม่ใช่ทำเสร็จท่อนหนึ่งแล้วก็นั่งเอกเขนกฉลองกัน ...(หัวเราะ)...

เถรี
30-08-2017, 19:50
ถาม : พระอาจารย์เคยไปทะเลเจดีย์พม่าแล้วยังครับ ?
ตอบ : ไปมา ๗-๘ ครั้งแล้ว

ถาม : เขาสร้างทำไมตั้งเยอะแยะครับ ?
ตอบ : เขาอยากได้บุญ พม่ามีค่านิยมสร้างเจดีย์เหมือนกับที่บ้านเราสร้างพระพุทธรูป เพราะคำว่า เจติยะ แปลว่า เครื่องระลึกถึง พระพุทธรูปจัดเป็นเจดีย์อย่างหนึ่ง เรียกว่า อุเทสิกเจดีย์ พม่าเขาจึงนิยมสร้างเป็นเจดีย์ ไม่ได้สร้างเป็นพระแบบบ้านเรา แล้วพระเจ้าแผ่นดินท่านไม่หวง ถึงเวลาใครจะสร้างก็ได้ ไม่ถือว่าเป็นการแข่งบุญแข่งบารมี

ในเมื่อเปิดโอกาสให้เขาก็แห่สร้างกันเต็มเลย บรรดาเชื้อพระวงศ์หรือเจ้าประเทศราช ที่มีกำลังถึง มีทุนทรัพย์ถึง ก็สร้างกันใหญ่โตมโหฬาร บรรดาเจดีย์อย่างอนันดา สุรมณี ธรรมยันจี พวกนี้เหมือนอย่างกับเมืองหนึ่งเลย จะมีกำแพงเมือง มีประตูเมือง ๔ ทิศ กว่าจะเข้าถึงเจดีย์ได้

นั่นเป็นสาหตุหนึ่งที่ทำให้พุกามกลายเป็นพื้นที่กึ่งทะเลทราย เพราะว่าขุดดินไปปั้นอิฐสร้างเจดีย์ จนหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ไม่มีเหลือ แล้วยังตัดต้นไม้ไปเผาอิฐอีก จึงไม่เหลืออะไรเลย ปัจจุบันนี้ที่เหลือก็แต่ต้นไม้หนามไม่กี่ต้น แล้วก็อาจจะมีนาข้าวบ้าง

ศรัทธาทำให้คนสร้างทะเลเจดีย์หรือสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมา อย่างปิรามิด คำสั่งเจ้านาย...ลองไม่ทำดูสิ เจ้านายมีศรัทธาจะสร้าง ของจีนตอนนี้เขาก็รอเปิดสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ความจริงเขาค้นพบมานานมากแล้ว แต่ยังไม่เปิด เพราะยังไม่มั่นใจเทคโนโลยีที่มีอยู่ว่าจะรักษาสภาพไว้ได้หรือเปล่า

เถรี
30-08-2017, 20:14
ถาม : ทำไมเขาจึงบอกว่าไม่ควรดูสุริยุปราคา ?
ตอบ : ก็เห็นเขาแย่งไปดูกัน

ถาม : แล้วเรื่องการห้ามดูสุริยุปราคานี่เชื่อถือได้ไหมคะ ?
ตอบ : ในความเป็นจริงเราต้องเชื่อกรรม สิ่งที่เชื่อถือมาแต่โบราณบางอย่างก็พิสูจน์ได้ว่าไม่จริง บางอย่างที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าอย่าไปลบหลู่ แต่เรื่องดูสุริยคราสนี่คงจะใช้กับสายวัดศีรษะทองไม่ได้ วัดนั้นสร้างราหู ต้องดูเวลาสุริยคราสหรือจันทรคราส ถึงเวลาแล้วก็จารอักขระ ฤกษ์ตามตำรามีอยู่แค่หน่อยเดียวว่า พอคราสเริ่มคลายตัวก็เริ่มจาร พอคราสพ้นไปก็เลิก คือถือเคล็ดในลักษณะกลับร้ายให้กลายเป็นดี

