เดือนเต็มดวง
06-11-2016, 17:13
ฝากคำถามเพื่อนเรียนสอบถามพระอาจารย์ครับ
๑. เพื่อประโยชน์ความเข้าใจในเรื่องราวของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน โยมขอเรียนถามเป็นความรู้ดังต่อไปนี้
๑.๑ ทศชาตินั้น เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าท่านเล่าไว้ทีละเรื่อง ไม่ได้ลำดับก่อนหรือหลัง ข้อนี้ถูกหรือไม่
๑.๒ ทศชาตินั้น แม้มีหลายกองบารมีที่ทรงบำเพ็ญในพระชาตินั้น กองที่โดดเด่นที่สุดในแต่ละชาตินั้น โยมเข้าใจว่ามิใช่ปรมัตถบารมีเสียทั้งหมด
๑.๓ พระเนมิราช ถ้านับโดยอายุ อาจประมาณเป็นพระชาติช่วงก่อนเข้ามหาภัทรกัปแรกนี้
๑.๔ ท่านโชติปาลมาณพ สมัยพระพุทธกัสสป ถ้าอ้างเอาตามตำรา อาจถือได้ว่าปรากฏสมัยอยู่ก่อนพระเตมีย์
๑.๕ พระโพธิสัตว์ หลายชาติท่านบำเพ็ญโดยก็ไม่ทราบว่าเพื่อจะให้ได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ขณะที่บางชาติสามารถสืบทราบถึงความตั้งใจเดิม จึงมีปณิธานเฉพาะเพื่อพระสัพพัญญุตญาณ ถ้ายกไว้ในเรื่องโพธิสัตว์ปกตินิสัยแล้ว เหตุหนึ่งเหตุใดนั้น ก็เป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากการระลึกชาติได้บ้าง ถอดจิตไปรู้เรื่องราวบ้าง มีเทพยดามีครูบาอาจารย์บอกกล่าวบ้าง อธิษฐานเสี่ยงทายทราบเองบ้าง ข้อเหล่านี้ก็ดูไม่น่าเกินวิสัยที่เป็นไปได้ โดยเฉพาะท่านในเขตปรมัตถบารมี แม้จะไม่มีการบัญญัติคำศัพท์หรือที่พูดตรงถึงรายละเอียดในสมัยที่ว่างเปล่าจากพระพุทธศาสนานั้นว่า พระพุทธเจ้าคืออะไร อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าพระโพธิญาณ ข้อที่กล่าวมาข้างต้นนี้ถือว่ามีความคลาดเคลื่อนโดยนัยหรือไม่เมื่อเทียบเคียงจากข้อมูลที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก
๑.๖ โคตมพุทธวงศ์ที่ ๒๕ ในข้อความที่ว่า คราวที่เรากล่าวสอนราหุลบุตรของเราบัดนี้ ณ ที่นี้แล ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ จะพึงกล่าวโดยคำนวณนับมิได้ เมื่อดูในมหาราหุโลวาทสูตร ข้อสงสัยย่อมมีได้ในบุคคลผู้ไม่มีวิสัยอภิญญาญาณ ก็เมื่อบุคคลที่มีชื่อปรากฏอยู่ในพระสูตรนั้นถูกกล่าวไว้มีจำกัด ข้อนี้ควรอธิบายในเชิงการเรียนการสอนอย่างไร
๒. ข้อที่ว่า "จะรู้สองอารมณ์ สองอย่างในขณะจิตเดียวไม่ได้นั้น" ก็เมื่อโยมขณะพิจารณาทุกข์โดยทรงสมาธิอยู่ จิตทราบอยู่ด้วยโดยถ้วนทั่ว ข้อนี้อธิบายได้อย่างไร
