เถรี
23-05-2009, 00:36
การที่นางมารร้ายได้มีโอกาสติดตามพระอาจารย์ไปเมืองจันทบุรี จึงขอเอาคำถามน่าสนใจที่มีผู้ถามพระอาจารย์ว่า "เมื่อไหร่จะรวย?"
พระอาจารย์ตอบว่า "รู้จักพอเมื่อไหร่ก็รวย"
แล้วปรารภการทำธุรกิจของโยมคนหนึ่งให้ฟังว่า โยมคนนี้เขาเห็นชาวไร่อ้อยมักจะจ้างรถมาขนอ้อย เขาเลยซื้อรถบรรทุกมาคันหนึ่ง ปรากฏว่าพอซื้อมาก็มีแต่คนจ้างไปขนอ้อย มีกำไรจนสามารถผ่อนรถหมดภายในปีเดียว ปีต่อมาเลยออกรถอีกคัน แต่โชคร้ายปีนั้นผลผลิตอ้อยราคาตก อ้อยเขาเองก็ขายไม่ได้ ค่ารถก็ต้องส่ง ผลที่สุดเลยโดนยึดรถไป
ปีต่อมาเขาเล็งเห็นว่าทุกไร่ต้องจ้างรถมาขุด เขาเลยออกรถขุดอีกคัน แต่ไม่ค่อยมีใครจ้าง ก็ขาดทุนอีก ถามว่าเขาผิดตรงไหน? ตอบได้ว่าเขาผิดพลาดตรงที่ไม่เผื่อทางถอย
คนส่วนใหญ่เวลาลงทุนมักคิดถึงแต่กำไร ไม่นึกถึงว่าถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันไม่ได้กำไรตามนั้นแล้วจะทำอย่างไร จึงเป็นปัญหาอย่างมาก ฉะนั้น จะลงทุนอะไรต้องเผื่อทางถอยไว้เสมอ ต้องคิดว่าเงินส่วนที่นำไปลงทุนนั้นถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันต้องสูญเปล่าไป ก็จะต้องไม่กระทบกระเทือนธุรกิจอื่นที่มี หรือส่งผลต่อความเป็นอยู่ของเราเอง (รู้สึกท่านเคยพูดว่าต้องเอาอย่างซุนวูที่วางแผนจะรุกคืบหนึ่งต้องเตรียมทางถอยไว้เป็นวา)
คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์
พระอาจารย์ตอบว่า "รู้จักพอเมื่อไหร่ก็รวย"
แล้วปรารภการทำธุรกิจของโยมคนหนึ่งให้ฟังว่า โยมคนนี้เขาเห็นชาวไร่อ้อยมักจะจ้างรถมาขนอ้อย เขาเลยซื้อรถบรรทุกมาคันหนึ่ง ปรากฏว่าพอซื้อมาก็มีแต่คนจ้างไปขนอ้อย มีกำไรจนสามารถผ่อนรถหมดภายในปีเดียว ปีต่อมาเลยออกรถอีกคัน แต่โชคร้ายปีนั้นผลผลิตอ้อยราคาตก อ้อยเขาเองก็ขายไม่ได้ ค่ารถก็ต้องส่ง ผลที่สุดเลยโดนยึดรถไป
ปีต่อมาเขาเล็งเห็นว่าทุกไร่ต้องจ้างรถมาขุด เขาเลยออกรถขุดอีกคัน แต่ไม่ค่อยมีใครจ้าง ก็ขาดทุนอีก ถามว่าเขาผิดตรงไหน? ตอบได้ว่าเขาผิดพลาดตรงที่ไม่เผื่อทางถอย
คนส่วนใหญ่เวลาลงทุนมักคิดถึงแต่กำไร ไม่นึกถึงว่าถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันไม่ได้กำไรตามนั้นแล้วจะทำอย่างไร จึงเป็นปัญหาอย่างมาก ฉะนั้น จะลงทุนอะไรต้องเผื่อทางถอยไว้เสมอ ต้องคิดว่าเงินส่วนที่นำไปลงทุนนั้นถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันต้องสูญเปล่าไป ก็จะต้องไม่กระทบกระเทือนธุรกิจอื่นที่มี หรือส่งผลต่อความเป็นอยู่ของเราเอง (รู้สึกท่านเคยพูดว่าต้องเอาอย่างซุนวูที่วางแผนจะรุกคืบหนึ่งต้องเตรียมทางถอยไว้เป็นวา)
คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์