เถรี
01-09-2017, 08:54
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยอาตมายังเด็กอยู่ ก็น่าจะสัก ๕๐ ปีที่แล้ว มีความเชื่อกันว่า คนที่จะแต่งงานกันได้ ต้องเคยทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกันมา ถ้าไม่เคยทำอย่างนั้นจะไม่มีโอกาสเกิดมาเป็นคู่กัน

ฉะนั้น...สมัยก่อนหรือแม้กระทั่งปัจจุบันนี้ก็ตาม ถ้ามีพิธีสงฆ์ก็จะตักบาตรพร้อมกัน แล้วก็จะมีรายการว่าใครจะจับทัพพีข้างบนใครจะจับข้างล่าง เขาถือว่าถ้าใครจับทัพพีด้านบน คนจับด้านล่างต้องเป็นผู้ตาม

บางรายนี้ญาติพี่น้องแทบจะวางมวยกัน เพราะว่าเชียร์ให้ฝ่ายสามีหรือภรรยาจับด้านบน อีกครอบครัวหนึ่งก็จะไม่พอใจ เหมือนอย่างกับตั้งใจว่าจะข่มเหงรังแกลูกของเขา"

เถรี
01-09-2017, 08:56
"แม้แต่ปัจจุบันนี้ ที่ทองผาภูมิมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่ใส่บาตรร่วมกันทุกวัน อาตมาบิณฑบาตที่ทองผาภูมิมาก็เป็นสิบปี สามีภรรยาคู่นี้ก็ใส่บาตรด้วยกันมาตลอด จนกระทั่งวัยเลยเกษียณมาหลายปีแล้ว ถึงเวลาก็จับขันข้าวพร้อมกัน จับทัพพีพร้อมกัน

ในสมัยก่อนเขาว่าบุพเพสันนิวาส คือการอยู่ร่วมกันแต่ปางก่อน จะเป็นสาเหตุให้เราเกิดมาคู่กันในชาตินี้ พอมาช่วงอาตมาเรียนหนังสือตอนประถมปลาย ชาย เมืองสิงห์ ก็ร้องเพลงที่ว่า “ชาติก่อนเราเพียง คู่เคียง เด็ดดอกไม้ร่วมต้น แต่ว่าเราสองคน ไม่สนใจ ใส่บาตรร่วมขัน” เกิดมาชาตินี้ก็เลยผิดหวัง ได้เจอหน้ากันเฉย ๆ ไม่ได้แต่งงานกัน ก็เลยยิ่งตอกย้ำความเชื่อนี้เข้าไปใหญ่"

เถรี
01-09-2017, 08:59
"ความจริงการเกิดมาเป็นคู่กันนั้น ในบาลี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามี ๒ ประเภท ประเภทที่ ๑ ท่านบอกว่า บุพเพสันนิวาส คือเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติก่อน บาลีท่านว่า ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ประเภทที่ ๒ ท่านว่าเกื้อกูลกันในปัจจุบันนี้จนเห็นอกเห็นใจกัน บาลีว่า ปจฺจุปนฺน หิเตน วา

ดังนั้น...ที่ใครเกิดมาแล้วบอกว่าอาภัพคู่ ไม่มีเนื้อคู่ ไม่จริงหรอก คำว่าไม่มีเนื้อคู่ หมายความว่าไม่มีคนที่สร้างบุญสร้างกรรมร่วมกันมาแต่ชาติก่อน ๆ แต่ก็ยังมี ปจฺจุปปนฺนหิเตน วา คือเกื้อกูลสร้างประโยชน์ให้แก่กันและกันในชาติปัจจุบันนี้

ท่านบอกว่า เอวนฺตํ ชายเต เปมํ ถ้าหากว่าอย่างนี้แล้วความรักก็จะเกิดขึ้น อุปฺปลํว ยโถทเก เหมือนอย่างกับดอกบัวกับน้ำที่ขาดกันไม่ได้ อย่างในธรรมบทที่ลูกเศรษฐีหนีตามนายพรานกุกกุฏมิตรไป นายพรานเป็นพรานล่าเนื้อ ๒-๓ วัน ก็แบกเนื้อเข้าเมืองมาขายทีหนึ่ง บังเอิญวันนั้นลูกสาวเศรษฐีอยู่ที่ปราสาทชั้น ๗ มองทางหน้าต่างลงไปเห็นเข้า เกิดความรักขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพราะว่าเป็นบุพเพสันนิวาส คือเคยเป็นคู่กันมาแต่ปางก่อน จึงแอบหนีตามกันไปเลย

แต่สมัยนี้ไม่มีโอกาสมองลงมาจากปราสาทชั้นที่ ๗ เห็นแค่ไลน์หากันก็หนีตามกันไปเยอะแล้ว...!"