๓. ข้อที่ว่า จิตมีสภาพจำ โยมเข้าใจว่าจิตแม้ช่วงนอน ก็มิใช่ว่าจะทรงกุศลอยู่ได้ตลอดจนถึงตื่นอย่างราบรื่นและทรงตัว แม้เราจะคิดนึกในเรื่องกุศลนั้นก่อนหลับไป หรือฝึกจนชิน อาจมีฝันร้าย อาจมีฝันเรื่องราวอื่นใดที่ปะปนอยู่กับกิเลสได้เป็นปกติ ทั้งเนื่องด้วยจิตสังขารเอง ทั้งที่เนื่องด้วยธาตุขันธ์บ้าง หรือปัจจัยอื่นบ้าง ถ้าไม่นับในส่วนคู่คือ จิตสงบจิตไม่สงบ จิตผ่องใสจิตไม่ผ่องใส ร่างกายสงบร่างกายไม่สงบ
๓.๑ แม้เราจะทรงกุศลสูงสุดเมื่อก่อนหลับได้ เมื่อในขณะที่จิตฝันฟุ้งอยู่นั้นเกิดเสียชีวิตไปในระหว่างหลับ เราจะมีคติใดเป็นที่ไปได้บ้าง
๓.๒ แม้เราจะทรงกุศลสูงสุดเมื่อตื่นนอนได้ เมื่อเกิดเสียชีวิตในระหว่างวันเราทรงได้เพียงแค่ประคองสติไว้โดยจิตมิได้น้อมไปในกุศลหรืออกุศลธรรม เราจะมีคติใดเป็นที่ไปได้บ้าง
๔. ข้อที่ว่า บุคคลใดสามารถทำจิตให้ว่างจากกิเลสวันหนึ่งชั่วขณะจิตเดียว เรากล่าวว่า บุคคลนั้นมีจิตไม่ว่างจากฌาน ขึ้นชื่อว่าอารมณ์ ย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในระหว่างวัน ข้อนี้อธิบายเพื่อแก้ข้อสงสัยได้อย่างไร
๕. ข้อที่ว่า เทวดา พรหม ยังเป็นผู้มีนิวรณ์ครอบงำได้ ท่านอาจารย์เห็นเป็นเช่นไร
๖. ข้อที่ว่า เทวดา พรหม เมื่อไม่นับรวมผู้ที่ตั้งใจจุติเพื่อไปบำเพ็ญบารมีต่อ ย่อมมีได้ทั่วไปที่ท่านจะมีอายุขัยไม่เต็มภูมิในชั้นนั้น ในทางกลับกัน ผู้เสวยทุกข์ในนรกภูมิหนึ่ง ย่อมมีได้ทั่วไปที่ผู้เสวยทุกข์จะมีอายุขัยไม่เต็มภูมิในนรกนั้น ข้อเหล่านี้มีได้เป็นไปได้หรือไม่
๗. เมื่อเราจุติบังเกิดในพรหมโลก ย่อมไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้มีอารมณ์ต่ำไปกว่าปฐมฌานจวบจนกว่าจะจุติไปสู่ภพอื่น พระคุณเจ้าเห็นอย่างไร
๘. เมื่อโยมทรงอยู่ฌานสาม โดยสนิทแน่วแน่แล้ว สังเกตว่า เมื่อคิด จิตยังคิดได้ แม้ไม่มีผลสำเร็จของการคิดนั้นเกิดขึ้น แต่ก็รู้ชัดสภาพธรรมตลอดถ้วนทั่วภายในแลคล้ายสัมปชัญญะ โดยอารมณ์ปักยังคงทรงตัวอยู่ หรือเพียงนึก ภาพน้ำสามารถปรากฏทันทีเป็นประกายและกำหนดทรงไว้ได้ ถ้ายกไว้ในส่วนวสี เมื่อการคิดและนึกดูน่าจะสงเคราะห์ลง วิตก วิจาร อันไม่ใช่วิสัยของฌานสาม ข้อนี้อธิบายในเชิงปริยัติได้อย่างไร
