เถรี
15-07-2016, 21:58
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกทั้งหมดของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะจับการกระทบของลมฐานเดียวก็ได้ ๓ ฐานก็ได้ ๗ ฐานก็ได้ หรือว่ารู้ตลอดกองลมก็ได้
ส่วนคำภาวนา เราเคยถนัดอย่างไหนให้ใช้แบบนั้น คำภาวนาไม่ควรที่จะเปลี่ยนบ่อย ๆ เพราะถ้าเปลี่ยนบ่อยใจไปพะวงอยู่กับคำภาวนาใหม่ ความเคยชินของใจส่วนหนึ่งจะดึงไปหาคำภาวนาเก่า ก็จะเกิดอาการดึงกันไปรั้งกันมา บางคนก็ฟุ้งซ่านรำคาญจนไม่สามารถที่จะภาวนาได้เลย
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ช่วงที่ผ่านมาได้ไปบรรยายให้กับนักเรียนของวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาฯ มีผู้ปรารภว่าการรักษาศีลเป็นเรื่องยาก สิ่งที่เขาว่ามานั้นเป็นไปตามกำลังใจ ถ้าคนที่ยังมีบารมีต่ำอยู่ การรักษาศีลก็จะเป็นเรื่องยาก เพราะว่าบารมีต้นพยายามจนเต็มที่แล้วก็รักษาศีลได้อย่างเดียว ไม่สามารถเจริญสมาธิภาวนาได้ ดังนั้น...การรักษาศีล ถ้าต้องการจะทำให้สมบูรณ์บริบูรณ์ ก็ควรที่จะมีทั้งในส่วนของศีลและสมาธิควบคู่กันไป
ในส่วนของศีลนั้น เราต้องเห็นคุณค่าความดีของศีล ว่าเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้เราตกสู่อบายภูมิ คือ บุคคลที่มีศีล ๕ สมบูรณ์บริบูรณ์ อย่างน้อยที่สุดก็จะได้เกิดเป็นมนุษย์ชั้นดี เนื่องจากว่าศีล ๕ มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า มนุสสธรรม ก็คือ ธรรมที่ทำให้เราเกิดเป็นมนุษย์ ป้องกันอบายภูมิ ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉานได้
แต่ถ้าเรามองตรงนี้ บางท่านก็รู้สึกว่าหนักเกินไป ก็ดูคุณของศีลในลักษณะเบา ๆ อย่างเช่นว่า เราเองก็ไม่ปรารถนาให้ผู้ใดมาฆ่าเรา เราก็ไม่ควรที่จะฆ่าใคร เราไม่ปรารถนาให้ผู้ใดมาลักขโมยของของเรา เราก็ไม่ควรที่จะไปลักขโมยของของใคร เราไม่ปรารถนาให้ผู้ใดมาแย่งชิงของที่เรารัก คนที่เรารัก เราก็ไม่ควรที่จะไปแย่งชิงของรัก หรือคนรักของคนอื่น เราอยากจะฟังแต่เรื่องที่จริง เรื่องที่เป็นความสัตย์ เราก็ไม่ควรที่จะโกหกหลอกลวงใคร เราอยากมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์บริบูรณ์ ควรที่จะงดเว้นจากสุราเมรัย และยาเสพติดทั้งปวง เป็นต้น
ส่วนคำภาวนา เราเคยถนัดอย่างไหนให้ใช้แบบนั้น คำภาวนาไม่ควรที่จะเปลี่ยนบ่อย ๆ เพราะถ้าเปลี่ยนบ่อยใจไปพะวงอยู่กับคำภาวนาใหม่ ความเคยชินของใจส่วนหนึ่งจะดึงไปหาคำภาวนาเก่า ก็จะเกิดอาการดึงกันไปรั้งกันมา บางคนก็ฟุ้งซ่านรำคาญจนไม่สามารถที่จะภาวนาได้เลย
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ช่วงที่ผ่านมาได้ไปบรรยายให้กับนักเรียนของวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาฯ มีผู้ปรารภว่าการรักษาศีลเป็นเรื่องยาก สิ่งที่เขาว่ามานั้นเป็นไปตามกำลังใจ ถ้าคนที่ยังมีบารมีต่ำอยู่ การรักษาศีลก็จะเป็นเรื่องยาก เพราะว่าบารมีต้นพยายามจนเต็มที่แล้วก็รักษาศีลได้อย่างเดียว ไม่สามารถเจริญสมาธิภาวนาได้ ดังนั้น...การรักษาศีล ถ้าต้องการจะทำให้สมบูรณ์บริบูรณ์ ก็ควรที่จะมีทั้งในส่วนของศีลและสมาธิควบคู่กันไป
ในส่วนของศีลนั้น เราต้องเห็นคุณค่าความดีของศีล ว่าเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้เราตกสู่อบายภูมิ คือ บุคคลที่มีศีล ๕ สมบูรณ์บริบูรณ์ อย่างน้อยที่สุดก็จะได้เกิดเป็นมนุษย์ชั้นดี เนื่องจากว่าศีล ๕ มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า มนุสสธรรม ก็คือ ธรรมที่ทำให้เราเกิดเป็นมนุษย์ ป้องกันอบายภูมิ ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉานได้
แต่ถ้าเรามองตรงนี้ บางท่านก็รู้สึกว่าหนักเกินไป ก็ดูคุณของศีลในลักษณะเบา ๆ อย่างเช่นว่า เราเองก็ไม่ปรารถนาให้ผู้ใดมาฆ่าเรา เราก็ไม่ควรที่จะฆ่าใคร เราไม่ปรารถนาให้ผู้ใดมาลักขโมยของของเรา เราก็ไม่ควรที่จะไปลักขโมยของของใคร เราไม่ปรารถนาให้ผู้ใดมาแย่งชิงของที่เรารัก คนที่เรารัก เราก็ไม่ควรที่จะไปแย่งชิงของรัก หรือคนรักของคนอื่น เราอยากจะฟังแต่เรื่องที่จริง เรื่องที่เป็นความสัตย์ เราก็ไม่ควรที่จะโกหกหลอกลวงใคร เราอยากมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์บริบูรณ์ ควรที่จะงดเว้นจากสุราเมรัย และยาเสพติดทั้งปวง เป็นต้น