เถรี
01-09-2017, 09:01
พระอาจารย์กล่าวว่า "ชาวอุตรกุรุทวีปอยู่ด้วยแรงบุญ หลายอย่างเหมือนกับเทวดานางฟ้า อย่างเช่นว่าจะกินข้าวก็แค่เอาข้าวสารมาใส่หม้อ ใส่น้ำลงไปแล้ววางบนแก้วมณี ข้าวจะสุก นุ่ม หอม พอดีกิน ข้าวก็เป็นข้าวไม่มีเปลือก คือไม่มีแกลบ เป็นเม็ดข้าวสารเลย

พวกเราหลายคนก็มีบุญคล้าย ๆ ชาวอุตรกุรุทวีป เกิดมาข้าวเปลือกหน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่เคยเห็น เห็นแต่ข้าวสาร ถึงเวลาเอาใส่หม้อไฟฟ้า เติมน้ำแล้วกดปุ่มอย่างเดียว แสดงว่าบุญใกล้เคียงกันแล้ว แต่อย่าลืมกดปุ่มด้วย...! เพราะว่าอาตมาเคยได้รับนิมนต์ไปที่บ้านหนึ่งที่ด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี พอสวดมนต์เสร็จสรรพก็ประมาณ ๑๑.๑๐ น. โยมก็ยกอาหารมาประเคน พอเปิดหม้อข้าวร้อง "อุ๊ยตาย...!" ยังเป็นข้าวสารกับน้ำอยู่เลย เสียบปลั๊กแล้วลืมกดปุ่ม ต้องเสียเวลารอไปอีก ๒๐ นาที

ยังโชคดีว่าอาตมาเป็นคนฉันเร็ว มีเวลาครึ่งชั่วโมงนี่ฉันได้เต็มอิ่ม ก็เลยไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ถ้าเป็นพระที่ท่านฉันช้านี่คงจะมีปัญหาอย่างแน่นอน"

เถรี
01-09-2017, 09:02
พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือของอาตมาที่เป็นหนังสือธรรมะจริง ๆ ไม่ค่อยมี เหตุที่ไม่ค่อยมีก็เพราะว่า คนสมัยนี้อ่านธรรมะตรง ๆ ก็สลบกันหมด จึงเป็นอะไรที่เขียนเล่นเสียส่วนใหญ่"

เถรี
01-09-2017, 09:04
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ต้องบอกว่ายืดเยื้อยาวนานมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่จบ สาเหตุเกิดจากความโลภของคนเท่านั้น อาตมานึกถึงหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านสั่งไว้ว่า ถ้าแกไปอยู่ที่ไหนก็ตาม เมื่อตั้งกรรมการวัด ต้องตั้งพระให้มีจำนวนมากกว่าฆราวาส ไม่อย่างนั้นแล้วฆราวาสจะมาทำตัวมีอำนาจเหนือพระ ท่านบอกว่าไม่ว่าวัดไหน ๆ ก็ตาม คนใกล้วัดมักจะพยายามเข้ามาควบคุมพระ โดยเฉพาะควบคุมบัญชีการเงินของวัด

ส่วนวัดของอาตมานั้นไม่ให้กรรมการวัดมีอำนาจอะไรเลย แม้กระทั่งขอให้บอกบุญเรี่ยไรก็ไม่มี เพราะออกกฎของวัดไว้ว่า ห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร กฐินผ้าป่าก็ห้ามไปหา เพราะว่ามีคนเคยเอาผ้าป่ามาทอดโดยที่ไม่ได้ขออาตมาไว้ก่อน เลยไล่ให้เขาไปทอดที่วัดอื่น โดนเข้าไปครั้งเดียวก็เข็ดกันหมด