๙. ถ้าโยมจะประมาณขนาดสิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุดที่จะมีจิตสิงอยู่ได้ พระพุทธเจ้ามีตรัสไว้มีหรือไม่
๑๐. เราย่อมทราบกันอยู่ว่าพระพุทธเจ้าในอดีตนั้นมีมาแล้วมากมาย หากเทียบเคียงทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันที่ประมาณอายุโลกนี้ไว้ที่ราว ๔,๖๐๐ ล้านปี ย่อมน้อยกว่าการดำรงอยู่เต็มอายุขัยในสวรรค์ชั้นที่หกเพียงครั้งเดียว ข้อสันนิษฐานที่ว่า พระพุทธเจ้าย่อมจะทรงอุบัติในเขตชมพูทวีป แต่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าที่มีมาในอดีตหรืออนาคตทั้งหมดจักทรงอุบัติบนโลกใบนี้ ท่านอาจารย์มีความเห็นเป็นเช่นไร
๑๑. โยมเล็งเห็นว่าแม้ของอันเกิดแต่อธิษฐานทั้งหลาย ของอันเป็นสิ่งธาตุวิเศษทั้งหลาย ของอันเป็นทิพย์ทั้งหลายก็ย่อมมีอันตรธานไปได้ ไม่เว้นแม้แต่พระจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อกาลเวลาหนึ่งนั้นมาถึง เมื่อเหตุผลและปัจจัยเพื่อการกำหนดอยู่ตั้งอยู่ดำรงอยู่ของสมมตินั้นได้แปรเปลี่ยนไปอันตรงกันข้ามกับจิตเมื่อยังมีอวิชชาแล้วไซร้ ย่อมเป็นสิ่งเที่ยงแท้ต่อภพน้อยภพใหญ่ในสังสารวัฏอย่างไม่มีโอกาสที่จะสิ้นสุดยุติกันลงได้โดยไม่ต้องสงสัย ความคิดนี้เป็นทิฏฐุปาทานหรือไม่
ขอบคุณครับ
๑. เพื่อประโยชน์ความเข้าใจในเรื่องราวของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน โยมขอเรียนถามเป็นความรู้ดังต่อไปนี้
๑.๑ ทศชาตินั้น เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าท่านเล่าไว้ทีละเรื่อง ไม่ได้ลำดับก่อนหรือหลัง ข้อนี้ถูกหรือไม่
๑.๒ ทศชาตินั้น แม้มีหลายกองบารมีที่ทรงบำเพ็ญในพระชาตินั้น กองที่โดดเด่นที่สุดในแต่ละชาตินั้น โยมเข้าใจว่ามิใช่ปรมัตถบารมีเสียทั้งหมด
๑.๓ พระเนมิราช ถ้านับโดยอายุ อาจประมาณเป็นพระชาติช่วงก่อนเข้ามหาภัทรกัปแรกนี้
๑.๔ ท่านโชติปาลมาณพ สมัยพระพุทธกัสสป ถ้าอ้างเอาตามตำรา อาจถือได้ว่าปรากฏสมัยอยู่ก่อนพระเตมีย์
๑.๕ พระโพธิสัตว์ หลายชาติท่านบำเพ็ญโดยก็ไม่ทราบว่าเพื่อจะให้ได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ขณะที่บางชาติสามารถสืบทราบถึงความตั้งใจเดิม จึงมีปณิธานเฉพาะเพื่อพระสัพพัญญุตญาณ ถ้ายกไว้ในเรื่องโพธิสัตว์ปกตินิสัยแล้ว เหตุหนึ่งเหตุใดนั้น ก็เป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากการระลึกชาติได้บ้าง ถอดจิตไปรู้เรื่องราวบ้าง