เถรี
27-09-2016, 09:57
ทุกคนขยับในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้ที่ลมหายเข้าออกของเรา หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ในการปฏิบัติกรรมฐานของเรานั้น อานาปานสติก็คือลมหายใจเข้าและลมหายใจออก เป็นพื้นฐานใหญ่ที่สุดของกรรมฐานทั้งหมด
อานาปานสติทำให้สมาธิของเราทรงตัวแนบแน่นเป็นอัปปนาสมาธิได้ สามารถที่จะกดกิเกสให้ดับลงได้ชั่วคราว สามารถระงับกายสังขารอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ของร่างกายได้ และถ้าหากทำจนมีความคล่องตัว เราสามารถรู้ได้แม้แต่วันตายของตัวเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงละทิ้งอานาปานสติไปไม่ได้ ทุกคนที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคเพื่อผล จำเป็นอยู่เสมอที่จะต้องอาศัยอานาปานสติเป็นหลัก แต่เนื่องจากว่าหลายท่านทำมาจนชินแล้ว นึกจะเข้าสมาธิเมื่อไรก็สามารถเข้าถึงระดับสมาธิที่ต้องการได้ ในที่นี้ก็จะไม่ขอกล่าวถึง จะกล่าวถึงสำหรับผู้ใหม่หรือผู้เก่าที่ยังไม่สามารถทรงฌานได้แม้แต่ปฐมฌาน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราเอาไว้
โดยเฉพาะว่าการหายใจเข้าออกนั้น เขาไม่ให้บังคับลมหายใจ ก็คือร่างกายต้องการลมหายใจแรงหรือเบา ยาวหรือสั้น ให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ เราแค่เอาสติตามลมหายใจเข้าไป เอาสติตามลมหายใจออกมาเท่านั้น ไม่ต้องไปตั้งใจว่าเราจะทำเพื่อทรงปฐมฌาน เพื่อทรงฌานที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ให้คิดเสียว่าเรามีหน้าที่ทำ เมื่อทำแล้วผลจะเกิดอย่างไรก็ช่างมัน
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ในการปฏิบัติกรรมฐานของเรานั้น อานาปานสติก็คือลมหายใจเข้าและลมหายใจออก เป็นพื้นฐานใหญ่ที่สุดของกรรมฐานทั้งหมด
อานาปานสติทำให้สมาธิของเราทรงตัวแนบแน่นเป็นอัปปนาสมาธิได้ สามารถที่จะกดกิเกสให้ดับลงได้ชั่วคราว สามารถระงับกายสังขารอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ของร่างกายได้ และถ้าหากทำจนมีความคล่องตัว เราสามารถรู้ได้แม้แต่วันตายของตัวเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงละทิ้งอานาปานสติไปไม่ได้ ทุกคนที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคเพื่อผล จำเป็นอยู่เสมอที่จะต้องอาศัยอานาปานสติเป็นหลัก แต่เนื่องจากว่าหลายท่านทำมาจนชินแล้ว นึกจะเข้าสมาธิเมื่อไรก็สามารถเข้าถึงระดับสมาธิที่ต้องการได้ ในที่นี้ก็จะไม่ขอกล่าวถึง จะกล่าวถึงสำหรับผู้ใหม่หรือผู้เก่าที่ยังไม่สามารถทรงฌานได้แม้แต่ปฐมฌาน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราเอาไว้
โดยเฉพาะว่าการหายใจเข้าออกนั้น เขาไม่ให้บังคับลมหายใจ ก็คือร่างกายต้องการลมหายใจแรงหรือเบา ยาวหรือสั้น ให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ เราแค่เอาสติตามลมหายใจเข้าไป เอาสติตามลมหายใจออกมาเท่านั้น ไม่ต้องไปตั้งใจว่าเราจะทำเพื่อทรงปฐมฌาน เพื่อทรงฌานที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ให้คิดเสียว่าเรามีหน้าที่ทำ เมื่อทำแล้วผลจะเกิดอย่างไรก็ช่างมัน