เถรี
13-06-2017, 21:00
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติหรือความรู้สึกของเราไว้กับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ วันนี้จะกล่าวถึงเรื่องของการปฏิบัติภาวนาของเรา ว่าการที่เราตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเรานั้น เท่าที่สังเกตดู พวกเราแบ่งออกเป็น ๒ พวก พวกที่ ๑ ก็คือ ไม่สามารถที่จะรักษากำลังใจให้อยู่กับลมหายใจเข้าออกได้ บางท่านถึงเวลาภาวนา สามารถอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้ตามเวลา แต่พอเลิกภาวนาก็ทิ้งไปเลย
ส่วนอีกพวกหนึ่งสามารถอยู่กับลมหายใจเข้าออกของตัวเองได้ แต่ก็ไปติดอยู่แค่ลมหายใจเข้าออกนั้น เพราะว่าเป็นสภาพจิตที่ว่างจากกิเลสชั่วคราว มีความสุขเยือกเย็น รู้สึกสบาย ก็ไม่คิดที่จะทำอะไรให้มากไปกว่านั้น
ซึ่งทั้ง ๒ แบบนั้นล้วนแล้วแต่ใช้ไม่ได้ แต่สำหรับท่านที่เข้าถึงได้ก็ยังดี เพราะว่ามีสภาพจิตที่สงบระงับจากกิเลสได้ชั่วคราวด้วยอำนาจของสมาธิ แต่เป็นเพราะว่าท่านทั้งหลายไม่เห็นคุณค่าของสมาธิที่จะใช้ระงับยับยั้ง รัก โลภ โกรธ หลง และใช้ในการตัดรากเหง้าของกิเลสทั้งหมด กลายเป็นว่าท่านที่ทำได้ไม่เห็นคุณค่าก็ปล่อยทิ้ง ทำให้ตัวเองต้องฟุ้งซ่านอยู่เหมือนเดิม แล้วก็มาเครียด มากลุ้มใจกับสารพัดอารมณ์ ที่ประเดประดังเข้ามาทำลายทำร้ายชีวิตของเรา
อีกพวกหนึ่งก็มัวแต่เพลิดเพลินอยู่กับความสุขสงบชั่วคราวจากกำลังสมาธิที่ระงับกิเลสได้ ก็เลยลืมในการที่จะขุดรากถอนโคนกิเลสให้หมดไปจากใจของตนเอง
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ วันนี้จะกล่าวถึงเรื่องของการปฏิบัติภาวนาของเรา ว่าการที่เราตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเรานั้น เท่าที่สังเกตดู พวกเราแบ่งออกเป็น ๒ พวก พวกที่ ๑ ก็คือ ไม่สามารถที่จะรักษากำลังใจให้อยู่กับลมหายใจเข้าออกได้ บางท่านถึงเวลาภาวนา สามารถอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้ตามเวลา แต่พอเลิกภาวนาก็ทิ้งไปเลย
ส่วนอีกพวกหนึ่งสามารถอยู่กับลมหายใจเข้าออกของตัวเองได้ แต่ก็ไปติดอยู่แค่ลมหายใจเข้าออกนั้น เพราะว่าเป็นสภาพจิตที่ว่างจากกิเลสชั่วคราว มีความสุขเยือกเย็น รู้สึกสบาย ก็ไม่คิดที่จะทำอะไรให้มากไปกว่านั้น
ซึ่งทั้ง ๒ แบบนั้นล้วนแล้วแต่ใช้ไม่ได้ แต่สำหรับท่านที่เข้าถึงได้ก็ยังดี เพราะว่ามีสภาพจิตที่สงบระงับจากกิเลสได้ชั่วคราวด้วยอำนาจของสมาธิ แต่เป็นเพราะว่าท่านทั้งหลายไม่เห็นคุณค่าของสมาธิที่จะใช้ระงับยับยั้ง รัก โลภ โกรธ หลง และใช้ในการตัดรากเหง้าของกิเลสทั้งหมด กลายเป็นว่าท่านที่ทำได้ไม่เห็นคุณค่าก็ปล่อยทิ้ง ทำให้ตัวเองต้องฟุ้งซ่านอยู่เหมือนเดิม แล้วก็มาเครียด มากลุ้มใจกับสารพัดอารมณ์ ที่ประเดประดังเข้ามาทำลายทำร้ายชีวิตของเรา
อีกพวกหนึ่งก็มัวแต่เพลิดเพลินอยู่กับความสุขสงบชั่วคราวจากกำลังสมาธิที่ระงับกิเลสได้ ก็เลยลืมในการที่จะขุดรากถอนโคนกิเลสให้หมดไปจากใจของตนเอง