เถรี
26-04-2017, 17:11
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ สิ่งที่อยากจะเตือนพวกเราในวันนี้ ก็คือ การปฏิบัติธรรมของพวกเรานั้น เหมือนกับการเข้าสู่สนามรบ ภาษาชาวยุทธจักรบอกว่า “มิใช่ท่านตายก็เป็นเราสิ้น” เพราะว่ากิเลสไม่เคยเมตตาปราณีกับเรา มีแต่ทุบตีฟาดโบยเราหนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเราเองยังเหยาะแหยะอ่อนแออยู่ โอกาสที่จะชนะย่อมไม่มี
การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของบุคคลที่เข้าถึงปรมัตถบารมี คือกำลังใจขั้นสูงสุดแล้ว ดังนั้น...จึงต้องทุ่มเทจริงจัง ทำกันอย่างชนิดเอาชีวิตเข้าแลก ถ้าหากว่าทำไม่ได้ก็ให้ตายไปเลย ต้องวางกำลังใจในลักษณะอย่างนี้ ไม่ใช่ปฏิบัติกันในลักษณะแก้บน ภาวนาแค่ ๓ ครั้ง ๕ ครั้งแล้วจะให้เกิดผล...ย่อมเป็นไปไม่ได้
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วพวกเราทุกคนรู้อยู่ แต่ก็ยังประมาทกันอยู่มาก เพราะว่าไปให้ความสำคัญกับสิ่งรอบข้างมากกว่าการปฏิบัติธรรม บางคนสามารถทุ่มเทสมาธิแชตกันได้ครึ่งค่อนวันติดต่อกัน แต่ให้ภาวนา ๓ นาที ๕ นาที ก็จะตายแล้ว ลักษณะอย่างนี้แสดงว่าเป็นการใช้สติสมาธิไปในทางที่ผิด ฉันทะในการปฏิบัติธรรมยังไม่เพียงพอ
แค่เราพลิกมุมกลับ มีความระลึกรู้อยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย วินาทีนี้เรายังอยู่ วินาทีหน้าเราอาจจะตายแล้ว ถ้าหากว่าตายแล้วตกสู่อบายภูมิ ก็เท่ากับเราขาดทุนย่อยยับ อย่างน้อย ๆ ตายแล้วเราต้องได้ไปสู่ภพภูมิที่สูงกว่าเดิม จึงจะเรียกว่าไม่ขาดทุน ถ้าสามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ นั่นจึงเป็นจุดมุ่งหมายของเราทุกคน
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ สิ่งที่อยากจะเตือนพวกเราในวันนี้ ก็คือ การปฏิบัติธรรมของพวกเรานั้น เหมือนกับการเข้าสู่สนามรบ ภาษาชาวยุทธจักรบอกว่า “มิใช่ท่านตายก็เป็นเราสิ้น” เพราะว่ากิเลสไม่เคยเมตตาปราณีกับเรา มีแต่ทุบตีฟาดโบยเราหนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเราเองยังเหยาะแหยะอ่อนแออยู่ โอกาสที่จะชนะย่อมไม่มี
การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของบุคคลที่เข้าถึงปรมัตถบารมี คือกำลังใจขั้นสูงสุดแล้ว ดังนั้น...จึงต้องทุ่มเทจริงจัง ทำกันอย่างชนิดเอาชีวิตเข้าแลก ถ้าหากว่าทำไม่ได้ก็ให้ตายไปเลย ต้องวางกำลังใจในลักษณะอย่างนี้ ไม่ใช่ปฏิบัติกันในลักษณะแก้บน ภาวนาแค่ ๓ ครั้ง ๕ ครั้งแล้วจะให้เกิดผล...ย่อมเป็นไปไม่ได้
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วพวกเราทุกคนรู้อยู่ แต่ก็ยังประมาทกันอยู่มาก เพราะว่าไปให้ความสำคัญกับสิ่งรอบข้างมากกว่าการปฏิบัติธรรม บางคนสามารถทุ่มเทสมาธิแชตกันได้ครึ่งค่อนวันติดต่อกัน แต่ให้ภาวนา ๓ นาที ๕ นาที ก็จะตายแล้ว ลักษณะอย่างนี้แสดงว่าเป็นการใช้สติสมาธิไปในทางที่ผิด ฉันทะในการปฏิบัติธรรมยังไม่เพียงพอ
แค่เราพลิกมุมกลับ มีความระลึกรู้อยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย วินาทีนี้เรายังอยู่ วินาทีหน้าเราอาจจะตายแล้ว ถ้าหากว่าตายแล้วตกสู่อบายภูมิ ก็เท่ากับเราขาดทุนย่อยยับ อย่างน้อย ๆ ตายแล้วเราต้องได้ไปสู่ภพภูมิที่สูงกว่าเดิม จึงจะเรียกว่าไม่ขาดทุน ถ้าสามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ นั่นจึงเป็นจุดมุ่งหมายของเราทุกคน