ในเมื่อไม่ให้เขามายุ่งเกี่ยวกับการเงินของวัด ก็ไม่สามารถที่จะมาอ้างอะไรได้ทั้งสิ้น ฉะนั้น...กรรมการวัดของอาตมามีหน้าที่อย่างเดียวว่า ถึงเวลามาฟังว่าอาตมาทำอะไรบ้าง แล้วติดหนี้อยู่เท่าไร...เท่านั้นเอง”

เถรี
04-09-2017, 18:50
ถาม : หนูอ่านเจอคำว่า สัมปรายภพ เขาแปลว่าภพหน้า หมายถึงนิพพานหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่...หมายถึงว่าตายแล้วเราไปเกิดที่ไหน ตรงนั้นเรียกว่าสัมปรายภพ ก็คือจะเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ เป็นภพที่ต่างจากปัจจุบันนี้ เขาเรียกว่าสัมปรายภพ ถ้าสามารถไปถึงพระนิพพานได้ ก็ถือว่าเป็นสัมปรายภพที่สุดยอดมาก

เถรี
04-09-2017, 18:53
ถาม : ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า ตอนตายท่านให้เจาะที่ส้นเท้าแล้วปรอทไหลออกมาเป็นสองกิโล ?
ตอบ : แล้วทำไม ? อยากได้อย่างนั้นบ้าง ? ถ้าไม่เอาออกตายแล้วจะไม่เน่า

ถาม : เป็นจริงหรือครับ ?
ตอบ : พวกนี้เขาเล่นไสยศาสตร์ของการทำปรอทสำเร็จ

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : นับสายวิชาเขาบอกว่ามี ๑๐๘ อยากเรียนให้ครบไหมเล่า ?

เถรี
04-09-2017, 18:54
ถาม : ถ้าเกิดปฏิบัติควรจะไปทางไหนคะ ตอนนี้ทำไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะนึกภาพพระ ลมหายใจ ฟังเทศน์ หรืออะไรคะ ?
ตอบ : การภาวนาจะให้ได้ผลต้องจับลมหายใจควบกันไปด้วย จะจับลมหายใจภาวนาแล้วนึกถึงภาพพระ หรือจะจับลมหายใจแล้วฟังเทศน์ก็แล้วแต่สะดวก

ถาม : ทำพร้อมกันทั้งหมดได้ ?
ตอบ : ทำอะไรก็ได้แต่ว่าอย่าทิ้งลมหายใจ

ถาม : ถ้าเราไม่สามารถจะกำหนดลมหายใจสามฐานได้ ?
ตอบ : เอาฐานเดียวก็ได้

เถรี
04-09-2017, 19:00
ถาม : การที่เรายิ้มช่วยในการปฏิบัติธรรมไหมครับ ?
ตอบ : อาจจะมีคนว่าบ้าก็ได้...! คนที่จะยิ้มได้ต้องมีความยินดีหรือมีความสุข บุคคลที่ยิ้มได้อยู่เรื่อย ๆ แสดงว่าสภาพจิตมีความสุขมากกว่า แสดงว่าใจเขาอยู่กับความสุข ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากการปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ได้ หรือเกิดขึ้นจากยินดีในสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ได้ ฉะนั้น...ยืนยันชัดไม่ได้ว่าการยิ้มช่วยในการปฏิบัติธรรมหรือเปล่า

ถาม : ถ้าเกิดในใจเรากำลังหมองอยู่ เราฝืนยิ้มจะช่วยไหมครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าหน้าชื่นอกตรม..!

เถรี
04-09-2017, 19:03
ถาม : ความรู้สึกอบอุ่นที่เราได้จากคนที่เรารัก เป็น...?
ตอบ : เป็นกิเลสใหญ่ในส่วนของราคะ

ถาม : ถ้าเปลี่ยนจากแฟนเป็นพ่อแม่ ที่เรารู้สึกอบอุ่นด้วย อย่างนี้ก็เป็นกิเลสหรือครับ ?
ตอบ : เป็นเหมือนกัน เพราะทำให้ยึดติด

ถาม : ทำอย่างไรจึงจะให้เป็นกำลังใจโดยไม่ยึดล่ะครับ ?
ตอบ : ก็อย่ายึด ยึดเมื่อไรก็อยาก อยากเมื่อไรก็ต้องการอีก ต้องการอีกก็แปลว่ากิเลสท่วมหัวแล้ว..!

เถรี
04-09-2017, 19:08
ถาม : ปกติคู่ครองควรมี ศีล สมาธิ ปัญญา เหมือน ๆ กัน ถ้าสมมติอีกคนเห็นว่าการถือศีลเป็นสิ่งที่ดี เขาเองก็ถือบ้างไม่ถือบ้าง อย่างนี้ถือว่าเสมอกันได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเสมอกันก็ต้องถือเหมือนกัน ไม่ใช่ถือบ้างไม่ถือบ้าง ต้องบอกว่ายังพอมีศีลอยู่บ้าง แต่ยังไม่เสมอกัน

เถรี
04-09-2017, 19:12
ถาม : ถ้าเราไปปฏิบัติธรรมตามสถานที่ที่มีสัตว์เยอะ ๆ ในชนบท มีมด มีสัตว์ตามพื้นเยอะ ๆ เราเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากไปปฏิบัติ เพราะว่ายาก ต้องใช้ความพยายามในการที่จะไม่เดินไปเหยียบหรือฆ่าเขา เป็นความรู้สึกที่เหมาะสมไหมครับ ?
ตอบ : อาจจะเป็นกิเลสมารมาหลอก เพราะกลัวว่าเราจะไปเร็วก็ได้

ถาม : แต่โอกาสเหยียบก็สูงนะครับ ?
ตอบ : ก็นั่งเฉย ๆ สิวะ..!

เถรี
04-09-2017, 19:13
ถาม : การเล่นกีฬา ถ้าเราทำหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน จะทำให้สมาธิเราไม่ลึกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : การเล่นกีฬาถ้าสมาธิทรงตัวจะขยับได้ยาก แล้วจะไปเล่นอีท่าไหน ?

ถาม : ขยับยากกับลึกเหมือนกันไหมครับ ?
ตอบ : ยิ่งลึกก็ยิ่งขยับยาก

เถรี
04-09-2017, 19:17
ถาม : ความรู้สึกติดกับการไม่ได้ดั่งใจ พยายามสร้างให้ได้ดั่งใจ เป็นกิเลสไหมครับ ?
ตอบ : เป็นความโง่สุด ๆ โลกนี้มีอะไรได้อย่างใจบ้าง ถ้าทุกอย่างได้อย่างใจแล้วเราจะทุกข์ไหม ?

เถรี
04-09-2017, 19:23
ถาม : คำว่า "ภาพ นิมิต กสิณ" คืออย่างเดียวกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : กสิณเป็นภาพที่เราตั้งใจที่เราจะพิจารณา ส่วนภาพนั้นจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ นิมิตคือสิ่งเกิดขึ้นเองก็ได้ หรือเกิดขึ้นตามกองกสิณก็ได้ แล้วแต่สภาพจิตของเรา

ถาม : สมมติผมจับภาพกาแฟแก้วหนึ่งลึก ๆ จะเป็นกสิณไหมครับ ?
ตอบ : แล้วจะเป็นกสิณอะไร ? ต้องบอกว่าเป็นแค่ลักษณะ "เหมือนกับเพ่งกสิณ"

ถาม : พูดง่าย ๆ ว่ากสิณ ต้องเป็นภาพ ๑๐ อย่างที่เป็นกองกสิณใช่ไหมครับ ?
ตอบ : คำว่ากสิณ แปลว่า การเพ่ง ตั้งใจเพ่งดูอะไรเป็นกสิณทั้งหมด แต่กสิณในความหมายของเราก็คือกสิณทั้ง ๑๐ ตามกองกรรมฐาน