มีเทพยดามีครูบาอาจารย์บอกกล่าวบ้าง อธิษฐานเสี่ยงทายทราบเองบ้าง ข้อเหล่านี้ก็ดูไม่น่าเกินวิสัยที่เป็นไปได้ โดยเฉพาะท่านในเขตปรมัตถบารมี แม้จะไม่มีการบัญญัติคำศัพท์หรือที่พูดตรงถึงรายละเอียดในสมัยที่ว่างเปล่าจากพระพุทธศาสนานั้นว่า พระพุทธเจ้าคืออะไร อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าพระโพธิญาณ ข้อที่กล่าวมาข้างต้นนี้ถือว่ามีความคลาดเคลื่อนโดยนัยหรือไม่เมื่อเทียบเคียงจากข้อมูลที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก
๑.๖ โคตมพุทธวงศ์ที่ ๒๕ ในข้อความที่ว่า คราวที่เรากล่าวสอนราหุลบุตรของเราบัดนี้ ณ ที่นี้แล ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ จะพึงกล่าวโดยคำนวณนับมิได้ เมื่อดูในมหาราหุโลวาทสูตร ข้อสงสัยย่อมมีได้ในบุคคลผู้ไม่มีวิสัยอภิญญาญาณ ก็เมื่อบุคคลที่มีชื่อปรากฏอยู่ในพระสูตรนั้นถูกกล่าวไว้มีจำกัด ข้อนี้ควรอธิบายในเชิงการเรียนการสอนอย่างไร
๒. ข้อที่ว่า "จะรู้สองอารมณ์ สองอย่างในขณะจิตเดียวไม่ได้นั้น" ก็เมื่อโยมขณะพิจารณาทุกข์โดยทรงสมาธิอยู่ จิตทราบอยู่ด้วยโดยถ้วนทั่ว ข้อนี้อธิบายได้อย่างไร
๓. ข้อที่ว่า จิตมีสภาพจำ โยมเข้าใจว่าจิตแม้ช่วงนอน ก็มิใช่ว่าจะทรงกุศลอยู่ได้ตลอดจนถึงตื่นอย่างราบรื่นและทรงตัว แม้เราจะคิดนึกในเรื่องกุศลนั้นก่อนหลับไป หรือฝึกจนชิน อาจมีฝันร้าย อาจมีฝันเรื่องราวอื่นใดที่ปะปนอยู่กับกิเลสได้เป็นปกติ ทั้งเนื่องด้วยจิตสังขารเอง ทั้งที่เนื่องด้วยธาตุขันธ์บ้าง หรือปัจจัยอื่นบ้าง ถ้าไม่นับในส่วนคู่คือ จิตสงบจิตไม่สงบ จิตผ่องใสจิตไม่ผ่องใส ร่างกายสงบร่างกายไม่สงบ
๓.๑ แม้เราจะทรงกุศลสูงสุดเมื่อก่อนหลับได้ เมื่อในขณะที่จิตฝันฟุ้งอยู่นั้นเกิดเสียชีวิตไปในระหว่างหลับ เราจะมีคติใดเป็นที่ไปได้บ้าง
๓.๒ แม้เราจะทรงกุศลสูงสุดเมื่อตื่นนอนได้ เมื่อเกิดเสียชีวิตในระหว่างวันเราทรงได้เพียงแค่ประคองสติไว้โดยจิตมิได้น้อมไปในกุศลหรืออกุศลธรรม เราจะมีคติใดเป็นที่ไปได้บ้าง
๔. ข้อที่ว่า บุคคลใดสามารถทำจิตให้ว่างจากกิเลสวันหนึ่งชั่วขณะจิตเดียว เรากล่าวว่า บุคคลนั้นมีจิตไม่ว่างจากฌาน ขึ้นชื่อว่าอารมณ์ ย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในระหว่างวัน ข้อนี้อธิบายเพื่อแก้ข้อสงสัยได้อย่างไร
