เถรี
20-06-2017, 17:44
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา เคยใช้คำภาวนาแบบไหนมาก่อน ก็ให้ใช้แบบนั้น
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ เมื่อครู่นี้ได้กล่าวถึงเรื่องของทิพจักขุญาณ จะขออาศัยโอกาสนี้ตักเตือนญาติโยมทั้งหลายว่า เรื่องของทิพจักขุญาณนั้นเป็นเพียงของแถมในการปฏิบัติ ถ้าท่านต้องการทิพจักขุญาณ แปลว่าในอดีตต้องเคยทำมาแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปดิ้นรนทำในชาติปัจจุบันนี้อีก
เพียงแต่ว่าพยายามรักษากำลังใจของเราให้นิ่ง สงบ เมื่อกำลังใจนิ่ง สงบได้ระดับเมื่อไร ทิพจักขุญาณจะกลับมาใหม่เอง ไม่ต้องเสียเวลาไปเริ่มต้นฝึกฝน ไม่ต้องเสียเวลาไปหาอุปกรณ์กสิณต่าง ๆ
แต่คราวนี้ทิพจักขุญาณนั้น มักจะมีผลเสียมากกว่าผลดี อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วก็คือว่า เพราะเราเห็นเราจึงเชื่อ ขอให้ทุกท่านพิจารณาในส่วนอารมณ์ของพระโสดาบัน บุคคลที่เป็นพระโสดาบันนั้นก็คือ รักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ มีความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแน่นแฟ้นจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
มีความรู้สึกตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ถ้าตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว นี่คืออารมณ์ของการเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าระดับโสดาบัน เป็นเส้นทางที่ทุกคนควรที่จะไขว่คว้าให้ได้มาให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการประกันความเสี่ยงว่า การเกิดมาในชาตินี้ของเราจะไม่เสียชาติเกิด ไม่เช่นนั้นถ้าเรามัวไปฝึกหัดเรื่องของฤทธิ์เรื่องของอภิญญาต่าง ๆ ถ้าเกิดว่าหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ แต่ถ้าเป็นพระโสดาบันอย่างหยาบ เราก็เกิดแค่ ๗ ครั้งเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างกลางก็เกิด ๓ ครั้ง ถ้าเป็นอย่างละเอียดก็เกิดเพียงครั้งเดียว
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ เมื่อครู่นี้ได้กล่าวถึงเรื่องของทิพจักขุญาณ จะขออาศัยโอกาสนี้ตักเตือนญาติโยมทั้งหลายว่า เรื่องของทิพจักขุญาณนั้นเป็นเพียงของแถมในการปฏิบัติ ถ้าท่านต้องการทิพจักขุญาณ แปลว่าในอดีตต้องเคยทำมาแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปดิ้นรนทำในชาติปัจจุบันนี้อีก
เพียงแต่ว่าพยายามรักษากำลังใจของเราให้นิ่ง สงบ เมื่อกำลังใจนิ่ง สงบได้ระดับเมื่อไร ทิพจักขุญาณจะกลับมาใหม่เอง ไม่ต้องเสียเวลาไปเริ่มต้นฝึกฝน ไม่ต้องเสียเวลาไปหาอุปกรณ์กสิณต่าง ๆ
แต่คราวนี้ทิพจักขุญาณนั้น มักจะมีผลเสียมากกว่าผลดี อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วก็คือว่า เพราะเราเห็นเราจึงเชื่อ ขอให้ทุกท่านพิจารณาในส่วนอารมณ์ของพระโสดาบัน บุคคลที่เป็นพระโสดาบันนั้นก็คือ รักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ มีความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแน่นแฟ้นจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
มีความรู้สึกตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ถ้าตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว นี่คืออารมณ์ของการเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าระดับโสดาบัน เป็นเส้นทางที่ทุกคนควรที่จะไขว่คว้าให้ได้มาให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการประกันความเสี่ยงว่า การเกิดมาในชาตินี้ของเราจะไม่เสียชาติเกิด ไม่เช่นนั้นถ้าเรามัวไปฝึกหัดเรื่องของฤทธิ์เรื่องของอภิญญาต่าง ๆ ถ้าเกิดว่าหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ แต่ถ้าเป็นพระโสดาบันอย่างหยาบ เราก็เกิดแค่ ๗ ครั้งเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างกลางก็เกิด ๓ ครั้ง ถ้าเป็นอย่างละเอียดก็เกิดเพียงครั้งเดียว