เถรี
04-09-2017, 19:27
ถาม : ถ้ามีบทสวดมนต์หนึ่ง โดยไม่ต้องสนใจว่าเป็นบทอะไรของฝ่ายไหน แต่ว่ามีคนบอกว่า สวดแล้วได้ผลทางโลกเยอะมาก แต่จะโดนเอาคืนหนักมาก มีบทสวดแบบนี้ด้วยหรือครับ ?
ตอบ : ไปลองทำดู

ถาม : ผมไม่กล้าทำ ?
ตอบ : ไม่กล้าทำแล้วมาถามทำซากอะไร ? ตูก็ไม่เคยทำ แล้วจะตอบได้ไหม ? สงสัยอะไรเขาให้ลงมือทำเพื่อหาคำตอบ ไม่ใช่ไปเที่ยวถามคนอื่น

เถรี
04-09-2017, 19:31
ถาม : การที่เราพยายามยอมรับความเป็นธรรมดา เช่น มีได้ก็ต้องไม่มีได้ มีถูกใจก็ต้องมีไม่ถูกใจ การคิดลักษณะแบบนี้ถือเป็นการยอมรับกฎธรรมดาหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถือว่าเป็นปัญญาขั้นต้น

ถาม : อย่างนี้ถ้าทำบ่อย ๆ ?
ตอบ : ปัญญาก็จะค่อย ๆ ละเอียดขึ้น การยอมรับก็จะมีมากขึ้น

เถรี
04-09-2017, 19:33
ถาม : การทำงานสาธารณประโยชน์ ช่วยให้เราก้าวหน้าทางธรรมได้ ?
ตอบ : อย่างน้อยทานบารมีก็มากขึ้น จาคานุสติก็มากขึ้น ตัวโลภก็น้อยลง

เถรี
04-09-2017, 19:37
ถาม : การถือศีล ถ้าเราตั้งใจถือศีลเป็นปกติ แต่เราไม่ได้สมาทานศีล ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ศีลอยู่ที่การงดเว้น ถ้าไม่ตั้งใจงดเว้น สมาทานให้ตายก็ไม่เป็นศีล

ถาม : ไม่ได้เกี่ยวว่าการสมาทานศีลทำให้อานิสงส์เพิ่มขึ้น ?
ตอบ : ถ้าหากไม่ตั้งใจรักษา ไม่ตั้งใจงดเว้น สมาทานมากเท่าไรก็ไร้ประโยชน์

เถรี
04-09-2017, 19:38
ถาม : การที่เราสมาทานแล้วเราก็หลับ ไม่ได้ทำผิดศีล ก็ถือว่าได้อานิสงส์ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจว่าเราจะรักษา หลับไปก็ไม่เป็นไร มีอานิสงส์เหมือนกัน

ถาม : รักษาศีลเหมือนกัน คนหนึ่งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่รักษายากกว่า อีกคนหนึ่งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่รักษาศีลได้ง่ายกว่า ผลเท่ากันไหมครับ ?
ตอบ : ผู้ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่รักษายากกว่า กำลังบารมีจะเข้มแข็งกว่า ส่วนของเราสมาทานแล้วหลับลูกเดียวนี่ โอกาสที่จะละเมิดศีลมีสูงมาก เพราะว่ายังไม่เจอของจริง

เถรี
04-09-2017, 19:43
ถาม : ถ้าเราจะเอาลูกแก้วมณีรัตนะเป็นอารมณ์ภาวนา เราจะทำอย่างไรได้บ้าง ?
ตอบ : จะเอาก็เริ่มเลย

ถาม : ก็คือนึกถึงลูกแก้วอย่างเดียว หรือนึกถึงเนื้อในลูกแก้ว แล้วอย่างไรต่อครับ ?
ตอบ : ไปเปิดดูตำราฝึกกสิณเล่มไหนก็ได้ แล้วทำตามนั้นเลย

เถรี
04-09-2017, 19:47
ถาม : การอธิษฐานครั้งเดียว กับอธิษฐานซ้ำทับ ในเรื่องที่เราต้องการ ?
ตอบ : ถ้ามีความมั่นใจก็อธิษฐานครั้งเดียว แสดงว่าอธิษฐานบารมีมั่นคงแล้ว ถ้าประเภทซ้ำแล้วซ้ำอีกอาจจะขาดความมั่นใจก็ได้

