PDA

View Full Version : ขึ้นฝั่งให้ได้ก่อน แล้วจึงย้อนไปช่วยเขา


เถรี
28-05-2009, 18:40
ถ้าหากถึงวาระที่เราเห็นแล้วว่าทุกอย่างจะดีกว่า เราก็ไป เมื่อถึงวาระถึงเวลาที่สมควรก็จะได้ย้อนมา เพื่อที่จะดึงคนอื่นเขาไปด้วย ถ้าตราบใดที่เรายังลอยคออยู่ ถ้าเราไปช่วยคนอื่นอาจจะจมน้ำตายไปด้วยกัน เพราะฉะนั้น..เราจำเป็นต้องไปก่อน ขึ้นฝั่งให้ได้ก่อน พอขึ้นฝั่งได้แล้ว เราค่อยย้อนกลับมาช่วยเขา อย่าลืมว่าพรหมวิหาร ๔ มีตัวอุเบกขาอยู่ด้วย ถ้าหากว่าเราขาดตัวอุเบกขา ไม่รู้จักใช้ปัญญาประกอบ ไม่รู้จักปล่อยวาง นอกจากเสียผลประโยชน์ของเราเองแล้ว คนอื่นทั้งหมดที่อาจจะพึ่งพาเรา ก็เสียผลประโยชน์ไปด้วย

เพราะฉะนั้น..ถ้าจะเมตตา เราต้องเมตตาต่อตัวเองก่อน เอาตัวเองให้ได้ดีก่อน พอได้ดีแล้ว ต่อไปการจะช่วยคนอื่นก็ง่าย เมื่อวานนี้ได้บอกกับโยมคนหนึ่งว่า ความดีหรือความชั่วดึงดูดคนได้ทั้งนั้น คนที่ทำดี กระแสความดีก็จะดึงดูดคนดีเข้าไปหา คนที่ทำชั่วกระแสความชั่วก็จะดึงดูดคนชั่วเข้าไปหา อย่างพวกเจ้าพ่อ มีมือปืนล้อมกันเป็นร้อย ๆ คราวนี้ถ้าเราทำดีจนถึงที่สุดแล้ว ถึงเวลากำลังของเราพอ คนอื่นก็จะคล้อยตามมาเอง

ที่ดื้อและสอนยากที่สุดคือคนในบ้าน ขนาดพระพุทธเจ้าเองจะกลับไปโปรดพระประยูรญาติ ยังต้องส่งพระกาฬุทายีล่วงหน้าไป ๓ เดือนเต็ม ๆ พระกาฬุทายีเมื่อท่านฉันเสร็จ เขาจะประเคนอาหารใส่บาตรเพื่อฝากไปถวายพระพุทธเจ้า ท่านก็เอาเหาะไปถวาย ครั้นพระพุทธเจ้าฉันเสร็จ ท่านรับบาตรได้ ท่านก็เหาะกลับมา บอกว่าพระลูกเจ้าฉันแล้ว เดินทางมาถึงตรงนี้ ๆ แล้ว

ทำอย่างนี้อยู่ตลอด ๓ เดือนเต็ม ๆ ทุกคนก็เห็นว่า เออ..พระกาฬุทายีเก่ง แล้วพระกาฬุทายีก็ยืนยันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำได้นี่เกิดจากพระศาสดาสอนเรามา นั่นแหละ..เขาถึงได้มีความเชื่อในพระพุทธเจ้าบ้าง แต่เชื่อขนาดนั้นแล้วนะ พอพระพุทธเจ้าไปถึง ก็มีแต่ผู้ที่อายุน้อยกว่ามาไหว้ ผู้ที่อายุมากกว่าทั้งหมด มีพ่อคนเดียวที่ยอมไหว้ เพราะพ่อรู้ว่าลูกดีแค่ไหน แต่ว่าคนอื่น ๆ อย่างเก่งก็ประกาศชื่อประกาศโคตร แล้วก็ยืนดูอยู่ในข้างหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านเห็นว่าถ้าไม่ทรมานกันบ้าง ก็คงจะไม่เชื่อกัน จึงเหาะไปอยู่เหนือหัวพวกนั้นเลย

สมัยก่อนเขาถือตัวกันมาก ถ้าหากว่าฝุ่นใต้เท้าของใครตกใส่หัว ถือว่าดูถูกกันที่สุด พระองค์ท่านจึงแสดงให้รู้ว่า เหนือกว่ากันชนิดที่เรียกว่าจะทำอย่างไรก็ได้ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เขาถึงได้ยอมรับกัน แต่ขนาดนั้นถึงเทศน์โปรด ก็ไม่ใช่ว่าจะได้มรรคได้ผลกันทั้งหมด เพราะว่าถือตัวถือตนกันจัดมาก

คนที่สอนยากที่สุดคือ คนในบ้านของเราเอง เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเขาจะอายุมากกว่า ในเมื่ออาวุโสมากกว่า ความมานะความถือตัวถือตน กูเป็นพ่อ กูเป็นแม่ เป็นพี่ป้าน้าอาอย่างนี้ กูใหญ่กว่า กูอายุมากกว่า กูอาบน้ำร้อนมาก่อน ก็เลยทำให้สงเคราะห์กันยาก เราจึงต้องทำตัวของเราให้เขาเห็น คือให้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในด้านดีอย่างชัดเจน แล้วเขาจะค่อย ๆ คล้อยตามมาเอง เพราะฉะนั้น..การสอนคนอื่นนั้น สำคัญที่สุดคือต้องเริ่มที่ตัวเองเราก่อน


กระโถนข้างธรรมมาสน์ฉบับที่ ๖๒
เดือนเมษายน ๒๕๕๒
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก