เถรี
16-09-2016, 21:01
ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกทั้งหมดของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ สำหรับในเรื่องของการปฏิบัติกรรมฐานนั้น อันดับแรกเลยพวกเราต้องละทิ้งความกังวลทั้งหมดเสียก่อน คือความห่วงใยกังวลต่าง ๆ ไม่ว่าจะห่วงบ้าน ห่วงลูก ห่วงหลาน ห่วงการห่วงงาน อะไรก็ตาม เรานั่งอยู่ตรงนี้ไปทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น...ให้ทิ้งความห่วงความกังวลเหล่านั้นเสีย เพื่อปฏิบัติธรรมก่อน สภาพจิตจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
ลำดับต่อไปคือจะต้องจัดการกับนิวรณ์ คือกิเลสที่มาขวางกั้นความดีของเราทั้ง ๕ อย่าง ก็คือ กามฉันทะ ความพอใจใน รูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ เป็นต้น พยาบาท ความโกรธเกลียดอาฆาตแค้น ผูกโกรธคนอื่น ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ขี้เกียจปฏิบัติ อุทธัจจะกุกกุจจะ ความหงุดหงิดฟุ้งซ่านรำคาญใจ และวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ หรือว่าสงสัยในคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
นิวรณ์ทั้ง ๕ นี้จะหมดไปได้ ก็ต่อเมื่อสติของเราอยู่แน่วแน่กับลมหายใจเข้าออกตรงหน้า แล้วให้ทุกท่านกำหนดตั้งแต่แรกเริ่มว่าเราจะภาวนาสักกี่นาที เป็นการตั้งสัจจะของเราให้มั่นคง อย่างเช่นว่า ๑๕ นาที ๒๐ นาที ๓๐ นาที ๑ ชั่วโมง แต่การตั้งสัจจะนั้นมักจะโดนทดสอบโดยกิเลสมาร ก็คือแต่ละนาทีนานเหมือนเป็นวัน ๆ ถ้าเราไม่มีความอดทนอดกลั้นที่จะต่อสู้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะถ้าหากว่าสัจจบารมีของเรายังอ่อนอยู่ เราก็ต้องทิ้งการทำสมาธิไปกลางคัน
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ สำหรับในเรื่องของการปฏิบัติกรรมฐานนั้น อันดับแรกเลยพวกเราต้องละทิ้งความกังวลทั้งหมดเสียก่อน คือความห่วงใยกังวลต่าง ๆ ไม่ว่าจะห่วงบ้าน ห่วงลูก ห่วงหลาน ห่วงการห่วงงาน อะไรก็ตาม เรานั่งอยู่ตรงนี้ไปทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น...ให้ทิ้งความห่วงความกังวลเหล่านั้นเสีย เพื่อปฏิบัติธรรมก่อน สภาพจิตจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
ลำดับต่อไปคือจะต้องจัดการกับนิวรณ์ คือกิเลสที่มาขวางกั้นความดีของเราทั้ง ๕ อย่าง ก็คือ กามฉันทะ ความพอใจใน รูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ เป็นต้น พยาบาท ความโกรธเกลียดอาฆาตแค้น ผูกโกรธคนอื่น ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ขี้เกียจปฏิบัติ อุทธัจจะกุกกุจจะ ความหงุดหงิดฟุ้งซ่านรำคาญใจ และวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ หรือว่าสงสัยในคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
นิวรณ์ทั้ง ๕ นี้จะหมดไปได้ ก็ต่อเมื่อสติของเราอยู่แน่วแน่กับลมหายใจเข้าออกตรงหน้า แล้วให้ทุกท่านกำหนดตั้งแต่แรกเริ่มว่าเราจะภาวนาสักกี่นาที เป็นการตั้งสัจจะของเราให้มั่นคง อย่างเช่นว่า ๑๕ นาที ๒๐ นาที ๓๐ นาที ๑ ชั่วโมง แต่การตั้งสัจจะนั้นมักจะโดนทดสอบโดยกิเลสมาร ก็คือแต่ละนาทีนานเหมือนเป็นวัน ๆ ถ้าเราไม่มีความอดทนอดกลั้นที่จะต่อสู้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะถ้าหากว่าสัจจบารมีของเรายังอ่อนอยู่ เราก็ต้องทิ้งการทำสมาธิไปกลางคัน