เถรี
04-09-2017, 19:49
ถาม : ศิลปะในการครองคู่ควรจะทำอย่างไรครับ ? ผมเคยอ่านเจอเขาบอกให้เราเอาใจใส่ ดูแลเขามาก ๆ ทุ่มเทเขาดี ๆ ?
ตอบ : ปรับเปลี่ยนตามสภาพเฉพาะหน้า ไม่ใช่ตามใจอย่างเดียว ถ้าอ้อนตีนอยู่ตลอดจะไปตามใจได้อย่างไร ? เคยได้ยินคำว่า "เสียหมา" ไหม ? ตามใจอย่างเดียวก็เสียหมาหมด ไปเปิดพระไตรปิฎกดูเรื่องทิศ ๖ การปฏิบัติต่อสามีภรรยาทำอย่างไรจะมีบอกอยู่แล้ว

เถรี
04-09-2017, 20:07
ถาม : เวลาเรากำลังใจตกสุด ๆ เราร้องไห้ต่อหน้าพระ กำลังใจห่วยแตกไหมครับ ?
ตอบ : ตายตอนนั้นก็ลงอบายภูมิเหมือนกัน เพราะว่าใจเศร้าหมอง

ถาม : แล้วพระจะไม่ช่วยเลยหรือครับ ?
ตอบ : ก็เห็นท่านนั่งเฉย ๆ...! คนร้องไห้แสดงว่าสภาพจิตต้องหมองสุด ๆ อยู่แล้ว ดันทะลึ่งจะหวังไปสุคติ

ถาม : เราก็ต้องระมัดระวังให้เราจัดการขันธ์ ๕ หรือขันธ์ ๑๐ ขันธ์ ๒๐ ให้กำลังใจไม่เศร้าหมองใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ทำอย่างไรก็ได้ อย่าให้ใจหมองก็พอ

เถรี
04-09-2017, 20:10
ถาม : จากที่เคยมีความรู้สึกว่า เราขาดอะไรที่จะไปช่วยคนอื่นเยอะ กลายเป็นว่าตัวเรากำลังจะไม่มีอะไรเลย อย่างนี้เราจะแก้จิตหมองอย่างไรครับ ?
ตอบ : แล้วจะหมองไปทำไม ? ไปอ่านประวัติของอาม่าคนหนึ่งชาวไต้หวัน ทำอาหารเลี้ยงคนมา ๓๐ กว่าปี แกขายข้าวแกงจานละ ๑๐ เหรียญ แต่ที่ลงทุนไปเกินกว่านั้นมาก ก่อนตายแกมีหนี้อยู่สองล้านห้าแสนเหรียญ แต่พอแกตายไป พวงหรีดที่มางานศพแกยาวเกือบ ๒ กิโลเมตร ควรทำใจแบบอาม่า คือขอกูให้ได้ทำเท่านั้น อะไรจะเกิดขึ้นก็ช่างมัน

ถาม : ถ้าจะเอาศิลปะในการใช้ชีวิตเบื้องต้น คิดอย่างไรให้ไม่หมองบ้างครับ ?
ตอบ : ก็คิดว่าทุกอย่างเป็นธรรมดา

ถาม : ธรรมดาแบบไหนครับ ?
ตอบ : ธรรมดาของโลกนี้มีขึ้นมีลง ตอนนี้จะลงก็ช่างหัวมัน สักวันก็ต้องขึ้นอยู่ดี

เถรี
04-09-2017, 20:11
ถาม : เป็นไปได้ไหมครับ การที่เราเจ็บเข่าเพราะกรรมเก่ายังไม่ขาด ?
ตอบ : ถ้ากินน้อยลงก็ไม่เป็น ให้เปลี่ยนสันดานในการกิน

ถาม : การที่พระเคาะ ๆ ให้ออกมา เป็นไปได้ไหมครับ ?
ตอบ : ก็น่าจะเป็นไปได้นะ อาจจะมีขี้ไคลหลุดออกมาบ้าง..!

เถรี
04-09-2017, 20:12
:4672615: เก็บตกเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ หมดแล้วค่ะ :4672615:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และเผือกน้อย