๕. ข้อที่ว่า เทวดา พรหม ยังเป็นผู้มีนิวรณ์ครอบงำได้ ท่านอาจารย์เห็นเป็นเช่นไร
๖. ข้อที่ว่า เทวดา พรหม เมื่อไม่นับรวมผู้ที่ตั้งใจจุติเพื่อไปบำเพ็ญบารมีต่อ ย่อมมีได้ทั่วไปที่ท่านจะมีอายุขัยไม่เต็มภูมิในชั้นนั้น ในทางกลับกัน ผู้เสวยทุกข์ในนรกภูมิหนึ่ง ย่อมมีได้ทั่วไปที่ผู้เสวยทุกข์จะมีอายุขัยไม่เต็มภูมิในนรกนั้น ข้อเหล่านี้มีได้เป็นไปได้หรือไม่
๗. เมื่อเราจุติบังเกิดในพรหมโลก ย่อมไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้มีอารมณ์ต่ำไปกว่าปฐมฌานจวบจนกว่าจะจุติไปสู่ภพอื่น พระคุณเจ้าเห็นอย่างไร
๘. เมื่อโยมทรงอยู่ฌานสาม โดยสนิทแน่วแน่แล้ว สังเกตว่า เมื่อคิด จิตยังคิดได้ แม้ไม่มีผลสำเร็จของการคิดนั้นเกิดขึ้น แต่ก็รู้ชัดสภาพธรรมตลอดถ้วนทั่วภายในแลคล้ายสัมปชัญญะ โดยอารมณ์ปักยังคงทรงตัวอยู่ หรือเพียงนึก ภาพน้ำสามารถปรากฏทันทีเป็นประกายและกำหนดทรงไว้ได้ ถ้ายกไว้ในส่วนวสี เมื่อการคิดและนึกดูน่าจะสงเคราะห์ลง วิตก วิจาร อันไม่ใช่วิสัยของฌานสาม ข้อนี้อธิบายในเชิงปริยัติได้อย่างไร
๙. ถ้าโยมจะประมาณขนาดสิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุดที่จะมีจิตสิงอยู่ได้ พระพุทธเจ้ามีตรัสไว้มีหรือไม่
๑๐. เราย่อมทราบกันอยู่ว่าพระพุทธเจ้าในอดีตนั้นมีมาแล้วมากมาย หากเทียบเคียงทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันที่ประมาณอายุโลกนี้ไว้ที่ราว ๔,๖๐๐ ล้านปี ย่อมน้อยกว่าการดำรงอยู่เต็มอายุขัยในสวรรค์ชั้นที่หกเพียงครั้งเดียว ข้อสันนิษฐานที่ว่า พระพุทธเจ้าย่อมจะทรงอุบัติในเขตชมพูทวีป แต่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าที่มีมาในอดีตหรืออนาคตทั้งหมดจักทรงอุบัติบนโลกใบนี้ ท่านอาจารย์มีความเห็นเป็นเช่นไร
๑๑. โยมเล็งเห็นว่าแม้ของอันเกิดแต่อธิษฐานทั้งหลาย ของอันเป็นสิ่งธาตุวิเศษทั้งหลาย ของอันเป็นทิพย์ทั้งหลายก็ย่อมมีอันตรธานไปได้ ไม่เว้นแม้แต่พระจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อกาลเวลาหนึ่งนั้นมาถึง เมื่อเหตุผลและปัจจัยเพื่อการกำหนดอยู่ตั้งอยู่ดำรงอยู่ของสมมตินั้นได้แปรเปลี่ยนไปอันตรงกันข้ามกับจิตเมื่อยังมีอวิชชาแล้วไซร้ ย่อมเป็นสิ่งเที่ยงแท้ต่อภพน้อยภพใหญ่ในสังสารวัฏอย่างไม่มีโอกาสที่จะสิ้นสุดยุติกันลงได้โดยไม่ต้องสงสัย ความคิดนี้เป็นทิฏฐุปาทานหรือไม่
ขอบคุณครับ